Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.18
“บอกจุดอ่อนของเวสเปอร์แฟมมิลี่มาซะ”
…ประโยค…ที่บอกความต้องการทั้งหมดของฟงเจิ้นฮ่าว
“ร่วมมือกับผม ว่าง่ายๆ แล้วผมจะขอให้คนคนนั้นปราณีคุณ”
…อีกประโยค…ที่บอกให้รู้ว่าคนคนนั้นคือผู้ที่อยู่เบื้องหลังและมีอำนาจมากที่สุดที่แท้จริง…
เขาใช้เวลาไปเท่าไหร่กันนะถึงได้ประโยคที่ต้องการเหล่านี้?
“คงรู้ว่าผมชอบใช้ความรุนแรงสินะครับ? ไม่ขัดข้องหรอกนะที่จะใช้มันกับคุณด้วย นั่นคือสิ่งที่ผมรอคอยเลยล่ะ”
คงจะเริ่มต้นที่ประโยคนี้สินะ?.
.
.
.
แส้ม้าทำจากหนังชั้นดีตวัดฟาดเข้าซ้ำที่แผ่นหลังขาวสล้างซึ่งประดับประดาไปด้วยรอยแผลเก่าใหม่ละลานตา สีแดงช้ำตัดกับสีขาวซีดเซียวดูเด่นสะดุดตาจนทำให้ฟงเจิ้นฮ่าวที่เป็นผู้ลงแส้แทบจะสำลักความสุขตายเอาเสียตรงนั้น
หนุ่มชาวจีนมองรัตติกรที่ขบฟันลงกับริมฝีปากล่างเพื่อข่มเสียงร้องครวญครางของตนเอง หารู้ไม่เลยว่าท่าทางของผู้ที่ไม่ยอมศิโรราบเช่นนี้คือสิ่งที่เขาโปรดปรานมากที่สุด!
“เค้น...ให้ตาย อึก! ก็อย่าหวัง....ว่าจะได้อะไรไปจากผม เพราะ...แค่ก! ...เพราะสุดท้าย แกหรือไม่ก็คนข้างหลังแก ก็จะฆ่าผมทิ้งอยู่ดี...ไม่ใช่รึไง!?”น้ำเสียงหอบพร่าทว่ายังน้ำคำยังหาเรื่องใส่ตัวไม่เปลี่ยน ฟงเจิ้นฮ่าวยิ้มเหี้ยมทั้งๆที่ขัดใจกับเจ้าคนตรงหน้าที่มันดื้อเหลือแสน แต่ก็นั่นแหละ
ยิ่งได้มายาก ยามที่กลายเป็น
ผู้ครอบครอง ความสุขมันก็จะยิ่งมีมากขึ้นเท่านั้น!
“ไม่แน่หรอกครับถ้าคุณจะทำตัวเป็นเด็กดีว่าง่ายกว่านี้หน่อย บอกตรงๆนะว่าฆ่าคุณทิ้งน่ะ ใครๆเขาก็รู้ว่ามันเสียของ ไม่รู้ค่าของตัวเองเลยหรือไงครับ?”ว่าไปพลาง ปลายด้ามแส้ม้าก็กดไล้ไปตามรอยแผล หยดเลือดสีเข้มไหลตามแท่งไม้ลงมาสัมผัสกับมือของผู้ถือ ก่อให้เกิดกลิ่นคาวจางๆที่เร่งให้รอยยิ้มสมใจของชายผู้ทรยศให้กว้างขึ้นจนรัตติกรเผลอสะท้านเฮือก
นับเวลาตั้งแต่ที่ฟงเจิ้นฮ่าวลักพาตัวรัตติกรมา ตอนนี้ก็ล่วงเข้าวันใหม่เข้าไปแล้ว การทรมานเพื่อเค้นหาความลับที่คนคนนั้นต้องการเริ่มต้นขึ้นในชั่วโมงที่สามหลังจากการเจรจาไถ่ถามแต่โดยดีไม่เป็นผล เลขาของเวสเปอร์แฟมมิลี่คนนี้หัวดื้อและปากแข็งเกินกว่าเหยื่อคนไหนๆที่เขาเคยเจอ หลังจากที่เจิ้นฮ่าวเปลี่ยนไปใช้วิธีรุนแรงในการสอบถาม เสียงที่หลุดพ้นออกมาจากลำคอระหงอันงดงามก็มีแค่เพียงเสียงครางเบาๆเท่านั้น ไร้ซึ่งคำตอบหรือคำต่อว่า สิ่งที่รับกลับมามีเพียงดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่ยังคงฉายประกายวาววับของผู้เหนือกว่าอยู่เช่นเคย
แต่ตอนนี้ดวงตาคู่นั้นกำลังอ่อนแสงลง ความหวาดกลัวที่เจ้าตัวเพียรจะข่มไว้กลับดึงดันที่จะเข้าควบคุบสำนึกทั้งหมดที่มี มันส่งผลให้ร่างกายของเขาสั่นระริก แย่งชิงเสียงจริงๆของเขาไปจนมันสั่นพร่า พิษบาดแผลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องมาตลอดเกือบยี่สิบสี่ชั่วโมงริดรอนกำลังกายและทลายความอดทนของหนุ่มชาวไทยลงไปช้าๆ
“อย่าดื้อไปมากกว่านี้จะดีกว่านะครับ บอกผมมาดีกว่าว่าจุดอ่อนของเวสเปอร์คืออะไร เล่นกับคุณแบบนี้ผมก็สนุกดีอยู่หรอกนะ แต่ถ้าปล่อยให่มันผ่านไปนานกว่านี้อีกล่ะก็ คนคนนั้นเค้าจะเปลี่ยนใจเอาได้น่ะสิ อย่าให้ผมหมดความอดทนจนเผลอเล่นสนุกแล้วฆ่าคุณตายดีกว่านะครับ ผมออกจะเสียดายมากๆเลยนะ”
เสียงพูดของฟงเจิ้นฮ่าวที่ผ่านเข้ามาในหูรัตติกรเบาแสนเบาจนเขาแทบจับใจความสำคัญไม่ได้ แต่ยังไงก็คงไม่พ้นเรื่องเดิมๆที่เจ้าตัวขอให้เขาบอกออกมาสักทีนั่นแหละ หนุ่มชาวไทยเงยหน้าขึ้นช้าๆ รอยบาดจากคมมีดที่เจิ้นฮ่าวเลือกมาเป็นหนึ่งในอุปกรณ์ทรมานประปรายอยู่ตามใบหน้าของเขา มันเป็นเพียงรอยเล็กๆที่กรีดไม่ลึก แค่เจ็บแสบแบบคันๆและเรียกเลือดของเขาออกไปนิดหน่อยเท่านั้น เมื่อใช้ไปแล้วไม่ได้ผล เจิ้นฮ่าวที่รู้สึกเสียดายใบหน้าของรัตติกรจึงเปลี่ยนไปหาของเล่นชิ้นอื่นแทน
ต่อจากมีด เหมือนจะเป็นสนับมือ...รึเปล่านะ? “หาไปให้เขาไม่ทัน ของที่หวังไว้จะหายไปสินะ? หึ…หึหึ”แรงจะพูดแทบจะสลายหายไปหมด เสียงของรัตติกรที่ตอบกลับไปจึงทั้งแผ่วเบาและแหบพร่า แต่แค่นั้นก็เพียงพอให้ผู้ถือแส้ที่พยายามใจเย็นอยู่ยกมือขึ้นอีกครั้ง แส้ม้าชั้นดีโบกฟาดเข้าที่แผ่นหลังขาวเนียนเต็มแรง เลือดสีสดสาดกระเซ็นลงมาประดับพื้นคล้ายกับกลีบดอกไม้สีสดที่ปลิดร่วงลงมาจากต้นทั้งที่ยังไม่ถึงเวลาร่วงโรย
ดูเหมือนความอนทนของรัตติกรจะมาสิ้นสุดที่ตรงนั้น ความเจ็บปวดกระชากสติที่เหลืออยู่ทั้งหมดของหนุ่มชาวไทยลงสู่ความมืดมิด ทิ้งให้ร่างกายซึ่งรับบาดแผลสาหัสมายาวนานทิ่งตัวลงสงบนิ่งดั่งหุ่นชักที่ถูกตัดป่านจนขาดสะบั้น
ฟงเจิ้นฮ่าวหอบแฮ่ก มองดูคนตรงหน้าที่สลบไปในที่สุด เสื้อเชิ้ตสีขาวที่อีกฝ่ายใส่มากลายเป็นผ้าขี้ริ้วเปื้อดเลือดกองอยู่ตรงพื้นใต้ร่างของผู้เป็นเจ้าของ เผยผิวขาวซีดอย่างคนที่ไม่ออกแดด ซึ่งตอนนี้เจิ้นฮ่าวช่วยตกแต่งมันด้วยรอยแผลต่างๆนานาจนแทบไม่เหลือเค้าเดิม ทั้งเนื้อทั้งตัวของหนุ่มชาวไทยเหลือเพียงกางเกงขายาวสีดำปกปิดร่างเอาไว้เท่านั้น
สวยงาม…เหนือกว่าที่คาดคิดไว้โขเลยทีเดียว เสียงประตูเหล็กลั่นครืดคราดดังมาจากประตูห้องขังเหนือบันไดหินเก่าแก่ คนสนิทของฟงเจิ้นฮ่าวก้าวเข้ามาเพื่อเตือนนายของตนว่าถึงเวลาต้องออกไปรับประทานอาหารเย็นได้แล้ว หนุ่มชาวจีนที่สนุกกับการทรมานนักโทษของตนเองจึงถอนหายใจอย่างเสียไม่ได้ โชคดีไปที่ตอนนี้รัตติกรหมดสติอยู่ เพราะการเล่นกับเหยื่อที่ไม่มีการตอบสนองใดๆนั้นน่าเบื่อสิ้นดี
อีกอย่างถ้าโชคดี คนคนนั้นอาจจะยอมออกจากห้องมาร่วมรับประทานอาหารกับเขาก็ได้…
“เอาน้ำเกลือเย็นๆไปสาดจนกว่ามันจะตื่นขึ้นมาร้องครวญครางให้พวกแกฟัง ฉันต้องเห็นมันอยู่ในสภาพที่แย่ที่สุดตอนที่ฉันกลับมาอีกครั้ง ไม่งั้นคนที่ต้องทรมานกว่ามันก็คือพวกแกเอง!”
ว่าจบฟงเจิ้นฮ่าวจึงวางมือ เขาส่งแส้ให้ลูกน้องอีกคนที่รออยู่ในห้องให้เอาไปทำความสะอาด ทอดตามองร่างขาวสล้างที่มีสภาพไม่ต่างไปจากนกปีกหักเป็นการส่งท้ายแล้วก็ได้แต่ยิ้มกริ่มอยู่ในใจ สุดท้ายแล้วเขาก็ก้าวออกจากห้องไปโดยมีคนสนิทเป็นผู้ปิดประตูตามหลัง
โดยไม่ทันได้สังเกตเหยื่อคนนี้ดีๆอีกครั้ง ว่าดวงตาสีน้ำตาลไหม้ที่ค่อยๆลืมขึ้นอย่างช้าๆนั้นกำลังฉายประกายบางอย่างที่น่าหวาดหวั่น…
เสียงกรีดร้องของอดีตเริ่มดังแว่วขึ้นมาในหัวของรัตติกรอีกครั้ง!______________________________________
ที่นี่ไม่ใช่คฤหาสน์ของตระกูลฟง เป็นเพียงคฤหาสน์เก่าแก่ของหนึ่งในแก๊งคู่อริของเจิ้นฮ่าวที่โดนจัดการจนไม่เหลือผู้สืบทอดคนใดอีก ทรัพย์สินของอีกฝ่ายมีมากมาย ส่วนใหญ่แล้วอยู่รูปอสังหาริมทรัพย์ เช่น ที่ดินเปล่า ตึกแถว ห้างสรรพสินคา บ่อนคาสิโน และคฤหาสน์เก่าๆอีกสองสามหลังซึ่งกระจัดกระจายกันอยู่ทั่วประเทศจีน
แม้ภายนอกจะดูเก่า แต่เพราะรสนิยมที่ชมชอบของที่หรูหราโอ่อ่าของเจ้าตระกูลฟง ภายในคฤหาสน์แห่งนี้จึงถูกเนรมิตให้สวยงามด้วยเทคโนโลยีสมัยใหม่และอุปกรณ์อำนวยความสะดวกฟุ้งเฟ้อครบครัน
ฟงเจิ้นฮ่าวก้าวตรงไปยังห้องอาหารด้วยสีหน้ากระเหี้ยนกระหือรืออย่างที่ปิดเอาไว้ไม่มิด หน้าประตูไม้บานใหญ่ที่อยู่สุดทางเดินปรากฏร่างของบอดี้การ์ดร่างเล็กซึ่งคอยยืนเฝ้าประตูเอาไว้อยู่ ชุดสูทสีดำนั้นดูข่มให้เจ้าของร่างดูคล้ายเด็กมัธยม หากแต่เมื่อใดที่เผลอประมาทไปล่ะก็ ร่างเล็กๆนั่นจะเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและปลิดชีวิตของเป้าหมายให้สิ้นชีพได้อย่างง่ายดาย
หนึ่งในบอดี้การ์ดที่ฝีมือดีที่สุดของฟงเจิ้นฮ่าว ซึ่งเขาส่งให้ไปคอยดูแลความปลอดภัยของคนคนนั้นโดยเฉพาะ ซึ่งนั่นแสดงให้เห็นว่าอีกฝ่ายนั้นได้มาถึงที่ห้องอาหารแห่งนี้แล้วเรียบร้อย
เจิ่นฮ่าวพยักหน้าให้บอดี้การ์ดของเขาซึ่งค่อมตัวลงเคารพทันทีเมื่อเขาเดินผ่าน คนสนิทที่เดินตามมาอีกทอดเป็นฝ่ายก้าวเข้ามาเปิดประตูให้เจ้านาย ภาพภายในห้องอาหารจึงปรากฏให้หนุ่มชาวจีนเห็นอย่างเต็มตาในที่สุด
มันเริ่มจากกรอบหน้าต่างไม้ฉลุลายสีน้ำตาลเข้ม ซึ่งส่งผ่านลมบางเบามาน้อยๆเพื่อให้ม่านสีทองปลิวไสว ห้องโถงทรงยาวถูกอาบไล้ไปด้วยสีแดงฉานของพระอาทิตย์ยามเย็น มันมืดสลัวแต่ก็แดงก่ำเพราะผู้ที่มาเยือนก่อนนั้นไม่ได้เปิดไฟ โคมไฟทรงดอกบัวบานที่อยู่เหนือเพดานจึงถูกปล่อยไว้เอาไว้โดยมิอาจได้ฉายแสงให้สมกับราคาค่างวดของมัน
โต๊ะไม้ซีดานเนื้อดีตั้งอยู่กลางห้องอาหารแห่งนี้ ชุดเก้าอี้ที่เข้าคู่กันก็ถูกจัดวางไว้เพียงแค่สามตัว ตัวแรกตั้งอยู่ท้ายโต๊ะฝั่งหนึ่งเพียงตัวเดียวโดดๆ ชุดจานชามวางไว้พร้อมแล้วหากแต่ยังมีไม่การเสิร์ฟอาหารใดๆ ผิดจากฝั่งหัวโต๊ะที่มีเก้าอี้อยู่ถึงสองตัวพร้อมกับมีผู้จับจองแล้วทั้งสิ้น
คนแรกกำลังนั่งรับประทานอาหารด้วยกิริยาที่เรียกได้ว่าละเลียดกินจะเหมาะสมกว่า ทว่าอีกคนที่นั่งอยู่เคียงข้างกลับยืดหลังตรง อาหารที่อยู่เบื้องหน้าก็ไม่ถูกแตะต้องแม้แต่น้อย สายตาคมกล้านั้นเอาแต่จับจ้องไปยังผู้ร่วมโต๊ะอีกคนเพียงเท่านั้น
ไม่แม้แต่จะเหลือบมองมาทางเขาสักนิด… ผู้ที่ถูกจับจ้องอยู่นั้นเงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหารเบื้องหน้าด้วยท่าทีเกียจคร้าน ดวงตาสีฟ้าไอซ์บลูหรี่ปรือมองฟงเจิ้นฮ่าวด้วยท่าทีเฉยเมยทว่าแฝงแววรับรู้อยู่จางๆ ผมสีเงินยาวเรียบลื่นทิ้งตัวลงเคลียบ่า ไล่ระดับความยาวจนไปจรดอยู่ที่ขอบสะโพกสอบเพรียว แม้จะแสดงกิริยาอาการเช่นนี้ แต่บรรยากาศเย็นเยือกบางอย่างก็ยังคงแผ่ออกมาจากคนผู้นี้อยู่ได้อย่างเป็นธรรมชาติ คล้ายกับสิ่งที่บ่งบอกสัญญาณอันตรายให้ผู้ที่ไม่รู้ต้องรู้จักระวังตัวให้อยู่ห่างๆเอาไว้
ส่วนอีกคนที่หันมามองตามสายตาของผู้เป็นนายทำให้ฟงเจิ้นฮ่าวสะดุ้งได้ไม่ยาก ดวงตาสีเทาอ่อนขับเน้นให้จุดสีดำภายในเด่ดชัดขึ้นจนหน้าหวาดผวา มันคล้ายกับดวงตาของสัตว์มากกว่ามนุษย์ เป็นดวงตาของนักล่าที่กำลังจับจ้องและประเมินเหยื่อของตนเองท่ามกลางความเงียบที่ปล่อยกระแสกดดันรุนแรง
คำพูดที่กำลังจะหลุดออกจากปากเลยถูกหยุดไว้ด้วยบรรยากาศของคนสองคนตรงหน้านั่นเอง... “สนุกจนเพลิน หรือเหยื่อมันเก่งมากจนทำอะไรไม่ได้งั้นหรือครับ?”เสียงถามทอดเนิบเป็นภาษาอังกฤษสำเนียงรัสเซียฟังติดหู ร่างสูงวางส้อมที่อยู่ในมือลงแล้วยกน้ำขึ้นดื่มช้าๆพร้อมกับปรายหางตามองเจิ้นฮ่าวเป็นเชิงบอกว่าตนกำลังพูดอยู่กับใคร
คุณชายสองแห่งตระกูลฟงกำมือแน่นเมื่อรู้ความนัยที่ถูกส่งมาพร้อมกับประโยคคำถามเมื่อครู่ เจ้าตัวพยายามยิ้มรับเพราะรู้ว่าแผนการที่ตระเตรียมมาทั้งหมดก็เพื่อแสดงให้คนคนนี้ยอมรับว่าเขามีค่าคู่ควรกับการเป็นหัวหน้าตระกูลคนใหม่ทั้งสิ้น
ยิ่งไม่ต้องคิดไปอีกว่าเมื่อได้เป็นพันธมิตรกันแล้ว เส้นทางในการค้าขายใหม่ๆก็ย่อมเรียงรายขึ้นมามากมาย ขั้วอำนาจใหม่ที่ได้มาอยู่ในมือจะยิ่งช่วยให้เขาพัฒนาตัวเองให้ขึ้นไปทัดเทียมกับไอ้เจ้าพ่อมาเฟียอิตาลี่นั่นได้ไม่ยาก!
“เลขาคนนั้นเล่นยากกว่าที่ท่านคิดนะครับ”หลังจากข่มอารมณ์ของตนเองให้สงบลงแล้ว ฟงเจิ้นฮ่าวจึงแย้มรอยยิ้มขึ้นอีกครั้งแล้วเอ่ยตอบคำถามของคนคนนั้นซึ่งกำลังทอดตามองแก้วทรงสูงที่ใส่ไวน์สีเข้มเอาไว้ เจ้าของดวงตาสีไอซ์บลูหมุนแก้วในมือไปมาคล้ายกับไม่ได้ยินเสียงใด ชายหนุ่มปล่อยให้ความเงียบทิ้งตัวลงปกคลุมบรรยากาศทั้งห้อง
ฟงเจิ้นฮ่าวขยับตัวไปมาเพราะความอึดอัดจากบทสนทนาที่ไม่มีการไถ่ถามใดๆต่อ แต่ฉับพลันก็ต้องสะดุ้งเฮือกเมื่อแก้วที่อยู่ในมือของอีกฝ่ายถูกปาวูบลงไปแตกอยู่กลางโต๊ะอาหาร ไวน์สีแดงหกเลอะเทอะสะท้อนแสงอาทิตย์ไม่ต่างจากหยดเลือดที่สาดกระเซ็น…
คล้ายกับลางบ่งบอกบางอย่างที่กำลังใกล้เข้ามา… “ผมคิดว่าคุณยังพยายามไม่พอมากกว่านะ แต่ความสามารถคงมีแค่นั้น ช่วยไม่ได้สินะครับ ให้ผมช่วยแนะนำอีกมั้ยล่ะ?”คนพูดลุกขึ้นจากที่นั่งหัวโต๊ะและค่อยๆเดินมาจนถึงจุดที่มีไวน์หกอยู่ ปลายนิ้วแตะหยดน้ำแล้วลากมันเป็นเส้นสายบางอย่างที่ไม่มีใครเข้าใจ
เจิ้นฮ่าวกลืนน้ำลายลงคอเพื่อเรียกสติที่บินหายไปตั้งแต่เห็นแก้วไวน์แตกกระจายอยู่บนโต๊ะแล้วเอ่ยรับข้อเสนอของอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ เขาหวาดกลัวคนคนนี้เพราะท่าทีของอีกฝ่ายนั้นไม่เคยแสดงอารมณ์ใดๆให้เห็นเลย หากแต่อำนาจที่จะได้มาเมื่อบรรลุข้อตกลงร่วมกันคือสิ่งที่ผลักดันให้เขาดำเนินแผนการอันตรายที่ไม่ต่างกับเอาชีวิตของคนทั้งตระกูลฟงมาแขวนไว้กับเส้นด้ายกลางหุบเหวที่ลึกสุดหยั่ง
“คุณรู้มั้ยว่าอะไรมีอานุภาพเหนือความกลัว? อะไรที่มนุษย์พ่ายแพ้ให้แก่มันอยู่เสมอ?”คนพูดหยิบเศษแก้วขึ้นมาดูแล้วเพ่งพิศด้วยความสนใจ รอคำตอบจากอีกฝ่าย
“เงินตรา…ล่ะมั้งครับ”ฟงเจิ้นฮ่าวตอบด้วยท่าทางไม่มั่นใจ คนฟังจึงเงยหน้าขึ้นจากเศษแก้วที่อยู่ในมือแล้วถอนหายใจเบาๆก่อนจะกล่าวต่อราวกับกำลังรำคาญเต็มแก่
“ความสุขไงล่ะคุณฟง ความสุข โดยเฉพาะในยามที่กำลังเจ็บปวดหรือหวาดกลัวที่สุด มันคือสิ่งที่ไม่ต่างไปจากฟางเส้นสุดท้ายที่จะสามารถยึดเหนี่ยวเอาไว้ได้เลยเชียวล่ะ”ชายหนุ่มยิ้มน้อยๆแล้วมองออกไปทางหน้าต่าง ทว่าประกายบางอย่างที่สะท้อนภาพอยู่ในดวงตาสีไอซ์บลูนั้นกลับน่าหวาดหวั่นจนทำให้ผู้ที่ได้เห็นมันหนาวเยือกขึ้นมาทันที
“ความสุข?”
“ใช่ ยิ่งในยามที่ตกเป็นเหยื่อแบบนี้ ความเจ็บปวดทรมานจะยิ่งเร่งความต้องการของเขาให้มากขึ้น แค่หย่อนเบ็ดลงไปนิดหน่อยรับรองว่าเขาจะรีบเข้ามากินเหยื่อจนไม่เหลือซาก”
“แล้วจะให้ผมทำกับเขายังไงล่ะครับ?”เจิ้นฮ่าวก็ยังคงไม่เขาใจอยู่นั่นเองว่าจะต้องมอบความสุขให้รัตติกรอีท่าไหน
“แค่นี้คิดเองไม่ได้เหรอครับ? ผมว่ามันออกจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับรสนิยมของคุณค่อนข้างมากเลยนะ”คนพูดหันกลับมามองโต๊ะเบื้องหน้าด้วยท่าทีเหนื่อยหน่ายใจ เขาพยักหน้าเรียกเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนให้เข้ามาหาแล้วแบมือยื่นไปข้างหน้าเหมือนต้องการของอะไรสักอย่าง
ชายหนุ่มตาสีเทาลุกขึ้นแล้วเดินมาตามคำสั่ง ส่วนสูงที่ปาไปเกือบสองเมตรทำเอาเจิ้นฮ่าวต้องแหงนคอมองอีกฝ่าย ร่างสูงล้วงมือเข้าไปในกระเป๋าเสื้อสูทของตนแล้วหยิบขวดแก้วใบเล็กๆออกมา ภายในของมันบรรจุของเหลวสีใสสะอาด ปริมาตรกะแล้วประมาณ 5 มิลลิกรัม น่าจะเป็นยาประเภทที่ต้องใช้ฉีดเข้าเส้นเลือด
คนสั่งรับขวดแก้วใบเล็กมาถือไว้ในมือตนเอง เขาชูมันขึ้นเหนือระดับสายตาเล็กน้อยแล้วแกว่งเบาๆ
“นั่น…คือ?”
“มอร์ฟีนไงล่ะคุณฟง บริสุทธิ์ไร้สิ่งเจือปน ขวดเดียวก็ถึงสวรรค์เลยล่ะ”ว่าจบเจ้าตัวก็โยนขวดแก้วมาทางเจิ้นฮ่าว ราคาของมอร์ฟีนบริสุทธิ์ทำเอาหนุ่มชาวจีนเบิกตากว้างแล้วรีบถลันเข้าไปรับก่อนขวดใบนั้นจะตกลงไปแตกกับพื้นให้เสียราคาค่างวด
“คงไม่ต้องบอกวิธีใช้นะครับ?”กล่าวจบก็เหมือนกับได้ปิดบทสนทนาลงณ ตรงนั้น ฟงเจิ้นฮ่าวพยักหน้ารับแล้วยิ้มกว้าง มอร์ฟีนน่ะฤทธิ์แรงกว่ายากล่อมประสาทเสียอีก ถ้ารัตติกรได้รับเข้าไปล่ะก็ รับรองว่าต้องว่าง่ายเป็นสัตว์เลี้ยงเชื่องๆไปเลยล่ะ
หนุ่มชาวจีนหันหลังกลับแล้วเดินออกจากห้อง เขาหันไปสั่งให้คนสนิทยกอาหารขึ้นไปให้ที่ห้องส่วนตัวก่อนจะปิดประตูจากไป ทิ้งให้ผู้มาเยือนทั้งสองคนอยู่ในห้องอาหารที่เริ่มมืดสลัว
“…”
“
โนเอล”เจ้าของดวงตาสีไอซ์บลูเรียกชื่อของผู้ติดตามเบาๆ มันแหบน้อยๆคล้ายกับเสียงแมวคราง ผู้ติดตามตาสีเทาจึงหันมารับคำ เขาเดินไปคุกเข่าลงข้างๆเก้าอี้ของผู้เป็นนายที่กำลังเอนหัวลงซบกับพนักพิงแล้วเหลือบมองมาทางเขา
“ครับโซล?”โนเอลก้มหน้าลงมองคนเรียกตน เขาเรียกคนคนนี้ว่า
โซล แม้จะเป็นเพียงชื่อย่อ แต่ก็เป็นชื่อที่อีกฝ่ายอนุญาติให้เขาเรียกได้แต่เพียงผู้เดียว…
“…ง่วง”รูปประโยคคือประโยคบอกเล่า หากแต่โนเอลรู้เสมอว่าสำหรับคนคนนี้ แค่คำคำเดียวก็คือประโยคคำสั่ง…
แต่ก็นั่นแหละ บางเรื่องใช่ว่าเขาจะทำตามโดยเสมอไป ยิ่งเป็นเรื่องที่อีกฝ่ายนำมาพูดเล่นๆไม่จริงจังด้วยเพราะอยากผ่อนคลายอารมณ์ หน้าที่ของเขาก็คือโต้ตอบกลับไปเพื่อให้อีกฝ่ายได้ตามประสงค์ที่แท้จริง
“ก็ไปนอนสิครับ…”คนที่ไม่ได้ตามคำสั่งย่นหัวคิ้วลงเล็กน้อยก่อนจะยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่ริมฝีปากของอีกฝ่ายที่อยู่ในระดับเดียวกัน รสเค็มปร่าแตะปลายลิ้นของโนเอล ด้วยแสงที่ส่องเข้ามาจางๆทำให้หนุ่มตาสีเทาพอจะเห็นว่าที่ปลายนิ้วเรียวมีของเหลวสีแดงเข้มเกาะอยู่
“เศษแก้วมันบาดน่ะ เลียให้ทีสิ”นิ้วเรียวกดซ้ำที่ริมฝีปากหนาเป็นเชิงเร่ง โนเอลจ้องตาสีฟ้าสวยของอีกฝ่ายนิ่งเพียงชั่วครู่ก็แลบลิ้นออกมาเลียเบาๆ กลิ่นสนิมที่คาวเล็กน้อยลอยแตะจมูก ทว่ารสชาติหอมหวานกว่าที่คาดไว้ เขาไม่รู้จะตัดสินว่ามันคือเลือดหรือไวน์ที่อีกฝ่ายไปแตะเล่นกันแน่
“ระวังหน่อยสิครับ”เอ่ยเตือนเสร็จโนเอลก็ดึงนิ้วนั้นเข้ามาหาตัวอีกครั้ง ฟันขาวขบที่ปลายนิ้วก่อนจะดูดกลืนหยดเลือดที่ซึมออกมาตามรอยแผล ดวงตาสีฟ้าสวยคู่นั้นยังมองมาที่มาที่เขาไม่คลาดสายตา ชักพาให้ชายหนุ่มหลงมัวเมาไปกับรสชาติที่ได้รับทีละน้อยแต่รุนแรงทุกสัมผัส
“อร่อยเหรอ?”ถามไม่ทันจบคนมีแผลก็ดึงนิ้วของตัวเองออกจากริมฝีปากของคนตรงหน้าอย่างกระทันหันแล้วลองใช้ลิ้นของตัวเองเลียดูบ้าง หากแต่เลือดที่หยุดไหลไปแล้วก็ทำให้เจ้าตัวไม่ได้ลองชิมรสเลือดของตนเองอย่างที่หวังไว้
“ก็ดีครับ”
อันที่จริงคือดีมากจนเกือบจะเรียกได้ว่าวิเศษเลยล่ะ… เจ้าของนิ้วเงยหน้ามองคนสนิทของตนที่ยังคงคุกเข่าแล้วตอบคำถามของเขาหน้าตาย ทว่าปลายลิ้นสีเข้มที่แลบเลียริมฝีปากตัวเองน้อยๆนั่นก็ทำให้ชายหนุ่มเผยรอยยิ้มน้อยๆที่หาได้ยากออกมาอยู่ชั่วครู่หนึ่ง
“โนเอล บอกให้คนของเราเอาภาพจากห้องขังรัตติกรมาให้ฉันดู ต่อสัญญาณตรงไปที่ห้องพักข้างบนนั่นแหละ ฉันอยากเห็นเลขาคนใหม่ของเวสเปอร์สักหน่อย”กล่าวจบร่างเพรียวก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วบิดขี้เกียจน้อยๆ เห็นดังนั้นโนเอลจึงลุกตามก่อนจะเดินออกไปหาลูกน้องของเขาซึ่งรออยู่ข้างหลังประตู ร่างสูงถ่ายทอดคำสั่งให้อีกฝ่ายเพียงชั่วครู่ก่อนจะเดินกลับเข้ามาในห้องอีกครั้ง
“จะขึ้นห้องเลยรึเปล่าครับ?”
“อืม”ได้ยินดังนั้นโนเอลจึงยืนรออยู่ที่เดิมเพื่อคอยเปิดประตูให้อีกฝ่าย เจ้าของดวงตาสีไอซ์บลูปัดปอยผมสีเงินที่ตกมาข้างหน้าให้พ้นจากหัวไหล่ของตนแล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีผู้ติดตามคอยปิดประตูรั้งท้าย
โนเอลจ้องมองกลุ่มเส้นผมสีเงินสวยที่ขยับไปตามจังหวะขยับกายของผู้เป็นนายที่ค่อยๆห่างออกไปแล้วก็ก้มลงมองรอยสักสีดำที่หลังมือข้างขวา มันเป็นภาพดวงอาทิตย์กับตัวอักษรละตินที่เขียนคำว่าโนวาห์เอาไว้…
เพราะชื่อเต็มๆของโซลก็คือโซอาห์เรที่แปลว่าพระอาทิตย์…
เขาคือแสงอันเจิดจ้าที่สาดส่องให้องค์กรยิ่งใหญ่จนกลายเป็นอันดับหนึ่ง
คือราชาแห่งมาเฟียอเมริกา โซอาห์เร โนวาห์ หัวหน้าของโนวาห์แฟมมิลี่!!!___________________________________________________
ตัวละครใหม่โผล่อออกมาอีกแล้ว~
โซอาห์เร โนวาห์ อ่านว่า (โซอาเร่ โนว่า) นะครับ
เอาล่ะ มาเริ่มกันด้วยคำประจำของผมเลยละกันนะฮะ
“ขอโทษคร้าบบบบบบ~” ทั้งๆที่น่าจะลงตั้งแต่วันที่ 28 แล้ว แต่ลากมาลงเอาซะวันที่ 3 เลยซะนี่ โฮ~ ขอโทษจริงๆน้า>/\<
มันเกิดจากสาเหตุที่ว่าอยู่ๆวิชาที่ต้องสอบก็โผล่ขึ้นมาอีกสองตัว…มารู้เอาก่อนสอบไม่กี่วันเลยตะบี้ตะบันอ่านเอาเป็นเอาตายครับ(วิชาเอก ท่องไว้วิชาเอก โฮกก
)
และเมื่อถึงเวลาก่อนหนึ่งวันที่จะสอบ หัวหน้า(ผมเรียกเฮดสาขาว่าหัวหน้าน่ะครับ)ก็เข้ามาบอกว่า เลื่อนสอบนะ…
“=[]=!…………คุณหลอกดาว!!!”
แต่ก็ดีที่เลื่อนนะครับ เพราะผมอ่านไม่ทันจริงๆนั่นแหละ เลยได้เวลาเพิ่มขึ้นอีกนิด ทว่าเมื่อวันสอบที่ว่ามาถึง ตอนเช้าที่มีเรียนอาจารย์ก็บอกว่า เลื่อนไปสอบอาทิตย์หน้านะลูก…
“แอ้!!!!!!!!!!!!!! =[ ]=!
”ด้วยเหตุนั้น หมาโยจึงสติแตก วิ่งกลับมาหานิยายแล้วแต่งต่ออย่างเมามันส์(ขนาดเมามันส์ยังช้า…ถุย =3=)
เอาล่ะครับ มาถึงข่าวดีที่กะจะบอกแล้วก็ไม่ได้บอกสักทีกันดีกว่าเน้อ~~
.
.
อุฮุ >w<
.
.
คือว่า นิยายเรื่องนี้…
.
.
แอ้วๆๆ y(>w<)y
.
.
คือว่าตกลงจะได้ตีพิมพ์ด้วยล่ะครับ!!!
Ti Voglio จะได้ตีพิมพ์คร้าบผ้มมมม!!! เฮ้ๆๆ
ตบมือสามร้อยหกสิบองศา~
(มันดีใจจนเวิ่นเว้อ อย่าสนหมาตัวนี้ครับ กลับสู่สาระกันต่อดีกว่า)
ครับ ก็อย่างที่ได้ว่าไป เมื่อหลายเดือนที่แล้วพี่ๆจากสำนักพิมพ์ไร้กรอบได้ติดต่อมาครับ แต่เพิ่งจะคุยเรื่องพล็อตเรื่องสัญญากันเสร็จเมื่อไม่นานมานี้นี่เอง ก็อยากรอให้จัดการอะไรเรียบร้อยก่อนแล้วค่อยมาแจ้งทุกคนน่ะครับ และตอนนี้ก็ตกลงกันเรียบร้อยแล้วน้า~
ดังนั้นเรื่องน่าดีใจที่เป็นผลตามมาก็คือ นิยายเรื่องนี้ ในที่สุดมันก็มีพล็อตแล้วครับ!(แต่งมาจะยี่สิบตอน เอ็งเพิ่งมีพล็อต…
) อีกอย่างก็คือไม่ต้องห่วงว่าผมจะทิ้งนิยายเรื่องนี้ไปแน่นอนครับ ตามที่ตกลงกับพี่ๆที่สำนักพิมพ์เอาไว้ก็คือจะให้จบภายในปีหน้าน่ะครับ (แน่นอนว่าจะลงในเว็บจนจบเช่นกันนะครับ ไม่ลบตอนใดตอนหนึ่งออกไปแน่นอนฮะ) ดังนั้นจากนี้ไปก็คงจะมาบ่อยกว่าเดิมล่ะเน้อะ
(แต่ดูจากสปีดของตัวเองที่ผ่านมา มันจะจบทันปีหน้ามั้ยล่ะเนี่ย…[ต้องทันสิเฟ้ย!
])
แอ้~ อย่าลืมอุดหนุนสมทบทุนหมาโยตัวดำๆนะครับ ผมจะเอาเงินไปเป็นทุนตอนได้ไปทุน~ 55
(คุณเอ็งจะรีบขายไปมั้ยวะครับ)
ว่าแล้วก็ลาไปนอนอีกครั้งครับผม ช่วงนี้นอนเกือบจะเช้าได้ทุกวัน เถื่อนจริงๆนะเนี่ย
ราตรีสวัสดิ์นักอ่านที่รักทุกคน แล้วก็สำหรับบางคนที่ตื่นแล้วก็อรุณสวัสดิ์นะครับ ^^
รักและคิดถึงเสมอนะฮะ แล้วเจอกันครับ
Namioto Yo