Ti Voglio {ฉันอยากมีนาย!}
shot.28รัตติกรชะงักมองคนผมเงินนิ่งงันอยู่พักหนึ่งแล้วค่อยๆสงบใจตัวเองลง หนุ่มหน้าสวยผินหน้ากลับไปยังเคาท์เตอร์ที่พนักงานหนุ่มยืนมองเขาสองคนเลิกลั่ก เมื่อสักครู่อีกฝ่ายแทรกบทสนทนาของพวกเขาขึ้นมาด้วยภาษารัสเซีย แน่นอนว่าพนักงานคนนี้คงฟังไม่ออก แต่รัตติกรกลับรับรู้ความหมายของมันได้อย่างชัดเจน
นี่ไม่ใช่แค่การกล่าวเพื่อเข้าร่วมบทสนทนา แต่หัวหน้าของโนวาห์แฟมิลี่คนนี้กลับจงใจพูดภาษารัสเซียกับเขา นอกจากนี่จะมองได้ว่าเป็นการเข้ามาทักซึ่งๆหน้า ยังบ่งบอกความนัยแอบแฝงอีกอย่างที่ว่าโซอาห์เร่คนนี้รู้ถึงความสามารถพิเศษของเขามาแล้วเป็นอย่างดี...
รัตติกรตอบกลับไปเพียงว่า “งั้นหรือครับ” ด้วยภาษาเดียวกัน และจู่ๆก็รู้สึกได้ถึงอุณหภูมิของข้างกายที่เปลี่ยนไปอย่างกระทันหันเมื่อมีไอร้อนของมนุษย์ขยับเข้ามาใกล้ พอเหลือบไปมองเล็กน้อย ก็พบว่าไหล่บางที่เคลียไว้ด้วยผมยาวสีเงินยวงได้เขยิบเข้ามาอยู่ข้างๆจนไหล่แทบจะชนกันอยู่มะรอมมะร่อ ใบหน้าคมสวยเย็นชาเอียงน้อยๆเพื่อก้มลงมองเขาอย่างพินิจพิจารณาเหมือนกำลังประเมินค่าสิ่งของอะไรสักอย่าง และรัตติกรก็ไม่ชอบสายตาแบบนี้เอาเสียเลย
การที่พระอาทิตย์คนนี้มุ่งเป้ามาทักทายเขาที่อยู่คนเดียวราวกับกะจังหวะเอาไว้แล้วก็ยิ่งทำให้รัตติกรแอบหวั่นวิตกในใจ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าสาเหตุสำคัญนี้อย่างไรก็ต้องเกี่ยวข้องกับเวสเปอร์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง แต่ที่แย่คือมันดันเข้ามาทางเขานี่แหละ!!
“ในที่สุดก็ได้คุยกันสักทีนะครับ พวกเหลือบไรมันเกาะคุณอยู่ตลอด กว่าจะมาทักทายได้นี่ไม่ง่ายเลยนะ”เสียงนุ่มเย็นยังคงเอ่ยเรียบเรื่อยเป็นภาษารัสเซีย มือเรียวชี้ไปยังเมนูเดียวกับของรัตติกรเพื่อสื่อให้พนักงานหนุ่มเข้าใจ ก่อนที่ดวงตาสีไอซ์บลูจะเบี่ยงกลับมามองทางเขาอีกครั้ง
รัตติกรมองกลับพร้อมเลิกคิ้วน้อยๆ บอกว่าพวกเวสเปอร์เป็นเหลือบไรแบบนี้ราวกับจะพูดกันเขาออกมาจากกลุ่มก็ไม่ปาน หมอนี่ต้องการอะไรกันแน่…
“ลำบากแย่เลยสินะครับ”
“ก็ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ แต่ผมมันพวกขี้รำคาญ วันนี้ก็แค่อยากมาพบคุณเท่านั้น”
“เป็นเกียรติจังนะครับ”รัตติกรตอบกลับไปอย่างแบ่งรับแบ่งสู้ ยังคงเลือกดูท่าทีไปก่อนที่จะบุ่มบ่ามทำอะไร ท่าทีของศัตรูที่มาอย่างมิตรนั้นอันตรายกว่ายิ่งกว่าอะไรทั้งหมด และสิ่งเดียวที่รัตติกรใช้ป้องกันตัวได้ก็มีเพียงแค่สมองเท่านั้น ส่วนสองมือที่ทำได้แค่ยกหนังสือหนักๆนี่คงหวังพึ่งอะไรไม่ได้แน่นอน
“การได้พบคุณต่างหากที่เป็นเกียรติของผม ต่อจากนี้เราคงได้เจอกันบ่อยๆ ผมเลยอยากมาทำความรู้จักกับคุณก่อนสักหน่อยน่ะนะ แต่ว่าก่อนอื่นช่วยบอกคุณพนักงานให้ที่สิว่าของผมเปลี่ยนเป็นเอาแบบกลับบ้านดีกว่า ภาษาญี่ปุ่นผมไม่ค่อยได้เรื่องน่ะ”โซอาห์เร่ยักไหล่น้อยๆ มือเรียวบางแต่เย็นเฉียบจนรู้สึกได้ผ่านเสื้อที่ใส่เอาไว้วางลงที่ไหล่ของเขาเบาๆเพื่อให้เบี่ยงตัวกลับไปทางเคาท์เตอร์ที่มีพนักงานหนุ่มคนเดิมที่มองมาทางรัตติกรด้วยสายตาขอความช่วยเหลือ
หนุ่มชาวไทยถอนหายใจเบาๆแล้วบอกจุดประสงค์ของคนข้างๆออกไป พนักงานหนุ่มทำหน้าโล่งใจก่อนจะบอกขอบคุณแล้วเดินปลีกไปทางหน้าตู้เค้กเพื่อหยิบกล่องจากใต้เคาท์เตอร์ขึ้นมาพับเพื่อใส่เค้กสำหรับเอากลับบ้าน เมื่อไม่เป็นที่สนใจของใครแล้ว รัตติกรกับโซอาห์เร่จึงหันกลับมาต่อบทสนทนาอีกครั้ง
“ขอบคุณนะครับ แต่ละสำเนียงภาษาของคุณนี่น่ะ ถ้าไม่มองหน้าล่ะก็ใครๆก็คิดว่าคุณเป็นเจ้าของภาษาแท้ๆเลยนะ น่าเสียดายจริงๆ”
“น่าเสียดาย?”
“น่าเสียดาย... ที่คุณไม่ใช่ของผม”“!!”ใบหน้าสวยคมที่โน้มลงมาใกล้จนแทบจะหายใจรดกันทำเอารัตติกรสะดุ้งเฮือก เสียงทุ้มเย็นกระซิบที่ริมหูใกล้เสียจนหนุ่มชาวไทยรู้สึกราวกับริมฝีปากของอีกฝ่ายสัมผัสโดนใบหูเขาเบาๆเสียด้วยซ้ำ!
“แต่อนาคตมันเป็นสิ่งไม่แน่นอนใช่มั้ยล่ะครับ หึหึหึ”
“อะไรของคุณ!”เสียงหวานตวาดแหวก่อนที่รัตติกรจะผลักอีกฝ่ายออกไปจากตัวเต็มแรง ทว่าแรงต้านของคนที่ยังยืนประกบอยู่ข้างหลังกลับมีมากกว่าที่เขาคาดเอาไว้ ผ่ามือแข็งแรงบังคับจับที่บ่าของเขาไม่ให้หันตัวกลับมา รัตติกรจึงทำได้แค่เพียงหันดวงตาสีน้ำตาลไหม้จ้องกลับไปอย่างเอาเรื่อง
“นิ่งเอาไว้แล้วดูนี่หน่อยสิครับ”เสียงทุ้มยังคงเรียบเรื่อยเหมือนไม่เป็นเดือนเป็นร้อนแม้สถานที่ที่พวกเขายืนยื้อยุดอยู่ด้วยกันตอนนี้คือหน้าเคาท์เตอร์กลางร้านกาแฟที่มีคนนั่งอยู่ไม่ใช่น้อย แผ่นหลังของรัตติกรสัมผัสได้ถึงความร้อนผ่าวจากคนที่ยืนแนบอยู่ข้างหลัง ฉับพลันวัตถุแข็งๆบางอย่างก็กดลงที่ข้างเอวของหนุ่มชาวไทยในจุดที่เป็นมุมอับสายตา เมื่อมองลงไปก็เป็นกระบอกปืนที่สวมที่เก็บเสียงเอาไว้จ่ออยู่ในระยะประชิด มือที่จับไหล่เขาเอาไว้แน่นปล่อยออกชั่วขณะเพื่อหยิบกระดาษเล็กๆแผ่นหนึ่งขึ้นมาโชว์ในระดับสายตาของรัตติกร
หนุ่มชาวไทยทำสีหน้าเรียบเฉยไม่กระโตกกระตาก ยอมมองไปยังลายเส้นที่ตวัดอย่างมีเอกลักษณ์เรียงรายเป็นข้อความอันเป็นลักษณะเฉพาะของภาษาอาหรับโบราณยาวประมาณครึ่งหน้ากระดาษเอสี่ ซึ่งถูกโชว์อยู่เพียงชั่วครู่เดียวแล้วผู้เป็นเจ้าของก็เก็บมันกลับลงไปในเวลาไม่กี่วินาที
“คุณต้องการอะไร”
“แปลเมื่อกี้หน่อยสิครับ อย่าให้ตกหล่นเชียวนะ...
ไม่งั้นผมยิงแน่”
“เหอะ....คิดว่าผมกลัวปืนคุณรึไง”
“นั่นสินะครับ...คุณไม่กลัว แต่คุณพนักงานคนนั้นจะกลัวรึเปล่านะ...”เสียงทุ้มยังคงกระซิบใกล้ๆใบหู ปลายกระบอกปืนก็ค่อยๆเบี่ยงออกไปอีกทาง มัจจุราชไร้เสียงเล็งไปยังพนักงานหนุ่มที่กำลังตกแต่งเค้กในจานเพื่อนำมาเสิร์ฟให้รัตติกร เจ้าหนุ่มยังคงทำงานอย่างขมักเขม้นโดยไม่รู้เลยแม้แต่น้อยว่าหากเพียงร่างบางปฏิเสธไม่ยอมแปล หรือแปลแล้วผิดพลาดไปล่ะก็ ชีวิตของเขาก็อาจจบลงง่ายๆโดยที่ไร้ความผิดแม้แต่นิดเดียว…
“แก...อย่าดึงคนไม่เกี่ยวข้องมายุ่งด้วยสิวะ! เห็นชีวิตคนเป็นอะไรหา!”
“เขาเกี่ยวเพราะมายืนอยู่ตรงนี้ไงครับ มันก็แค่มดปลวกตัวเล็กๆไม่สำคัญอะไรสำหรับผม แต่มันสำคัญสำหรับคนอย่างคุณนี่นะ... เอาล่ะเร็วๆสิ ผมไม่ใช่คนใจเย็นนักหรอกนะ”ฝ่ามือข้างที่เคยกุมไหล่เขาเอาไว้เปลี่ยนไปโอบรอบเอวบางแล้วดึงร่างเพรียวเข้ามาใกล้ ปลายคางลดลงเกยบนบ่าของคนที่โอบเอาไว้ มองดูแล้วมันราวกับเป็นฉากของผู้ที่กำลังโอบกอดพลอดรักกัน ถ้าไม่ติดว่าเบื้องหลังของภาพนั้นคือปืนหนึ่งกระบอกและชีวิตของผู้บริสุทธิ์หนึ่งคน!
รัตติกรกัดฟันกรอด พยายามสงบใจที่เต้นระทึกลงให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ แล้วหลับตาลงสูดหายใจเข้าลึกๆ เวลาเพียงไม่กี่วินาทีที่ได้เห็นข้อความนั้น หากเป็นคนอื่นอย่างไรก็ไม่มีทางทำได้ แต่รัตติกรคือผู้มีสมองแบบพิเศษ ดังนั้นแม้จะเห็นภาพใดๆเพียงชั่วพริบตา เขาย่อมจำได้อย่างแม่นยำไม่มีตกหล่น และแน่นอนว่าไม่มีวันลืมอีกด้วย!
ร่างบางค่อยๆทวนภาพของกระดาษแผ่นเล็กเมื่อครู่ที่สมองจดจำได้อย่างแม่นยำแล้วค่อยๆแปลความหมายของมันออกมาเป็นภาษารัสเซีย...
“สงครามครั้งต่อไป...ต้องการระเบิดอานุภาพสูงจำนวนมากและเครื่องบินทิ้งระเบิดสามลำที่สามารถหลบเลี่ยงเรดาห์ตรวจจับของกองทัพได้ ราคาของโนวาห์แพงเกินไป และเรารู้มาว่าคุณสามารถจัดหาได้ในราคาที่ดีกว่า จึงยื่นข้อเสนอมาทางคุณเป็นการภายในเพื่อเปิดเส้นทางการค้าใหม่ หวังว่าจะได้รับคำตอบที่น่าพอใจ...ขอให้พระเจ้าคุ้มครอง SR…ปล.หลังจากได้รับข้อความนี้แล้ว ขอให้ทำลายทิ้งเสีย ทางเราจะเดินทางไปฟังคำตอบจากคุณเองในการประชุมกลุ่มผู้นำประเทศผู้ส่งออกน้ำมันที่จะถึงนี้...”เสียงหวานแปลข้อความที่ได้เห็นออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำ โซอาห์เร่ยิ้มกว้างก่อนจะหัวเราะออกมาเบาๆ รัตติกรรู้สึกได้ถึงน้ำหนักของกระบอกปืนที่หายไปจึงลอบถอนหายใจแล้วสะบัดตัวออกจากการเกาะกุมของอีกฝ่ายทันทีที่รู้สึกถึงแขนที่คลายออก
“ฮ่าๆ เดี๋ยวสิคนเก่ง ผมบอกแล้วเหรอว่าให้คุณขยับได้แล้วน่ะ อยู่อย่างนี้อีกหน่อยนึงสิครับ”แขนเรียวที่แข็งแกร่งกว่าที่คิดกระชับอ้อมกอดอีกครั้ง แต่รัตติกรที่สุดจะทนตัดสินใจทิ้งตัวลงกับพื้นจนหลุดออกจากวงแขนแกร่งนั้นได้ในที่สุด เจ้าตัวขยับถอยหนีไปจนสุดเคาท์เตอร์อีกฝั่ง แก้มสวยขึ้นสีแดงปลั่งเพราะหอบเหนื่อยจากการพยายามหนีและความตื่นเต้นจนแทบหยุดหายใจเมื่อครู่
เมื่อมองกลับไปยังราชามาเฟียแห่งอเมริกา ดวงตาสีฟ้าที่พราวระยับสมใจก็มองตอบกลับมา โซอาห์เร่หัวเราะอีกครั้งพร้อมปรบมือเบาๆ เขายืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับตามรัตติกรมา ทว่าก็ยังคงต่อบทสนทนาต่อไปอย่างไม่อินังขังขอบเลยว่าเมื่อสักครู่นั้นเกิดอะไรขึ้นบ้าง
“ดื้อจริงเชียว ผมแค่อยากชมคุณแท้ๆ ไม่เห็นต้องหนีกันเลยนี่ครับ”
“ชมบ้าอะไรของคุณ! อย่าคิดเข้ามาใกล้ผมเชียวนะ!”
“ว้าว ดุซะด้วย...ลาร์เฟียร์ยังฝึกมาไม่ดีพอล่ะสิ นี่แหละน้า...ไปเป็นของหมา ยังไงก็ออกมาได้เท่านี้ มาอยู่กับผมสิรัตติกร ผมให้คุณได้มากกว่าเขาหลายร้อยเท่า ความสามารถแบบคุณน่ะไม่สมควรไปอยู่กับเดรัจฉานพันธุ์นั้นหรอก”
“จะอยู่กับใครผมตัดสินใจของผมเองได้ ไม่รบกวนให้คุณมายุ่งหรอก”รัตติกรขึงตาตอบ
“ไปอยู่กับพวกหมาของรัฐบาลโลกแบบพวกนั้นก็เป็นได้แค่หมาโสโครก และผมก็มองว่าคุณดีเกินกว่าที่จะไปอยู่ในที่แบบนั้น คนอย่างลาร์เฟียร์ไม่สมควรเรียกว่ามาเฟียเสียด้วยซ้ำ ผู้คุมกฎแห่งโลกมืดอะไรกัน... หึ ก็แค่หมารับใช้...”เสียงของโซอาห์เร่เมื่อกล่าวถึงลาร์เฟียร์นั้นเจือไว้ด้วยกระแสหยามเหยียดจนรู้สึกได้ ในดวงตาสีฟ้าสว่างนั้นไม่ปิดบังความเกลียดชังที่มีอยู่เลยแม้แต่น้อย รัตติกรเม้มปากแน่น เขาที่ไม่รู้เบื้องลึกเบื้องหลังของทั้งสองฝ่ายไม่สามารถกล่าวอะไรได้ทั้งสิ้น ถึงจะบอกว่าตอนนี้เขาเป็นคนของเวสเปอร์ก็ตาม แต่กับผู้ชายคนนี้เขาไม่รู้จริงๆว่าจะตอบโต้กลับไปอย่างไรดี...
จังหวะนั้นพนักงานหนุ่มที่ยืนมองรีๆรอๆเพราะกลัวว่าจะเกิดการทะเลาะวิวาทขึ้นกลางร้านก็ยกถาดเครื่องดื่มและเค้กของรัตติกรออกมาพร้อมกับถุงใส่แบบเอากลับบ้านของโซอาห์เร่วางลงบนเคาท์เตอร์คิดเงินเพื่อเป็นการอย่าศึกไปในตัว เขามองไปทางหนุ่มเอเชียผมดำที่อยู่ๆก็ไปยืนซะห่างด้วยสายตาขอความช่วยเหลืออีกครั้ง พอรัตติกรมองกลับไป เจ้าตัวก็พูดให้เขาแปลให้โซอาห์เร่ทันที
“คุณลูกค้า ช่วยบอกเขาทีสิครับว่าแบบเอากลับบ้านนี้มีบวกค่าแพคเกจเพิ่มเลยต้องจ่ายทั้งหมด550เยนน่ะครับ ขอความกรุณาด้วยนะครับ”เจ้าตัวโค้งเขาอย่างดิบดีเป็นการส่งท้าย รัตติกรได้แต่ทำสีหน้าแข็งๆแล้วหันไปบอกชายผมเงินที่ยืนมองด้วยแววตาที่กลับมาสนุกสนานอีกครั้ง
โซอาห์เร่หยิบแบงค์หมื่นเยนขึ้นมาวางบนเคาท์เตอร์แล้วหยิบถุงกาแฟและเค้กกลับมา เขาไม่สนใจเงินทอนแล้วเดินมาหารัตติกรที่ตกใจจนต้องก้าวถอยหลังไปแต่ก็ไม่ทันกับฝ่ามือเย็นๆที่เอื้อมมาคว้าแขนเขาไว้ได้อย่างถนัดถนี่
“ปล่อย! จะทำอะไรของคุณน่ะ!”
“วันนี้ผมแค่มาทักทาย...วันหน้าผมไม่ปล่อยคุณไปง่ายๆแน่ อีกไม่นานนักหรอกนะ”มือแกร่งกระชากร่างเพรียวให้ถลาเข้ามาใกล้ ใบหน้าคมสวยที่ประดับไว้ด้วยรอยยิ้มเยาะสายหนึ่งก้มลงสัมผัสริมฝีปากเข้ากับแก้มเนียนใสแผ่วเบาแล้วผละออกมาทันควันก่อนที่หมัดของรัตติกรจะซัดโดนหน้าของตัวเอง
หนุ่มชาวไทยถูแก้มแรงๆจนแดงเป็นปื้นด้วยความรังเกียจ มองไปยังแผ่นหลังที่ถูกปกคลุมไว้ด้วยเส้นไหมสีเงินยวงที่ค่อยๆทิ้งห่างออกไปยังประตูร้าน ดวงตาสีไอซ์บลูหันกลับมามองเขาเป็นเชิงเอ่ยลา ริมฝีปากขยับเป็นคำบอกว่า “แล้วเจอกัน” ก่อนที่จะก้าวออกไปนอกร้านซึ่งมีชายหนุ่มร่างสูงอีกคนยืนรออยู่
รัตติกรทันเห็นแค่เพียงดวงตาสีเทาเย็นชาตวัดมามองเขาเพียงชั่วขณะ ไม่รู้ว่าคิดไปเองหรือไม่ แต่สายตาของคนคนนั้นฉายประกายอันตรายบางอย่างจนเขาถึงกับขนลุกซู่...
ไปซะได้ก็ดี....รัตติกรถอนหายใจอย่างหมดแรง เขาฟุบลงกับเคาท์เตอร์โดยมีพนักงานหนุ่มที่ยังนับเงินทอนของโซอาห์เร่ไม่เสร็จมองตาค้าง
“อ้ะ เอ่อ เงินทอนนี่ คุณลูกค้าครับ ทำยังไงดีล่ะ”
“คุณมาถามผมเนี่ยนะ? ก็เก็บไว้สิครับ ไม่เก็บก็เอาไปบริจาคก็ได้ ดวงคุณจะได้ดีขึ้นมาบ้าง แต่ไม่แนะนำให้วิ่งเอาไปคืนหรอกนะถ้ายังรักชีวิตตัวเองอยู่น่ะ”รัตติกรตอบแล้วคว้าถาดของตัวเองขึ้นมาถือ เขาไม่สนเสียงอุทานด้วยความงงงวยของพนักงานหนุ่มแล้วรีบปลีกตัวไปนั่งในที่ๆไกลมากที่สุดเท่าที่จะทำได้เพื่อหลบเลี่ยงสายตาชาวบ้านที่จับจ้องมาที่เขาเป็นตาเดียวจากเหตุการณ์เมื่อครู่นี้
ตั้งแต่เจอกับลาร์เฟียร์ไม่รู้ทำไมไอ้เรื่องบ้าๆพวกนี้ถึงวิ่งเข้ามาชนเขาไม่รู้จักหยุดหย่อน แต่เดิมมันก็ไม่ใช่ความต้องการของเขาด้วยซ้ำที่จะต้องมาทำอะไรแบบนี้ พอก้าวเข้ามาที ยังไม่ถึงอาทิตย์ความซวยก็หล่นทับซ้ำแล้วซ้ำเล่า และดูท่าคราวนี้จะซวยหนักเป็นพิเศษซะด้วย...
โนวาห์คือศัตรูอันดับหนึ่งของเวสเปอร์ เช่นเดียวที่โซอาห์เร่คือศัตรูหมายเลขหนึ่งของลาร์เฟียร์
ปัญหาตอนนี้คือถ้าลาร์เฟียร์มาแล้วเขาจะทำยังไงต่อไป จะบอกไปตามตรงหรือเงียบไว้แล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นดีต่างหาก...
ถ้าเกิดบอกรับรองว่ายังไงก็ต้องระเบิดลง ดีไม่ดีเขาจะโดนหางเล่ห์ไปด้วยซ้ำ ดังนั้นปล่อยไปแบบนี้ก็คงไม่เป็นไรหรอก ในเมื่อเป้าหมายของโซอาห์เร่คือรัตติกรคนเดียวไม่ใช่เวสเปอร์ทั้งแฟมิลี่เสียหน่อย คิดได้ดังนั้นรัตติกรก็ถอนหายใจอีกเฮือกอย่างคนที่ตัดสินใจได้แล้วก็ก้มลงพิจารณาเค้กที่สั่งไป
คุณกระต่ายในสวนกุหลาบที่ว่าก็คือเค้กสตรอเบอร์รี่ครีมสดดีๆนี่เอง ทว่าบนหน้าเค้กมีตรอเบอร์รี่ที่ฝานบางๆวางเรียงกันเป็นดอกกุหลาบสีแดงสดหลายดอก พื้นที่ตรงกลางมีครีมสดบีบเป็นรูปกระต่ายตัวน้อย มีแยมสีฟ้าใสจุดเป็นตาเล็กๆเอาไว้ ด้วยรูปลักษณ์แบบนี้ก็เลยได้ชื่อว่าเป็นกระต่ายในสวนกุหลาบ ส่วนโกโก้ที่มีมาชเมลโล่กับวิปครีมลอยฟ่องอยู่ข้างบนก็ตกแต่งเป็นรูปกระต่ายอีกเหมือนกัน
รัตติกรปล่อยให้มันน่ารักไปอีกพักหนึ่งแล้วก็จ้วงตักเค้กคำโต ตัดระหว่างคอกับหัวกระต่ายพอดีอย่างไม่มีการคิดจะถนอมความน่ารักให้มันอยู่ไปนานๆเลยแม้แต่น้อย
ตาสีฟ้าเหมือนหมอนั่นพอดีนี่นา...รัตติกรยิ้มกับตัวเองเพราะการแก้แค้นเล็กๆน้อยๆแล้วเคี้ยวเค้กส่วนที่มีหัวกระต่ายเต็มแรง
“เพิ่งรู้ว่าชอบกินของหวานเลี่ยนแบบนี้นะลูน่า...”เสียงทุ้มต่ำอันแสนคุ้นเคยดังขึ้นจากด้านหลังก่อนที่ฝ่ามือใหญ่จะปาดเช็ดลงบนริมฝีปากด้านหนึ่งที่เลอะครีมเล็กน้อยของรัตติกร
พอเงยหน้ามองเจ้าของเสียงที่ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าใคร รัตติกรก็พบกับดวงตาคู่คมสีสนิมที่มองมายังเขาด้วยความขบขัน ลาร์เฟียร์ เวสเปอร์ยกนิ้วที่เปื้อนครีมขึ้นมาเลียชิมแล้วเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้าโต๊ะของรัตติกรเต็มตัว พอมองเลยไปทางเคาท์เตอร์ก็เห็นฟรานกำลังยืนสั่งเครื่องดื่มกับสคูร์โดอยู่สองคน
“แล้วนั่นแก้มไปโดนอะไรมา? ทำไมแดงขนาดนั้น”เจ้าพ่อหนุ่มพอเห็นแก้มด้านหนึ่งของรัตติกรมีรอยแดงๆปรากฏอยู่ก็จับคางของอีกฝ่ายยกขึ้นแล้วจับหันซ้ายหันขวาไปมาเพื่อเช็คว่าของเล่นของเขามีตรงไหนบุบสลายเป็นรอยอะไรมาอีกรึเปล่า รัตติกรปัดมือของอีกฝ่ายออกด้วยความหงุดหงิดที่ถูกจับเล่นไปมาอยากกับตุ๊กตามีข้อต่อ แต่ลาร์เฟียร์ไม่ละความพยายามที่จะจับหน้าของรัตติกรหันข้างมาให้เขาดูรอยแดงที่ว่านั่นชัดๆ
“เรื่องของผมน่า...”
“เรื่องของเธอก็เรื่องของฉันนั่นแหละ ไปถูมันแรงๆล่ะสิถึงเป็นรอยอย่างนี้หืม?”นิ้วโป้งที่หยาบเล็กน้อยถูเบาๆไปตามรอยแดงที่ว่า รัตติกรนิ่งไปครู่หนึ่งแล้วเอียงหน้าน้อยๆให้แก้มสัมผัสกับฝ่ามือของลาร์เฟียร์เต็มที่ เขาไถๆแก้มด้านนั้นกับมือของอีกฝ่ายนิดหน่อยแล้วผลักมือใหญ่ออกอย่างไม่สนใจใยดีเมื่อเกลือกแก้มจนเป็นที่พอใจแล้ว
ลาร์เฟียร์ชะงักไปชั่วครู่หนึ่งเพราะไม่คิดว่ารัตติกรจะยอมเล่นด้วย นับเป็นครั้งแรกเลยก็ได้ที่เจ้าพระจันทร์ดวงน้อยนี่เป็นฝ่ายเข้าหาเขาก่อนในตอนที่ยังมีสติอยู่อย่างนี้ พอมองกลับไปด้วยสายตาเหลือเชื่อก็พบว่าเจ้าตัวมุดหน้าลงไปซดโกโก้ร้อนของตัวเองแล้ว ท่าทีตอนอ้อนเฉยชาจนน่าหมั่นไส้ขนาดนี้แท้ๆแต่เจ้าพ่อหนุ่มกลับยิ้มกว้างเพราะปฏิกิริยาที่ว่านั่น
“หึหึหึ”
“....หัวเราะอะไรของคุณ”
“เธอมันแมวป่าชัดๆ หึหึ”“คุณว่าใครแมว!”
“ว่าเธอนี่ล่ะลูน่าของฉัน”เจ้าพ่อหนุ่มทรุดตัวลงนั่งด้านข้างของรัตติกรที่เลือกนั่งบนโซฟาตัวใหญ่ก่อนจะโน้มหน้าลงไปฟัดแก้มใสที่ยังคงแดงเป็นแถบนั้น หนุ่มชาวไทยผวาวางแก้วโกโก้ที่เกือบหกรดตัวเองลงบนโต๊ะแล้วหันกลับมาต่อต้านไอ้เจ้าพ่อที่อยู่ๆก็มาหื่นในที่สาธารณะ ฟันคมพองับแก้มเขาได้ก็กัดด้วยความหมั่นเขี้ยวจนจากที่จะเป็นแค่รอยถูก็จะมีรอยกัดเพิ่มเข้ามาด้วยอีกรอย เขาจะตะโกนโวยวายดังก็ไม่ได้เพราะถึงตรงนี้จะห่างไกลผู้คนแต่ถ้าตั้งใจมองมายังไงมันก็เห็นอยู่ดีนั่นแหละ
มาเฟียพวกนี้มีแต่พวกหน้าไม่อายชอบทำอะไรประเจิดประเจ้อโดยแท้!!
รัตติกรกัดฟันกรอด ดิ้นหนีจนเสื้อผ้ายับยู่ยี่ลาร์เฟียร์จึงปล่อยเขาเป็นอิสระในที่สุด เจ้าพ่อหนุ่มผละออกไปนั่งกระหยิ่มยิ้มย่องกางแขนพาดพนักพิงราวกับจะโอบรัตติกรเอาไว้ ส่วนหนุ่มชาวไทยก็ได้แต่ฮึดฮัดถูแก้มแรงๆอีกครั้งจนแดงเห่อขึ้นกว่าเดิม
แต่อย่างน้อยในใจก็ไม่ได้รังเกียจขนาดนั้น...
ตั้งแต่แรกที่ตั้งใจเอียงแก้มด้านนั้นสัมผัสกับฝ่ามือหนาก็เป็นความตั้งใจของเขาเอง
แค่อยากจะลบรอยที่บางคนมาฝากเอาไว้
ใครจะคิดเล่าว่าไอ้เจ้าพ่อนี่จะบังเอิญมาทับรอยซะเต็มที่ขนาดนี้น่ะ!!!_____________________________________________________
สวัสดีนักอ่านทุกคนอีกครั้งนะครับ
ช่วงที่หายไปมีหลายอย่างวุ่นวายพอสมควร แล้วก็ได้ทุนการศึกษาแล้วนะครับ เย้~
ขอบคุณคำอวยพรจากทุกๆท่านเลยน้า
จากนี้ไปจะพยายามอัพดีๆ เป็นเด็กดีไม่ดื้อไม่ซน 555
ส่วนเรื่องใครว่าทำดีแล้วได้ดีฯยังเขียนต่ออยู่นะครับ แต่ยังเขียนวาโยไม่ได้เลยยังไม่เอาลง ขอโทษด้วยนะครับ พอโตแล้วมองอะไรๆเปลี่ยนไปหมดนี่มันก็แย่เหมือนกันน้า...
แล้วเจอกันนะครับ ^^
Namioto Yo