...แว๊... แงงง......... ฮืออออ.....“โธ่โว้ย !!! หนวกหู ! มึงช่วยทำให้ไอเด็กบ้านั่นมันเงียบปากซักทีได้มั้ย... ก่อนที่กูจะหมดความอดทน... แล้วตัดแขนตัดขาส่งใส่กล่องไปให้ปู่ของมันดู...”
ชายไว้หนวดไว้เคราเฟิ้มเปิดประตูไม้เข้ามาแล้วตะโกนลั่น... คุณหญิงดานกานต์ตากระตุกทันทีที่คนพูดพูดพลางส่ายปืนไปมาโดยหันลำกล้องมาที่หล่อน... คุณหญิงลุกยืนฉับจากโซฟาตัวเก่าที่เป็นเฟอร์นิเจอร์เพียงหนึ่งเดียวในห้องมืดๆทึมๆแห่งนี้...
“ถ้าแกกล้าก็ลองดูสิ... ฉันก็เห็นพวกแกเอาแต่เห่า... ไม่เห็นเคยกัดเป็นซักที...เฮอะ...” คุณหญิงพูดพลางเท้าสะเอวชี้หน้าใส่ย่างไม่กลัวเกรง...
น้ำฟ้าเงยมองมวยไม่สมคู่ตรงหน้าแล้วก็เร่งปลอบหนูลิน... คุณหญิงกับผู้ชายคนนี้เถียงกันมาตลอดทางจนกระทั่งพวกเขาถูกพาตัวมาถึงที่แห่งนี้... มันเป็นห้องทึมๆอับๆ หน้าต่างบานเดียวที่มีถูกไม้กระดานตอกตะปูปิดตาย... สิ่งที่พอจะใช้พักพิงได้เพียงอย่างเดียวคือโซฟาเก่าๆที่มีแต่ฝุ่นเกาะเต็ม... โชคดีที่หนูลินแข็งแรงพอจะไม่มีอาการของโรคหอบหืดหรือภูมิแพ้ให้เห็น... มีแค่เพียงร้องงอแงเพราะไม่สบายตัวและหิวนมแค่นั้น...
ชายไว้เคราคนนั้นถูกผู้ชายท่าทางน่ากลัวอีกคนมากระซิบอะไรบางอย่างและพาตัวออกไปแล้ว... คุณหญิงดารกานต์มีท่าทางฟึดฟัดขัดใจ ก่อนจะเอามือกอดอกแล้วกระแทกตัวนั่งลงบนโซฟา... ก่อให้เกิดไรฝุ่นคลุ้งออกมา จนหนูลินจาม ...อั๊ด...จิ้ว !!...
“อุ๊ย... ขอโทษที ฉันลืมตัวไปหน่อย...” คุณหญิงดารกานต์รีบกระเถิบเข้าหาน้ำฟ้าทันทีที่ได้ยินเด็กจาม คุณหญิงค่อยๆเอื้อมมือไปทำท่าจะแตะศีรษะเด็กน้อย... แต่พอน้ำฟ้าเห็นปฏิกริยาอัตโนมัติก็สั่งให้ตัวเอี้ยวหลบมือคุณหญิงเสียอย่างนั้น...
“เอ่อ...ขอโทษครับ...” น้ำฟ้าพูดเสียงเบา เมื่อเห็นท่าทางขัดใจของคุณนายเมื่อไม่ได้แตะหลานอย่างที่อยากทำ...
น้ำฟ้าลังเลเล็กน้อยว่าควรจะให้คุณนายได้แตะดีมั้ย... แต่ดูจากท่าทางแล้ว คุณนายคงจะไม่ได้อยากแย่งหนูลินไปจากเขาตอนนี้หรอก อีกอย่างถึงเอาไปได้...แต่เราสามคนก็ท่าทางจะออกไปจากที่แห่งนี้ไม่ได้เช่นเดียวกัน...
...งั้น ให้แตะนิดนึงก็ได้...
คิดได้ดังนั้นแล้วน้ำฟ้าก็ยอมเอี้ยวตัวหันเข้าหาคุณหญิง... อุ้มหนูลินให้นอนลงบนต้นขาโดยมีมือข้างหนึ่งประคองช่วงหัวไว้...มืออีกข้างก็ยกตบก้นเบาๆ... คุณหญิงหรี่ตามองเด็กหนุ่มตรงหน้าเล็กน้อย... ก่อนจะค่อยๆยกมือมาแตะๆแล้วลูบหัวเล็กเบาๆ...
“ตอนตารวียังเด็ก ศีรษะแกก็เท่าฝ่ามือฉันขนาดนี้เหมือนกัน... แต่ตอนนั้นตารวีขี้ร้องกว่าตาหนูนี่เยอะเลย...” คุณหญิงกล่าวเบาๆ... หนูลินตัวน้อยนอนสะอึกสะอื้นหน้าแดงพยายามจะพลิกตัวเข้าหาน้ำฟ้าแต่ก็ยังทำไม่ได้ดั่งใจ...
“หนูลินแกคงจะหิวนมแล้วครับแล้วก็คงจะอึดอัดเนื้อตัวด้วย... ตั้งแต่เช้ายังไม่ได้เปลี่ยนแพมเพิร์สให้แกเลย...” น้ำฟ้าบอก... มองคุณย่าของเจ้าตัวน้อยที่ค่อยๆเอามือลูบหัวเล็กไปมาไม่หยุด... น้ำฟ้าก็นึกเห็นใจขึ้นมา...
ดูๆไปแล้วผู้หญิงคนนี้ก็น่าสงสาร... คงจะรักและเอ็นดูหนูลินมาก... ถ้าไม่มีเรื่องของพี่สาวเขา... ถ้าเพียงเขาจะเข้ามาหากันดีๆตั้งแต่ทีแรก... บางที...น้ำฟ้าคงจะใจอ่อน...ยอมให้ผู้หญิงตรงหน้าได้มีศักดิ์และสิทธิ์ตามสมควรในการเป็น ‘คุณย่า’ ของหนูลิน...
“จริงสิ...” พร้อมกับที่อุทานออกมา เด็กหนุ่มก็ค่อยๆประคองหนูลินลงนอนบนหน้าขา... เสื้อคนไข้ของโรงพยาบาลถอดได้ไม่อยาก... เด็กหนุ่มจึงรีบลงมือแก้ปมเชือกที่รัดอยู่ด้านหน้าตัวเสื้อออกทันที...
“เดี๋ยว...! หยุดนะ... นี่เธอจะทำอะไร...! อย่า...”
“ผมแค่จะเอาเสื้อมาทำเป็นผ้าอ้อมให้ลูก... ไม่อย่างนั้นหนูลินก็จะไม่สบายตัว...แล้วก็จะร้องอยู่อย่างนี้... ห้องนี้ก็อ้าวมาก... ชุดที่ลูกชายคุณ... เอ่อ...เขาเลือกให้หนูลินก็รัดไปทั้งตัว... หนูลินคงไม่ค่อยชอบเท่าไหร่...” น้ำฟ้าบอก... ผู้หญิงที่นั่งอยู่ด้านข้างพยักหน้าเข้าใจเล็กๆ...
น้ำฟ้าถอดเสื้อตัวเองเสร็จก็พับครึ่งแล้วเอาพาดบ่า... จากนั้นก็ลงมือแก้ชุดของเจ้าตัวน้อยด้วย... เด็กหนุ่มทำทุกอย่างด้วยความคล่องแคล่วและเบามือ... ขนาดหนูลินยังร้องไห้โยเยดิ้นถีบหนีมือพัลวัน แต่น้ำฟ้าก็ใจเย็นพูดกล่อมลูกเบาๆ ถอดชุดให้เจ้าตัวเล็กเสร็จน้ำฟ้าก็พับชุดเอาตรงที่ไม่เปื้อนมาเช็ดก้นให้... โชคดีที่เจ้าหนูถ่ายเบาอย่างเดียว... เลยไม่ต้องกังวลเรื่องกลิ่นที่จะต้องอบอวลในห้อง... เมื่อเสร็จน้ำฟ้าก็เอาเสื้อตัวเองมาประยุกต์เข้าทำเป็นผ้าอ้อม... พับเก็บแขนเสื้อ พับทบชายแล้วลงมือห่อตัวหนูลินให้เหมือนอยู่ในรังไหมได้อย่างรวดเร็วและเรียบร้อย... โดยเด็กหนุ่มไม่ทำให้แน่นเกินไปนัก... เจ้าหนูลินเลยยังพอดิ้นถีบมือถีบเท้าได้อยู่...
“ดูคล่องดีจังเลยนะ...” ไม่รู้ว่าน้ำฟ้าฟังผิดมาว่าน้ำเสียงมันออกแนวประชดประชันเล็กๆรึเปล่า... แต่เด็กหนุ่มก็เพียงหันไปมองแล้วยิ้มเล็กๆให้...
คุณหญิงนั่งมองผู้ชายที่พอถอดเสื้อแล้วเป็นครั้งแรกที่หล่อนตกใจ... ร่างกายของเด็กน้ำฟ้าผอมมาก... แอบเห็นรอยซี่โครง ไหปลาร้า แล้วก็กระดูกข้อต่อเลยทีเดียว... ผอมมาก... จำได้ว่าช่วงนั้นที่หล่อนต้องเลี้ยงลูกมันก็ผอมลงเหมือนกัน... แต่ก็ไม่ผอมขนาดนี้ทั้งๆที่ขนาดตัวหล่อนกับเด็กหนุ่มตรงหน้าก็พอๆกัน...
การเลี้ยงเด็กไม่ใช่เรื่องง่าย... แถมเด็กนี่ยังต้องทำงานไปด้วยเลี้ยงลูกไปด้วย... จะกินข้าวอิ่มรึเปล่าก็ไม่รู้...
...เอ๊ะ... คิดอะไรกันดารกานต์ จะไปเป็นห่วงมันทำไม...!
“อ่ะ... เอาห่มไว้เสียก่อน... ไม่สบายอยู่ไม่ใช่เหรอ...” คุณหญิงยื่นผ้าที่หล่อนเอามาคลุมตัวไว้ให้น้ำฟ้า... โชคดีที่เนื้อผ้าหนาพอที่จะช่วยป้องกันอากาศหนาวภายนอกได้...
แต่ทว่าน้ำฟ้ากลับส่ายหน้าแล้วบอกพร้อมรอยยิ้มบางๆว่า “...ขอบคุณครับ... แต่ผมไม่รบกวนดีกว่า... ผมไม่เป็นไรครับ...” เด็กหนุ่มตอบ
แต่พอคุณหญิงได้ยินกลับส่งเสียงไม่ค่อยพอใจในลำคอแล้วเอ่ยว่า... “...อ๋อ นี่คงจะรังเกียจผ้าฉันใช่มั้ย... ใช่สิ ! แม้แต่หลายเธอยังไม่ยอมให้ฉันอุ้ม... นี่ฉันก็แค่หวังดี กลัวว่าจะหนาวเพราะยังไม่สบายอยู่... เออ ! พออยากจะทำดีด้วยก็ไม่ได้เลยนะยะ...”
“เอ่อ... ขอ...ขอบคุณครับ” น้ำฟ้ารีบตอบรับพร้อมกับหยิบผืนผ้าที่คุณหญิงดารกานต์ยังยื่นค้างไว้มาพยายามคลี่ด้วยมือเดียว... แล้วเอาห่มตัว แต่มันก็ดูเหมือนจะไม่ค่อยดีเท่าไหร่เพราะมันเริ่มพันยุ่งเหยิงเข้ากับคอน้ำฟ้าเสียอย่างนั้น...
คุณหญิงดารกานต์นั่งมองแล้วสองจิตสองใจ... แต่สุดท้ายก็ยอมเอื้อมมือเข้าไปช่วยจัดผ้าของตัวเองให้ห่มตัวเด็กหนุ่มดีๆ... แต่ปากก็มิวายบ่นไปเรื่อย...
“...นี่หัดกินข้าวให้มันเยอะๆบ้างนะยะ... ฉันนี่ยังดูอ้วนกว่าเธอเลย... แรงก็ไม่มีแบบนี้แล้วเธอจะเลี้ยงหลานฉันให้ดีได้ยังไง... อุ้มไปอุ้มมาทำหนูลินหล่นพื้นไปนะฉันเอาเธอตายแน่...จำไว้นะ...” ดารกานต์บ่นไปเรื่อย...แต่มือก็ช่วยขยับผ้าให้ห่อคลุมร่างกายเด็กหนุ่มจนมิด...
“...ผมไม่ทำหนูลินหล่นหรอกครับ... ผมจะดูแลแกให้ดี... ผมจะรักแกให้มาก... ...มากเท่าที่คุณรักคุณรวี... ...ลูกชายของคุณ... ...พ่อของหนูลิน...” น้ำฟ้าพูดเสียงเบา... เขาไม่หันไปมองหน้าหญิงสาวที่นั่งอยู่ด้านข้าง... แต่ก็พอเดาออกว่าเธอคงจะอึ้งไปกับคำพูดของเขา... เพราะไม่ได้ยินเสียงคุณหญิงดารกานต์ตอบอะไรกลับมาเลย...
“...เธอจะมารู้อะไรว่าฉันรักลูกชายของฉันมากแค่ไหน... เด็กอย่างเธอน่ะ...!”
“...ผมบอกไม่ได้หรอกครับว่าคุณรักลูกชายคุณมากแค่ไหน... ...เพราะผมก็บอกไม่ได้เหมือนกันว่าผมรัก...และห่วงใยหนูลินมากแค่ไหน... มันเป็นรักที่บรรยายไม่ได้...เป็นรักที่ไม่สามารถอธิบายปริมาณได้... เป็นรักที่ไม่มีเงื่อนไข ไม่มีข้อแม้...” น้ำฟ้าพูดช้าๆ... เขายังคงไม่หันไปมองว่าผู้ฟังที่นั่งข้างๆมีสีหน้าเป็นอย่างไร...
เด็กหนุ่มเพียงก้มลงมองแก้วตาดวงใจบนตัก... คิดอยู่ในใจตลอดเวลาว่า...ใครจะยอมปล่อยให้หัวใจตัวเองถูกทำร้ายกันล่ะ... เขาไม่บ้าทำแบบนั้นหรอก... เพราะถ้าหัวใจของเขาถูกทำร้ายจริง...แบบนั้นแล้วเขาจะอยู่ได้ยังไง... คงต้องตายลูกเดียว...
“...รักของคุณที่มีให้คุณรวี...เป็นแบบนี้ใช่มั้ยครับ” น้ำฟ้าเอ่ยถามผ่านๆ...ไม่ได้หวังคำตอบ...
“...” อีกฝ่ายไม่ได้พูดอะไรตอบกลับมา... น้ำฟ้าเลยเอ่ยต่อเสียงเย็น...
“...ถึงผมจะเป็นผู้ชาย ไม่ละเอียดอ่อนเหมือนผู้หญิง... ไม่ได้เป็นคนที่คลอดหนูลิน... ไม่รู้ว่าความรักของแม่ที่มีต่อลูกในไส้แท้ๆของตัวเองเป็นยังไง... แต่ผมกับพี่ฝนเป็นฝาแฝดกัน... ช่วงเวลาที่พี่ฝนท้องเจ้าตัวเล็กนี่... พี่เขาแพ้ท้องหนักแค่ไหน... พี่เขาเจ็บปวดยังไง... ผมว่าผมรับรู้ได้นะ... ขนาดวันที่หนูลินคลอด พี่ฝนเจ็บท้องมาก... พอผมพาพี่สาวเข้าห้องผ่าตัดคลอดได้แล้วผมยังรู้สึกปวดท้องแทนพี่จนเป็นลมเลย... ฮ่ะๆ...สงสัยจะอุปทานไปเองว่าตัวเองกำลังจะคลอดด้วยเหมือนกันมั้ง...” น้ำฟ้าพูดสีหน้าเปื้อนยิ้มน้อยๆ เมื่อคิดถึงวันแรกที่เขาได้เจ้าตัวน้อยมาดิ้นดุกดิกอยู่บนตักแบบนี้...
“...” ดารกานต์พูดอะไรไม่ออก... หล่อนเคยเป็นพยาบาลมาก่อน... รู้ดีว่าความรู้สึกของฝาแฝดมันส่งถึงกันได้มากแค่ไหน... หล่อนเองก็ยังเคยเห็นเคสเด็กอ่อนที่เป็นแฝดกัน... พอถูกจับแยกออกห่างก็ร้องไห้จ้าจะเป็นจะตาย... แต่พอหล่อนแอบจับมานอนด้วยกันในเปลเด็กเพราะสงสาร... เจ้าหนูสองคนก็นอนกอดกันกลมหลับสบาย ไม่มีทีท่าว่าจะตื่นขึ้นมาร้องไห้โยเยเหมือนก่อนหน้านี้เลยซักนิด...
...ถึงตอนนี้หล่อนยอมรับว่าตัวเองทำผิด...ที่ไปผลักไสไล่ส่งแม่แท้ๆของหนูน้อยไวโอลิน... จนหลานของหล่อนต้องโดนพรากไปทั้งพ่อทั้งแม่... เหลือก็แต่เพียงน้าชายของหลานที่คอยเฝ้าเลี้ยงดูมาอยู่คนเดียว... หล่อนรู้ว่าเด็กผู้ชายคนนี้ไม่มีพ่อแม่ที่จะคอยให้ความรู้ในการเลี้ยงเด็กอ่อนเลย... และนั่นก็เป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้หล่อนกลัวว่าหลานของเธอจะไม่ได้รับความรักหรือการดูแลเอาใจใส่เท่าที่ควร...
...อดีตหล่อนย้อนกลับไปแก้ไขอะไรไม่ได้... แต่ถ้าหล่อนอยากจะแก้ไขมันในตอนนี้... ...จะยังได้มั้ยนะ... จะยังทันอยู่รึเปล่า...
“ถ้าหากวันนั้น... ฉันไม่บอกให้ตะวันไปพาตัวหนูลินมาจากเธอ... แต่ฉันไปพบกับเธอด้วยตัวเอง... ไปคุยกับเธอดีๆ... เธอจะยอมยกหนูลินให้ฉันมั้ย...” ดารกานต์ถาม... หล่อนมองน้ำฟ้าที่อุ้มเด็กตัวน้อยเข้าบ่า... รอยหยดเลือดที่มือเริ่มซึมเพราะแขนข้างนั้นต้องออกแรงอุ้มเด็ก โดยที่แผลยังไม่ทันหายสนิท...
“...ขอโทษครับ... แต่ผมก็คงไม่ยกให้อยู่ดี... ขอโทษที่คำตอบของผมมันอาจจะดูแรงแล้วก็ใจร้ายไปหน่อย... แต่ว่า...”
“พอเถอะฉันเข้าใจ... ฉันทำร้ายเธอ...กับพี่สาวเธอเอาไว้มาก... ก็ไม่แปลกที่เธอจะโกรธจะเกลียดฉันหรอก... แค่เธอยอมให้ฉันได้แตะหลานแบบนี้... ฉันก็ต้องถือว่าเธอใจดีกับฉันมากแล้ว...”
“เอ่อ...! ผม...ไม่ได้เกลียดคุณหญิงนะครับ... แต่ถ้าโกรธ...ก็ยอมรับว่าอาจจะเคยมี... แต่ตอนนี้ผมไม่ได้โกรธคุณหญิงแล้วนะครับ... คุณหญิงอุตส่าห์ช่วยผมกับลูก... แถมยัง...ให้ผ้าคลุมกับผมด้วย... แต่ที่ผมไม่ยกหนูลินให้คุณหญิง... ก็เป็นเพราะว่า... เอ่อ...เพราะหนูลินเป็นลูกชายของผม... แล้วผมก็เลย...หวงแกมากนี่ครับ... ไม่มีพ่อแม่คนไหน...จะยอมยกลูกให้คนอื่นง่ายๆหรอก...”
“...เธอนี่... เห็นหงิมๆแบบนี้แต่ก็พูดตรงดีนะ... โกรธก็บอกฉันตรงๆว่าโกรธ... เอาล่ะงั้นฉันก็จะพูดกับเธอตรงๆเหมือนกัน... วันนั้นที่ฉันไปหาเธอที่บ้าน... แล้วเอาปืนไปขู่เธอน่ะ... ฉันไม่ได้ตั้งใจจะไปฆ่าเธอหรอกนะ ปืนนั่นน่ะ...มันไม่มีลูกกระสุนอยู่ตั้งแต่แรกแล้ว... ฉันแค่จงใจจะเอาไปขู่ให้เธอกลัว เผื่อเธอจะยอมยกหนูลินให้ฉันแต่โดยดี...” คุณหญิงดารกานต์พูดเหมือนมันเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไป...
หล่อนนั่งยกขาไขว่ห้างเพื่อความสบาย... มือข้างหนึ่งยังคงลูบศีรษะหนูลินที่ซบไหล่น้าชายครางอืออาไปเรื่อย... ส่วนสายตาหล่อนก็จ้องตอบกลับดวงตากลมโตที่เบิกกว้างเหมือนไม่อยากจะเชื่อเรื่องที่หล่อนบอกไปเมื่อครู่ คุณหญิงดารกานต์หัวเราะเบาๆแล้วเอ่ยถาม...
“มีอะไรอยากจะพูดก็ว่าไปสิ... จ้องฉันอยู่อย่างนั้นฉันก็ตรัสรู้ไม่ได้หรอกนะว่าเธอกำลังส่งกระแสจิตคุยอะไรกับฉัน...”
“คือ...ผมแค่...แค่สงสัยว่า แท้จริงแล้วคุณหญิง... เป็นคนยังไงกันแน่... คุณเป็นคนใจร้าย...หรือว่า...”
“ฉันเป็นคนใจร้อน... และใจร้ายมากด้วยฉันยอมรับ... อะไรที่ฉันไม่ชอบ...ฉันจะกำจัดมันให้สิ้นซาก... แต่ถ้าลงว่าฉันชอบอะไรแล้วล่ะก็... ฉันก็จะทุ่มให้ไม่อั้นเหมือนกัน...” คุณหญิงวิจารณ์ตัวเองอย่างตรงไปตรงมา... ท่าทางเย่อหยิ่งถือตัวที่มาพร้อมคำพูดน้ำฟ้าก็ดูว่าสมตัวอยู่ สำหรับคนที่มีฐานะอย่างคุณหญิงดารกานต์คนนี้...
แต่จู่ๆไหล่ที่ผึ่งผายของผู้หญิงที่นั่งข้างๆเขาก็กลับห่อลง... อีกทั้งใบหน้าและนัยน์ตาวาวโรจน์มีชีวิตชีวาที่น้ำฟ้าเคยเห็นก็กลับหม่นหมองลงอย่างเห็นได้ชัด... คุณหญิงดารกานต์ถอนใจยาวหนักหน่วงแล้วเงยหน้ามองเขาด้วยสายตาเจ็บปวดก่อนพูด
“...แต่เธอรู้อะไรมั้ย ฉันไม่เคยคิดเลยว่า... ฉันจะเป็นคนใจร้ายได้ถึงขนาดที่ฆ่าคนได้ตั้งหนึ่งคน... รู้มั้ยใคร...”
“...” น้ำฟ้านิ่งเงียบ ยอมรับว่าหัวใจแอบกระตุกไปทันทีที่ได้ยินคุณหญิงสารภาพออกมาเองว่า... ตัวเองเคยฆ่าคนตาย...
“...ฉันฆ่ารวี... ฉันฆ่าลูกชายของตัวเอง... คุณศิลาประนามฉันตลอดเวลาตั้งแต่รวีตาย... ว่าฉันฆ่าเขา... ฉันเป็นต้นเหตุที่ทำให้ลูกชายตัวเองต้องตาย...” คุณหญิงพูดออกมาด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด... มันสื่อออกมาทางแววตาให้น้ำฟ้ารับรู้ได้ว่า...จริงๆแล้วผู้หญิงตรงหน้าเขาเจ็บปวดกับเรื่องนี้มากแค่ไหน...
“...แต่ฉันจะไม่ยอมรับหรอก...ว่าฉันผิด... ไม่ใช่ว่าฉันไม่เข้าใจว่าฉันเป็นต้นเหตุได้ยังไงหรอกนะ... ฉันรู้ดีว่าการไล่ให้พี่สาวเธอออกจากบ้านไป...มันเป็นเหตุให้ลูกชายฉันต้องออกไปตาย... แต่ว่าที่ฉันทำลงไปฉันก็มีเหตุผลนะ... ฉันก็แค่อยากให้รวีได้แต่งงานกับผู้หญิงดีๆ ได้อยู่กับคนที่คู่ควรกับแก... รวีจะได้มีคู่คิด คู่ชีวิตที่เหมาะสม และสามารถช่วยกันพาธุรกิจของพวกเขาไปได้ตลอดรอดฝั่งในวันที่ไม่มีฉันกับคุณศิลา ...แล้วที่ฉันทำมันผิดมากนักเหรอ...น้ำฟ้า...ช่วยตอบฉันหน่อยสิ... ฉันผิดมากเลยงั้นเหรอ...” สายตาแน่วแน่ที่จ้องมองมาทางน้ำฟ้าทำให้เด็กหนุ่มต้องก้มหลบสายตา... เขาไม่กล้าสบสายตาแรงกล้าของคุณหญิงดารกานต์ที่จ้องมองกดดันเพื่อเอาคำตอบ...
สิ่งที่คุณหญิงทำ...มันผิดเขารู้ดีอยู่แก่ใจ... เพราะการทำเช่นนั้นมันทำให้หนูลินไม่ได้เห็นหน้าพ่อ ไม่ได้มีครอบครัวที่สมบูรณ์เหมือนครอบครัวเด็กคนอื่นเขา... และนี่คือสิ่งที่เขานึกโกรธคุณหญิงดารกานต์มาโดยตลอด...
...เขาสงสารหนูลิน... หนูลินน่าสงสารที่สุด... ไม่รู้อิโหน่อิเหน่อะไรเลย... ...บริสุทธิ์ขาวสะอาดราวผ้าขาว... แต่ต้องมาเปื้อนสีรับกรรมที่ผู้ใหญ่ก่อเอาไว้...
...กรรม... การกระทำ... ที่เกิดมาจาก...
...ความรัก... “...ผมเข้าใจคุณครับ... ผมเข้าใจ...” น้ำฟ้าเอ่ยเสียงเบา...ไม่บอกตรงๆว่าสิ่งที่คุณหญิงทำลงไปในอดีตนั้นมันผิดหรือถูก เพราะถึงเขาตัดสินให้ไปก็ไม่มีประโยชน์อะไรขึ้นมา
...อดีต...แก้ไขไม่ได้... แต่อดีต...คือพื้นฐานของอนาคตเสมอ... เราเอาอดีตมาสอนใจได้ แต่ห้ามยึดติดกับมัน... มันผ่านไปแล้วก็ให้มันผ่านไป... อะไรที่มันเลวร้ายก็ปล่อยให้มันเลือนหายไปกับการเวลา เลือกเก็บแต่อดีตที่ดีๆเอาไว้เป็นความทรงจำ... เลือกเอามันมาสอนใจและเป็นบทเรียนในเวลาที่เราต้องการ เพื่อให้เราได้ใช้ชีวิตในวันใหม่ให้มันมีค่าและคุ้มที่สุด... เพราะเราไม่มีทางรู้เลย...ว่ามันจะมีพรุ่งนี้ให้เราไปอีกกี่ครั้งกัน...
เด็กหนุ่มยกประคองหนูลินมาจูบหน้าผาก... เด็กน้อยมีอาการอึดอัดงอแงเพราะไม่สบายตัว... เขายิ้มน้อยๆให้เจ้าตัวเล็ก
“
คนเป็นแม่... มีใครไม่รักลูกตัวเองบ้างล่ะครับ...” น้ำฟ้าเอ่ยเสียงหนักแน่น... ไม่รู้ตัวเลยจริงๆว่าตัวเองทอดสายตามองเด็กตัวน้อยที่ตัวเองกอดอยู่แน่นด้วยความรักขนาดที่เผื่อแผ่มาให้คนข้างๆรับรู้ได้เลยทีเดียว... “
คุณทำเพราะคุณรักคุณรวีมาก... อยากให้ลูกได้สิ่งที่ดีที่สุด... ผมเข้าใจดีครับ...”
“...” นาทีนี้เหมือนสลักในความผิดบาปของตัวเองถูกปลดล็อกออก... ที่ผ่านมามีคนพูดปลอบโยนเธอเป็นหมื่นเป็นแสนคำ... แต่มันก็ไม่เคยทำให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้เลย... คำพูดตอกย้ำของคุณศิลายังจะดีเสียกว่าอีก... เพราะมันทำให้เธอได้สำนึกอยู่ตลอดว่าตัวเองลงมือทำอะไรลงไปบ้าง...
แต่แล้วตอนนี้หล่อนก็ได้รู้...ว่าจริงๆแล้วคำพูดที่หล่อนต้องการมาปลอบประโลมจิตใจจากการสูญเสียบุคคลอันเป็นที่รักยิ่งที่สุด...มันคืออะไร...
มันคือคำพูดว่า ‘เข้าใจ’... ง่ายๆแค่นี้เองที่หล่อนต้องการ... เธอต้องการแค่ใครซักคนที่จะมาเข้าใจหัวอกของความเป็น ‘แม่’ บ้างก็เท่านั้นเอง...
ดารกานต์จ้องมองเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความคิดที่เริ่มเข้าที่เข้าทาง... หล่อนพิจารณาน้ำฟ้าในแง่ใหม่... ลดอคติและมองที่ความเป็นจริง... เด็กที่อายุเพิ่งเข้าเลขสองหมาดๆ...เพิ่งเรียนจบ ทำงานหาเงินเลี้ยงตัวเองและหลานเพียงลำพัง... เด็ก...ที่รับภาระหน้าที่ของผู้ใหญ่เอาไว้เต็มสองบ่าเล็กๆนั่น... เด็กผู้ชาย...ที่ยอมเรียกตัวเองว่าแม่... ทำหน้าที่อันยิ่งใหญ่อย่างการเป็นแม่คนให้กับหลานของเธอ
...เด็กที่สมควรจะถูกเรียกว่า ‘แม่’ จริงๆ...ยิ่งกว่าเธอเสียอีก...
“เธอนี่... น่าจะมาเกิดเป็นผู้หญิงนะ...” ...แล้วก็มาเกิดเป็นลูกของฉันอีกคน... คุณหญิงดารกานต์แอบต่อท้ายในใจ...
น่าแปลก...ที่ตอนนี้ความโกรธ ความเกลียดน้าชายของหลานตรงหน้ามันจางหายไปหมด... เป็นไปได้ยังไงก็ไม่รู้เหมือนกัน... รู้แต่เพียงว่าตอนนี้ หล่อนยอมแพ้หัวใจรักหนูลินในตัวเด็กคนนี้จริงๆ...
“...ถ้าเราออกไปจากที่นี่ได้... ฉันจะไปขออโหสิกรรมจากพี่สาวเธอ...” คุณหญิงดารกานต์เอ่ยบอกน้ำเสียงแน่วแน่...
------------------------------------------------- ----- - - --- -- - - -
to be continue...
...เงิบ... ลากวิญญาณที่ละแล้วซึ่งสังขารอุ้มหนูลินมาปล่อยลงเล้า...
...ช่วงนี้อากาศหนาวมาก... ...ช่วงนี้สอบเยอะมาก...
...แต่ยังเลี้ยงหนูลินต่อนะ T^T ทิ้งไม่ได้หรอก น่ารักขนาดนี้...เน้อ แล้วเจอกันตอนใหม่จ่ะ... <3