Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.17 ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ยกขาข้างหนึ่งขึ้นไขว่ห้างแล้วประสานมือไว้เหนือหัวเข่าในขณะที่กำลังจับจ้องร่างๆหนึ่งที่สะบักสะบอมไปด้วยเลือดและรอยแผล ภายในห้องพักขนาดกลางของโรงแรมซึ่งถูกจัดไว้ให้บอดี้การ์ดระดับล่างเข้าพักกลับกลายเป็นห้องทรมาณและสืบสวนสายลับที่ถูกจับมาได้ สคูร์โดหัวหน้าการ์ดผู้แสนใจร้อนเริ่มลงมือหนักขึ้นเรื่อยๆเมื่อผู้ต้องหาไม่ยอมปริปากบอกถึงจุดหมายของการสอดแนมครั้งนี้
ท่ามกลางเสียงเนื้อกระทบเนื้อที่ดังขึ้นเป็นระยะผสานไปกับเสียงกรีดร้องของเหยื่อ ลาร์เฟียร์เพียงแค่นิ่งเงียบและมองภาพการทรมาณตรงหน้าด้วยแววตาเฉยเมย ในหัวของเขายังคงปรากฏภาพของราชสีห์หนุ่มชาวไทยที่ยังไม่มีท่าทียอมลงให้เขาเลยแม้แต่น้อย ทว่าร่างกายที่แสนสวยงามยามที่บิดเร้าอยู่เหนือตัวของเขากลับน่าหลงไหลเสียเหลือเกิน…
ประตูห้องถูกเคาะเป็นรหัสสั้นๆก่อนที่ฟรานและการ์ดอีกสองคนจะเปิดประตูเข้ามาด้วยใบหน้าที่เครียดขึง ในมือของเลขาหนุ่มถือกระเป๋าเอกสารในหนึ่งเข้ามาด้วย เขาเดินตรงไปหาลาร์เฟียร์ด้วยสีหน้าไม่สู้ดีเท่าไหร่ ขณะเดียวกันการ์ดที่กลับเข้ามาอีกสองคนก็เรียกพรรคพวกอีกกลุ่มหนึ่งให้ตามออกไปอีกครั้งเช่นกัน
“มีคนบุกห้องเราครับดอน เอกสารบางส่วนถูกขโมยไป แต่ที่สำคัญกว่านั้นดูเหมือนจะเกิดการต่อสู่ขึ้นในห้องพักส่วนกลาง ผมหาคุณลูน่าไม่เจอ แต่พบกระเป๋าเอกสารที่เก็บพาสพอร์ตตรงหลังชักโครกในห้องน้ำของผม ตอนนี้การ์ดกำลังออกไปตามหาคุณลูน่าในบริเวรรอบๆอยู่ครับ แต่ผมคิดว่าเขาไม่น่าจะอยู่ที่นี่แล้ว”ฟรานรายงานสิ่งที่เกิดขึ้นให้เจ้าพ่อหนุ่มรับรู้ หลังจากที่จับตัวสายลับได้ เขากับสคูร์โดได้มาหาหลักฐานเพื่อทำการยืนยันว่าสายลับที่จับมาได้นั้นเป็นคนของใคร แต่นอกจากเรื่องที่สายลับผู้นี้เป็นคนจีนแล้วก็ไม่มีสิ่งอื่นใดให้สืบหาต่ออีกเว้นแต่เขาจะยอมปริปากพูดออกมาเอง
สคูร์โดรับหน้าที่ไปแจ้งข่าวนี้แก่ลาร์เฟียร์ รอไม่นานเจ้าพ่อหนุ่มก็ออกมาในสภาพอารมณ์เสียเต็มที่ กลุ่มบอดี้การ์ดข่มขู่และซ้อมสายลับผู้นี้ไปเรื่อยๆจนกระทั่งเขายอมพูดออกมาเล็กน้อยว่าของสำคัญบางอย่างของพวกลาร์เฟียร์จะต้องถูกขโมยไปอย่างแน่นอน ฟรานกับการ์ดอีกสองคนจึงถูกใช้ให้กลับไปดูที่ห้องว่ามีอะไรหายไปบ้าง แต่ภาพที่พวกเขาเห็นคือแจกันเปื้อนเลือดและห้องที่ถูกรื้อค้นอย่างมืออาชีพ รัตติกรหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย และเอกสารการเดินทางทั้งหมดของพวกเขาก็ถูกซ่อนเอาไว้ในห้องน้ำของฟราน
เลขาหนุ่มรู้ได้ในทันทีว่าเกิดเรื่องไม่ดีขึ้นเสียแล้ว…
สีหน้าเฉยเมยของเจ้าพ่อหนุ่มถูกทำลายลงทันทีเมื่อได้รับข่าวสารที่ว่า ดวงตาคมกริบสีสนิมฉายประกายเกรี้ยวกราดดุดันอย่างฉับพลัน ร่างแกร่งผุดลุกขึ้นจากที่นั่งก่อนที่มือหนาจะหยิบปืนกระบอกหนึ่งตามออกมา กระบอกเก็บเสียงถูกสวมใส่อย่างเชื่องช้าขณะที่ดอนแห่งปาเลอร์โมขยับเคลื่อนเข้าใกล้ร่างเหยื่อที่นอนหมอบแน่นิ่งอยู่กับพื้น
“อยู่ที่ไหน?”เสียงทุ้มต่ำแฝงไว้ด้วยอำนาจเอ่ยถามเหยื่อเป็นภาษาจีนกลางอย่างเยือกเย็น มือหนายกปืนขึ้นสัมผัสที่หน้าผากของอีกฝ่ายแล้วค่อยๆกดแนบเน้นน้ำหนักลงไป สัมผัสเย็นเฉียบจากมัจจุราชสีดำนั้นซึมแทรกผ่านเนื้อหนังเข้าสู่สมองอย่างช้าๆ ทำเอาร่างที่นอนหมอบอยู่กับพื้นระรึกได้ถึงความตายของตนเองเป็นครั้งแรก
“อ่ะ อะไร…ที่ไหน?”หนุ่มสายลับถึงกับสั่นเมื่อเห็นสายตาของเจ้าพ่อหนุ่มที่มองเขา มันไม่ใช่สายตาของคนธรรมดาที่คิดแค่จะทำร้ายใครเพียงเท่านั้น แค่มองสบกับดวงตาสีสนิมเกรี้ยวกราดที่จับจ้องตรงมา ความหนาวเยือกอย่างคนที่กลัวตายเป็นครั้งแรกกลับพุ่งวาบเข้ามาในจิตสำนึกจนทำให้เขาตัวสั่นเป็นเจ้าเข้า
ก่อนหน้านี้ไม่ว่าจะถูกเจ้าหัวหน้าบอดี้การ์ดนั้นทำร้ายยังไงเขาก็ไม่ยอมปริปาก ความเจ็บปวดที่รุมเร้านั้นรอแค่ไม่นานก็กลายเป็นความชา อวี้เฟิงรู้ดีว่าคนพวกนี้จะไม่ฆ่าเขาตราบใดที่ยังไม่ได้คำตอบที่ต้องการ แต่กับเจ้าพ่อหนุ่มคนนี้กลับไม่ใช่ หนุ่มชาวจีนรู้สึกได้ในทันทีว่าคนคนนี้เห็นชีวิตเขาเป็นเพียงแค่ของแถมถูกๆชิ้นหนึ่ง ไม่จำเป็นต้องเก็บเอาไว้ให้เปลืองเวลา ถ้าเค้นจนได้คำตอบมาก็ดี แต่ถ้ามันทำให้เสียเวลาก็ฆ่าซะเพียงเท่านั้น
หมดเวลาต่อรองแล้ว…
“คนของฉัน พวกของแก อยู่ที่ไหน?”ปลายกระบอกปืนเคลื่อนลงไปช้าๆผ่านสันจมูก อวี้เฟิงได้กลิ่นดินปืนจางๆผ่านลำกล้องมรณะ เขากลืนน้ำลายอึกใหญ่ รู้ว่าหากทำให้ความลับของผู้ว่าจ้างแพร่งพราย กลุ่มพี่น้องของเขาที่ทำงานมาด้วยกันก็ต้องเดือดร้อนแน่นอน
“ผมมาคนเดียว!
อ้ากกก!!!”ประโยคที่พูดถูกกลบด้วยลูกกระสุนที่พุ่งเข้าทำลายกระดูกบริเวณหัวไหล่ซ้ายจนแหลกละเอียด ลาร์เฟียร์ยกปืนในมือขึ้นสะบัดเลือดออกเพียงเล็กน้อยแล้วจรดปลายกระบอกปืนอย่างเนิบนาบลงบนตำแหน่งของหัวใจที่เต้นกระหน่ำของเหยื่อที่กำลังกรีดร้อง
“อยู่ที่ไหน!”ระดับเสียงเพิ่มขึ้นหากแต่อารมณ์ดุร้ายนั้นยังไม่ปะทุ เจ้าพ่อหนุ่มยกเท้าขึ้นเหยีบลงที่อกของสายลับแล้วบดขยี้ให้แนบลงกับพื้นอย่างแช่มช้าทว่ารุนแรงจนเหยื่อของเขาแทบหยุดหายใจ เสียงกรีดร้องเพิ่มระดับขึ้นเรื่อยจากความเจ็บปวดและความกลัวที่พุ่งทวีขึ้นสูงยิ่งกว่าเดิม!
“ไม่ ไม่รู้! อ้ากกก!!!”กระสุนอีกนัดลั่นผ่านกระดูกเชิงกรานที่เอว ร่างของหนุ่มชาวจีนดิ้นสะบัดอย่างเจ็บปวด ลาร์เฟียร์สะบัดปืนในมืออีกครั้งเพื่อไม่ให้เลือดที่กระเซ็นออกมาเปรอะเปื้อนมือของเขา แววตาสีสนิมเหี้ยมเกรียมมองคนใต้ฝ่าเท้าด้วยสายตาที่เย็นเยียบ เฉยชา
สิ่งที่ลาร์เฟียร์แสดงออกมาตอนนี้แตกต่างจากความรู้สึกข้างในของเขาที่ดูจะร้อนเป็นไฟอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน มันร้อนรนอยากออกไปตามหาคนปากดีที่เขารู้ว่าภายใต้ท่าทางนิ่งขรึมนั้นเก็บความกล้าจนแทบเรียกว่าบ้าไว้มากขนาดไหน เจ้าพ่อหนุ่มกดเก็บอาการเช่นนี้เอาไว้อย่างมิดชิดจนไม่มีใครรู้ เขาบอกตัวเองซ้ำๆว่านี่คืออาการหวงของ ไม่มีอะไรมากไปกว่านั้น
เพราะของของลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ ใครก็ไม่มีสิทธิ์แตะต้อง!! ปลายกระบอกปืนจรดลงที่ใต้คางของเหยื่อเป็นเชิงบอกว่าให้เงียบเสียงร้องที่น่ารำคาญ เจ้าพ่อหนุ่มทอดสายตามองสบกับเหยื่อของเขาอีกครั้ง คราวนี้ไม่ได้ส่งเสียงถามออกไป แต่อวี้เฟิงรู้ดีว่านี่คือครั้งสุดท้ายที่ดอนแห่งปาเลอร์โมจะถามเขา
สายลับชาวจีนอึกอักอยู่ในลำคอ ความรักชีวิตเสริมด้วยความกลัวเจ็บกลัวตายค่อยๆผลักดันให้เขาพูดความจริงออกไปซะ แต่เมื่อคิดถึงพวกพ้องที่ร่วมเป็นร่วมตายกันมาหลายครั้งมันก็ทำให้เขาพูดไม่ได้สักที
ลาร์เฟียร์ปล่อยเวลาให้เหยื่อของเขาได้คิด ท่ามกลางความเงียบที่มีเพียงเสียงหอบหายใจของอวี้เฟิง เจ้าพ่อหนุ่มก็ละปืนออกจากคางที่ชุ่มไปด้วยเหงื่อ แล้วลั่นไกออกไปอีกครั้ง คราวนี้เจาะทะลุที่เข่าข้างขวา สคูร์โดที่ยืนดูอยู่ไม่ใกล้ไม่ไกลได้แต่หรี่ตาลงและนึกขอบคุณที่โรงแรมนี้สร้างให้ห้องพักทุกห้องให้เป็นห้องเก็บเสียง ไม่อย่างนั้นเสียงกรีดร้องของเหยื่อคนนี้คงเรียกรปภ.มาทั้งโรงแรมแน่ๆ
“บอกแล้ว!!! ทุกอย่างเลย! บอกทุกอย่าง!! อึก ขอร้อง อย่าฆ่าผม! อย่า!!”สุดท้ายแล้วความกลัวตายก็ง้างปากสายลับชาวจีนได้ในที่สุด ลาร์เฟียร์โยนปืนส่งกลับให้ลูกน้องก่อนจะสั่งให้สคูร์โดล้วงความลับจากสายลับคนนี้ให้ได้มากที่สุด เจ้าพ่อหนุ่มเดินกลับไปนั่งที่ตัวเอง แน่นอนว่าคำสั่งสุดท้ายนั้นได้ส่งผ่านไปทางสายตา
ล้วงความลับเสร็จแล้ว ก็ฆ่าทิ้งเสียให้เรียบร้อย…
เพราะเวสเปอร์แฟมมิลี่ไม่เคยละเว้นให้กับศัตรูและผู้ทรยศ!!
___________________________________________
การลืมตาตื่นในครั้งนี้ของรัตติกรไม่น่าพิสมัยนัก ความเจ็บปวดแล่นพล่านตั้งแต่ต้นคอก่อนจะจบด้วยการไปวิ่งวนอยู่ในหัว ดวงตาสีน้ำตาไหม้ลืมขึ้นช้าๆเพื่อมองสภาพแวดล้อมรอบกาย ก่อนจะพบแค่เพียงกำแพงอิฐเก่าๆเบื้องหลังลูกกรงเหล็กที่ดูเก่าไม่แพ้กัน สายโซ่สีเงินสองเส้นผูกโยงกับข้อมือเขาขึ้นไปถึงขื่อไม้บนเพดาน สภาพการณ์ในตอนนี้ดูไม่ต่างกับนักโทษที่ถูกจับไปขังในคุกใต้ดินอย่างไรอย่างนั้น
แสงไฟนีออนสีส้มติดอยู่กลางผนังอีกฝั่งของลูกกรงหากแต่ฝั่งของเขากลับมืดมิด บันไดหินซ่อนตัวอยู่ในมุมแคบๆของห้อง ดูจะเป็นทางเข้าออกเพียงทางเดียวในที่แห่งนี้ หนุ่มชาวไทยค่อยๆหันไปมองรอบๆกาย ตอนนี้ไม่มีใครอยู่ในห้อง พอก้มลงมองตัวเองก็ยังเห็นว่าอยู่ในเสื้อผ้าครบชุด ดีกว่าตอนที่โดนไอ้เจ้าพ่อนั่นจับมาอยู่โข ตอนนั้นน่ะเหลือให้เขาแค่เสื้อเชิ้ตตัวเดียวเท่านั้นเอง
แต่เทียบระหว่างเตียงนุ่มๆกับคุกมืดๆ อย่างแรกมันก็ดีกว่าน่ะนะ…
รัตติกรเขย่าโซ่ที่พันรอบข้อมือของเขาเผื่อมันจะเก่าเหมือนสภาพรอบข้างจนทำให้เขาโชคดีหลุดออกไปได้บ้าง แต่ดูเหมือนมันจะเป็นสิ่งเดียวในห้องนี้ที่ใหม่เอี่ยม
น่าหงุดหงิดชะมัด!!
ในเวลาแค่เดือนกว่าๆ เขาถูกลักพาตัวมาสองครั้งแล้วนะ! ไม่ผิดปกติไปหน่อยหรือไง? ชีวิตคนเรามันจะเจออะไรแบบนี้ได้ขนาดนี้เชียวเหรอ!? บ้ารึเปล่า!!
“อ้าวๆ ตัวประกันของเราตื่นแล้วหรือนี่ หลับไปแค่ครู่เดียวเองนะครับ”เสียงหนึ่งถามขึ้นเป็นภาษาจีนที่คุ้นหูจากเมื่อตอนกลางวันดังขึ้นก่อนร่างของผู้เป็นเจ้าของเสียงจะค่อยๆปรากฏตัวจากบนบันไดหิน เอกลักษณ์ของผมยาวสีดำสนิทกับเสื้อคลุมสีแดงแบบจีนทำให้รัตติกรรู้ได้ไม่ยากว่าคนคนนี้คือใคร
ฟงเจิ้นฮ่าว… เจ้าจิ้งจอกนี่ไม่ทำให้เขาแปลกใจมากนักเมื่อพบว่ามันคือคนทรยศ หากแต่การใช้วิธีโง่ๆกับเจ้าพ่อมาเฟียแห่งอิตาลี่อย่างลาร์เฟียร์ดูจะไม่ค่อยฉลาดเอาเสียเลย ทั้งการเลือกลงมือในเขตพื้นที่ของตัวเอง ส่งคนเข้าไปค้นห้องของเจ้าพ่อหนุ่มอย่างอุกอาจ ร่องรอยที่ทำให้สืบสาวมาถึงตระกูลฟงได้นั้นมีเยอะเกินไปจนดูไม่เหมือนวิธีของคนที่เป็นถึงน้องชายของหัวหน้าแก๊ง
แกล้งโง่ หรือโง่จริงๆ เขาก็ต้องตล่อมถามเอาเองสินะ?
“ถ้าไม่ว่าอะไรแล้วปล่อยให้ผมนอนกับพื้นดีๆก็จะเป็นพระคุณนะ”รัตติกรแค่นยิ้มส่งให้อีกฝ่าย เจิ้นฮ่าวเลิกคิ้วขึ้นด้วยความแปลกใจกับนิสัยปากกล้าไม่กลัวตายของเลขาคนนี้ หนุ่มชาวจีนสั่งให้ลูกน้องของเขาเปิดประตูห้องขังแล้วเดินเข้ามาหารัตติกร มือเรียวที่ถูกดูแลอย่างดีซึ่งเห็นได้จากเล็บยาวๆที่ถูกตัดจนเป็นปลายแหลมได้รูปและทาเคลือบด้วยน้ำยาสีโทนนู้ดก็ทำให้คนที่ถูกจับรู้ได้ทันทีว่าคนคนนี้เจ้าสำอางขนาดไหน
“กับคนที่อยู่ดีๆก็ได้มาเป็นเลขาคนสนิทของนายท่าน ทั้งๆที่ไม่เคยมีประวัติในวงการนี้มาก่อนเลยอย่างคุณ ไม่ให้ระวังขนาดนี้ไม่ได้หรอกครับ”เจิ้นฮ่าวยกมือขึ้นลูบไล้ไปตามโครงหน้าของตัวประกันของเขาแล้วยิ้มน้อยๆที่มุมปาก ทว่าแววตาที่กระหายในบางอย่างก็ส่อเจตนาที่ทำให้รัตติกรขนลุกพรึบเอาได้ง่ายๆ
เขายังไม่ลืมประวัติของคนคนนี้หรอกนะ โดยเฉพาะไอ้ประโยคที่บอกว่าเป็นเกย์คิงที่ชอบเล่นซาดิสม์น่ะ…
“ผมก็แค่เลขาธรรมดา มีอะไรให้น่าระวังนักหรือครับ?”รัตติกรเลิกคิ้วขึ้นน้อยๆเป็นเชิงถาม ซ่อนอาการหวาดหวั่นของตนเอาไว้ภายใต้ท่าทีไม่สะทกสะท้านต่อเหตุการณ์ตรงหน้า อย่างน้อยเขาก็รู้ได้อย่างหนึ่งแล้วว่าฟงเจิ้นฮ่าวถึงกับส่งคนไปสืบประวัติของตน เมื่อวิเคราะห์รวมกับเวลาอันรวดเร็วที่อีกฝ่ายได้ข้อมูลมายิ่งทำให้แน่ใจได้ว่าสายที่ส่งเข้าไปนั้นมีฝีมือดีเข้าขั้นน่ากลัวทีเดียว
เพราะรัตติกรเพิ่งเข้าร่วมเป็นหนึ่งในสมาชิกของเวสเปอร์แฟมมิลี่ได้ไม่ถึงหนึ่งสัปดาห์ หลังจากออกจากบ้านพักตากอากาศที่ปาเลอร์โม่แล้วก็ตรงมาที่ประเทศจีนโดยยังไม่ได้เดินทางกลับไปที่สำนักงานใหญ่ของเวสเปอร์เลยด้วยซ้ำ ดังนั้นจึงมีแค่ไม่กี่คนหรอกที่จะรู้ประวัติของเขาได้
ฟงเจิ้นฮ่าวได้ฟังที่รัตติกรพูดก็หัวเราะออกมาเบาๆ ข้อมูลที่เขาได้มาแม้ไม่ละเอียดนักแต่ก็พอทำให้รู้ว่ารัตติกรเข้ามาได้เพราะฝีมือ แม้ในอิตาลี่จะไม่มีข้อมูลอะไรให้สืบนัก แต่เมื่อเอาชื่อนี้ไปตามหาที่เมืองไทย เจิ้นฮ่าวกลับได้ข้อมูลของรัตติกรมาเกินพอ
อัจฉริยะแห่งความทรงจำ เจ้าของความสามารถในการใช้ภาษาได้ถึง24ภาษา…
“จะธรรมดาจริงอย่างที่คุณว่ารึเปล่า เดี๋ยวก็รู้ครับ”มือเรียวเลื่อนลงมาบีบกุมรอบลำคอเรียวระหง เล็บที่นิ้วหัวแม่มือจิกเข้าที่ปลายคาง เรียกให้เลือดสีสดผุดขึ้นเป็นจุดเล็กๆแล้วค่อยๆไหลลงมาตามแนวเส้นโค้ง รัตติกรหรี่ตาลงแค่เพียงเล็กน้อย ดวงตาสีน้ำตาไหม้วาบวับด้วยความโกรธที่ปะทุขึ้นมา
“กล้าเหรอครับ?”เพียงประโยคเดียวก็ทำให้ฟงเจิ้นฮ่าวหยุดชะงัก
กล้าหรือ…ที่จะเป็นศัตรูกับเวสเปอร์ถ้าเป็นแต่ก่อนเขาคงไม่กล้า แต่ตอนนี้มันไม่ได้เป็นเช่นนั้นอีกแล้วในเมื่อเจิ้นฮ่าวมีคนที่สามารถช่วยให้เขาได้เป็นใหญ่ยิ่งกว่าปัจจุบัน ตำแหน่งหัวหน้าตระกูลฟงคือข้อแลกเปลี่ยนที่เขาจะได้เมื่อสามารถล้วงความลับที่จะบ่อนทำลายเวสเปอร์แฟมมิลี่ และแน่นอนว่าเมื่อใดที่แผนนี้ประสบความสำเร็จ เขาก็ไม่จำเป็นต้องหวาดกลัวอีกต่อไป!!
“ถึงขั้นนี้แล้ว คุณคิดว่าผมไม่กล้าหรือครับ?”หนุ่มชาวจีนโน้มหน้าลงไปกระซิบที่ข้างใบหู รัตติกรสัมผัสได้แค่เพียงผมยาวๆที่ปัดเรี่ยไปกับผิวแก้มก่อนที่จะต้องสะดุ้งเฮือกเมื่ออีกฝ่ายกัดเข้าที่ติ่งเนื้อนิ่มเต็มแรง!
ฟงเจิ้นฮ่าวใจเต้นระทึกกับเหตุการณ์ตรงหน้ามากขึ้นทุกที มันไม่ใช่ความกลัวแต่เป็นความสุขสม ร่างเพรียวที่สั่นเทิ่มอยู่ภายใต้ตัวของเขามันทำให้รู้สึกอำนาจอย่างที่หนุ่มชาวจีนชื่นชอบ นานแล้วที่เขาไม่ได้เล่นกับเหยื่อหายากแบบนี้ และแน่นอนเมื่อมีโอกาสจะได้เค้นข้อมูลจากคนที่ดูท่าจะเล่นยากอย่างเจ้าเลขาคนไทยนี่ เจิ้นฮ่าวย่อมไม่ปล่อยให้มันหลุดลอยไปแน่นอน!
เสียงเปียกชื้นเพราะปลายลิ้นที่โลมเลียเอาเลือดของรัตติกรดังก้องจนน่ารำคาญ แม้จะระงับเสียงร้องของตนเองเอาไว้ได้ แต่มือที่สั่นระริกจนส่งผลไปถึงสายโซ่ที่พันธนาการแขนของเขากลับทำให้เกิดเสียงบาดหูขึ้นมาอีก
รัตติกรรู้ดีว่าตัวเองกำลังกลัว
แต่ความกลัวนี้ไม่ได้หมายความว่าเขากลายเป็นฝ่ายแพ้!!ในเมื่อความกลัวนี้ทำให้อีกฝ่ายขาดซึ่งความระมัดระวังตัว ค่อยๆหลุดปากถึงเรื่องที่ไม่ควรพูดออกมาทีละเล็กทีน้อย เขาก็จะฉวยโอกาสนี้เอาไว้เหมือนกัน
มันทำให้ตอนนี้รัตติกรก็ได้ข้อมูลมาอีกอย่าง ข้อมูลที่ช่วยให้เขามั่นใจได้ว่าฟงเจิ้นฮ่าวต้องมีคนที่อยู่เบื้องหลังอีกทีแน่นอน
รู้ไว้เลยว่าเลขาของเวสเปอร์คนนี้มันไม่ใช่ไอ้กระจอก!!! ___________________________________________
กลับ กลับมาแล้วววว =[]=!! (ได้รับแจกันที่ปาใส่หัวแล้วครับ แหะๆ)
หายไป อืม…เป็นเดือน
หนูขอโต้ดดดดดดดดด >/l\<
เอาตรงๆก็เพิ่งได้กลับบ้านครับ ตั้งแต่กลางเดือนเมษา เกิดเหตุชีพจรลงเท้า เลยได้ขึ้นรถลงเรือขึ้นเหนือล่องใต้ เพิ่งได้กลับมาเหยียบบ้านเอาจริงๆก็เมื่อวันที่15ที่ผ่านมานี่เอง
แล้วเมื่อวาน(หมายถึงวันที่19นะครับ)มหาลัยผมก็เริ่มรับน้องแล้วครับ (จะได้พักบ้างมั้ยเนี่ย ไอ้โย่เอ๊ย…)
สรุปคือ กว่าจะกลับมาว่างเป็นผู้เป็นคนเหมือนเดิมก็อาจจะถึงปลายเดือนนู่นเลยล่ะครับ เริ่มหวาดกลัวกับการใช้ชีวิตใหม่ในรั้วมหาลัยเล็กน้อย กลัวปรับตัวไม่ทัน แหะๆ ก็ไหลไปตามน้ำเอาล่ะเนอะ แบบช่วงนี้ผมคงจะกลายเป็นเด็กยิ้มง่าย ยิ้มหวานหว่านไปทั่วอะไรแบบนั้น = w = 55 หาเพื่อนครับหาเพื่อน~
(ปล.ว่าถ้าเค้าไม่กลัวผมน่ะนะครับ 555)
เอาเป็นว่า แม้จะเรื่อยๆ นานๆมาที แต่เค้าก็ไม่หายไปไหนน้า ขอบคุณมากๆที่ยังรอผมเสมอนะครับ
เจอกันตอนหน้าครับผม
Namioto Yo