สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 323947 ครั้ง)

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #60 เมื่อ03-02-2011 18:57:31 »

ใครกันล่ะเนี่ย   มือที่สามใช่ก่

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #61 เมื่อ03-02-2011 19:21:26 »

 o22 ใครหว่า

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #62 เมื่อ03-02-2011 19:36:47 »

หนุกๆๆ รีบมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #63 เมื่อ03-02-2011 20:28:19 »

มีตัวละครลับโผล่มาแล้ว ^^
บวกให้ค่า อยากอ่านต่ออีกๆๆๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #64 เมื่อ03-02-2011 21:29:16 »

เข้ามามอบดอกใม้เป็นกำลังใจให้พร้อม+1 :L2:

clubza

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #65 เมื่อ03-02-2011 21:37:46 »

สนุกมากครับ เหมือนดูหนังวันเสาร์-อาทิตย์
เป็นหนังจักรๆวงศ์ๆ แต่นี่เป็นเวอร์ชั่น ชายรักชาย :laugh: o13
เอาไป+1นะครับ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #66 เมื่อ04-02-2011 00:33:14 »

ดีใจจังมีเรื่องน่าอ่าน ภาษาสวยๆ มาเติมความสุขให้อีกแล้ว

ปล.แอบสงสัย ครั้งนี้เป็นการลอกคราบครั้งแรกหรือคะ


ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #67 เมื่อ04-02-2011 00:52:19 »

แอบอ่านมานานไม่ได้ขอบคุณเลยย ขอบคุณมาก

ขยันจังเลยลงวันละตอนเลยยย

แต่อยากขอเป็นวันละสองตอนได้ไหม  :laugh:

ขอบคุณมาก นิยายสนุกๆๆจริงๆๆ ลงวัีนละกี่ตอนก็ได้นะ

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #68 เมื่อ04-02-2011 00:53:42 »

ชอบตอนลอกคราบมาก  :-[ :-[ :-[
รักษ์ดูแลดีจริง ๆ  :กอด1: :กอด1:  รอตอนต่อไปค่ะ

YO DEA

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #69 เมื่อ04-02-2011 01:31:16 »

 :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
« ตอบ #69 เมื่อ: 04-02-2011 01:31:16 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mumoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #70 เมื่อ04-02-2011 02:58:08 »

สนุกอะ ขอเข้ามาตามอ่านด้วยคนนะคะ^^
แต่เรื่องนี้ทำให้นึกถึงละครเรื่อง "กาษานาคา" จริงๆเลยน้า ที่คุณนุ่น วรนุชเล่นเป็นนาคสาวเนี่ย แถมนิสัยยังเจ้าคิดเจ้าแค้น ดื้อรั้น หยิ่งผยอง คล้ายคุณยาของเราเลย แต่ครุฑในเรื่องนั้น(รับบทโดยแตงโม ภัทรธิดา)ก็แรงพอกัน ไม่เหมือนคุณครุฑเรื่องนี้ที่น่าร๊ากน่าหลงซะจนเราแอบเคลิ้ม>///<
ว่าแล้วก็ขอยื่นใบสมัครเป็นแฟนคลับพี่ครุฑสุดเท่ห์ ณ บัดนาว ~!!! หุหุ
จะรออ่านตอนต่อไปนะคะ รอลุ้นอยู่ว่าไอ้สายตาบางคู่จากซอกตึกนั้นมันครายยยยยยย??????????

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #71 เมื่อ04-02-2011 03:07:12 »

อยากอ่านแนวนี้มานานแล้วววววววววววววววววววววววววว ขอบคุณไรเตอร์มากๆ นะคะที่ทำให้ฝันเป็นจริง หุหุ  o13 o13 o13

เนื้อเรื่องสนุกมากเลยค่ะ วิธีเล่าเรื่องที่อิงวรรณคดีก็สนุกน่าติดตาม แถมทั้งนาคทั้งครุฑเวอร์ชั่นนี้ ยังน่ารักน่าหยิกสุดๆ ทั้งคู่เลย จะติดตามตอนต่อไปนะคะ   :impress2: :impress2: :impress2:

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 3 (3/02/11)
«ตอบ #72 เมื่อ04-02-2011 07:42:31 »

อ่านลื่นค่อด
ชอบลุงที่ให้ขนนก ดูแล้วไม่ใช่อธิฐานแค่ในใจ ท่าทางเค้าจะรู้ จะลุ้นกันทั่ว
จะครุฑยุดนาค รึนาครัดครุฑน้อ---ตามๆๆๆ

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #73 เมื่อ04-02-2011 12:21:06 »

สัตยาไม่ได้ตอบจดหมายในที่ทำงานดังว่า แต่กลับเปิดอ่านผ่านๆเพื่อนำฉบับที่จะตอบกลับมาจัดการที่บ้าน ตอนอยู่ในที่ทำงาน บางครั้งจะมีลูกค้าและคู่ค้าโทรติดต่อ หรือไม่ก็มีประชุมด่วนทำให้เขาไม่ค่อยมีสมาธิมากนัก เป็นการดีกว่าหากจะนำมาตอบเมื่ออยู่เพียงลำพังในที่เงียบๆ เพื่อจะได้ไม่เผลอใช้ถ้อยคำที่อาจจะทำให้ถูกมองในแง่ลบ อีกทั้งยังสามารถทบทวนได้ว่าใช้คำพูดที่อาจตีความผิดความหมายไปหรือไม่

ความรอบคอบและรู้จักเรียนรู้ของสัตยาทำให้พงษ์ศักดิ์คลายกังวลลงไปได้มาก เขาเฝ้ามองดูอยู่ห่างๆและเข้าไปให้คำแนะนำน้อยลง แม้แต่กิ่งแก้วเองก็ชื่นชมว่าสัตยานั้นเติบโตขึ้นทุกวัน อีกหน่อยคุณท่านคงจะหมดกังวลและได้วางมืออย่างเต็มตัวเสียที

ตอนนี้โปรเจคของสัตยาเริ่มเป็นรูปเป็นร่าง มีคนส่งใบสมัครเพื่อรับสิทธิ ส่งผลงานเข้าประกวดมากมายจนใบสมัครไม่พอต้องเปิดให้โหลดทางอินเทอร์เน็ต ส่วนทางดีไซเนอร์ของบริษัทก็เริ่มจับทางได้ ผลงานบางส่วนจึงออกมาเป็นที่น่าพอใจ เมื่อเป็นเช่นนั้น ความเครียดของสัตยาก็ลดลง เขาจึงเพิ่งนึกได้ถึงสัญญาที่จะไปเยี่ยมพ่อกับแม่หลังพ้นช่วงวุ่นวาย

สัตยากดโทรศัพท์โทรไปที่บ้านพ่อและแม่หลังจากตอบจดหมายเสร็จในช่วงหัวค่ำ

“สวัสดีค่ะ” เสียงหญิงวัยใกล้เลขสี่ตอบกลับมาจากปลายสาย

“สวัสดีครับคุณแม่ ผมสัตยานะครับ” สัตยากล่าวทักทายด้วยน้ำเสียงที่แสดงถึงความเคารพและรักใคร่

“ลูกยา ไม่ได้โทรมาเสียนานเลยนะ แม่คิดว่าลูกจะลืมแม่ไปแล้วเสียอีก” จันทร์วนาแกล้งตัดพ้อบุตรชาย

“ผมจะลืมได้ยังไงกับครับ แล้วนี่คุณพ่ออยู่ไหมครับ?” เมื่อรู้ว่าถูกหยอก สัตยาจึงทำเสียงหวานออดอ้อนก่อนจะถามถึงชายอีกคนหนึ่ง

“ตอนนี้งานของพ่อเขากำลังไปได้ดี เลยยุ่ง กลับมาก็เหนื่อย ตอนนี้ก็หลับไปแล้วล่ะจ้ะ แต่ถ้าลูกจะคุยกับพ่อ เดี๋ยวแม่ไปปลุกให้ดีไหม?”

“ ไม่เป็นไรหรอกครับ ให้คุณพ่อพักไปเถอะ” ชายหนุ่มรีบบอกปัด เพราะไม่อยากจะรบกวนให้ต้องฝืนมาคุยกับเขาทั้งที่เหนื่อยล้าจากงาน “ผมแค่จะโทรมาบอกว่า เสาร์หรืออาทิตย์นี้ผมจะไปเยี่ยมนะครับ แต่ก็อาจจะไปคนเดียวเหมือนเดิม” เขาว่าพลางหัวเราะ เพราะตั้งแต่เรียนจบมา โดนพ่อแม่ทักเสียทุกครั้งที่เจอหน้าว่าเมื่อไหร่จะพาสะใภ้มาแนะนำบ้าง

“โถ ดูลูกคนนี้ ดักทางแม่ซะได้” จันทร์วนากล่าวเสียงงอนเล็กๆ “แล้วลูกไม่พาเพื่อนมาด้วยหรือจ้ะ?”

“เพื่อน? เพื่อนคนไหนกันครับ?” สัตยามุ่นคิ้ว เพราะแต่ไหนแต่ไรมา เขาไม่เคยมีเพื่อนที่พามาแนะนำให้ครอบครัวรู้จักเลยสักคน

“ก็คนที่คุณตาถูกใจไงจ้ะ ตอนแม่โทรไปเห็นพูดถึงอยู่ บอกว่าอยากให้แม่ลองเจอสักครั้ง แถมยังแกล้งทำพ่องอนแทบแย่ เล่นบอกว่าถ้าเพื่อนลูกคนนี้เกิดเร็วกว่านี้หน่อยแม่คงจะหลงรักเขาแทนพ่อแน่ๆ” จันทร์วนาพูดไปก็หัวเราะไป “จริงสิ ชื่อเขาแปลกๆ จำก็ยากนะ รักๆอะไรสักอย่างนี่แหละจ้ะ”

“รักตปักษ์....”

“ใช่จ้ะใช่! คนนั้นแหละ เอ้อ เห็นคุณตาเขาเรียกคุณรักต์ ท่าทางแกจะถูกอกถูกใจมากพอดู แม่ยังไม่เคยเห็นคุณตาเรียกใครอย่างสนิทสนมขนาดนี้เลย” เธอว่า “ยังไงถ้าคุณรักต์แกว่าง ลูกก็พามาให้พ่อแม่รู้จักบ้างสิจ้ะ ฟังคุณตาเล่าแม่อยากจะเจอบ้างเหมือนกัน”

“ครับ....ผมจะลองชวนดู....” สัตยาไม่รู้จะขัดใจแม่อย่างไร จึงได้แต่รับคำไปทั้งที่ไม่เต็มใจ “คุณแม่ก็ดูแลสุขภาพด้วยนะครับ”

“จ้า ลูกด้วยนะจ้ะ”

ทั้งสองร่ำลากันเป็นที่เรียบร้อย สัตยาจึงวางสายแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่

นับแต่เขาได้เจอกับรักตปักษ์ในฐานะมนุษย์ ทำไมเรื่องรอบตัวเขามันถึงได้เต็มไปด้วยคนๆนี้ก็ไม่อาจรู้ได้ ราวกับพระพรหมจงใจชักนำพวกเขาทั้งสองให้ได้พบ สนิทชิดเชื้อ และผู้สมัครรักใคร่กันเป็นพี่น้อง แต่ว่ามันไม่อาจเป็นไปได้ ด้วยใจของสัตยายังกรุ่นแค้นในสิ่งที่รักตปักษ์เคยทำลงไป แม้จะใกล้ชิดแค่ไหน ทำดีด้วยเพียงใด ก็ไม่อาจถมโพรงลึกอันดำมืดในใจของสัตยาให้เต็มได้

“เจ้ายา แม่หลานว่ายังไงบ้าง?” ระหว่างที่สัตยากำลังคิดไม่ตกนั้น พงษ์ศักดิ์ก็เดินเข้ามาถามโดยไม่ให้สัญญาณก่อน สัตยาจึงสะดุ้งเฮือกหลุดจากภวังค์

“แม่บอกว่า....อยากพบคุณรักต์ครับ” เขาตอบเสียงอ้อมแอ้ม

“ก็ดีแล้วนี่ โทรไปชวนเสียสิ” พงษ์ศักดิ์กระตุ้นด้วยเสียงเรียบดุเป็นเอกลักษณ์

“ผมคิดว่าพรุ่งนี้เช้าจะดีกว่ามั้งครับ นี่ก็สองทุ่มแล้ว” สัตยาหันมองนาฬิกาที่เพิ่งตีบอกเวลาสองทุ่มไปไม่นาน

“ปกติคุณรักต์แกนอนสี่ทุ่ม”

“คุณตารู้ได้ยังไงกันครับ?” ชายหนุ่มมุ่นคิ้วมองหน้าชายชราด้วยความสนเท่ห์ใจ

“ก็ตอนที่หลานมุงานลืมบ้านลืมช่อง ตาก็โทรไปถามคุณรักต์ว่าแกเจอหลานบ้างหรือเปล่า ตอนนั้นตาโทรไปสองทุ่มกลัวจะรบกวน แกก็บอกตาว่าปกติแกนอนสี่ทุ่มเป็นประจำเพราะต้องดูงานที่ได้มาในแต่ละวันว่าได้ครบตามต้องการไหม” คำตอบของพงษ์ศักดิ์ทำให้สัตยาเถียงไม่ออก โดยเฉพาะเมื่อโทรศัพท์มือถือถูกส่งมาแบบบังคับกลายๆ

สัตยาไม่เข้าใจในตัวพงษ์ศักดิ์เลยว่า ทำไมถึงต้องการให้เขาสนิทชิดเชื้อกับรักตปักษ์มากขนาดนั้น แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ กลับรับโทรศัพท์มือถือมาแล้วกดโทรออกตามที่อีกฝ่ายต้องการ

เสียงโทรศัพท์ดังเพียงสองช่วง ก็มีเสียงกดรับดังขึ้น

“สวัสดีครับ คุณยา” เสียงของฝ่ายนั้นดูอิดโรยต่างจากปกติ

“สวัสดีครับ คุณดูเหนื่อยๆ” สัตยาไม่อาจอดใจถามได้ในฐานะคนรู้จักกัน

“อ้อ ผมแค่เพลียนิดหน่อยเพราะต้องวิ่งรอกสองที่คนละฝั่งเมืองมาน่ะครับ ลูกมือผมลาหยุดเพราะไม่สบายไปคนหนึ่งพอดี” รักตปักษ์ตอบก่อนจะถามต่อ “แล้วคุณยาโทรมาหาผม มีธุระอะไรหรือครับ? หรือว่าตอบจดหมายเสร็จแล้วจะให้ผมไปรับของ?”

“ครับ ผมตอบเสร็จแล้ว”

“ถ้าอย่างนั้นพรุ่งนี้ผมจะไปรับประมาณบ่ายๆนะครับ”

หลังจากรักตปักษ์ตอบ สัตยาก็นิ่งเงียบไปอย่างชั่งใจ มองไปทางพงษ์ศักดิ์ ฝ่ายนั้นก็ยังจับจ้องคาดคั้นไม่ยอมไปไหน

“.....วันเสาร์......คุณรักต์ว่างหรือเปล่าครับ?” เสียงของสัตยาเบาลงอย่างเห็นได้ชัด

“วันเสาร์....อืม....ความจริงผมมีนัดแต่ผมส่งลูกมือไปแทนได้”

“ไม่! เอ่อ....ถ้าคุณรักต์ไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับ ผมไม่อยากรบกวน” สัตยารีบตอบรัวเร็วก่อนจะเงียบไปเมื่อได้ยินเสียงหัวเราะจากอีกฝั่งของสายโทรศัพท์

“ผมถึงว่า ทำไมคุณยาใจดีโทรมาหา ที่แท้เพราะถูกบังคับมานี่เอง” รักตปักษ์พูดไปก็หัวเราะไป

“ไม่ตลกนะ” ชายหนุ่มผู้อยู่ต้นสายตอบลอดไรฟัน

“เอาเป็นว่าผมจะทำตัวให้ว่างในวันเสาร์ แล้วผมจะไปหาที่บ้านตอนเช้าก็แล้วกันนะครับ แล้วเจอกันคุณยา” ผู้อยู่ปลายสายกล่าวก่อนจะกดวางสายไปโดยทิ้งเสียงหัวเราะไว้ให้แสลงใจคนฟังเป็นคำรบสุดท้าย สัตยาละโทรศัพท์ออกจากหูด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

“ว่ายังไง?”พงษ์ศักดิ์ที่ยืนรอคำตอบอยู่เอ่ยถาม

“คุณรักต์บอกว่าจะมาหาตอนเช้าวันเสาร์ครับ” สัตยาตอบอย่างไม่เต็มใจนัก แต่พงษ์ศักดิ์ก็พยักหน้ารับโดยไม่ได้พูดอะไร ก่อนจะเดินผินหลังกลับขึ้นบันไดไป

ชายหนุ่มที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวในห้องโถงใหญ่นั่งลงบนโซฟาด้วยความหงุดหงิดใจ ทำไมคำอธิษฐานของเขามันถึงได้เป็นจริงเพียงครึ่งๆกลางๆอย่างนี้นะ เขาขอให้ได้เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจเพื่อจะได้แก้แค้นครุฑ ทว่าตอนนี้ นอกจากครุฑจะเป็นที่โปรดปรานของพงษ์ศักดิ์ยิ่งกว่าเขาแล้ว เขากลับทำอะไรครุฑไม่ได้เลยแม้แต่อย่างเดียว ในสมัยนี้ การฆ่า ทำร้าย หรือทำลาย ล้วนเป็นเรื่องผิดกฏหมาย หากถูกจับได้ก็ไม่พ้นเข้าคุก แม้เขาอาจจะมีเงินประกันตัวแต่ก็เสียชื่อเสียงซ้ำยังกระทบถึงภาพรวมของเครือบริษัท ซึ่งพงษ์ศักดิ์จะผิดหวังในตัวเขาอย่างมาก ผลพวงจากสิ่งที่ทำล้วนแต่จะเข้าตัวเองทั้งนั้น ในขณะที่เมื่อครั้งนั้น ครุฑกลับสังหารนาคอย่างเลือดเย็นแต่ได้มีชีวิตอมตะ อยู่ในวิมานแดนสวรรค์ ไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย!


------------------------------>


เช้าวันเสาร์ ขณะที่บ้านของสัตยากำลังเตรียมของตักบาตร รักตปักษ์ก็มาถึงพอดี เขาเข้าไปช่วยกิ่งแก้วกับสาวๆในครัวเตรียมของออกมา เรียกคะแนนนิยมในบ้านชลวรินทร์ได้อักโข

หลังตักบาตรเสร็จ สัตยาก็เข้าไปเตรียมตัวบนห้องนอน ทิ้งให้รักตปักษ์รออยู่ข้างล่างกับพงษ์ศักดิ์ซึ่งแม้จะอายุมากแล้วก็ยังตื่นเช้ามาตักบาตร ออกกำลังกายเหมือนสมัยหนุ่มๆ

“รบกวนคุณรักต์แย่เลยนะ เรียกมาตอนงานกำลังชุกมือแบบนี้” พงษ์ศักดิ์ว่า

“ไม่เป็นไรครับ ลูกมือผมก็หายป่วยแล้วงานเลยไม่มากเท่าไหร่ อีกอย่างวันนี้ก็เป็นวันหยุด เลยนัดสัมภาษณ์ไม่ค่อยเจอตัวหรอกครับ รายที่นัดไว้ ผมก็ให้เด็กในสำนักงานไปแทน เขาดูคล่องแคล่วว่องไวเอาการเอางาน ถึงผมไม่คุมก็วางใจได้” รักตปักษ์ตอบให้ชายชราคลายใจ “แต่คุณพงษ์ศักดิ์เถอะครับ ไม่ไปด้วยกันหรือ?”

“ฉันน่ะ ตอนนั้นร้ายกับพวกเขาไว้เยอะ นายยศเจอฉันทีไรก็แข็งเป็นรูปปั้น ให้เจ้ายาไปคนเดียวฉันก็อดห่วงไม่ได้ มีคุณรักต์อยู่ด้วยฉันก็เบาใจ” พงษ์ศักดิ์กล่าวด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงในตัวหลานชายคนเดียวเป็นที่ยิ่ง

“ผมจะดูแลคุณยาอย่างดีครับ” ชายหนุ่มให้คำสัญญาหนักแน่น

“ดีแล้ว ฝากคุณรักต์ด้วยนะ นั่นแน่ะ เจ้ายาลงมาแล้ว” ทั้งสองมองไปยังบันได สัตยาที่กำลังเดินลงมาจึงชะงักกลางทางพลางนึกคาดเดาในใจว่าตนเองเป็นหัวข้อสนทนาในแง่ไหน ก่อนจะเดินลงมาถึงข้างล่างโดยพยายามทำเป็นไม่สนใจบทสนทนาก่อนหน้านี้

“ผมไปก่อนนะครับคุณตา” สัตยายกมือไหว้พลางกล่าวลา

“เดี๋ยวตอนเย็นผมจะพาคุณยากลับมาส่งเองครับ” รักตปักษ์กล่าวรับรองก่อนจะยกมือไหว้

“ดี เดินทางปลอดภัยทั้งคู่นะ” หลังผู้อาวุโสรับคำแล้ว ทั้งสองจึงเดินออกไป โดยสัตยาเดินนำไปที่จอดรถของบ้านเพื่อเอารถตนเองออกมา เขาตกลงกับรักตปักษ์ว่าจะไม่ขี่มอเตอร์ไซด์ไปถึงบ้านพ่อแม่ เพราะอยู่ไกลจากที่นี่พอสมควร และสัตยาไม่พิสมัยมอเตอร์ไซด์แม้แต่น้อย

สัตยาขึ้นนั่งฝั่งคนขับ ในขณะที่รักตปักษ์นั่งที่อีกฝั่ง ซึ่งในความจริงแล้วสัตยาคิดจะไล่อีกฝ่ายไปนั่งข้างหลัง แต่เขาก็ไม่ได้พูดอะไร


----------------------------->


บ้านพ่อแม่ของสัตยาเป็นบ้านหรูขนาดสองชั้น มีพื้นที่เล็กน้อยสำหรับพักผ่อนหย่อนใจไม่ได้ใหญ่โตอลังการเหมือนบ้านชลวรินทร์ ในสวนปลูกผลไม้ไว้จนแน่นขนัด อีกด้านหนึ่งเป็นพุ่มไม้เตี้ยที่มีดอก อีกทั้งยังมีไม้ยืนต้นสูงตระหง่านอีกสองสามต้น ทำให้บ้านหลังนี้ดูร่มรื่นสบายตาน่าอาศัย แต่เดิม ผนังบ้านด้านนอกจะทาด้วยสีขาว แต่ด้วยกาลเวลาทำให้สีลอกร่อนไม่สวยงาม ยศจึงจัดการทาสีใหม่เป็นสีโอรสซึ่งเป็นสีที่จันทร์วนาชอบ ทำให้บ้านดูสดใสไปอีกแบบหนึ่ง

เมื่อสัตยาและรักตปักษ์มาถึงนั้น พวกเขาก็พบว่ามีหญิงคนหนึ่งออกมายืนรอต้อนรับอยู่หน้าประตู ใบหน้าของเธอยิ้มแย้มแจ่มใสดูใจดีมีเมตตา มีเค้าโครงหน้าบางส่วนที่ทำให้รู้ได้ว่าเธอผูกพันกับพงษ์ศักดิ์ทางสายเลือด

“สวัสดีครับคุณแม่” สัตยาเอ่ยพร้อมยกมือไหว้ รักตปักษ์จึงทำตาม

“สวัสดีจ้ะ ลูกยา แล้วพ่อหนุ่มคนนี้....”

“ผมรักตปักษ์ เป็นเพื่อนของคุณยาครับ” รักตปักษ์ชิงแนะนำตนเองก่อนที่สัตยาจะแนะนำเขาไปเป็นอื่น จันทร์วนาจึงพยักหน้ารับรู้

“ไป เข้าบ้านกันเถอะ แม่เตรียมน้ำเตรียมท่าไว้ให้แล้ว พ่อเขาก็รออยู่ข้างในแน่ะ” จันทร์วนากล่าวเชิญแล้วเดินโอบบุตรชายเข้าบ้านไป ทั้งสองได้เจอกับยศ พ่อของสัตยาในห้องนั่งเล่น โดยยศกำลังจัดเตรียมผลไม้ให้ทั้งสองกินแก้หิวระหว่างรอเวลาอาหารเที่ยง

“สวัสดีครับคุณพ่อ” สัตยาทักแล้วเดินเข้าไปหา

“ว่ายังไง สัตยา โหมงานจนผอมอีกแล้วนะเรา” ยศลูบศีรษะบุตรชาย “แล้วนั่นคุณรักต์ หลานชายคนที่สองของคุณท่านสินะนั่น หน้าตาหล่อเหลาไม่เบาเลยนะ”

“ขอบคุณครับ” รักตปักษ์ตอบพร้อมยิ้มกว้าง

“อย่ามัวแต่ยืนอยู่เลย มานั่งด้วยกันสิ” ชายผู้เป็นเจ้าของบ้านเอ่ยเชิญ รักตปักษ์จึงนั่งลงร่วมโต๊ะกับทั้งสามคน

“เราทำงานทำการอะไรน่ะ คุณรักต์” จันทร์วนาถามขณะนำน้ำมาเสิร์ฟ

“ผมเป็นบรรณาธิการนิตยสารครับ” รักตปักษ์ตอบตามตรงโดยไม่ได้แถมตำแหน่งอื่น เช่น ตากล้อง คนหาข่าว หรืออาร์ตดีไซน์มาด้วย เพราะตอนนี้เขามีลูกมือช่วยจัดการบ้างแล้ว จึงไม่อาจนับหน้าที่เหล่านั้นเป็นอาชีพได้เต็มปากเต็มคำนัก

“เอ้อ ดีนะ อายุเท่านี้ก็เป็นบรรณาธิการแล้ว” ยศชื่นชมแล้วหันมาทางสัตยา “ลูกล่ะ งานเป็นยังไงบ้าง เห็นคุณตาของลูกบอกว่าป่วยอีกแล้วใช่ไหม?”

“เพราะนอนไม่พอเท่านั้นเองครับ” สัตยาตอบเสียงเบา

“นอนไม่พอก็เรื่องใหญ่นะ ลูกยา ทำงานหักโหมแบบนั้นแม่เป็นห่วงนะ” จันทร์วนาทำเสียงดุ เสียแต่เสียงของเธอนั้นไม่ดุเอาเสียเลย กลับเหมือนแค่เร่งความดังของเสียงขึ้นอีกนิดหนึ่งเท่านั้น ยิ่งหากไปเทียบกับเสียงพงษ์ศักด์แล้ว อาจมีคนสงสัยว่าสองคนนี้เป็นพ่อลูกกันได้อย่างไร

“ผมจะระวังตัวครับ” เสียงของสัตยาอ่อนลงเมื่อถูกว่าเช่นนั้น

“เอาน่า คุณจันทร์ อย่าไปว่าลูกเลย สัตยาก็กำลังตั้งใจทำงานอยู่นะ” จนถึงป่านนี้ ยศก็ยังติดเรียกจันทร์วนาแบบเดิมไม่เปลี่ยน

“พี่ยศเข้าข้างลูกอีกแล้ว” จันทร์วนาทำเสียงงอนก่อนจะนั่งลงข้างสามี

“แล้วนี่จะอยู่กันถึงกี่โมงล่ะ?” ยศหันไปถามชายหนุ่มทั้งสอง

“คงจะอยู่ถึงบ่ายสามครับ เพราะถ้าเย็นกว่านั้นรถจะติดมาก” รักตปักษ์เป็นคนตอบ

“ก็ดีแล้ว ไม่อย่างนั้นอาหารที่คุณจันทร์อุตส่าห์ลุกไปตลาดแต่เช้าคงเป็นหมัน” ชายวัยกลางคนหัวเราะร่า

ทั้งสี่คนพูดคุยกันต่ออีกยาว ทั้งเรื่องสารทุกข์สุขดิบไปจนถึงเรื่องที่ทำงานของทั้งสองคน ซึ่งยศและจันทร์วนาก็แสดงท่าทีชื่นชมรักตปักษ์เป็นอย่างมาก เพราะนอกจากจะเป็นคนหนุ่มไฟแรงแล้ว ยังมีความมุมานะและความกล้าหาญที่จะคิดและทำ อันเป็นคุณลักษณะที่หาได้ยากในเด็กรุ่นใหม่สมัยนี้ ทั้งสองต่างคิดว่าไม่น่าแปลกเลยที่พงษ์ศักดิ์จะถูกใจรักตปักษ์เข้า เพราะแต่เดิม พงษ์ศักดิ์เป็นคนที่ชอบคนกล้า เก่ง และเป็นคนดี ถึงฐานะจะเป็นยังไงก็ไม่รังเกียจ

ในที่สุดก็ถึงเวลากลับ สัตยาจึงร่ำลาพ่อแม่แล้วเดินไปที่รถ แต่แล้วเมื่อเขาขึ้นนั่ง เขาก็สังเกตเห็นอะไรบางอย่าง

“เลิกมาทำขนร่วงในที่ของคนอื่นเสียทีได้ไหม? ตอนเจ้ามาเฝ้า ในห้องข้าก็มีแต่ขนเจ้าร่วงตั้งหลายเส้น!” สัตยาว่าแล้วหยิบขนนกสีแดงสวยขึ้นมาจากพื้นรถ

“ขนข้าไม่ได้ร่วงบ่อยขนาดนั้นเสียหน่อย แต่พอมันร่วงมันก็ห้ามไม่ได้ เหมือนเช่นตอนเจ้าลอกคราบ เจ้าห้ามคราบตัวเองไม่ให้ลอกได้หรือ?” รักตปักษ์โต้แล้วรับขนนกเส้นนั้นมาเก็บใส่กระเป๋า

“อย่างน้อยข้าก็ลอกในบ้านตัวเอง ไม่ได้ไปทิ้งให้คนอื่นเก็บ” เสียงสัตยาขุ่นคลั่ก จากอารมณ์ดีที่ได้เจอพ่อแม่กลายเป็นอารมณ์เสียในพริบตา

“อา....ล่าสุดข้าจำได้ว่าเจ้าทำงานจนลืมฤดูลอกคราบตัวเอง เกือบจะได้ไปลอกที่โรงพยาบาล” สิ้นคำ ผู้ฟังก็หันขวับถลึงตามองอย่างไม่พอใจทันที กระนั้นก็เป็นสิ่งที่เถียงไม่ได้ สัตยาจึงทำเสียงฟ่อในคอแล้วออกรถแบบกระชากจนรักตปักษ์โดนแรงเฉื่อยดันติดเบาะ

“รัดเข็มขัดซะ” สัตยาเตือนด้วยเสียงไม่เหมือนคนหวังดีสักเท่าไหร่ แต่รักตปักษ์ก็ดึงเข็มขัดนิรภัยคาดตัวตามคำพลางภาวนาในใจขอให้สัตยาขับรถด้วยสติหาใช่โทสะ มิเช่นนั้นพวกเขาคงได้กลับไปทะเลาะกันในร่างสัตว์เร็วกว่าที่คิด

ในที่สุด สัตยาและรักตปักษ์ก็กลับมาถึงบ้านชลวรินทร์โดยปลอดภัยในตอนเย็น และเนื่องจากใกล้ฤดูหนาว ท้องฟ้าจึงมืดเร็วกว่าปกติ รักตปักษ์จึงลากลับโดยไม่รอข้าวเย็น เขาขี่มอเตอร์ไซด์ออกมาถึงหน้าบ้านโดยมีนายพจน์รอเปิดประตูให้ เขาก้มหัวแทนคำขอบคุณครั้งหนึ่งจึงขับออกไป ทว่า เลยจากบ้านชลวรินทร์มาเพียงเล็กน้อย รักตปักษ์ก็ต้องหยุดรถแล้วมองรอบข้างด้วยความระแวดระวัง

หลายวันมาแล้ว เขารู้สึกเหมือนมีใครบางคนกำลังตามจับตาดูเขาอยู่ เขาไม่เคยเห็นตัว แต่เขารู้สึกได้ถึงสายไม่ประสงค์ดี วันนี้ยังโดนตามถึงบ้านพ่อแม่ของสัตยาด้วยซ้ำไป

เมื่อรักตปักษ์ทำท่าเหมือนรู้สึกตัว สายตาปริศนานั้นก็กลับหายไปในเงามืด ชายหนุ่มยังคงสงสัยและเหมือนมีอะไรบางอย่างสะกิดใจ กระนั้นเขาก็ไม่อาจตามรอยไปได้จึงสวมหมวกกันน็อคแล้วขี่รถมอเตอร์ไซด์จากไป

เสียงเครื่องของรถห่างออกไปเรื่อยๆเมื่อเงาปริศนาในมุมมืดเริ่มขยับตัว หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาก่อนจะกดต่อสายไปหาใครคนหนึ่ง

“เป็นอย่างที่คิดครับ” คนๆนั้นกรอกเสียงลงไป ก่อนจะฟังอีกฝ่ายพูดสองสามคำจึงวางสาย

เงาปริศนาเดินเข้าไปในตรอก ก่อนจะขี่รถมอเตอร์ไซด์คันหนึ่งตามรถของรักตปักษ์ไปห่างๆและเงียบเชียบ.....


----------------------------->


สามวันต่อมา สัตยาได้รับเชิญไปทานอาหารเย็นง่ายๆแทนคำขอบคุณของรักตปักษ์ และแน่นอนว่าเพราะรักตปักษ์ติดต่อมาทางพงษ์ศักดิ์ สัตยาจึงไม่มีสิทธิปฏิเสธ ดังนั้น ในตอนเย็นที่ถึงบ้าน เขาก็ถูกรับตัวออกไปด้วยมอเตอร์ไซด์โดยไม่ทันจะได้เตรียมตัวหรือกระทั่วเปลี่ยนเสื้อผ้า ประสบการณ์การซ้อนหลังครั้งนี้ไม่เลวร้ายมากนัก ซึ่งอาจเป็นเพราะร่างกายของเขากลับเป็นปกติแล้วก็เป็นได้

รักตปักษ์พาสัตยามาที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งซึ่งมีบึงใหญ่อยู่ตรงกลาง บริเวณร้านทั้งหมดออกแบบเป็นร้านอาหารริมบึง ทำให้บรรยากาศร่มรื่น แม้จะเป็นยามค่ำแต่ก็ยังดูน่านั่งกินลมชมวิว


ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #74 เมื่อ04-02-2011 12:21:29 »

ณ ที่นั้น มีคนสองคนรออยู่ก่อนแล้ว เป็นชายและหญิงอย่างละคน และทันทีที่สัตยาไปถึง ทั้งสองก็ลุกขึ้นมาไหว้ด้วยความขัดเขิน

“คุณยา ผมขอแนะนำลูกมือผม คนนี้ชื่อน้ำฝน ส่วนคนนี้ชื่อจิน” รักตปักษ์แนะนำทีละคนโดยแนะนำผู้หญิงก่อนแล้วจึงแนะนำผู้ชาย ก่อนจะหันมาแนะนำสัตยา “ทั้งสองคน นี่คุณสัตยา ชลวรินทร์ Idol ที่ทำให้นิตยสารของเรามีชื่อขึ้นมา”

ทั้งสองคนดูจะตื่นเต้นกันมากที่ได้พบกับสัตยาตัวจริง หลังจากได้เห็นแต่ในนิตยสารฉบับแรก และการตอบจดหมายที่จะลงในฉบับที่สามซึ่งกำลังจะออก ทำให้ทั้งสองคนดูเกร็งๆไม่ค่อยกล้าพูดกล้าคุยนักขณะนั่งกินข้าวด้วยกัน มีเพียงรักตปักษ์และสัตยาที่ดูจะคุยกันสนิทสนม แม้สัตยาจะทำหน้าเหมือนไม่ค่อยพอใจอยู่ตลอดเวลาก็ตาม ทำให้น้ำฝนและจินรู้สึกแปลกใจว่าคนที่ต่างกันขนาดนี้มาคบกันได้ยังไง

“คุณสัตยากับพี่รักต์รู้จักกันได้ยังไงครับ” จินเอ่ยถามเพราะอดใจไม่ไหว

“ผมรู้จักกับคุณรักต์ตอนเขาไปขอสัมภาษณ์ผมที่บริษัท” สัตยาตอบ

“แล้วก็สนิทกันเลยเหรอคะ พี่รักต์น่าอิจฉาจริงๆ” น้ำฝนว่าพลางแอบมองสัตยาแล้วหน้าแดง จินจึงสะกิดให้ดึงสติกลับมา

“ คุณยา จะเอาอะไรอีกไหมครับ?” รักตปักษ์ถามเมื่อเห็นสัตยากินอาหารพร่องไปเพียงเล็กน้อย แต่ก็ไม่ดูตัวเองที่คุยไปตักใส่จานสัตยาไปเอาเสียเลย สัตยาที่พยายามกินให้ทันจึงรู้สึกจุกท้อง กระนั้นรักตปักษ์ก็ไม่เว้นจังหวะให้อิ่ม ราวกับว่าจงใจแก้แค้นเรื่องข้าวเย็นมื้อแรกอย่างไรอย่างนั้น

“ผมอิ่มแล้ว” สัตยาว่าพลางยกน้ำขึ้นดื่ม

“พี่รักต์คะ พี่น่ะตักเอาๆ ท้องคุณสัตยาเป็นท้องคนนะคะไม่ใช่ท้องงูจะได้กลืนเข้าไปย่อยได้ทั้งเดือน” คำทักของน้ำฝนทำเอาสัตยาแทบสำลักน้ำออกมาทางจมูก แต่เขาก็ยังคอยสงวนท่าทีและแอบตวัดตาดุใส่รักตปักษ์ที่กลั้นยิ้มอยู่ข้างๆ

“น้ำฝนน่ะไม่รู้อะไร ท้องคุณยาน่ะไม่ใช่ท้องงูแต่ยิ่งกว่าท้องงูอีก”

แต่เป็นท้องนาคเลยต่างหาก.....

“ผมว่าพี่รักต์น่ะแหละครับที่กระเพาะใหญ่ขนาดนั้น” จินกล่าวพลางกระแอม เพราะรักตปักษ์นั้นเป็นคนตัวใหญ่กว่าคนไทยโดยมาตรฐาน จึงต้องการอาหารมากกว่าด้วย

“เห็นคนหล่อนี่รุมลูกพี่กันใหญ่เลยนะพวกแก!” รักตปักษ์กัดลูกมือทั้งสองคนแบบหยอกๆ

“แหม พี่รักต์ พี่ก็หล่อนะคะอย่าน้อยใจสิ พวกเพื่อนฝนน่ะ อิจฉาฝนกันจะตายที่ได้ทำงานกับพี่รักต์ทุกวัน” น้ำฝนทำปากหวานแล้วตักข้าวใส่ปาก

“ชมพี่นี่เพราะมื้อนี้พี่จ่ายใช่ไหมเนี่ยเรา?” ชายหนุ่มผมแดงแหย่ เด็กสาวจึงทำหน้าปึ่งงอนทันควัน

“เกลียดคนรู้ทัน” เธอว่า

สัตยาเห็นว่ารักตปักษ์ถูกดึงความสนใจไปจากตนแล้ว จึงขอตัวไปห้องน้ำสักครู่หนึ่ง แต่แล้ว เมื่อสัตยาเดินลับหลังไป น้ำฝนกับจินก็พากันถอนหายใจออกมาคนละเฮือก

“เป็นอะไรไป?” รักตปักษ์เอ่ยถามพลางเลิกคิ้ว

“ไม่มีอะไรหรอกครับ แต่ว่า....คุณสัตยาเขาดูกดดันก็เลยรู้สึกหายใจหายคอไม่สะดวกนิดหน่อย” จินกล่าวแล้วยกน้ำขึ้นดื่ม

“หือ? บุคลิกส่วนบุคคลล่ะมั้ง พี่ไม่เห็นคุณยาเขาจะแปลกตรงไหน”

“ก็....ไม่ได้แปลกหรอกค่ะ แต่ฝนรู้สึกเหมือนคุณสัตยาอยู่คนละโลกกับเราเลย” น้ำฝนว่าแล้วก็ตักอาหารใส่จาน ซึ่งตามความเห็นของรักตปักษ์แล้ว เขาไม่เห็นว่าเวลาน้ำฝนกดดันกับไม่กดดันจะต่างกันตรงไหน เพราะ สัตยาจะนั่งอยู่หรื อลุกหายไป รักตปักษ์ก็เห็นเด็กสาวเอาแต่กินกับกินแล้วก็คุยแจ้วๆ ไม่มีอะไรต่างกันเลยแม้แต่น้อย

“ทั้งสองคนคิดมากไปแล้ว” ชายหนุ่มส่ายศีรษะ “คุณยาเขาโตมาแบบนั้น บุคลิกเขาเลยดูขึงขัง ความจริงคุณยาก็เหมือนๆพวกเรานั่นแหละ”

“แต่คุณสัตยาเขาดู....เป็นคุณชายเก่า ลูกผู้ดี อะไรแบบนั้นน่ะครับพี่” จินให้ความเห็นที่น้ำฝนพยักหน้าตามทั้งที่เคี้ยวเนื้อปูเต็มปาก

“ถ้าพูดให้ถูกคือ คุณสัตยาเป็นคุณชายปัจจุบันนี่แหละ ไม่รู้จักตระกูลชลวรินทร์หรือไง?”

“ผมก็แค่เปรียบเปรยน่ะครับ พี่ก็...” เด็กชายว่า

“อย่างเวลาคุยกัน พี่รักต์ก็เรียกคุณๆตลอด แถมเวลาคุณสัตยาพูด เขาก็จะพูดแบบเป็นทางการ ดูไม่ค่อยมีอารมณ์เท่าไหร่เลย” น้ำฝนวิจารณ์บ้าง ซึ่งที่เด็กสาวพูดมามันก็ถูก แต่จะไปว่าเป็นความผิดสัตยาทั้งหมดก็ไม่ได้ เพราะอีกฝ่ายถูกสั่งสอนและเติบโตมาในสภาพแวดล้อมเช่นนั้น ทั้งสองคนเจอสัตยายังบ่นถึงขนาดนี้ หากเจอกับพงษ์ศักดิ์ เด็กทั้งสองคงจะกัดลิ้นตายกันตรงนั้นเลยก็เป็นได้

“แถมพูดน้อยด้วย เวลาอยู่ด้วยแล้วค่อนข้างอึดอัดเพราะไม่รู้จะคุยอะ....ไร.....” จินตั้งท่าจะพูดต่อ แต่แล้วสายตาของรักตปักษ์ก็มองเลยไปด้านหลังเหมือนเป็นสัญญาณเตือน เด็กหนุ่มจึงค่อยๆหันกลับไปอย่างหวาดๆ และแล้วเขาก็แข็งค้างอยู่ท่านั้นเมื่อเห็นสัตยามายืนมองอยู่นิ่งๆและเงียบงันจนคาดเดาไม่ได้ว่าเจ้าตัวกำลังคิดหรือจะทำอะไร

“คุณยา....” รักตปักษ์เอ่ยเรียกเมื่ออีกฝ่ายเดินเข้ามาที่โต๊ะแล้วคว้าเสื้อนอกพาดแขน “จะไปไหนน่ะ?”

“ผมนึกได้ว่ามีธุระ ผมเลยอยากจะขอตัวก่อน คุณรักต์คุยกับเด็กๆต่อเถอะครับ” สัตยาตอบ เสียงของเขาดูนิ่งกว่าปกติ แต่รักตปักษ์กลับรู้สึกถึงกระแสสั่นเครืออย่างบางเบาในน้ำเสียงนั้น

จินและน้ำฝนสองคนต้นเรื่องได้แต่นั่งตะลึงค้าง ต่างคนต่างไม่กล้าพูดอะไรออกมาจึงได้แต่นั่งนิ่งเหมือนถูกสตาฟไว้กับที่

“คุณยา เด็กๆเขาไม่ได้ตั้งใจ....เดี๋ยวสิคุณยา! คุณยา!” ชายหนุ่มร่างสูงพยายามจะอธิบาย ทว่าสัตยาไม่ฟังคำ เขาเดินนำออกไปทำให้รักตปักษ์ต้องรีบวิ่งตามเพื่อแน่ใจว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก และที่สำคัญคือสัตยาบอกจะกลับบ้านทั้งที่ตัวเองไม่ได้เอารถมา แล้วจะกลับได้ยังไง?

ขาของรักตปักษ์ยาวกว่าสัตยาอยู่มาก เขาก้าวตามทันแต่ไม่ได้รั้งไว้เพราะยังอยู่กลางร้านอาหาร ชายหนุ่มรอจนกระทั่งเดินออกมาถึงลานจอดรถ จึงดึงแขนสัตยาเอาไว้ให้หันมาฟัง

“สัตยา อย่าไปถือสาเด็กมันเลย เดี๋ยวข้าจัดการให้เอง”

“ข้าไม่ได้ว่าอะไร ที่พวกเขาพูดมันก็ถูกต้อง” สัตยาสะบัดแขนออกจากการเกาะกุม “แต่ข้าเหนื่อย อยากจะกลับไปพัก”

“สัตยา เจ้าไม่ได้แปลกแตกต่าง เจ้าเพียงไม่ได้เรียนรู้ที่จะปรับตัวเข้ากับสังคมที่แปลกใหม่” รักตปักษ์กล่าวแล้วเดินนำไปที่มอเตอร์ไซด์ “ขึ้นมาสิ ข้าจะไปส่ง”

“ไม่ต้อง ข้าจะเรียกแท็กซี่ไปเอง” ถึงอย่างนั้น ชายหนุ่มร่างเล็กก็ปธิเสธความหวังดี เขาเดินหนีไปอีกทางซึ่งเป็นทางออกไปสู่ถนนใหญ่ ทว่าเขาก็ถูกแขนข้างหนึ่งคว้าเข้าที่เอว และด้วยแรงของรักตปักษ์ที่มหาศาลกว่ามนุษย์ทั่วไป สัตยาก็ถูกหิ้วลอยขึ้นในอากาศด้วยแขนข้างนั้นอย่างง่ายดาย เขาถูกวางลงบนอานมอเตอร์ไซด์ หมวกกันน็อคสวมเข้าที่หัว ก่อนที่รักตปักษ์จะขึ้นขี่ด้านหน้า

“กลับเองค่ำมืดอย่างนี้อันตราย ถึงเจ้าจะป้องกันตัวเองได้แต่ข้าก็ไม่วางใจ” เขาว่าเช่นนั้นขณะสตาร์ทเครื่อง

“เจ้าจะทิ้งเด็กๆไว้หรือยังไง?”

“ถึงข้าจะกลับมาอีกครั้ง สองคนนั้นก็ยังไม่อิ่มหรอก” สิ้นคำ รถมอเตอร์ไซด์ก็เคลื่อนตัวออกไป และตลอดเส้นทางนั้น สัตยากับรักตปักษ์ก็ไม่ได้พูดคุยอะไรกันอีกเลย ท่ามกลางความมืดและแสงดาวแสงเดือน เสียงเครื่องมอเตอร์ไซด์กระหึ่มไปทั่วทิศ ความเงียบคือสิ่งที่คั่นกลางอยู่ระหว่างพวกเขาทั้งคู่จนกระทั่งถึงบ้าน รักตปักษ์เพียงส่งสัตยาลงที่หน้าประตู และวนรถกลับไปโดยไม่ได้หยุดคุยเช่นคราวก่อน


--------------------------------->


Business Idol ฉบับที่สาม เสมือนนาฬิกาเตือนสัตยาว่าอีกครึ่งเดือนจะถึงเวลาประกาศผลรางวัลการประกวด ซึ่งความจริง เขาได้พบผลงานที่ถูกใจแล้วหลายรายการ จึงส่งไปให้คณะกรรมการตรวจสอบและให้คะแนนแต่ละราย ผลงานที่ส่งเข้ามานั้นเป็นที่น่าพอใจสำหรับสัตยา เพราะมือสมัครเล่นหลายคนเต็มเปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์อย่างหาตัวจับยาก

และแน่นอน ทุกปลายเดือนซึ่งเป็นกำหนดวางแผงนิตยสาร สัตยามักจะได้รับมาฉบับหนึ่ง ด้วยเกรงว่าหากได้รับทุกเดือนมันจะเต็มห้องเสียก่อน สัตยาจึงให้นำนิตยสารที่ส่งมาไปวางไว้บนชั้นหนังสือในล็อบบี้ เพื่อให้แขกที่มารอติดต่องานได้มีอะไรอ่านฆ่าเวลา

และเป็นเรื่องธรรมดาที่ก่อนถึงกำหนดวางแผงนิตยสาร สัตยาจะไม่ได้พบเห็นหรือได้ยินเสียงรักตปักษ์เลย เพราะเมื่อใกล้ถึงกำหนด อีกฝ่ายก็ต้องวิ่งรอกทำงานตัวเป็นเกลียว ทั้งรวบรวมงาน จัดทำอาร์ตเวิร์ค จัดหน้า ส่งโรงพิมพ์ และจ้างคนจ่ายหนังสือไปตามร้านต่างๆที่มีออร์เดอร์เข้ามา และจะได้พบกับรักตปักษ์อีกครั้งก็ต่อเมื่อหลังกำหนดออกหนังสือแล้ว ด้วยเหตุผลทั้งหมดทั้งปวงนั้น ทำให้สัตยาคิดว่ารักตปักษ์คงจะมาหาอีกเมื่อเชิดชัยมาเรียกว่ามีแขกมาขอพบ ทว่า.....คนที่อยู่ต่อหน้าสัตยาตอนนี้กลับไม่ใช่รักตปักษ์

“สวัสดีคุณสัตยา” เสียงนั้น....ระคายหูอย่างน่าประหลาด

“สวัสดีครับ คุณกฤตนันท์ ผมคิดว่าคราวก่อนเราคุยกันรู้เรื่องแล้วเสียอีก” สัตยากล่าวเสียงเย็น เขาไม่ได้เชิญอีกฝ่ายนั่ง เพราะแขกคนนี้ถือวิสาสะนั่งไขว่ห้างบนโซฟาในห้องรับรอง พร้อมสั่งกาแฟเองเรียบร้อยแล้ว ด้านหลังของกฤตนันท์มีผู้ชายรูปร่างสูงใหญ่ท่าทางนักเลงคุมเชิงอยู่สองคน พนักงานหญิงที่มีหน้าที่ชงกาแฟถึงกับหนีออกไปทันทีที่สัตยามาถึง เขาเดาว่าไม่กฤตนันท์ก็ลูกน้องสักคนคงทำให้พนักงานของเขาหวาดกลัวด้วยการลวนลามทางสายตาหรืออื่นๆ

“คราวก่อนคุณบอกผมว่า ถ้าผมมีสิ่งที่น่าสนใจมาเสนอ คุณจะยอมคุยด้วย” กฤตนันท์ว่าพลางพ่นควันบุหรี่ออกมาเป็นลำ ทำให้สัตยาย่นจมูกแล้วหันหนีแทบจะทันที

“กรุณาดับบุหรี่ด้วย” สัตยาพยักเพยิดไปทางป้ายห้ามสูบบหรี่ที่ติดในห้องรับรอง

“ครับผม” ชายหนุ่มผู้เป็นแขกตอบด้วยเสียงกวนอารมณ์ก่อนจะขยี้ปลายบุหรี่ลงบนโต๊ะกระจก สัตยาตวัดตามองอย่างเหยียดหยามและดูถูกในพฤติกรรมอันไร้มารยาทนั้น แต่ดูเหมือนคนทำจะไม่สะทกสะท้านเลยแม้แต่น้อย กลับหันไปหัวเราะกับลูกน้องเสียอีก

“คุณเชิดชัย กรุณาเชิญแขกที่ผมไม่ต้อนรับกลับไปด้วย” สัตยาหมดความอดทน เขาจึงออกปากสั่งเลขาแล้วทำท่าจะเดินออกไป ทว่ากลับถูกลูกน้องคนหนึ่งเดินมาขวางหน้าไว้

“ไม่เอาน่าคุณสัตยา เอาเป็นว่าผมขอโทษที่เสียมารยาทก็แล้วกัน ตกลงไหม?” เมื่อกฤตนันท์ว่าเช่นนั้น สัตยาก็ตวัดตามองโต๊ะกระจกที่โดนไฟลนจนเห็นจุดละลายชัดเจน “เดี๋ยวผมซื้อกระจกมาคืนให้ด้วย” เขารีบกล่าวต่อ สัตยาจึงเดินไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม ส่วนเชิดชัยก็ได้แต่ยืนอย่างเป็นกังวลอยู่ที่ประตู

“ผมมีเวลาไม่มาก” สัตยาออกตัว

“ผมไม่ขอเวลาคุณมากมายหรอก แต่....ผมอยากให้เราสองคนได้คุยกันตามลำพังสักครู่” กฤตนันท์เสนอ ทำให้ดวงตาของสัตยาปรากฏแววไม่พอใจขึ้นมาทันที แม้แต่ปลาที่แหวกว่ายอยู่ตู้ใต้โต๊ะกระจกนั้นก็ดูกระวนกระวาย ว่ายไปมาด้วยท่าทางแปลกไปจากปกติ

“ถ้าผมปฏิเสธ?”

“ผมก็จะให้คนของผมหิ้วเลขาของคุณออกไป เราจะได้อยู่กันสองคน” ผู้เสนอวิธีเจรจากล่าวด้วยรอยยิ้มน่ารังเกียจ และด้วยการโดนขู่เช่นนั้นทำให้อารมณ์ของสัตยาเริ่มเดือด ปลาในตู้ต่างทำท่าคล้ายกำลังคุ้มคลั่งพวกมันดำผุดดำว่ายอย่างสับสน แต่แล้วพวกมันก็ค่อยๆกลับเป็นปกติเมื่อสัตยาสูดลมหายใจเข้าลึกและพยายามเตือนสติให้ใจเย็น เขาหันไปพยักหน้ากับเชิดชัย เลขาวัยกลางคนจึงเดินออกไปด้วยท่าทีไม่ไว้วางใจ กระนั้นก็ไม่อาจขัดได้ เมื่อเชิดชัยออกไปแล้ว ผู้ติดตามของมาเฟียคุมถิ่นจึงพากันเดินออกไปบ้าง และไม่ลืมที่จะปิดประตูราวกับว่าพวกเขากำลังจะมีการเจรจาลับกันอย่างไรอย่างนั้น

“ห้านาที คุณกฤตนันท์ ขอเตือนไว้ว่าเวลาของผมมีราคาแพง” สัตยายื่นคำขาดพร้อมขู่สำทับ และแน่นอนว่าไม่ใช่คำขู่เล่นๆเพราะเขาเป็นถึงประธานของเครือบริษัทชลวรินทร์ที่ทุกคนต่างรู้จักดี

“ถ้าอย่างนั้นผมจะเข้าเรื่องเลยก็แล้วกัน” ว่าแล้ว กฤตนันท์ก็ลุกขึ้นจากโซฟาแล้วเริ่มเดินไปรอบๆ “บังเอิญว่าหูตาของผมไปรู้ไปเห็นเรื่องน่าสนใจเข้า เกี่ยวกับผู้ชายที่ชื่อ....รักตปักษ์”

“เขาเป็นนักข่าว หน้าที่ของเขาคือซอกแซกไปทั่ว ดังนั้นผมจะไม่แปลกใจถ้ามีคนไม่ชอบเขา แต่ผมไม่ใส่ใจข่าวซุบซิบนินทา” สัตยาตอบกลับแทบจะทันที และไม่สนใจจะฟังในสิ่งที่กฤตนันท์คิดจะพูดเกี่ยวกับผู้ชายคนนั้น เพราะเขารู้จักรักตปักษ์ดีกว่าทุกคน รู้จักมานานเกินกว่าที่ใครๆจะคาดคิด

“แน่นอน แต่ผมว่าคุณเองก็ไม่ชอบเขาเท่าไหร่....ไม่สิ....คุณเกลียดเขาด้วยซ้ำไป ผมเองยังสงสัยว่าทำไมกัน เพราะคุณกับเขาได้พบกันครั้งแรกเมื่อสองเดือนก่อนเท่านั้นเอง”

คำพูดของกฤตนันท์จุดรอยยิ้มที่มุมปากสัตยา

ประมาณสองเดือนก่อน....หากพูดให้ถูกคือการพบกันครั้งแรกในฐานะรักตปักษ์และสัตยา....

การพบกันครั้งแรกจริงๆนั้นเกิดก่อนหน้านี้เสียอีก......ในอดีตอันแสนไกลโพ้นนั่น.....

“ผมแค่ไม่ถูกชะตากับเขา” สัตยาตอบ เขาไม่คิดจะพูดอะไรเกี่ยวกับความสัมพันธ์ของเขากับรักตปักษ์นอกเหนือจากนั้น ป่วยการที่จะพูดให้มนุษย์ฟัง โดยเฉพาะมนุษย์ที่ในหัวมีแต่ความโลภและความกระหายเช่นกฤตนันท์คนนี้

“ไม่ถูกชะตาอย่างแรงด้วย” มาเฟียหนุ่มเสริม “ผมได้ข่าวว่าเขาไปป้วนเปี้ยนอยู่รอบตัวคุณ แถมยังไปประจบสอพลอเอากับคุณพงษ์ศักดิ์ ตาของคุณด้วย”

“คุณกำลังรุกล้ำเรื่องส่วนตัวนะ คุณกฤตนันท์ เหลืออีกสองนาที” สัตยาว่าพลางมองนาฬิกาข้อมือ

“ไม่เอาน่า เรื่องนี้เราคุยกันได้จริงไหม?” กฤตนันท์เลิกเดินไปรอบๆ แล้วเดินเข้ามายืนเท้าแขนกับโซฟาที่สัตยานั่งอยู่ ตัวของเขาค้ำอยู่บนศีรษะ ทำให้สัตยารู้สึกไม่ชอบใจขึ้นมา “คุณเกลียดเขามากด้วย....ผมคิดว่าผมพูดไม่ผิดหรอก คุณอยากกำจัดเขาแต่ไม่มีโอกาส”

“คุณจะพูดอะไรกันแน่?”

“ผมจัดการให้คุณได้ อย่างขาวสะอาด มือของคุณไม่ต้องแปดเปื้อนอะไรเลย และจะไม่มีใครสืบสาวมาถึงคุณได้อย่างเด็ดขาด ผมรับรอง” ใบหน้าของกฤตนันท์เลื่อนเข้ามาใกล้จนเกือบชิดใบหู มือของเขายกขึ้นหมายจะไล้พวงแก้วนุ่ม “ผมขอแค่.....ของตอบแทนเล็กๆน้อยๆอย่าง.....”

“อย่าแตะผมจะดีกว่า ผมขอเตือนด้วยความหวังดี” สัตยากล่าวเสียงเรียบนิ่ง ทำให้กฤตนันท์ชะงักไปก่อนจะได้สัมผัสโดนส่วนใด

“.....อย่างเช่น ความร่วมมือทางธุรกิจบางอย่าง” มาเฟียหนุ่มผละออกไปแล้วพูดต่อก่อนจะหันมายิ้ม “หมดเวลาซะแล้ว เอาเถอะ ผมให้เวลาคุณตัดสินใจ ผมหวังว่าเราจะร่วมงานกันได้ดีนะคุณสัตยา เพราะผมเองก็ชอบพอคุณอยู่หลายส่วนเสียด้วย”

คำของกฤตนันท์เสมือนจุดอะไรบางอย่างในใจของสัตยา

เป็นที่โปรดปรานของผู้มีอำนาจ.....

หากจะนับไปแล้ว ในโลกมืด กฤตนันท์ก็เป็นผู้มีอำนาจคนหนึ่ง จะเป็นไปได้ไหมว่า......

“เดี๋ยว” สัตยาส่งเสียงรั้งอีกฝ่ายที่กำลังเอื้อมมือไปจับลูกบิดประตู เขาลุกขึ้น เดินมาใกล้กฤตนันท์แล้วพูดต่อ “ผมตกลง แต่ก่อนอื่นผมต้องขอดูผลงานของพวกคุณก่อน เมื่อเสร็จงานแรกและผมพอใจ ผมจะยอมเจรจาด้วย”

กฤตนันท์เผยรอยยิ้มสมใจออกมา

“ว่ามาได้เลย คุณสัตยา”

“ทำให้รักตปักษ์รู้สึกถึงการคุกคาม แต่.....อย่าเพิ่งให้มีใครตาย ทำได้ไหมคุณกฤตนันท์” สัตยากล่าว เขาเกรงว่าจะทำให้น้ำฝนกับจินโดนลูกหลงไปด้วย แม้ว่าการพบกันครั้งแรกจะไม่น่าพิสมัยนัก แต่สัตยาก็ไม่ได้นึกถือสา เขากลับคิดว่าความเป็นเด็กทำให้สองคนนั้นพูดโดยไม่คิด ซ้ำทั้งสองคนก็ดูสำนึกผิดแล้ว อีกทั้งเรื่องนี้ก็เป็นเรื่องระหว่างเขากับรักตปักษ์ การดึงคนไม่เกี่ยวข้องมาติดร่างแหด้วยไม่ใช่วิสัยของเขา

“ยากอยู่นะครับ” กฤตนันท์หัวเราะ “แต่ผมจะพยายาม” ว่าแล้ว ชายหนุ่มมาเฟียก็โบกมือลาก่อนจะเดินออกไปจากห้อง

สัตยาพ่นลมหายใจออกมาทางจมูก ก่อนจะเดินถอยกลับไปนั่งลงบนโซฟาตัวเดิม ปลาในตู้ว่ายไปมาอย่างกังวลเช่นเดียวกับอารมณ์ของนาคที่อยู่ใกล้

เขาหวังว่า....เขาจะไม่ได้เลือกผิด.....


----------------------------------->
TBC

anajulia

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #75 เมื่อ04-02-2011 12:33:40 »

คุณนาคเอาแต่ใจ เคะราชินี แถมยังเป็นราชินีนาคอีก
หงุงหงิง หัวใจแกว่งแต่ก็จองแค้นไม่ยอมเลิกสินะคะ

เฮ้อ.......คุณรักตปักต์ ก้มหน้าใช้กรรมต่อไปนะคะ รักษาตัวรอดด้วย กลัวๆ
ถึงจะไม่ใช่คน ก็เจ็บได้สินะคะ T_T

ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #76 เมื่อ04-02-2011 12:43:06 »

 :เฮ้อ:เวรกรรม

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #77 เมื่อ04-02-2011 12:49:28 »

นาคน้อยช่างเอาแต่ใจจริงๆ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #78 เมื่อ04-02-2011 12:59:59 »

คนสวยใจร้าย แต่ความเอาแต่ใจก็เป็นเสน่ห์แบบนึงนะเนี่ย
อย่าทำอะไรรุนแรงจะดีกว่านะ เดี๋ยวคุณยาไม่พอใจขึ้นมาจะบาดเจ็บล้มตายแบบไม่คาดคิด

ท่าทางมาเฟียจะ...กับคุณยานะเนี่ย

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #79 เมื่อ04-02-2011 13:08:46 »

คิดจะทำอะไร.... :เฮ้อ:
+1
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-02-2011 13:11:56 โดย Little Devil »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
« ตอบ #79 เมื่อ: 04-02-2011 13:08:46 »





samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #80 เมื่อ04-02-2011 13:27:12 »

อยากอ่านอีกจังเลยอ่ะ ว่าแต่ทางที่เลือกดีแล้วหรือจ๊ะคุณยา

pigg

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #81 เมื่อ04-02-2011 13:32:10 »

 :o12: เอาจริงหรอน้องนาค...
หวังว่าพี่รักต์จะไม่เป็นไรนะฮะ!

ปล.อัพวันต่อวันเลยสินะ...เ้ค้าจะได้มานั่งรอยาวๆ *--*
ปล.ขอจองรวมเล่มล่วงหน้าเลยนะพี่เซียร์  o13

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #82 เมื่อ04-02-2011 13:45:04 »

คุณยาหางานเข้าให้คุณรักษ์ซะงั้น 555

 o22 o22 o22

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #83 เมื่อ04-02-2011 14:20:39 »

ทำแบบนี้มันจะดีหรอค่ะคุณยา


 :เฮ้อ: :เฮ้อ:

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #84 เมื่อ04-02-2011 15:15:04 »

นาคใจร้ายยยย  :o12: :o12:  รักษ์จะเป็นไรมากมั้ยเนี่ย   :sad4: :sad4:
 :กอด1: รอตอนต่อไปค่ะ

SeeNam

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #85 เมื่อ04-02-2011 18:07:21 »

เรื่องนี้เท่ห์มากเลยค่ะ แปลก แหวกแนวสุดๆ วางโครงเรื่องก็เจ๋ง แอบได้ความรู้ในตำนานด้วย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #86 เมื่อ04-02-2011 18:24:44 »

 :เฮ้อ:กรรม

ออฟไลน์ mink2538

  • เว็บสำหรับคนพันธุ์ Y
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #87 เมื่อ04-02-2011 18:38:41 »

คุนยานี่เด็ดขาดจิงๆ
คุนรักจะเจออะไรต่อไปล่ะเนี่ย

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #88 เมื่อ04-02-2011 18:41:26 »

เวรต้องระงับด้วยการไม่จองเวรนะ

๕๕๕ เข้าใจเเต่ก้ทำยากเนอะ :serius2:

รีบมาต่อนะคะ

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #89 เมื่อ04-02-2011 19:07:35 »

คุณยาไมทำจังซี่

คุณรักสู้ๆเน่อ :z2: :z2: :z2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด