สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 324208 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #180 เมื่อ07-02-2011 19:59:24 »

 :angry2:  ใครน๊าที่เป้นคนขู่


แต่ว่าอยากเห็นคุณสัตยากับรักตปัหษ์หวานๆบ้างอ่ะ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #181 เมื่อ07-02-2011 20:40:16 »

น่าจะเป็นครุฑอีกพวกหนึ่งล่ะมั้ง
ดันคิดร้ายกับสัตยาซะได้ -*-

ออฟไลน์ zitronen-tee

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 320
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
    • https://www.facebook.com/DaisyLetter
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #182 เมื่อ07-02-2011 21:48:40 »

พ่อเเม่ของสัตยาสนับสนุนเต็มที่

คนของเธอ

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #183 เมื่อ07-02-2011 22:14:12 »

เหมือนว่าจะเกิดเรื่องอะไรไม่ดีขึ้นเลยอ่า  :L2: :L2:

ออฟไลน์ なおみ™

  • เดียวดาย...ในโลกกว้าง
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1892
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #184 เมื่อ07-02-2011 22:41:12 »

โอ๊ะ!!! นี่เดินทางมาเกินครึ่งเรื่องแล้วหรอคะเนี่ย

ออฟไลน์ momo9476

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #185 เมื่อ07-02-2011 23:48:53 »

ชอบอ่านเรื่ีองนี้จัง มันดูเหมือนมีมากๆๆกว่า แค่เรื่องความรัก แต่มันแทรกอะไรหลายอย่างง

เพราะเรื่องนี้แหละ วันนี้เราไปถามเพื่อนทั้งคณะเกี่ยวกับนาคและครุฑเลยยย

Little Devil

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #186 เมื่อ07-02-2011 23:50:28 »

มาให้กำลังใจทั้งสองคน
+1

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #187 เมื่อ07-02-2011 23:52:29 »

จะมีอะไรเกิดขึ้นรึป่าวน๊า

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #188 เมื่อ08-02-2011 01:04:44 »

กรี๊ดดดดด เข้ามาอ่านรวดเดียว
อยากอ่านต่อแล้วค่าาาาาาาาาาาา >.<

ปล.เดี๋ยวจองด้วยคนแน่ๆค่ะ เก็บตังค์ก่อน

mumoo

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #189 เมื่อ08-02-2011 01:36:15 »

เปิดจองแล้วเหรอ อืมต้องค่อยๆเก็บเงินอีกแระ กระปุกพร้อม! แต่ตังค์ยังไม่พร้อมหยอด555+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
« ตอบ #189 เมื่อ: 08-02-2011 01:36:15 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 7 (7/02/11)
«ตอบ #190 เมื่อ08-02-2011 07:52:24 »

อยู่บ้านเดียวกันแล้ว แค่เชื่อมห้องงน้ำ
รักต์ก็รุกเลยก็ได้ ดูท่ายายอมขนาดนั้น (ไม่ชอบคนจับเนื้อต้องตัว แต่กับครุฑผมแดง ยอมซะ)
รออ่าน เรื่องน่าติดตามและแหวกแนวมาก เป็นกำลังใจ

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #191 เมื่อ08-02-2011 13:43:42 »

ดวงตาสีอ่อนของรักตปักษ์เบิกโพลงเช่นนั้นจนยามเช้ามาเยือน เขาลุกขึ้นจากเตียงแล้วเดินออกไปยังระเบียงเพื่อรับลมยามเช้า เป็นเพราะห้องของเขากับสัตยาหันหน้าไปทางทะเลซึ่งเป็นทิศตะวันตก ทำให้แสงยามเช้ายังส่องมาไม่ถึง แต่สามารถเฝ้ามองพระอาทิตย์ยามเย็นได้สวยงามยิ่งนัก

ระเบียงของห้องรัตกปักษ์กับสัตยาเป็นระเบียงที่ใช้ร่วมกัน ชายหนุ่มจึงเดินไปทางหน้าห้องของสัตยา แล้วมองลอดกระจกใสเข้าไปเพื่อดูว่าอีกฝ่ายตื่นแล้วหรือยัง ทว่า กลับประจวบเหมาะที่สัตยากำลังจะเดินออกมา ประตูกระจกเลื่อนเปิดออกพร้อมกับร่างของสัตยาที่ก้าวโดยไม่ทันเห็นคนข้างนอก ทำให้เขาชนตุบเข้ากับแผงอกกำยำเปลือยเปล่าอย่างจัง โชคดีที่รักตปักษ์ทรงตัวได้ทันและสัตยาไม่ได้เดินออกมาเร็วนัก ทั้งสองจึงไม่ได้ล้มกลิ้งไปด้วยกัน เพียงแต่เซไปเล็กน้อยโดยที่รักตปักษ์รีบจับแขนสัตยาเอาไว้ด้วยความตกใจ

“ครุฑ!?” สัตยาเอ่ยชื่ออีกฝ่ายแล้วทำตาโตพราะไม่ทันได้นึกว่าจะมีคนมายืนอยู่ตรงนี้

“อรุณสวัสดิ์” รักตปักษ์เอ่ยทักทายพร้อมรอยยิ้ม

“เจ้านิยมถ้ำมองผู้อื่นยามนอนหรือยังไง?” เจ้าของห้องเหน็บแนมพร้อมขืนตัวออกก่อนจะขยับชุดนอนที่ไม่ได้กลัดกระดุมอย่างหวงตัว ผิวกายเนียนสวยอาบไล้ด้วยแสงตะวัน สร้างภาพที่งดงามอย่างหาได้ยาก

“ข้าไม่ได้ตั้งใจ เพียงจะมาดูว่าเจ้าตื่นหรือยัง” ผู้ถูกกล่าวหาแก้ตัวเสียงร่าเริง หูของเขาได้ยินเสียงกอกแกกจากด้านล่าง ทำให้รู้ว่ากิ่งแก้วตื่นแล้วและกำลังเตรียมอาหารอยู่ “ลงไปช่วยกิ่งแก้วข้างล่างไหม? แต่ก่อนลงไปก็กลัดกระดุมด้วยล่ะ เดี๋ยวกิ่งแก้วจะหัวใจวายเสียเปล่าๆ”

“กิ่งแก้วเห็นข้ามาแต่เล็กแต่น้อย” ถึงสัตยาจะว่าอย่างนั้น เขาก็จัดการกลัดกระดุมทั้งหมด แล้วเดินกลับเข้าไปในห้อง โดยไม่ลืมปิดประตตูระเบียงก่อน กระนั้น สัตยาก็ต้องหันกลับมามองด้วยความสนเท่ห์ เมื่อรักตปักษ์เดินตามเข้ามาในห้องด้วย

“ไหนๆก็จะลงไปด้วยกันอยู่แล้ว ทำไมข้าต้องเดินกลับเข้าห้องตัวเองอีกล่ะ?” ชายหนุ่มร่างสูงเอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม สัตยาจึงไม่ได้พูดอะไรตอบโต้ แล้วเดินออกจากห้องไปด้วความหงุดหงิดใจเล็กๆตามด้วยรักตปักษ์ที่เดินตามหลังไม่ห่าง จนลงมาถึงห้องครัว ซึ่งกิ่งแก้วกำลังทำอาหารอยู่และมีอาหารที่เสร็จแล้วอยู่สองอย่าง ข้าวก็กำลังตั้งหม้อหุง

“อ้าว อรุณสวัสดิ์ค่ะคุณยา คุณรักต์ เมื่อคืนหลับสบายไหมคะ?” กิ่งแก้วทักทายเสียงใสไม่มีวี่แววของความง่วงงุน เป็นเพราะเมื่อวานนี้เหน็ดเหนื่อยจากการเดินทางและทำงานบ้านจนหลับทันทีที่หัวถึงหมอน จึงสามารถตื่นได้ตามเวลาปกติ

“สบายดีครับ แล้วก้องกับเกริกล่ะครับ?” รักตปักษ์ถามไถ่ขณะที่สัตยาเดินไปล้างหน้าแปรงฟันในห้องน้ำที่อยู่ข้างๆห้องครัว

“ยังหลับอยู่เลยค่ะ แต่อีกเดี๋ยวคงตื่น อาหารจะเสร็จแล้ว คุณรักต์กับคุณยาไปอาบน้ำเถอะค่ะ” กิ่งแก้วว่าไปก็ช้อนอาหารจากกระทะลงจาน กลิ่นพริกสับหอมฟุ้งเคล้ากับกลิ่นเครื่องปรุงกระตุ้นต่อมน้ำลายและน้ำย่อยในกระเพาะให้ทำงานอย่างซื่อตรง รักตปักษ์เดินกลับขึ้นห้องไปเพื่ออาบน้ำ ส่วนสัตยาเมื่อล้างหน้าแปรงฟันเสร็จก็เดินออกมาดูอาหาร

“อาหารทะเลหมดเลยหรือ?”

“ค่ะ แถวนี้มีขายแต่พวกนี้แหละค่ะ” กิ่งแก้วตอบแล้วนำอาหารจานสุดท้ายมาวางบนโต๊ะ สัตยาเพียงพยักหน้ารับรู้ เขาไม่ได้มีปัญหามากนักกับการกินสัตว์เพื่อเป็นอาหาร เพราะเป็นธรรมชาติของสัตว์โลก ขอเพียงไม่ใช่การล่าเพื่อความสนุกหรือการทรมาน เขาก็ไม่ได้ว่าอะไร

ไม่นานนัก รักตปักษ์อาบน้ำแต่งตัวลงมาสับเปลี่ยนให้สัตยาขึ้นไปอาบน้ำบ้าง ส่วนเขาก็ช่วยกิ่งแก้วตระเตรียมสำรับในครัวให้พร้อมสรรพก่อนที่สัตยาจะเสร็จธุระ จะได้พร้อมกินพอดี

หลังเสร็จสิ้นอาหารเช้า รักตปักษ์กับสัตยาก็พาก้องกับเกริกไปเล่นด้วยกันที่ชายหาด เพื่อดูแลไม่ให้เด็กทั้งสองวิ่งลงทะเลแล้วโดนพัดไป แต่พอตกบ่าย รักตปักษ์ก็ต้องไปทำงานที่หมายใจเอาไว้ตั้งแต่ก่อนจะมาถึง สัตยาจึงต้องดูแลเด็กทั้งสองตามลำพัง โดยกิ่งแก้วก็ทำงานอยู่ในบ้าน จะออกมาก็เพื่อเอาอาหารมาให้เท่านั้น ซึ่งสิ่งนี้ก้ทำให้สัตยาลำบากพอสมควร เนื่องจากเขาไม่อยากเข้าใกล้ทะเลมากเกินไป หากว่าเด็กทั้งสองลงทะเลไปเขาก็อาจจะช่วยเหลือไม่ทัน จึงต้อนก้องและเกริกมาเล่นตรงทรายแห้งๆแทน

ไอเกลือจากทะเลพัดพายมากับสายลม ต้องผิวสัตยาทำให้รู้สึกแสบกอปรกับแสงแดดที่ส่องลงมายิ่งทำให้เขารู้สึกทรมาน ผิวของเขาเริ่มเกิดอาการคันและแสบเป็นรอยแดง หากว่าตากลมทะเลเพียงไม่กี่ชั่วโมงก็ไม่เป็นไร แต่นี่เขานั่งมาเกินครึ่งวันแล้ว

“พี่ยา ทำไมพี่แขนแดง” เกริกสังเกตเห็นจึงเอ่ยถาม

“เอ่อ....พี่คงแพ้อะไรสักอย่าง ไม่เป็นไรหรอก” สัตยาว่าแล้วลูบแขนเบาๆ เขาไม่อยากขัดความสนุกของเด็กๆจึงทำเหมือนไม่เป็นอะไร

“แต่มันแดงขึ้นนะครับ” ก้องว่าแล้วเข้ามาแตะแขนเบาๆ สัตยาถึงกับสะดุ้งด้วยความตกใจและเจ็บแปลบบริเวณที่ถูกสัมผัส ในตอนแรกนั้น แขนของสัตยาเพียงมีรอยแดงจางๆเหมือนอาการแพ้ทั่วไป แต่เมื่อทิ้งเวลานานขึ้น รอยแดงนั้นกลับยิ่งขยายตัวจนลามไปทั่วและสีก็เข้มขึ้นเรื่อยๆสร้างความห่วงกังวลให้กับก้องและเกริกที่เกรงว่าชายหนุ่มจะไม่สบาย แต่ในขณะที่สัตยากำลังอธิบายกับเด็กทั้งสองว่าตนเองไม่เป็นไรมากอยู่นั้น กลับมาเสื้อตัวใหญ่คลุมลงบนศีรษะบังแสงแดดที่ส่องตรงลงมาอย่างพอดี ร่างของเขาถูกยกลอยขึ้นโดยแขนแข็งแกร่งคู่หนึ่งโดยไม่ทันตั้งตัว

“คุณรักต์!” สัตยาร้องเมื่อเห็นหน้าผู้กระทำอุกอาจ

“อากาศร้อนเกินไปแล้ว เข้าบ้านกันก่อนเถอะ ไป ก้อง เกริก เดี๋ยวตากแดดตากลมจนไม่สบายพี่จะไม่ให้ออกมาเล่นอีกนะ” รักตปักษ์เอ่ยชักชวนเด็กน้อยทั้งสองคนที่ทำท่าอยากจะเล่นต่อแต่ก็จำนนต่อคำขู่จนต้องเดินตามหลังต้อยๆด้วยความเสียดาย

“คุณยา? คุณรักต์ คุณยาเป็นอะไรไปคะนั่น?” กิ่งแก้วเห็นรักตปักษ์อุ้มสัตยาเข้ามาทั้งยังห่อผ้าด้วยเสื้อจนมิดจึงรู้สึกตกใจว่าเป็นอะไรมากหรือไม่

“ไม่เป็นไรมากหรอกครับ แค่ตากแดดมากไปหน่อยเลยจะเป็นลม แล้วก็ดูเหมือนจะไปโดนอะไรแปลกๆเข้าเลยแพ้ ถ้าเป็นไปได้ ผมขอยาทาแก้แพ้กับน้ำอุ่นด้วยก็ดีครับ” รักตปักษ์ตอบเป็นเหตุเป็นผลที่พอจะทำให้กิ่งแก้วไม่นึกสงสัย โดยมีเสียงของก้องและเกริกสนับสนุนถึงรอยแดงบนแขนของสัตยา กิ่งแก้วจึงไม่สงสัยอะไรแม้เธอจะไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าสัตยาแพ้อะไร

รักตปักษ์อุ้มสัตยาขึ้นไปบนห้อง ก่อนจะวางลงบนเตียงอย่างเบามือ รูดม่านปิดให้เรียบร้อยแล้วจึงตลบเสื้อของตนออกวางบนเตียง

“ขอดูแขนหน่อย” เขาว่า

“เดี๋ยวก็หายเองนั่นแหละ ไม่ต้องหรอก” สัตยากลับปฏิเสธแล้วนั่งลูบแขนตนเอง ผิวของเขายังแสบแม้จะเข้ามาหลบในร่มแล้ว

“อย่าดื้อน่า คุณยา เมื่อครู่แสบมากไม่ใช่หรือ? ยื่นแขนมา” ครั้งนี้ รักตปักษ์ไม่ได้ใจดีอย่างเคย เขาดึงแขนที่เจ้าตัวหดเก็บมิดชิดออกมาดูโดยไม่รอให้สัตยาตอบรับ รอยแดงเป็นปื้นใหญ่ทาบอยู่บนแขนดูน่ากลัว สัตยาร้องซี้ดเบาๆเมื่อรักตปักษ์แตะมือลงบนรอยนั้น

เสียงเคาะประตูดังขึ้นพร้อมเสียงของกิ่งแก้วจากนอกประตู ก่อนที่รักตปักษ์จะเดินไปเปิดประตูแล้วรับอ่างน้ำอุ่น ผ้าสะอาด และยาทาแก้แพ้มาแล้วกล่าวขอบคุณ เขาเดินกลับมาที่เตียงอีกครั้ง วางอ่างน้ำอุ่นไว้บนเก้าอี้ และยาแก้แพ้วางบนโต๊ะ เขานำผ้าสะอาดชุบลงไปในน้ำอุ่แล้วบิดพอหมาด ค่อยๆซับลงบนแขนของสัตยาเพื่อล้างเอาไอเกลือจากทะเลออกให้หมด

“ถอดเสื้อออกด้วยสิ คุณยา” เขาว่า

“แต่ตรงตัวไม่ได้เป็นอะไร” สัตยาปฏิเสธ

“ก็ควรเช็ดให้สะอาด คุณยาใส่เสื้อบาง เวลาลมพัดไอเกลือก็เข้าไปได้” เมื่อรักตปักษ์ยืนยันเช่นนั้น สัตยาจึงยอมถอดเสื้อออกส่วนกางเกงขาสั้นนั้นรักตปักษ์ก็ถลกขาเช็ดเอา

ยามที่ผ้านุ่มลูบมาบนผิว สัตยารู้สึกได้ถึงความอ่อนโยนและอบอุ่นที่ถ่ายทอดมาจากมือของอีกฝ่าย รักตปักษ์เช็ดถูบนผิวบางนั้นอย่างเอาใจใส่ เหมือนเมื่อครั้งที่ลอกคราบไม่มีผิด เขาค่อยๆซับผ้าขนหนูลงบนรอยแดงอย่างเบามือเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้สัตยารู้สึกเจ็บมากนัก และจะซับซ้ำแล้วซ้ำอีกเช่นนั้นจนกว่าจะแน่ใจว่าไอเกลือได้ถูกล้างออกไปหมดแล้ว

จากบนแขน เขาก็ไล้ไปถึงแผ่นอกราบเรียบไม่มีมัดกล้ามแม้แต่น้อย เนื่องจากบนตัวนั้นไม่มีรอยจึงเช็ดอยู่ไม่กี่ครั้ง ก่อนจะเลื่อนลงไปเช็ดที่ขาซึ่งปรากฏรอยแดงจำนวนมากเช่นเดียวกับแขน ซ้ำยังมีทรายติดอยู่มากเพราะนั่งลงบนบนพื้นทรายโดยไม่มีอะไรรองก่อน

รักตปักษ์เริ่มจากนำกระดาษหนังสือพิมพ์มารองแล้วปัดทรายออกจากขาให้หมดเพราะพื้นปูด้วยพรม ยากจะทำความสะอาด บนกระดาษจึงเต็มไปด้วยเม็ดทรายสีน้ำตาลเข้มเพราะอุ้มน้ำไว้ เขาหันไปซักผ้ากับน้ำสะอาดนำมาลูบไปบนขาเรียวเล็กจนถึงปลายเท้า ไม่มีสักที่ที่รักตปักษ์จะเว้นว่าง

หลังจากเช็ดตัวด้วยน้ำอุ่น สัตยาก็รู้สึกดีขึ้น ผิวของเขาแสบน้อยลงและไม่รู้สึกเจ็บแล้ว

ผ้าถูกทิ้งลงในอ่างน้ำหลังจากเช็ดตัวเสร็จ ก่อนที่รักตปักษ์จะหันไปหยิบยาแก้แพ้มาทาลงบริเวณที่เป็นรอย โดยค่อยๆนวดลงไปบนผิวอย่างช้าๆและอดทนจนกระทั่งยาเหล่านั้นซึบซาบลงไปในผิวหมด เขาจึงทาซ้ำลงอีกครั้ง แล้วค่อยเปลี่ยนที่ ทำเช่นนั้นจนครบ ชายหนุ่มผมแดงก็หยิบเสื้อของสัตยาโยนลงไปกองบนพื้น แล้วเดินไปหยิบชุดใหม่ที่แห้งและสะอาดพอมาให้เปลี่ยน ในขณะที่สัตยาไปเปลี่ยนเสื้อผ้านั้น รักตปักษ์ก็ปัดทรายที่เปรอะบนเตียงลงบนกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วจึงห่อกระดาษป้อนกันทรายร่วงลงมา ตลบผ้าปูจากเตียงลงมากองกับเสื้อของสัตยา แล้วทำทั้งหมดนั้นลงไปข้างล่าง โดยเอาผ้าปูเตียงกับเสื้อไปแช่ในอ่างน้ำที่กิ่งแก้ววางเอาไว้เพื่อซักผ้า กระดาษหนังสือพิมพ์นำไปโยนทิ้งในถังขยะ

ในตอนแรก กิ่งแก้วบอกว่าจะซักให้ แต่รักตปักษ์ยืนยันที่จะซักเอง เพื่อแบ่งเบาภาระของกิ่งแก้วบ้าง บังกะโลหลังไม่ใช่น้อย จะให้กิ่งแก้วทำงานคนเดียวคงจะไม่ไหว

สัตยาถูกบังคับให้นอนพักบนห้อง ห้ามลงมาข้างล่างจนกว่าอาการจะดีขึ้นหรือถ้าพูดให้ถูกคือ รักตปักษ์ให้สัตยานอนพักจนกว่ารอยแดงจะหายไปหมด มิเช่นนั้นเรื่องนี้จะถึงหูของพงษ์ศักดิ์อย่างแน่นอน ตอนขู่เจ้าตัวไม่พูดเปล่า กลับหยิบโทรศัพท์มือถือมาเตรียมโทร ทำให้สัตยาต้องยอมจำนน

อาหารเย็นรักตปักษ์นำขึ้นมาให้ถึงบนห้องนอน พร้อมกับสำรวจรอยแดงบนแขนซึ่งจางจนแทบจะหายไปหมดแล้ว ทำให้ชายหนุ่มยิ้มอย่างพออกพอใจ

“หายแสบผิวหรือยัง คุณยา?” เขาถามแล้วลูบแขนเบาๆเพื่อทดสอบ

“หายแล้ว” สัตยาตอบพลางดันจานที่กินเรียบร้อยไปบนโต๊ะ

“คราวหลังก็ระวังหน่อยนะคุณยา แพ้ทะเลถึงขนาดนี้ก็อย่าเข้าใกล้มากเกินไป” รักตปักษ์เตือนด้วยความหวังดี “ถ้าผมมีธุระ ผมจะให้ก้องกับเกริกเข้าบ้านก็แล้วกัน คุณยาจะได้ไม่ต้องนั่งเฝ้าให้เป็นแบบนี้อีก แล้วคุณยา ถ้าเกิดมีอาการอะไรต้องบอกผมทันที จะได้แก้ไขทัน”

“ผมไม่รบกวนคุณขนาดนั้นหรอกครับ คุณรักต์” สัตยากล่าว

“แค่ช่วงที่อยู่ที่นี่เท่านั้น ผมต้องดูแลคุณให้ดีเพราะตาของคุณฝากฝังมา” ชายหนุ่มร่างสูงตอบก่อนจะเก็บจานขึ้นมาถือแล้วเดินออกไปจากห้อง น่าแปลกที่คืนนั้นสัตยาพบว่าเขาไม่ได้ยินเสียงรักตปักษ์จากอีกฝั่งของห้องเลยหลังจากที่เอาจานลงไปเก็บในตอนเย็น จนตอนนี้ก็สองทุ่มเข้าไปแล้ว

สัตยาลงไปถามกิ่งแก้วด้วยความสงสัย ก็ได้รับคำตอบกลับมาว่า รักตปักษ์ออกไปเดินเล่นที่โขดหินซึ่งสัตยาเล่าถึงเมื่อวานนี้


---------------------------->


ลมยามค่ำพัดโชยหอบเอากลิ่นเกลือขึ้นมาจากทะเล คลื่นโหมกระทบโขดหินเสียงดัง แสงจันทร์สาดส่องอยู่บนผืนฟ้ากว้างและสะท้อนเงาของมันลงบนผืนน้ำเป็นคลื่นไหวเปล่งประกายระยิบระยับน่ามอง เป็นดังที่สัตยาเคยกล่าวไว้ทุกประการ ที่สถานที่แห่งนี้สามารถชมทิวทัศน์ยามค่ำคืนได้งดงามที่สุด เหตุเพราะอยู่บนที่สูงจึงสามารถมองเห็นพื้นทะเลได้กว้างไกลสุดสายตา

หูของรักตปักษ์เงี่ยฟังเสียงที่มากับสายลม เสียงคลื่นสาดซัด และยังแฝงไว้ด้วยเสียงของบทเพลงจากท้องทะเล

ที่ขอบฟ้าอันแสนไกลนั้น เป็นอีกครั้งที่รักตปักษ์ได้เห็นเกล็ดสีมรกตแวววาวเหนือผิวน้ำ และครั้งนี้สิ่งที่ยืนยันความมั่นใจของเขา คือหงอนสีทองที่อาบด้วยแสงจันทร์นั้น

“ครุฑ”

เสียงของสัตยาดังขึ้นจากเบื้องหลัง ทำให้ชายหนุ่มเผลอละสายตามาจากสิ่งที่อยู่ตรงหน้า และทันใดนั้น สิ่งที่เขามองอยู่ก็มุดกายหายไปใต้ทะเลอีกครั้ง รักตปักษ์พ่นลมหายใจออกมาก่อนจะหันไปหาผู้เรียกพลางยิ้มให้อย่างไม่ถือสาที่ถูกเรียกกะทันหัน

“เจ้าไม่ควรออกมาตากลมตอนนี้” เขาว่า

“ข้าหายดีแล้ว” สัตยาเดินปีนโขดหินขณะพูด ก่อนจะถูกดึงขึ้นมาด้วยมือแกร่งพียงข้างเดียว

“ข้าเห็นว่ายังมีรอยเล็กน้อย” รักตปักษ์แย้ง แต่อย่างน้อยสัตยาก็สวมเสื้อเชิ๊ตแขนยาวกับกางเกงสแลคขายาวออกมา อีกทั้งยังสวมรองเท้าเรียบร้อย รักตปักษ์จึงไม่ได้เอ่ยว่าอะไรนอกจากนั้น เพียงแต่หยิบหมวกที่ตนเองสวมอยู่สวมลงบนศีรษะของสัตยาเพื่อป้องกันไอเกลือพัดเข้าใบหน้าเท่านั้น

“ทำไมเจ้าจึงไม่ทำกับข้าเช่นนั้นด้วย?”

คำถามของสัตยาเรียกแววสงสัยในดวงตาสีอ่อนของรักตปักษ์ เขาเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม

“เช่นที่เจ้าทำกับลูกน้องของกฤตนันท์ ข้าเองก็มีส่วนที่ทำให้จินเจ็บ หรือเจ้าจะเก็บข้าไว้ให้เจอสิ่งที่โหดร้ายยิ่งกว่า เช่นสังหารแล้วกินเสีย” ในขณะที่ถามนั้น สัตยาก็จ้องมองเข้าไปในดวงตาของอีกฝ่าย เพื่อค้นหาคำตอบของความโหดเหี้ยมอำมหิตในความทรงจำ รักตปักษ์ดูจะเศร้าหมองลงเมื่อได้ยินคำกล่าวเช่นนั้น เขาคลี่ยิ้มบาง

“นั่นคือเหตุที่เจ้าหลีกเลี่ยงจะเข้าใกล้ข้านับแต่ตอนนั้นหรือ?”

ความจริงแล้วรักตปักษ์เริ่มสังเกตมานาน ว่าสัตยาดูจะกลัวเขามากขึ้น และหลีกเลี่ยงในการอยู่กับเขาตามลำพัง กระทั่งจะให้สัมผัสตัวก็ยังหาข้ออ้างอยู่เสมอ

“ข้าไม่เคยชอบที่จะอยู่ใกล้เจ้า” สัตยาตอบคำ

“เช่นนั้นเจ้าตามข้ามาทำไม? ที่นี่มีเพียงข้ากับเจ้า ข้าอาจทำร้ายเจ้าเช่นที่เจ้าหวาดกลัวอยู่ก็เป็นได้” รักตปักษ์ลองหยั่งเชิงถาม

“เพราะข้าอยากรู้ว่าเมื่อไหร่จะถึงคราวของข้า” ดวงตาสีดำสนิทเหลือบหลบสายตาซื่อตรงของอีกฝ่าย “หากเจ้าไม่กำจัดข้าเช่นตนอื่นๆ ข้าก็จะหาทางกำจัดเจ้าอีก และอาจมีคนถูกทำร้ายโดยไม่เกี่ยวข้องอีก ข้าจะไม่หยุด เจ้ารู้ดี ในหมู่พี่น้องพันตน ข้าอาจจะเป็นตนสุดท้ายแล้วก็เป็นได้ ข้าแลกได้ทุกอย่างเพราะข้าไม่มีสิ่งใดจะให้สูญเสียอีก”

“สัตยา” น้ำเสียงของรักตปักษ์อ่อนลงเมื่อก้าวเข้าไปดึงรั้งนาคจำแลงไว้ในอ้อมแขน ในคราแรก สัตยาคล้ายจะขัดขืน ทว่ากลับไม่ได้ออกแรงดิ้นรนหรือร้องห้าม “เจ้าจะผูกใจเจ็บข้าอีกสักกี่ชาติภพ ข้าจะไม่กล่าวโทษเจ้า แม้ในเวลานี้เจ้าจะเอามีดดาบแทงทะลุหัวใจข้า ข้าก็จะไม่ขัดขืน หากชาติเดียวไม่พอเพียงข้าก็จะวนเวียนตายเกิดให้เจ้าทรมานจนสมแค้น แต่ข้าขอเพียงข้อเดียว สัตยา ขออย่าได้เดินในเส้นทางสายเดียวกับข้า ข้าไม่อยากให้เจ้าต้องทรมานเช่นที่ข้าต้องเผชิญ”

“เจ้าพ.....”

“ชู่ว์ มีคนกำลังมา” ก่อนที่สัตยาจะได้เอ่ยถามในความนั้น รักตปักษ์ก็ผละตัวออก ดวงตาคมที่เคยอ่อนโยนกลับแข็งกร้าวและเต็มไปด้วยความระแวดระวัง

เสียงสวบสาบของฝีเท้าหลายคู่บนผืนทรายดังขึ้นอย่างแผ่วเบา ก่อนจะตามด้วยเสียงรองเท้าหนังกระทบกับพื้นหินและก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆ เสียงปรบมือค่อยๆดังขึ้นในความเงียบสงัด พร้อมกับการปรากฏตัวขึ้นจากเงามืดของคนหลายคน

“โว้ว โวว โวว ช่างบังเอิญจริงๆที่เราได้พบกันที่นี่ว่าไหม? คุณสัตยา คุณรักตปักษ์” เสียงอันน่ารังเกียจถูกเปล่งจากริมฝีปากที่แสยะยิ้มน่าขนลุกขนพอง เลยไปเบื้องหลังนั้น มีชายฉกรรจ์อีกจำนวนหนึ่งยืนคอยท่าอย่างมีความหมาย

“ผมคิดว่าไม่ใช่เรื่องบังเอิญ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง เมื่อคุณรู้จักชื่อของผม” รักตปักษ์ใช้แขนกันตัวสัตยาไปข้างหลัง ส่วนตนกลับยืนเผชิญหน้ากับกฤตนันท์อย่างท้าทาย

“อะไรกัน คุณไม่ได้บอกอะไรเขาเลยหรือคุณสัตยา คุณนี่ช่างร้ายจริงๆ” กฤตนันท์ทำเสียงจิ๊จ๊ะในลำคอ “ก็คุณเองไม่ใช่หรือที่เป็นคนให้ข้อมูลของเขากับผม และยังสั่งให้ไปทำลายข้าวของ ไม่วายยังสั่งให้อัดลูกน้องของเขาเสียน่วม” คำของกฤตนันท์ทำให้สัตยาเบิกตากว้าง เขาเม้มปากอย่างโกรธแค้น ผู้ชายคนนี้คิดจะโยนความผิดของตัวเองอย่างหน้าด้านๆ

“คุณกฤตนันท์ ระวังคำพูดของคุณไว้หน่อยก็ดีนะครับ” สัตยากล่าวเสียงเย็น

“โธ่เอ๋ย พูดแบบนี้ผมน้อยใจแย่ คุณคิดจะใช้งานผมแล้วตัดหางปล่อยวัดหรือครับ คุณสัตยา” มาเฟียหนุ่มถอดถอนใจ “ผมเป็นทาสที่ซื่อสัตย์ทำตามคำสั่งทุกประการ คุณก็ยังใจร้ายหักหลังผมได้ลงคอ หรือว่าตอนนี้คุณวางแผนจะแทงเขาจากข้างหลังอยู่กันนะ?”

“คุณกฤตนันท์” น้ำเสียงของสัตยาเริ่มเย็นเยียบมากขึ้น ทว่าเมื่อสายตาของเขาได้ประสบกับดวงตาคมสีอ่อนที่จ้องมองกลับมาด้วยความผิดหวัง ในอกของสัตยาก็สั่นสะท้านขึ้นมาอย่างไม่ทราบสาเหตุ

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #192 เมื่อ08-02-2011 13:44:08 »

รักตปักษ์เคยเชื่อและเชื่ออย่างหมดใจว่าสัตยาเพียงแต่ถูกหลอกใช้ในเรื่องนี้ เขาไม่คิดว่าสัตยาจะสามารถออกคำสั่งเช่นนั้นได้จริง ทว่าหากเมื่อความแค้นบังตา ใครเล่าจะยังมีความรู้สึกผิดชอบชั่วดีได้อีก ตัวรักตปักษ์เองก็เคยได้เผชิญกับช่วงเวลานั้นมาแล้วจึงไม่จำเป็นต้องเอ่ยถามแต่ประการใด ในตอนนั้น เหมือนรักตปักษ์จะเอ่ยอะไรบางอย่าง แต่แล้วหูของเขาก็พลันได้ยินเสียงขึ้นนกปืนจึงรีบหันกลับไปดู และพบว่ามีชายคนหนึ่งในมุมมืดกำลังยกปืนขึ้นจ่อมาทางนี้ รักตปักษ์ไม่มีเวลามองให้แน่ว่าใครคือเป้าหมาย สิ่งที่เขาทำสิ่งแรกโดยไม่ได้คิดทบทวนและไม่เคยเสียใจภายหลังนั่นคือการผลักสัตยาให้พ้นทาง

เสียงปืนดังขึ้นนัดหนึ่งผ่านใบหน้าของสัตยาพุ่งไปทางรักตปักษ์ แรงของปืนส่งให้ชายหนุ่มร่างสูงซึ่งยืนไม่มั่นคงเสียสูญตกลงจากโขดหินชันและร่วงลงไปในทะเล

“คุณรักต์!” สัตยาร้องก่อนจะวิ่งไปยังจุดที่รักตปักษ์ตกลงไป เขาคุกเข่าลง เขม่นมองผ่านความมืด หวังว่าจะได้เห็นอีกฝ่ายโผล่ขึ้นมาจากคลื่นทะเลอันแปรปรวน

“เป็นอะไรไป คุณสัตยา นี่คือสิ่งที่คุณอยากได้ไม่ใช่หรือครับ?” กฤตนันท์ก้าวเดินเข้ามาใกล้มากขึ้น สัตยาจึงลุกจากท่าคุกเขาและพยายามถอยหลัง ทว่าปลายทางของเขาสิ้นสุดเพียงเท่านั้น หากถอยไปอีกก้าวเขาก็จะตกลงไปในทะเล “ไม่เอาน่า คนหน้าตาดีอย่างคุณเนี่ยมีอะไรให้ทำเยอะกว่าฆ่าตัวตายนะ เราอาจจะตกลงกันได้ใหม่ ผมเป็นคนใจกว้างอยู่แล้ว”

“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการ....” สัตยาแค่นเสียง

“หือ?” มาเฟียหนุ่มเลิกคิ้ว

“คุณจะต้องชดใช้ คุณกฤตนันท์” ดวงตาสีดำสนิทพลันเรืองประกายสีแดงออกมา ก่อนที่สัตยาจะกลับหลังหันแล้วโผลงทะเลไป สายลมปะทะพัดเอาหมวกที่สัตยาสวมอยู่ลอยละลิ่วมาตกอยู่ที่ปลายเท้ามาเฟียหนุ่มซึ่งเข้าไปดึงตัวไว้ไม่ทัน เขายกเท้าเหยียบขยี้หมวกใบนั้นด้วยความขัดใจ ก่อนจะถ่มน้ำลายลงพื้น แล้วสั่งลูกน้องให้กลับ


------------------------->


เสียงหวีดหวิวของลมอื้ออึงอยู่ในหูเมื่อเขาตัดสินใจกระโดดลงมาจากที่สูง ก่อนที่ความดันน้ำจะกลบเสียงทั้งหมดนั้นเหลือเพียงเสียงของคลื่นที่สาดกระทบเข้ามาเป็นระลอก น้ำอาจเป็นสิ่งที่นาคต้องการที่สุด ทว่าสำหรับสัตยาแล้ว น้ำทะเลไม่ต่างกับยาพิษ ทันทีที่ร่างกายของเขาถูกล้อมรอบด้วยน้ำทะเลจำนวนมหาศาล ผิวของเขาก็พลันรู้สึกเจ็บแสบราวกับถูกกัดกินทีละน้อยไปทั้งร่าง ความเจ็บปวดราวกับเข็มนับพันเล่มกำลังทิ่มแทงร่างกายของเขาจากศีรษะจรดปลายเท้า ทว่ากลิ่นเลือดของรักตปักษ์ก็เตือนสติเขาว่าเขายังยอมแพ้ตรงนี้ไม่ได้ สัตยาพยายามปลดเสื้อผ้าของตนเองออกจากร่างกายอย่างยากลำบาก ทั้งรองเท้า ถุงเท้า เข็มขัด กางเกงสแลค และเสื้อเชิ๊ตแขนยาว

สิ่งของทั้งหมดนั้นถูกสลัดออกจากตัวให้ไหลไปกับสายน้ำ ก่อนที่เรียวขาของสัตยาจะแนบชิดติดกันและค่อยๆหลอมรวมเป็นเนื้อเดียว ปรากฏเกล็ดสีมรกตปรกคลุมขึ้นมาทีละน้อยพร้อมๆกับปลายเท้าที่ยื่นยาวออกจนเรียวแหลม

ในร่างกึ่งนาค จะสะดวกต่อการว่ายน้ำมากกว่า

สัตยาไม่รอช้า รีบแหวกว่ายตามกลิ่นเลือดก่อนจะพบร่างไร้สติของรักตปักษ์ ซึ่งอาจจะเกิดจากสำลักน้ำเข้าไปมาก เขาพยายามเขย่าตัวเรียกให้มีสติ ทว่ารักตปักษ์กลับไม่ตอบสนอง สัตยาจึงต้องหาทางว่ายกลับขึ้นไปบนฝั่ง อย่างน้อยต้องทำให้รักตปักษ์มีอากาศหายใจ

ความเจ็บปวดจากพิษของทะเลทำให้สัตยาไร้เรี่ยวแรง ร่างของเขาเกิดเป็นรอยแดงไปทั่ว อีกทั้งยังเริ่มมีแผลถูกกัดจนเหวอะหวะ เขารู้สึกแสบตาจนต้องปิดเปลือกตาลง มิเช่นนั้นตาของเขาอาจจะบอดได้

ความหนักของร่างรักตปักษ์ผนวกกับแรงของสัตยาที่น้อยลงทุกที ในที่สุดนาคจำแลงก็ไม่อาจทานทนไหว เขาค่อยๆปล่อยตัวให้ดิ่งลงไปพร้อมกับร่างไร้สติของอีกคนหนึ่ง ทว่า ในขณะที่สัตยากำลังจะหมดสติไปพร้อมกับความปวดร้าวที่กัดกินเขานั้น ร่างกายของเขาก็กลับเบาหวิวราวกับถูกโอบอุ้มด้วยบางสิ่งที่เขาห่างหายจนแทบจะหลงลืม

สัตยาเปิดเปลือกตาขึ้น จ้องมองเงาดำใหญ่ที่ปรากฏตรงหน้าอย่างเลือนลาง

ช่างคุ้นเคยในความทรงจำอย่างน่าประหลาด ดวงตาคู่นั้นที่ทอดมองมาอย่างอ่อนโยนคือดวงตาที่เขารู้จักดี

ท่ามกลางสติอันรางเลือนนั้น สัตยาได้ยินเสียงเรียก....เป็นเสียงที่ร่ำเรียกชื่อของเขาในอดีต ชื่อในขณะที่ยังเป็นนาคในแดนบาดาล....


------------------------>


วันรุ่งขึ้น บ้านชลวรินทร์ก็ได้รับข่าวร้ายอันน่าสลดใจ

กิ่งแก้วที่เฝ้าบ้านเห็นว่าสัตยาและรักตปักษ์หายไปนานและยังไม่กลับ จึงไปตามที่โขดหินใหญ่ซึ่งทั้งสองบอกว่าจะไป แต่เธอกลับไม่เห็นแม้แต่เงา กลับพบหมวกใบหนึ่งตกอยู่ สภาพของมันไม่สู้ดีนักคล้ายว่าถูกเหยียบขยี้มาก่อน ซ้ำยังถูกลมทะเลพัดปลิวไปตกอยู่ซอกหิน หญิงสาวรู้สึกสังหรณ์ใจไม่ดีจึงโทรตามตำรวจท้องที่ให้ออกมาช่วยกันค้นหา เกรงว่าทั้งสองอาจพลัดตกทะเล ทว่า ทั้งที่ค้นหาอย่นานหลายชั่วโมงตั้งแต่ค่ำจนถึงเช้า ตำรวจท้องที่กลับไม่อาจหาคนทั้งสองเจอ แม้ว่าจะจ้างนักประดาน้ำให้ลงไปงมถึงก้นทะเลแล้วก็ตาม กระนั้น พวกเขาก็พบกับของอย่างอื่น นั่นคือ เครื่องแต่งกายทุกชิ้นที่สัตยาสวมใส่ก่อนที่จะหายตัวไป

กิ่งแก้วขวัญเสียอย่างหนัก ละล่ำละลักเล่าเหตุการณ์ให้พงษ์ศักดิ์ฟังทั้งน้ำตาทางโทรศัพท์ และหอบหิ้วลูกชายสองคนกลับบ้านชลวรินทร์ที่กรุงเทพทันทีโดยไม่ลืมฝากเรื่องนี้ให้ทางตำรวจท้องที่ติดตามหาข่าวสารต่อ เพื่ออย่างน้อย เธออยากจะแน่ใจว่าทั้งสองคนยังไม่ตาย

ทางด้านพงษ์ศักดิ์ เมื่อได้ยินข่าวก็เกิดอาการช็อคจนล้มป่วยลงต้องส่งเข้าโรงพยาบาลโดยด่วน ส่วนจันทร์วนาก็ร้องห่มร้องไห้เป็นการใหญ่จนยศต้องลางานเพื่อมาปลอบขวัญภรรยา

ในบ้านชลรินทร์เกิดความวุ่นวายขึ้นเมื่อคุณท่านล้มป่วย ทั้งสัตยาก็หายตัวไป ญาติพี่น้องวิ่งปิดข่าวกันให้วุ่น โดยกล่าวกับสื่อว่าสัตยาไปติดต่องานที่ต่างประเทศอย่างไม่มีกำหนด

บอร์ดบริหารเครือชลวรินทร์ซึ่งได้รู้ข่าวต่างก็ไม่อาจทนเฉยได้ เพราะพงษ์ศักดิ์ไม่มีทายาทสายตรงคนอื่นอีก ทำให้อำนาจที่มีคลอนแคลนอาจจะล้มลงได้ทุกเมื่อ จึงถือโอกาสนี้พยายามบีบบังคับให้พงษ์ศักดิ์ขายหุ้นก้อนใหญ่ที่ถืออยู่ให้กับคนอื่น เพื่อที่จะยืดเวลาออกไป พงษ์ศักดิ์จึงแสร้งป่วยหนักจนไม่อาจออกพบปะใครได้และแอบจ้างนักสืบให้ตามหาร่องรอยอย่างลับๆ

ทางด้านครอบครัวของรักตปักษ์ก็โศกเศร้าไม่แพ้กัน พ่อของชายหนุ่มไม่ได้กล่าวโทษสัตยาหรือพงษ์ศักดิ์แม้แต่คำเดียว เขายังมีความหวังอยู่เสมอว่าลูกชายของตนยังไม่ตายเพราะยังไม่มีการพบศพ

น้ำฝนและจินก็มีอาการไม่ต่างกันมากนัก ทั้งสองแทบจะไม่ได้คุยกันเลยเพราะเพียงแค่มองหน้ากัน คิดถึงช่วงเวลาที่มีรักตปักษ์อยู่ น้ำตาก็รื้นล้นออกมาจนกลั้นไม่อยู่แล้ว

คนที่โทษตัวเองหนักที่สุดคือกิ่งแก้ว เธอแทบจะร้องไห้คร่ำครวญไม่เป็นอันกินอันนอน พร่ำโทษว่าตนเองไม่น่าปล่อยให้ทั้งสองคนออกไปข้างนอกเพียงลำพัง พงษ์ศักดิ์จึงสั่งให้เธอพักงานอยู่ดูแลลูกเฉยๆ อย่างน้อย ให้ลูกๆของเธอเป็นแรงใจเพื่อจะได้ไม่หุนหันทำอะไรที่ขาดสติลงไป และสั่งให้นายพจน์คอยดูแลกิ่งแก้วไม่ห่าง

ท่ามกลางความโศกเศร้าและปวดร้าวนั้น กลับมีอีกบุคคลหนึ่งซึ่งหน้าชื่นตาบานกับเหตุการณ์นี้

“ชนแก้วเว้ย ชนแก้ว!” กฤตนันท์ตะโกนแล้วชูแก้วเหล้าขึ้นในอากาศ ลูกน้องคนอื่นๆก็ปฏิบัติตาม ทั้งยังหัวเราะสรวลเสเฮฮาอย่างสนุกสนาน ไม่อนาทรร้อนใจต่อการจากไปของสัตยาและรักตปักษ์แม้แต่น้อย

นอกจากคนของกฤตนันท์แล้ว ในที่นั้นยังมีคนอีกคนนั่งอยู่ เขาหลบเร้นอยู่ในเงามืด และดื่มเหล้าฉลองอยู่เงียบๆ ไม่อึกกะทึกครึกโครมเหมือนคนอื่นๆ

“จะเงียบทำไมวะ โห่ร้องยินดีหน่อยซี่ แกกำลังจะเป็นมหาเศรษฐีแล้วนะเว้ย” กฤตนันท์กล่าวกับบุคคลปริศนาผู้นั้นที่ถอดถอนหายใจออกมาเบาๆ

“ดูเหมือนจะไม่ง่ายขนาดนั้น ไอ้แก่พงษ์ศักดิ์มันหนังเหนียว หลานชายหายสาบสูญทั้งทีมันกลับแค่ป่วยหนักเข้าโรงพยาบาล แถมออกปากไม่ยอมขายหรือโอนหุ้นให้ใครเด็ดขาดจนกว่าจะได้เห็นศพของสัตยาด้วยตัวเอง” ชายคนนั้นกล่าวเสียงเนือยด้วยความเบื่อหน่าย “แกก็ไม่รอบคอบเลยนะ กฤตนันท์ น่าจะให้คนลงไปงมศพพวกมันมาซะก่อน”

“ใครจะไปคิดล่ะว้า ว่าไอ้แก่นั่นจะหวงสมบัติขนาดนั้น” กฤตนันท์ว่าพลางดื่มเหล้าอึกใหญ่

“เหอะ พูดดีไปเถอะ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะว่าแกนึกถูกใจเจ้าเด็กนั่น” คู่สนทนาแค่นเสียงขึ้นจมูกอย่างดูแคลน

“เฮ้ย แกก็เห็นรูปร่างหน้าตามันแล้วนี่หว่า สเปคอย่างหายากเลยนะเว้ย ถ้าเอาไปประมูลให้พวกเศรษฐีต่างชาติรสนิยมวิปริตล่ะก็ รวยไม่รู้เรื่องเลยนะแกเอ๊ย” เรื่องนี้เป็นเรื่องที่กฤตนันท์นึกเสียดายไม่หาย โดยภาพรวมแล้ว สัตยาน่าจะทำเงินให้เขาได้มากกว่าห้าล้านดอลล่าห์ ธุรกิจค้าเนื้อสดของเขาช่วยนี้ยิ่งกำลังซบเซาเพราะเศรษฐกิจไทยดิ่งลงเหว พวกเด็กไทยขายตัวสมัยนี้ก็ตัวเล็กๆแกรนๆ ดูบ้านนอกคอกนา พวกเศรษฐีบางคนมันชอบคนที่ดูสะอาดสะอ้าน หน้าตาดีมีการศึกษา ซึ่งราคาก็จะสูงตามระดับของที่มา ยิ่งอายุน้อย ไม่ค่อยผ่านโลก ก็ยิ่งราคาดี

“เพราะหวังมากไปเลยชวดหมด” อีกฝ่ายเหน็บแนมทำให้กฤตนันท์หน้าตึง

“แกก็พอกันล่ะวะ! ไอ้แก่นั่นมันหน้าที่แก แกก็หัดทำอะไรผิดกฏหมายมั่งสิเว้ย เอายาให้แม่งแดกไปก็สิ้นเรื่อง” กฤตนันท์ชักฉุน เพราะคู่เจรจาของเขานั้นเอาแต่สั่งการเบื้องหลัง ไม่ออกมาทำงานสกปรกด้วยตัวเอง กลับกล้าวิจารณ์การทำงานของเขาอีก

“ถ้าโดนจับก็ซิวเข้าคุกทั้งสองฝ่ายพอดี” เหตุผลนั้นทำให้กฤตนันท์โต้แย้งไม่ขึ้น เขากระแทกตัวลงนั่งกับเก้าอี้ คว้าหญิงสาวที่มาบริการกอดรัดแล้วกระดกเหล้าเข้าปากอย่างอารมณ์เสีย

“พอเว้ย เลิกพูดๆ พูดแล้วยิ่งโมโห” กฤตนันท์ตัดบท ทำให้อีกฝ่ายเงียบไปเช่นเดิม


------------------------------>


แสงอาทิตย์สาดส่องกระทบเปลือกตาที่ขยับเล็กน้อยจากการถูกรบกวน ก่อนจะค่อยเผยอเปิดออก ดวงตาสีอ่อนดูงุนงงกลอกมองรอบข้างอย่างเลื่อนลอยราวกับสติยังไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เบื้องหน้าเขานั้นไม่ใช่ท้องฟ้า แต่ก็ไม่ใช่เพดาน มันเป็นส่วนหลังคาของเรือนไม้ที่มีขื่อและคานแบบถอดสลักค้ำยันอยู่ ชายหนุ่มไม่อาจทบทวนความทรงจำได้ชัดเจนนักว่าตนเองมาอยู่ที่นี่ได้อย่างไร

หูของเขาแว่วยินเสียงฝีเท้าแผ่วเบาก้าวย่างมาใกล้อย่างไม่รีบร้อน น้ำหนักเท้าบ่งบอกว่าเจ้าของร่างเป็นคนตัวเล็กและผอมบาง แต่ไม่ใช่สัตยา ขนาดตัวน่าจะสูงกว่าสัตยาเพียงเล็กน้อย

รักตปักษ์พยายามเอียงศีรษะมองไปทางประตู ทว่าปากประตูกลับถูกปิดไว้ด้วยแผเสื่อจากทำให้มองไม่เห็นภายนอก แสงอาทิตย์นั้นสาดส่องเข้ามาทางหน้าต่างซึ่งถูกเปิดรับลมเอาไว้ แต่เป็นแสงอาทิตย์ที่ร้อนแรงกว่ายามเช้า

ร่างกายของเขาปวดระบมโดยเฉพาะบริเวณที่ถูกกระสุน เขาสัมผัสมือดูและพบว่าร่างของเขาถูกพันทบด้วยผ้าพันแผลหลายชั้น ดูเหมือนตอนตกลงมา คลื่นจะซัดเขาเข้ากระแทกหินอยู่หลายครั้ง ถึงได้ปวดจนยากจะขยับตัวอย่างนี้ ศีรษะของเขาก็ดูเหมือนจะแตกจึงมีผ้าพันเอาไว้เช่นกัน โชคดีแค่ไหนแล้วที่ไม่ตายเพราะหัวฟาดจนเลือดออกในสมอง

ไม่นานนัก แพเสื่อจากก็ถูกเลิกออก มีร่างหนึ่งเดินเข้ามาพร้อมกับของบางอย่างในมือ

“คุณตื่นแล้ว โชคดีจริงๆ” คนๆนั้นกล่าวแล้วค่อยๆทรุดตัวลงนั่งทับขา รักตปักษ์มองดูและพบว่าฝ่ายนั้นเป็นผู้ชายที่มีผิวขาวสวยจนน่าประหลาด เครื่องแต่งกายนั้นเป็นชุดแบบกึ่งจีนกึ่งอ๋าวใหญ่สีเรียบดูแปลกตาเหมือนจะเป็นชุดที่ตัดเย็บเอง ประกอบด้วยตัวเสื้อซึ่งแขนยาวและกว้าง มีชายยาวลงมา กับกางเกงขายาวกว้าง มองแล้วช่างไม่เข้ากับเรือนไทยหลังนี้เอาเสียเลย กระนั้น รักตปักษ์ก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่แปลกยิ่งกว่านั้น

“กลิ่นน้ำ....” เขาว่า “เจ้า.....เป็นนาค?”

ชายหนุ่มแปลกหน้ายิ้มรับคำของรักตปักษ์ ใบหน้านั้นดูงดงามน่าหลงใหลอันเป็นลักษณะเฉพาะของเหล่านาคยามจำแลงกาย

“ข้าคิดว่าคิดไปเองในตอนที่เห็นขนนกสีแดงของเจ้า” ชายหนุ่มแปลกหน้าผู้นั้นกล่าว “ลุกไหวไหม? ข้าจะเช็ดตัวและเปลี่ยนผ้าพันแผลให้ใหม่”

“พอจะไหว....” รักตปักษ์ขยับตัวชันขึ้นเล็กน้อยกระนั้นกลับต้องใช้เรี่ยวแรงมากมาย มือนุ่มเนียนคู่หนึ่งจึงยื่นเข้ามาช่วยพยุง

“บาดแผลของเจ้าหายเร็วกว่าเจ้ากรพินธุ์ จึงไม่น่าเป็นห่วงนัก” ชายหนุ่มร่างบางว่า

“เจ้ากรพินธุ์?” รักตปักษ์มุ่นคิ้ว

“พวกเจ้าไม่ได้มาด้วยกันหรอกหรือ? มนุษย์ครึ่งนาคตนนั้นเจ้ารู้จักหรือไม่?”

“เจ้าหมายถึง....สัตยา....?” ชายหนุ่มผมแดงเอ่ยถาม เขาปะติดปะต่อเรื่องราวไม่ถูกนักเพราะเขาจำได้เพียงว่าตนเองถูกยิงและตกลงมา ถูกคลื่นซัดกระแทกหินจนหมดสติ เช่นนั้นแล้วทำไมคนๆนี้จึงพูดราวกับว่าสัตยาได้รับบาดเจ็บสาหัส ทั้งที่สัตยากับผู้ชายคนนั้นน่าจะตกลงกันมาว่าจะฆ่าเขาแท้ๆ

“ชื่อสัตยาหรือ? อ้อ....ข้าพอจะคาดเดาได้แล้ว” นาคจำแลงหัวเราะพลางแกะผ้าพันแผลของรักตปักษ์อย่างเบามือ “เจ้าน้องชายของข้าสู้อุตส่าห์อยู่มาถึงป่านนี้ กำเนิดในร่างกึ่งมนุษย์ที่แสนอ่อนแอเพื่อแก้แค้นเจ้าสินะ ครุฑเอ๋ย”

“เจ้า....สัตยาเป็นน้องชาย....?”

“อา....จะว่าอย่างนั้นก็ไม่ผิด ความจริงแล้วไข่พันฟองแทบจะฟักพร้อมกัน นับยากว่าใครพี่ใครน้อง แม้แต่แม่กัทรูยังนับไม่ได้เลยว่าลูกตนใดของนางเกิดก่อน แต่เจ้ากรพินธุ์มีนิสัยน่าเอ็นดู ข้าจึงเรียกว่าน้องชาย” ชายหนุ่มในชุดประยุกต์แปลกตาจัดการนำผ้าพันแผลที่แกะออกแล้วไปกองไว้นอกเสื่อนอน และหันกลับมาแกะชั้นต่อไป

“ทำไมเรียกแบบนั้น? ข้าหมายถึง....เจ้ากรพินธุ์....” รักตปักษ์มุ่นคิ้วพลางกุมขมับ หัวของเขายังปวดหนึบ

“แต่เดิม สัตยาที่เจ้ารู้จักเคยมีชื่อว่า รัตนกรพินธุ์ หมายถึงแก้วทับทิม เพราะมีดวงตาที่โดดเด่นสวยงามกว่านาคตนอื่น แต่พวกเราเรียกว่าเจ้ากรพินธุ์” อธิบายไป มือเรียวทั้งสองก็แกะผ้าพันแผลอย่างชำนิชำนาญจนกระทั่งถึงชั้นเนื้อซึ่งบัดนี้เหลือเพียงรอยช้ำหลายตำแหน่งแต่ไม่ร้ายแรงมากนัก ส่วนที่โดนยิงนั้นก็มีรอยเย็บปรากฏดูน่ากลัว

“แล้วเจ้าเป็นใคร?”

“ข้ามีนามว่าอินทุกานต์ ตนอื่นๆบอกข้าว่า ข้าได้ชื่อนี้เพราะตอนข้าเกิดนั้นแสงจันทร์ส่องกระทบไข่ของข้าเป็นประกายเหมือนแก้วอินทุกานต์” ผ้าพันแผลทั้งหมดถูกปลดลงไปกองกับพื้น รักตปักษ์จึงได้เห็นว่าร่างกายตนเองบอบช้ำมากขนาดไหน ไม่น่าแปลกเลยที่เขาแทบจะขยับตัวไม่ไหว

“เจ้า....คือนาคที่ว่ายน้ำอยู่ตรงนั้น....” รักตปักษ์เริ่มจำได้ว่าเขาเคยเห็นนาคผลุบโผล่อยู่ที่ขอบฟ้าในยามค่ำมาสองคืนแล้ว

“ยามแสงจันทร์ทอประกายงดงาม ข้าเองก็ชอบออกไปชื่นชม” นาคจำแลงนามอินทุกานต์กล่าวด้วยรอยยิ้ม “ข้ารู้ว่าเจ้ามองอยู่ แต่ไม่นึกว่าเจ้าจะเป็นครุฑซึ่งข้าเคยได้ยินเมื่อหลายปีมาแล้วว่าลงมาจุติเป็นมนุษย์ตามคำอธิษฐานในกาลก่อน” ว่าไป มือเรียวก็นำผ้ามาชุบน้ำลูบไล้ไปบนตัวของชายหนุ่ม ทั้งมัดกล้ามแข็งตึงและใบหน้ากร้านคมสมรูป

“แล้วทำไม....สัตยาถึงได้....”

“เจ้ากรพินธุ์กระโดดตามเจ้าลงมา พยายามจะช่วยชีวิตเจ้า แต่ตัวเองกลับโดนน้ำทะเลกัดเสียเป็นแผลทั้งตัว” อินทุกานต์สีหน้าสลดลง “สามวันมาแล้ว เจ้ากรพินธุ์ยังไม่รู้สึกตัว ซ้ำยังมีไข้สูง เพ้อไม่รู้เรื่องตลอดเวลา ข้าพยายามจะรักษาแผลแล้ว แต่ร่างของกึ่งนาคนั้นเกินกำลังข้า”

“บ้าจริง” รักตปักษ์สบถ

“เจ้าเองก็อย่าเพิ่งหุนหันพลันแล่น เจ้ากรพินธุ์อาการหนัก แม้ข้าจนปัญญารักษาแต่ก็พยุงอาการได้ เจ้าจงรักษาตัวให้หายดี แล้วข้าจะชี้ทางช่วยเหลือเจ้ากรพินธุ์ให้เจ้า” เมื่อกล่าวจบ อินทุกานต์ก็เอนร่างสูงใหญ่ซึ่งพันผ้าพันแผลใหม่แล้วลงบนเสื่อ “เจ้าคงจะหิวแล้ว ข้าจะไปต้มข้าวให้ ข้าหวังว่าเจ้าคงไม่รังเกียจอาหารทะเล เพราะที่แถบนี้หาได้แต่สัตว์ทะเลเท่านั้น”

“ข้าไม่มีปัญหา” ชายหนุ่มผมแดงกล่าว “เจ้าอินทุกานต์ ข้าอยากพบสัตยา”

“เจ้าพบตอนนี้ก็ไม่ได้อะไรขึ้นมา หากเจ้าลุกขึ้นเดินเองได้ ข้าจึงจะอนุญาต” กล่าวจบ อินทุกานต์ก็เดินลับออกไปหลังผืนเสื่อจาก ทิ้งไว้เพียงความเงียบเช่นก่อนที่จะเข้ามา

รักตปักษ์เมื่ออยู่คนเดียวจึงเริ่มทบทวนถึงสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงการกระทำของสัตยาที่รู้ทั้งรู้ว่าตนเองไม่อาจสัมผัสทะเลได้ กลับกระโดดลงมาเพียงเพื่อช่วยคนที่ตนเองอยากจะฆ่าให้ตาย เขารู้สึกเป็นห่วง ห่วงเหลือเกินว่าสัตยาจะเป็นอะไรไป ทั้งที่เพียงนั่งอยู่ตรงชายหาดก็มีอาการแพ้สาหัสถึงขนาดนั้น แต่นี่ลงมาในทะเลทั้งตัว เขาไม่อยากจะคิดเลยว่าตอนนี้สัตยาต้องพบเจอกับความทรมานแค่ไหน ถึงกับไม่ได้สติมาสามวันและเพ้อเพราะพิษไข้ตลอดเวลา

กระนั้น อาการของรักตปักษ์เองก็ไม่ได้ดีไปกว่ากันมากนัก เมื่อนอนพักนิ่งๆไม่นาน ความง่วงและความเหนื่อยก็เริ่มเข้าครอบงำจนตกลงสู่ห้วงนิทราในที่สุด

TBC

ออฟไลน์ patee

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3732
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-3
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #193 เมื่อ08-02-2011 14:19:29 »

เกิดเรื่องจนได้ซินะ.. :เฮ้อ:

ยังดีที่ไม่ตายทั้ง2คน


ออฟไลน์ Whatever it is

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3959
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +380/-8
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #194 เมื่อ08-02-2011 14:33:34 »

มันเป็นใคร !! :angry2:

แต่ก็ยังดีที่แค่บาดเจ็บ ไม่ถึงตาย  :monkeysad:

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #195 เมื่อ08-02-2011 14:38:48 »

เขาจะรักษากันอีท่าไหน อยากรู้!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!! o18 o18 o18

ออฟไลน์ thanagorn

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 117
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #196 เมื่อ08-02-2011 15:13:52 »

  :3125: น่าจะตวัดหางไห้หัวหลุดจากบ่าไปเลย.... :fire:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #197 เมื่อ08-02-2011 15:23:42 »

มีใครเป็นหนอนบ่อนไส้อ่ะ ใครกัน

PrinceGirlz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #198 เมื่อ08-02-2011 16:30:51 »

เบื่อสัตยาเจ้าคิดเจ้าแค้นเกิ๊น

เค้าชอบอินทุกานต์อ่ะ รักตปักษ์จัดหนักเรย แอร๊ยยยยยยย >3<


tonight

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #199 เมื่อ08-02-2011 16:36:55 »

อ่า....กำลังสนุกเลยคับ อ่านเพลินเลยทีเดียว สัตยาเริ่มใจอ่อนแล้วใช่ไหมล่ะ อุตส่าห์กระดดดลงน้ำทะเลเพื่อช่วยรักตปักษ์

เรื่องนี้พอมีคนช่วย ก็มีคนดีคอยช่วยเหลือ ดีคับ ไม่โศกมากดี ^^

อยากอ่านตอนต่อไปแล้วคับ คนแต่งสู้ๆๆนะคับ จะเป็นกำลังใจให้ o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
« ตอบ #199 เมื่อ: 08-02-2011 16:36:55 »





COTton

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #200 เมื่อ08-02-2011 17:00:02 »

ทำไมนาคชื่ออินทุกานต์ไม่แพ้น้ำทะเลล่ะคับ งงคับ หรือว่าเป็นนาคคนละสายพันธุ์กัน

แล้วใครเป็นหนอนบ่อนไส้อ่ะ   ค้างงงงงง

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #201 เมื่อ08-02-2011 17:58:17 »

 :m15:
สงสารนาคน้อยจังเลย

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #202 เมื่อ08-02-2011 18:18:21 »

ใครอยู่เบื้องหลังอีกคนอ่ะ :m16:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #203 เมื่อ08-02-2011 18:18:59 »

นี่ขนาดว่าเกลียดกันนะ  ยังโดดตามลงมา  แหม๋เกลียดกันแร๊งแรง :o8:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #204 เมื่อ08-02-2011 18:51:33 »

เพิ่งเข้ามาอ่านครับ  สนุกมากๆๆๆๆๆๆๆ
พยายามอ่านรวดเดียวเลย
จะติดตามต่อนะครับ

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #205 เมื่อ08-02-2011 18:59:00 »

 :m16:

เนื้อเรื่องเข้มข้นเรื่อยๆแล้วสิ

ลุ้นๆ

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #206 เมื่อ08-02-2011 19:03:45 »

คนในเงาดำเนี่ยคุณเชิดชัยรึเปล่าหนอ

อินทุกานต์น่ารักอ่ะ

หรือพี่รักต์แกจะได้เป็นพระยาเทครัวเนี่ย  น่าสงสัย


ปล.เรื่องที่จองตกลงเปิดอยู่ใช่รึเปล่าคะ


 :กอด1: :กอด1: :กอด1:

clubza

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #207 เมื่อ08-02-2011 19:18:48 »

คุณเลขาใช่ไหมคือหนอน
หนอนเชิดชัย

fahsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #208 เมื่อ08-02-2011 19:21:37 »

สรสารสัตยา   :o12: :sad4:

ตายซะเถอะไอ้คนเลววววววววว :beat: :beat: :beat: :z6: :z6: :z6:







 :กอด1: :L2: :3123: :L1: :pig4:

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 8 (8/02/11)
«ตอบ #209 เมื่อ08-02-2011 20:10:22 »

กำลังคิดว่า "น่าจะเอายาไปให้กิน จะได้หมดเรื่อง"
นี่น่าจะหมายถึงว่า เป็นคนใกล้ตัว
เชิดชัย ? ไม่มั้ง ... ไม่ก็คนใกล้ๆ แล้วก็ไม่น่าจะใช่คนที่บริษัท
เพราะไม่น่าเอายาให้กินได้ น่าจะเป็นคนที่บ้านแฮะ ...

คุณอินทุกานต์น่ารักนะ แต่ห้ามควบสองนะคะ !!
คุณยาน่ารักมากเลย อุตส่าห์โดลงไปช่วย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด