๔
“เพชรไม่ค้างเสียที่นี่เลยล่ะ ดึกมากแล้ว ขับรถกลับมันอันตรายนะจ๊ะ”
“แม่ฮะ พี่เขาขับรถกลับได้ ไม่เป็นไรหรอก” ร่างเล็กโวยวายพอได้ยินที่แม่ตัวเองชักชวนรุ่นพี่
“น้องกานต์ ทำไมไร้น้ำใจแบบนี้ลูก พี่เขามาส่งหนูนะ”
“ไม่ได้ขอให้มาส่งสักหน่อย...” แก้มใสงอนป่องเมื่อโดนแม่ว่า
“ผมไม่ค้างหรอกครับ ขอกลับบ้านดีกว่า ไม่ได้บอกทางบ้านไว้ด้วย” เพชรพูดเรียบๆ
“งั้นน้องกานต์เดินไปส่งพี่เขาสิลูก” ใบหน้าหวานนั้นหันมาจะทักท้วง แต่พอเห็นแม่ตัวเองทำตาวาว ก็ลุกขึ้นทำคอตกและเดินออกมาด้านนอก
“น้องกานต์รังเกียจพี่หรือครับ” รุ่นพี่ตัวโตเดินตามหลังน้องมาอย่างเร่งรีบ มือใหญ่รั้งแขนเล็กนั้นเอาไว้ไม่ให้เดินต่อ
“เปล่าฮะ...”
“แล้วทำไมเอาแต่หาเรื่องออกห่างพี่ละครับ”
“ก็เรา...ไม่ได้เป็นอะไรกัน ไม่ได้สนิทสนมกันจนต้องมาใกล้ชิดกันนี่ฮะ...” เพชรมองใบหน้าเล็กนั้นแล้วยิ้มกริ่ม แบบนี้...เขาเรียกว่าเขิน...น่ารักเหลือเกิน
“แล้วทำไมเราไม่ทำให้มันเป็นอะไรกันละครับ” ผมเดินเข้าไปชิด ใช้ความสูงใหญ่กว่าให้เป็นประโยชน์โดยการดันร่างเล็กนั้นไปติดกับประตูรถยนต์
“มะ..ไม่ต้อง...ไม่ต้องไปเร่งรัดมันหรอกฮะ...” แววตาหวานนั้นสอดส่ายหาทางออกจากวงแขนที่เป็นเหมือนกรงขัง
“ทำไมละ พี่รึ กลับอยากสนิทกับเราเร็วๆ” ผมใช้นิ้วเขี่ยเล่นที่แก้มใสนั้นอย่างเพลิดเพลิน
“อย่าเขี่ยแก้มผมเล่นสิฮะ มันจั๊กจี้นะ” เพชรมองด้วยความแปลกใจ ทำไมความจั๊กจี้จึงทำให้คนเราหน้าแดงด้วย ?
“งั้นพี่ไม่เล่นก็ได้นะ พี่จะเอาจริงละ” ผมเชยคางมนนั้นให้เงยหน้าขึ้น แล้วค่อยๆแตะริมฝีปากลงไปบนปากนุ่มนิ่มนั้น กานต์ตกใจ ตาโต คาดไม่ถึงว่าเพชรจะกล้า แต่แทนที่จะดิ้นรนและผลักไส กลับยอมให้ปลายลิ้นของร่างสูงรุกล้ำเข้ามาและความหาความหอมหวานในโพรงปากอุ่นชื้น
‘หวาน...หอมหวานเหลือเกิน’ เพชรรั้งต้นคอของร่างเล็กให้แนบชิดเข้ามาอีก ริมฝีปากบางกดจูบล้ำลึกเข้าไปจนร่างเล็กหายใจไม่ทัน เรี่ยวแรงหดหายจนต้องเกาะเกี่ยวต้นคอของพี่เอาไว้
“อือ...” มือเล็กๆทุบลงที่ไหล่กว้าง เป็นการประท้วงกลายๆว่าหายใจไม่ออกแล้ว
“อืม หวานจังเลยครับ” เพชรละริมฝีปากออก แต่ยังคงขบเม้มและไล้เลียอยู่ไม่ห่าง กานต์หลับตาพริ้ม อายแสนอาย แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ นี่สินะ พี่เพชรของเขา...ยังเหมือนเดิมไม่เสื่อมคลาย...
“อย่ารังแกกันแบบนี้สิฮะ...” ร่างเล็กพูดเสียงสั่น
“เปล่า พี่ไม่ได้รังแกน้องกานต์สักนิด พี่เอาจริง..” ผมดึงร่างเล็กนั้นมากอดแนบอก ความรู้สึก...อบอุ่น หอมหวานแบบนี้ เหมือนกับเคยได้รับมาก่อน...เมื่อนานมาแล้ว ความคุ้นเคยค่อยๆแทรกซึมเข้ามาในจิตใจทีละนิด...
“ฮืม...” เสียงอู้อี้เพราะถูกกดหน้าแนบกับอกแกร่ง กานต์แทบจะสำลักความสุขตาย วันที่เขารอคอย มาโดยไม่ทันตั้งตัว
“ไม่ไหว..พี่ทนไม่ไหว...” จู่ๆเพชรก็ดันร่างเล็กนุ่มนิ่มออกห่าง กานต์มองด้วยความงุนงงระคนตกใจ จู่ๆพี่เพชรก็เป็นอะไร
“พี่ทนใกล้ชิดมากกว่านี้ไม่ได้ วันนี้พี่ขอกลับก่อนนะ ไม่งั้นคงต้องจับน้องกานต์กดตรงนี้แน่เลย” ลักยิ้มเจ้าเล่ห์ปรากฎบนหน้าคม กานต์หน้าแดง คนๆนี้ร้ายกาจได้เสมอต้นเสมอปลาย
“งั้น..ผมขึ้นบ้านนะฮะ..พี่ก็ ขับรถดีๆด้วย” ร่างเล็กพูดรัวเร็วแล้วรีบวิ่งปรู๊ดขึ้นบ้าน เพชรมองแล้วอมยิ้มขำ ในใจจดจ่ออยากให้ถึงวันพรุ่งนี้เร็วๆ
หลังจากที่มักจะหาโอกาสมาขลุกอยู่กับกานต์เป็นประจำ ทำให้โสตประสาทของเพชรเริ่มแยกแยะเสียงของดนตรีไทยประเภทต่างๆได้ในเวลาอันสั้น หากลองสังเกตสักนิดก็จะรู้ได้ว่ามันเป็นเหมือนกับการกระตุ้นความทรงจำที่หลับไหลให้ตื่นขึ้นมากกว่า..
“พี่เพชรไม่มีที่อื่นให้ไปเหรอฮะ จะมานั่งจ้องหน้ากานต์ทำไม” เสียงหวานๆนั่นอีก เสียงหวานกับใบหน้าน่ารักนั่น ช่างชวนให้ชายหนุ่มมองได้ไม่เบื่อ
“พี่เพชร!! เลิกจ้องผมสักที” สรรพนามแทนตัวเองนั่นก็น่ารัก ไม่รู้ว่าเมื่อไรที่ร่างเล็กหันมาเรียกแทนตัวเองว่ากานต์กับเขา แต่พอเวลาโมโหก็จะเปลี่ยนไปใช้คำที่ห่างเหินแทน เป็นคนที่ดูออกง่ายเหลือเกิน
“โอเคๆ พี่ไม่จ้องแล้วครับ พี่ไปทำอย่างอื่นก็ได้” ผมลุกจากพื้นและเดินไปที่ขาตั้งวาดภาพแทน ผมเอามันมาตั้งไว้ที่ห้องซ้อมดนตรีตั้งแต่วันที่ตัดสินใจว่าจะมาเฝ้ากานต์ที่นี่ทุกวัน ผมจุ่มปลายพู่กันลงบนสีแดงสด และป้ายลงไปบนเฟรมผ้าใบ กลีบดอกกุหลาบสีแดงหลายกลีบถูกแต่งแต้มจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา
“สวยจังเลยนะฮะ ดอกกุหลาบดอกนี้” ใบหน้าเล็กพาดบนไหล่กว้างจากด้านหลัง ผมหันไปหอมแก้มเนียนนั้นฟอดใหญ่และวาดต่อ
“พี่เพชรเนี่ย...ชอบวาดรูปเหมือนเมื่อก่อนไม่ผิดเลยนะ” ผมหันไปมองเจ้าตัวเล็กอย่างแปลกใจ ทำไมถึงพูดเหมือนรู้จักผมมานานขนาดนั้น
“พูดเหมือนรู้จักพี่มานานยังงั้นแหละ”
“ฮิฮิ” ไม่ตอบ แต่กลับหัวเราะสดใสและเอานิ้วมาไล้ที่แก้มของคนตัวโตเบาๆ
“กานต์รู้จักทุกส่วนของพี่เพชรนั่นแหละฮะ”
“พูดแบบนี้ เดี๋ยวก็โดนหรอก เอาตรงนี้เลยดีมั้ย หืม?” เพชรวางพู่กันและดึงร่างบางให้มานั่งบนตักของตัวเอง
“พี่เพชรจะรังแกน้องไม่ได้นะฮะ กานต์เป็นน้องนะ”
“ไม่ได้เป็นพี่น้องแท้ๆสักหน่อย ทำไมจะรังแกไม่ได้ล่ะ” มือใหญ่บีบคลึงที่สะโพกมนของร่างเล็กไม่หยุด
“อย่าทำแบบนี้สิ เรื่องแบบนี้ต้องให้คนที่เขาเป็นแฟนกันถึงจะทำได้นะฮะ” ร่างเล็กดิ้นขัดขืนยุกยิก แต่เพราะประโยคนั้นทำให้คนตัวโตถึงบางอ้อ
“พี่ก็คิดว่ากานต์เป็นแฟนพี่แล้วเสียอีก กานต์ไม่คิดเหมือนพี่หรอกหรือครับ” เพชรกอดร่างเล็กเอาไว้ไม่ให้ลุกไปไหน วาจาอ่อนหวานเป็นเหมือนคาถาปราบเด็กดื้อให้สงบ กานต์ลอบมองลำคอและแนวคางที่มีหนวดขึ้นอ่อนๆ กลิ่นกายของเพชร กลิ่นอาฟเตอร์เชฟ สูดหายใจเข้ากี่ครั้งก็หอมจนไม่อยากห้ามใจ
“หน้าไม่อาย...” จะปฏิเสธก็พูดไม่ออก โดนเขาจูบไปแล้วเสียขนาดนั้น แถมหัวใจก็ยังเรียกร้องหาคนๆนี้มาแสนนาน...
“ก็ยังมีคนมาชอบคนหน้าไม่อายแบบพี่ด้วยนะ”
“ฮึ บ้า” มือเล็กทุบอั่กที่หน้าอกแกร่ง
“ทำพี่ได้ยังไงครับ เด็กไม่ดี” เพชรดึงมือเล็กทั้งสองข้างมาล็อกไว้แน่น ก่อนจะยกขึ้นมาจูบบนหลังมือนั้น
“เซี้ยว...” ปากเล็กบ่นพึมพำ
“พี่ก็เซี้ยวกับกานต์คนเดียวนะครับ”
“เซี้ยวกำลังสอง...”
“หึหึ น่ารักจริงๆ ถ้ากานต์ไม่พูดคำอื่น พี่ก็จะถือว่ากานต์เป็นคนรักของพี่แล้วนะ” เหมือนกำลังหยอกล้อกับเด็กน้อย ร่างเล็กเอาแต่เอียงอายและก้มหน้างุด จนเพชรอดหยอกเย้าไม่ได้
“เอ...แบบนี้ถ้าเป็นแฟนกันแล้ว จะทำอะไรก็ได้สินะ”
“มะ ไม่ใช่นะฮะ...”
“อะไรไม่ใช่ครับ”
“มะ...ไม่ได้ทำได้ทุกอย่างสักหน่อย...”
“อะไรที่ทำไม่ได้บ้างละครับ” ปากพร่ำถาม แต่มือใหญ่ก็วนเวียนซุกซนอยู่บนร่างกายนุ่มนิ่ม
“ห้ามจับกด...ห้ามขโมยจูบ...ห้ามเจ้าชู้...ห้ามโกหก...ห้าม-” ยังพูดไม่จบก็ถูกนิ้วยาวเรียวแตะลงบนริมฝีปาก
“พี่ทำให้ได้ทุกอย่างครับ แต่เรื่องห้ามนัวเนียน้องกานต์ พี่ทำไม่ได้จริงๆ” เสียงทุ้มสั่นประท้วงทั้งๆที่กำลังซุกไซ้ที่ซอกคอของร่างเล็ก กลิ่นกายหอมหวานเช่นนี้ จะให้เขาเพิกเฉยกับมันคงไม่ได้
“งั้นกานต์เลิกอาบน้ำดีมั้ย จะได้สกปรกๆ พี่เพชรจะได้ไม่อยากเข้าใกล้” ใบหน้าหวานมีรอยยิ้มอ่อนหวานยั่วเย้า พาให้หัวใจของคนตัวโตกระตุกวูบ ในใจนึกเคืองว่าไปหัดยิ้มแบบนี้จากที่ไหน
“งั้นพี่จะอาบน้ำให้กานต์เอง”
“ฮื้อ ขี้ตื๊อ ฮิฮิ” นิ้วเล็กจิ้มลงที่เรียวปากบาง เพชรใช้ริมฝีปากงับนิ้วเล็กๆนั้นเบาๆ จากนิ้วเล็กลามไปถึงฝ่ามือนุ่ม แขนเรียวกลมกลึง และลำคอเนียนนุ่ม...
“อือ ไม่เอานะฮะ นี่มันห้องซ้อมของผมนะ” กานต์พยายามใช้มือดันใบหน้าคมออกห่าง แต่ยิ่งห้ามเหมือนยิ่งยุ มือใหญ่นั้นเริ่มรุกล้ำเข้าไปใต้ร่มผ้า และลูบไล้แผ่นหลังเนียนนุ่มนั้นอย่างเพลิดเพลิน
“เพชร มึงอยู่ป่าววะ เพชร” ได้ทีเผลอ กานต์กระโดดผึงออกห่าง เพชรจิ๊ปากอย่างหงุดหงิด คงเป็นเพราะเฟรมผ้าใบขนาดใหญ่นั้นบังอยู่ กัสจึงมองไม่เห็นว่าเพื่อนตัวเองกำลังทำอะไรกับรุ่นน้องหน้าหวาน
“อะไรของมึง มาทำไมเนี่ย” เพชรจัดเสื้อของกานต์ให้เข้าที่และลุกเดินไปหากัส
“อ้าว โผล่มาจากไหนวะ แม่งกูมองหาตั้งนาน”
“เออ ช่างกูเหอะ แล้วมึงมาทำไมเนี่ย”
“กูก็จะมาชวนมึงไปเที่ยวหนุกหนานไง ตั้งแต่มึงมาวาดรูปอยู่เนี่ย ไม่มีเวลาให้กูเลยนะ” ท้ายประโยคกัสทำเสียงออดอ้อน จึงโดนมือใหญ่ๆโบกกบาลดังป้าบ
“กระแดะ อุบาทว์ แล้วจะไปที่ไหนละ” เพชรก็รู้สึกได้ว่าช่วงนี้ทอดทิ้งเพื่อนประจำ จึงตัดสินใจว่าจะไปเที่ยวเป็นเพื่อนมันสักหน่อย
“ที่เดิมเว้ยเฮ้ย” กัสยักคิ้วเจ้าเล่ห์
“ที่เดิมของมึงอะ ที่ไหน ไปแม่งหลายที่จะตายห่า” เพชรนึกในใจว่ากูจะไปรู้ได้ไงวะ เพราะเขากับไอ้กัสก็ไปเที่ยวประจำ ที่โปรดก็มีหลายที่ ใครจะไปเดาได้ว่ามันหมายถึง ‘ที่เดิม’ ที่ไหน
“เออ ไปไหนก็ไป แต่รอเดี๋ยว กูไปชวนน้องกานต์ก่อน” เพชรโบกมือให้เพื่อนรออยู่กับที่แล้วเดินไปตามกานต์
“อะ..เฮ้ย..กูว่าที่นี่พาน้องไปไม่เหมาะมั้ง...” กัสทักท้วง แต่เพื่อนก็ไม่ได้ฟัง สุดท้ายจึงมีทั้งหมดสามคนที่มานั่งกันอยู่ในรถของเพชรและเดินทางไปพร้อมกัน
------------------------------