สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 12 (12/02/11)-END <ปิดจองรวมเล่มแล้วค่ะ>  (อ่าน 324178 ครั้ง)

ออฟไลน์ dee-dee

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 69
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #270 เมื่อ10-02-2011 15:50:41 »

อ้างถึง
o13แค่เริ่มอ่านไม่นาน  ชักอยากจะเก็บแล้วอ่ะ
ขอจอง 1 ชุด  ขอทราบรายละเอียดด้วยค่ะ
:impress2:

 :call:เห็นรายละเอียดแล้วค่ะ((ตอนแรกยังอ่านไม่ถึง  แต่ตัดสินใจจะเอา แหะๆๆ)) :z3:
จะรีบดำเนินการจ้า 
:o12:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2011 20:22:43 โดย dee-dee »

ออฟไลน์ kazhiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +140/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #271 เมื่อ10-02-2011 17:21:37 »

5555 ท่าทางคุณรักต์จะทนมือทนเท้าน่าดู โดนตุ๊บตั๊บตลอด อิอิ
สัตยาน่ารักได้อีก กรี๊ดดดด :กอด1:

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #272 เมื่อ10-02-2011 18:10:42 »

แอร๊ยๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆหว้านหวาน ลองนึกภาพตามแล้ว  กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

Rinze

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #273 เมื่อ10-02-2011 18:22:49 »

โอยน่ารัก.... หวานม๊ากกกก เลยล่ะค่ะ

สัตยาก็เขินได้รุนแรงซะ ถ้าคุณรักต์ไม่อึดจริงคงช้ำในตายล่ะ ฮ่าๆ


ปล. ส่งเมลล์โอนไปแล้วล่ะค่ะ
อยากรู้ว่า แล้วจะมีเมลล์แจ้งประมาณว่า "ได้รับเงินแล้ว" หรือ "เช็คเงินแล้ว" ไม่มีปัญหาแบบนี้มั้ยคะ
พอดีเราค่อนข้างไม่มั่นใจ ระแวงนิดนึงอ่ะ อยากได้ความสบายใจ
ขอบคุณค่ะ  :L2:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 10-02-2011 18:30:29 โดย Rinze »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #274 เมื่อ10-02-2011 18:30:06 »

 :L1:ดีกันแล้ว

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #275 เมื่อ10-02-2011 18:46:12 »

หวาน น่ารัก เขินนนนน  :o8:
หวานๆไปก่อน ค่อยไปโหดทีหลังเนอะ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #276 เมื่อ10-02-2011 19:13:31 »

กำลังสนุกเลย

กำลังจะรู้ตัวคนร้ายแล้ว
ถ้ารู้ตัวแล้วต้องเล่นงานให้หนัก ๆ  เลยนะ


 :L2: :L2:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #277 เมื่อ10-02-2011 19:31:21 »

หวานระเบิดระเบ้ออออออออออออ

katook

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #278 เมื่อ10-02-2011 19:32:46 »

ชอบ....จบ ป่ะ  :-[

ออฟไลน์ noina

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 719
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #279 เมื่อ10-02-2011 19:35:02 »

หวานไม่เกรงใจกันบ้างเลย :impress2: :impress2: :impress2: :impress2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
« ตอบ #279 เมื่อ: 10-02-2011 19:35:02 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #280 เมื่อ10-02-2011 19:51:28 »

แอบเดา คนร้ายคือ 'เชิดชัย'  :man1:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #281 เมื่อ10-02-2011 19:54:40 »

แอร๊ยยยยยยย
อิชั้นเขิลแทนสัตยาที่สุดในสามโลกเลยค่ะ อร๊ายๆๆๆ  :-[ :-[ :-[

อิตาชช.แน่เลยที่เป็นตัวการ  :z6:

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #282 เมื่อ10-02-2011 20:05:16 »

เปิดใจให้กันแล้ว น่ารักๆๆๆๆๆ
ว่าแต่คนไหนคือคนที่อยู่เบื้องหลังนะ แล้วเขารู้ว่าสัตยาคือนาคหรือถึงคอยฆ่างูส่งมาขู่

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #283 เมื่อ10-02-2011 20:08:24 »

นี่...ขนาดเพิ่งจะเริ่มเข้าใจกันและกัน ต่างฝ่าย ต่างเริ่มรู้สึกดี ๆ ให้กันมากขึ้น ยังหวานได้ขนาดนี้
แล้วถ้าได้เข้าขั้นบอกรักกัน มันจะหวานขนาดไหน?

หนูสัตยาก็อย่า "ซึน" นะลูก~ คุณรักต์เค้าออกจะพ่อศรีเรือน ถูบ้าน ซักผ้า ทำกับข้าว ได้หมด ไม่คว้าไว้ ไม่ได้แล้วล่ะ

ท่าทางคุณตาน่าจะรู้อะไรลึ ๆ เรื่องนาคกับครุฑ เพราะ แค่เห็นนกคาบขนปีกสีแดงมาก็เข้าใจสถานการณ์แล้ว...

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #284 เมื่อ10-02-2011 20:24:10 »

โอยน่ารัก.... หวานม๊ากกกก เลยล่ะค่ะ

สัตยาก็เขินได้รุนแรงซะ ถ้าคุณรักต์ไม่อึดจริงคงช้ำในตายล่ะ ฮ่าๆ


ปล. ส่งเมลล์โอนไปแล้วล่ะค่ะ
อยากรู้ว่า แล้วจะมีเมลล์แจ้งประมาณว่า "ได้รับเงินแล้ว" หรือ "เช็คเงินแล้ว" ไม่มีปัญหาแบบนี้มั้ยคะ
พอดีเราค่อนข้างไม่มั่นใจ ระแวงนิดนึงอ่ะ อยากได้ความสบายใจ
ขอบคุณค่ะ  :L2:


ถ้ามีเมลล์แจ้งกลับไปว่า "ยืนยันเรียบร้อย" ก็แสดงว่าเช็คแล้วค่ะ ถ้าผ่านไป 2 วันยังไม่ตอบควรส่งใหม่ค่ะ เพราะบางทีเมลล์ชอบตกหายกลางทาง= =" (ฮอทเมลล์เริ่มทำตัวเหมือนไปรษณีย์ไทย)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4341
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #285 เมื่อ10-02-2011 20:34:36 »

 :laugh:

หวานเต็มที่เลยอ่ะตอนนี้

ช๊อบชอบ

fahsai

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #286 เมื่อ10-02-2011 22:19:06 »

สัตยา น่ารักที่สุดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด :impress2: :-[ :o8:




ใครอยู่เบื้องหลังนะ   :beat: :beat:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #287 เมื่อ11-02-2011 00:09:44 »

พ่อนาคสุดสวยไม่คยรักใครเหรอจ๊ะ อิอิ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #288 เมื่อ11-02-2011 05:38:10 »

สัตยา
เธอช่างน่ารักอะไรเยี่ยงนี้กันเล่าจ๊ะ  :-[

kihaezzzzzz

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #289 เมื่อ11-02-2011 06:44:18 »

หวานซึ้งง ง

๕๕

รีบมาต่อนะคะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
« ตอบ #289 เมื่อ: 11-02-2011 06:44:18 »





ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #290 เมื่อ11-02-2011 07:00:38 »

หวานจิงอะไรจิง อืมอืมไม่ขอเดาดีกว่า

ออฟไลน์ puppyluv

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2539
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2000/-20
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #291 เมื่อ11-02-2011 08:10:57 »

รอ ๆ รอสัตยา อธิฐานไว้ จะหวานสมใจเรารึเปล่าน้อ

นางคุ้ม

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 10 (10/02/11)
«ตอบ #292 เมื่อ11-02-2011 12:38:24 »

ดันค่ะ นาคีสาวตนนี้น่ารักน่าชังนะคะอิอิ

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #293 เมื่อ11-02-2011 13:31:14 »

ในตอนเช้า รักตปักษ์ต้องเข้าไปในเมืองทุกวันเพื่อซื้อหาอาหาร ดังนั้น หากวันใดที่สัตยาตื่นเช้าและรักตปักษ์ยังไม่กลับมา เขาจะพบสำรับอาหารตั้งอยู่ในห้องและมีฝาชีครอบปิดกันแมลงและสัตว์อื่นๆ หลังจากสัตยาไปอาบน้ำเสร็จแล้วจึงกลับมากิน และต้องรออยู่คนเดียวเช่นนั้นจนกว่ารักตปักษ์จะกลับมาตอนใกล้เที่ยง ช่วงเวลาที่ต้องอยู่คนเดียวโดยไม่มีอะไรทำ เพราะแทบจะทำอะไรไม่เป็นนั้น สัตยาก็มักจะนึกถึงเวลาที่ผ่านมา ทั้งก่อนหน้าและหลังจากที่เจอกับรักตปักษ์

ตั้งแต่เด็กจนโต เขาถูกฟูมฟักเลี้ยงดูด้วยความรักจากพงษ์ศักดิ์ ยศ และจันทร์วนา รวมทั้งคนอื่นๆในบ้านชลวรินทร์ เป็นสิ่งที่เขาไม่ได้คาดฝันไว้เลยในตอนที่ตั้งใจจะมาเกิดในครรภ์ของหญิงชาวมนุษย์ ถึงอย่างนั้น ทั้งที่เขาไม่ใช่ลูกหลานแท้ๆ ไม่ใช้แม้กระทั่งสายเลือดเดียวกัน พงษ์ศักดิ์ก็ยังรักและเอ็นดูอยู่เสมอ ส่งเสียให้เล่าเรียน มีงานให้ทำเป็นหลักเป็นฐาน ตั้งใจจะยกทุกสิ่งทุกอย่างในบ้านชลวรินทร์ให้กับเขา ซึ่งสัตยาเองก็ไม่นึกแปลกใจ เพราะไม่มีใครรู้ว่าเขาเป็นนาค ทุกๆคนจึงรักและทนุถนอมเขาประหนึ่งเด็กน้อยซึ่งเป็นคุณชายของบ้านชลวรินทร์จริงๆ ถึงอย่างนั้น สัตยาก็นึกสงสัยขึ้นมาว่า หากทุกคนรู้ความจริงแล้ว เขาจะยังคงได้รับความรักเหมือนเดิมหรือไม่

หากว่าวันหนึ่งเขาต้องจากไป วันหนึ่งที่ทุกคนได้รู้ว่าแท้จริงแล้วเขาไม่สามารถสืบทอดสกุลให้ได้ ไม่สามารถดูแลกิจการและให้ทายาทสืบทอดได้ ไม่ใช่แท้กระทั่งมนุษย์เต็มคน ซ้ำยังมีจิตใจอันดำมืด คิดการทุกอย่างเพียงเพื่อแก้แค้นที่ไม่มีความผิด ในตอนนั้น ผู้ที่รักและเอ็นดูเขายิ่งกว่าใครๆจะยังคงรักเหมือนเดิมหรือเปล่า จะยังคงเรียกชื่อของเขาด้วยเสียงอ่อนโยนเช่นนั้นไหม...

แล้วยังรักตปักษ์ ที่ทั้งรู้อยู่แก่ใจว่าเขาคิดแค้นอย่างไร้เหตุผล ไม่รับฟังสิ่งที่ต้องการจะบอก ถึงอย่างนั้นก็ยังทำดีกับเขาอย่างเสมอต้นเสมอปลาย แม้กระทั่งเรื่องของจินก็ยังไม่ถือโกรธเคือง เมื่อต้องบาดเจ็บเกือบตายเพราะเขา ก็ยังไม่ยอมดูดายปล่อยให้เขาได้รับกรรมที่ก่อด้วยตัวเอง กลับพยายามช่วยเหลืออย่างเต็มที่และพาเขามาจนถึงที่แห่งนี้

ตอนที่ได้รับบาดเจ็บนั้น สัตยาไม่ได้นึกถึงอนาคตเลยแม้แต่ครั้งเดียว อาการของเขาหนักขึ้นทุกวันและทรมานแทบขาดใจ อยากจะตายให้รู้แล้วรู้รอดไป ไม่คาดคิดเสียด้วยซ้ำว่ารักตปักษ์จะยอมช่วยเหลือ ตัวเขาในตอนนั้นไม่ได้คิดเลยว่าจะได้กลับมาใช้ชีวิตในฐานะมนุษย์อีกครั้ง อย่างน้อยถ้าโชคดีรอดตาย ก็คิดจะกลับไปใช้ชีวิตนาคอย่างสงบ ห่างไกลจากความวุ่นวายทุกๆสิ่ง ปล่อยให้ตัวตนของสัตยาเลือนหายไปจากความทรงจำของทุกคน และกลับไปเป็นรัตนกรพินธุ์อีกครั้ง

วินาทีที่สัตยาได้รู้ความจริงเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้นในอดีตนั้น เขารู้สึกว่าตนเองทำสิ่งที่ผิดพลาดลงไป และไม่มีค่าให้รักตปักษ์มาทำดีด้วยเลยแม้แต่น้อย แต่แล้วทำไม....รักตปักษ์จึงดีกับเขามากขึ้นกว่าเดิม และพยายามแล้วมาชิดใกล้มากยิ่งขึ้น ทั้งยังความรู้สึกของเขาที่เปลี่ยนไปนี้ มันหมายความว่าอะไรกันแน่....

นับจากวันที่มาถึงกระท่อมหลังนี้ เวลาก็ผ่านไปอย่างเชื่องช้าจนครบสิบวัน ซึ่งรักตปักษ์บอกไว้เมื่อวานนี้ก่อนจะนอนว่า วันพรุ่งนี้พวกเขาจะกลับกรุงเทพด้วยรถทัวร์ที่ฝ่ายนั้นไปจองเอาไว้เรียบร้อย ซึ่งจะถึงในตอนเช้าของมะรืน สัตยาจึงตั้งใจว่า หลังจากสะสางทุกอย่างจบแล้ว เขาจะเปิดเผยความจริงกับพงษ์ศักดิ์ ยศ และจันทร์วนา ถึงแม้ว่าจะได้รับการตอบกลับมาอย่างไรก็ตาม


----------------------------->


อีกวันเดียวจะครบกำหนดเวลา กฤตนันท์โลดเต้นขณะยืนมองปฏิทินในห้องพักของตัวเอง ตามที่ตกลง หากครบสองอาทิตย์แล้วสัตยายังไม่กลับมา คนที่เขาติดต่อด้วยอยู่นั้นมีสิทธิมากที่สุดที่จะได้รับมอบอำนาจ และอาจได้รับมอบการโอนหุ้นก้อนใหญ่หลังจากมีผลงานน่าพอใจ ซึ่งกฤตนันท์จะได้รับส่วนแบ่งตามสัญญาแต่แรกเสียที คราวนี้เขาจะได้นั่งกินนอนกินสุขสบาย ซ้ำยังนำอำนาจส่วนหนึ่งในเครือชลวรินทร์ไปหาประโยชน์ได้อีกมาก

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ กฤตนันท์ยังเชื่อสนิทใจว่าสัตยาได้ตายไปแล้ว เพราะเขาลองให้คนสำรวจดู พบว่าตรงจุดใต้โขดหินนั้นเป็นแอ่งลึกลงไปและมีคนเผลอจมลงไปตายหลายรายแล้วด้วยความรู้เท่าไม่ถึงการณ์ เมื่อสัตยากระโดดลงไป นั่นหมายความว่ามีโอกาสตายสูงมาก ทั้งความสูงที่กระโดดลงมา ความแรงของคลื่นที่ซัดกระแทกหิน และแอ่งลึกที่เจ้าตัวไม่รู้ว่ามีอยู่ เมื่อสัตยาตกลงไปในน้ำ คลื่นจะโถมใส่จนยากที่จะลอยตัวขึ้น และซัดเข้ากระแทกหิน หากว่าหมดสติก็จะจมลงไปในแอ่งทันที ซึ่งยืนยันได้จากการที่ไม่มีใครพบศพของทั้งสองคน แต่กฤตนันท์หารู้ไม่ ว่าแอ่งลึกนั้นแท้จริงแล้วคือทางเข้าสู่ถ้ำของอินทุกานต์ เมื่อสัตยาและรักตปักษ์จมลงไป อินทุกานต์จึงสามารถช่วยไว้ได้อย่างทันท่วงที

ขณะที่กฤตนันท์เฝ้ารอเวลาอย่างใจจดใจจ่อนั้น เสียงโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้นท่ามกลางความเงียบ

“ไง ความกังวลของแกมันไม่เป็นผลว่ะ ป่านนี้ลูกน้องข้ายังไม่เห็นเงาสองตัวนั่นเลย” กฤตนันท์เอ่ยทักทายเสียงหยัน

“อย่าเพิ่งดีใจไป กฤตนันท์ ยังเหลือเวลาอีกวันหนึ่ง พวกมันอาจเล็งจังหวะมาเอาวันสุดท้ายที่พวกเรามัวแต่ประมาทก็ได้” อีกฝ่ายเตือนเสียงเข้ม เขาเกรงว่าความชะล่าใจของกฤตนันท์จะทำให้ต้องเสียงานที่สู้อุตส่าห์วางแผนมาหลายปี

“แกมัวแต่ระแวงอย่างงี้น่ะสิ ถึงทำให้ข้าจะประสาทกินไปด้วย” มาเฟียหนุ่มว่า ก่อนจะสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงของตกลงมา เมื่อเขาหันมองก็พบว่าเพียงแค่ขวดเหล้ากลิ้งล้มบนโต๊ะ แต่....หากไม่มีใครไปแตะ แล้วขวดเหล้ากลิ้งล้มได้อย่างไร?

“เป็นอะไรไป?” เสียงทางฝั่งกฤตนันท์แว่วเข้ามาในโทรศัพท์บวกกับความเงียบจนผิดสังเกต ทำให้ชายอีกคนนึกสงสัย

“เปล่า ไม่มีอะไร” กฤตนันท์ตอบแล้วเดินไปหยิบขวดเหล้าวางเหมือนเดิม สายตาของเขาส่ายส่องไปรอบห้องและเขม่นมองบริเวณที่เป็นมุมมืดหรือมุมอับ เท้าสองข้างพาร่างขยับไปยังมุมหนึ่งของห้อง พิงแผ่นหลังกับผนังเย็นชืดจากลมของเครื่องปรับอากาศ มือข้างที่ว่างล้วงหยิบปืนพกออกมาถือไว้และขึ้นนกเตรียมพร้อม โดยไม่ยิงออกไปพร่ำเพรื่อเพราะยังไม่รู้แน่ชัดว่ามีใครหรืออะไรอยู่ในห้องกันแน่

“ยังไงก็ตาม ฉันต้องการให้แกจับตาดูไปก่อน เข้าใจไหม?”

“รู้แล้ว แกก็รอรับลาภลอยให้ดีๆแล้วกัน เดี๋ยวจะหัวใจวายไปซะก่อน” ปากว่าไป ปืนก็สอดส่ายไปรอบๆ ทว่า กฤตนันท์ก็รู้สึกเหมือนขาของเขาสัมผัสกับอะไรบางอย่าง เมื่อก้มลงมองก็เกือบร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อพบว่ามีงูตัวหนึ่งกำลังเลื้อยพันขา เขาสบถด่าออกมาชุดใหญ่แล้วสบัดขาเต็มแรงให้งูหลุดออกไป ก่อนจะยิงปืนไปหนึ่งนัดหมายจะฆ่างูตัวนั้น แต่กลับไม่โดน ทำให้งูที่ถูกปองร้ายเลื้อยหายเข้าไปใต้โซฟา

“มีอะไรน่ะ! นี่แกทำอะไรอยู่กันแน่?” ปลายสายที่ตกใจกับเสียงด่าและเสียงปืนถามเสียงลั่น

“มีงูเข้ามาในห้องว่ะ ไม่รู้แม่งมุดมาซอกไหน” กฤตนันท์พูดไปก็หยิบไม้กระบองมาเคาะรอบๆโซฟาเพื่อไล่งูตัวนั้นออกมา แต่แล้ว ระหว่างที่ชายหนุ่มกำลังก้มๆเงยๆพยายามไล่งูเจ้าปัญหาอยู่นั้น รอบข้างเขาก็ปรากฏดวงตานับสิบคู่แวววาวในความมืด ก่อนที่เจ้าของดวงตาเหล่านั้นจะเลื้อยออกมาจากซอกมุมอย่างเงียบเชียบทีละตัว ตัวหนึ่งเลื้อยผ่านเท้า อีกตัวเลื้อยขึ้นไปบนโต๊ะ และมีตัวหนึ่งที่พันตัวเองอยู่กับโคมไฟทิ้งตัวลงมาตกลงบนบ่าของกฤตนันท์อย่างพอดิบพอดี มาเฟียหนุ่มร้องเสียงดังด้วยความตกใจเมื่อหันไปเห็นงูกำลังอ้าปากกว้างโชว์เขี้ยวขาวพร้อมพิษร้ายไหลเยิ้ม

กระบอกปืนสีดำตวัดตบงูตัวนั้นหล่นลงไปบนพื้น ก่อนที่กฤตนันท์จะได้เห็นว่าตนกำลังถูกงูล้อมกรอบ พวกมันจ้องมองอย่างดุร้าย ชูคอส่ายไปมาและเลื้อยเข้าหาอย่างพร้อมเพรียง กฤตนันท์ลั่นไกใส่งูตัวหนึ่ง แต่กลับพลาดเพราะมันไหวหลบได้ทันท่วงที ซ้ำยังหันกลับมาขู่ฟ่อใส่อย่างโกรธเกรี้ยว

กฤตนันท์โดนฝูงงูต้อนไปถึงโซฟา ก่อนจะเสียหลักล้มลงทำให้มือถือหลุดจากมือตกลงไปบนพื้น เสียงร้องถามจากปลายสายดังออกมาจากโทรศัพท์อย่างต่อเนื่อง

งูตัวหนึ่งที่เลื้อยครองโซฟาอยู่ก่อนแล้วตวัดตัวรัดแขนที่ถือปืน อีกตัวหนึ่งพุ่งใส่รัดลำคอ ธรรมชาติของงูสร้างให้พวกมันมีกำลังมหาศาลที่จะรัดเหยื่อให้ตายก่อนกิน งูตัวแรกนั้นจึงออกแรงรัดลำตัวจนแขนของกฤตนันท์ชาดิกไม่มีแรงจับปืน จำต้องปล่อยให้อาวุธป้องกันตัวตกลงไปบนพื้น และมีงูตัวหนึ่งรู้งาน มันรัดพันปืนกระบอกนั้นเลื้อยจากไปอีกทาง

“แม่งเอ๊ย! มาจากไหนกันวะ....” กฤตนันท์กัดฟันกรอด พยายามดึงตัวที่รัดคอออกเพราะมันกำลังรัดแน่นขึ้นเรื่อยๆ เขาสงสัยว่าพวกมันต้องได้รับการฝึกมาอย่างดี เพราะทั้งที่เป็นงูพิษ กลับไม่แสดงพฤติกรรมของงูพิษที่จะกัดฉกเหยื่อเลยแม้แต่น้อย ซ้ำยังอยู่รวมกันเป็นฝูงทั้งที่ความจริงแล้วงูเป็นสัตว์ที่ต่างคนต่างอยู่และหวงอาณาเขต

ในขณะที่เขากำลังดิ้นรนสู้กับงูอยู่นั้น ก็มีเสียงรองเท้าหนังกระทบพื้นดังขึ้นก่อนที่ร่างเงาหนึ่งจะก้าวออกมาจากมุมมืดของห้อง ใบหน้ารูปไข่ จมูกรั้น และสีหน้าเย็นชานั้นกระตุ้นเตือนความทรงจำของกฤตนันท์ได้เป็นอย่างดี เขาเบิกตากว้างอย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา

“แก....สัตยา! แกเล่นกลอะไรวะ!” เขาตะคอกใส่

“คุณไม่ชอบลูกหลานของผมหรือครับ?” สัตยากล่าวเสียงเย็นเยียบ “ไม่สิ ต้องบอกว่าเป็นลูกของพี่น้องผมต่างหาก เพราะผมยังไม่เคยมีลูกสักตัว” เขาว่าแล้วก็ก้มลงวางมือใกล้พื้น มีงูตัวหนึ่งเลื้อยขึ้นมาพันแขนอย่างว่าง่าย และนิ่งอยู่เช่นนั้นในตอนที่สัตยายกมือขึ้นมา มันคลอเคลียกับแก้มเนียนอย่างรักใคร่ และขดตัวพันรอบแขนอย่างอ่อนโยน

“แกเลี้ยงพวกมันไว้หรือไง!? บอกให้พวกมันปล่อยเดี๋ยวนี้นะเว้ย!” กฤตนันท์ออกแรงดึงงูออกจากลำคออย่างยากลำบาก ซ้ำงูหลายตัวยังเลื้อยขึ้นมาบนขาและลำตัว

“ลำพังผมคงจะสั่งอย่างนั้นได้ หากว่าคุณไม่ก่อความแค้นไว้ก่อน” สัตยากล่าวพร้อมเดินเข้ามาใกล้ “จำได้ไหม คุณกฤตนันท์ ซากงูที่บ้านของผมนั่นน่ะ คุณรู้ไหมว่าพวกเขาโกรธแค้นแค่ไหนที่พี่น้องถูกทารุณกรรมโดยไม่มีความผิด”

“อ...อะไรนะ ไอ้พวกบ้าไร้สมองเอ๊ย!” มาฟียหนุ่มตกตะลึงพรึงเพริด เขาคิดว่ากำชับให้ลูกน้องจัดการอย่างแนบเนียน แต่ที่ไหนได้ กลับไปให้เขาจับได้เสียอย่างนั้น

“ไม่ต้องโกรธลูกน้องคุณหรอกครับ พวกเขาทำงานได้ดีเยี่ยมอย่างน่าชมเชย แต่เด็กพวกนี้ไปเห็นเข้าเท่านั้นเอง” นาคจำแลงว่าแล้วจึงเท้าแขนลงกับพนักโซฟา คร่อมเหนือร่างของมาเฟียที่ถูกงูพันธนาการ “คุณรู้อะไรไหม....คุณกฤตนันท์ ถ้าเพียงแต่คุณทำตามข้อตกลงอย่างซื่อสัตย์ และไม่ตุกติกกับผม เราคงจะตกลงธุรกิจร่วมกันได้” ระหว่างที่พูดนั้น ดวงตาของสัตยาก็พลันเปล่งแสงเรืองเรื่อเป็นสีแดงสดราวกับทับทิมเม็ดงาม เกล็ดสีมรกตปรากฏขึ้นบนใบหน้า และเขี้ยวค่อยๆงอกยาวออกมา กฤตนันท์มองภาพนั้นอย่างหวาดผวา เขาเบิกตากว้างอ้าปากพะงาบๆแต่ไม่มีเสียงออกมา

“ก....ก....แกเป็นตัวอะไรกันแน่!” เขาแค่นเสียงออกมาได้ในที่สุด

“เป็นสิ่งที่คุณจะต้องจดจำไปจนถึงชาติหน้า ว่าอย่าได้ทำให้โกรธแค้นอย่างเด็ดขาด เพราะอสรพิษคือสัตว์ที่มีแรงอาฆาตมากที่สุด” ว่าแล้วสัตยาก็ผละออกไป ทันใดนั้น ก่อนที่กฤตนันท์จะได้พูดอะไรต่อไป เสียงกระดูกลั่นกร๊อบก็แทงเข้าไปในรูหู สายตาของเขาเหลือบไปเห็นกระดูกข้อมือตัวเองที่แตกหักจากแรงรัดของงูตัวเดิม ก่อนที่จะดังตามมาอีกหลายครั้งจากกระดูกท่อนขาจนบิดผิดรูป กฤตนันท์อ้าปากเปล่งเสียงร้อง และในเสี้ยวินาทีนั้น งูตัวหนึ่งก็พุ่งเข้าไปฝังเขี้ยวลงบนปากที่อ้าค้างนั้นฉีดพิษเข้าไปจนเต็มสูบ พิษที่ฉีดออกมาจากเขี้ยวไหลเข้าไปในปากและกลืนลงคอ งูที่รัดคออยู่นั้นก็แผ่พังพานและฝังเขี้ยวเข้าไปอย่างรู้งาน

พิษของงูชนิดร้ายกาจสองชนิดคือจงอางและงูเห่าแล่นเข้าสู่หัวใจอย่างรวดเร็ว ไม่นานนัก ร่างของกฤตนันท์ก็ชาดิก ริมฝีปากดำคล้ำ ลิ้นแข็ง และน้ำลายฟูมปาก

สัตยามองดูร่างนั้นสิ้นลมอย่างทรมาน ก่อนจะเดินไปยังโทรศัพท์มือถือที่ได้ยินเสียงตะโกนเรียกชื่อชายผู้โชคร้าย เขายืดตัวตรงยกขึ้นมาแนบหูและสูดหายใจเล็กน้อย ก่อนกรอกเสียงลงไป

“สวัสดีครับ ไม่ทราบว่าคุณยังจำเสียงของผมได้ไหม คุณเชิดชัย...”

ทันทีที่ชื่อนั้นถูกเอ่ยอ้างถึงและเสียงที่กล่าวนั้นก็คุ้นจนน่าใจหาย เสียงของอีกฝั่งก็เงียบไปก่อนจะพูดตะกุกตะกัก
“ค....คุณสัตยา....”

“ขอโทษด้วยนะครับที่กลับมาช้า รบกวนคุณไว้เสียมาก” สัตยาว่าต่อไปด้วยน้ำเสียงโทนปกติทว่าแฝงไว้ด้วยความเย็นเยียบที่วาบจนถึงกระดูกสันหลัง “ผมรู้สึกเสียใจและอยากขอบคุณคุณมาก ผมจึงส่งของขวัญไปให้ชิ้นหนึ่ง ไม่ทราบว่าคุณได้รับหรือยัง?”

“ของขวัญ....ของขวัญอะไร...” ตอนที่ถามนั้น เชิดชัยก็พลันได้ยินเสียงหน้าต่างถูกเปิดออก เขาเหลือบสายตาหันไปมองอย่างกล้าๆกลัวๆ ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อเห็นสิ่งที่เกาะอยู่บนวงกบหน้าต่าง

ใบหน้าคมเข้มที่เขารู้จักดีกำลังแสยะยิ้มเย็น ดวงตาคู่สวยเปล่งประกายสีโลหิต และบนแผ่นหลังกว้างนั้นประดับด้วยปีกกว้างสีแดงสดราวกับสีพระเพลิง ปีกนั้นบดบังแสงสุดท้ายของดวงอาทิตย์จนภายในห้องนั้นตกอยู่ในความมืดอันน่าสะพรึง เชิดชัยตกอยู่ในความหวาดกลัวอย่างที่ไม่เคยประสบ และกรีดร้องอย่างบ้าคลั่งเมื่อเสียงสุดท้ายในโทรศัพท์กล่าว....

“คุณเห็นแล้วสินะครับ นกสีแดงของผม....”

และแล้ว....สายโทรศัพท์ก็ถูกตัดไป.....


------------------------------>


“เจ้านี่โหดร้ายจริง เล่นเสียศพอนาถขนาดนั้น” รักตปักษ์กล่าวเมื่อขี่มอเตอร์ไซด์มารับสัตยาที่ห้องของกฤตนันท์ เขาจอดอย่างนุ่มนวลแล้วลอบมองเข้าไปในห้องที่งูทั้งหลายกำลังแยกย้ายกันกลับบ้าน

“เจ้าสิใจดีเกินไป ทำไมไม่ฆ่าเชิดชัยซะ” สัตยาบ่นอุบแล้วเดินไปซ้อนหลังมอเตอร์ไซด์คันเก่งที่รักตปักษ์ไปขโมยมาจากบ้านของเขา ชายหนุ่มโอบแขนรอบเอวอีกฝ่ายอย่างเก้ๆกังๆ ไม่โอบแน่นด้วยเกรงจะตกรถอย่างเคย

“หากเจ้าเห็นเหมือนที่ข้าเห็น เจ้าจะรู้ว่าปล่อยให้มีชีวิตอยู่ต่อไปจะดีกว่า” ชายหนุ่มผมแดงหัวเราะแล้วเอี้ยวตัวมองสัตยา “กลับบ้านเลยไหม?”

“ไม่.....ไปหาคุณตาก่อน” สัตยากล่าวเสียงแผ่ว สีหน้าของเขาดูกังวล รักตปักษ์จึงหันมาดึงสัตยาเข้าไปกอดเอาไว้

“ข้าจะอยู่กับเจ้า” เขาว่า

“เจ้าเองก็เถอะ เลิกทำดีกับข้าได้แล้ว ข้าเลิกโกรธแค้นเจ้าแล้วไม่ใช่หรือ?” สัตยาดันตัวออกมาพลางก้มหน้าเขินอาย ทำให้รักตปักษ์พ่นลมหายใจออกมาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไร ดูเหมือนตลอดหลายร้อยปีที่ผ่านมา สัตยาจะตั้งหน้าตั้งตาจำศีลอย่างเดียวจริงๆ ถึงได้รู้อะไรยากเย็นเช่นนี้ ไม่สมอายุเอาเสียเลย ตอนพูดก็ไม่ยอมฟัง พอแสดงออกก็ไม่เข้าใจ ตอนนี้รักตปักษ์ไม่แปลกใจแล้วว่า ทำไมก่อนหน้านี้สัตยาถึงได้แค้นเขามานานนัก ไม่รู้เรื่องรู้ราวกับใครเขาสักอย่าง

“เจ้าช่างรู้สึกช้าจริง” รักตปักษ์บ่นอย่างเหนื่อยใจ ก่อนจะหันกลับไปสตาร์ทเครื่องเตรียมออกตัว สัตยาจึงกระชับแขนแน่นขึ้นอีกนิด

รักตปักษ์ขับไปตามทางเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน เพราะอย่างไรเสีย ตอนนี้ก็หมดเวลาเยี่ยมไปแล้ว ถึงจะไปเร็วกว่านี้ก็ไม่ได้ช่วยอะไร และถนนในกรุงเทพที่แออัดก็พาลให้นึกถึงบ้านของอินทุกานต์ขึ้นมา ที่นั่นอากาศสะอาดบริสุทธิ์ ถนนหนทางก็ไม่มี จะไปไหนก็ต้องเดินเท้า กระนั้นชาวบ้านก็ดูผ่องใส มีชีวิตเรียบง่ายไม่รีบร้อน ต่างจากกรุงเทพที่ต้องรีบเร่งตลอดเวลา

“น่าเสียดายนะ” ชายหนุ่มผมแดงเปรย

“อะไรหรือ?”

“บ้านของเจ้าอินทุกานต์น่ะสิ ต่างจากที่นี่อย่างฟ้ากับเหว เจ้ากลับบาดเจ็บสาหัสจนลุกขึ้นมาไม่ได้ ที่นั่นน่ะ เห็นท้องฟ้าชัดกว่าที่นี่เสียอีก” รักตปักษ์ว่าแล้วเหลือบตามองท้องฟ้าของกรุงเทพที่เต็มไปด้วยควันจนเห็นฟ้าเป็นสีมัว

“ทะเลสาปของข้าก็เห็นท้องฟ้าชัด” สัตยากล่าวก่อนจะซบลงบนแผ่นหลังของอีกฝ่าย เขานึกถึงเวลาที่อยู่ด้วยกันในกระท่อมหลังนั้นขึ้นมา ตอนกลางคืน พวกเขาจะนั่งมองดาวด้วยกันและพูดคุยกันอย่างต่อหลายอย่าง แม้ส่วนมากแล้วรักตปักษ์จะเป็นคนเริ่มเรื่องก็ตาม ท้องฟ้าของที่นั่น กระจ่างใสและสวยงาม เห็นดวงดาวชัดเจนราวกับคว้าจับได้ ทว่าสัตยากลับได้เห็นสิ่งที่เปล่งประกายงดงามยิ่งกว่าหมู่ดาวบนฟากฟ้า นั่นคือชั่ววินาทีที่เขาสบเข้ากับดวงตาสีอ่อนคู่งามนั้น

“น่าเสียดายนะที่ต้องทิ้งของไว้ที่นั่นทั้งหมด” รักตปักษ์พูดถึงข้าวของเครื่องใช้ที่ซื้อไว้สำหรับดำรงชีวิต พวกเขาเอากลับมาได้แค่เสื้อผ้าเท่านั้น เพราะของอย่างอื่นเกะกะสำหรับการเดินทาง ยิ่งขึ้นรถทัวร์เพื่อมาลงที่กรุงเทพแล้วต้องหลบซ่อนจนถึงค่ำด้วยแล้ว

“เขียนใบเสร็จส่งไปที่บริษัทสิ” นาคจำแลงกล่าวด้วยความหมั่นไส้

“ไม่เอาหรอก ให้เจ้าติดหนี้ข้าอย่างนี้ดีกว่า จะได้ไม่แอบหนีหนี้ไปเฉยๆ” ชายหนุ่มร่างสูงว่าพลางหัวเราะเมื่อหลังของเขาถูกทุบปึกโดยมือของคนขี้โมโห

ไม่นานนัก รถมอเตอร์ไซด์ก็จอดลงข้างกำแพงโรงพยาบาล เพราะประตูรั้วโรงพยาบาลปิดไปแล้ว ทั้งยังมียามคอยดูแล

รักตปักษ์ดับเครื่อง หย่อนกุญแจลงในกระเป๋ากางเกง แล้วยื่นมือมาหาสัตยาที่กำลังยืนมองว่าจะเข้าไปทางไหน เมื่อสัตยาตอบรับมือด้วยความสงสัย ร่างบอบบางนั้นก็ถูกดึงเข้าไปในอ้อมกอดและช้อนตัวขึ้นอุ้ม ครั้นจะร้องห้ามก็ไม่ได้เพราะเสียงจะทำให้คนอื่นรู้ว่าพวกเขากำลังจะทำอะไร สัตยาจึงทำได้เพียงถลึงตามองเมื่อรักตปักษ์ยิ้มสมใจแล้วกางปีกออกเพื่อโผบินขึ้นและข้ามกำแพงสูงอย่างง่ายดาย

พวกเขาลัดเลาะไปตามเงามืด ป้องกันการถูกจับข้อหาบุกรุกสถานที่ ประตูตึกของโรงพยาบาลไม่ได้ล็อค เพราะหมอและพยาบาลที่อยู่เวรต้องเดินเข้าออก พวกเขามองซ้ายขวาเห็นว่าไม่มีคนแล้วจึงเดินเข้าไป

บรรยากาศในโรงพยาบาลหลังหมดเวลาเยี่ยมต่างจากก่อนหมดเวลาอย่างลิบลับ ทั้งเงียบเหงา วังเวง มืดมิด สงัด และไร้ผู้คน ไม่น่าแปลกใจเลยหากจะมีเรื่องสยองขวัญของโรงพยาบาลผ่านหูผู้คนหลากหลายเรื่องราวได้ตลอดเวลา

สัตยาและรักตปักษ์จำต้องหลีกเลี่ยงการใช้ลิฟต์เพื่อป้องกันการถูกเจอตัวโดยบังเอิญ จึงเดินขึ้นบันไดหนีไฟไปยังชั้นที่พงษ์ศักดิ์นอนอยู่ สัตยาไม่รู้เลขห้อง แต่รักตปักษ์รู้จากปากนกน้อยที่เป็นตัวแทนส่งสาร ชายหนุ่มร่างสูงจึงเป็นคนนำมาจนถึงที่ พวกเขาเปิดประตูอย่างเบามือ เห็นพงษ์ศักดิ์นอนหลับอยู่บนเตียงโดยไม่มีสายน้ำเกลือหรือเครื่องช่วยหายใจสัตยาก็ถอนหายใจออกมา เพราะแสดงว่าอีกฝ่ายไม่ได้เป็นอะไรมาก เขาเดินเข้าไปนั่งข้างๆ แล้วประคองมือเหี่ยวย่นตามวัยนั้นขึ้นมากุมเบาๆ

“กลับมาช้าเชียวนะ เจ้ายา” เสียงของพงษ์ศักดิ์ดังขึ้นก่อนจะเปิดตาขึ้นมา

“คุณตา....” สัตยายิ้มให้ “ขอโทษนะครับ ที่ทำให้เป็นห่วง”

“เอ้อ เอาเถอะ” พงษ์ศักดิ์ยกมือลูบหัวหลานชายอย่างเอ็นดู แล้วมองเลยไปยังรักตปักษ์ “รบกวนคุณรักต์ไว้เยอะเลยนะ ต้องขอบคุณจริงๆที่ดูแลเจ้ายามันให้ แล้วก็นี่...ขอบคุณนะที่คุณรักต์อุตส่าห์ส่งมา ไม่อย่างนั้นฉันคงตัดสินใจผิดพลาดลงไปแล้ว” ชายชราหันไปหยิบขนนกสีแดงขึ้นมาวางบนฝ่ามือ สัตยาจึงมุ่นคิ้ว มองหน้าพงษ์ศักดิ์สลับกันรักตปักษ์

“ทำไมคุณตาถึงทราบว่าขนนกนี่เป็นของคุณรักต์ล่ะครับ?” สัตยาถามด้วยความสนเท่ห์

“เอ้า ทำไมจะไม่รู้ ก็คุณรักต์แกเป็นครุฑไม่ใช่หรือ?” เมื่อพงษ์ศักดิ์เฉลยความออกมาอย่างนั้น สัตยาก็เบิกตากว้าง หันไปคาดคั้นคำตอบจากคนต้นเรื่องทันที

ออฟไลน์ ZIar

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 332
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +210/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #294 เมื่อ11-02-2011 13:31:51 »

“มันหมายความว่ายังไงกันแน่ เล่ามาให้หมดนะครับ คุณรักต์” ดวงตาสีดำจ้องมองอย่างเอาเรื่อง ทำให้รักตปักษ์นึกถึงตอนเจอกันครั้งแรกขึ้นมา

“หลานจะไปว่าคุณรักต์ทำไม เขาทำไปก็หวังดีทั้งนั้น” พงษ์ศักดิ์แก้ต่างให้ “ตอนที่เจอหลานวันแรกน่ะ คุณรักต์แกก็มาที่บ้านแล้วเล่าทุกอย่างให้ตาฟัง ตาถึงได้รู้ความจริง แล้วคุณรักต์เองก็ไม่ได้มีเจตนาร้ายและยังบอกว่าจะปกป้องดูแลหลานอย่างดี ตาถึงได้อยากให้หลานไปไหนมาไหนกับคุณรักต์ไง เจ้ายา”

“หมายความว่า....คุณตารู้ว่าผม....”

“รู้น่ะสิ แต่ตาโกรธหลานนะ เจ้ายา ที่ไม่ยอมบอกความจริง” ชายชราทำเสียงดุ

“ขอโทษครับ....ผมไม่รู้ว่าจะบอกยังไง ผมกลัวว่าคุณตาจะกลัวและเกลียดที่ผมไม่เหมือนคนอื่นๆ” สัตยาก้มหน้าอย่างสำนึกผิด รักตปักษ์จึงเดินมานั่งข้างๆแล้วจับมือมากุมไว้ ในขณะที่พงษ์ศักดิ์ลูบศีรษะอย่างอ่อนโยนและรักใคร่

“ใครจะไปโกรธไปกลัวหลาน หือ? เจ้ายา หลานน่ะทำทุกอย่างเพื่อให้ตาดีใจอยู่เสมอ ทั้งยังพยายามมากกว่าคนอื่นๆ ตาจะไปโกรธไปเกลียดลงได้ยังไง?” ชายชราถอนหายใจ “แต่หลานควรจะไปบอกพ่อแม่หลานด้วยนะ ป่านนี้นายยศกับจันทร์วนายังเสียใจเรื่องหลานอยู่เลย เห็นจันทร์วนาร้องห่มร้องไห้ขนาดนั้น ตาก็ใจไม่ดีเหมือนกัน กลัวมันจะร้องไห้จนขาดใจตายซะก่อน นายยศก็ลางานมาอยู่เป็นเพื่อนแม่หลานหลายวันแล้ว ถึงนายพินิจ เจ้านายนายยศเขาเข้าใจ แต่มันก็ไม่ดีถ้างานไม่เป็นงานแบบนี้ หลานก็ไปพบพ่อกับแม่เขา ให้เขาสบายใจหน่อยเถอะนะ”

“ผมคิดว่า พรุ่งนี้หลังจากจัดการเรื่องที่บริษัทเรียบร้อยแล้วผมจะไปครับ” สัตยาตอบและพยายามดึงมือออกจากการเกาะกุมของรักตปักษ์ที่ตอนแรกเพียงแค่ปลอบ แต่ตอนนี้กลับยึดแน่นไม่ยอมปล่อยเสียอย่างนั้น พงษ์ศักดิ์เห็นก็ส่ายศีรษะนึกอยากให้สัตยาเป็นหลานสาวขึ้นมา

“พาคุณรักต์ไปด้วยล่ะ” พงษ์ศักดิ์ยังไม่วายย้ำให้สัตยาขุ่นใจ แต่ความขุ่นในครั้งนี้ไม่ได้มาจากความโกรธเคือง

“ผมจะดูแลคุณยาให้เองครับ” รักตปักษ์รับคำด้วยรอยยิ้ม

“เสร็จแล้วก็มาพาฉันออกไปด้วยแล้วกัน ฉันเบื่อจะนั่งๆนอนๆในโรงพยาบาลแล้ว” พงษ์ศักดิ์สั่งเป็นคำรบสุดท้าย ก่อนจะปรือตาหลับตา สัตยาและรักตปักษ์จึงพากันออกมาอย่างเงียบเชียบเหมือนเดิม ขณะที่กลับบ้านนั้น ต่างคนต่างก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา แต่เมื่อรถจอดลงที่หน้าบ้าน สัตยาก็กลับพูดขึ้นมาก่อน

“ทำไมเจ้าถึงไม่บอกข้า ว่าเล่าเรื่องนั้นให้คุณตาฟัง”

“เพราะตอนนั้น ข้าเห็นว่าเจ้ายังไม่พร้อมจะบอกความจริงกับใคร” รักตปักษ์ตอบแล้วยิ้มให้ “รีบเข้าบ้านนอนเสีย พรุ่งนี้เจ้ายังมีเรื่องต้องทำอีกมาก” สิ้นประโยค รักตปักษ์ก็ขับรถออกไป สัตยายืนอยู่หน้าบ้านพักใหญ่กว่าที่นายพจน์คนสวนจะเดินตรวจตรามาถึง เขาเห็นเงาดำปรากฏอยู่หน้าประตูจึงสาดไฟฉายไปดู ก่อนจะผงะด้วยความตกใจและไม่ทันคาดคิด

“ค....คุณยา.....” นายพจน์เดินเข้ามาดูใกล้ๆเพื่อให้แน่ใจว่าตาไม่ฝาด “คุณยา....คุณยาจริงๆใช่ไหมครับนั่น!”

“ผมเอง นายพจน์ ช่วยเปิดประตูทีได้ไหม?” สัตยาตอบกลับไป เท่านั้นเองนายพจน์ก็ร้องแรกแหกกระเชิงวิ่งเข้าตัวบ้านไป เรียกคนรับใช้ตื่นกันทั้งบ้าน เดินออกมาดูให้เห็นกับตาว่านายพจน์พูดจริง ไม่ใช่นึกสนุกมากลั่นแกล้งให้คนเขาดีใจเล่น กิ่งแก้วที่ตอนแรกจะด่าสามีตัวเองเพราะเล่นไม่เข้าเรื่อง แต่เมื่อเห็นสัตยายืนอยู่หน้าประตูก็ปล่อยโฮออกมา รีบวิ่งไปคว้ากอดสัตยาจนตัวติดรั้วเหล็ก ร้องห่มร้องไห้ละล่ำละลักขอโทษขอโพยเป็นการใหญ่ จนคนรับใช้คนอื่นๆต้องมาดึงตัวออกไป แล้วนำกุญแจบ้านมาเปิดให้สัตยาเข้าทางประตูเล็ก ก่อนที่ทุกคนจะหัวเราะออกมาทั้งน้ำตาเมื่อได้จับต้องสัตยาตัวเป็นๆอีกครั้ง

“โถ คุณยา คุณยาของกิ่ง ทำไมต้องไปตกระกำลำบากถึงขนาดนั้นด้วยนะ” กิ่งแก้วคร่ำครวญไปจัดที่หลับที่นอนไปหลังจากฟังสัตยาเล่าเรื่องราวทั้งหมดที่เกิดขึ้นจบ “กิ่งอุตส่าห์เลี้ยงดูประคมประหงม ยุงไม่ให้ไต่ไรไม่ให้ตอม งานหนักสักกะผีกก็ไม่ให้แตะ”

“ยายพิมเป็นคนเลี้ยงไม่ใช่หรือกิ่ง?” สัตยาถามด้วยรอยยิ้มและหัวเราะออกมาเบาๆเมื่อกิ่งแก้วค้อนขวับวงโต

“กิ่งก็ช่วยเลี้ยงเหมือนกันแหละค่ะ” เธอว่า “จริงสิคะ วันก่อนกิ่งเข้ามาจัดห้อง เจอของของคุณยาใต้เตียงด้วยค่ะ” หญิงสาวเดินไปหยิบกล่องบรรจุขนนกมายื่นให้

“หือ? กล่องนี้ผมไม่ได้เก็บไว้ใต้เตียงนี่” สัตยาทำหน้าสงสัย ซ้ำยังมีขนนกสีแดงอยู่ในกล่องอีก เขาไม่เคยเก็บขนนกของรักตปักษ์เอาไว้เลยไม่ใช่หรือ?

สัตยามุ่นคิ้วอยู่ครู่หนึ่ง แต่แล้ว อยู่ๆรอยยิ้มก็ค่อยๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าสมรูปนั้น

ครุฑเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ซึ่งมักได้รับมอบหมายให้ปกปักษ์สิ่งสำคัญ จึงเป็นสัญลักษณ์ที่ธนาคารนำมาใช้ อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของกษัตริย์ เหรียญตราครุฑเป็นเหรียญที่คนเดินทางสมัยก่อนหลายคนนิยมพกติดกายเพื่อป้องกันอันตราย เห็นได้ชัดว่า รักตปักษ์คงจะนำขนของตนมาใส่ไว้ในกล่องและซ่อนไว้ใต้เตียงเพื่อป้องกันสัตยานำไปทิ้งและเพื่อจะปกป้องคุ้มครองผู้เป็นเจ้าของกล่องใบนี้

“คุณยา เป็นอะไรไปหรือคะ?” กิ่งแก้วถามเมื่อเห็นอีกฝ่ายแอบยิ้มอยู่คนเดียว ทั้งที่สมัยก่อนเกลียดขนนกสีแดงเข้าไส้จนเห็นทีไรก็เอาไปทิ้งทุกทีแท้ๆ

“เปล่า ผมกำลังขำใครบางคนที่ยุ่งไม่เข้าเรื่อง” สัตยาตอบเป็นนัยที่หญิงสาวไม่เข้าใจ จึงได้แต่ตั้งข้อสงสัยไว้โดยไม่อาจได้รับคำตอบ


------------------------------>


สถานที่ที่รักตปักษ์กลับไป คือสำนักงานของตัวเอง ในตอนแรกเขาคิดว่ามันจะถูกทิ้งร้างเอาไว้ แต่แล้วเมื่อก้าวเข้าไป ชายหนุ่มกลับพบว่าของทุกชิ้นยังอยู่ที่ของมันและได้รับการดูแลเอาใจใส่ ไม่มีฝุ่นเกาะแม้แต่น้อย เครื่องคอมพิวเตอร์ของสำนักงานยังเปิดทิ้งเอาไว้และบนหน้าจอนั้นปรากฏงานที่เขาไม่เคยผ่านตา มองไปที่โซฟาตัวเดียวในห้อง รักตปักษ์ก็ยิ้มออกมาเมื่อเห็นเด็กชายหญิงสองคนนั่งอิงกันหลับโดยใช้ผ้าห่มผืนเดียวกันเพราะแอร์เป่าลงมาตรงนั้นพอดี

บนโต๊ะเล็กหน้าโซฟา มีถุงขนมปัง บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปทั้งซองและถ้วยเปล่า กล่องนม ขวดน้ำ และของหลายอย่างที่หาได้จากเซเว่นกองรวมๆกัน บางอย่างก็หมดแล้ว บางอย่างก็ยังเหลืออยู่ มีถุงขยะวางอยู่ใกล้ตัวและเต็มไปด้วยซองขนมเปล่ากับขวดน้ำ

ชายหนุ่มพอจะเดาได้ว่า ระหว่างที่เขาหายตัวไป เด็กทั้งสองคงพยายามจะทำงานแทนอย่างดีที่สุดเพราะเชื่อว่าเขาจะกลับมา น่าเสียดายที่ถึงจินจะมีหัวทางการออกแบบ แต่ก็ไม่ถนัดงานอาร์ตเวิร์คแบบนิตยสาร งานที่เปิดทิ้งเอาไว้จึงดูรกตาและจัดหน้าแบบแปลกๆ

รักตปักษ์เดินเข้าไปจัดผ้าห่มให้ทั้งสองคน นำของที่หมดแล้วยัดลงถุงขยะ ส่วนของที่เหลือก็โยนเข้าตู้เย็น ก่อนจะนำถุงขยะเหล่านั้นไปทิ้งข้างนอก

เขากลับเข้ามาอีกครั้งก็ควานหาแว่นตาสำรองในโต๊ะทำงานมาสวม แล้วเดินไปนั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ เริ่มทำงานที่เขาควรจะเป็นคนทำ เพราะเหลือเพียงอาทิตย์เดียวจะต้องออกนิตยสารแล้ว เขาพอจะสามารถคุยกับโรงพิมพ์ให้เร่งมือหน่อยได้หากเสร็จล่าช้า แต่ก็เฉพาะกรณีที่เขาสามารถทำให้ทางโรงพิมพ์เชื่อว่าเขายังมีชีวิตอยู่ได้....

เสียงเคาะคีย์บอร์ดและคลิกเมาส์อย่างเป็นจังหวะปลุกให้จินตื่นขึ้นมาด้วยความสงสัยว่าน้ำคิดอย่างไรจึงลุกขึ้นมาทำงาน แต่แล้วเขากลับพบว่าน้ำยังหลับพิงไหล่เขาอยู่ ไม่ได้ไปไหน จินจึงหยิบแว่นตามาสวม แล้วจ้องมองไปยังโต๊ะคอมพิวเตอร์ ก่อนจะร้องจ๊ากลั่นห้องอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย

“อะไรของนายน่ะจิน!” น้ำฝนที่ถูกปลุกด้วยเสียงระดับโซปราโน่ข้างหูลุกขึ้นมาตวาดแหวทั้งที่ตายังลืมได้ครึ่งๆ

“ผีพี่รักต์! ผีพี่รักต์มาหลอกแล้ว!!! ขอโทษครับที่ผมทำงานไม่ทัน! พี่ไปที่ชอบๆเถอะ!” จินกอดหมอนปิดหน้าแล้วร้องไม่เป็นภาษา

“อะไรกัน จะมาแช่งให้พี่ตายซะแล้ว หักเงินเดือนซะดีไหม?” รักตปักษ์เดินมาเขย่าตัวจิน แต่เด็กหนุ่มกลับยิ่งถดกายถอยแล้วร้องลั่น ในขณะที่น้ำฝนหันมามองรักตปักษ์อย่างไม่อยากจะเชื่อสายตา เธอตื่นเต็มตาทันที รีบเข้าไปสำรวจชายหนุ่มเป็นการใหญ่

“พี่รักต์! พี่รักต์จริงๆใช่ไหมคะ!” น้ำฝนร้องออกมา “จิน! นี่พี่รักต์ไง ผีเผอที่ไหนกัน”

“อะไรนะ ม....ไม่ใช่ผีเหรอ?” จินโผล่หน้าออกมามองอย่างหวาดๆ น้ำฝนจึงเดินไปเปิดสวิทช์ไฟ เมื่อเห็นอะไรๆชัดขึ้น จินจึงหายผวาแล้วโผเข้ากอดรักตปักษ์ทันที “พี่รักต์จริงๆด้วย!”

“แล้วดึกขนาดนี้เราสองคนทำอะไรกันเนี่ย?” รักตปักษ์มองนาฬิกาแล้วหันมามองเด็กทั้งสองคน

“ก็พี่รักต์ไม่อยู่ งานก็เลยรวนไปหมด ฝนกับจินก็เลยไปหาข่าวกันเอง ตื้อพวกนักธุรกิจจอมหยิ่งพวกนั้นแทบแย่กว่าจะยอมให้สัมภาษณ์ โดนโยนออกมาก็ตั้งหลายที่ ฝนเพิ่งรู้นะคะเนี่ยว่าพอพี่รักต์ไม่อยู่แล้วจะทำงานลำบากขนาดนี้” น้ำฝนบ่นเป็นชุดด้วยความคับแค้นใจ เพราะตอนไปขอสัมภาษณ์นั้น โดนนักธุรกิจหลายคนไล่ออกมาด้วยเหตุผลว่าอาจเป็นเด็กอยากเรียกร้องความสนใจ “แถมกว่าจะได้ข่าวมาก็จะหมดเวลาแล้ว งานอาร์ตเวิร์คก็ต้องช่วยกันทำเพราะทำไม่เป็นสักคน จินพอจะครูพักลักจำได้บ้างจากตอนทำงานกับพี่รักต์เลยถูๆไถๆอยู่นี่แหละค่ะ”

“แล้วขออนุญาตพ่อแม่เรียบร้อยแล้วหรือ? น้ำฝนน่ะไม่มีปัญหา แต่จินนี่สิ” รักตปักษ์ยังนึกขยาดฝ่ามือแม่จินไม่หายตั้งแต่ตอนที่บาดเจ็บคราวนั้น

“โอ๊ยพี่รักต์ ตอนนั้นน่ะ ฝนกลั้นหัวเราะแทบแย่ ตลกอย่าบอกใคร” น้ำฝนว่าแล้วหัวเราะออกมาขณะที่จินหน้าเจื่อนลง “ตอนนั้นน่ะ แม่ของจินจะมาลากจินกลับบ้าน บอกว่าอย่าทำงานที่นี่อีกเลย ไหนๆพี่ก็ตายไปแล้ว จินเลยฟิวส์ขาด ตะโกนว่าพี่รักต์ยังไม่ตายซะหน่อย แล้วบอกให้แม่ฟังเหตุฟังผลซะบ้างสิ ไม่ใช่อะไรๆก็บังคับให้เป็นลูกแหง่ไม่รู้จักโต แล้วจินก็เทศนายาวเหยียด จินก็หน้าซีดเอาๆ พ่อเลยต้องรีบพากลับบ้าน แล้ววันต่อมานะพี่รักต์ พ่อก็โทรมาบอกว่าแม่ให้ทำงานต่อได้ แต่ถ้าสิ้นเดือนแล้วเงินเดือนยังไม่ได้ก็ให้กลับบ้านอย่างเดียว ห้ามมีข้อแม้”

“ผมกลัวจะตายว่าพี่รักต์จะกลับมาไม่ทันจ่ายเงินเดือน ไม่งั้นผมต้องกลับบ้าน แล้วแม่ก็ต้องบังคับให้ผมไปเรียนหมออีกแน่ๆ” จินพูดไปก็ทำหน้าหวาดๆ “ผมขอทำงานแบบกินแกลบดีกว่าต้องไปเรียนหมออีก ให้ตายผมก็ไม่ออกจากงานหรอก”

“แกลบของเรานี่ท่าจะอร่อยดีนะ” รักตปักษ์แกล้งเย้าพลางมองไปยังตู้เย็นที่มีของกินอัดเต็มตู้

“อร่อยมากเลยค่ะพี่รักต์ แต่อยากให้พี่รักต์กลับมาแล้วชวนพี่ยาไปกินข้าวด้วยกันอีกมากกว่า พี่รักต์ชอบพาพี่ยาไปกินข้าวที่หรูๆ แต่พาพวกเราไปกินร้านข้างถนนซะอย่างงั้น” น้ำฝนพูดเจื้อยแจ้ว

“ก็คุณยาเขาเป็นคุณหนู จะให้ไปกินร้านข้างถนนได้ยังไงกัน” รักตปักษ์ว่า “เราสองคนน่ะไปนอนต่อเถอะ เดี๋ยวพี่แก้งานพักนึงจะออกไปข้างนอกต่อ”

“หา? พี่รักต์เพิ่งกลับมายังไม่ทันพัก จะรีบไปไหนครับ?” จินทำหน้าตื่น

“นั่นสิคะ พี่รักต์ยังไม่ได้เล่าให้พวกเราฟังเลยว่าหายไปไหนมาตั้งหลายวัน” น้ำฝนกอดอกทำปากยื่นอย่างงอนๆ

“เดี๋ยวพี่ค่อยกลับมาเล่าให้ฟังก็แล้วกัน ไป เราสองคนไปนอนพักซะ ตาโหลหมดแล้ว เดี๋ยวก็ไม่หล่อไม่สวยกันพอดี” ชายหนุ่มร่างสูงจับทั้งสองคนหอบด้วยมือคนละข้างพาไปนอนที่โซฟาอย่างง่ายดาย

“พี่รักต์ขี้โกง” เด็กสาวว่า “พรุ่งนี้เล่าให้ฟังด้วยนะคะ”

“สัญญาแล้วนะครับ” จินย้ำ

“ครับผมเจ้านาย ทราบแล้วครับ” รักตปักษ์เย้าแหย่ แล้วห่มผ้าก่อนจะปิดไฟให้ทั้งสองคนพักผ่อน ส่วนเขาก็กลับไปประจำที่หน้าคอมพิวเตอร์ ตรวจดูงานที่จินกับน้ำฝนช่วยกันทำ และแก้ไขส่วนที่ผิดพลาดรวมทั้งอาร์ตเวิร์ครกตาเหล่านั้นด้วย


------------------------------>


โดยปกติแล้ว สัตยาจะไม่ล็อคประตูระเบียง เพื่อที่เมื่อใดเกิดเหตุขึ้น งูที่อยู่ในสวนจะได้ขึ้นมาบอกเขาได้อย่างทันท่วงที คืนนี้ก็เช่นกัน เขานำกล่องใส่ขนนกไปวางไว้ที่ใต้เตียงเหมือนเดิม และรูดม่านปิดประตูระเบียงไว้เฉยๆโดยไม่ได้ลงกลอนแต่อย่างใด ก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียงนุ่มที่แสนคิดถึง ความสบายของแผ่นหลังทำให้สัตยาถอนหายใจออกมา ลมเย็นจากเครื่องปรับอากาศคลายความร้อนจากภายนอกได้ราวกับปลิดทิ้ง สัตยากำลังคิดว่า เขาคงติดความสะดวกสบายอย่างนี้เสียแล้วกระมัง

แต่ก็น่าแปลก ทั้งที่ได้กลับมายังบ้านที่คิดถึง นอนบนเตียงที่คุ้นเคย แต่เขากลับไม่อาจข่มตาหลับได้ ใจของเขากระหวัดไปถึงอีกคนหนึ่งซึ่งนอนร่วมเสื่อกันมาหลายวัน เมื่อใดก็ตามที่คนๆนั้นอยู่ข้างๆ เขาก็จะรู้สึกอุ่นใจและปลอดภัย

สัตยาพลิกตัว ห่มผ้าห่มให้อุ่นกายและพยายามกล่อมตัวเองให้หลับ เขานอนพลิกตัวไปมาอยู่นาน ไม่รู้ว่าเวลาผ่านไปเท่าใดแล้ว หูของเขาก็ได้ยินเสียงเหมือนลมพัดกระทบกระจก ในตอนแรกสัตยาก็ไม่ได้ใส่ใจ เพราะเขากำลังเคลิ้มใกล้จะหลับเต็มที แม้กระทั่งเสียงเลื่อนบานกระจก ก็ไม่อาจทำให้สัตยาลุกขึ้นมาดูได้ว่าใครกำลังมาเยือน

ฟูกนุ่มยุบตัวลงเมื่อมีน้ำหนักกดทับลงมา ร่างสูงโน้มตัวนั่งข้างๆร่างที่หลับใหล ก่อนจะไล้ริมฝีปากสัมผัสใบหูนิ่มและแทะเล็มอย่างช้าๆ

สัตยามุ่นคิ้วรู้สึกรำคาญจึงยกมือหมายจะปัด ทว่ามือของเขากลับถูกยึดเอาไว้ ทำให้สติของสัตยาตื่นขึ้นในทันที เขาลืมตา มองผู้บุกรุกท่ามกลางความมืด ดวงตาของสัตยามองฝ่าความมืดได้อย่างชัดเจน เขาเบิกตากว้างและดึงมือคืน

“เจ้ากลับไปแล้วไม่ใช่หรือ?”

“ใช่ กลับไปจัดการอะไรนิดหน่อย แล้วมาดูว่าใครบางคนหลับแล้วหรือยัง ไม่นึกว่าเจ้าจะเปิดประตูเชิญชวนข้าให้เข้ามา” รักตปักษ์ขยับรอยยิ้ม แล้วจูบเบาๆที่พวงแก้ม แม้จะได้รับการขัดขืนเขาก็ยังตั้งหน้าตั้งตากับการจูบเล็มไปทั่วใบหน้าเนียนสวย และจับยึดมือทั้งสองไม่ให้ออกแรงผลัก “ข้าคิดถึงคืนที่เราอยู่ด้วยกัน สัตยา คิดถึงเวลาที่เจ้าอยู่ข้างกายข้า”

“พูดอะไรเพ้อเจ้อ เราเพิ่งจากกันเมื่อครู่นี้ จะมาคิดถึงอะไร” สัตยาว่าไปก็หน้าแดง คำพูดของรักตปักษ์ชวนให้คิดไปไกล

รักตปักษ์ประทับรอยจูบลงบนริมฝีปากสีกุหลาบอย่างอ่อนโยนและอบอุ่น สัตยาแทบจะลืมหายใจเมื่อได้รับสัมผัสนั้นอย่างลึกล้ำกว่าที่ผ่านมา

“เจ้าไม่รู้ใจข้าจริงๆ หรือว่าแกล้งไม่รู้กันแน่นะ” ชายหนุ่มร่างสูงโน้มศีรษะลงซุกอิงกับบ่าเล็ก “ทั้งที่ข้าใจแทบขาด เจ้าก็ยังทำไม่รู้ไม่เห็น ก่อนหน้านี้ข้าอุตส่าห์อดทนเพราะอยากให้เจ้าจัดการเรื่องให้จบ แต่จากนี้ไปข้าจะรุกเจ้าแล้วนะ สัตยา”

“รุก? อะไร....เดี๋ยว! นี่เจ้า....” สัตยายังไม่ทันถามให้รู้ความ มืออุ่นก็สอดไล้เข้าไปในเสื้อนอนของอีกฝ่ายโดยไม่ขออนุญาต

“ข้าหลงเจ้าจนแทบบ้าอยู่แล้ว ตั้งแต่ใกล้ชิดเจ้ามา เจ้ามีแต่เรื่องให้ปวดหัวแต่ก็ชวนให้รักเสียเหลือเกิน” รักตปักษ์ว่าไป ก็ซุกไซ้ริมฝีปากกับผิวเนื้อ ไม่รั้งรอให้อีกฝ่ายได้ตั้งตัวและไม่ฟังคำทัดทานห้ามปราม สัตยาได้แต่กลั้นเสียงร้องและหันหน้าไปทางอื่นไม่กล้าสบตาของอีกฝ่าย เขาไม่มีแรงขัดขืนแม้แต่น้อยแม้ขณะที่ร่างกายของเขาถูกครอบครองด้วยความรักอันดื้อดึงและเอาแต่ใจ


---------------------------->
TBC

ตอนหน้าอวสานแล้วนะคะ~

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #295 เมื่อ11-02-2011 13:35:36 »

จิ้มๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ









กรี๊ดๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ตอนหน้าจะจบแล้วจริงๆหรือคะเนี้ย :sad4: :sad4: :sad4: :sad4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 11-02-2011 14:15:40 โดย samsoon@doll »

zeen11

  • บุคคลทั่วไป
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #296 เมื่อ11-02-2011 13:57:02 »

กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ครั้ง 1 พี่รักษ์กับน้องยา ตอนจัดการคนชั่ว เท่ห์ที่ซู๊ดดดดดดดดดดดดด  o13 o13 o13


กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ครั้ง 2 ในที่สุดพี่รักษ์ก็รอไม่ไหว ปืนเข้าหาจนได้ ก๊ากกกกกกกกกกกกก  :haun4: :haun4: :haun4:


ว่าแต่จะจบแล้วเหรอค่ะ สั้นจัง อยากอ่านต่ออะ :sad11: :sad11: :sad11:

ออฟไลน์ maew189870

  • รักทุกคนนะคับ
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 736
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-4
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #297 เมื่อ11-02-2011 14:06:23 »

ถ้าจบแบบนี้ก็ดีสินะ

หรือจะมีเรื่องใหม่มาอีกอ่ะคับ

จะติดตามเหมือนเดิมนะคับ

ชอบมากๆๆ

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #298 เมื่อ11-02-2011 14:40:26 »

น้องนาคน้อยจ้า
ยอมพี่เขาเหอะอุตส่าห์ปีนเข้าหาแล้ว
แล้วค่อยสู่ขอทีหลังก็ได้
ผู้ใหญ่เขาเต็มใจยกให้อยู่แล้ว5555

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: สัตยาธิษฐาน ตอนที่ 11 (11/02/11)
«ตอบ #299 เมื่อ11-02-2011 14:46:21 »

อ๊ากกกกกกกกกกกกกก  ฟิวชั่นกันแล้วววววววววววว
อย่างนี้เรียกรักข้ามสายพันธุ์รึเปล่าคะ  :laugh:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด