อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน  (อ่าน 118049 ครั้ง)

ออฟไลน์ insomniac

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1482
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-3
เรื่องดีๆ เป็นแนวที่หาได้ยากจริงๆ ครับ
อยากให้ได้อ่านกันทุกคน

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
น่าติดตามมากเรื่องนี้เข้ามาดูตลอด


เรื่องราวไปเรื่อยๆ เรื่องราวน่ารักๆระหว่างคนสามคนทีมีความรู้สึกดีๆต่อกัน :L1: :L1:

ออฟไลน์ luxilove

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1042
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2415/-118

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
รุ่งแอบคิดอะไรกับพี่ยาคนดีละสิ
รออ่านเสมอค่า

arrow

  • บุคคลทั่วไป
ชอบพลอตมากเลยค่า เขียนจบแล้วใช่ไหมคะ
ขอแอบถามหน่อยว่า ดราม่า มากไหม
พอดีไม่ค่อยอ่านแนวดราม่า แต่อยากอ่านเรื่องนี้มากๆ
ถ้าจัดดราม่าหนัก จะได้ทำใจรอไว้ค่า

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 5 อยากให้&#
«ตอบ #35 เมื่อ17-04-2011 15:25:10 »

6.
   
   เวลาประมาณหกโมงเช้าที่ท่ารถสองแถวหน้าปากทางเข้าตลาด..สองหนุ่มสะพายกระเป๋ามาถึง คนบนรถซึ่งมาจับจองที่นั่งก่อนมองเขาทั้งคู่ด้วยสายตาเป็นมิตร ก่อนจะส่งภาษาพื้นเมืองถามไถ่ว่ามาจากไหน? จะไปไหนและมาที่นี่ทำไม? สุริยาก็ตอบทีเล่นทีจริง ไปทีละคำถาม..แล้วก็แกล้งถามคืนบ้างว่า ..จะขนอะไรไปไหน ขายที่ไหน ราคาเท่าไหร่ แล้วจะกลับบ้านกันกี่โมงกี่ยาม
   และลงท้ายที่ทำให้สองหนุ่มยิ้มแก้มแทบปริ คือ

   “หน้าตาดีทั้งคู่เนอะ น่าจะไปเป็นดารา”

   เมื่อใกล้เวลารถออกทั้งคู่จึงเลิกยงโย่ยงหยกจากด้านท้ายรถ มานั่งเบียดกันตรงท้ายเบาะ เนื่องด้วยบรรดาป้า ๆ น้า ๆ บอกว่า มันอันตรายถ้าจะโหนกันแบบนั้น และที่สำคัญมันไกลมาก คงยืนไปตลอดทางไม่ไหว และยังไม่ทันที่รถจะออก มือขาวเหลืองนิ้วเรียว ๆ ก็ลอดช่องลมมาสะกิดที่เอวสุริยา ชายหนุ่มรีบหันไป พบกับรอยยิ้มหวานคลอด้วยน้ำตาของสาวแสงทอง

   “เอาส้มกับน้ำดื่มและข้าวเหนียวเนื้อทอดมาให้จะได้มีกินระหว่างทาง”

   “ขอบใจมากนะ แล้วเราคงได้เจอกันอีก...ขอบใจหนูจริง ๆ”

   รถแล่นออกไปแล้ว แสงทองยังยืนตาละห้อย โบกมือลา..คงอีกนานทีเดียวกว่าจะได้พบกัน..แล้วภาพเมืองเล็ก ๆ ก็ค่อย ๆ จางหายไปจากคลองจักษุ เหลือเพียงภาพต้นไม้ภูเขาลูกแล้วลูกเล่ากับถนนที่วกวนจนแทบจะอาเจียนก็หลายครั้ง..รุ่งโรจน์นั้นพอกลืนข้าวเหนียวเนื้อหมดห่อก็ไม่ลืมหูลืมตา กอดเอวสุริยาแล้วก็ซบบ่าอย่างไม่ได้รู้สึกว่ามีสายตานับสิบคู่มองมา..ด้วยความสงสัย.....

   “เมารถดิ๊ เกาะกันให้แน่น ๆ นะ อย่าได้ปล่อยมือเดี๋ยวตกลงไปจะลำบากพวกเรา..”

   พอได้ยินสุริยาก็ขำ กิ๊ก ๆ นึกสภาพว่าถ้ารุ่งโรจน์ปล่อยมือแล้วตกลงจากรถไป.. ‘พวกเรา’ ที่นั่งมองจะลำบากประการใดหนอ..
   

   รถยนต์คันนั้นแล่นทุลักทุเลจากปางจันทร์มาถึง อ.อมก๋อย มาถึง อ.ฮอด รับส่งผู้โดยสารรายทางและผู้โดยสารแต่ละคนใช่จะมาตัวเปล่า แต่ละคนก็หอบสัมภาระเป็นกระสอบ ๆ โยนขึ้นโยนลงจากหลังคา..คล้ายกับว่าจะอพยพโยกย้ายถิ่นฐาน..สุริยานึกถึงสภาพบ้านตัวเองเมื่อสมัยก่อน ก็อดที่จะบอกเล่าให้รุ่งโรจน์ได้รับรู้ไม่ได้ แต่ในเวลานี้ ความยากลำบากในภาคกลางเช่นนั้นหายไป เหลือเพียงการแข่งกันมั่งมีพาหนะทันสมัยเพื่อความสะดวกสบาย..

   รถคันนั้นจอด ณ จุดสุดท้ายที่อำเภอฮอดในเวลาบ่ายสี่โมงเย็น ถามถึงรถที่จะเข้ากรุงเทพฯ ..นายสถานีบอกว่าจะออกจากจอมทองตอนสิบแปดสามสิบนาฬิกา ดังนั้นการฆ่าเวลาที่เหลือคือนั่งรถจากฮอดไปที่ อ.จอมทอง สักการะพระธาตุศรีจอมทอง..พระธาตุประจำราศีปีชวด..

   “ไปไหนไปด้วย ไม่มีเงินเหลือติดตัวเลยนี่” รุ่งโรจน์ว่าอย่างนั้น สุริยาเองก็นึกขำ นึกถึงคนมือขาดตีนขาด ไร้ทรัพย์ คงจะหมดหนทางกระทำสิ่งใดจริง ๆ  แม้เงินจะซื้อบุหรี่เพื่อสูบดังวันวานเขาก็ไม่ร้องขอ อยากจะเลี้ยง จะให้กินอะไร ก็ซื้อแล้วยื่นให้โดยไม่ต้องซักถาม..

   ถึงตลาดจอมทอง ข้ามถนน พบพระธาตุตั้งตระหง่านอยู่ในวัด..

   “ใจจริงอยากขึ้นดอยอินทนนท์แต่หมดเวลาเสียแล้ว”

   “ก็นอนสักคืนแล้วขึ้นพรุ่งนี้ก็ได้”

   “หมดเงินด้วย” สุริยาบอกความจริง ทำให้คนฟังหน้าเสียในทันที

   “ไม่เป็นไรหรอก วันหน้ายังมี ไปเถอะสิ่งที่ผมตั้งใจมา อยู่ตรงนี้ ส่วนพระมหาธาตุเจดีย์นภเมทนีดลกับพระมหาธาตุเจดีย์นภพลภูมิสิริ บนยอดดอย วันนี้บุญยังไม่ถึง ก็เอาไว้คราวหน้า..” สุริยาสะพายเป้ ซึ่งมีสมบัติทุกชิ้นของรุ่งโรจน์รวมอยู่ด้วย เพราะเจ้าตัวมีเพียงเสื้อกับกางเกงและรองเท้าเท่านั้น..แสงทองจึงบ่นว่ามาถึงปางจันทร์ได้อย่างไร..

   “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าไปถึงปางจันทร์ได้อย่างไร อารมณ์เบื่อ ก็ลงรถขึ้นรถต่อ ๆ ไป ..กรรมอย่างแสงทองว่าไว้มั้ง ดวงจะได้เจอกัน  ต่อให้อยู่สุดหล้าฟ้าเขียวก็ได้เจอ”..

   พระธาตุศรีจอมทอง พระธาตุประจำราศีปีชวดตามคติความเชื่อของชาวล้านนา..ต้องแสงพระอาทิตย์ยามเย็น ทำให้องค์พระธาตุย่อมุมไม้สิบสองหน้ากว้างสี่สูงแปดเมตรมีประกายแสงสีทองสุกปลั่ง ด้านในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนขากรรไกรสามารถนำออกมาสักการะและสรงน้ำได้ ซึ่งต่างจากพระธาตุในยุคเดียวกันที่ฝังพระธาตุหรือกระดูกของพระพุทธเจ้าไว้ใต้ดินก่อนจะสร้างองค์พระเจดีย์ครอบไว้ จึงเป็นที่มาของการห้ามสตรีขึ้นสู่ส่วนฐานเขียงส่วนที่ติดพื้นดินขององค์พระธาตุ

   สุริยาพารุ่งโรจน์ไปซื้อดอกไม้ธูปเทียนของวัดส่งให้ถือเอง หลังจากนั้นก็ฝากกระเป๋าเป้ไว้ที่แม่ขาวคนขายดอกไม้ของวัด ก่อนจะเดินนำไปจุดธูปเทียนสักการบูชาองค์พระมหาธาตุเจดีย์ศรีจอมทอง

   “อิมินาสักกาเรนะ พุทธังอะภิปูชะยามิ อิมินาสักกาเรนะ ธัมมังอะภิปูชะยามิ อิมินาสักกาเรนะ สังฆังอะภิปูชะยามิ”..
   รุ่งโรจน์เอ่ยตามด้วยสุ้มเสียงเต็มใจเต็มศรัทธา

   “ว่าอะระหังสัมมาฯ พร้อมกันนะ”

   “ผมสวดมนต์ไม่เป็นหรอกครับ จบมาจากโรงเรียนคริสต์”

   “อะระหัง สัมมา สัมพุทโธ ภะคะวา พุทธัง ภะคะวันตัง อะภิวาเทมิ..กราบ”

   ตัวอย่างก้มลงกราบในท่าเบญจางคประดิษฐ์สวยงาม ลูกศิษย์ที่ทำตามก็ก้มลงกราบ แต่ยงโย่ยงหยกด้วยเจ็บหัวเข่าเป็นแน่

   “อดทนหน่อยนะ” น้ำเสียงคล้ายจะบังคับ เพราะต้องการให้พิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ว่าแล้ว สุริยาก็นำสวด บทสวากขาโต และสุปะฏิปันโน แล้วก็กราบ ก่อนจะพา ตั้ง บท นะโม ตัสสะฯ 3 จบ แล้วพาอธิษฐานจิตวางผังชีวิต

   “ด้วยเดชแห่งบุญที่ข้าพเจ้า ได้ตั้งใจมา ตรึกระลึกนึก คุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านพระธาตุศรีจอมทอง ..ด้วยเดชแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้สวดมนต์สรรเสริญคุณของพระรัตนตรัย ..ด้วยเดชแห่งบุญนั้น..ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้เกิดมาในตระกูลสัมมาทิฎฐิ มีบัณฑิตเป็นกัลยาณมิตร ให้ถึงพร้อมด้วย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และมรรคผลนิพพาน..ฯลฯ” สุริยายังว่าบทอธิษฐานจิตอีกยืดยาว โดยหาสนใจอีกคนที่เลิกนั่งท่าคุกเข่าไปนั่งพับเพียบเหยียดขายาวหน้าตาบิดเบี้ยวด้วยความเมื่อยเจ็บ..พอจบตรงนั้นจึงลุกขึ้น..

   “ปะ เวียนเทียน”

   สุริยาลุกขึ้นก่อน แล้วฉุดมือคนที่นั่งทำหน้าปั้นยาก ให้ลุกขึ้นตาม

   “เจ็บขายิ่งกว่าขึ้นปางสุดยอดอีก..เวียนอย่างไร”

   “ก็วนขวา เวียนประทักษิณให้เจดีย์อยู่ทางขวามือ แล้วก็สวดมนต์บทอิติปิโสฯ หรือไม่ก็ รวมสวากขาโตและสุปะฏิปันโนด้วย..หรือว่าไม่ได้ ก็เดินท่อง พุทโธ ๆ ๆ ไปได้ไหม..”

   “ได้”

   ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็เดินตามคนสูงไล่เลี่ยกันผิวเหลืองคร้าม โดยท่าทีไร้ความเข้าในใจพิธีกรรม เมื่อเสร็จสิ้นกิจตรงนั้น สุริยาก็พาเดินเข้าไปในพระวิหารสักการะพระประธาน แล้วก็ควักแบงก์ 20 ออกมาใส่ตู้บริจาค 1 ใบ และส่งให้รุ่งโรจน์อีก 1 ใบ

    “ทำไม”

   “ทำบุญ” รุ่งโรจน์รับเงินแล้วยกมือพนมก่อนจะหยอดใส่ตู้ โดยมีสีหน้าไม่เข้าใจดังเก่า หลังจากชื่นชมกับองค์พระปฏิมาในซุ้มโขงและพระบรมสารีริกธาตุในมณฑปปราสาทก่ออิฐ ถือปูน สุริยาก็พาอีกคนเดินชมวัสดุอุปกรณ์ข้าวของเครื่องใช้ในพระวิหารรวมถึงภาพจิตรกรรมฝาผนังก่อนจะพาออกไปเดินดูสินค้าหัตถกรรมและผ้าทอที่ชาวบ้านนำออกมาวางขายในบริเวณวัด

   “แค่นี้”

   “อือ..เรื่องวัดมันเรื่องของคนที่มีศรัทธา..ผมอ่านหนังสือมาก่อน ผมก็เลยอยากไปดูตรงนั้นตรงนี้ เวลามาเที่ยววัด จริง ๆ ควรจะมีความรู้ประวัติของสถานที่นั้น ๆ อยู่บ้าง พอเรารู้ องค์พระธาตุหรือองค์พระพุทธรูปก็จะศักดิ์สิทธิ์ในทันที เพราะมีความเชื่อความศรัทธาของเราอยู่ด้วย การจะอธิษฐานจิต จะมีพลัง คือมีศรัทธา มีความเชื่อว่ามันจะเป็นไปได้..ลูกทัวร์ผมบางคนถูกหวยบ่อยมาก ๆ เพราะทุกครั้งที่ไปวัดเขาก็ทำบุญ แล้วก็อธิษฐาน ดูแล้วท่าจะคิดแต่เรื่องหวย ..ก็ถูกหวย..ตื่นเต้นไปตามจิตปรารถนา แต่บางคนที่เขาต้องการหลุดพ้น ..เขามาเพื่อเพิ่มกำลังใจ มาขจัดความคิดในเชิงบาปออกไป ให้ใจเป็นบุญ อยู่เนือง ๆ มันก็ไม่อยากทำไม่ดี มีกำลังใจรักษาศีลห้า มีกำลังใจทำสมาธิ สวดมนต์”

   เมื่อเห็นสีหน้าอีกคนคล้ายจะไม่สนใจฟัง สุริยาจึงหันมาคุยอีกเรื่อง

   “เห็นไหมเวลามาเที่ยว ผมก็จะสังเกตพวกนี้ไปด้วย เห็นพระธาตุเจดีย์ด้านที่ใกล้กับประตูไหม องค์นั้นสร้างทีหลัง ศิลปะแบบไทยใหญ่ แบบเจดีย์มอญของพม่า แต่องค์พระธาตุเจดีย์ศรีจอมทอง ศิลปะล้านนา แค่นี้เราก็เห็นถึงความแตกต่าง บางทีเราไปเที่ยววัดบ่อย ๆ เราก็จะเห็นพวกศาลาการเปรียญ รูปทรง โบสถ์ วิหาร พระประธานที่พระพักตร์ที่แตกต่าง เราก็จะจดจำแล้วเริ่มศึกษา เริ่มไต่ต่อ ไม่แน่นะ กลับไปคุณรุ่ง อาจจะไปนึกสนใจเรื่องพวกนี้ขึ้นมาก็ได้”

   “ฟังคุณพูดแล้วก็ชักเห็นเป็นไปตามนั้น ผมไม่เคยสนใจเรื่องพวกนี้หรอก อยู่กรุงเทพฯ ก็เห็นแต่ภูเขาทอง วัดพระแก้ว กับวัดราชนัดดาราม สะดุดตา นอกนั้นก็ เห็นเหมือนกัน..”

   “ผมชอบคิด ..บางทีผมนึกถึงตอนที่เขากำลังก่อสร้างนะ อย่างที่นี่กับบริเวณโดยรอบ ชาวบ้านในยุคนั้นคิดได้อย่างไรว่าต้องออกมาเป็นทรงนี้..แล้วทำไมที่นครศรีธรรมราช ที่ธาตุพนม คิดว่าต้องเป็นทรงนั้น”

   “ปัญหาโลกแตก”..

   “ไปท่ารถกันเถอะ พูดเรื่องวัดมาก ๆ เดี๋ยวคุณจะเบื่อเลิกคบกับผมไปซะก่อน”

   “ไม่หรอก คนดีอย่างคุณ มาเจอะนี่ก็นับว่าเป็นบุญแล้ว”

   พอได้ยินดังนั้น สุริยายิ้ม แต่ลึก ๆ ไม่เชื่อคำพูดของอีกคนหรอก ถ้าเป็นแสงทองมันคงว่า “ปากหมานจริงนะ”..

   “ทำหน้าเหมือนไม่เชื่อคำพูดผม จริง ๆ คุณสุริยา เพราะถ้าลำพังผมมากับเพื่อน ๆ ของผม ถ้าจะแวะสถานที่แบบนี้ก็เห็นจะเป็นเรื่องของความเชื่อว่าแคล้วคลาด สบายใจได้ล้างซวย ได้จุดธูปเทียนไม่ได้คิดลึกอะไรมากหรอก ดีไม่ดี นั่งมาด้วยกันห้าคนมีฝ่ายค้านเสียอีกสาม วิจารณ์ศาสนาในทางเสียหายเสียอีก จนหมดศรัทธาจะเข้าไปกราบพระก็มี”

   “และนี่คือหน้าที่ของผม ตามที่ผมตั้งสัตยาธิษฐานไว้” แววตาและน้ำเสียงของสุริยามุ่งมั่น

   “ผมจะใช้คุณสมบัติ รูปสมบัติที่ผมมีอยู่นี่แหละ ชวนคนเข้าวัด ทำบุญรักษาศีล ปฏิบัติธรรม สร้างบารมีกันไป ได้มากได้น้อย ดีกว่าไม่คิดทำอะไรเลย”

   “ผมต้องบอกว่า อนุโมทนาบุญด้วยนะใช่ไหม”

   “สาธุ”...

   สองหนุ่มยิ้มให้กัน ก่อนที่สุริยาจะดึงกล้องออกมาถ่ายรูปรุ่งโรจน์กับพระธาตุในมุมที่ให้นายแบบยืนพนมมือยิ้มหวาน ทำหน้าเปี่ยมไปด้วยศรัทธา แล้วกล้องก็ซูมไปที่ใบหน้าสดใสเห็นองค์พระธาตุเต็มองค์อยู่เบื้องหลังไกล ๆ  หลังจากนั้นรุ่งโรจน์ก็เป็นฝ่ายมากดชัตเตอร์ให้สุริยา...โดยภาพมีลักษณะเหมือนกันแต่แตกต่างกันตรงแววตาที่สดใสไร้ซึ่งความทุกข์ตรมใด ๆ ..

   เสร็จกิจวุ่นวายตรงนั้นก็พากันไปรับกระเป๋า คราวนี้รุ่งโรจน์ขันอาสาที่จะแบกเป้ใบนั้นเสียเอง

   “ถ้าผมเบี้ยวเงินคุณจริง ๆ คุณจะได้นึกว่า อย่างน้อย ผมก็ยังแบกเป้คืนให้คุณหนึ่งรอบ”..ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็หัวเราะ..เพราะสุริยาทำหน้าแบบ ‘จริงอ่ะ’

   “ถ้าผมเบี้ยวเงินคุณ คุณจะตามไปทวงผมไหม ผมรู้นะ คุณรู้ว่าบ้านผมอยู่ที่ไหน”

   สุริยาทำท่าครุ่นคิด

   “ถ้าคิดจะไป คงต้องชวนแสงทองไปด้วยนะครับ ลำพังผมเอง ผมก็คิดเสียว่า ฟาดเคราะห์ไป..หรือไม่ก็คิดเสียว่า ติดพุ่มผ้าป่า ทอดกฐินทำบุญบวชพระอะไรไป..”

   “จริง ๆ อ่ะ”

   “จริง ซิ สุขทุกข์มันอยู่ที่เราคิดนั่นแหละ”

   “คุณสุริยา คุณเป็นคนน่ารักนะ อยู่ใกล้แล้วสบายใจ..นี่นะ ถ้าผมมีน้องสาวสักคน ผมยกให้คุณเลย”

   “คงไม่รับหรอกครับ เพราะขนาดพี่ยังฤทธิ์เดชแยะขนาดนี้ ถ้าชั้นน้องมีหวัง ผมคง..”

   “ผมมีฤทธิ์เยอะขนาดไหน คุณบอกมาซิ”

   “ก็...” คราวนี้คนต้องพูดหน้าแดง ยังไม่ทันจะว่าอะไร รุ่งโรจน์ก็คว้าข้อมือจูงข้ามถนนไปที่ท่ารถ บขส. พอไปถึงเขาก็เลื่อนจากจับมือมาท้าวบนบ่าขณะที่สุริยาเจรจาซื้อตั๋วรถกลับกรุงเทพฯ ..

   พอได้ตั๋วมาจะไม่ให้สุริยาใจหายได้อย่างไรเล่า ก็นานแค่ไหนแล้วที่เจ้าตัวหาคนวัยเดียวกันคุยถูกคอได้..พบ ผูกพัน พลัดพรากจากของรักของชอบใจ เป็นทุกข์..

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 15:27:32 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 5 อยากให้&#
«ตอบ #36 เมื่อ17-04-2011 15:28:53 »

รถที่นั่งมาเป็นเพียงรถบัสปรับอากาศชั้นสองไม่มีห้องน้ำ ไม่มีผ้าห่ม มีเบาะนุ่ม ๆ ปรับเอนได้เพียงสี่สิบห้าองศา ไร้การบริการอำนวยความสะดวกจากพนักงาน ไม่มีแม้เสียงเพลงที่จะทำให้การเดินทางเพลิดเพลิน แต่ใจของสุริยากลับรู้สึกมีความสุขกว่าตอนขานั่งขึ้นมาเชียงใหม่ คงเป็นเพราะผู้ชายหน้าใสที่นั่งซบบ่าเขามาระหว่างทาง พูดกับเขาหลังจากรถจอดรับประทานอาหารยามดึกที่ปั๊มน้ำมันว่า

   “ผมคงคิดถึงคุณจัง” เขาไม่ตอบว่าอะไร เพียงรู้สึกใจหาย รู้สึกถึงความห่างระหว่างชนชั้น สถานะทางสังคม ไม่มีวันที่เขาจะไปเดินเคียงกับรุ่งโรจน์ในกรุงเทพฯ เมืองศิวิไลซ์ ในสถานะไหน ๆ ...ฟังดูแล้วเมื่อเขากลับบ้านมาในครั้งนี้ คนเป็นพ่อเป็นแม่คงจะทำสิ่งหนึ่งประการใด เพื่อให้เขาอยู่ในโอวาทไม่แหกกฎแหกคอกออกมาเที่ยวเตร็ดเตร่ลำบากตามลำพังเช่นนี้

   อันว่าหัวอกของพ่อแม่ เขาเข้าใจ เลี้ยงลูกมาก็ปรารถนาที่จะให้เป็นดั่งใจ เหมือนเมื่อครั้งพระอาจารย์เคยว่าไว้ ไอ้สมัยเราพ่อแม่เลี้ยงมา ถูกผิดดีชั่วพ่อแม่ตัดสินกำหนดชะตาชีวิต แต่กับเณรพวกนี้หมายถึงเขาด้วย พระอาจารย์เป็นเพียงแค่ผู้เลี้ยงให้โต และค่อย ๆ พัฒนาจิตใจ ไอ้ส่วนพัฒนาจิตใจนี่แหละที่มีปัญหาระหว่างพระอาจารย์กับเณรลูกศิษย์ตลอดมา

   “เราไม่ใช่พ่อแม่ไม่มีสิทธิ์ไปชี้เป็นชี้ตายได้หรอก เลี้ยงดีให้กินดี เขาก็ว่าดี ตีเข้าหน่อยขัดใจเข้าหน่อย มันก็ว่าเรื่องของมัน กูไม่น่าเกี่ยว บุญเท่านั้น นึกถึงเมตตาธรรม กับบุญบารมีที่จะติดตัวไปจึงได้เสียสละ ก็ดึงมาใช้อยู่ เมตตา กรุณา มุทิตาและอุเบกขา วางเฉยเสียเมื่อมันไม่เป็นดั่งใจ จะได้ไม่ทุกข์”

   ประโยชน์ของคนที่มีศาสนามีพระธรรมนำทาง ก็เห็นจะอยู่ที่ตรงนี้ คือสามารถกำจัดความฟุ้งซ่านในเชิงโกลียะวิสัย มาตรึกนึกถึงความจริงเฉพาะหน้า เมื่อรู้ว่าไม่มีวัน ก็ต้องเจียมใจ คิดเสียว่า อดีต ปัจจุบัน อยู่กับปัจจุบัน อยู่กับอารมณ์ชั่วขณะ ไม่มีใครไม่พรากจากกัน แต่ถ้าคิดว่าต้องมีสักวัน ต้องใช้ความเพียร เพื่อให้สถานะเทียมกันไปยืนอยู่เคียงกัน เป็นเพื่อนรักที่รู้ใจกัน
   
เมื่อรถแล่นใกล้ถึงย่านนวนคร สุริยาก็ขยับตัว ใช้ผ่ามือตบไปที่ใบหน้าคนที่หลับซบบ่าเบา ๆ เป็นเชิงให้รู้สึกตัว เพราะใกล้ถึงท่าที่ตนต้องลง เมื่ออีกคนหนึ่งลืมตา เขาส่งแบงก์ห้าร้อยยัดใส่มือให้

   “ผมต้องลงที่นวนคร คุณไปลงหมอชิต ไปถึงแล้วต้องนั่งแท็กซี่กลับบ้านนะ อย่าเตลิดไปไหน คุณพ่อคุณแม่คงเป็นห่วงแย่แล้ว”

   สุริยาทำท่าจะลุกขึ้นไปยืนรอที่หน้าประตู เพราะรถแล่นมาถึงวัดคุณหญิงส้มจีน แต่รุ่งโรจน์ดึงมือไว้ก่อนจะบอกว่า

   “เดี๋ยวได้เจอกัน..อย่าลืมคิดถึงผมนะ” ว่าแล้วเขาก็จูบเหมือนเช็ดหน้าไปที่ต้นแขนด้านขวาของอีกคน ทีนี้ทำให้สุริยารู้สึกในทันทีว่าหัวใจของตนไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียแล้ว


   ลงจากรถ บขส. ปอ. ชั้น 2 สุริยาก็นั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้าง สั่งให้เข้าซอยไปส่งที่หน้าบ้านของคุณป้าพอไปถึงคุณป้าผู้เป็นพี่สาวคนโตของแม่กำลังจะเข็นรถออกไปขายเนื้อหมูย่างกับข้าวเหนียวนึ่งที่หน้าถนน เขายกมือทำความเคารพ ก่อนจะถามว่า

   “วันนี้ลุงไม่ไปด้วยรึ”

   “เดือนนี้เข้ากะกลางคืน เป็นอย่างไรบ้างล่ะ ไปถึงไหนมา หายไปเป็นสิบวัน  ป้าห่วงนะ ยิ่งเบญจเพสอย่างนี้”

   “ครับป้า ผมไปสำรวจแถว ๆ แม่ฮ่องสอน ฮอด จอมทอง แล้วก็เลยไปไหว้พระพุทธบาทที่ปางจันทร์ พอดีเจอะคนกรุงเทพฯ เขาประสบอุบัติเหตุ ผมก็เลยช่วยเขา และเสียเวลาอยู่พยาบาลกันอีก”

   “อะพิโถ..เป็นอย่างไรบ้างลูก..เขาไปคนเดียวรึ เราถึงต้องไปดูแลเขา” ชายหนุ่มพยักหน้าพลางเลื่อนกระเป๋าจากข้างหลังมากองไว้กับพื้นถนน

   “เห็นไหมเดินทางคนเดียวมันอย่างนี้แหละ เจ็บไข้ขึ้นมาก็ลำบาก โชคดีนะเจอคนใจบุญอย่างลูก ยังดูดำดูดี ไปเจอพวกเห็นแก่ตัว คงได้ตายอยู่ที่นั่นแหละ วันนี้ไม่ต้องไปช่วยป้าขายหรอก กลับมาเหนื่อย ๆ ไปนอนพักเอาแรงเถอะ เดี๋ยวสาย ๆ ลุงออกกะมาเดี๋ยวคงได้มาช่วยเข็นรถกลับ”

   เมื่อเห็นรูปการณ์ของป้าเป็นไปตามนั้น สุริยาจำต้องหอบกระเป๋าเดินเข้าไปในบ้าน ซึ่งมีเนื้อที่ขนาดประมาณครึ่งงาน ติดถนนสายย่อยในซอยใหญ่ มีรั้วคอนกรีตรอบมิดชิดประตูทำด้วยเหล็กดัดพอสบายตา..ตัวบ้านเป็นบ้านเดี่ยวครึ่งไม้ครึ่งปูน ขนาดกะทัดรัด เหมาะที่จะอยู่เพียงแค่พ่อแม่และลูกสักคน แต่เอาเข้าจริง ๆ บ้านหลังนี้ กลับต้องเป็นท่าพักต้อนรับญาติพี่น้องของป้าและลุงจากต่างจังหวัด ในเวลาหวังมาหากินเปลี่ยนอาชีพในเมืองใหญ่ พอมีหนทางก็พากันแยกย้ายไปตามสะดวก เหลือเพียงแต่เขาที่ป้าบอกว่า

   “ตัวเป็นโสด จะอยู่นานแค่ไหนป้าก็ไม่อึดอัดหรอก คิดจะมีครอบครัวเมื่อไหร่ก็ค่อยย้ายออกไป”

   ในวัย 60 ปี ป้ากับลุงควรที่จะ เกษียณอายุงานมาอยู่บ้านอย่างเช่นข้าราชการทั่วไป แต่คนที่สร้างชีวิตมาด้วยอาชีพเก็บเล็กผสมน้อยทำการงานสุจริต หวังสร้างฐานะ กลับต้องมาเจอปัญหาลูกที่เลี้ยงไม่โต

   ลูกชายคนโต พี่ตั้มมีเมียเป็นสาวโรงงาน มีลูกสองคนทิ้งให้ป้าเลี้ยงแล้วก็เลิกกัน ต่างคนต่างไปมีใหม่ ส่วนเจ้าต้องวัยเดียวกับเขา ก็สามวันดีสี่วันออกจากงาน ไม่ได้คิดสร้างเนื้อตัวสร้างฐานะ สนุกสนาน กับเพื่อนฝูงอย่างไม่ใยดีกับอนาคตของชีวิตและความรู้สึกของบุพการี

   ด้วยเหตุนี้ ป้าจึงว่าเป็นคนกรรมเยอะ

   ห้องที่เขาพักเป็นห้องขนาดสองคูณสองเมตรครึ่ง ที่ต่อยื่นออกไปจากตัวบ้านข้างใต้ถุน ทำไว้สองห้อง โดยอีกห้องเป็นของนายต้องลูกชายคนเล็กป้า ซึ่งนาน ๆ ทีจะกลับมาหลับนอนที่บ้านคืนสองคืน

   ส่วนที่นอนจริง ๆ เขาเคยถาม และได้คำตอบว่า

   “ห้องเพื่อนบ้าง เปลี่ยนไปนอนกับคนนั้นคนนี้ บางทีก็ไปนอนกับแขก ตามโรงแรม..”

   นายต้องคนนี้ชอบทำงานกลางคืน ชอบเรื่องเซ็กส์แบบไม่ผูกพันตามนิสัย และตัวของสุริยาเองก็ถูกชักชวนให้ไปร่วมงานด้วยกันทุกครั้งที่เจอหน้า

   “หุ่นก้านอย่างเอ็งนะ ไอ้ยะ แขกชอบ หล่อคม คิ้วเข้มไรผมสวย ดูสะอาดสะอ้าน รับรองทิปดี”

   “ไม่หรอก ไม่ชอบ”

   “แต่เงินดีนะโว้ย ไม่ต้องมาขึ้นลงรถให้เหนื่อยยาก ปากเปียกปากแฉะบรรยายเรื่องวัดเรื่องวาให้เหนื่อย” ต้องคอยไปทัวร์กับเขาเป็นบางครั้ง แต่ไปด้วยกันแล้วก็กลับมาเล่าไปเสียอีกทาง

   “เบื่อจะตายแม่ มีแต่วัดทั้งนั้น ผมละเซ็ง ไม่รู้ยังมีคนไปกับมันได้อย่างไร”

   “เขาไม่ใจบาปเหมือนเอ็งหรอก เข้าวัดแล้วร้อน”

   ป้ากับลูกคนนี้คุยกันได้ไม่เท่าไหร่เป็นได้ขัดคอ ต่างคนต่างอยู่ ต่างทำมาหากิน นาน ๆ จะโผล่มาชวนทะเลาะด้วย แล้วก็เอาเงินยัดใส่มือให้

   “เอาไว้ให้หวยกินไปอีกงวดแล้วกัน”

   ส่วนอีกคน นาน ๆ กลับมา พูดเพราะ มีหลักการ แต่ก็ขอเงินป้ากลับไปทุกครั้ง เพราะบ้านหลังโน้น ผู้เป็นภรรยาใหม่ต้องการสิ่งที่ดีงามที่สุด ผ่อนบ้านผ่อนรถ ส่งลูกเรียนในโรงเรียนที่มีชื่อเสียง

   ส่วนลุงผู้สามีคล้ายคนที่ไม่มีอารมณ์ใด ๆ ไม่มีปากมีเสียง ทุกอย่างขึ้นอยู่กับป้าจะบงการ ผิดกับพ่อของตน เจ้าคารมคมคาย นักเลงโต ใจใหญ่ พวกมากจนกลายเป็นขี้เหล้า ถ้าเมาแล้วพูดไม่ได้หยุด..และมาหยุดเหล้าได้เมื่อสุขภาพร่างกายเริ่มถดถอย

   นึกถึงครอบครัวแล้วพาให้ใจหดหู่ พี่หกคนต่างคนต่างไป ไม่สนใจใยดีกัน เขาเป็นคนเล็กไปบวชตั้งแต่จบปอหก นาน ๆ จะมีพี่บางคนหยิบยื่นเงินทองให้ได้ใช้ ส่วนพ่อกับแม่ก็ทำไร่ทำนาให้พวกพี่ ๆ มาหยิบยืมเงินทองทำได้เท่าไหร่แทบไม่มีเหลือติดบ้าน มีบ้านไม้หลังใหญ่เก่า ๆ อยู่หลัง กับสมบัติเป็นที่นาซึ่งมีราคาค่างวดไม่กี่มากเงิน แม้จะเคยมีเยอะ แต่ก็ถูกตัดแบ่งไปตามสิทธิ์ที่แต่ละคนพึงจะได้ ส่วนตัวเขาเองนั้นด้วยเป็นลูกชายคนเล็กซึ่งไม่ได้ช่วยเหลือการงานใด ๆ มาก่อน จึงได้ยินเพียงแต่ว่า

   “เก็บไว้ให้มันสักแปลง เพื่อวันหนึ่งข้างหน้า อยู่ในผ้าเหลืองไม่ได้ ออกมาจะได้มีที่ทางปลูกบ้านเรือนอยู่อาศัยเป็นรังตายไป”

   อุ่นใจที่มีที่เท่าแมวดิ้นตาย แต่ไม่เคยแม้แต่คิดจะกลับไปพลิกผืนแผ่นดินทำอะไร เนื่องด้วยโตมากับเสียงสวดมนต์ เรื่องตากแดดตัวดำจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่สำหรับตน

   ขณะอาบน้ำก็นึกถึงคนที่เพิ่งจากกันป่านฉะนี้จะเป็นอย่างไร ออกจากห้องน้ำ เดินไปที่เครื่องเสียงเปิดเพลงเพื่อให้เด็กสองคนลูกพี่ตั้มตื่นแต่งตัวไปโรงเรียน และเพลง ‘พะวงรัก’ ของดาวใจ ไพจิตร ที่ป้าเคยฟังเป็นประจำก็ถูกเปิดขึ้น..


   “เฝ้าพะวงห่วงคิดถึงเธอ ...ใจใคร่เจอเห็นเธอใกล้เคียง
อยากแบ่งกายให้เป็นหลายเสี่ยง เพื่อได้เพียงติดตามใกล้เธอ..
คอยกังวล มิเป็นสุข มีรักเหมือนมีทุกข์ล้นเอ่อ
กระวนกระวาน หายใจเป็นเธอ อยากได้เจอแม้เงา..

อึดอัดใจอยากถามใคร ๆ คงมิใช่เป็นเพียงแต่เรา..
แปลกหนักหนารักพาใจให้เศร้า..ดุจไฟเผาเร่าร้อนฤดี...
คอยกังวลมิเป็นสุข มีรักเหมือนทุกข์ล้นปรี่..
ผุดนั่ง ผุดลุก แทบทุกนาที โอ้นี่หรือความรัก...

   ..คอยกังวลมิเป็นสุข มีรักเหมือนทุกข์ล้นปรี่..
ผุดนั่ง ผุดลุก แทบทุกนาที โอ้นี่หรือความรัก”...


   เป็นครั้งแรกที่สุริยารู้สึกว่าเพลงอภิมหาอมตะนิรันดร์กาลชุดนี้เพราะชวนฟัง...เหลือเกิน
   

   หลังจากนอนไปได้งีบใหญ่ ในเวลาสายจึงตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเพื่อไปดูกิจการงานที่มอบหมายให้คนอื่นได้ช่วยกระทำ.. “ถ้ารู้จักใช้ปัญญา เวลาเราก็มีเหลือ”.. ความรู้ทางธุรกิจไม่มี แต่ก็ได้อาศัย พระอาจารย์ผู้ผ่านโลกมามากช่วยชี้แนะอยู่เสมอ

   “อยู่ทางโลกอย่าให้โลกครอบงำเราจนหมดสิ้น ใช้ชีวิตให้เป็น มีเวลาไปวัดในวันพระได้ มีเวลาสวดมนต์ทำวัตรเช้าเย็นบ้าง มีเวลาไปปฏิบัติธรรมชำระใจครั้งใหญ่สักปีละครั้งได้ ชีวิตนี้ถือว่าไม่ขาดทุนแล้ว”

   เขาเองก็ไม่อยากขาดทุนด้วยชีวิตเหลือน้อยลงเรื่อย ๆ ทุกวันตั้งใจว่าถ้าไม่เหลือบ่ากว่าแรงสุดวิสัย จะต้อง จุดเทียนบูชาพระรัตนตรัย เดินผ่านร้านขายพวงมาลัยจะต้องซื้อมาบูชาพระปฏิมาองค์แก้วใสที่เช่ามาจากวัดท่าซุง วันละหนึ่งพวง ระหว่างนั่งรถหรือเดินทางไปไหนตามลำพัง ก็จะฆ่าเวลาด้วยการสวดมนต์บทอิติปิโส ซ้ำ ๆ อยู่ในใจเพื่อไม่ให้จิตคิดพะวง อย่างที่ในเพลงรักว่าไว้
   เขาไม่เคยรักใคร ไม่เคยมีห้วงแห่งจิตเป็นแบบนั้น

   และนี่คงเป็นครั้งแรกที่เขาเริ่มพะวง วิบไหวในหัวใจ เมื่อเห็นกระเป๋าสตางค์ใบนั้นที่ตั้งใจจะเซอร์ไพรส์โดยส่งไปรษณีย์ไปให้ที่บ้านโดยไม่แจ้งชื่อคนเก็บได้..ส่วนเสื้อผ้าที่เขาบอกว่าฝากไว้ก่อนจะมาเอาคืนพร้อมกับใช้หนี้ให้ ก็จะซักลงน้ำยาปรับผ้านุ่มรีดเก็บไว้ให้เรียบร้อย เวลานับแต่นี้ไปคงได้วัดใจกันว่าเขาคนนั้นเป็นคนดีมีสัจจะหรือไม่
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 15:32:33 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
 :L1:สวัสดีครับ ดีใจครับที่มีคนอ่าน ..สำหรับเรื่องนี้ผมให้เป็นโรแมนติกดราม่าแล้วกันครับ คงไม่หนักจนหายใจไม่ออก เเต่เป็นลักษณะที่ว่าต้องคิดระหว่างที่อ่าน ว่าถ้าเป็นเราละ เราจะทำอย่างไง..  เรื่องนี้ ใช้เวลาดำเนินเรื่องถึงเดือน ธันวาคม ปี 2547 ผมจะเล่าเรื่องเรียง ๆ วันไปครับ..ระหว่างที่เขียนก็เปิดปฏิืิทินดูจริง ๆ เรื่องนี้จะมีเพลงเก่า ๆ กับเพลงพี่เบิร์ดเยอะหน่อยครับ.. แล้วที่สำคัญเรื่องนี้มี 25 บทครับ เขียนเสร็จนานแล้วครับ ตั้งแต่ปี  49 ขอบคุณสำหรับกำลังใจนะครับ..  :L1: :pig4:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
เข้ามาอ่านแล้วสบายใจ


เรื่องราวมันไปแบบเรื่อยๆอ่านแล้วคิดตามว่าตอนต่อไป


เรื่องราวจะเป็นไปแบบไหน  สงสารน้องแสงทอง เจอกันแล้วจากด้วยความรู้สึกดี  ดูๆไปแล้วใจหายเหมือนกัน :กอด1:


ต่อไปคงเป็นสุริยากับรุ่งโรจน์ว่าความสัมพันธ์ของทั้งสองคนจะออกมารูปแบบใด :L1:

ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
สุริยา แสงทอง รุ่งโรจน์ เป็นเพื่อนกันได้เพราะพรหมลิขิต

จะตามดูครับว่านักเขียนจะนำเรื่องนี้ไปทางไหน ชอบใจเรื่องนี้ตรงความสบาย

อ่านแล้วรู้สึกสบายใจ เรื่องคล่อยๆดำเนินไป ตัวละครค่อยๆเปลี่ยนแปลง อ่านแล้วมันสบายใจจริงๆนะ

เรื่องพุทธที่สอดแทรกอยู่ก็ไม่มากไม่น้อย กำลังดีไม่แทรกจนคนอ่านรู้สึกอึดอัดใจ

สรุปคือชอบเรื่องนี้ และเป็นกำลังใจให้ครับ

ปล.ตอนที่ 3 และ 4  มันดูขาดตอนอะครับ เหมือนโพสยาวไปมันเลยตัดข้อความทิ้งนะ


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






yayee2

  • บุคคลทั่วไป
รุ่งโรจน์ มาทำให้ใจของสุริยาหวั่นไหวซะแล้ว
เรื่องนี้..สำนวนภาษาเรียบๆเรื่อยๆสไตล์เหมือนน้ำใสไหลริน แต่ก็ชวนอ่าน ชวนติดตามค่ะ
รอนะคะ

ออฟไลน์ vascular

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 412
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-2
ตามเข้ามาอ่านครับ คิดถึงอิหนูแสงทอง

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
 :pig4:คุณ tong ขอบคุณครับ ตอนที่ 3-4 ไปเติมให้แล้วครับ เอาไปวางไว้ตรงบทต่อนะครับ..อย่างไงก็ ขอโพสต์แก้ตัวอีกสักตอนแล้วกันครับจะปรับให้เป็นสามหน้าจะได้ไม่พลาดอีก..


7.
   
   ในบ้านบรรดาลูกพี่ลูกน้องฝ่ายแม่ พี่สมใจ ซึ่งเปลี่ยนชื่ออย่างเป็นทางการว่า สมฤดี ดูมีอันจะกินมากกว่าคนอื่น ด้วยอาชีพเสริมสวยมีร้านอยู่ทางเข้านิคมอุตสาหกรรม มีคนพลุกพล่าน แม้ราคาค่าเช่าตึกที่ทำร้านจะแพงมาก แต่ก็สามารถใช้พื้นที่ชั้นสอง สาม สี่ ดัดแปลงเป็นห้องพักสำหรับสาวโรงงาน และก็ใช้พื้นที่ด้านหน้าให้คนมาเช่าขายน้ำหวาน ลูกชิ้นปิ้งและผลไม้ตามฤดูกาล ป้าเองก็เคยมาขายอยู่ตรงหน้าร้านพี่สมใจ แต่ด้วยวัยที่ร่วงโรย ป้าจึงว่า ขายตรงที่ปัจจุบันก็ดี เพียงเช้ากับเย็นไม่ต้องเหนื่อยหนักขึ้นสะพานลอยแบกของกลับไปมาให้เหนื่อยยาก

   สำหรับสุริยาก็ได้อาศัยพี่สมใจในเรื่องให้ร้านสมฤดีซาลอน เป็นจุดจองตั๋วสำหรับโปรแกรมเที่ยวรอบต่าง ๆ  โดยให้เด็กฝึกงานในร้านที่ชื่ออ้อย บ้านอยู่อีสาน เป็นผู้คอยดูแลในเรื่องรายละเอียด โดยที่เขาจ่ายให้เด็กอ้อยเป็นราคา 5 เปอร์เซ็นต์จากราคาตั๋ว ตั๋ว 400 เด็กอ้อยจะได้ 20 บาทต่อคน หนึ่งคันมี 40-48 คน ก็จะได้ ประมาณ 800 จนเกือบหนึ่งพันบาท มาตอนหลัง มาปรับราคาตกลงกันว่าถ้าทริปไหนได้ครึ่งคันได้อย่างต่ำ 500 บาท ถ้าเต็มคันได้ 1000 บาท

   ส่วนพี่สมใจในฐานะที่ใช้ชื่อร้านเป็นจุดจองตั๋วสร้างความมั่นใจให้กับลูกค้าทัวร์จะได้เที่ยวละ 500 บาท แต่พี่สมใจบอกว่าอยากสนับสนุนให้น้องนุ่งมีกิจการงานให้มั่นคง พี่สมใจจึงว่า 500 บาทส่วนนั้นไม่เอาด้วยพี่สมใจตัวคนเดียว มีหน้าที่รับผิดชอบเพียงพ่อแม่ และนาน ๆ ครั้งที่จะส่งให้กับย่าวัยแปดสิบได้กินได้ใช้ทำบุญในบั้นปลายชีวิต และที่สำคัญพี่สมใจเป็นคนใจบุญ พี่แกบอกว่า ถ้าทริปไหนที่แกยังไม่เคยไป ขอไปฟรีแล้วกัน
   สุริยาจึงคิดว่า ตรงนี้เป็นบุญของตนอีกวาระหนึ่งที่ผู้ใหญ่สนับสนุน

   วันนี้ เมื่อเข้าไปในร้านได้รับแจ้งจากเด็กอ้อยว่าทัวร์วันวาเลนไทน์วันแห่งความรักของชาวคริสต์ซึ่งในปี 47 นั้นตรงกับวันเสาร์พอดี เต็มแล้ว ส่วนคนที่สนใจจะไปด้วยกันในทริปไหว้พระ 9 วัดอยุธยาอีก สาวอ้อยผู้มีวาจาคมคายแบบสำเนียงอีสาน ก็ชักชวนให้เลื่อนไปในวันมาฆบูชา เนื่องด้วยในวันหยุดนี้ บางโรงงานก็ไม่หยุด ตั๋วในทริปนี้จึงขายยากสักหน่อย แต่ถึงแม้จะได้น้อยคนไม่เต็มคันสุริยาก็ไม่ได้นึกหวั่นใจ..

   กำไรคือได้รู้จักคนเพิ่มอีกหนึ่ง ได้มีโอกาสพูดธรรมะ แนะนำสิ่งดี ๆ ให้ใจเป็นกุศล ชวนทำบุญชี้ทางสวรรค์และหนทางสู่มรรค ผล นิพพาน มีศรัทธาในพระพุทธศาสนาเฉกเดียวกัน

   หลังจากทราบข้อมูลเรื่องที่นั่งเต็มแล้ว สุริยาก็โทรหาบริษัทรถเช่าขาประจำ นัดหมายเวลาที่รถจะมาจอดรับ โทรไปแจ้งร้านทำอาหารกล่องเจ้าประจำ สั่งจำนวนอาหารและน้ำดื่ม ไปเดินห้างล้างรูปที่เที่ยวครั้งหลังสุดรวมถึงที่ปางจันทร์..ซื้อลูกอม แก้วน้ำกระดาษแบบดื่มแล้วทิ้ง..กระดาษผ้าเย็น..แม้ทัวร์ของเขาจะเป็นทัวร์ไร้ดาวแต่ก็ปรารถนาที่จะให้คนที่เดินทางด้วยกันได้รับความสะดวกสบาย มัดใจกันไว้ด้วย ‘การให้’ เพื่อประโยคเกื้อกูลในภายภาคเบื้องหน้า

   เมื่อกลับมาจากห้างสรรพสินค้า กิจกรรมถัดมาในเวลาเย็น หากมีเวลาไม่ออกไปยืนแจกใบปลิวตามหน้าโรงงานก็จะออกไปช่วยป้าปิ้งหมูขายอยู่หน้าถนน อันที่จริง ป้าก็เคยพูดให้เขาไปขอพื้นที่ตรงหน้าร้านพี่สมใจ เปิดขายเอง เพื่อจะได้กำไรเป็นกอบเป็นกำขึ้นมา แต่ลึก ๆ แล้วคนที่เคยอยู่วัดเห็นว่า ถ้าเลี่ยงได้ก็ไม่อยากมีส่วนเกี่ยวข้องแห่งชีวิตที่ตกล่วงไปนี้ เขาเองก็ยังบริโภคเนื้อสัตว์ แต่ปรารถนาให้อยู่ในระหว่างกลาง กินอย่างแร้งอย่างกา ไม่ได้ตั้งอกตั้งใจสั่งให้ฆ่ามาเพื่อค้าขาย

   การมีชีวิตอยู่ในโลกด้วยสายตาแห่งธรรมเป็นสิ่งที่เป็นไปได้อย่างยากยิ่ง ต้องมีสติพร้อม จึงจะสามารถผ่านไปแต่ละวันได้

   อย่างที่พระอาจารย์เคยพูดไว้..ในขณะที่เขาเป็นเณรตัวเล็ก ด้วยท่านบวชหลังจากที่ผ่านโลกมาระยะหนึ่ง มุมในการสอนธรรมะจึงไม่เหมือนพระที่บวชมาแต่เณร

   “สึกออกไปคงกินเหล้าไม่อร่อยแล้ว อยู่วัดดีกว่า” ประวัติของท่านเจ้าชู้ กาเม การพนัน คบคนชั่วเป็นมิตรสารพัด เคยบอกเล่าให้ไปรับรู้ พร้อมทั้งทางหนีทีไล่พร้อม

   “ก็ไม่รู้ ถ้ารู้ก็คงไม่ทำ”

   ตัวเขาเอง รู้มาก่อน ถ้าทำอะไรที่ผิดพลาดลงไป ทางธรรมเขาเรียกว่า ‘ต้องด้วยไม่ละอาย’

   ดังนั้นชีวิตที่เป็นอยู่ในแต่ละวัน จึงเรียบ ๆ สมถะ กำหนดระลึกรู้อยู่ที่ ‘สัมมา อะระหัง’ เป็นระยะ ไม่ปรารถนาออกไปสังคมสังสรรค์กับลูกทัวร์กลุ่มกรี๊ดสลบ ซึ่งพยายามชักชวนให้ออกไปเริงโลกยามค่ำคืนด้วยกันอยู่บ่อยครั้ง

   เมื่อชวนบ่อย ๆ เข้า เมื่อถูกปฏิเสธ ความสัมพันธ์กับคนกลุ่มนี้จึงเกือบจางหายไป ดังนั้นบางครั้งเพื่อหน้าที่กัลยาณมิตร เพื่อธุรกิจ จึงต้องไปอย่างเสียไม่ได้บ้าง

   “วันเกิดแก้วค่ะ หากพี่ยะไม่มา แก้วกับพวกก็เลิกไปเที่ยวกับพี่เหมือนกัน”

   เมื่อไปถึงในที่นั้น ๆ ก็มีถ้อยคำต่อมาอีก

   “ถ้าพี่ยะ ไม่ดื่มนะ หนูโกรธจริง ๆ ด้วย” ถ้าเป็นมุกนี้ เขายอมที่ให้อีกคนหนึ่งโกรธ แต่จะปฏิเสธตรง ๆ ก็คงไม่ได้ จึงพูดแต่ว่า

   “พี่แพ้แอลกอฮอล์” ต้องโกหกเพิ่มอีกเรื่อง

   พอกลับมาถึงบ้านกลิ่นบุหรี่ติดตามเสื้อผ้าทรงผม บวกกับอาการมึนด้วยนอนดึก ก็ได้คิดว่า ไปทำไม ไปแล้วเป็นทุกข์ หรือบางครั้งนึกถึงพระอาจารย์ ชีวิตบนโลกใบนี้ดำเนินไปได้ยากจริงหนอ

   ทุกค่ำคืนพระอาจารย์ท่านสอนให้หลับในอู่ทะเลบุญ ระลึกนึกถึงคุณงามความดีและบุญกุศล ระลึกนึกถึงภาพพระตามวัดต่าง ๆ ที่ตนได้พาคนไปกราบไหว้ หลวงพ่อซำปอกงวัดพนัญเชิง องค์ใหญ่ตระหง่านเต็มพื้นที่วิหาร หรือไม่ก็หลวงพ่อทรงเครื่องที่วัดหน้าพระเมรุ สวมเทริดมีชฏาสวยงาม พระพักตร์พริ้งเพรา เมตตาต่อผู้มาสักการะกราบไหว้

   แต่ค่ำคืนนี้ กลับมีใบหน้าของผู้ชายอีกคน เข้ามาวนเวียนอยู่ตรงหน้า

   นายรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์ ลูกชายคนเล็กหัวแก้วหัวแหวน ของนายประจิตต์และนางสิริฤดี ศิริรัตนวงศ์ นักธุรกิจใหญ่ ผู้บริจาคเงินให้กองการกุศลมากมาย ป่านฉะนี้เขาจะทำอะไรหนอ ไปดินเนอร์ใต้แสงเทียนกับใครบางคนรึเปล่า

   พยายามไม่คิด แต่จิตมันก็บอกว่า คิดไปซิ ดูให้ถึงที่สุดของความคิดว่ามันจะจบที่ตรงไหน คิดจนเหนื่อยจนเห็นทุกข์จากจิตที่ฟุ้งซ่านแล้วมันก็จะสงบไปเอง เมื่อมันไม่สงบ จึงหันมาคว้าประวัติราชวงศ์    ต่าง ๆ สมัยอยุธยาขึ้นมาอ่าน พยายามเรียงลำดับเอาไว้เล่าระหว่างเดินทาง ดีกว่ามาคิดเรื่องอะไรก็ไม่รู้ ไม่รู้ว่าคิดแล้วได้อะไร อยู่ตั้งไกล เงินที่เสียไปก็คิดเสียว่าติดพุ่มผ้าป่าอย่างที่ว่าไว้ดีกว่ามั้ง

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ึ7. (ต่อ)
 :L1: :pig4: :กอด1:


เช้าวันรุ่งขึ้นเป็นเช้าวันพระ สุริยาต้องตื่นแต่เช้าหุงข้าว ทำกับข้าวสำหรับไปทำบุญที่วัด ส่วนเด็กสองคนลูกพี่ตั้ม ออกไปโรงเรียนตั้งแต่หกโมงเช้า ไม่ทันกินข้าวกินปลาหรือช่วยแบ่งเบางานใด ๆ เหมือนเมื่อเขายังเป็นเด็กเช่นนั้น

   ด้วยเหตุนี้ ป้าจึงเปรย ๆ ว่า “กลัวเด็กสมัยนี้เหลือเกิน ไม่ทันมันหรอก มันพูดอะไรก็ต้องว่าไปตามนั้น คิดดูเถอะ ยะ เด็กผู้หญิงสองคนในสมัยที่โลกมันเป็นอย่างนี้..กับสื่อแบบนี้ ป้ากลัว อย่างไรก็ช่วยอบรมหลานให้ป้าด้วยนะ เตือนกันได้ก็เตือน มอสามกับมอหนึ่ง กำลังดีเลยเชียว”

   เขาเอง บางเรื่องก็ต้องถืออุเบกขา เพราะมันเกินกำลังที่จะเข้าไปจัดการ แต่เมื่อสวดมนต์ไหว้พระ ก็อดที่จะแผ่ส่วนบุญ และแผ่เมตตาจิตให้ไม่ได้ ปรารถนาเห็นเด็กสองคนอยู่รอดปลอดภัย มีดวงปัญญาสอนตนให้เดินถูกทาง ประคับประคองตนให้เป็นหลานที่ดี ให้ปู่ย่าพ่อแม่ได้พึ่งพิง หากมันไม่เป็นตามนั้นคงต้องวาง ด้วยเหตุนี้ บางครั้ง หลายคนมองว่าเขาเป็นเฉื่อยชา ไร้อารมณ์

   ที่ศาลาวัด เนื่องด้วยวันพระไม่ตรงกับวันหยุดงาน ผู้คนบนศาลาจึงน้อยเต็มที นึกถึงสมัยยังเยาว์เมื่อไปทำบุญกับแม่ในวันพระ คนเต็มศาลาทีเดียว เมื่อมาบวชเณรอยู่วัดในเมือง ความสัมพันธ์ระหว่างชุมชนกับวัดเป็นอีกอย่าง..

   “โลกมันเปลี่ยนไปแล้ว พระก็ต้องปรับตัวตาม ทำงานอย่างที่พระอาจารย์ว่า ก็ถือว่าได้ช่วยกัน”

   กำลังใจเพิ่มพูน ยิ่งมาเห็นรอยยิ้มของผู้ที่เคยร่วมเดินทางมองมาที่ตนในยามอยู่บนศาลา จึงเห็นความเป็นมิตรต่อกัน บ้างก็ทักว่าวันพระที่แล้วหายไปไหนมา จึงได้บอกเล่าเรื่องที่ไปสำรวจ วัดและที่เที่ยวในจังหวัดแม่ฮ่องสอนและเชียงใหม่ให้เหล่าป้า ๆ ได้น้ำลายไหล เตรียมเก็บเงินเพื่อเดินทางไปดูเมืองสามหมอก พระธาตุกองมูด้วยกัน

   “ป้าเมารถจะไปไหวรึ”

   บ้างก็ว่า “เคยไปมาแล้ว ลูกพาไปสวยดี แต่ก็อยากไปใหม่”

   เขารู้ว่าไปกับเขาเนื่องด้วยเหตุอะไร ไปเที่ยวกับลูก ลูกก็มีลูกมีเมีย มีชีวิตครอบครัวของตน จึงไม่ค่อยได้มาใส่ใจผู้เป็นแม่ หากแต่มาด้วยกับคนวัยเดียวกัน คุยเรื่องเดียวกันจึงมีความสุขมากกว่า แม้จะต้องจ่ายมากกว่าเดิมก็ตามที

   ลงจากศาลาวัดก็ฆ่าเวลาโดยไปเดินห้าง ไปร้านหนังสือ ลึก ๆ ก็ปรารถนาจะมีสักวันที่หันมาเขียนเรื่องท่องเที่ยวเมืองไทยในมุมของพระศาสนาขึ้นมาบ้าง จะได้มีเงินแบบน้ำซึมบ่อทรายไว้กินยามแก่เฒ่าอย่างที่แสงทองว่าไว้

   นึกถึงสาวเจ้ากับภาพน้ำตาคลอเบ้าแล้วต้องถอนหายใจออกมา ป่านฉะนี้ จะกลับจากปางจันทร์หรือยังหนอ ครั้นจะโทรไปหาก่อนก็ไม่ใช่วิสัยและถ้าใครอยากคบกับเขาจริง ๆ คงจะโทรกลับมาเอง

   มือกำลังจะหยิบหนังสือของ อสท. มาเปิดอ่านเผื่อมีเรื่องที่ตรงกับใจ ก็จะซื้อเก็บไว้ หากไม่มีจะเพียงอ่านฟรี พลันโทรศัพท์มือถือก็ดังขึ้น ดูเบอร์ที่โชว์เป็นของเจ้าอ้อย สาวอีสานรอรัก กดรับเอ่ยถามเสียงเบา ๆ ด้วยไม่สะดวกคุย

   “อยู่ที่ไหนพี่ยะ ร้านหนังสือใช่ไหม ไปดูหนังสือ.. เดี๋ยวนี้เลยนะ แล้วก็เปิดไปหน้าที่... เดี๋ยวนี้ดังใหญ่แล้วนะ ต่อไปทัวร์คงจะขายดีกว่าเก่าแน่” ว่าแล้วสาวเจ้าก็วางสายไป ทิ้งให้เขางุนงง กังวลว่าเนื้อหาด้านในเป็นเรื่องอะไร

   พอเปิดไปเป็นภาพของตนกับรุ่งโรจน์กำลังจูงข้อมือกันข้ามถนน..ข้อความข้างใต้ภาพบอกว่า

   “สงสัยอยากจะลองมีชีวิตแบบโลโซบ้างเป็นแน่ รุ่งโรจน์ จูงมือหนุ่มหน้าเข้ม พากันข้ามถนน ซื้อตั๋ว บขส. ปอ. 2 กลับ กทม.”
   และยังมีภาพที่รุ่งโรจน์เกาะบ่าเขาขณะยืนซื้อตั๋วรถ แถมเป็นภาพระยะซูมใกล้ใบหน้าทั้งคู่ จึงรู้ว่าเป็นใคร

   ใจ ณ ขณะนั้นเต้นไม่เป็นส่ำ แม้รู้ว่าความจริงเป็นเช่นไร แต่ก็อดที่จะระแวงสายตาของคนที่มองมาไม่ได้ และใจก็บอกว่าเขาเหล่านั้นคงไม่ได้อ่านเรื่องในเล่มนี้ทุกคนหรอกหรือถ้าอ่าน เขาคงจำไม่ได้หรอก ถือหนังสือเล่มนั้น จ่ายเงินแล้วเดินออกจากร้าน เดินทางขึ้นรถเมล์กลับบ้านนึกเป็นห่วงอีกคนเหมือนกัน ข่าวทำนองนี้ กับข่าวทำนองเก่า ๆ เลือกอย่างหลังคงจะดีกว่ากัน เข้าใจอารมณ์ของคนที่ถูกป้ายสีจากสื่อในทันที เรื่องเป็นอย่างหนึ่งแต่กลับตีความเป็นอีกอย่าง รู้ไหมว่าได้สร้างเวรสร้างกรรมติดตัวไว้แล้ว

   และทันทีที่กลับถึงบ้านก็พบรถโตโยต้า คัมรี่ สีดำสนิทจอดติดเครื่องนิ่งอยู่หน้าบ้าน..พอเดินไปถึงประตูรั้วบ้านตน ก็อดชะโงกหน้าดูในรถซึ่งติดฟิล์มสีดำสักหน่อยไม่ได้..ไม่เห็นอะไร จึงไขกุญแจบ้าน ถือหนังสือเล่มนั้นเข้าไปนั่งอ่านที่โคนต้นมะม่วง

   ถ้าพวกกลุ่มกรี๊ดสลบอ่านเจอคงได้โทรมาแซวแล้วเป็นแน่ แต่นี่ยังเงียบอยู่ หรือไม่ก็เข้ากะทำงานหาเงินไว้สร้างชีวิตจนไม่มีเวลาอ่านหนังสือเพื่อเพิ่มพูนสติปัญญา หรือหนังสือพวกนี้จะทำให้ต่อมวินิจฉัยโลกบกพร่องหรือเปล่า คิดแล้วก็อดที่จะยิ้มกับภาพนายรุ่งโรจน์ขณะเกาะบ่าตัวเองไม่ได้
   และสุริยาต้องสะดุ้งโหยง เมื่อเห็นคนในภาพถ่ายมายืนกระแอมไออยู่ที่หน้าประตู


   “บ้านคุณสุริยาหรือเปล่าครับ” รุ่งโรจน์ในวันนี้ ผิดกับวันที่เห็นในปางจันทร์ วันนี้เขาดูหล่อเนี้ยบในมาดหนุ่มเพลย์บอยด้วยสวมแว่นสีชา ผมหวีเรียบไม่กระดิก เสื้อผ้าทรงทันสมัยโทนสีดำ รัดรูปสมส่วน

   สุริยารีบเดินไปที่ประตูบ้านยิ้มรับอย่างอาย ๆ ด้วยบ้านที่ตนอยู่อาศัย แสนจะธรรมดาเหลือเกิน

   “หวัดดี” ยังไม่ทันที่เขาจะพูดอะไรรุ่งโรจน์ก็พูดสวนขึ้นมาว่า

   “คิดถึงผมหรือเปล่า” เขาพูดได้หน้าตาเฉย
 :o8:

   คนต้องตอบซึ่งอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาว กับกางเกงสแล็คสีน้ำตาล ทำหน้าปั้นยาก คล้ายจะไม่ได้ยินคำถามนั้น
   “เข้าบ้านก่อนซิ” พอเปิดประตูได้ เขาก็ก้าวเข้ามาประชิดตัวด้วยความรวดเร็ว พร้อมกับเอามือโอบไปที่เอว พาเจ้าของบ้านเดินไปนั่งที่โต๊ะหินใต้ต้นมะม่วงคล้ายคนคุ้นเคย

   “วันนี้วันพระไปวัดมาซิ”

   “รู้ด้วย” สุริยาทำหน้างง ๆ ก่อนจะถามกลับไปว่า

   “แล้วคุณมาถูกได้อย่างไร”

   “ผมก็ถามที่วินมอเตอร์ไซค์เอาซิ ถามว่าหนุ่มหน้ามนคนจัดทัวร์เถื่อนนามสุริยา บ้านอยู่ตรงไหนเห็นร้องอ๋อกันเป็นทางเลย แสดงว่าดังในแถบนี้”
   น้ำเสียงบอกให้รู้ว่าวันนี้อารมณ์ดีเหลือเกิน

   “เดี๋ยวผมไปเอาน้ำมาให้นะ รอสักครู่” ว่าพลางก็ลุกขึ้นเดินเข้าบ้าน ไม่รู้เหมือนกันว่าเขาจะรังเกียจน้ำดื่มจากขวดพลาสติกขุ่นนี่หรือเปล่า แต่ก็เอาเถอะเท่าที่รู้ในวันเก่า เขาเป็นคนอยู่ง่ายนอนง่าย พอเปิดตู้เย็นพบมะม่วงในลิ้นชัก จึงยืนปอกเปลือกแล้วเฉาะใส่ชามถือออกไปด้วย
   พอไปถึงพบอีกคนกำลังอ่านหนังสือเจ้าปัญหาตรงหน้าอยู่พอดี

   “คือ..”..สุริยาเองก็ไม่รู้จะพูดอะไร

   “ดังใหญ่แล้วคุณกับผม นี่คงจะให้คนอ่านตีความว่าผมเป็นเกย์อีกแน่ ๆ เลย ก็ดี เป็นเกย์ก็ดี คุณว่าไหม” ท้ายประโยคไม่น่าที่จะหันมาถามอย่างนั้น..เขาจึงเลือกที่จะไม่ตอบดีกว่า เพราะเขาเองก็ไม่รู้ว่าเกย์เป็นอย่างไร เห็นแต่นายต้องพูดบ่อย ๆ ว่า ไม่แน่อาจจะตัดสินใจทำงานในบาร์เกย์เพราะว่าเงินดีกว่าอยู่ร้านอาหารกึ่งเธค

   “ข่าวออกมาแบบนี้พ่อแม่คุณไม่ว่าอะไรรึ”

   “ท่านชอบ..เดี๋ยวท่านก็หาจ้างดาราหน้าใหม่ ๆ ที่กำลังเป็นดาวรุ่ง มาให้ผมควงเล่น ๆ สักเดือนสองเดือน ให้ผมพาเจ้าหล่อนออกงานต่าง ๆ กลบข่าวนี้ หลังจากนั้น ก็สุดแต่ผมกับพวกคุณเธอว่าจะสานความสัมพันธ์กันไปถึงไหน แต่ถ้าจะตกล่องปล่องชิ้นกันจริง ๆ ก็ถูกห้ามอีก เพราะคุณแม่ผมต้องการให้”

   “ได้กับคนในกลุ่มเศรษฐีด้วยกัน” สุริยาต่อให้ อีกคนพยักหน้าก่อนจะคว้ามะม่วงมันมาเคี้ยวตุ้ย ๆ โดยที่สุริยาไม่ต้องคะยั้นคะยอให้กิน

   “วันนี้ว่างไหม ไปเที่ยวกันเถอะ”

   “เพิ่งจะขึ้นหราในหนังสือ ยังกล้าเดินกับผมอีกเรอะ เดี๋ยวก็มีรอบสอง กับเล่มอื่น ๆ อีกหรอก”

   “ผมไม่สนใจหรอก รึคุณอายที่จะไปกับผม” คนถามมองหน้าตรง ๆ อีกคนจึงได้หลบสายตา

   “ถ้าผมเป็นเกย์จริง ๆ  คุณกลัวผมหรือเปล่า”

 :m16:
   คราวนี้สุริยา สบตาเขา ยิ้มให้ไม่เต็มปาก

   “คุณไม่ใช่เกย์หรอก คุณเป็นผู้ชาย ผมรู้”

   “ขอบคุณที่คุณคิดอย่างนั้น” พูดจบเขาก็ถอนหายใจออกมา :m16: ก่อนจะพูดว่า

 “ตกลงผมติดเงินคุณเท่าไหร่ วันนี้ผมเอาเงินมาใช้คืนให้พร้อมดอกเบี้ย เออ คุณสุริยา มีคนส่งกระเป๋าเงินไปคืนผมที่บ้าน โชคดีชะมัดเลย ไม่ต้องทำบัตรใหม่ นี่ก็ไม่ยอมบอกชื่อแซ่มาด้วย ผมอยากจะสมนาเขาสักหน่อย แต่ช่างเถอะ..เขาคงไม่ต้องการสิ่งตอบแทนใด ๆ”

   “คนดีที่ทำดีโดยไม่หวังสิ่งตอบแทนยังมีอยู่”

   “คุณล่ะ หวังสิ่งใดตอบแทนบ้างไหม” รุ่งโรจน์ย้อนถาม

   “หวังซิ หวังว่าความดีที่ทำกับคนอื่น ๆ แล้วคนอื่น ๆ จะคิดทำดี ๆ เพื่อคนอื่น ๆ บ้าง”

   “ฟังเข้าใจยากจัง” รุ่งโรจน์ว่าพลางดึงแบงก์พันออกมาให้สามใบ

   “นี่ผมใช้หนี้คุณ” เขายื่นเงินมาตรงหน้า สุริยายิ้มให้ก่อนจะดึงมาเพียงสองใบ

   “แค่นี้แหละ ที่คุณติดผม เออ เสื้อผ้าคุณด้วยซิอยู่กับผมจะเอาไปไหม”

   รุ่งโรจน์ไม่ตอบกลับยัดเงินอีกพันใส่มือให้

   “จริง ๆ ผมติดหนี้บุญคุณ คุณมาก ๆ นะสุริยา ชีวิตผมทั้งชีวิตทีเดียว ผมไม่ได้บอกคุณหรอก ตอนที่รถล้มไปแล้ว ผมกลัวตายขนาดไหน ผมกลัวว่ามอเตอร์ไซค์จะระเบิดด้วยซ้ำ กลัวว่าหนามจะทิ่มลูกตา หรือแทงฝังไปในเนื้อ กลัวว่างูมันจะมารัดผมหรือเปล่า กลัวว่าไม่มีใครผ่านมายกรถขึ้นแล้วผมจะเป็นอย่างไร วันนั้นจะว่าคุณให้ชีวิตใหม่กับผมก็ได้”

   “ถ้าเป็นคนอื่นเขาก็ต้องช่วยคุณเหมือนกันแหละครับ เหตุบังเอิญ คุณไม่ต้องเก็บมาใส่ใจหรอก”

   “คุณเป็นคนช่วย คุณอาจไม่คิดอะไร ทำหน้าที่มนุษย์ให้เสร็จสิ้น แต่ผมนี่ซิ คนถูกช่วย มันรู้สึกติดค้าง อยากตอบแทนคุณเท่าที่ผมจะทำได้” น้ำเสียงของรุ่งโรจน์จริงจัง

   “คุณคิดช่วยคนตกทุกข์ได้ยาก อย่างที่ผมว่าไว้ แค่นี้ผมก็พอใจแล้ว” สุริยาตัดกังวลอีกคนหนึ่งไป

   “สิ่งนั้นผมทำอย่างแน่นอน แต่กับคุณคงเป็นพิเศษนะครับ ต่อไปไม่ว่าผมจะทำอะไรดี ๆ กับคุณ หรือจะมีข่าวในทำนองนี้อีกคุณอย่าได้กังวลไปเลย ว่าผมจะทำให้คุณเสื่อมเสีย เราสองคนรู้กันสองคนก็พอแล้ว ว่าผมดีกับคุณหรือช่วยเหลือคุณเพื่ออะไร”

   สุริยางุนงง ไม่รู้ว่าเขาจะมาตอบแทนอะไรให้ เท่าที่ให้เงินคืนมาเกินหนึ่งพัน นี่ก็เกรงใจจะแย่แล้ว

   “วันนี้ผมจะพาคุณไปหาแสงทอง ผมโทรนัดกับเธอแล้ว ไปเถอะ ไปเอารูปไปให้เธอด้วย” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ลุกขึ้นดึงมือสุริยา ให้ลุกขึ้นตาม แล้วเกาะไหล่พาเจ้าของบ้านเดินเข้าบ้าน สุริยารู้ว่าอาการนั้นคือต้องการให้พาไปเอารูปมาดู สุริยาจึงพาเดินไปที่ห้องของตน ซึ่งเก็บกวาดจัดเรียงหนังสือและเสื้อผ้าของใช้ ที่นอน เป็นระเบียบตามนิสัยที่ถูกอบรมสั่งสอนมาจากพระอาจารย์

   ‘ดูคนใจสะอาด ก็ดูจากข้าวของเครื่องใช้ของเขา’

   “ห้องคุณสะอาดจัง แต่เล็กไปหน่อยนะ” ว่าแล้วก็ล้มตัวลงนอนโดยไม่สนใจว่าเสื้อผ้าที่สวมมาจะยับหรือไม่ สุริยาเอื้อมมือเปิดพัดลมตัวเล็กให้ แล้วก็เปิดตู้หยิบเสื้อผ้าของอีกคนยัดใส่ถุงกระดาษห้าง

   “เสื้อผ้าของผมเอาไว้ที่นี่แหละครับ เผื่อวันหลัง ผมจะมาค้างด้วย”

   เมื่อได้ยินดังนั้นสุริยาชะงักมือ รู้สึกว่าใจเต้นไม่เป็นจังหวะ

   “ขอผมดูรูปถ่ายของเราดีกว่า ผมอยากเห็น” รุ่งโรจน์ถอดแว่นวางไว้ นอนลืมตาใสแหนวมองมาที่อีกคน สุริยาส่งรูปถ่ายให้ ในระยะเอื้อมมือ แต่รุ่งโรจน์กลับพูดว่า “มานั่งดูด้วยกันใกล้ ๆ แล้วอธิบายด้วยว่าคุณไปที่ไหนมาบ้าง” เขาจึงต้องปฏิบัติตามคำสั่งนั้นโดยไปนั่งอยู่ข้าง ๆ คนที่นอนเหยียดยาว พลางเปิดดูรูปไปด้วย

   “บ้านนี้ บ้านป้าคุณใช่ไหม อาศัยป้าอยู่ซิ อยู่กันกี่คน” เมื่อสุริยาตอบคำถามทุกข้อแล้ว รุ่งโรจน์จึงว่า

   “ผมมีคอนโดอยู่ละแวกนี้หนึ่งห้องของพี่ชาย คุณสนใจไหม”

   “คงไม่หรอก ผมคงไม่มีปัญญาไปเช่าห้องแพง ๆ อยู่หรอก”

   “ใครว่าผมจะให้เช่า ผมจะจ้างคุณให้ไปอยู่คอยทำความสะอาดให้ ดูแลให้ เผื่อบางทีผมไม่อยากกลับบ้าน ผมก็จะมานอนที่นั่น”

   “อย่าเลยครับ ผมเกรงใจ” น้ำเสียงสุริยาห่างเหินไม่เหมือนวันวาน ทีนี้รุ่งโรจน์จึงลุกขึ้นนั่งจับมืออีกคนหนึ่งไว้

   “บ้านคนอื่น คุณอึดอัด ผมรู้ ไปอยู่บ้านผม คอนโดหลังนั้นเป็นชื่อผม พี่ชายผมซื้อไว้ตั้งแต่สมัยยังไม่มีครอบครัว มาดูแลโรงงานแถวนี้ ก็เก็บไว้หลับนอนยามทำงานดึก ๆ ดื่น ๆ พอพี่เขาแต่งงาน เขาก็โอนให้ผม คุณไปดูก่อนแล้วกัน รับรอง ผมว่าคุณต้องชอบอย่างแน่นอน ที่นั่นนะ มีบางอย่างที่คุณอยากมี อยากรู้ซิว่าอะไร”

   สุริยาทำหน้าสงสัย

   “อยากรู้คุณก็ต้องไปดูกับผม ปะ วันนี้เราไปหาไอ้หนูแสงทองกันผมนัดไว้แล้ว”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ว่าพลางเขาก็ลุกขึ้น หยิบอัลบั้มรูปแล้วจับข้อมืออีกคนออกจากห้อง พอพ้นก็ละมือเดินออกไปสตาร์ทเครื่องรถรออีกคนปิดประตูบ้าน
   สุริยาตามเข้าไปนั่งด้วยความรู้สึกแปลก ๆ

   “คุณขับรถเป็นไหม”

   สุริยาส่ายหน้า

   “ดูคุณเกร็งนะ กลัวอะไรผม ผมรู้ว่าคุณเป็นคนเจียมตัว ทำตัวให้สบาย ๆ เถอะคุณสุริยา มีชื่อเล่นไหม”

   “บางคนก็เรียกผมยา บางคนก็เรียกผมยะ แล้วแต่คุณจะเรียกแล้วกัน”

   “คุณยะ ทำตัวให้เหมือนเมื่อเราอยู่ปางจันทร์ด้วยกันนะ มีอะไรก็คุยกัน บอกกัน แบ่งปันกัน”

   “ถ้าทำเช่นนั้นดูผมจะบังอาจไปมั้ง อีกอย่าง ผมคงไม่มีเงินไปแชร์อะไรหรูหรากับคุณหรอก และถึงคุณจะจ่ายให้ ผมก็ไม่ได้อยากได้แบบนั้นด้วย”

   “คุณจะให้ผมขึ้นรถเมล์กับคุณอย่างนั้นซิ คุณก็รู้ว่านี่มันกรุงเทพฯ ไม่ใช่ปางจันทร์ แต่คุณก็เห็นแล้วนี่ว่าอยู่ปางจันทร์ผมเป็นอะไรก็ได้ ตามแต่ที่คุณกับแสงทองจะอยากให้เป็น ให้กินปลาร้าบองอย่างนี้ เขียดอย่างนี้” ว่าพลางก็หัวเราะด้วยกัน

   “ไม่รู้ล่ะ ถึงไม่มีคุณกับแสงทอง ที่นี่ผมก็ทำตัวอย่างนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อมีคุณสองคนอยู่กับผมด้วย ผมอาจจะลดนิดนึงเพื่อความสบายใจของคุณทั้งสองคน”

   สุริยายิ้ม แค่ขับรถคันนี้มาเขาก็รู้แล้วว่าอีกคนพยายามลด อย่างที่ว่าไว้ เพราะรถที่เขาเคยขับซึ่งเป็นข่าวกับสาว ๆ ส่วนใหญ่จะเป็นสปอร์ตหรูราคาหลายล้านแต่จะว่าไปเงินแค่เล็กน้อย หากรุ่งโรจน์จะมาจ่ายให้เขากับแสงทอง คงไม่ทำให้ขนหน้าแข้งร่วงได้ แต่เขาไม่ปรารถนา ความสุขสบายแบบเห็นแก่ได้เช่นนั้นหรอก หากวันหนึ่งผิดใจกันขึ้นมา ทีนี้มันก็มีเรื่องของศักดิ์ศรีเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่อย่าเพิ่งไปกังวลเลย บางทีเขาอาจจะมาทำดี ๆ กับเขาหรือกับแสงทองเพียงวันสองวันแล้วก็หายไปในสังคมที่เขาคุ้นเคย

   “คุณยะ ต่อไป ผมจะหัดขับรถให้คุณนะ”

   “ถึงขับเป็นผมก็คงไม่มีปัญญาซื้อรถขับหรอก”

   “คุณอย่าพูดคำว่าปัญญาซิ ถ้าคุณมีปัญญาจัดทัวร์พาคนไปเที่ยวได้ สักวันคุณก็ต้องมีปัญญาที่จะซื้อหารถสักคันหรือมีคอนโดดี ๆ อยู่ได้..คุณเป็นเพชรนะคุณยะ เพียงแต่คุณต้องได้รับการเจียรนัยสักหน่อย รับรองต่อไปในภายหน้า คุณจะต้องมีประกายแวววาวโดดเด่นทีเดียว”

   เมื่อคุยกันได้สักพัก สุริยาก็งีบหลับ ด้วยแอร์เย็นฉ่ำ กับเบาะนุ่ม ๆ ถึงแม้อีกคนจะขับเร็วชวนหวาดเสียวก็ตามที
   


   รถสีดำคันนั้นมาจอดสงบนิ่งอยู่ในลานจอดร้านอาหารซึ่งอยู่ระหว่างทางซอยมหาดไทย สุริยา ค่อย ๆ ลืมตาขึ้นเมื่อรุ่งโรจน์เอามือมาตบเบา ๆ ที่แก้มข้างขวา

   “ถึงแล้วครับ ตื่นได้แล้ว”

   คนตื่นสลัดความงุนงง พลางปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยที่รุ่งโรจน์เอื้อมมาดึงรั้งไว้ให้ในขณะที่รถติดไฟแดง

   “แสงทอง บอกผมว่าให้มานั่งรอที่ร้านนี้ พอถึงแล้วค่อยโทรหา เขาพักอยู่ใกล้ ๆ เดินแค่ไม่กี่นาทีก็ถึง”

   คนที่ยังสลึมสลือยังปรับสีหน้าให้เป็นปกติไม่ได้ รุ่งโรจน์จึงถามขึ้นว่า “คุณไม่สบายหรือเปล่าดูสีหน้าไม่ค่อยดีเลย” สุริยายังไม่ทันจะพูดว่าอะไร รุ่งโรจน์ก็เอาหลังมือมาแตะหน้าผากเสียแล้ว

   สุริยายิ้ม ๆ นึกถึงครั้งที่ตนทำเช่นนั้นให้กับเขา

   กรรม..ตอบสนองเร็วแท้

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
อะไรๆดูเป็นใจเสียเหลือเกิน


ว่ามั้ยน้องยา :กอด1: :กอด1:


จะเจอกันอีกแล้วเพื่อนสามคนที่ต่างคนต่างจิตต่างใจต่างสถานที่ๆได้มาเจอและเข้าใจกันระหว่างความเป็นเพื่อนที่แสนดี

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
น่ารักจังเลยพี่สุริยาหลงเสน่ห์พี่โรจน์แน่งานนี้

ออฟไลน์ SACK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
แว๊บมาดูเพราะชื่อเรื่อง :o8:

อ่านแล้วครับ เนื้อเรื่องค่อนข้างแปลกไปจากนิยายที่ผมเคยอ่านนะ
แต่อ่านแล้วรู้สึกสบายๆ ตอนที่ขึ้นเขากันน่ะครับ
รู้สึกว่าอยากมีอะไรแบบนี้บ้างจัง

ผมว่าผมติดเรื่องนี้แล้วล่ะ
รออ่านตอนต่อไปครับ :L2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
อ่านไปลุ้นไป รอติดตามต่อค่า

แต่ๆๆๆ เพิ่งอ่านเห็นเม้นท์ที่แจ้งว่า เรื่องราวจบลงที่เดือนธันวาปี 47
ยังงี้ใจไม่ค่อยดีเลยอ่า ไม่เกี่ยวข้องกับเหตุการณ์ที่เกิดในช่วงนั้นใช่ไหมคะ
ฮือ ดราม่าไม่ถึงขั้นหายใจไม่ออกของผู้แต่งเนี่ย ระดับไหนหนอ
 :เฮ้อ:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 17-04-2011 21:13:23 โดย JJHJJH »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ TONG

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2535
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +191/-4
สุริยา-รุ่งโรจน์ อ่านแล้วอบอุ่นจัง

arrow

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านมุมมองของรุ่งโรจน์บ้างจังเลย

ว่าแต่ สะดุดใจเหมือนกันกับช่วงเวลา ธ.ค. 47 :m29:
ขอสารภาพว่าเจ็บช้ำเพราะช่วงเวลานี้มาหลายเรื่องแล้วค่ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
รุ่งโรจน์เค้าน่ารักนะ เพราะไม่ใช่แบบคุณหนูแล้วเอาแต่ใจเหมือนลูกคนรวยบางคน
ดูเค้าเข้าใจอะไรๆง่ายๆดี ปรับตัวได้ดีพอสมควร

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
ค่ำนี้ยังไม่มา



 :L2:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
 o13 ขอจิ้มบวกให้ทุกๆ คนข้างบนที่แวะมาปูเสื่อรอเรื่องเดียวกันค่า

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
สวัสดีตอนดึก ๆ มาก ๆ ทุก ๆ คนนะครับ สำหรับเรื่องนี้ เล่าเรื่องผ่านสุริยาคนเดียวครับ..ก้ประมาณว่า เหมือนชีวิตเรา บางทีเราก้ไม่รู้หรอกว่า คนที่เขาเข้ามาหาเราเขาจริงใจกับเราแค่ไหน การกระทำบางทีบางหนมันก็เป็นไปด้วยเจตนาแอบแฝง แล้วเรารู้ไหม เราก็ไม่รุ้ บางทีก็พลาดไปซะจน ..ถลำตัว แถมยากจะถอนใจ.. หุหุ..((เจ็บมาเยอะเหมือนกันครับ)))


วันก่อนผมบอกไว้ว่า จะมี 25 ตอน แต่เมื่อวาน นั่งอ่านอีกรอบ แล้วอยากรู้ตอนจบ(แบบลืมไปแล้ว) ที่ไหนได้ มี 30 ตอนครับ อ่านกันนานเลยทีเดียว

ขอบคุณจากทุก ๆ กำลังใจนะครับ :L2:
แล้วพรุ่งนี้ผมจะโพสต์ให้อีกตอนนะครับ แล้วกลับมาอีกทีวันจันทร์หน้าเลยครับ ...((ไม่อยู่บ้าน)))


 :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2: :pig2:


8.
   
   บนโต๊ะมีอาหารที่ดีที่สุดของร้านอยู่ถึงห้าอย่าง ทั้งที่สุริยาพยายามจะบอกว่า

   “อย่าสั่งมาเยอะเดี๋ยวทานไม่หมด เสียดายแย่” แต่อีกคนก็หาได้เชื่อฟัง

   “ไม่เป็นไรน่า วันนี้ผมอยากเลี้ยงตอบแทนคุณสองคนให้เต็มที่” รุ่งโรจน์บอกพลางยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดู แล้วชักสีหน้าตำหนิคนไม่รักษาเวลานัด

   และยังไม่ทันที่เขาจะบริภาษอะไรออกไป สาวเจ้าคนที่ถูกพูดถึงก็เดินใส่ชุดพนักงานถือถาดวางโถข้าวออกมา

   “แสงทอง” ทั้งสุริยาและรุ่งโรจน์อุทานเกือบจะพร้อมกัน

   “มีอะไรให้หนูรับใช้หรือเจ้าคะ” อีกคนยิ้มนิ่ง ๆ ในวงหน้า

   “เกิดอะไรขึ้น” รุ่งโรจน์หันซ้ายหันขวามองพนักงานคนอื่น ๆ

   “ทำไมเธอทำอย่างนี้ล่ะ”

   “หากแม้เลือกเกิดได้ หนูก็อยากจะร่ำรวยเงินทองอย่างคุณชายนะเจ้าคะ แต่นี่..ชีวิตมันเศร้า” แสงทอง ทำน้ำเสียงสะอื้น ส่งผลให้สุริยาหัวเราะ

   “วันนี้เธอลางานครึ่งวันได้ไหม ไปเปลี่ยนชุดแล้วออกมานั่งกินด้วยกัน”

   “ถ้าทำอย่างนั้นจะถูกหักเงินสองร้อยบาทเจ้าค่ะ เสียดายตังค์แย่”

   “โอเค เดี๋ยวฉันจัดการให้” ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ลุกขึ้นเดินไปที่เคาน์เตอร์แคชเชียร์ คงถามหาผู้จัดการหรือไม่ก็เจ้าของร้าน คุยกันสักพักแล้วก็ควักเงินให้ตรงนั้นสองร้อยบาท พอเดินกลับมา สาวแสงทองก็ถอดผ้าคลุมผมกับผ้ากันเปื้อนสีขาววางไว้ข้างตัวเรียบร้อย

   “ขอบคุณเจ้าค่ะ ที่กรุณา” หญิงสาวยังตั้งท่ากวนอารมณ์ของเขา

   “เล่นไปได้เรื่อยนะเราแล้วทำไมถึงมาทำงานที่นี่ได้” รุ่งโรจน์ทำเสียงดุ

   “ก็ตอบแล้วไงว่าจน ลูกกำพร้า ป้าลุงเลี้ยง และคนอื่นเลี้ยงมันจะสุขสบายสักแค่ไหนเชียว” ว่าพลางก็คดข้าวใส่จานให้สองหนุ่ม พร้อมกับรินน้ำส่งให้

   “เด็กรามเจ้าค่ะ หาประสบการณ์ชีวิตด้วย และอย่างหนูจะไปเป็นสาวโคโยตี้ หรือสาวไซด์ไลน์ก็คงไม่ไหวหรอก ใจไม่รัก”

   “แต่หุ่นเธอให้นะ” รุ่งโรจน์แซว แต่อีกคนหาเล่นกับประเด็นนั้นไม่

   “แล้วนี่พี่ยามาได้ไงเนี่ย” สายตาหญิงสาวที่มองทางสุริยาผิดกับมองทางรุ่งโรจน์

   “คุณรุ่งเขาไปรับมา ไปถึงบ้านเลย เก่งจริง ๆ เพียงแค่เห็นวินมอ-ไซค์ที่พี่ซ้อน เขาก็ยังไปถูก”

   “เก่งอยู่แล้ว พันธุ์เขาดี เรื่องแค่นี้ขี้ผงใช่ไหม”

   “ปากเธอจริง ๆ เลย” รุ่งโรจน์ว่าให้

   “จ้า..จะเก็บปากไว้กินของแพง ๆ นี่” ว่าพลางก็ตักอาหารกินด้วยท่าสบายอารมณ์

   “มาถึงตั้งแต่เมื่อไหร่” สุริยาถามบ้าง

   “วันรุ่งขึ้น ..จริง ๆ จะกลับมาด้วยกันกับพี่นี่แหละ แต่รำคาญป้า เดี๋ยวจะหาว่าอย่างนั้นอย่างนี้ ทำให้แกเครียดเสียเปล่า ๆ ก็เลย เลื่อนมาอีกวัน..”

“อืม แล้วเรื่องเรียนไปถึงไหนแล้ว” รุ่งโรจน์ตั้งคำถาม

“เหลือแค่ไม่กี่เล่มก็จะจบแล้ว”

   “กี่ปีแล้วล่ะ” สุริยาอยากรู้เพิ่มเติม

   “4 ปีนี้แล้ว ลงอังกฤษมาแปดรอบแล้วตกอยู่นั่นแหละ ..ติวก็ยังโง่เหมือนเดิม”

   “ให้ฉันติวให้ไหม” รุ่งโรจน์เสนอตัว

   “ไม่หรอก เกรงใจ กลัวเป็นข่าว กลัวเฮียจะเสียเวลาไปป้อสาว ๆ” น้ำคำของแสงทอง ดูคล้ายไม่มีแววกริ่งเกรงในความมั่งมีของอีกคนสักนิด
 เมื่อจัดการกับอาหารคาวจนหมด ของหวานเป็นผลไม้และไอศครีมจึงตามมาพร้อมกับที่สุริยาส่งรูปที่ปางจันทร์ให้แสงทอง

   “สวยเหมือนกันแฮะเรา” แสงทองเปรยขึ้น
หลังจากนั้นรุ่งโรจน์ก็แสร้งอาเจียน สุริยา ยิ้ม ๆ เมื่อได้เห็นอารมณ์สบาย ๆ ของทั้งสองคน
..บรรยากาศเช่นนี้กระมังที่รุ่งโรจน์ต้องการได้จากเขาและแสงทอง

   “คืนนี้ว่างไหม” รุ่งโรจน์ถามขึ้น แสงทองไม่ตอบ สุริยาก็ไม่ตอบ

   “จะพาไปดูหนัง”

   “ไม่ไป เปลือง เรื่องละตั้งเป็นร้อย เก็บเงินไว้ทำอย่างอื่นดีกว่า” แสงทองตอบทันที ส่วนสุริยา

   “พรุ่งนี้ต้องไปทัวร์อยุธยาครับ ไปด้วยกันไหม”
   ทีนี้ แสงทองตาโตก่อนจะบอกว่า “อยากไปด้วยจัง แต่ติดติว”

   “วันมาฆะก็ได้นะ จัดสองรอบ ไปนะ รถออกตอนเจ็ดโมงเช้าที่ทางเข้านิคม”

   “ผมไปด้วยได้ปะ” รุ่งโรจน์แทรกขึ้น

   “เฮียไป คนบนรถได้แตกตื่นกันพอดี..”

   “คงไม่หรอก ..ฉันคนธรรมดา ๆ ไม่ใช่เทวดาสักหน่อย”

   “แน่ใจนะ โน่น..” แสงทองเหลือกลูกตาไปทางด้านซ้ายหลาย ๆ รอบ เพื่อให้ทั้งสองคนรู้ว่าค่อย ๆ มองไปทางนั้นนะ

   “เห็นไหม..ญาติพี่ เดี๋ยวคงได้มีรูปหนูกับพี่ยาติดไปหากินอีก”

   “คงไม่หรอก ข่าวแบบนี้ขายไม่ได้ มันต้องผมอยู่กับคุณยะสองคน หรือไม่ก็อยู่กับเธอสองคน อันนี้รับรอง พอมีลุ้น”

   “เบื่อไหม” สุริยาถามขึ้นมาบ้าง

   “เบื่อมาก ผมบอกแล้วไง ผมอยากเป็นคนธรรมดา จะไปไหนก็ได้ ไม่มีกล้อง ไม่มีใครมาจับตามอง ไม่มีคนเอาไปพูดถึงวิพากษ์วิจารณ์แบบถูกบ้างผิดบ้างอย่างนั้น”

   “ทำใจเถอะครับ ..สรรเสริญ นินทา มันของคู่โลก..คุณก็หมั่นทำภาพดี ๆ ออกมาสิ ดูซิว่า จะมีข่าวในลักษณะไหนอีก..”

   “ใช่ เริ่มจาก ไปไหว้พระ 9 วัด บ่อย ๆ ดูซิว่าจะมีภาพพี่กำลังสวดมนต์ไหว้พระไหม...ถ้ามีก็ถือว่าช่วยกันเผยแผ่พระพุทธศาสนาสู่สายตาชาวโลกทางอ้อมแล้วกัน เนอะ”

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-04-2011 00:30:43 โดย anop2521 »

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
เวลาประมาณสองทุ่มรถคันสีดำมาจอดที่ใต้ถุนคอนโดย่านมหาวิทยาลัยกรุงเทพฯ สุริยาทำหน้าแปลกใจเมื่อคนขับคะยั้นคะยอให้ลงจากรถและเดินเข้าลิฟท์ไปด้วยกัน ลิฟท์มาหยุดที่ชั้นหก รุ่งโรจน์ก็เดินนำจนกระทั่งไปหยุดที่ห้อง 618 ไขกุญแจเข้าไปแล้วก็เปิดไฟสว่างไสว เผยให้เห็นห้องขนาด 32 ตารางเมตรที่ได้รับการตกแต่งอย่างดีเยี่ยม มีมุมครัวตรงใกล้ ๆ กับประตูทางเข้า มีห้องรับแขกและมีประตูอีกบานคงจะเป็นห้องนอนและห้องน้ำคงจะอยู่ข้างในด้วย

ที่สำคัญสิ่งที่ทำให้สุริยาตะลึงคือรอบ ๆ ชั้นวางโทรทัศน์เครื่องเสียง มีชั้นวางหนังสือรายล้อมอยู่จนเต็มผนังหนึ่งด้าน บนนั้นมีหนังสือ อสท. ตั้งแต่เล่มละไม่กี่บาทจนถึงปัจจุบัน..เขาถือวิสาสะเดินไปยืนมองใกล้ ๆ แล้วดึงบางเล่มมายืนอ่าน ขณะที่รุ่งโรจน์เปิดตู้เย็น เปิดเบียร์สำหรับตน และน้ำอัดลม เย็น ๆ สำหรับสุริยา..

   สุริยาถือหนังสือมานั่งบนโซฟาเคียงกัน

   “เป็นไง ..คุณชอบใช่ไหม หนังสือทั้งหมดของพี่ชายผม แกชอบท่องเที่ยว สมัยหนุ่ม ๆ ก็ไปปิ๊งกับพี่สะใภ้บนภูกระดึงนี่แหละ ชอบเที่ยวธรรมชาติทั้งสองคน หนังสือพวกนี้แกสะสมตั้งแต่สมัยหนุ่ม ๆ ปัจจุบัน ผมก็ตอบรับเป็นสมาชิกต่อ แต่ไม่ค่อยได้อ่านหรอก มีหน้าที่จ่ายเงินให้ พอมีหนังสือมา ไปรับที่ข้างล่างแล้วมาเรียงไว้ ผมถึงบอกว่า คุณน่าจะมาอยู่ที่นี่ ในห้องนอนมีคอมพิวเตอร์ด้วยนะ เล่นเน็ตได้ พิมพ์งานได้ ของผมเอง เคยบ้าเห่ออยู่พักหนึ่ง บ้าเกมส์ บ้าแชต ตอนนี้เบื่อมาก ๆ”

   “แล้ววัน ๆ คุณมีกิจกรรมอะไรบ้าง”

“ก็เที่ยวกลางคืน ตื่นสาย ๆ บ่าย ๆ เย็น ๆ ค่ำ ๆ แวะไปดูธุรกิจที่ลงขันกับเพื่อน ไปตกปลาบ้าง ตีกอล์ฟบ้าง ไปสนามแข่งรถบ้าง หรือไม่ก็ไปออกเดทกับบรรดาสาว ๆ ที่พบกันตั้งแต่กลางคืน”

   “ที่แห่งนี้”

   “ไม่ ผมไม่เคยพาใครมามั่วสุมหรอก เจ้าของห้องเก่าเขาขอไว้ นาน ๆ ถ้าขี้เกียจกลับบ้านก็จะมานอนสักที  หรือมีเรื่องขัดใจกับคุณแม่ก็มาสถิตอยู่ที่นี่แหละ เป็นส่วนตัวหน่อย ได้อยู่เงียบ ๆ คนเดียว ได้คิดอะไรแล้วก็ได้มองหนังสือพวกนี้ แต่ไม่คิดจะอ่านนะ ไม่ชอบอ่านหนังสือ ชอบฟังเพลงมากกว่า”

   พูดจบก็ลุกขึ้นพาอีกคนเปิดประตูห้องนอนเข้าไป ในนั้นมีเตียงขนาดสองคนหัวเตียงมีโต๊ะโคมไฟ มีตู้เสื้อผ้าเข้าชุด ติดแอร์ ปูพรม ติดวอลล์เปเปอร์สีฟ้าอ่อน ลายดอกไม้สีส้มดอกเล็ก ๆ  ที่มุมห้องมีโต๊ะคอม พร้อมอุปกรณ์ประกอบครบชุด

   “มาอยู่ที่นี่เถอะ คุณจะได้มีเวลาค้นคว้าหาข้อมูล ไม่ต้องไปร้านหนังสือบ่อย ๆ ผมรู้นะว่าคุณไปอ่านฟรีแน่ ๆ เลย และที่สำคัญ ผมว่าคุณลองหัดเขียนหนังสือพวกท่องเที่ยวในเชิงศาสนาเฉพาะเล่มดูบ้างก็ได้ จับมาจัดหมวดหมู่ใหม่ มันก็จะเป็นอีกอาชีพที่มั่นคงของคุณ”
   น้ำเสียงของอีกคนจริงจัง จนสุริยารู้สึกตื้นตันเป็นอย่างมาก

   “ขอบคุณมากครับ แต่”

   “คุณยังไม่ต้องตกลงก็ได้ คืนนี้ผมจะไปนอนที่บ้านคุณด้วยนะ พรุ่งนี้ผมจะไปทัวร์กับคุณ อยากไปดูว่าคุณทำงานเป็นอย่างไรบ้าง ตกลงไหม”

   “แต่ที่บ้านผมคงไม่สะดวก” คนพูดนึกถึงห้องน้ำที่ไม่ทันสมัย ห้องนอนที่ไม่มีแอร์ กับที่นอนหลังเล็กปูกับพื้นของตน รวมทั้งอาจจะได้ยินเสียงเด็กสองคนวิ่งหยอกเย้ากัน หรือไม่ก็คนเป็นป้าตื่นมาตั้งแต่ตีสามเตรียมของออกไปขาย อาจทำให้เขานอนหลับไม่สนิทก็เป็นได้

   “เดี๋ยวผมจะอาบน้ำไปจากที่นี่เลยแล้วกัน หรือถ้าคุณไม่สะดวก ให้ผมไปคุณก็นอนกับผมที่นี่ก็ได้”

   “ผมต้องไปเตรียมข้อมูล กับเตรียมของที่บ้านอีกหลายอย่าง เอาอย่างนี้แล้วกัน คุณไปส่งผม แล้วก็กลับมานอนที่นี่ ตอนเช้าคุณค่อยเอารถไปจอดตรงหน้านิคม แล้วขึ้นรถทัวร์ไปด้วยกัน”

   “ไม่เอา..ผมอาบน้ำที่นี่ แล้วไปนอนกับคุณที่บ้านก็ได้ ผมอยากนอนกับคุณ อุ่นดี” พูดจบก็ไม่สนใจอีกคนจะว่าอย่างไร เดินไปเปิดตู้ คงจะแก้ผ้าตามเคย สุริยาเห็นดังนั้นจึงรีบเดินออกจากห้องนอนไปนั่งอ่านหนังสือรออยู่ข้างนอก
   ขณะนั่งรถกลับบ้านด้วยกัน เสียงโทรศัพท์มือถือของรุ่งโรจน์ก็ดังขึ้น เจ้าตัวเพียงหยิบมาดูเบอร์ที่โชว์ แต่ก็ไม่กดรับ

   “แม่ผมเอง พรุ่งนี้วันแห่งความรัก ท่านคงพยายามจะให้ผมไปออกเดทกับใครบางคนเพื่อจะได้เป็นข่าวในวันถัดไป แต่เสียใจ ผมรู้ทันแม่ผมแล้ว” พูดจบเสียงโทรศัพท์ก็เงียบไปก่อนที่เขาจะกดปิดเครื่องทันที

   “คุณทำอย่างนี้ แม่คุณ ไม่..”

   “ท่านคงชินแล้วล่ะ ผมมันดื้อ บางเรื่องผมก็ตามใจท่านนะ แต่เรื่องแม่พวกดารานี่ผมบอกตรง ๆ ผมเบื่อ พวกหล่อนบางคนก็ปรารถนาให้ผมเป็นคนรักของเจ้าหล่อนจริง ๆ โทรตามสามเวลาหลังอาหาร ต้องการให้ผมพาไปด้วยทุกที่ ที่เจ้าหล่อนต้องไป ทำเหมือนผมเป็นคนขับรถ ให้ผมไปนั่งเฝ้าที่กองถ่าย เพื่อจะได้เป็นข่าวในหนังสือพิมพ์รายวัน คิดดูเถอะ”

   “จริง ๆ ถ้าคุณคิดจะทำตามแผนแม่คุณ คุณก็จะยิ่งสบาย เป็นดาราได้เงินมาง่าย ๆ คุณก็จะยิ่งมีความสุข”

   “คุณพูดเองไม่ใช่รึว่าเงินก็ไม่ได้ทำให้เรามีสุขเสมอไป สู้ทำในสิ่งที่อยากทำไม่ได้ นั่นคือความสุข”

   “ครับ นี่คือผมไม่มีทางเลือกที่ดี ได้เงินมาง่าย ๆ แล้วไม่ผิดศีลธรรมเช่นนั้น แต่ถ้าผมเลือกได้ผมก็เลือกทางเดินนั้น”

   “อย่าพูดเรื่องนี้เลยครับ ..ปัญหาโลกแตก ว่าแต่คุณเถอะ พรุ่งนี้ต้องรีบตื่นไปซื้อดอกกุหลาบให้ใครหรือเปล่า”

   “ไม่มีหรอก ผมคนโสด” พูดยังไม่ทันจะจบ โทรศัพท์มือถือของตนก็ดังขึ้นมาบ้าง..เป็นน้องแก้ว

   “อือ ..พรุ่งนี้ไปด้วยใช่ไหม พี่เห็นชื่อแล้ว..ดีดี..เรื่องข่าว...เอ่อ..เพื่อนกัน มั่วนิ่ม ..เพื่อนกันจริง ๆ ..แค่นี้นะ”
   สุริยาวางสายพลางถอนหายใจออกมา

   “พรุ่งนี้คุณยังจะไปกับผมไหม ในลูกทัวร์มีกลุ่มเจ้าแก้วนี่แหละมันแก่นกว่าพวกหน่อย..มันคงจะแซวผมเรื่องนี้อย่างแน่นอน ยิ่งถ้าคุณไปด้วยรับรองคุณไม่เป็นอันมีความสุขแน่ เปลี่ยนเป็นวันมาฆะก็ได้นะ เพ็ญเดือนสามได้บุญเยอะดี”

   รุ่งโรจน์นิ่งเงียบจนกระทั่งขับรถจอดที่หน้าบ้านป้าของสุริยา เขาล็อครถเดินตามเข้าบ้านไปด้วยทีท่าสบาย ๆ สุริยาแนะนำให้รู้จักกับคุณป้าและเด็กสองคนลูกสาวพี่ตั้ม..

ต่อง กับ แต๋ม สองสาวเมื่อเห็นหนุ่มหล่อเนี้ยบก็ชะมดชม้ายชายตามอง อย่างเปิดเผยความในใจ จนกระทั่งผู้เป็นย่าต้องไล่ขึ้นไปนอน
   สองหนุ่มก็แยกย้ายเข้าห้องส่วนตัว

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 8 อยากให้&#
«ตอบ #57 เมื่อ19-04-2011 00:27:41 »

“นอนที่คอนโดคุณก็ดีอยู่แล้ว ไม่อบอ้าวอย่างนี้” สุริยาว่าให้รุ่งโรจน์ที่กดเปิดพัดลมแล้วล้มตัวลงนอน ลืมตาใส ไม่บอกความรู้สึกใด ๆ

   “เมาหรือเปล่า” สุริยาถามด้วยเห็นอีกคนดื่มเบียร์ไปสองกระป๋อง

   “ไม่หรอก..กำลังดี ..ไปซิ ไปอาบน้ำจะได้มานอน” สุริยาปฏิบัติตามคำสั่งนั้น แต่พอกลับเข้ามา เขาไม่นอน แต่กลับหยิบกระดาษสี่เหลี่ยมเขียนรายชื่อลูกทัวร์แต่ละคน แล้วจับเรียงตามลำดับเลขที่นั่ง

   “ถ้าไม่รีบขึ้นรถแล้วจัดที่นั่งแบบนี้ รับรองได้มีแย่งที่กัน ลำบากนะ อยากแต่จะนั่งข้างหน้ากันทั้งนั้น..ทั้งที่จองตั๋วทีหลัง พรุ่งนี้คุณไปแน่ใช่ไหม ถ้าไปนะ ช่วยงานผมหน่อยได้ปะ”
   สุริยาต้องการให้อีกคนมีส่วนร่วมจึงเสนองานนี้ไปให้

   “คุณดูแผนผังรถนี่นะ แล้วก็เอารายชื่อติดตามเบาะ ตอนที่รถมาถึงปั๊บได้ป่ะ”

   อีกคนสั่นหัว แล้วบอกให้อธิบายใหม่อีกรอบ..และก็อีกรอบ..จนกระทั่งสุริยาอธิบายจนเหนื่อย รุ่งโรจน์ก็หัวเราะก่อนจะปิดไฟแล้วดึงอีกคนให้ไปนอนเคียงกัน..
   


   เวลาประมาณเจ็ดโมงสามสิบนาที รถทัวร์คันนั้นจึงแล่นออกจากจุดนัดหมาย มีบ้างที่บ่นว่าไม่ตรงเวลาอีกแล้ว สุริยาได้แต่ใช้ไมโครโฟนแก้ตัวไปว่า นัดคนไทยมันก็เป็นอย่างนี้แหละ นี่ก็เป็นปัญหาสำหรับสุริยาทัวร์ตลอดมา บางทีก่อนถึงวันเดินทางหนึ่งวัน เขาก็จะเพิ่มค่าโทรศัพท์ให้เจ้าอ้อย โทรไปแจ้งเตือนให้คนที่จองและมาจ่ายเงินได้รู้ตัว ว่าพรุ่งนี้ต้องเดินทางท่องเที่ยว ลืมหรือเปล่า พร้อมไหม แต่ปัญหานี้ก็ใช่จะหมดไป เพราะบางคนก็อ้างว่าตื่นสาย

   พอขึ้นไปบนรถสิ่งหนึ่งที่เขาให้ลูกทัวร์ทำ นั่นคือสวดมนต์ทำวัตรเช้า โดยมีแผ่นวีซีดีแบบคาราโอเกะนำ หลังจากนั้นก็พาแผ่เมตตาและอุทิศส่วนบุญส่วนกุศล ก่อนจะแจกข้าวกล่องและน้ำหนึ่งแก้ว พลางเปิดเพลงเบา ๆ เส้นทางตั้งแต่จุดนัดหมายจนถึงวัดในอยุธยา ด้วยอยู่ไม่ไกลนักยังไม่ทันได้อธิบายอะไรมากมายรถก็ถึงที่หมายแห่งแรก

   วัดใหญ่ชัยมงคล..ลูกทัวร์ลงจากรถแบบกลัวว่าวัดใหญ่จะรีบบินหนี บางคนก็มีข้าวกล่องติดมือลงไปนั่งกินข้างล่าง..สุริยายืนรอที่ประตู คอยรับมือของคนมีอายุมากหน่อยซึ่งก้าวขึ้นลงรถด้วยความยากลำบาก..หากเจ้าอ้อยเดินทางมาด้วยหน้าที่ตรงนี้หญิงสาวก็จะรับไป..แต่วันนี้เด็กอ้อยไม่มา เขาจึงทำงานเพียงลำพัง

   และคณะสุดท้ายเกือบสิบคนที่ต้องมีส่วนลดอยู่เสมอ แต่ต้องนั่งด้านหลังก็กิ๊วก๊าวพากันลงมา

   “โอ๊ย..พี่ยารับหนูหน่อย” สาวแก้วส่งมือให้พร้อมกับหัวเราะกิ๊กกั๊ก ยิ้มระรื่นกับกลุ่มเพื่อน ๆ ที่เดินตามหลัง ชายหนุ่มไม่ปฏิบัติตามเพียงยืนยิ้ม ๆ ดูสาว ๆ หน้าตาแช่มชื่นด้วยเครื่องสำอาง...ก้าวลงทีละคน..และจนถึงคู่สุดท้าย..

   “วันนี้มาเป็นคู่...มีอะไรพิเศษให้หรือเปล่า”

   “มีซิ ..เดี๋ยวกลับมารับแล้วกัน”

   “แล้วพี่ไม่ไปไหว้พระด้วยกันหรือ..”

“เดี๋ยวตามไปจ้ะ” เมื่อคณะสาว ๆ ไปกันแล้ว..ก็เหลือลูกทัวร์คนสุดท้ายที่นั่งด้านท้ายสุด ค่อย ๆ ก้าวลงจากรถโดยมีหมวกแก๊บและแว่นตาดำพรางใบหน้า..

   “ผมบอกแล้ว ว่าอย่ามา เป็นไง พวกมันคุยกันแซ่บเลยซิ”

   รุ่งโรจน์ไม่ตอบ เพียงแต่ยิ้มแหย ๆ แล้วถามว่า

   “ผมต้องเริ่มต้นจากอะไรก่อน..”

   “ก็ไปไหว้พระในพระวิหารเก่า..แล้วก็ไปดูเจดีย์ชัยมงคลทางด้านหลัง ถ่ายรูป และก็ข้ามมาสักการะ ราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ทางฝั่งนี้..”

   “ไปกับผมซิ”

   สุริยาเดินเคียงกับรุ่งโรจน์ไปซื้อธูปเทียนดอกไม้ตรงจุดไหว้พระนอนนก่อนจะไปที่เจดีย์ด้านหลัง ตรงนั้นมีลูกทัวร์บางคนเรียกร้องให้สุริยาถ่ายรูปให้..รุ่งโรจน์จึงยืนเคว้งเพราะสุริยาเป็นที่ต้องการของลูกทัวร์เหลือเกิน เมื่อเห็นว่าอีกคนกำลังยุ่ง เขาก็เร่ออกเดินเที่ยวเพียงลำพัง
   สุริยาหันกลับมาอีกที เมื่อไม่พบรุ่งโรจน์ก็เดินดูว่าลูกทัวร์แต่ละกลุ่มทำกิจกรรมอยู่ตรงไหน ก่อนจะเดินกลับมารอที่ประตูรถ แต่พอกลับมาถึง เขาพบว่ารุ่งโรจน์ถือดอกกุหลาบหอบใหญ่ยืนคอยท่า

   “ผมเห็นรถทัวร์คันหนึ่ง เขาแจกตอนที่ลูกทัวร์เดินลงมาแล้วก็บอกว่า วันนี้วันวาเลนไทน์นะคะ ทัวร์เราแจกดอกกุหลาบค่ะจะให้กันระหว่างคนรักกัน หรือจะเอาไปบูชาพระก็ได้ค่ะ..คุณว่าดีไหม”

   สุริยาพยักหน้าแล้วก็บอกว่า

   “ดีซิ ของฟรี..”

   รุ่งโรจน์ส่งให้ก่อนจะรีบขึ้นรถไปนั่งที่เบาะท้ายสุดติดหน้าต่าง เขาไม่ปรารถนาตกเป็นเป้าสายตาของคนบนรถในขณะนี้จริง ๆ
   พอลูกทัวร์ขึ้นรถมาครบ สุริยาก็เอ่ยว่า “อนุโมทนาบุญร่วมกันนะครับ” แล้วเสียงสาธุการก็ดังขึ้นเหมือนจะรู้ระเบียบ  แล้วไกด์ผีของทัวร์เถื่อนอย่างที่สุริยาชอบพูด ขอร้องให้สาวแก้วมาเดินแจกดอกกุหลาบ แล้วก็บอกว่า เป็นอภินันทนาการจากสุริยาทัวร์ แล้วก็เปิดไมค์เล่าเรื่องราวครั้งหลังของวัดนี้ย่อ ๆ กับต้องรีบอธิบายเรื่องราวในวัดพนัญเชิง พร้อมกับแนะนำให้ลูกทัวร์บางคนซึ่งชอบกินได้ซื้อของ อร่อย ๆ ที่วัดแห่งนี้..
จบจากวัดพนัญเชิงซึ่งมีหลวงพ่อซำปอกงศักดิ์สิทธิ์ ก็เดินทางข้ามแม่น้ำไปวัดพุทไธสวรรย์ และวัดไชยวัฒนาราม โบราณสถานสมัยพระเจ้าปราสาททอง ซึ่งมีปรางปราสาทแบบขอมตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำ

...หลังจากนั้นก็พาไปวัดกษัตราธิราชวรวิหาร จบจากวัดกษัตราก็ได้เวลาอาหารกลางวันจึงพาไปที่ร้านเรือนแพริมแม่น้ำโดยต่างคนต่างจ่าย..
   ออกจากร้านอาหาร ก็มาที่วัดหน้าพระเมรุ ซึ่งเป็นวัดเดียวที่ไม่ถูกพม่าทำลายในคราวเสียกรุง มีพระพุทธรูปทรงเครื่องน้อยสำริด ปางมารวิชัย และพระคันธาราฐ ศิลปะทวาราวดีจากวัดมหาธาตุมาประดิษฐานไว้ในพระวิหารน้อย

   จบจากวัดหน้าพระเมรุก็ข้ามแม่น้ำมา ณ สัญลักษณ์ของเมืองอยุธยาราชธานีเก่าคือโบราณสถานวัดพระศรีสรรเพชญ์ พระราชวังโบราณ ที่เหลือเพียงฐานอิฐปูนกับพระเจดีย์สามองค์ใหญ่ตระหง่าน

   สุริยาได้บอกกับลูกทัวร์ไว้แล้วว่า มาเที่ยวอยุธยาจะได้อารมณ์หลากหลายได้เห็นความเสื่อม ในความเจริญรุ่งเรือง ได้เห็นโลกที่ได้หมุนไป ได้เห็นความไม่เที่ยงของสรรพสิ่ง และสิ่งหนึ่งประการใดที่จะติดตัวเราไปได้คือ บุญกุศลคุณงามความดี พร้อมกันก็ได้ยกประวัติบุคคลในสมัยนั้นผู้ทำคุณประโยชน์ให้กับแผ่นดิน ด้วยระยะทางจากวัดหนึ่งไปวัดหนึ่ง กระชั้นชิด เขาจึงไม่สามารถเล่าเรื่องราว ต่าง ๆ ยืดยาวได้..และได้แต่เพียงบอกว่า สนใจจะฟังก็ต้องไปด้วยกันบ่อย ๆ จะได้พยายามสอดแทรกเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยทางประวัติศาสตร์ผสมกับพิธีกรรมเล็กน้อยในทางพระพุทธศาสนา

....หลังจากนั้นพยายามเสนอ ทริปอื่น ๆ ที่จะจัดขึ้นในวันข้างหน้าคือ พระพุทธฉาย พระพุทธบาทสระบุรี และเมืองเก่าลพบุรี..
   เวลาตะวันคล้อยบ่าย สุริยาทัวร์ก็พาไปโบราณสถานวัดมหาธาตุ และวัดราชบูรณะ อธิบายคติถึงการสร้างวัดมหาธาตุไว้เป็นมิ่งกลางเมือง ณ เมืองต่าง ๆ พร้อมกันนั้น ก็ได้พยายามที่จะชักจูงใจให้ลูกทัวร์สนใจที่จะมุ่งเดินทางไปสักการะวัดมหาธาตุ ในเมืองอื่น ๆ คือ พิษณุโลกและสุโขทัย รวมถึงเมืองลพบุรีที่จะจัดในเร็ววัน

   พอลงจากรถทัวร์ รุ่งโรจน์ จึงเดินมาหาแล้วถามว่า “เหนื่อยไหม”

   “ไม่ได้ทำทุกวันพอทนไหว”

   “จริง ๆ คุณน่าจะหาผู้ช่วยนะ อย่างเช่นตอนแจกผ้าเย็นหรือไม่ก็แจกน้ำดื่ม แจกลูกอมหรือตอนพาคนแก่ไปจุดต่าง ๆ ถ้ามีผู้ช่วยคงจะประทับใจกว่านี้...”

   “จะน้อมรับครับ”

   “แสงทองไง”

   “ปกติก็มีเด็กอ้อย หรือเด็กในร้านพี่สมใจ พี่สาวผมน่ะครับมาช่วย แต่วันนี้ วันแห่งความรัก ไปเที่ยวไหนกับแฟนเขาละมั้ง จึงไม่ยอมมาด้วย..”

   “คุณก็เลยต้องทำหน้าที่คนเดียว คนงก ..หน้าแดงเลย ไม่สบายรึเปล่า” รุ่งโรจน์ถาม คนต้องตอบเอาสองมือจับใบหน้าตนเอง ..แล้วก็สั่นหัว..

   หลังจากนั้นลูกทัวร์ก็ขึ้นรถมาครบ ก่อนจะพาไปที่วัดเสนาสนารามราชวรวิหาร สักการะพระอินทร์แปลง ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวรัชกาลที่ 4 ได้อัญเชิญมาจากเวียงจันทร์ จบจากตรงนั้นได้เวลาประมาณสี่โมงเย็นจึงพาไปที่ตลาดหัวรอ ซื้ออาหารขนมขบเคี้ยวแบบชาวบ้าน ๆ ก่อนจะบอกว่ารายการแถมนั่นก็คือดูพระอาทิตย์ตกดินที่วัดภูเขาทอง..สักการะพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรทรงม้าศึก
   และคำพูดที่ติดปากสุริยาในเวลาจัดทัวร์คือ

 “หากพระอาทิตย์ไม่ตกดินเสียก่อนคงจะได้พาไปอีกหลายที่ แต่ไม่เป็นไรครับ วันนี้เราไปครบตามที่ได้ตั้งใจไว้ก็ถือว่าเป็นกำไรชีวิตแล้ว ทบทวนนะครับ ว่าตั้งแต่เช้ามีวัดอะไรบ้าง..”

   ลูกทัวร์ก็พากันเอ่ยถึงวัดต่าง ๆ ตามลำดับที่พาไป บ้างก็จดไว้ บ้างก็ถ่ายรูป..

   “อย่าลืมนะครับ ทั้งหลับตื่น นั่งนอนยืนเดิน ให้ตรึกระลึกนึกถึงผลบุญจากการดั้นด้นเดินทางมาไหว้พระ 9 วัดด้วยกันในวันนี้ บางวัดอาจจะเป็นวัดสมบูรณ์ในปัจจุบัน บางวัดอาจจะเป็นวัดร้าง แต่อย่าถือสาว่าไม่ใช่วัด ไม่ศรัทธา แม้ที่ดินวัดร้างหากเข้าไปบุกรุกก็ถือว่าผิดทางธรรมะ หากแต่เรามาไหว้สักการะ ด้วยจิตที่เลื่อมใส มีบุญเสมอกัน..หลังจากนี้ให้อธิษฐานจิตตามผมนะครับ”..

   ว่าแล้วก็ว่าบทอธิษฐานจิตที่กล่าวนำรุ่งโรจน์ตอนที่สักการะพระธาตุศรีจอมทองด้วยกัน..

   “ด้วยเดชแห่งบุญที่ข้าพเจ้าได้ตั้งใจมา ตรึกระลึกนึกถึงคุณขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ผ่านวัดในเมืองพระนครศรีอยุธยา ด้วยเดชแห่งบุญนั้น..ขอให้ข้าพเจ้า ได้เกิดเป็นมนุษย์ ได้เพศบริสุทธิ์ ได้พบพระพุทธศาสนา ได้เกิดมาในตระกูลสัมมาทิฐิ มีบัณฑิตเป็นกัลยาณมิตร ให้ถึงพร้อมด้วย รูปสมบัติ ทรัพย์สมบัติ คุณสมบัติ ลาภ ยศ สรรเสริญ สุข และมรรคผลนิพพาน

   ให้มีดวงบุญศักดิ์สิทธิ์ไพศาล ดลบันดาลให้ เป็นเศรษฐีผู้ใจบุญ ค้ำจุนพระพุทธศาสนาไปทุกภพทุกชาติ ให้ธุรกิจการงานเจริญรุ่ง ให้มีกำลังสูงส่ง มีกำลังใจไม่สิ้นสุด มีใจใหญ่กล้าคิด กล้าพูด กล้าทำความดี ให้มีวาจาศักดิ์สิทธิ์เป็นยอดกัลยาณมิตรของโลก ให้เดินทางปลอดภัยในทุกเมื่อ รอดพ้นจากอุปัทวันอันตรายทั้งปวง ให้มีดวงปัญญาสว่างไสว รู้แจ้งในศาสตร์ทั้งปวง แทงตลอดทั้งทางโลกและทางธรรม ไม่ประมาทในชีวิต คิดสอนตนเองได้ คนภัยพาลอย่าได้มากล้ำกราย ขออย่าได้ไปทำร้ายใคร และใครอย่าได้มาทำร้ายเรา ให้เข้ารู้แจ้งกฎแห่งกรรม มุ่งทำกิเลสอาสวะให้หมดสิ้น
 
   เมื่อถึงคราวออกบวช ประพฤติปฏิบัติธรรม ให้เป็นผู้รักศีล เจริญด้วยสมาธิ ถึงพร้อมด้วยปัญญาสอนตนและคนอื่นได้เป็นอัศจรรย์..
   ขออานุภาพบารมี ขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า พระปัจเจกพระพุทธเจ้า พระอรหันตสาวก บารมีพระนิพพานทั่วธาตุทั่วธรรม จงดลบันดาลให้ความปรารถนาทั้งมวลของข้าพเจ้าจงเป็นผลสำเร็จ ๆ ทุกประการเทอญ นิพพานะปัจจะโย โหตุ..”

 :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call: :call:




ออฟไลน์ ลูกลิงตัวอ้วน

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 130
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
 :กอด1:เจอกันแล้ว


ตามติดเลยนะพี่รุ่ง  ชอบเขาหรือเปล่า


อุ่นดีๆ :m20: :m20:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด