Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)  (อ่าน 155250 ครั้ง)

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
นิยายเรื่องนี้เป็นFic ขนาดไม่สั้นไม่ยาวนะครับ และเป็นเรื่องแรกด้วย ไม่เคยลงที่ไหนหนะ เปิดซิงที่นี่เลย  :laugh:

ยังไงก็ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะครับ :กอด1:

ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2014 00:11:05 โดย Windend »

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #1 เมื่อ01-04-2011 12:47:15 »

Intro

        เนินนานก่อนที่จะมีการบันทึกประวัติศาสตร์ มีพระราชาผู้หาญกล้าพระองค์หนึ่ง ราชาที่ไม่สยบต่อเจตนารมณ์ของเดอะเฟทส์ (The Fates) ที่มีลิขิตเทพต่อพระองค์ เช่นเดียวกับที่มีต่อมนุษย์ก่อนหน้าและหลังจากพระองค์อีกมากมาย ทรงกระทำสิ่งผิดพลาดด้วยการตกหลุมรักสตรีโฉมงามที่สุดในอาณาจักร อิสตรีเจ้าของรอยยิ้มที่เป็นดุจโลหิตหล่อเลี้ยงพระองค์

        พระราชาหารู้ไม่ว่านางต้องทัณฑ์คำสาปอันน่าสะพรึงกลัวที่สุด สืบเนื่องบรรพบุรุษนางเคยกระทำการต่อต้านเทพ อพอลโลเมื่อกว่าสองพันปีก่อนที่นางจะถือกำเนิด พวกเขาจึงต้องคำสาปให้สิ้นชีพอย่างโหดร้ายทารุณเมื่อถึงวันครบรอบอายุครบยี่สิบเจ็ดปี มันเป็นความลับที่นางเก็บงำอย่างมิดชิดจนถึงวันที่นางเริ่มเน่าเปื่อยและดับสูญ

   ภายในเวลายี่สิบสี่ชั่วโมง นางแปลสภาพจากสาวสวยกลายเป็นหญิงแก่ แล้วจากนั้นก็เริ่มเน่าผุพังจนไม่เหลือแม้แต่ธุลี พระราชาไลคาออน ต้องทุกข์ทรมานอย่างแสนสาหัส เมื่อต้องสูญเสียสตรีอันเป็นที่รักไป แต่สิ่งที่เลวร้ายกว่านั้นคือการรับรู้ที่เฝ้าหลอกหลอนว่าในไม่ช้าบรรดาลูกชายของพระองค์จะต้องมีชะตากรรมแบบเดียวกับผู้เป็นมารดาและจะตายอย่างน่าสะพรึงกลัว

   พวกลูกๆของเขาก็เหมือนกับนาง ที่ต้องตายเพราะสิ่งที่พวกเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรเลย เมื่อไม่อาจทนต่อความอยุติธรรมเยี่ยงนี้ได้ ไลคาออนจึงเผชิญหน้ากับปวงเทพของเขา แล้วบอกให้เทพเจ้าเหล่านั้นตกนรกหมกไหม้ พระองค์จะไม่ทนเห็นลูกๆต้องมาตาย ไม่มีวันเสียหละ

   ราตรีนั้นเอง พระองค์เริ่มใช้มนต์ดำที่ลึกลับที่สุดเพื่อผสมผสานพันธุกรรมของผู้คนในเผ่าพันธุ์ของนางกับสัตว์ต่างๆที่มีความแข็งแกร่งที่สุด ไม่ว่าจะเป็นหมาป่า หมาใน สิงโต เสือโคร่งเสือดำ หมี เหยี่ยว แม้กระทั่งมังกรที่หาพบได้ยาก สรรพสัตย์ที่ทรงคัดมาก็เพื่อต่อชีวิตให้บรรดาลูกๆของพระองค์

   เมื่อการทดลองเสร็จสิ้น พระองค์ก็ได้สร้างเผ่าพันธุ์ใหม่ขึ้นมา พวกเขาไม่มีความเป็นมนุษย์ ไม่มีความเป็นสัตว์ป่า กลายเป็นสิ่งมีชีวิตอีกชนิดหนึ่งที่ต่างออกไปอย่างสิ้นเชิง

   และจากการทดลองนี้ทำใหม่บรรดาลูกๆของพระองค์แบ่งแยกตัวตนออกเป็นคู่ ฝ่ายหนึ่งครองร่างเป็นสัตว์และมีหัวใจของสัตว์ในตอนกลางวันเรียกว่า คาตากาเรีย อีกฝ่ายครองกายเป็นมนุษย์และมีหัวใจของมนุษย์ในตอนกลางวันเรียกว่า อาร์คาเดียน

   นี่คือพรสวรรค์ของพวกเขา

   และเท่ากับเป็นการเริ่มต้นคำสาปใหม่

   พวกเขาได้รับสืบทอดมนต์วิเศษต่างๆจากไลคาออนและพลังจิตอันแข็งกล้าจากชนเผ่าของมารดาพวกเขา และจากการแทรกแซงเพื่อช่วยชีวิตจากพระราชาไลคาออน ทำให้พวกเขาใช้ชีวิตตามสภาพรูปลักษณ์พื้นฐานที่แท้จริงของพวกเขา หากไม่เป็นมนุษย์ก็เป็นสัตว์ ครั้นถึงยามราตรีพวกเขาสามารถเปลี่ยนสภาพเป็นรูปร่างอีกแบบหนึ่งได้ จากมนุษย์กลายเป็นสัตว์ และจากสัตว์กลายเป็นมนุษย์

   ภายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญ เมื่อพลังอำนาจของพวกเขาแข็งแกร่งที่สุด แม้กระทั่งกฎเกณฑ์แห่งกาลเวลาและหลักวิทยาศาสตร์ทั้งหลายก็ยังต้องผันแปรไปตามใจพวกเขา นับแต่วันนั้นเป็นต้นมา พวกเขามีชีวิตที่ยินยาวกว่าชนเผ่าของมารดามาก ทำให้พ้นจากคำสาปของอพอลโล

   แม้อพอลโลจะไม่สนใจว่าคำสาปของเขามีคนแก้ไขได้แล้ว แต่เดอะเฟทส์ไม่มองอย่างนั้น พวกนางโกรธเกรี้ยวอย่างร้ายกาจ เพราะไลคาออนได้ก้าวเข้ามาในเขตของพวกนาง  เทวบัญชาอันเกรี้ยวกราดเรียกร้องให้พระราชาสังหารสิ่งมีชีวิตที่พระองค์สร้างขึ้น พระองค์ผู้ซึ่งเป็นเพียงมนุษย์ปุถุชน กล้าดียังไงจึงหาญกล้ามาบิดเบือนเจตนารมณ์ของชะตาเทพ

   แต่ไลคาออนปฏิเสธ “ข้าจะไม่ยอมให้ลูกๆของข้าต้องทนทุกข์ทรมานเพราะความวางโตโอ้อวดของพวกท่าน พวกท่านเชิญไปตายที่ไหนก็ไปข้าก็ไม่สน

   ฉะนั้นในขณะที่ลูกๆของไลคาออนปลอดภัยจากคำสาปของอพอลโล แต่เดอะเฟทส์ก็ได้ให้คำสาปใหม่แก่พวกลูกๆของเขา

   “จะไม่มีสันติสุขในเผ่าพันธุ์ทั้งสอง” อโทรโพส ยกมือซ้ายขึ้นเหนือศีรษะที่มีผมสีเงินยวงยาวสยาย ดวงตากลายจากมีเขียวมรกตเป็นสีแดงทับทิมส่องประกายทั่วพระราชวังของไลคาออน

   “จะไม่มีคู่แท้จนกว่าข้าจะให้” โคลโธ ยกมือขวาขึ้น ผมสีน้ำตาลทองดังแสงตะวันปลิวไปตามแรงคำลิขิตเทพ ดวงตาสีฟ้าเปลี่ยนไปเหมือนกับอโทรโพส

   “พวกเขาจะต้องฆ่ากันไปจนกว่าต่างฝ่ายจะเหลือผู้รอดชีวิตสองคนสุดท้ายและสังหารกันและกัน” แลคเคซิส ประกาศลิขิตเทพสุดท้ายด้วยริมฝีปากสีดำไม่ต่างกับสีผมที่ดูมืดมิดของราตรีกาลคลี่แย้มออกมาเมื่อพูดเสร็จ นางพอใจกับลิขิตเทพครั้งใหม่ของพวกเธอยิ่ง...


ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #2 เมื่อ01-04-2011 13:10:15 »


   นิวออลีน สหรัฐอเมริกา

   “นี่มันบ้า...บ้าชัดๆ” ชายหนุ่มทำคิ้วผูกโบเมื่อได้อ่านบทความที่พึ่งถูกอัพเดทสดๆร้อนใน blog ของใครก็ไม่รู้ ซึ่งเจ้าของเขียนบันทึกเรื่องราวที่ตนเองฝันไว้เหมือนทำไดอารี่ให้ใครต่อใครเข้ามาอ่านได้ ชายหนุ่มเฝ้าติดตาม blog นี้มาได้สามปีแล้ว เรื่องราวที่บันทึกไว้ไม่ได้ลงทุกวัน บางพูดถึงความฝันของเจ้าตัว บางพูดถึงกิจกรรมที่จะทำหรือได้ทำไปแล้ว แต่ข้อความที่โพสช่วงครึ่งปีที่ผ่านมาทำให้เขาเริ่มจับตาดูข้อความที่โพสจากเจ้าของblogเสียแล้ว ชายหนุ่มตัดสินใจกดโทรศัพท์ไปหาพี่สาวที่ร้านแซงชัวรี่ทันที

   “ฮัลโล...ที่นี่แซงชัวรี่...มีอะไรก็ว่ามา...” เสียงปลายสายนี่บ่งบอกความเป็นพี่สาวของเขาได้ดีที่เดียว ชายหนุ่มนึกถึงวันที่พี่สาวและคู่รักของเธอทำร้านนี้ต่อจากพ่อและแม่ของเขา จากพี่สาวที่น่ารักอ่อนโยนคนหนึ่งต้องลุกขึ้นมาคอยจัดระเบียบให้ร้านไม่ให้วุ่นวายจากพวกขาซิ่งฮาเล่ย์ พวกตัวป่วนต่างๆตลอดเวลา จนตอนนี้ไม่มีใครบนถนนบลูบล้องไม่รู้จักเธอ เอมี่ เพลเทียร์ แห่งแซงชัวรี่ คำพูดคำจาของเธอจึงดูเหมือนว่าจะเปลี่ยนไปเล็กน้อย เขาคิดว่าอย่างนั้นนะ

   “ไฮ้...เอมี่...นี่ไคล์นนะพี่...มีเรื่องแล้วหละ” ชายหนุ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงกังวล โดยปกติเขาจะร่าเริงสดใสตลอดคราวนี้เป็นเรื่องที่ทำให้เขากังวลจริงๆ เอมี่รับรู้ได้

   “ไฮ้...ลูกหมีน้อย...เจออะไรเข้าหรือไงคนเก่ง” เอมี่เรียกน้องชายด้วยความรักที่ไม่ว่าจะกี่ปี ไคร์น เพนเทียร์ ก็ยังเป็นลูกหมีน้อยของเธอตลอดเวลา แม้ตอนนี้ไคร์นจะตัวใหญ่กว่าเธอเสียอีก ด้วยความสูง 195 เซน กะรูปร่างที่หล่อเร้าใจต่อผู้ที่ได้พบเห็น ไคร์นดูเป็นคนง่ายๆชอบใส่เสื้อ สเวทเตอร์คอเต่าสีอ่อนแล้วพับแขนเสื้อจนถึงข้อศอก กางเกงยีนส์สีดำและรองเท้าผ้าใบหุ้มข้อสีเขียวอมเทา ด้วยใบหน้าที่แลดูไม่น่าเกินเด็กหนุ่มอายุ21 ปี ดวงตาสีน้ำตาลเข้มกับผมยาวดูเซอร์ๆ ยิ่งทำให้ใครๆที่ได้พอเขาก็ก็ความรักใคร่เอ็นดูหนุ่มคนนี้ตลอด ยิ่งถ้าได้ยิ้มอันกระจ่างตาของเขาเอาไปอีกหละก็แทบจะละลายกับไปเป็นแถบๆแน่นอน

   “คือผมคิดว่า...ผมต้องบินที่ประเทศกัมพูชาคืนนี้แล้วหละ...”

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

    สวนส้ม จันทรบุรี พ.ศ.๒๕๕๔

   ดวงตาสีน้ำตาลอ่อนของกาลไล่อ่านสิ่งที่พิมพ์ลงในเวปของเขาอีกทีหลังจากทำการโพสบทความของตนเองเรียบร้อยแล้ว การที่ต้องตื่นขึ้นมาตอนตีสามครึ่งของวันเสาร์ไม่ใช่เรื่องที่สนุกนัก แต่ความฝันนั้นยังกระจ่างชัดจนยากที่จะปล่อยไปให้ผ่านไปเหมือนทุกครั้งที่ฝันถึง การบันทึกสิ่งที่ฝันไว้ในเวปเป็นสิ่งที่เขาได้ทำอย่างต่อเนื่องมากว่าเจ็ดปีแล้ว ตั้งแต่เขาเริ่มเข้าเวปเองเป็นตั้งแต่อยู่มัธยมสี่ เขาก็บันทึกความฝันของเขาเองหลายเรื่อง วันไหนจำได้ก็จะเขียนวันไหนฝันดูเลอะๆไปก็ขี้เกียจมานั่งเรียบเรียงสู้นอนต่อจะดีกว่า แต่ครั้งนี้เขาฝันได้ชัดเจนมากรู้สึกร่างยังสั่นสะท้านอยู่เลยเมื่อนึกถึงลิขิตเทพที่ประกาศออกมาจะปากของเดอะเฟทส์ พวกนางหน้าตาสวยงามมากแต่ทำไมถึงโหดเหี้ยมได้ขนาดนั้นเขาก็ไม่รู้

        ตอนนี้ใกล้จะเช้าแล้ว นอนอีกนิ๊ดก็ไม่น่าจะผิดอะไร เขาคิดเพราะเช้าเขาต้องเดินทางเข้ากรุงเทพฯเพื่อเข้ากรุ๊ปทัวร์ไปเที่ยวนครวัดแบบสี่วันสามคืนที่กว่าเขาจะจองทัวร์กรุ๊ปนี้ได้ยากมาก เพราะจัดไปแค่ปีละครั้งเท่านั้นเอง การเดินทางในครั้งนี้เขาไม่รู้หรอกว่ามันจะซ่อนความตื่นเต้นและประสบการณ์ที่จะพลิกชีวิตของเขาเลยทีเดียว

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #3 เมื่อ01-04-2011 14:02:59 »

สู้ๆ

ออฟไลน์ Goodfellas

  • magKapleVE
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1828
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +384/-2
    • Adult games: dating for spicy meetups
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #4 เมื่อ01-04-2011 14:15:05 »

มาเจาะไข่ให้แล้วครับ  ฉลองเรื่องใหม่ด้วยคน  :mc4:

 :110011: : 222222: :z7:

debubly

  • บุคคลทั่วไป
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #5 เมื่อ01-04-2011 16:37:08 »

 :man1:

รอๆๆ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #6 เมื่อ02-04-2011 00:01:10 »

เข้ามาติดตามเจ้า

ชอบๆ เเนว เเฟนตาซี

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
08:40 น. เสียมเรียบโฮเตล เสียมเรียบ กัมพูชา

   วันนี้เป็นวันที่ 2 ของการเที่ยวที่ประเทศกัมพูชา เมื่อวานกว่าจะเข้าพักได้ก็เกือบค่ำแล้ว เหนื่อยพอประมาณ เช้านี้หัวหน้ากรุ๊ปทัวร์จะพาเราไป พนมกุเลน ไกลจากที่พักของเราพอสมความต้องนั่งรถให้ถึงทางขึ้นก่อน 11 โมงเช้า เพราะทางเจ้าหน้าที่ปล่อยรถขึ้นลงเป็นเวลา ก่อน 11 โมงปล่อยรถขึ้น 11โมงไปแล้วให้รถลงอย่างเดียว ในกรุ๊ปเรามีทั้งคนไทยและชาวต่างชาติมากับเราด้วย คนหนึ่ง เขาสูงตั้ง 190 กว่าเซนแหนะ สูงมาก ต้องเงยคนพูดกันเลยแน่ ผมสูงแค่ 165 เซนเอง เตี้ยเน้อะ ดีนะที่ยังพอได้ขาวมาบ้างไม่งั้น เหอะๆๆๆ ไม่อยากจะพูดเลย กลับมาที่ฝรั่งคนนี้ดีกว่า เขาไว้ผมสั้นจัดทรงเท่ห์ๆ ใส่เสื้อโปโลสีสดใส ร่างกายบึกบึน สมส่วน ไม่บึกแบบคิงคองนะ ต้องบอกว่ารูปร่างเขาดีมากๆ ไม่มีไขมันส่วนเกินเลย อันนี้ผมคิดเองนะ แหมเจอกันครั้งแรกผมคงไม่ให้เขาถอดเสื้อให้ดูหรอก เหอะๆๆๆ เอาหละพอดีกว่า ต้องรีบขึ้นรถไปเที่ยวกันแล้ว

   “เอาหละครับทุกท่าน เดี๋ยวผมจะแบ่งพวกท่านขึ้นรถกันนะครับ เรามีกัน 14 คนเราแบ่งขึ้นรถกัน 3 คนต่อคันนะครับ”

        คุณประวัติหัวหน้ากรุ๊ปทัวร์แนะนำเรา พวกลุงๆป้าๆเขาก็จับกลุ่มแยกกันขึ้นรถไปเหลือผมกะฝรั่งคนนี้แหละเอยู่สองคน ผมเลยต้องนั่งกับเขาและคุณประวัติไปโดยปริยาย

   “น้องกาล ทราบไหมครับว่าทำไมที่พนมกุเลนต้องมีเวลาขึ้นลงด้วยครับ” คุณประวัติถามผมขึ้นมาระว่างทางไป

   “ไม่รู้ซิครับ ทางขึ้นลงมันเป็นถนนเลนเดียวมั่งครับ” ผมตอบไปเพราะไม่ค่อยรู้เรื่องหนทาง แต่ถ้าความสำคัญหละก็ เปรี๊ยะเลย

   “ใช่แล้วครับ น้องกาล แต่ที่น่าจะรู้อีกอย่างคือ พนมกุเลนเคยเป็นศูนย์กลางของกลุ่มเขมรแดงด้วย เพราะฉะนั้น เวลาเดินทางห้ามออกนอกเส้นทางเด็ดขาดเลยครับ ไม่งั้นอาจจะเหยียบกับระเบิดก็ได้นะครับ” คุณประวัติอธิบาย

   “เออ คุณประวัติครับ”

   “เรียกพี่ประวัติก็ได้ครับ น้องกาล” (ง่ะ เจอแบบนี้อีกแล้ว พวกแก่แต่ไม่ยอมรับ)

   “แล้วฝรั่งข้างผมนี่เขาเป็นใบ้หรือเปล่าครับ พี่ประวัติ”

   “พูดได้ครับ และฟังไทยรู้เรื่องดีด้วยนะครับ คุณกาล”

        ผมหันไปมองหน้าฝรั่งยักษ์ที่พึ่งจะเปิดปากออกมาหลังจากนั่งข้างกันร่วมชั่วโมงกว่าอย่างงงๆ แต่โอ้...พระเจ้า เสียงเขาทุ้มนุ่มมากเลย ฟังแล้วเคลิ้มเลยง่ะ หล่อ เท่ห์ เสียงดี โคตรอิจฉาเลย ไม่ได้ๆ ต้องวางฟอร์มไว้หน่อย

   “ก็คุณ...นั่งหันหน้าไปดูด้านโน้นตลอดนี่ครับ...”

        ผมหันหน้าไปพูดกับฝรั่งยักษ์ตรงๆ พยายามจ่องที่ดวงตาเขา แม่ผมมักบอกว่าดวงตาเป็นหน้าต่างของดวงใจ สอนผมให้มองหน้าผู้พูดตลอดเพื่อให้เห็นความจริงใจของกันและกัน ผมทำตลอดมาเลยนะ ติดเป็นนิสัยแล้วมั่ง

   “แล้วคุณชื่ออะไรหละครับ ผม กาล” แล้วก็ส่งยิ้มหวานๆให้หนึ่งที น่าจะผูกมิตรไว้บ้าง ยังไงๆก็ร่วมกรุ๊ปทัวร์กันอยู่แล้ว

   “เรียกผมว่า ไคร์น” เขาพูดแถมยิ้มกระจ่างใสออกมาให้ผม โอ้...นาร้ายณ์ นารายณ์ แสบตาชะมัด แสงออร่าเปล่งปลั่งมากๆ ยิ้มที่ผมแทบหยุดหายใจเลยที่เดียว พระเจ้าช่างสร้างสรรค์สิ่งสวยงามในหลายรูปแบบจริงๆเลย   

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
Re: [Fic-Paranormal] - ใต้เงามนตรา
«ตอบ #8 เมื่อ02-04-2011 18:31:50 »

    “น้องกาล เดี๋ยวเราแวะจุดพัก เข้าห้องน้ำกันก่อนนะครับ”

         พี่ประวัติพูดขึ้นมาก่อนที่จะให้คนขับรถแวะห้องน้ำ พวกเราลงจากรถเข้าห้องน้ำกัน แบ่งชายหญิงมาตรฐาน แต่ขอบอกว่า ห้องน้ำชายล็อคไม่ได้งะ ต้องไปหลังห้องมีโถฉี่เรียงกัน 4 โถเท่านั้น แต่ก็ยังดี เพราะในกรุ๊ปทัวร์เรามีผู้ชายอยู่ 5 คนเอง มีผม ไคร์น พี่ประวัติ และลุงอีก 2 คนเอง ผมเข้าหลังห้องน้ำแล้วเดินออกมาเห็นไคร์นออกมาจากห้องน้ำชายแถมทำหน้าไม่สบอารมณ์อย่างแรงเลย

   “ล็อคไม่ได้เหรอครับ ไคร์น”

        “ใช่...ไงดีหละเนี่ย”

        “คุณก็ไปด้านหลังซี่ มีโถฉี่อยู่นะ”

        “ไม่เอาดีกว่าครับ มันเตี้ยไปหนะ” อืมม มันก็จริงนะ ดูเขาไม่น่าจะปลื้มกับห้องน้ำที่นี่แน่

        “งั้นคุณก็เข้าไปในห้องน้ำเถอะ เดี๋ยวผมยืนเฝ้าด้านหน้าให้ เอาไหมครับ” ผมยื้นข้อเสนอที่น่าจะทำให้เขาไม่ชักช้ากะแค่เรื่องเล็กๆแบบนี้ พวกเรายังต้องไปต่อไม่งั้นวันนี้อดขึ้น พนมกุเลนแน่ๆ

        “ขอบคุณนะ งั้นรบกวนซัก 3 นาทีนะครับ” เขาตอบมาแล้วรีบเข้าห้องในสุดไป

        หลังจากเราเข้าห้องน้ำเรียบร้อยแล้วก็นั่งรถขึ้นเขากัน เส้นทางบางช่วงก็อยุ่ขอบภูเขาเป้นพื้นที่ข้างล่างชัดเจน บางช่วงเข้าป่าที่ต้นไม้สองข้างทางสูงมากจนไม่เห็นสงแดดเลย เรานั่งรถโขยกเขยกกันมาอีกเกือบชั่วโมงเราก็มาถึงลานหินกว้างกลางเขา ลานนี้สมัยสงคราม พวกเขมรแดงเอาไว้จอดเฮลิคอปเตอร์กัน พวกผมและกรุ๊ปทัวร์ลงรถกันมา พี่ประวัติก็ให้เราเดินเท้าไปตามทางเดินเล็กๆ ลัดเลอะไปซักพักก็ถึงที่หมายแรกของเราของการเที่ยวพนมกุเลน นั่นคือ บ่อน้ำพุเจ็ดสี บ่อมีขนาดไม่กว้างเท่าไหร่ กว้างประมาณ 2 เมตรเห็นจะได้ น้ำใสมากเห็นท้องน้ำที่เต็มไปด้วยทรายสีขาวสะอาดผุดออกมาจากตาน้ำ ที่ชื่อว่าบ่อน้ำพุเจ็ดสีเพราะเมื่อน้ำผุดขึ้นมาถึงผิวน้ำแสงแดดจะสะท้อนสีรุ้งเป็นวงๆดูแปลกตามากเลย

        “น้องกาล เอาแบงค์มาอธิฐานแล้วโยนลงไปในบ่อดูสิ” พี่ประวัติแนะนำ

        “อ้าว พี่แล้วแบงค์มันไม่ลอยไปตามน้ำเหรอครับ”

        “เอาน่า ลองดูสิ” ผมก็เลยควักแบงค์ยี่สิบบาทออกมาพออธิฐาน พอโยนลงบ่อปุ๊บ แบงค์ยี่สิบของผมค่อยๆจมดิ่งลงสู่ท้องน้ำเบื้องล่างอย่างน่าแปลกใจนัก

        “แปลกนะครับเนี่ย ทำไมแบงค์ไม่ลอยไปตามน้ำแถมยังค่อยๆจมลงไปด้วย” ไคร์นออกความเห็นออกมา พวกคุณลุงคุณป้าก็ตามมามุงดูกันใหญ่ พอแบงค์จมลงถึงพื้นทรายด้านล่าง ทรายก็ค่อยๆผุดขึ้นบริเวณที่แบงค์ตกแล้วกลืนหายเข้าไปเลย พวกคุณลุงคุณป้าฮือฮากันใหญ่ บางคนลองเอากระดาษบ้าง ใบไม้บ้าง โยนลงไปก็ปรากฏว่าพอกระทบผิวน้ำก็ลอยไปตามน้ำทันที

        “บ่อน้ำพุเจ็ดสีนี่ทางเขมรถือว่า เป็นบ่อน้ำพุที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากเลยนะครับ เวลาเขามีพิธีกรรมต่างๆต้องน้ำน้ำจากที่นี่ไปเป็นน้ำมนต์ด้วย เขาว่าขลังมากเลยนะครับ ใครมีขวดน้ำเปล่าก็ตักเก็บกันไปเป็นศิริมงคลได้เลยนะครับทุกท่าน” แหม พอสิ้นคำของพี่ประวัติ ชาวกรุ๊ปของเราเลยได้น้ำจากบ่อไปคนละขวดเป็นที่เรียบร้อย ไม่เว้นแม้แต่ไคร์นก็เอสกะเขาด้วย

        “ไคร์น คุณก็เอากะเขาด้วยเหรอครับ”

        ผมถามเขาขึ้นมาหลังจากพวกป้าๆมองหน้าเขาอย่างสงสัยแต่ไม่มีใครกล้าจะพูดกับเขาด้วยหนะซิ

        “อ้าว ของศักดิ์สิทธิ์ไม่ว่าจะวัฒนธรรมไหนก็ถือว่าเป็นของดีทั้งนั้นไหมใช่เหรอ”

        ไคร์นพูดแล้วก็ส่งยิ้มเท่ห์ๆมาให้ผม แต่พวกป้าๆข้างหลังผมนี่สิ กรี๊ดกร๊าดกันใหญ่ สงสัยไคร์นจะงานเข้าแน่ๆ

        “ต๊าย...พูดไทยได้คล่องเลยนะจ๊ะ นึกว่าจะต้องสปี๊กฝรั่งกันเสียอีก” แหมป้าสุวรรณวัยกว่า70 ปี เธอออกตัวก่อนป้าๆคนอื่นจะได้สติกะยิ้มของไคร์นเสียอีก ขอบอกว่าป้าเธอแรงจริงๆ ดูจากแว่นกันแดดสีมะนาวขนาดครึ่งหน้าของเธอ เหอๆๆๆ

        “ครับ” ไคร์นรับคำป้าสุวรรณสั้นๆแล้วเดินไปตามพี่ประวัติที่เริ่มพาพวกเราไปยังจุดต่อไป

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
บวกเป็นกำลังใจให้จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
        12:30 น. พนมกุเลน เสียมเรียบ กัมพูชา

        พี่ประวัติได้พากรุ๊ปทัวร์ของเราลงมาจาถึงทางน้ำที่แกะสลักเป็นรูปเทพและศิวลึงที่อยู่ใต้ท้องน้ำ พร้อมให้พวกคุณลุงคุณป้ายื่นถ่ายรูปกัน ผมกับไคร์นก็ยื่นดูภาพด้วยความมึนงงว่าเขาทำได้ยังไงกัน

        “พี่ประวัติครับ...เขาแกะหินที่ท้องน้ำได้ยังไงหละพี่” ผมถามขึ้นหลังจากลองถ่ายรูปให้เป้นท้างน้ำแต่แสงแดดสะท้อนผิวน้ำรูปเลยออกมามีชัดเท่าที่ควร

        “อ๋อ...เขาก็เตรียมทางหินเรียบเอาไว้ก่อนครับ จากนั้นลงมือแกะสลักกว่า 10 ปี พอแกะเสร็จ เขาก็ทำการเปลี่ยนทางน้ำให้มาลงผ่านหินแกะนี่แหละครับ” อะนะ ใช้วิธีนี้เอง

        “และทำไมต้องแกะเป็นรูปนั้นรูปนี้ด้วยหละ ทำเรียบๆก็น่าจะสวยนะครับ” ไคร์นถามผมขณะที่พี่ประวัติต้องไปถ่ายรูปให้พวกลุงๆป้าๆ กันอยู่อีกด้าน

        “เขมรสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 2 เขานับถือศาสนาฮินดูหนะ เอ...เอายังงี้ ที่อินเดียแม่น้ำคงคานั้นถือว่าเป็นแม่น้ำแห่งสวรรค์นะ ไหลลงมาจากเถือกเขาหิมาลัยใช่ไหมครับ และยังถือกันว่าเป็นแม่น้ำที่มีความศักดิ์สิทธิ์มากของชาวฮินดูเขา บนพนมกุเลนนี่ก็เหมือนกันไง มีน้ำพุเจ็ดสีเป็นน้ำพุที่อยู่สูงที่สุดในประเทศแล้ว แล้วยังเป็นบ่อเกิดแม่น้ำสายสำคัญๆหลายสายก่อนจะลงไปที่โตเลสาบ พระเจ้าชัยวรมันจึงเห็นว่าน่าจะเพิ่มความศักดิ์สิทธิ์ของพนมกุเลนอีกเลยให้แกะสลักภาพเทพ ศิวลึงค์และโยนี ที่ท้องน้ำไว้ เมื่อน้ำไหลผ่านก็เหมือนกับเป็นน้ำมนตร์ศักดิ์สิทธิ์ให้ใช้ตลอดเวลาไงครับ”

        ผมอธิบายเสียยืดยาวเลยต้องยกน้ำในขวดขึ้นมาดื่มแก้คอแห้งไปพลางๆ ไคร์นมีสีหน้าคลายสงสัยลงแล้วแต่ก็ยังมองภาพแกะสลักใต้น้ำอย่างสนใจอยู่

        “แล้วเขาแกะภาพไว้นานหรือยังครับ น้องกาล”

        ไคร์นหันมาถาม ผมสำลักน้ำที่กำลังดื่มอยู่ ทำให้น้ำหกรดอกเสื้อสีขาวตราห่านคู่ของผม งานนี้ก็เปียกไปถึงท้องเลย เย็นชะมัด

        “แค๊กๆๆๆ...” ไคร์นรีบเข้ามาลูบหลังให้ผมใหญ่ สงสัยจะตกใจ เพราะผมสำลังเสียงดังมากอะ ฝรั่งยักษ์นี่น่าจะก่อนกว่านะ หน้าตาก็ไม่น่าจะเกินอายุ 20 ไงมันเรียกผมน้องเฉยเลย เห็นหน้าผมยังงี้ผมก็เรียนจบแล้วนะ เมื่อเดือนที่แล้วนี้เอง บัณฑิตใหม่ไม่อยากจะคุย เหอะๆๆๆ

        “ขอบคุณนะครับ ไคร์น คือเขาทำไว้ก็ประมาณ 1,000 กว่าปีที่แล้วครับ”

        “......”

        เอ...ทำไมไคร์นจ้องผมหน้าแดงๆหว่า??

        “เออ...น้องกาล เอานี้ไปครับ” ไคร์นเขาถึงผ้าพันคอมาคล้องปิดหน้าอกให้ผมครับ แต่ผมว่าตอนที่เขาซื้อตรงสนามบินมันเหมือนผ้าขาวม้ามากว่า

        “ไคร์น ไม่สบายหรือเปล่า ไมหน้าแดงหละ จะเป็นลมแดดหรือเปล่า”

        ผมเอาหลังมือไปแตะที่ใต้คางเขา มันก็เย็นนี่หว่า แล้วทำไมหน้ายังแดงอยู่ละ

        “เออ...คือ...ผมไม่เป็น...อะ...ไรหรอกครับ...น้องกาล”

        แล้วไมต้องพูดตะกุกตะกักด้วยหละเนี่ย หรือว่า... ชัดเลย ผมก้มลงแหวกผ้าพันคอดูที่หน้าอกตัวเอง เห็นชัดมากเลย หัวนมสัชมพูน่ารักของผมเองแหละ ผมก็ลืมไปว่าผ้ามันบางนะเสียตราห่านคู่นี่ ยิ่งตัวนี้ตัวเก่งด้วย ใส่มา 3 ปีไม่มีขาด ถนอมสุดๆ

        เห็นยังงี้ก็เลยต้องยิ้มแหยๆให้กะไคร์นไปอีกที่ เขาก็ยิ้มกลับมาหน้าแดงๆ หล่อน่ารักไปเลยเจ้าฝรั่งยักษ์นี่

        พวกเราเดินกันลงมาตามกรุ๊ปทัวร์ไปถ่ายรูปและกินข้าวเที่ยงกันที่น้ำตกขนาดใหญ่ แทบไม่น่าเชื่อว่าตาน้ำเล็กๆนี่จะไหลมาเป็นน้ำตกขนาดใหญ่และสวยแบบนี้ได้ แหมขนาดน้ำตกยังแกะสลักเลยคุณเอ๋ย

        ตอนนี้ก็บ่าย 3 โมงเย็นแล้ว พี่ประวัติก็ให้ผมกับไคร์นช่วยกันตามพวกลุงๆป้าๆกลับขึ้นมาที่รถกันครับ เดี๋ยวต้องไปช๊อปปิ่งกันที่ไนท์บาซากัน งานนี้เหมือนจับปู (แก่ๆ) ใส่กระด้ง ก็จะอะไรหละ พอคันนี้พร้อง ป้าแก้บอกว่าลืมหมวกไว้ที่แคร่ข้างน้ำตก พอไปเอาก็เห็นลุงที่ขึ้นอีกคันลงมาดูไม้แกะ พอบอกแกขึ้นลดไป ป้าอีกคันก็บอกจะเข้าห้องน้ำ เหนื่อยมากครับพี่น้อง

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
        ไคร์น เพลทียร์

        ตอนนี้เราก็ลงจากพนมกุเลนแล้วทางกลับเข้าเสียมเรียบเป็นถนนดีไม่โดดไปโดดมาแล้ว คนตัวเล็กข้างผมก็หลับหัวพิงไหลผมอยู่เนี้ย  ก็น่ารักดีนะครับ วันนี้ก็ลองถามลองคุยกับพวกคุณลุงคุณป้าไม่มีใครที่ใช้คอมเป็นกันเลย บางคนก็เริ่มหลงๆลืมๆแล้ว แล้วใครหละที่โพสใน blog นั้นว่าจะมาเที่ยวนครวัด 4 วัน 3 คืนกับกรุ๊ปทัวร์นี้ ถ้าไม่ใช่คนที่นอนเอาหัวถูแขนผมยู่นี่หละ แต่ผมคงต้องพิสูจน์ให้ได้ก่อนว่าใช่เขาหรือเปล่า จากนั้นค่อยว่ากันว่าจะจัดการยังไงต่อ

        แต่พอนึกถึงหน้าตาที่ยิ้มแย้มให้ใครต่อใครกับความเป็นมิตรที่หยิบยื่นให้ก็รู้สึกใจมันแปลกๆแฮ๊ะ ยิ่งตอนที่สำลักน้ำจนหกรดเสื้ออีก อ้า...ดูเซ็กซี่นะเนี่ย ถึงอกจะไม่อวบอื้มแบบสาวๆนิวออลีนก็ตามเถอะ เขาก็ยังดูน่ารัก มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครจริงๆ

        กาลสูงแค่ 160 กว่าๆ ขาวเหลืองหน้าแบบไทยจีน ไว้ผมยาวสีแดง ปากบางชมพู มีลักยิ้มแก้มขวาดูขี้เล่นดี น่ารัก แต่น้ำหอมดูไม่ค่อยจะเข้ากะตัวเท่าไหร่ เด็กบ้าอะไรมีกลิ่นสมุนไพรเยอะอย่างนี่เนี้ย พวกลุงๆป้าๆก็เห็นถามแต่เจ้าตัวก็ได้แต่ยิ้มไม่ยักตอบอะไร ผมมีจมูกที่ดีมากนะ แต่พอเจอกลิ่นเจ้านี้ผมนึกไม่ออกเลยมันมาจากอะไรบ้าง ที่แน่ๆไม่มีใครเขาทำน้ำหอมกลิ่นนี้แนะ กินที่หอมสดชื่น รู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด แถมยังทำให้รู้สึกมีเรี่ยวแรงด้วย

        คิดอะไรเพลินคุณประวัติก็หันมาถามว่าจะไปทานอาหารก่อนไหมหรือจะเข้าโรงแรมก่อนดี ผมคิดว่าน่าจะเข้าโรงแรมก่อนแล้วค่อยออกมาทานน่าจะดีกว่า เหนียวตัวแล้ว อีกอย่างก็อยากรู้ว่ากาลเขาพักห้องไหนด้วย

        “เข้าโรงแรมก่อนดีว่าครับ นี่พึ่งจะ 5 โมงเองครับ”

        “อืมม เอางั้นก็ดี อาบน้ำกันก่อนค่อยลงมารวมกันไปทานอาหารก็แล้วกัน”

        “กาล...น้องกาลครับ...ตื่นได้แล้วครับ” เจ้าตัวยังดูงัวเงียเอาหน้าซุกกับแขนผมอยู่เลย ซักพักเหมือนเขาคิดอะไรได้เด้งตัวมานั่งตัวตรงแต่ตายังปรืออยู่เลย เห็นแล้วก็ขำ

        “น้องกาลครับ เดี๋ยวเราเข้าที่พักกันก่อนนะครับ อาบน้ำอาบท่าให้สบายตัวแล้วเราค่อยรวมตัวกันไปทานข้าวกับแวะช๊อปปิ่งกันที่ไนท์บาซานะครับ” คุณประวัติอธิบายให้เจ้านี่ฟัง ไม่ไม่รู้ว่าเข้าหูหรือเปล่าทำหน้ายุ่งๆตาปรือๆ มองซ้ายมองขวา น่ารักชะมัดเลย

        “......”

        “......”

        “......อ้าว...หลับไปอีกแล้ว...น้องกาลครับ”

        “อะ...อะ...ครับ...หาววววววว” เอาเข้าไป ยังมาหาวอีก

        “เมื่อคืนเราก็เข้านอนกันเร็วนี่ครับ น้องกาล ยังไม่หายง่วงอีกเหรอครับ” คุณประวัติซักถามขึ้นมา ส่วนกาลก็พยักหน้าและก็ส่ายหน้าด้วย

        “อ้าว......แล้วหมายความว่าไงครับเนี่ย พยักหน้าแล้วก็สายหน้าด้วย”

        “ครับ...เมื่อคืนตอนมาถึงที่โรงแรมผมก็นอนเลยนะครับ...แต่ก่อนหน้า 3 ถึง 4 คืนแล้ว ผมนอนฝันเยอะไปหน่อย เลยยังเพลียๆ ฝันซ้ำๆด้วย น่าเบื่อจะตายไปครับพี่ประวัติ”

        “อ๋อ...งั้นเรารวมกันไปทานอาหารกันซัก ทุ่มนึงดีไหมครับ จะได้มีเวลาพักยาวขึ้นอีกหน่อย”

        “ผมว่าอย่าถามผมเลยครับพี่ประวัติ ถามพวกคุณลุงคุณป้าดีกว่านะครับ ไม่รู้จะเหลือแรงไปกินข้าวกับช๊อปปิ่งไหวหรือเปล่าครับ”
 
        อืมม มันก็จริงนะ ขนาดผมแข็งแรงยังรู้สึกเหนื่อยเลยแล้วพวกลุงกับป้าจะสู้ไหวไหมเนี่ย อายุแต่ละคนรวมกันผมว่าน่าจะใกล้พันปีแน่ๆ 555

        “ครับ งั้นเดี๋ยวถึงหน้าโรงแรมเราลองถามกันดูอีกทีดีกว่านะครับ”

        หลังจากเรากลับมาถึงโรงแรมแล้วก็ได้ตกลงกันว่าจะไปช๊อปปิ่งกันตอนทุ่มนึงจากนั้นค่อยกลับมาทานอาหารที่โรงแรมกัน พวกลุงๆป้าๆนี่ทำไมแรงดีอย่างนี้เนี้ย ผมได้กุญแจที่ฝากเคาเตอร์ไว้เมื่อเช้าแล้วเลยมองหากาลว่าเขาพักห้องไหน กรุ๊ปเราได้พักชั้นเดียวกันครับแต่แยกไปปีกซ้ายกับปีกขวา

        “น้องกาล พักห้องไหนเหรอครับ”

        “อ๋อ...7123 นะครับ ปีกขวาห้องริมสุดเลย”

        “อ้าว...ก็ติดกับห้องผมซิ ผมอยู่ 7122 ครับ” เอ๋...แล้วทำไมผมต้องรู้สึกใจมันพองๆหว่า ??

        “เหรอครับ...แหะๆๆ...เออ ว่าแต่จะรบกวนไคร์นซักอย่างไหมไหมครับ” กาลถามขึ้นพร้อมส่งสายตาเว้าวอนมาให้ แล้วทำไมปากผมมันต้องยกยิ้มหละเนี่ย

        “ได้เลยครับ...ว่าแต่ให้ช่วยอะไรครับ”

        “นอนกับผม”

        ห๊า!!!
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-04-2011 13:09:03 โดย Windend »

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เออ...คือว่าเขาเอารูปลงยังไงอะครับ จะเอารูปของไคร์นกะน้องกาลลงหนะ

รบกวนบอกกันมั่งนะครับ เด็กใหม่ครับ

ขอบคุณมากเลย

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
กาลน่ารักดี กลัวผีล่ะสิ ไม่กล้านอนคนเดียว 555

วีธีลงรูป ก็ให้เอารูปไปฝากไว้ที่เวปฝากไฟล์ฝากรูปต่างๆ น่ะค่ะ
แล้วก็เอาลิงค์รูปที่ได้มาลงใช้คำสั่งใส่รูปจากไอคอนรูปนี้ค่ะ

[img] ******* ใส่ลิงค์รูป ********* [/ img]

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
        21:40 น. เสียมเรียบโฮเตล

        ไคร์น เพลเทียร์

        ผมยังสับสนกับคำพูดของน้องกาลเมื่อเย็นที่คุยกันอยู่ มันหมายความว่ายังไงกันเนี่ย “นอนกับผม” คำของ่ายๆแต่ทำยากแฮ๊ะ ถึงผมจะไม่ได้เป็นพวกกีดกันหรือต่อต้านอะไร แต่ยังไงผมก็ไม่เคยกับผู้ชายนะครับ และก็ไม่คิดด้วย แต่ดูน้องเขาก็ไม่มีแววว่าจะเป็นนี่หน่า แต่รอยยิ้มนั่น หน้าตาแบบนั้น โอ๊ยฉับฉนแย้วนะ  :serius2:

        ยังไงผมก็มายืนอยู่หน้าห้อง 7123 และหละ เอาเถอะอะไรจะเกิดก็ต้องเกิด รับปากไปแล้วหนิ แต่มาแบบเสื้อคอกลมกะกางเกงขาสั้นทรงคาร์โก้คงไม่เป็นไรมั้ง

        ผมเคาะประตูห้องรอซักครู่ ประตูก็เปิดออกมา น้องกาลอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีส้มน่าจะเป็นของทีมบาสทีมไหนแน่ๆกับกางเกงขาสั้นลายมิ๊กกี้เมาส์ โอ้โฮ...น่ารักน่ามองไปถึงไหนต่อไหน ผิวนวลๆตัดกับผมสีแดงยิ่งทำให้หน้าน้องเขาดูกระจ่างใสขึ้น ผิวน้องเขาเนียนละเอียดมากไม่เหมือนกับพวกผู้หญิงแถวบ้านผม (ที่นิวออร์ลีน) พวกนั้นขาวก็จริงแต่ดูซีดๆ หรือไม่ก็ตกกระ ผมไม่ค่อยคิดมากนะเรื่องผิว แต่ของน้องเขาน่ามองมากกว่าเยอะก็เท่านั้นเอง :-[

        “เชิญเลยครับ ไคร์น...ขอบคุณนะครับที่มา”

        “อ้า...ไม่เป็นไรครับ แล้วเราจะเริ่มกันเลยไหมหละครับ น้องกาล” ผมก็พูดไปงั้นแหละครับ ไม่อยากให้น้องเขารู้ว่าจริงๆแล้ว ผมประหม่ามากเลยนะเนี่ย เคยมีอย่างว่ากะผู้หญิงเท่านั้นเอง ประหม่าจังวุ้ย

        “งั้นช่วยนอนหงายที่พื้นที่ผมปูเสื่อไว้ก็แล้วกันนะครับ” หา!!! ที่เสื่อ

        “อ้าว...ไม่ใช่ที่เตียงเหรอครับ” เตียงออกจะนุ่มเด้งดึ๋งดีออก

        “ครับ...ที่พื้นนั่นแหละ ถนัดกว่าแล้วก็นอนหงายถอดเข็มขัดออกด้วยนะครับ” ง่ะ จะเล่นฟลอร์เอ็กโซไซด์เลยเหรอครับน้องกาล

        ผมนอนราบลงบนเสื่อแล้วรอดูน้องกาลเข้าห้องน้ำ พอออกมาผมก็นึกว่าจะมาแบบมีผ้าเช็ดตัวห่อตัวมาแต่ไหงน้องยังไม่เปลี่ยนชุดหละหว่า??? เดินออกมาแล้วไปคุกเข่านั่งที่ปลายเท้าผมเลย

        “ไคร์น คุณทนได้มากหรือน้อยหละ” โห...มาถามว่าผมอึดแกร่งใช่ไหมหละ อะแน่นอนครับผมทำได้เป็นชั่วโมงเลยนะ แล้วผมควรตอบแบบไหนหว่า

        “ครับ ผมอดทนสูงมากนะครับ”

        “งั้นก็ขอโทษนะครับ” อยู่ๆน้องกาลก็พนมมือไหวผม จากนั้นเขาก็จับข้อเท้าผมด้วยนิ้วโป้งกับนิ้วกลางตรงใต้ตาตุ่มเท้าซ้ายแล้วกด เท่านั้นและครับ

        “โอ๊ยๆๆๆๆๆ...เจ็บๆๆๆๆๆๆๆๆๆ น้องกาลทำอะไรครับ” ผมร้องลั่นเลย เจ็บน้ำจาเล็ดเลยอะ ผมมองหน้าน้องเขาอย่างเคื่องๆ

        “เล่นอะไรครับน้องกาล ผมเจ็บนะครับ” ผมพูดกัดฟันข่มอารมณ์โกรธไว้ ไม่ๆเดี๋ยวเกิดเรื่องแน่ถ้าผมไม่ยั้งไว้

        “อ้าว...ก็แก้ขาเคล็ดให้ไงครับ ไคร์น กาลลืมบอกเหรอ อ๋อ...ใช่ สงสัยจะลืมไป ขอโทษนะครับ ผมเห็นว่าไคร์นเดินแล้วเท้าซ้ายมันหันแปลกๆหนะ เลยสังเกตดูจึงรู้หนะ” น้องกาลนำหน้าแบบน่ารักใสซื่อไร้เจตนาร้าย ผมหละเคืองอยู่ต้องหยุดเลย

        “เอาหละทีนี้ลองเดินดูซิ”

        ผมลองลุกขึ้นเดินดู อะอ้าว...เดินคล่องเลย ไหงงั้นหละ ผมทำน่างงมากไปหรือเปล่า น้องเลยหัวเราะออกมา

        “เหอๆๆๆ...งงหละซิไคร์น ฝีมือไหมหละ” แหนะมียักคิ้วให้ผมอีกแหนะ

        “ผมงงนะเนี่ย...น้องกาลทำได้ไงหนะ เป็นมาตั้งนานแล้ว งงเลย” ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อหละ มันหายแบบปลิดทิ้งจริงๆ คือเท้าซ้ายผมมันมีปัญหามานานแล้วตั้นแต่ไปเทียวทะเลคาริเบียนหลายปีแล้วด้วย คาร์สันห้องประจำบ้านเพลเทียร์ยังรักษาไม่หายเลย

        “ครับ อย่าพึ่งตกใจนะไคร์น มานั่งก่อน หันหน้ามาเลย”

        เอาหละสิ จะมีอะไรอีกหละเนี่ย

        “ไคร์น คุณปวดหัวด้านขวาบ่อยเหรอ”

        ง่ะ น้องเขามีตาทิพย์เหรอไงเนี่ย รู้อีก จริงๆผมก็ไม่ได้ใส่ใจอาการปวดหัวด้านขวานี่เท่าไหร่นะ แต่มันเป็นมานานแล้วเหมือนกัน
 
        “แก้ไขได้ด้วยเหรอครับ น้องกาล”

        ไม่พูดพล่ามทำเพลงน้องเขาใช้สองมือขยุ้มผมของผมแล้วดึงไปเรื่อยๆ ขอบอก เที่ยวนี้น้ำตาไหลเลย เจ็บกว่าที่ข้อเท้าอีกครับ

        “เอาหละเสร็จแล้ว ไคร์นลองเอามือมาอังเหนือหัวซิ เป็นไง”

        ผมลองทำตามน้องกาลบอก แต่ เอ๊ะ...เหมือนมีไอร้อนๆออกมาจากหัวผมหนะครับ แปลกมาก ไม่เคยเจอเลย

        “ทำไมมันร้อนๆหละครับ”

        “กาลไล่ลมที่ค้างอยู่ที่หัวออกครับ เอาหละ เสร็จแล้ว ลองเดินดู สะบัดไปสะบัดมาก่อนนะครับ เดี๋ยวขอล้างมือแปปนึง ”

        ผมลองลุกแล้วเดินดู ข้อเท้าก็ดีขึ้น หัวก็โล้งเลย น้องกาลนี่ยังไงเนี่ย แค่จับนิ๊ดเดียวก็หายเลย มีพรสวรรค์ด้านการรักษาหรือไงกัน แต่ก็ไม่เห็นว่าทำมือทำไม้ออกท่าทางแบบพวกรักษาด้วยพลังจิตนี่ หรือว่า... 

        “น้องกาลทำงานอะไรเหรอครับ บอกได้ไหมครับ” ผมถามเมื่อน้องเขาออกมาจากห้องน้ำแล้ว แต่ไหงน้ำเกาะเต็มหน้าเลยหละ เสื้อก็เปียก ไปล้างมือหรือไปทำก๊อกแตกเนี้ย

        “อ๋อ...กาลยังไม่มีงานทำหรอก พึ่งจบปริญญาตรีเมื่อเดือนก่อนเองหนะครับ” น้องกาลเอาผ้าเช็ดหัวไปตอบไป

        “อ้าว นึกว่าเป็นหมอนวดเสียอีก”

        “อันนั้น งานอดิเรกหนะ”

        “แล้วทำไมไมเหมือนกับที่เขาทำที่แอร์พอร์ทเลยหละครับ” อันนี้สิที่ว่าแปลก ไหงมันกดแปปเดียวเอง

        “อันนั้นเขาเรียกว่านวดผ่อนคลายหนะ ของกาลเป็นการนวดรักษา คล้ายกันแต่ก็ต่างกันหนะ ไคร์น”

        “ตอนนี้กาลอายุเท่าไหร่แล้วหละครับ บอกว่าพึ่งจบปริญญาตรี”

        “23 แล้วครับปีนี้ ผมเรียนช้าไปหน่อยหนะ แล้วไคร์นทำอะไรอยู่หละครับ”

        “ตอนนี้ผมเรียนปริญญาโทอยู่ครับ”

        “อ๋อ...อีกเรื่องเกือบลืมเลย” น้องกาลลุกไปหยิบของในกระเป๋าสะพายออกมา พระเจ้า นั่นมัน...

        “นี่หนังสือเดินทางของคุณนะไคร์น ผมเก็บได้เมื่อตอนก่อนเราไปทานอาหารเย็นครับ”

        “อ้าว...ดีใจจังที่น้องกาลเก็บให้ ไม่งั้นผมแย่แน่” โอ้...ซูสทรงโปรด น้องกาลทำไมช่างดีเหลือหลาย

        “คราวหน้าก็ระวังนะครับ ในรูปยังไว้ผมยาวอยู่เลยนะครับไคร์น”

        “อ๋อ ผมไปตัดมาก่อนมาเทียวทริปนี้แหละครับ ทำไมเหรอครับ”

        "ปล่าวอะ...ก็ดูเท่ห์ดีอะครับ"

        น้องกาลยื่นกลับมาให้ผมพร้อมรอยยิ้มชวนมองมากๆ ตานี่หยีเชียวจนผมอดใจไม่อยู่เลยจับข้อมือของน้องเขาแล้วออกแรงเบาๆพร้อมกับมืออีกข้ารวบเอวน้องไว้ ผมจูบริมฝีปากบางนั่น โอ้...เทพเจ้าทรงโปรด หวานกว่าน้ำผึ้งเป็นไหนๆ น้องเขาตกใจทำตาโตเลย ตัวแข้งไปแล้ว จะถอยออกมามันก็ได้แต่ผมอยากลิ้มรสจูบแสนหวานนี่อีกหน่อย มือขวาที่กุมข้อมือน้องเขาอยู่เลยเลื่อนมากุมกันไว้ที่อกซ้ายของน้องเขา โห หัวใจเต้นแรงและเร็วไม่ต่างจากผมเลย

        “โอ๊ย...!!???” อย่าๆเราทั้งคู่ก็ร้องออกมาพร้อมกัน ผมรู้สึกเจ็บแปล๊บๆที่มือขวาเลยหงายฝ่ามือขึ้นมาดูอย่างสงสัย

        “เฮ๊ย...นรกหละทีนี้” ผมเห็นสิ่งที่อยู่ในมือผมแล้วจึงรีบไปหงายมือซ้ายของน้องกาลมาดู

        “ทำไมมัน...นี่มั้นอะไรหนะ...มันเกิดอะไรขึ้นเนี่ย??” กาลมีสีหน้าตกใจมาก ผมว่าน่าจะมาจากที่โดนจูบกะที่เห็นบนฝ่ามือของเราทั้งคู่ ผมสูดหายใจเข้าลึกๆเรียกสติตัวเองกลับมา ก่อนที่จะตัดสินใจพูดบางอย่างออกไป

        “น้องกาลใจเย็นๆก่อนนะครับ คือ น้องกาลกับผมต้องไปนิวออร์ลีนกันคืนนี้เลยครับ”

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
อันนี้เป้นรูปที่มันโดนมากเลยอะ แบบจิ้นอยู่เปิดดูหนังไปเจอเข้า คนนี้เลยงะ ไคร์น



ส่วนนี้ก็รูปน้องกาลเขาหละ



ขอขอบคุณ คุณJJHJJH มากครับที่สอน

ยังไงก็ช่วยติดตามกันหน่อยนะครับ ขอบคุณครับ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-04-2011 15:35:50 โดย Windend »

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
จะผิดมั้ยคะถ้าอ่านเเล้วอยากกินไก่ นิวออร์ลีน คริๆ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
ต๊าย กาลเป็นที่รักของเค๊าเองเหรอเนี่ย จุ๊บๆ
บวกให้จ่ะ

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ขอบคุณนะครับที่ติดตาม คอมเมนต์เล็กๆน้อยๆผมก็มีกำลังใจแล้วครับบบบ :กอด1:

มาต่อกันดีว่า

ตอนที่ 4 คืนมหัศจรรย์ในแซงชัวรี่

        ผมว่าผมเองสติดีอยู่นะครับตอนนี้ ชุดที่ใส่ก็ยังเป็นตัวเดิมอยู่ มือก็ยังเปียกน้ำหมาดๆ ขนาดท่านั่งตอนที่ไคร์นกอดผมไว้ยังท่าเดิมเลยเอาดิ แล้วทำไมเตียงเล็กๆกับห้องสีส้มสี่เหลี่ยมขนาด 4 x 6 เมตรของโรมแรมเสียมเรียบ กลายเป็นห้องไม้ขนาดใหญ่กับเตียงขนาดดับเบิ้ลคิงไซส์ที่อยากได้หว่า ???

        ผมมองไปรอบๆห้องที่ทาสีฟ้าอ่อนที่ผนังมีชั้นหนังสือสูงจรดเพดานห้อง และโต๊ะเขียนหนังสือขาดใหญ่กับจอพลาสมา 3 เครื่องตั้งเด่นหลาอยู่ที่ผนังห้องอีกด้านใกล้ประตู ผมมองไปที่ไคร์นตอนนี้เขากำลังไปที่ประตูกดอินเตอร์โฟนพูดกับใครไม่รู้ด้วยภาษาที่ผมว่ามันเพราะมากเลย ซักพักเขาก็มานั่งประจันหน้ากับผมเหมือนเดิมแล้ว

        ตาเราทั้งคู่สบกันอยู่พักนึงก่อนที่ผมจะถามอะไรออกไปเขาก็ชิงพูดมาก่อน

        “ผมขอโทษนะครับ น้องกาล ผมมีเหตุผลอย่างแรงจริงๆนะครับ เดี๋ยวจะถามอะไรก็ขอให้ผมไปทำธุระข้างล่างก่อนนะครับ เดี๋ยวมานะ อ่านหนังสือได้แต่อย่าออกจากห้องนะครับ”

         ไคร์นยื่นหน้ามาจูบขมับผมทีนึงก่อนที่จะลุกออกไปทางประตู ผมได้ยินเสียงล็อคจากภายนอกอยู่ 3 ครั้ง ผมมองหานาฬิกาภายในห้อง ปรากฏว่าเป็นเวลา 8:00 AM ผมมอกไปอีกที AM ไหงเป็นแปดโมงเช้าหละ ผมพึ่งจะออกจากน้องน้ำยื่นหนังสือเดินทางให้ไคร์นก็เกือบจะสี่ทุ่มแล้วหนิ แล้วที่นี่มันที่ไหนหละเนี่ย???

        ผมค่อยๆลุกขึ้นสำรวจภายในห้อง อากาศเย็นสบายแต่พื้นอุ่นๆแฮ๊ะ ปล้วหน้าต่างอยู่ไหนหว่า อ๊ะ...เจอแล้ว ช่องเล็กๆตรงหัวเตียงแต่อยู่สูงมากคงหมดโอกาสว่าข้างนอกเป็นไงบ้าง ผมเลยหันไปดูหนังสือที่ผนังด้านที่ใกล้ตัวสุด

        “ภาษากรีกเหรอ??...นี่อะไรเนี่ย...อันนี้ฝรั่งเศสนี่...แล้วอันนี้จีน...โห...มีภาษาฮินดีด้วย” หนังสือที่ชั้นนี้มันยังไงกันเนี่ย ผมเปิดดูทีละเล่ม จนผ่านไปห้าเล่ม ทั้งหมดห้าเรื่องห้าภาษาเลย แล้วทำไมมันมีหลายภาษาอย่างงี้เนี้ย  ผมลองหาเล่มที่เป็นภาษาไทยบ้าง ไม่รู้ว่าจะมีบ้างไหม

        “อ้าว...มีด้วยแฮ๊ะ...ประวัติศาสตร์สมัยกรุงศรีอยุธยา...ไคร์นนี่แปลกแฮ๊ะ??”

        ไคร์น

        ผมลงมาชั้นล่างของร้านแซงชัวรี่ของพี่สาวผม ตอนนี้ยังเช้าอยู่ไม่มีแขกแน่นอนยกเว้นคนในร้าน ผมต้องทำแบบนี้ก่อนจะต้องไปอธิบายให้น้องกาลเขาฟังว่าเกิดอะไรขึ้น ทำไม และผมเป็นใคร

        “เอมี่” ผมทักพี่สาวผม เอมี่เธอกัลังขนลังแก้วเบียร์เก็บเข้าหลังเคาเตอร์อยู่

        “อ้าว...ลูกหมีน้อย กลับมาเร็วจัง...เอ๋...พาใครมาหละ” เอมี่เอียงคอเล็กน้อยเหมือนกำลังฟังเสียงอะไรซักอย่างซึ่งผมก็รู้

        “เอาน่า เดี๋ยวค่อยพาลงมารู้จักตอนนี้ผมเจอปัญหาใหญ่แล้ว” เอมีทำหน้างงเล็กน้อยผมเลยยื่นฝ่ามือออกไปให้เธอดูชัดๆ

        “ก...กรี๊ดดดดดดด...ลูกหมีน้อย...เธอมีคู่แล้วนี่...อะไรกันไปกัมพูชาเพื่อไปเจอคู่เหรอเนี่ย ใคร...เธอเป็นใคร...ไหนๆอย่าที่ห้องเธอเหรอ เดี๋ยวพี่ขึ้นไปดูเดี๋ยวนี้เลย”

        ผมต้องยกมือขึ้นดันไม่ให้เธอวิ่งขึ้นบันไดไป เห็นอาการของเธอก็รู้ว่าเธอดีใจแค่ไหน ก็ผมมันน้องรักนี่ แต่ต้องเคลียร์บางเรื่องกับเธอก่อนไม่งั้นหายนะแน่ๆ

        “เดี๋ยวๆๆ เอมีใจเย้นแปปนึง...ฟังผมแปปนึงได้ไหม”

        “แล้วจะให้ฟังอะไรหละ สาวเจ้าเป็นใครมีปัญหาอะไรเหรอ หรือว่า...” เอมี่มองตาผมเราเข้าใจกันมากกว่าจะพูดออกมา

        “เธอยังไม่รู้เรื่องของพวกเราอีกเหรอ” ผมมองลงไปที่ปลายเท้าแล้วรวบรวมความกล้าที่เคยมีทั้งหมดก่อนที่จะเอ่ยอะไรออกไป

        “เป็นเขานะ...ไม่ใช่เธอ...” ผมพูดออกไปแล้วดูสีหน้าของเอมี่ เธอดูนิ่งไปแปปนึงก่อนจะล้วงประเป๋าผ้ากันเปื้อนหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากด

        “แอชรอนเรามีปัญหาใหญ่แล้วหละ คือว่า ไคร์น...”

        เอมี่ยังพอไหมจบ ชายหนุ่มผมยาวสีดำหวีเสยทำไฮไลท์สีแดงเข็มปอยนึงก็ปรากฎตัวยืนอยู่ตรงหน้าเราแล้ว เขาสูง 2 เมตร นิ๊ดๆ สูงกว่าผมอีก สวมแว่นดำมีจิ้วทับทิมที่จมูกแล้วแต่ตัวชุดหนังแบบชาวโกทส์ เขาเก็บโทรศัพท์ใส่ในเป้สพายขนาดย่อมก่อนที่หันหน้ามาทางเอมีและก็ผม แอชรอนคนนี้ในสายตาของใครๆก็บอกว่าเป็นหนุ่มวัยรุ่นที่หล่อล้ำที่ตัวสูงมากๆ เดฟพี่ชายของผมเคยแซวว่าไปลองถ่ายแบบลงโฆษณาชั้นในของเควินครายดูมั่ง น่าจะได้แฟนๆจากทุกประเทศแน่ ผมก็ว่านะ ซันชายเจ้าของร้านงานศิลป์ที่จัตุรัสแจ๊คสันยังบอกเลยว่าเขาเป็นผู้ชายที่มีก้นสวยมากแล้วผิวเป็นสีแทนประกายทองน่ากัดที่สุด  อันนี้ผมไม่อยากลองกัดหรอกครับก็รู้อยู่ว่าเขาหนะเป็นใคร

        เอาเข้าจริงๆบ้านของแอชรอนอยู่เลยไปอีก 3 บล็อกแค่นั้นเอง เป็นบ้านหลังเล็กๆน่ารัก อยู่กับภรรยาของเขา โซเทอเรีย ตอนนี้เขายังทำงานช่วยพัฒนาและบำบัดผู้ประสบภัยจากพายุแคทเธอรีน่าอยู่เลย แต่ใครจะรู้หละว่าชายที่ใครต่อใครก็คิดว่าเขาเลิศเลอหนะเป็นผู้กุมชะตาสุดท้ายของทุกสรรพสิ่งไว้ อ๋อ เขาแค่เป็นเทพเจ้าแห่งการทำลายล้างของแอตแลนตีสก็เท่านั้น

        “ปัญหานี่จริงๆดูจะว่าเล็กก็เล็กจะว่าใหญ่ก็ใหญ่อยู่นะ ไคร์น แต่นายก็รู้ใช่ไหมว่า นายมีเวลา 3 สัปดาห์ที่จะให้เขาเป็นคู่ของนายอย่างเต็มใจ” เขาเอ่ยออกมาจนได้ ผมนึกว่าจะต้องยืนเมื่อยกันต่อ

        “ใช่ซิ...เรื่องเล็กที่ว่าคือทำให้เขารักผมภายใน 3 สัปดาห์ แต่ปัญหาใหญ่คือ เขาเป็นผู้ชายหนะซิ” ผมอยากจะบ้าเลย ขอสาปแช่ง เดอะเฟทส์ จริงๆ พวกเธอชอบสันหาชะตาแบบแปลกๆให้กับพวกเรากันจัง

         “ไม่ถูกต้องเท่าไหร่นะ ไคร์น ปัญหาเล็กที่ว่าคือเป็นผู้ชาย ปัญหาใหญ่หนะคือทำให้เขารักนายต่างหาก” แอชรอนพูดขึ้นมาแล้วเกาท้ายทอยตัวเอง ขอแอบบอกน๊ดนึงนะว่า เห็นเขาเป็นเทพเจ้าแบบนี้ก็เคยมีปัญหาความรักมาก่อนที่จะได้แต่งกะโซเทอเรียอีก

        “แล้วผมควรทำยังไงดีหละ แอชรอน”

        “ไคร์น นายเคยช่วยซิมมี่กะเซดดิกซ์ ฉันยังสำนึกถึงความช่วยเหลือของนายตลอด แต่นายขอคำพยากรณ์มันต้องมีของแลกเปลี่ยนที่คุ้มค่ากันนายก็รู้” ผมกำลังจะพูดเขาก็ยกมือห้ามไว้

        “แต่นายเป็นเพื่อนฉันนะไอ้หนู เพื่อนคนนี้จะให้คำปรึกษาแทนก็แล้วกัน” เขายิ้มแบบกวนๆมาให้ผม แหมน่าซัดซักหมัดจริงๆ ในฐานะเพื่อนนะ (ใครจะกล้าคร้าบพี่ เทพเจ้าแห่งการทำลายล้างนะนั่นหนะ)

        “เริ่มจากอะไรหละ”

        “ความจริงอย่างจริงใจและซื่อสัตย์กับใจของเธอเองก็แล้วกันหละไอ้หนู”

        “แล้วไงต่อหละ...”

        “จากนั้นก็อย่าคิดถึงอนาคตไง” หายนะครับ หายนะแน่ๆ ถ้าทำอะไรแล้วไม่ต้องคิดเนี่ย
 
        “แล้วพวกเราเคยมีบันทึกไหมครับกันเหตุการณ์แบบนี้หนะ” ผมถามเพราะเขาน่าจะรู้มากกว่าที่ผมรู้ ก็เขาอยู่มาตั้งหนึ่งหมื่นกว่าปีแล้วหนิ

        “ก็หลายรายนะ ญาตินายก็ใช่ เวนกะไบร์ดไง” ผมลองนึกถึงคู่ของเวน แคตตาราคีส คู่ของเขาเป็นมนุษย์ผู้หญิง น่ารักมากเลย

        “ยังไงก็ยังเป็นผู้ชายกับผู้หญิงหนิครับ” ผมคิดถึงน้องกาลแล้วก็ต้องถอนหายใจ

        “อีกอย่าง ผมกะเขาก็พึ่งจะเจอกันวันเดียวเอง ยังไม่ได้รู้สึกรักอะไรเลย”

        “อันนั้นนั่นแหละที่บอกว่าเรื่องใหญ่ ไคร์น นายต้องทำให้เขารักนายโดยที่นายก็ต้องรักเขาด้วย ทีนี้ก็เข้าใจแล้วนะ ไอ้หนู เอาหละ กลับขึ้นไปหาคู่ของนายได้แล้ว” แอชรอนพูดเสร็จก็หายตัวไปอย่างรวดเร็ว

        “เอมี่...” ผมหันไปหาพี่สาวผมอย่างขอความช่วยเหลือ

        “อันนี้...พี่คงช่วยอะไรไม่ได้จริงๆ แต่...ลองคิดในแง่ดีสิ มีเวลาอีกตั้ง 3 สัปดาห์เชียวนะ” เอมี่พูดให้กำลังใจผม ผมก็คิดนะเรื่องจะทำให้ใครมารักผมหนะ ไม่ยาก แต่ที่จะให้ผมไปรักใครนี่ซิ...คืองี้นะ...ก็ผมยังไม่เคยมีความรักเลยหนะซิ

        “เอาหละ...ทีนี้ก็ขึ้นไปบอกเขาได้แล้ว มีอะไรก็เรียกพี่นะ เธอก็รู้ว่าพี่อยู่ที่ไหนนะ ลูกหมีน้อย” เอมี่เดินเข้าไปหลังร้านคงไปทำความสะอาดครัวต่อ ผมเลยต้องขึ้นไปเผชิญกับชะตากรรมของตัวเองแล้วหละครับ

        ผมขึ้นมาถึงห้องแล้ว จะเปิดเข้าไปก็ยังลังเลอยู่เลย ความจริงเหรอ มันเป็นยังไงหนะ ถ้าน้องเขารู้ความจริง ถ้าเขารับได้ก็ดีไปแต่ปัญหาข้างหน้าก็มีอีกมาก แต่ถ้าเขารับไม่ได้หละ แค่คิดก็สยองแล้ว เอาหละ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิดแล้ว แต่ขอให้เป็นไปในทางที่ดีทีเถอะ

        ผมเปิดประตูเข้าไปก็ต้องชะงักกับภาพที่เห็น กองหนังสือหลายตั้งวางเกลื่อนพื้นห้องไปหมด ส่วนตัวต้นเหตุกำลังนอนหงายไขว่ห้างกระดิกเท้าอ่านหนังสืออย่างสบายใจบนเตียง

        “อ่านอะไรอยู่ครับ น้องกาล”

        “หนูน้องหมวกแดง”

        “นิทานกลิมป์ผมมีเวอร์ชั้นภาไทยด้วยนะ”

        “อ้าว...ผมก็หาแบบภาษาไทย แต่ไม่เจอ ก็เลยเอาภาษาอังกฤษมา อ่านยากนะเนี่ย”

        “อ๋อ...เล่มนี้ครับ”

        “ขอบคุณมากนะ ไคร์น แล้วไปทำอะไรมาหละครับ นานจัง” อ้าวน้องกาล ทำไมเอาขนมในตู้ผมมากินเฉยเลยอะ

        “คืองี้ครับ ผมถามอะไรน้องกาลหน่อยได้ไหมครับ”

        “ว้าวมาโลด” อ้าวออกอีสารแล้ว

        “น้องกาลชอบหมีไหมครับ”

        “ชอบนะ อย่างหมีพูก็น่ารักนะ แต่กาลชอบพวกขนปุกปุยมากกว่า” เยี่ยมเลยน้องตอบแบบนี้เดี๋ยวจัดให้

        “แล้วชอบคนอายุมากกว่าหรือน้อยกว่าหละครับ”

        “ส่วนตัวกาลชอบคุยกับผู้ใหญ่นะ ชอบฟังประสบการณ์หนะ สนุกดี” โอ้เยส ชอบผู้ใหญ่ พอมีหวังแล้ว

        “แล้วชอบเอเซียหรือต่างชาติหละครับ”

        “ไม่รู้นะ เอาแบบที่ชอบเหรอ...ขอแค่คุยกันรู้เรื่องก็พอนะ” อืมม อันนี้น่าจะผ่านแฮ๊ะเรา

        “ไคร์น...กาลขอถามซักสองสามข้อได้ไหม” อ้าวอยากรู้เรื่องอะไรหละเนี่ย น้องกาลปิดหนังสือแล้วลุกขึ้นมายืนแบบชิดผมมากเลยปลายเท้าเกือบชนกัน ใจผมสั่นเลย ยิ่งใกล้ยิ่งน่ารักนะเนี่ย

        “คุณเป็นหมีใช่ไหมครับ ไคร์น”


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
กรี๊ดดดดด

น้องกาล เห็นหมี

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ตอนสุดท้ายลงซ้ำหรือเปล่าครับ :really2:


ลองเข้ามาอ่านดู อ่านแล้วติดใจเลย o13


เรื่องราวแปลกดี แต่ก็ดีจะได้เปลื่ยนรสชาติบ้าง  อ่านแนวที่แตกต่างจากเดิมๆบ้าง :3123:


เป็นกำลังใจให้นะครับ :mc4: :L2: :L2:

ออฟไลน์ PEENAT1972

  • Red Rhino
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4698
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +563/-106
Tifa:
กรี๊ดดดดด

น้องกาล เห็นหมี
              "555 รีนี้ทะลึ่งจัง 555"

jenzda

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ไครน์เป็นหมี กาลรู้ได้ยังงัยเอ่ย

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ออกแฟนตาซี แนวนี้ไม่ค่อยได้อ่านเท่าไหร่
แต่น่าติดตามดีค่ะ พยายามต่อไป สู้ๆ :L2: :L2:

debubly

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ตอนที่ 5 ความจริงปรากฏ น้องกาลเห็นหมี
 
ไคร์น

        ผมตื่นจากภวังค์ นี่ผมยืนฟุ้งซานอยู่หน้าประตูนานแค่ไหนไม่แน่ใจ ซักห้านาทีได้มั้งครับ ถึงผมจะเป็นคนง่ายๆสบายๆ เอาเข้าจริงๆผมเป็นคนติดจะคิดมากนะครับ เรื่องนี้คนที่สนิทกับผมดีจะรู้ ที่เห็นบางทีทำน่านิ่งๆ ทอดสายตาไปไกลๆ อาจดูเคร่งขรึม น่าอันตราย แต่จริงๆกำลังคิดฟุ้งซ่านอยู่เสียมากกว่า อย่างเมื่อกี้เป็นต้น ถ้าน้องกาลเขาอยู่ๆก็โพลงถามขึ้นมาอย่างนั้นผมจะทำยังไงดีหละ

        ผมได้แต่ยืนถอนหายใจอยู่หน้าประตูห้องของตัวเองอย่างนั้นแหละจนได้ยินเสียงดังกุกกักด้านใน ผมตัดสินใจบิดลูกบิดเปิดประตู พอเปิดออกผมถึงกับผงะ โอ้...ซูสทรงโปรด บั่นท้ายครับ เนื้อขาวๆ เน้นๆ กลมๆ น่าลูบ... น้องกาลคงพึ่งจะอาบน้ำเสร็จมีผ้าขนหนูสีน้ำตาลของผมพันรอบเอวไว้ น่าจะเพราะเท้ายังเปียกหรือรีบไม่แน่ใจ ทำให้ลื่นหกล้มหน้าคว่ำบั่นท้ายโด่งหลาต่อหน้าต่อตาผมอย่างงี้ น้องเขาคงได้ยินเสียงเปิดประตูแน่จึงค่อยๆหันหน้ามาดูว่าใคร พอเห็นเป็นผมหละหน้าน้องเขาก็เริ่มแดงขึ้นๆ น่ารักมากเลย

        “น้องกาลครับ เป็นยังไงบ้าง มีบาดแผลตรงไหน เจ็บตรงไหนหรือเปล่าครับ” ผมเข้าไปประคองน้องกาลแล้วสำรวจดูตามมือ ข้อศอก และก็หัวเข่า ยังมีรอยแดงๆอยู่แต่ไม่มีแผล น้องเขาสายหน้าปฏิเสธแต่หน้าก็ยังแดงอยู่เลย ผมพยายามไม่พูดถึงเรื่องน่าอายของน้องเขาเมื่อกี้นะ กลัวน้องเขาจะยิ่งอายเข้าไปใหญ่

        “ทำไมรีบอย่างนี้ครับ น่าจะเช็ดเท้าให้แห้งก่อน” น้องกาลพยักหน้าพร้อมกับเอาหน้าซุกกับอกเสื้อผม ให้ตายเถอะ อาการอย่างนี้เขาเรียกว่าอะไรครับเนี่ย ใจผมเต้นแรงขึ้นโดยอัตโนมัติเลย ผมขอคิดเข้าข้างตัวเองก็แล้วกันนะครับว่าน้องเขาน่าจะพอไว้ใจผมแล้วนะเนี่ย แล้ว...ต้องทำยังไงต่อหละหว่า??? เง้อ...ผมไปไม่เป็นเลยอะ เคยเจอแต่ผู้หญิงมาออดอ้อน ซบนั่นซบนี่แต่ไม่เคยรู้สึกใจเต้นแรงแบบนี้มาก่อน แล้วนี่มันคืออะไรหละ

        ผมจึงอุ้มน้องเขาไปวางไว้ที่เตียงนอนหลังมหึมาของผม พอวางน้องเขาได้ก็รีบนอนคว่ำหน้าไปกับหมอนทันทีพร้อมกับพูดอู้อี้อะไรฟังไม่ชัด

        “อะไรครับน้องกาล” ผมต้องพลิกน้องให้นอนสบตากับผมก่อน ไม่งั้นฟังไม่รู้เรื่องแน่น น้องเขาสบตาผม โห...หน้าน้องเขาแดงกว่าเก่าอีก ปากน่าจุ๊บก้เผลยออกมาเล็กน้อย

        “เห็นหรือเปล่า...???”

        “เห็น??? เห็นอะไรครับ”

        “ก็...กะ...กะ...”

        “หือ...??? ก็อะไรครับ” ผมยังแกล้งสงสัยน้องเขาอีกหน่อย น่ารักเองช่วยไม่ได้

        “กะ...ก้นไง...ก้น นายเห็นก้นเราแล้วใช่ไหม” น่านนน ยังอายอยู่เลย แล้วผมจะเลือกตอบอะไรดีหวะ

        “เห็น” ผมตอบตรงๆดีกว่า อย่างที่บอก อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิด

        “ไคร์นนี่เป็นคนดีจัง ไม่พูดโกหก” อ้าว แกล้งลองใจกันเหรอ แต่ก็เป็นผลดีแฮ๊ะ ชมผมด้วย แล้วยังไงต่อหละครับน้อง พูดอีกซิครับ

        “งั้นไคร์น ช่วยอธิบายทีสิครับว่า จากห้องในโรงแรมเสียบเรียบทำไมถึงมาอยู่ที่ห้องนี้ได้ แล้วยังเป็นตอนเช้าอีก แล้วทำไมข้างนอกหน้าต่างนั่นไม่เหมือนกับเมื่อคืนเลย” เอาหละซิ ถามผมแล้วจ้องตาผมเป๋งเลย สายตาแบบนี้นี่ผมโกหกไม่เนียนแน่ๆ เอ...เหมือนผมจะได้ยินเสียงของแอชรอนอยู่ในหัวผมนะ บอกว่า

        “ความจริงอย่างจริงใจและซื่อสัตย์กับใจของเธอเองก็แล้วกันหละไอ้หนู

        ผมต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ รวบรวมความกล้าทั้งหมดก่อนจะสบตาตอบน้องกาลไป ผมเลือกวิธีที่จะทำให้น้องเข้าใจง่าย รวดเร็ว และต่อต้านน้อยที่สุด ผมจึงใช่พลังจิตล็อคประตูอย่างเงียบเชียบ กันไว้ก่อนเกิดน้องเขาเตลิดจะยุ่งยากเปล่าๆ

        “งั้น...น้องกาลอยากรู้คำตอบไหนก่อนดีหละครับ” ผมเห็นแววสับสนในด้วยตาน้องเขาเล็กน้อยก่อนจะสบตากลับมาแบบอยากรู้

        “ไคร์น...ที่นี่คือที่ไหนครับ”

        “ตอนนี้เราอยู่ในห้องเก่าของผมเอง บนชั้นสามของร้านชื่อแซงชัวรี่ย์ เราอยู่ในนิวออร์ลีน  รัฐหลุยซียน่า อเมริกาครับ”

        “โห...พูดจริงใช่ไหมเนี่ย นี่ไคร์นพาผมมาโดยไม่ต้องทำวีซ่าได้ด้วย” อ้าว น้องกาล ไหงปฏิกิริยาถึงผิดคาดอย่างนี่หละเนี่ย ไม่ตกใจเลยแถมยังดูมีสติแล้วคิดอะไรอยู่ด้วย

        “คำถามต่อมาก็แล้วกัน ไคร์น คุณเป็นอะไร”

        “ผมเป็นออร์ซูไรอาร์คาเดียน” น้องกาลดูชะงักเล็กน้อยก่อนทำหน้าคิดอะไรอยู่อีกแบบตอนคำถามแรก ผมอยากรู้จริงๆว่าน้องเขาคิดอะไรอยู่นะ

        “ออร์ซูไร คืออะไร”

        “หมี ผมเป็นหมีครับ น้องกาล” เฮ้อ...และแล้วผมก็พูดออกไปจนได้

        “หมี...แล้วกินคนไหมเนี่ย” อ้าวน้อง ทำไมสงสัยแบบนั้นหละ เดี๋ยวจับกินจริงๆหรอก

        “อยากเห็น” เอาแล้วไง ทำตาบ้องแบ๊วเลย สายตาเป็นประกายวิ้บวั้บเหมือนเด็กเจอของเล่นที่ถูกใจอย่างไงอย่างงั้นเลย

        “เอ...เอาไว้ก่อนดีกว่านะครับน้องกาล” ไม่อยากให้น้องเขาเห็นตอนผมแปลงเป็นหมีอะครับ เหอๆๆๆ

        “น่า...ไคร์น...ขอร้องหละ...อยากเห็น...นะนะนะนะนะนะนะ” ไม่รู้เป็นอย่างไร ผมรู้สึกว่าชอบบรรยากาศตอนนี้จัง มันอบอุ่น สนุกสนาน มีความสุขไปอีกแบบ ผมเลยต้องถอยออกมายืนกลางห้องแล้วกลายร่างกายเป็นหมีสีน้ำตาล ผมว่าผมเป็นหมีที่เท่ห์มากนะครับ ขนสีน้ำตาลมันวาว ปุกปุย หน้าตาก็...ก็หมีหนะซิ

        “ว้าว...หมี....” น้องกาลพุ่งลงจากเตียงแล้วรีบปีนขึ้นมาไต่หลังผม ทั้งขย่มทั้งกระโดด ผมต้องช่วยประคองไว้เดี่ยวตกลงมาจะแย่

        “ว้าว...สุดยอด...ขนนุ่มมากเลย ไคร์น...เอ...ไคร์นได้ยินผมไหม ไคร์น”

        “ครับผม คุยกันได้แต่เดี๋ยวลงก่อนได้ไหมครับ มีเรื่องต้องคุยกันก่อนนะครับ” ผมตอบออกไปทางจิตให้น้องเขาได้ยินคนเดียว น้องกาลทำหน้าไม่ค่อยพอใจซักหน่อยแล้วไถลตัวลงจากหลังไปนั่งที่ปลายเตียง

        ผมกลายร่างกลับไปเป็นคน แต่จริงๆผมก็มีร่างเป็นคนอยู่แล้วแค่แปลงเป็นหมีได้เท่านั้นเอง ผมลองประมวนคำถามต่างๆของน้องกาลแล้วก็งง ดูน้องเขาไม่ตกใจเลยอันดับแรก แถมยังรู้สึกจะชอบใจเสียด้วย เป็นไปได้เหรอ??

        “นี่น้องกาลครับ...ไม่ตกใจเลยเหรอ”

        “ถามให้ถูกคือแปลกใจหนะ ไม่คิดว่าที่ความฝันที่เห็นมาตลอดครึ่งปีจะเป็นเรื่องจริงหนะซิ” น้องกาลตอบอย่างตื่นเต้นดีใจ ผมเองก็รู้สึกโล่งนิ๊ดๆนะ สงสัยน้องเขาจะฝันวนไปมานานแล้วเหมือนที่เคยอ่านใน blog

        “แล้วไม่กลัวเหรอครับ”

        “จะมัวไปเสียเวลากลัวทำไมหละ น่าสนุกออก ไคร์น แล้วอธิบายได้หรือยังหละว่า พามาที่นี่ได้ยังไงหละ” น้องนั่งยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ตาหยีแก้มแทบปริ มันน่าฟั้ดแฮ๊ะ

        “ก็...เอาอย่างนี้นะ ผมสามารถกระโดดข้ามเวลาได้ ทั้งแนวตรงและแนวขวาง ถ้าจะใช้วิทยาศาสตร์อธิบายก็ต้องเอาแบบเวลาไม่เท่ากับศูนย์และต้องค้นพบกฎทางเวลาอีกซักสองสามข้อนะครับ”

        “อะไรคือเวลาแนวตรงกับแนวขวางหละ...???”

        “แนวตรงก็คือ ไปได้ทั้งเดินหน้าและก็ถอยหลัง พูดง่ายๆก็ย้อนไปในอดีตหรือก้าวไปสู่อนาคตก็ได้ ส่วนแนวขวางก็จากสถานที่หนึ่งไปอีกสถานที่หนึ่งแต่เวลาไม่เดินครับ”

        “โห...ทำได้หลายอย่างนะเนี่ย อย่างนี้เรียกหมีอเนกประสงค์ได้เลย 5555” งะไหงผลมันออกมาแปลกๆแบบนี่ละ เฮ้อ...แต่ก็เหมือนยกภูเขาโอลิมปัสออกจากอก
 
         “งั้น...รอยที่ฝ่ามือผมและไคร์นก็คือเครื่องหมายว่า เราเป็นเนื้อคู่กัน ใช่ไหมครับ ไคร์น”

         “ใช่ครับ สัญลักษณ์ของยัยเทพีโรคจิตสามองค์ให้กับคนที่จะต้องคู่กันไปจนตายครับ” ผมพูดประชดนะเนี่ย

        “อืมม อันนี้เห็นด้วยเรื่องเทพีโรคจิต 5555...หาววววว” อ้าว ง่วงซะแล้ว น้องกาลทำตาปรือๆแล้วขยี้ตา นี่ก็เกือบจะเที่ยงคืนของที่เสียมเรียบแล้วคงต้องเอาไปส่งก่อน แต่ไว้ค่อยไปดีกว่า

        “น้องกาลนอนที่นี่ก่อนนะครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้เรายังต้องไปเที่ยวนครวัดกันต่อนะครับ” ที่นี่กลางวันทางเสียมเรียบยังเป็นตอนกลางคืนอยู่เลย ผมจัดหาเสื้อสมัยตอนผมยังเด็กให้น้องกาลใส่ก่อน พอน้องเขานอนแล้วผมจึงออกจากห้องแล้วลงไปหลังบาร์ ตอนนี้ก็ห้าโมงเช้าแล้ว เอมี่น่าจะขึ้นไปนอนเมื่อซักชั่วโมงก่อน

         ผมเดินออกไปด้านหลังร้านแล้วออกเดินไปตามถนนผ่านจัตุรัสแจ็คสัน เดินไปไม่เท่าไหร่ ก็เจอกับร้ายขานตุ๊กตา ผู้ชายตัวโตๆกับร้านตุ๊กตา หลายคนถ้ามาเห็นก็คงหัวเราะ แต่กับพวกผมที่เป็นอาร์คาเดียนนั้นไม่เลย ผมเปิดประตูเข้าก็เจอกับหญิงชราคนนึงกำลังซ่อมแซมตุ๊กตาที่น่าสงสารตัวนึงอยู่ แขนที่หลุดออกมากำลังถูกหมุนกลับให้เข้าที่เข้าทางแต่ก็ยังมีอีกหลายตัวบนโต๊ะทำงานของเธอ ผมว่าตั้งแต่ผมเด็กๆผมก็เห็นเธอ ลิซ่า นั่งซ่อมตุ๊กตาอยู่อย่างนี้แล้ว ไม่รู้เธออายุเท่าไหร่แน่

         “มาแล้วเหรอจ๊ะ พ่อหมีน้อย เขารอเธออยู่แหนะ” ลิซ่าชี้ไปทางประตูด้านหลังที่มีผ้าสีน้ำเงินปิดพร้อมมู่ลี่เปลือกหอยปิดอีกที

         “ขอบคุณครับ ลิซ่า” ผมเดินผ่านเธอไปแล้วเข้าไปในห้องนั้น ผมมองคนที่นั่งบนโต๊ะทำงานขนาดใหญ่คนนึง แอชรอน คราวนี้ปอยผมที่เขาทำไฮไลท์เปลี่ยนเป็นสีเขียว จิ้วทับทิมหายไปเปลี่ยนเป็นห่วงเจาะที่ริมฝีปากล่างแทน หมอนี่แต่งตัวไม่ซ้ำกันภายในเวลาไม่นานเอง หมั่นไส้ แล้วอีกสามคนที่ยื่นคุยกันอยู่นี่ผมรู้จักแค่สอง คนนึงคือ จูเลียท อเล็กซานเดอร์ อาจารย์สอนวิชาประวัติศาสตร์กรีกโบราณที่ผมกำลังทำวิทยานิพนธ์ของเขาอยู่ที่มหาลัย เขาเป็นอาจารย์ที่โหดหินมาก เคี่ยวสุดๆ เขาสูงน้อยกว่าผมเยอะ แค่ร้อยแปดสิบสองเอง ผมสีทองอร่ามตัดสั้น ร่างกายล่ำสันบึกบึนผิวสีน้ำตาทอง เขาเป็นอาจารย์หนุ่มที่สาวๆในคลาสหมายปอง ป๊อปว่างั้นเถอะ
         ส่วนอีกคนก็ประมาณว่าญาติผมเอง เวน แคตตาราคีส เจ้าของธนาคารสองแห่งในนิวออร์ลีน เป็นพี่ชายของพี่เขยผมหนะ เออ...ลืมไป จูเลียทเขาอยู่มาตั้งแต่สงครามทรอย ตอนนี้ทำหน้าที่เป็นเทพยากรณ์ ส่วนเวนเขาเป็นไลคอสคาตากาเรีย แต่อีกคนนี่ใครหละ สูงเท่าแอชรอน ดวงตาเรียว คิ้วเข้มดำปลายเรียว แลดูหนุ่มไปเกินยี่สิบต้นๆ

        “เป็นไงบ้างหมี แอชบอกว่าเราเจอศึกหนักเหรอ” เวนทักผมก่อนใคร ดูหน้าก็รู้ว่าแอชรอนคงเราเรื่องของผมให้ฟังแล้วแน่ๆ ก็เล่นทักพร้อมกับเม้มปากเหมือนกลั่นหัวเราะอยู่เลย เฮ้อ...

        “เอาน่า ความรักระหว่างชายกับชายในประวัติศาสตร์ที่ผ่านมาก็มีออกจะเกลื่อนไปนะ ไคร์น จำรายงานเรื่องซีซ่าร์ได้ไหมหละ” จูเลียทนี่ก็อีกคน แก้มตึงแทบปริเลยนะ ผมว่าน่าจะปล่อยให้เขาหัวเราะให้เสร็จน่าจะดีกว่า

        “ยังไงก็ทำให้มีความสุขได้ก็แล้วกัน หน้ากับหลังมันก็ไม่...อุ๊บส์” แอชรอนพูดขึ้นก่อนจะปิดปากตัวเอง ผมว่าผมอ้าปากค้างแล้วนะ ทั้งหมดในห้องเงียบกริบทันที

        “ให้ตายซิ นายก็เคยด้วยเหรอ แอชรอนผู้ยิ่งใหญ่” จูเลียทพูดออกมาก่อนใคร

        “นายยังไม่รู้เรื่องอีกเยอะนะ” ชายอีกคนนึงเอ่ยขึ้นมาแล้วทำหน้ายียวนไปทางแอชรอน

        “อย่าแม้แต่จะคิดเลยนะ ทาเคชิ” แอชรอนขบฟันกรอดมองปลายตาไปก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะออกมา สองคนนี้รู้จักกันนานแล้วแน่ๆ

        “ไอ้หนู นี่ทาเคชิ จะมาเป็นเซนเซย์ของนายนะ”

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :กอด1:น้องกาลเห็นหมีตัวใหญ่ๆ


 :L1:

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
เห็นหมีหนูมั้ย เห็นหมีหนูมั้ย

คริๆ

ชอบหมีด้วยคนเจ้า

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด