Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Paranormal - ใต้เงามนตรา (3P) ตอนที่ พิเศษ สองหมี น้ำผึ้ง&ช็อกโกแล๊ต(08-05-2557)  (อ่าน 155310 ครั้ง)

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
เรื่องของหมีมาร์คกับน้องกาล โรแมนติกสุด ๆ
ยิ่งตอนพบกันครั้งแรกในสวนดอกไม้ นอนหนุนพุงไป วาดรูปไป ไม่ไหวจะเคลียร์  :-[
แต่แม่เทพธิดาสามสาวนั่น นอกจากแผน Y Attack แล้ว ยังมีกลยุทธ์ 3P อีกหรือนี่???
โอ้...แผนการของพวกคุณเธอในครั้งนี้ ช่างไร้เทียมทานยิ่งนัก !!!
 

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
วันนี้มาลงให้นิ๊ดนึงอีกหละ จะพยายามนะครับ

มาต่อกันเลยครับ

==========================================================

ตอนที่ 18 SEX & CITY ภาคโอลิมปัส

          วิหารเดอะ เฟทส์ เขาโอลิมปัส

          เสียงหัวเราะร่วนของโคลโธดังลั่นออกมาจากประตูวิหารเมื่อแลคเคซิสเดินเข้ามาพร้อมกับถุงของช๊อปปิ้งมา

          “อารมณ์ดีเหลือเกินนะ โคลี่” เธอวางถุงลงก่อนจะสะบัดมือที่ถืออยู่

          “555...จะไม่อารมณ์ดีได้เหรอ แผนเราไปได้สวยเลย ไม่น่าเชื่อมันจะบังเอิญขนาดนี้” โคลโธวางไอแพทลงก่อนจะหันไปสนใจของในถุงที่แลคเคซิสวางไว้

          “เราเป็นลิขิตเทพ อย่าให้ใครได้ยินว่าเราเกิดบังเอิญไปทำอะไรขึ้นหละ ทุกอย่างมันต้องมาจากเจตจำนงของเราเท่านั้น โคลี่” อโพโทสพูดโดยไม่ได้ปลายตาไปมอง เพราะยังอ่านสายใยแห่งชีวิตของใครบางคนอยู่

          “เอาน่า โพล เล็กๆน้อยๆ ดูผลของมันดีกว่า ตอนนี้ เหรียญสองด้านกำลังจะได้ห้ำหั่นกันเองแน่ ทายาทสายตรงของไลคาออนจะได้สูญสิ้น อย่างน้อยก็หนึ่งสายพันธุ์”

          “ดราโกส ไลแคนโธป หรือ เออซูไรด์หละ” อโพโทสถามกลับอย่างรวดเร็ว

          “เออซูไรด์”

          “เออซูไรด์ที่ข้ารู้มีอยู่ตั้งหกตระกูลนี่ที่เป็นสายหลัก” แลคเคซิสให้ความเห็น

          “งั้นต้องจำไว้ใหม่แล้วว่าเหลือแค่สี่ พวกเพลเทีย กับพวกแม็คซิลเวียร์ สองตะกูลนี้เตรียมสูญพันธุ์ได้เลย 555” พวกเพลเทียเป็นเออซูไรด์อาร์เคเดียน ส่วนแม็คซิลเวียร์เป็นเออซูไรด์คาตากาเรีย

          “แล้วพวกที่เหลือ จะให้ข้าดำเนินการแผน Y’ Attack ต่อไหม” แลคเคซิสถามขณะกำลังลื้อของออกจากถุงช๊อปปิ้งออกมา

          “ข้าก็อยากให้เป็นอย่างนั้นนะ ลากี้ แต่มันยังติดที่เธเนี่ยนอยู่ สี่ตระกูลหมีที่เหลือมันอยู่ในการคุ้มครองของซาวิทาห์ เราอย่าพึ่งยุ่งเลยดีกว่า อ๊ะ...มาสคาร่าสีนี้สวยจัง ชิมมิ่งด้วย..ข้าขอ...”

          “งั้นเราเอายังไงดีหละ” แลคเคซิสรับคว้าตลับมาสคาร่ากลับมาจากมือของโคลโธ โคลโธทำหน้าไม่ค่อยพอใจใส่

          “พวกเจ้าลองทำกับพวกไลแคนโทปสิบสองตะกูลดูซิ หรือจะลองกับดราโกสแปดตะกูลดูก็ได้ ไม่เห็นจะต้องไปที่จุดใดจุดเดียวเลย” อโพโทสพูดขึ้นหลังจากวางสายใยแห่งชีวิตลงแล้วไปนั่งที่ขอบสระส่องนภา

          “ความคิดเยี่ยมสุด พี่ข้า ออ...ข้ามีปัญหาอย่างหนึ่งด้วย ข้าหนักใจอยู่ไม่รู้จะเป็นตัวแปรสำคัญในแผนของเราหรือเปล่านะ”

          “อะไรเหรอ”

          “เด็กไทยคนนี้มีอะไรที่แปลกๆอยู่” โคลโธหันไปดูอีกถุงว่ามีอะไร ปรากฎว่าเป็นครีมอาบน้ำหลายกลิ่นหลายยี่ห้อ

          “ยังไงเหรอ โคลี่”

          “ชะตาของมันไม่เสถียฐ จะยาวจะสั้นจะสูงจะต่ำ ข้าจับทิศไม่ได้เลย เหมือนกันมันได้รับการคุ้มครองจากพลังอำนาจที่ยิ่งใหญ่อยู่”

          “แล้วพลังแบบไหนหละที่เจ้าว่า...”

          “แหล่งพลังปฐมภูมิ...”

          “เป็นไปไม่ได้...” อโพโทสหันไปหาน้องสาวของเธอ แสงในตาวาวออกมาเป็นสีแดงเข้มดูน่าหวาดหวั่น แต่โคลโธยังเปิดขวดครีมอาบน้ำแต่หละขวดดมดูไปเรื่อยๆ

          “ข้าจึงต้องตรวจสอบดูอีกที่ไง บางทีอาจจะไม่มีอะไรก็ได้หนิ โพล”

          “จงระวังก็แล้วกัน” อโพโทสหันกลับไปทางสระส่องนภา สระน้ำใสสามารถสะท้อนภาพที่ต้องการจะเห็นได้

          “เมื่อบ่ายข้าไปห้างแฮลอทมาหละ ได้ลิปใหม่มา ลองกันดูไหม โคลี่”

          “เอาซิๆ...ไปกันเลยลากี้”

          “นี่...สระส่องนภา ไม่ใช่กระจกแต่งหน้านะ...” เสียงอโพโทสดังลั่นวิหารจนเขาโอลิมปัสสะเทือนไปครู่หนึ่งเลยทีเดียว

========================================================

เหอๆๆๆ วันนี้แค่นี้ก่อนนะครับ

แต่มีแถมนะ อิอิอิ

ต่อไปเป็นข้อมูลตัวละครหลักของเรื่องนี้นะครับ

อ่านไปก็จิ้นกันไปเน้อ

============================================================



พี่หมีไคร์น
ชื่อเต็ม ไคร์น เพลเทีย
เกิด 1958 ที่นิวออร์รีน รัฐหลุยเซียน่า อเมริกา
สัดส่วน สูง 195 cm หนัก 92 kg
เชื้อสาย อาร์เคเดียนเผ่าหมี
อาชีพ นักศึกษาปริญญาโทด้านโบราณคดีกรีก เจ้าของร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ครบวงจร มีหุ้นในธนาคารสามแห่งในรัฐหลุยเซียน่า
งานอดิเรก ตกปลา ว่ายน้ำ ขับรถแข่ง เก็บแต้มสาวๆ



พี่หมีมาร์ค
ชื่อเต็ม มาร์คัส แม็คซิลเวียร์
เกิด 1960 อัมสเตอร์ดัม เนเธอร์แลนด์
สัดส่วน สูง 197 หนัก 96 kg
เชื้อสาย คาตากาเรียเผ่าหมี
อาชีพ ประธานมูลนิธิแม็คซิลเวียร์
งานอดิเรก ขี่มอเตอร์ไซด์ ว่ายน้ำ สะสมการ์ดเมจิคกัตเตอร์ริ่ง



พี่ทาเคชิ
ชื่อเต็ม ทาเคชิ
เกิด ไม่มีข้อมูล
สัดส่วน สูง 207 cm หนัก 90 kg
เชื้อสาย ไม่มีข้อมูล
อาชีพ ไม่มีข้อมูล
งานอดิเรก ไม่มีข้อมูล



น้องกาล
ชื่อเต็ม กาล อัคราศิลป์
เกิด 1988 จันทบุรี
สัดส่วน สูง 165 หนัก 56 kg
เชื้อสาย ลูกครึ่ง ไทยจีน
อาชีพ ว่างงาน
งานอดิเรก วาดรูป นวดแก้อาการ สะสมไพ่ทาร็อต
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 25-05-2011 21:28:57 โดย Windend »

ออฟไลน์ mimasopu

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
คือยัยสามเทพนี่นอกจากจะ fashionable ที่ตะเวนshopทั่วโลกแล้วยังจะล้อเล่นกับชะตาชาวบ้านเค้าด้วยเนอะ

3p เลยไหมเจ๊ หรือจะผูกให้เป็น4p ถ้าเอาทาเคชิมาควบได้ 555


รออ่านต่อนะคะ สู้ๆ
PS ชอบจริงเลยSEX & CITY ภาคโอลิมปัส o13

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
หากนับจากจำนวนสายตระกูลที่ตกเป็นเหยื่อของแม่เทพธิดาสามสาวพวกนี้แล้ว
คาดว่าพวกหล่อนคงจะมีเรื่องกับชาวบ้านเค้าไปทั่วแน่นอน ( โรคจิตขั้นเทพของแท้ )
แต่แผน Y Attack นั้น ช่างฉลาดล้ำลึกนัก แค่ใช้วิธีการนี้ล้วน ๆ โจมตีไปเรื่อย ๆ
ก็สามารถลดจำนวนประชากรในตระกูลนั้นไปได้โขแน่นอน (ชาย+ชาย = ไม่มีทายาทมาสืบสกุล )


ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
กำ 3P แล้วน้องกาลจาไหวรึป่าวล่ะเนี้ย

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ขอโทษอย่างแรงเลยครับทุกท่าน

คนป่วยมาเยอะเลยไม่มีเวลามาอัพเลย

เมื่อเช้าผมเปิดเมลอ่านดู ซึ่งก็ลืมเช็คมาเป้นเดือนดีที่เขาไม่ตัด

เจอเมลนึงครับดีมากเลยครับ

ต้องขอขอบคุณคำแนะนำที่ดีและเป็นประโยชน์มากๆมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ รักมากมายเลย

อันนี้เป็นเวปนิยายต้นกำเนิดแนวคิดของผมนะครับ http://www.sherrilynkenyon.com/

อ๋อ....เรียนให้ทราบตั้งแต่ต้นแล้วว่า เรื่องนี้เป็น Fic ด้วยนะครับ ตัวละครบางตัวก็เอามาจากในนั้นแหละ

แต่ตอนนี้ ขอบเขตของ Fic มันอยู่แค่ไหนมันยังงงๆอยู่อะ ขอให้ผู้รู้ช่วยบอกด้วยนะครับ ผมยังใหม่อะครับ

เอาหละ เรามาต่อกันดีกว่าครับ

=========================================================

          ตอนที่ 19 เนื้อคู่เขามาเป็นคู่ไม่มาเดี่ยว

          ไคร์น

          ตอนนี้ตัวผมเองยืนอยู่บนทุ่งหญ้าเขียว แสงแดดอ่อนๆส่องไปทั่ว สายลมพัดแรงพอประมาณ เป็นที่ไหนผมไม่อาจรู้ได้ แต่ที่อยู่ตรงข้ามผมไปไม่ไกลเป็นหมีสีน้ำตาลทองตัวใหญ่ ดูท่าทางเอาเรื่องเลยทีเดียว

          “อาร์...เค...เดียน...” หมีตัวนั้นพุ่งเข้ามาหาผมพร้อมกับแผดเสียงคำรามกึกก้องไปทั่ว

          “คาตากาเรีย...แก...” ผมร้องออกไปพร้อมกับวิ่งเข้าไปหามัน ยิ่งมันกระโจนเข้ามาใกล้ ตัวมันแลดูใหญ่ขึ้นกว่าเดิมมาก ผมชักดาบข้างเอวเข้าปะทะกับมันอย่างแรง

          ผมกับมันกระเด็นทั้งคู่ แต่เราก็รีบตั้งตัวแล้วกระโจนเข้าห้ำหั่นกัน ต่างฝ่ายต่างฟาดฟันกันไปมา

          ผมว่าคงต้องสู้กันอีกนานแน่ๆ เลย แต่ในจังหวะนั้นมันพุ่งเท้าหน้าที่มีกรงเล็บคมกริบเข้ามาทีผม ผมสวนมันกลับไปพร้อมๆกัน แต่...กรงเล็บของมันและดาบของผมหยุดค้าง

          มันหยุดเพราะมันเรียกเลือดได้แล้ว

          แต่ไม่ใช่เลือดของผมหรือมัน

          แต่มันเป็นเลือดของ...

          .

          .

          .

          กาล...

          “ม่ายยยยยยยยยย....” 

          ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาบนเตียงที่โรงแรม ยังรู้สึกมึนหัวอยู่เลย มันวิ้งไปหมด ที่ท้องกับชายโครงก็ปวดตุ๊บๆจากลูกเตะของไอ้บ้านั่น แต่ที่ทำให้ผมนั่งจิตตกอยู่อย่างนี้ไม่ใช่เพราะที่ผมโดนทำลาย แต่เป็นเพราะความฝัน

          ความฝันที่แทบจะฆ่าผมทั้งเป็น

          “อย่าให้เป็นแบบนั้นเลย...อย่าให้มันต้องกลายเป็นจริงเลย...กาล...” ผมภาวนาออกมา มันเป้นความรู้สึกที่กระชากใจผมอย่างแรง มันทั้งร้อนรนและเย็นยะเยียบพร้อมๆกัน

          “อ้าว...ตื่นแล้วก็รีบกระฉับกระเฉงได้แล้ว ปุกปุย...” เซนเซย์นั่งอยู่ข้างเตียงของผมเอามือมาตรวจชีพจรที่คอผม มือเขาเย็นดีแฮ๊ะ

          “กาล...กาลไปไหน...เซนเซย์...กาลไปไหน” ผมมองหาจนทั่วแล้วทำไมไม่เห็นเลย

          “น้องกาลโดนจับตัวไป...แกรีบลุกได้แล้ว จะได้ไปเอาน้องกาลคืน” ความเย็นมันวาบไปตามแนวสันหลังผม มือกำผ้าห่มแน่นเริ่มสั่นเทา คอกลับแห้งผาด หูอื้ออึง ตาเริ่มร้อนขึ้นด้วยไฟโทสะ ผมพยายามเรียกสติเอาไว้ ความโกรธมันกำลังครอบงำให้ผมกระโจนไปขยุ้มคอของเซนเซย์ แต่ไม่ได้ ผมจะไม่ทำแบบนั้น มันไม่ได้อะไรขึ้นมา

          “ผมหลับไปนานเท่าไหร่ครับ”

          “สี่ชั่วโมง...ตอนนี้เริ่มจะเย็นแล้ว รีบไปกันได้แล้ว” เซนเซย์จับผมลุกขึ้นจากเตียง ซูสทรงโปรด ทำไมแรงเขามากอย่างนี้เนี่ย ยกผมปลิวเลย

          “เดี๋ยวเซนเซย์...เรากำลังจะไปไหนกัน”

          “ก็ไปช่วยน้องกาลไง...”

          “อันนั้นหนะใช่ แต่ที่ไหนกัน”

          “กลางดงหมีไง...”

======================================================

          กาล

          ชีวิตเราเกิดมาซักครั้งนึง ก็ต้องดำเนินไปจนพบปลายทางของมัน ชีวิตก็เหมือนกับการขึ้นรถไฟซักขบวน จากต้นสถานีเราเตรียมทุนมาเท่าไหร่นั้น ไม่มีใครรู้ ระหว่างทางเราได้เก็บเกี่ยวภาพเหตุการณ์ต่างๆระหว่างเดินทางไปเรื่อยๆ ทุนที่มีก็ค่อยๆหมดไปกับของที่อยากได้ อยากกิน หลายคนหมดก่อนจะถึงสถานีปลายทาง บางคนเหลือ

          แต่มีอีกจำนวนนึงกลับหาทุนเพิ่มระหว่างเดินทางได้ พวกเขามักบอกว่าเตรียมไว้สำหรับขบวนถัดไป พอถึงสถานีปลายทางทุกคนก็ต้องลงกันหมด เอาอะไรไปไม่ได้เลย นอกจากความทรงจำและทุนที่เหลือเท่านั้น ชีวิตมันก็มีเท่านี้ แต่ที่จะทำให้ชีวิตมันน่าจดจำกว่านั้นคือ ความรู้สึกประทับใจ ความสุขที่ได้รับ และวีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ของตัวเอง  พ่อผมบอกไว้อย่างนั้น

          แล้วตอนนี้ผมกำลังเก็บเกี่ยวความประทับใจและความสุขอยู่หรือเปล่า ก็ต้องบอกว่า

          เก็บเต็มสองแขนสองขาเลยเชียวหละ

          เพราะมันใหญ่มากกกกกก

          “พี่มาร์ค...โกรธกาลไหม...”ผมนอนคว่ำทับบนตัวเขาไว้ ก็ตัวเขาใหญ่มากนี่ ให้นอนทับผมนานๆไม่เอาอะ เดี๋ยวเหน็บรับประทาน ผมกังวลอยู่ว่า อยู่ๆตรงสัญลักษณ์เนื้อคู่มันก็ปรากฎขึ้นมาพร้อมกันเลย ไอ้คำว่าเนื้อคู่นี่มันก็บอกอยู่แล้วนี่ว่า มาเป็นคู่ไม่มาเดี่ยว อันนี้ถูกไหมหว่า???

          “พี่โกรธกาลแล้วได้ประโยชน์อะไร...พี่ว่าพี่หาทางขึ้นไปโอลิมปัส ไปกระทืบอีโรคจิตสามตัวนั่นดีกว่า...” เขายิ้มให้ผมเหมือนทุกครั้ง เขาไม่เคยโกรธผมเลย ไม่ว่าเมื่อก่อนหรือตอนนี้ จะดีอะไรกันนักกันหนาก็ไม่รู้ แต่ที่รู้อยู่อย่างคือ ผมชอบมากเลย อิอิอิ

          “แล้ว...อีกตัวเป็นใครกัน...กาล”

          “อีกคนต่างหาก”

          “อาร์เคเดียน...” พี่มาร์คคำรามในลำคอแสดงความโกรธเกลียดอย่างเห็นได้ชัด

          “ใช่...อาร์เคเดียน...แถมเป็นเออซูไรด์อาร์เคเดียนด้วย” มาร์คัสจับมือข้างซ้ายของผมขึ้นมามองจ้องเขม็งเลย

          “มันเกิดขึ้นได้ยังไงกัน...กาล มันข่มเหงกาลหรือเปล่า...”

          “ไม่นี่...เขาก็น่ารักออก”

          “อย่าชมหมีอื่นให้ได้ยินแบบนี่ซิ มันปวดใจรู้หรือเปล่า...”

          “รู้ซิ ขนาดไปสวนสัตว์กาลมองกรงหมีนานก็ลากกาลออกไปเลยหนิ” ผมพึ่งจะเฉลียวใจเรื่องนี้นะครับ คือครั้งหนึ่งผมอยากไปเที่ยวสวนสัตว์ในอัมสเตอร์ดัม มาร์คัสก็ใจดีพาผมไป ผมเห็นแพนด้ายักษ์ในกรงมันกินใบไผ่อยู่ บางตัวมันขดตัวกลมๆแล้วกลิ่งไปมา ผมพูดโพลงออกมาว่าน่ารักมาก แค่นั้นมาร์คัสเขาก็ลากผมออกจากสวนสัตว์โดยไม่พูดไม่จาเลย ผมก็นึกว่าเขามีงานเร่งหรือไงกันจึงรีบพากลับ ตั้งแต่นั้นมาพอเราไปเที่ยวสวนสัตว์เขาไม่พาผมเดินเฉียดโซนหมีอีกเลย ที่แท้หึงหมีอื่นนี่เอง 555

          อยู่ๆประตูก็เปิดกระแทกออก อีธานรีบเข้ามาพร้อมปิดประตูอย่างแรง เนื้อตัวเขาเต็มไปด้วยบาดแผลและเลือด

          “หัวหน้า...เราโดนล้อม...” มาร์คัสรีบลุกจากเตียงเนรมิตเสื้อผ้าก่อนจะมองไปยังอีธานที่หน้าเริ่มซีดลง

          “ใคร” เขาถามด้วยเสียงที่เต็มไปด้วยอำนาจ ความดุดันและดิบเถื่อน

          “...พวกที่ไล่ล่าเรา...หัวหน้า”

          “ไอ้เสือเลว...เจ้าพาพวกผู้หญิงกับเด็กหลบไปแล้วใช่ไหม”

          “เรียบร้อยแล้ว พวกมันล้อมห่างจากเราไม่ถึงห้าร้อยเมตรแล้ว คาร์ แอล่า และก็สกีสโดนมันเก็บแล้ว เราเหลือกันแค่ห้าแล้ว...”

          “ไม่เป็นไร ไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอก อีธาน ไปสั่งให้แจล่า เอเบีย มอร์คัม และดุ๊กซ์ เข้ามาหลังแนวป้องกัน เดี๋ยวข้าออกไป” อีธานรับคำแล้วออกไปอย่างรวดเร็ว มาร์คัสหันกลับมาหาผมแล้วกอดไว้ในอ้อมกอดที่อบอุ่นก่อนจะจูบที่ขมับผมแรงๆไปที

          “กาล...เรื่องยุ่งมันมาอีกแล้วหละ” บอกว่ายุ่งแล้วทำไมหน้าตายิ้มแย้มแบบนั้นหนะ พี่มาร์ค

          “พี่มาร์คไม่กลัวเลยเหรอ...”

          “ถ้าเป็นเมื่อวาน พี่อาจจะหวั่นๆนะ แต่ตอนนี้ไม่เลย เพราะเธอนะ...กาล เธอนำความหมายแห่งชีวิตของพี่ที่เคยหายไปกลับมาสว่างอีกครั้ง พี่รักเธอนะ แล้วก็ไม่ต้องห่วงด้วยนะ พี่จะปกป้องเธอเอง” เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นุ่มไพเราะแล้วจูบผมอย่างอ่อนโยนก่อนจะผละออกไปทางประตู ปล่อยให้ผมนั่งน้ำตาไหลอยู่คนเดียวอีกครั้ง

          “พี่มาร์ค...กาลไม่ยอมให้พี่ไปไหนอีกแล้วนะ” ผมลุกขึ้นแล้วเปิดประตูออกไป พอเดินถึงประตูหน้า เสียงของหนักๆกระแทกพื้นจนสั่นสะเทือนก็ดังขึ้น ผมรีบเปิดประตูออกไป ผมแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง

          ซากของเสือดาวห้าตัว นอนเกลื่อนบนลานดินที่ผมเดินผ่านเข้ามา หมีสีน้ำตาลแดงกับหมีสีน้ำตาลทองขนาดใหญ่กำลังตบเสือดาวอยู่ โดยยังมีอีกแปดตัวที่ล้อมเอาไว้ ด้านซ้ายมีหมีสองตัวที่เล็กกว่ากำลังสู้กับเสือดาวสามตัว ส่วนทางขวามีหมีนอนบาดเจ็บพยายามลุกขึ้น

          ‘กาล หลบไปอยู่หลังประตู...เดี่ยวนี้...’ เสียงมาร์คัสดังเข้ามาในหัวผม ผมจึงหันหลังเตรียมเข้าประตูแต่แล้วก็โดนกระชากอย่างแรงกลับออกไปยังลานดิน

          เสือดาวตัวใหญ่ยืนคร่อมผมไว้พร้อมแยกเขี้ยวใส่ผม

          ‘สวัสดี อาหารค่ำ’ ผมได้ยินเสียงไอ้เสือตัวนี้ในหัวชัดเจนเลย เสียงมันน่าขนลุกมากๆ แทบจะเห็นออร่าการฆ่าได้เลยหละ

          “มึงทำอะไรกาลว่ะ...” แรงกระแทกบางอย่างผลักให้ร่างของไอ้เสือกระเด็นไปไกล ตัวผมถูกยกขึ้นยืนด้วยใครบางคน

          “ไคร์น...”

============================================================

เดี๋ยวตอนหน้าจะเป็นยังไง

ก็ขอให้รอติดตามกันนะครับ

ขอบคุณนักอ่านทุกท่านนะครับที่อุส่าเข้ามาอ่าน

ติชมกันได้นะครับ ไม่ว่ากันอยู่แล้ว

รักทุกคนนะครับ โดยเฉพาะคนมาเมน :กอด1: :L1:

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
ถ้าต้องเลือกระหว่าง หมีไคร์น กับ หมีมาร์ค ???
อืม...เลือกไม่ถูก น้องกาลคงเศร้าใจน่าดู ถ้าต้องเลือกขึ้นมาจริง ๆ
ฉนั้นแนะนำให้น้องกาลเก็บหมีไว้ทั้งสองตัวค่ะ... :-[

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
ขอโทษครับ หายไปเป็นสัปดาห์เลย

พึ่งจะมีเวลาครับ

ขอบคุณนะครับที่ยังติดตามอ่านกันอยู่

มีคนเมนมาก็ดีใจแล้วครับ :กอด1:

เรามาต่อเรื่องราวกันเลยดีกว่าครับ

==================================================================

ตอนที่ 20 หมีไคร์น VS หมีมาร์คัส

          กาล

          “มึงทำอะไรกาลว่ะ...” แรงกระแทกบางอย่างผลักให้ร่างของไอ้เสือที่คร่อมตัวผมอยู่กระเด็นออกไปไกล ผมถูกยกขึ้นยืนด้วยใครบางคน

          “ไคร์น...” ผมมองดูไคร์นที่กำลังกระโดนไปอยู่กลางวงล้อมของพวกเสือดาวในมือถือดาบกวัดแกว่งไปมา ทาเคชิเป็นคนพยุงผมขึ้นและพาเข้ามาหลบอยู่หลังประตู

          “รอกันอยู่ตรงนี้ดีกว่านะ แต่ตอนนี้ตอบคำถามข้ามาก่อนนะครับ”

          “ถามอะไรตอนนี้หละ ไม่ไปช่วยไคร์นเหรอครับ ทาเคชิ”

          “มันเอาตัวรอดได้แน่ แต่ที่สำคัญ น้องกาล ตอนนี้ถึงทางที่จะต้องเลือกแล้วนะ ระหว่างอาร์เคเดียนกับคาตากาเรีย น้องกาลจะเลือกใคร”

          ผมมองหน้าทาเคชิ เขารู้ แต่ทำได้อย่างไรนี่ก็หาคำตอบไม่ได้หรอก ไคร์น กับ มาร์คัส ถ้าลองคิดให้ดีๆ มาร์คัสคือความรักครั้งแรกของผม ทั้งรูปร่างหน้าตาที่มีเสน่ห์และนิสัยใจคอที่สบายๆสนุกสนาน ทำให้ผมยิ้มและหัวเราะได้ตลอด แต่เหนือสิ่งใดตลอดเวลาที่ผมกับเขาคบกัน ผมไม่เคยเห็นเขามองใครเลย เขามีผมคนเดียว เขารักและเอาใจใส่ผมตลอดเวลา สิ่งเดียวที่เขาไม่เคยบอกผมก็คือเรื่องที่เขาเป็นหมี แต่ก็เอาเถอะ ปกติก็ไม่มีใครเขาเป่าประกาศกันอยู่แล้วนี่

          ส่วนไคร์นผมพบเขาเมื่อสามวันที่แล้วเอง ความประทับใจในตัวเขาก็ยังแสดงออกมาไม่มากนะ แต่มันเหมือนกับมีอะไรบางอย่างที่ละสายตาไปจากเขาไม่ได้ อะไรบางอย่างมันช่างดึงดูดและโหยหา เขามีรูปร่างหน้าตาไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ามาร์คัส ความเป็นคนที่ดูสบายๆง่ายๆก็ทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย ไม่เครียด แต่ที่น่าจะเหมือนกันกับมาร์คัสนี่ก็ความหื่นกับลีลารักของพวกเขา

          เรื่องนี้ถือว่าเป็นOTOPเลยทีเดียว

          แต่ตอนนี้ไคร์นกับผมยังเป็นช่วงโปรโมชั่นอยู่หรือเปล่าก็ไม่รู้ เรายังอยากเรียนรู้กันต่อนะ แต่สำหรับมาร์คัสเขาพิสูจน์ให้ผมเห็นตลอด ฉะนั้น ผมจึงยังไม่อยากตัดสินใจอะไรตอนนี้เลย

          ขณะที่ผมคิดอะไรเพลินๆทาเคชิก็สะกิดผม

          “จะเลือกใครก็อย่าให้นานนักนะ สองตัวนั่นมีเวลาเหลืออีกสามสัปดาห์ ก่อนที่จะเป็นหมันไปตลอดกาลนะครับ”

          “ก็มันเลือกไม่ได้นะซิ ผมรู้ว่ามาร์คัสรักผมแน่นอน เราห่างกันเพราะเหตุจำเป็น แต่กับไคร์นนั้นผมก็ตกลงใจรักเขาแล้ว เพียงแค่วันต่อมาผมก็ได้มาร์คัสกลับมาใหม่ โอ๊ย สับสน เลือกไม่ถูก มันเร็วมากอะครับ”

          “งั้นข้ามีทางเลือกให้ หนึ่ง เลือกมาร์คัสแล้วไคร์นเป็นหมัน สองเลือกไคร์นแล้วมาร์คัสเป็นหมัน สามให้ไคร์นกับมาร์คัสเป็นหมัน และสี่...” ทาเคชิพูดค้างเอาไว้ก่อนจะมองไปทางด้านนอกแล้วกลับมามองผมอีกที

          “สี่...อะไรหละ”

          “สี่...ก็แบบนี้ไง...”

          .

          .

          .

          .

          .

          .

====================================================

          มาร์คัส

          ใครเข้ามาช่วยกาลเมื่อกี้ไม่รู้ รู้แต่ว่าตอนนี้กาลปลอดภัยแล้ว เดี๋ยวค่อยขอบคุณทีหลังก้แล้วกัน ตอนนี้ต้องจัดการไอ้เสือพวกนี้ให้หมดก่อน ผมรีบหันไปตะปบเสือทีกำลังกระโจนมากัดอีธานให้ออกไป พวกมันยังเหลืออีกสิบเอ็ดตัว ล้อมพวกผมแปด ดูท่ามอร์คัมจะไม่ไหวแล้วเขาเป็นมือดีของผมเลย ตัวเดียวล้มเสือได้ห้าตัว แจล่ากับเอเบียยังยันเสือสามตัวไว้ไม่ให้เข้าไปในบ้านที่มีพวกแม่หมีกับลูกๆได้อยู่

          ตอนนี้คนที่ช่วยกาลมายืนอยู่ข้างผม มันเป็นใครไม่รู้เข้ามาร่วมสู่กับพวกผม ก็ถือว่าเป็นพวกผมด้วย แล้วดุ๊กซ์ไปไหนแล้วหละเนี่ย อ๊ะ...กลิ่นนี้มัน...

          ‘อาร์เคเดียนเหรอ...เข้ามาช่วยพวกข้าทำไม’

          ‘พวกมันจะทำร้ายกาลของข้า มันต้องชดใช้ เสร็จแล้วแกกับฉัน ต้องเจอกัน’

          อ๋อ...ไอ้นี่เอง อีกคนของกาล ดูๆมันไปก่อนดีกว่า ผมหันไปตบเสืออีกสองตัวที่กระโจนเข้ามาหากระเด็นไปโดนต้นไม้โค่นลง อีธานกัดขย่ำได้อีกตัว ตอนนี้พวกมันเหลืออีกห้าผมเลยหันไปหาอีธาน

          ‘ไปสมทบกับแจล่าและเอเบีย’ อีธานผงกหัวแล้วกระโจนฝ่าวงล้อมออกไปหาสองสาวนั่น มองไปทางอาร์เคเดียนตัวเล็กนี่แล้วหงุดหงิด กฎของป่า สัตว์ต้องสู้เยี่ยงสัตว์ แต่มันเป็นคนที่กลายเป็นสัตว์ได้ ไม่รู้ว่ากฎยังจะใช้กับมันได้ไหม
‘กลายเป็นสัตว์ สู้ง่ายกว่า’ ผมบอกมันไป มันเลยกลายร่างเป็นหมี ให้ตายเถอะ ผมเจอฝาแฝดหรือไงกัน มันเป็นหมีตัวเท่าผม สีน้ำตาลทองเหมือนผมอีก มันอะไรกันวะเนี่ย

          ไอ้หมีอาร์เคเดียนตบเสือล้อมลงไปได้ตัวแต่มีอีกตัวเกาะหลังอยู่ ช่างมันไปก่อน มันคงเอาตัวรอดได้ ตอนนี้เหลือเสือที่อยู่ข้างหน้าผมสามตัว มันมองกันไปมาดูลังเลที่จะเข้า สงสัยต้องยั่ว

          ‘เหมียวๆ...แมวน้อย...เหมียวๆ...มาหาป๋ามา...’ ได้ผล ไอ้ตัวใหญ่สุดกระโจนเข้ามาหมายจะกระชากคอผมให้ได้ แต่ช้าไป ผมหลบหันข้างแล้วขย่ำไปที่คอของมันแทน ฉีกกระชากแล้วเหวี่ยงไปให้ไกลพร้อมกับพุ่งไปตบอีกสองตัวศีรษะกระเด็นเลย 5555

          ผมมองไปที่ซากเสือที่นอนกระจัดกระจายอยู่พวกมันค่อยๆกลายเป็นคน พวกอาร์เคเดียนเมื่อตายไปซักพักมันจะกลับคืนสู่สภาพที่แท้จริงของมัน ไอ้เสือเลวที่ฆ่าครอบครัวกู ทำธุรกิจกูเจ๊ง ทำให้กูต้องพลัดพลาดกับสุดที่รักของกู พวกมึงสมควรตายแล้ว
ผมหันไปทางไอ้หมีอาร์เคเดียน ดูมันว่าเป็นยังไง โห เลือดโชกเลย อะไรวะสู้กับเสือแค่ตัวเดียวยังเอาตัวเองแทบไม่รอดแล้วยังสะเออะจะมาเคลียร์

          พอมันล้มไอ้เสือเลวตัวนั้นได้ มันก็ทรุดตัวลงกลายร่างกลับเป็นคน เนื้อตัวมีบาดแผล เลือดไหลเป็นทาง เห็นแล้วทุเรศนัยน์ตาที่สุด

          แจล่า เอเบียกลับมาแล้วโดยลากอีธานมาด้วย ผมเดินไปดูอาการมอร์คัมอยู่ เขายังไม่ตาย แค่หลับไปเท่านั้น ฝูงผมเหลือนักรบกันไม่มากนัก เรายังหาดุ๊กซ์ไม่เจอ หวังว่าเขาคงไม่เป็นไรนะ

          ผมกลายร่างเป็นคนแล้วเดินเข้าไปหาไอ้อาร์เคเดียนนั่น มันมองผมอย่างเครียดแค้น

         “มองแบบนี้ อยากจะเคลียร์กับข้าตอนนี้เลยไหมหละ ไอ้อาร์เคเดียน” ผมฉุนมันอยู่แล้วนะเรื่องกาล มันมาแย่งของของผมไป

         “แกเอาตัวคู่ของข้ามา ข้าจะเด็ดหัวแก ไอ้หมีชั่ว” มันหยิบดาบขึ้นมาแล้วพุ่งมา ผมกลายร่างกลับเป็นหมีใช้เล็บสกัดดาบเอาไว้ เราเริ่มสู้กันโดยพวกของผมยืนดูอยู่ห่างๆ ฝีมือดาบของมันก็ถือว่าพอใช้ได้แต่ยังยึดหลักของคนอยู่ สงสัยต้องสอนกันหน่อยแล้ว เอาเบาะๆพอเดี๋ยวกาลจะโวยเอา ผมยังไม่อยากโนดึงหูอะ

          ผมหายตัวไปยังข้างหลังมันแล้วเอาเล็บสะกิดขาให้มันได้แผลอย่างรวดเร็วแล้วหายตัวมาเตะมันจากด้านข้างให้มันกระเด็นไป เทคนิคนี้ผมใช้ได้ตัวเดียวในฝูง ไม่มีใครชำนานเท่าแล้ว

          “อ๊ากกกก...แก...ไอ้หมีบ้า...” เหอๆๆๆ สงสัยต้องเอาเลือดออกปากด้วยมั้งเนี่ย

          มันพุ่งตัวหมายเอาดาบแทงผม มองยังไงระยะช่วงแขนคงสูสีเลยพุ่งกรงเล็บออกไปหมายที่ท้องเอาให้ทรมาน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นตอนนี้มันไม่น่าเชื่อ

          ดาบมันมาไม่ถึงตัวผม เล็บหมีผมยังไปไม่ถึงท้องมัน แต่สองสิ่งนี้ได้อาบไปด้วยเลือดแล้ว

          ไม่ใช่เลือดผมหรือมัน

          แต่เป็นเลือดของสุดที่รัก

          กาล

          “ม่ายยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย”

=============================================================

วันนี้แค่นี้นะครับ

ขอบคุณที่ติดตามอ่าน รักมากมายเลย

โดยเฉพาะคนมาเมนท์นะ :L1: :กอด1:

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
กรรม  :z3:

อุสาห์ดีใจ กลับมาอ่านได้หลายตอนยาวๆ ดั๊นนนนน เจอค้างงง o22
น้องกาลไม่ผิดหรอกที่เลือกไม่ได้  น่ากัด น่ากิน น่ากอดขนาดนี้อ่ะนะ หนักใจแทน:เฮ้อ:

ออฟไลน์ woradach

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
เง้อ ถ้าน้องกาลตาย เป็นหมันทั้งคู่ เหอๆ สงสารหมีจัง มามะ มาให้เค้ากอด อิอิ ผมชอบหมี อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






Narutear

  • บุคคลทั่วไป
ตัวเลือกที่ 4  กาลควบคู่ ไม่ต้องเป็นหมันหมด วะฮ่าๆๆๆ






แต่อยากให้มีตัวเลือกที่ 5 พี่ทาเคชิพลิกชะตา ย้ายสัญลักษณ์ไคร์น/กาล ของน้องกาลมาที่ตัวเอง

สรุปแฮปปี้ทีเดียว 2 คู่ ก๊ากกกกกกกกกกก!!  :laugh:

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
มาตัดจบอะไรตอนนี้ล่ะค่ัะ!? แบบนี้มันค้างนะเนี่ย  :a5:
ท่าทางจะดราม่า น้องกาลเล่นเอาตัวไปรับอาวุธแบบนั้น
แต่เนื่องจากคุณทาเคชิอยู่แถวนั้น เชื่อว่าทุกอย่างจะผ่านไปได้ด้วยดี ( ฮีต้องสามารถแน่นอน!!! )
ยังไง ๆ ก็จะขอยืนยันให้น้องกาลเก็บหมีไว้ทั้งสองตัว ~ :-[

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
เหมือนเดิมแหละครับ

ขอโทษเหมือนทุกครั้งนะครับ งานมันเยอะจริงๆ

นอนตี1 ตี2 ทุกวันแล้วต้องตื่น6โมงเช้าทุกวัน

วันนี้ว่างเลยปั่นมาให้อ่านกันนะครับ

ถ้าใครอ่านตอนนี้แล้วงงลองกลับขึ้นไปอ่านตอนที่แล้วดูนะครับ อิอิอิ

ขอขอบคุณทุกท่านที่ยังติดตามอ่านแล้วคอมเมนท์น่ารักๆนะครับ

เรามาต่อกันเลยนะครับ

=====================================================

          ตอนที่ 21 ความจริงปรากฏ

          โบราณสถานโยนากุนิ

          ความรัก คือรูปแบบหนึ่งของพลังงานที่แปลก มันสามารถสร้างแรงดึงดูดและแรงผลักดันได้โดยตัวของมันเอง

          ความรัก เป็นพลังงานที่เก่าแก่ มันมีมาตั้งแต่จักรวาลยังไม่ถูกสร้างขึ้น มันแทรกซึมอยู่ในทุกอณูในจักรวาล

          ความรัก เปรียบเหมือนดาบสองคม มันสามารถสร้างสรรค์สิ่งต่างๆ และทำลายทุกสรรพสิ่งได้

          ความรัก ไม่เคยทำร้ายใคร แต่คนที่เจ็บปวดเพราะความรักนั้น มีมากมาย

          เมื่อความรักถูกปลุกให้ตื่นขึ้นมา ไม่ว่าบุคคลใดก็ไม่สามารถต้านทานพลังงานของมันได้

          แต่สิ่งที่จะควบคุมพลังงานนี้ให้มันไปในทิศทางใดนั้น กลับเป็นสิ่งที่มองไม่เห็น จับต้องไม่ได้

          สิ่งนั้นคือ ใจ

          ใจ เป็นสิ่งเดียวที่สามารถควบคุมความรักได้ มันจะแปลเปลี่ยนเป็นการสรรค์สร้างหรือทำลายล้าง ก็ขึ้นอยู่กับใจเอง

          ข้ากำลังนำร่างเล็กร่างหนึ่งวางบนเตียงหยกภายในห้องของข้า ด้านนอกมีหมีสองตัวเดินวนไปมาอยู่ จิตใจของพวกมันยังหาสติไม่ค่อยได้ ถึงพวกมันจะแข็งแกร่งเพียงไหน ใจก็ยังอ่อนแออยู่

          ข้าได้ยินเสียงเอะอะด้านนอกดังเป็นระยะๆ ดูท่าอารมณ์จะรุนแรงทั้งคู่ ปล่อยเอาไว้ซักพักดีกว่า ข้าหยิบน้ำเย็นเหยือกหนึ่งไปวางไว้ที่โต๊ะเล็กๆข้างเตียง

          “เขาจะเป็นอะไรมากไหม” เสียงร่างเล็กอีกร่างหนึ่งถามขึ้น

          “ไม่หรอก ไม่โดนที่สำคัญอะไร ไม่ตายง่ายๆหรอก” ข้าตอบไปเสียงเบาๆ เพื่อไม่ให้หมีสองตัวข้างนอกได้ยิน

          “แต่ดูเหมือนเขาเจ็บปวดทรมานอยู่นะ ไม่ช่วยเขาจริงๆเหรอ” ข้ารู้สึกถึงความสงสารของเจ้าดี แต่ไม่จำเป็นสำหรับตอนนี้หรอก

          “ไม่จำเป็น มันจะได้รู้สึกซะบ้าง” ข้าเอามือลูบไปตามปอยผมที่ปรกลงมาบนใบหน้าร่างเล็กนั่น

          “รู้สึก...รู้สึกเจ็บบาดแผลซิไม่ว่า”

          “มันก็จริง...แต่รออีกซักพักดีกว่า ดูเขาไว้ก็แล้วกัน” ข้าเดินออกมาตรงไปที่ประตูห้องแต่ยังไม่เปิดออกไป ลองฟังเสียงข้างนอกดูก่อนซิ

======================================================

          มาร์คัส

          ผมเป็นห่วงกาลมากเมื่อรู้ว่าร่างที่หยุดกรงเล็บและคมดาบของผมกับมันคือร่างของกาล หัวใจผมเหมือนหยุดเต้น ร่างกายผมชาวาบไปทั้งตัว กาลเข้ามาขวางไว้ทำไมกัน แต่ที่แน่ๆผมรีบคว้าร่างนั้นไว้ในอ้อมกอด น้ำตาผมอาบแก้มจนภาพตรงหน้าพล่าเลือน จากนั้นก็มีมือใหญ่มาฉุดผมกับไอ้คนข้างๆ ให้เดินตามมานั่งกันที่เก้าอี้หน้าห้องๆหนึ่ง ภาพนั้นยังติดตาผมตลอดเวลาจนต้องซบหน้ากับฝ่ามือตัวเอง มันไม่ควรจะเป็นแบบนี้ซิ ทำไมกัน...ทำไม

          อยู่ๆไอ้คนที่นั่งข้างๆผมมันก็ลุกขึ้นเดินวนไปวนมา น่ารำคาญมาก แถมยังมองเขม็งมาที่ผมตลอดเวลา ผมก็มองสู้มันซิ จะต่อจากเมื่อกี้ก็ได้เลย

==============================================================

          ไคร์น

          “เพราะแกแหละ ไอ้สัตว์ แกเอากาลไปจากข้า” ผมต้องระเบิดคำพูดออกไปเพราะดูท่าการพูดด้วยเหตุผลและสันติดูจะใช้ไม่ได้เสียแล้วกับคนที่อยู่ตรงหน้าเขา หน้ามันแสดงความโกรธ เกลียดชังออกมาอย่างเปิดเผยขนาดนี้

          “กาลไม่ใช่ของแก เขาเป็นของข้า อย่าคิดว่าแกมีตราสัญลักษณ์แล้วกาลจะต้องเป็นของแก” มันพูดด้วยเสียงที่เหยียดหยันมากๆ

          “กาลเขาต้องเลือกข้า เพราะข้าคือหมีแห่งเพลเทีย ไม่มีทางทำให้กาลผิดหวังอยู่แล้ว” ผมไม่ยอมหรอก

          “แม็คซิลเวียไม่พูดมาก เราอยากได้อะไร ไม่มีอะไรไม่ได้มา...” แต่เดี๋ยวก่อน...ผมฉุกคิดอะไรบางอย่างขึ้นมาได้

          “...เดี๋ยว...แม็กซิลเวีย...” ผมชี้ไปที่มัน

          “แก...เป็นเพลเทียเหรอ...” มันก็ชี้มาที่ผม

          “ตายโหงแล้ว.../ชิบหายแล้ว...” ใช่...ให้สวรรค์ล่มซิเอ้า ผมเจอแม็คซิลเวียที่หายไปหลายปีโดยบังเอิญเหรอเนี่ย

          เมื่อประมาณสิบกว่าปีก่อน สมัยผมเปิดร้านซ่อมคอมพิวเตอร์ใหม่ๆ ผมได้ลองหาเพื่อนคุยเล่นๆในโลกอินเตอร์เน็ทดู คุยกับใครต่อใครหลายคนจนมาเจอคนที่ใช้ชื่อว่า หมีลามก ผมหัวเราะเลยนะตอนนั้น ผมเลยเข้าไปคุยกับเขาโดยใช้ชื่อว่า หมีหื่น

          เราคุยกันได้เกือบปีเราก็ดิวงานกันโดยที่ไม่มีใครรู้หน้าตาของอีกฝ่ายเลย รู้แต่เพียงว่า ไอ้หมีลามกนี่ชื่อ มาร์คัส แม็กซิลเวีย ผมจะลองเสี่ยงกับมันดูดีไหมเนี่ยว่ามันรู้จักกับมาร์คัสไหม

          “แกรู้จักกับ ไคร์น เพลเทียไหม...” อ้าว...ชัดเลยไอ้นี่ ใช่มันแน่

          “หรือว่าแก...มาร์คัส แม็กซิลเวียเหรอเนี่ย...”

          “โอ้...ซูสทรงโปรด นี่แกเป็นไคร์นจริงๆเหรอเนี่ย...ไอ้หมีหื่น” มันเข้ามาโอบกอดผมอย่างตื่นเต้นดีใจ ผมก็กอดตอบมันซิ

          “ก็เออซิ...แล้วแกหายไปไหนมาวะ มาร์คัส ไม่ติดต่อเลยโว้ย...ไอ้หมีลามก”

          “เห้ย...เดี๋ยวๆ...ที่ข้าไม่ติดต่อแกก็เพราะมันมีเรื่องนะซิ” มันห่างตัวออกมามองหน้าผมตรงๆอีกที หน้าตามันยิ้มแล้วหล่อจริงๆไอ้นี่ แต่ผมหล่อกว่าแน่นอน

          “กับไอ้เสือดาวเหรอ...”

          “ใช่ซิ...มันฆ่าฝูงข้าเกือบหมดจนต้องหนีมานะซิ” ตามันหม่นลง สงสัยเรื่องใหญ่แน่ๆ

          “เสียใจด้วยวะ...แต่ให้ตายซิ...ข้าดีใจจริงๆเลย แกกลับมาแล้ว”

          “ข้าก็ดีใจแต่เรา...”

          “เห้ๆๆๆ...เดี๋ยวก่อน เรื่องของเราเอาไว้ก่อนเดี๋ยวมีคุยกันอีกยาว แต่ตอนนี้ กาลต้องมาก่อน แล้ว...”

          “ใช่...แล้วตกลงเราจะเอายังไงดีวะ ไอ้หมีหื่น”

          “นั่นซิ ไอ้หมีลามก แล้วทำไมแกต้องตามกาลด้วยวะ เด็กคนนั้นที่แกเล่าให้ข้าฟังครั้งหลังสุดไปไหนซะหละ”

          “เด็กคนนั้นก็กาลนะซิ จะเป็นใครไปได้วะ ไอ้หมีหื่น”

          “ให้ตายซิ...อีโรคจิตสามตัวมันทำได้ยังไงวะเนี่ย”

==================================================================

          ทาเคชิ

          ข้าฟังพวกมันคุยกันดูท่าจะอารมณ์เย็นลงแล้ว คงต้องออกไปดูว่าจะตกลงกันได้ขนาดไหน ความรู้สึกเป็นสิ่งสำคัญมากในการดำรงอยู่ของเผ่าพันธุ์นี้ ถ้ามีความรู้สึกไม่มั่นคง การตัดสินใจก็จะรวนเรไป มาร์คัสมักจะพยายามหลีกเลี่ยงความรู้สึกที่ตัวเองอธิบายไม่ได้ แล้วก็ปล่อยมันไป ส่วนไคร์นก็มักจะเอาเหตุผลมาบดบังอารมณ์ที่แท้จริงของตัวเองเสมอ  แต่ตอนนี้ ทั้งสองมีความมั่นคงในเรื่องเดียวกันอยู่ และทั้งคู่ยังแน่ใจในอารมณ์นั่นอย่างมั่นคงด้วย

          การแทรกแซงชะตาชีวิตมันต้องดูจังหวะความพร้อมซะก่อน ทุกอย่างจะได้ดำเนินไปอย่างไม่มีอะไรมาติดขัด การเตรียมความพร้อมย่อมดีกว่าอะไรทั้งหมด ถ้าไม่เตรียมดินที่จะปลูกต้นรักให้ดี ต้นรักที่งอกขึ้นมาก็จะบิดเบี้ยว ไม่มีความสวยงาม มีแต่สายใยที่ยุ่งเหยิงที่พันเกี่ยวกันมั่วไปหมด

          แต่ถ้าเตรียมดินที่ปลูกต้นรักดี ไม่มีหินที่จะขัดขวาง ไม่มีหญ้าที่จะคอยแย่งอาหาร แสงแดดไม่แรงเกินจนต้นอ่อนแห้งตาย มีน้ำอุดมสมบูรณ์ มีที่บังลมไม่ให้ต้นรักโอนเอนไปมา และอะไรอีกเล็กน้อย ต้นรักที่งอกและเติบโตได้อย่างสมบูรณ์ตามต้องการแน่นอน

          งานแบบนี้ไม่ง่ายเลย

          แต่ผลที่ออกมามันคุ้มค่าที่จะลงแรง

          เพื่อนข้ามักจะบอกกับข้าเสมอว่า จะไปยุ่งยากทำไม ปล่อยให้ทุกอย่างมันเป็นไปนั่นแหละดีแล้ว แค่อย่าให้ชะตาเทพมาปั่นหัวเอาก็แล้วกัน

          เพื่อนเอ่ย ข้าไม่ใช่เจ้า เพราะฉะนั้น ข้าจะดูแลสิ่งที่ข้าได้เข้ามาเกี่ยวข้องให้ดีที่สุด ความสวยงามของความรักมันคือหนึ่งในสิ่งที่ทำให้ใจที่แข็งกระด้างของข้า ได้พักผ่อน ได้ผ่อนคลาย ได้ทำให้ข้ายังระลึกได้ถึงความดีงามที่ข้าคอยปกป้องจากพวกปีศาจต่างๆ ทั้งปีศาจที่อยู่ภายนอกมิตินี้และภายในจิตใจของผู้คน

          เอาหละได้เวลาแล้ว ข้าเปิดประตูออกมาแล้วปิดลงโดยไม่ให้ทั้งสองเห็นว่าข้างในเป็นอย่างไร

          เจ้าสองหมีมองผมอย่างคาดหวังและหวาดกลัว

          เรื่องปกติในชีวิตที่ข้าต้องเจอมาตลอด

          แต่ข้าก็ชอบนะ เหมือนข้ายังมีความสำคัญอยู่

          “เอาหละ...ตกลงพวกแกทั้งคู่...จะทำอย่างไรต่อ”

          “ผมไม่รู้ เซนเซย์ ”

          “ข้าก็ไม่รู้จะทำยังไงเหมือนกัน”

          “แล้วพวกแกรักกาลไหม”

          “รักซิ / รักแน่นอน”

          “แล้วถ้าต้องมีเพียงคนเดียวที่ได้กาลไป พวกแกจะทำยังไง”

          “ข้าไม่รู้นะ ถ้าเป็นตัวอื่นข้าจะฆ่ามัน แต่นี่มันเพื่อนข้า ข้าคงเสียใจไปตลอดแน่ถ้าไอ้หมีหื่นมีเซ็กซ์ไม่ได้ตลอดชีวิตของมัน”

          “ขอบใจนะ ไอ้หมีลามก ข้าก็คิดเหมือนแกแหละ เซนเซย์ ผมไม่รู้จะทำยังไงแล้วหละ พอจะมีทางแก้ไหมครับ”

          “อันนี้ก็ถามกาลเอาเองก็แล้วกัน” ผมลากน้องกาลออกมาจากหลังประตู สภาพไม่มีรอยขีดข่วนใดๆ

          “กาล / กาล...”

          “ก็ใช่นะซิ...จะเรียกย้ำทำไมอีกหละ ไอ้หมีบ้า...” อ้าวยืนหน้าแดงแล้ว นี่คงจะได้ยินที่คุยกันเมื่อกี้ทั้งหมดเลย กาลโดนไคร์นลากเข้าไปกอด มาร์คัสก็เข้าไปสวมกอดกาลอีกด้าน

          “โอ้ย...อึดอัด กอดเบาๆกันหน่อยได้ไหม”

          “ขอโทษนะ กาลเป็นอะไรมากไหม ยังเจ็บตรงไหนหรือเปล่า”

          “ขอโทษนะที่รัก หายใจสะดวกหรือยัง อย่าทำแบบนี้อีกนะ พี่จะตายให้ได้เลย”

          “ก็...ไม่ได้เป็นอะไรซักหน่อย...ที่เป็นหนะ ทางโน้น...” กาลชี้นิ้วมาทางข้างหลังของผม ร่างที่เคยนอนบนเตียงหยกเมื่อกี้ยื่นหลบอยู่ข้างหลังของผม

          “เห้ย / ตายห่า...” ไคร์นกับมาร์คัสร้องอย่างตกใจ จะไม่ให้ตกใจได้ยังไงหละก็ร่างที่ยื่นอยู่นี่หน้าตาเหมือนกับน้องกาลเปี๊ยบเลย

          “ทำไม กาลมีสองคนหละ”

          “แล้ว...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่ เซนเซย์”

          ถึงเวลาเฉลยแล้วซิ เหอๆๆๆ

          “เอ้า...กลับร่างเดิมได้แล้ว ปรัม...”ร่างนั้นค่อยกลายร่างเป็นเด็กหนุ่มเอเชียผมดำน่าตาน่ารัก เขามองขึ้นมาที่ข้า ขมวดคิ้วเล็กน้อย

          “ธอเนี่ยน ข้าเจ็บหลัง...”

          “ก็กลับไปนอนก่อนซิ จะรีบลุกขึ้นมาทำไม ปรัม” ปรัมแลบลิ้นใส่ผมทีก่อนจะหันกลับไปนอนบนเตียงหยกเหมือนเดิม

          “นั่นอะไรหนะ เซนเซย์”

          “ตัวอะไรวะนั่น”

          “ปีศาจ...ง่ายๆ ตรงตัวตามอักษรเป๊ะๆ” ตอบไปแบบนี้แหละ ขี้เกียจอธิบาย

          “เอาไว้ผมจะเล่าให้ฟังเองนะครับ” กาลพูดกับสองหมีที่ยังยืนทำหน้าสงสัยอยู่

          “เอาหละ กาล เจ้าเลือกข้อไหนหละทีนี้”

          “ก็แน่นอนที่สุดครับ ทาเคชิ ผมเลือกข้อสี่”

          “อะไรคือข้อสี่หละ กาล”

          “นั่นสิ กาลพี่สงสัย สี่อะไรครับ”

          “ก็...มัน...”

          “อย่ามัวเสียเวลาเขินอยู่เลย บอกมันไปซิ อย่ากลัว”

          “เออ...คือ...ทาเคชิเขาให้ผมตัดสินใจว่าจะทำยังไงกับพี่มาร์คแล้วก็ไคร์นอะ”

          “แล้วว่ายังไงหละครับ”

          “ตัดสินใจว่าไงครับ”

          “กาลขอสองเลยได้ไหมอะครับ”

          “หา...ขอสอง”

===========================================================

โปรดติดตามตอนต่อไป

ตอนหน้าว่าจะ NC นะครับ

แต่ไม่รู้ว่าจะยังอยากอ่านกันอยู่ไหม

ยังไงก็ขอขอบคุณนะครับที่ติดตามอ่าน

รักคนอ่านโดยเฉพาะคนเมนท์ :กอด1: :L1:

พบกันตอนหน้านะครับ

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
อย่าบอกนะว่านี่คือทางเลือกที่สี่

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
5555555555 :laugh: :laugh:
กาลแน่มาก ที่ขอสองเนี่ย มั่นใจแล้วนะว่ารับไหว
ทั้งหมีหื่น+หมีลามก คงต้องบำรุงตัวเองน่าดู :laugh:

ออฟไลน์ thaitanoi

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1451
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-2
เป็นเรื่องที่แปลกมาก แต่กาลตัดสินใจดีแล้วเหรอ เป็ฯกำลังใจให้นะครับ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
วี่แววว่าจะเป็น 3P สมานฉันท์ สุขสันต์กันทั่วหน้า ดีแล้ว ๆ ( คุณทาเคชิช่วยได้จริง ๆ ด้วย )
รอตอนหน้า "น้องกาล ขอสอง ปะทะ หมีหื่น + หมีลามก" ( ฉายาหมี บอกยี่ห้อซะจริง  :o8: )

ถึงงานจะหนักแต่ก็อย่าลืมรักษาสุขภาพด้วยนะค่ะ ~  :a1:

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สวัสดีครับผู้อ่านทุกท่าน

ต้องขอบอกว่า ขอโตดก๊าบ

หายไปนานไม่ได้เข้ามาอัพ มันมีเรื่องนิ๊ดหน่อยอะ

เรื่องไม่เป็นเรื่องเอง แต่ชั่งมันเต๊อะ

มาอ่านกันต่อดีกว่า ตอนนี้ตอนจบแล้วนะครับ

====================================================

ตอนที่ 22 บทสรุป

กาล

        ตอนนี้ผมกลับอยู่ที่โรงแรมแล้วโดยมีพี่มาร์คกับไคร์นยืนกุมมือผมอยู่คนละข้าง ไคร์นเข้ามากอดผมไว้และหอมแก้มผมซะฟอดเบ้อเล่อ พี่มาร์ดเดินไปเข้าห้องน้ำปล่อยให้ผมโดนไคร์นนัวเนียไปเรื่อยๆ

        “กาลแน่ใจแล้วนะครับว่าเลือกเราทั้งสองคนเลย” ไคร์นพูดขึ้นหลังจากฟัดที่ซอกคอผมอย่างพอใจแล้ว

        “ครับ ผมรักไคร์นกับพี่มาร์คทั้งคู่นะครับ ไคร์นว่ายังไงหละ โกรธผมไหม”

        “...”

        “ไคร์นคร้าบบบ โกรธกาลไหมอะ...โกรธใช่ไหมอะ...ไคร์น...”

        “...” ไคร์นมองผมด้วยสายตาที่บอกไม่ถูก มันเปี่ยมล้นไปด้วยความโกรธ ความเกลียด แต่มันก็คลายลงจนเหลือแต่ความเศร้าโศก

        “ทำไมหละ ทำไมเป็นผมคนเดียวไม่ได้เหรอครับ ทำไมหละครับ น้องกาล...” แววตาที่เริ่มมีน้ำตาคลอดูเจ็บปวด ไคร์นซบหน้าลงที่บ่าผมพร้อมกับสะอื่นอย่างเงียบๆ ผมได้แต่เพียงกอดเขาไว้แล้วเอามือลูบไปตามหลังคอและผมของเขาเพื่อปลอบโยน

        ผมไม่รู้ว่าผมควรจะพูดปลอบเขายังไงดี รู้แต่ว่า ผมทิ้งเขาไปไม่ได้ ใจผมบอกว่าต้องมีเขาพร้อมๆกับพี่มาร์ค มันเหมือนโดนแกล้งยังไงก็ไม่รู้ ความรักครั้งใหม่กำลังจะงอกงาม แต่ความรักครั้งแรกก็มาปรากฏอยู่ตรงหน้า มันดันเกิดขึ้นพร้อมกันซะได้
ผมกอดไคร์นนานเท่าไหร่ไม่รู้ พี่มาร์คก็เข้ามาสวมกอดผมจากด้านหลังอีกคน พี่มาร์คหอมแก้มผมไปทีก่อนจะซบตากับไคร์นที่เงยหน้าขึ้นมาจากบ่าผม

        “ไอ้หมีหื่น แกเคยรักใครบ้างไหม ความรักเคยเกิดกับแกมั่งไหมที่ผ่านมา”

        “เคยซิ แล้วแกหละวะ”

        “เคย...แค่ครั้งเดียว ข้าคิดว่าข้าได้เสียสิ่งนั้นไปแล้ว ข้าเจ็บ...เจ็บที่กลางหน้าอกนี่ ภายในตัวข้ามันปวดร้าวไปหมดเหมือนข้าจะแตกเป็นเสี่ยงๆ ทุกเวลาข้าคิดแต่ว่าอยากจะ...อยากจะเป็นผู้มอบความสุขให้กับคนรักของข้าให้มากยิ่งขึ้นไปอีก อยากจะทำทุกอย่างเพื่อให้คนรักของข้าพึงพอใจ แม้ว่าข้าจะต้องแลกกับอะไรข้าก็ยอม”

        พี่มาร์คก้มมามองหน้าผมอีกครั้งแล้วเอาแก้มของเขามาคลอเคลียกับแก้มผม ความรู้สึกนุ่มนวลและระคายเล็กๆจากแก้มที่พึ่งผ่านการโกนหนวดมามันเป็นความรู้สึกที่ยากจะต้านทานไว้ได้จริงๆ

        “แล้วตอนนี้ข้าก็ได้พบคนรักของข้าอีกครั้งแล้ว ข้าจะไม่ยอมให้อะไรทำให้ข้ากับที่รักของข้าต้องจากกันอีก และข้าได้เลือกที่จะใจกว้าง ยอมรับแกด้วยอีกตัว เพราะแกก็เป็นคนที่ที่รักของข้า...รักด้วยเช่นกัน  ฉะนั้น แก...ไอ้หมีหื่น แกจะร่วมมือกับข้า ทำให้คนที่เรารักมีความสุขดีกว่าไหม”

        ไคร์นมองหน้าพี่มาร์คแล้วก้มมามองผม แววตาเขาเปลี่ยนไปแล้ว เขาเริ่มยิ้มแล้วโอบกอดพี่มาร์คไว้แถมหอมแก้มไปอีกที พระเจ้า อะไรเนี่ย

        “จะกอดกันก็ไปกอดกันที่อื่นได้ไหม ผมจะแบนอยู่แล้วนะ” คุณลองโดนหมียักษ์สองตัวเบียดคุณดูซิ อึดอัดชะมัดเลย ผมจะตายอยู่แล้ว

        “อ้าว...ขอโทษครับน้องกาล” ไคร์นรีบถอยออกมาแต่หน้ายังยิ้มเหมือนดีใจที่ได้แกล้งผมแน่เลย

        “อะไรกัน ไคร์น ทำไมไปหอมแก้มพี่มาร์คเขาด้วย อย่าบอกนะว่า...”

        “ปล่าววววว...ไม่ใช่อย่างนั้นนะครับน้องกาล พี่หอมขอบคุณเฉยๆ ไม่ได้จะพิศวาสอะไรกับไอ้หมีลามกเลยนะครับ จริงๆนะครับ” ไคร์นรีบแก้ตัวใหญ่

        “ก็ลองมาคิดซิ ข้าได้เตะแกแน่ ไอ้หมีหื่น” พี่มาร์คเอามือถูแก้มตัวเองก่อนจะก้มมามองผม

        “แต่ปากมันก็นุ่มดีนะครับที่รัก” พี่มาร์คกระซิบที่ข้างหู

        “พี่มาร์ค...”ผมเลยดึงหูไปทีก่อนจะตะโกนใส่หูพี่เขา ดูทำเป็นเจ็บแต่ก็ยังยิ้มหัวเราะกันได้ ผมว่าผมมีความสุขมากเลยนะที่พวกเขาเข้าใจกันได้

        “งั้นเราก็ถึงเวลาแล้วซิ น้องกาล” ผมทำหน้าสงสัยซิ เวลาอะไร

        “เวลาอะไรเหรอ ไคร์น”

        “เป็นคู่กันอย่างถูกต้องไงหละครับ น้องกาล” แบบเดียวกับโดนขอแต่งงานหรือเปล่าหว่า

        “หมายถึงไปจดทะเบียนสมรสเหรอ”

        “อันนั้นมันของพวกมนุษย์เขา ของเผ่าพันธุ์เราจะทำกันบนเตียงต่างหาก” พี่มาร์คส่งสายตากรุ่มกริ่มมองมาที่ผม เอาหละซิ งานงอกแล้ว

        “แล้วมันต่างจากคืนก่อนๆยังไงกันฟ๊ะ ไอ้พวกหมีบ้า...”

======================================================

        ตอนนี้ผมอยู่บนเครื่องบินกำลังเดินทางกลับจากกัมพูชามุ่งหน้าไปสนามบินสุวรรณภูมิ พี่มาร์คกลับไปโดยบอกว่าจะไปจัดการเรื่องฝูงให้เรียบร้อยก่อนแล้วจะตามไปหาอีกสามวัน ผมก็ไม่รู้ว่าพี่เขาจะมายังไงเหมือนกันนะแต่พี่มาร์คบอกว่าไม่ต้องเป็นห่วง
        ส่วนไคร์นดูจะหงุดหงิดมากกว่าที่ต้องแยกจากผมที่สนามบินเพราะต้องกลับไปอเมริกาก่อน เห็นบอกว่าเดี๋ยวเอกสารมีปัญหา ผมก็ยังสงสัยในใจนะทำไมหายตัวได้ไม่หายตัวมาตั้งแต่แรก เขายังบอกว่าอีกสามวันจะไปหา เหมือนกับพี่มาร์คเลย

        “หนูกาล หนูอยู่จังหวัดไหนเหรอจ๊ะ” ป้าสุวรรณที่นั่งข้างๆผมถามขึ้น

        “ผมอยู่สวนส้มที่จันทบุรีครับป้า”

        “โห...ดีเลยลูก ใกล้ๆป้าเลย ป้าอยู่สอยดาวนี่เองได้กลับทางเดียวกันนะลูก” งะจากหนูกลายเป็นลูกเลย

        “แล้วลูกพักอยู่กับใครเหรอจ๊ะ”เสียงป้าแกดูใจดีมากเลย

        “ผมอยู่คนเดียวครับ”

        “อ้าว...แล้วพ่อแม่หละจ๊ะ”

        “พวกท่านเสียไปนานแล้วครับป้า”

        “แล้วนี่เรียนปีไหนแล้วหละลูก”

        “โอ๊ย...ผมเรียนจบแล้วครับป้า เมื่อเดือนที่แล้วนี่เองครับ” จะบอกป้าว่าสี่ปีกับอีกหนึ่งซัมเมอร์นี่แทบลากเลือดเหมือนกัน

        “แล้วหางานได้หรือยังหละจ๊ะลูก”

        “ยังครับ ยังไม่ได้หาด้วยครับ ผมกะว่าจะไปสมัครร้านนวดแผนโบราณดูหนะครับป้า ป้าสุวรรณอยู่แถวนั้นพอจะรู้จักร้านไหนบ้างไหมครับ”

        “ป้าว่าไม่ต้องไปหาแล้วหละลูก มาทำงานกับป้าที่รีสอร์ทเลยดีกว่านะ ที่ป้าถามลูกเพราะดูลูกมีฝีมือดีนะและมีน้ำใจช่วยคนแกแบบป้าด้วย ป้าบอกตรงๆว่าถูกชะตากับลูกมากเลย”

         “โห...ขอบคุณมากเลยครับป้า แล้วรีสอร์ทป้าอยู่ไหนเหรอครับ” โชคดีจริงๆแฮ๊ะ

         “ป้ามีหลายที่นะลูก ที่เปิดเมื่อสัปดาห์ที่แล้วก็ตรงสอยดาวนี่เองลูก ป้าอยากให้ลูกเข้ามาดูแลแผนกนวดประจำที่รีสอร์ทให้ป้าได้ไหมจ๊ะลูก”

         “ตำแหน่งไม่ใหญ่ไปเหรอครับ ดูแลแผนกนวดนี่มันหัวหน้าหมอนวดเลยนะครับป้า แล้วพวกหมอนวดเดิมเขาจะไม่เขม่นผมเอาเหรอครับ”

         “หมอนวดฝีมือไม่ได้เรื่องพวกนั้นจะมาโวยอะไรได้หละ เรื่องนี้เขาวัดกันที่ฝีมือนะลูก แก่แต่ฝีมือเท่าอนุบาลป้าให้ทำงานด้วยก็บุญแล้ว ลูกไม่ต้องสนใจหรอกนะ” งะ...ป้าแรงงะ

         “แล้วป้าจะให้ผมเริ่มงานได้เมื่อไหร่หละครับ”

        “พรุ่งนี้เลยนะลูก”

        “หา...พรุ่งนี้...”



สามวันต่อมา


         ตอนนี้ผมเริ่มงานที่รีสอร์ทของป้าสุวรรณได้สองวันแล้วครับ ตอนแรกก็นึกว่าจะเราจะไหวไหมก็พอทำได้นะครับ พนักงานมีห้าคนมีทั้งแก่ๆและก็สาวๆ ดูเป็นมิตรดีครับ สองวันที่ผ่านมามีลูกค้าไม่เยอะเท่าไหร่เกือบทั้งหมดเป็นลูกค้าต่างชาติทั้งนั้น ห้องนวดก็จัดเป็นสัดส่วนภายในรีสอร์ทเอง มีแบบเอาท์ดอร์ด้วย นวดกันท่ามกลางแมกไม้ บรรยากาศสุดยอดเลย

        “น้องหมอคะ ฝรั่งคนนั้นเขาโวยวายพี่อะคะว่านวดเขาแล้วเขายังปวดแขนอยู่เลยอะคะ น้องหมอช่วยพี่ด้วยได้ไหมคะ พี่จะเป็นลมแล้ว แขนหรือขาหมูก็ไม่รู้” พี่สีอายุจะสี่สิบแล้วเข้ามาหาผมในห้องพัก ตอนนี้ก็เริ่มจะเลิกงานกันแล้ว

        “พี่สีใจเย็นๆนะ เดี๋ยวผมออกไป พี่เอาชาตะไคร้ให้เขาจิบก่อนนะครับพี่” ผมบอกพี่สีไปแล้วเข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างมือก่อน พอผมเดินไปยังส่วนเอาท์ดอร์ก็เห็นว่าฝรั่งตัวใหญ่อ้วนมากกำลังนั่งจิบชาตะไคร้อยู่แต่สีหน้ายังไม่ค่อยดีเท่าไหร่แฮ๊ะ

        “ขอโทษครับ ไม่ทราบว่าปวดตรงไหนบ้างครับคุณ” ผมพูดภาษาอังกฤษออกไปแต่ตานี้กับยื่นแขนขวามาให้ผมแล้วมองไปทางอื่นแบบไม่สนใจกันเลย

        “ผมขอตรวจอาการก่อนนะครับ” ผมจับที่ข้อมือของเขาแล้วดูแขนกับไหล่เขา อ้าวเส้นเบี้ยวนี่เอง ทีพจรปกติ ไหล่ไม่หลุด งั้นก็ง่าย ผมเลยจับเส้นที่แขนเขาเข้าให้

        “โอ๊ยๆๆๆ เจ็บๆๆๆ ทำอะไรว่ะ”

        “เอาหละครับ หายแล้ว คุณลองบิดแขนดูนะครับ”

        “โอ้...พระเจ้า มหัศจรรย์มากเลย ทำได้ยังไงกันเนี่ย...”

        “เสร็จแล้วครับ ขอให้มีสุขภาพที่ดีนะครับ” ผมรีบให้พี่สีเข้ามาทำหน้าที่ต่อ ส่วนผมขอออกไปเดินเล่นในส่วนสมุนไพร เพราะคิดว่าจะลองทำยาอบตัวแบบสดๆดูน่าจะดีกว่าแบบแห้งนะ

        ติ๊ดๆๆๆๆๆ อะนะ โทรศัพท์เข้าแฮ๊ะ ผมดูว่าใครโทรมาจึงรับสาย

        “ว่าไงน้องรัก มีปัญหาอะไรเหรอ โทรมาเนี่ย”

        “หวัดดีพี่ โห...น้องนุ่งโทรมาทั้งทีไม่ถามสารทุกข์อะไรกันเลยเหรอไงพี่กาล”

        “อ้าวก็ทุกทีเห็นโทรมาก็มีแต่เรื่องทั้งนั้นนี่ เอาว่ามาเร็วๆ พี่จะเอาตะไคร้ไปล้าง”

        “ทำต้มยำเหรอพี่”

        “ต้มยำบ้านแกดิ ไอ้ไทม์ มีอะไรว่ามา”

        “คืองี้พี่ งานรับน้องภายนอกอีกสองสัปดาห์ พี่จะเข้ามาเจอที่มอก่อนหรือจะไปเจอที่โน้นเลย”

        “อาจจะเข้าไปดูก่อนนะแล้วจัดที่ไหนหละครับท่านประธานรุ่น กระผมจะรู้ไหมครับท่าน”

        “ที่เดิมพี่ มาให้ได้นะ น้องง้าวววววเหงา”

        “เหงาตายหละเอ็ง องครักษ์เพียบขนาดนั้น ไอ้ตูด”

        “5555 ตกลงมาใช่ปะ ผมจะได้จองห้องวีไอพีให้”

        “เออ...ดีมากท่านประธานน้องรัก แล้วพี่จะลงไป”

        “โอเช...ท่านอดีตประธานหนึ่งห้องพิเศษ ห้ามเบี่ยวนะพี่ ไม่งั้นผมจะส่งทีมไล่ล่าตามมาหิ้วปีกเลย”

        “หุ้ย...น่ากลัวตายหละ ทีมไล่ล่าของเอ็งก็คงไม่พ้นไอ้สองตัวนั่นแหละ”

        “เอานะพี่ เดี๋ยวไว้เจอกันนะครับ คิดถึงพี่มากเลยนะ บ๊ายบาย”

        “อืมม” ผมกดวางสายไปแล้วนึกย้อนไปถึงตอนที่ผมยังเรียนอยู่ที่นั่น มันทั้งสนุกและทำให้หัวเราะได้หลังจากที่ผมกลับมาจากเนเธอแลนด์ ที่นั่นมีความทรงจำดีๆเยอะมากเลย

        ผมนั่งคิดอะไรเพลินๆก็มีใครบางคนเข้ามานั่งซ้อนตัวผม มือใหญ่กุมมือของผมที่ยังถือตะไคร้เลอะโคลน แล้วกระซิบข้างๆหูด้วยริมฝีปากอิ่ม

        “คิดอะไรอยู่ครับ ที่รัก” พี่มาร์คนั่นเอง ผมไม่รู้สึกตกใจอะไรเลย เพราะผมยังจำมือใหญ่คู่นี้ได้ ผมเอนหลังไปพิงกับอกแกร่งนั้นอยากเคยตัว

        “คิดถึงตอนเรียนที่มหา’ลัยหนะครับ มันมีเรื่องราวที่น่าจดจำเยอะครับ”

        “แล้วไม่คิดถึงพี่บ้างเหรอครับ”

        “ก็คิดนะว่าเมื่อไหร่จะมา”

        “แล้วไม่คิดถึงผมเลยเหรอ”

        “นี่ก็อีกคน ไม่คิดว่าที่นี่เขามีแผนกต้อนรับกันมั่งหรือไงกันเนี่ย”

        “นั่นมันเรื่องของพวกมนุษย์ เราไม่เกี่ยว”

        “ยังไงก็ทำแบบมนุษย์เขาทำกันมั่งก็ได้นะ พี่มาร์ค ไคร์น”

        “คร้าบบบบ(X2)”

        “ว่างหรือยังครับ ที่รัก”

        “เราจะมาพาน้องกาลไปกินมื้อค่ำกัน”

        “งั้นรอแปปนึงนะ ขอปิดห้องนวดก่อนนะครับ ระหว่างนี้ช่วยทำตัวดีๆอย่าดื้ออย่าซนเป็นอันขาดนะครับ”

        “ได้เลย / ไม่มีปัญหา”

        ผมเก็บห้องนวดซักพักก็ล็อคประตูแล้วออกมาหาสองตัวนั่น

        “ไปกันได้แล้วครับ แถวนี้มีร้านอร่อยอยู่ด้วยนะ”

        “ไม่เอาหละครับ พี่จะพาเราไปกินมื้อค่ำกันที่ฮ่องกง”

        “งะ” ลาก่อนความปกติแบบมนุษย์ธรรมดาของผม

       

=====================================================

เป็นยังไงบ้างครับ เรื่องแรกเลยนะเนี่ยที่เขียนจนจบได้  :z1:

ขอขอบคุณทุกท่านที่ติดตามอ่านจนถึงตอนนี้ได้นะครับ จริงๆจะมีหรือเปล่าไม่แน่ใจ

ยังไงก็ขอฝากภาคสองไว้ด้วยนะครับ กดไปตามลิงค์ข้างล่างได้เลย

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27645.new#new

แล้วพบกันใหม่นะครับ ติชมได้นะครับ ผมจะได้ปรับปรุงด้วย

ขอขอบคุณทุกท่านด้วยนะครับ

 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
 :L2: :L2: :L2:

ขอบคุณค่า รออยู่นาน นึกว่าจะไม่มาต่อแระ

ออฟไลน์ takara

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4145
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +379/-13
ว้าวว้าว ว่าแล้วว่า น้องกาลต้องขอสอง อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ woradach

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 717
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-1
ว้า จบซะแล้ว กำลังสนุกเลยนะครับคุณนักเขียน อิอิ ต่อตอนพิเศษไหมจ๊ะ? แหะๆ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
อา...ในที่สุดก็มาต่อ ( ตอนจบ) ให้ซะที Happy Ending สมหวังทุกคน ชื่นมื่นเป็นที่สุด
3 คนครองคู่เป็นสุขแบบนี้ แม่สามสาวแสบโอลิมปัสคงหัวเสียแย่ หวังร้ายกลายเป็นดี(สุดๆ)ไปซะแล้ว... :laugh:

ออฟไลน์ Firebird

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ฟิค ชุดพรานนักล่า ของสำนักพิมพ์แก้วกาณต์ใช่ไหมเนี่ย มีทุกคนเลย  :bye2: :t3:

ออฟไลน์ murasakisama

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1489
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +236/-4
เคยอ่านนิยายชุดนี้เหมือนกานค่ะชุดDARK HUNTER ของเชอริดีน แคนยอน ชอบแอชรอนมากเลย มาอ่านฟิคก็สนุกค่ะ  :กอด1:

ออฟไลน์ viky_mama

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
อ่านแล้วฮาน้องกาล ขอสอง 555

ออฟไลน์ Windend

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 38
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-1
สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน

ตอนนี้เป็นตอนพิเศษนะครับ

ต้องขอโทษนะครับที่มาต่อช้ามากๆ ไม่รู้จะยังอ่านกันอยู่ไหมอะ o22

ตอนนี้จะเป็นตอนจบของภาคหนึ่งแล้วนะครับ

ใครอยากอ่านภาคสองต่อก็ตามลิงค์เลยนะครับ

http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27645.msg1536125#msg1536125

=====================================================

ตอนพิเศษ

ไคร์น + มาร์คัส ทอร์ค

โรงแรมLangham Hong Kong เกาลูน ฮ่องกง  23:35น.

หลังจากกินอาหารค่ำที่ย่าน Wan Chai แล้วทั้งสามก็เข้าพักที่โรงแรมนี้ โดยที่มาร์คัสบอกว่าเขามีหุ้นอยู่เกือบ 40% ทีเดียว ทำให้ทั้งสามได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีขึ้นมากกว่าแขกอื่นๆ ชั้นบนสุดยังเป็นสระว่ายน้ำด้วย ตอนนี้น้องกาลก็หลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียจากกิจกรรมที่สองหมีมอบให้ :z1:  พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะขึ้นไปว่ายน้ำที่ชั้นบนสุดกันสองตัว

“วิวดีนี่หว่า ไอ้หมีลามก” ไคร์นพูดหลังจากพวกเขาดำผุดดำว่ายกันได้ซักพักใหญ่ คืนนี้ไม่มีแขกอื่นเลย ซึ่งที่จริงแล้วมาร์คัสสั่งพนักงานให้ปิดชั้นนี้เลยต่างหาก

“แน่นอนซิ โรงแรมที่ข้ามีหุ้นอยู่อีกหลายที่ข้าก็เจาะจงให้มีสระว่ายน้ำบนดานฟ้าทั้งนั้นแหละ ข้าชอบวิวตอนกลางคืนที่นี่มาก แสงสีที่พวกมนุษย์สร้างสันขึ้นมาก็สวยดี” ไคร์มมองดูรอบๆมันก็จริงอย่างที่มาร์คัสพูด มันสวยมาก

“ข้าก็ชอบนะ มองเห็นอ่าววิคตอเรียได้ด้วย” ไคร์นมองลงไปเห็นเรือยอร์กจอดกันเป็นแถวเป็นแนว

“ไอ้หมีหื่น...” อยู่ๆมาร์คัสก็เอ่ยเรียกขึ้นมาพร้อมกับทำคิ้วผูกโบว์

“ว่าไง...” ไคร์นหันหน้าไปหาเขาพรางสงสัย

“ข้าว่า...ข้าจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย...”

“เฮ้ย...แล้วงานที่โน้นหละจะทำยังไง...ไอ้หมีลามก”

“ข้าว่านานๆจะเข้าไปเคลีย์ซักที...หรือไม่ก็ให้เลขาข้าดูแลไป เพราะเรื่องฝูงข้าสละตำแหน่งจ่าฝูงให้อีธานไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นหมีโดดเดี๋ยว ไม่มีฝูง...” มาร์คัสมีสีหน้าเศร้าลงไปจนไคร์นต้องว่ายน้ำกลับเข้ามาแล้วจับไหลทั้งสองข้างไว้

ดวงตาทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ไคร์นรับรู้ถึงความเสียใจที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การมีคู่ที่ผิดธรรมดาไม่ใช่ธรรมชาติที่จะรับได้ในกลุ่มของคาตากาเรีย เพราะจะถูกมองว่าแปลกแยกอาจทำให้ฝูงไม่สามารถอยู่ได้

หน้าของไคร์นเลื่อนใกล้ไปหามาร์คัส...ทีละเล็ก

.

.

.

ทีละน้อย

.

.

จากนั้นไคร์นจึง

.

.

.

จึง

.

.

.

โขกหัวตัวเองกับมาร์คัสอย่างแรงจนหน้าหงายด้วยกันทั้งคู่ :a5:

.

.

.

“ไอ้หมีบ้า...แกทำอะไรวะ...” :fire:

“เรียกสติแกไง ไอ้หมีลามก...เรื่องแค่นี้อย่ามาดราม่าใส่ข้านะโว้ย...แกอ้อนผิดคนแล้ว...โอ้ย...เจ็บ...หัวแข็งเป็นบ้าเลยแก”

“แล้วจะให้ข้าทำยังไงหละวะ...ฝูงก็ไม่มี”

“ไอ้หมีโง่...แล้วข้ากับน้องกาลไม่ใช่ฝูงของแกหรือไงกัน...ไอ้หมีลามกสมองเสื่อม”

“อืมม...เออ...ขอโทษนะไอ้หมีหื่น ข้าลืมไปว่าเรามีกันสามตัว ขอบใจวะทีให้สติข้า”

“เออ คราวหน้าอย่าให้มีอีกนะเว้ย ข้าเจ็บหัวเลยไอ้หมีควาย”

“เอ้ย...ไอ้หมีหื่น แกอยากกลายเป็นหมีแพนด้าหรือไง” :fire:

“แกนั่นแหละ อยากเป็นหมีแพนด้า เดี๋ยวข้าจัดให้...”

“พอเลย...พอเลย...หยุดเลย...คุยกันต่อ ค่อยต่อยทีหลัง”

“ได้...เอา...ว่ามาต่อ”

“แล้วแกหละ...จะย้ายมาอยู่ที่ไทยด้วยกันไหม...”

“ข้าเหรอ...ข้าว่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ข้าจะให้มนุษย์ที่มาทำงานร้านของข้าบริหารร้านแทนนะ ส่วนเรื่องเรียนโทเอาจริงๆข้าจะเรียนต่อหรือไม่ก็ได้ อาจารย์อเล็กซานเดอร์น่าจะพูดกันง่ายหน่อย แต่พูดกันแล้วเรื่องมากก็น่าจะเป็นพวกนายธนาคารหละมั้ง...” ไคร์นอธิบายความคิดของเขาออกมา

“อันนี้เรื่องจริง ผิดพลาดไม่ได้เลย กัดไม่ปล่อยยิ่งกว่าฉลามอีก”

“555 น่าจะเหมือนกันจริงๆนั่นแหละ”

“ถ้าเช่นนั้น...ข้าว่า...ข้าจะเข้าไปที่บริษัทก่อนนะ แล้วเดี๋ยวตอนเช้าค่อยเจอกัน ไม่รู้ว่าพวกมนุษย์ที่ให้บริหารแทนเป็นยังไงกันบ้างแล้ว...”

“แกจะกลับไปเนเธอแลนด์เหรอ”

“ใช่...ทำไม...” มาร์คัสสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ดวงตาของไคร์นส่องประกายแพรวพราวขึ้นมา

“ช๊อกโกแลต...ต้องช็อคโกแลต...เอาของเบลเยี่ยมนะ ไม่เอาของอเมริกา มันใส่นมเยอะข้าไม่ชอบ...นะไอ้หมีลามก นะนะ...ได้โปรดเถอะนะ..นะ...” ไคร์นพูดพร้อมเอามือประกบเข้าด้วยกัน :impress2:

“เรื่องมากจริง...เออ...เดี๋ยวเจอกัน” มาร์คัสรู้สึกขนที่หลังลุกซู่ขึ้นมาจึงรีบแว๊บหายตัวไปอย่างรวดเร็ว 

“เราก็ไปมั่งดีกว่า” ไคร์นจึงวาปหายตัวไปจากสระน้ำเช่นกัน

==============================================================

มาร์คัส

ผมกำลังยืนอยู่ทีห้องอาบน้ำริมสระว่ายน้ำในร่มของโรงแรม  Park Plaza Victoria Amsterdam แน่นอนว่าผมมีหุ้นอยู่แน่นอน การเดินออกมาจากสระไปที่ล็อบบี้โดยที่ตัวยังเปียกแถมเหลือแต่บีกินี่ตัวเดียวเป็นเรื่องปกติของผมอยู่แล้ว มีดีก็ต้องโชว์ คุณว่าจริงไหม

“ไง...เฌอเลมสัน ไม่เจอกันนานนะ”

“อ้าว...มิสเตอร์แม็คซิลเวีย ใช่ไหมครับเนี่ย...ไม่เจอกันนานเลยนะครับ หลายปีทีเดียวนะครับ” เฌอเลมสันส่งสัญญาณให้พนักงานอีกคนไปเอาชุดคลุมกับผ้าเช็ดตัวมาให้ผม เฌอเลมสันเป็นคนที่ผมพาเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าแผนกตอนรับไปแล้ว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผมเป็นอะไร ในความคิดเขา เขาพยายามไม่สงสัยผู้มีพระคุณอย่างผมแน่นอน ผมได้กลิ่นความภัคดีจากเขาตลอดเวลา

“สระปรับปรุงใหม่เหรอ พื้นไม่ลื่นแบบเดิมแล้วนี่ เยี่ยมไปเลย”

“แหม...ขอบคุณครับมิสเตอร์แม็คซิลเวีย แล้วมาเที่ยวนี้จะมาพักกี่คืนหละครับ”

“ไม่หละ แค่มาเอาเสื้อผ้ากับของที่ห้องหละ เดี๋ยวต้องไปต่อ”

“ครับ ได้เลยครับ นี่กุญแจห้องของคุณ เชิญครับ”

ผมรับกุญแจแล้วเดินเข้าลิฟไปยังห้องของผม คุณคงจะสงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมไม่หายตัวไปที่ห้องเลย ก็มีเหตุผลอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ข้อแรก ที่นี่มีโทรทัศน์วงจรปิดแทบจะทุกจุด มีจุดบอดจุดเดียวที่ไม่มีใครรู้เลยก็ห้องน้ำริมสระนั่นแหละ ข้อต่อมาในห้องผมถ้าไม่มีใครอยู่ระบบรักษาความปลอดภัยแบบอินฟาเรดจะทำงานตลอด อยู่ๆวาปเข้าไปเดี๋ยวเป็นเรื่อง และข้อสุดท้าย ผมฝากกุญแจเซฟไว้กับเฌอเลมสัน ถ้าของข้างในถูกเอาไปโดยที่ไม่ได้บอกเขาแล้วหละก็ เขาจะต้องเดือดร้อนถูกตำรวจสอบสวนยาวแน่เลย สงสารเขามากกว่านะ

ผมเอาของในเซฟเรียบร้อยพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคราวนี้ก็ไปสะสางงานก่อนดีกว่า

“เฌอ ผมของรถคันนึงนะ ผมจะเข้าบริษัทหน่อย”

“อ้าว ไม่ได้เอารถมาเหรอครับ”

“ลืมไว้ไหนไม่รู้ แต่ชั่งเถอะ ผมต้องการเข้าบริษัทด่วน”

“ได้ครับ ผมจะจัดรถและคนขับที่ไว้ใจได้ให้ครับ ”

“ขอบคุณมากนะ เฌอ”

“ด้วยความยินดีครับ”

ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าตึกทำการของมูลนิธิแม็คซิลเวียแล้ว คิดถึงจังเลย

“ขอโทษครับมิสเตอร์ คุณต้องแลกบัตรผ่านก่อนนะครับ” ยามหน้าประตูบอกมาอย่างสุภาพแต่หารู้ไม่ว่าที่พูดอยู่กับแกหนะ ประธานบริษัทแกนะเฟ้ย

“อ๋อ ถ้างั้นช่วยต่อสายมิสเบลล่าทีว่า มาร์คัสมาหา”

“ถ้าเช่นนั้นกรุณารอซักครู่นะครับ” เอาเถอะยังไงมันก็เป็นระเบียบของทางบริษัทเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ซักพักยามก็ยื่นหูโทรศัพท์มาให้ผม ผมรับด้วยท่าทางสบายๆ เวลามีถมไป

“ไง”

ไม่ต้องมาไงเลยนะ ไอ้ประธานเฮงซวย หายตัวไปตั้งหลายปี ติดต่อมาเฉพาะอีเมลล์ แล้วนี่นึกยังไงกลับมาป่านนี้ ไม่รอให้คณะกรรมการลงนามถอดถอนให้เสร็จซะก่อนหละหา เฮื่อย..” เสียงหวานที่ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆกระแทกออกมาทางหูฟังเสียดังลั่นไปหมด อ้า...ไม่ได้ยินเสียงซะนาน ยังแสบแก้วหูไม่เคยเปลี่ยนเลย เบลล่า

“อ้าว...แล้วเขาลงกันไปกี่ชื่อแล้วหละ”

“กำลังจะลงย่ะ และโดยส่วยตัวฉันขอแนะนำว่า...รีบย้ายก้นของคุณขึ้นมาที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ลาสซาโร่จะฮุบเก้าอี้ประธานไป...รีบเลยย่ะ” เอาหละซิ คนนึงภัคดีตลอดมา อีกคนอยากจะขึ้นมาแทนที่ตลอดไป เรื่องของลาสซาโร่ทำไมผมจะไม่รู้ มนุษย์มีรูโหว่เบ้อเล้อในจิตใจที่ไม่มีวันถมให้เต็มได้ รูที่มีชื่อว่า ความโลภ ลาสซาโร่เป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ได้ดี ผมรีบสาวเท้าออกจากลิฟตรงไปยังห้องประชุมคณะกรรมการมูลนิธิแม็คซิลเวีย

ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็เห็นสีหน้าที่ฉงนของเหล่าคณะกรรมการทั้งสิบคน แต่หนึ่งในนั้นดูเหงื่อแตกและหน้าซีดเป็นพิเศษ ไม่ใช่ใคร ลาสซาโร่น้อยนั่นเอง

จริงๆก็ไม่น้อยนะ จะสี่สิบห้าปลายปีนี้แล้ว ผมยังจำได้ที่เห็นเขามาทำงานที่มูลนิธิฯเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนในตำแหน่งพนักงานตรวจสอบบัญชีของบริษัท แล้วก็ก้าวหน้าในหน้าที่การงานแบบขาวบ้างเทาบ้าง ผมก็จับตาดูเขาตลอดโดยไม่ได้แสดงตัวให้เห็น
หลังจากที่ผมได้รับช่วงเป็นประธานมูลนิธิเมื่อสิบปีที่แล้ว ท่าทีของเขาดูเปลี่ยนไปมาก ดูเจ้าเล่ห์ หลบหลีกเก่ง อย่างว่าหละเขาเคยทำบัญชีให้นี่หนา จึงไม่แปลกอะไรที่จะเห็นรายได้ของบริษัทที่ไหลเข้ามามากกว่าพันล้านยูโรตลอดช่วงที่ผมขึ้นเป็นประธานแล้ว ความโลภคงเข้าครอบงำเขาตอนนั้นหรือก่อนหน้าผมไม่แน่ใจ

แต่ตอนนี้ลาสซาโร่กำลังทำหน้าทำตาเหมือนไก่ที่กำลังจะถูกเชือด

ถูกต้องแล้ว ความหมายตรงตามนั้นเป๊ะๆ เชือด

“มาร์คัส” คำแรกที่หลุดจากปากของไอ้ไก่ตาขาวกลับเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในห้องนี้ทีเดียว

“นั่งลงเถอะทุกคน ลาสซาโร่ รีบย้ายก้นเน่าๆของแกออกไปจากห้องประชุมเดียวนี้ ก่อนที่แกจะไม่ได้พูดอะไรได้อีกเลย” ผมขึงตาใส่ลาสซาโร่ผู้โง่เขลา ผู้ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของความโลภ แทนที่จะความคุมความโลภของตนเองกลับให้มันกัดกินจิตวิญญาณเสียเอง น่าสงสารจริงๆ

ลาสซาโร่ออกไปแล้ว และผมเชื่อว่าเขายังอยู่ในห้องทำงานของเขาเพื่อทำอะไรซักอย่างกับข้อมูลของเขาอยู่แน่นอน ปล่อยเขาไปก่อนซักชั่วโมงแล้วผมค่อยตามเขาไป น่าสนุกดี

“เอาหละคณะกรรมการของมูลนิธิแม็กซิลเวียทุกท่าน...”

สี่สิบนาทีกับการประชุมวางนโยบายใหม่ ผมว่าผมทำสถิติใหม่ของการประชุดครบองค์ของมูลนิธิฯเลยทีเดียว เอาหละที่เหลือผมก็ให้เบลล่าเลขาสาวสวยคนเก่งทำหน้าที่แทนไปก่อน

ผมเดินตรงไปที่ห้องทำงานของผม โอ้โฮ...กองเอกสารเพียบเลย เกือบยี่สิบตั้ง สูงเกินหัวผมไปอีก เบลล่านี่สุดยอดจริงๆ เรียงแฟ้มได้สุดๆไปเลย

แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ทำยังไงที่ผมจะต้องทำงานให้ทันก่อนเช้าที่ฮ่องกงหละ คำตอบหนะง่ายแสนง่าย ผมล็อคห้องแล้วเอาแฟ้มเอกสารที่ต้องทำทั้งหมดวาปข้ามเวลาในแนวตรงไปในอดีตเมื่อสามพันปีก่อน ที่นี่ยังเป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีป่าโปร่งอยู่ด้านหลังและก็มีบ้านไม้หลังใหญ่ที่ผมสร้างเองเอาไว้ปลีกเร้นออกมาจากเรื่องวุ่นวายต่างๆ ผมเริ่มทำจากแฟ้มแรกไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็ประวัติเด็กที่ขอรับทุนของมูลนิธิฯเพื่อการศึกษาต่อยังประเทศอื่น ของปีก่อนๆผมให้เบลล่าตัดสิน แต่ของปีนี้ผมต้องดูเอง ก็กลับมาแล้วนี่

“อ้าว...ปีนี้มีเด็กขอไปที่ประเทศไทยคนนึงเองเหรอ...ปกติต้องห้านี่หน่า??” ผมดูเอกสารประวัติแล้วก็ อืมมม มันก็รวยอยู่แล้วทำไมมาขอทุนหละ แค่ประเทศไทย แถมเรียนไม่กี่ปีเอง แปลก แต่เอาเถอะ ค่อยเอาไว้คุยกันทีหลังก็แล้วกัน

ผมทำไปเรื่อยๆจนมืดจึงเสร็จ เอาหละ ทีนี้การจะข้ามกาลเวลาอีกครั้ง คาตากาเรียจำต้องใช้อำนาจของจันทราเต็มดวงในการกระโดดข้ามอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่ผม ผมมันเป็นสายเลือดตรง เป็นอริโตส เป็นจอมเวทย์ของเหล่าพ่อมดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นผมจึงสามารถกลับมายินในห้องได้อีกครั้งโดยที่เวลาในห้องผม พึ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เก่งจริงแฟนใครหว่า เหอๆๆๆ

ผมเปิดประตูออกมาก็เจอกับเบลล่าที่ทำท่าจะเคาะประตูห้องพอดี

“ไง เบลล่า”

“มาร์คัส เอกสาร...”

“เสร็จหมดแล้ว...”

“ทำได้เหมือนทุกครั้งเลยนะ แล้วนี่จะออกไปไหนอีกหละ”

“ไปเบลเยี่ยม เตรียมมาสแตงให้ด้วย”

“ได้เลย แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่หละเที่ยวนี้ คณะกรรมการยังต้องการคุณเข้าร่วมการประชุมอยู่นะ”

“ไม่นานหรอก เอาไว้อีกอาทิตย์ก็แล้วกัน แล้วจะมาใหม่ จะเอาอะไรไหม ของฝากหนะ”

“เหมือนเคยก็ดีนะ คราวที่แล้วคุณยังติดของฝากฉันอยู่เลยนะ”

“ไม่ต้องห่วงเลย เดี๋ยวผมจัดมาให้สองเลยอ้าว...”

“ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะส่งมาเมื่อไหร่หละ คืนนี้ หน้าห้องนอนเธอดีไหม”

“คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วหละ ฉันอยากกินแบบนั้นมานานแล้ว ผู้ชายราดช็อกโกแล๊ตสองที่ อย่าให้ฉันรอนานหละท่านประธานที่เคารพ”

“ได้เลย คุณเลขาคนเก่ง อ๋อ...อีกเรื่อง จัดการลาสซาโร่ให้ที เอาเนียนๆนะ ผมไปหละ”

“ได้เลยค่ะ โชคดีนะคะ” หล่อนคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่เรียกพนักงานให้เอารถมาสแตงสีแดงเพลิงไปจอดไว้ที่หน้าบริษัท แล้วหันกลับไปยังโต๊ะเพื่อสั่งงานต่อไป

================================================================

ไคร์น

ตอนนี้ผมอยู่ในห้องของอาจาย์จูเลียท อเล็กซานเดอร์ หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้วความต้องการที่จะดร็อปเรียนของผมให้เขาฟัง เขาก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นเกือบห้านาทีแล้ว ท่านจอมทัพแห่งมาเซโดเนียคนนี้มีสายตาที่ใครๆก็ต้องสยบทุกครั้งไป แม้แต่ผมเองตอนนี้

“เอาจริงเหรอ ไคร์น”

“ชัวส์...ผมไม่อยากห่างจากเขาเลยจริงนะจูเลียท...”

“แล้วแอชรอนว่ายังไงหละ...”

“ผมยังไม่ได้บอ...” ยังไม่ทันพูดจบ แอชรอนก็ปรากฏตัวข้างๆจูเลียทแล้ว

“ฉันรู้แล้ว...เป็นไงหละ หมีน้อย” เขาส่งยิ้มไมตรีมาให้เหมือนทุกครั้งที่เจอกัน

“ก็ดีฮะ” ผมตอบไปแบบอายๆ

“ดีอะไรกันเล่า...มันยอดเลยต่างหากหละ เจ้ารักเขา เขารักเจ้า ถ้านับจริงๆนี้แค่...อาทิตย์เดียวเองนะ จากสามอาทิตย์” แอชรอนเดินมาตบบ่าผมแบบกันเอง

“มันก็ใช่อยู่หรอก...แต่...”

“แต่อะไรหละ??”

“ผมไม่ได้เป็นเจ้าของน้องกาลแค่คนเดียวนี่ซิ...โอ๊ย...” อยู่ๆก็มีมือมาทุบหัวผมจากด้านหลังแทบทรุดเลย

“โอ้ย...ทุบหัวผมทำไมอ๊ะ...เจ็บ...นะ...ซ..เซะ...เซนเซย์...” พอผมหันไปกลับเป็นทาเคชิเซนเซย์เอง

“ก็เออซิ อย่าใจแคบนักซี่ ปุกปุย มาร์คัสไม่เห็นจะคิดแบบนั้นเลย”

“เพราะผมมันเป็นมนุษย์หละมั้ง ความโลภมันเลยยังมีอยู่เยอะ”

“ความโลภไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก ไคร์น ความโลภมันเหมือนตัวกระตุ้นผลักดันให้จิตวิญญาณได้ก้าวเดินผ่านสิ่งต่างๆไปได้ เหมือนตัวล่อให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่เราต้องรู้จักควบคุมจิตใจตัวเองด้วย อย่าไปเต้นตามความโลภที่มันคอยกระตุ้นให้เรามีแรงผลักดันมากจนเลยเถิดจนกลายเป็นความละโมบ ความโลภเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่สามารถเรียกได้หลายสถานะ ไม่ว่าจะเป็นความอยาก, ความต้องการ, หรือแม้แต่ความปรารถนา ” แอชรอนอธิบายออกมา

“ความอยากที่จะครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียวเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้วนะ เพียงแต่ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เหล่านั้นให้เป็นนะ ไคร์น อย่าให้มันเกินไปเป็นด้านลบหละ” เซนเซย์อธิบายต่อ

“ด้านลบ??...”

“ใช่...อย่างเช่นว่า นายอยากได้เขามาครอบครองอย่างน่ามืดตามัวโดยไม่เลือกวิธีที่จะได้มา พอได้มาก็เสพสมจนอารมณ์หมายแล้วจึงหมายตาหาสิ่งใหม่ที่ตื่นเต้น เร้าอารมณ์กว่า ไอ้ประเภทนี้หนะ มันต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกนะ ไคร์น” เซนเซย์อธิบายเพิ่ม ผมเลยเข้าใจมามันเป็นยังไง

“แล้วผมต้องทำยังไงต่อหละ”

“ใจกว้าง” ทั้งสามคนพูดออกมาพร้อมกันเลย น่ากลัวอะ

“งะ...ก็ได้ ขอบคุณมากนะแอช เซนเซย์”

“เอาหละ...แล้วเรื่องของเราหละ อาจารย์จูเลียท” ผมหันไปหาเขาอีกที

“ก็คงต้องตามที่เธอว่าแต่เธอไม่ต้องดร็อปหรอก ฉันให้สิทธิ์ไม่ต้องเข้าฟังเลคเชอร์ได้แต่นายต้องมาเทสให้ผ่านก็พอนะ ฉันจะโทรไปบอกเอง ไม่ต้องห่วง”

“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมไปจัดการธุระต่อก่อนนะ”

ผมออกมาจากห้องของอาจารย์จูเลียทแล้วรีบเดินออกจากตึกไปยังด้านข้างของมหาวิทยาลัย ไปยังร้านของผมเอง

“อ้าว เจ้านาย กลับมาเอาอะไรอีกเหรอ ไหนบอกจะไปเที่ยวประเทศไทยไง” พอลลี่ สาวผมน้ำตาลยาวดูยุ่งๆคนนี้เป็นพนักงานประจำร้านที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เปิดร้านโน้น เงยหน้าขึ้นมาจากอุปกรณ์คอมที่กองสุมอยู่เต็มโต๊ะของเธอ

“อืมม ไปไฟร์ทดึกหนะ เลยแวะมาบอกว่า ช่วยดูร้านให้ดีนะ กล้องวงจรปิดก็อย่างให้เสียหละ ผมจะคอยดูอยู่ที่โน้นนะ ผมอาจจะอยู่ที่โน้นนานหน่อย ยังไม่รู้ว่ากลับเมื่อไหร่ ยังไงก็ดูแลเหมือนเป็นร้านของเธอเองก็แล้วกัน”

ซักพักพอลลี่จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพ้นควันออกมาช้าๆ ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ผมไม่เคยคาดว่าจะได้ยินจากเธอเลย

“Book Bank ของที่ไหน เบอร์บัญชีอะไร บอกไว้ด้วยนะ จะได้โอนเงินทางร้านไปให้ใช้” แล้วเธอก็ก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่สนใจอะไรผมอีก

อึ่งซิครับ ผมยืนค้างอย่างนั้นอยู่เกือบห้านาที พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับสมองของเธอเนี่ย ทุกทีที่ไม่อยู่ร้าน เธอจะบ่นๆๆๆๆๆๆๆ ตลอด แต่นี้เหมือนความสงบก่อนพายุจะมา ผมจึงรีบเผ่นออกมาโดยไม่ลืมจะบอกว่าจะส่งมาทางเมล อึ๊ย...สยองมาก...

=================================================================

เช้าวันต่อมา มาร์คัสวาปกลับมาตรงระเบียงห้องพร้อมกับหอบของมาเต็มสองมือเลย ไคร์นนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวเปิดดูเมนูของโรงแรมอยู่จึงลุกขึ้นไปช่วยถือของให้

“โอ๊ะ...นี่อะไรหนะ ใช่สิ่งนั้นหรือเปล่า” ไคร์นมองไปที่ถุงช็อปปิ้งขนาดใหญ่สามใบที่อยู่ในมือของเขา

“ใช่...ทำไมแกไม่ไปเองวะ...”

“อ้าว...หมีในพื้นที่ย่อมหาน้ำผึ่งชั้นยอดได้ดีกว่า จริงไหม” ไคร์นเริ่มเอากล่องช็อคโกแลต ออกมาดูจากถุงแต่ละถุง

“แหม...พูดดีก็เป็นหนิไอ้หมีหื่น แล้วน้องกาลตื่นหรือยังเนี่ย” มาร์คัสถอดเสื้อนอกพาดไว้ที่โซฟาตัวสั้นพร้อมกับบิดขี้เกียจไปมาเพราะความเมื่อยล้า

“ยัง...รอแกเขาไปพร้อมกันไง”

“เออ...ดี...งั้นเข้าไปพร้อมกัน ปะ...”

พวกผมเข้าไปในห้องนอน บนเตียงขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานนั้นมีร่างของคนรักตัวน้อยนอนหลับอย่าง...เออ...จะเรียกยังไงดีหละ แบบว่า...ยั่วตัณหาสุดๆไปเลยครับ ก็ดูซิ...เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ (อันนี้ฝีมือสองหมีครับผม แฮะๆๆๆ) ผ้าห่มที่น่าจะอยู่บนเตียงอย่างดีกลับมากองอยู่ปลายเท้าพวกผมที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก้นกลมๆขาวๆลอยเด่นเป็นสง่าเพราะที่รักนอนคว่ำก้นโด่งโชว์หลาขนาดนั้น แถมอ้าขาในท่าเตรียมพร้อมอีกต่างหาก โอ้...โอลิมปัส พวกผมเห็นทางสวรรค์สีชมพูระเรื่อชัดเหลือเกิน...

“เพราะแบบนี้แหละ ข้าเลยต้องรอแกอยู่ข้างนอกนี่แหละ...”

“เมื่อก่อนข้าถึงต้องคอยนอนกกกอดน้องกาลไว้ตลอดหนะซิ นอนดิ้นหละที่หนึ่งเลย แต่ข้าสงสัยว่าทำไมต้องกลับมาท่านี้ตอนเช้าทุกทีซิน่า...”

“อ้าว...อาการนี้เป็นมานานแล้วเหรอ ไอ้หมีลามก”

“เออซิ...ตอนแรกที่ข้าเห็นก็เครียดเลย...”

“เครียด...แกนี่นะเห็นแล้วเครียด...เครียดอะไรวะ”

“เครียดที่ว่าเช้านั้นข้าต้องงดประชุมกับพวกธนาคารซูลิกเลยหนะซิ เพราะไอ้กลมๆขาวๆนั่นหละ กว่าข้าจะออกมาจากห้องอีกทีก็เกือบเย็นแล้ว”

“ไอ้หมีลามกเอ้ย...มึงตักตวงน้องกาลมากกว่าข้าเลยนะ”

“ก็แค่ 200 วันเอง ถ้าเทียบกันจากนี้และตลอดไปแล้วข้าว่ามันต่างกันน้อยมากๆจะตายไป”

“ก็จริง...”

“อืมม...ก็ดีแล้วหนิ แล้วพวกเราจะไปอยู่ยังไงหละ ประเทศไทย”

“ก็คงต้องถามน้องกาลแหละ ว่าจะเอายังไงกันต่อ...”

“หรือจะเริ่มท่าไหนกันก่อนดีกว่ามั้ง...เหอๆๆๆ”

“เข้าท่านี่หว่าเพื่อน เอาหนังสือมาป่าวที่เคยบอกมาหรือเปล่า”

“เล่มที่ข้าเคยบอกแกมันไหม้ไฟไปหมดแล้ว แต่ข้ามีที่เจ๋งกว่านั้นเว้ย...นี่ไง...อัลบั้มรูป ข้าไปที่อินเดียและถ่ายรูปสถูปกลับมาแทน รับประกันความคมชัดและครบทุกกระบวนท่าอย่างแน่นอน”

“สุดยอด...แค่เห็นเลือดหมีข้าก็จะไหลแล้ว”

“เห้ยๆ...ใจเย็นๆไอ้หมีหื่น เลือกเอาซักสี่สิบห้าสิบท่าก่อนดีกว่า ดูว่าจะเริ่มท่าไหนตามด้วยอะไรแล้วลงท้ายแบบไหนดีกว่านา...”
“สุดยอดวะไอ้หมีลามก...”

“แน่นอนอยู่แล้ว...คราวนี้ข้าเตรียมช็อกโกแลตฟรัสมาด้วยนะเฟ้ย...”

“เอามาทำไมกัน...”

“มันเป็นไอเดียของเลขาข้าเอง ทำฟองดูว์น้องกาลไงหละ เหอๆๆๆ”

“เจ๋งโคตร...เริ่มเลยดีกว่า...”

“ปะ...”

==============================================================

ไชโย...ในที่สุดก็จบภาคหนึ่งแล้วครับ

เหอๆๆๆ ใครตามอ่านเรื่อยๆก็จะรู้นะครับว่าผมอัพแต่ละตอนนี้เต่ามั๊กๆ

ก็ขอขอบคุณทุกท่านนะครับที่ยังตามอ่านตามคอมเมนท์นะครับ

ยังไงก็อย่าลืมภาคสองนะครับ ชื่อตอน จันทราที่สาปสูญ

ยังไงก็ขอขอบคุณมากครับ ทุกยอดวิวทุกคอมเมนท์ :monkeysad:

บ้ายบ้าย และพบกันใหม่ครับ :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ phim

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 8
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +0/-0
  :haun4: :haun4: :jul1: :jul1: :o8: :-[หื่นนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนนอ่ะเราชอบ :-[ :o8: :jul1: :jul1: :haun4: :haun4:

ออฟไลน์ reborn

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 675
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +54/-1

icetim

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ mentholss

  • "เหตุผล" หรือ "ข้ออ้าง"
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1278
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด