Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.26 หลังจบจากการประชุมก็เป็นเวลาสิบโมงกว่าๆ กลุ่มของเวสเปอร์แยกย้ายมารวมกันที่เรือนแยกซึ่งเป็นส่วนที่แบ่งเอาไว้สำหรับให้แขกของเทย์ริวพักโดยเฉพาะ ในห้องนั่งเล่นขนาดกลางที่เมื่อเปิดประตูออกไปแล้วจะเชื่อมต่อกับสวนญี่ปุ่นกว้างขวางนั้นกลายเป็นที่ประชุมย่อยๆของลาร์เฟียร์รวมไปถึงเหล่าหัวกะทิของเวสเปอร์แฟมมิลี่ โดยที่รอบข้างนั้นมีเหล่าการ์ดที่ตามมาด้วยป้องกันเอาไว้อย่างแน่นหนา
เนื้อหาของการประชุมช่วงแรกพูดถึงการเข้าไปคุยกับอาราชิเมื่อตอนเช้า เลยไปถึงเป้าหมายของแผนการต่างๆของโนวาห์ที่กำลังเกิดขึ้นอยู่ในช่วงนี้ กว่าจะได้ข้อสรุปก็ปาไปเกือบเที่ยง แถมดูเหมือนพรุ่งนี้ก็อาจจะมีประชุมแบบนี้อีกรอบด้วย รัตติกรผู้ที่ช่วงนี้ห่างหายหนังสือของตัวเองมานานเหลือเกินก็แทบจะเกิดอาการลงแดงซะให้ได้
ค่าตอบแทนอย่างหนึ่งที่เขาควรได้รับจากการตกปากทำงานร่วมกับเจ้าพ่อนี่คือหนังสือยี่สิบเล่มต่อวันไม่ใช่รึไง? ตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่นเขายังไม่ได้สักเล่มเลยเนี่ย ที่ผ่านแต่ละวันมาได้ก็อาศัยหนังสือเล่มเดิมที่เขาเอาติดตัวมาเท่านั้น นี่กะจะผิดสัญญาจ้างกันรึไง?
ลาร์เฟียร์ที่ส่งต่องานให้ฟรานแจกแจงต่อไปให้ลูกน้องอีกทอดหนึ่งรู้สึกเสียวสันหลังน้อยๆ พอหันกลับไปมองว่ามันเกิดจากอะไร ดวงตาสีน้ำตาลไหม้คู่สวยก็จับจ้องเขาอยู่อย่างไม่วางตา รัตติกรนั่งอยู่แถวระเบียงที่ยื่นออกไปในสวน ร่างเพรียวบางถูกห่อหุ้มไว้ด้วยเสื้อโค้ทกันลมสีขาวสะอาดตากลืนไปกับสวนทางด้านหลังที่ถูกปกคลุมไปด้วยหิมะ แก้มใสๆแดงเล็กน้อยจากอากาศเย็นรอบตัว โชคยังดีที่บริเวณคอเสื้อโค้ทนั้นบุไว้ด้วยขนสัตว์สีน้ำตาลอ่อนท่าทางนุ่มสบาย ภาพของเจ้าตัวที่กอดอกเหมือนจะรอให้เขาเสร็จจากงานตรงนี้สักทีทำเอาเจ้าพ่อหนุ่มเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ
มีอะไรจะพูดด้วยรึไง? ปกติหนีกันตลอดแท้ๆ คราวนี้กลับจ้องซะ
เจ้าพ่อหนุ่มหันกลับไปดูงานโดยรวมอีกครู่หนึ่งก็ลุกขึ้นแยกตัวออกมาในที่สุด ดอนแห่งปาเลอร์โม่ก้าวไปหาราชสีห์หนุ่มที่เหมือนจะหายไปกับสีขาวของหิมะรอบตัว ก่อนจะหยุดยืนอยู่ไม่ห่างกันนักเพื่อรอฟังว่าอีกฝ่ายต้องการพูดอะไร
“...งานคุณเสร็จรึยัง?”หลังจากทำท่าครุ่นคิดรัตติกรก็พูดออกมา
“ก็เสร็จของตอนนี้น่ะนะ มีอะไรเหรอ?”
“แล้วว่างรึยังล่ะ?”
“จะให้ว่างฉันก็ว่างได้ เธอนั่นแหละมีอะไรถึงได้อยู่ๆก็มาถามหาเวลาว่างจากฉันน่ะ”เห็นอีกฝ่ายไม่ยอมเข้าประเด็นสักทีเจ้าพ่อหนุ่มเลยตัดบทถามเข้าเรื่องให้ตั้งแต่ต้น
“...หนังสือผมอยู่ไหน?”ตาคู่สวยมองช้อนขึ้นเป็นเชิงถามเพราะเจ้าตัวนั่งอยู่กับพื้น แต่คำถามสั้นๆนี่เกือบทำให้เจ้าพ่อหนุ่มทรุดด้วยลืมไปว่าตัวเองพกหนอนหนังสือตัวยงมาด้วย
แล้วไอ้ท่าช้อนตามองแบบนั้นน่ะ ถ้าเป็นพวกลูกแมวสวยๆจะใช้เพื่อออดอ้อนเวลาอยากได้อะไรจากเขาประจำ แต่ไอ้เจ้าราชสีห์ดื้อนี่กลับใช้เพื่อถามหาของที่ไม่โรแมนติกเอาซะเลยอย่างหนังสือเนี่ยนะ?
ทำท่าน่ารักชิบหายแต่ประโยคที่ใช้กลับไร้เสน่ห์เป็นบ้า!
“เธอจะให้ฉันแบกมาญี่ปุ่นด้วยรึไง? ที่ให้ไปก่อนหน้านั้นที่จีนเกือบร้อยเล่มอ่านหมดแล้วเหรอ?”
“หมดตั้งแต่ปีมะโว้แล้วครับคุณ ไหนสัญญาอย่างดีว่าจะให้วันละยี่สิบเล่ม ตั้งแต่มาถึงญี่ปุ่นก็สี่ห้าวันเข้าไปแล้วผมยังไม่เห็นมันสักเล่มเลยเนี่ย”ได้ทีพ่อราชสีห์ก็เริ่มบ่น คิ้วเรียวสวยขมวดมุ่นมาพร้อมกับสายตาที่จ้องเขาอย่างต่อว่าต่อขาน
“สามวันแรกเธอนอนซมอยู่แต่กับเตียงจะไปอ่านตอนไหนล่ะหืม?”
“แต่เมื่อวานกับวันนี้ผมหายดีแล้วนี่ ตามสัญญาคุณก็เอามาให้ผมสิ”ดูท่าว่าถ้าวันนี้ไม่ได้หนังสือไปอ่านเจ้าตัวคงได้ลงแดงอย่างที่ผ่านๆมาแน่ เจ้าพ่อหนุ่มถอนหายใจเล็กน้อยแล้วขยี้ผมนุ่มๆของรัตติกรด้วยความหมั่นไส้ผสมหมั่นเขี้ยวแล้วเดินกลับไปหาพวกฟรานที่ยังคงคุยแบ่งงานกันอยู่
“เฮ้ย อย่ามาเล่นหัวชาวบ้านเค้าสิวะ!”รัตติกรที่ผมฟูไม่เป็นทรงตวาดลั่น
“เงียบน่า เธอรออยู่นี่แหละ หนาวนักก็กลับไปห้องก็ได้ มานั่งตากลมแบบนี้เดี๋ยวก็ไข้กลับอีก หนังสือน่ะอยากได้เท่าไหร่เดี๋ยวจะพาไปเอา ว่าง่ายๆซะ”ว่าจบเจ้าพ่อหนุ่มก็เดินเข้าไปคุยกับลูกน้องที่นั่งกันอยู่ข้างในห้อง ทิ้งรัตติกรไว้กับความงงและผมฟูๆของตัวเอง
จะพาไปเอาหนังสือ...ที่ไหนกันล่ะ?
___________________________________________
เจ้าพ่อหนุ่มหายกลับเข้าไปในห้องประชุมนานสองนานแล้วก็ยังไม่ออกมาสักที รัตติกรที่ได้แต่นั่งมองภาพสวนขาวๆโดยไม่มีอะไรทำก็เริ่มเบื่อจนขัดคำสั่งที่บอกว่าให้รออยู่เฉยๆในที่สุด
ก็ในเมื่อไอ้เจ้าพ่อนี่ไม่เอามาให้เขาอ่าน เขาก็เดินตามหามาอ่านเอาเองก็ได้วะ ให้มันรู้กันไปสิว่าคฤหาสน์ใหญ่โตของยากุซ่าจะไม่มีหนังสืออะไรให้อ่านสักเล่มน่ะ คิดเสร็จรัตติกรก็นึกภาพของผังคฤหาสน์เทย์ริวในใจแล้วเริ่มออกเดินไปทางฝั่งที่เป็นจุดเชื่อมต่อระหว่างเรือนใหญ่กับเรือนแยก
ถ้าไปถามคนของเทย์ริวดูก็น่าจะมีให้ยืมอ่านบ้างล่ะน่า...
คิดไปพลางร่างเพรียวก็เดินตามทางที่จำได้ไปเรื่อยๆ เจอการ์ดของเวสเปอร์บ้างสองสามคนที่ดูแลอยู่รอบนอก ทั้งหมดมองเขาอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้เอ่ยทักอะไร แค่เพียงพยักหน้าให้เท่านั้น พอไม่มีใครมาขวาง เดินไปไม่นานรัตติกรก็มาถึงทางเชื่อมไปเรือนใหญ่ในที่สุด
ทางกั้นทั้งสองฝั่งมีการ์ดของแต่ละแก๊งประจำอยู่สองคน รัตติกรแจ้งให้การ์ดของเวสเปอร์รู้ว่าจะไปหาของบางอย่างที่ฝั่งเทย์ริวแล้วก็เดินข้ามมาอย่างรวดเร็ว พอมาถึงอีกฝั่งคนของเทย์ริวก็จ้องเขาเขม็งเป็นเชิงไม่ต้อนรับเท่าไรนัก
“มีอะไร?”เสียงถามเป็นภาษาญี่ปุ่นสำเนียงคันไซห้วนๆ อาจเพราะเห็นว่ารัตติกรมาแค่คนเดียวจึงมองว่าเป็นลูกน้องระดับล่างเช่นเดียวกับตน ความเกรงใจคงไม่ต้องมีให้เท่าไหร่
“ที่นี่มีห้องสมุดมั้ย?”รัตติกรตอบกลับไปเป็นภาษาญี่ปุ่นเช่นเดียวกัน คัดลอกมาแม้กระทั่งสำเนียงคันไซจนทำให้คนเฝ้าประตูถึงกับเลิกคิ้วเพราะความคาดไม่ถึงว่าภาษาที่เจ้านี่ใช้จะเหมือนกัน รวมทั้งไอ้คำถามประหลาดๆนั่นก็ด้วย...ถามหาห้องสมุดที่บ้านของยากุซ่าเนี่ยนะ?
“ไม่มี ถามทำไม?”
“แล้วไม่มีที่ไหนที่มีหนังสือให้อ่านเลยเหรอ?”รัตติกรยังจี้ถามต่อไป ก็เพื่อหนังสือเขานี่นา!
“โทษนะคุณ นี่คฤหาสน์ของแก๊งเทย์ริวไม่ใช่โรงเรียนมัธยมจะได้มีห้องสมุดให้นะ”
“ก็แล้วยากุซ่าเค้าไม่อ่านหนังสือกันรึไงเล่า”
“แกจะเอารึไงวะไอ้นี่!”ประโยคที่เหมือนกับจะด่าเล่นเอาผู้เฝ้าประตูของขึ้น ส่วนรัตติกรที่ยังไม่เข้าใจว่าตัวเองไปทำอะไรให้คนอื่นเค้าของขึ้นนั้นกลับยืนงงอยู่กับที่แบบไม่ทุกข์ไม่ร้อน ไอ้ท่าทีแบบนั้นเลยทำให้การ์ดของเทย์ริวเดือดจนหวิดๆจะวิ่งเข้ามากระชากคอเสื้อท้าต่อย
“เฮ้ๆ โวยวายอะไรกันน่ะ”เสียงหนึ่งดังขึ้นจากในบ้านทางฝั่งของเรือนใหญ่ เจ้าของเสียงมาในชุดสีฟ้าขาวที่เป็นเอกลักษณ์ประจำตัวเช่นเดียวกับสีผมที่เป็นสีน้ำเงินเด่นสะดุดตา เทย์ริว อาราชิปรากฏตัวขึ้นจากอีกฝั่งของบานประตูก่อนจะเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจว่าใครที่กำลังมามีเรื่องกับคนของเขา
“คุณฮาซึกิ?”
“สวัสดีครับคุณเทย์ริว”รัตติกรเห็นคนรู้จักโผล่มาก็ยิ้มน้อยๆเพราะเจอคนที่น่าจะพาเขาไปหาหนังสือได้ ไม่ได้รู้เลยว่าไอ้ยิ้มแบบนั้นของเจ้าตัวมันทำเอาคนมองแอบใจเต้นไปหน่อยนึงเลยทีเดียว
คนของดอนแห่งปาเลอร์โม่นี่ไม่เบาเลยจริงๆ...
“เรียกผมว่าอาราชิเถอะครับ ว่าแต่คุณมาทำอะไรตรงนี้เนี่ย? เบื่อๆเลยมาคุยเล่นกับลูกน้องผมเหรอครับ?”อาราชิถือโอกาสแซวแล้วเดินออกมานอกประตู ตอนนี้เลยกลายเป็นพวกเขายืนคุยกันที่กลางทางเชื่อมสองฝั่งไปซะอย่างนั้น
“เปล่าหรอกครับคุณอาราชิ ผมมาถามหาหนังสือที่ฝั่งเรือนใหญ่น่ะครับ พอดีอยากอ่านแต่ทางฝั่งโน้นไม่มีเลยสักเล่ม ที่เรือนใหญ่มีพวกห้องสมุดหรือมีหนังสืออะไรให้ผมยืมอ่านได้บ้างรึเปล่าครับ?”
“หนังสือ?”อาราชิได้ยินก็เอียงคอด้วยความงง ใครมันจะไปคิดว่าเรื่องมันจะมาจบที่หนังสือได้ล่ะเนี่ย
“ไม่มีหรอกครับ ถ้าจะมีก็คงเป็นพวกบัญชีรายชื่อของแก๊งที่ผมคงอนุญาติให้คนนอกแก๊งเราดูไม่ได้”คนผมสีเจ็บเอียงคอยิ้มให้น้อยๆเป็นเชิงบอกกลายๆว่าถ้าอยากอ่านก็มาเป็นคนของเทย์ริวแทนสิครับ รัตติกรที่ไม่ได้รู้ทันกับความนัยของประโยคก็ได้แต่ทำหน้าเสียดาย
“งั้นเหรอครับ เสียดายจัง”เห็นคนสวยทำหน้าผิดหวังอาราชิเลยหาเรื่องตล่อมหวังให้อีกฝ่ายอารมณ์ดีขึ้น ไอ้ที่ฉลาดแต่กลับเป็นคนซื่อๆแบบนี้มันถูกชะตาเขายังไงก็ไม่รู้สิน่า ยิ่งฮาซึกิคุงของเขาเป็นหนุ่มเอเชียตัวเล็กผอมบางแบบนี้แล้วมันยิ่งอยากจับมากอดๆฟัดๆให้หายหมั่นเขี้ยว
“อืม...แต่นอกเหนือจากนั้นไอ้ที่พอจะนับเป็นหนังสือได้ก็คงเป็นการ์ตูนในห้องผมนั่นล่ะครับ เอามั้ย?”ว่าแล้วก็เอ่ยหยอดไปอีกทีเผื่อพระจันทร์ดวงน้อยนี่จะยอมเดินข้ามสะพานที่เขาทอดไปให้มาหา เห็นเจ้าตัวทำตาวาวๆขึ้นมาทันควันเหมือนจะไม่รู้ความนัยที่เขาชวนเข้าห้องแล้วก็ได้แต่ลอบหัวเราะในใจ
“เอาครับ เอาเดี๋ยวนี้เลยได้รึเปล่าครับ?”รัตติกรผู้ไม่คิดว่าตัวเองจะมีอะไรไปกระแทกใจชาวบ้านตอบกลับอย่างรวดเร็ว ก็คนมันขาดหนังสือนานๆไม่ได้นี่นา ถ้าที่นี่มีเขาก็ไม่จำเป็นต้องไปรอไอ้เจ้าพ่อนั้นพาไปหาอีกทีหรอก คิดได้ดังนั้นหนุ่มชาวไทยก็เลยตอบตกลงไปอย่างรวดเร็ว
“งั้นตามมาเอาที่ห้องผมเลยแล้วกันนะครับ อยากได้เล่มไหนจะได้เลือกไปเลย”เห็นรัตติกรยอมเข้าทางอย่างง่ายดาย มังกรฟ้าเลยถือโอกาสโอบไหล่ของอีกฝ่ายเป็นเชิงบอกว่าจะนำทางให้แล้วพาเดินไปทางฝั่งของเรือนใหญ่ด้วยความบันเทิงเริงใจ รู้สึกเหมือนได้เอาคืนไอ้เจ้าพ่อนั่นเลยแฮะ...
“ใครอนุญาติให้เธอไปไหนตามใจชอบหา? ลูน่า!”เสียงเกรี้ยวกราดด้วยภาษาอิตาเลียนดังก้องทำเอาคนแถวนั้นสะดุ้งกันเป็นแถบๆ แผนพากวางน้อยเข้าถ้ำเลยได้หยุดชะงักลงทันควันเมื่อเจ้าของตัวจริงโผล่ออกมาขัดขวางแล้วกระชากแขนอีกฝั่งของรัตติกรกลับไปด้วยความรุนแรง ส่งผลให้คนที่ถูกยื้อยุดอยู่ตรงกลางขมวดคิ้วเพราะถูกขัดใจ ส่วนอาราชิที่รู้สึกคล้ายงานจะเข้าเล็กน้อยก็ถอนมือออกมาแล้วชูขึ้นเป็นสัญญาณว่ายังไม่ได้ทำอะไรผิดนะเฟ้ย
ด้านลาร์เฟียร์ที่อุตส่าห์เข้าไปเคลียร์งานให้เรียบร้อยเพราะกะจะพาเจ้าสิงโตดื้อนี่ออกไปหาซื้อหนังสือด้วยกัน แต่เมื่อจัดการเสร็จแล้วออกมาดูอีกทีกลับพบว่ารัตติกรหายไปจากที่เดิมแล้ว กลับไปที่ห้องก็ไม่เจอ พอเดินมาถามลูกน้องที่เฝ้ารอบๆดูถึงได้รู้ว่าเจ้าตัวกำลังจะข้ามไปทางเรือนของฝั่งเทย์ริวซะอย่างนั้น
ได้ยินเท่านั้นเจ้าพ่อหนุ่มก็เริ่มเดือด อุตส่าห์บอกให้รออยู่เฉยๆแต่หมอนี่กลับหาเรื่องไปหาที่พึ่งคนอื่นงั้นเหรอ? แล้วพอเขารีบตามมาก็ได้เห็นเจ้าตัวกำลังจะถูกล่อลวงไปทางฝั่งนั้นอยู่มะรอมมะร่อ แถมยังตามเขาไปแบบว่าง่าย ยอมให้จับโน่นจับนี่ได้โดยไม่บ่นสักคำเนี่ยนะ!!
มันน่านัก!“โอ๊ยคุณ เบาๆหน่อยไม่ได้รึไง!”แรงกระชากของเจ้าพ่อหนุ่มส่งคนตัวเล็กกว่าให้เข้าไปจมอยู่กับอกหนาๆของตัวเอง ลาร์เฟียร์ขมวดคิ้วแน่นแล้วมองกราดไปทางฝั่งของเทย์ริวเป็นเชิงขู่ อาราชิที่แม้ไม่เข้าใจว่าภาษาอิตาเลียนที่ทั้งสองคนพูดกันมันเกี่ยวกับอะไรแต่พอเจอสายตาพิฆาตเข้าไปก็ยิ้มคืนกลับโดยอัตโนมัติแล้วโบกมือส่งให้คุณพระจันทร์ดวงน้อยอีกที
“งั้นเอาไว้คราวหน้าละกันนะครับคุณฮาซึกิ”ได้แหย่เจ้าพ่อเล่นแบบนี้แล้วสะใจดีพิลึก ยิ่งพอจบประโยคสายตาพิฆาตที่ส่งมานั้นยิ่งเพิ่มความโหดเข้าไปอีกเท่าตัวจนเริ่มเสียวสันหลัง อาราชิเลยคิดว่ารอบนี้เอาแค่นี้พอก่อนน่าจะดีต่อสวัสดิภาพชีวิตตัวเองมากกว่า
“ตกลงครับ เฮ้ย! คุณ!! เอาผมลงนะเว้ย!!!”พูดตอบได้ไม่ทันจบประโยครัตติกรก็ต้องรีบเปลี่ยนมาใช้อีกภาษาอย่างรวดเร็วเมื่อเจ้าของดวงตาสีสนิมที่กำลังเดือดอุ้มเขาขึ้นพาดบ่าอย่างกับกระสอบข้าวแล้วทำท่าจะเดินจากไปทั้งอย่างนั้น ไอ้คนยกเขาขึ้นแบกมันคงไม่อายหรอก แต่พอมองกลับไปภาพของการ์ดเฝ้าประตูที่อ้าปากหวอกับเทย์ริว อาราชิที่กุมท้องกลั้นหัวเราะจะเป็นจะตาย นั่นมันทำเขาอายเป็นบ้าเลยนะโว้ย!!
“เอาลงให้เธอวิ่งพล่านไปหาผู้ชายคนอื่นน่ะเหรอ? ฝันไปเถอะ!”เจ้าพ่อหนุ่มที่เดือดจัดจนไม่สนอะไรแบกสิงโตแมวเดินปร๋อไปเรื่อยๆราวกับว่าเจ้าตัวนั้นไร้น้ำหนัก กำปั้นเล็กๆกระหน่ำทุบลงบนแผ่นหลังเป็นเชิงประท้วงก็ไม่ได้ส่งผลอะไรต่อเขาเลยแม้แต่น้อย
แรงหนอนหนังสือที่หมกอยู่แต่ในห้องหรือจะสู้กับร่างกายของมาเฟียที่ฝ่าดงกระสุนมาตั้งแต่เด็กอย่างเขาได้! ให้มันรู้สิว่าใครเป็นใคร!
“เห็นคนอื่นเขาเป็นอะไรกันวะ?! ผมไม่ใช่คุณนะจะได้เอากับใครก็ได้น่ะ! ปล่อยสิโว้ย!”รัตติกรที่ดิ้นจนหอบเริ่มเปลี่ยนมาใช้เสียงเข้าสู้แทน ทางที่ลาร์เฟียร์พาเดินไปนั้นเหมือนจะเป็นทางออกจากเรือนแยกนี้ไม่ใช่กลับไปที่ห้องแน่ๆ ไอ้เจ้าพ่อนี่มันกะแบกเขาไปถึงไหนกันเนี่ย!?
“ก็เห็นตามเขาไประริกระรี้นี่? แล็วก็หยุดดิ้นได้แล้วเธอน่ะ”ลาร์เฟียร์พูดตัดบทแล้วฟาดก้นเล็กๆที่อยู่ตรงกับระดับไหล่ของเขาพอดีจนรัตติกรสะดุ้งเฮือก สบถอุทานไม่เป็นภาษา รู้สึกใบหน้าของตัวเองที่แนบอยู่กับแผ่นหลังของอีกฝ่ายร้อนผ่าวจนแทบจะลุกไหม้เสียให้ได้
บอกให้เงียบด้วยการตี..ก้น..เนี่ยนะ!? ไม่ใช่เด็กอนุบาลนะเว้ย!!!
ทะเลาะกันไปจนกระทั่งลาร์เฟียร์แบกรัตติกรมาถึงด้านนอกคฤหาสน์อีกฝั่งในที่สุด ณ ตรงนั้นเองที่มีรถยุโรปสีขาวสะอาดคันหนึ่งสตาร์ทเครื่องแล้วจอดคอยท่าเอาไว้ ตรงส่วนของคนขับมีหัวหน้าบอดี้การ์ดอย่างสคูร์โดนั่งอยู่ ดูเหมือนวันนี้เขาต้องทำหน้าที่ควบทั้งบอดี้การ์ดและคนขับรถไปด้วยในตัว
ด้านนอกรถมีฟรานที่ยืนคอยท่าอยู่ด้วยรอยยิ้มน้อยๆเพราะเห็นท่าของเจ้านายที่พาของเล่นมาด้วย เลขาหนุ่มเปิดประตูรถด้านหลังอย่างรู้งาน เจ้าพ่อหนุ่มที่เดินมาถึงในที่สุดก็จับสิงโตแมวของเขาโยนเข้าไปในรถแล้วขยับตามเข้าไปนั่งด้วยอย่างรวดเร็ว เห็นเจ้าตัวทำท่าจะตะกายออกไปก็เลยต้องรวบตัวบางๆนั่นมารัดเอาไว้แน่นแล้วก็เริ่มต่อปากต่อคำในรถกันต่อ
หัวหน้าบอดี้การ์ดกลอกตาด้วยความเบื่อหน่ายแล้วรอให้ฟรานเปิดประตูเข้ามานั่งข้างหน้าด้วยกัน ก่อนจะตรวจความเรียบร้อยอย่างที่เคยชินแล้วสตูร์โดก็ออกรถในที่สุด ท้องฟ้าข้างนอกขมุกขมัวเป็นสีเทาบ่งบอกว่าไม่นานหิมะก็คงตกลงมาอีก ข้างนอกอากาศคงหนาวน่าดูแหละ แต่อุณภูมิของคนในรถที่เถียงกันอยู่ด้านหลังนี่ร้อนจนแทบจะทะลุจุดเดือดได้อยู่แล้วมั้งนั่น
“โว้ย ไม่ต้องมากอดได้มั้ยเล่า รถวิ่งอยู่แบบนี้จะให้ผมหนีไปไหนไม่ทราบ? ปล่อย!!”รัตติกรที่ถูกรัดไว้แน่นเพิ่งค้นพบว่าท่าแบบนี้มันไม่ต่างอะไรกับการไปนั่งตักของอีกฝ่ายแถมยังถูกกอดไว้อีกต่างหาก แค่ถูกอุ้มเดินผ่าคฤหาสน์มาก็อายจะตายอยู่แล้วยังจะมาทำท่าแบบนี้อีกเนี่ยนะ?
ไอ้มาเฟียหน้าด้านเอ๊ย!
ลาร์เฟียร์ที่สนุกสนานกับการกลั่นแกล้งเอาคืนแมวดื้อเพิ่มแรงกอดขัดกับคำสั่งของอีกฝ่าย เจ้าพ่อหนุ่มเกยคางลงบนไหล่ของรัตติกรแล้วเอียงคอน้อยๆเพื่อมองเสี้ยวหน้าของอีกฝ่ายด้วยดวงตาสีสนิมคู่คม
“ก็เธอเป็นของๆฉัน ฉันอยากจับอยากกอดของๆฉันมันผิดตรงไหนล่ะ? แล้วก็เงียบสักทีเถอะ ไม่งั้นฉันไม่หยุดแค่กอดแน่ แต่ถ้าเธออยากฉันก็ไม่ขัดศรัทธาหรอกนะ หึ”รัตติกรได้ยินประโยคนี้เข้าไปก็ได้แต่อ้าปากค้าง หนุ่มชาวไทยขยับตัวด้วยความอัดอึดเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจแล้วท่องเอาไว้ว่ากำลังเล่นอยู่กับไจแอนท์เวอร์ชั่นหื่นขึ้นมาหน่อย แต่มันแย่ตรงที่ตอนนี้เขาเรียกแมวสีฟ้านั่นมาช่วยไม่ได้นั่นล่ะ...
“เหอะ...แล้วสรุปจะไปไหนเนี่ย?”ราชสีห์หนุ่มเบือนหน้าหนีไปอีกทางแล้วถามเรื่องที่อยากรู้ จะว่าไปวิธีที่หมอนี่พาเขามาขึ้นรถนี่มันเหมือนพวกผู้ร้ายลักพาตัวชัดๆ...
“ไปเอาค่าจ้างของเธอไง”
“หา?”
“ก็เธออยากได้หนังสือไม่ใช่เหรอ? เดี๋ยวจะพาไปซื้อในเมืองนี่ไง อยากได้ขนาดไหนก็หยิบเอาตามสบาย ให้แบกกลับได้ก็แล้วกัน”ลาร์เฟียร์ว่าพร้อมกับยักไหล่เล็กน้อย รัตติกรได้ยินแบบนั้นก็นิ่งอึ้งไปพักหนึ่งด้วยไม่คิดว่าเจ้าพ่อนี่จะพูดจริงทำจริงขนาดนั้น...
“...ก็ไม่บอกแต่แรกวะ”คนนั่งบนตักบ่นอุบอิบแล้วเสตาออกไปมองวิวนอกรถ แก้มใสแดงขึ้นอีกเล็กน้อยจากเดิมที่แดงอยู่แล้วเพราะอารมณ์ขึ้นก่อนหน้านั้น
ก็ถ้าบอกแต่แรกว่าจะพาไปซื้อหนังสือเขาก็ไม่ต้องมาเจอเรื่องบ้าๆพวกนี้ไม่ใช่รึไงเล่า!?
อับอายขายขี้หน้าเป็นบ้าเลย!!______________________________________________
จบตอนแว้ววว
ช่างเป็นตอนที่หวานแหวว? มั้งครับ 55555 แต่รู้สึกพอเป็นฉากอะไรอย่างนี้ผมแต่งเร้วเร็วนะ สามวันก็ได้เอามาลงละ=w= //ทำไมตอนอื่นไม่รู้จักทำให้ได้อย่างนี้บ้างฟะ...
แฮ่ เอาเป็นว่ามาเฉลยเกมส์ทายอายุคุณป๋ากันดีกว่าครับ
จากที่ตอนก่อนมาเล่นเกมส์ทายอายุลาร์เฟียร์กัน ผลสรุปออกมาดังนี้~
“ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ 35 – พญาอินทรี – ผมหยักศกสีน้ำตาลอ่อน ตาสีสนิม”
ป๋าอายุ 35 นะคร้าบบบ //แก่กว่าที่หลายๆคนคิด จริงๆตอนแรกผมกะว่า38แต่พอคิดว่า 38ไปกิน24แล้วมันก็ห่างกันเกินไปน่ะฮะ 555 35นี่กำลังพอดี มั้ง?
(รัตติกรเกิด ป๋าก็กำลังเข้ามอต้นเลยนะเนี่ย...)
ผู้ได้รางวัลจากเล้าเป็ดคือคุณ Yara นะครับ
จากเด็กดีคือคุณ Wisky Pink ครับผม
ตามสัญญาคือรีเควสอะไรก็ได้หนึ่งอย่างครับ ส่งมาได้ทางหลังไมค์หรือข้อความลับนะครับ //ขอเป็นอะไรที่ไม่กำหนดเวลาจะดีมากครับ แฮ่...คือจากนี้ผมต้องไปทำละครเวทีแย้วอาจจะมีเวลาไม่พอ... ; w ;
ยังไงก็ขอบคุณทุกคนที่มาร่วมสนุกกันนะครับ >w< มีตั้งแต่ที่ทายว่าลาร์เฟียร์ยังเอ๊าะๆไปจนถึงอายุ42นู่นเลย 555 ยินดีต้อนรับสู่สายคุณลุงครับ
เอ้อใช่ๆ มีคนถามอายุของอาราชิมาด้วย คุณมังกรฟ้าอายุ 28 นะครับ ^^
เดี๋ยวตอนหน้า...หรือตอนหน้าๆจะมีตัวละครใหม่ออกมาให้ครบองค์ประชุม 55 ถึงตอนนั้นเดี๋ยวผมเอาข้อมูลของตัวละครแต่ละตัวมาลงให้อ่านเลยละกันเน้อ
แล้วพบกันใหม่ตอนหน้านะครับ ขอบคุณที่ยังคงติดตามกันอยู่เสมอครับผม~
Namioto Yo