(ต่อครับ)
ตอนที่ 10 คอยอยู่หรือเปล่า คอยสิ คอยเขากลับมา เหลียวหน้าเหลียวหลัง ตั้งท่าส่งยิ้มทุกครั้งที่ประตูครัวเปิด ตั้งใจยิ่งกว่าดูบอล แต่ก็เก้อมาครึ่งค่อนวัน
ก็ว่าจะไม่แล้วนี่นาบอกกับตัวเองว่าจะเป็นคนดีควบคุมตัวเอง ตรวจสอบตัวเองให้ดี และให้เวลาเขายอมรับ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว
ทุกสิ่งทุกอย่างที่ทำลงไป อารมณ์ล้วนๆ ไม่มีเหตุผลเลยสักนิด
ไอ้ 2 คนที่อยู่ในร้าน ไปจนถึงคนที่วิ่งไปวิ่งมา 2 ร้านนี่จะช่วยทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้สักนิดก็ไม่ได้ แซวไม่เลิกตั้งแต่เขาออกไปเรียน
แล้วฟอร์มเคร่งเครียด ดุ จริงจังตอนนี้มันจะทันมั้ยเนี่ย
“ข้าวอบสัปปะรดหนึ่ง เชฟสลัดหนึ่ง ซุปเห็ด” ไอ้อาร์ตยื่นหน้าเข้ามาทางหน้าต่าง พอหันไปเตรียมเครื่องดื่มเสร็จก็เข้ามาช่วยจัดผักสลัด
ทำเป็นอมยิ้มจนน่าหลังแหวนซักที แต่ก็..นั่นแหละ..ทำตัวเองนี่หว่า
“ผมว่าเฮียอ่อนว่ะ” ไอ้อาร์ตเปิดประเด็นวอนโดนหักเงินเดือน
“อะไร”
“ผมเคยเจอแต่คนที่ พอมีอะไรกันแล้ว ผู้หญิงเขาจะแบบเอาอกเอาใจจ๊ะ จ๋า แต่นี่อะไร โดนเหวี่ยงทุกเช้า ถามจริงตกลงเฮียเป็นเมีย หรือไอ้คีย์เป็นเมียกันเนี่ย”
“เดี๋ยวมึงจะโดนกระหล่ำยัดปาก”
คนที่อยู่หน้าเตาหันมาดุ แต่ไอ้อาร์ตกลับหัวเราะ
“ก็อ่อนจริงๆนี่หว่า กลัวเมีย อ๊ะหรือว่ากลัวผัวครับคุณ”
“ไอ้อาร์ต!”
คนโดนดุหัวเราะร่วนเอาจานสลัดไปเสิร์ฟ แล้วเดินกลับเข้ามาอีกครั้ง
“เฮีย แขกขอคุยกับเฮียแน่ะ”
เฮียตอบรับแต่หันมาทำอาหารจนเสร็จถึงได้เดินออกมาจากครัว
หญิงวัยกลางคนที่นั่งอยู่ในร้านทำให้พ่อครัวคนเดียวของร้านขมวดคิ้วแน่น ยิ่งกับเสียงเรียกทักทาย
“เชฟซาโต้”
“อาจารย์มิกิ”
“สบายดี”
“ครับ” เฮียใหญ่เดินเข้ามายืนข้างๆ “อาหารไม่ถูกปากหรือครับ”
อาจารย์มิกิหัวเราะ “ระดับเชฟซาโต้ จะไม่ถูกปากได้ยังไง”
“แล้วมีอะไรจะแนะนำครับ”
อาจารย์มิกิประสานมือที่ทาเล็บสีแดงสด รับกับลิปสติก “ไม่อ้อมค้อมเหมือนเคย”
“ผมยังมีลูกค้ารออยู่”
อาจารย์มิกิหันไปมองในร้านที่มีลูกค้าอีก 2 โต๊ะแล้วทั้ง 2 โต๊ะก็ได้รับอาหารแล้ว เธอเลยยักไหล่วางมาดเหมือนนางพญา
“อีกอาทิตย์จะมีแข่งขันทำอาหารกันในเทศกาลอาหารที่อิมแพคน่ะ”
“ผมปฏิเสธไปแล้วหลายครั้ง” เฮียใหญ่สวนก่อนที่อาจารย์มิกิจะพูดจบ
“แต่ชั้นอยากให้เธอแข่ง”
“ผมไม่ว่างหรอกครับ ร้านนี้มีผมเป็นพ่อครัวคนเดียว”
“แหม...” อาจารย์มิกิลากเสียง “หยุดสักวันมันจะเป็นอะไรไป”
“เป็นครับ ลูกจ้างผมได้ค่าจ้างเป็นวัน”
ไอ้อาร์ตแอบหันไปมองหน้ากับเจ๊มิซา เหมือนจะถามว่า ...คนไหนวะที่ได้ค่าจ้างเป็นวัน สงสัยจะเฮียพี...
“ก็แค่ขึ้นเวทีทำอาหารโชว์คนเข้ามาชมงานเท่านั้นแหละ” อาจารย์มิกิบอกพลางส่งยิ้มหวาน
“ถ้าแค่นั้นทำไมต้องเป็นผม”
“เพราะว่าอีกคนคืออเล็กซ์น่ะสิ”
“แล้วไอ้คนที่รับปากจะแข่งก่อนหน้านี้มันไม่แข่งแล้วหรือไง”
“ก็มีอีกคนหนึ่งน่ะ แต่อเล็กซ์อยากให้เธอไปแข่งด้วย”
เฮียใหญ่ทำคอแข็ง สีหน้าเคร่งเครียด
“ยังกลัวอเล็กซ์เหรอ”
เฮียใหญ่ส่ายหน้า ลูกไม้เดิมๆ
“ผมไม่ได้กลัวหรอกครับ แต่อาหารเป็นเรื่องของรสนิยม เพราะลูกค้าชอบรสมือผมเขาก็จะกลับมาทานอาหารที่ผมทำ แต่ถ้าเขาไม่ชอบก็ไปร้านอื่นก็เท่านั้น”
อาจารย์มิกิหรี่ตามอง “เธอรู้ว่าชั้นหมายถึงอะไร”
“อาจารย์เองก็รู้ว่าผมหมายถึงอะไรเหมือนกัน”
เสียงกระดิ่งประตูร้านดังขึ้น ฝรั่งตัวโตก้าวเข้ามาพร้อมกับรอยยิ้มทักทาย
“ไฮ เชฟซาโต้”
“อเล็กซ์” อาจารย์มิกิหันไปทักทายคนที่เปิดประตูร้านเข้ามา ตามมาติดๆ คือเฮียพี
“แข่งหรือเปล่า” อเล็กซ์ถามเฮียใหญ่ตรงๆ
“ไม่”
“อ้าว ทำไมล่ะ”
“ก็ไม่อยากแข่ง”
“กลัวแพ้เราอีกหรือไง”
“ทำไมต้องกลัว” เฮียใหญ่ขมวดคิ้ว “ทำอาหารไม่ใช่รัสเซี่ยนรูเล็ต”
“เพราะนายกลัวถึงไม่แข่งกับเราไง”
“ไม่กลัว” เฮียพีเข้ามายืนข้างๆพี่ชาย “แข่งที่ไหนเมื่อไหร่บอกมา” ท่าทางตอนนี้ เหมือนกำลังจะท้าฝรั่งชกกันมากกว่า แข่งทำอาหาร
“ไอ้พี!” พี่ชายหันมามองหน้าน้องชาย
“ก็แค่ทำอาหารไง เฮียเป็นคนบอกเอง” ยิ่งพูดยิ่งเหมือนท้าตีท้าต่อย
พี่ชายเหลือบตามองเพดานอย่างเหนื่อยใจ แต่น้องชายหันไปรับคำท้า
หลังจากการพูดคุยกับลูกค้าที่ไม่ได้มาเพื่อรับประทานอาหารแล้ว เฮียพีก็ตามเข้าไปคุยกับพี่ชายในครัว ทิ้งไอ้อาร์ตซุบซิบอยู่กับมิซาที่หน้าร้าน
“ไรวะเนี่ย”
“กูจะไปรู้เหรอ”
“เพิ่งรู้ว่าเฮียของเรายิ่งใหญ่เกรียงไกร”
“มาก” มิซาบอกแล้วพยักหน้า
แต่ว่าในครัว พ่อครัวคนเก่งกำลังหงุดหงิด ผสมเหนื่อยใจกับความใจร้อนของน้องชาย
“มึงนะ เป็นอย่างนี้ทุกที ใครท้าไม่ได้เลย ไม่รู้จักจำ”
“ผมต่างหากที่ต้องถามเฮียว่า กะอีแค่ทำอาหารให้คนพวกนี้มันดูเฮียจะเครียดไปทำไม” น้องชายนั่งเท้าคางเถียงพี่ชายด้วยท่าทางสบายๆ
“เพราะมันน่ารำคาญไง ทำอาหารก็คือทำอาหาร แข่งไปเพื่ออะไร พวกมันบ้า”
“ก็ยังไม่เข้าใจอยู่ดี”
“เออ ช่างมึงเหอะ กูไม่แข่ง” เฮียใหญ่กระแทกเสียงใส่ ขณะที่บรรจงม้วนข้าวห่อสาหร่าย
“ก็รับปากเขาไปแล้ว ไม่แข่งได้ไง”
“เรื่องของมัน เรื่องของมึง กูไม่เกี่ยว กูแค่ชอบทำอาหาร ไม่ชอบแข่ง เข้าใจมั้ย”
ประตูครัวเปิดออก ขณะที่หนุ่มนักศึกษาในเสื้อเชิร์ตแขนยาวก้าวเข้ามา
“มาแล้วเหรอ ข้าวยังไม่เสร็จเลย” เฮียพีหันมาทัก
คีย์พยักหน้า
“วันนี้กลับเร็วนี่” คนที่กำลังหั่นข้าวพอดีคำทักบ้าง แต่คนที่โดนทักก็เดินเอากระเป๋าไปเก็บในตู้มุมครัว แล้วหันมาถาม “ไม่มีเสื้อ”
“อ้อ..เออใช่ เสื้ออยู่ข้างบน”
เฮียใหญ่บอกแล้วหันไปล้างมือ เฮียพีรีบคว้าจาน หยิบกระเป๋าแล้วดันหลังทั้ง 2 คนออกจากครัว
“ไปเปลี่ยนเสื้อซะ”
“อะไรกันน่ะ”
คีย์ที่เพิ่งเดินเข้าร้านมาจะรู้เรื่องกับเขามั้ยน่ะ ขนาดพี่ชายเองยังสรุปเรื่องไม่ได้เลย
...หรือว่ามันสรุปไปแล้วหว่า...ไม่เข้าใจ...
คีย์เปลี่ยนเสื้อนักศึกษา ใส่เสื้อยืดคอกลมที่เฮียเตรียมไว้ให้ พร้อมกับที่คาดผมอันเล็กที่เจ้าตัวทำหน้าตาเป็นเครื่องหมายคำถาม แต่ก็รับมาคาดผมแล้วนั่งกินข้าวอยู่ที่โต๊ะในครัวเล็กๆ บนห้องพักของเฮียใหญ่
“เฮียเป็นอะไร”
“ไม่เป็นอะไร”
“แล้วทำไมเฮียพีต้องดันให้ผมขึ้นมาบนห้องนี้”
“จะไปรู้มันเหรอ”
เฮียใหญ่ตัดบท นั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงข้าม “อร่อยมั้ย”
คีย์พยักหน้า แค่นี้พ่อครัวก็ยิ้มชื่นใจ
ก็แค่นี้แหละ สำหรับคนทำอาหารน่ะ แค่คนกินบอกว่าชอบ กินเยอะๆ แค่นี้ก็ดีใจแล้ว ไม่รู้ว่าจะแข่งกันอวดกันไปทำไม
“คีย์ไม่กินอะไรบ้าง”
“ผมกินได้ทั้งนั้นแหละ”
...หมดหัวข้อการสนทนา คนตัวโตนั่งมองคนที่กำลังกินข้าว....
“เฮียไม่กินเหรอ”
“ไม่ล่ะคีย์กินเถอะ”
“วันหน้าไม่ต้องทำข้าวห่อสาหร่ายก็ได้”
“ไม่ชอบเหรอ”
“ชอบแต่ว่า....แบบนี้มันแพงไป...ผมกินข้าวไข่เจียวก็ได้”
จนเมื่อกินอิ่ม กลับลงมาที่หน้าร้าน ไอ้แมนหนุ่มสกินเฮดที่ห่างหายไปนาน นับตั้งแต่ที่ร้านเกมมีเรื่องกัน ก็ลุกจากมอเตอร์ไซค์เข้ามาทัก ขณะที่เฮียใหญ่เดินกลับเข้าไปในร้าน
“เป็นไงมั่ง”
“ดี มึงไปเรียนบ้างหรือเปล่า”
“ก็ไป”
คีย์พยักหน้า ทำท่าจะเดินเข้าร้าน แต่ไอ้อาร์ตสวนออกมาแล้วส่งถุงอาหารให้บอกให้เอาไปส่งที่สำนักงานทนายความ
แมนเดินตามเดินคุยไปด้วยกัน ทำเอาไอ้อาร์ตเซ็งจิต
“เฮียกู เก็บตัวอยู่แต่ในครัว โดนท้าถึงที่ยังไม่เอา ขนาดเด็กตัวเองยังโดนโฉบไปดื้อๆ”
“ไม่มีทาง” เฮียพีที่เดินตามออกมา ทำท่าทางกอดอกมั่นใจ
“อะไร ดูดิ” ไอ้อาร์ตชี้นิ้วไปที่ 2 คนที่เดินคุยกันไปเรื่อย แต่ดูเหมือนว่าคนคุยจะเป็นไอ้แมน ส่วนคีย์แค่รับฟัง
“คู่นี้มันไม่มีอะไรหรอก แมนมันก็แค่....หาหลักไม่ให้ตัวเองล้มเท่านั้นแหละ”
“โห.....” ไอ้อาร์ตทำหน้าทำตาสงสัยเว่อร์ เลยโดนตบหัวไปที
“มึงไม่ต้องมาทำหน้าสงสัยใส่กู”
“ก็สงสัยจริงดิ วันนี้เฮียทำสะใภ้ผมหลายครั้งแล้วนะ”
“สะใภ้อะไร”
“ก็ตั้งแต่ตอนที่เฮียออกอาการขาโจ๋รับคำท้าแทนเฮียใหญ่ มาจนถึงไอ้แมนเนี่ย”
เฮียพีส่ายหน้า แต่รอยยิ้มกลับดูขมๆ
“มึงเข้าไปทำงานเหอะ”
ไอ้อาร์ตจะหันกลับเข้าไปในร้าน แต่กลับมาทำจมูกฟุดฟิด
“อะไร”
“เหมือนได้กลิ่นอะไรเน่าๆ แถวนี้ ….อ๊ะ หัวเน่านี่หว่า”
“กูหัวเน่ามึงก็ของเก่าเหมือนกันน่ะแหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้รถซาเล้งมาเก็บของเก่าไปขาย กูจะให้เขาเอามึงไปด้วย”
ไอ้อาร์ตวิ่งกลับเข้าร้านไปแล้ว แต่คนรูปหล่อตัวโตที่ยืนอยู่หน้าร้านยังคงหันไปมองหนุ่มสกินเฮดที่ยืนรอคนส่งอาหารอยู่ที่หน้าสำนักงานทนายความ
แล้วหันกลับมามองกลุ่มวัยรุ่นที่หน้าร้านเกมอีกที
ถอนหายใจยาวๆ เดินกลับไปที่ร้านเกม
-*-*จบตอนที่10--*-

ขอบคุณมากครับที่ติดตาม
ไจฟ์ครับ