มาต่อแล้วค่า

เรื่องสั้นที่ 25 มนตราปฏิหารย์ [3]
กังสดาลกระเบื้องไหวกระทบกันเบาๆในเช้ามืดวันที่อากาศเย็นสบาย เสียงมันหวานใสแผ่วๆอย่างอ้างว้างในสวนกว้างของบ้านใหญ่ ขณะที่ทุกสรรพสิ่งอยู่ในความสงบเงียบราวกับเวลาไม่มีความสลักสำคัญอะไร ไม่ช้าไม่นานก็มีเงาร่างหนึ่งก้าวออกมานอกบ้าน
ร่างสูงก้าวยาวๆพลางสะบัดแข้งขาออกกำลังเบาๆอยู่ครู่ใหญ่ก่อนเริ่มออกวิ่ง ขณะท้องฟ้ายังมืดแต่ใต้ท้องฟ้าในรอบรั้วนี้เปิดไฟสว่างกว่า ส่องให้เห็นพื้นหญ้าเขียวสดและแผ่นหินทรายที่วางเว้นระยะอย่างเหมาะเจาะสำหรับสวนสวยแห่งนี้
สิงหาวิ่งเยาะๆออกกำลังอย่างที่ทำอยู่ทุกวัน เขาจะวิ่งรอบบ้านหลังใหญ่วันล่ะ 5 รอบเป็นอย่างน้อย ร่างสูงวิ่งได้รอบหนึ่งแล้ว รอบที่สองวิ่งให้ไกลขึ้นด้วยการอ้อมสวนดอกไม้ที่กั้นระหว่างตึกใหญ่และบ้านพักของคนงานแล้วจู่ๆก็เห็นบางอย่างแวบๆ เขาหยุดพรืด....
ไฟห้องครัวสว่างโร่ก่อนหกโมงได้ไง ใครลืมปิดไว้หรือเปล่า เท้าก้าวยาวๆไปสำรวจผ่านหน้าต่างดูเพื่อความแน่ใจ ภายในห้องว่างเปล่าแต่มีหม้อต้มตั้งไฟอยู่บนเตาแล้ว
เฮือก! ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง จู่ๆก็มีคนโผล่พรวดพราดขึ้นมาจากเคาน์เตอร์ ร่างเล็กผอมบางสวมแค่เสื้อยืดกางเกงยีนต์สั้นทับด้วยผ้ากันเปื้อนลายสต๊อกสีชมพู แถมมัดผมหางม้าอวดต้นคอขาวๆอีก
“อ๊ะ คุณสิงหา” มีนาหันมาเห็นเข้า เขายิ้มกว้างดีใจโบกมือหย๊อยๆ ทำให้เดินหนีหรือไม่สนใจก็ไม่ได้ เขาเปิดประตูเข้ามาก็ได้กลิ่นหอมๆยั่วน้ำลาย “ตื่นเช้าจังนะฮะ”
“เราก็ตื่นเช้าเหมือนกันนิ ทำอะไรอยู่”
“อาหารเช้าครับ วันนี้จะได้พบคุณท่านกับคุณผู้ชายแล้ว ผมจะให้พวกท่านประทับใจหน่อยเลยคิดว่าใช้อาหารเป็นตัวนำเสนอ ไม่รู้ว่าคุณท่านกับคุณผู้ชายไม่ชอบอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่าครับ” เด็กหนุ่มเข้ามาถามประชิดอย่างกระตื้นรื้อล้น ดวงตางี้พราวใสวิ๊งๆจนสิงหามองค้างขยับปากไม่ถูกเลย
“เอ่อ....ง่า....ไม่มี พวกท่านไม่มีอะไรที่ไม่ชอบเป็นพิเศษ”
“ดีครับ หวังว่าพวกท่านคงชอบนะ” มีนาคนข้าวต้มในหม้อเบาๆแล้วยกมือพรมปากขยับขมุบขมิบบางอย่างก่อนเป่าไล่ควันคุ้งออกไป
“ทำอะไร??”
“ข้าวต้มธัญพืชครับ ใส่ถั่วแดง แครอท หัวหอมใหญ่ เห็ดฟาง เผือก มัน ข้าวโพดแล้วก็หมูนิดหน่อย ต้องต้มไฟอ่อนๆให้ค่อยๆเละ เวลาทานจะได้รสหวานนิดๆ เหมาะสำหรับคนสูงอายุน่ะครับ”
มีนาอธิบายเป็นคุ้งเป็นแคว สิงหาหัวเราะชอบใจ “เปล่า ที่ฉันถามนั้นหมายถึงเมื่อกี้สวดมนต์อะไร”
“อ๋อ....” หน้าแตกเลย เด็กหนุ่มหัวเราะแก้เก้อ มือลูบผมเป็นพัลวัน “เคล็ดลับของแม่น่ะฮะ ถ้าอยากให้คนชอบ ผู้ใหญ่เอ็นดูก็ให้ท่องว่า ‘อร่อยแล้วอย่าไปไกล ให้กลับมาชิมรสมือกันอีกครั้ง’ แม่ว่าทำแล้วได้ผลน่ะ”
“ฮะ...” สิงหาหัวเราะเบาๆ นี่ไม่ใช่เรื่องงมงายแต่เป็นเรื่องของความรู้สึกมากกว่า เขาลากเก้าอี้มานั่งที่เกาะกลางหินอ่อน“งั้นต้องขอลองพิสูจน์หน่อยสิ ตักมาให้ชิมหน่อย”
“ยังนิ่มไม่ได้ที่นะฮะ....ข้าวคงแข็งไปนิด” มีนาตักใส่ถ้วยน้ำจิ้มมาให้นิดหน่อย
“แข็งนิดหน่อยก็ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มเป่าให้คลายร้อน พอเคี้ยวก็รู้ยังแข็งอยู่ แต่รสชาตินั้นกลมกล่อมทีเดียวไม่รู้สึกถึงรสเกลือหรือเครื่องปรุงแต่งอื่นๆเลย ความหวานน้อยๆนี่ก็มาจากธัญพืชล้วนๆ
“อืม อร่อยใช้ได้เลย”
“นี่เป็นเมนูประจำของบ้านผมครับ หน้าหนาวทานแล้วอุ่นมากเลย หน้าร้อนก็ทานดีนะครับ เหงื่อออกดีมากเลย ยิ่งใส่เขียดหรือแย้ด้วยนี่ยิ่งอร่อย”
อั่ก! แค่ได้ยินก็สำลักออกมาแทบไม่ทัน สิงหารู้ว่าที่กินไปไม่มีไอ้ตัวที่ว่า แต่แค่ได้ยินมันก็พุ่งออกมาซะแล้ว เขาไอซะน้ำหูน้ำตาไหล มีนารีบวางมือคว้าทิชชู่มาซับหน้าตาให้
“คุณสิงหา ผมไม่ได้ใส่อะไรพวกนั้นหรอกนะ”
“เอ่อๆๆๆ...” ชายหนุ่มโกรธปนขายหน้านิดๆ เขาเบือนหน้าหนีแล้วแย่งทิชปู่ยับๆมาเสียเอง ก่อนจะพบว่านิ้วเย็นๆวางอยู่บนริมฝีปาก เขาเหลือบตามองเจ้าของมือทันที
หัวใจน้อยๆเต้นโครมครามไปหมด หายใจไม่ออกแล้วร้อนไปทั้งหน้าด้วย เขาใกล้คนสำคัญของเขาขนาดนี้เชียว และกำลัง.....แตะต้องด้วย
หลังจากมีนาได้ยินจากแม่ว่า คนๆนี้ช่วยชีวิตเขาอย่างไม่เสียดายเงินทอง ผิดกับคนอื่นๆที่พ่อแม่เคยเจอมา ที่พอชนคนทีก็เล่นแง่ อ้างกฎหมาย ใช้คนข่มขู่สารพัด ทำให้คนจนต้องเจียมตัว และทำใจเวลาถูกเอารัดเอาเปรียบ แต่กับสิงหาแล้วยังช่วยเหลือให้ได้งานดีๆทำอีกด้วย ความดีใจของพ่อแม่ถ่ายทอดมาถึงเขา และสำหรับเขาแล้วสิงหาคือฮีโร่ ที่น่าชื่นชม ใจดี เอื้อเฟื้อ สูงใหญ่ สมาร์ทแล้ว.....
นิ้วน้อยๆหดกลับจะถอยแล้ว แต่ติดที่อุ้งมือจับข้อมือเขาแรงเชียว
“คุณ.....”
เหมือนถูกเตือนสติ สิงหาปล่อยมือทันที ร่างเล็กเซน้อยๆถอยไปชนเตาแก้ส ปึ่ก! น้ำข้าวต้มร้อนๆกระฉอกออกมาโดนบริเวณปั้นเอวเต็มๆ
“โอ้ย!!!! ร้อนๆๆๆ~~~~~” มีนากระโดดโหยงๆด้วยความเจ็บปวด
“มีนา!!!!” สิงหาตกใจ
“ร้อน!!!” เด็กหนุ่มร้องโวยวาย ก่อนจะถูกอุ้มขึ้นยัดลงในซิงค์แล้วเปิดน้ำเย็นๆใส่แล้วทึ้งผ้ากันเปื้อนออก
“โดนตรงไหน หา??”
อุ้งมือใหญ่กุมไหล่เขาแน่น ใบหน้าจ้องมองอย่างห่วงใยทำให้มีนาน้ำตาไหลด้วยความน้อยใจ ที่ซุ่มซ่ามทำตัวน่าอายอีกแล้ว
“มีนา โดนลวกตรงไหน หา?” สิงหาถามก็ไม่ตอบเลยถือวิสาสะดึงเสื้อยืดขึ้นเพื่อดูรอยแผล เด็กหนุ่มรีบตะครุบชายเสื้อไว้แน่น เขาหลบตาลงบอกอย่างอายๆว่า
“ที่....ที่ก้นครับ”
****************
“วันนี้ข้าวต้มอะไรล่ะเนี่ย”
มนตรี เป็นชายแก่อายุ 75 ร่างกายผอมแต่ยังแข็งแรง เขามีผมสีเทาๆ ริมฝีปากเม้มตลอดเวลา ดวงตาดุที่ใครเห็นเป็นต้องกลัว เขาลงมาทานอาหารเช้าพร้อมหน้าทุกคนในบ้านก็แปลกใจที่เห็นอาหารเช้าแตกต่างกว่าทุกวัน
“ข้าวต้มธัญพืชครับ”
ผู้เฒ่ามองคนหน้าใหม่อย่างสำรวจตรวจตรา “เราเป็นใครกัน”
“มีนาครับ เด็กคนที่ผมเล่าให้ปู่ฟังไงครับ” สิงหาตอบแทน
“อ้อ เด็กที่คุณวาสนาแนะนำมาใช่ไหม”
“ครับ” ชายหนุ่มรับคำก่อนแลตามองเจ้าตัว มีนารู้ตัวว่าถูกเตือนให้ระวังตัวเรื่องที่สัญญาเอาไว้ คือห้ามบอกใครเด็ดขาดว่าครอบครัวได้ทำงานที่สวนเพราะถูกรถที่บ้านชน เขาต้องปิดปากให้สนิทถึงจะมีโอกาสได้ทุนเรียนต่อ
“ข้าวต้มนี่ใส่อะไรบ้างเนี่ย”
“ใส่ถั่วแดง แครอท หัวหอมใหญ่ เห็ดฟาง เผือก มัน ข้าวโพดแล้วก็หมูครับ ผมตั้งไฟอ่อนๆเคี่ยวตั้งแต่ตี 5 ให้มันนุ่มเคี้ยวง่ายครับ”
“เหรอ...” ชายแก่คนเบาๆแล้วตักชิมคำเดียวก็อมยิ้ม เขาหันไปบอกกัปนาทลูกชาย “จำได้ไหม โอ้ ตอนแก 5-6 ขวบยังต้องกินข้าวต้มใส่เผือกอยู่เลย”
“ผมจำได้ เรามีปลาทูตัวเดียวแล้วต้องแบ่งกันกิน 3 คน เวลากินต้องกินข้าวเยอะๆ ปลาน้อยๆ ข้าวต้มอย่างเดียวนี่กินไม่อยู่ท้องจริงๆ......เห็นแล้วคิดถึงแม่นะครับ”
“ใช่” สองพ่อลูกยิ้มอย่างมีความสุขที่นึกถึงเมื่อหนหลัง ส่วนคุณกานดากับสิงหาเงียบกริบเพราะเกิดไม่ทันยุคนั้น แต่ก็พอใจที่เห็นทั้งคู่มีความสุข ชายหนุ่มเหลือบมองร่างเล็กที่หน้าเครียดนิดๆ ยืนได้ไม่เต็มความสูงเพราะต้องระวังไม่ให้กางเกงเสียดสีกับแผล เกิดเรื่องตอนเช้ามืดอย่างนี้คลินิกไหนก็ยังไม่เปิด เขาเลยต้องเอาว่านหางจระเข้ทาไว้แก้อาการปวดแสบปวดร้อน
“อืม....อร่อยใช้ได้เลย” ในที่สุดหัวหน้าครอบครัวก็ทานหมดชามอย่างมีความสุข “ฝีมือดีนี่ แต่เรื่องเรียนนี่ดีเท่าฝีมือทำอาหารหรือเปล่า”
“ผมเช็คแล้วครับ เรื่องเรียนนั้นหายห่วงได้เลย คะแนนดีอันดับหนึ่ง ความประพฤติดี แล้วช่วยเหลืองานในไร่อย่างสม่ำเสมอ ไม่มีเสียงตำหนิเลย”
มนตรีมองหลานชายก่อนจะมองลูกชายที่มีสายตาเห็นชอบด้วย “อืม...งั้นเราก็ตัดสินใจไปแล้วกัน”
“ครับ”
“ตกลง....เจ้ากันยาจะกลับเมื่อไรน่ะ ปู่ลืมไปแล้ว”
“พรุ่งนี้ครับ”
“อืม แล้วทางโน้นส่งข่าวมาหรือเปล่าว่ามันก่อเรื่องอะไรไหม”
“ไม่มีครับ”
“ดีแล้ว ส่งมันไปเรียนเมืองนอกนี่ถือว่าตัดสินใจถูกแล้วนะครับ พ่อ”
“ใช่ ถ้ากลับมาแล้ว แกคิดว่าจะให้กันยาทำอะไรต่อไป”
“คงได้เวลาให้รับผิดชอบตัวเองเสียทีล่ะครับ สิงหา แกคิดว่าจะมีตำแหน่งว่างให้น้องทำงานหรือเปล่า”
“อ่า.....ตอนนี้ไม่มีครับ อันที่จริงผมคิดว่า...อยากให้เขาลองทำอะไรที่ตัวเองชอบก่อน ถ้าไม่มีจริงๆค่อยเรียกมาทำงานก็ไม่สาย”
“เหลวไหล” สองพ่อลูกว่าใส่พร้อมๆกัน
“จะให้เสียเวลาไปเปล่าๆปลี้ๆได้ไง”
“ใช่ ปล่อยไปทำงานเป็นลูกน้องคนอื่น ไม่สู้มาทำงานให้ครอบครัวหรือ คิดอะไรของเรากัน....ตามใจมันมากไปแล้วนะ”
สิงหาเงียบไม่เถียงปู่กับพ่อ ทำให้บรรยากาศอึดอัด มีนามองตาปริบๆรู้สึกไม่ชอบเลย แต่ตอนนี้เขาปวดแผลมากกว่า มันเจ็บจี้ดๆมากขึ้นเรื่อยๆแล้ว
“เอ่อ ขอตัวก่อนนะครับ วันนี้ว่างๆผมจะพามีนาไปดูมหาลัยสักหน่อย”
“สิงหา วันนี้มีประชุมที่บริษัทไม่ใช่เหรอ” กัปนาททำให้ลูกชายชะงัก
“เอ่อ.....ครับ แต่ ประชุมก่อนแล้วค่อยไปก็ได้ครับ”
“เราอายุเท่าไรแล้ว” กัปนาทหันมาถามมีนา
“สิบ....สิบเจ็ดครับ”
“โตพอจะรับผิดชอบตัวเองได้แล้วนี่ จัดการเรื่องของตัวเองให้เรียบร้อยแล้วมาสรุปให้ฉันฟัง ทำได้ไหม”
“ได้ครับ” มีนายืนยันหนักแน่นกว่าเดิม เมื่อมาอยู่ในการอุปถัมถ์ของคนอื่นก็ต้องทำตัวให้ดีถึงดีที่สุดเลยล่ะ สงสัยเขาต้องไปหาหมอก่อนไปหาที่เรียนซะแล้ว สิงหาลุกขึ้น ร่างเล็กรีบคว้ากระเป๋าเอกสารตามไปส่งถึงรถด้วยท่าเดินแปลกๆ
“มีคิลนิกที่หน้าปากซอย ไปหาแล้วนอนพักซะ พรุ่งนี้ฉันจะพาเราไปมหาลัยเอง”
“ไม่เป็นไรครับ ผม....ผมคิดว่าพอไปเองได้”
“ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว รอฉัน เข้าใจไหม” เขาสั่งดุดันก่อนขึ้นรถออกไป ทิ้งให้มีนายืนมองตาปริบๆ รู้สึกอึดอัดนิดๆที่โดนเจ้ากี้เจ้าการใส่ แต่ก็ปลื้มกับความใจดีของชายหนุ่ม
วันนี้ทั้งวันสิงหาทำงานแบบใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลย ก้มหน้าแป๊ปๆก็ต้องนึกถึงสีหน้าตกอกตกใจ กับความซุ่มซ่ามเฟอะฟะของคนตัวเล็ก ป่านนี้แล้วไปหาหมอหรือยัง แผลจะพองไหม เอ....ลืมถามไปเลยว่ามีเงินพอหรือเปล่า จากบ้านนอกมาจะพกเงินมาแค่ไหนน่ะ เขาน่าจะให้เงินไว้ก่อน
“คุณสิงหา??”
“ห๊า!” ชายหนุ่มเพิ่งได้สติ
“ได้เวลาประชุมแล้วครับ” กนกเตรียมเอกสารรออยู่แล้ว
“โอเค” เขาลุกขึ้นเตรียมตัวไปห้องประชุมใหญ่ “กนก นัดหมายบ่ายนี้ช่วยเลื่อนไปวันพรุ่งนี้แทนนะ ฉันมีธุระต้องไปทำก่อน เอ่อ ไม่สิ เลื่อนเป็นบ่ายพรุ่งนี้แทนดีกว่า”
“บ่ายนี้คุณจะไม่กลับมาเหรอครับ”
“ใช่” เขามีหลายเรื่องที่ต้องจัดการเลยล่ะ ประชุมงานวันนี้ยืดกว่าที่คิด สิงหาออกมาได้ก็เกือบบ่ายสามแล้ว เขาขับรถกลับมาบ้านแต่ก็ไม่ลืมแวะไปซื้อยากับของจุกจิกนิดหน่อย ขับรถถึงบ้านเขาก็เดินดุ่มๆไปหลังบ้านในส่วนที่พักของลูกจ้างในบ้าน เขารีบร้อนจนไม่ทันเห็นรถแท็กซี่แล่นเข้ามาจอดในบ้าน ชายหนุ่มคนหนึ่งก้าวออกมา เขายืนบิดเอวไปมาแก้เมื่อย ขณะที่คนในบ้านออกมาดูและก็จำได้ทันที
“ต๊าย.....คุณกันยา กลับมาทำไมไม่บอกล่ะคะ มาแท๊กซี่ทำไม”
“บอกก็ไม่เซอร์ไพส์สิ ช่วยยกของผมไปเก็บด้วยนะครับพี่รุ่ง”กันยาทักทายเหล่าพี่ๆคนงานในบ้าน แต่สายตามองหลังพี่ชายเดินหายไปหลังบ้าน
“พี่สิงหาไปไหนน่ะ วันนี้ไม่ทำงานหรือไง”
“ไปคะ เพิ่งกลับมา สงสัยไปหาเด็กที่มาใหม่มั่งคะ”
“เด็กใหม่??”
“เด็กใหม่ชื่อ มีนา คะเพิ่งมาจากไร่ เห็นว่ามาขอทุนเรียนต่อ คุณสิงหาเลยให้มาทำงานที่บ้าน เด็กนิสัยดีนะคะ ท่าทางคุณสิงหาจะเอ็นดู” พี่รุ่งนำเด็กๆช่วยหอบหิ้วสัมภาระของเขาเข้าบ้านไป
กันยานึกสงสัยทันที ร้อยวันพันปีไม่เคยเห็นพี่ชายสนใจใยดีลูกจ้างถึงขนาดไปหาถึงที่เลย เขตบ้านพักคนงานนั้นแทบไม่เคยไปเหยียบย่างหาคนถึงที่....ต้องมีอะไรแน่ๆ คิดได้ดังนี้ก็ต้องตามไปดูให้เห็นกับตา
ก๊อก!ก๊อก!
“ครับ”
“ฉันเอง เปิดประตูหน่อย”
บอกแค่นี้ในห้องเกิดเสียงตึงตังก่อนเปิดพรวดออกมา “คุณสิงหา”
“ไม่ต้องรีบ ทำอะไรอยู่ ไปหาหมอมาหรือยัง” พอถามอย่างนี้ มีนาก็ได้แต่ยิ้มแห้งอย่างขอโทษ “ไม่ได้ไปเหรอ ทำไมล่ะ”
“ก็....”
เหตุผลบางอย่างที่พูดไปก็อายเปล่า สิงหาพอเข้าใจ “ฉันพาไปหาหมอดีไหม”
เด็กหนุ่มส่ายหน้า “ไม่เป็นไรแล้วครับ แค่ปวดแสบปวดร้อนนิดหน่อย ทาว่านหางจระเข้แล้ว พรุ่งนี้ก็หายครับ”
“แค่นั้นจะหายได้ยังไง....ฉันซื้อยามาตั้งหลายอย่าง ฉันทาให้นะ”
“ครับ??” มีนาถึงกับหน้าเหวอไปเลย
ขอบคุณทุกคอมเม้นต์นะคะ
