8. I still love you more
.....ตอนเดิม...น้อง ๆ ที่ทำงานกำลังสงสัยว่าผู้ร่วมงานคนใหม่ชาวอังกฤษสุดหล่อจะปิ๊งผม อันนี้ก็ต้องดูต่อไปว่าเป็นไปได้หรือไม่...และมีแขก Walk in (แขกที่ไม่ได้ทำการจองล่วงหน้า หรือผ่านตัวแทนรับจองห้องพัก ซึ่งจะทำให้ต้องจ่ายค่าห้องแพงกว่าปกติ ตามเรทราคาเต็มของทางโรงแรม) เรารับจองห้องสวีททางโทรศัพท์โดยไม่ทันได้ถามชื่อ หรือแม้แต่เลขที่บัตรเครดิต...คิดว่าเป็นแค่คนที่โทรมาจองเล่น ๆ จึงไม่ได้เตรียมการอะไร จู่ ๆ เขาก็มาเช็คอิน และผมก็ต้องอึดอัดที่สุดเมื่อพบว่าแขก VIP คนนี้คือ...พี่พีท...(เขาจะได้เป็นวีไอพีทันที เพราะโดนค่าห้องราคาเต็มคืนละเป็นหมื่น++ แถมให้พวกเราจำกัดวงเงินในบัตรเครดิตไว้เป็นแสนเพื่อการันตีว่าเค้าไม่หนีด้วย).....
******************************************************************************
.....หลังจากที่พนักงานอาคันตุกะสัมพันธ์ หรือ Guest Relation Officer พาพี่พีทขึ้นห้อง หมดหน้าที่ของพนักงานต้อนรับอย่างผมแล้ว เวลาที่เหลืออีกไม่กี่ชั่วโมงก่อนกลับบ้านมันดูยาวนานกว่าทุกวัน ตาคอยดูที่ลิฟท์บ่อย ๆ กลัวพี่พีทลงมาที่เคาท์เตอร์ ตอนนั้นไม่อยากเจอหน้าพี่เค้าจริง ๆ ไม่รู้ทำไม มันปั้นหน้าไม่ถูก ทั้ง ๆ ที่ผมเป็นคนที่หน้าตารับแขกมากที่สุดคนหนึ่งในแผนก สามารถฉีกยิ้มได้ตลอดเวลา แต่กับแขกคนนี้ ผมต้องฝืนยิ้มด้วยความยากเย็น เค้าก็ยังไม่ได้ทำอะไรให้ซักหน่อย.....
“..พี่เอ้รู้จักคุณพีทได้ไงอ่ะ...” อีเบสเอ่ยปากถามผมที่ห้องล็อคเกอร์ ขณะเรากำลังเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมตัวกลับบ้าน
“...เค้าทำงานที่เดียวกับพี่วุธ...” ผมตอบสั้น ๆ ยังไม่อยากให้พวกมันรู้อะไรมาก อีพวกนี้ไม่ค่อยเก็บความรู้สึก
“...หนูว่าพี่กับเค้ามีปัญหาอะไรกันอยู่นะ...” อีธีพยายามหลอกถาม
“...ไม่มีอะไรซักหน่อย...” ผมทำหน้าใสซื่อ
“...ไม่จริงหรอก...หนูเห็นสายตาพี่กับเค้าเวลาคุยกันแล้วเสียวสันหลังวาบเลย...”
“...อีนี่เวอร์อีกแล้ว...ตอนนี้เค้าเป็นแขกของเรา...ยังไงก็ต้องสุภาพหน่อย...รักษาภาพพจน์องค์กรโว้ย...”
“...จ้า...สุภาพมากเลย...ปากงี้ยิ้มหวานเชียว...แต่พอมองตานี่รู้เลยว่าเฟค...เล่าให้หนูฟังหน่อยดิ...” อีเบสพูดตรง ๆ
“...กูว่ารักสามเส้า...ชัวร์...” อีธีเริ่มเดา
“...I Think so...แบบว่า...พี่วุธแนะนำคุณพีทให้พี่เอ้รู้จัก...แล้วคุณพีทดันมาชอบพี่เอ้...แต่พี่เอ้มั่นคงในความรักกับพี่วุธ...คุณพีทก็เลยหาทางเข้าใกล้พี่เอ้ด้วยการลงทุนมาพักโรงแรมเรา...หรือว่า...”
“...Shut the F**K up...อีนี่เพ้อเจ้อเป็นเรื่องเป็นราว...เอาไว้ว่าง ๆ ค่อยเล่าให้ฟัง...” ผมตัดบทก่อนที่มันจะพูดเดาไปเรื่องจนเจอเรื่องจริง “...พรุ่งนี้พี่หยุดก็ฝากดูแลเค้าดี ๆ ด้วยนะ...”
“...นั่นไงกูว่าแล้ว...สองคนนี้มีอะไรกันแน่นอน...หรือว่าพี่เอ้ชอบแบบ Threesome...” อีเบสหันไปเม้าธ์ระยะเผาขนกับอีธี...มันคงดูละครมากเกินไปนะเนี่ย
“...ชั้นหมายถึงดูแลแขกให้ดี...ให้เค้ารู้สึกว่าคุ้มกับเงินหมื่นที่เค้าต้องเสียให้โรงแรม...คิดซะว่าเงินเค้าถือ Service Charge ของเรา...แต่ถ้าเป็นไปได้กูไม่อยากได้แขกแบบนี้เลยว่ะ...” ผมเผลอบ่นเบา ๆ
“...แหม...ใครจะไปรู้ล่ะ...หนูนึกว่าฝรั่ง...ตอนเค้าโทรมาจองห้องพูดภาษาอังกฤษสำเนียงเริ่ดขนาดนั้น...”
“...ช่างเถอะ...รับเข้ามาแล้วนี่...จะให้ไล่ออกจากโรงแรมก็ไม่ได้...นอกจากให้อีเบสไปเข้าฝันเค้าแล้วบอกให้รีบเช็คเอ้าท์ Move you ass, go back home...” ผมทำเสียงเหมือนผีในหนัง...พูดเล่นกลบเกลื่อนความกังวลว่าพี่พีทมีเจตนาอะไรนอกเหนือกว่าแค่มาพักระหว่างห้องนอนที่บ้านกำลังถูกปรับปรุง
*
*
.....ผมปรับตัวในการเข้างานรอบบ่ายโดยที่วุธสบายใจได้อีกอย่างหนึ่งคือ ซื้อของกลับมากินที่บ้าน จะได้ไม่ต้องแวะไปตะลอนหาของกินกับน้องสาวทั้งสองจนดึกเหมือนเคย...คิดซะว่าที่ผ่านมากินของดี ๆ มาเยอะแล้ว...ต่อไปจะเป็นการกินเพื่ออยู่...หาของกินง่าย ๆ ระหว่างทางใส่ห่อ ใส่ถุงกลับมากินที่บ้าน...แรก ๆ ก็ซื้อเผื่อวุธมันหรอก แต่วุธมันกินได้นิดเดียว ผมก็เลยบอกมันว่าอยากกินอะไรก็บอก จะได้ซื้อมาเผื่อ...เพราะบางวันมันเพลีย พอลืมตาเห็นผมกลับบ้าน มันก็นอนต่อ รอให้ผมปลุกมันเพื่อขึ้นไปนอนต่อบนห้อง.....
.....ทันทีที่เห็นบ้านตัวเอง ผมก็แปลกใจว่าทำไมวันนี้วุธมันยังไม่นอน บริเวณห้องรับแขกที่วุธใช้เป็นที่นอนชั่วคราวไฟเปิดสว่างจ้า...พรุ่งนี้มันต้องไปทำงานนี่นา...แล้วถ้าจะนอนดึก ทำไมไม่โทรมาฝากซื้อกับข้าวล่ะ...ไม่ได้ซื้อเผื่อซะด้วยสิ.....
“...เฮ้ย...ทำไมยังไม่นอนอ่ะ...” ผมทักทายมันตามปกติ มันได้แต่ยิ้มแห้ง ๆ ให้ผม
“...ก็รอเอ้ไง...”
“...มีอะไรเหรอ...”
“...ไปล้างไม้ล้างมือกินข้าวก่อนดีกว่า...” มันเอาถุงอาหารในมือผมเดินเข้าห้องครัวไปเงียบ ๆ
*
*
“...เอ้า...มองอยู่นั่นแหละ...หิวอ่ะดิ...อ้า...อ้ำ...หน่อย...” ผมอึดอัดที่มันมัวแต่มองผมกินข้าว ถามมันแล้วว่ากินด้วยกันมั๊ย มันก็ส่ายหน้า บอกไม่หิว ผมเลยแกล้งทำกับมันเหมือนจะป้อนข้าวเด็ก ตักข้าวจะป้อนให้ถึงปาก มันหลุดยิ้มออกมานิดนึง
“...เอ้กินเถอะ...ผมไม่หิว...”
“...เอางี้...มีอะไรก็พูดมา...” ผมฝืนต่อไปไม่ไหวแล้ว รู้ทั้งรู้ว่ามันมีอะไรอยู่ในใจ แต่ผมก็พยายามทำตัวปกติที่สุด เพื่อให้บรรยากาศไม่ตึงเครียด
“...เอ้...กินข้าวให้หมดก่อนดิ...”
“...ถ้าแกไม่พูดเราก็ไม่กิน...ทำไม...มีอะไรร้ายแรงถึงขนาดที่เรารู้แล้วกินข้าวไม่ลงเลยเหรอ...” ผมดักคอมัน
“...พี่พีทไปทำอะไรที่โรงแรมเอ้...” วุธเงียบไปพักนึง ก่อนโพล่งออกมา
“...รู้ได้ไงว่าพี่เค้าไปที่นั่น...” ผมไม่ตอบ แต่ถามกลับ อารมณ์เริ่มขึ้นนิด ๆ
“...พี่เค้าใช้เบอร์โรงแรมโทรมา...เค้าไปทำอะไรอ่ะ...” วุธถามครั้งที่สอง
“...เค้าโทรมาทำไม...” ผมไม่ตอบ อารมณ์ขึ้นอีกนิด
“...เค้าโทรมาคุยด้วย...เอ่อ...แล้วเค้าพูดอะไรกับเอ้บ้างหรือเปล่า...” ผมตบโต๊ะดังปัง วุธสะดุ้ง
“...ชั้นสิต้องถาม...ว่าเค้าคุยอะไรกับแก...” ตบะแตกแล้ว
“...ใจเย็น ๆ ดิ...” วุธเอื้อมมือมากุมมือที่เริ่มชาจากการตบโต๊ะเมื่อกี้
“...ตกลงจะเอายังไง...” ผมถามเสียงเรียบ
“...หมายความว่าไงอ่ะ...”
“...พี่พีทกับแกไปถึงไหนกันแล้ว...” ผมกลั้นใจถาม
“...เอ้...ผมไม่เคยคิดกับพี่พีทแบบนั้นเลยนะ...” วุธพูดเสียงจริงจัง “...แต่...”
“...แต่อะไร...”
“...แต่พี่พีทเค้าบอกว่าเค้าชอบผม...แล้วก็...เค้าบอกว่า...เอ่อ...เอ่อ...”
“...พูดมาเหอะ...ขอแค่พูดเรื่องจริงก็พอ...”
“...เค้าบอกว่าจะไปคุยเรื่องนี้กับเอ้...”
“...อ้าว...แล้วทำไมต้องมาคุยกับเราอ่ะ...เค้าชอบแก...ก็คุยกับแกสิ...จะ yes, no, ok อะไรกันก็ตามสบาย...เราเคารพการตัดสินใจของคนอื่นมาตลอด...แกก็รู้นี่...”
“...พูดตรง ๆ เลยนะ...” วุธถอนหายใจเฮือกใหญ่ก่อนพูดต่อ “...เค้าอยากให้เราเลิกกัน...”
“...เฮ้ย...” ผมตกใจ
“...เดี๋ยว...ใจเย็น ๆ...ผมบอกกับเขาแล้วว่าระหว่างผมกับเอ้มันไม่ใช่แค่ความรักอย่างเดียว...แต่เราผูกพันกัน...ยังไงผมก็ไม่เลิกกับเอ้แน่นอน นอกจากเอ้อยากจะเลิกกับผม หรือว่าเอ้เจอคนที่ดีกว่า...” ถ้าไม่มัวแต่กังวลเรื่องพี่พีท ผมคงตื้นตันมากกว่านี้
“...แต่ลองคิดกลับกันดิ...พี่พีทเค้าดีกว่าเราทุกอย่างเลยนะ...รูปร่างหน้าตา...ฐานะ...การศึกษา...ถ้าวุธจะไปกับเค้าเราก็คงไม่ขัดขวางอะไรหรอก...” ผมพูดจากใจเลยจริง ๆ
“...อ้าว...ไม่รักผมเหรอ...” วุธหน้าเสีย
“...รักสิ...แต่ทำไงได้อ่ะ...คนจะไปก็ต้องไป...แถมไปได้ดีซะด้วย...เสียใจก็ยอมวะ...”
“...โห...ถึงเอ้ไล่ก็ไม่ไปหรอก...” วุธยิ้มออกมาได้ “...ผมไม่ได้ชอบเค้า...แล้วผมก็ไม่สนใจเรื่องที่เอ้บอกว่าเค้าดีกว่าทุกอย่างด้วย...ตอนนั้นผมไปไหนมาไหนกับเขาเพราะเห็นว่าเขาไม่ค่อยมีเพื่อนคนไทย...ตกเย็นผมก็ไม่มีอะไรทำ...ผมแค่ออกไปหาเพื่อนกินข้าว...ไปซ้อมกอล์ฟ...”
“...แกไปให้ความหวังอะไรเขาหรือเปล่า...” ผมขัดจังหวะ
“...ไม่นี่...ตอนแรกก็ไปกันเป็นกลุ่มเหมือนตอนไปออกรอบทุกครั้ง...แต่ผมรู้สึกว่าระยะหลังนี่เค้าชอบหาทางแยกกับคนอื่น แล้วชวนผมไปกันสองคน...ผมก็คิดว่าเขาคงไม่ชอบไปเที่ยวคาราโอเกะ ไปผับเพื่อชีวิตเหมือนเพื่อนที่แผนก...เอ้ก็รู้ว่าผมน่ะ อะไรก็ได้ ใครชวนไปไหนก็ไป...ถึงจะรู้ว่าเค้าดีกับผมเป็นพิเศษ แต่ก็ไม่คิดว่าเค้าจะกล้าบอกว่าชอบผม...”
“...แล้วจะทำยังไงล่ะ...”
“...ก็นี่ไง...ผมถึงได้ถามว่าพี่พีทพูดอะไรกับเอ้มั่ง...”
“...ไม่เห็นพูดอะไรเลย...เค้าบอกแค่ว่าเค้ากำลังตกแต่งห้องนอนใหม่อยู่...ก็เลยต้องมานอนโรงแรม...”
“...โรงแรมแถวบ้านเค้าก็มี...ทำไมต้องมานอนที่โรงแรมเอ้ด้วยวะ...” วุธบ่นเบา ๆ “...ระวังไว้หน่อยก็ดีนะ...”
“...ระวังอะไร...เค้าจะเอาน้ำกรดมาสาดหน้าชั้นเหรอ...” ผมทำหน้าสยดสยอง
“...ระวังเค้าจะมาพูดอะไรให้เอ้เข้าใจผิด...ยังไงก็ถามผมบ้างนะ...เท่าที่รู้จักกันมาพี่เค้าไซโคเก่งเหมือนกัน...ยิ่งเค้ารู้ว่าเอ้ของขึ้นง่ายเนี่ยน่ากลัวจริง ๆ...” วุธพูดขำ ๆ
“...เสียใจ...ตอนนี้เราโตแล้ว...เหตุผลมาก่อนอารมณ์เว้ย...แล้วเค้าว่าไงอีก” ผมทำท่าจริงจัง
“...อ๋อ...พี่เค้าบอกว่าอยากรู้ว่าทำไมผมถึงรักเอ้...” วุธหยุดแค่นั้น เพราะมันเริ่มเขิน
“...เออว่ะ...ทำไมวุธถึงรักเราอ่ะ...” ผมถามตรง ๆ วุธเงียบ แต่หน้ามันแดงไปหมด ผมก็ยิ่งแกล้งลุกจากเก้าอี้เดินไปหามันที่ฝั่งตรงข้าม “...ว่าไง...” ผมก้มตัวกอดวุธจากข้างหลังเอาคางเกยไหล่มันไว้
“...มันเป็นความรู้สึก...บอกเป็นคำพูดไม่ได้อ่ะ...รู้แต่ว่าอยู่กับคนอื่นไม่มีความสุขอย่างนี้...เชื่อมั๊ยว่าอยู่กับพี่พีทผมหัวเราะนับครั้งได้เลย...”
“...เอ๊ะ...หมายความว่าเราตลกเหรอ...ไม่ใช่ธงธงนะเว้ย...” ผมแกล้งงอนมัน เอามือออก แต่วุธมันไวกว่า จับมือผมกอดไว้เหมือนเดิม
“...จะบอกว่าเอ้เป็นเหมือนอาจารย์ยิ่งศักดิ์ต่างหาก...” ผมจะหลุดหัวเราะ แต่ต้องเก๊กไว้
“...เออ...ถือเป็นคำชมละกันนะ...” ผมกัดหูมันเบา ๆ ด้วยความหมั่นเขี้ยว
*
*
*
.....กว่าจะได้นอนก็ตีสองกว่า วุธมันดันหิวขึ้นมาซะงั้น...เราก็เลยช่วยกันทำผัดมาม่า เหมือนวันที่เจอกันวันแรกตอนเรียนปวช. ...วุธกินหมดจานอย่างรวดเร็ว ผมก็ไล่ให้มันไปแปรงฟัน นอน กลัวว่าพรุ่งนี้จะตื่นสาย...ซักพัก ผมก็ขึ้นไปอาบน้ำแต่งตัว สำรวจความเรียบร้อยก่อนเข้านอน...ผมค่อย ๆ ล้มตัวลงนอนให้เบาที่สุดกลัววุธตื่น แต่พอขยับตัวจะห่มผ้า จู่ ๆ วุธมันก็โถมตัวเข้ามากอดผมซะแน่น ยังไม่ทันจะได้พูดอะไร ปากผมก็ถูกปากของมันปิดซะก่อน...และต่อมา...ไม่มีคำพูดใด ๆ นอกจากเสียงลมหายใจถี่ ๆ ของเราสองคนในคืนนั้น.....
“...วุธ...ตื่น...ตื่น...” ผมเขย่าแขนมันทันทีที่รู้สึกตัวในเวลา 10 โมงเช้าของวันรุ่งขึ้น
“...อืม...ตื่นแล้ว...” วุธมันงัวเงีย ปากก็พูด แต่ตายังไม่ลืม
“...ลุก...ไปทำงานเร็ว...” ผมเขย่าตัวมันอีก
“...วันนี้ผมลาหยุดไว้...” วุธพูดยิ้ม ๆ เอามือขยี้ตาเบา ๆ
“...อ้าว...แล้วก็ไม่บอก...เฮ้อ...นอนต่อดีกว่า...” ผมล้มตัวลงนอน หันหลังให้มัน
“...ไปเที่ยวกัน...” วุธเขยิบตัวเข้ามาเบียดผม วุธจูเนียร์เริ่มมีอาการพองตัว
“...ไปไหนอ่ะ...” ผมหลับตาถาม เหตุการณ์เมื่อคืนทำเอาผมเพลียกว่าทุกวัน
“...ระยอง...”
“...โห...ไกลไปมั้ง...”
“...ขับรถไม่กี่ชั่วโมงเอง...เรานอนเอาแรงก่อน...เดี๋ยวบ่าย ๆ ค่อยไปก็ได้...”
“...อืม...” ผมตอบรับในคอ ก่อนหลับไปอีกครั้งในอ้อมกอดวุธ
*
*
.....เสียงน้องหมาผมเห่า ตามด้วยเสียงพี่ที่มาทำความสะอาดดุมันดังขึ้นมาถึงบนห้องนอน...ผมสะดุ้งตื่น มองนาฬิกาหัวเตียง นี่มันก็เที่ยงกว่าเข้าไปแล้ว...ตั้งแต่อยู่รอบบ่ายมาไม่เคยนอนยาวขนาดนี้ ถึงจะเป็นวันหยุดก็เถอะ...วุธยังนอนหลับตาพริ้มไม่รู้เรื่องรู้ราว...ผมค่อย ๆ ก้าวลงจากเตียง เข้าห้องน้ำ ล้างหน้า แปรงฟัน จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อนลงไปหาพี่คนทำความสะอาดบ้าน...ถึงแม้ว่าเขาจะคุ้นเคยกับบ้านผม...รู้ว่าผมกับวุธเป็นอะไรกัน แต่มันก็ไม่ดีถ้าจะให้เขาเห็นผู้ชายกับผู้ชายนอนกอดกัน...แถมตื่นเอาตอนเที่ยงอย่างนี้ มันชวนให้คิดไปถึงเรื่องนั้นเรื่องเดียว.....
“...อ้าว...กำลังจะขึ้นไปเคาะห้องพอดี...” พี่แกทักผมทันทีที่เห็นผมเดินลงมาจากชั้นสอง
“...วันนี้ไม่ต้องทำห้องเอ้ก็ได้พี่...มาช่วยเอ้ทำกับข้าวดีกว่า...” ผมเดินนำพี่เขาเข้าครัว
*
*
“...หิวข้าว...” วุธส่งเสียงมาก่อนตัว พอดีกับที่ผมทำกับข้าวเสร็จ มันอาบน้ำแต่งตัวด้วยชุดที่บ่งบอกว่าเราจะไปทะเลกัน
“...กินก่อนได้เลยนะ...” ผมพูดก่อนจะเดินขึ้นห้องไปอาบน้ำมั่ง
“...ไม่อ่ะ...ผมรอเอ้ก่อนดีกว่า...”
.....อาบน้ำเสร็จระหว่างที่ผมกำลังรีบเร่งแต่งตัวเพื่อไม่ให้วุธรอนาน หางตาผมดันไปเห็นไฟกระพริบแว๊บ ๆ ที่โทรศัพท์มือถือของวุธ สงสัยมันคงลืมหยิบลงไป และก็คงลืมเปิดเสียง (วันไหนที่มันแน่ใจว่าไม่มีเรื่องงานที่ต้องติดต่อ ก่อนนอนมันจะปิดเสียงไว้ทุกครั้ง)...ผมเดินไปดูว่าใครโทรมา แต่ต้องตัวชาวาบที่เห็นชื่อที่ขึ้นอยู่บนหน้าจอ...ใจนึงก็อยากรับสาย แต่อีกใจก็กลัวว่าจะเสียมารยาท...คิดถึงใจเราเองว่าเป็นเราก็คงไม่อยากให้ใครมารับโทรศัพท์มือถือก่อนได้รับอนุญาตเช่นกัน...ไฟนั้นกระพริบอยู่สักพักก็ดับ บนหน้าจอโชว์ 28 missed call มือไม้สั่นเลยครับ อยากรู้ว่าทั้ง 28 สายน่ะ เป็นของพี่พีทคนเดียวเลยหรือเปล่า...ผมพยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ ก่อนเดินถือโทรศัพท์ลงไปให้ข้างล่าง เห็นวุธมันกำลังดูโทรทัศน์อยู่ท่าทางอารมณ์ดีเชียว.....
“...อ่ะ...โทรศัพท์ลืมไว้ข้างบน...” ผมยื่นโทรศัพท์ให้วุธ มันรับไว้แล้วางลงข้างตัว ผมก็อยากรู้ไม่หาย “...เมื่อกี้มีคนโทรมา...แต่เอาลงมาให้ไม่ทัน...” มันก็เฉยเพราะมัวแต่สนใจรายการทีวีอยู่ “...พี่พีทโทรมา...” ผมตัดสินใจบอก วุธหันมามองหน้าผมทันที
“...ทีหลังเค้าโทรมาก็รับได้เลยนะ...” แน่นอน ผมตอบในใจ
“...แต่ก่อนหน้านั้นก็มีคนโทรมาตั้งหลายสาย...” ผมถามอ้อม ๆ
“...เหรอ...” วุธหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดดูแล้วส่ายหน้าเบา ๆ
“...ไปกินข้าวกันเถอะ...” ผมชวนเพื่อปกปิดความอยากรู้
“...ไม่อยากรู้เหรอว่าใครโทรมา...” วุธมันรู้แน่ ๆ ว่าผมกำลังสงสัย
“...อยากบอกก็บอกดิ...”
“...พี่พีท...ทั้งหมด 28 missed call...” วุธพูดเสียงเรียบ
“...เค้าเป็นอะไรหรือเปล่า...ไม่โทรกลับหน่อยเหรอ...”
“...เดี๋ยวก็โทรมาอีก...เป็นเรื่องปกติ...ไปกินข้าวกันดีกว่า...” วุธเดินเข้าครัว ผมเดินจ้ำ ๆ ตาม
“...เป็นเรื่องปกตินี่...หมายความว่าไง...”
“...ก็เค้าโทรหาผมเกือบทุกชั่วโมง...ตอนอยู่ที่ทำงานเค้าก็ใช้สายในโทรเข้ามา...ผมก็ต้องรับ เพราะไม่รู้ว่าใคร...”
“...เค้าโทรมาทำไมอ่ะ...”
“...ก็ไม่เห็นมีอะไรเลย...แค่โทรมาถามว่าทำอะไรอยู่...กินข้าวหรือยัง...งานยุ่งมั้ย...พูดสั้น ๆ แต่โทรบ่อยมาก...” วุธมันก็พูดด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ผมเกิดความรู้สึกผิดขึ้นมา
“...เค้าก็ดีเนอะ...โทรหาวุธบ่อยกว่าเราอีก...”
“...เอ้...ผมก็เหมือนเอ้อ่ะนะ...ไม่ชอบให้ใครมาวุ่นวาย...เวลางานก็คือทำงาน...ถ้าผมโทรหาเอ้บ่อย ๆ เอ้จะรำคาญปะล่ะ...” ผมพยักหน้า
“...แต่เค้าก็หวังดี เป็นห่วงแกนะ...”
“...วันละครั้งสองครั้งน่ะก็โอเคหรอก...แต่นี่ถี่ยิบ...โทรศัพท์ที่โต๊ะผมดังทั้งวันเลย...หัวหน้าผมก็มองแปลก ๆ แล้วด้วย...” วุธระบายความในใจ
“...ลองพูดกับเค้าสิ...”
“...พูดแล้ว แต่ไม่รู้เค้าเข้าใจหรือเปล่า...พูดอ้อม ๆ อ่ะ...” วุธหัวเราะแหะ ๆ
“...พูดตรง ๆ ได้เลย...นิสัยคนอเมริกันน่ะเค้าชอบพูดกันตรง ๆ...”
“...ผมกลัวมองหน้ากันไม่ติดอ่ะดิ...”
“...มองหน้ากันไม่ติด...ก็ไม่ต้องมองสิจ๊ะ...” ผมพูดขำ ๆ แต่หมายความว่าอย่างนั้นจริงๆ นะ
*
*
*
.....ยังไม่ทันจะพ้นสี่แยกบางนา เสียงโทรศัพท์ที่หน้าจอโชว์ชื่อพี่พีทหราดังขึ้นเป็นครั้งที่ 5 นับจากที่เรากินข้าวกันก่อนออกจากบ้าน และวุธก็ไม่ยอมรับสายอีกตามเคย...ตอนแรกมันบอกให้ผมรับ แต่ผมไม่อยากก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของมัน...ผมบอกวุธว่าถ้าเค้าโทรมาอีกในครั้งที่ 6 ผมจะรับสายเอง เพราะรำคาญเสียงเรียกเข้าเต็มทีแล้ว.....
.....เห็นสนามบินสุวรรณภูมิที่กำลังก่อสร้างใกล้เสร็จอยู่ไกล ๆ ผมเองก็ต้องศึกษาเส้นทางเพื่อให้ข้อมูลแก่แขกได้ถูกต้อง...เราคุยกันถึงเรื่องสนามบินใหม่...แล้วเสียงโทรศัพท์วุธก็ดังขึ้นอีกครั้ง.....
“...รับดิ...” ผมรอให้วุธอนุญาต พอมันพูดจบ ผมก็กดปุ่มรับสายทันที
“...สวัสดีครับ............ฮัลโหล...” ปลายทางเงียบ แต่ผมรู้ว่าเค้าฟังอยู่ เมื่ออีกฝ่ายไม่พูด ผมก็ตัดสายทิ้ง
“...เค้าไม่พูดเหรอ...” วุธถาม ผมพยักหน้า และเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้งในนาทีต่อมา
“...สวัสดีตอนบ่าย...เอ้พูดสายครับ...วุธกำลังขับรถอยู่ คุณต้องการจะฝากข้อความไว้มั้ยครับ...” ผมรับสายเป็นภาษาอังกฤษ เห็นวุธอมยิ้ม “...เราอยู่ระหว่างการเดินทางไปฮันนีมูนกันครับ...” ผมพูดไปกลั้นหัวเราะไป “...ขอบคุณครับ...สวัสดีครับ...”
“...เอ้ไปแกล้งเค้า...” วุธพูดยิ้ม ๆ
“...แกล้งอะไร...พูดความจริง...ถ้ามัวแต่พูดอ้อม ๆ ว่าไปธุระ...เค้าก็ไม่เข้าใจสิว่าเรายังรักกันดีอยู่...” ผมเอนตัวไปพิงไหล่มัน
“...แล้วเค้าว่าไงมั่งอ่ะ...”
“...ก็ไม่เห็นพูดอะไรเลย...แค่ถามว่าไปไหนกัน แล้วก็บอกว่า Have a good trip...”
*
*
.....ชายหาดจังหวัดระยองยังสวยเหมือนเดิม บรรยากาศทำให้ผมคิดถึงสมัยรับน้องตอนเรียนมหาวิทยาลัย เรามารับน้องที่ระยองทุกปี แต่เปลี่ยนรีสอร์ต ไม่เหมือนมหา’ลัย ของวุธที่รับน้องรีสอร์ตเดิมทุกปี...แสงแดดยามบ่ายแก่ ๆ ของหน้าร้อนทำเอาผมต้องสวมแว่นไว้ขณะที่นอนคุยกับวุธบนเก้าอี้ชายหาด...นานเหลือเกินที่เราไม่ได้คุยกันเยอะขนาดนี้ ทั้ง ๆ ที่อยู่บ้านหลังเดียวกัน นอนเตียงเดียวกัน แต่เวลาของเราไม่ตรงกัน วันนี้จึงมีเรื่องราวหลากหลายให้ได้เล่าสู่กันฟัง...ลมทะเลพัดเย็นสบาย...มีคนเคยบอกว่าเราจะรู้ได้ยังไงว่าโตเป็นผู้ใหญ่หรือยัง ดูได้จากเวลาไปทะเลแล้วไม่อยากลงเล่นน้ำ...ท่าทางจะจริง เพราะถึงแม้ว่าจะเตรียมเอาชุดมาเปลี่ยน แต่เรากลับอยากนั่งเล่นนอนเล่นบริเวณชาดหาดมากกว่า.....
.....เย็นแล้ว...เราสองคนขับรถไปหาซื้อของกลับกรุงเทพฯ กะปิ กุ้งแห้ง ปลาหมึก ขนมของฝากต่าง ๆ ถูกห่อไว้เป็นอย่างดี เพราะผมกำชับคนขาย กลัวกลิ่นติดรถไอ้วุธมัน ถ้าเป็นรถผมก็คงใส่กระโปรงท้ายก็ไม่มีปัญหา แต่รถคันนี้ต้องใส่ไว้หลังรถ ถ้ากลิ่นออกก็คงต้องทำความสะอาดกันยกใหญ่.....
.....เราแวะกินข้าวเย็นที่ร้านอาหารทะเลแห่งหนึ่ง ซึ่งคุยไปคุยมา เราดันรู้จักเป็นร้านเดียวกันอีก...สมัยก่อนมากินทุกปี บรรยากาศดี อาหารอร่อย ราคาไม่แพงมาก แต่ก็เอาการอยู่...ตอนมารับน้อง ซึ่งเป็นรุ่นพี่แล้ว กลุ่มผมต้องมาจัดเตรียมสถานที่ก่อน ทำให้มีเวลาเที่ยวรอบเมืองระยองมากกว่าคนอื่น และนี่ก็เป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปีที่ผมกลับมากินที่นี่อีก (แต่คราวนี้ต้องจ่ายเงินเอง ตอนมากับมหา’ลัย มันมีงบตรงนี้ให้ไงครับ เราไม่กินเหล้าก็เลยเอามากินของแพงเพื่อทดแทนกัน แบบว่ากลัวเงินเหลืออ่ะ).....
.....มาทะเลในวันธรรมดาก็ดีอย่างนี้นี่เอง...คนไม่เยอะ...เรานั่งกินข้าวกันสองคนอย่างสบายใจ โดยที่ไม่ต้องกังวลกับสายตาคนรอบข้างเหมือนตอนอยู่กรุงเทพฯ...เราจะตัก จะป้อนให้กันก็ทำได้ ไม่มีใครสนใจ...ผมแกะกุ้งให้วุธ...ส่วนมันแกะปูให้ผม...แกะเสร็จก็ป้อน (ยัด) ใส่ปากกันเลย...ไม่เคยคิดว่าการมาทะเลแค่สองคนจะสนุกอย่างนี้ เมื่อก่อนคิดแต่ว่ามาเที่ยวทะเล ต้องมาเป็นกลุ่มใหญ่ ๆ...แต่จริง ๆ แล้ว ผมว่าไปไหนก็ได้ ขอแค่ไปกับคนที่เรารัก มันก็มีความสุขแล้วล่ะครับ.....
Ask me how much you mean to me
and I wouldn't even know where to start
ask if this love runs deep in me
you won't find the deeper love in any heart
You could say you couldn't live one day without me
you could say all of your thoughts are all about me
you could think no other love could be as strong
you'd be wrong, you'd be wrong
If you say that you love me,
more than anybody
than anyone's ever in love before,
as much as you love me
Baby I'll still love you,
baby I'll still love you more
I'll still love you more
Ask me just what I do for you
I'll tell you that I would do anything
ask if this heart beats true for you
I'll show you a truer heart could never be
You could say there's not a star that you won't bring me
you could say there'll be no day that you won't need me
you could think no other love as last as long
you'd be wrong, you'd be wrong
And for every kiss I kiss you back a hundred times
and for everything you do I just do more
and for all the love you give,
I give you so much back you'll see
gosh so much love for you instead