เฮ้อออออออออ มันตันๆ อึมครึมยังไงไม่รู้เนาะ สองคนนี้

รู้สึกเหมือนเป็นคนที่ไม่ควรจะบรรจบกันเลยมากกว่า เหมือนกันว่า ต่อให้รักกันได้ ก็คงไม่นานอ่ะค่ะ
โจมเป็นคนที่มีอะไรๆอยู่ในใจ เช่นเดียวกับป๋า คนที่มีอดีตหรืออะไรๆก็ตามสองคน ซึ่งเป็นคนที่ไม่พูด หรือคิดจะเปิดใจเข้าหากัน คบกัน มันก็รังแต่จะขุดหลุมระยะห่างลงให้ลึกขึ้นเรื่อยๆ

ไม่รู้สิคะ แต่ว่าเรื่องความรักในครอบครัวอย่างโจมกับพี่ชายนี่ก็....จะให้โรแมนติกมันก็โรแมนติกไปเลย ไม่ก็แซดไปเลยยย----ซึ่งเรื่องนี้มันแซด
ไม่รู้สิคะ ความรักที่แบบ เป็นทางตันมาตั้งแต่ต้นมันก็ไม่ควรที่จะเริ่มแล้วล่ะ สงสารโจม

สงสารป๋าด้วย ไม่น่ามารักโจมเลย โจมมีดีที่ห้าตา มนุษย์สัมพันธ์ก็แย่ ไม่มีความพยายามจะทำอะไรๆด้วยตัวเอง กระทั่งจะแก้ข่าว แก้ตัว หรือว่าพยายามทำให้เรื่องที่เจออยู่ดีขึ้น สุดท้ายก็อยู่ไม่รอด ต้องมาพึ่งป๋า ขอเงินป๋า ไม่ต่างจากขายตัวแล้วล่ะค่ะ มีความรู้มีการศึกษาดีมีหน้าตาดีขนาดนี้ ทำอะไรๆได้มากกว่านี้อยู่แล้ว...แค่ไม่พยายามจะทำเท่านั้นเอง

ปล. -- ถึงหนูโจม จริงๆแอบไม่เห็นด้วยที่ว่าการให้สืบทอดกิจการครอบครัวมันมีคีย์เวิร์ดคือ "เงิน" อย่างเดียว ไม่รู้สิคะ เรื่องแบบนี้คนที่ที่บ้านมีกิจการของตัวเองเจอกันหมดอยู่แล้ว แล้วยิ่งลูกคนเดียวอย่างเรา เราเองก็เป็นหนึ่งในคนที่ปฏิเสธหัวชนฝา เลือกเรียนแพทย์แทนที่จะทำบริษัทของที่บ้าน
....แล้ววันนึงที่เหลือแค่คุณแม่ต้องกลายเป็นประธานบริษัท สิ่งที่คุณแม่พูดคือ ...การที่คุณพ่ออยากให้สืบทอดบริษัท ไม่ใช่เรื่องเงิน แต่บริษัทนี้คือ "ความภาคภูมิใจ" เป็นความภาคภูมิใจของคุณพ่อ ของคุณแม่ ของบรรพบุรุษเรา ของวงศ์ตระกูล คุณพ่อไม่อยากขายหุ้นให้คนอื่นเพื่อให้บริษัทยังสืบทอดต่อไป ไม่อยากให้มันหยุดลงแค่รุ่นของคุณพ่อ
ถึงแม้จะทะเลาะกัน ถึงพวกท่านจะบังคับ หรือขู่เข็นเรา แต่ถึงอย่างไร ถ้าเป็นทางเดินที่เราเลือกแล้วจริงๆ ไม่มีพ่อแม่คนไหนขัดขวางความฝันลูกได้ลงคอหรอกค่ะ ขอแค่เราหนักแน่นพอ แล้วก็แสดงให้พวกท่านเห็นจริงๆว่าเรา "เลือก" ทางที่ดีที่สุดสำหรับตัวเราแล้ว
ในวันที่คุณแม่บอก มันคือวันที่เราเข้าใจอย่างแจ่มชัดเลยล่ะค่ะ แต่ก็...เป็นวันที่เราไม่รู้จะแก้ไขอะไรได้แล้วจริงๆ
เราคิดว่า โจม...เป็นเด็กที่ไม่ไหวเลยล่ะค่ะ //แต่รักป๋านะ
