#..ทีละเล็กทีละน้อย
"....เข้ม..."
"ไอ้พี่เข้มโว้ย!!" เสียงตะโกนใช่เบาที่ข้างหูทำเอาคนที่กำลังนั่งเหม่อเอามือเท้าคางสะดุ้ง เสียหลักศอกที่ยันอยู่กับโต๊ะพลาดจนหน้าแทบจะทิ่มลงไปบนเคานท์เตอร์ ...พอกันกลับไปมองเจ้าของเสียงก็พบน้องสาวกำลังยืนเอามือเท้าเอวหน้าโหดอยู่ข้างๆ ...ตะโกนใส่หูพี่มันทำไมวุ้ย
"อะไรขิง เรียกซะเสียงดัง เกิดลูกค้าเข้ามาคงได้วิ่งหนีไปพอดี" ไอ้เข้มแกล้งเก๊กมาดขรึมใส่
"ลูกค้าน่ะมาโน่นแล้วพี่ ขิงก็จดออร์เดอร์ให้แล้ว มัวเหม่ออยู่ได้" อ้าวเวร!! มาตั้งกะเมื่อไร ไม่เห็นได้ยินเสียงกระดิ่งหน้าร้านเลยฟะ
พอหยิบใบจดออร์เดอร์ขึ้นมาดูก็อดไม่ได้ที่จะหันไปมองหน้าเจ้าของกาแฟถ้วยแรกของตอนบ่าย แล้ว....ก็ต้องมีอันเป็นไป เย้ย!! ไม่ใช่ดิ มีเหตุให้เจ้าของร้านกาแฟต้องใจหล่นวูบกระเด้งกระเด็นกระดอนไปมา(เว่อร์ได้อีกเหอะ) เพราะไอ้เจ้าของกาแฟแก้วนี้ มันเป็นคนๆเดียวกับคนที่ทำให้ไอ้เข้มต้องมานั่งถอนหายใจทิ้งตั้งแต่เช้า ก็หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุกาแฟราดตัวมันวันนั้น...พอได้ของที่ต้องการแล้ว มันก็หายไป หายหัวไปเลย แน่ล่ะ....ก็ที่นี่เป็นแค่ร้านกาแฟ แค่เดินมาซื้อ จ่ายเงิน แล้วก็ถือแก้วแล้วเดินจากไป จะเอาที่ไหนมาผูกพันในเมื่อมันเป็นการซื้อขายขาด แล้ว....วันนี้มันมานั่งยิ้มแบบเดิมทำไม....!!
สายตาสองคู่กำลังมองสบกัน คนหนึ่งยืนหน้างออยู่หลังเคานท์เตอร์ ส่วนอีกคนกำลังนั่งอมยิ้มน่าหมั่นไส้อยู่ตรงโต๊ะเล็กๆข้างในสุดของร้าน แม้จะอยู่ในระยะไกลจนไม่อาจรับรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังคิดอะไร แต่สิ่งที่ได้ยินชัดเจนก็คือ...เสียงหัวใจตัวเองกำลังเต้นรัว...บ้าไปแล้วจะมือสั่นทำไมวะ!!
"ขิงจะไปเรียนแล้วนะ พี่เข้มอยู่คนเดียวได้เปล่า" เสียงเรียกของน้องสาวเหมือนระฆังหมดยก ช่วยเรียกให้สติกลับมาอยู่ที่ถ้วยตวงส่วนผสมกาแฟตรงหน้า
"อยู่ได้ดิ แล้วตอนเย็นจะเข้ามาร้านอีกรึเปล่า" คำตอบที่ได้คืออาการส่ายหน้าคล้ายเบื่อหน่ายพร้อมกับถอดผ้ากันเปื้อนหวานแหววของตัวเองออก
"วันนี้คงกลับบ้านเลย มีรายงานต้องส่งน่ะ พี่...ไม่เป็นไรแน่นะ" ไอ้ขิงยังขมวดคิ้วมองมาอย่างสงสัย
"เออน่า ไปเถอะ เดี๋ยวก็สายหรอก" ยื่นมือ(ที่เปื้อน)ไปขยี้หัวน้องสาว แล้วจับโยกไปมา จนไอ้ขิงหันมามองตาเขียวเพราะรู้ทันนั่นแหละถึงได้โดนปัดมือออก เสียงหัวเราะเบาๆตามหลังน้องสาวพร้อมกับโบกไม้โบกมือส่ง รอจนน้องเดินลับสายตาไปกาแฟที่กำลังคนอยู่ก็ได้ที่เสร็จพอดีพร้อมเสิร์ฟ
ใช่ว่าจะไม่เคยอยู่เฝ้าร้านกาแฟคนเดียว
ใช่ว่าจะไม่เคยยกกาแฟไปเสิร์ฟด้วยตัวเองซะเมื่อไร
แล้วทำไม....ใจมันสั่นๆ ไม่ใช่ความกลัวแน่ๆ รอยยิ้มของไอ้คุณลูกค้าที่หายหน้าไปหลายวันนั่นแหละ...อันตราย...สายตาที่มองตรงมาอีก ...มันไม่คิดจะมองบรรยากาศรอบๆตัวบ้างรึไง เกิดเดินสะดุดขาตัวเองหัวทิ่ม กาแฟหกรดบนหัวมันขึ้นมาอีกล่ะ....ซวยซิครานี้ เจอตามอาฆาตถึงชาติหน้าแหงมๆ
"กาแฟที่สั่งได้แล้ว" ห้วนได้อีกเหอะ...นี่ถ้าไอ้ขิงอยู่พี่มันคงโดนค้อนเข้าให้แน่แท้ แล้วพอวางแก้วปุ๊บไอ้เข้มก็หมุนตัวกะเดินกลับไปนั่งเฝ้าเคานท์เตอร์ทันทีทันใด แต่...
"ดูว่างๆนี่ นั่งคุยกันก่อนดิ" จะเรียกทำไมวะครับไอ้คุณลูกค้ากิตติมศักดิ์ นี่ถิ่นใครให้มันรู้ซะบ้างอย่ามาทำเสียงดุใส่นะเว้ยเฮ้ย แล้วก็ไม่ได้ว่างถึงขนาดจะมานั่งเซอร์วิสลูกค้าทุกโต๊ะด้วย(ได้ข่าวว่าตอนนี้มีอยู่โต๊ะเดียว และคนเดียวในร้าน)
"นี่ร้านกาแฟ ไม่ใช่ร้านเครื่องดื่มแบบมีเด็กนั่งดริงค์เว้ย" ไอ้คุณลูกค้าที่กำลังยกแก้วกาแฟขึ้นจรดริมฝีปาก หยุดชะงักแล้วเงยหน้าขึ้นมาเลิกคิ้วมองเหมือนกับว่าแปลกใจอะไรนักหนา
"หน้าตาแบบนี้เป็นได้ด้วยรึ?" ฮ่วย!! ไอ้นี่มันจะมากินกาแฟหรือมาหาเรื่องฟะ เดี๋ยวปั๊ดเอาหัวมาลองความแข็งของถาดซะนี่ ..ไม่เข้าใจทั้งที่ปากมันแบบนี้ไอ้เข้มยังใจเต้นไปได้ สงสัยจะเพี้ยน
กรุ๊งกริ๊ง ยังไม่ทันจะได้หย่อนตัวลงนั่ง เสียงกระดิ่งที่แขวนอยู่ที่ประตูสั่นบ่งบอกให้รู้ว่ามีลูกค้าอีกรายหลงเข้ามาร้านกาแฟตอนบ่ายแก่ๆแบบนี้ พอหันไปมองก็ต้องขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความสงสัย ก็ใบหน้าของคนที่เดินเข้ามามันคุ้นตาว่าเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แน่ะ....มียิ้มให้อีก คิดจะให้ท่าไอ้เข้มรึไงคร้าบบบบ
"กลับมาแล้วครับ" ???....ใครฟะ...?? เสียงมันไม่คุ้น แต่ว่าสายตากับรอยยิ้มอารมณ์ดีแบบนี้....มันเหมือน...เด็กหนุ่มคนหนึ่ง...เมื่อหลายปีมาแล้ว...
"เฮ้ย! กันต์เหรอ? จริงอ้ะ?" ไอ้หนุ่มตรงหน้ายังคงคลี่ยิ้มตาหยี พร้อมกับพยักหน้ายืนยันคำตอบ แขนสองข้างอ้าออกตอนที่ผมเดินเข้าไปใกล้ ก่อนจะคว้าตัวเอาไปรัดแน่นอยู่กับอก แถมด้วยการกดจมูกลงมา ก็...เฉียดๆแก้มไปนิดหนึ่ง ถ้าไม่ยกถาดในมือบังเอาไว้ล่ะก็นะ
ไอ้หนุ่มที่กำลังลวนลามไอ้เข้มเป็นใครมาจากไหน....ย้อนไปเมื่อวันวานหลายปีมาแล้ว จากเด็กหนุ่ม'น้องกันต์' กิ๊กเก่าใสกิ๊งๆของผมเอง ตอนนี้กลายเป็นหนุ่มเต็มตัวแล้ว เราสองเจอกันโดยบังเอิญ น้องมีปัญหากับคนในครอบครัว ผมเองก็เพิ่งแยกออกมาจากครอบครัวเพื่อมาเปิดร้าน จะยังไงก็แล้วแต่...เพราะเราสองคนมีปัญหาที่เกิดมาจากสาเหตุเดียวกัน พอเริ่มคุยกันถูกคอ ก็เริ่มพบกันบ่อยขึ้น ความสัมพันธ์จากพี่น้องอยู่ดีๆ วันหนึ่งกันต์ก็บอกว่า'ชอบ' ไม่ใช่แค่พี่ชาย แต่เป็น'ชอบ'คนๆหนึ่ง
เราเลยเริ่มคบกันตั้งแต่บัดนั้น แต่หลังจากที่น้องไปเรียน..ความห่าง ระยะทาง และเวลา มันเป็นอุปสรรคมากมายมากกว่าที่คิด ใครที่ทนผ่านไปได้ ผมคนหนึ่งที่จะยอมยกนิ้วโป้งให้สองข้างแล้วตะโกนบอกเลยว่า 'เยี่ยมมาก คุณได้ผ่านการทดสอบแล้ว'
ผมเข้าใจว่าตอนนั้นน้องยังเด็กมากที่จะต้องมาแบกรับความสัมพันธ์ภายใต้เงื่อนไขอะไรเหล่านั้น...มันหนักไป ...และผม..ก็กลัวเหลือเกินที่จะต้องผิดหวัง หากต้องถลำลึกลงไปมากกว่านี้ ถึงได้เว้นระยะห่างจิกหัวตัวเองกลับมายืนตรงกลางทาง ปล่อยให้เวลามันพิสูจน์ทุกสิ่งไปตามทิศทางอย่างที่มันควรจะเป็น
"กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ ไม่เห็นบอก" น้องกันต์ทำเสียง 'หึ' ในลำคอ เพิ่งสังเกตว่าตอนนี้ตัวสูงกว่าแล้ว แรงก็เยอะ กอดทีกระดูกแทบแหลก
"ผมเดินผ่านมาตั้งแต่เมื่อวาน ว่าจะแวะเข้ามาเซอร์ไพรส์ แต่ป้ายหน้าร้านเป็น 'close' นะ"
"ตอนไหนฟะ" ไอ้นี่ก็ยืนคิดไม่ได้รู้ตัวเลยว่ายังอยู่ในอ้อมกอดผู้ชายด้วยกัน หน้าร้านก็เป็นกระจก แถมยังมีผู้ร่วมชมฉากสวีทอยู่อีกคน จนได้ยินเสียงเหมือนคนกำลังสำลักโก่งคอไอแบบเอาเป็นเอาตายอยู่ข้างหลัง ไอ้เข้มถึงได้นึกได้แล้วดันตัวออกมาจากอ้อมแขนกิ๊กเก่า แล้วหันมาขมวดคิ้วมองคุณลูกค้าเพียงคนเดียวในร้าน
"ตายไหม?" ไอ้คุณลูกค้ามองตรงมา แต่สายตาไม่เหมือนตอนแรกแล้ว เหมือนกับไปโกรธใครมาซักชาติ ...เหมือน....ตอนที่โดนตามล่าครั้งเก่าก่อน...ไปทำไรให้มันโกรธอีกวะ อุตส่าห์ทำเป็นเนียนลืมเรื่องคดีเก่าแล้วนะ...อย่ามามองไอ้เข้มด้วยสายตาพิศวาสซาตานแบบนั้น(น่ากลัวเว้ย!!)
"ขอน้ำเปล่า!!" สำลักเองนะ..แล้วมันจะมาทำเสียงดุ หน้าโหดเพื่อ....??
"วันนี้ร้านปิดกี่โมงครับ ทานข้าวกันนะ" ไอ้คุณน้องกันต์ก็ยังคงลั้นลา แม้จะยอมคลายอ้อมแขนจากตัว แต่ก็ยังไม่ยอมถอยออกห่าง ส่งสายตาออดอ้อนหากแต่แฝงไปด้วยความเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิดมาให้
"แค่กๆ" เสียงไอ้คนข้างหลังก็ยังคงกระหน่ำไอแบบเอาเป็นเอาตายคล้ายลูกกระเดือกจะกระเด็นกระดอนออกมาข้างนอกได้ยังงั้น
"เออ..เดี๋ยวนะ ไม่ซิ วันนี้ต้องอยู่เก็บร้านด้วย แล้ว...." ยังไม่ทันพูดจบ โทรศัพท์มือถือของน้องกันต์ก็ดังขึ้นเสียก่อน ชื่อที่ขึ้นบนจอเป็นใครไม่รู้มองไม่เห็นแต่ดูเหมือนเจ้าของโทรศัพท์จะขมวดคิ้วพร้อมกับถอนหายใจอีกหนึ่งเฮือกก่อนจะกดรับ และด้วยความมีมารยาท ไอ้เข้มก็เลยต้องเดินเลี่ยงไปอีกทาง...ประเด็นคือมีสายตาอาฆาตคู่หนึ่งกำลังเพ่งมาทางนี้ คล้ายจะโดนฆาตกรรมในไม่ช้า ถ้าไม่ได้เอาน้ำเปล่าไปเสิร์ฟให้..ไอ้คุณชายคิงคอง
หมับ!!
"เย้ย!! อะไร?" ตกใจดิครับท่าน พอยกแก้วน้ำเปล่าไปให้ไอ้คุณชายแทนที่มันจะคว้าแก้ว ดันคว้าข้อมือคนเสิร์ฟซะงั้น ไม่หนำใจยังจ้องมองมายังกับจะกินเลือดกินเนื้อ มืออีกข้างที่ว่างล้วงเข้าไปในกระเป๋าเสื้อ...อย่าบอกนะ..ว่าจะเอาอาวุธสังหารออกมา....แว้กกกกกกกกก!!
"เก็บร้านเสร็จแล้วโทรหาด้วย ไม่งั้น..." อาวุธสังหารที่ว่าเป็นกระดาษแผ่นเล็กๆ ที่ยัดเยียดใส่มือแทนที่จะเป็นมีดหรือปืนพก มาพร้อมกับสายตาข่มขู่และท่าทางที่ยกนิ้วปาดคอตัวเอง ก่อนจะลุกพรวดแล้วเดินออกไปจากร้านหน้าตาเฉย....!
"ดะ..เดี๋ยว..." เฮ้ย!!! ค่ากาแฟล่ะครับท่าน นามบัตรมันจ่ายหนี้ตามกฎหมายไม่ได้โว้ยยยยยย
แล้ว....โทรหา!?...ทำไมต้องโทรหาด้วยฟะ....กลับมาก่อน ไอ้บ้าาาาาาาา ไอ้เข้มงง!!
===========>รับกาแฟเย็นๆซักแก้วไหมค่ะ
อิอิ..เพิ่งได้ฤกษ์เปิดร้าน หยุดนานจนลืม ขาดรายได้ กรั่กๆ
ขอบพระคุณลูกค้าทุกท่านที่เข้ามาอุดหนุนเจ้าค่ะ
กาแฟแก้วกลมพร้อมเปิดให้บริการ คึคึ