"รถไฟสายความทรงจำ" -
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: "รถไฟสายความทรงจำ" -  (อ่าน 62294 ครั้ง)

zatoru

  • บุคคลทั่วไป
"รถไฟสายความทรงจำ" -
« เมื่อ06-08-2007 22:12:01 »

  ขอขอบพระคุณท่านผู้อ่านทุกท่านนะครับ ที่ชื่นชอบเรื่องเล่าสบาย ๆ ของผู้ชายสองคนในคืนวันศุกร์
ความจริงชื่อเดิมของเรื่องมีชื่อว่า "Friday Night" แต่ขอคุณพี่โจ้มากที่เปลี่ยนชื่อให้น่าดึงดูดความสนใจขึ้น
และเพราะกำลังใจจากผู้อ่าน ผมจึงเขียนเรื่องยาวขึ้นมาเรื่องหนึ่งชื่อเรื่องว่า "รถไฟสายความทรงจำ"
ซึ่งพี่โจ้จะเป็นผู้เอามาโพสทุกตอนเหมือนเดิมนะครับ ส่วนผมมาตั้งกระทู้เพื่อเขียนบทนำของเรื่อง
ป.ล. ขอให้ติดตามอ่านกันอีกนะครับผม ขอบพระคุณอีกครั้ง




                    เราทุกคนมีความทรงจำ
                    ...บางความทรงจำมีรอยยิ้ม
                    ...บางความทรงจำมีหยดน้ำตา
                    ...และบางความทรงจำมีความรัก

                    รถไฟสายความทรงจำกำลังจะพาชายสองคนเดินทางกลับไปสู่วันวานของกาลเวลาที่มีกลิ่นไอของความผูกพัน
สถานีที่รอคอยอยู่ข้างหน้ามีเรื่องราวบางตอนที่ขาดหายไปจากความทรงจำของเขาทั้งสองคน              
นอกหน้าต่างของรถไฟกำลังเปลี่ยนจากสีสันสดใสให้กลายเป็นภาพสีน้ำตาลที่มีปลวกกัดกิน
และปลายทางของสถานีรถไฟสายความทรงจำ ชายสองคนจะพบกับคำว่าความรักหรือไหม?
                    รถไฟสายความทรงจำจะทำให้ผู้อ่านได้รู้จักคำว่า "เพื่อน" "ความผูกพัน" และ "สมการความรักที่ไม่มีตัวแปรเพศ"

                    
zatoru
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 20:16:49 โดย THIP »

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #1 เมื่อ06-08-2007 22:18:58 »

คำนำคนโพสท์

เส้นทางรถไฟสายความทรงจำเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่สองของแซม ต่อจากเรื่องแรก เรื่องเล่าสบายๆ ของผู้ชายสองคน - คืนวันศุกร์ สำหรับผู้อ่านทุกท่านที่ได้อ่านเรื่องแรกมาแล้ว คงได้รู้ถึงความสามารถของแซมในการแต่งเติมเรื่องราวอันเรียบง่าย ให้มีบรรยากาศที่อบอุ่น แฝงไปด้วยความเหงาเล็กๆ แต่ไม่เศร้ามากนัก เนื่องจากทั้งจีนและรวมทั้งแซมเองเป็นคนมองโลกในแง่ดีเสมอ

การกลับมาในครั้งนี้แซมจะนำพาเรามาพบกับบรรยากาศในรูปแบบใดอีก เรามาติดตามไปพร้อมๆ กันในวันพรุ่งนี้นะครับ


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 07-08-2007 12:49:05 โดย จิงโจ้น้อยชิวๆ »

abcd

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #2 เมื่อ06-08-2007 22:26:52 »

มาแปะชื่อเปงกำลังจายให้เหมือนกันจ้า  :a2:  (เรื่องเก่าก็ยังอ่านมะจบ คิคิ   :m23: )

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #3 เมื่อ06-08-2007 22:52:53 »

 :impress:

มาบวกให้จ้า สำหรับการสรรหาเรื่องดี ๆ มาให้อ่านกัน

รออ่านอย่างใจจดจ่อน๊า....

 o15

ออฟไลน์ ronger

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 599
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-1
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #4 เมื่อ07-08-2007 11:55:54 »

มาลงชื่อให้กำลังใจกะมารออ่านจ้า  :a11:

ให้ คนเขียน กะคนโหวต คนละ 1+ ไปเล้ย  :a2:

ออฟไลน์ Junrai_Hyper™

  • พูห์น้อยกลอยใจ
  • Global Moderator
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4842
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +777/-50
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #5 เมื่อ07-08-2007 15:57:48 »

เรื่องใหม่

เป็นกำลังใจให้ทั้งคนแต่งคนโพสต์ครับ

 :a1:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #6 เมื่อ07-08-2007 17:03:10 »


.........มารออ่านต่อแล้วคราบ......... o13 o13

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #7 เมื่อ07-08-2007 19:35:05 »

มารอจ้า  :a1:  :a1:  :a1:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: เรื่องยาว "รถไฟสายความทรงจำ"
«ตอบ #8 เมื่อ07-08-2007 19:48:00 »

มารออ่านจ้า

เปงกำลังใจให้น๊า ทั้งโจ้และคนแต่ง  :m3:  :m3:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 1 ขบวนรถไฟ


                ณ. หัวลำโพง กรุงเทพ

                ต่อศักดิ์นั่งมองนาฬิกาข้อมือสลับกับตั๋วรถไฟในมืออย่างกระวนกระวายใจ ข้างลำตัวมีกระเป๋าเดินทางสีดำขนาดใหญ่ เขายกมือขึ้นมาลูบปลายคางด้วยความเคยชิน สักพักเสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว เขาหยิบมันออกมาจากกระเป๋ากางเกงแล้วกดรับสาย

                “สวัสดีครับ” ต่อศักดิ์กล่าวทักทาย

                “พี่ต่อ จะมาถึงพรุ่งนี้เช้าใช่ไหม” น้องชายของเขาถามขึ้น

                “ใช่ๆ” ต่อศักดิ์พูดพร้อมพยักหน้าอย่างลืมตัว

                “ให้ไปรับที่สถานีหรือเปล่า”

                “ไม่ต้องหรอกน่า แกต้องเตรียมตัวไม่ใช่เหรอ”

                “แต่งานแต่งเริ่มตอนเย็นนะพี่” น้องชายพูดเสียงประชดประชันเล็กน้อย

                “เอาน่า พี่กลับบ้านของตัวเองถูกน่า”

                “ถ้าอย่างนั้น ผมไม่ขัดใจพี่แล้วนะ”

                “โอเค”

                “เดินทางปลอดภัยนะครับผม” เขากดปุ่มวางสายทันทีที่น้องชายพูดจบ

                เป็นเวลานานกว่าหกปีแล้วที่เขาไม่ได้กลับไปเยี่ยมบ้านเกิดเลยตั้งแต่สมัครเข้าทำงานที่บริษัท เนื่องจากต้องทำงานหนักเสมอจนแทบไม่มีเวลาว่างเลย จนกระทั่งสองสัปดาห์ก่อนน้องชายของเขาโทรศัพท์มาบอกว่ากำลังจะแต่งงาน เขาจึงต้องรีบลางานอย่างกระทันหันเพื่อเดินทางกลับไปร่วมงานแต่งงานที่บ้านเกิด

                ปรกติต่อศักดิ์มักเลือกการเดินทางด้วยรถไฟเสมอ เพราะเขาคิดว่าเป็นการเดินทางที่ปลอดภัยที่สุด

                “รถไฟสายเหนือ กรุงเทพ-เชียงใหม่ ขบวนที่ 1 เวลา 18.00 น. เชิญที่ชานชาลาที่ 3 ค่ะ” เสียงประกาศดังก้องไปทั่วหัวลำโพง

                ต่อศักดิ์มองตั๋วรถไฟในมืออีกครั้ง เป็นขบวนเดียวกันกับที่ประกาศเมื่อสักครู่ เขาลุกขึ้นยืนถือกระเป๋าเดินทาง แล้วเดินตรงไปชานชาลาที่สามอย่างรวดเร็ว

                ตรงชานชาลาดังกล่าว รถไฟขบวนที่หนึ่งจอดอยู่อย่างสงบนิ่ง ด้านข้างเขียนว่า กรุงเทพ-เชียงใหม่  เขาเดินไปบนรถไฟขบวนนั้น มีผู้โดยสารอยู่อย่างประปราย อาจเพราะเป็นวันธรรมดาจึงไม่ค่อยมีใครเดินทางไปต่างจังหวัด เขาคิด

                ขบวนของเขาเป็นตู้นอนปรับอากาศ แต่ในขณะนี้ที่นั่งยังคงเป็นเก้าอี้ยาวสองฝั่งหันหน้าเข้าหากัน คงรู้สึกอึดอัดแน่ถ้าต้องนั่งร่วมทางไปกับคนแปลกหน้า ต่อศักดิ์ส่ายหน้าสลัดความคิดให้ออกไปจากหัวแล้วนั่งลงตรงฝั่งที่ต้องนอนด้านล่าง หากอีกฝั่งไม่มีใครนั่งคงให้ความรู้สึกดีไม่น้อย

                ด้านนอกฝนตกอย่างหนัก คงมีพายุเข้ากระมัง

                ต่อศักดิ์หยิบหนังสือนิยายเล่มหนาออกมาจากกระเป๋าเดินทาง หนังสือนิยายกลายเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเขาเมื่อต้องออกเดินทางไกลเสียแล้ว แม้ว่าบางครั้งเขาไม่คิดอยากอ่านแต่ก็ต้องซื้อติดกระเป๋าเอาไว้ด้วยความเคยชิน

                เขาเปิดหน้าคำนำแล้วกวาดสายตาอ่านไปทีละบรรทัดอย่างรวดเร็ว ในขณะเดียวกันชายคนหนึ่งเดินมานั่งตรงหน้าเขา ต่อศักดิ์คิดว่าเป็นโชคไม่ดีเสียแล้วที่ได้นั่งร่วมกับคนแปลกหน้า แต่ไม่ได้ใส่ใจจึงไม่เงยหน้ามองชายคนนั้น ซึ่งอีกฝ่ายคงคิดเช่นนั้นเหมือนกันจึงเอาแต่มองออกไปนอกหน้าต่าง

                เสียงเพลงเล็ดลอดออกมาจากหูฟังของชายคนนั้นจนทำให้ต่อศักดิ์รู้สึกรำคาญ

                “ไอ้ต่อ” ชายคนนั้นทักขึ้น ต่อศักดิ์ตกใจเพราะไม่คาดคิดมาก่อนว่าจะถูกอีกฝ่ายทัก เขาเงยหน้าไปมองชายที่นั่งตรงหน้า

                ชายคนนั้นรูปร่างสูงใหญ่ สวมเสื้อโปโลมีลายแนวนอนสีฟ้าสลับกับขาว สวมแว่นตา ผมสั้น ยิ้มจนเห็นเขี้ยวหมาทั้งสองข้าง ผิวคล้ำเล็กน้อยจากการตากแดดบ่อย แต่ยังคงดูดีเหมือนกับภาพในความทรงจำของต่อศักดิ์

                “จักรกฤษ” ต่อศักดิ์พูดด้วยเสียงสูง จนเหมือนเป็นคำอุทาน

                “ไม่น่าเชื่อเลยว่าจะเจอกันอีก” จักรกฤษยิ้ม ถอดหูฟังออกจากหูทั้งสองข้าง

                “ไม่ได้เจอกันตั้งนานเลย” ต่อศักดิ์ปิดหนังสือนิยายเล่นหนา น้ำเสียงแสดงออกถึงความตื่นเต้นจนเก็บเอาไว้ไม่อยู่

                ทั้งสองคนสบตากันอยู่สักพักหนึ่ง

                “กลับบ้านที่ลำพูนเหรอ” จักรกฤษถาม

                “ใช่ แล้วนายละ” ต่อศักดิ์ย้อนถาม

                “เหมือนกัน”

                การเดินทางกลับบ้านครั้งนี้คงใช้เวลานานกว่าที่ต่อศักดิ์คาดคิดเอาไว้อย่างแน่นอน ภาพสีน้ำตาลของวันวานย้อนกลับมาในหัวสมองของเขาอีกครั้งหนึ่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เป็นกำลังใจให้ครับ

รออ่านต่อไปนะครับ

 o15

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

.........วันวารของความทรงจำ.......... :m13: :m13:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
หุ หุ อดีตรักวันวานแน่ๆเลย  :m13:

มาลงชื่ออ่านต่อคับ  :a2:


ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ รักครั้งเก่า  :a4:  :a4:  :a4:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 2 จับสลาก

               จังหวัดลำพูนเป็นจังหวัดขนาดเล็กทางภาคเหนือตอนบนของประเทศไทย ผู้สูงอายุหลายคนมักกล่าวว่าเป็นจังหวัดพี่น้องกับจังหวัดเชียงใหม่ แต่ต่อศักดิ์ไม่ค่อยรู้ที่มาของคำกล่าวนี้สักเท่าไหร่

                ภายในตัวจังหวัดสงบเงียบราวกับเป็นเมืองวัฒนธรรม เนื่องจากวิถีชาวบ้านไม่นิยมการสร้างตึกอาคารที่สูงกว่าพระธาตุหริกุญชัย

                บ้านของต่อศักดิ์อยู่ในเขตอำเภอเมือง แถวถนนสนามกีฬา

                เมื่อครั้งที่ต่อศักดิ์เรียนจบระดับชั้นประถมศึกษาปีที่หก พ่อแม่ของต่อศักดิ์ต้องการให้เขาไปเรียนต่อมัธยมต้นที่จังหวัดเชียงใหม่ ต่างจากผู้ปกครองหลายคนที่อยากให้ลูกหลานได้เข้าเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัด เพราะง่ายสำหรับการเดินทาง

                ในสมัยนั้นโรงเรียนประจำจังหวัดยังคงแยกนักเรียนชายหญิงในระดับชั้นมัธยมต้น แน่นอนว่าต่อศักดิ์สนใจโรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัดมากกว่าการเข้าเรียนต่อในโรงเรียนที่จังหวัดเชียงใหม่ เนื่องจากเพื่อนสมัยเรียนชั้นประถมศึกษาของเขาส่วนใหญ่ต่างเข้าเรียนต่อในโรงเรียนประจำจังหวัดกันทั้งนั้น

                ทุกครั้งที่แม่ของเขาพาไปสอบเข้าโรงเรียนหลายแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ เขามักสอบแบบขอไปที โดยไม่เคยคาดหวังอะไรเลยแม้แต่น้อย
                ในตอนเช้าของวันจับสลากเข้าโรงเรียนชายล้วนประจำจังหวัด ต่อศักดิ์รู้สึกตื่นเต้นกว่าการสอบเข้าโรงเรียนที่จังหวัดเชียงใหม่หลายเท่านัก

                “ลองจับสลากที่โรงเรียนนี้ก่อนก็แล้วกัน” แม่ของเขาพูดขณะกำลังจะออกจากบ้าน

                “มีเอาไว้ให้อุ่นใจว่ามีที่เรียนนะ” พ่อของเขาพูดเสริม

 

                เวลาแปดโมงเช้าต่อศักดิ์เข้าแถวเคารพธงชาติอยู่ในสนามหน้าโรงเรียนพร้อมกับนักเรียนชายอีกหลายคนที่เขาไม่เคยคุ้นหน้ามาก่อน

                “นาย นาย” เสียงเรียกมาจากด้านหลังของเขา ต่อศักดิ์หันหลังไปมอง ทว่านักเรียนชายคนนั้นไม่ได้เรียกเขา

                “อะไรวะ” นักเรียนชายที่ยืนอีกแถวหนึ่งหันหน้าไปตอบ ใส่อารมณ์ในน้ำเสียง

                “เขาว่าปีนี้คัดออกยี่สิบคนใช่ไหม?”

                “ประมาณนั้นแหละ” ต่อศักดิ์เงี่ยหูฟัง

            หลังจากเคารพธงชาติเสร็จ อาจารย์ให้นักเรียนเดินเรียงแถวเข้าไปนั่งในโรงอาหารเพื่อทำการจับสลาก นักเรียนบางคนมีสีหน้าไม่สู้ดีนัก อาจเป็นเพราะความตื่นเต้นกระมัง

เวลาผ่านไปไม่ถึงยี่สิบนาที นักเรียนทุกคนนั่งอยู่ในโรงอาหารอย่างระเบียบเรียบร้อย

                ต่อศักดิ์มองไปบนเวทีด้วยความอยากรู้อยากเห็นเหมือนนักเรียนคนอื่น ตรงกลางเวทีมีกล่องสีเหลี่ยมทำจากพลาสติกใส ข้างในบรรจุม้วนกระดาษจำนวนมาก

                “นักเรียนจะต้องขึ้นมาจับสลากตรงนี้ แล้วเดินไปพูดที่ไมโครโฟนว่าได้หรือไม่ได้ เข้าใจไหมครับ” อาจารย์ผู้ชายใส่น้ำมันบนหัว หน้าตาดุดันพูดเสียงดัง นักเรียนหลายคนพยักหน้าอย่างไม่มั่นใจ โดยไม่มีการส่งเสียงตอบรับ เพราะไม่แน่ใจว่าเป็นคำถามที่ต้องตอบหรือเปล่า

                “เริ่มจากนักเรียนคนที่หนึ่ง” อาจารย์พูดอีกครั้งแล้วเดินลงเวทีไป นักเรียนคนหนึ่งเดินห่อตัวขึ้นไปบนเวที มีสีหน้าวิตกกังวลอย่างเห็นได้ชัดเจน หลังจากใช้มือล้วงเข้าไปจับม้วนกระดาษออกมาจากกล่องก็เดินตรงไปที่ไมโครโฟน เขายื่นม้วนกระดาษให้อาจารย์ผู้หญิงท่าทางใจดี เธอครี่ม้วนกระดาษแล้วเพ่งมองก่อนจะยื่นกลับไปให้เขาดู

                “ไม่ได้ครับ” นักเรียนคนนั้นหน้าถอดสี เสียงซุบซิบนินทาดังก้องไปทั่วโรงอาหาร

                “นายชื่ออะไร” นักเรียนชายคนที่นั่งข้างต่อศักดิ์ถาม

                “ต่อศักดิ์”

                “เราจักรกฤษนะ” เขายกนิ้วหัวแม่มือขึ้นชี้หน้าอกของตัวเอง

                “ยินดีที่ได้รู้จัก” ต่อศักดิ์พูด

                “ถ้าเราสองคนจับสลากได้เข้าเรียน รหัสนักเรียนของเราจะต่อกัน นายรู้ไหม”

                “ไม่แน่ใจว่ารู้หรือเปล่า” ต่อพงค์ขมวดคิ้ว พลางครุ่นคิด

                “ยังไงก็ยินดีที่ได้รู้จักนะ ถ้าเราได้เรียนด้วยกัน” จักรกฤษพูดพร้อมกับส่งยิ้มให้

 

                “จำไม่ได้เลยว่าเคยพูดอะไรทำนอนนั้น” จักรกฤษพูดเสียงดังแข่งกับเสียงสายฝนกระทบหน้าต่างรถไฟ

                “นายขี้ลืมจริงๆ” ต่อศักดิ์ค้อนใส่

                จู่ ๆ รถไฟเริ่มชะลอความเร็วลงจนจอดสนิททั้งที่ไม่ใช่สถานีรถไฟ ต่อศักดิ์หันหน้าออกไปมองข้างนอกหน้าต่างแต่ไม่ช่วยอะไรเลย เพราะด้านนอกมืดมิดจนไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดได้เลย

                “รอรถไฟที่กำลังจะสวนทางมาหรือเปล่า แบบว่าไม่ให้รถไฟชนกัน” จักรกฤษพูดพร้อมยกมือสองข้างขึ้นมาชนกัน

                “อาจจะเป็นอย่างนั้น”

                “เล่าต่อสิว่าเกิดอะไรขึ้น” จักรกฤษเอนตัวมาข้างหน้า

 

                “ได้ครับ” นักเรียนคนหนึ่งพูดแล้วเดินลงเวทีไป อาจารย์ผู้ชายมีรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้า ท่าทางน่ากลัว เดินขึ้นไปบนเวที นักเรียนที่กำลังก้าวเท้าขึ้นบันไดไปบนเวที นึกว่าตัวเองทำผิดจึงหยุดยืนอยู่ตรงขั้นบันได แต่อาจารย์คนดังกล่าวไม่ได้สนใจนักเรียนคนนั้นเลยแม้แต่น้อย

                อาจารย์เดินไปยกกล่องพลาสติกขึ้นมาเขย่าสองสามครั้งแล้วเดินลงเวทีไป นักเรียนคนนั้นถอนหายใจแล้วเดินขึ้นเวทีไปหยิบม้วนกระดาษออกมาจากกล่องพลาสติก เมื่ออาจารย์ผู้หญิงครี่กระดาษแล้วยื่นกลับให้เขา นักเรียนทั้งห้องสังเกตว่านักเรียนคนนั้นหน้าเสียทันที

                “ไม่ได้ครับ” นักเรียนคนนั้นพูด ด้านล่างส่งเสียงซุบซิบกันอีกครั้ง

                “ออกไปสองใบแล้ว” จักรกฤษหันมาบอกต่อศักดิ์

                “อืม ทั้งหมดมีกี่ใบนะ” ต่อศักดิ์ถาม

                “สิบเอ็ด”

                “เรานึกว่ามียี่สิบเสียอีก” ต่อศักดิ์นิ่วหน้า ยกมือขึ้นลูบปลายคางอย่างสงสัย

                “อาจารย์ประกาศหน้าเสาธงก่อนเข้าแถวเคารพธงชาติ นายไม่ได้ยินเหรอ”

                “อ๋อ” ต่อศักดิ์หันหน้าไปมองเหตุการณ์บนเวทีต่อ

 

                “ขอโทษนะคะ ดินถล่มปิดรางรถไฟ จึงทำให้ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้ ดังนั้นเราต้องย้อนกลับไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุดก่อนนะคะ” พนักงานหญิงส่งเสียงดัง

                “เสียเวลาซะแล้วสิ” ต่อศักดิ์พูดด้วยน้ำเสียงเบื่อหน่าย

                “เอาน่า ไม่เป็นไรหรอก” จักรกฤษยกมือมาจับไหล่ของต่อศักดิ์อย่างอ่อนโยน

 

                “ถึงตานายแล้ว” จักรกฤษยกมือมาจับไหล่ของต่อศักดิ์ ต่อศักดิ์พยักหน้าแล้วลุกขึ้นยืน ก้าวเท้าเดินตรงไปที่หน้าเวที เขาเดินขึ้นบันไดอย่างระมัดระวัง เมื่อพ้นบันไดขั้นสุดท้ายเขารู้สึกว่าใบหน้าร้อนผ่าว เพราะถูกสายตานับร้อยคู่จ้องมองมาที่เขาเพียงคนเดียว ขณะที่ล้วงมือเข้าไปในกล่องพลาสติกเขาภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายที่มีบนโลก โปรดจงช่วยให้เขาได้เข้าเรียนที่นี่ด้วยเถิด

                เหงื่อเม็ดหนึ่งใหลผ่านกลางหลังจนรู้สึกได้ถึงความกดดัน

                ต่อศักดิ์จับม้วนกระดาษขึ้นมาใบหนึ่ง เดินไปยื่นให้อาจารย์ เธอครี่กระดาษมองตัวอักษรสีน้ำเงินเข้มตรงกลางกระดาษแล้วยื่นกลับมาให้เขา เขาก้มลงมองกระดาษแผ่นนั้นทันที

                “ได้ครับ” ต่อศักดิ์พูดออกไมโครโฟน เขายิ้มอย่างมีความสุขแล้วเดินลงเวทีไป ทันได้เห็นจักรกฤษเดินขึ้นมาบนเวทีต่อจากเขา

                “ได้ครับ” เสียงของจักรกฤษดังผ่านไมโครโฟน ขณะที่ต่อศักดิ์นั่งลงบนเก้าอี้ตัวเดิม

                เมื่อจักรกฤษเดินลงมาจากเวที เขาเดินอย่างรวดเร็วจนเหมือนเป็นการวิ่งเสียมากกว่า

                “เราสองคนเป็นเพื่อนกันนะ” จักรกฤษพูดขณะนั่งลงบนเก้าอี้ ต่อศักดิ์พยักหน้า ทั้งคู่หันหน้ามายิ้มให้กัน

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
รออ่านตอนต่อไป  :a1:  :a1:  :a1:

ออฟไลน์ ~ScAreD:SAcreD~

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1811
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +264/-2
รอเหมียนกัน  :a3: รถไฟเสียเวลาอย่างงี้ มีเวลาอยู่ด้วยกัน ระลึกความหลังกันอีกนานนนนนน  :m1:

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

ดินถล่ม อิอิ

รออ่านต่อไปครับป๋ม

อิอิ

 :a3:

ออฟไลน์ mist

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4505
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +263/-3
 o15 ก่อนอื่น มายินดีกะเรื่องใหม่ค่า

ว่าแต่จับสลากเข้าโรงเรียนเหรอคะ ดีจัง

 :try2: เรานะไม่เคยมีความทรงจำดี ดี กะการจับสลากเลยอ่ะ  :o11:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

...........รถไฟเสียเวลา..........

..........แต่เวลาที่เสียไปก็ทำหั้ยเรามีความสุขเพิ่มขึ้น........ :m13: :m13:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 3 คาบเรียน

                หลังจากวันจับสลากเข้าโรงเรียน ต่อศักดิ์ต้องไปสอบเข้าโรงเรียนอีกสองแห่งในจังหวัดเชียงใหม่ เขายังคงสอบแบบขอไปทีเหมือนเช่นเคย ซึ่งแน่นอนว่าไม่มีโรงเรียนไหนเลยที่มีชื่อของเขาในวันประกาศผล

                ผ่านไปประมาณครึ่งเดือนโรงเรียนแต่ละแห่งเปิดการเรียนประจำภาคการศึกษาใหม่

                ต่อศักดิ์สวมชุดนักเรียนสีขาว หน้าอกด้านขวาปักชื่อและนามสกุลด้วยด้ายสีน้ำเงิน ใต้ชื่อของเขาปักด้ายสีแดงหนึ่งขีด เพื่อบ่งบอกถึงระดับชั้นการศึกษาและคณะสีที่เขาอยู่ เขาสวมกางเกงนักเรียนสีน้ำตาลยาวถึงหัวเข่า สวมถุงเท้าสีขาวและรองเท้าผ้าใบสีน้ำตาล

                เมื่อเดินเข้าไปในโรงเรียนวันเปิดเรียนวันแรก ต่อศักดิ์รู้สึกโดดเดี่ยวเพราะไม่คุ้นหน้าใครเลยสักคนเดียว

เสียงเพลงมารช์ประจำสถาบันดังขึ้น นักเรียนต่างพากันเดินเข้าไปตั้งแถวในสนามหน้าโรงเรียน ต่อศักดิ์ยืนทำหน้าสับสนเพราะไม่รู้ว่าแถวของตัวเองอยู่ที่ไหน

                “เดินมาทางนี้สิ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้นมาจากด้านหลังของเขา ต่อศักดิ์หันหน้าไปมองจึงรู้ว่าเป็นจักรกฤษนั้นเอง

                “อยู่ห้องเจ็ดใช่ไหม” จักรกฤษถามพร้อมกับจับแขนของต่อศักดิ์ ก้าวเท้าเดินเข้าไปในสนามหน้าโรงเรียน

                “ใช่...ใช่แล้ว” ต่อศักดิ์ตอบ

                “รู้สึกว่านายจะเลขที่ก่อนเรานะ” จักรกฤษพูดเมื่อเดินถึงแถวห้องหนึ่งทับเจ็ด ต่อศักดิ์นึกถึงคำพูดของจักรกฤษในวันจับสลากได้ว่า ถ้าหากเขาทั้งสองได้เข้าเรียนด้วยกันรหัสของเขาทั้งสองคนจะต่อเนื่องกัน ต่อศักดิ์เงยหน้ามองหน้าอกด้านขวาของจักรกฤษ รหัสสี่ตัวแรกของจักรกฤษเป็นเลขเดียวกับของเขา ส่วนตัวสุดท้ายของจักรกฤษเป็นห้า แต่ของเขาเป็นเลขสี่

 

                “ตอนนั้นนายยืนเหม่อลอยเหมือนไม่รู้ว่าต้องไปทางไหน” จักรกฤษพูดพลางหัวเราะขณะที่รถไฟวิ่งถอยหลังกลับไปยังสถานีที่ใกล้ที่สุด ต่อศักดิ์ฟังคำว่านายแล้วรู้สึกแปลกหูยังไงชอบกล

                “คนมันไม่รู้จริงๆนี้น่า” ต่อศักดิ์แก้ตัว

                “จำได้ว่าเราสองคนนั่งโต๊ะติดกันตั้งแต่วันแรกเลยใช่หรือเปล่า” จักรกฤษถาม

                “เพราะว่าห้องเรียนนั้นไม่มีเพื่อนที่มาจากโรงเรียนเก่าของเราเลยสักคน” ต่อศักดิ์ตอบ

                “ไม่ต่างกันหรอก” จักรกฤษยิ้ม

                “แต่ตอนเรียนเราจำไม่ค่อยได้แล้วสิว่าเป็นยังไง” ต่อศักดิ์พูดพลางขมวดคิ้วอย่างใช้ความคิด

                “จำได้ว่าตอนเทอมหนึ่งโรงเรียนเรายังเป็นห้องเรียนประจำ แต่พอหลังจากนั้นก็เปลี่ยนเป็นเดินเรียนจนจบชั้น ม.6 เลย”

                “ใช่ๆ” ต่อศักดิ์พยักหน้า

                “แล้ววิชาภาษาอังกฤษหรือเปล่า ไม่แน่ใจ เราเดินเข้าไปเรียนแต่พี่ชั้น ม.ปลาย ยังทำงานค้างอยู่ เราจำได้ว่านายเดินไปดูพี่พวกนั้นวาดรูปด้วยความสนใจ จากนั้นนายก็ชอบวาดรูป วาดได้แม้กระทั่งตอนเรียนหนังสือ” จักรกฤษเปลี่ยนน้ำเสียงตรงประโยคหลัง เลยฟังเหมือนเป็นการพูดประชดประชัน ต่อศักดิ์หัวเราะออกมาเล็กน้อย

                “จำได้ว่าเราสองคนเลือกวิชาเสรีเหมือนกัน” ต่อศักดิ์พูดขึ้น

                วิชาเสรีเป็นวิชาที่ให้นักเรียนเลือกเรียนได้ตามความชอบหรือความถนัด ซึ่งเป็นหลักสูตรของทางโรงเรียน โดยนักเรียนต้องเลือกสองวิชาในแต่ละเทอม รวมเป็นสี่คาบต่อหนึ่งเทอม นักเรียนหลายคนมักเรียกวิชาเสรีว่าเป็นวิชาเลือก

                “เราเลือกเรียนวิชาเกษตรใช่ไหม?” จักรกฤษเอนตัวมาถามด้วยความสงสัย

                “เหมือนว่าจะใช่นะ เพราะเขาบอกว่าเป็นวิชาที่ง่ายที่สุด เราสองคนเลยตัดสินใจเลือกเรียนดู”

                “แต่มันก็ง่ายจริงๆนะ เพราะตลอดสองชั่วโมงได้แต่นั่งเขียนรายชื่อพืชชนิดต่างๆ บางสัปดาห์อาจารย์สอนแค่ครึ่งชั่วโมงเอง พอจบเทอมก็ได้เกรดสี่อย่างสบายๆ”

                “ถ้าจำไม่ผิด เราสองคนถูกอาจารย์สั่งให้ล้างตู้ปลาเอาคะแนนพิเศษด้วยใช่ไหม” ต่อศักดิ์ยกมือขึ้นลูบปลายคาง

 

                ตารางเรียนวันศุกร์ของเขาทั้งสองมีคาบเรียนเสรีตั้งแต่เช้าจนถึงเที่ยงวัน หลังจากเลิกแถวเคารพธงชาติ เขาสองคนเข้าไปนั่งรอเรียนในห้องเกษตรซึ่งอยู่ด้านข้างของโรงเรียน บริเวณนั้นมีแปลงดอกไม้สีสันสวยงาม

            ห้องเรียนเกษตรเป็นตึกชั้นเดียว ตรงด้านหน้าเป็นห้องพักอาจารย์เกษตร

                เมื่อเห็นว่าไม่มีนักเรียนคนอื่นเข้ามาในห้องเลย เขาสองคนจึงเกิดความสงสัย

                “อาทิตย์ที่แล้วเธอสองคนไม่ได้เข้าเรียนเหรอ” อาจารย์ผู้ชายรูปร่างอ้วน ลงพุง ท่าทางใจดีพูดด้วยน้ำเสียงตกใจ เมื่อทั้งคู่เดินเข้าไปถามอาจารย์ในห้องพักอาจารย์

                “เข้าสิครับ” จักรกฤษตอบโดยไม่ต้องคิด

                “อาจารย์บอกแล้วไงว่าวันนี้ไม่สอน” อาจารย์พูดพร้อมกับยิ้ม

                “อ้าวเหรอครับ” จักรกฤษอุทานออกมาเสียงดัง

                “เห็นไหมบอกแล้วว่าอาจารย์ไม่สอน” ต่อศักดิ์หันหน้าไปบอกจักรกฤษ

                “บอกเมื่อไหร่กันวะ” จักรกฤษยกมือขึ้นตบศีรษะต่อศักดิ์เบา ๆ ทีหนึ่ง

                “ไหนๆ ก็เสียเวลามาแล้ว ช่วยงานอาจารย์หน่อยแล้วกันนะ เดี๋ยวอาจารย์ให้คะแนนพิเศษ” อาจารย์ลุกขึ้นยืน

                “ครับผม” ทั้งคู่ตอบพร้อมกัน

                “ล้างตู้ปลานี้หน่อยนะ อาทิตย์หน้าจะมีการตรวจสอบโรงเรียน เดี๋ยวถ้าหากคณะกรรมการมาเห็นตู้ปลาสกปรกขนาดนี้คงไม่ผ่านมาตรฐานอย่างแน่นอน” อาจารย์เดินไปชี้ตู้ปลาขนาดปานกลางที่ตั้งอยู่ตรงกลางห้องพักอาจารย์ ก่อนเดินออกไปจากห้องพร้อมกับคำว่า “ฝากด้วยนะ”

                จักรกฤษยืนบนเก้าอี้ ใช้ตะแครงจับปลาในตู้ปลา ลงมาใส่ไว้ในถังน้ำสีเหลืองที่ตั้งไว้บนเก้าอี้อีกตัว

                “แล้วทำยังไงต่อ” ต่อศักดิ์ถาม

                “แล้วช่วยกันเอาก้อนหินออกนะสิ” จักรกฤษตอบขณะที่พยายามจับปลาในตู้

                “แล้วยังไงต่อ”

                “แล้วช่วยกันยกตู้ไปที่ตรงโน้นไง” จักรกฤษชี้นิ้วไปที่ลานหน้าห้องพักอาจารย์ ตรงนั้นมีสายยางสีเขียวต่อกับก๊อกน้ำอยู่

                “แล้วยังไงต่อไป” ต่อศักดิ์กึ่งพูดกึ่งร้องเพลง

                “แล้วก็ล้างตู้ปลายังไงละ”

                “แล้วยังไงต่อไป” คราวนี้ต่อศักดิ์ร้องออกมาเป็นเพลง

                “จะถามหาพระแสงอะไรละ มาช่วยกันสิ” จักรกฤษใช้ตะแครงตบศีรษะต่อศักดิ์

                “ช่วยครับ ช่วย” ต่อศักดิ์ยกมือขึ้นลูบศีรษะเบาๆ

                เวลาผ่านไปประมาณครึ่งชั่วโมง ทั้งสองยกตู้ปลาไปวางตรงลานหน้าห้องพักอาจารย์ จักรกฤษเปิดก๊อกน้ำ แล้วถือสายยางฉีดน้ำไปทั่วตู้ปลาทั้งด้านในและด้านนอก

                “น่าสนุกวะ ขอเล่นบ้างสิ” ต่อศักดิ์พูดแล้วแย่งสายยางจากมือของจักรกฤษ ฉีดน้ำเล่นไปทั่งตู้ปลา

                “รีบทำเถอะ หิวข้าวแล้ว” จักรกฤษบ่น

                “เถอะน่า” ต่อศักดิ์พูดอย่างสนุกสนาน

                “พอแล้วๆ เอาน้ำยาล้างจานมาล้างตู้ปลาสิ”

                “นายทำดิ เราฉีดน้ำให้” ต่อศักดิ์พูด จักรกฤษเดินเข้าไปหยิบน้ำยาล้างจานออกมาจากห้องพักอาจารย์ แล้วมานั่งบีบน้ำยาพร้อมกับใช้มือถูกระจกจนเกิดฟองสบู่

                “น่าสนุกวะ เล่นบ้างดิ” ต่อศักดิ์พูดแล้ววางสายยางลง วิ่งเข้าไปถูบ้าง

                “นายนี้ เห็นอะไรก็สนุกไปหมดเลย” จักรกฤษบ่น เดินกลับไปถือสายยางขึ้นมาล้างมือ

 

                “ตอนนั้นนายมันแปลกคน” จักรกฤษพูดเสียงดัง ข้างนอกฝนตกหนักกว่าเดิม

                “มันน่าสนุกนี้น่า” ต่อศักดิ์พูดพลางก้มหน้า

                “เลยถูกเราฉีดน้ำใส่เลย” จักรกฤษหัวเราะเยาะ พลางยกมือขึ้นขยับแว่นตา

                “นายชอบแกล้งเรา ทั้งตบตี ทั้งฉีดน้ำใส่ สารพัด” ต่อศักดิ์งอน

                “นายเปียกจนต้องเข้าไปบิดเสื้อผ้าในห้องน้ำเลย ใช่เปล่า”

                “อืมดิ” ต่อศักดิ์ใส่อารมณ์ในน้ำเสียง จักรกฤษหยุดหัวเราะ

                “แต่เพราะวิชาเลือกเสรี นายเลยต้องทะเลาะกับแม่” จักรกฤษเปลี่ยนโทนเสียง
                “ไม่ใช่เพราะเรื่องวิชาเสรีหรอก เรื่องการเรียนต่างหาก” ต่อศักดิ์เงยหน้าขึ้นสบตากับจักรกฤษ

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เปียกไปหมด

ทะเลากับแม่

เอ๊ะ ยังไงกัน

 :a3:

niph

  • บุคคลทั่วไป
 :o
ชีวิตมัธยมเหมือนกันเลยอ่ะ

จำได้ว่านั่งประจำห้องอยู่ปีนึงหรือสองปีนี่แหละ หลังจากนั้นก็เดินเรียนตลอด

แอบไปรอตอนต่อไปดีก่า
 :m7: :m7: :m7: :m7:

NewcoolstaR

  • บุคคลทั่วไป
 :m5: ขอโทษนะเพิ่งเห็น..ต้อนรับเรื่องใหม่ครับ.... :m23: :m4:

aum

  • บุคคลทั่วไป
ดีจังครับ นึกถึงสมัยเรียนอยู่ที่เชียงใหม่เลย อิอิ ขอบคุณคร้าบแล้วจะรอตอนต่อไปน้า (ปล. กษัตริย์เมืองเชียงใหม่ กับลำพูนเป็นพี่น้องกันครับ แต่พี่จำรายละเอียดไม่ได้ แต่มีอนุสาวรีย์ 3 กษัตริย์อยู่ในตัวเมืองเชียงใหม่ ถ้าใครเคยไป ก็คงได้เห็น คนเชียงใหม่ตอนเด็กๆ เพื่อนมันเรียกอนุสาวรีย์ เป่า ยิ้ง ฉุบ 555)

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
เหอ เหอ เดินเรียน  :m12:  :m12:  :m12:

gobgab

  • บุคคลทั่วไป

..........ความหลังครั้งยังเยาว์.......... :m13: :m13:

Jingjoh

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 4 สัญญา           
           

            ด้านนอกฝนตกหนักยิ่งกว่าเดิมหลายเท่า มีเสียงฟ้าร้องเป็นระยะ
 
            เป็นเวลานานเกือบชั่วโมงแล้วที่รถไฟจอดอยู่ที่สถานี ต่อศักดิ์มองออกไปนอกหน้าต่างทั้งที่รู้ว่าไม่สามารถมองเห็นสิ่งใดเพราะถูกสายฝนบดบัง วันที่นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่หนึ่งเข้าพบอาจารย์ที่ปรึกษาเพื่อรับสมุดพก วันนั้นฝนตกหนักไม่ต่างจากวันนี้เลย ต่อศักดิ์ห้วนนึกถึงเหตุการณ์ในวันนั้น

                “ติดศูนย์วิชาศิลปะ” เสียงแม่ของต่อศักดิ์ตวาดขึ้นทันทีที่เปิดสมุดพก

                “แม่ฟังก่อนสิ ช่วงที่วันพุธหยุดติดต่อกันสามสัปดาห์ติดต่อกัน อาจารย์เลยให้ส่งงานสามครั้งในสัปดาห์สุดท้ายก่อนสอบปลายภาค ต่อเลยทำงานส่งไม่ทัน” ต่อศักดิ์พยายามอธิบาย สองแม่ลูกนั่งอยู่ในรถยนต์หน้าอาคารเรียน

                “สามอาทิตย์ทำไมจะทำไม่ทันละ” แม่ใส่อารมณ์ในน้ำเสียง

                “ก็...” ต่อศักดิ์พยายามหาข้อแก้ตัว

                “แล้ววิชาเสรี ไหนบอกแม่ว่าลงเรียนคณิตศาสตร์ไง” แม่ชี้นิ้วไปที่วิชาเกษตร

                “ผมอยากเรียนอะไรที่สบายไม่ได้หรือไงละ”

                “แม่ผิดหวังมากเลยนะ” แม่พูดด้วยเสียงสะอื้น ต่อศักดิ์ก้มหน้าเพราะไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมาเห็นแม่ร้องไห้


                “ตอนนั้นกำลังจะขึ้น ม.2 ใช่ไหม” จักรกฤษถาม เสียงสายฝนกระทบหน้าต่างรถไฟคล้ายกับเสียงสายฝนที่กระทบกับหน้าต่างรถยนต์ในวันนั้น

                “ใช่”

                “แต่แปลกนะ คนชอบวาดรูปอย่างนาย ดันไปติดศูนย์วิชาศิลปะ”

                “ไม่แปลกหรอก อะไรก็เกิดขึ้นได้ สำหรับคนขี้เกียจ”

                “แม่นายเป็นอาจารย์สอนโรงเรียนหญิงล้วนใช่ไหม”

                “อืม ใช่แล้ว”

                “เพราะแม่นายเป็นอาจารย์เลยอยากให้นายเรียนเก่ง เพื่ออนาคตยังไงละ”

                “นั้นแหละ การศึกษาถึงได้สำคัญสำหรับแม่นัก” ต่อศักดิ์หันหน้ามองออกไปนอกหน้าต่างอีกครั้ง

 
                หลังจากต่อศักดิ์แก้ศูนย์วิชาศิลปะเป็นที่เรียบร้อย แม่ของเขายังคงไม่ปล่อยวางเรื่องที่เกิดขึ้น ราวกับวงกลมสีแดงวงนั้นจะเป็นตราบาปติดตัวเขาไปตลอดชีวิต แม่ของเขาจึงเริ่มเข้มงวดเรื่องการเรียนมากขึ้นกว่าเดิม ต่างจากน้องชายของเขาที่เรียนอย่างไรก็ได้ ทุกครั้งที่ต่อศักดิ์ถามถึงความแตกต่างนี้ แม่มักบอกว่าเพราะเขาเป็นลูกชายคนโตจึงต้องเรียนหนักกว่าน้อง แต่เขาคิดว่าไม่เห็นจะเกี่ยวกันเลย

                “แม่ให้เวลาอีกห้านาทีนะ สำหรับการเล่นเกม” เสียงแม่ดังขึ้นขณะที่ต่อศักดิ์นั่งเล่นเกมคอมพิวเตอร์อยู่ในห้องนอน

                “วันนี้วันเสาร์เชียวนะ ขอพักผ่อนหน่อยเถอะ” ต่อศักดิ์ตะโกนกลับไป

                “ไม่ได้ ต่อสัญญากับแม่แล้วไม่ใช่เหรอว่าวันนี้จะเรียนพิเศษกับแม่” แม่เปิดประตูเดินเข้ามาในห้องนอน

                “ไม่อยากเรียน เข้าใจไหม” ต่อศักดิ์ใส่อารมณ์ในน้ำเสียง โดยที่ไม่ละสายตาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์

                “สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ” แม่ยืนเท้าเอว

                “สัญญาแล้วก็ยกเลิกได้นี้น่า ไม่เห็นจะยากเลย”

                “มานี้เลย” แม่ดึงแขนของเขาออกจากแป้นพิมพ์

                “โห แพ้เลย เพราะแม่คนเดียว” ต่อศักดิ์หันหน้าไปตะคอกใส่แม่
 
                “วันหลังค่อยกลับมาเล่นใหม่ก็ได้” แม่พูดเสียงดัง
 
                “แม่รู้ไหมว่าทำไมต่อถึงสอบไม่ติดโรงเรียนในเชียงใหม่ ก็เพราะว่าต่อไม่ได้อ่านข้อสอบเลยแม่แต่ข้อเดียว ต่ออยากเรียนแบบสบายๆ เข้าใจไหม” ต่อศักดิ์สะบัดมือแล้ววิ่งออกไปหน้าบ้าน เขาปั่นจักรยานออกไปตามถนนโดยไม่สนใจว่าแม่จะคิดอย่างไร

                 สามสัปดาห์หลังจากนั้น ขณะที่ต่อศักดิ์กับน้องชายนั่งดูโทรทัศน์บริเวณหน้าบ้าน เสียงทะเลาะกันอย่างเอาเป็นเอาตายของพ่อแม่ดังออกมาจากในห้องครัว เหตุการณ์แบบนี้ไม่ได้เกิดขึ้นเป็นครั้งแรก ช่วงเวลาที่ผ่านมาเขารับรู้ว่าพ่อแม่ทะเลาะกันบ่อยขึ้นเรื่อยๆ แม้พวกเขาจะบอกว่าไม่มีอะไรก็ตาม

                ครั้งหนึ่งแม่ของเขาเคยเข้ามาปรึกษาเรื่องหย่ากับพ่อในห้องนอนของเขา แต่เขาไม่ได้ออกความคิดเห็นเพราะคิดว่าเป็นเรื่องของผู้ใหญ่ แม่เลยเข้าใจว่าเขาไม่มีปัญหาจึงให้สัญญาว่าถ้าหากมีการแบ่งลูกเกิดขึ้น แม่จะเป็นผู้รับเอาต่อศักดิ์ไปเลี้ยงเอง

                เมื่อขึ้นชั้นมัธยมศึกษาปีที่สอง จักรกฤษสอนให้ต่อศักดิ์ขึ้นรถสอนแถวกลับบ้าน เนื่องจากต่อศักดิ์มักบ่นให้จักรกฤษฟังว่าพ่อของเขามารับช้าเป็นประจำ หลังจากนั้นต่อศักดิ์จึงนั่งรถสองแถวกลับบ้านเอง ซึ่งเขามักเป็นคนแรกที่กลับถึงบ้านก่อนคนอื่นเสมอ

                เย็นวันหนึ่งเขานั่งอยู่หน้าบ้านมองพระอาทิตย์ตกดินความจริงเวลาประมาณนี้ควรเป็นเวลาที่ทุกคนในบ้านกลับมากันหมดแล้วแต่วันนี้มีบางอย่างผิดปรกติไปจากเดิม ไม่นานเสียงโทรศัพท์บ้านดังขึ้น เขาวิ่งเข้าไปในบ้านด้วยความรวดเร็ว

                “สวัสดีครับ” ต่อศักดิ์กล่าวด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล

                “พี่ต่อเหรอ” น้องชายของเขาถามขึ้น

                “อยู่ที่ไหนกัน ไม่กลับบ้านสักที” ต่อศักดิ์พูดด้วยความสงสัย

                “อยู่โรงพยาบาล”

                “ใครเป็นอะไร” ต่อศักดิ์ตกใจ

                “แม่เข้าโรงพยาบาลมาตั้งแต่ตอนกลางวันแล้ว ตอนนี้อยู่ที่เชียงใหม่” น้องชายอธิบายอย่างรวดเร็ว

                “แม่ไม่สบายเหรอ”

                “แม่...แม่เป็นมะเร็ง” เขารู้สึกว่าทุกอย่างรอบตัวกำลังหยุดนิ่ง


               ต่อศักดิ์มักได้ยินแม่บ่นว่าเจ็บท้องอยู่บ่อยครั้ง แต่แม่คิดไปเองว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารเนื่องจากกินข้าวไม่เป็นเวลา จึงไม่เคยเข้ารับการรักษาที่ถูกวิธี จนกระทั่งตอนกลางวันแม่สอนหนังสือแล้วเกิดอาการปวดท้องอย่างรุนแรง อาจารย์ในโรงเรียนพาแม่เข้ารักษาในโรงพยาบาลจังหวัดลำพูน เมื่อหมอตรวจพบก้อนมะเร็งในกระเพาะอาหาร เลยต้องส่งตัวไปรักษาต่อที่จังหวัดเชียงใหม่

                หลังจากวันนั้นแม่นอนรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล โดยหมอบอกว่าเป็นโรคกระเพาะอาหารอีกไม่นานอาการจะดีขึ้น เนื่องจากหมอคิดว่าถ้าบอกความจริงอาจทำให้ผู้ป่วยเสียกำลังใจและร่างกายทรุดหนักลงได้ ทุกคืนต่อศักดิ์ต้องเตรียมชุดนักเรียนพร้อมกับจัดตารางเรียน เพื่อไปนอนเป็นเพื่อนแม่ที่โรงพยาบาลเสมอ

 

                “แม่ เมื่อไหร่รถไฟจะวิ่งละครับ” เด็กผู้ชายตัวเล็กส่งเสียงดัง ยกมือขึ้นทุบกระจกดัง ปังๆ

                “อย่าซนสิลูก” แม่ของเด็กพูดเสียงดุ พลางคว้าตัวลูกมากอดเอาไว้

                “ช่วงนั้นนายมาเรียนสายเป็นประจำเลย” จักรกฤษพูดพลางขยับแว่นตา ต่อศักดิ์ละสายตาจากแม่ลูกคู่นั้น หันกลับมามองหน้าจักรกฤษ

                “แต่ตอน ม.2 เราเรียนคนละห้องไม่ใช่เหรอ แล้วนายรู้ได้ยังไงว่าเรามาเรียนสาย” ต่อศักดิ์ขมวดคิ้ว

                “ถึงอยู่คนละห้อง แต่ยังอยู่คณะสีเดียวกันนะ” จักรกฤษยิ้ม ต่อศักดิ์นึกถึงการจัดแถวเคารพธงชาติในสนามหน้าโรงเรียน การจัดแถวจะแบ่งตามคณะสีที่นักเรียนอยู่ และภายในแต่ละคณะสีจะแบ่งตามระดับชั้นการศึกษาอีกที ซึ่งห้องเรียนของเขาทั้งสองอยู่ติดกัน

                “นายเลยเห็นว่าเราไม่ค่อยได้เข้าแถวเคารพธงชาติ” ต่อศักดิ์ถาม จักรกฤษพยักหน้า

            ช่วงนั้นต่อศักดิ์แทบไม่ได้เข้าร่วมทำพิธีหน้าเสาธงเลย เพราะการเดินทางกลับมาจากเชียงใหม่ตั้งใช้เวลานานกว่าหนึ่งชั่วโมง เขาจึงมาเข้าแถวไม่ทัน แต่โชคดีที่เหตุผลของเขาหนักแน่นพอ จึงไม่ถูกลงโทษจากอาจารย์ฝ่ายปกครองและถือให้เป็นกรณีพิเศษ

                “ยิ่งอยู่คนละห้องเลยทำให้เราไม่ค่อยได้คุยกันด้วย” จักรกฤษเสริม

                “ใช่” ต่อศักดิ์พยักหน้า

                “จากนั้นเกิดอะไรขึ้น” จักรกฤษยกมือสองข้างขึ้นมาประสานกัน

 

                ช่วงบ่ายวันหนึ่งในขณะที่ต่อศักดิ์เรียนวิชาวิทยาศาสตร์ พ่อของเขาขับรถยนต์เข้ามาในโรงเรียนเพื่อขออนุญาติอาจารย์ฝ่ายปกครอง ให้ต่อศักดิ์ออกไปหาแม่ที่โรงพยาบาลในจังหวัดเชียงใหม่ สถานะการณ์ตอนนั้นเคร่งเครียดมากจนไม่มีใครพูดคุยกันเลยตลอดการเดินทาง เมื่อถึงโรงพยาบาลต่อศักดิ์เดินด้วยความเร่งรีบเข้าไปในห้องที่แม่ของเขานอนพักรักษาตัว ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก เสียงร้องด้วยความเจ็บปวดของแม่ดังขึ้นจนทำให้เขาตกใจ

                “ต่อ เข้ามาหาแม่เร็ว” เสียงเรียกของป้าทำให้เขารู้สึกตัว เขารีบเดินตรงไปที่เตียงนอน ขณะนั้นแม่นอนงอตัวอยู่บนเตียง สีหน้าเจ็บปวดจนเขารู้สึกเจ็บปวดตามไปด้วย

               “ต่อ ถ้าแม่เป็นอะไร...” แม่พูดด้วยเสียงสั่น เธอพยายามยกแขนขึ้นแต่กลับไม่มีเรี่ยวแรง

               “ตั้งใจเรียนนะ” เสียงเล็ดลอดออกมาอย่างแผ่วเบา จนต่อสักดิ์แทบไม่ค่อยได้ยิน
 
               “น้องมาหรือยัง” เสียงป้าดังขึ้นพลางเดินออกไปหน้าห้องพยาบาล ปล่อยให้ต่อศักดิ์อยู่กับแม่ตามลำพัง

                “ไหน แม่เคยสัญญาว่าจะพาต่อไปอยู่ด้วยไง” ต่อศักดิ์เอื้อมมือไปกุมมือแม่ แม่ส่ายหน้าอย่างช้าๆ น้ำตาไหลไม่หยุด

                “สัญญาต้องเป็นสัญญาสิ” ต่อศักดิ์น้ำตาไหล

                “ต่อเคยบอกแม่ไม่ใช่เหรอว่าสัญญาแล้วก็ยกเลิกได้” แม่พูดด้วยเสียงสั่น

                “ผม...ผมขอโทษครับ ต่อจากนี้ไปผมจะรักษาสัญญาแล้ว แม่อย่าไปไหนนะ” ต่อศักดิ์ก้มลงไปกอดแม่ แม่ยกมือขึ้นมาจับใบหน้าของเขา

                “แม่โชคดีมากที่มีต่อเป็นลูก” พูดยังไม่ทันขาดคำแม่ก็สิ้นลมหายใจ ในเวลาเดียวกันน้องชายของเขาวิ่งเข้ามาในห้องแต่สายเกินไปเสียแล้ว นับจากวันนั้นต่อศักดิ์ไม่มีโอกาสได้พูดคำว่า ‘รักแม่’ อีกเลย หากเขาสามารถย้อนเวลากลับไปได้เขาอยากบอกว่ารักแม่ให้ได้มากกว่านี้

 

                “เราไปร่วมพิธีเผาศพแม่นายด้วย” จักรกฤษพูด ดวงตาเศร้าหมองอย่างเห็นได้ชัด แม้ดวงตาคู่นั้นจะอยู่หลังแว่นสายตา

                “เราเห็นนาย” ต่อศักดิ์ก้มหน้า น้ำเสียงสั่น มีน้ำตาหยดลงบนพื้นสองเม็ด

                “หลังจากวันนั้น นายกลายเป็นคนเงียบขรึมไปนะ” จักรกฤษยื่นผ้าเช็ดหน้าสีฟ้าให้

                “อืม” ต่อศักดิ์หยิบผ้าเช็ดหน้าไปซับน้ำตา

                “เปลี่ยนเรื่องกันดีกว่า” จักรกฤษพิงหลังลงบนเก้าอี้ พลางบิดขี้เกียจ

                “ขอโทษนะ” ต่อศักดิ์เงยหน้าขึ้นมามองจักรกฤษ ดวงตาแดงก่ำ

                “เรื่องอะไร เรื่องร้องไห้เนี่ยเหรอ ไม่เป็นไรหรอก” จักรกฤษพูดพลางส่งเสียงหัวเราะให้บรรยากาศดีขึ้น

                “ขอบใจว่ะ”

                “เพื่อนกันนี่หน่า”


ออฟไลน์ มูมู่น้อย

  • Global Moderator
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2623
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +468/-12
คิดถึงแม่จัง  รักแม่ที่สุดในโลกเลย  :a1:

รออ่านต่ออยู่น้า  อ่านทันแว้วว  ดีจายๆ  :a2:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สัญญาแล้วก็ยกเลิกได้  :m15:   :m15:   :m15:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด