Do not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน[เปิดจองDNDเล่มพิเศษ+Reprint p.206]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Do not disturb ✰ ขอโทษครับ ห้ามรักกวน[เปิดจองDNDเล่มพิเศษ+Reprint p.206]  (อ่าน 2267935 ครั้ง)

ออฟไลน์ day9day

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-9

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
น้องเชอร์  :a2: เจ๋งมากจ้าา
ไปป์น่ารักก โอยยยยย  อยากได้ไปป์

ออฟไลน์ pae666

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 506
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
น้องเชอร์สุดยอดดดดดดดดดดดดด เอาใจพี่ไปเลยค๊าบบบบบบ  :3123:
ตอนแรกน้องเชอร์ทำพี่แอบเครียดเลยอ่ะ แต่....... ดีใจกับไปป์ที่มีน้องสาวน่ารักแบบนี้อ่ะ ภคินก็น่าร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก  :impress2:  :impress2: 
..แต่พ่อแม่ของไปป์แน่นอนอยู่แล้วว่าต้องผิดหวัง แต่เชื่อว่าต้องเข้าใจลูกตัวเองอยู่แล้วค่ะ เป็นกำลังใจให้ไปป์เน่อออ อออ  สู้ๆ!!! o13

ออฟไลน์ IaminLove

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 564
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-5
ขำไปป์อ่ะ โดนภคินแกล้ง ฮ่าๆๆๆๆ
แต่ภคินก่อนหน้านี้เห็นนิ่งๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอภาพอะไรแบบนี้
น่ารักอ่ะะะะ

ออฟไลน์ a_tapha

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4981
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +397/-1
พี่น้องคู่นี้น่ารักที่สุดเลย แล้วคุณพ่อคุณแม่จะน่ารักแบบนี้มั้ยน้อ  :impress2:

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
อ่านทันแล้วคับ ดีใจจัง

สวัสดีนะคับเพิ่งเข้ามาเลยจิ้มเรื่องนี้อ่านเป็นเรื่องแรก โชคเข้าข้าง สนุกสุด ๆ เลย
ชอบไปป์มากอ่ะ ไมาเคยเห็นนิยายเรื่องไหน นายเอกเรื้อนขนาดนี้มาก่อน
แต่ชอบสุดก้นิสัยขี้เสือกนี่แหละ 5555+ แล้วก้เวลาเขินก้เขินรุนแรง รักมากมาย

อีตาภคินก็นะ รักนายเอกง่ายมาก มาอยู่หอไม่กี่วัน รักเค้าซะงั้น
แต่ชอบนิสัยที่ภคินเป็นคนง่าย ๆ แต่ไม่ลวก ใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน นิสัยเหมาะกับอีตาไปป์ขี้คิดมากสุด ๆ

สนุกมากมายเลยคับ จะติดตามตลอด มาช้ามาเร็วก็จะรอ ^^

 o13

ออฟไลน์ sam3sam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2562
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +247/-4
ดีนะเนี่ยที่น้องเชอร์ไม่มาม่า

ออฟไลน์ ~tai~

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 238
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-0
พี่น้องบ้านนี้ น่ารักที่สุด  o13

ออฟไลน์ ronlbb

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1209
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
คินเน่าไปและ

คุณแม่ลูกสอง

  • บุคคลทั่วไป
ฮาไปป์อ่ะ   ลนเกิ้น  เป็นใครก็สงสัยน๊า

ที่บ้านรักไปป์มาก  หวังว่าคงไม่เตรียมมาม่าไว้ทีหลังนะคร้าบบบบบ

ช่วงนี้ชีวิตมีแต่มาม่า

เฮ้ออออออออออออออ
:L2:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






cashforme

  • บุคคลทั่วไป
เป็นกำลังใจให้คนแต่งน่ะครับบบบ รักเรื่องนี้มาก  o13

theWinDy

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีค่ะ ตามทันแหละ ทีนี้ก็เหลือแต่รอตอนใหม่จะมา รอคอยต่อไป
อยากบอกว่าสนุกมากเลยค่ะ อ่านแล้วคลายเครียดดีจริง
หัวเราะขำขันตลอดถ้าเป็นตอนที่ไปป์มาเล่นตลกให้ดู...สุดยอด  o13
ชอบบุคลิกของทั้งพระเอก และนายเอกเลย รู้สึกว่าเออไปกันได้นะคู่นี้
และที่ชอบอีกรองลงมาก็คุณอาร์ท ชวนขนหัวลุกของผองเพื่อนทั้งหลายนี่แหละ
แม้เพื่อนๆ จะเกรงกลัว แต่กลับชอบบุคลิกของอาร์ทแบบนี้มากมายแฮะ  o18
แต่รู้สึกช่วงหลังๆ เดอะแก๊งค์ของนายเอกจะไม่ค่อยมาสังสรรค์กับเดอะแก๊งค์ของฝั่งพระเอกเลยนะ
น่าจะได้เข้ามาร่วมด้วยช่วยกัน คงจะมันส์ยิ่งกว่านี้แน่ๆ  :m20:

ขอบคุณคนเขียนนะคะที่แต่งเรื่องๆ สนุกมาให้อ่าน  :pig4:


MAKWAN

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
ไปป์ก็จะได้เลิกกลุ้มซะที ที่แท้น้องเชอร์ก็กังวลเรื่องเดียวกับพี่ชาย
คินกวนขึ้นเยอะหลังจากคบกับไปป์ เห็นทีคงจะจริงที่ว่าติดนิสัยไปป์มาเต็ม ๆ

ออฟไลน์ mur@s@ki

  • อยากรัก..แต่ใจไม่กล้า
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1899
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +167/-5
น้องสาวแบบนี้น่ารักจังเลยยยยยย

 :กอด1: ราตรีสวัสดิ์  :กอด1:

ออฟไลน์ ● MaYa~Boy ●

  • ฉันมันคนขี้อิจฉา
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3992
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-2
ชอบเรื่องนี้มาก จำได้ว่าเคยอ่านแล้ว แต่ไม่ได้มาอ่านซะนาน ไงก็มาต่อบ่อยๆนะครับ จะตามเข้ามาอ่านเรื่อยๆ ^^

ออฟไลน์ nutty2554

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 199
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
อ่านรวดเดียวเลยค่ะ สนุกมาก น่าติดตาม ไปป์กวน ๆ น่ารักดี
แต่ภคินเอาอยู่ 555 ต่างคนต่างก็กวน ๆ กัน อ่านได้เรื่อย ๆ ไม่เบื่อ มีสีสัน
อาร์ทเนี่ย โผล่มาทีไร ดอกยางไหม้กันเป็นแถบ เรียกว่าเบรกได้ครบทุกคนเลยจริง ๆ
ประโยคเดียวจอดด้วยชอบ ๆๆ

ออฟไลน์ ~MiKi~

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 134
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +40/-0
น้องเชอร์น่ารัก พี่ไปป์ก้อน่ารัก ภคินถึงจะเกรียนไปหน่อยแต่ก้อน่ารัก สรุปน่ารักทุกคนเลย

Inuy888

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักชมัด

ออฟไลน์ bobby_bear

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 419
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-5
คิดถึงไปป์จัง ^^ :o8:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ harumi

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1188
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-33

ออฟไลน์ londoneye

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 366
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
เข้ามาส่อง :m32:

คิดถึงคินไปป์
คิดถึงอาร์ทฟาร์
คิดถึงโจ้กัน
คิดถึงน้องหนูดี

เข้ามาบอกให้รู้ว่าคิดถึง :-[

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7
Special Room  05 [Far’s chapter]

   การทำโปรเจ็คต์ของเด็กบริหารฯนี่มันนรกดี ๆ นี่เอง

   มีศพถูกพบในเช้าวันรุ่งขึ้น  สภาพศพอยู่ในท่านอนคว่ำ  หน้าจมกองหนังสือ  คาดว่าเสียชีวิตมาแล้วไม่ต่ำกว่าสี่ชั่วโมง  ทราบชื่อภายหลังคือ  นายปิยวัชร์  โชติธาตรี  โดยผู้พบศพคนแรกคือ  น้องชายร่วมสายเลือดที่โผล่มาแหกปากโวยวายเรียกแต่เช้าตรู่  พอเห็นผมไม่กระดิกตัว  มันก็เริ่มตะโกนเรียกม้าให้ขึ้นมาช่วยดู  ผมเลยต้องใช้แรงเฮือกสุดท้าย  กระดิกนิ้วชี้โชว์มันว่าวิญญาณผมยังยึดติดกับสังขาร  ไม่ได้นิพพานไปไหน

   เช้าวันนี้  ข้าวต้มของม้ากัดกร่อนกระเพาะผมแต่เช้า  โดนป๊าดุด้วยที่กินข้าวเหลือเยอะ  ถึงจะรู้ว่าป๊าเป็นห่วงอยากให้กินข้าวเยอะ ๆ จะได้หายเร็ว ๆ ก็เถอะ  แต่ผมยัดอะไรไม่ไหวจริง ๆ นี่นา  เคยเป็นมั้ยครับ  เวลาเครียดจัดจะไม่อยากกินข้าวน่ะ  ของผมมีปวดไมเกรนแถมมาอีกต่างหาก

   กองหนังสือขนาดทับคนตายได้ตั้งตระหง่านอยู่ข้างเตียง  พร้อมจะล้มทับถ้าผมเผลอไปสะกิดใส่สักนิดเดียว  นี่เป็นหนึ่งในวิบากกรรมของนักศึกษาคณะบริหารฯ  เพราะแม้ว่าพวกเราจะเรียนกันแบบชิล ๆ  นั่ง ๆ  นอน ๆ ในห้อง  แต่พอถึงเวลาได้งานปุ๊บ  คลื่นสึนามิความเครียดก็พร้อมจะโถมเข้าใส่เราทันที  หนังสือแต่ละเล่มหนาแบบเอาไปทำคันกั้นน้ำท่วมได้  ไม่ตายงานนี้ผมก็ไม่รู้จะตายงานไหนแล้วล่ะครับ

   ไปป์มันเครียดลงกระเพาะจนคินแทบจะเข็นมันเข้าโรง’บาลวันละสิบแปดรอบแล้ว  มันเป็นแบบนี้ตลอดครับ  บ้า ๆ บอ ๆ  แต่พอต้องส่งโปรเจ็คต์แล้วเครียด  ส่วนผมนี่อาการแย่พอกัน  เพราะนอกจากจะเครียดตอนทำงานแล้ว  เวลาปกติผมยังเครียดเป็นงานอดิเรกด้วย  อยากจะขอยื่นใบลาอาจารย์  ไปนอนเล่นที่ศรีธัญญาสักสองสามวัน  เผื่ออาการจะดีขึ้น  ถ้าเกรดออกมาไม่ดีป๊าต้องเสียใจแน่ ๆ  เพราะอนาคตของบ้านคงฝากไว้กับเด็กบ๊อง ๆ อย่างไอ้เนียร์ไม่ได้

   แต่คงไม่ใช่แค่คณะผมหรอก  เพราะเท่าที่คุย ๆ  เอ่อ... คุยกับมันนั่นแหละ  ก็เห็นว่านั่งทำโมเดลบ้านเป็นงานกลุ่มกันอยู่  อาร์ทมันไปหมกตัวอยู่ห้องไปป์บ่อยขึ้นจนเพื่อนผมทนไม่ไหว  บางวันถึงขึ้นขนโน้ตบุ๊คมานั่งเคาะที่บ้านผมแทน

   ‘มึงเคยมีความรู้สึกเหมือนโดนสายตาหลายคู่จับจ้อง  ทั้ง ๆ ที่ไม่มีใครมั้ยล่ะ’ นี่เป็นคำให้การที่มันหันมาบอกพร้อมขนลุกซู่  ผมเลยได้แต่หัวเราะแหะ ๆ  แล้วยอมอนุเคราะห์ให้เพื่อนรักมาแย่งอากาศหายใจในห้องด้วย  เราก็ช่วย ๆ กันไปล่ะครับ  มีกันอยู่สองคน  ไม่ช่วยกันแล้วเราจะช่วยใคร  อีกอย่างไม่ว่าเราจะเขียนแผนการตลาดยังไง  อาจารย์ก็หาเรื่องมาโจมตีเราจนได้สิน่า

   ผมบิดขี้เกียจ  ยกนิ้วคลึงที่ขมับเบา ๆ  เผื่อว่าพอจะลดอาการตึง ๆ ที่ศีรษะลงบ้าง  วันนี้ผมอยู่บ้านคนเดียว  เพราะป๊ากับม้าออกไปทำงาน  และน้องชายออกไปเรียน  แม้จะด้วยสีหน้าอิดออดก็ตามที  ทำไมผมจะไม่รู้ว่าเนียร์มันก็ไปโดดเรียนที่โรงเรียนได้อยู่ดี  เห็นแบบนั้นมันดื้อจะตายครับ  ทำม้าผมเข้า ๆ ออก ๆ ห้องปกครองเป็นว่าเล่น  แต่ก็ช่วย ๆ กันปิดป๊าไว้  เพราะถ้าป๊ารู้ขึ้นมา  รับรองว่าโลกแตกครับ!


   วันนี้ไม่มีเรียนคาบบ่าย  เลยได้กลับมาทำงานต่อให้เสร็จ  อีกสองวันก็ต้องพรีเซนต์หน้าชั้นแล้ว  เฮ้อออออออ...  ผมไม่ชอบพรีเซนต์งานเลยครับ  อย่างที่รู้ว่านอกจากไม่ชอบคนเยอะ ๆ แล้ว  ผมยังไม่ชอบการเป็นจุดสนใจของคนอื่นอีก  แล้วไอ้การพรีเซนต์งานนี่  มันยิ่งกว่าจุดสนใจอีกครับ  พอเราเงยหน้าขึ้นก็จะเห็นดวงตากลมใสของเพื่อน ๆ เป็นสิบ ๆ คู่  จับจ้องมาเหมือนเป็นแพนด้าในกรง  ผมยืนตัวสั่นพูดผิด ๆ ถูก ๆ ทุกที  ไม่เหมือนไปป์มัน  รายนั้นถึงจะตื่นเต้น  แต่ด้วยความที่มันเป็นคนพูดเก่ง พูดมาก  เลยดูไหลลื่นกว่าคนอื่น ๆ เยอะครับ  น่าจะให้มันสอนเทคนิคอะไรให้ผมไว้บ้าง

   ผมนั่งจิ้มคีย์บอร์ดไปได้สักพัก  ก็มีเสียงเครื่องยนต์ดังแถว ๆ หน้าบ้าน เรียกให้ผมชะโงกหน้าจากหน้าต่างลงไปดู  พอเห็นผู้มาเยือนก็พับงานเก็บไว้  แล้วเดินลงบันไดไปช้า ๆ

   “เสบียงมาแล้วครับ” ไอ้แบ็คกราวด์แมนยืนเกาะรั้ว  แล้วยื่นถุงเซเว่นเข้ามาผ่านช่องว่างระหว่างลูกกรง  แลดูคล้ายให้อาหารสัตว์พอประมาณ
   “แล้วนี่งานเสร็จแล้วเหรอ”
   “อ๋อ... ยังครับ” นรกละ...  ทิ้งงานมาเฉยเลยเนี่ยนะ  แย่มาก  ถ้าผมอยู่กลุ่มเดียวกับมัน  คงมีสาปส่งกันบ้างล่ะครับ  งานไม่ใช่ว่าน้อย ๆ  ผมขมวดคิ้วเล็กน้อย  แต่อาร์ทมันก็จับสัมผัสได้ “ไม่ต้องห่วงหรอกครับ  เพื่อน ๆ อนุญาตแล้ว”

   แน่ล่ะ!  ใครจะกล้าปฏิเสธมึงล่ะ!

   ผมยื่นมือออกไปเกี่ยวถุงจากนิ้วมัน  มือเราสัมผัสกันเบา ๆ  แต่ไม่ได้เกิดสปาร์คแบบที่ไอ้ค่าเกิดกับไอ้ไปป์แต่อย่างใด  ผมดึงถุงก๊อบแก๊บนั่นออกมาแต่มันดันเกี่ยวไว้อยู่ “นี่ตกลงจะให้มั้ยเนี่ย?”
   “อยากได้รางวัลก่อนครับ”
   “เออ  งั้นเอากลับไปแดกเองเหอะ  บ้านไม่ได้จน”
   ไอ้อาร์ทขมวดคิ้ว “เข้าใจว่าบ้านรวยนะครับ  แต่ถ้าไม่กินอะไรตอนนี้  รับรองว่าคนรวยได้แห้งตายอยู่หน้าบ้านนี่แหละครับ”
   “.........”
   “.........”

   เราเงียบแล้วยืนจ้องหน้ากันอยู่อย่างงั้น  โดยมีถุงเซเว่นเป็นตัวประกันตรงกลาง  ผมพยายามสูดลมหายใจเข้าออกช้า ๆ กับสถานการณ์อึดอัดตรงหน้า  ปวดหัวกับงานก็จะตายอยู่แล้ว  ดันต้องมาเล่นจ้องตาให้สยองกันเล่น ๆ อีก

   โครกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

   และนั่นคือเสียงแห่งความอัปยศจากท้องของผม  ที่ไม่สามารถต่อต้านกลิ่นไก่ย่างห้าดาวที่อยู่ในถุงได้  โอ๊ยยยยยย... โคตรอับอาย!  ผมอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปถูกับต้นไม้ที่ไหนแล้วเนี่ย  ยิ่งตอนที่ไอ้ผู้ชายหน้ามึนนั่นกระตุกยิ้ม ที่มุมปากพร้อมหัวเราะเบา ๆ  ผมยิ่งอยากจะวิ่งออกไปให้รถชนตาย

   “ฮะ ๆ ๆ ๆ ๆ  เสียงฟลุตแบบใหม่เหรอครับ” อยากฟังเสียงรองเท้านันยางกระแทกหน้าคนมั้ย?
   “......” ถ้าเถียงไม่ออกให้ใช้ความเงียบเข้าสู้ครับ  เชื่อผมเถอะ...  ไม่มีอะไรเลวร้ายไปกว่านี้แล้ว
   “เอ้า!  รับไปสิครับ  เดี๋ยวก็เป็นผีเฝ้าบ้านพอดี  ดูสิ... โทรมยังกับไปเสพกัญชามาอย่างนั้นแหละ”
   “อย่าพูดเหมือนกูเป็นมึงนะ”
   “นี่ผมเสพกัญชาเหรอครับเนี่ย  ฮ่า ๆ ๆ ๆ” ไอ้เสียงหัวเราะเย็น ๆ นี่มันอะไรกัน  มันเอื้อมมืออีกข้างลอดรั้วเหล็กเข้ามาลูบหัวผมเบา ๆ “งั้นฟาร์ก็เห็ดขี้ควายแล้วล่ะครับ”

   ไอ้เหี้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!  ใครก็ได้ลากมันออกไปจากบ้านผมที  อ๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกก  ผมรีบดึงถุงเซเว่นเข้ามาครอบครองได้สำเร็จ  และพร้อมจะพลิกตัววิ่งเข้าบ้านได้ทุกเมื่อ  ถ้าไม่ใช่ว่า...

   “ขอบคุณสำหรับรางวัลนะครับ”
   “........” ผมเงียบเพราะยังไม่เข้าใจว่ามันพูดอะไร  ผมไปให้อะไรมันตอนไหน...  นี่มึงเมาจริง ๆ ใช่มั้ย?
   “งงล่ะสิครับ  ว่ารางวัลอะไร”
   “เออสิ”
   มันกระตุกยิ้มบาง ๆ ที่ยังคงความโรคจิตไว้อย่างสมบูรณ์แบบ “จับมือกันผ่านถุงเซเว่นตั้งนาน  นิ้วเล็กดีนะครับ”
   “ไอ้อาร์ท!” ผมขู่ในลำคอ
   “พูดจาไม่สุภาพนางฟ้าประจำตัวผมไม่พอใจนะครับ” มันหันไปคุยกับไหล่ตัวเอง “ใช่มั้ยครับน้องหนูดี”

   ผมเลือกที่จะเผ่นเข้าบ้านแทนการเถียงที่มองไม่เห็นหนทางชนะเลย  ผมหลับหูหลับตาวิ่งเข้าบ้านไป  แต่มันก็ดันไม่วายตะโกนไล่หลังตามมาอีก

“อย่าคาบลงไปกินในน้ำนะครับ”

   ผมหันควับแล้วตะโกนตอบชัด ๆ เน้น ๆ ก่อนปิดประตู “ไอ้เหี้ย!”

   คนถูกด่าแผดเสียงหัวเราะอันหน้าขนหัวลุกไปทั่วหน้าบ้านผม  ถ้านกบินผ่านมันคงตกลงมาตายแล้วล่ะครับ  ผมยืนรอดูที่ประตู  จนคนส่งเสบียงกลับไปสตาร์ทรถของตัวเอง  แถมยังมีการเปิดกระจกมาบ๊ายบายให้ผมอีกต่างหาก  เฮ้ย!  รู้ได้ไงว่ากูแอบมองอยู่วะ  มึงติดกล้องวงจรปิดไว้รึไง

   ขอถอนหายใจดัง ๆ ก่อนวางถุงมหาภัยไว้บนโต๊ะ  นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่มีไอ้หน้ามึนมาส่งเสบียงให้  เพราะมันเป็นมาได้ร่วมอาทิตย์แล้วล่ะครับ  อาร์ทมันเทียวไปเทียวมาระหว่างหอคินกับไปป์และบ้านผม  ที่บ้านมันคงฉี่ออกมาเป็นน้ำมันสินะ  บ่นไปก็เท่านั้นแหละครับ  ยังไงผมก็หลอกตัวเองไม่ได้อยู่ดีว่า  การมีคนมาสนใจมันทำให้รู้สึกดีจริง ๆ  ผมรื้อ ๆ ถุงดู  ด้านในมีไก่ย่างห้าดาว น้ำผลไม้ นมกล่องและขนมขบเคี้ยวอีกจำนวนหนึ่ง  นี่กะให้กินแล้วฟื้นคืนชีพเลยรึงไง?

   ผมแกะห่อไก่ย่างพร้อมข้าวเหนียวร้อน ๆ ส่งกลิ่นหอมชวนน้ำลายสอ  ว่าแล้วก็ลงมือนั่งกินมันเงียบ ๆ นี่แหละ  แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน  จะได้ไม่ต้องออกไปกินข้าวนอกบ้าน...  ยิ่งเที่ยงแบบนี้คนยิ่งเยอะ  ซึ่งผมไม่ชอบบรรยากาศแบบนั้นเอาซะเลย  ให้อดข้าวหรือต้มมาม่าในบ้านกินยังจะรู้สึกดีกว่า...

   พอจัดการจนอาหารจานหลักหายเกลี้ยงลงกระเพาะไปแล้ว  ผมก็เริ่มค้น ๆ นมโฟร์โมสรสกล้วยมาดื่มล้างปาก   ก่อนจะไปลุยงานต่อ  แต่ไอ้นมกล่องนี้มันไม่ธรรมดาน่ะสิ...  นิ้วมือสัมผัสกับกระดาษโพสต์อิทที่แปะเอาไว้บนกล่อง  เรียกให้ผมยกขึ้นมาอ่านช้า ๆ ...

   อย่าเครียดนะครับ  ที่มาหาน่ะเพราะอยากให้ยิ้มหรอก : )

   เหอะ ๆ  มุกจีบบ้าอะไร   เสี่ยวชะมัด   แต่ไอ้ผมก็ดันแพ้ให้กับไอ้เสี่ยวมันจนได้  นั่งยิ้มคนเดียวอยู่ได้ตั้งนานสองนาน...  ท่าจะบ้าพอกันแฮะ
   ผมเจาะหลอดดูดรับความสดชื่นพ่วงมาด้วยสุขภาพกระดูกและฟันที่แข็งแรง...  เอ๊ะ  ฟังดูคล้ายเพดดิกรี  เอาเป็นว่า  ผมดื่มด่ำกับรสชาติมันจนหยดสุดท้ายเลยล่ะครับ

   ดูสิ... ผมนี่เห็นแก่ตัวจริง ๆ  ปล่อยให้คน ๆ นึงรอโดยไร้จุดหมายแบบนี้...

   นิสัยไม่ดีเลยเนอะ

.........................................................................
...............................................
...............................
.........

   และแล้วเวลาแห่งความตายก็มาเยือน  ตัดภาพมาที่นักศึกษาราวสี่สิบคนนั่งกุมขมับกันอยู่หน้าห้อง  ไม่มีใครยอมก้าวเท้าเข้าไปก่อน  ผมนั่งอ่านสคริปต์เป็นรอบที่สามร้อยของวัน  แต่ก็ยังเห็นหนทางที่อาจารย์จะเอามีดเสียบได้  ส่วนไปป์ที่นั่งยอง ๆ ข้าง ๆ ก็ยก M150 ขึ้นกระดกอย่างเมามัน  สภาพหน้าบ่งบอกมากว่าเมื่อคืนไม่ได้นอน...  มีชีวิตอยู่ยันเช้าเหมือนค้างคาว  ถัดไปเป็นแก๊งเพื่อนสาวของเพลง  ที่ดูพวกเธอจะเม้าท์มอยเรื่องละครเมื่อคืนคลายเครียดจนแม็กซ์อดใจไม่ไหว  ต้องเข้าไปเม้าท์ด้วย  กลุ่มนี้ดูเผิน ๆ เหมือนจะเจี้ยวจ๊าวที่สุด  แต่ผมว่าหนีความจริงกันมากกว่านะ  ยืนสักพักไอ้กล้วยวิ่งกระหืดกระหอบมาจากบันได

   “เชี่ย...  กูนึกว่าจะมาสายแล้ว  แฮ่ก... แฮ่ก...” กล้วยหอบจนลิ้นห้อย
   “เพิ่งตื่นเหรอวะ” ผมพยักหน้าเห็นด้วยกับไปป์  สภาพมันคือคนเพิ่งตื่นชัด ๆ  หน้านี่มันเยิ้มเลย
   “นาฬิกาแม่งไม่ปลุก  แฮ่ก... แฮ่ก...” มันสูดหายใจเข้าลึก ๆ “วันไหนไม่เจ๊ง  เสือกมาเจ๊งวันนี้อีก”
   “มาไม่มาก็ตายเหมือนกันว่ะ กล้วย” ผมยื่นขวดน้ำเย็น ๆ ให้  เผื่อจะพอยืดชีวิตมันได้อีกสักหน่อย  เหมือนให้ทองครับ  ไอ้กล้วยแทบลงไปกราบผม  ก่อนจะยกขึ้นกระดกทันที
   “แปรงฟันยังวะกล้วย  ไม่ใช่มึงพูดแล้วอาจารย์เหม็นขี้ฟันจนเป็นลมนะโว้ย  ฮ่า ๆ ๆ ๆ ๆ”
   “ถ้ากูรอดตายเมื่อไหร่  กูจะถีบตูดมึงให้ระบมต่อจากผัวมึงเลยไอ้ไปป์”
   “ไอ้เหี้ยกล้วย!”

   ผมนั่งหัวเราะดูมันสองคนเถียงกัน  กล้วยมันเป็นคนรักสันโดษ...  มันไม่เอารุ่นด้วยแหละ  แลดุว่ามันจะสนิทกับพวกผมที่สุดในคณะแล้ว  มันบอกว่าอยู่กับเราสองคนแล้วสงบดี  เอ่อ...  สงบบ้าอะไรวะกล้วย  โหวกเหวกล่ะสิไม่ว่า  ผมว่ากล้วยมันคงไร้ทางเลือกแล้วจริง ๆ

   บรรยากาศสบาย ๆ ที่เพิ่งเกิดหายไปทันที  เมื่อหมู่คณาจารย์สี่คนเดินผ่านหน้าพวกเราทุกคนเข้าไปในห้องสโลป  ดั่งผู้คุมวิญญาณเคลื่อนตัวผ่าน  ความสุขทั้งหมดถูกดูดไปจนหมดทุกอณู  พวกผมแทบจะล้มทั้งยืน  ไม่มีใครพูดอะไรนอกจากกระชับกระดาษในมือ  แล้วค่อย ๆ ทยอยเดินเข้าแดนประหารช้า ๆ ....

   ผมล้วงไอโฟนขึ้นมาเพื่อปิด  แต่มันเตือนว่ามีเมจเสจใหม่ขึ้นมาเลยเปิดดูก่อน

   โชคดีนะครับ  ฟาร์ทำได้อยู่แล้ว  เย็นนี้จะรออยู่ใต้คณะนะครับ

   “เร็วดิวะฟาร์!  เดี๋ยวที่นั่งข้างหลังโดนแย่ง” ไปป์มันเดินมาดึงแขนผม  เออ... ว่าไปที่นั่งข้างหลังเป็นทำเลทองของเรานี่หว่า  ช้าหมดอดนะครับ  ต้องไปนั่งจ้องตากับอาจารย์ข้างหน้า  คิดได้แค่นั้นผมก็รีบสาวเท้าตามมันเข้าไปทันที
   “ใจเย็นมึง  ตื่นเต้นจนหูแดงหมดแล้ว”
   ผมรีบตะครุบหูตัวเองแล้วทิ้งตัวนั่งลงบนเก้าอี้  อย่าสิ... นี่ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องอื่นนะ  ผมต้องเอาตัวรอดจากสมรภูมิตรงหน้า  เอาล่ะ  สูดลมหายใจเข้าลึก ๆ

ฟาร์ทำได้อยู่แล้ว

.......................................................................
................................................
.......................
.........

ออฟไลน์ Indigo

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 433
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1030/-7

   ใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงทุกคนก็โดนจวกกันเสร็จแล้ว  เลือดสีแดงไหลนองเต็มไปทั้งห้อง  อาจารย์ทั้งสี่พับแฟ้มเก็บก่อนจะเดินออกจากห้องไป  ทิ้งไว้เพียงศพนักศึกษาที่นั่งไร้สติกันอยู่บนเก้าอี้  ผมค่อย ๆ ตั้งสติหันไปมองหน้าไอ้ไปป์  ที่ตอนนี้แทบจะฟุบหัวโขกโต๊ะแล้ว  ผมอ้าปากกำลังจะพูด...

   “กรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” อยู่ ๆ แม็กซ์มันก็ลุกขึ้นมากรี๊ดอย่างอดรนทนไม่ไหวแล้ว  ทำเอาวิญญาณคนทั้งห้องกลับเข้าร่างกันหมด  ไอ้กล้วยสะดุ้งแทบตกเก้าอี้ครับ  แม็กซ์กระทืบเท้าเดินออกจากห้องไปพร้อมกับร้องตะโกน “วิจารณ์นัก  มึงเอาไปทำเองกันเลยไป๊!”
   “กร๊ากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก” เท่านั้นแหละครับ  บรรยากาศตึงเครียดหายวับไปในพริบตา  มันเล่นพูดความในใจของคนทั้งห้องออกมาขนาดนี้  ผมยังหลุดขำพรวดเลยครับ  เออ... จริงของมันนะ

   พอได้สติทุกคนก็เริ่มทยอยออกห้องไป  หัวข้อสนทนาเปลี่ยนไปเป็นว่า  เย็นนี้กินอะไรกันดี  หรือไม่ก็  คืนนี้ไปต่อที่ไหนคลายเครียดดี  ชีวิตนักศึกษามันก็เท่านี้แหละครับ  อยู่ไปวัน ๆ กันจริง ๆ  ฮ่า ๆ

   “ฟาร์  แดกข้าวเย็นกะกูมั้ย”
   “อ้าว... ผัวมึงไปไหนซะละ  วันนี้ไม่ว่างมาคุมเหรอ” ผมหันไปยักคิ้วกวน ๆ ใส่มัน  แต่โดนตบเกรียนเข้าไปป้าบนึง  อูยยยยย... เจ็บครับ
   “ผัวเชี่ยไร  พูดดี ๆ นะมึง”
   “เอ๊า!  ยังจะไม่ยอมรับอีก  วันนั้นมาเรียน  คอนี่แดงเป็นปื้ดยังกะติดเอดส์”
   “มึงกล้ามาว่ากูเหรอ  แล้วทีมึงกะไอ้กัญชาล่ะ  อย่าคิดว่าไม่รู้นะโว้ย  ว่ามันหนีงานเอาข้าวไปส่งมึงอยู่ทุกวันน่ะ”
   “แล้วไงล่ะ”
   “แรดจริงเพื่อนกู” มันเอานิ้วทิ่มหน้าผากผม “อ่อย-แล้ว-ไม่-เอา”
   “กูไม่ได้อ่อย” ผมปัดมือมันออกแล้วแยกเขี้ยวใส่  แม่งเสือกสูงกว่ากูอีก  จะตบหัวคืนก็ลำบาก  เลยหันไปไล่เหยียบเท้ามันแทน “แดกข้าวคนเดียวเลยมึง  กูไม่ว่าง”
   “หึหึหึ  นัดล่ะสิ...  เพื่อนกูมันร้ายนัก” มันขยี้หัวเห็ดผมจนฟุ้งกระจาย  ทำไมทุกคนต้องชอบมายุ่งกับหัวผมด้วยวะ  เลยต้องเอามือลูบหัวให้เป็นทรงเสียก่อน
   “เออ...  มีนัด” ไม่มีประโยชน์ที่จะโกหกอะไรอยู่แล้ว  ผมไม่ใช่พวกซึนเดเระหลอกตัวเองไปวัน ๆ แบบไปป์มันหรอก  ถ้าไม่อยากพูดก็เงียบซะ  ไม่ต้องโวยวายเหมือนไปป์มัน  ไอ้พวกซึน!
   “กูโทรหาไอ้แซ็กดีกว่า  วันนี้ไม่มีซ้อมชมรมใช่มั้ย”
   “ไม่มี”
   “ดีมาก  กูจะไปเค้นคอถามมัน  เสือกมีแฟนแล้วไม่บอกกู” ไปป์เค้นเสียงในลำคออย่างเคียดแค้นก่อนจะโบกมือบ๊ายบายให้ผม  แล้วล้วงมือถือขึ้นมาแนบหูรอประหารเพื่อนตัวเอง  ผมมองจนมันเดินไปลับตานั่นแหละถึงจะออกเดินไปอีกทางนึง

   แซ็กมีแฟนแล้วจริง ๆ ด้วยสินะ  ก็คิดไว้อยู่แล้วล่ะ  เห็นช่วงนี้คุยโทรศัพท์บ่อยขึ้น  แถมยังเดินออกไปคุยข้างนอกคนเดียวอีกต่างหาก  เห็นแบบนั้นแซ็กเป็นสุภาพบุรุษนะครับ  ดูอย่างตอนที่เขามาช่วยผมตั้งแต่ที่เจอกันครั้งแรกก็รู้  ไม่แปลกหรอกที่คนดี ๆ อย่างนั้นจะมีแฟน...  แล้วก็ไม่แปลกที่ไม่ใช่ผม

   แต่ที่น่าแปลกคือตรงอกข้างซ้ายมันไม่รู้สึกอะไรแล้วล่ะ...  ไม่รู้ว่าเจ็บจนชาหรือไม่เหลืออะไรให้เจ็บอีกแล้ว

   “อาจารย์ว่าไงบ้างครับ”
   “เฮ้ย!” แม่ง...  มึงจะเลิกโผล่มาข้างหลังกูสักทีได้มั้ยวะ  สะดุ้งจนจะลงไปนอนกับพื้นแล้ว  หน้าตาแฝงกลิ่นอายกัญชาคลี่ยิ้มมึน ๆ ชวนขนหัวลุกซะจริง
   “ยังตกใจอยู่เหรอครับ  น่าจะชินได้แล้วนะ  ฮะ ๆ ๆ”
   “ใครมันจะไปชินวะ  อย่างกับผี”
   “ไปกันเถอะครับ” มันเดินนำผมไปที่รถตัวเอง  เฮ้ย ๆ  นี่ตกลงรถใครกันแน่วะ!

   ไอ้แบ็คกราวด์แมนไม่รออธิบายอะไร  นอกจากแบมือขอกุญแจแล้วเปิดประตูรถให้ผมขึ้น  แต่มันเสือกเปิดด้านคนขับบ่ะสิ!  เวรเอ๊ย!  นี่หมายความว่ากูเป็นคนขับรถงั้นเรอะ
   “เอ้า!  ขึ้นสิครับ”
   “จะไปไหน”
   “ขับตามที่ผมบอกก็พอครับ” มันดันไหล่ผมเข้าไปในรถแล้วปิดประตูให้ทันที  จะใช้โอกาสที่มันวิ่งไปขึ้นรถอีกฝั่งถอยรถทับ  แต่ก็ไม่ทันซะแล้ว  มันวาร์ปตัวเองขึ้นมานั่งรัดเข็มขัดเรียบร้อย “เอาล่ะครับ...  ไปกันเถอะ”
   “นี่ตกลงให้กูเป็นสารถีให้เหรอ” ผมขมวดคิ้ว
   “ถูกครับ  พวงมาลัยอยู่ที่ใครคนนั้นก็ขับสิครับ” แล้วถ้ามันไปอยู่บนหน้ามึงล่ะ...  งานนี้ใครจะขับ?  ผมด่าทอในใจ  ก่อนจะหมุนพวงมาลัยถอยรถออกมุ่งสู่ถนนใหญ่

   ไอ้ตุ๊กตาหน้าผีเอื้อมมือไปกดเปิดวิทยุฟังเพลงเบา ๆ ประหนึ่งเป็นรถตัวเอง  เห็นแล้วผมโคตรอยากอัดฝั่งขวาเข้ากับไอ้เน่าของคิน  เชื่อผมสิ!  รถผมยุบแต่ไอ้เน่ายังอยู่แน่ ๆ  ผมว่าแค่มันเอามารับไอ้ไปป์ทุกวันนี้ได้  ก็สิ่งมหัศจรรย์ของโลกแล้วล่ะครับ

   “พรีเซนต์งานเป็นไงบ้างครับ”
   “เละ...” สั้น ๆ แต่ตรงประเด็นครับ
   “ธรรมดาครับ  เวลาผมพรีเซนต์งานแล้วโดนด่า  ก็แค่ยิ้มให้อาจารย์แค่นั้น  แกก็เลิกด่าไปเองแหละครับ”
   “นั่นเขากลัวมึงต่างหาก”
   “อ้าวเหรอครับ  แย่จัง  ฮะ ๆ ๆ” เลิกหัวเราะชวนสยองบนรถกูนะ  สงสารลูกกูเหอะ
   ผมสบถดัง ๆ  เพราะการจลาจรวันนี้มันนรกจริง ๆ  ถึงจะรถติดแบบนี้ทุกวัน  แต่ผมก็ยังหัวเสียได้ทุกวันสิน่า  ไอ้วีออสคันข้างหน้ามันขับเกรียนเหลือเกิน

   ปี๊นนนนนนนนนน

   ผมบีบแตรไล่  ไฟเขียวแม่งคือขุมทรัพย์บนท้องถนนนะเว่ย  มึงยังจะมาลอยชายอยู่อีก  สงสารคนขับตามบ้างเว้ยเฮ้ย “แม่งนั่งตัดเล็บตีนบนรถอยู่รึไงวะ”
   “ใจเย็น ๆ ครับ  เดี๋ยวแยกหน้าเลี้ยวขวานะครับ”
   “เย็นบ้าเย็นบออะไรล่ะ  นั่นไง!  แดงอีกแล้ว  แม่งงงงงงง  ถ้าจะขับรถเหี้ยขนาดนี้  เอาใบขับขี่ปาดคอตายเหอะมึง”
   “ไฟแดงคือเวลาให้คนขับรถได้สงบจิตใจนะครับ”
   “สงบบ้าอะไรล่ะ”
   “ก็ทำให้คนบนรถได้อยู่ด้วยกันนานขึ้นไงครับ”
   “........” ไปไม่เป็นครับ  บอกตรง ๆ ว่าไปไม่เป็น  ผมเลยนั่งเงียบสงบปากสงบคำบนรถ  รอจนไฟเขียวนั่นแหละถึงได้ไปต่อ  โดนรถคันข้าง ๆ เบียดจนแทบจะขึ้นคร่อมรถผมอยู่แล้ว

   “แม่ง!  ถ้ารีบนักทำไมมึงไม่ออกจากบ้านตั้งแต่เมื่อวานเลยวะ”
   “ก็ถ้าขับช้าเขาก็ต้องเอาใบขับขี่ปาดคอตายสิครับ”
   “ยอกย้อนเหรอ?” ผมเหยียบคันเร่งให้เข็มบนหน้าปัดพุ่งสูงขึ้น  เอาซี้!  ดูกันว่ามึงกับกูใครจะหลุดแยกนี้ไปได้ก่อนกัน  ว่าแล้วก็เปลี่ยนเลนไปอีกเส้นนึง
   “ฟาร์ครับ...”
   “อะไร”
   “ผมลืมบอก  เราต้องเลี้ยวเมื่อกี้ครับ”
   ผมหันขวับไปถลึงตาใส่มัน  แม่งเอ๊ย!  มึงคิดว่าการขับรถบนถนนกรุงเทพมันเป็นเรื่องง่ายนักรึไงวะ  พลาดแม้แต่แยกเดียวคุณเตรียมพบกับหายนะได้เลย  ผมเลยต้องไปต่อแถวยูเทิร์นที่ยาวเป็นกิโลฯ  เสียเวลาจริง ๆ  รอ ๆ ไปสักสิบนาที  ผมก็กำลังจะหักพวงมาลัยเลี้ยว  ถ้าไม่...

   “เอ๊ะ... หรือไม่ต้องยูเทิร์นหว่า” ไอ้อาร์ทลูบคางอย่างใช้ความคิด “ไม่ต้องแล้วครับ...  ตรงไปอีกแยกนึงแล้วค่อยเลี้ยวดีกว่า”
   “โง่เอ๊ย” ผมสบถ “ทำไมไม่บอกแต่แรกวะ” มันหัวเราะแหะ ๆ เหมือนรู้สึกผิด  ขอใช้คำว่า ‘เหมือน’ นะครับ

   ผมเหยียบคันเร่งแทบมิดเพื่อผ่านไฟจราจร  ตอนที่มันเหลืองสุกงอมแทบจะเป็นแดงแล้ว  แถมฉีกยิ้มอย่างผู้ชนะให้ตัวเอง...  เก่งเหมือนกันนี่หว่าเรา
   “ขับเร็วจังเลยครับ”
   “ขับช้าก็ไม่ทันกินเขาน่ะสิ”
   “ผมเลยบอกไม่ทันเลยว่าต้องเลี้ยวซ้ายเมื่อกี้”

   ควับ!

   ผมหันไปมองหน้ามัน  แต่ไอ้กัญชาเบนสายตาออกไปที่กระจกข้าง  มันท้าวคางแล้วผิวปากอย่างอารมณ์ดี  หืยยยยยยยยย!  ไม่ได้โง่นะโว้ย  จะได้ไม่รู้ว่ามึงปั่นหัวกูอยู่น่ะ!  ผมกัดฟันสงบสติไม่ให้ถอดพวงมาลัยมาฟาดมันให้ดับคาที่  ก่อนจะบรรจงไปยูเทิร์นมาเลี้ยวซ้ายให้มัน

   “ยังเครียดเรื่องพรีเซนต์อยู่มั้ยครับ  เห็นตั้งแต่ออกมาจากห้องก็หน้าตาเครียด ๆ”
   “ตอนนี้หันมาเครียดเรื่องมึงแทนแล้ว”
   “เหรอครับ” เสียงมันดูมีชีวิตชีวาขึ้น “ฟังแล้วมีความสุขจัง”
   “.........” เอ่อ...  บอกผมทีว่าแอร์มันเย็นขึ้นเหรอ  ทำไมขนลุกขึ้นมาวะ  แปลกจริง ๆ
   “เดี๋ยวเลี้ยวเข้าซอยข้างหน้าเลยนะครับ”
   “แล้วจะบอกได้รึยังว่าจะไปไหน”
   “เห็นแล้วก็รู้เองแหละครับ” ชักกลัวแล้วสิ  ไม่ใช่ว่าเป็นแหล่งซ่องสุมอะไรหรอกนะ  แล้วไอ้นี่ก็เข้าไปรับยามาเสพจนเพ้อขนาดนี้  ผมอยากจะโทรเรียกโรงพยาบาลมารับมันไปบำบัดซะที

   ซอยที่เราเลี้ยวเข้ามาเป็นถนนขนาดกลางซึ่งแน่นอนว่าขนาดไม่มีผลต่อการติดขัดของถนน  รถติดบรมครับ!  ผมนั่งเคาะพวงมาลัยเป็นจังหวะมั่ว ๆ แก้เซ็ง  อยากกับบ้านไปนอนแล้วนะ...

   “โอเคครับ  ขวาอีกที” ผมเลี้ยวตามที่มันบอก “เอ๊ะ... หรือซ้ายนะ?”
   “กูจะรู้มั้ย!?” พยายามระงับสติไม่ให้ขับเสยฟุตบาทอยู่ครับ
   “โอเคครับ  ตกลงผมว่าซ้าย” แล้วมึงมาบอกอะไรตอนกูหักขวาแล้ววะ!  ผมรีบหักพวงมาลัยไปอีกทาง  เพื่อจะยื้อชีวิตตัวเองและน้ำมันในถัง  แต่...  ปี๊นนนนนนนนนนนนนนนนน  รถคันข้างหลังกดแตรซะจนปุ่มแทบทะลุ  เล่นเอาผมลนแล้วต้องหักกลับไปทางเดิม
   “แม่ง...  จะบีบหาสวรรค์วิมานอะไรวะ  กลัวเขาไม่รู้ว่าซื้อรถแล้วแถมแตรเหรอ” ผมสบถอย่างหัวเสีย  ตอนนี้สติแตกไปอย่างสมบูรณ์แล้วครับ  พร้อมจะพุ่งชนทุกคนที่มาเดินผ่านหน้า  ขอเชิญคนนั่งข้าง ๆ ลงไปเดินเป็นคนแรกเลยครับ

   “เออ...  ทางนี้ก็ถูกแล้วนี่ครับ  โอเคเลยครับ  ข้างหน้านี่เลย” โอ๊ย...  ผมเกือบจะหลั่งน้ำตาออกมาตอนที่เปิดไฟเลี้ยงตะล่อม ๆ ไปจอดหน้าตึกแถวหลังหนึ่ง  ผมปลดเข็มขัดออกแล้วรีบเงยหน้ามองสถานที่ในตำนาน

   ‘ร้านเช่าการ์ตูนคุณเอ้’

   ปึด...  เส้นเลือดที่ขมับผมกระตุกแต่มันไม่เท่าไหร่เมื่อเจอป้ายต่อมา... ‘หยุด1-6 ก.พ.’

   “ว้า...  แย่จังเลยนะครับร้านหยุดซะอย่างงั้น  โดนปรับไปหลายบาทแล้วนะเนี่ย”
   ไอ้-เชี่ย-อาร์ท!  มึงแกล้งกูใช่มั้ย  สัตว์!  มึงหลอกให้กูขับรถวนเล่นเหรอ  มึงว่างมากนักเหรอ...

   ผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า  หันไปงัดกับประตูรถ...  ผมจะหนี  ไม่รู้ว่าหนีไปไหน  แต่ผมไม่อยากอยู่กับคนอย่างมันแล้ว  แต่ไอ้เวรนั่นเอื้อมมือมายื้อแขนผมไว้ไม่ให้โดดลงรถไป

   “จะไปไหนครับ  เดี๋ยวก็หลงกันพอดี”
   “........” ผมเงียบแต่สะบัดข้อมือออกแรงขึ้นด้วยความโกรธ
   “โกรธเหรอครับ” สีหน้าของมันสลดลงอย่างเห็นได้ชัด  แต่ผมก็ไม่ตอบอะไรทั้งนั้น  รู้แต่ว่าไม่อยากเห็นหน้ามัน... “ผมขอโทษ”

   ผมชะงักไปกับคำพูดนั้น  ป๊าผมเคยสอนไว้แต่เด็กว่า  ลูกผู้ชายทำผิดแล้วรู้จักขอโทษ  แต่ผมก็ยังคงกรุ่นด้วยอารมณ์อยู่ดีแหละ  รู้สึกว่าหน้าตัวเองร้อนไปหมดด้วยความโกรธ  ผมสะบัดมือมันเป็นครั้งสุดท้ายแล้วกลับมานั่งเงียบ ๆ อยู่หลังพวงมาลัย

   “ต้องการอะไร...  ทำแบบนี้ต้องการอะไร?” มืออุ่น ๆ เอื้อมมาจับคางผมให้หันไปมอง  มันยังคงอยู่ที่เดิม...  ไอ้ผู้ชายกวนประสาท  หน้ามึน  และชอบขู่คนนั้น...  แต่คราวนี้มีบางอย่างที่เปลี่ยนไปจากปกติ  ดวงตาคู่นั้นไม่ได้เลื่อนลอยไร้จุดหมายเหมือนเช่นเคย  เวลานี้มันแฝงไปด้วยความจริงจัง  และกำลังจ้องลึกเข้ามาในตาผม  ริมฝีปากบางนั่นค่อย ๆ ขยับช้า ๆ

   “คบกับผมนะครับ”

   มีแต่ความเงียบเท่านั้นที่เป็นคำตอบ  ผมไม่ได้พูดอะไรทั้งนั้น  หัวสมองมันว่างเปล่าเกินกว่าจะประมวลผลข้อมูลอะไรได้  ผมหลบสายตาที่ยังคงมองมา  ก้มหน้ามองพวงมาลัยอยู่อย่างนั้นนานมาก  รู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก  ไม่คิดว่าวันนี้มันจะพูดประโยคนี้ออกมาจริง ๆ  ประโยคที่... ผมกลัวว่าจะได้ยินมาตลอด

   “ส่งผมลงที่ป้ายรถเมล์ตรงปากซอยนี้ก็ได้ครับ  ไม่เป็นไร... ผมรอได้” ผมสะอึกกับคำพูดนั้น  รองั้นเหรอ?  รออะไร?  รถเมล์หรือว่าผม?

   ผมทำได้เพียงแค่หักพวงมาลัยกลับออกมาตามทิศทางเดิมเท่านั้น  ไม่กล้าหันไปมองอย่างอื่นนอกจากถนนตรงหน้า  ผมจอดรถเทียบข้าง ๆ ป้ายรถเมล์แล้วรอฟังเสียงปิดประตูช้า ๆ  แล้วค่อย ๆ ขับออกมา  ผมแอบเหลือบดูผู้ชายคนนั้นผ่านทางกระจกข้าง  อาร์ทมันเดินไปยืนรอที่ป้ายรถเมล์เรียบร้อยแล้ว  แต่สายตาของมันยังจับจ้องมาที่รถผมไม่วางตา  ผมรีบเหยียบคันเร่งหนีไปจากตรงนั้นให้เร็วที่สุด

   หัวสมองที่เคยว่างเปล่า  ตอนนี้มันตีกันสับสนวุ่นวายไปหมดแล้ว  ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้เลย  ผมมันเห็นแก่ตัว  ที่เคยกลัวมาตลอดว่าความรู้สึกเดิมจะกลับเข้ามา  ในที่สุดมันก็มาถึง...  หัวใจผมมันเจ็บปวดกับความรักมามากเกินพอแล้ว...  มากจนไม่อยากจะใช้มันอีกครั้ง....

   เจ็บแล้วจำฝังใจ  ใคร ๆ ก็บอกว่าผมเป็นคนอย่างนั้น  ถ้าไม่ชอบสิ่งไหน  ผมก็จะไม่เข้าใกล้  เหมือนกับที่ผมหนีผู้คนมาตลอดชีวิตนั่นแหละ  แล้วการที่ผมยอมให้มันเข้าใกล้ตัวเองแบบนี้  มันหมายความว่ายังไงกัน?  ผมไม่ได้เกลียดมันสินะ  แล้วถ้าอย่างนั้นความรู้สึกตรงนี้มันเรียกว่าอะไรกันล่ะ...  จะใช่ ‘รัก’ ที่เคยทรมานคนโง่อย่างผมจนปางตายอย่างนั้นแน่เหรอ?

   ผมยกมือขึ้นแนบที่อกซ้ายของตัวเอง  จังหวะของมันกำลังเปลี่ยนไป  มันเต้นเร็วขึ้นและเร็วขึ้น...  ผมเกลียดมัน  เกลียด... เกลียด... เกลียด...


   ถ้าผมเป็นคนไม่มีความรู้สึกก็คงจะดีสินะ


TBC

ขยายความหน่อยนะคะ ไม่อยากให้โกรธน้องฟาร์ คนเราไม่เหมือนกัน ความคิดย่อมต่างกันค่ะ
ลูกเมียน้อยกลับมาแย่งซีนอีกครั้ง จะพยายามเขียนสเปฯรูมให้มากขึ้นนะคะ เพราะเพิ่งสำนึกได้ว่าเขียนน้อยมากเลย(ตอนนี้ตอนที่5เอง)
ที่ทำแบบนั้นเพราะมันจะได้เข้าคอนเซ็ปลูกเมียน้อยค่ะ(แถ) อันที่จริงคนเขียนรักพ่อพระเอกเลยกลัวโดนอาร์ทแย่งซีนต่างหาก 555
ตอนหน้ายังเป็นลูกเมียน้อยอยู่นะคะ

อากาศเริ่มร้อนแล้วนะคะ รักษาสุขภาพตับกันด้วยนะคะ เดี๋ยวตับแตก //ฮากริบ....

PS.ได้ศัพท์ใหม่จากโอเน็ตของน้องๆ คือ"เตะบอล"แล้วค่ะ (แล้วนักบอลที่เราดูอยู่นี่มัน.......)
PS.มีอะไรไปเม้าท์มอยในแฟนเพจได้นะคะ มามะมาจอยกันจอยกัน(เพลงบ่งบอกอายุ)
PS.ชักคันมืออยากเขียนลุงสักตอนแฮะ แต่แค่นี้ยังเอาตัวเองไม่รอดเลยค่ะ//ทรุด

ออฟไลน์ special

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 261
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-3
โอ่ยยยยยยยยยยย รับรักพี่อาร์ทเถอะค่า....

อ่านแล้วก็ใจสั่นตามน้องฟาร์เลยทีเดียวววว

Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
เอิ่มมมม หนุ่มกัญชา  จะดีไปไหนน๊ออออ :-[

ระวังอย่าเข้า คอนเซป  ดีเกินไปนะ :sad4:

ฟาร์ ขอให้รู้ใจตัวเองเร๊วๆๆนะ :serius2:

ช่วงนี้ เอาลูกเมียน้อยมา บ่อยๆๆก็ดีน๊า :กอด1:

เอาตอนหลักมากลัวจบเร๊ว อ่าา T^T :( :-[

ออฟไลน์ malula

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7216
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +622/-7
จะหนียังไงก็คงไม่รอดแล้วล่ะฟาร์

ออฟไลน์ aorpp

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1276
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +250/-3
กรี๊ดดด กรีดร้อง ถูกใจ
ในที่สุดน้องฟาร์กับอาร์ทก็ได้ฤกษ์เปิดตำนานแย้ววววว
รีบๆโอเคไปเร็วๆเถอะ ฟาร์เอ๊ย ก่อนที่อาร์ทจะส่งน้องหนูดีมาเป็นกามเทพ
+1  :กอด1:

gonna.be

  • บุคคลทั่วไป
ยังไม่ได้อ่าน อยากเม้นก่อน อิอิ  :o8:

ออฟไลน์ gupalz

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4911
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +604/-20
ฟาร์ตกลงไปเลย

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด