-5-
มีเด็กหนุ่มคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ ‘เสมอภาค’
เสมอภาคเป็นคนทำอะไรเชื่องช้า
เขาคิดอยู่เสมอว่า ความเชื่องช้าเงอะงะของเขา ทำให้คนอื่นลำบาก
...จนเสมอภาคไม่กล้าที่จะคิดรบกวนใคร... ...
“ภาค ยังไม่เสร็จอีกเหรอ?” เมย์กับจูนฝ่าคลื่นฝูงชนที่หลั่งไหลออกจากห้องเรียนหลังกริ่งเลิกเรียนดัง หวังจะได้เห็นเพื่อนหนุ่มตัวน้อยของพวกเธอเก็บกระเป๋าอย่างเชื่องช้าเหมือนทุกวัน แต่สิ่งที่ได้เห็นกลับกลายเป็น...เสมอภาคกำลังถือไม้กวาด กวาดพื้นห้องเรียนด้านหลังอยู่
“ทำเวรอีกแล้วเหรอ เมื่อวานเพิ่งทำไปนี่นา” เมย์ขมวดคิ้วมุ่น
“พวกผู้ชายใช้ให้ทำอีกแล้วใช่มั้ย ทำอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน เวรใครใครก็ทำซี่!” จูนโวยวายเสียงแหลม หันไปจะจัดการกับหมู่ทะโมนที่ข่มเหงเพื่อนเธอ ก็ต้องพบกับห้องว่างเปล่า... “หนีเร็วชะมัด!!” เธอบ่นปอดแปด
“เมย์กับจูนไปกันก่อนเลยก็ได้ วันนี้มีเรียนไม่ใช่เหรอ เดี๋ยวจะไปเรียนสายนะ” เสมอภาคค่อยๆโกยเศษผงใส่ที่ตักผง หันมาพูดอย่างเกรงใจ...เมย์กับจูนเรียนพิเศษคอร์สเตรียมเอ็น ย่อมเรียนเยอะกว่าเสมอภาคเป็นธรรมดา เขาจะคอยรั้งเพื่อนทั้งสองให้เสียเวลาได้ยังไง
“ไม่ต้องมาพูดอย่างนี้เลย!” เมย์แย่งไม้กวาดจากมือบางไป จัดการกวาดพื้นอย่างรวดเร็ว
“วันนี้พ่อไม่อยู่บ้านใช่มั้ย ถ้าไม่กินข้าวกับพวกเรา นายจะไปกินกับใคร” จูนตะโกนจากอีกมุมห้อง มือก็กระชากหน้าต่างปิดดังปัง! ปัง!
“แต่ว่า...เดี๋ยวเมย์กับจูนจะไปเรียนสาย”
เสมอภาคกระโดดเหยงเมื่อไม้กวาดจากมือเมย์เหวี่ยงเข้าก้นอย่างจัง “ไปเก็บของเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นไม่รอจริงๆด้วย”
“ให้มันรู้ไปสิ ว่าทำเวรสามคนมันจะเสียเวลาขนาดไปเรียนสาย” จูนที่ปิดหน้าต่างห้องเสร็จแล้ว จัดการลบกระดานต่ออย่างว่องไว
เสมอภาคมองเพื่อนสาวทั้งสองอย่างซาบซึ้ง...เมย์กับจูนเป็นอย่างนี้เสมอ มักจะช่วยเหลือเขาโดยที่เขาไม่เคยเป็นฝ่ายขอ จนบางครั้งยังรู้สึกผิดไม่ได้ ว่าตัวเองจะทำให้เพื่อนทั้งสองต้องลำบาก “ขอโท...” เสมอภาคพูดยังไม่ทันจบ ก็ต้องชะงักกึกเพราะเด็กสาวทั้งสองตวัดสายตาคมปลาบจ้องมองราวกับจะจับกินหัว เขานิ่งไปสักพักก่อนจะนึกถึงคำพูดที่ควรจะพูดได้
“...ขอบคุณ...” เสมอภาคออกเสียงอ่อยๆ แล้วก็หลับตาปี๋เมื่อสองมือบางของเพื่อนสาวร่วมแรงแข็งขันขยี้หัวเขาจนผมกระดกไม่เป็นทรง
เมย์กับจูนมักจะพูดกับเขาเสมอ ว่าเพื่อนกันต้องหัดรู้จักขอร้องกันบ้าง...การเกรงใจกันเป็นสิ่งที่ดี แต่ถ้าเอาแต่เกรงใจอยู่อย่างเดียวไม่กล้าขอร้อง ก็ไม่สามารถเรียกว่าเป็นเพื่อนกันได้อย่างเต็มปากหรอก
...เสมอภาคไม่เคยกล้าคิดจะรบกวนใคร...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
มีเด็กหนุ่มอีกคนหนึ่ง ชื่อของเขาคือ ‘เป็นหนึ่ง’
เป็นหนึ่งคล่องแคล่วว่องไว
เวลาทุกวินาทีของเขามีค่า
...จนไม่มีใครกล้ารบกวน... ...
“วันนี้เราไม่อยู่ทำเวรนะ” เป็นหนึ่งพูดหลังจากยัดของลงกระเป๋าเป็นที่เรียบร้อย...เสร็จก่อนกริ่งเลิกเรียนจะดังเสียอีก
“รีบไปไหนวะ?” ไก่ที่นั่งอยู่ด้านหน้าหันหลังกลับมาถาม
“ไปตลาด” เด็กหนุ่มผู้เป็นที่หนึ่งตอบสั้นๆก่อนจะเผ่นแผล็วออกจากห้องอย่างรวดเร็ว ฝากธุระของเด็กมัธยมปลายไว้ให้เพื่อนๆจัดการต่อ
เม่นชะเง้อมองออกนอกหน้าต่าง เห็นหลังผู้เป็นเพื่อนวิ่งขึ้นรถส่วนตัวที่มาจอดรอรับอยู่ไวๆ
“เฮ้ย” เขากวักมือเรียกเพื่อนเขียดให้มามองด้วยกัน เรียกเขียดเขียดก็มา ทั้งสองเกาะขอบหน้าต่างมองดูเพื่อนเงียบๆ ก่อนที่เขียดจะหันไปหาเม่น ปั้นหน้าตั้งคำถาม...เรียกกรูมาดูอะไรฟะ?
“ไอ้หนึ่งมันรีบขนาดโดดเวรไปจ่ายตลาดเลยเหรอวะ?” เม่นถามพาซื่อ แล้วหัวก็โดนตบคว่ำโขกขอบหน้าต่าง จากมือเพื่อนๆที่น่ารักทั้งสอง
“เวร!” ไก่พูดคำเดียวสั้นๆ โปะแปรงลบกระดานลงบนขอบหน้าต่างจนฝุ่นชอล์กฟุ้งกระจาย
“ตลาดหุ้นเว้ย” เขียดก็ช่วยตอบสั้นๆอีกประโยค ก่อนที่ทั้งสามจะหันไปมองรถยุโรปสีดำทะมึนที่ออกตัวไปจากที่จอดอย่างรวดเร็ว
“ไอ้หนึ่งโดดเวรอีกแล้ว” เหล่าเพื่อนทั้งสามพูดอย่างปลงๆ...แต่ใครกล้าขวางเป็นหนึ่งบ้างล่ะ?
...ไม่มีใครกล้ารบกวนเป็นหนึ่งหรอก...
++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
ครืน!
เสียงฟ้าร้องกระหึ่มเป็นเวลาเดียวกับที่ลมพายุกระโชกแรง เสมอภาคเหลียวมองท้องฟ้าอย่างเป็นกังวล... “จะตกก่อนถึงบ้านมั้ยเนี่ย”
เด็กหนุ่มถอนหายใจ กระชับเป้ที่หลังแน่นก่อนจะรีบจ้ำเท้ากลับบ้าน...ยังเหลืออีกตั้งครึ่งทาง
“ยังดีที่เมย์กับจูนเข้าห้องเรียนไปแล้ว ไม่อย่างนั้นไปเรียนสายแน่เลย” ...อย่างน้อยเสมอภาคก็เบาใจ ว่าเพื่อนที่น่ารักทั้งสองไม่ต้องเปียกฝนหรือขาดเรียน ลำพังตัวเขาฝนตกก็แค่หลบก็พอแล้ว
แล้วก็นึกขึ้นได้ว่า ยังไม่ได้เก็บผ้าที่ตากไว้เลย ถ้าฝนตกลงมา พรุ่งนี้เขาคงไม่มีเสื้อใส่ไปโรงเรียน เด็กหนุ่มยิ่งสาวเท้าเร็วกว่าเดิม มุ่งหน้ากลับบ้านอย่างเป็นกังวล แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว ฝนเม็ดเป้งหยดใส่ใบหน้าใสจนรู้สึกเจ็บ ยังไม่ทันได้ตั้งตัว เม็ดต่อๆไปก็กระหน่ำสาดรดจนเสมอภาคต้องวิ่งหาที่หลบ
...ยังโชคดีที่มีตู้โทรศัพท์อยู่แถวๆนั้น...
เสมอภาคมองท้องฟ้าอย่างไม่สบายใจ ถ้าเขาตากฝนวิ่งกลับบ้านไปตอนนี้ หนังสือเรียนที่อยู่ในเป้ข้างหลังก็จะเปียกหมด แต่ถ้าเขานั่งรอจนกว่าฝนจะหยุด พรุ่งนี้เขาก็จะไม่มีเสื้อใส่ไปโรงเรียน
เด็กหนุ่มวางเป้ลงกับพื้น ค้นหาผ้าขนหนูสำหรับเช็ดเหงื่อในวิชาพละ เมื่อค้นเจอก็ดึงออกมา แล้วก็ต้องอุทานออกมาคำหนึ่งเพราะสมุดจดที่วางทับผ้าขนหนูอยู่ถูกลากกระเด็นออกมาด้วย มันตกลงบนพื้นก่อนที่หน้ากระดาษจะพลิกรัวตามแรงลมฝนด้านนอก มือบางรีบคว้าตะครุบก่อนที่สมุดทั้งเล่มจะถูกพัดปลิวออกไปนอกตู้โทรศัพท์
“เฮ้อ” ร่างบางถอนหายใจอย่างโล่งอก...สมุดจดถูกจับมั่นเสียที เมื่อมองลงเพื่อตรวจเช็คความเสียหาย ก็ต้องขมวดคิ้วคิดอยู่ครู่หนึ่ง
บนหนังสือมีลายมือสวยงามเขียนเอาไว้ด้านล่างเหล่าศัพท์ภาษาอังกฤษว่า...
..เป็นหนึ่ง...
...ตามด้วยตัวเลขเก้าตัว ภาษาอังกฤษอีกหนึ่งบรรทัด...
เสมอภาคนึก นึก แล้วก็นึก
เขาจำชื่อเป็นหนึ่งได้...คนแปลกๆที่แวะมาบ้านเขาทุกวันเกือบสองสัปดาห์ แวะมาแค่ 5 นาที เพื่อถามเขาว่า ‘จำชื่อเราได้รึเปล่า?’
คิ้วเรียวขมวดมุ่นอยู่สักพักก็คลายออก เสมอภาคหวนนึกไปถึงคำพูดในห้องเรียนพิเศษ นึกถึงภาพเด็กหนุ่มหน้าตาดีใส่แว่นที่ส่งสมุดจดคืนเขาหลังจากยึดไปครองเกือบชั่วโมง
‘เบอร์โทรกับอีเมล์เราไง’
เด็กหนุ่มนึกไปถึงวันที่ได้เพื่อนใหม่...
‘...เราชื่อเป็นหนึ่ง...’
‘...เราอยากเป็นเพื่อนกับนายนะ...’
...เป็นหนึ่งคือเพื่อนใหม่ของเขา...
เสมอภาคคว้าหูโทรศัพท์ขึ้น ล้วงกระเป๋าหยอดเหรียญลงในตู้โทรศัพท์ ตั้งใจจะโทรเรียกเพื่อนใหม่ ตั้งใจจะขอร้องให้มารับเขาที่นี่ นิ้วเรียวกดแป้นตัวเลขไปได้หกตัว พลันหยุดชะงักอยู่กับที่
...ถ้าเขาขอให้เป็นหนึ่งมารับ เป็นหนึ่งจะยอมตากฝนมารับเขาเหรอ?...
...แล้วถ้าเป็นหนึ่งยอมตากฝนมารับเขา เป็นหนึ่งก็ต้องเปียก ต้องลำบากเพราะเขา อย่างนี้ดีแล้วเหรอ?...
...แต่ถ้ากลับบ้านหลังฝนตก เสื้อก็จะไม่แห้ง ไปเรียนพรุ่งนี้ไม่ได้ เมย์กับจูนก็จะเป็นห่วงเขา เมย์กับจูนจะลำบากเพราะเขา...
ยังแก้สมการไม่ออกดี ประตูตู้โทรศัพท์สาธารณะก็พลันเปิดออกแรง ลมกระโชกเข้ามาด้านใน เป็นเวลาเดียวกับที่แขนบางถูกกระชากให้ออกวิ่งไปด้านนอก เข้าไปยังรถยุโรปสีดำขลับที่จอดอยู่ใกล้ๆ
...
...
“หนาวรึเปล่า?” เป็นหนึ่งคว้าผ้าขนหนูที่คนขับรถส่งมาให้ เช็ดใบหน้าขาวซีดอย่างเป็นห่วง มองเสมอภาคที่นั่งปากสั่นอย่างไม่สบายใจ
“น...นิดหน่อย” เสมอภาคพูดพลางทำท่าจะเปิดประตูรถออกไปข้างนอกอีกรอบ จนเป็นหนึ่งต้องจับให้หยุดเอาไว้
“จะออกไปอีกทำไม ข้างนอกฝนตก” ร่างสูงดุพลางส่งสัญญาณให้คนขับรถออกรถทันที
“ตัวเราเปียก เดี๋ยวจะทำรถนายเปียก” เสมอภาคพูดอย่างไม่สบายใจ นั่งบนเบาะรถยนต์เพียงแค่หมิ่นเหม่ แล้วก็ต้องอุทานออกมาคำหนึ่งเมื่อโดนมือใหญ่ทั้งสองข้างผลักให้นั่งพิงพนักอย่างเต็มหลัง
“รถเปียกเช็ดแป๊บเดียวก็หาย นายเป็นหวัดกี่วันกว่าจะหายล่ะ?” น้ำเสียงราวกับกำลังดุน้องน้อยอยู่ก็ไม่ปาน พลางเป็นหนึ่งก็เหลือบไปเจอสมุดจดที่โชว์เบอร์โทรมือถือตัวเองหราอยู่ในมือเสมอภาค “แล้วทำไมไม่โทรเรียกให้มารับ?”
เสมอภาคอ้อมแอ้ม “เรา...เรากลัวจะรบกวนนาย”
แล้วบ่าที่สั่นเทาก็ถูกร่างสูงรวบกอดไว้ ส่งถ่ายความอบอุ่นถึงกันและกัน เสมอภาคได้ยินเสียงกระซิบอยู่ข้างๆหู “ไม่รบกวนกันจะเรียกว่าเพื่อนได้ยังไง เราเคยบอกแล้ว ว่าเราอยากเป็นเพื่อนกับนาย”
ร่างบางอึกอักพูดอะไรไม่ออก...เขาก็ยังคงไม่กล้าคิดรบกวนใครอยู่ดี...
+++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อรถแล่นมาจอดถึงหน้าบ้านได้ เด็กหนุ่มทั้งสองก็รีบกางร่ม วิ่งเข้าตัวบ้านทันที สิ่งแรกที่เสมอภาคทำหลังจากเข้ามาในบ้านได้ก็คือ เก็บเสื้อผ้าที่ตากไว้เข้ามาแขวนในบ้าน เปิดพัดลมให้แรงที่สุดเพื่อเป่าให้แห้ง หลังจากนั้นเด็กหนุ่มก็วิ่งเข้าห้องนอน ค้นผ้าขนหนูในตู้ วิ่งกลับลงมายื่นให้เพื่อนใหม่ที่ยืนรออยู่ด้านล่าง
“จริงสิ...ต้องเอาเสื้อมาให้เปลี่ยนด้วย” เสมอภาคนึกขึ้นได้ กำลังจะวิ่งขึ้นห้องอีกครั้ง มือก็ถูกฉุดรั้งเอาไว้ซะก่อน
“นายน่าจะต้องเปลี่ยนเสื้อก่อน” เป็นหนึ่งมองสภาพเปียกมะล่อกมะแล่กของเสมอภาคอย่างเป็นห่วง พยายามเบนสายตาจากสีเนื้ออ่อนๆที่เสื้อนักเรียนเปียกๆไม่สามารถบดบังได้
“แต่นายก็เปียก” เสมอภาคขมวดคิ้ว ยังไม่ทันได้เถียงต่อ ก็ถูกลากเข้าห้องน้ำเสียก่อน น้ำอุ่นจัดเปิดรดลงบนตัว เสื้อนักเรียนถูกถอดออกอย่างรวดเร็ว เมื่อปาดน้ำออกจากตาได้ ก็พบว่าอยู่คนเดียวในห้องอาบน้ำแล้ว
...
...
“เฮ้อ!” เป็นหนึ่งยืนถอนหายใจ หลับตาพิงประตูห้องน้ำ พลางบอกตัวเองว่า...อดทนไว้ อดทนไว้
ความสัมพันธ์ที่เร็วเกินไปจะไม่มั่นคง พังทลายลงได้ง่ายดาย เป็นหนึ่งรู้ดี เขาไม่คิดจะเร่งเร้าเสมอภาค เขาตั้งใจจะเริ่มจากความเป็นเพื่อน ความไว้ใจ ความเชื่อมั่นกันเสียก่อน...ความเป็นผู้ใหญ่ในตัวเขาบอกไว้อย่างนี้...
แต่ความเป็นเด็กหนุ่มคึกคะนอง ความโลดโผน สัญชาติญาณมันกลับเร่งเร้าให้ทำอีกอย่างหนึ่ง เมื่อได้เห็นผิวสีขาวๆ บ่าบางที่สั่นน้อยๆ กับดวงตากลมโตที่มองเขาอย่างไร้ความเคลือบแคลงสงสัย
“อดทน อดทน”
เป็นหนี่งบอกกับตัวเองอย่างนั้นซ้ำๆ...
+++++++++++++++++++++++++++++++++++
เมื่อเสมอภาคอาบน้ำแต่งตัวจนเสร็จเรียบร้อยแล้ว สิ่งที่เขาสามารถทำให้เพื่อนได้คือการจัดเสื้อผ้าชุดใหม่วางไว้หน้าห้องน้ำระหว่างที่เป็นหนึ่งเข้าไปอาบน้ำ ต้มน้ำร้อนเพื่อชงเป็นเครื่องดื่มให้ความอบอุ่นแก่ตัวเองและผู้เป็นเพื่อน
...เพื่อน...
เสมอภาคมองเหม่อ หวนนึกถึงสิ่งที่เมย์กับจูนคอยพร่ำพูดให้เขาเข้าใจ
‘เพื่อนกันน่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายให้ฝ่ายเดียว’ เมย์กอดอกหลับตา พูดเออออกับตัวเอง
‘ใช่...เพื่อนกันเค้าไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยหรอก ว่าอีกฝ่ายจะต้องลำบากอย่างงู้นอย่างงี้’ จูนพยักหน้ารับเป็นลูกคู่
‘ฟังนะภาค ที่พวกเราอยากจะบอกก็คือ นายน่ะ หัดลดความเกรงใจลงซะบ้างได้มั้ยยะ?’
เสมอภาคฟังข้อความทำนองนี้มาหลายครั้ง แต่ก็ไม่เคยเอามาคิดจริงจังเสียที
เขายังจำได้ สมัยเด็กๆ เด็กหญิงทั้งสองต้องทะเลาะต่อยตีกับเพื่อนผู้ชายในห้อง เพียงเพราะเขาเป็นต้นเหตุ คุณแม่ของเมย์กับจูนต้องแวะพาเขามาส่งที่บ้านทุกเย็น เพราะพ่องานยุ่งจนไม่มีเวลาออกมารับลูกชาย เสมอภาครู้สึกดีใจที่มีทั้งสองเป็นเพื่อนสนิท...แต่...“...แค่เป็นเพื่อนกับเรา ก็ลำบากแล้ว” ร่างบางพึมพำออกมาเบาๆ
ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงอ้อมแขนอบอุ่นที่กอดเขาซ้อนจากด้านหลัง เสียงทุ้มนุ่มของเพื่อนใหม่ดังขึ้นเบาๆข้างหู “ไม่ลำบากเพราะเพื่อน จะให้ไปลำบากเพราะใครกันล่ะ?”
“แต่ว่า...”
“นายน่ะ เกรงใจคนอื่นมากเกินไป คิดถึงแต่คนอื่นมากเกินไป...” มือใหญ่พลิกตัวร่างบางให้หันกลับมาเผชิญหน้า เชิดคางอีกฝ่ายให้มองลึกเข้าไปในนัยตากันและกัน “...คิดถึงตัวเองน้อยเกินไป...”
เสมอภาคอึกอัก เขาไม่รู้จะตอบอย่างไรดี เขาเป็นอย่างนี้มานานแล้วนี่นา
พลันไฟเพดานที่เปิดอยู่ก็กระพริบสองสามที ก่อนจะดับลงพร้อมกับเสียงฟ้าลั่นครืนคราน
ตั้งแต่เด็กมา เสมอภาคแพ้มาแล้วหลายอย่าง และสิ่งที่เด็กหนุ่มแพ้อย่างยิ่งยวดก็คือ ความมืด
เขาจำไม่ได้หรอกว่าทำไมถึงกลัว...อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเคยถูกทิ้งอยู่บ้านคนเดียวในความมืดมาก่อนตอนเด็กๆก็เป็นได้...อาจจะเป็นเพราะว่าความมืดทำให้รู้สึกไม่ปลอดภัยก็เป็นได้ เขารู้แต่ว่า ตั้งแต่จำความได้ เขาก็นอนท่ามกลางแสงสว่างของไฟดวงน้อยข้างเตียงนอนเสมอมา ทุกที่ที่เขาอยู่จะไม่มีความมืด...หรือหากมีความมืด ก็จะมีคนอยู่ข้างเขาตลอดเวลา...
เสมอภาคเงยหน้าหันมองรอบห้อง ทุกอย่างดำทะมึน เห็นเพียงเครื่องเรือนสะท้อนแสงฟ้าแล่บชั่วแวบเดียวเท่านั้น
...ถ้าเป็นหนึ่งกลับไปตอนนี้...
...ถ้าเขาอยู่คนเดียวตอนนี้...
เด็กหนุ่มส่ายหน้าให้ตัวเอง...เป็นหนึ่งจะมาอยู่ในที่มืดๆ จะมาลำบากเพราะเขาได้อย่างไร...
...
.....
‘เพื่อนกันน่ะ ไม่ใช่ว่าเราจะต้องเป็นฝ่ายให้ฝ่ายเดียว’
‘เพื่อนกันเค้าไม่มานั่งคิดเล็กคิดน้อยหรอก ว่าอีกฝ่ายจะต้องลำบากอย่างงู้นอย่างงี้’
‘ไม่ลำบากเพราะเพื่อน จะให้ไปลำบากเพราะใครกันล่ะ?’
...เขารบกวนได้จริงๆเหรอ...เพื่อนที่กอดเขาอยู่ตอนนี้จะยอมลำบากเพื่อเขาเหรอ?...
เสมอภาคเงยหน้าขึ้น เพ่งตามองหน้าเพื่อนใหม่ มองยังไงก็มองไม่เห็น พลันก็ต้องหลับตาปี๋ รู้สึกถึงแรงบี้เบาๆที่จมูกของตัวเอง กับเสียงถามอย่างสบายใจของเป็นหนึ่ง
“อยากพูดอะไรรึเปล่า?”
...เขารบกวนได้ใช่มั้ย?...
บรรยากาศเงียบเชียบไปนานพอควร ก่อนที่เสมอภาคจะถามอย่างไม่มั่นใจ
“...คืนนี้...อยู่กับเราได้มั้ย?...”
อ้อมแขนที่กอดเขาอยู่แน่นกระชับกว่าเดิม ได้ยินเสียงหัวเราะขำๆ...เสมอภาคไม่เข้าใจว่าเป็นหนึ่งขำอะไร แต่สิ่งที่ทำให้เขาสบายใจคือคำตอบที่ตามมาต่างหาก
เป็นหนึ่งตอบเบาๆ
“...ด้วยความยินดี...”
...
...
...แล้วนี่ก็เป็นครั้งแรกที่เสมอภาคกล้ารบกวนคนอื่น...
...และเป็นครั้งแรกที่ใครสักคน กล้ารบกวนเป็นหนึ่ง... ++++++++++++++++++++++++++++++++++++
TBC