(ต่อครับ)
ตอนที่ 6คีย์ลงรถเมล์ที่ป้ายเลยร้านอาหารไปไม่ไกลนัก ตอนที่รถแล่นผ่านยังมองเห็นแมนนั่งอยู่บนหลังรถมอเตอร์ไซค์ หน้าร้านเกมของเฮียพี ส่วนที่หน้าร้านอาหารไอ้อาร์ตกำลังกวาดหน้าร้านอยู่
ทั้ง 2 คนหันมาเห็นคีย์พร้อมกัน ยกมือทักทายเหมือนกัน แต่ว่าคนที่อยู่หน้าร้านเกมที่อยู่ห่างกว่า กลับลุกเดินเข้ามาหา ทำให้ไอ้อาร์ตมองตามแถมยังเลิกคิ้วสูงเป็นเครื่องหมายคำถามตัวเท่าฮิปโปโป
“เลิกเรียนแล้วเหรอ”
บอกตามตรงว่าไอ้รอยยิ้มกว้างแบบนี้ มันไม่เข้ากับสกินเฮด เจาะหูนี่สักเท่าไหร่เลย
คีย์แค่พยักหน้า แล้วเดินต่อมาที่ร้าน
“กูมีเรื่องอยากถามมึง”
หนุ่มตัวเล็กหยุดยืนอยู่ที่หน้าร้าน ไอ้อาร์ตยังคงกวาดหน้าร้านอยู่ ส่วนข้างในเจ๊มิซาก็กำลังจ้องมองมาจากเค้าท์เตอร์
“มึงไม่มี...เอ่อ...พ่อแม่จริงๆเหรอ”
ถ้าเป็นคนมารยาทมากคงคิดว่านี่ไม่เหมาะสม
ถ้านี่เป็นละครหลังข่าวซีนนี้คงน้ำตาท่วม
แต่ว่านี่คือคีย์ ที่ก็แค่พยักหน้ารับ ทั้งทำหน้าเหมือนจะถามกลับว่า รู้อยู่แล้วถามทำไมด้วยซ้ำ
“แล้ว....มึงต้องทำงานส่งตัวเองเรียนจริงๆเหรอ”
แน่นอนคีย์พยักหน้าอีกครั้ง
แมนทำท่าเหมือนอยากพูดอะไรสักอย่าง เพราะไอ้หนุ่มสกินเฮดเองก็สงสัยเหมือนที่เฮียพีสงสัยน่ะแหละ ท่าทางดูเหมือนลูกคนมีตังค์ขนาดนี้ แต่กลับมีชีวิตที่เหมือนละครหลังข่าว ครั้นพอถามขึ้นมาจริงๆ เจ้าตัวกลับทำท่าเหมือนเป็นเรื่องปกติธรรมดา ผลก็คือคนกล้าไม่กลัวใคร รู้สึกไม่อยากถามต่อทั้งที่อยากทำความรู้จักให้มากกว่าเดิม
คีย์ก็เลยถาม “วันนี้ไปเรียนหรือเปล่า”
แมนส่ายหน้าแล้วพยักหน้า แต่คนที่ตั้งคำถามคือไอ้หนุ่มถือไม้กวาดข้างหลัง คนที่แอบฟังเขาคุยกัน
“ไรของมึงวะ”
“ก็ไปมหาลัยนั่งฟังได้สักพักก็ออกมาก่อนหมดชั่วโมงเรียน”
คราวนี้คนที่ส่ายหน้าเหนื่อยใจคือสาวคนที่อยู่หลังเค้าท์เตอร์ใกล้ประตูในร้าน
ไอ้อาร์ตเข้ามากอดคอแมนไว้หลวมๆ
“กูอยากเรียนไม่ได้เรียน คนตัวเล็กนี่หาเงินเรียน มึงมีคนส่งเรียนกลับไม่เรียน กูอยากขอใช้สิทธิ์แทนมึงจริงๆ”
แมนหันมามองหน้าอาร์ต เบี่ยงไหล่ออกจากแขนผอมๆของอาร์ต แต่พูดกับคีย์
“แล้วตอนนี้มึงอยู่หอพักคนเดียวเหรอ”
“เปล่า”
“อยู่กับใคร”
“เพื่อน”
มีลูกค้าคนทำงานเดินเข้าร้าน ทำให้การสนทนาหยุดลงชั่วคราว ทั้งไอ้อาร์ต และคีย์ต่างก็รีบมาทำงาน แต่แมนกลับไปนั่งอยู่หน้าร้านเกมเหมือนรอเพื่อน สักพักก็ชวนกันขี่รถออกไป
เฮียพีที่อยู่ในร้านเกมยืนกอดอกมอง ถึงจะไม่ได้ยินทุกคำพูด แต่ก็พอมองเห็นทุกการกระทำ
พอถึงช่วงเลิกเรียนไปจนถึงเลิกงาน ร้านอาหารก็คนแน่นขนัดเหมือนเคย อาหารจากในครัวถูกส่งผ่านช่องหน้าต่างไม่ขาดสาย
ไอ้อาร์ตวิ่งเข้าวิ่งออก เดี๋ยวช่วยในครัวเดี๋ยวเสิร์ฟ
ทำงานเหมาะสมกับตำแหน่งสารพัดประโยชน์
วุ่นวายกันจนเกือบ 2 ทุ่ม เสียงรถมอเตอร์ไซค์ เสียงเอะอะโวยวายดังลั่นที่หน้าร้าน เฮียพีรีบวิ่งออกไปดู พร้อมร้องตะโกนบอกทุกคนในร้านอาหาร
“อยู่ในร้าน อย่าออกไป”
วัยรุ่นนับสิบคนตะลุมบอนกันที่หน้าร้าน ส่วนหนึ่งเข้าไปร้านทุบใครบางคนแล้ววิ่งออกมาขึ้นรถไป ที่กำลังตีกันอยู่ก็แยกย้ายทันที
“สัดเอ๊ย!” เฮียพีสบถวิ่งเข้าไปดูในร้าน แล้วรีบพาคนบาดเจ็บขึ้นรถไปหาหมอ
เฮียใหญ่ชี้บอกอาร์ตให้ช่วยคีย์ในครัว ซึ่งหมายความว่า 2 คนนี้ต้องเฝ้าร้าน ส่วนตัวเองไปดูร้านเกม
ลิ่มเลือดไหลนองจากเก้าอี้นั่ง ไหลเป็นทางจนถึงด้านนอก สักพักตำรวจก็มา
พอตำรวจไปแล้วคนเฝ้าร้านถึงได้เริ่มทำความสะอาดล้างเลือดในร้าน
กว่าที่เฮียพีจะกลับมา ก็มาถึงตอนที่คนเฝ้าร้านกำลังล้างฟุตบาทหน้าร้าน
พอร้านข้างๆ มีเรื่องคนในร้านนี้ก็รีบกินรีบเช็คบิลอย่างรวดเร็วไปด้วย
คีย์มัดถุงขยะ จะเอาออกไปทิ้งที่ด้านหลังเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
“เอาวางไว้เดี๋ยวชั้นไปเอง”
คีย์หันมามองเฮียใหญ่ แต่ก็ถือถุงออกไปทิ้งอยู่ดี
เปิดประตูร้านออกไป แมนคนเดิมคราวนี้ย้ายมานั่งรออยู่หลังร้าน
...สงสัยมันเลี้ยงกุมารทอง...
หนุ่มตัวโตเดินเข้ามารับถุงขยะไปทิ้งให้ ตอนที่เดินกลับมาถึงได้พูดขึ้น
“กูกะเวลาว่าใกล้ปิดร้าน แล้วมึงจะออกมาทิ้งขยะน่ะ”
คีย์เดินเรื่อยๆ กลับมาจนถึงหลังร้าน
“คีย์”
หนุ่มตัวเล็กหันมามอง
“อย่าเพิ่งรำคาญกูนะ”
“เรื่องอะไร”
“ที่กูเซ้าซี้อยู่เนี่ย”
“ไม่รำคาญหรอก แต่พรุ่งนี้ไปเรียนซะ” คีย์ทำท่าจะเปิดประตู แต่แมนเรียกไว้อีกครั้ง
“คุยกับกูแป๊บดิ”
“แต่กูยังทำงานอยู่”
“แป๊บเดียว”
คีย์หันไปมองประตูร้าน แต่ก็แค่หมุนตัวหันมาหา
“อะไร”
“ก่อนนี้มึงอยู่ที่ไหน”
คิ้วเข้มๆของคีย์ขมวดแน่น .....อะไรของมันวะ......
“คือกูอยากถามว่า ก่อนที่จะอยู่หอพักน่ะ มึงอยู่กับใครยังไง”
คีย์นิ่งอึ้งไปอึดใจ เหมือนกำลังสงสัยคนถาม
“พ่อกับแม่กูรถคว่ำ น้ารับกูไปเลี้ยง แล้วก็มาอยู่กับป้า แต่เขามีลูก 2 คน พอกูอายุทำงานได้ก็มาทำงานซุปเปอร์มาเก็ต พอเข้ามหาลัยก็แยกมาอยู่หอกับเพื่อนรุ่นพี่”
“เออนี่แหละ ที่ว่าแยกมาอยู่หอนี่แหละ”
คีย์หัวเราะเบาๆ “รุ่นพี่ที่ซุปเปอร์ไง เขาเป็นคนต่างจังหวัดมาอยู่หอกับพี่ชายเขา ทีนี้พี่ชายเรียนจบแยกไปทำงานที่จังหวัดอื่น เขาก็เลยชวนกูมาหารค่าห้อง”
แมนทำท่าหลุกหลิก “แค่นั้นเหรอ”
“เออ แต่บางวันกูก็ต้องไปนอนห้องเพื่อนอีกห้อง เพราะมันพาแฟนมานอนด้วย”
แมนยิ้มกว้างท่าทางดีใจมากมาย จนอีกคนทาย
“คิดว่ากูอยู่กับแฟนเหรอ”
“ก็...เออ”
คีย์ส่ายหน้า แล้วชี้ไปที่ประตู “กูไปทำงานได้หรือยัง”
พอเปิดประตูเข้ามา ก็เจอกับคนที่กำลังเก็บของอยู่ในครัว สีหน้าเคร่งเครียดเหมือนเดิมไม่มีผิดเพี้ยน
“ไม่ถามผมเหรอ”
“ไม่หรอก”
แต่พอเก็บร้านเสร็จ เปลี่ยนใส่เสื้อเชิร์ตเรียนตัวเดิมกำลังจะกลับบ้าน คนที่พยายามเก็บความรู้สึกส่วนตัวแล้วเอางานมาบังหน้าก็ถามขึ้น
“ลุงกับป้าทะเลาะกันเพราะเราหรือไง”
คีย์หันมายิ้มหวาน
....ได้โปรด แค่แอบฟังก็เสียเซ้ลฟ์จะแย่อยู่แล้ว มายิ้มอย่างนี้อีก เดี๋ยวพ่อก็....เฮ่ย...ใจเย็นนายซาโต้ใจเย็น...
“เขาก็ทะเลาะกันทุกเรื่องน่ะแหละ” ดวงตากลมก้มลงมองหนังสือเรียนในมือ “ก่อนนี้ผมคิดไปเรื่อยว่าผมทำให้ลุงกับป้าเดือดร้อน แต่พอทำงานได้เงินเอาไปให้เขา เขาก็ทะเลาะกันอีกว่าเพราะอีกคนนั่นแหละที่ทำให้ผมต้องไปทำงานแทนที่จะเรียนหนังสืออย่างเดียวเหมือนคนอื่น”
“ทะเลาะกันได้ทุกเรื่องจริงๆ”
“ผมย้ายออกมา สิ้นเดือนกลับไปหา เอาเงินไปให้เขาก็ยังทะเลาะกันว่า อีกฝ่ายเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมอยู่ไม่ได้”
“อย่างนี้ถึงกลับไปอยู่กับเขา เขาก็ทะเลาะกันอีกอยู่ดี”
คีย์พยักหน้า เดินตามออกมาข้างนอกที่ไอ้อาร์ตกับมิซายังรีรออยู่
แน่นอน...รอฟัง....เพียงแต่ตอนนี้สมาชิกอีกคนคือเฮียพีไม่อยู่ เพราะต้องเคลียร์ร้านตัวเอง
“แล้วเพื่อนคนที่แชร์ค่าห้องได้งานหรือยัง” ใครถาม ไอ้อาร์ตสิ ไม่เห็นต้องปฏิเสธว่าไม่ได้แอบฟังคนคุยกัน
“ไม่รู้สิเห็นว่าวันนี้จะไปคุยที่ร้านหมอหมา”
“อยู่ตรงไหน” มิซาหันไปถามไอ้อาร์ตที่ส่ายหน้าเหมือนกัน
“อยู่ในซอยไม่ห่างจากหอพักเท่าไหร่น่ะฮะ”
“ก็ดีเนอะ” มิซาอาจพูดอะไรบางอย่างที่ผิดวิสัย เพราะไอ้อาร์ตหันไปทำหน้าแปลกๆ เหมือนไม่เชื่อในสิ่งที่ได้ยิน เลยโดนตบเหม่งไปที “กูไม่ได้ดีแต่เป็นนางร้ายนะ แมร่ง”
“คีย์” คนตัวโตหันมามอง สีหน้าจริงใจ และจริงจัง “มีปัญหาก็คุยกัน อย่าตัดสินใจอะไรตามลำพัง”
คีย์พยักหน้ารับ ไอ้อาร์ตเดินกอดคอออกมาจากร้าน แต่เฮียพีเดินมาจากร้านเกม
“เฮียกินเหล้ากัน”
“อ้าว” ทั้งหมดมองเลยไปที่ร้านเกมที่ปิดไฟในร้าน
เป็นครั้งแรกในรอบกี่เดือนก็ไม่รู้ที่ปิดร้าน ก็ขนาดตอนที่ลงโปรแกรมใหม่เฮียพียังให้ทำทีละครึ่งร้านเลย
“ให้กลับไปแล้วหล่ะ พรุ่งนี้เปิดเที่ยงๆ”
“ไปมั้ย” เฮียใหญ่หันมาถามสมาชิกอีก 3 คน
2 คนพยักหน้าทันที แต่อีกคนทำท่าคิด
“พรุ่งนี้ผมสอบ”
“สอบ!” ทั้ง 4 คนร้องพร้อมกัน “แล้วทำไมเพิ่งมาบอกตอนนี้เนี่ย”
“ก็...อะไรกัน”
ไอ้อาร์ตที่กอดคอหนุ่มตัวเล็กอยู่แทบอยากหักคอบางๆ คามือ
“ไปกลับบ้าน” เฮียใหญ่หันมาเรียก แล้วหันไปบอกอีก 2 คน “ไปรอที่ร้านกับเฮียพีเลย”
คีย์เดินเข้าห้อง ไอ้เอกกำลังนั่งซดมาม่ารอบดึกพร้อมกับการอ่านหนังสือไปด้วย
“วันนี้กลับเร็วนะมึงเพิ่ง 4 ทุ่มเอง”
“เด็กตีกันที่ร้านเกมข้างๆ น่ะ ลูกค้าหนีหายหมดเฮียเลยปิดร้านเร็ว”
ไอ้เอกพยักหน้าดูดเส้นมาม่า
“ได้งานมั้ย”
“ไปลองดูก่อน เพราะกูก็เคยแต่เลี้ยงไก่ เลี้ยงหมาที่บ้าน ไม่เคยต้องเอาใจกันแบบหมาคนรวย” ไอ้เอกพูดไปเรื่อย แล้วหันมาทำตาวาวๆ “ทีนี้นะ กูก็จะเหมือนพระเอกมิวสิควีดีโอ แบบที่มีนางเอกน่ารักเอาชิวาว่ามาให้กูเลี้ยง”
“ตลอด”
“อะไรวะ มึงนี่ขัดคอกูทุกเรื่อง”
คีย์หัวเราะขณะที่คว้าผ้าขนหนูพาดไหล่เดินเข้าห้องน้ำ
--*-*จบตอนที่ 6-*--
อารมณ์ดีกันหรือเปล่า ??? ตอนที่วางพล็อตก็เหมือนเรื่องนี้จะเครียด แต่เขียนไปเขียนมาก็อีกละ 555555 ทำไมผมเครียดไม่ตลอดรอดฝั่งสักทีนะ
อ่ะ ดูรูปไม่เครียดกันเหอะ
ไจฟ์ครับ
