(เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: (เรื่องเล่า)"อดีตเด็กพาณิชย์กลับมาเล่าต่อครับ" โดย COMMERCIAL COLLEGE STUDENT  (อ่าน 315164 ครั้ง)

นู๋บอย

  • บุคคลทั่วไป
 :o   ตามมะทันอ่ะ อ่านจบแค่ตอนนี้เด๋วไล่อ่านให้หมดก่อนจะมาเม้นท์นะฮะ

แต่ขอฝากไอ้นี่    :เตะ1:  เอาไว้ทีนึง  ทำงี้กันได้ไง   :ฮึ่มม:

bigynew

  • บุคคลทั่วไป
 :angry2:
วุธทำอย่างงี้ได้ไงเนี้ย ทำไมทำกับเอ้แบบนี้อ่ะ

papae

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
พี่เอ้ค่ะ นู๋เพิ่งมาตามอ่านค่ะ...พี่เอ้ค่ะ นู๋เกลียดวุธ เกลียดที่ทำให้พี่เอ้ต้องเสียใจ เกลียดที่ไม่มั่นคงในความรัก เกลียดที่ไม่มั่นคงกับพี่เอ้ เกลียดอ้ายพี่คนนั้นด้วยค่ะ พี่เอ้ค่ะเสียใจได้แต่ต้องเข้มแข็งไว้นะค่ะ ยังมีพวกนู๋ๆกับเพื่อนๆในบ้านหลังนี้อยู่เคียงข้างพี่เอ้ค่ะ อย่าไปเสียใจมากมายให้กับคนแบบนั้นเลย ตัดให้เด็ดขาดไปเลยค่ะ ก้อรู้นะค่ะว่าพี่เอ้ไม่มีเวลาให้กับวุธ แต่วุธจะมาบอกว่าเหตุผลอันนี้แล้วทำให้นอกใจน่ะ มันเกินไป มันไม่ใช่ พูดแล้วแค้น :angry2: ถ้าตัววุธยังไม่หนักแน่นพอก้ออย่าไปโทษคนอื่นเลย โทษตัวเองก่อนเลย  ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก้ออย่าอยู่ด้วยกันเลย พี่เอ้ค่ะรักแท้หาได้ยากแต่ใช่ว่าจะไม่เจอเลย เริ่มต้นค้นหาใหม่ก้อได้เนอะ  นู๋น่ะพออ่านตอนที่เค้ามาส่งกันถึงเตียงอ่ะ มันแบบเจ็บจี๊ดเลยค่ะ :m15: คนทำไม่คิดแต่คนที่ได้รับผลจากการกระทำน่ะมันเจ็บปวด  คนแบบวุธพี่เอ้คิดว่าเป็นก้อนหิน ก้อนกรวดแล้วกันนะค่ะ เขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ อย่าได้หันกลับไปมอง ซักวันนึงความเจ็บปวดจะค่อยๆจางไปนะค่ะ ไม่ต้องลืมให้เก็บไว้เป็นบทเรียนก้อแล้วกัน อย่าทำร้ายตัวเองด้วยคนคนนั้นอีกเลยนะค่ะ   

vorest

  • บุคคลทั่วไป
ผมอ่านแล้วเจ็บจี๊ดๆเลยคับ

เศร้าตามจริงๆ...

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
พี่เอ้ค่ะ นู๋เพิ่งมาตามอ่านค่ะ...พี่เอ้ค่ะ นู๋เกลียดวุธ เกลียดที่ทำให้พี่เอ้ต้องเสียใจ เกลียดที่ไม่มั่นคงในความรัก เกลียดที่ไม่มั่นคงกับพี่เอ้ เกลียดอ้ายพี่คนนั้นด้วยค่ะ พี่เอ้ค่ะเสียใจได้แต่ต้องเข้มแข็งไว้นะค่ะ ยังมีพวกนู๋ๆกับเพื่อนๆในบ้านหลังนี้อยู่เคียงข้างพี่เอ้ค่ะ อย่าไปเสียใจมากมายให้กับคนแบบนั้นเลย ตัดให้เด็ดขาดไปเลยค่ะ ก้อรู้นะค่ะว่าพี่เอ้ไม่มีเวลาให้กับวุธ แต่วุธจะมาบอกว่าเหตุผลอันนี้แล้วทำให้นอกใจน่ะ มันเกินไป มันไม่ใช่ พูดแล้วแค้น :angry2: ถ้าตัววุธยังไม่หนักแน่นพอก้ออย่าไปโทษคนอื่นเลย โทษตัวเองก่อนเลย  ถ้าไม่ซื่อสัตย์ต่อกันก้ออย่าอยู่ด้วยกันเลย พี่เอ้ค่ะรักแท้หาได้ยากแต่ใช่ว่าจะไม่เจอเลย เริ่มต้นค้นหาใหม่ก้อได้เนอะ  นู๋น่ะพออ่านตอนที่เค้ามาส่งกันถึงเตียงอ่ะ มันแบบเจ็บจี๊ดเลยค่ะ :m15: คนทำไม่คิดแต่คนที่ได้รับผลจากการกระทำน่ะมันเจ็บปวด  คนแบบวุธพี่เอ้คิดว่าเป็นก้อนหิน ก้อนกรวดแล้วกันนะค่ะ เขวี้ยงทิ้งไปไกลๆ อย่าได้หันกลับไปมอง ซักวันนึงความเจ็บปวดจะค่อยๆจางไปนะค่ะ ไม่ต้องลืมให้เก็บไว้เป็นบทเรียนก้อแล้วกัน อย่าทำร้ายตัวเองด้วยคนคนนั้นอีกเลยนะค่ะ  
เหงด้วยมากมายเลยนะฮะพี่เอ้

ยังไงก้อมีน้องๆรอพี่เอ้อยุ่นะฮะ.

เปงกำลังใจให้นะตลอดไปนะฮะ :m17: :m17: :m17: :m17:

ตามมาดู

  • บุคคลทั่วไป
 และแล้วพายุก็มาดังคาด ...
 เฮ้อ..........
 รออ่านต่อดีกว่า ......

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
รอพี่เอ้ฮะ.........จะรอต่อไป

ยังไงก้อจะรอนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะ สู้ๆนะ :m17: :m17:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
6. Listen
.....คืนนั้น...ผมยืนรอวุธที่หน้าห้องน้ำนานมาก วุธมันก็อาบน้ำไม่เสร็จซะที เสียงฝักบัวดังไม่ขาดสาย ตอนแรกคิดว่ามันเมาหลับ...หรือว่าเป็นอะไรในห้องน้ำ...แต่พอเคาะประตูเรียกอีกทีมันก็ขานรับเบา ๆ ยิ่งทำให้ผมแน่ใจว่ามันไม่กล้าสู้หน้าผมในตอนนี้...เอางั้นก็ได้...ผมเดินไปหยิบบัตรเข้าเธคที่สามารถนำไปแลกดริ้งค์ที่เหลืออยู่อันนึงในกระเป๋า แล้ววางไว้ให้มันเห็นชัด ๆ บนเตียง...วุธมันต้องรู้แน่นอนว่าคืนนี้ผมไปเที่ยวที่เดียวกับมันเพราะด้านหลังบัตรมันปั๊มวันเดือนปีอยู่...หลักฐานคาตาก็จริง...แต่มันด่าผมเรื่องหนีเที่ยวไม่ได้อีกต่อไปแล้ว...ยิ่งคิดยิ่งแค้น..ผมหอบสมบัติจำเป็นไปไว้ห้องแม่ ตั้งใจปิดประตูเสียงดัง ให้มันรู้ว่าผมไม่อยู่ในห้องแล้ว...มันจะได้ออกมาพักผ่อนซะที...แช่น้ำนาน ๆ เดี๋ยวตัวเปื่อยหมด.....
.....เข้าห้องปิดล็อคแน่นหนา พวงกุญแจสำรองก็อยู่กับผม...เดินวนไปวนมาไม่นาน...เอาหูแนบกำแพงห้องข้าง ๆ ได้ยินเสียงวุธเดินเพ่นพ่านเหมือนกัน...จากที่เคยอยู่ด้วยกันมานาน...ผมนึกภาพออกเลยว่า วุธมันต้องกระวนกระวาย ที่เห็นผมขนข้าวของไปนอนห้องแม่...เวลาผ่านไปพักใหญ่ ๆ ผมเริ่มเคลิ้มจะหลับเพราะความอ่อนเพลียจากการทำงานและรู้สึกปวดตาที่ก๊อกแตกไปเมื่อครู่.....
“...เอ้...เอ้...หลับยัง...” เสียงวุธเคาะประตูเรียก ผมเงียบ วุธเคาะอีก “...เอ้ยังไม่หลับหรอก...ผมรู้...เปิดประตูที...” รู้ดีจริง ๆ นะมึง
“...โอ๊ย...วุ่นวายว่ะ...ไม่เปิด...ง่วง...” ผมตะโกนตอบห้วน ๆ
“...ขอคุยด้วยหน่อย...”
“...ช้าไปแล้ว...เมื่อกี้ยืนรอตั้งนาน...เห็นหายเงียบในห้องน้ำ...คิดว่าไม่มีอะไรจะพูดซะอีก...ตอนนี้มันหมดเวลาแล้วโว้ย...” ผมกวนมันโดยลุกขึ้นมายืนพูดหันหลังพิงประตู
“...เอ้ครับ...เปิดประตูหน่อยนะครับ...” มันเงียบไปนิดนึงก่อนใช้ลูกอ้อน ผมเปิดแง้มประตูนิด ๆ มันฉีกยิ้มดีใจ แต่ก็ต้องหุบยิ้มทันทีที่ผมพูด
“...ไปนอนได้แล้ว...” สั้น ๆ ด้วยน้ำเสียงเข้ม ๆ ก่อนปิดประตูกระแทกใส่หน้ามันดังโครม
*
*
*
.....เมื่อคืนกว่าจะข่มตาหลับได้ ปาเข้าไปเกือบสว่าง...ทั้ง ๆ ที่ก่อนหน้านั้นทำใจได้ เคลิ้ม ๆ จะหลับอยู่แล้วเชียว แต่พอมันมาเคาะประตู เห็นหน้ามันยิ้มกว้างดีใจที่ยอมเปิดประตู ผมแทบจะใจอ่อน...แถมรู้สึกเสียใจที่ไปปิดประตูใส่หน้ามันอย่างนั้น ใจนึงก็กลัวมันโกรธ อีกใจนึงก็บอกว่าไม่ต้องแคร์...ถ้าเมื่อคืนเราทำงานรอบดึกต่อ พวกเขาสองคนจะทำอะไรกันไปถึงขนาดไหน...อีกอย่าง ก่อนหน้านี้ที่เรามัวแต่ทำงานล่ะ...พากันมาสนุกกี่ครั้งแล้ว...ความดี ความน่ารัก ช่วงเวลาที่ผมกับมันมีความสุขร่วมกัน ลอยวนเวียนอยู่ในหัว สลับกับภาพเหตุการณ์เมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมา ทั้งที่ร้าน และที่ห้อง...คิดเรื่อยเปี่อยไปจนถึงเวลาที่พวกเค้าสองคนอยู่ด้วยกัน ทำอะไรกัน...บางทีก็คิดว่าเราน่าจะปล่อยไอ้วุธไป เพราะคนที่ทำให้วุธเขวได้คนนี้ ผมเทียบไม่ติดในทุก ๆ ทาง.....
.....11 โมงกว่า ผมลืมตาตื่นทั้งที่ยังปวดหัวตุ๊บ ๆ นอนคิดอะไรสักพัก ไม่อยากไปทำงาน แต่ก็ลาหยุดไม่ได้...ฝืนสังขารเข้าห้องน้ำ พออาบน้ำเสร็จดันลืมไปว่า เสื้อผ้าทั้งหมดอยู่ในห้องนอนเดิมของตัวเอง...ด้วยความลืมตัว ผมออกมาจากห้องด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำเพียงตัวเดียว ค่อย ๆ ย่องไปเปิดประตูห้องนอนตัวเอง มองรอบ ๆ ไม่เห็นวุธในห้อง...รีบรื้อเอาชุดที่จะใส่ไปทำงาน และเสื้อผ้าสำหรับใส่นอนคืนนี้ พาดแขนไว้ พอปิดประตูตู้ ผมต้องใจหายวาบ เพราะไอ้วุธมันเข้ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้...ยืนอยู่ห่างไม่ถึงฟุต...ผมก็เก๊กหน้าทำเป็นไม่สนใจ มองผ่านหัวมันเดินกลับห้องแม่.....
“...เฮ้ย...” ผมร้อง ตกใจที่วุธมันกระชาก ไม่สิ มันแค่ดึงแขนผมไว้เฉย ๆ แต่ผมไม่ได้ตั้งตัว ก็เลยเซ ไปหามันเต็ม ๆ เข้าทางเลยครับ มันกอดผมไว้จากด้านหลัง คางมันเกยที่ไหล่ผม...ลมหายใจอุ่น ๆ รดต้นคอ...กลิ่นแป้งเด็ก และยาสีฟัน ทำให้ผมรู้ว่ามันก็เพิ่งอาบน้ำแต่งตัวเหมือนกัน...
“...เอ้...ผมขอโทษ...” คำขอโทษของวุธ ได้ผลทุกครั้ง แต่มันบ่อยไปในความคิดผม ทำผิดด้วยความตั้งใจ แล้วมาพูดแค่ขอโทษ ต่อไปก็คงทำอย่างนี้อีก
“...ปล่อย...” ผมแกะมือมันออกจากแขน
“...ถ้าปล่อยแล้วเอ้ต้องคุยกับผมนะ...” มันต่อรอง
“...คุยเรื่องอะไร...”
“...ก็เรื่อง...เอ่อ....เรื่อง...” มันอ้ำอึ้ง
“...อยากจะพูดเรื่องอะไร...ไปคิดให้ดี ๆ ซะก่อน...จะได้ไม่เสียเวลา...หวังว่าจะเป็นคำอธิบาย ไม่ใช่คำแก้ตัวนะ...” ผมพูดเสียงเรียบก่อนเดินเข้าห้องแม่ไปแต่งตัว
*
*
.....ข้าวไข่เจียวหมูสับ กับแกงจืดเต้าหู้ สำหรับผม และกระเพราหมูสับไข่ดาวของวุธ อาหารง่าย ๆ ถูกจัดวางไว้บนโต๊ะกินข้าวในครัว...แค่ได้กลิ่นผมก็รู้ว่าเป็นฝีมือวุธ...น้ำตาคลอขึ้นมาอีกรอบ...ระยะหลังมานี่ เราแทบไม่ได้ทำกับข้าวกินกันเลย...วูบนึงคิดว่าเรื่องที่เกิดขึ้น เป็นความผิดของตัวเอง ที่ไม่มีเวลาให้วุธ...แต่มันก็น่าจะเข้าใจว่าผมทำงาน และเราก็ไม่ใช่เด็ก ๆ กันแล้ว จะให้มาสวีทหวานแหววเหมือนแต่ก่อนผมว่ามันขัด ๆ ยังไงไม่รู้สิ (แต่ก็รู้สึกดีทุกครั้งนะครับ เพียงแต่เราไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันมากกว่าในตอนนั้น).....
....วุธเดินตามเข้ามาในครัว ยิ้มแห้ง ๆ ในขณะที่ผมมองหน้ามันและอาหารบนโต๊ะอย่างชั่งใจว่าจะกินดีหรือไม่กินดี...ถ้ากินมันอาจจะคิดว่าผมใจอ่อน...แต่ถ้าไม่กิน มันก็จะเสียใจที่อุตส่าห์ตื่นขึ้นมาทำกับข้าวให้ผม.....
“...กินข้าวกันเถอะ...” วุธจูงมือผมไปที่โต๊ะกินข้าว ก่อนเลื่อนเก้าอี้ให้ผมนั่ง ผมมองหน้ามันอึ้ง ๆ นานแค่ไหนแล้วที่มันไม่ได้เอาใจเราถึงขนาดนี้

“...อย่าเวอร์...ขอร้อง...” ผมพูดเสียงแข็ง เผื่อว่าใจจะแข็งตามไปด้วย วุธหน้าเจื่อน
“...โอ๊ย..ลืมซอสพริก...เอ้รอแป๊บนะ...” วุธมันลุกลี้ลุกลน หาขวดซอสพริกให้ผม
“...ไม่ต้องลำบากหรอก...ไม่หิว...กินรองท้องนิดเดียวก็พอ...” วุธชะงัก ก่อนเดินไปนั่งเก้าอี้ตัวเอง
“...อร่อยเหมือนเดิมปะ...” วุธถามทันทีที่เห็นผมกลืนข้าวคำแรกลงคอไปแล้ว
“...ไม่มีอะไรเหมือนเดิมหรอก...” ผมตอบแบบไม่ต้องคิด วุธหน้าเสียอีกรอบ คงรู้ว่าผมไม่ได้พูดถึงรสชาติอาหาร
*
*
.....วันนี้ออกไปทำงานเร็วกว่าที่เคย เพราะไม่อยากอยู่บ้านเห็นหน้าวุธที่เดินป้วนเปี้ยนไม่ห่าง...คอยเอาอกเอาใจ หยิบจับ ทำโน่น ทำนี่ ถ้ามันใส่รองเท้าให้ผมได้มันคงใส่แล้วหล่ะ...ทุกอย่างที่วุธทำ มันตรงกับกิจวัตรประจำวันของผม เสร็จจากกินข้าว ต้องทำอะไร แปรงฟันอีกครั้ง ขัดฟัน บ้วนปาก ทาครีมกันแดด ให้อาหารปลาหางนกยูง นั่งดูข่าวเที่ยง สลับกับอ่านหนังสือพิมพ์ให้ได้เวลา 30 นาทีก่อนออกจากบ้าน เพื่อให้ครีมกันแดดทำหน้าที่ของมันอย่างดีที่สุด วันนั้น ผมไม่ต้องกระดิกตัวหยิบอะไรเลย วุธเอามาประเคนให้ผมถึงที อีตอนทาครีมกันแดดยังทำท่าเหมือนจะทาให้ผมซะด้วย แต่เจอสายตาเย็นชาของผมเข้าไป มันก็เลยแค่ยื่นให้ผม โดยมีคำขอบใจเบา ๆ ปราศจากรอยยิ้มของผมตอบแทน.....
“...เอ้...รอด้วย...เดี๋ยวผมไปส่ง...” วุธวิ่งตามผมออกมาหน้าบ้าน อุตส่าห์แอบออกมาตอนมันเผลอแล้วเชียว
“...ไม่ต้อง...วันนี้จะเอารถไป...” วันเสาร์รถไม่ติด คิดว่าจะไปเที่ยวหลังเลิกงานประชดมันด้วย
“...งั้นเดี๋ยวผมขับให้...” วุธตื้อ
“...จะลำบากทำไม...อยู่บ้านเฉย ๆ...ไม่ก็ไปตีกอล์ฟสิ...หรือว่าจะชวนใครมานั่งเล่นนอนเล่นที่นี่ก็ได้นะ...ปล่อยให้เราไปทำงาน...ไปยืนฟังแขกด่าแปดเก้าชั่วโมง...เดี๋ยวก็กลับแล้ว...” ยิ่งพูดเสียงผมก็ยิ่งสั่น ความน้อยใจกับเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน สืบเนื่องมาจากผมไม่มีเวลาให้มัน และยิ่งมันมาทำดีกับผมอย่างนี้ มันเหมือนกับทำดีไถ่โทษ มากกว่าที่จะตั้งใจทำดีเพราะอยากทำดีกับผม
“...เอ้...อย่าพาลดิ...” วุธพูดเสียงเรียบบ้าง ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมก็คงหยุด แต่วันนี้ไม่มีทาง
“...พาลตรงไหน...พูดจริง ๆ...อยากทำอะไร...ตามสบายเลย...แต่อย่ามาทำเป็นเนียน...เรื่องเมื่อคืนยังไม่ได้เคลียร์นะ...” ผมจ้องหน้ามัน วุธหลบตา
“...งั้นเราเคลียร์กันบนรถ...” วุธถอนหายใจเฮือกใหญ่...ก่อนพูดออกมา
“...ไม่อ่ะ...พรุ่งนี้ค่อยคุยกัน...” ผมบอกปัด เพราะไม่อยากให้มันขับรถไปส่งผม
“...แล้วทำไมไม่คุยกันคืนนี้...” วุธเอะใจ
“...เลิกงานแล้วจะไปเที่ยวต่อ...กลับดึก...”
“...ไปด้วย...เดี๋ยวผมไปรับที่โรงแรม...”
“…Thanks but no thanks…” ผมเคยพูดประโยคนี้กับมันเมื่อตอนเป็นเด็ก วุธอึ้ง นี่เป็นครั้งแรกที่ผมโกรธมัน แต่ก็พูดกับมันมากกว่าทุกที
“...ไป...ขึ้นรถ...ฝากบ้านด้วยนะพี่...” วุธหันไปพูดกับพี่ข้างบ้านที่ผมจ้างมาทำความสะอาดตอนบ่าย ๆ ทุกวัน แกเดินเข้ามาพอดี จากนั้นมันก็เปิดประตู แล้วดันตัวผมเข้าไปในรถ จะให้สะบัดสะบิ้งเหมือนเมื่อก่อนก็คงดูน่าเกลียด ผมเลยนั่งทำหน้าเฉยที่สุดเท่าที่จะเฉยได้
*
*
*
.....บรรยากาศในรถอึมครึม...เอาเข้าจริง ๆ ผมก็กลัวมันเคลียร์ และพูดอะไรที่ผมไม่อยากได้ยิน ประมาณว่าดูหนัง ดูเอ็มวีเยอะ กลัวมันจะพูดว่า...เราเลิกกันเถอะ...เราห่างกันซักพักดีมั๊ย...เอ้ไม่มีเวลาให้ผมเลย...ผมชอบพี่พีท...ฯลฯ....คิดไปเอง รู้สึกตัวอีกที เหงื่อซึมมือทั้งสองข้างที่จับกันไว้แน่น ทั้ง ๆ ที่แอร์เย็นฉ่ำขนาดนี้.....
“...เฮ้ย...จะไปไหน...” ผมโวยวายเมื่อเห็นวุธเลี้ยวรถออกนอกเส้นทาง
“...ไปเคลียร์ไง...”
“...มีอะไรก็พูดมาสิ...กลับรถเลย...เดี๋ยวไปทำงานสาย...”
“...โทรไปลาก่อนดิ...จะไปทำงานเร็วหรือช้าก็ขึ้นอยู่กับว่าเอ้จะพูดรู้เรื่องหรือเปล่า...” วุธกวน
“...ไม่หรอก...มันขึ้นอยู่ที่แกจะพูดความจริงกับชั้นหรือเปล่าต่างหาก...” ผมย้อนไปบ้าง วุธยิ่งเร่งความเร็ว ป้ายบอกทางข้างหน้าชี้ไปที่ชลบุรี
*
*
.....วุธจอดรถที่ริมบึงภายในหมู่บ้านชื่อดังบริเวณชานเมือง ผมอดตื่นตาตื่นใจกับบรรยากาศรอบ ๆ ไม่ได้...วุธบอกกับพนักงานรักษาความปลอดภัยหน้าหมู่บ้านก่อนแลกบัตรเข้ามาข้างใน...เป็นชื่อเจ้าของบ้าน ซึ่งไม่คุ้นหูผมเลย...ยามให้เข้ามาแต่โดยดี...รถวิ่งผ่านบ้านใหญ่หลายสิบหลัง สโมสรอลังการสมกับชื่อเสียงของโครงการ...วุธขับรถวนไปวนมาจนพบกับบึงน้ำกลางหมู่บ้าน...เปิดกระจกและดับเครื่อง...ตอนนี้มีแต่ความเงียบ...ลมเย็นสบายพัดเข้ามาทางหน้าต่าง...วุธเอามือเสยผมที่ลมพัดมาปรกหน้าผาก...
“...เรื่องเมื่อคืน...ผมขอโทษ...” วุธพูดเสียงจริงจังเปิดประเด็นเร็วจนผมตั้งตัวไม่ติด
“...จำได้ปะว่าขอโทษเรามากี่ครั้งแล้ว...” ผมทำหน้าเครียด
“...ก็...ก็...” วุธอ้ำอึ้งพูดไม่ออก
“...ก็อะไร...ที่ทำไปน่ะ...มันเป็นเรื่องที่เราเคยขอร้องว่าอย่าทำ...และเราก็ไม่ชอบที่สุด...ใช่มั๊ย...” วุธพยักหน้าเบา ๆ “...ทำอย่างนี้ให้เราคิดว่ายังไงอ่ะ...ก่อนออกมาเนี่ยแกเอาอกเอาใจสารพัด...ทำให้เรายิ่งเจ็บที่รู้ว่าแกยังจำได้ว่าเราชอบอะไร...แต่เมื่อคืน...ทุกอย่างที่เราไม่ชอบ...แกทำหมดเลย...นี่ตกลงยังจำได้หรือเปล่าว่าเราเคยคุยอะไรกันไว้ที่แม่ฮ่องสอน...” วุธก้มหน้า
“...ผมเหงา...” วุธพูดเสียงเบา...แต่คำอธิบายสั้น ๆ คำนั้นมันดังก้องในหูผม
“...................................” ผมเป็นฝ่ายเงียบบ้าง
“...พี่พีทเขาก็แค่ให้ผมช่วยพาเขากับเพื่อนที่เพิ่งบินมาจากอเมริกาไปเที่ยว...ตอนกลางคืนผมก็ไม่มีอะไรทำ...อยู่คนเดียว...ผมก็เหงาเป็นนะ...”
“...แล้วทำไมต้องไปที่ร้านนั้นด้วยอ่ะ...แถวข้าวสาร...แถวสุขุมวิทก็มีที่เที่ยวดี ๆ ตั้งเยอะ...” ผมอื้ง แต่ก็ยังหาเรื่องมันต่อ
“...เพื่อนเขาเป็น...เอ่อ...เกย์...” วุธพูดไม่เต็มเสียง “...แล้วผมไม่รู้จักที่เที่ยวแบบนี้นอกจากที่นี่...ก็เมื่อก่อนเอ้เล่าให้ผมฟังว่ามันเป็นยังไง...ผมก็เลยพาไป...”
“...พี่พีทก็เป็นเกย์ด้วย...ใช่มั๊ย...” ผมคาดคั้นไม่สนใจเหตุผลที่มันไปร้านนั้น วุธพยักหน้า
“...ตอนนี้ที่บริษัทก็มีเรารู้กันแค่สองคน...” หึงครับหึง วุธมันคงรู้เลยรีบพูดต่อ “...แต่พี่เค้าไม่คิดอะไรกับผมหรอก...ก็เค้ารู้แล้วว่าเอ้เป็นแฟนผม...”
“...รู้ได้ไง...”
“...เราคุยเปิดใจกันหลังจากที่ผมรู้ว่าเค้าเป็นเกย์...” รู้สึกว่าจะสนิทกันจังนะ ผมยังหึงไม่เลิก แต่ต้องเก็บอาการไว้
“...แล้วทำไมต้องกินเหล้าเมาขนาดนั้น...ทำไมต้องพาเค้าเข้าบ้าน...ถ้าเมื่อคืนเราไม่อยู่อะไรจะเกิดขึ้น...” ผมยิงคำถามเต็มแม็ก
“...โหเกิดมาไม่เคยกินเตกิล่า...เห็นแก้วเล็กนิดเดียวไม่คิดว่ามันจะเมาเร็วขนาดนี้...ก็เลยล่อไปหลายเป๊ก...” เออว่ะ อย่างมันไม่ค่อยได้กินเหล้า คงไม่รู้อะไรนอกจากแม่โขงที่มันกับเพื่อนสมัยเรียนช่างกลชอบแอบกินหรอก “...พี่พีทเค้ากลัวผมกลิ้งตกบันได แค่ไอ้ตัวเล็กกระโจนใส่ผมก็แทบหงายท้องแล้ว...พี่เค้าก็เลยเดินขึ้นมาส่ง...” ไอ้ตัวเล็ก หมาผมไม่ได้ตัวเล็กอย่างที่มันพูดนะครับ โกลเด้นโตเต็มวัย แต่มันเรียกว่าไอ้ตัวเล็กจนติดปาก
“...เมาขนาดนี้...ถ้าเค้าทำอะไรก็คงไม่มีแรงขัดขืนอ่ะดิ...” ผมพูดจบวุธมันก็หัวเราะก๊ากเลยครับ
“...จะบ้าเหรอ...ผมตัวใหญ่กว่าเค้าอีกนะ...เค้าจะทำอะไรผมได้...หึงเหรอ...” นี่เป็นครั้งแรกของวันนี้ที่มันยิ้มตาเป็นประกายเหมือนทุกครั้ง
“...เออ...” ผมยอมรับ “...พาเข้ามากี่ครั้งแล้วล่ะ...” วกกลับไปเรื่องเดิมต่อ
“...ครั้งแรก...” ผมทำหน้าไม่เชื่อ “...ถามใครก็ได้...หรือว่าจะถามพี่พีทเองเลย...โน้นไงบ้านเค้า...” วุธชี้ไปที่บ้านใหญ่มากหลังหนึ่งมีมีด้านหลังติดบึง มีท่าน้ำยื่นลงไป มีเรือลำเล็ก ๆ สีสดถูกผูกไว้กับเสาท่าเรือ
“...ไม่ต้องหรอก...คราวนี้เราเชื่อก็ได้ แต่อย่าให้มีอีกก็แล้วกัน...” ผมยังเก๊กอยู่
“...เมีย...เอ๊ย...แฟนดุอย่างนี้ไม่กล้าแล้วครับ...” มันแหย่ เพราะรู้ว่าผมจะเขินทุกทีที่มันเรียกผมว่าเมีย
“...ให้มันจริงเหอะ...ไปส่งที่โรงแรมด้วย...สายแล้ว...” พูดจบผมก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาแก้เขิน โทรไปลากิจ 2 ชั่วโมง
“...แวะกินอะไรก่อนมั๊ย...เมื่อเช้ากินข้าวนิดเดียวเอง...” วุธถามขณะออกรถ
“...ไม่อ่ะ...เดี๋ยวห้าโมงกว่าก็กินข้าวแล้ว...” จริง ๆ แล้วไม่ใช่หรอกครับ ผมต้องให้น้อง ๆ ไปกินก่อน ผมไปคนสุดท้ายเลย ก็ก่อนแคนทีนปิดนิดเดียว ประมาณทุ่มกว่า ๆ แน่ะ
“...โรงแรมนี้มีอะไรดีนะ...วันนี้ต้องขอไปนั่งเฝ้าเมียหน่อยแล้ว...” มันแหย่ผมอีกครั้ง เล่นเอาผมต้องหันไปอมยิ้มไม่ให้มันเห็น
.....ตลอดทางกลับไปทำงาน บรรยากาศในรถแตกต่างจากขามาอย่างสิ้นเชิง...มีเสียงหัวเราะ มีเสียงด่าของผมเวลาวุธกวน มันแซวผมเรื่องที่หึงมัน ซึ่งผมไม่ค่อยได้แสดงอาการอะไรอย่างนี้ให้มันเห็นบ่อยนัก...ก่อนออกจากหมู่บ้าน มันก็วนรถไปที่หน้าบ้านพี่พีท เขาคงอยู่ในบ้าน เพราะเห็นรถจอดอยู่...วุธทำท่าจะบีบแตรเรียกพี่พีทให้ออกมาหา แต่ผมเอามือกันไว้ก่อน...เล่นกันนัวเนียอยู่ในรถหน้าบ้านพี่พีทสักพัก ผมต้องรีบเร่งให้มันไปส่งผม ทั้งที่ตอนนี้ผมไม่อยากไปทำงานเอาซะเลยจริง ๆ โดนไอ้วุธอาศัยช่วงชุลมุนตอนปัดมือมันไม่ให้บีบแตรหอมแก้มไปตั้งหลายฟอด...ถ้าไม่ติดว่ากลางวันแสก ๆ หน้าบ้านคนรู้จักอีกด้วย...เราคงมีโอกาสได้ลองโช็ครถคันนี้กันบ้างแล้ว เผื่อนายช่างอย่างวุธมันจะรู้ว่ารถผมมีปัญหาเรื่องระบบช่วงล่างหรือเปล่า.....

+++++++++++++++++++++++++++++++++++
…..Happy New Year 2007…..ขอให้ทุกคนมีความสุขมาก ๆ นะครับ...ใครที่ต้องเดินทางไปเที่ยวหรือกลับบ้านก็ขอให้เดินทางปลอดภัย แล้วกลับมาอ่านเรื่องของผมต่อจนจบ คราวนี้จบจริง ๆ จบแบบไม่มีอะไรมาเล่าต่อ ซึ่งมันก็เหลืออีกไม่กี่ตอนแล้ว.....
.....คนที่อยู่กรุงเทพฯ อาจจะมีโอกาสได้เดินสวนกันบ้าง เพราะผมไม่ได้ไปไหนไกล ๆ ในช่วงวันหยุดยาว ๆ อย่างนี้ รถไม่ติด คนไม่เยอะ เสียอย่างเดียวหาของกินยากมาก ร้านก๋วยเตี๋ยวแถวบ้านปิดหมดเลย พรุ่งนี้ต้องออกไปหาของกินมาตุนไว้ จากนั้นจะพักผ่อนเก็บแรงไว้ทำงานหนักปีหน้า.....
.....พบกันใหม่ปีหน้า...รักษาสุขภาพด้วยนะครับ...รักทุกคนเลย.....
...เอ้...

nartch

  • บุคคลทั่วไป
7. What’s the hell going on?
.....หลังจากที่วุธรู้ว่าผมต้องทำงานรอบ่ายติดกันเป็นเดือนที่สาม มันเริ่มมีอาการไม่อยากให้ผมทำงานโรงแรม แถมยังเสนอให้ผมไปทำออฟฟิศโรงงานไหนก็ได้ที่ใกล้ ๆ กับที่ทำงานมัน จะได้ไปกลับพร้อมกัน (สำหรับบริษัทมัน...ผมคงเข้าไม่ได้เพราะมีเงื่อนไขเยอะมาก คุณสมบัติผมไม่พอด้วย เฮ้อ...)
.....ตั้งแต่วันที่เคลียร์กันวันนั้น วุธก็เป็นเด็กดีขึ้นเยอะ ส่วนผมก็ต้องปรับตัวด้วยเหมือนกัน...วุธใช้เวลาว่างตอนเย็น หมดไปกับการออกกำลังกาย...พาหมาไปเดินเล่น...แถมมีอู่รถที่เพิ่งเปิดแถวบ้านจ้างมันให้ไปช่วยคุมช่าง...โชคดีเพราะหมาแท้ ๆ เพราะตอนมันจูงหมาไปแถว ๆ อู่ในชุดฟอร์มบริษัท เฮียเจ้าของอู่กำลังหาคนมาช่วยงานพอดี อู่นี้เค้ารับทำรถจากบริษัทประกันอีกทีงานจึงเยอะมากทั้งที่เพิ่งเปิด แต่รู้ทีหลังว่าอู่นี้เป็นสาขาที่สองของเฮียเค้า...ถึงจะทำงานไม่กี่ชั่วโมง แต่ดีกรีของวุธก็เรียกเงินได้พอสมควร.....
.....ปกติวุธมันจะไม่เดินไปแถวนั้น แต่ระยะนี้เวลาเหลือมันก็เลยพาหมาเดินไกลออกไปอีกซอย...ดีจัง...ได้เงินแถมยังห่างพีพีทด้วย...รู้ได้ไงหรอ...ก็ผมให้พี่ที่ทำความสะอาดบ้านซึ่งพักอยู่ใกล้ ๆ เป็นสปาย คอยจับตาดูความเคลื่อนไหวของวุธ กลับบ้านกี่โมง...มากับใคร...มีคนแปลกหน้ามาป้วนเปี้ยนบ้างหรือเปล่า...แหม...จะว่าไป เรื่องของชาวบ้านนี่ก็เป็นงานอย่างหนึ่งของพี่เค้านะ...สรุปแล้วพี่เค้าก็ช่วยดูให้...ไว้ใจได้ด้วย.....
*
*
“...Attention please, attention รอบบ่ายทุกคนคะ...ขอบอกว่าแขกห้อง XXX เป็นของดิฉันคนเดียวเท่านั้น...ถ้าใครจะแย่ง ต้องข้ามศพกูไปก่อน...” อีเจ๊รอบเช้าป่าวประกาศทันทีที่เห็นผมกับน้อง ๆ เดินเข้ามาหลังฟร้อนท์เพื่อต่อรอบในช่วงบ่าย
“...อะไรวะ...” ผมงง
“...แขกอังกฤษมึง...หล่อมากกกกกกกกก” อีเจ๊ลากเสียงยาว
“...อืม..หล่อจริง ๆ อีเจ๊มันคลั่งไข่ เอ๊ย คลั่งไคล้มาตั้งแต่เช้าแล้ว...” รอบเช้าอีกคนนึงพูดเสริม
“...เจ๊คะ..พวกหนูคงไม่กล้าแย่งเจ๊หรอกค่ะ...แต่ถ้าเค้ามาป้วนเปี้ยนแถวตูดหนูเอง...เคสนี้เจ๊ไม่ว่าใช่มั๊ยคะ...” อีเบสแหย่
“...อู๊ยยยยย...เค้าแมนทั้งแท่งย่ะ...”
“...รู้ได้ไงเจ๊...คืนนี้เค้าอาจจะใส่เกาะอก จิกส้นเข็มไปเที่ยวสีลมกับหนูก็ได้...”
“...ไม่มีทางหรอก...หล่อล่ำซะขนาดนั้น...พวกมึงก็ดูแลเค้าดี ๆ นะโว้ย...เค้าเพิ่งมาเมืองไทยเป็นครั้งแรก...”
“...เฮ้ย...เป็นห้องคอมด้วยว่ะ...อ๋อ...ที่มาแทนไอ้สตีฟน่ะเหรอ...” ผมใส่โค๊ด เข้าหน้าจอคอมพิวเตอร์ หาข้อมูลแขกคนที่กำลังถูกพูดถึง
*
*
.....Andrew เป็นแขกที่มาทำงานให้บริษัททัวร์ยักษ์ใหญ่ ได้ห้อง complimentary หรือห้องฟรี เพื่อแลกกับการดูแลแขกของเค้าซึ่งจะมีมาตลอดปี เขามาทำงานในตำแหน่งที่พวกเราเรียกว่า Rep (Representative) ของบริษัทนี้ต้องเดินทางไปรับแขกที่สนามบิน หรือไปเทคแคร์แขกของบริษัทที่โรงแรมอื่นด้วยเช่นกัน งานเค้าจึงหนักมาก และโดยสายงานแล้ว เราต้องทำงานร่วมกันอย่างเลี่ยงไม่ได้.....
“...พี่เอ้...” อีเบสกับอีธีเรียกผมเสียงดังลั่น ตอนหัวค่ำอย่างนี้แขกไม่เยอะ ผมเลยเอาหนังสือกอสซิปดารามาแอบอ่านอยู่อีกมุมของเคาท์เตอร์
“...อะไรของมึง...ไฟไหม้โรงแรมเหรอ...” ผมหันไปตามเสียง ชะงักกึก รู้ทันทีเลยว่าพวกมันเรียกผมด้วยจุดประสงค์ใด
“...Good evening…May I help you?...” อีสองคนนั่นทักแขกพร้อมกันด้วยน้ำเสียงหวานกว่าปกติ
“…Sure…” ขอเป็นภาษาไทยนะครับ ขี้เกียจเปลี่ยนตัวอักษร “...ผมอยากให้คุณช่วยแนะนำสถานที่เที่ยวของคนกรุงเทพฯ ในเวลากลางคืนอย่างนี้ให้ผมหน่อยครับ...” สำเนียงอังกฤษ เริ่ดมาก อีสองคนนั่นมัวแต่มองหน้าแขกยิ้มหวาน คงไม่ได้ฟังว่าแขกต้องการอะไรอีกตามเคย
“...ขอโทษครับ...คุณต้องการไปเที่ยวแบบไหน...ไปทานอาหารเย็น...หรือว่าไปไนท์คลับ...” ผมเดินเข้ามาแก้สถานการณ์ เพราะเห็นว่าแขกเริ่มสงสัยแล้วว่าพนักงานที่นี่เป็นอะไร ยืนยิ้มอย่างเดียว
“...คุณคิดว่ายังไงละครับ...ที่ไหนที่ผมควรจะไปดี...นี่เป็นการมาประเทศไทยครั้งแรกของผม...ผมรู้แค่ว่าประเทศไทยเป็นประเทศที่สวยงาม...มีศิลปวัฒนธรรมที่น่าอัศจรรย์...และผู้คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส...และเป็นคนดีเหมือนพวกคุณทุกคนที่นี่...” รู้แล้วครับว่าทำไมอีสองคนนั่นมันถึงได้ยืนยิ้มอย่างเดียว ก็พอมองเข้าไปในดวงตาสีฟ้าคู่นั้น ฟันทุกซี่เรียงตัวกันสวย ขาว ผิดกับคนอังกฤษที่เคยเห็น คำพูด และสำเนียงเพราะ ๆ เล่นเอาผมเหวอ ไปพักนึงเหมือนกัน
“...ผมว่าคุณน่าจะไปหาอะไรทานก่อน แล้วพอดึกอีกนิดค่อยเข้าไปในบาร์...แนะนำให้ไปที่ถนนข้าวสารครับ...ที่นั่นคุณจะได้ทุกอย่าง ตั้งแต่อาหาร เครื่องดื่ม ได้เห็นชีวิตของคนกรุงเทพฯ และพบเจอคนจากทั่วโลก รวมไปถึงผับบาร์ดี ๆ คุณลองเลือกเองละกันว่าอยากเข้าร้านไหน...” ผมแนะนำแบบเป็นกลางที่สุด ทั้ง ๆ ที่อยากขายทัวร์มาก แต่หล่อ ๆ แบบนี้ขายไม่ลง สงสารที่ต้องซื้อของในราคานักท่องเที่ยว
“...ถนนข้าวสารเหรอ...ผมรู้จัก...แล้วผมจะไปยังไงดีล่ะครับ...” อีเบสกับอีธียื่นแผนที่ให้แขกพร้อมกัน “...ขอบคุณครับ...” เขารับไว้ทั้งสองอัน ผมจึงยื่นนามบัตรโรงแรมแถมให้อีก
“...ไปโดยแท็กซี่สะดวกที่สุดครับ และในกรณีที่คุณหลงทาง เอาบัตรนี้ให้คนขับแท็กซี่ดู...ค่ารถจากโรงแรมไปถนนข้าวสารไม่เกิน 120 บาท พอคุณขึ้นแท็กซี่แล้ว สังเกตว่าคนขับกดมิเตอร์หรือเปล่า เพราะคุณต้องชำระค่าโดยสารตามมิเตอร์เริ่มต้นที่ 35 บาทนะครับ...มีปัญหาอะไรโทรมาตามเบอร์ในบัตร พวกเราอยู่ที่นี่ตลอด 24 ชั่วโมง...”
“...ขอบคุณนะครับ...คุณใจดีจังเลย...ว่าแต่คุณเลิกงานกี่โมงอ่ะครับ...” แขกถามผม แต่อีสองคนนั่นกระดี้กระด้าแทน ถ้าแขกถามอย่างนี้ คงได้ไปเที่ยวแน่ ๆ
“...11 P.M...” ก็ห้าทุ่มนั่นแหละ
“...จะรังเกียจมั๊ยครับ ถ้าผมจะชวนคุณไปเที่ยวด้วยกัน...” ผมได้ยินอีสองคนนั่นเชียร์ให้เซย์เยส
“...อืม...ผมเกรงว่าจะไปไม่ได้อ่ะครับ...แต่เพื่อนร่วมงานผมว่างนะครับ...” ผมโยนไปให้อีสองคนนั้น
“...ครับ...เอาไว้โอกาสหน้าก็ได้...ผมอยู่ที่นี่อีกนาน...” ผมเอะใจ
“...ช่วยบอกผมหน่อยได้มั๊ยว่าคุณพักอยู่ห้องอะไร...”
“...XXXX...” กูว่าแล้ว
“...Mr. XXXX XXXXX...” เค้าทำหน้าแปลกใจที่ผมรู้จัก
“...เรียกผมว่าแอนดี้ก็ได้ครับ...อีกไม่นานเราก็ได้ร่วมงานกัน...ตกลงไม่ไปจริง ๆ เหรอ...” เขาถามย้ำ
“...ไม่ครับ...ขอบคุณ...” ผมปฏิเสธไปทั้งที่ใจเสียดาย
“...งั้นพวกคุณไปกับผมมั๊ยล่ะ...” ไม่ต้องถามซ้ำ อีสองคนนั่นตกลงแบบไม่ต้องคิด ผมแยกตัวออกรับแขกคนอื่น ปล่อยให้เค้านัดแนะกันให้เรียบร้อย
“...แล้วเจอกันนะครับคุณเอ้...” ก่อนไป แอนดี้เดินมาพูดกับผม ที่ทำหน้างง ๆ ว่ารู้จักซื่อเล่นเราได้ยังไง ก็ในเมื่อป้ายชื่อที่ติดไว้ที่หน้าอกเป็นชื่อจริงนี่หว่า...อีสองคนนั่นแน่ ๆ
*
*
*
.....แอนดี้หายไป 5 วันเพื่อไปทัวร์ เก็บข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทยกับไกด์คนไทยของบริษัทในวันรุ่งขึ้นหลังจากที่ทั้งสามคนไปเที่ยวข้าวสารกัน ผมก็ไม่เจอแอนดี้อีกเลย...แต่อีสองคนนั่นก็พร่ำเพ้อถึงผู้ชายอังกฤษ สูง ล่ำ ผิวขาวอมชมพู ตาสีฟ้า ผมสีทอง ใส่แค่เสื้อยืด กางเกงยีนส์ธรรมดา แต่ดูดีมาก ๆ.....
“...พี่เอ้อ่ะ...ไม่ยอมไปด้วย...สนุกมากกกกกกกกก...”
“...อืม...แอนดี้น่ารักมากเลยพี่...ตอนมันเริ่มเมานะ...ไม่หวงเนื้อหวงตัวเลย..พวกหนูต้องคอยกันอีพวกชะนีXXโบ๋ที่จ้องตาเป็นมันตั้งแต่หนูกับแอนดี้เดินเข้าร้าน...”
“...นี่พวกแกจะพร่ำเพ้ออะไรขนาดนั้น...เค้าก็แค่ฝรั่งธรรมดา...มาทำงาน 3-4 เดือนก็กลับบ้านไปหาเมีย...แกเล่าทุกวันจนชั้นจำได้แล้วว่าแกไปทำอะไรยังไงที่ไหน...ถ้าเป็นเทปป่านนี้คงยืดยานย้วยไปถึงไหนแล้ว...” ผมเบรก เพราะเบื่อฟังพวกมันพูดถึงแอนดี้...ที่ผ่านมาไม่กี่วันนี่ผมฟังจนเอียน
“...แหม...พี่เอ้...เค้ายัง Single ค่ะ...อายุยี่สิบกว่า ๆ เองจะรีบมีเมียไปไหน...ที่สำคัญเซนส์หนูบอกว่าเค้าไม่ชอบผู้หญิงด้วยแหละ...”
“...จ้า...คนหล่อ ๆ พวกแกก็เหมาว่าเค้าเป็นเกย์ไปหมด...” ผมกัดอีเบส
“...ยังกับพี่เอ้ดูไม่ออก...ตอนแอนดี้มาคุยกับพี่เอ้คืนนั้นเห็นเค้ามองตาเยิ้มเชียว...”
“...อืม...ตอนนั่งแท็กซี่กลับมาด้วยกัน เค้าก็ถามถึงพี่เอ้ด้วย...แต่ไม่ต้องกลัวนะพี่ หนูไม่ได้บอกเค้าว่าพี่มีบอยเฟรนด์แล้ว...เผื่อพี่เอ้อยากจะลองไซส์ยุโรปดูบ้าง...”
“...เดี๋ยวแอนดี้กลับมา พี่เอ้ก็ลองสังเกตเองละกันว่าที่พวกหนูสงสัยน่ะจริงหรือเปล่า...”
.....พวกมันสงสัยว่าฝรั่งรูปหล่อคนนั้นสนใจผม...ฟังครั้งแรกผมยังหัวเราะก๊าก...อะไรมันจะปิ๊งกันง่ายขนาดนั้น...แต่พวกมันก็พูดแล้วพูดอีกว่าแอนดี้ Impress ผมมากในตอนที่คุยกันครั้งแรก...อีเบสแซวว่านี่อาจจะเป็น Love at first sight ก็ได้...ผมตอบกับไปทันทีว่าBut I don’t believe in love at first sight แต่คิดไปคิดมาตอนเจอวุธครั้งแรกผมก็รู้สึกว่าชอบมันเหมือนกันนะ (ก็หล่อเด้ง เถื่อนได้ใจกว่าเพื่อน ๆ นี่นา)
*
*
*
“...พี่เอ้...สายนอกโทรมาจองห้องคืนนี้...” อีเบสรับโทรศัพท์แล้วหันมาพูดกับผม
“...อีนี่...ห้องเต็มก็รู้ตั้งแต่ตอนรับรอบแล้วไม่ใช่เหรอ...”
“...หนูบอกเค้าแล้ว...แต่เค้าเป็น Walk in นะพี่...”
“...บอกเค้าว่าเหลือแต่ห้องสวีทใหญ่...ราคาเต็ม..ไม่ต้องลด...ถ้าเค้าสู้ราคาก็รับมาเลย...ได้ค่าอัพเซลล์ด้วย...” ผมดูเช็คห้องจากคอมอีกทีเพื่อความแน่ใจ

“...พี่เอ้...เค้าเอาด้วยอ่ะ...” อีเบสตื่นเต้นที่ขายห้องราคาเป็นหมื่นได้
“...ขอชื่อ...เลขที่บัตรเครดิต...ถ้าไม่มาเราชาร์จนะ...” ผมกำชับ
“...พี่เอ้...เค้าบอกว่าจะเข้ามาภายในครึ่งชั่วโมง...” เบสเสียงอ่อย ๆ หลังจากวางสาย
“...โอ๊ย...ไม่มาหรอกอย่างนี้อ่ะ...อดได้อัพเซลล์เลย...” อีธีสมน้ำหน้าเพื่อน
“...ถ้ากูอด...มึงก็อดด้วย...”
“...เออว่ะ...ทำไมมึงไม่ขอเลขที่บัตรมาก่อนวะ...พวกนี้นิสัยไม่ดีทำฟอร์มว่ามีเงินจะจองห้องแพง ๆ แต่ไม่ให้บัตรมาการันตี...”
“...ช่างมันเถอะ...ถ้าอีกครึ่งชั่วโมงไม่มา..เราก็ปล่อยห้องซะ...” เป็นเรื่องปกติสำหรับแขกแบบนี้ ผมเองก็เจอประจำ
*
*
....สองทุ่มกว่า ๆ เป็นช่วงที่ว่างมาก แขกส่วนใหญ่เดินทางออกไปเที่ยวนอกโรงแรม...แขกใหม่ก็ไม่ค่อยเข้ามาเช็คอิน ปัญหาก็ไม่เยอะเท่าไหร่...ห้องทำความสะอาดเสร็จหมดแล้ว...เราจะยุ่งตอนเย็น ๆ แขกมาเซ็คอิน..ถามข้อมูลที่เที่ยว..ให้ติดต่อสายการบิน..รับโทรศัพท์จองห้องหลังจากแผนกรับจองห้องกลับบ้าน...พอสองทุ่มก็ว่าง...จะไปยุ่งอีกทีตอนสี่ทุ่มกว่า ๆ แขกเริ่มเดินทางกลับมาพักผ่อนที่โรงแรม...รับโทรศัพท์แขกจะเอานู่นเอานี่..รับสั่งบริการปลุก ทั้ง ๆ ที่มีอุปกรณ์อยู่ในห้องก็ไม่ทำเอง...แขกไฟล์ทหัวค่ำก็มาเช็คอิน...มันจะวุ่นวายก่อนกลับบ้านทุกวัน แต่จะมากน้อยก็แล้วแต่ปัญหา...ดังนั้น ช่วงสองทุ่มจึงเป็นช่วงเฮฮาพักผ่อนของพวกผม....
.....เรามีของกินมาแบ่งกันกินได้ทุกวัน...บางวันก็ของหนัก..บางวันก็ขนม...อีเบสชอบสั่งไกด์ที่ตีซี้ไว้ให้ซื้อส้มตำ น้ำตก ข้าวเหนียวมาให้กินบ่อย ๆ...บางทีก็มีไกด์ไปเยาวราช เค้าก็จะหาของกินมาฝากเราทุกครั้ง นี่เป็นข้อดีอีกอย่างของรอบบ่าย.....
“...พี่เอ้...แขกมาเช็คอิน...” อีธีเดินหน้าตาตื่นเข้าหลังฟร้อนท์ขณะที่ผมกับอีเบสกำลังกินข้าวเหนียวมะม่วงกันอยู่
“...ทำไม...มีปัญหาอะไร...” ผมกลืนข้าวเหนียวลงคอด้วยความยากเย็นเพราะตอนมันเข้ามากำลังเคี้ยวเต็มปาก
“...ก็คนที่เขาโทรมาจองห้องสวีทอ่ะ...ตอนนี้เค้ามาแล้ว...”
“...ชิบหายแล้วกู...แกไปเช็คอินตามปกตินะ เอา Welcome drink มาเสิร์ฟ ถ่วงเวลาไว้...เดี๋ยวพี่ไปเช็คห้องว่าโอเคหรือเปล่า...” พูดจบผมก็โทรหาแม่บ้านให้ช่วยขึ้นไปดูความเรียบร้อยของห้องสวีทใหญ่ ซึ่งปกติแล้วมันก็พร้อมรับแขก แต่บางทีอาจจะโดนแม่บ้านยืมอะมินิตี้ไปใส่ห้องอื่นเพราะขี้เกียจเดินไกล บางทีดอกไม้ก็ไม่ใส่ให้ เพราะห้องสวีทราคาเป็นหมื่นนี่จะมีการจองล่วงหน้า และเราจะเซตของไว้พร้อม แต่นี่เราคิดว่าแขกไม่มา ก็เลยไม่ได้เตรียมการอะไรเอาไว้...ผมเรียกพนักงานรักษาความปลอดภัยตามผมขึ้นไปเช็คห้องด้วยตัวเอง ป้องกันการโดนคอมแพลน เพื่อเรียกร้องส่วนลด
“...ห้องโอเคแล้วนะ...ปล่อยแขกขึ้นมาได้...” ผมใช้โทรศัพท์บนห้องโทรลงไปที่เคาท์เตอร์ฟร้อนท์
“...เดี๋ยวพี่...แขกรอเจอพี่อ่ะ...”
“...เออ...เดี๋ยวลงไป...” ผมวางสายแล้วรีบลงไปล็อบบี้ ไม่รู้ว่าอีสองคนนั่นมันทำอะไร แขกจะคอมแพลนหรือเปล่า..ถ้ารอผมคงหมายความว่ามีปัญหา เพราะตอนนี้ผมดูแลพวกมันอยู่ ซุปเปอร์ไวเซอร์ก็กลับบ้านไปแล้วด้วย (ไม่งั้นจะกินขนมได้เหรอ)
*
*
“...ไหนอ่ะ...แขก...” ผมกระหืดกระหอบออกมาหน้าฟร้อนท์
“...เดินไปไหนแล้วก็ไม่รู้...พี่เอ้...หนูขอนอกใจแอนดี้ไปรักผู้ชายไทยได้มั๊ย...” อีธีทำตาลอย
“...เป็นอะไรอีกล่ะมึง...”
“...ก็แขกที่มา Walk in เมื่อกี้น่ะสิพี่...หล่อชิบ...แต่หนูยัง still ชอบของนอกอยู่นะ...” อีเบสตอบแทน
“...คนไทยเหรอ...” ผมกำลังจะหยิบเอกสารเช็คอินแขกมาดู แต่ก็ต้องชะงักเพราะเสียงคุ้นหู ที่ไม่ได้ยินมานาน แต่ก็ยังจำได้
“...สวัสดีครับเอ้...ไม่ได้เจอกันนาน...สบายดีมั๊ย...”
“...สวัสดีครับพี่พีท...” ผมกระอักกระอ่วนที่จะพูดกับพี่เค้า
“...เดี๋ยวนี้พี่ไม่ค่อยได้เจอทั้งเอ้ทั้งวุธเลยนะ...เป็นไงกันบ้าง...”
“...ก็เรื่อย ๆ อ่ะครับ...”
“...พี่ต้องขอใช้บริการโรงแรมเอ้หน่อยนะ...พอดีที่ห้องนอนพี่กำลัง Renovate อยู่...ไม่รู้จะเสร็จเมื่อไหร่...” กำลังจะถามพอดีว่ามาทำไม หรือว่าเค้าเห็นว่าเราทำหน้าสงสัย
“...ครับ...ยินดีครับ...ถ้าอยากได้อะไรเพิ่มก็บอกนะครับ...” ผมฝืนยิ้มตามมารยาท
“...มีแน่นอน...แต่ไม่ใช่วันนี้...เดี๋ยวพี่ต้องขอตัวไปพักผ่อนก่อนนะ...วันนี้ไปเดินซื้อของมาทั้งวัน...เหนื่อยมาก ๆ ...เอ้...พี่ขอพนักงานไปช่วยขนของที่รถซัก 2-3 คนได้มั๊ย ของพี่เยอะมากเลยอ่ะครับ...”
“...ครับ...ได้ครับ...” ผมหันไปเรียกเบลบอย ในใจคิดว่ารถสปอร์ตคันเล็กนิดเดียวจะใส่ของได้เยอะซักแค่ไหนเชียว (วะ)
“...Goodnight...” ก่อนเดินพาเบลบอยไปขนของ พี่พีทหันมาพูดกับผม “...อ้อ...เกือบลืมชม...เอ้ดูดีนะตอนใส่เครื่องแบบเนี่ย...ดูแปลกตาไปเลย...ไม่เหมือนวันที่ไปตีกอล์ฟวันนั้น...” ผมอึ้ง วันนั้นกูอุบาทว์ขนาดไหนเหรอ
“...แต่วุธบอกว่าตอนเอ้โทรมนี่น่ารักกว่าตอนใส่สูทอีกนะ...” ผมทำเป็นพูดเล่น
“...วุธเค้าโกหกหรือเปล่า...” พี่พีทยิ้มนิด ๆ แต่ทำเอาผมหน้าชาไปเลย
“...ไม่รู้เหมือนกันครับ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เค้าคงเห็นอะไรดี ๆ ในตัวเอ้มากกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตาอ่ะพี่...” ผมยิ้มบ้างทั้งที่ข้างในเดือดปุด ๆ พี่พีทหุบยิ้มก่อนหันหลังเดินออกไปที่รถโดยไม่พูดอะไรอีก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มาต่อแย้วจินะฮะ

ยังไงก้อมาต่ออีกนะฮะ

ว่าแต่....พี่เอ้นี่ก้อแรงช่ายได้เหมือนกานนะฮะเนี่ย

แบบนี้แหละฮะ เข็มแข็งดี

ยังไงก้อมาต่อให้อีกนะฮะ

พี่เอ้สูๆนะฮะ จะรอพี่เอ้

เปงกำลังใจให้นะ สู้ๆนะฮะ :m13: :m13:

kimsumsoon

  • บุคคลทั่วไป
ว้ายยย พี่พีทเนี่ยยังจะตามมาจิกคุณเอ้อีกนะคะเนี่ยยยยยยยย

ถ้าเป็นคิ้ม มีตบ  :a14:

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
ว้ายยย พี่พีทเนี่ยยังจะตามมาจิกคุณเอ้อีกนะคะเนี่ยยยยยยยย

ถ้าเป็นคิ้ม มีตบ  :a14:

แท๊คเรยคร่า

555+

มะยอมเฟร้ยยยยยยยยย

ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
มารอต่อนะฮะ

ยังไงก้อจะรอต่อไปเรื่อยๆนะฮะ

เปงกำลังใจให้นะฮะพี่เอ้ สุ้ๆนะฮะ :m17: :m17:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
อ่ะ แขกไม่ได้รับเชิญมาทำไมเนี่ย มาสร้างปัญหาป่าวเนี่ย

นางคุ้ม

  • บุคคลทั่วไป
อ่านหน้านี้ร้องไห้อะ  กลัว2คนนิจบไม่สวยจัง แบบว่าประทับใจคู่นี้มากๆ สาธุขอให้อย่ามีอะไรมาแยกเค้า2คนเลย  :amen:  พี่พีทนี่ก็อะไรไม่รู้ ทั้งหล่อทั้งรวยยังจะมาวุ่นวายอะไรกับแฟนคนอื่นอยู่ได้ น่า :เตะ1: จริงๆ

.............................
โปรดอย่ารบกวนความสงบบนคานทองของข้าพเจ้า :amen:

min_min

  • บุคคลทั่วไป
เฮ้อออ เกลียด อิพีทนี่เจงๆ  ตามจิกตามกัด เค้าอยู่ได้ 
หน้าตาก้อดี ฐานะก้อดี  แต่จิตใจต่ำทรามอย่างงี้  ใครเขาจาเอา
คงจามีคนหลงมาเอาหรอกนะ   หมั่นใส้จริงๆ


 :m16: :m16: :m16:

ออฟไลน์ loveview

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1912
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-10
ไม่ชอบตาพีทนี่เลย :angry2: กลัวมาแย่งคุณวุธไป     แต่ยังไงยังไงคุณวุธก็รักคุณเอ้อยู่แล้ว    :m4:

นางคุ้ม

  • บุคคลทั่วไป
 :o11:กลัวแทนเอ้จังเลย กลัวความไม่แน่นอนของหัวใจพวกผู้ชาย :เฮ้อ:   รู้สึกมันมีอะไรแปลกแปลกๆ แต่บอกไม่ได้ว่าแปลกตรงไหน ติดใจตอนที่พีทมาส่งวุธบนห้อง  แล้วก็ตอนที่พีทกอดวุธที่ผับ  ทำไมวุธไม่ปัดป้องบ้างทั้งๆที่ไม่ใช่แฟนงืมๆๆ แล้วก็คำแก้ตัวของวุธ โอย หรือเราคิดมากไปเอง ใช่ขอให้เราคิดมากไปเองสาธุ :amen:

..................................................................................
กรุณาอย่ารบกวนความสงบสุข บนคานทองของข้าพเจ้า๛ :amen:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
แล้วไอ้พี่พีทมานจะมาป่วนไรอีกเนี่ย o12
คุณเอ้คราวนี้ต้อง หนักแน่นนะ :angry2:
ไม่งั้น หลุดมือแน่เลยไอ้พี่พีทเนี่ย :a14:

suregirl

  • บุคคลทั่วไป
พี่พีทจะมาป่วนไรอีกปะเนี่ย เฮ้อ  :เฮ้อ: กำลังมีความสุขอยู่เชียว ลางร้ายจริง ๆ  :m29: :m16:

niph

  • บุคคลทั่วไป
อ้างถึง
“...ไม่รู้เหมือนกันครับ...เราอยู่ด้วยกันมาตั้งหลายปี เค้าคงเห็นอะไรดี ๆ ในตัวเอ้มากกว่าเรื่องรูปร่างหน้าตาอ่ะพี่...” ผมยิ้มบ้างทั้งที่ข้างในเดือดปุด ๆ พี่พีทหุบยิ้มก่อนหันหลังเดินออกไปที่รถโดยไม่พูดอะไรอีก

กัดกลับได้สะใจมั่ก ๆ   :m4:

VicOSe

  • บุคคลทั่วไป
ย๊าก!!  เพิ่งจะได้มาอ่านเรื่องนี้ อ่านตั้งแต่เย็นมะวานจน7โมงเช้า และก็ตื่นมาอ่านต่อ  สนุกมากๆเลยครับ  หุหุ

พี่พีท นี่อะไรนักหนาเนี่ย   เฮ้อออออ

ไม่อยากเศร้าแล้ว ><"

tamkub

  • บุคคลทั่วไป
เริ่มอ่านเรื่องนี้จากบอร็ดนี้คับ

แต่ไปจบที่อีกบอร็ดนึง ^ ^"

ด้วยเพราะความใจร้อนของผม ทนรออ่านม่ายหวายยย  :m23:

แต่ยังไงก้อต้องขอบคุณพี่ที่เอามาลงให้มากๆนะคับ

ทำให้พวกเราได้อ่านเรื่องราวดีๆของพี่เอ้กัน

เรื่องนี้เป็นอีกเรื่องนึงที่ประทับใจมาก

ขอบคุณพี่เอ้ด้วยครับ ^ ^

เด๋วพอพี่ๆลงเส็ดเมื่อไหร่ค่อยมาเม้นใหม่นะครับ

ออฟไลน์ Just let it be

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 979
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +37/-0
พีท  นี่ยังไงกันแน่เนี่ย

ชักแปลกๆ แล้วนะเนี่ย   :m16:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

เข้าให้ กลจ. คนโพสต์เคอะ

เอาไปหนึ่งบวกเลยนะเคอะ น้องนารถ  อิอิ

จาก ชั้นชื่อ ดารารายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย

ออฟไลน์ •♀NoM!_KunG♀•

  • *,*โสดสนิทศิษย์พยักหน้า*,*
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7559
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +181/-8
หว่า.......อยากอ่านต่อแย้วง่าฮะ

ยังไม่มาเยยหยอฮะ

แต่ยังไงก้อจะรอ รอ รอและก้อรอนะฮะ :m17: :m17:

reu_aha

  • บุคคลทั่วไป
พี่คะ
นู๋ชอบพี่มากกกกกกกกกกเลย :m1:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
8. I still love you more
.....ตอนเดิม...น้อง ๆ ที่ทำงานกำลังสงสัยว่าผู้ร่วมงานคนใหม่ชาวอังกฤษสุดหล่อจะปิ๊งผม อันนี้ก็ต้องดูต่อไปว่าเป็นไปได้หรือไม่...และมีแขก Walk in (แขกที่ไม่ได้ทำการจองล่วงหน้า หรือผ่านตัวแทนรับจองห้องพัก ซึ่งจะทำให้ต้องจ่ายค่าห้องแพงกว่าปกติ ตามเรทราคาเต็มของทางโรงแรม) เรารับจองห้องสวีททางโทรศัพท์โดยไม่ทันได้ถามชื่อ หรือแม้แต่เลขที่บัตรเครดิต...คิดว่าเป็นแค่คนที่โทรมาจองเล่น ๆ จึงไม่ได้เตรียมการอะไร จู่ ๆ เขาก็มาเช็คอิน และผมก็ต้องอึดอัดที่สุดเมื่อพบว่าแขก VIP คนนี้คือ...พี่พีท...(เขาจะได้เป็นวีไอพีทันที เพราะโดนค่าห้องราคาเต็มคืนละเป็นหมื่น++ แถมให้พวกเราจำกัดวงเงินในบัตรเครดิตไว้เป็นแสนเพื่อการันตีว่าเค้าไม่หนีด้วย).....
******************************************************************************
.....หลังจากที่พนักงานอาคันตุกะสัมพันธ์ หรือ Guest Relation Officer พาพี่พีทขึ้นห้อง หมดหน้าที่ของพนักงานต้อนรับอย่างผมแล้ว เวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนกลับบ้านมันดูยาวนานกว่าทุกวัน ตาคอยดูที่ลิฟท์บ่อย ๆ กลัวพี่พีทลงมาที่เคาท์เตอร์ ตอนนั้นไม่อยากเจอหน้าพี่เค้าจริง ๆ ไม่รู้ทำไม มันปั้นหน้าไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนที่หน้าตารับแขกมากที่สุดคนหนึ่งในแผนก สามารถฉีกยิ้มได้ตลอดเวลา แต่กับแขกคนนี้ ผมต้องฝืนยิ้มด้วยความยากเย็น เค้าก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย.....
“..พี่เอ้รู้จักคุณพีทได้ไงอ่ะ...” อีเบสเอ่ยปากถามผมที่ห้องล็อคเกอร์ ขณะเรากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับบ้าน
“...เค้าทำงานที่เดียวกับพี่วุธ...” ผมตอบสั้น ๆ ยังไม่อยากให้พวกมันรู้อะไรมาก อีพวกนี้ไม่ค่อยเก็บความรู้สึก
“...หนูว่าพี่กับเค้ามีปัญหาอะไรกันอยู่นะ...” อีธีพยายามหลอกถาม
“...ไม่มีอะไรซักหน่อย...” ผมทำหน้าใสซื่อ
“...ไม่จริงหรอก...หนูเห็นสายตาพี่กับเค้าเวลาคุยกันแล้วเสียวสันหลังวาบเลย...”
“...อีนี่เวอร์อีกแล้ว...ตอนนี้เค้าเป็นแขกของเรา...ยังไงก็ต้องสุภาพหน่อย...รักษาภาพพจน์องค์กรโว้ย...”
“...จ้า...สุภาพมากเลย...ปากงี้ยิ้มหวานเชียว...แต่พอมองตานี่รู้เลยว่าเฟค...เล่าให้หนูฟังหน่อยดิ...” อีเบสพูดตรง ๆ
“...กูว่ารักสามเส้า...ชัวร์...” อีธีเริ่มเดา
“...I Think so...แบบว่า...พี่วุธแนะนำคุณพีทให้พี่เอ้รู้จัก...แล้วคุณพีทดันมาชอบพี่เอ้...แต่พี่เอ้มั่นคงในความรักกับพี่วุธ...คุณพีทก็เลยหาทางเข้าใกล้พี่เอ้ด้วยการลงทุนมาพักโรงแรมเรา...หรือว่า...”
“...Shut the F**K up...อีนี่เพ้อเจ้อเป็นเรื่องเป็นราว...เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยเล่าให้ฟัง...” ผมตัดบทก่อนที่มันจะพูดเดาไปเรื่องจนเจอเรื่องจริง “...พรุ่งนี้พี่หยุดก็ฝากดูแลเค้าดี ๆ ด้วยนะ...”
“...นั่นไงกูว่าแล้ว...สองคนนี้มีอะไรกันแน่นอน...หรือว่าพี่เอ้ชอบแบบ Threesome...” อีเบสหันไปเม้าธ์ระยะเผาขนกับอีธี...มันคงดูละครมากเกินไปนะเนี่ย
“...ชั้นหมายถึงดูแลแขกให้ดี...ให้เค้ารู้สึกว่าคุ้มกับเงินหมื่นที่เค้าต้องเสียให้โรงแรม...คิดซะว่าเงินเค้าถือ Service Charge ของเรา...แต่ถ้าเป็นไปได้กูไม่อยากได้แขกแบบนี้เลยว่ะ...” ผมเผลอบ่นเบา ๆ
“...แหม...ใครจะไปรู้ล่ะ...หนูนึกว่าฝรั่ง...ตอนเค้าโทรมาจองห้องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเริ่ดขนาดนั้น...”
“...ช่างเถอะ...รับเข้ามาแล้วนี่...จะให้ไล่ออกจากโรงแรมก็ไม่ได้...นอกจากให้อีเบสไปเข้าฝันเค้าแล้วบอกให้รีบเช็คเอ้าท์ Move you ass, go back home...” ผมทำเสียงเหมือนผีในหนัง...พูดเล่นกลบเกลื่อนความกังวลว่าพี่พีทมีเจตนาอะไรนอกเหนือกว่าแค่มาพักระหว่างห้องนอนที่บ้านกำลังถูกปรับปรุง
*
*
.....ผมปรับตัวในการเข้างานรอบบ่ายโดยที่วุธสบายใจได้อีกอย่างหนึ่งคือ ซื้อของกลับมากินที่บ้าน จะได้ไม่ต้องแวะไปตะลอนหาของกินกับน้องสาวทั้งสองจนดึกเหมือนเคย...คิดซะว่าที่ผ่านมากินของดี ๆ มาเยอะแล้ว...ต่อไปจะเป็นการกินเพื่ออยู่...หาของกินง่าย ๆ ระหว่างทางใส่ห่อ ใส่ถุงกลับมากินที่บ้าน...แรก ๆ ก็ซื้อเผื่อวุธมันหรอก แต่วุธมันกินได้นิดเดียว ผมก็เลยบอกมันว่าอยากกินอะไรก็บอก จะได้ซื้อมาเผื่อ...เพราะบางวันมันเพลีย พอลืมตาเห็นผมกลับบ้าน มันก็นอนต่อ รอให้ผมปลุกมันเพื่อขึ้นไปนอนต่อบนห้อง.....
.....ทันทีที่เห็นบ้านตัวเอง ผมก็แปลกใจว่าทำไมวันนี้วุธมันยังไม่นอน บริเวณห้องรับแขกที่วุธใช้เป็นที่นอนชั่วคราวไฟเปิดสว่างจ้า...พรุ่งนี้มันต้องไปทำงานนี่นา...แล้วถ้าจะนอนดึก ทำไมไม่โทรมาฝากซื้อกับข้าวล่ะ...ไม่ได้ซื้อเผื่อซะด้วยสิ.....
“...เฮ้ย...ทำไมยังไม่นอนอ่ะ...” ผมทักทายมันตามปกติ มันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ผม
“...ก็รอเอ้ไง...”
“...มีอะไรเหรอ...”
“...ไปล้างไม้ล้างมือกินข้าวก่อนดีกว่า...” มันเอาถุงอาหารในมือผมเดินเข้าห้องครัวไปเงียบ ๆ
*
*
“...เอ้า...มองอยู่นั่นแหละ...หิวอ่ะดิ...อ้า...อ้ำ...หน่อย...” ผมอึดอัดที่มันมัวแต่มองผมกินข้าว ถามมันแล้วว่ากินด้วยกันมั๊ย มันก็ส่ายหน้า บอกไม่หิว ผมเลยแกล้งทำกับมันเหมือนจะป้อนข้าวเด็ก ตักข้าวจะป้อนให้ถึงปาก มันหลุดยิ้มออกมานิดนึง
“...เอ้กินเถอะ...ผมไม่หิว...”
“...เอางี้...มีอะไรก็พูดมา...” ผมฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว รู้ทั้งรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในใจ แต่ผมก็พยายามทำตัวปกติที่สุด เพื่อให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด
“...เอ้...กินข้าวให้หมดก่อนดิ...”
“...ถ้าแกไม่พูดเราก็ไม่กิน...ทำไม...มีอะไรร้ายแรงถึงขนาดที่เรารู้แล้วกินข้าวไม่ลงเลยเหรอ...” ผมดักคอมัน
“...พี่พีทไปทำอะไรที่โรงแรมเอ้...” วุธเงียบไปพักนึง ก่อนโพล่งออกมา
“...รู้ได้ไงว่าพี่เค้าไปที่นั่น...” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับ อารมณ์เริ่มขึ้นนิด ๆ
“...พี่เค้าใช้เบอร์โรงแรมโทรมา...เค้าไปทำอะไรอ่ะ...” วุธถามครั้งที่สอง
“...เค้าโทรมาทำไม...” ผมไม่ตอบ อารมณ์ขึ้นอีกนิด
“...เค้าโทรมาคุยด้วย...เอ่อ...แล้วเค้าพูดอะไรกับเอ้บ้างหรือเปล่า...” ผมตบโต๊ะดังปัง วุธสะดุ้ง
“...ชั้นสิต้องถาม...ว่าเค้าคุยอะไรกับแก...” ตบะแตกแล้ว
“...ใจเย็น ๆ ดิ...” วุธเอื้อมมือมากุมมือที่เริ่มชาจากการตบโต๊ะเมื่อกี้
“...ตกลงจะเอายังไง...” ผมถามเสียงเรียบ
“...หมายความว่าไงอ่ะ...”
“...พี่พีทกับแกไปถึงไหนกันแล้ว...” ผมกลั้นใจถาม
“...เอ้...ผมไม่เคยคิดกับพี่พีทแบบนั้นเลยนะ...” วุธพูดเสียงจริงจัง “...แต่...”
“...แต่อะไร...”
“...แต่พี่พีทเค้าบอกว่าเค้าชอบผม...แล้วก็...เค้าบอกว่า...เอ่อ...เอ่อ...”
“...พูดมาเหอะ...ขอแค่พูดเรื่องจริงก็พอ...”
“...เค้าบอกว่าจะไปคุยเรื่องนี้กับเอ้...”
“...อ้าว...แล้วทำไมต้องมาคุยกับเราอ่ะ...เค้าชอบแก...ก็คุยกับแกสิ...จะ yes, no, ok อะไรกันก็ตามสบาย...เราเคารพการตัดสินใจของคนอื่นมาตลอด...แกก็รู้นี่...”
“...พูดตรง ๆ เลยนะ...” วุธถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพูดต่อ “...เค้าอยากให้เราเลิกกัน...”
“...เฮ้ย...” ผมตกใจ
“...เดี๋ยว...ใจเย็น ๆ...ผมบอกกับเขาแล้วว่าระหว่างผมกับเอ้มันไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว...แต่เราผูกพันกัน...ยังไงผมก็ไม่เลิกกับเอ้แน่นอน นอกจากเอ้อยากจะเลิกกับผม หรือว่าเอ้เจอคนที่ดีกว่า...” ถ้าไม่มัวแต่กังวลเรื่องพี่พีท ผมคงตื้นตันมากกว่านี้
“...แต่ลองคิดกลับกันดิ...พี่พีทเค้าดีกว่าเราทุกอย่างเลยนะ...รูปร่างหน้าตา...ฐานะ...การศึกษา...ถ้าวุธจะไปกับเค้าเราก็คงไม่ขัดขวางอะไรหรอก...” ผมพูดจากใจเลยจริง ๆ
“...อ้าว...ไม่รักผมเหรอ...” วุธหน้าเสีย
“...รักสิ...แต่ทำไงได้อ่ะ...คนจะไปก็ต้องไป...แถมไปได้ดีซะด้วย...เสียใจก็ยอมวะ...”
“...โห...ถึงเอ้ไล่ก็ไม่ไปหรอก...” วุธยิ้มออกมาได้ “...ผมไม่ได้ชอบเค้า...แล้วผมก็ไม่สนใจเรื่องที่เอ้บอกว่าเค้าดีกว่าทุกอย่างด้วย...ตอนนั้นผมไปไหนมาไหนกับเขาเพราะเห็นว่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อนคนไทย...ตกเย็นผมก็ไม่มีอะไรทำ...ผมแค่ออกไปหาเพื่อนกินข้าว...ไปซ้อมกอล์ฟ...”
“...แกไปให้ความหวังอะไรเขาหรือเปล่า...” ผมขัดจังหวะ
“...ไม่นี่...ตอนแรกก็ไปกันเป็นกลุ่มเหมือนตอนไปออกรอบทุกครั้ง...แต่ผมรู้สึกว่าระยะหลังนี่เค้าชอบหาทางแยกกับคนอื่น แล้วชวนผมไปกันสองคน...ผมก็คิดว่าเขาคงไม่ชอบไปเที่ยวคาราโอเกะ ไปผับเพื่อชีวิตเหมือนเพื่อนที่แผนก...เอ้ก็รู้ว่าผมน่ะ อะไรก็ได้ ใครชวนไปไหนก็ไป...ถึงจะรู้ว่าเค้าดีกับผมเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าบอกว่าชอบผม...”
“...แล้วจะทำยังไงล่ะ...”
“...ก็นี่ไง...ผมถึงได้ถามว่าพี่พีทพูดอะไรกับเอ้มั่ง...”
“...ไม่เห็นพูดอะไรเลย...เค้าบอกแค่ว่าเค้ากำลังตกแต่งห้องนอนใหม่อยู่...ก็เลยต้องมานอนโรงแรม...”
“...โรงแรมแถวบ้านเค้าก็มี...ทำไมต้องมานอนที่โรงแรมเอ้ด้วยวะ...” วุธบ่นเบา ๆ “...ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ...”
“...ระวังอะไร...เค้าจะเอาน้ำกรดมาสาดหน้าชั้นเหรอ...” ผมทำหน้าสยดสยอง
“...ระวังเค้าจะมาพูดอะไรให้เอ้เข้าใจผิด...ยังไงก็ถามผมบ้างนะ...เท่าที่รู้จักกันมาพี่เค้าไซโคเก่งเหมือนกัน...ยิ่งเค้ารู้ว่าเอ้ของขึ้นง่ายเนี่ยน่ากลัวจริง ๆ...” วุธพูดขำ ๆ
“...เสียใจ...ตอนนี้เราโตแล้ว...เหตุผลมาก่อนอารมณ์เว้ย...แล้วเค้าว่าไงอีก” ผมทำท่าจริงจัง
“...อ๋อ...พี่เค้าบอกว่าอยากรู้ว่าทำไมผมถึงรักเอ้...” วุธหยุดแค่นั้น เพราะมันเริ่มเขิน
“...เออว่ะ...ทำไมวุธถึงรักเราอ่ะ...” ผมถามตรง ๆ วุธเงียบ แต่หน้ามันแดงไปหมด ผมก็ยิ่งแกล้งลุกจากเก้าอี้เดินไปหามันที่ฝั่งตรงข้าม “...ว่าไง...” ผมก้มตัวกอดวุธจากข้างหลังเอาคางเกยไหล่มันไว้
“...มันเป็นความรู้สึก...บอกเป็นคำพูดไม่ได้อ่ะ...รู้แต่ว่าอยู่กับคนอื่นไม่มีความสุขอย่างนี้...เชื่อมั๊ยว่าอยู่กับพี่พีทผมหัวเราะนับครั้งได้เลย...”
“...เอ๊ะ...หมายความว่าเราตลกเหรอ...ไม่ใช่ธงธงนะเว้ย...” ผมแกล้งงอนมัน เอามือออก แต่วุธมันไวกว่า จับมือผมกอดไว้เหมือนเดิม
“...จะบอกว่าเอ้เป็นเหมือนอาจารย์ยิ่งศักดิ์ต่างหาก...” ผมจะหลุดหัวเราะ แต่ต้องเก๊กไว้
“...เออ...ถือเป็นคำชมละกันนะ...” ผมกัดหูมันเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว
*
*
*
.....กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่า วุธมันดันหิวขึ้นมาซะงั้น...เราก็เลยช่วยกันทำผัดมาม่า เหมือนวันที่เจอกันวันแรกตอนเรียนปวช. ...วุธกินหมดจานอย่างรวดเร็ว ผมก็ไล่ให้มันไปแปรงฟัน นอน กลัวว่าพรุ่งนี้จะตื่นสาย...ซักพัก ผมก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว สำรวจความเรียบร้อยก่อนเข้านอน...ผมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนให้เบาที่สุดกลัววุธตื่น แต่พอขยับตัวจะห่มผ้า จู่ ๆ วุธมันก็โถมตัวเข้ามากอดผมซะแน่น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปากผมก็ถูกปากของมันปิดซะก่อน...และต่อมา...ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจถี่ ๆ ของเราสองคนในคืนนั้น.....
“...วุธ...ตื่น...ตื่น...” ผมเขย่าแขนมันทันทีที่รู้สึกตัวในเวลา 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น
“...อืม...ตื่นแล้ว...” วุธมันงัวเงีย ปากก็พูด แต่ตายังไม่ลืม
“...ลุก...ไปทำงานเร็ว...” ผมเขย่าตัวมันอีก
“...วันนี้ผมลาหยุดไว้...” วุธพูดยิ้ม ๆ เอามือขยี้ตาเบา ๆ
“...อ้าว...แล้วก็ไม่บอก...เฮ้อ...นอนต่อดีกว่า...” ผมล้มตัวลงนอน หันหลังให้มัน
“...ไปเที่ยวกัน...” วุธเขยิบตัวเข้ามาเบียดผม วุธจูเนียร์เริ่มมีอาการพองตัว
“...ไปไหนอ่ะ...” ผมหลับตาถาม เหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาผมเพลียกว่าทุกวัน
“...ระยอง...”
“...โห...ไกลไปมั้ง...”
“...ขับรถไม่กี่ชั่วโมงเอง...เรานอนเอาแรงก่อน...เดี๋ยวบ่าย ๆ ค่อยไปก็ได้...”
“...อืม...” ผมตอบรับในคอ ก่อนหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดวุธ
*
*
.....เสียงน้องหมาผมเห่า ตามด้วยเสียงพี่ที่มาทำความสะอาดดุมันดังขึ้นมาถึงบนห้องนอน...ผมสะดุ้งตื่น มองนาฬิกาหัวเตียง นี่มันก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว...ตั้งแต่อยู่รอบบ่ายมาไม่เคยนอนยาวขนาดนี้ ถึงจะเป็นวันหยุดก็เถอะ...วุธยังนอนหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว...ผมค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนลงไปหาพี่คนทำความสะอาดบ้าน...ถึงแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับบ้านผม...รู้ว่าผมกับวุธเป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่ดีถ้าจะให้เขาเห็นผู้ชายกับผู้ชายนอนกอดกัน...แถมตื่นเอาตอนเที่ยงอย่างนี้ มันชวนให้คิดไปถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว.....
“...อ้าว...กำลังจะขึ้นไปเคาะห้องพอดี...” พี่แกทักผมทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากชั้นสอง
“...วันนี้ไม่ต้องทำห้องเอ้ก็ได้พี่...มาช่วยเอ้ทำกับข้าวดีกว่า...” ผมเดินนำพี่เขาเข้าครัว
*
*
“...หิวข้าว...” วุธส่งเสียงมาก่อนตัว พอดีกับที่ผมทำกับข้าวเสร็จ มันอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่บ่งบอกว่าเราจะไปทะเลกัน

“...กินก่อนได้เลยนะ...” ผมพูดก่อนจะเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำมั่ง
“...ไม่อ่ะ...ผมรอเอ้ก่อนดีกว่า...”
.....อาบน้ำเสร็จระหว่างที่ผมกำลังรีบเร่งแต่งตัวเพื่อไม่ให้วุธรอนาน หางตาผมดันไปเห็นไฟกระพริบแว๊บ ๆ ที่โทรศัพท์มือถือของวุธ สงสัยมันคงลืมหยิบลงไป และก็คงลืมเปิดเสียง (วันไหนที่มันแน่ใจว่าไม่มีเรื่องงานที่ต้องติดต่อ ก่อนนอนมันจะปิดเสียงไว้ทุกครั้ง)...ผมเดินไปดูว่าใครโทรมา แต่ต้องตัวชาวาบที่เห็นชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ...ใจนึงก็อยากรับสาย แต่อีกใจก็กลัวว่าจะเสียมารยาท...คิดถึงใจเราเองว่าเป็นเราก็คงไม่อยากให้ใครมารับโทรศัพท์มือถือก่อนได้รับอนุญาตเช่นกัน...ไฟนั้นกระพริบอยู่สักพักก็ดับ บนหน้าจอโชว์ 28 missed call มือไม้สั่นเลยครับ อยากรู้ว่าทั้ง 28 สายน่ะ เป็นของพี่พีทคนเดียวเลยหรือเปล่า...ผมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนเดินถือโทรศัพท์ลงไปให้ข้างล่าง เห็นวุธมันกำลังดูโทรทัศน์อยู่ท่าทางอารมณ์ดีเชียว.....
“...อ่ะ...โทรศัพท์ลืมไว้ข้างบน...” ผมยื่นโทรศัพท์ให้วุธ มันรับไว้แล้วางลงข้างตัว ผมก็อยากรู้ไม่หาย “...เมื่อกี้มีคนโทรมา...แต่เอาลงมาให้ไม่ทัน...” มันก็เฉยเพราะมัวแต่สนใจรายการทีวีอยู่ “...พี่พีทโทรมา...” ผมตัดสินใจบอก วุธหันมามองหน้าผมทันที
“...ทีหลังเค้าโทรมาก็รับได้เลยนะ...” แน่นอน ผมตอบในใจ
“...แต่ก่อนหน้านั้นก็มีคนโทรมาตั้งหลายสาย...” ผมถามอ้อม ๆ
“...เหรอ...” วุธหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“...ไปกินข้าวกันเถอะ...” ผมชวนเพื่อปกปิดความอยากรู้
“...ไม่อยากรู้เหรอว่าใครโทรมา...” วุธมันรู้แน่ ๆ ว่าผมกำลังสงสัย
“...อยากบอกก็บอกดิ...”
“...พี่พีท...ทั้งหมด 28 missed call...” วุธพูดเสียงเรียบ
“...เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า...ไม่โทรกลับหน่อยเหรอ...”
“...เดี๋ยวก็โทรมาอีก...เป็นเรื่องปกติ...ไปกินข้าวกันดีกว่า...” วุธเดินเข้าครัว ผมเดินจ้ำ ๆ ตาม
“...เป็นเรื่องปกตินี่...หมายความว่าไง...”
“...ก็เค้าโทรหาผมเกือบทุกชั่วโมง...ตอนอยู่ที่ทำงานเค้าก็ใช้สายในโทรเข้ามา...ผมก็ต้องรับ เพราะไม่รู้ว่าใคร...”
“...เค้าโทรมาทำไมอ่ะ...”
“...ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย...แค่โทรมาถามว่าทำอะไรอยู่...กินข้าวหรือยัง...งานยุ่งมั้ย...พูดสั้น ๆ แต่โทรบ่อยมาก...” วุธมันก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา
“...เค้าก็ดีเนอะ...โทรหาวุธบ่อยกว่าเราอีก...”
“...เอ้...ผมก็เหมือนเอ้อ่ะนะ...ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย...เวลางานก็คือทำงาน...ถ้าผมโทรหาเอ้บ่อย ๆ เอ้จะรำคาญปะล่ะ...” ผมพยักหน้า
“...แต่เค้าก็หวังดี เป็นห่วงแกนะ...”
“...วันละครั้งสองครั้งน่ะก็โอเคหรอก...แต่นี่ถี่ยิบ...โทรศัพท์ที่โต๊ะผมดังทั้งวันเลย...หัวหน้าผมก็มองแปลก ๆ แล้วด้วย...” วุธระบายความในใจ
“...ลองพูดกับเค้าสิ...”
“...พูดแล้ว แต่ไม่รู้เค้าเข้าใจหรือเปล่า...พูดอ้อม ๆ อ่ะ...” วุธหัวเราะแหะ ๆ
“...พูดตรง ๆ ได้เลย...นิสัยคนอเมริกันน่ะเค้าชอบพูดกันตรง ๆ...”
“...ผมกลัวมองหน้ากันไม่ติดอ่ะดิ...”
“...มองหน้ากันไม่ติด...ก็ไม่ต้องมองสิจ๊ะ...” ผมพูดขำ ๆ แต่หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ นะ
*
*
*
.....ยังไม่ทันจะพ้นสี่แยกบางนา เสียงโทรศัพท์ที่หน้าจอโชว์ชื่อพี่พีทหราดังขึ้นเป็นครั้งที่ 5 นับจากที่เรากินข้าวกันก่อนออกจากบ้าน และวุธก็ไม่ยอมรับสายอีกตามเคย...ตอนแรกมันบอกให้ผมรับ แต่ผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของมัน...ผมบอกวุธว่าถ้าเค้าโทรมาอีกในครั้งที่ 6 ผมจะรับสายเอง เพราะรำคาญเสียงเรียกเข้าเต็มทีแล้ว.....
.....เห็นสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังก่อสร้างใกล้เสร็จอยู่ไกล ๆ ผมเองก็ต้องศึกษาเส้นทางเพื่อให้ข้อมูลแก่แขกได้ถูกต้อง...เราคุยกันถึงเรื่องสนามบินใหม่...แล้วเสียงโทรศัพท์วุธก็ดังขึ้นอีกครั้ง.....
“...รับดิ...” ผมรอให้วุธอนุญาต พอมันพูดจบ ผมก็กดปุ่มรับสายทันที
“...สวัสดีครับ............ฮัลโหล...” ปลายทางเงียบ แต่ผมรู้ว่าเค้าฟังอยู่ เมื่ออีกฝ่ายไม่พูด ผมก็ตัดสายทิ้ง
“...เค้าไม่พูดเหรอ...” วุธถาม ผมพยักหน้า และเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งในนาทีต่อมา
“...สวัสดีตอนบ่าย...เอ้พูดสายครับ...วุธกำลังขับรถอยู่ คุณต้องการจะฝากข้อความไว้มั้ยครับ...” ผมรับสายเป็นภาษาอังกฤษ เห็นวุธอมยิ้ม “...เราอยู่ระหว่างการเดินทางไปฮันนีมูนกันครับ...” ผมพูดไปกลั้นหัวเราะไป “...ขอบคุณครับ...สวัสดีครับ...”
“...เอ้ไปแกล้งเค้า...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...แกล้งอะไร...พูดความจริง...ถ้ามัวแต่พูดอ้อม ๆ ว่าไปธุระ...เค้าก็ไม่เข้าใจสิว่าเรายังรักกันดีอยู่...” ผมเอนตัวไปพิงไหล่มัน
“...แล้วเค้าว่าไงมั่งอ่ะ...”
“...ก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย...แค่ถามว่าไปไหนกัน แล้วก็บอกว่า Have a good trip...”
*
*
.....ชายหาดจังหวัดระยองยังสวยเหมือนเดิม บรรยากาศทำให้ผมคิดถึงสมัยรับน้องตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรามารับน้องที่ระยองทุกปี แต่เปลี่ยนรีสอร์ต ไม่เหมือนมหา’ลัย ของวุธที่รับน้องรีสอร์ตเดิมทุกปี...แสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ ของหน้าร้อนทำเอาผมต้องสวมแว่นไว้ขณะที่นอนคุยกับวุธบนเก้าอี้ชายหาด...นานเหลือเกินที่เราไม่ได้คุยกันเยอะขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แต่เวลาของเราไม่ตรงกัน วันนี้จึงมีเรื่องราวหลากหลายให้ได้เล่าสู่กันฟัง...ลมทะเลพัดเย็นสบาย...มีคนเคยบอกว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง ดูได้จากเวลาไปทะเลแล้วไม่อยากลงเล่นน้ำ...ท่าทางจะจริง เพราะถึงแม้ว่าจะเตรียมเอาชุดมาเปลี่ยน แต่เรากลับอยากนั่งเล่นนอนเล่นบริเวณชาดหาดมากกว่า.....
.....เย็นแล้ว...เราสองคนขับรถไปหาซื้อของกลับกรุงเทพฯ กะปิ กุ้งแห้ง ปลาหมึก ขนมของฝากต่าง ๆ ถูกห่อไว้เป็นอย่างดี เพราะผมกำชับคนขาย กลัวกลิ่นติดรถไอ้วุธมัน ถ้าเป็นรถผมก็คงใส่กระโปรงท้ายก็ไม่มีปัญหา แต่รถคันนี้ต้องใส่ไว้หลังรถ ถ้ากลิ่นออกก็คงต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่.....
.....เราแวะกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งคุยไปคุยมา เราดันรู้จักเป็นร้านเดียวกันอีก...สมัยก่อนมากินทุกปี บรรยากาศดี อาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก แต่ก็เอาการอยู่...ตอนมารับน้อง ซึ่งเป็นรุ่นพี่แล้ว กลุ่มผมต้องมาจัดเตรียมสถานที่ก่อน ทำให้มีเวลาเที่ยวรอบเมืองระยองมากกว่าคนอื่น และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ผมกลับมากินที่นี่อีก (แต่คราวนี้ต้องจ่ายเงินเอง ตอนมากับมหา’ลัย มันมีงบตรงนี้ให้ไงครับ เราไม่กินเหล้าก็เลยเอามากินของแพงเพื่อทดแทนกัน แบบว่ากลัวเงินเหลืออ่ะ).....
.....มาทะเลในวันธรรมดาก็ดีอย่างนี้นี่เอง...คนไม่เยอะ...เรานั่งกินข้าวกันสองคนอย่างสบายใจ โดยที่ไม่ต้องกังวลกับสายตาคนรอบข้างเหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ...เราจะตัก จะป้อนให้กันก็ทำได้ ไม่มีใครสนใจ...ผมแกะกุ้งให้วุธ...ส่วนมันแกะปูให้ผม...แกะเสร็จก็ป้อน (ยัด) ใส่ปากกันเลย...ไม่เคยคิดว่าการมาทะเลแค่สองคนจะสนุกอย่างนี้ เมื่อก่อนคิดแต่ว่ามาเที่ยวทะเล ต้องมาเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ...แต่จริง ๆ แล้ว ผมว่าไปไหนก็ได้ ขอแค่ไปกับคนที่เรารัก มันก็มีความสุขแล้วล่ะครับ.....
Ask me how much you mean to me
and I wouldn't even know where to start
ask if this love runs deep in me
you won't find the deeper love in any heart
You could say you couldn't live one day without me
you could say all of your thoughts are all about me
you could think no other love could be as strong
you'd be wrong, you'd be wrong
If you say that you love me,
more than anybody
than anyone's ever in love before,
as much as you love me
Baby I'll still love you,
baby I'll still love you more
I'll still love you more
Ask me just what I do for you
I'll tell you that I would do anything
ask if this heart beats true for you
I'll show you a truer heart could never be
You could say there's not a star that you won't bring me
you could say there'll be no day that you won't need me
you could think no other love as last as long
you'd be wrong, you'd be wrong
And for every kiss I kiss you back a hundred times
and for everything you do I just do more
and for all the love you give,
I give you so much back you'll see
gosh so much love for you instead

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด