สวัสดีครับนักอ่านทุกท่าน
ตอนนี้เป็นตอนพิเศษนะครับ
ต้องขอโทษนะครับที่มาต่อช้ามากๆ ไม่รู้จะยังอ่านกันอยู่ไหมอะ
ตอนนี้จะเป็นตอนจบของภาคหนึ่งแล้วนะครับ
ใครอยากอ่านภาคสองต่อก็ตามลิงค์เลยนะครับ
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=27645.msg1536125#msg1536125=====================================================
ตอนพิเศษ
ไคร์น + มาร์คัส ทอร์ค
โรงแรมLangham Hong Kong เกาลูน ฮ่องกง 23:35น.
หลังจากกินอาหารค่ำที่ย่าน Wan Chai แล้วทั้งสามก็เข้าพักที่โรงแรมนี้ โดยที่มาร์คัสบอกว่าเขามีหุ้นอยู่เกือบ 40% ทีเดียว ทำให้ทั้งสามได้รับความสะดวกสบายและบริการที่ดีขึ้นมากกว่าแขกอื่นๆ ชั้นบนสุดยังเป็นสระว่ายน้ำด้วย ตอนนี้น้องกาลก็หลับไปแล้วด้วยความอ่อนเพลียจากกิจกรรมที่สองหมีมอบให้
พวกเขาเลยตกลงกันว่าจะขึ้นไปว่ายน้ำที่ชั้นบนสุดกันสองตัว
“วิวดีนี่หว่า ไอ้หมีลามก” ไคร์นพูดหลังจากพวกเขาดำผุดดำว่ายกันได้ซักพักใหญ่ คืนนี้ไม่มีแขกอื่นเลย ซึ่งที่จริงแล้วมาร์คัสสั่งพนักงานให้ปิดชั้นนี้เลยต่างหาก
“แน่นอนซิ โรงแรมที่ข้ามีหุ้นอยู่อีกหลายที่ข้าก็เจาะจงให้มีสระว่ายน้ำบนดานฟ้าทั้งนั้นแหละ ข้าชอบวิวตอนกลางคืนที่นี่มาก แสงสีที่พวกมนุษย์สร้างสันขึ้นมาก็สวยดี” ไคร์มมองดูรอบๆมันก็จริงอย่างที่มาร์คัสพูด มันสวยมาก
“ข้าก็ชอบนะ มองเห็นอ่าววิคตอเรียได้ด้วย” ไคร์นมองลงไปเห็นเรือยอร์กจอดกันเป็นแถวเป็นแนว
“ไอ้หมีหื่น...” อยู่ๆมาร์คัสก็เอ่ยเรียกขึ้นมาพร้อมกับทำคิ้วผูกโบว์
“ว่าไง...” ไคร์นหันหน้าไปหาเขาพรางสงสัย
“ข้าว่า...ข้าจะย้ายมาอยู่ที่ประเทศไทย...”
“เฮ้ย...แล้วงานที่โน้นหละจะทำยังไง...ไอ้หมีลามก”
“ข้าว่านานๆจะเข้าไปเคลีย์ซักที...หรือไม่ก็ให้เลขาข้าดูแลไป เพราะเรื่องฝูงข้าสละตำแหน่งจ่าฝูงให้อีธานไปแล้ว ตอนนี้ข้าเป็นหมีโดดเดี๋ยว ไม่มีฝูง...” มาร์คัสมีสีหน้าเศร้าลงไปจนไคร์นต้องว่ายน้ำกลับเข้ามาแล้วจับไหลทั้งสองข้างไว้
ดวงตาทั้งสองจ้องมองซึ่งกันและกัน ไคร์นรับรู้ถึงความเสียใจที่ต้องเลือกอย่างใดอย่างหนึ่ง การมีคู่ที่ผิดธรรมดาไม่ใช่ธรรมชาติที่จะรับได้ในกลุ่มของคาตากาเรีย เพราะจะถูกมองว่าแปลกแยกอาจทำให้ฝูงไม่สามารถอยู่ได้
หน้าของไคร์นเลื่อนใกล้ไปหามาร์คัส...ทีละเล็ก
.
.
.
ทีละน้อย
.
.
จากนั้นไคร์นจึง
.
.
.
จึง
.
.
.
โขกหัวตัวเองกับมาร์คัสอย่างแรงจนหน้าหงายด้วยกันทั้งคู่
.
.
.
“ไอ้หมีบ้า...แกทำอะไรวะ...”
“เรียกสติแกไง ไอ้หมีลามก...เรื่องแค่นี้อย่ามาดราม่าใส่ข้านะโว้ย...แกอ้อนผิดคนแล้ว...โอ้ย...เจ็บ...หัวแข็งเป็นบ้าเลยแก”
“แล้วจะให้ข้าทำยังไงหละวะ...ฝูงก็ไม่มี”
“ไอ้หมีโง่...แล้วข้ากับน้องกาลไม่ใช่ฝูงของแกหรือไงกัน...ไอ้หมีลามกสมองเสื่อม”
“อืมม...เออ...ขอโทษนะไอ้หมีหื่น ข้าลืมไปว่าเรามีกันสามตัว ขอบใจวะทีให้สติข้า”
“เออ คราวหน้าอย่าให้มีอีกนะเว้ย ข้าเจ็บหัวเลยไอ้หมีควาย”
“เอ้ย...ไอ้หมีหื่น แกอยากกลายเป็นหมีแพนด้าหรือไง”
“แกนั่นแหละ อยากเป็นหมีแพนด้า เดี๋ยวข้าจัดให้...”
“พอเลย...พอเลย...หยุดเลย...คุยกันต่อ ค่อยต่อยทีหลัง”
“ได้...เอา...ว่ามาต่อ”
“แล้วแกหละ...จะย้ายมาอยู่ที่ไทยด้วยกันไหม...”
“ข้าเหรอ...ข้าว่าจะทำอย่างนั้นเหมือนกัน ข้าจะให้มนุษย์ที่มาทำงานร้านของข้าบริหารร้านแทนนะ ส่วนเรื่องเรียนโทเอาจริงๆข้าจะเรียนต่อหรือไม่ก็ได้ อาจารย์อเล็กซานเดอร์น่าจะพูดกันง่ายหน่อย แต่พูดกันแล้วเรื่องมากก็น่าจะเป็นพวกนายธนาคารหละมั้ง...” ไคร์นอธิบายความคิดของเขาออกมา
“อันนี้เรื่องจริง ผิดพลาดไม่ได้เลย กัดไม่ปล่อยยิ่งกว่าฉลามอีก”
“555 น่าจะเหมือนกันจริงๆนั่นแหละ”
“ถ้าเช่นนั้น...ข้าว่า...ข้าจะเข้าไปที่บริษัทก่อนนะ แล้วเดี๋ยวตอนเช้าค่อยเจอกัน ไม่รู้ว่าพวกมนุษย์ที่ให้บริหารแทนเป็นยังไงกันบ้างแล้ว...”
“แกจะกลับไปเนเธอแลนด์เหรอ”
“ใช่...ทำไม...” มาร์คัสสงสัยว่าทำไมอยู่ๆ ดวงตาของไคร์นส่องประกายแพรวพราวขึ้นมา
“ช๊อกโกแลต...ต้องช็อคโกแลต...เอาของเบลเยี่ยมนะ ไม่เอาของอเมริกา มันใส่นมเยอะข้าไม่ชอบ...นะไอ้หมีลามก นะนะ...ได้โปรดเถอะนะ..นะ...” ไคร์นพูดพร้อมเอามือประกบเข้าด้วยกัน
“เรื่องมากจริง...เออ...เดี๋ยวเจอกัน” มาร์คัสรู้สึกขนที่หลังลุกซู่ขึ้นมาจึงรีบแว๊บหายตัวไปอย่างรวดเร็ว
“เราก็ไปมั่งดีกว่า” ไคร์นจึงวาปหายตัวไปจากสระน้ำเช่นกัน
==============================================================
มาร์คัส
ผมกำลังยืนอยู่ทีห้องอาบน้ำริมสระว่ายน้ำในร่มของโรงแรม Park Plaza Victoria Amsterdam แน่นอนว่าผมมีหุ้นอยู่แน่นอน การเดินออกมาจากสระไปที่ล็อบบี้โดยที่ตัวยังเปียกแถมเหลือแต่บีกินี่ตัวเดียวเป็นเรื่องปกติของผมอยู่แล้ว มีดีก็ต้องโชว์ คุณว่าจริงไหม
“ไง...เฌอเลมสัน ไม่เจอกันนานนะ”
“อ้าว...มิสเตอร์แม็คซิลเวีย ใช่ไหมครับเนี่ย...ไม่เจอกันนานเลยนะครับ หลายปีทีเดียวนะครับ” เฌอเลมสันส่งสัญญาณให้พนักงานอีกคนไปเอาชุดคลุมกับผ้าเช็ดตัวมาให้ผม เฌอเลมสันเป็นคนที่ผมพาเข้ามาทำงานที่นี่ตั้งแต่ต้นจนตอนนี้เขาเป็นหัวหน้าแผนกตอนรับไปแล้ว แต่เขาไม่รู้หรอกว่าผมเป็นอะไร ในความคิดเขา เขาพยายามไม่สงสัยผู้มีพระคุณอย่างผมแน่นอน ผมได้กลิ่นความภัคดีจากเขาตลอดเวลา
“สระปรับปรุงใหม่เหรอ พื้นไม่ลื่นแบบเดิมแล้วนี่ เยี่ยมไปเลย”
“แหม...ขอบคุณครับมิสเตอร์แม็คซิลเวีย แล้วมาเที่ยวนี้จะมาพักกี่คืนหละครับ”
“ไม่หละ แค่มาเอาเสื้อผ้ากับของที่ห้องหละ เดี๋ยวต้องไปต่อ”
“ครับ ได้เลยครับ นี่กุญแจห้องของคุณ เชิญครับ”
ผมรับกุญแจแล้วเดินเข้าลิฟไปยังห้องของผม คุณคงจะสงสัยใช่ไหมว่าทำไมผมไม่หายตัวไปที่ห้องเลย ก็มีเหตุผลอยู่ไม่กี่อย่างหรอกครับ ข้อแรก ที่นี่มีโทรทัศน์วงจรปิดแทบจะทุกจุด มีจุดบอดจุดเดียวที่ไม่มีใครรู้เลยก็ห้องน้ำริมสระนั่นแหละ ข้อต่อมาในห้องผมถ้าไม่มีใครอยู่ระบบรักษาความปลอดภัยแบบอินฟาเรดจะทำงานตลอด อยู่ๆวาปเข้าไปเดี๋ยวเป็นเรื่อง และข้อสุดท้าย ผมฝากกุญแจเซฟไว้กับเฌอเลมสัน ถ้าของข้างในถูกเอาไปโดยที่ไม่ได้บอกเขาแล้วหละก็ เขาจะต้องเดือดร้อนถูกตำรวจสอบสวนยาวแน่เลย สงสารเขามากกว่านะ
ผมเอาของในเซฟเรียบร้อยพร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วคราวนี้ก็ไปสะสางงานก่อนดีกว่า
“เฌอ ผมของรถคันนึงนะ ผมจะเข้าบริษัทหน่อย”
“อ้าว ไม่ได้เอารถมาเหรอครับ”
“ลืมไว้ไหนไม่รู้ แต่ชั่งเถอะ ผมต้องการเข้าบริษัทด่วน”
“ได้ครับ ผมจะจัดรถและคนขับที่ไว้ใจได้ให้ครับ ”
“ขอบคุณมากนะ เฌอ”
“ด้วยความยินดีครับ”
ตอนนี้ผมก็มายืนอยู่ที่หน้าตึกทำการของมูลนิธิแม็คซิลเวียแล้ว คิดถึงจังเลย
“ขอโทษครับมิสเตอร์ คุณต้องแลกบัตรผ่านก่อนนะครับ” ยามหน้าประตูบอกมาอย่างสุภาพแต่หารู้ไม่ว่าที่พูดอยู่กับแกหนะ ประธานบริษัทแกนะเฟ้ย
“อ๋อ ถ้างั้นช่วยต่อสายมิสเบลล่าทีว่า มาร์คัสมาหา”
“ถ้าเช่นนั้นกรุณารอซักครู่นะครับ” เอาเถอะยังไงมันก็เป็นระเบียบของทางบริษัทเองนี่หว่า ช่วยไม่ได้ ซักพักยามก็ยื่นหูโทรศัพท์มาให้ผม ผมรับด้วยท่าทางสบายๆ เวลามีถมไป
“ไง”
“
ไม่ต้องมาไงเลยนะ ไอ้ประธานเฮงซวย หายตัวไปตั้งหลายปี ติดต่อมาเฉพาะอีเมลล์ แล้วนี่นึกยังไงกลับมาป่านนี้ ไม่รอให้คณะกรรมการลงนามถอดถอนให้เสร็จซะก่อนหละหา เฮื่อย..” เสียงหวานที่ตอนนี้อารมณ์เสียสุดๆกระแทกออกมาทางหูฟังเสียดังลั่นไปหมด อ้า...ไม่ได้ยินเสียงซะนาน ยังแสบแก้วหูไม่เคยเปลี่ยนเลย เบลล่า
“อ้าว...แล้วเขาลงกันไปกี่ชื่อแล้วหละ”
“กำลังจะลงย่ะ และโดยส่วยตัวฉันขอแนะนำว่า...รีบย้ายก้นของคุณขึ้นมาที่ห้องประชุมเดี๋ยวนี้เลยนะ ก่อนที่ลาสซาโร่จะฮุบเก้าอี้ประธานไป...รีบเลยย่ะ” เอาหละซิ คนนึงภัคดีตลอดมา อีกคนอยากจะขึ้นมาแทนที่ตลอดไป เรื่องของลาสซาโร่ทำไมผมจะไม่รู้ มนุษย์มีรูโหว่เบ้อเล้อในจิตใจที่ไม่มีวันถมให้เต็มได้ รูที่มีชื่อว่า ความโลภ ลาสซาโร่เป็นตัวอย่างในเรื่องนี้ได้ดี ผมรีบสาวเท้าออกจากลิฟตรงไปยังห้องประชุมคณะกรรมการมูลนิธิแม็คซิลเวีย
ทันทีที่ประตูเปิดออก ผมก็เห็นสีหน้าที่ฉงนของเหล่าคณะกรรมการทั้งสิบคน แต่หนึ่งในนั้นดูเหงื่อแตกและหน้าซีดเป็นพิเศษ ไม่ใช่ใคร ลาสซาโร่น้อยนั่นเอง
จริงๆก็ไม่น้อยนะ จะสี่สิบห้าปลายปีนี้แล้ว ผมยังจำได้ที่เห็นเขามาทำงานที่มูลนิธิฯเมื่อยี่สิบกว่าปีก่อนในตำแหน่งพนักงานตรวจสอบบัญชีของบริษัท แล้วก็ก้าวหน้าในหน้าที่การงานแบบขาวบ้างเทาบ้าง ผมก็จับตาดูเขาตลอดโดยไม่ได้แสดงตัวให้เห็น
หลังจากที่ผมได้รับช่วงเป็นประธานมูลนิธิเมื่อสิบปีที่แล้ว ท่าทีของเขาดูเปลี่ยนไปมาก ดูเจ้าเล่ห์ หลบหลีกเก่ง อย่างว่าหละเขาเคยทำบัญชีให้นี่หนา จึงไม่แปลกอะไรที่จะเห็นรายได้ของบริษัทที่ไหลเข้ามามากกว่าพันล้านยูโรตลอดช่วงที่ผมขึ้นเป็นประธานแล้ว ความโลภคงเข้าครอบงำเขาตอนนั้นหรือก่อนหน้าผมไม่แน่ใจ
แต่ตอนนี้ลาสซาโร่กำลังทำหน้าทำตาเหมือนไก่ที่กำลังจะถูกเชือด
ถูกต้องแล้ว ความหมายตรงตามนั้นเป๊ะๆ เชือด
“มาร์คัส” คำแรกที่หลุดจากปากของไอ้ไก่ตาขาวกลับเป็นคำที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สุดในห้องนี้ทีเดียว
“นั่งลงเถอะทุกคน ลาสซาโร่ รีบย้ายก้นเน่าๆของแกออกไปจากห้องประชุมเดียวนี้ ก่อนที่แกจะไม่ได้พูดอะไรได้อีกเลย” ผมขึงตาใส่ลาสซาโร่ผู้โง่เขลา ผู้ที่ตกอยู่ใต้อำนาจของความโลภ แทนที่จะความคุมความโลภของตนเองกลับให้มันกัดกินจิตวิญญาณเสียเอง น่าสงสารจริงๆ
ลาสซาโร่ออกไปแล้ว และผมเชื่อว่าเขายังอยู่ในห้องทำงานของเขาเพื่อทำอะไรซักอย่างกับข้อมูลของเขาอยู่แน่นอน ปล่อยเขาไปก่อนซักชั่วโมงแล้วผมค่อยตามเขาไป น่าสนุกดี
“เอาหละคณะกรรมการของมูลนิธิแม็กซิลเวียทุกท่าน...”
สี่สิบนาทีกับการประชุมวางนโยบายใหม่ ผมว่าผมทำสถิติใหม่ของการประชุดครบองค์ของมูลนิธิฯเลยทีเดียว เอาหละที่เหลือผมก็ให้เบลล่าเลขาสาวสวยคนเก่งทำหน้าที่แทนไปก่อน
ผมเดินตรงไปที่ห้องทำงานของผม โอ้โฮ...กองเอกสารเพียบเลย เกือบยี่สิบตั้ง สูงเกินหัวผมไปอีก เบลล่านี่สุดยอดจริงๆ เรียงแฟ้มได้สุดๆไปเลย
แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น ทำยังไงที่ผมจะต้องทำงานให้ทันก่อนเช้าที่ฮ่องกงหละ คำตอบหนะง่ายแสนง่าย ผมล็อคห้องแล้วเอาแฟ้มเอกสารที่ต้องทำทั้งหมดวาปข้ามเวลาในแนวตรงไปในอดีตเมื่อสามพันปีก่อน ที่นี่ยังเป็นทุ่งหญ้ากว้าง มีป่าโปร่งอยู่ด้านหลังและก็มีบ้านไม้หลังใหญ่ที่ผมสร้างเองเอาไว้ปลีกเร้นออกมาจากเรื่องวุ่นวายต่างๆ ผมเริ่มทำจากแฟ้มแรกไปเรื่อยๆ ส่วนใหญ่ก็ประวัติเด็กที่ขอรับทุนของมูลนิธิฯเพื่อการศึกษาต่อยังประเทศอื่น ของปีก่อนๆผมให้เบลล่าตัดสิน แต่ของปีนี้ผมต้องดูเอง ก็กลับมาแล้วนี่
“อ้าว...ปีนี้มีเด็กขอไปที่ประเทศไทยคนนึงเองเหรอ...ปกติต้องห้านี่หน่า??” ผมดูเอกสารประวัติแล้วก็ อืมมม มันก็รวยอยู่แล้วทำไมมาขอทุนหละ แค่ประเทศไทย แถมเรียนไม่กี่ปีเอง แปลก แต่เอาเถอะ ค่อยเอาไว้คุยกันทีหลังก็แล้วกัน
ผมทำไปเรื่อยๆจนมืดจึงเสร็จ เอาหละ ทีนี้การจะข้ามกาลเวลาอีกครั้ง คาตากาเรียจำต้องใช้อำนาจของจันทราเต็มดวงในการกระโดดข้ามอีกครั้ง ซึ่งไม่ใช่ผม ผมมันเป็นสายเลือดตรง เป็นอริโตส เป็นจอมเวทย์ของเหล่าพ่อมดเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นผมจึงสามารถกลับมายินในห้องได้อีกครั้งโดยที่เวลาในห้องผม พึ่งจะผ่านไปไม่ถึงสิบนาทีด้วยซ้ำ เก่งจริงแฟนใครหว่า เหอๆๆๆ
ผมเปิดประตูออกมาก็เจอกับเบลล่าที่ทำท่าจะเคาะประตูห้องพอดี
“ไง เบลล่า”
“มาร์คัส เอกสาร...”
“เสร็จหมดแล้ว...”
“ทำได้เหมือนทุกครั้งเลยนะ แล้วนี่จะออกไปไหนอีกหละ”
“ไปเบลเยี่ยม เตรียมมาสแตงให้ด้วย”
“ได้เลย แล้วจะกลับมาเมื่อไหร่หละเที่ยวนี้ คณะกรรมการยังต้องการคุณเข้าร่วมการประชุมอยู่นะ”
“ไม่นานหรอก เอาไว้อีกอาทิตย์ก็แล้วกัน แล้วจะมาใหม่ จะเอาอะไรไหม ของฝากหนะ”
“เหมือนเคยก็ดีนะ คราวที่แล้วคุณยังติดของฝากฉันอยู่เลยนะ”
“ไม่ต้องห่วงเลย เดี๋ยวผมจัดมาให้สองเลยอ้าว...”
“ขอบคุณมากค่ะ แล้วจะส่งมาเมื่อไหร่หละ คืนนี้ หน้าห้องนอนเธอดีไหม”
“คงไม่มีอะไรดีไปกว่านี้แล้วหละ ฉันอยากกินแบบนั้นมานานแล้ว
ผู้ชายราดช็อกโกแล๊ตสองที่ อย่าให้ฉันรอนานหละท่านประธานที่เคารพ”
“ได้เลย คุณเลขาคนเก่ง อ๋อ...อีกเรื่อง จัดการลาสซาโร่ให้ที เอาเนียนๆนะ ผมไปหละ”
“ได้เลยค่ะ โชคดีนะคะ” หล่อนคลี่ยิ้มออกมาก่อนที่เรียกพนักงานให้เอารถมาสแตงสีแดงเพลิงไปจอดไว้ที่หน้าบริษัท แล้วหันกลับไปยังโต๊ะเพื่อสั่งงานต่อไป
================================================================
ไคร์น
ตอนนี้ผมอยู่ในห้องของอาจาย์จูเลียท อเล็กซานเดอร์ หลังจากที่ผมเล่าเรื่องทั้งหมดแล้วความต้องการที่จะดร็อปเรียนของผมให้เขาฟัง เขาก็เอาแต่นั่งจ้องหน้าผมอยู่อย่างนั้นเกือบห้านาทีแล้ว ท่านจอมทัพแห่งมาเซโดเนียคนนี้มีสายตาที่ใครๆก็ต้องสยบทุกครั้งไป แม้แต่ผมเองตอนนี้
“เอาจริงเหรอ ไคร์น”
“ชัวส์...ผมไม่อยากห่างจากเขาเลยจริงนะจูเลียท...”
“แล้วแอชรอนว่ายังไงหละ...”
“ผมยังไม่ได้บอ...” ยังไม่ทันพูดจบ แอชรอนก็ปรากฏตัวข้างๆจูเลียทแล้ว
“ฉันรู้แล้ว...เป็นไงหละ หมีน้อย” เขาส่งยิ้มไมตรีมาให้เหมือนทุกครั้งที่เจอกัน
“ก็ดีฮะ” ผมตอบไปแบบอายๆ
“ดีอะไรกันเล่า...มันยอดเลยต่างหากหละ เจ้ารักเขา เขารักเจ้า ถ้านับจริงๆนี้แค่...อาทิตย์เดียวเองนะ จากสามอาทิตย์” แอชรอนเดินมาตบบ่าผมแบบกันเอง
“มันก็ใช่อยู่หรอก...แต่...”
“แต่อะไรหละ??”
“ผมไม่ได้เป็นเจ้าของน้องกาลแค่คนเดียวนี่ซิ...โอ๊ย...” อยู่ๆก็มีมือมาทุบหัวผมจากด้านหลังแทบทรุดเลย
“โอ้ย...ทุบหัวผมทำไมอ๊ะ...เจ็บ...นะ...ซ..เซะ...เซนเซย์...” พอผมหันไปกลับเป็นทาเคชิเซนเซย์เอง
“ก็เออซิ อย่าใจแคบนักซี่ ปุกปุย มาร์คัสไม่เห็นจะคิดแบบนั้นเลย”
“เพราะผมมันเป็นมนุษย์หละมั้ง ความโลภมันเลยยังมีอยู่เยอะ”
“ความโลภไม่ใช่เรื่องที่ผิดหรอก ไคร์น ความโลภมันเหมือนตัวกระตุ้นผลักดันให้จิตวิญญาณได้ก้าวเดินผ่านสิ่งต่างๆไปได้ เหมือนตัวล่อให้เราก้าวเดินไปข้างหน้าต่อไป แต่เราต้องรู้จักควบคุมจิตใจตัวเองด้วย อย่าไปเต้นตามความโลภที่มันคอยกระตุ้นให้เรามีแรงผลักดันมากจนเลยเถิดจนกลายเป็นความละโมบ ความโลภเป็นอารมณ์อย่างหนึ่งที่สามารถเรียกได้หลายสถานะ ไม่ว่าจะเป็นความอยาก, ความต้องการ, หรือแม้แต่ความปรารถนา ” แอชรอนอธิบายออกมา
“ความอยากที่จะครอบครองไว้แต่เพียงผู้เดียวเป็นเรื่องปกติของมนุษย์อยู่แล้วนะ เพียงแต่ต้องรู้จักควบคุมอารมณ์เหล่านั้นให้เป็นนะ ไคร์น อย่าให้มันเกินไปเป็นด้านลบหละ” เซนเซย์อธิบายต่อ
“ด้านลบ??...”
“ใช่...อย่างเช่นว่า นายอยากได้เขามาครอบครองอย่างน่ามืดตามัวโดยไม่เลือกวิธีที่จะได้มา พอได้มาก็เสพสมจนอารมณ์หมายแล้วจึงหมายตาหาสิ่งใหม่ที่ตื่นเต้น เร้าอารมณ์กว่า ไอ้ประเภทนี้หนะ มันต่ำกว่าสัตว์เดรัจฉานอีกนะ ไคร์น” เซนเซย์อธิบายเพิ่ม ผมเลยเข้าใจมามันเป็นยังไง
“แล้วผมต้องทำยังไงต่อหละ”
“ใจกว้าง” ทั้งสามคนพูดออกมาพร้อมกันเลย น่ากลัวอะ
“งะ...ก็ได้ ขอบคุณมากนะแอช เซนเซย์”
“เอาหละ...แล้วเรื่องของเราหละ อาจารย์จูเลียท” ผมหันไปหาเขาอีกที
“ก็คงต้องตามที่เธอว่าแต่เธอไม่ต้องดร็อปหรอก ฉันให้สิทธิ์ไม่ต้องเข้าฟังเลคเชอร์ได้แต่นายต้องมาเทสให้ผ่านก็พอนะ ฉันจะโทรไปบอกเอง ไม่ต้องห่วง”
“ขอบคุณมาก เดี๋ยวผมไปจัดการธุระต่อก่อนนะ”
ผมออกมาจากห้องของอาจารย์จูเลียทแล้วรีบเดินออกจากตึกไปยังด้านข้างของมหาวิทยาลัย ไปยังร้านของผมเอง
“อ้าว เจ้านาย กลับมาเอาอะไรอีกเหรอ ไหนบอกจะไปเที่ยวประเทศไทยไง” พอลลี่ สาวผมน้ำตาลยาวดูยุ่งๆคนนี้เป็นพนักงานประจำร้านที่อยู่กับผมมาตั้งแต่เปิดร้านโน้น เงยหน้าขึ้นมาจากอุปกรณ์คอมที่กองสุมอยู่เต็มโต๊ะของเธอ
“อืมม ไปไฟร์ทดึกหนะ เลยแวะมาบอกว่า ช่วยดูร้านให้ดีนะ กล้องวงจรปิดก็อย่างให้เสียหละ ผมจะคอยดูอยู่ที่โน้นนะ ผมอาจจะอยู่ที่โน้นนานหน่อย ยังไม่รู้ว่ากลับเมื่อไหร่ ยังไงก็ดูแลเหมือนเป็นร้านของเธอเองก็แล้วกัน”
ซักพักพอลลี่จุดบุหรี่ขึ้นมาสูบแล้วพ้นควันออกมาช้าๆ ก่อนจะเอ่ยคำถามที่ผมไม่เคยคาดว่าจะได้ยินจากเธอเลย
“Book Bank ของที่ไหน เบอร์บัญชีอะไร บอกไว้ด้วยนะ จะได้โอนเงินทางร้านไปให้ใช้” แล้วเธอก็ก้มหน้าทำงานต่อโดยไม่สนใจอะไรผมอีก
อึ่งซิครับ ผมยืนค้างอย่างนั้นอยู่เกือบห้านาที พระเจ้า เกิดอะไรขึ้นกับสมองของเธอเนี่ย ทุกทีที่ไม่อยู่ร้าน เธอจะบ่นๆๆๆๆๆๆๆ ตลอด แต่นี้เหมือนความสงบก่อนพายุจะมา ผมจึงรีบเผ่นออกมาโดยไม่ลืมจะบอกว่าจะส่งมาทางเมล อึ๊ย...สยองมาก...
=================================================================
เช้าวันต่อมา มาร์คัสวาปกลับมาตรงระเบียงห้องพร้อมกับหอบของมาเต็มสองมือเลย ไคร์นนั่งอยู่ที่โซฟาตัวยาวเปิดดูเมนูของโรงแรมอยู่จึงลุกขึ้นไปช่วยถือของให้
“โอ๊ะ...นี่อะไรหนะ ใช่สิ่งนั้นหรือเปล่า” ไคร์นมองไปที่ถุงช็อปปิ้งขนาดใหญ่สามใบที่อยู่ในมือของเขา
“ใช่...ทำไมแกไม่ไปเองวะ...”
“อ้าว...หมีในพื้นที่ย่อมหาน้ำผึ่งชั้นยอดได้ดีกว่า จริงไหม” ไคร์นเริ่มเอากล่องช็อคโกแลต ออกมาดูจากถุงแต่ละถุง
“แหม...พูดดีก็เป็นหนิไอ้หมีหื่น แล้วน้องกาลตื่นหรือยังเนี่ย” มาร์คัสถอดเสื้อนอกพาดไว้ที่โซฟาตัวสั้นพร้อมกับบิดขี้เกียจไปมาเพราะความเมื่อยล้า
“ยัง...รอแกเขาไปพร้อมกันไง”
“เออ...ดี...งั้นเข้าไปพร้อมกัน ปะ...”
พวกผมเข้าไปในห้องนอน บนเตียงขนาดใหญ่กว่ามาตรฐานนั้นมีร่างของคนรักตัวน้อยนอนหลับอย่าง...เออ...จะเรียกยังไงดีหละ แบบว่า...ยั่วตัณหาสุดๆไปเลยครับ ก็ดูซิ...เสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่ (อันนี้ฝีมือสองหมีครับผม แฮะๆๆๆ) ผ้าห่มที่น่าจะอยู่บนเตียงอย่างดีกลับมากองอยู่ปลายเท้าพวกผมที่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก้นกลมๆขาวๆลอยเด่นเป็นสง่าเพราะที่รักนอนคว่ำก้นโด่งโชว์หลาขนาดนั้น แถมอ้าขาในท่าเตรียมพร้อมอีกต่างหาก โอ้...โอลิมปัส พวกผมเห็นทางสวรรค์สีชมพูระเรื่อชัดเหลือเกิน...
“เพราะแบบนี้แหละ ข้าเลยต้องรอแกอยู่ข้างนอกนี่แหละ...”
“เมื่อก่อนข้าถึงต้องคอยนอนกกกอดน้องกาลไว้ตลอดหนะซิ นอนดิ้นหละที่หนึ่งเลย แต่ข้าสงสัยว่าทำไมต้องกลับมาท่านี้ตอนเช้าทุกทีซิน่า...”
“อ้าว...อาการนี้เป็นมานานแล้วเหรอ ไอ้หมีลามก”
“เออซิ...ตอนแรกที่ข้าเห็นก็เครียดเลย...”
“เครียด...แกนี่นะเห็นแล้วเครียด...เครียดอะไรวะ”
“เครียดที่ว่าเช้านั้นข้าต้องงดประชุมกับพวกธนาคารซูลิกเลยหนะซิ เพราะไอ้กลมๆขาวๆนั่นหละ กว่าข้าจะออกมาจากห้องอีกทีก็เกือบเย็นแล้ว”
“ไอ้หมีลามกเอ้ย...มึงตักตวงน้องกาลมากกว่าข้าเลยนะ”
“ก็แค่ 200 วันเอง ถ้าเทียบกันจากนี้และตลอดไปแล้วข้าว่ามันต่างกันน้อยมากๆจะตายไป”
“ก็จริง...”
“อืมม...ก็ดีแล้วหนิ แล้วพวกเราจะไปอยู่ยังไงหละ ประเทศไทย”
“ก็คงต้องถามน้องกาลแหละ ว่าจะเอายังไงกันต่อ...”
“หรือจะเริ่มท่าไหนกันก่อนดีกว่ามั้ง...เหอๆๆๆ”
“เข้าท่านี่หว่าเพื่อน เอาหนังสือมาป่าวที่เคยบอกมาหรือเปล่า”
“เล่มที่ข้าเคยบอกแกมันไหม้ไฟไปหมดแล้ว แต่ข้ามีที่เจ๋งกว่านั้นเว้ย...นี่ไง...อัลบั้มรูป ข้าไปที่อินเดียและถ่ายรูปสถูปกลับมาแทน รับประกันความคมชัดและครบทุกกระบวนท่าอย่างแน่นอน”
“สุดยอด...แค่เห็นเลือดหมีข้าก็จะไหลแล้ว”
“เห้ยๆ...ใจเย็นๆไอ้หมีหื่น เลือกเอาซักสี่สิบห้าสิบท่าก่อนดีกว่า ดูว่าจะเริ่มท่าไหนตามด้วยอะไรแล้วลงท้ายแบบไหนดีกว่านา...”
“สุดยอดวะไอ้หมีลามก...”
“แน่นอนอยู่แล้ว...คราวนี้ข้าเตรียมช็อกโกแลตฟรัสมาด้วยนะเฟ้ย...”
“เอามาทำไมกัน...”
“มันเป็นไอเดียของเลขาข้าเอง ทำฟองดูว์น้องกาลไงหละ เหอๆๆๆ”
“เจ๋งโคตร...เริ่มเลยดีกว่า...”
“ปะ...”
==============================================================
ไชโย...ในที่สุดก็จบภาคหนึ่งแล้วครับ
เหอๆๆๆ ใครตามอ่านเรื่อยๆก็จะรู้นะครับว่าผมอัพแต่ละตอนนี้เต่ามั๊กๆ
ก็ขอขอบคุณทุกท่านนะครับที่ยังตามอ่านตามคอมเมนท์นะครับ
ยังไงก็อย่าลืมภาคสองนะครับ ชื่อตอน จันทราที่สาปสูญ
ยังไงก็ขอขอบคุณมากครับ ทุกยอดวิวทุกคอมเมนท์
บ้ายบ้าย และพบกันใหม่ครับ