สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 323760 ครั้ง)

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #90 เมื่อ04-02-2011 19:40:45 »

เหมือนจะเริ่มญาติดีกันแต่ไอ้มาเฟียมายุยงแบบนี้คงจะอลม่านดีพิลึกเฮ้อ!

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #91 เมื่อ04-02-2011 20:10:32 »

กำลังไปด้วยดีแล้วนะ

แต่ไอ่นี่มีโผล่มาทำให้เกิดเรื่องยุ่ง ๆ แน่ ๆ เลย

คุณรักษ์เตรียมรับมือให้พร้อมนะ

ออฟไลน์ nongrak

  • ยังไงก็รักคาเมะจังที่สุด
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +912/-14
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #92 เมื่อ04-02-2011 21:04:30 »

เนื้อเรื่องเริ่มสนุกแล้ว ทำไมต้องมีำไอ้พวกนี้มาด้วย

คุณยาทำไมใจร้าย จะให้คนไม่ดีมาทำร้ายคุณรักษ์ได้ไง

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #93 เมื่อ04-02-2011 22:30:43 »

คุณยาจาใจร้ายไปมั้ยอะ

ออฟไลน์ zombi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1385
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-5
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #94 เมื่อ04-02-2011 22:42:20 »

ผูกเงื่อนไว้หลายปม ระวังจะจนใจเอง

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 4 (4/02/11)
«ตอบ #95 เมื่อ04-02-2011 23:13:07 »

คุณยาเดียวก็เสียใจภายหลังนะ 5555

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #96 เมื่อ05-02-2011 00:18:08 »

รักตปักษ์มาทำงานในตอนเช้าเช่นที่เคยทำเป็นประจำ สำนักงานของเขาเป็นห้องเช่าเล็กๆในย่านกลางเมือง ซึ่งแม้จะมีราคาแพง แต่ก็มีความสะดวกในการเดินทางไปยังสถานที่นัดพบต่างๆ แต่เพราะขนาดที่ไม่เอื้ออำนวยนัก ห้องจึงค่อนข้างรกไปด้วยอุปกรณ์ทั้งใหญ่และเล็ก แม้รักตปักษ์จะพยายามเก็บให้เป็นที่เป็นทางแค่ไหนก็ยังยากที่จะรวบรวมทั้งหมดไว้ให้มีพื้นที่ใช้สอยมากที่สุด ตอนเขาทำงานคนเดียว เขาก็ไม่เดือดร้อนมากนัก แต่พอมีลูกมือมาเพิ่มอีกสองคน พื้นที่ก็คับแคบลงทันตา ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะขยับขยายอีกในไม่ช้าโดยกำลังมองหาสถานที่ใหม่ซึ่งราคาไม่แพงมากแต่มีพื้นที่ใช้สอยพอเพียง

ตามปกติแล้ว พวกเขาจะไม่ค่อยได้อยู่ที่สำนักงานกันในช่วงต้นเดือน ด้วยต้องออกไปหาข่าวตามหน้าที่ที่ได้รับมอบหมาย ดังนั้น ในตอนเช้าพวกเขาจะมาพบกัน ฟังการนัดแนะงานจากรักตปักษ์ แล้วก็แยกย้ายไปทำงาน ทำให้ในช่วงนี้ ความแคบของสำนักงานไม่ได้เป็นปัญหาสักเท่าไหร่ แต่ปัญหาจะมาก็ต่อเมื่อพวกเขาต้องมาอุดอู้อยู่ด้วยกันช่วงปลายเดือนก่อนนิตยสารออก

และตอนนี้ซึ่งเป็นวันหลังนิตยาสารวางแผงไปแล้ว รักตปักษ์ก็เริ่มหาข้อมูลมาสำหรับนิตยสารเล่มถัดไป นั่นคือการประชุมคิดคอปเซปต์ในตอนเช้า รวมรวมข้อมูลในตอนบ่ายซึ่งตอนนี้จะเป็นการทำงานภาคสนาม โดยยังไม่มีการเจาะเข้าไปหาตัวบุคคล แต่เป็นการหาข้อมูลจากสภาพแวดล้อม ดังนั้นหลังจากประชุมช่วงเช้าแล้ว รักตปักษ์ก็จะแจกจ่ายงานให้เด็กทั้งสองคนก่อนจะออกไปจากสำนักงาน

แต่วันนี้มีอะไรบางอย่างที่น่าแปลก.....

รักตปักษ์รู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีนัก เขาจึงโทรบอกให้จินกลับไปดูที่สำนักงาน และตรวจสอบว่าปิดไฟ ปิดน้ำ เรียบร้อยหรือยัง และล็อคประตูหน้าต่างเรียบร้อยหรือปล่า เพราะเขาเกรงว่าอาจจะมีไฟลัดวงจรหรือมีขโมยขึ้นมาได้

จินซึ่งตอนนี้อยู่ไม่ไกลจากสำนักงานนักจึงเดินกลับไปดูทั้งที่ตนเองแน่ใจว่าตอนออกมานั้นได้ตรวจตราเรียบร้อยดีแล้ว กระนั้นการกลับไปดูซ้ำอีกครั้งให้แน่ใจก็ดีกว่าจะต้องมานั่งโทษตัวเองทีหลัง

เมื่อแรกออกจากลิฟต์ จินก็ได้เห็นประตูห้องของสำนักงานเปิดอ้าออกมา กลอนประตูถูกงัดจนห้อยร่องแร่ง เสียงโครมครามดังขึ้นเป็นระยะๆ แต่ไม่น่าแปลกที่ไม่มีใครออกมาดู เพราะทั้งชั้นนี้ส่วนมากจะเป็นสำนักงานที่ต้องออกไปทำงานนอกสถานที่ทั้งสิ้น จินรีบวิ่งเข้าไปหาประตูทันที และยิ่งเข้าใกล้ เสียงนั้นก็ยิ่งดังขึ้น เขาโผล่หน้าเข้าไปตะโกนลั่นเมื่อเห็นชายฉกรรจ์สามคนกำลังทุบทำลายข้าวของ ทั้งกล้อง คอมพิวเตอร์ และอุปกรณ์สำนักงานทุกอย่างที่อยู่ในห้องนั้น

เสียงของจินเรียกความสนใจจากคนทั้งสามซึ่งกระทำการอุกอาจ เขาจึงสำนึกว่าพลาดเสียแล้ว

เด็กชายตั้งสติ รีบหันกลับเพื่อวิ่งหนี ทว่ากลับช้าไป มือของใครคนหนึ่งคว้าคอเสื้อเขาจากด้านหลัง แล้วกระชากครั้งเดียวลอยหวืดข้ามธรณีประตูเข้าไปกระแทกกับชั้นวางของดังโครมใหญ่ แผ่นหลังของจินเจ็บแปลบจนไม่อยากขยับตัว แต่เขาก็ยังพยายามตะเกียกตะกาย

ชายฉกรรจ์คนหนึ่งย่างสามขุมเข้ามา กระชากจินขึ้นจากพื้นแล้วอัดเข้าที่ชายโครง เสียงกระดูกแตกลั่นขึ้นมาถึงหูพร้อมกับเสียงร้องด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะตามด้วยอีกหลายหมัดจากคนที่เหลือ ตั้งแต่ใบหน้าลงมาถึงหน้าท้อง ไม่มีที่ใดที่ไม่โดนทำร้าย

หลังจากลงแรงจนพอใจ ชายฉกรรจ์ทั้งสามคนก็ทิ้งจินซึ่งเต็มไปด้วยรอยแตกและรอยช้ำลงบนพื้นไม่เบาแรง พวกเขาหัวเราะอย่างสะใจก่อนคนหนึ่งจะเตะปังเข้ากับชั้นวางของจนของส่วนใหญ่ร่วงลงมากระแทกบนตัวของผู้บาดเจ็บ เมื่อได้ทำลายจนพอใจแล้ว พวกเขาก็จากไปในทันที

จินซึ่งบอบช้ำไปทั้งตัวแทบจะไม่เหลือแรง เขายกมือขึ้นและปัดของออกจากตัว คืบคลานไปยังโทรศัพท์ที่ถูกกระชากตกลงมาบนพื้น เลือดที่ไหลลงมาจากหางคิ้วบดบังทัศนวิสัยไปส่วนหนึ่งกลายเป็นสีแดงฉาน สติของเขาแทบจะดับไป ทว่าจินก็ยังฝืนจนไปถึงจุดหมาย เขาตะเกียกตะกายยกหูโทรศัพท์ขึ้นมาแต่มือของเขากลับไม่มีแรงเพราะใช้แขนปัดป้องอวัยวะสำคัญ จึงทำได้เพียงเอียงหูลงไปฟังว่าโทรศัพท์ยังมีสัญญาณหรือไม่ ศีรษะของจินเอนวูบลงไปนอนอิงบนพื้นเสื่อน้ำมัน เขากระอักไอออกมาสองสามครั้ง และทุกครั้งจะมีเลือดผสมออกมาด้วยจำนวนเล็กน้อย

เขาพยายามอย่างยิ่งที่จะกดเบอร์มือถือของรักตปักษ์ โชคดีที่เขากดหาจนชำนาญมากพอที่จะไม่ต้องเค้นความจำมากนัก เสียงต่อสายดังขึ้นจากการกดฟรีแฮนด์ และก้องไปทั่วห้องอันเงียบสงัด พร้อมกับสติของจินที่ล่องลอยจากไป


------------------------------->


ขณะนั้นรักตปักษ์กำลังศึกษาสภาพแวดล้อมภายนอกของบริษัทแห่งหนึ่งซึ่งเป็นเป้าหมาย ทว่าเสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ชายหนุ่มจึงหยิบขึ้นมาดู พบว่าเป็นเบอร์จากสำนักงานจึงรู้สึกแปลกใจเป็นกำลัง ใจก็เกิดสั่นไหวขึ้นมาอย่างไม่มีสาเหตุ รักตปักษ์รีบกดรับสายโดยพลัน แต่เมื่อเขากรอกเสียงลงไป กลับไม่มีเสียงใดตอบกลับมาเลยนอกจากความเงียบ

รักตปักษ์เกิดร้อนรุ่มใจขึ้นมา และรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เขาไม่รอช้า เก็บของใส่เป้แบบลวกๆแล้วคว้ามอเตอร์ไซด์บึ่งกลับสำนักงานเท่าที่ความเร็วของรถจะทำได้

ตอนที่รักตปักษ์ไปถึง เขาเห็นรถพยาบาลมาจอดอยู่หน้าตึกกับรถตำรวจหลายคัน เมื่อเขาขึ้นไปข้างบน เขาก็เห็นน้ำฝนยืนร้องไห้อยู่หน้าห้อง และทันทีที่เธอเห็นเขา เด็กสาวก็โผเข้ามากอดพร้อมปล่อยโฮเป็นการใหญ่

รักตปักษ์กำลังจะอ้าปากถาม แต่สายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นบุรุษพยาบาลสองคนกำลังหามเปลนอนออกมา และบนนั้นคือร่างที่ยับเยินของจิน

เด็กชายถูกนำเข้าไปในรถพยาบาล รักตปักษ์และน้ำฝนจึงตามไปในรถคันเดียวกัน

“เกิดอะไรขึ้นน่ะน้ำฝน ทำไมจินถึงเป็นแบบนี้?” เขาถามเด็กสาวที่ยังคงสะอึกสะอื้นปาดน้ำตาเป็นพัลวัน

“ฝนก็ไม่รู้ค่ะ....ฮึก.....ฝนเห็นจินหายไปนาน ฝนก็เลยมาตาม....แต่พอมาถึงจินก็เป็นแบบนี้....ฮึก....แถม....แถมห้องก็เละไปหมด....ฮือ......” น้ำฝนเล่าไปสะอื้นไป สุดท้ายก็ปล่อยโฮออกมาอีกครั้งพร้อมกอดรักตปักษ์แน่น “จินจะไม่เป็นไรใช่ไหมคะ?” น้ำฝนถามเสียงอู้อี้

“พี่หวังว่าอย่างนั้น” เขากล่าวได้เพียงเท่านั้นพร้อมกับลูบศีรษะปลอบเด็กสาวที่เสียขวัญ


----------------------------->


หน้าห้องฉุกเฉิน รักตปักษ์และน้ำฝนเฝ้ารอผลอย่างใจจดใจจ่อ ระหว่างนั้นน้ำฝนก็ร้องไห้ไม่ยอมหยุด จนกระทั่งหมอผู้ตรวจออกมาจากห้อง ทั้งสองคนจึงรีบรุดเข้าไปถามอาการโดยทันที

“จินเขาเป็นยังไงบ้างครับ?” รักตปักษ์ถามเสียงร้อนรน

“พูดยากนะครับคุณรักตปักษ์ เขาถูกซ้อมอย่างหนักจนอวัยวะภายในบอบช้ำหลายแห่ง ซี่โครงหักสามซี่ กระดูกแขนขวาร้าว สมองได้รับการกระทบกระเทือน และปอดก็พบบาดแผลจากการโดนซี่โครงแทงเข้าไปแต่ไม่ลึกมาก เขาต้องได้รับการผ่าตัดและอยู่ภายใต้การดูแลของแพทย์อย่างเคร่งครัด แน่นอนว่ามีโอกาสรอด แต่หมอก็รับรองไม่ได้ว่าต้องใช้เวลาพักฟื้นนานแค่ไหน” หลังจากหมออธิบายจบ น้ำฝนก็ร้องไห้ออกมายกใหญ่ ส่วนรักตปักษ์นั้น เขาทำได้เพียงตอบรับคำของหมอ และติดต่อพ่อแม่ของจินให้เรียบร้อยก่อนจะไปให้การกับตำรวจ เขาจะไม่แปลกใจเลยหากพ่อแม่ของเด็กชายจะแสดงความประสงค์ให้ลูกของตนลาออกจากงาน

พ่อแม่ของจินมาถึงอย่างรวดเร็ว พวกเขารี่เข้ามาถามรักตปักษ์เป็นการใหญ่ ก่อนที่ผู้เป็นแม่จะตบหน้าชายหนุ่มเต็มฉาด

“ฉันฝากลูกของฉันให้คุณดูแล! แต่คุณกลับปล่อยให้ลูกฉันไปโดนคนอื่นซ้อมงั้นเหรอ!” หญิงสาวผู้เป็นแม่ตะคอกไปร้องไห้ไป น้ำตาของเธอไหลอาบแก้มที่ประดับด้วยเครื่องสำอางค์โดยที่เธอไม่สนใจจะเช็ดมันออกเลย

“ผมขอโทษครับ” รักตปักษ์กล่าวพลางก้มศีรษะ เขายอมรับผิดทุกประการ เพราะทุกอย่างเกิดขึ้นจากความสะเพร่าที่เขาให้จินกลับไปสำนักงานคนเดียว หากเขาไปเองเรื่องอย่างนี้ก็จะไม่เกิดขึ้น

“ฉันจะเอาลูกฉันกลับ! ฉันไม่ให้ลูกทำงานในที่แบบนั้นแล้ว!” แม่ของจินกรีดร้อง สามีของเธอจึงรุดเข้ามาดึงเอาไว้เมื่อเห็นเธอตั้งท่าจะเข้าไปทำร้ายรักตปักษ์อีกครั้ง

“พอแล้วน่าคุณ”

“พอแล้ว! คุณพูดได้ยังไง! ลูกของเราต้องไปนอนในห้องไอซียูก็เพราะผู้ชายคนนี้นะ!”

อารมณ์อันรุนแรงของหญิงสาว ทำให้แม้แต่นางพยาบาลก็ไม่กล้าเข้ามาขอให้เธอลดเสียงลง และการกรีดร้องของเธอก็ทำให้น้ำฝนยิ่งขวัญเสียมากกว่าเดิม

พ่อของจินต้องดึงตัวภรรยาไปสงบสติอารมณ์ข้างนอกโรงพยาบาล ส่วนรักตปักษ์ก็สั่งให้น้ำฝนอยู่เฝ้าจินระหว่างที่หมอกำลังทำการผ่าตัด และรีบรุดไปยังสถานีตำรวจเพื่อแจ้งความเอาไว้ก่อน และรอจินตื่นขึ้นมาให้การอีกทีหนึ่ง

ในสถานีตำรวจ รักตปักษ์ถูกซักอยู่หลายคำถาม ซึ่งเขาก็ตอบได้เท่าที่รู้คือ เขาไม่เคยมีศัตรู การทำข่าวของเขาก็ไม่มีการเอาเรื่องเสียใครมาเปิดโปง ดังนั้นจึงไม่น่ามีความพยายามก่อกวนเพื่อปิดปาก ห้องของเขาไม่มีของหายไปแต่เสียหายทั้งหมด และผู้บาดเจ็บมีจินเพียงคนเดียว เขาตอบได้เพียงเท่านี้จริงๆ ถึงอย่างนั้น สมองของเขากลับนึกถึงใครบางคนขึ้นมา ไม่ใช่ด้วยอคติ แต่ด้วยความเป็นไปได้ เพราะคนๆเดียวที่มีหนี้แค้นกับเขานั้น เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก.....สัตยา


------------------------->


ในตอนเย็น น้ำฝนก็โทรมาหารักตปักษ์ เธอบอกว่าจินรู้สึกตัวแล้ว ชายหนุ่มจึงรีบขี่มอเตอร์ไซด์กลับไปยังโรงพยาบาลโดยทันที

พ่อแม่ของจินกลับไปแล้ว ทั้งสองคนต่างมีงานประจำทำให้ไม่สามารถมาเฝ้าแหนดูแลลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้ พ่อของจินจึงฝากฝังให้น้ำฝนช่วยดูแล เด็กสาวจึงโทรกลับไปบอกที่บ้านว่าจะอยู่ดูแลเพื่อนที่บาดเจ็บที่โรงพยาบาล แม้ในตอนแรกพ่อแม่ของเด็กสาวทำท่าจะไม่ยอม แต่พวกเขาก็ต้องอนุญาตเพราะพ่อของจินช่วยพูดและวอนขออีกแรงหนึ่ง

รักตปักษ์มาถึงหลังจากพ่อแม่ของน้ำฝนนำของใช้จำเป็นมาให้และกลับไปไม่นานนัก สิ่งแรกที่เขาทำคือเดินเข้าไปที่เตียง นั่งลงบนเก้าอี้ และจับมือของจินเบาๆ

เด็กหนุ่มลืมตาขึ้นช้าๆอย่างยากลำบากก่อนจะเลื่อนมาสบกับใบหน้าของรักตปักษ์ เด็กหนุ่มจึงคลี่ยิ้มแห้งๆออกมา

“พี่รักต์....” เขาเรียก เสียงของเขาแหบแห้งและอ่อนระโหยจนรักตปักษ์สงสารจับใจ เขาขยับหูเข้าไปใกล้เพื่อฟังว่าจินกำลังจะพูดอะไร “ผมว่า.....ผมจะเรียนศิลปะ....ป้องกันตัว....” จินว่าแล้วหัวเราะเบาๆ ก่อนจะชะงักเพราะไปกระทบแผลผ่าตัดเข้า

“ยังมาทำเป็นเล่น” ชายหนุ่มร่างสูงดุ “จิน พอจะเล่าเรื่องวันนั้นให้พี่ฟังได้ไหม?”

“ได้...ครับ.....” จินตอบเสียงแห้ง รักตปักษ์จึงหยิบเครื่องบันทึกเสียงออกมาจากกระเป๋า แล้ววางไว้ข้างหมอน

“ถ้าเหนื่อยก็หยุดนะ อย่าฝืน” เขากล่าวก่อนจะเริ่มบันทึก

“มี....สามคน....งัดห้องเข้าไป....” จินเริ่มเล่าโดยพยายามขยับให้ปากใกล้เครื่องบันทึกเสียงมากที่สุด “ผมไม่รู้ว่าใช้อะไรงัด.....แต่ตอนผมไปถึง ห้องก็เปิดอยู่...แล้ว.....แฮ่ก.....อึก....” เล่าไปได้ครู่หนึ่ง เสียงของจินก็เริ่มขาดๆหายๆ การขยับหน้าอกเพื่อพูดและหายใจนำความทรมานมาให้จนไม่อาจฝืนต่อไปได้ จินเงียบไปครู่หนึ่งและหอบเบาๆ เสียงฮักๆดังออกมาเป็นระยะ

“พอแค่นี้แล้วกัน” รักตปักษ์ว่าแล้วเอื้อมมือไปหยิบเครื่อง ทว่ากลับถูกเสียงของจินรั้งไว้

“ผม....ผมไหว....ให้ผมเล่า...”

รักตปักษ์ชั่งใจอยู่นานกับคำขอนั้น แต่ในที่สุด เขาก็ละมือออกจากเครื่องบันทึกเสียง และนั่งฟังโดยไม่ได้เร่งจินแต่อย่างใด

“พวกนั้น....ทำลายข้าวของ แล้วก็....หันมาทำร้ายผม....” จินเว้นจังหวะหายใจครู่หนึ่ง “ผม....ผมป้องกันตัวไม่ได้เลย.....พวกนั้นคง....คิดว่าผมสลบแล้ว.....เลยหนีไป แต่ผมยังรู้สึกตัว.....ก็เลยโทรหาพี่รักต์....แล้ว....แล้วผมก็ไม่รู้สึก....อะไรอีกเลย....”

สิ่งที่จินเล่านั้นทำให้รักตปักษ์สลดใจ แม้แต่น้ำฝนที่ยืนห่างออกไปก็ยังน้ำตาไหลพรากอย่างสุดจะกลั้น

รักตปักษ์เก็บเครื่องบันทึกเสียงกลับใส่กระเป๋า แล้วยกมือขึ้นลูบผมของจิน

“พักซะนะ เดี๋ยวที่เหลือพี่จัดการเอง”

“พี่รักต์.....”

“หืม?”

“ถ้า....เจอคุณสัตยา....ฝากบอกด้วยนะครับว่า...ผมขอโทษ....ที่พูดไม่ดี....”

คำพูดของจินทำให้รักตปักษ์รู้สึกสะท้อนใจ เขาฝืนยิ้มแห้งให้กับเด็กหนุ่มแทนคำตอบรับ ก่อนจะเดินไปจับบ่าน้ำฝนแทนการให้กำลังใจ

“ดูแลจินด้วยนะ” เขาว่า

“ค่ะ” น้ำฝนรีบตอบรับเสียงหนักแน่น แต่แล้ว ใบหน้าของเธอก็แสดงความกลัวขึ้นมา “พวกมัน...จะย้อนกลับมาอีกไหมคะ?”

“พี่ไม่แน่ใจ แต่พี่จะไม่ให้พวกมันทำอะไรเธอสองคนได้อีกแล้ว” คำของรักตปักษ์ทั้งหนักแน่นและมั่นคง ทรงฤทธิ์อำนาจอย่างน่าประหลาด ปัดเป่าความกังวลในใจของเด็กสาวไปจนสิ้น แม้เธอจะไม่รู้เหตุผล ว่าทำไมเธอจึงเชื่อว่ารักตปักษ์จะปกป้องพวกเธอได้อย่างแน่นอน


------------------------------>


ในยามค่ำ เมื่อสัตยากำลังจะเข้านอน เขาเกิดรู้สึกครั่นเนื้อครั้นตัวและร้อนในอกอย่างน่าประหลาดใจ อาการไม่เหมือนตอนจะลอกคราบ แต่เหมือนเป็นลางบอกเหตุร้ายอะไรบางอย่าง พวกงูที่ปกติจะสงบนิ่งอยู่ในสวนไม่ปรากฏกายออกมาให้เห็นก็กลับพากันเลื้อยออกมาราวกับว่าที่อยู่เดิมนั้นร้อนรุ่มจนอยู่ไม่ได้ และพากันเลื้อยปีนขึ้นต้นไม้ที่อยู่ตรงหน้าต่างห้องของสัตยา

เสียงสวบสาบในสวนอาจทำให้คนในบ้านตื่นได้ งูทั้งหลายจึงขยับตัวอย่างเงียบเชียบและเชื่องช้า ทว่ามีท่าทางสับสนวุ่นวาย

สัตยาเปิดหน้าต่างออกไป มองดูงูจำนวนมากที่พันกายบนกิ่งไม้ เกล็ดของพวกมันเป็นเงามันเลื่อมในความมืด สายตาของพวกมันจับจ้องมายังสัตยา แลบลิ้นตวัดรับสัมผัสในอากาศ เสียงฟ่อดังขึ้นเป็นระยะจากงูบางตัว แต่สำหรับสัตยาแล้ว นั่นไม่ใช่เสียงร้องหรือขู่ ทว่าเสมือนกำลังเตือนเหตุบางอย่างจากภายนอก เขารับฟังอย่างตั้งใจ ทว่าสิ่งที่งูเหล่านั้นเตือนก็กลับกำกวม ด้วยเหล่างูทั้งหลายซึ่งเป็นบริวารต่างก็ไม่ได้รับอนุญาตให้รู้เห็นอนาคต เพียงแต่รับรู้ถึงลางบอกเหตุที่น่าสะพรึง

หลังจากพันเลื้อยและส่งเสียงอยู่ไม่นาน งูทั้งหมดก็พากันเลื้อยกลับลงไปบนพื้นดิน และหายลับไปในพงหญ้า

สัตยารู้สึกเป็นกังวลอย่างไม่มีสาเหตุ เหมือนกับว่ามีบางสิ่งบางอย่างเกิดขึ้น และจะเป็นต้นเหตุของเรื่องร้ายอีกมากมาย เขาปิดหน้าต่าง เดินกลับไปที่เตียงและล้มตัวลงนอน ถึงอย่างนั้นเขาก็พลิกตัวไปมาอยู่นานกว่าที่จะข่มตาหลับลงได้

ห้วงนิทราดำมืดเข้าครอบคลุมสติ พาสัตยาดำดิ่งลงสู้ก้นบึ้งแห่งห้วงฝัน ที่ซึ่งเขาได้กลับเป็นนาคใหญ่ดังในอดีตกาล ทว่าเมื่อสัตยาลืมตาขึ้น ภาพเบื้องหน้าหาใช่ถ้ำอันวิจิตร ทว่าเป็นภาพของการนองเลือดอันน่าสยดสยอง

ราวกับฉายซ้ำภาพเดิม สิ่งที่สัตยาเห็นคือนาคที่เลื้อยหนีกันอย่างชุลมุน และครุฑที่กำลังฉีกทึ้งร่างนาคโชคร้ายเป็นชิ้นๆ สัตยาอยู่ตรงนั้น ไม่อาจหนีไปไหนได้ อยู่เบื้องหน้าครุฑซึ่งทรงมหิทฤทธายิ่งกว่าหลายขุม สัตยาขู่ฟ่อ ครุฑก็แหงนหน้าขึ้นมา คำรามลั่นสะท้านสะเทือนไปถึงสวรรค์ กรงเล็บแหลมคมพุ่งทะยานเข้าหาคอของสัตยาที่ไม่มีทางหนี เขาหลับตา รอรับชะตากรรมด้วยความหวาดกลัว แต่แล้ว.....กลับมีนาคตนหนึ่งพุ่งออกมาจากซอกหินใกล้ๆนั้น เอาตัวเข้ารับกรงเล็บแหลมคม

.....หนีไป.....

สัตยาได้ยินนาคตนนั้นพูด ก่อนจะตวัดกายเข้าโรมรันกับครุฑเป็นการใหญ่ คมเขี้ยวแหลม คมเกล็ดกล้า ไม่อาจระคายผิวของครุฑเลยแม้แต่น้อย ทว่ากรงเล็บของครุฑกลับขยุ้มทะลุเกล็ดพาเลือดสดๆไหลทะลักอาบพื้นดิน

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #97 เมื่อ05-02-2011 00:19:43 »

ภายใต้ภาพสีแดงฉานนั้น สัตยาสะดุ้งตื่นขึ้นเมื่อได้ยินเสียงนาฬิกาปลุก มันกรีดร้องเสียงแหลมเตือนเวลาเจ้าของตามที่ถูกตั้งไว้อย่างเที่ยงตรง

สัตยาชันกายขึ้นนั่ง ร่างของเขาสั่นไม่ยอมหยุด และลมหายใจก็ผวาสะท้าน มือข้างหนึ่งถูกยกขึ้นลูบใบหน้า

ความฝันอันเจ็บปวดนั้น....จะย้อนกลับมาอีกกี่ครั้ง....

และทำไมเขาถึงต้องฝัน....

สัตยาไม่อาจหาคำตอบได้ รู้เพียงว่าความฝันนี้มีความนัยบางอย่าง แต่ความนัยใดจะอยู่ในความทรงจำของเขากัน?
ชายหนุ่มหันไปมองนาฬิกา ก่อนจะลุกขึ้นจากเตียงและพาตนเองเข้าห้องน้ำเพื่อชำระร่างกายให้สดชื่น น้ำ....เป็นสิ่งเดียวที่ทำให้เขารู้สึกดีขึ้นได้ในเวลานี้

สัตยาแต่งตัวไปทำงานตามปกติ เขาเอ่ยทักทายเชิดชัยเพียงสั้นๆก่อนจะเข้าห้องทำงานไปไม่ต่างจากวันอื่นๆ แต่เลขาผู้มากประสบการณ์กลับรู้สึกถึงอะไรบางอย่างที่แปลกไป เขารู้สึกว่าสัตยากำลังมีเรื่องกังวลใจที่ปรึกษาใครไม่ได้

ในขณะที่เชิดชัยกำลังคิดไม่ตกอยู่นั้น ก็กลับมาเสียงโวยวายดังมาตามทาง เลขาวัยกลางคนจึงหันไปมอง พบชายหนุ่มผมแดงที่คุ้นหน้าคุ้นตากันดีกำลังเดินมาโดยมีหญิงสาวจากแผนกประชาสัมพันธ์พยายามรั้งตัวเอาไว้อย่างสุดความสามารถ การมาครั้งนี้ของรักตปักษ์ทำให้เชิดชัยประหลาดใจ เพราะใบหน้าของฝ่ายนั้นถมึงทึงและดุร้ายอย่างน่ากลัว ไม่เหลือคราบของชายหนุ่มอารมณ์ดีที่เคยรู้จักกันมาก่อนเลย เขาจึงเดินเข้าไปหาหมายจะถามให้รู้ความ เพราะการขึ้นมาบนชั้นนี้โดยไม่ได้รับอนุญาตถือเป็นความผิดใหญ่หลวง

“สวัสดีครับ คุณรักตปักษ์” เชิดชัยเอ่ยทักทาย “วันนี้มีธุระอะไรหรือครับ?”

“ถอยไปเถอะคุณเชิดชัย ผมต้องคุยกับเจ้านายของคุณ” รักตปักษ์พยายามสะกดกลั้นอารมณ์ไม่ให้ระเบิดใส่คนรอบข้างที่ไม่เกี่ยวข้อง

“แต่คุณควรจะรอในล็อบบี้เพื่อให้คนพาไปห้องรับรองตอนที่คุณสัตยาว่าง คุณขึ้นมาเองแบบนี้ไม่ได้นะครับ” เชิดชัยว่าอย่างใจเย็น แต่ว่า....เขารู้สึกไปเองหรือเปล่านะ ที่รู้สึกว่ารักตปักษ์ตัวใหญ่ขึ้นและผมสีแดงนั้นเด่นชัดขึ้นกว่าที่เคยเป็น

“อย่าขวางทางผม คุณเชิดชัย อย่าให้ผมต้องบังคับคุณจะดีกว่า” เสียงของรักตปักษ์ยิ่งดุดันขึ้นกว่าเก่า เชิดชัยเริ่มรู้สึกว่าตนเองยืนอยู่เบื้องหน้าบางสิ่งที่แข็งแกร่งและยิ่งใหญ่ เขาเผลอกลืนน้ำลายเอื้อกก่อนจะพยายามบอกตนเองว่าอีกฝ่ายก็เป็นคนธรรมดาที่กำลังอยู่ในอารมณ์โกรธเท่านั้น

“ถ้าคุณไม่ฟัง ผมจะเรียกรปภ.มาโยนคุณออกไปนะครับ”

“รปภ.ทำอะไรเขาไม่ได้หรอก คุณเชิดชัย” สัตยาซึ่งได้ยินเสียงโหวกเหวกหน้าห้องอยู่นานเดินออกมากล่าวเสียงนิ่ง “ปล่อยให้เขาเข้ามา” หลังพูดจบ สัตยาก็เดินนำเข้าไปในห้องก่อน เชิดชัยและพนักงานจากแผนกประชาสัมพันธ์จึงหลีกทางให้รักตปักษ์เดินตามเข้าไปในห้อง และเมื่ออีกฝ่ายลับสายตาไปแล้ว ทั้งสองก็ต้องแปลกใจเมื่อรู้สึกหายใจหายคอสะดวกขึ้นกว่าเดิม ราวกับว่าเมื่อครู่ได้ถูกแรงกดดันบางอย่างกดทับจนหายใจแทบไม่ออก
ในห้องทำงานของสัตยา ชายหนุ่มเจ้าของห้องเดินไปกอดอกยืนพิงโต๊ะและเอ่ยถาม

“มีธุระอะไร?”

รักตปักษ์ไม่ตอบคำ เดินตรงไปยังสัตยาแล้ววางเครื่องบันทึกเสียงลงบนโต๊ะก่อนจะกดเปิด ทันใดนั้นก็มีเสียงเหมือนคนกำลังขยับตัวบนเตียงดังขึ้น ตามด้วยเสียงพูดแผ่วเบาและขาดๆหายๆ

“มี....สามคน....งัดห้องเข้าไป....ผมไม่รู้ว่าใช้อะไรงัด.....แต่ตอนผมไปถึง ห้องก็เปิดอยู่...แล้ว.....แฮ่ก.....อึก....” เสียงเล่านั้นขาดหายไป และแทนที่ด้วยเสียงหอบหายใจอย่างทรมาน สัตยามุ่นคิ้ว เขาจำได้ว่านั่นคือเสียงของจิน แต่ทำไมเสียงถึงได้ฟังเหมือนถูกทำร้ายบาดเจ็บสาหัสมา

“พอแค่นี้แล้วกัน” เสียงของรักตปักษ์แทรกเสียงหอบหายใจขึ้นมา

“ผม....ผมไหว....ให้ผมเล่า...” เสียงจินขัดอย่างอ่อนระโหยคล้ายว่าใกล้จะหมดแรงเข้าไปทุกที “พวกนั้น....ทำลายข้าวของ แล้วก็....หันมาทำร้ายผม....ผม....ผมป้องกันตัวไม่ได้เลย.....พวกนั้นคง....คิดว่าผมสลบแล้ว.....เลยหนีไป แต่ผมยังรู้สึกตัว.....ก็เลยโทรหาพี่รักต์....แล้ว....แล้วผมก็ไม่รู้สึก....อะไรอีกเลย....”

เทปสุดอยู่แค่นั้น รักตปักษ์จึงเก็บเครื่องบันทึกเสียงกลับเข้ากระเป๋าและจ้องหน้าสัตยาเขม็ง

“เจ้าทำแบบนี้ได้ยังไง?”

“หมายความว่าอะไร?” สัตยาถามย้อน เขายังไม่สามารถจับต้นชนปลายได้ถูกต้องนัก แต่ดูเหมือนรักตปักษ์กำลังจะโทษว่าจินถูกทำร้ายเพราะเขาเป็นต้นเหตุ

“มันไม่ใช่การขโมยของ ของทุกชิ้นถูกทำลายเสียหายแต่ไม่มีอะไรหายไป” รักตปักษ์พูดเสียงเย็นจนสัตยารู้สึกขนลุกไปทั้งแขน ร่างสูงของรักตปักษ์ก้าวเข้าใกล้สัตยายิ่งขึ้นและโน้มใบหน้าจนเกือบชิดคู่สนทนา “พวกมันเข้ามาตอนข้าไม่อยู่ ทำลายทุกสิ่งที่เห็น และทำร้ายจินที่ไปเห็นเหตุการณ์”

“ออกไป! ข้าไม่...อึก....” สัตยาร้องก่อนจะผลักอกอีกฝ่าย ทว่ามือแกร่งกร้านก็คว้าเข้าที่ข้อมือแล้วบีบแรง แขนอีกข้างของรักตปักษ์เท้าลงกับโต๊ะป้องกันทางหนีของสัตยาโดยสิ้นเชิง

“เด็กคนนั้น....อวัยวะภายในบอบช้ำ ซี่โครงหัก กระดูกร้าว สมองถูกกระทบกระเทือน ปอดฉีก ไม่รู้ว่าจะกลับมาใช้ชีวิตปกติได้เมื่อไหร่ เจ้ายังจะทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นอีกงั้นหรือ!” เสียงรักตปักษ์ตะโกนกร้าวอย่างดุดันจนสัตยาเกือบจะหยุดหายใจ แต่แล้ว ดวงตาที่เต็มไปด้วยความโกรธเกรี้ยวคู่นั้นก็กลับอ่อนแสงลงกลายเป็นความเจ็บปวด “เจ้าเกิดและเติบโตในฐานะมนุษย์....เป็นมนุษย์ครึ่งร่าง....แล้วหัวใจของเจ้านั้นเล่า ไม่ได้เป็นมนุษย์ด้วยเลยหรือ สัตยา....”

ถ้อยคำของรักตปักษ์ทำให้สัตยานิ่งอึ้งไป เขารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างที่น่าสะกิดใจ หากว่าผู้ที่เข้าไปในห้องไม่ได้อยากได้ของ แล้วจะเข้าไปทำไม....ซ้ำการที่จินถูกทำร้ายก็เพราะบังเอิญไปเห็นเข้า....

สัตยาเม้มปาก ไม่อยากจะเชื่อในสิ่งที่ตัวเองคิด เพราะนั่นหมายความว่าการที่จินเป็นอย่างนี้ ต้นเหตุก็มาจากเขาจริงๆ

“เจ้ารู้ไหม....ทั้งที่ขยับตัวไม่ได้ เด็กคนนั้นบอกข้าว่า ฝากข้ามาขอโทษเจ้าที่พูดไม่ดีออกไป...”

ชายหนุ่มร่างเล็กรู้สึกสะท้านในอก เขานิ่งไป รักตปักษ์จึงพูดต่อ

“ข้าเห็นความฝันของเจ้า....” เขาว่า “ความแค้นของเจ้าฝังรากลึกจนยากจะถอน แต่คราวหน้า จงเอาความแค้นนั้นมาลงกับข้า หาใช่ผู้อื่นที่ไม่ข้องเกี่ยว และได้โปรด....อย่าทำผิดพลาดซ้ำรอยเดิมกับข้า....” สิ้นคำ รักตปักษ์ก็ปล่อยมือแล้วถอยออกมา ทันใดนั้น ประตูห้องก็เปิดออก ปรากฏร่างชายคนหนึ่งยืนอยู่ที่นั่นพร้อมกับลูกน้องยืนอยู่เบื้องหลัง รักตปักษ์ได้กลิ่น....เลือดของจินจากลูกน้องคนหนึ่ง....

“อ้าว มีแขกอยู่จริงๆด้วย” กฤตนันท์ว่าพลางแสยะยิ้มให้กับรักตปักษ์ “โทษทีนะไอ้หนู ฉันมีธุระกับคุณสัตยา ช่วยออกไปก่อนจะได้ไหม?”

“....ได้ ผมเสร็จธุระพอดี” รักตปักษ์ตอบเสียงนิ่ง เขาปรายสายตามองนาคจำแลงครู่หนึ่ง ก่อนจะผินหลับเดินไปทางประตูและจากไป แต่แล้ว ลูกน้องคนหนึ่งของกฤตนันท์ก็สะดุ้งเบาๆก่อนแตะแก้มตนเอง และที่นั่นปรากฏบาดแผลยาวและบางเฉียบขึ้น มีเลือดไหลออกมาจำนวนเล็กน้อยคล้ายโดนสิ่งที่คมมากบาดเป็นทางซึ่งเจ้าตัวงงงันสงสัยว่าได้มาจากไหนและเมื่อไหร่

กฤตนันท์เดินเข้ามาในห้อง และถือวิสาสะเดินอ้อมไปนั่งเก้าอี้ประธานก่อนยกขาขึ้นไขว้บนโต๊ะ

“ห้องน่าอยู่ดีนะครับ คุณสัตยา” เขาว่าพลางพลิกเปิดกระดาษเอกสาร หยิบที่ทับกระดาษซึ่งทำจากแก้วมาคลึงเล่นในมือ ก่อนจะแกล้งทำตกลงบนพื้นแตกกระจาย

“ผมสั่งว่าห้ามมีคนตาย” สัตยาปรายหางตามองบุคคลที่ไม่ได้รับเชิญอย่างเหยียดหยามและโกรธเคือง

“ก็ไม่มีใครตายนี่ครับ” กฤตนันท์หัวเราะ “คุณไม่ได้บอกว่าห้ามทำร้ายใครเสียหน่อย”

“ผมไม่ต้องการคนที่ชอบคิดบิดเบือนคำสั่งด้วยตัวเอง” สัตยาว่า “ออกไปจากห้องผม เราจะไม่มีการเจรจาใดๆทั้งสิ้น”

“จะดีเร้อ รักตปักษ์ของคุณเขาไปแจ้งความเอาไว้แล้วนะ ถ้าผมบังเอิญทำเรื่องที่เราคุยกันรั่วออกไป....” มาเฟียหนุ่มทำลอยหน้าลอยตา “ตามกฏหมาย ผู้จ้างวานมีโทษสองเท่านี่นะ”

“คิดจะขู่ผมหรือครับ?” ดวงตาของสัตยากลับแข็งกร้าวขึ้นมาทันที

“เปล่าเลยครับ ใครจะกล้าขู่คุณได้ แต่ว่า...” กฤตนันท์เดินเข้ามาหาสัตยาซ้ำยังเคลื่อนกายแทบชิด “มันอาจจะกระทบต่อชื่อเสียงของบริษัทคุณก็ได้นะครับ ผมน่ะมันชื่อเสียอยู่แล้ว ถูกจับเข้าคุกก็มีเงินประกันตัวออกมาโลดแล่นในโลกมืดได้อีกอยู่ดี”

“ผมไม่คิดอย่างนั้น” สัตยาไม่แสดงท่าทีกลัวเกรงออกมาแม้แต่น้อย “คุณเป็นมาเฟียตัวเอ้ของถิ่นนี้ ถ้าพวกเขาจับคุณได้แม้จะด้วยข้อหาเล็กน้อย แต่เพื่อชื่อเสียงของวงการตำรวจและอาจได้รับการเลื่อนขั้นเป็นพิเศษรวมทั้งได้รับการชื่นชมจากประชาชน พวกเขาย่อมทำทุกวิถีทางที่จะง้างปากคนของคุณทีละคนเพื่อหาข้อหามายัดให้คุณโดนโทษจำคุกตลอดชีวิตหรือประหารให้ได้ ส่วนผม ถึงชื่อบริษัทจะเสียไปบ้าง แต่คุณรู้ไหม เคยมีปราชญ์ท่านหนึ่งกล่าไว้ว่า “จะพลิกพลิ้วชิวหาเป็นอาวุธ””

“อะไรกัน คุณก็จะปรักปรำผมด้วยหรือไง?” รอยยิ้มของกฤตนันท์จางหายไปและแทนที่ด้วยท่าทางคุกคามอย่างชัดเจน

“คุณจะได้รู้ว่าคนข้างนอกนั่นจะเชื่อใครมากกว่ากันระหว่างคนมือเปื้อนเลือดอย่างคุณ กับคนที่ไม่เคยมีประวัติเสียอย่างผม” สัตยาทิ้งท้ายก่อนจะผละห่างออกไปและเดินไปทางประตู แต่แล้ว กฤตนันท์ก็กลับเดินเข้ามาผลักบานประตูให้ปิดสนิท ทั้งยังกางแขนกั้นสัตยาไม่ให้เดินหนี ดวงตาคู่นั้นจ้องมองหน้าสัตยาอย่างแฝงนัยอันชั่วร้าย

“แขนเสื้อยับแน่ะ ท่านประธาน” เขาว่า สัตยาจึงมุ่นคิ้วด้วยความสงสัย “ฝีมือเจ้าหนูตะกี้ล่ะสิ”

“ถ้าใช่แล้วคุณจะทำไมไม่ทราบ?” สัตยาเอ่ยถามพลางจัดทรงแขนเสื้อ

“น่าแปลกจริงนะ ทั้งที่คุณเกลียดเขาจนอยากฆ่าให้ตาย ทำไมถึงยอมให้แตะตัวได้ แต่กับผมที่ยอมร่วมมือกับคุณทุกอย่าง คุณกลับปฏิเสธ” ว่าไป มือของกฤตนันท์ก็เลื่อนเข้าใกล้จนสัตยาต้องถอยออกเท่าที่พื้นที่ตอนนี้จะเอื้ออำนวย แต่แล้ว เสียงร้องโวยวายหน้าประตูก็ดังขึ้นทำให้กฤตนันท์ต้องชะงัก

“คุณสัตยา! เป็นอะไรไหมครับ!” เสียงของเชิดชัยนั่นเอง “รปภ. พังประตูเลย!”

กฤตนันท์ได้ยินดังนั้น ก็รีบฉีกตัวออกมาจากประตูพร้อมทั้งสัตยาที่ถอยไปอีกทาง ก่อนที่รปภ.ร่างใหญ่หลายคนจะทุ่มแรงยันประตูดังโครมเพียงเสี้ยววินาที กลอนประตูหักกระเด็นกลิ้งไปอยู่ที่ปลายเท้ากฤตนันท์ พร้อมกับเชิดชัยที่วิ่งหน้าตื่นเข้ามาในห้อง

“คุณสัตยา ไม่เป็นไรใช่ไหมครับ?”

“ไม่เป็นไร ผมสบายดี” สัตยาตอบพลางจัดเสื้อให้เรียบร้อย “ไหนๆคุณก็เอารปภ.มาแล้ว ก็ช่วยเชิญคุณกฤตนันท์ออกไปด้วย ถ้าไม่ไปโดยดีก็อุ้มโยนออกไปได้เลย และ....อย่าให้คุณกฤตนันท์เฉียดเข้าใกล้บริษัทอีกเด็ดขาด” ชายหนุ่มสั่งเสียงเข้ม ก่อนจะเดินออกไปจากห้อง เหล่ารปภ.จึงเข้าล้อมรอบตัวกฤตนันท์โดยที่ลูกน้องก็ทำอะไรไม่ได้ มาเฟียหนุ่มจ้องหน้าเชิดชัยถมึงทึงอยู่นาน ก่อนจะส่งเสียงหึในคอ แล้วเดินออกไปพร้อมกับรปภ.และลูกน้องของตน

เชิดชัยถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก เขาเดินตามสัตยาออกไปทันก่อนที่สัตยาจะขึ้นลิฟต์พอดี

“จะไปไหนหรือครับ?” เขาถาม

“ผมจะไปเดินเล่นข้างล่าง จริงสิ ผมมีงานให้คุณทำ คุณเชิดชัย” สัตยากล่าวขณะที่ลิฟต์กำลังโรยตัวลงทีละชั้น “ช่วยไปซื้อดอกไม้แล้วเอาไปให้คุณรักตปักษ์ บอกว่าฝากให้จิน”

หลังจากนั้น....รักตปักษ์จะเอาไปโยนทิ้งหรือปักแจกันมันก็ไม่เกี่ยวกับเขาแล้ว


------------------------------>


“ชิ นักธุรกิจเฮงซวย” กฤตนันท์สบถพลางกระดกเหล้าเข้าปาก การเจรจาเหลวไม่เป็นท่า แถมยังโดนล็อบบี้เสียเอง “คนอะไรวะ หยิ่งชิบหาย” เขาพูดอย่างคับแค้นใจพร้อมดึงสาวที่มาบริการมากอดรัด

“ยังไงก็ปล่อยไว้ไม่ได้นะครับ พี่กฤต” ลูกน้องคนหนึ่งเตือน

“เออ รู้แล้ว แต่ไอ้เวรนั่นยังไม่ให้เราเคลื่อนไหวไปมากกว่านี้นี่หว่า” มาเฟียหนุ่มทำเสียงไม่พอใจ “ถ้ามันไม่บอกว่าจะแบ่งหุ้นในชลวรินทร์ให้กึ่งหนึ่งนะ ข้าไม่ยอมเอาหน้าไปให้ไอ้เด็กเส็งเคร็งนั่นตอกถึงที่หรอกเว้ย! เหอะ! ตอนแรกก็นึกว่าจะคุยรู้เรื่อง จะได้ยิงทีเดียวได้นกสองตัว ที่ไหนได้ มันดันฉลาดเป็นกรด แค้นใจไม่หายเลยว่ะ พูดแล้วโมโหเว้ย!” ว่าแล้ว กฤตนันท์ก็ซดเหล้าเข้าไปอีกอึกใหญ่ แต่ก็พบว่าเหล้าของเขาหมดขวดเสียแล้ว จึงหันไปสั่งลูกน้องคนหนึ่งให้ออกไปซื้อให้

ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ไม่อาจขัดคำสั่งหัวหน้า เขาจึงต้องออกมาข้างนอกอย่างไม่เต็มใจนัก ปากก็บ่นไป แต่ก็ต้องทำตาม จึงตัดสินใจออกมาจะได้รีบไปรีบกลับ

บนถนนตอนนี้เงียบสงัดไร้วี่แววสิ่งมีชีวิต เสียงรองเท้ากระทบพื้นถนนเป็นเพียงเสียงเดียวที่เป็นเพื่อนคนเดินทางในยามนี้ เขานึกกลัวอยู่ในใจเมื่อมองไปทางไหนก็มีแต่ความมืดกับเสียงก้อกแก้กเบาๆเมื่อสัตว์หากินกลางคืนปีนป่ายกองขยะข้างทาง แต่เมื่อเดินต่อไปได้สักพักหนึ่ง เขาก็ต้องยกมือขึ้นกุมแก้มเพราะแผลเดิมเกิดเจ็บขึ้นมา

บาดแผลบนแก้มที่เขาไม่รู้ว่าไปโดนอะไรบาดตอนไหน ชายร่างใหญ่ไล้มือไปบนแผลพลางนึกสงสัยในใจ ตอนนั้นเขาจำได้ว่า ผู้ชายผมแดงเดินผ่านเขาไป แต่ก็ห่างไปพอสมควรกว่าเขาจะรู้สึกเจ็บ เหมือนกับโดนมีดคมเฉือนลงบนเนื้ออย่างรวดเร็วเกินจะจับได้ทัน ตอนที่รู้สึกตัวก็มีแผลปรากฏเสียแล้ว

เขาเดินต่อไปอีกสองสามก้าวก่อนจะละมือลงมาแล้วเหลือบมองขึ้นไปด้านบน แต่แล้ว เขาก็ต้องผงะด้วยความตกใจ เมื่อบนเสาไฟฟ้าและสายไฟเต็มไปด้วยอีกามากกว่าร้อยเกาะเกี่ยวแย่งยื้อที่กันจนครึ้มไปหมดตลอดเส้นทาง

“อะไรวะเนี่ย!” เขาร้องออกมา

บนเสาไฟฟ้าสูงตระหง่าน มีอีกาเกาะอยู่หลายตัวและลดหลั่นลงมาตามขั้นที่ยื่นออกจากเสา สายไฟระโยงระยางหลายเส้นถูกจับจองพื้นที่จนแทบมองไม่เห็นว่าสายไฟอยู่ตรงไหน อีกาเกาะเรียงกันจนเห็นเป็นสีดำทะมึน เสียงร้องของมันชวนวังเวงขนหัวลุก บางตัวที่หาที่เกาะไม่ได้ก็โผบินไปแย่งยื้อกับตัวอื่นซึ่งกระพือปีกหลบหลีกกันเป็นพลวัน เส้นทางสายยาวนั้น มีแต่เงาสีดำปกคลุม แม้แต่ไฟถนนที่สว่างจ้าก็มีอีกาไปจับจองกระพือปีกอ้าปากเปล่งเสียงร้อง ปีกสีดำกระพือพรึ่บพรั่บแข่งกันเป็นเสียงที่ฟังดูสับสน ชายกรรจ์เห็นภาพนั้นก็ถึงกับขนลุกซู่ไปทั้งร่าง เขาแทบจะก้าวไม่ออกแต่ก็พยายามเดินต่อไปและไม่สบตาพวกมัน

บางทีอาจจะมีคนตายแถวนี้

เขาคิดในแง่ดี เพราะมีเหตุผลไม่มากที่อีกาจะมารวมตัวกัน แต่ก็ไม่น่าที่จะมากมายได้ถึงขนาดนี้ ราวกับว่าอีกาทั่วกรุงเทพได้มารวมกันอยู่ที่จุดเดียวคือถนนทางเดินในซอยแคบๆแห่งนี้

อีกาเหล่านั้นไม่ได้ทำอะไร พวกมันเพียงแต่เกาะบนเสาและสายไฟฟ้า กรีดร้องเสียงน่ากลัวและกระพือปีกให้เกิดเสียง ชายฉกรรจ์รีบเร่งฝีเท้าให้ออกไปพ้นเขตที่อีกาอยู่ให้เร็วที่สุด แต่เส้นทางนั้นก็ทอดยาวเสียจนเหมือนไม่มีที่สิ้นสุด

อีกไม่ไกลก็จะถึงปากซอย เขารู้จากความทรงจำที่เดินเข้าออกซอยนี้ทุกวัน เมื่อพ้นซอยออกไปแล้วก็จะเจอถนนเส้นเล็กๆ ตรงข้ามทางออกซอยนั้นจะเป็นร้านขายของชำที่เปิดจนดึกทุกวัน เพื่อให้เจ้านายของเขาได้ดื่มเหล้าในตอนที่ต้องการ แล้วในที่สุด เขาก็เดินมาจนถึงปากทาง เส้นทางอีกาหมดลงที่ตรงนั้น พวกมันบินวนเวียนเกาะแกว่งอยู่กับเสาไฟในซอยโดยไม่ล้ำออกไปข้างนอกเลยแม้แต่นิดเดียว และตรงปากซอยก็ยิ่งหนาแน่น มีบางตัวบิดฉวัดเฉวียนผ่านหน้าจนต้องโบกมือและส่งเสียงไล่ มันก็ร้องเสียงดังตอบกลับมาอย่างโมโห

ชายฉกรรจ์รีบเดินออกมาให้พ้นซอย แล้วเข้าไปในร้านขายของชำ คนขายเป็นชายแก่ร่างเล็กที่ต้องอดตาหลับขับตานอนมานั่งเฝ้าร้านเนื่องจากถูกสังให้เปิดทั้งคืน

“แบบเดิมขวดนึง” เขาสั่ง

“ได้ๆ” ชายแก่รับคำเสียงพร่าก่อนจะเดินขโยกเขยกไปปีนเก้าอี้หยิบเหล้ามาให้ “240 บาท”

“ไปเก็บกับพี่กฤตเอาเองแล้วกัน!” ชายฉกรรจ์ตะคอกอย่างอารมณ์เสีย แค่โดนหัวหน้าสั่งให้ออกมาซื้อของก็น่าโมโหพออยู่แล้ว ดันมาเจอฝูงอีกาเข้าอีก เขาหิ้วเหล้าออกมาโดยไม่ได้จ่ายเงินเลยสักบาท ซึ่งเหตุการณ์ก็เป็นอย่างนี้ทุกครั้ง ชายแก่ซึ่งปลงตกกับชีวิตนี้แล้วจึงไม่ใส่ใจมาก เขาห่วงแต่ว่าลูกหลานที่จะดูแลร้านนี้ต่อจะต้องมาเจอเรื่องแบบเขา นี่สิที่น่าปวดใจ

ชายฉกรรจ์ร่างใหญ่ต้องเดินกลับเข้าไปในซอยนั้นอีกครั้ง และแน่นอนว่า ยังคงเต็มไปด้วยอีกาเช่นเดิม แต่คราวนี้เขาใจกล้าขึ้นเพราะตอนขามาพวกมันไม่ได้ทำอะไร

อีกาหลายตัวจ้องมองไปยังผู้สัญจรเพียงคนเดียวในค่ำคืนนี้ พวกมันส่งเสียงแหลมสูงเสียดหูกระพือปีกสีดำและโผบินไปมาบนฟ้า บางตัวเริ่มโฉบลงมาข่วนกรงเล็บลงบนแขนของชายฉกรรจ์ที่ยกขึ้นป้องหน้า เขาร้องออกมาก่อนจะเข่นเขี้ยว

“ไอ้พวกกานรก!” เขาตะโกนและหมายไว้ในใจว่าจะกลับไปเอาปืนมายิงทิ้งให้หมด

เสียงนกร้องตอบกลับมาเหมือนโต้คำต่อว่านั้นก่อนจะโฉบลงมามากขึ้นกว่าเดิม คราวนี้พวกมันบินกรูลงมาตรงหน้า และจิกตีวุ่นวายจนเขาปัดป้องไม่หมด จึงเริ่มออกวิ่ง และแล้ว....กาทั้งหมดที่เกาะแถวนั้นก็พากันร่อนลงมาเป็นขบวน แล้วบินเข้าไปกรุมรุมแย่งทึ้งชายกรรจ์จนแทบมองไม่เห็นตัวคน ได้ยินเพียงเสียงตะโกนและเสียงเท้าวิ่งหนี แต่หากมองไปก็จะเห็นเหมือนเงาดำที่เคลื่อนไหวไปตามทางเท่านั้น

จงอยปากแหลมคมจิกเนื้อจนเลือดซิบ ฉีกทึ้งเนื้อเป็นพัลวัน ในที่สุดเขาก็สะดุดขาตัวเองล้มลงคลุกคลานกับพื้น

ฝูงกากรุมรุมเข้ามาอย่างหนาแน่น จิกดวงตาทั้งสองข้างจนมืดบอด เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดดังก้องไปทั้งซอย แต่กลับไม่มีใครสนใจออกมาดูเพราะต่างก็กลับสนิทกันหมดแล้ว อีกทั้งเสียงนั้นยังถูกกลบด้วยเสียงร้องของกานับร้อยตัว

พวกมันผลัดกันจิกกินเนื้อสดนั้นอย่างสนุกสนาน เลือดไหลโทรมออกมาจากบาดแผลและเปื้อนบนพื้นถนนตามทางที่คืบคลานไป ตะเกียกตะกายอย่างทรมาน ร้องจนเสียงแหบแห้ง ต้องใช้เวลานานทีเดียวกว่าที่ร่างนั่นจะหยุดเคลื่อนไหวและเสียงเงียบหายไป เหลือเพียงเสียงร้องของกาดังไปทั่วถนนทางเดินอันวังเวง และเสียงกระพือปีกเหนือร่างที่หมดลมหายใจ เนื้อถูกฉีกทึ้งจนแหว่ง ดวงตาถูกจิกกินจนหมด และเนื้อส่วนที่เหลือก็ยังถูกแย่งยื้อราวกับอาหารค่ำอันโอชะ

ใกล้ๆนั้น บนหลังคาบ้านหลังหนึ่ง มีเงาของชายร่างสูงใหญ่ปรากฏอยู่พร้อมกับปีกสีแดงบนแผ่นหลัง เขาจ้องมองลงมายังถนนและฝูงกาอย่างเย็นชา ดวงตาคู่นั้นแดงก่ำราวกับเลือด รอบกายของเขามีนกบริวารอารักขาอยู่ไม่ห่าง

เมื่อเสียงร้องเงียบไปแล้ว ชายคนนั้นจึงผินหลัง และกระพือปีกจากไปในความมืดของยามราตรี....


--------------------------------->
TBC

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #98 เมื่อ05-02-2011 02:06:36 »

คุณรักษ์เริ่มออกฤทธิ์ออกเดชบ้างแล้ว เนื้อเรื่องเริ่มเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

ลุ้นๆ ค่ะ o13

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #99 เมื่อ05-02-2011 02:52:18 »

สนุกดีค่ะ เนื่อเรื่องน่าติดตามมากๆ
ยิ่งตอนล่าสุดนี่.. คุณรักษ์แรงงงงง
รอตอนหน้านะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
« ตอบ #99 เมื่อ: 05-02-2011 02:52:18 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #100 เมื่อ05-02-2011 03:02:36 »

เอาคืนให้หนัก ๆ เลยค่ะ คุณรักตปักษ์


 :m16: :m16:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #101 เมื่อ05-02-2011 04:44:42 »

อ่านตอนนี้แล้วแอบขนลุกเลยอ่ะ ตารักต์นี้ดูและเอาจริงเหมืิอนกันนะเนี้ย

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #102 เมื่อ05-02-2011 05:53:38 »

สงสารจิน... :monkeysad:
ควรจัดการกฤตนันท์ด้วย
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-02-2011 05:55:12 โดย Little Devil »

lovevva

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #103 เมื่อ05-02-2011 06:53:59 »

 o18 เรื่องราวชักจะเข้มข้นน่าติดตาม

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #104 เมื่อ05-02-2011 07:11:59 »

เล่นกันเเร้ง เเรงๆ

รีบมาต่อนะ สนุกๆๆ

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #105 เมื่อ05-02-2011 08:22:21 »

ระวังตัวให้ดีไอ้คุณสัด   ถึงทีเขาบ้างละ

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #106 เมื่อ05-02-2011 09:04:58 »

นกแดง แรงงงงงงงว่ะ
555 แต่ล่ายหล่างจายมั่ก ขออีกๆๆๆ

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #107 เมื่อ05-02-2011 09:12:39 »

พี่รักต์แกโหดใช้ได้เลยนะเนี่ย

คนแต่งสู้ๆ :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #108 เมื่อ05-02-2011 10:35:00 »

ไอ้เวรนั่นที่จะแบ่งหุ้นให้กึ่งนึงคือใครอ่า  ใครหักหลังคุณยาสุดสวย  >.<

hahn

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #109 เมื่อ05-02-2011 10:42:29 »

ดุเดือดจริงๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
« ตอบ #109 เมื่อ: 05-02-2011 10:42:29 »





ออฟไลน์ จันทร์ผา

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2264
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +286/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #110 เมื่อ05-02-2011 11:27:57 »

ขนลุกเลย น่ากลัว

รอตอนต่อไปครับ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #111 เมื่อ05-02-2011 13:55:07 »

ตื่นเต้นจัง

ออฟไลน์ หัวเเม่มือ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 804
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #112 เมื่อ05-02-2011 15:39:13 »

ชอบตอนนี่จังเลยสนุกดีอ่ะ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #113 เมื่อ05-02-2011 16:49:56 »

คุณรักต์โหดนะคะเนี่ย....

อีกานั่นติด ไวรัส T หรือเปล่าคะเนี่ย ???   o18

ออฟไลน์ p_phai

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2302
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +154/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #114 เมื่อ05-02-2011 17:04:14 »

โหดอะ  :fire:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #115 เมื่อ05-02-2011 17:22:12 »

คุณรักษ์โหดซะ  :sad3:

mumoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #116 เมื่อ05-02-2011 17:35:09 »

กลับมาหาคุณรักต์พี่ครุฑสุดเท่ห์แว้ววว~
โห...นิวลุคของพี่ครุฑเรา เข้มได้ใจ(ปนหยองนิดๆ ไม่กล้าทำแกพิโรธเลย)
อ่านตอนนี้แล้ว อยากดูหนังเรื่องอีกาพยายมขึ้นมาตะหงิดๆ(หนังบ่งอายุมาก 55) เพราะพี่พระเอกเรื่องนั้นก็เท่ห์ได้ใจมิแพ้พี่ครุฑเลย
ปล.รอลุ้นว่าใครคือคนบงการไอ้บ้ากฤต หนอยแน่ๆ คิดร้ายกะนาคน้อยของเราเหรอ เดี๊ยๆ  >^<

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #117 เมื่อ05-02-2011 17:48:25 »

สนุกดีนะคะ เข้าใจวางพล็อทเรื่อง

 :จุ๊บๆ: +1 ค่ะ

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #118 เมื่อ05-02-2011 17:56:06 »

โหดมากกก  แรงกว่านาคน้อยหลายเท่านักนะท่านครุฑ  o13 o13
สายตาที่มองอย่างเย็นชา อึ๋ยยย
ความจริงก็โกรธนาคน้อยอยู่ใช่มั้ยค่ะ แต่เห็นความฝันของนาคน้อยแล้ว อย่าทำอะไรรุนแรงมากนักนะตัวเอง เดี๋ยวนาคน้อยจะเกลียดไปกันใหญ่
ใครเป็นคนบงการอยู่เบื้องหลังกฤตินันท์ฟระ  :m31:
Ps. เรา รัก sm ค่ะ เราไม่ได้อยากเห็นนาคน้อยโดนท่านครุฑลงโทษเลยจริงจริ้ง    o18 o18

b27072010

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 5 (5/02/11)
«ตอบ #119 เมื่อ05-02-2011 18:23:29 »

น่าสงสารจินที่ต้องมารับเคราะห์

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด