อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: อยากให้พระอาิทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง ((มีหนังสือพร้อมส่ง)))//ข่าวภาคสอง พระอาทิตย์หลังฝน  (อ่าน 118754 ครั้ง)

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 27 (ต่อ)

ในเวลาที่พระอาทิตย์ตกดินตรงนี้ คนอีกซีกโลกคงรอคอยให้มันขึ้นมายังความสว่างไสว..
   ถ้าคนทางนี้ทำให้มันไม่ตกดินได้ คนอีกทางจะเป็นอย่างไร..

   อัศจรรย์ กับผู้คนหลายร้อยคน มีรอยยิ้มมีแววตาเปี่ยมไปด้วยความสุขจากการเป็นผู้สามารถปลดภาระมาหยุดมองสภาวะของธรรมชาติด้วยกันได้..ลมเย็น ๆ ทำให้คิดไปได้เรื่อยเปื่อย คลายจากเรื่องหนักในใจตน..นั่นคือประโยชน์ของการเที่ยว

   สุริยาพยายามจดจำภาพพระอาทิตย์ดวงกลมโตสีแดงไว้ในดวงจิตแล้วน้อมมาไว้ที่กึ่งกลางท้อง พร้อมกับภาวนา..

   โลกภายในมีที่ให้ท่องเที่ยวอีกแยะ..หากทำได้ ไปได้..คงจะดี..

   “คิดอะไรรึคุณยะ..” คนถามมีหมวกแก๊ปช่วยอำพรางใบหน้า เพราะตั้งแต่ขึ้นมา พอมีคน
จำได้ ความเป็นส่วนตัวของรุ่งโรจน์ก็แทบจะหายไป..

   “เชื่อหรือยังว่าไม่มีใครได้ดั่งใจไปทั้งหมดหรอก เหรียญมีสองด้านฉันท์ใด มีได้ ก็ต้องมีเสีย มีสุขมีทุกข์ มีลาภเสื่อมลาภ มียศเสื่อมยศ มีสรรเสริญและก็มีนินทา.. เทียบระหว่างอยู่อย่างมีตัวตนอย่างที่คุณกำลังเป็น กับอยู่อย่างไร้ตัวตนอย่างผม ..คิดไม่ออกเหมือนกันว่าปรารถนาอะไร..เงินตัวเดียว ทำให้คนทิ้งความสงบสุขได้..แต่โอกาสนั้นเป็นของคุณแล้ว ทำโอกาสให้เป็นประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง ไม่ใช่ ทำให้เขาลุ่มหลงกับความฟุ้งเฟ้อบ้า ๆ บอ ๆ ไร้สาระ..หลอกว่าสุข ๆ ๆ ไปวัน ๆ ..”

   “ผมจะพยายามเข้าใจคุณ..”

   เมื่อปั่นจักรยานกลับมาถึงที่พัก สองหนุ่มก็ไปนั่งละเลียดอาหารเข้าปาก..พร้อมกับรีบชาร์ตแบต กล้องดิจิตอล..เอาไว้ถ่ายพระอาทิตย์ขึ้นจากมุมโลกในวันพรุ่งนี้..

   “นี่เห็นป่ะ..” รุ่งโรจน์เปิดกล้องให้ดูรูป ชายหญิงช่วยเหลือกันระหว่างเดินทางขึ้นมาบนยอดภู..และจูงมือกันเดินระหว่างทางไปผาหมากดูก..บางภาพก็เป็นภาพระหว่างที่ดึงไม้ดึงมือขึ้นสู่ยอดเขา..

   “เก็บมาทำไม ไม่รู้จักสักหน่อย”

   “อาจจะมีคนเก็บภาพเราสองคนไปบ้างก็ได้นะ..”

   “กลับไปอาจจะเลิกกันก็ได้ ภาพมันค้างมันหยุด แต่ใจมันหมุนตามเวลาไปได้เรื่อย”

   “ผมดีใจที่ได้ขึ้นมากับคุณนะ..” รุ่งโรจน์จะยัดตัวเข้าถุงนอนเดียวกับสุริยา แต่สุริยารีบผลักไส..

   “แคบนิดเดียวนอนได้อย่างไร..ของคุณก็มี ถุงใครถุงมันซิ..”

   “นอนคนละถุงผมจะกอดคุณได้อย่างไรเล่า..” รุ่งโรจน์เกาหัว..เผยความในใจ สุริยารีบเมินหน้าหนี ด้วยกลัวใจตนเอง ยิ่งรู้ว่าต้องสูญเสียก็ยิ่งอยากครอบครอง

   “เสียงดังไป เดี๋ยวไอ้พวกเต็นท์ ข้าง ๆ กลายเป็นนักข่าวขึ้นมาคุณจะได้ขายหน้า น้องดี้ถอนหมั้นหรอก”

   “ถ้าเป็นเช่นนั้นได้ก็ดี ผมจะได้โสดเป็นเพื่อนคุณไปนาน ๆ ..พาคุณเที่ยวไปนาน ๆ ไม่ดีรึ”

   “เมื่อคุณแต่งงานกับเธอแล้ว คุณต้องรักเธอให้มาก ๆ นะคุณรุ่ง..อย่าเป็นต้นเหตุให้ชีวิต
ครอบครัว หรือชีวิตของผู้หญิงอีกคนต้องทุกข์ทรมาน..”

   “พ่อผมก็สอนผมเรื่องนี้แหละ ถ้าเลือกแล้วต้องหยุด แต่งแล้วต้องทน ห้ามหย่าเด็ดขาด”
   

   วันรุ่งขึ้นเสียงจ๊อก ๆ แจ๊ก ๆ ของผู้คนในบริเวณลานกางเต็นท์ ปลุกสองหนุ่มให้สะดุ้งเฮือก..ได้เวลาเดินทางไปดูพระอาทิตย์ขึ้น ไปลานพระแก้ว แล้วก็กลับมากินข้าว..เตรียมออกเดินทาง ไปเที่ยวน้ำตก ลานพระเมตตา สระอโนดาตและผาหล่มสัก

   เมื่อเดินคลำทางกันเป็นขบวนไปจนถึงผานกแอ่น คนที่คิดว่าออกมาแต่เช้าแล้ว ยังช้ากว่าประชากรที่เฝ้ารอดูพระอาทิตย์อีกไม่ใช่น้อย

   “นี่ถ้าเราตื่นมาดูพระอาทิตย์ขึ้นที่หน้าต่างบ้านได้ทุกวัน ๆ แล้วทำความรู้สึกให้ได้แบบนี้ เราคงมีความสุขนะ” รุ่งโรจน์เปรยขึ้นมา

   “รึถ้าเรามีเวลานั่งเฝ้าดูพระอาทิตย์ตกดินก่อนกินข้าวเย็น เราก็คงมีความสุข..แต่อยู่ที่กรุงเทพฯ ทำอย่างนั้นไม่ได้..วิถีชีวิตมันบังคับ ดังนั้นเมื่อคนมีความรู้สึกว่าว่าง จึงต้องทำตัวให้ยุ่ง คนจึงไม่มีคำว่าว่าง..”

   “ดูคุณคิดอะไรได้สาระเยอะแยะเชียว ผมอยู่กับคุณแล้วผมรู้สึกเย็นใจประหลาด”

   “ก็พอได้อยู่กับธรรมชาติ ปลดภาระที่มันหนักอึ้งออกเสียได้ หัวสมองเราก็จะได้คิดได้นึกอีกอย่างออกมา เป็นคนจัดทัวร์นี่คุณรุ่ง ถ้าไม่คิดให้แตกต่าง ไม่ขายความคิดอื่นให้คนอื่นได้คิดตาม มันก็ทำงานไม่สนุก..โดยเฉพาะทัวร์ของเรา เน้นที่จิตวิญญาณ ศาสนา ความเปลี่ยนแปลงทางสายตาที่ต้องส่งผลถึงทางใจ ส่งให้ถึงภพชาติเบื้องหน้า มันจึงยากทับทวีคูณ”

   สองหนุ่มผลัดกันอยู่หน้าเลนส์เหมือนกับคนอื่น ๆ

   “ถ้าตอนนี้เราไปอยู่ที่ผาหมากดูกกับผาหล่มสักคุณว่าเราจะเป็นอย่างไร..”

   “คุณก็ต้องนั่งรอให้พระอาทิตย์เดินทางมาตกตอนหกโมงเย็น คุณรอไหวรึ..”

   “ถ้ารอแล้วมันมาก็น่ารอนะ..”

   “รอไปตั้งสิบสองชั่วโมงนะ กว่ามันจะเดินทางไปถึง..แล้วพอมันไปถึง มันก็รีบลาจาก ไปหาคนที่รอมันอยู่อีกฝั่ง”

   “เข้าใจคิดแฮะ ถ้าอย่างนั้น เราควรจะรอดูพระอาทิตย์ขึ้นใช่ไหม เพราะเราจะได้อยู่กับมันถึงสิบสองชั่วโมง”

   “แต่บางทีเราก็อยากให้มันอยู่กับเราอีกสักสามสี่ชั่วโมง แต่มันก็เป็นไปไม่ได้ ดังนั้นเราจึงต้องรีบใช้ประโยชน์จากมันภายในสิบสองชั่วโมง”

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 28.

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
   
   สองหนุ่มเดินเกาะบ่าออกจากผานกแอ่นมาลานพระแก้ว พระปางลีลา นั่งลงก้มกราบสวดมนต์บทสั้น ๆ ทำจิตให้สงบแล้วเดินกลับที่พัก ล้างหน้าตา หาอาหารแล้วเตรียมตัวเดินทางไปน้ำตก วกกลับมาเช่าจักรยานแล้วก็ปั่นไปทางผาหล่มสัก ถ่ายรูปสถานที่อันเป็นสัญลักษณ์ของภูกระดึงแล้วรีบปั่นจักรยานกลับก่อนที่จะมืดค่ำ กิจกรรมโดยส่วนตัวเป็นเช่นนี้ เมื่อกำลังเก็บของจะลงเขาในวันรุ่งขึ้น สุริยาจึงสรุปว่า ไม่ควรที่จะทำกระเช้าไฟฟ้า เพราะอะไรที่ได้มาง่าย ๆ ค่าของมันคงน้อยลง

   รุ่งโรจน์ตั้งใจจะไปจังหวัดเลย ไปเที่ยวภูเรือ เข้าหนองคายแล้วไปสักการะพระธาตุพนม แต่สุริยาห้ามไว้ ด้วยรู้สึกผิดที่ตัวเองออกมาหาความสุข แล้วปล่อยให้แสงทองทำงานตามลำพัง รุ่งโรจน์จำนนต่อเหตุผล ค่ำคืนสุดท้าย สุริยารู้ว่ารุ่งโรจน์แกล้งปวดเมื่อยตามร่างกายเพื่อให้ตนเข้าไปบีบนวดดั่งวันวาน

แต่ชายหนุ่มปฏิเสธ โดยอ้างว่า..ผมก็ปวดเหมือนกัน..
   
“งั้นผมนวดให้คุณ..”

   “ผมบ้าจี้” สุริยาบ่ายเบี่ยง รุ่งโรจน์จำต้องนอนในถุงนอนท่ามกลางความหนาวเหน็บและละอองน้ำค้างที่รวมตัวกันบนผืนผ้าใบแล้วกลายเป็นหยดน้ำลงมาใส่หน้า สุริยามาสะดุ้งตื่นอีกทีเมื่อประมาณสามสี่ทุ่ม..เพราะเสียงโทรศัพท์..เป็นเสียงของเจ้าแก้วที่โทรมาบอกเล่า..

   “มีลูกทัวร์เป็นลมพี่ยา กำลังกินข้าวอยู่ดี ๆ ตาค้างล้มลง ตกใจซะ แต่ก็ดีที่แกฟื้นมาเอง จัดทัวร์กับคนแก่นี่ปัญหามันเยอะนะ คนนี้จะเอาอย่างนั้น คนนั้นจะเอาอย่างนี้ เอาแต่ใจตัวเองกันจัง..แล้วนี่อยู่ที่ไหนไม่กลับมาช่วยแสงทองเจ้าคะ”

   “อยู่บ้าน” สุริยาจำใจโกหก

   “หนูเห็นแสงทองร้องไห้นะ แต่มันไม่บอกว่าร้องไห้เรื่องอะไร..กลับมาได้แล้ว มีแต่คนคิดถึง..อกหักจากใครหรือเปล่าถึงได้หนีหน้าขนาดนั้น” เจ้าแก้วยังพูดอะไรอีกยืดยาว แต่คำพูดของมันทำให้ สุริยานอนไม่หลับ ต้องเอามือก่ายหน้าผาก คิดและก็คิด นึกตำหนิตัวเอง และคนที่นอนอยู่ข้าง ๆ เห็นแต่ประโยชน์ตัวเองจึงไม่ได้นึกถึงหัวใจของคนอื่น

   “เป็นอะไร”

   “ผมรู้สึกผิดเท่านั้นเอง เราไม่ควรเอาแสงทองมาร่วมทุกข์ร่วมสุขด้วย”

   “ก็เรื่องมันผ่านมาจนถึงวันนี้แล้ว แก้ไขอะไรได้”

   “ต่อไปผมคงต้องดีกับเธอให้มาก ๆ ให้สมกับที่เธอดีกับผม อดทนเพื่อผม..”

   “คุณอยากแต่งงานกับเธอไหม ผมจัดการให้ได้นะ”

   “คุณพูดอะไร..”

   “ก็คุณไม่ได้อยากเป็นอย่างที่ผมอยากให้เป็น คุณก็แต่งงานมีครอบครัวไปซิ”

   “แต่ผมไม่ได้นึกชอบเธอในลักษณะนั้น ผมเห็นเธอเป็นเพียงน้องสาวคนหนึ่งเท่านั้น..”

   “แล้วคุณคิดกับผมในลักษณะไหน ผมจูบคุณก็ไม่ว่า แต่ถ้าผมจะอย่างอื่นคุณก็ไม่ยอมอีก..มีผู้หญิงมาจีบคุณก็ไม่สนใจ คุณเป็นอะไรของคุณ”

   สุริยาถอนหายใจออกมาแล้วพลิกตะแคงหันหลังให้..

   “คุณรุ่ง แต่งงานก็มีภาระอันยิ่งใหญ่รออยู่ข้างหน้า ผมมันคนจน..ผมไม่ปรารถนาที่จะให้ใครมาลำบากด้วย ผมยังไม่พร้อมจะรับผิดชอบอะไรกับใครทั้งนั้น..เคยแอบคิดแอบฝันอย่างเด็ก ๆ ..มันก็เหมือนในเทพนิยาย มีเจ้าชายเจ้าหญิง แต่เมื่อเราเป็นแค่ยาจก แต่เราอยากเป็นเจ้าชาย อยากเป็นผู้ให้เมื่อได้รักเหมือนที่คุณเป็น เราทำอย่างใจเราไม่ได้ สู้อยู่คนเดียวดีกว่า ดีกว่าดึงคนอื่นมาร่วมทุกข์มากกว่าสุข..รึบางครั้งผมก็ยังนึกอยากที่จะมีอารมณ์แบบรักฝ่าฝันฆ่ากันให้ตายไปข้าง แต่มันก็ไม่มี”

   “แล้วคุณทนกับความกำหนัดได้อย่างไร”

   “ผมอยู่วัดมานานมั้ง หรือผมคงบวชมาหลายภพหลายชาติแล้วก็ได้ จึงไม่รู้สึกทุกข์ร้อนอะไรมากมาย แต่ก็เกือบจะพลาดพลั้งเสียหลายหน” สุริยาพูดจบ รุ่งโรจน์ก็โถมตัวเข้ากอด

   “กับผมใช่ไหม..”

   สุริยาไม่ตอบ เมื่อไม่ตอบรุ่งโรจน์จึงจูบเบา ๆ ที่ใบหน้า

   “คุณยะ คุณเคยอธิษฐานไหมว่าชาติหน้าขอให้ใครสักคนในเรา เป็นผู้หญิงเพื่อที่จะได้อยู่ด้วยกันรักกันมีความสุข”

   สุริยารีบเอามือจับปากรุ่งโรจน์ไว้

   “อย่าพูดอย่างนั้นคุณรุ่ง..การได้เกิดมาเป็นผู้ชายถือว่าประเสริฐนัก..เพราะเป็นเพศที่แข็งแกร่ง เป็นเพศที่สามารถบรรลุธรรมได้ง่าย เป็นเพศที่สามารถจะเป็นได้ถึงพระพุทธเจ้า..เป็นเพศที่ไม่มีความทุกข์จากการท้อง จากการออกลูกออกเต้า จากการมีเมน คนที่จะเกิดมาเป็นชายได้นั้นต้องมีเนกขัมมะบารมีมาไม่ใช่น้อยเหมือนกัน อย่าคิดที่จะวกกลับไปเป็นหญิง รึที่ใจเป็นอย่างนี้ เป็นผลมาจากอำนาจกรรม..เกิดมา    บ่อย ๆ ก็อดที่จะสร้างกรรมบ่อย ๆ ไม่ได้ ส่วนใหญ่คนก็จะทำแต่กรรมดีกับไม่ดี มากกว่าดีสุด ๆ ในศีล ในทาน ในสมาธิ..ผมบวชนานอ่านเยอะ ผมจึงต้องรู้จักหักห้ามใจตน”

   รุ่งโรจน์ค่อย ๆ เลื่อนตัวออกจากร่างของสุริยา แล้วก็นอนเอามือก่ายหน้าผากในที่ของตน

   “คุณรุ่ง คนเราจะสุขขนาดไหน ก็หนี แก่ เจ็บ และตายไม่พ้นหรอก วันนี้ยังหนุ่มยังสาวก็ยังน่ารัก แก่เฒ่าไปก็จะน่าเกลียดไม่น่ากอดรัด ไม่น่าจูบหรอก แต่น้อยคนนักที่จะมีปัญญานึกเห็น หรือกว่าจะได้นึกเห็นก็แก้ไขวิบากส่วนมากแต่เก่าไม่ได้เสียแล้ว..บุญกุศลที่ทำใหม่ก็น้อยนิดไม่พอให้ไม่เกิดมาน้อยด้วยกามอีกสุดท้ายก็วน ๆ เวียน ๆ ในกงกรรมไม่จบไม่สิ้น และการบังเกิดขึ้นของพระพุทธศาสนา ไม่ใช่เรื่องง่าย ๆ ด้วย..จึงยากที่จะสว่างไสว เดินทางถูกมรรคผล..หลุดพ้นจากกิเลสอาสวะ”

   “ผมไม่อยากฟังแล้ว ..”

   “หมดอารมณ์ใช่ไหม..” สุริยาแกล้งถาม

   “หมดอารมณ์เซ็กซ์ แต่มีอารมณ์บวชขึ้นมาแทนนะซี่”
   -------------------------------------------------------------------------

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 28 (ต่อ)


วันเวลาเหมือนมีปีกบิน..หลังจากกลับจากภูกระดึงแล้ว สุริยาก็พารุ่งโรจน์และคณะไปทอดกฐินสามัคคีที่วัดบ้านเกิดสมทบทุนสร้างรั้ววัด..กลับจากงานกฐิน สุริยาก็ทุ่มเทเวลาส่วนใหญ่ให้กับงานและหนังสือกองมหึมา..อ่าน ศึกษาเพื่อจะได้ลืมใบหน้าหล่อเหลาเฝ้ามาคลอเคลียนั่น

   แต่ยิ่งอยากลืมยิ่งกลับจดจำ เพราะรุ่งโรจน์เองก็เหมือนที่จะไม่ยอมแพ้อะไรง่าย ๆ

   รึเขาต้องการที่จะเห็นตนเจ็บจนตายอย่างนั้นนะรึ

   สุริยาพยายามไม่ทบทวนทุกสิ่งอันที่เขาทำดี ๆ ให้ ด้วยรู้ว่ายิ่งคิดก็ยิ่งร้อย ยิ่งรัดให้รักไปเรื่อย ๆ ..แต่ยิ่งหลบยิ่งเลี่ยง เขาก็ยิ่งย่างสามขุมเข้าหา ประหนึ่งว่าเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิด เขาต้องรีบมีชัย

   ชนะไปเพื่ออะไร

   “เพียงคุณพูดคำเดียวว่าคุณรักผม ต้องการอยู่กับผมเพียงสองคน ผมจะพาคุณไป จะพาคุณหนี..ไปในที่ไม่มีใครรู้จักเรา..ผมรักคุณนะคุณยะ”

   ความเงียบ เป็นคำตอบตลอดมา


   กำหนดการเดินทางสู่ภาคใต้ใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ช่วงหลัง ๆ แสงทองสนิทสนมกับดาราวดีเป็นอย่างมาก หญิงสาวอ้างว่า

   “ผู้หญิงด้วยกันคุยกันไม่ยาก..”

   ไม่ใช่ทริปฮันนีมูน แต่เป็นทริปสำรวจเพื่อหาแนวทาง ข้อมูลในมือสุริยามีมากพอ..ไล่ตั้งแต่ประจวบฯ ชุมพร สุราษฎร์ฯ นครศรีฯ พัทลุง สงขลา..ตรัง สตูล กระบี่ พังงา ภูเก็ต ระนอง..ยกเว้นสามจังหวัดชายแดนที่ข่าวยิงกันรายวัน

   โลกมันหมุนไปอะไรก็เกิดขึ้นได้ บริบทโดยรอบกายเปลี่ยนไปแต่ใจอย่าเปลี่ยน มุ่งให้ทาน รักษาศีลและเจริญภาวนา ละชั่ว ทำดี ทำใจให้ผ่องแผ้ว หาสุขในแบบไม่อิงอามิสให้ได้

   “พี่ยารู้ไหม พี่ไม่เหมือนเดิม เปลี่ยนไปนะ”

   “พี่”

   “ทำท่าเหมือนอยากกลับไปบวช”

   “ไม่หรอก ..แค่เบื่อ ๆ โลกนิดหน่อย อีกหน่อยคงดีขึ้น ไม่มีอะไร..แล้วเรื่องของเธอกับหมวด
ก้อง..ถึงไหนแล้ว..

   “เรื่อย ๆ มาเรียง ๆ” แสงทองไม่ตอบ แสดงว่ามีความคืบหน้า

และในงานลอยกระทงที่อยุธยา สุริยาก็ได้เห็นผู้หมวดคนโก้ถือกระทงเคียงคู่กับหญิงสาวที่เคยหมายปองตน ใจแป้วนิด ๆ เมื่อเห็นคนควรเป็นของตน กำลังจะเป็นอื่น
   
“เหมาะสมกันดีนะคะ” ใบหน้าดาราวดียิ้มแย้ม ผิดกับรุ่งโรจน์ ที่มีใบหน้าราบเรียบไร้อารมณ์

   “คนเราเมื่อพร้อมก็อยากมีครอบครัว มีคนไว้ครอบครอง ดูแลสุขทุกข์ อยู่เป็นเพื่อนกันไปจนแก่เฒ่า”

   ใจจริงสุริยาอยากจะพูดต่อว่า  “สุดท้ายก็ตายห่าแยกย้ายกันไปตามเวรตามกรรม”

..รู้แต่ตัดใจให้ละไม่ได้ ..รู้แต่ก็คิด..ทุกข์มันจึงได้เกิด..ยิ่งได้เห็นคนสองคู่ถือกระทงจุดธูปเทียนยืนเคียงกัน ใจก็ยิ่งหดหู่

   เมื่อเขาไปกันหมด ตนจะเป็นอย่างไร?
   
อ้างว้างเดียวดาย..จะไปทางไหน จะอยู่อย่างไร จะอยู่เพื่อใคร

   เมื่อสายตาเหลือบไปเห็นพระพุทธรูปพระพักตร์อ่อนโยน ท่ามกลางซากปรักหักพัง จึงได้สติ..ระงับความอาดูร..อยู่เพื่อธรรมะ..ซิ ทำพระนิพพานให้แจ้ง อย่ามัวเสียเวลากับโลกีย์เลย สุริยาวางกระทงลงน้ำแล้วผละออกมาจากกลุ่มไปจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัยและอธิษฐานจิต

   “เกิดชาติหนึ่งภพใด ให้เกิดมาเป็นมนุษย์ ได้พบพระพุทธศาสนา ..ให้มีความเบื่อหน่ายคลายจากความกำหนัด มุ่งทำพระนิพพานให้แจ้ง เมื่อถึงคราวออกบวชประพฤติปฏิบัติธรรมให้เป็นผู้รักศีล เจริญด้วยสมาธิ ถึงพร้อมด้วยปัญญา สอนตนและคนอื่นได้เป็นอัศจรรย์”

   ปักธูป..สบพระพักตร์ อธิษฐานเช่นนี้ รู้ว่าภาระข้างหน้ามีอีกยาวไกล หันไปรายรอบ มีมนุษย์ที่รู้ในธรรมที่ทรงค้นพบอยู่น้อยนิด หน้าที่ของตนคือ ต้องทำให้รู้เฉกเดียวกัน

   เคยมีประโยชน์เกื้อกูลแต่ชาติปางไหนให้มาพานพบ

   ‘สักวันท่านต้องไปจัดทัวร์ พาคนไปไหว้พระธาตุเจดีย์ ท่านมีความรู้เรื่องพระธาตุเจดีย์แยะเชียว’

   ‘ไม่จริง ไม่รู้อะไรเลย’

   ‘จะมีคนมาช่วย..เคยทำบุญร่วมกันไว้..ผมไปละ’ ชายนิรนาม จู่ ๆ เจอะกันในวัดแล้วก็ทำนายทายทัก พอเดินออกมาจากวัดเรื่องราวมันเป็นไปในลักษณะนั้นอย่างไม่คาดคิด..และก็อดคิดไม่ได้ว่าเขารู้ได้อย่างไร..ยังมีสิ่งอัศจรรย์พันลึกบนโลกใบนี้อีกเยอะแยะ..ตัดจากกามเสียได้..คงมีเรื่องอีกแบบได้สนุก..

   หลังคืนวันลอยกระทงในทริป 2 วัน 1 คืน โคราช เขาใหญ่ สระแก้ว อรัญฯ และปราจีนบุรี สุริยาก็ได้เห็นสุขในรักแบบชายแท้และชายไม่แท้..หมวดก้องดูแลเอาใจใส่แสงทอง ชนิดหน้าชื่นตาบาน..สำหรับรุ่งโรจน์กับดาราวดี นั้นดูไม่เป็นธรรมชาติ

   เขาและพ่อกับแม่ของรุ่งโรจน์ผิดหรือไม่ ที่ดันให้รุ่งโรจน์สู่เส้นทางสายนั้น
   -------------------------------------------------------------------------

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 28 (ต่อ)


เดือนธันวาคม 2547 วันที่ 4-5-6 เป็นวันหยุดต่อเนื่องสามวัน รุ่งแสงสุริยาทัวร์จึงได้จัดเที่ยวไหว้พระธาตุในจังหวัดลำปาง ลำพูนและเชียงใหม่ วันที่ 10-11-12 เป็นทริปไหว้พระธาตุเจดีย์ในจังหวัดแพร่-พะเยา-และเชียงราย..อากาศหนาวเย็นกับเสื้อผ้าแพรพรรณและกับทิวเขาสายหมอกและดอกไม้..วิถีชีวิตและศิลปวัฒนธรรม..

   “สงสารพี่รุ่งนะ..”

   “ทำไม..”

   “พี่ดี้นี่ พออยู่ด้วยนาน ๆ จึงได้รู้ว่า..แกกระแดะ.. นั่นก็ไม่ได้ นี่ก็ไม่ได้ อย่างว่าแหละเขาเกิดมาบน กองเงินกองทองจะให้มายืนกินอาหารข้างถนนอย่างเรา ดูไม่ดีไม่มีชาติตระกูล..เขาก็ทำไม่ได้..”

   หลายครั้งที่สุริยาเห็นรุ่งโรจน์พยายามกลั้นความโมโห เมื่อหญิงสาวชอบพูดซ้ำ ๆ เรื่องความไม่ดีของคนอื่น..หรือตำหนิคนอื่นทันทีที่มาไม่ทันขึ้นรถในเวลาที่ไกด์กำหนดให้

   “คนอื่นพูดได้คุณดี้ แต่เราเป็นเจ้าของทัวร์เราต้องอดทน..”

   “ถ้าไม่พูดเขาก็ยิ่งได้ใจซิคะ แล้วอย่างนี้คนดี ๆ ตรงต่อเวลาก็ต้องมารอคอยพวกไร้ระเบียบวินัย เขาก็เบื่อ และก็ไม่อยากมากับเราอีก จริง ๆ แล้วคนไหนที่ไม่ดี ก็น่าจะทำบัญชีดำไปเลย ไม่ต้องมาด้วยกันอีกแล้ว..จัดไป ๆ ทัวร์ของเราจะได้เหลือแต่คนมีระเบียบวินัย”

   “มันก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมาช้าทุกเที่ยว ทีเที่ยวที่คุณช้าไม่เห็นมีใครว่าคุณ หรือไม่เห็นคุณต้องขอโทษใคร ๆ เขาเลย”

   “คุณกำลังเข้าข้างคนอื่นนะคะ”

   สุริยารู้ว่าแท้จริงแล้ว ดาราวดีหึงหวงลูกทัวร์บางคนคนที่ทำท่าหลงใหลได้ปลื้มกับหนุ่มไฮโซนามรุ่งโรจน์

   “คุณดี้ คุณยังทำใจไม่ได้อีกรึ คุณก็รู้นี่ว่าคนที่อยู่ในวงการบันเทิงเป็นธรรมดาที่ต้องมีคนมา
ห้อมล้อมชื่นชม”

   “ต่อหน้าคู่หมั้นเขาเนี่ยหรือคะ ดี้จะพยายามทนค่ะ”

   อีกหนึ่งความน่าเบื่อหน่ายในอารมณ์รัก
   

   แล้วทริปสำรวจภาคใต้ที่แสงทองลอยคอรอคอยก็มาถึง

   “ไม่ชวนหมวดก้องไปด้วยรึ”

   “หลายวันค่ะ ไปไม่ได้หรอก อีกอย่างหนูก็ไม่อยากให้ไปด้วย เพราะบางทีอยู่ใกล้ ๆ กันมากเกินไปมันก็ไม่ดี เห็นธาตุแท้กันหมด ใช่ไหมคะ” คล้ายแสงทองจะเหน็บให้ใครบางคน

   รุ่งโรจน์ถอนหายใจออกมา

   “แต่โดยรวมแล้วเขาก็ทำให้เธอพอใจ มีความสุข”

   “ให้เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ดีกว่าค่ะ ลำพังหนูแล้ว ไม่ได้โหยหาที่จะต้องรีบแต่งงานอะไร เที่ยวไปไหว้พระ จัดทัวร์ทำบุญ เราเป็นไกด์เราต้องอ่านนั่นอ่านนี่ ไปวัดก็เจอะหนังสือ อ่านไปอ่านมา หูตาก็พอสว่างบ้าง.. มีรักร้อย มีทุกข์ร้อยไม่รักเลยไม่ทุกข์เลย มองยาว ๆ มองไกล ๆ เราจะเห็นว่าชีวิตข้างหน้าเป็นเพียงพยับแดดที่จับต้องไม่ได้ คาดว่ามันจะเป็นอย่างนั้น มันอาจจะเป็นไปเสียอีกอย่าง สังขารทั้งหลายไม่เที่ยงเกิดขึ้นตั้งอยู่และก็ดับไปเป็นธรรมดา ท่องอยู่ทุกวันว่า อนิจจัง ทุกขัง อนัตตา ไม่เข้าใจ แต่มันสบายใจดี”

   “รอบ ๆ ตัวผมมีแต่คนใกล้บรรลุธรรมทั้งนั้นเลย อยู่แต่ผมคนเดียวเท่านั้นเอง..บาปหนาปัญญาหยาบ”

   “กรรมมันมีเวลาของมัน เมื่อคราวที่กรรมเบาบางบุญส่งผลคุณอาจจะเข้าถึงธรรมโดยไม่รู้ตัวก็ได้”

   ถ้าอยู่กันสามคน เอ่ยเรื่องโลกีย์ ๆ รัก ๆ ใคร่ ๆ สุริยาจะไม่ผสมโรง แต่ถ้ามีเรื่องวัดวาอาราม..พิธีกรรมกับพระคุณเจ้า สุริยาเป็นเสนอหน้าเข้ามาออกความคิดเห็นด้วย

   “พี่รุ่งอ่านเรื่องพระนางปฏาจาราหรือยัง..”

   “ทำไม”

   “เหตุที่ให้นางบรรลุธรรมก็คือ ลูกสอง สามีหนึ่ง ตาย เป็นบ้าเป็นหลังไป..ได้พบพระพุทธเจ้าได้ฟังธรรมและแค่เอาน้ำล้างเท้าเห็นว่า น้ำขันแรกไหลไปแค่นี้แล้วก็ซึมสู่ดิน อีกขันไหลไปไกลหน่อยแล้วก็ซึมสู่ดิน..บรรลุธรรมค่ะ มีความสุข หาสุขได้ในความทุกข์ คนเราเอาแน่ไม่ได้ บางทีวิกฤตอาจจะเป็นโอกาสก็ได้นี่คะ..จบค่ะ พูดเรื่องเที่ยวต่อดีกว่า..เจ้านายว่าอย่างไรคะ..เริ่มต้นเมื่อไหร่ไปไหนบ้าง”

   “22 ธันวา ออกแต่เช้า นอนชุมพร..เช้าไประนอง เส้นเลาะอันดามัน พังงา อ่าวพังงา เขาตะปู เขาพิงกัน เกาะปันหยี อาจจะนอนสักคืนแล้วก็มาสำรวจภูเก็ต นอนภูเก็ตสักคืนแล้วก็วันที่ 25 วันคริสต์มาส เราเกาะดีเลย์*(*เกาะสมมุติ) ไปหาฉลองกับพวกฝรั่งมังค่า ..ก็ยี่สิบหกกลับมาภูเก็ต ไปนอนกระบี่สักคืน แล้วไปตรัง สตูล สงขลา พัทลุง นครศรีฯ สุราษฏร์ สมุย พะงัน เขื่อนเชี่ยวหลาน แล้วก็กลับบ้านเรา ..โปรแกรมนี้ หลายวัน ไม่ต้องนอนหรูมาก กินดีมาก เพราะเราต้องจ่ายค่าน้ำมัน ค่าเรือเยอะ เอาพอประมาณนะครับคุยกันไว้ก่อน..”

   “บางทีไปเที่ยวแล้วใช้เงินเยอะ ๆ กับพวกที่พักอาหารนะ หนูอดที่จะย้อนถามใจตัวเองไม่ได้ว่า..เราเอาเงินส่วนที่ฟุ่มเฟือยเกินจริงตรงนี้ไปให้คนที่เขามีน้อยกว่าบ้างจะดีกว่าไหม”

   “ดีกว่าอยู่แล้วแหละ เพียงแต่เราจะทำได้อย่างที่คิดหรือไม่เท่านั้นแหละ..”

   “เอาอย่างนี้ไหมพี่รุ่งพี่ยา ทริปนี้เรามาประเมินค่าที่พักและค่าอาหารกันว่าอยู่ที่เท่าไหร่ ตั้งงบไว้ แล้วเราก็พยายามที่จะบังคับตัวเราให้ประหยัด ๆ เพื่อที่จะได้เอาเงินที่เหลือไปทำบุญค่าอาหารบ้านเด็กกำพร้า”

   “เป็นความคิดที่วิเศษมากเลยนะแสงทอง..”

   “เตรียมตัวเป็นนักสังคมสงเคราะห์เสียแล้ว ก็ไหนว่า..ไม่หรอก ยังไม่คิด..พี่เขาคนไกล ..แต่นี่..เฮ้อ..”

   “คนล่ะเรื่องแล้วพี่รุ่ง ว่าแต่พี่เถอะอธิบายให้คุณดี้ฟังเองละกัน”
   -------------------------------------------------------------------------

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 26 อยากให้&
«ตอบ #304 เมื่อ08-06-2011 08:49:40 »

ตอนที่ 28 (ต่อ)


วันเดินทางมาถึง...รุ่งโรจน์เกี่ยงให้แสงทองเป็นคนอธิบาย..

   “ไม่เห็นจะต้องอย่างนั้นเลย ลำบากเรา จะได้บุญรึ..ที่ใช้ก็ใช้ไป ที่ทำบุญจะทำเท่าไหร่ก็ทำไป”

   “แต่นี่เรากำลังคิดจะเล่นเกมส์ประหยัดนะคะ จะได้เที่ยวสนุกด้วย”

   “งั้นส่วนที่ดี้ต้องจ่ายเองอย่าเอาไปคิดด้วยนะคะ”

   “ผมรู้ว่าคุณจ่ายได้ เราจ่ายได้คุณดี้ แต่เรากำลังจะเล่นเกมส์ประหยัดกันอยู่ ถ้าคุณไปกับเราแล้วคุณไม่ปฏิบัติตามเสียงของคนส่วนใหญ่ แล้วเราจะเดินทางด้วยกันอย่างไร เราแค่เล่นเกมส์ประหยัดค่าอาหารกับที่พักเท่านั้น รถเรือเรายังเอาสบายปลอดภัย จริง ๆ ถ้าจะให้สนุกมาก ๆ นะ เราต้องโบกรถไปถึงจะดี” รุ่งโรจน์เสียงแข็งขึ้น ส่งให้ดาราวดีหน้างอฉึ่ง

   “งั้นดี้ไม่ไปด้วยหรอกคะ มันเกินไป”

   “ตกลงทริปนี้คุณจะไปหรือไม่ไป” รุ่งโรจน์ถามเสียงเบาลงมานิด

   “ไปเถอะครับคุณดี้..เราไม่ได้ประหยัดจนเกินขนาดหรอกครับ..แค่สมมุติเฉย ๆ ..และการที่เราทำแบบนี้เพื่อเป็นการฝึกระเบียบการใช้เงินของพวกเราด้วย อีกอย่างเราจะได้เข้าใจว่าการมีเงินจำกัดจำเขี่ยแล้วนึกอยากเที่ยวกับอยากทำบุญ ใจมันต้องผ่านกระบวนการอะไรบ้าง” สุริยาช่วยกระตุ้น เมื่อพูดจบ รีบมองไปทางอื่นด้วยไม่อยากสบตาเจ้าเล่ห์ของรุ่งโรจน์

   “ก็ได้ค่ะ เกมส์ก็เกมส์”

   แล้วรถซีอาร์วีคันสีดำก็แล่นออกจากนวนครในเวลาสายของวันพุธที่ 22 ธันวาคม 2547 วิ่งตามจุดมุ่งหมายที่ใจวางไว้..หาดทราย สายลม แสงแดด..เสียงเพลงกับการขับรถไปเรื่อย ๆ ผ่านร้านอาหาร ผลไม้ ไก่ย่าง ข้างถนนไปอย่างหน้าตาเฉย..

   “หิวแล้วค่ะ อยากกินชมพู่สีแดง ๆ นั่นจัง..” ดาราวดีเอ่ยปาก

   “เพิ่งจะห้าโมงเช้าเองนะครับ ใกล้เที่ยงก่อนค่อยแวะ”

   รุ่งโรจน์พูดจบก็ยักคิ้วเจ้าเล่ห์ให้กับสุริยาซึ่งนั่งอยู่เบาะด้านหลัง สุริยาเคี้ยวหมากฝรั่งเมินสายตาไปข้างทาง พยายามที่จะไม่เห็นความสนุกกับการได้แกล้งคู่หมั้นของรุ่งโรจน์

   หลังอาหารกลางวันกับร้านข้าวผัดริมถนนหัวหิน รุ่งโรจน์ก็ให้แสงทองเปลี่ยนขับ โดยตัวเองไปนั่งเบาะหลังคู่กับสุริยา ..แรกทีเดียวสุริยาจะขอมานั่งแทนที่ดาราวดี แต่รุ่งโรจน์บีบต้นแขนไว้และจ้องมาด้วยสายตาเขียวปั้ด

   “ทำไมทั้งรถมีแค่เพลงพี่เบิร์ดหรือคะ..เห็นเปิดตั้งแต่ออกมาไม่จบสักที..” ดาราวดีเอ่ยขึ้น ส่งผลให้แสงทองหัวเราะกิ๊ก ๆ ไม่ตอบคำถามนั่นและทุกคนก็ร่วมใจกันเงียบ ปล่อยให้ดาราวดีนั่งฟังด้วยใบหน้าบึ้งตึงจนกระทั่งหญิงสาวอดใจไม่ไหว จนต้องกดปิด แล้วก็เอ่ยว่า

   “เป็นการช่วยกันประหยัดน้ำมันค่ะ”

   “แต่เครื่องเสียงมันกินไฟจากแบตนะครับ”

   “แบตมันชาร์ตด้วยน้ำมันไม่ใช่หรือคะ”

   รุ่งโรจน์ค่อย ๆ มานั่งกึ่งกลางเบาะแล้วบอกกับแสงทองว่าจะได้เห็นถนนหนทาง

   “เปลี่ยนมานั่งข้างหน้าแทนดี้ก็ได้นี่คะ”

   “ไม่หรอกครับ คุณดี้จะได้นั่งสบาย ๆ เห็นเมืองไทยเต็ม ๆ ตา” พูดไปมือข้างขวาของรุ่งโรจน์ก็โอบอยู่ที่ไหลของสุริยา...ที่นี้เจ้าตัวต้องค่อย ๆ แกะออกแต่เขาก็ยังยุ่มย่ามดึงมือซ้ายสุริยามาประสานบีบจนแน่น..เมื่อเห็นรูปการณ์เป็นดังนี้สุริยาจึงแกล้งพิงพนักและหลับลง จะได้ไม่เห็นสายตาของใคร ๆ ..

   “คุณยะ ตกลงอุทยานแห่งชาติสามร้อยยอดกับเมืองประจวบจะแวะไหม..”

   “เอาไว้ขากลับก็ได้ แต่วันนี้ต้องแวะที่บางสะพานนะ พระเจดีย์พุทธประกาศบนยอดเขานะครับ ผมอยากไปมานานแล้ว”

   “ดูคุณอยากไปมานานแล้วเกือบทุกที่เลยนะครับ”

   “ดับความอยากเสียได้เป็นดี..” สุริยายอมรับความจริง

   “ได้ยินสุภาษิตบอกว่า อย่า อยู่ อย่าง อยาก แต่จริง ๆ วันนี้ไหน ๆ ก็ผ่านเมืองประจวบแล้ว แวะขับรถมองเมืองเขาสักหน่อยเถอะค่ะ...คนเราเอาแน่ไม่ได้ ขากลับเราอาจจะยุ่งเหยิงจนไม่ได้แวะเสียก็ได้..”

   
   ค่ำคืนนั้นในเกมส์ประหยัดทำให้ทั้งสี่คนต้องพักในห้องเตียงคู่ซึ่งราคาสุดแสนประหยัดเช่นกัน..

   “มันมากไปหรือเปล่า” ดาราวดีเริ่มไม่พอใจ

   “คุณดี้ ประหยัดไปตั้งหกร้อยบาท คุณคิดดูซิครับ ถ้าเงินหกร้อยบาทเราเอาบริจาคเข้ากองทุนมูลนิธิอาหารเด็ก ๆ ผู้รับจะดีใจขนาดไหน ถ้าซื้อไข่ไก่ก็ได้สองร้อยฟองเลยมั้ง..” เรื่องปรับความรู้สึกของดาราวดีเห็นทีจะมีแต่รุ่งโรจน์เท่านั้น..ส่วนสุริยากับแสงทอง ได้แต่แอบขำกิ๊ก ๆ ในวงหน้า

   “โอเคเพื่อไข่สองร้อยใบของเด็ก ๆ นะคะ..” ดาราวดีถือเสื้อผ้าเข้าห้องน้ำไปอย่างไม่สบอารมณ์

   “จะมากไปหรือเปล่า”

   “ผมว่านี่มันยังน้อยนะ จริง ๆ อยากจะนอนกระท่อมเล็ก ๆ ริมทะเลด้วยซ้ำ คืนหนึ่งแค่ห้องละสองร้อยบาทเอง”

   “นั่นมันก็เกินไปแล้วพี่..” แสงทองโอดครวญ

   “แล้วใครเป็นคนคิดเกมส์..”

   เย็นวันนั้นสุริยายอมรับว่าเป็นวันที่ตนมีความสุขเหลือกำลัง..ด้วยพอพระอาทิตย์ยอแสง ทั้งสี่คนก็นุ่งกางเกงขาสั้นเสื้อยืดคอกลมตัวสีขาวล้วน ๆ ซึ่งรุ่งโรจน์ซื้อมาให้โดยอ้างว่าเป็นเสื้อทีม ออกมาเดินเล่นบนผืนทรายละเอียดมองออกไปเป็นเกลียวคลื่นสีขาวซัดน้ำทะเลสีครามเข้าหาฝั่ง..แสงทองกระโจนลงทะเลเป็นคนแรก สุริยาถัดมา ตามด้วยรุ่งโรจน์ จะอยู่บนชายหาดก็มีแต่ดาราวดีที่พยายามทาสารพัดครีมก่อนจะกระโจนตามไปเล่นหมาบ้าไล่ขับ...คือคนที่เป็นหมาบ้าก็จะต้องพยายามวิ่งไล่ตามจับคนอื่นให้ทำหน้าที่วิ่งไล่ขับคนอื่นแทนตนให้ได้..ด้วยเกมส์นี้ทำให้ดาราวดีสำลักน้ำไปหลายอึก และเกือบจะจมน้ำไปหลายครั้ง ดีแต่ว่ารุ่งโรจน์รีบกระโจนเข้าไปช่วย

   สุริยาเห็นภาพต่าง ๆ ก็อดที่จะสะท้านในอกนิดหนึ่งไม่ได้ อย่างไรเสียวันข้างหน้าเขาก็ต้องอยู่เป็นคู่ผัวตัวเมียกัน เป็นคน คนเดียวกัน ส่วนตนเป็นเพียงคนอื่น การได้ออกมาอย่างนี้ ก็จะได้เป็นการเรียนรู้นิสัยใจคอของกันและกัน..ดาราวดีถึงแม้จะเจ้ายศเจ้าอย่างไปสักนิด แต่เรื่องของความมีน้ำใจต่อเพื่อนด้วยกันหญิงสาวมีไม่น้อยกว่ารุ่งโรจน์เลย อะไรก็ตามที่เจ้าหล่อนเป็นคนออกเงิน เจ้าหล่อนจะซื้อมาให้เผื่อคนอื่นด้วยเสมอ

“คิดอะไรหรือคุณยะ”...

   “อยากไปถึงแหลมพรหมเทพไว ๆ อยากไปดูพระอาทิตย์ตกดินที่นั่น..”

   “คุณว่ามันแตกต่างกันรึ..”

   “ไม่หรอก...ตกตรงไหนก็เหมือนกัน..ตรงที่คนนั่งดู แก่ลงอีกวันนะซิ”

   “ถ้าพระอาทิตย์มันมีหลาย ๆ ดวงคงจะดีนะ..” รุ่งโรจน์ตั้งประเด็น..สุริยามองหน้า..

   “อ้าว..มันจะได้ผลัดกันเข้ากะบ้างซิ ผมสงสารมันจังเลยนะคุณยะ คิดดูเถอะ ออกกะที่ประเทศไทย ต้องไปเข้ากะที่ยุโรปต่ออีก..เหนื่อยไหมน่ะ..”

   “คร้าบเหนื่อย..”

   “คุณคิดแปลก ๆ ได้ผมก็คิดแปลกได้....วิ่งแข่งกันไหม ..ใครจะไปถึงตรงนู้นก่อนกัน..”

   ว่าแล้วรุ่งโรจน์ก็ตั้งท่าสตาร์ท สุริยาเห็นดังนั้นจึงทำตาม ..แล้วสองหนุ่มก็วิ่งแข่งกันไปที่ไกลตาสองสาว ซึ่งกว่าสุริยาจะรู้ตัวว่าถูกหลอก พระอาทิตย์ก็ลับหายไปจากแผ่นฟ้าเสียแล้ว

   ท่ามกลางความมืดสลัวขณะเดินกลับมาที่บ้านพักริมทะเล..รุ่งโรจน์จึงขอจูงมือของสุริยาให้เดินเคียงกัน

   “เวลาของเราเหลือน้อยลงแล้วนะคุณยะ ขอบคุณที่คุณทำให้ผมมีความสุข..”


อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน  
 สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เีขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com

 

พรุ่งนี้ลงตอนจบครับ เตรียมผ้าเช็ดหน้ากันไว้ด้วยนะ คริคริ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2011 08:53:00 โดย anop2521 »

ออฟไลน์ minchy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +173/-0
ลุ้นตอนจบเหลือเกินค่ะ

นิยายเรื่องนี้มีสองด้าน  ไม่รู้ว่าจะจบด้านไหน

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 29.

 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:
   
   ขณะเดินกลับมา มือข้างซ้ายของสุริยาถูกมือข้างขวาของรุ่งโรจน์เกาะกุมสอดนิ้วบีบรัดไว้ สุริยาพยายามพูดให้รุ่งโรจน์ปล่อย แต่รุ่งโรจน์ยังเฉย สุดท้ายพอใกล้ถึงบ้าน

   “ในที่สุดคุณก็ต้องปล่อยมือผมอยู่ดี..”

   สุริยาเดินนำกลับเข้าที่พัก ..พบว่าสองสาวจัดโต๊ะอาหารด้านหน้าบังกะโลที่พักเรียบร้อยแล้ว

   “มื้อนี้ไม่เกี่ยวกับงบในเกมส์ประหยัดนะคะ..ดี้เป็นเจ้าภาพเลี้ยงฉลองมิตรภาพของพวกเราค่ะ”

   “แต่เราตั้งใจว่าจะเล่นเกมส์ตลอดการเดินทางนะครับคุณดี้ ไม่ใช่ว่าเป็นเงินของใครที่เสนอตัวมาเลี้ยง..แล้วทำให้เราประหยัดได้” เมื่อถูกรุ่งโรจน์ตำหนิสีหน้าของดาราวดีดูแย่ลง

   แสงทองรีบพูดให้บรรยากาศดีขึ้น

   “ไหน ๆ ก็ไหน ๆ แล้ว..นอกเกมส์สักมื้อแล้วกัน จริง ๆ หนูก็อยากกินดี ๆ ด้วยล่ะคะ..วันนี้เล่นน้ำจนตัวเบา จะกินก่อนอาบน้ำหรือว่าจะอาบน้ำแล้วมากิน”

   เพื่อไม่ให้บรรยากาศตึงเครียดนาน ๆ สุริยาจึงว่า

   “กินกันก่อนดีกว่าครับ ผมก็หิวแล้ว”

   ขณะนั่งกินข้าว ทั้งสามคนเลี่ยงที่จะพูดถึงเรื่องเกมส์ประหยัด เพราะรู้อยู่แก่ใจว่า..ที่ทำงานกันหนัก ๆ ก็หวังที่จะมีกินดีอยู่ดีกันทั้งนั้น

   ค่ำคืนนั้น..พออิ่มท้องสองสาวก็รีบกระโดดขึ้นเตียงซุกตัวนอนอยู่ใต้ผ้า
ห่มผืนเดียวกันหน้าตาเฉย..ส่วนสองหนุ่ม..ยังเก้ ๆ กัง ๆ

   สุริยาคว้าหนังสือข้อมูลชุมพรออกไปนั่งอ่านที่โต๊ะด้านนอก..ส่วนรุ่งโรจน์นอนเปิดโทรทัศน์ดูด้วยท่าทีกระสับกระส่าย

   “ยังไม่นอนหรือคุณยะดึกแล้วนะ” รุ่งโรจน์เปิดประตูออกมา สุริยาเผลอสบตารู้ว่ารุ่งโรจน์คิดอะไร นานหลายวันที่ไม่ได้นอนเตียงเดียวกัน

   “นอนก่อนเลยคุณรุ่ง ผมยังอ่านหนังสือไม่จบ..” รุ่งโรจน์เดินออกมา หยิบหนังสืออีกสามสี่เล่มมาเปิด ๆ ดูบ้าง
 
   

“ประวัติกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์..”

   “องค์บิดาแห่งทหารเรือไทย....พรุ่งนี้เราจะไปที่
ศาลเรือรบหลวงชุมพรกันนะ ไปกราบสักการะระลึกนึกถึงคุณของพระองค์ท่าน..”

   “ดูคุณชอบมากเลยนะกับการไปกราบองค์นั้นองค์นี้”

   “โดยส่วนตัวผมอยากไป แต่ลูกทัวร์ที่ผมไม่พาแวะ ก็อย่างว่า นานาจิตตัง..คิดไม่เหมือนกัน บางคนก็ไม่อยากกราบ บางคนเขาก็อยากกราบ..ก็แล้วแต่เขา แต่สำหรับพระพุทธเจ้า ผมอยากให้ทุกคนได้กราบ..โดยเฉพาะคุณ..”

   “คุณรักผมนี่” รุ่งโรจน์ทึกทักเอา..

   “ผมรักทุกคนแหละคุณรุ่ง..ไม่ซิผมไม่ได้รัก ผมแผ่เมตตาให้ทุกคนต่างหาก ปรารถนาเห็นคนอื่น ๆ มีสุขด้วยบุญ กุศลและคุณงามความดีแห่งตนก็เท่านั้น..”

   “แต่คุณรักผม..ผมรู้..”

   สุริยาจ้องหน้าก่อนจะยิ้มแบบเหนื่อยใจให้..

   “ผมมีดีตรงไหน..ทำไมคุณถึงได้..”

   “มีดีตรงที่คุณรู้จักรักและเมตตาคนอื่นไง คนดี ๆ อย่างนี้จะไม่ให้ผมรักได้อย่างไร..โอเค นอนเถอะดึกแล้ว..ผมง่วงแล้ว”

   “หวังว่าคืนนี้คุณคงไม่นอนกอดผมให้คู่หมั้นคุณเห็นนะ...” สุริยารีบพูดเรื่องความลำบากใจให้ได้รับรู้ไว้

   “ถ้าผมจะนอนกอดคุณล่ะ”

   “ผมคงจะหนีลงมานอนข้างล่าง”

   “ถ้าผมตามลงมา”

   “ผมก็จะลุกออกมานั่งอ่านหนังสือ..ไปเถอะ..เลอะเทอะแล้ว..” ขณะเก็บหนังสือใส่กระเป๋า

   “สงสารประจวบกับชุมพรจังเลยเนอะ..ใคร ๆ ผ่านมาแล้วก็ผ่านไป หาได้อยู่ในสายตาไม่ ทั้งที่มีแต่ที่เที่ยวดี ๆ เยอะแยะ..คนหนอคนตรงไหนก็ทะเลเหมือนกัน ทำไมจะต้องดั้นด้นไปถึงที่ไหน ๆ ให้เปลืองก็ไม่รู้”

   “ผมก็สงสารตัวเองเหมือนกัน ทำอย่างไรหนอคุณถึงจะรับรักผมสักทีก็ไม่รู้”
   -------------------------------------------------------------------------

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
หลังจากอาหารเช้าที่ตลาดกลางเมืองเสร็จสิ้น รุ่งโรจน์ก็ขับรถพาไปที่ศาลเรือรบหลวงชุมพรตามที่สุริยาต้องการ..เช้าวันนั้นแสงทองตื่นแต่เช้าไปเล่นน้ำทะเลอย่างที่เจ้าตัวบอกไว้ตั้งแต่เมื่อวานตอนค่ำ..ส่วนดาราวดีและรุ่งโรจน์นอนหลับอุตุโดยไม่สนใจว่าเวลาจะล่วงเลยไปเท่าไหร่ เขาและเธอแก้ตัวในร้านอาหารมื้อเช้าที่เกือบจะเป็นมื้อเที่ยงว่า..นั่งรถเพลียและนอนดึกเกินไป..

   ในเวลาหลังเที่ยง หลังจากที่รถคันโก้ไต่ขึ้นเขาสู่เมืองระนอง อีกฝั่งทะเลของแผ่นดินไทย สุริยาก็สั่งให้คนขับพาไปที่น้ำพุร้อนรักษะวาริน..เมืองระนองฝนตกบ่อย ๆ เพียงแค่คิด ทั้งสี่คนก็ต้องนั่งมองสายฝนจากร้านอาหารเล็ก ๆ ริมทาง

   “เชื่อเลยว่าฝนแปดแดดสี่จริง ๆ” แสงทองเงยหน้าจากหนังสือ พลางกอดอกมองสายฝนที่ตกกระทบพื้นถนน..“ชอบจังเวลาฝนตก”

   ดาราวดีจึงถามต่อว่าเพราะอะไร

   “มันเย็นยะเยือกในหัวอกจนต้องการความอบอุ่นง่ะ..”

   “จริง ๆ ด้วย” ดาราวดีพยักพเยิดแล้วก็คุยกันเรื่องจุ๊ก ๆ จิ๊ก ๆ แบบผู้หญิง

   ส่วนรุ่งโรจน์นั่งหาวหวอด ๆ ก่อนจะขอตัววิ่งตากฝนกลับไปที่รถ

   “คงไปนอนหลับน่ะ..” สุริยาออกความคิดเห็น ก่อนจะชวนทั้งสองกลับมาที่รถบ้าง พอไปถึงดาราวดีก็รีบเปิดประตูด้านหน้าเข้าไปนั่งประจำที่ของตน แสงทองประจำที่คนขับ เพราะด้านหลังรุ่งโรจน์นอนเหยียดยาวเสียแล้ว..สุริยาเมื่อเห็นดังนั้นจึงแทรกตัวเข้าไปนั่งตรงที่ว่างด้านขาที่งออยู่แล้วพิงซบไปที่เบาะ นั่งมองสายฝนซัดกระจกดังซ่า ๆ

   “รู้สึกดีเหมือนกันเนอะ” ดาราวดีกระชับวงแขนเข้าไปเรื่อย ๆ

   สุริยาเห็นภาพนั้นแล้วมองกลับมาทางรุ่งโรจน์ที่นอนตัวงอให้ความอบอุ่นอยู่ข้าง ๆ ตน อีกไม่นานคนสองคนจะอยู่ด้วยกัน แล้วเขาจะไปอยู่ตรงไหน

   ค่ำคืนนั้นตั้งใจว่าจะนอนที่อ่าวพังงา แต่ด้วยเสียเวลากับฝนตกกับการอ้อยอิ่งเดินชมเมืองของระนอง ทำให้คณะสำรวจต้องไปหยุดพักรถและพักผ่อนที่หาดเขาหลัก และวันนี้สุริยาได้เห็นพระอาทิตย์ตกน้ำทะเลที่มหาสมุทรอินเดีย มันช่างสวยงามคุ้มค่าคุ้มเวลากับการเดินทางดั้นด้นมาถึงที่นี่ แสงทองเองก็ดูมีความสุขไม่ต่างจากตน ในเวลาที่ยังไม่โพล้เพล้ หญิงสาวเดินอ้อยอิ่งไปทางทิศใต้ท่ามกลางโรงแรม รีสอร์ต หรูหรา พอพระอาทิตย์ตก หญิงสาวก็เดินเนือย ๆ กลับเข้ามาที่บ้านพัก

   “ที่นี่โรงแรมหรู ๆ เยอะ แต่ก็เงียบ ๆ เหงา ๆ เห็นมีแต่ฝรั่งมังค่า คนไทยไปไหนหมดก็ไม่รู้”

   “แถวนี้มีคลาส คนไทยไม่กล้าแหยมมามากนักหรอก อีกอย่างคนไทยก็ยังไม่ต้องการเที่ยวแบบ เงียบ ๆ จริง ๆ ยังต้องการเห็นทะเลและความเจริญรุ่งเรืองเฟื่องฟูจี๊ดจ๊าดแบบภูเก็ต..และพัทยา”

   สักพักดาราวดีกับรุ่งโรจน์ก็เดินกลับมาอีกคู่

   “โลกกลมจริง ๆ ไม่คิดว่าจะได้เจอะอาจารย์สมัยที่เรียนอยู่แอลเอ..เกษียณอายุนะคะ ท่านมาพักผ่อน..มาฉลองคริสต์มาสอีฟ..ท่านบอกว่าหลังปีใหม่อยากจะขึ้นเหนือ..นี่ยังอยากให้สุริยาพาเที่ยวเป็นการเฉพาะกิจอยู่เลย”

   “แต่ผมไม่ได้ภาษานะครับ”

   “จะเสนอคุณรุ่งก็คงไม่ได้ เพราะตอนนั้นเราคงไปฮันนีมูนที่ไหนสักที่ ใช่ไหมคะ..” ดาราวดีหันมาถามความคิดเห็น รุ่งโรจน์เพียงพยักหน้าก่อนจะขอตัวเข้าไปอาบน้ำ

   “คืนนี้เราจะออกไปหาอะไร อร่อย ๆ กินกันแถว ๆ ข้างถนนในตะกั่วป่า คุณสองคนอาบน้ำหรือยัง” ดาราวดีดูดีมีความสุขกว่าเมื่อวาน

   “ยังเลยค่ะ ..วันนี้ ที่นี่รู้สึกเงียบ ๆ เหงา ๆ จนหดหู่ เศร้า ๆ อย่างไรก็ไม่รู้..” แสงทองบอกความรู้สึก

   “ด้วยเหตุฉะนี้ คนจึงต้องการเสียงเพลง และภาพมายามาหลอกตัวเองอยู่เรื่อย ๆ แต่จริง ๆ แล้ว พี่คิดว่าแสงทอง กำลังคิดถึงใครบางคนมากกว่าใช่ไหม 

อยากให้เขามาอยู่ใกล้ ๆ ใช่ไหม?”

   แสงทองไม่ตอบ ยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะลุกขึ้นแล้วฉุดแขนดาราวดีเดินหนีเข้าบ้านพักไป

   และค่ำคืนนั้น สุริยาก็ได้เห็นแสงทองมีโทรศัพท์มือถือแนบหู เดินย่ำทรายกลับไปกลับมาด้วยใบหน้าเปื้อนยิ้ม “คงคุยกับหมวดก้อง” ดาราวดีเปรย ขึ้นมา

   “แล้วคุณยะล่ะคะ ไม่เห็นมีใครสักคน ถ้าสองคนแต่งงานไปแล้ว คุณไม่เหงาแย่หรือคะ..” สุริยายิ้มขื่น ๆ ก่อนจะตอบว่า

   “ที่ผ่านมายี่สิบห้าปี ผมก็อยู่มาได้คนเดียว ถ้าต้องอยู่ต่อไปอีกสักยี่สิบห้าถึงสามสิบปีโดยไม่มีใครสักคน ผมคงอยู่ได้นะ”

   “ไม่เคยรักใครเลยรึคะ”

   “เคย..แต่อย่ามาสัมภาษณ์ผมเลย ผมสัมภาษณ์คุณดีกว่า ใกล้ถึงวันแต่งงานแล้ว คุณเป็นอย่างไรบ้าง”

   “ถ้าบอกว่าชักไม่แน่ใจ คุณจะว่าอะไรไหม”

   สุริยามีสีหน้าตกใจ เขามองไปทางห้องพักซึ่งคนต้องถูกกล่าวถึงคงจะดูข่าวอยู่ข้างใน

   “พื้นฐานการแต่งงานมันต้องมาจากความรัก คุณก็รู้ว่า เรายังไม่ได้รักกัน แต่งเพียงเพราะความเหมาะสม แต่งเพราะผู้ใหญ่เห็นดีเห็นงาม แต่งเพราะผู้ใหญ่คิดว่าอยู่ด้วยกันก็รักกันมาก ๆ ไปเอง ทั้งที่ดี้โตเมืองนอก ดี้ไม่น่ายอมรับอะไรง่าย ๆ ทุกวันนี้ดี้คิดว่าตัวเองคิดผิดไปหรือเปล่า หลงคารมคุณป้าไปหรือเปล่า หรือว่าเห็นแก่สมบัติมากกว่าความสุขของตนไปหรือเปล่า”
   
สุริยาถอนหายใจออกมา

   “งานถูกกำหนดขึ้นมาแล้วนะครับคุณดี้ ทำใจให้สบายเถอะ คุณรุ่งอาจจะยังเขิน ๆ พวกผมอยู่ก็ได้หลังจากแต่งงานกันไปแล้ว ได้อยู่กันตามลำพังหลาย ๆ อย่างคงจะดีขึ้น”

   “ดี้ก็หวังจะให้เป็นอย่างนั้น”

   สุริยาเงียบ แต่ในใจพูดว่า ‘ผมก็หวังว่ามันจะเป็นอย่างนั้น’

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ด้วย นโยบายประหยัดทำให้มื้อเช้าในวันนั้นต้องฝากท้องไว้กับแม่ค้าที่อำเภอท้ายเหมือง..และจุดมุ่งหมายความใฝ่ฝันอันสูงสุดก็คือเขาตะปู สัญลักษณ์ของทะเลอันดามันอันเลื่องชื่อ..

   “กว่าความฝันของใครบางคนจะเป็นไปได้จริง ๆ มันนานเหลือเกิน เห็นภาพนี้มาตั้งแต่เด็ก ๆ คิดดูเถอะ ..”

   “ตราบใดที่เรามีความฝัน ตราบนั้นเรายังมีแรงเดิน..ผมเชื่อว่าต่อไปพวกคุณทั้งสองคนจะได้ไปใน ทุก ๆ ที่ ที่คุณอยากไป ดูแต่ฝรั่งนั่นซิ เขาก็คงอยากมาเมืองไทยเหมือนกันหมด แต่ถึงไม่ถึงนั่นก็คือใครจะอยากจนทนไม่ไหวก่อนกันเท่านั้นเอง”

   “แล้วเราเอาเปรียบเขาหรือเปล่าคะ ของแถวนี้แพ้งแพง”

   “เขาก็เอาเปรียบเราบางเรื่องอยู่เหมือนกัน อย่าไปคิดมากเลย ทีเอ็งข้าไม่ว่า ทีข้าเอ็งอย่าโวย”

   นั่งเรือออกมาจากหมู่เกาะในอ่าวพังงาแล้ว รถคันนั้นก็แล่นข้ามสะพานเทพกระษัตรีสู่เมืองภูเก็ตในเวลาบ่ายคล้อย

   “ผมไม่ลืมหรอกครับ อนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร วีรสตรีบุคคลสำคัญในถิ่นนี้ ผมเกิดมาทันสมัยที่ช่อง 3 ทำละครเรื่องสงครามเก้าทัพ ยังชอบอภิรดี กับจริยาจนถึงทุกวันนี้อยู่เลย..”

   คนขับรถรีบพูดขึ้นมาเมื่อรถพ้นสะพานที่ทอดจากแผ่นดินใหญ่สู่เกาะภูเก็ต

   “คุณดี้ได้ดูเรื่องสะพานรักสารสินไหม”

   “ไม่เคยได้ดู..”

   “รักกันมาก แล้วถูกขัดขวาง ผูกมือกันกระโดดสะพานตาย” แสงทองต่อให้

   “มีจริง ๆ หรือคะ”

   “คงมี แต่ไม่ใช่หนูหรอกค่ะ”

   “ปัจจุบันเพลงที่ฟังจนติดหูติดใจมันสอนให้พร้อมที่จะผิดหวังอยู่แล้ว ความรักมันฉาบฉวยจนไร้ความมั่นใจว่า ที่ว่ารัก จริงหรือหลอก รักแท้จึงมีอยู่น้อยนิด” สุริยาแทรกขึ้นมา

   “คงจะจริง สมหวังก็ดีไป ผิดหวังก็แล้วไป สมัยนี้มีโอกาสได้พบคนมากหน้าหลายตา มีโอกาสเลือกมากกว่าแต่ก่อน แต่มันก็มีเลือกพลาดแล้วชีวิตแย่ลง ๆ ก็มีอยู่ไม่น้อย”

   “ดีใจว่าหลอกเขาได้ รู้ไหมว่าตายแล้วจะไปไหน..เกิดมาอีกทีก็ถูกเขาหลอก ให้เจ็บช้ำน้ำใจ..”

   พอดีที่รถถึงอนุสาวรีย์ท้าวเทพกระษัตรีและท้าวศรีสุนทร

   “เล่าให้ฟังหน่อยซิคะ..” ดาราวดีเอ่ยขึ้นมาด้วยความใคร่รู้

   “พี่ยะ บอกหนูว่า จำไว้อย่างหนึ่งนะ แสงทอง อนุสาวรีย์ไม่สร้างคนเลวหรอก..มากราบไหว้จะได้มีกำลังใจทำดี ตอบแทนคุณแผ่นดินบ้าง..ส่วนประวัติความเป็นมาของท่านคงต้องย้อนกลับไปสมัยต้นรัตนโกสินทร์เลยทีเดียว”

   แล้วแสงทองก็เล่าให้ดาราวดีฟังจนกระทั่งรถมาถึงวัดพระทอง ซึ่งมีพระผุดอยู่ครึ่งองค์โผล่มาจากดิน..
   “ไม่น่าเชื่อนะคะ” ดาราวดียืนอ่านประวัติของท่านจากป้ายแนะนำ

   “ปาฏิหาริย์ยังมีอยู่อีกเยอะแยะค่ะ ถ้ามีเวลาและสนใจหนูจะให้ยืมหนังสือพวกนี้..”

   “เธอเก่งนะ รู้อะไรตั้งหลาย ๆ อย่าง”

   “จริง ๆ ทุก ๆ อย่างที่หนูเป็นในวันนี้ ต้องขอบคุณพี่ยากับพี่รุ่งค่ะ มันไม่ใช่แค่ลู่ทางทำมาหากิน แต่มันได้สิ่งดี ๆ ติดตัวไปถึงภพภูมิเบื้องหน้าทีเดียว คุณดี้ก็เหมือนกัน หนูเชื่อค่ะ ถ้าเราอยู่ด้วยกันไปนาน ๆ คุณดี้อีกคนที่จะพฤติกรรมคล้ายกับพวกเรา”

   “พูดเรื่องวัดเรื่องวา เรื่องพระ เรื่องเจดีย์ เจอะวัดมีศาลาโบสถ์สวย ๆ ที่ไหนก็ได้ชะแง้แลเหลียวแล้วก็แวะเข้าไปจุดธูปเทียนกราบไหว้เนี่ยหรือคะ”

   “ประมาณนั้น..หนูเชื่อว่าต่อไปพี่รุ่งจะเป็นแบบนั้น..และที่สำคัญ..พี่ดี้รักเขา พี่ดี้ก็น่าจะปรับตัวตามสิ่งดี ๆ ที่เขาทำนะคะ”

   “ก็กำลังทำอยู่ แม้มันจะฝืนก็ตามที” น้ำเสียงของดาราวดีหม่นลง

   “ถ้าคุณศรัทธา มันก็ไม่อยากหรอกครับคุณดี้” สุริยาช่วยเสริม และทั้งสามคนต้องหยุดพูดเรื่องที่กำลังคุย ด้วยรุ่งโรจน์เดินออกจากห้องน้ำมาสมทบ

   “คืนนี้ตกลงจะนอนที่ไหน..แถวป่าตอง คงหาที่นอนยาก เพราะพรุ่งนี้คริสต์มาสฝรั่งคงจะมาฉลองกันเต็มเมือง คนไทยก็เห่อตามเขาไปด้วย รู้หรือเปล่าก็ไม่รู้ ว่าเขาฉลองเรื่องอะไรกัน”
   
“วัฒนธรรมผสมผสาน ทีฝรั่งเล่นสงกรานต์พวกอนุรักษ์นิยมก็หน้าบาน แต่พอเราฮาโลวีนบ้างด่าเสียอีก..เห็นแก่ตัวนะ” ดาราวดีเสนอความคิด

   ตกลงคืนนั้นหลังจากออกจากวัดฉลองแล้ว ทั้งสี่คนก็ไปนอนโรงแรมสามดาวกลางเมืองภูเก็ต เพราะสะดวกเรื่องอาหารราคาประหยัดและสะดวกที่จะเดินย่ำร้านรวงในสภาพตึกเก่า ๆ ในอดีต..และวันนี้ดาราวดีกับแสงทองก็ขอแยกห้อง เพราะว่าหนึ่งในสองคนมีรอบเดือน จึงต้องการที่จะอยู่เป็นส่วนตัวมากกว่าให้ผู้ชายมาจุ้นจ้านอยู่ในห้องเดียวกัน

   และสุริยาก็รู้ว่าเป็นความคิดของใคร

   “ฝีมือผมเองก็แค่กระซิบบอกกับแสงทอง ทุกอย่างก็ดูเนียนไม่น่ารังเกียจ..”

   “คุณยังไม่เลิกคิดไม่ซื่อกับผมอีกรึคุณรุ่ง”

   “ตราบใดที่ผมยังเป็นไม่ได้แต่งงาน ผมก็ยังมีสิทธิ์ที่จะเลือกไม่ใช่รึ..และตราบใดที่คุณยังไม่มีใคร คุณก็มีโอกาสที่จะเลือกผมเช่นกัน”
   

   อาหารค่ำในวันนั้นรุ่งโรจน์และดาราวดีต้องการเป็นอาหารทะเลสด ๆ แต่สุริยาและแสงทองรวมหัวกันค้าน บอกว่า “ขอเอาแบบที่ตายแล้ว ไม่รู้ไม่เห็นดีกว่า”

   ดาราวดีชักสีหน้าไม่พอใจ ก่อนจะค่อย ๆ ปรับความรู้สึกตัวเองให้คล้อยตาม

   “มันก็คงไม่ดีจริง ๆ ที่ไปยืนชี้ให้เขาฆ่าทั้งที่ยังว่ายน้ำเริงร่า”

   “ใจเขาใจเราคุณดี้ เราโชคดีแล้วที่ไม่ได้มีอาชีพฆ่าสัตว์ประทังชีวิต เรายังมีทางเลือก อย่าไปเลือกทางที่ทำให้คนอื่นฉิบหายเลย..ถึงเวลาที่เขาเอาคืนบ้าง มันก็เจ็บไม่แพ้กัน”

   “จริงอย่างที่แสงทองว่าไว้เลย อยู่ใกล้ ๆ คุณยะ แล้วรู้สึกเย็นใจอย่างไรก็ไม่รู้”

   สุริยายิ้มเมื่อถูกชม และก็เงียบ ไม่ยกตัวให้สูงขึ้นด้วยปากตน หลังอาหารมื้อนั้น สุริยาขอร้องให้รุ่งโรจน์พาไปเดินห้างสรรพสินค้า

   “ไปซื้อของครับ..อยากทำบุญ วันอาทิตย์ที่ 26 ตรงกับวันพระ เราจะอยู่กันที่เกาะดีเลย์  กันพอดี และเกาะนี้เกาะเดียวที่มีวัดพุทธ แถมเป็นสำนักปฏิบัติธรรมสำหรับฝรั่งมังค่าด้วย มันเป็นสิ่งวิเศษมาก ๆ ที่เราจะได้ไปที่นั่น และวันพระนี้เป็นวันพระสุดท้ายของปี 47 ผมอยากทำบุญสักหน่อย..ถ้าพระเจ้าสร้างโลกอย่างที่ชาวคริสต์เชื่อ พรุ่งนี้เช้าเราก็ถือโอกาสทำบุญขอบคุณพระเจ้าดีไหม..ขอบคุณที่ทำให้เรามาเจอะกัน..เป็นเพื่อนกัน”

   “และก็รักกัน” รุ่งโรจน์ต่อให้

   “ใช่..เรารักกัน หนูรักพี่รุ่ง พี่ยา และก็พี่ดี้นะคะ” แสงทองรีบแก้เกมส์
   “ดี้ก็เริ่มรักคุณสองคนแล้วล่ะค่ะ ขอบคุณนะคะที่ให้โอกาส ให้ดี้ร่วมเดินทางในทริปนี้ด้วย ขอบคุณที่ไม่รำคาญคนชอบสร้างปัญหา ขอบคุณที่ทำให้ดี้เห็นว่าค่าของคนอยู่ที่ผลของงาน และงานที่ทำนั้น ควรจะมีประโยชน์ต่อคนอื่นบ้าง อย่าได้เห็นแก่ตัวจนเกินไป หลังแต่งงาน ดี้จะทำงานให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที”
   
ท้ายประโยคดาราวดีหันไปทางรุ่งโรจน์

   “ครับ หลังแต่งงานผมก็คงต้องทำงานทำการให้เป็นเรื่องเป็นราวสักที ใช้ชีวิตเรื่อยเปื่อยมานานแล้ว”

   เมื่อได้ยิน สุริยาพยายามฝืนความรู้สึกยินดีให้กับทั้งสองคน

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
Re: ตอนที่ 27-28 อยากใหŭ
«ตอบ #309 เมื่อ09-06-2011 08:03:08 »


   ค่ำคืนนั้น ที่พักไม่ใกล้ท้องทะเลดั่งวันวาน สุริยาและแสงทอง เพียงเดินเคียงกันดูแสงไฟที่ประดับประดาตามร้านค้าเพื่อเฉลิมฉลองคริสต์มาสให้กับนักท่องเที่ยวต่างชาติต่างศาสนา

   “แสงทอง หากให้เธอเป็นคนจัดโปรแกรมภูเก็ต ระนอง พังงา เธอทำได้ไหม..”

   “ได้ แต่คงไม่ดีเท่าที่พี่ทำ..พี่ยา หนูรู้ว่าความรู้สึกของพี่ในตอนนี้เป็นอย่างไร หนูเข้าใจค่ะ ขอบคุณที่พี่เข้มแข็งยืนอยู่ได้”

   “แสงทอง” สุริยาอุทานเบา ๆ

   “ถ้าให้หนูสงสาร หนูสงสารพี่ดี้นะคะ รักคนที่เขาไม่ได้รักเรา อยู่กับคนที่เขาไม่ได้รัก มันเจ็บปวดมากกว่ารักกัน แล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้” สายตาของแสงทองหม่นลงในทันที

   “พี่ไม่ได้อยากให้มันเป็นอย่างนั้น”

   “ไม่มีใครอยากให้มันอย่างนั้นหรอกค่ะ ทุกคนอยากให้โลกมันเป็นไปตามใจตัวเองทั้งนั้น ถ้ามันทำได้จริง ๆ โลกคงวุ่นวายน่าดู เพราะประชากรบนโลกหลายพันล้านคน คงมีความต้องการมากกว่าคนละสิบคิดดูเถอะว่าความวุ่นวายมันจะขนาดไหน อย่างไรก็ตามหนู เชื่อว่าธรรมชาติจะเป็นตัวควบคุมคนบนโลก มากกว่าคนบนโลกเป็นคนคุมธรรมชาติ”

   พูดจบแสงทองก็หันมาเผชิญหน้า เป็นอีกครั้งที่สุริยารู้ว่า ภายในดวงตาของหญิงสาวยังมีเงาของตนอยู่ในนั้น

   “ใกล้ปีใหม่แล้ว หนูก็จะมีอายุมากขึ้นอีกหนึ่งปี เรากำลังจะกลายเป็นผู้ใหญ่ ถ้าเราบริหารงานได้ดี ปีหน้าบริษัทเราต้องโตขึ้น ๆ จนบางทีเราอาจจะไม่มีเวลา มากินลมชมทะเลนี่ก็ได้ ตักตวงชีวิตในวันนี้ให้มากที่สุดก่อนที่มันจะเป็นวันพรุ่งนี้เถอะค่ะ”

   คืนนั้นสุริยากลับเข้าห้องพัก พบว่ารุ่งโรจน์นอนเอามือก่ายหน้าผาก อย่างคนที่คิดหนัก..สุริยาอยากจะถามว่าเพราะอะไรแต่ก็ไม่กล้า

   “ผมทะเลาะกับดาราวดีอีกแล้ว” รุ่งโรจน์เป็นคนเล่าเสียเอง

   “ผมรำคาญที่เธอชอบวุ่นวายกับชีวิตผม ก็เลยเผลอตะคอกเธอกลับไป”
   สุริยาเดินมานั่งบนที่นอนของรุ่งโรจน์ สายตาจับจ้องอยู่ที่ดวงหน้าของเขา

   “ผมก็วุ่นวายกับชีวิตคุณเหมือนกัน ผมบังคับให้คุณทำนั่นทำนี่ กินตรงนั้น นอนตรงนี้ ขับรถไปตรงโน้น ถ้าเลยก็ให้เลี้ยวกลับ แถมยังมีบ้างที่สั่งให้คุณเลี้ยวกะทันหัน”

   “จริง ๆ ผมไม่ได้รักเธอ อย่างที่รักคุณ เรื่องเล็กมันจึงกลายเป็นเรื่องใหญ่ ผมคิดผิดหรือเปล่านะคุณยะ ที่ตัดสินใจแต่งงานตามความต้องการของคุณแม่ ถ้าผมแต่งกันไปแล้วอยู่ด้วยกันไม่ได้ ผมก็จะได้ชื่อว่าหม้าย ดาราวดีก็เช่นกัน หม้ายผัวหย่าตั้งแต่ยังสาว มันดูไม่ดีนักหรอก ผมสงสารเธอนะ ผมคิดไม่ออกจริง ๆ ว่าการแต่งงานในครั้งนี้ มันจะนำสุขหรือว่าทุกข์มาให้กับผม”

   “หลังปีใหม่คุณก็คงรู้”

   “ผมไม่อยากแต่งงานแล้วคุณยะ ผมอยากมีชีวิตอยู่อย่างนี้มากกว่า ผมยังไม่พร้อม ผมรู้สึกเสียดายชีวิตคนโสด อีกอย่าง ผมก็รู้สึกห่วงคุณ”

   “คุณจะมาห่วงอะไรผม ผมอยู่คนเดียวได้”

   “ก็เพราะคุณต้องอยู่คนเดียวนะซิ ผมถึงได้ห่วง ผมรู้ว่าต่อไปคุณก็จะไม่มีใครอีกแล้ว”

   “แค่รู้ว่ามีคุณห่วงผม ผมอยู่ในสายตาของคุณตลอดเวลา แค่นี้ก็น่าจะพอสำหรับคนอย่างผมนะ”

   “คุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณไหม”

   เมื่อได้ยินคำถาม สุริยาลุกขึ้น แล้วรีบเดินไปเข้าห้องน้ำ

ขณะกำลังเช็ดน้ำตา รุ่งโรจน์ก็มาเคาะประตูถามซ้ำ
   
“ผมรู้ว่าคุณรักผม แต่ทำไมคุณไม่พูดว่าคุณรักผมล่ะคุณยะ ทำไม”

   แล้วเสียงน้ำจากฝักบัวดังซ่า ๆ ก็เป็นคำตอบให้รุ่งโรจน์รู้ว่า เขาควรจะกลับไปนอนตามเดิม
   

   เช้าวันเสาร์เป็นวันคริสต์มาส เป็นวันหยุด ในเวลาเช้าตรู่ถนนในเมืองภูเก็ตจึงค่อนข้างเงียบ ในเวลาเช่นนี้ คนที่ทำงานหนักตลอดสัปดาห์คงอยากที่จะพักผ่อน สุริยาตื่นแต่เช้ามาซื้อของใส่บาตร เมื่อเงยหน้าจากการรับพรพระ เขาก็พบแสงทองยืนรอพระอีกฝั่งหนึ่งของถนน..

   สุริยารีบก้าวเข้าไปหา

   “ไม่ปลุกกันบ้างเลย”

   “ทำไมมาคนเดียว คุณดี้ล่ะ”

   “เมื่อคืนทะเลาะอะไรกันก็ไม่รู้ พี่แกเลยดื่มไปนิดหน่อย ตอนนี้ยังหลับไม่ตื่นเลย..”

   สุริยาถอนหายใจออกมา เมื่อคืนรุ่งโรจน์ก็ออกมาดื่ม กลับไปถึงห้องก็ยังปลุกปล้ำเขาอย่างบ้าคลั่ง กว่าจะทำให้สงบลงได้เล่นเอาเหนื่อยหอบเหมือนกัน

   “กลัวไปด้วยกันไม่รอด” แสงทองเปรยออกมาพลางถอนหายใจ

   “ต่างคนก็ต่างถูกตามใจมาตลอด..คนเหมือน ๆ กันมาอยู่ด้วยกัน..เดี๋ยวคุณสิริฤดีก็คงรู้ว่าปลูกเรือนไม่ตามใจผู้อยู่มันจะเป็นอย่างไร”

   คุยกันได้สักพัก ทั้งสองคนถือโอกาสเที่ยวเมืองภูเก็ตเป็นการส่วนตัว..โดยการนั่งรถสองแถวไปทางหาดป่าตอง..พอไปถึง ไปรู้ไปเห็นบรรยากาศในที่ตรงนั้นว่ามันวุ่นวายจุ้นจ้านแล้วก็รีบนั่งรถกลับมาที่โรงแรม พอมาถึงคนสองคนที่ทะเลาะกันก็นั่งรออยู่ที่ลอบบี้ด้วยสีหน้าไร้ความสุข

   หลังจากที่เรือเฟอร์รี่ ออกจากท่าเรือแล้ว รุ่งโรจน์ก็ถือเบียร์กระป๋องออกไปยืนรับลมอยู่ที่กราบเรือด้านหน้า ส่วนดาราวดีก็นั่งจิบบากะดี้รสส้มอยู่ที่เบาะนุ่ม ๆ ทางตอนท้าย

   ส่วนแสงทองและสุริยา นั่งมองของที่จะไปทำบุญกับสำนักปฏิบัติธรรม แล้วแสงทองก็หัวเราะกิ๊กๆ

   “ตลกพวกเราจังเลย ดูพวกฝรั่งและคนอื่น ๆ ซิพี่ยา ดูเขาจะมีความสุขกับทะเล คลื่นและแสงแดด แต่พวกเราหอบของไปทำบุญถวายสังฆทาน”
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 09-06-2011 08:08:52 โดย anop2521 »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ตอนที่ 27-28 อยากใหŭ
« ตอบ #309 เมื่อ: 09-06-2011 08:03:08 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






anop2521

  • บุคคลทั่วไป
ตอนที่ 30.
(ตอนจบ)


 :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1: :L1:

   เรือเฟอร์รี่ถึงท่าเทียบเรือของเกาะดีเลย์แล้ว สุริยาพาทั้งสามคนขึ้นรถสามล้อเครื่องมุ่งตรงสู่ที่พักซึ่งตั้งอยู่บริเวณหาดรูปวงพระจันทร์ที่หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งอยู่อีกฝังของเกาะ..และที่พักที่ได้จองไว้จากภูเก็ตก็เป็นเพียงกระท่อมหลังเล็ก ๆ สองหลังคู่ ตั้งอยู่ห่างจากแนวทรายชายทะเลไม่มากนัก เหตุที่สุริยาเลือกที่ตรงนี้เพราะอยู่ไม่ห่างจากทางขึ้นเขาซึ่งเป็นที่ตั้งของสำนักปฏิบัติธรรม และก็สะดวกที่จะเดินทางไปยังย่านหาดทรายนวลซึ่งเป็นที่ตั้งของโรงแรมและร้านอาหารหรูหรา ซึ่งเตรียมไว้รอท่าฝรั่งเงินหนาจากแดนไกล

   หลังจากเช็คอินเข้าที่พักในเวลาบ่ายคล้อย แสงทองกับดาราวดีก็ปรี่ลงน้ำทะเลดำผุดดำว่ายอย่างสนุกสนาน ส่วนรุ่งโรจน์ก็ลากสุริยาเข้าไปในย่านแหล่งของมึนเมาด้วยต้องการร่วมเฉลิมฉลองกับพวกฝรั่งที่รุ่งโรจน์คุ้นเคย..และสุริยาก็ต้องขอตัวกลับ เมื่อเห็นว่า รุ่งโรจน์ได้พบคนที่เคยรู้จักและพักอยู่ใกล้ ๆ กัน

   “คุณจะทิ้งผมไปไหนคุณยะ ..เฮ้”

   ใจหนึ่งก็เป็นห่วง แต่อีกใจก็รู้สึกว่าทนไม่ไหวที่จะเข้าไปนั่งอยู่ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมและกลิ่นบุหรี่ขนาดนั้น..เมื่อกลับถึงที่พักก็พบว่าสองสาวไม่อยู่ที่ห้องเหมือนกัน เมื่อรูปการณ์เป็นดั่งนั้นสุริยาจึงเดินไปที่ชายหาดนั่งลงชันเข่าแล้วก็มองไปที่เวิ้งน้ำข้างหน้า เห็นเรือหาปลาลอยอยู่ลิบ ๆ ใจกระหวัดถึงพุทธพจน์และเรื่องราวในพระพุทธศาสนาที่ทำให้ใจสงบ

   ‘มหาสมุทรไม่อิ่มด้วยน้ำฉันท์ใด..ทานบดีก็ไม่อิ่มด้วยการให้ทานฉันท์นั้น..’
   
นึกถึงพระมหาชนกผู้บำเพ็ญวิริยะบารมี ว่ายน้ำอยู่กลางมหาสมุทรแม้ไม่เห็นฝั่ง..คนเราต้องมีความเพียรจึงจะหลุดพ้น..ถ้าเปรียบท้องทะเลกับภูเขา สุริยารู้สึกว่าทะเล ซับซ้อนซ่อนความน่าหวาดกลัวมากกว่ายิ่งนัก นั่งรอให้ทั้งสองสาวและรุ่งโรจน์กลับมาท่ามกลางพระจันทร์ที่กระจ่างฟ้าและหมู่ดาวเกลื่อนกล่น จนกระทั่งเวลาล่วงไปถึงสี่ทุ่ม แล้วสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินกลับไปที่ผับอันอึกทึกอีกครั้ง


   เมื่อไปถึงพบว่ารุ่งโรจน์คอพับคออ่อนมีน้ำเสียงอ้อแอ้เสียแล้ว เพื่อนฝรั่งของรุ่งโรจน์รีบกระตือรือร้นให้สุริยาพาเขาออกมา..แล้วคนที่ว่าเก่งกาจทางเชิงสุราก็อาเจียนเสียยกใหญ่ที่บนหาดทรายชายทะเล

   “ไม่เมาเหล้าแล้วเรายังเมารัก สุดจะหักห้ามจิตคิดไฉน ถึงเมาเหล้าเช้าสายก็หายไป แต่เมาใจนี้ประจำทุกค่ำคืน..เซ็งชีวิตจริง ๆ คุณยะ ..เซ็งจริง ๆ ที่อยากทำก็ทำไม่ได้ ที่ให้ทำได้ ก็ไม่อยากทำเสียอีก..ใครก็อิจฉาชีวิตของผม แต่ผมกลับอิจฉาชีวิตคนอื่น..โลกหนอโลก..วันนี้ผมยังไม่ได้เล่นน้ำทะเลเลย คุณพาผมไปหน่อยได้ไหม..”

   “ไม่ได้ มันดึกแล้ว..”

   “คุณห่วงผมด้วยหรือ”

   “ไม่ห่วง ผมจะไปรับคุณกลับมาทำไม..” พูดไม่จบ รุ่งโรจน์ก็แอบลักจูบที่ต้นคอของสุริยา

   “อย่าคุณรุ่ง..”

   “คุณรังเกียจอะไรผมเหรอ ...คืนนี้พระจันทร์สวย เราจะฮันนี่มูนกันที่นี่ เราจะดื่มน้ำผึ้งพระจันทร์ฉลองคริสต์มาสกันที่นี่ดีไหม..คุณดื่มเป็นเพื่อนผมได้ไหม ผมยังอยากดื่มอีก ดื่มให้เมา ๆ ๆ ๆ ไปเลย”

   “แต่คุณเมาแล้วนะครับ เมามากด้วย”

   “ไม่เมา” แล้วสุริยาก็ลากรุ่งโรจน์กลับไปที่ห้อง ถอดเสื้อผ้า แล้วก็ผลักคนตัวขาว เข้าไปในห้องน้ำ

   “อาบน้ำซะจะได้ดีขึ้น”

   “คุณอาบให้ผมซี ผมเมาอย่างนี้ผมอาบเองไม่ได้ อาบให้ผมเหมือนตอนที่เราอยู่สมุทรสงครามด้วยกัน เช็ดตัวให้ผมก็ได้..ผมอยากย้อนเวลากลับไปปางจันทร์จังเลย ตอนนั้นผมรู้นะ ผมรู้ว่าคุณเสนอตัวเข้ามาหาผมก่อนน่ะ”

   “สองคนนั่นหายไปไหนนะ คุณรู้บ้างไหม” สุริยาเฉไฉไปอีกเรื่อง

   “สองคนไหน ผู้หญิงสองคนนั่นนะหรือ มารหัวใจเรานะหรือ ปล่อยไปเถอะ ..เกาะนี้ไม่มีใครทำอะไรพวกเธอหรอก”

   กว่าจะปลอบให้รุ่งโรจน์หลับตาลงได้ เล่นเอาสุริยาเหนื่อยใจเป็นอย่างมาก..พอรุ่งโรจน์หลับแล้วสุริยาก็ออกไปเคาะประตูห้องหญิงสาวทั้งสอง ไม่ปรากฏเสียงตอบรับ สุริยาเริ่มกระสับกระส่าย ห่วง กลัวว่าจะได้รับอันตราย

   เมื่อเดินกลับมาที่ห้องพบว่ารุ่งโรจน์บ่นปวดหัว สุริยาหายาพาราให้กินก่อนจะเดินกลับไปที่ย่านเริงรมย์แถวหาดทรายนวลอีกครั้ง พยายามสอดสายตาเข้าไปในร้านต่าง ๆ เพื่อหาแสงทองกับดาราวดีแต่ไม่พบ สุริยากลับมาอีกทีห้องก็พบว่ารุ่งโรจน์นอนแผ่อยู่ในห้องน้ำท่ามกลางกองอาหารในตอนหัวค่ำ เขารีบจัดการทำความสะอาดให้ แล้วก็ลากกลับมาที่เตียงนอน

   “อยู่ดีไม่ว่าดีซิน่า”

   “คุณรักผมไหมคุณยะ คุณรักผม เหมือนที่ผมรักคุณไหม ผมไม่อยากแต่งงาน ผมอยากอยู่กับคุณตลอดไป ..เราหนีไปด้วยกันไหม ไปอยู่เมืองนอก เมืองที่มีกฎหมายให้ชายกับชายแต่งงานกันได้ เราไปอยู่ที่นั่น มันจะได้ไม่แปลกจากคนอื่น คุณไปกับผมไหม”

   “หยุดละเมอเพ้อพกได้แล้วครับ นอนได้แล้ว..คุณรู้ไหม ตอนนี้ผมเป็นห่วงสองสาวเป็นอย่างมาก”

   “ไม่ต้องห่วงหรอก คุณดี้เจอะเพื่อนแหม่มของเธอ คงไปด้วยกัน ยิ่งแสงทองไปด้วย ไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว”

   เมื่อได้ยินดังนั้น สุริยาจึงล้มตัวลงนอนข้าง ๆ รุ่งโรจน์ด้วยความอ่อนเพลีย และกำลังจะเคลิ้มหลับ ก็พบว่ารุ่งโรจน์กำลังจะล่วงล้ำอธิปไตยของตน

   “คุณรุ่ง อย่า”

   “ผมรักคุณนะคุณยะ ผมรักคุณ เป็นของผมเถอะ นะครับ นะครับ” รุ่งโรจน์ดูขาดสติ ไร้ความยับยั้งชั่งใจมากกว่าวันวาน
   “คุณรุ่งอย่า..ผม”

   “นะคร้าบ ผมรักคุณ..รักมากด้วย..เป็นของผมนะครับคนดี..”

   “ไม่..คุณรุ่ง..อย่า..” จากผลักใส กลายเป็นทำร้าย!!..

   “อุ๊..เจ็บ”...ว่าแล้วรุ่งโรจน์ซึ่งถูกหลังมือของสุริยาตีเข้าที่หน้าก็ค่อย ๆ ละกำลังปลุกปล้ำ หลังจากนั้นก็เอนกายลงนอนหงายหายใจระรินอยู่ตรงนั้น
   -------------------------------------------------------------------------

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
เกือบสามโมงเช้าที่สุริยาลืมตาตื่นด้วยความรู้สึกอ่อนเพลีย เสียงคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่งซ่าซ่านปลุกให้ใจพะวักพะวงเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านพ้นไป ไม่ได้ตั้งใจให้เจ็บ แต่มันก็สามารถหยุดลูกบ้านั่นได้ ..ออกมาจากห้องน้ำเดินกลับมาที่เตียง ..เช้าวันนี้เมื่อลืมตาเจอะหน้ากันจะปั้นหน้าอย่างไร

   คิดว่าเขาอาจจะทำท่างอนใส่ จึงรีบแต่งตัวออกไปจากห้อง ถ้าเขาไม่คิดอะไรหรือเมาจนจำอะไรไม่ได้ โปรแกรมวันนี้ที่วางไว้ ในตอนสาย ๆ จะออกไปดำน้ำดูปะการังกับบริษัททัวร์เล็ก ๆ บนเกาะแล้ว กลับมาก็จะยกของที่ซื้อมาไปบนภูเขาไปสำนักปฏิบัติธรรมเพื่อถวายเป็นสังฆทาน

   สุริยาเดินกลับไปที่บ้านพักของสองสาว พบว่ายังสงบเงียบ นึกเป็นห่วง ด้วยไม่เคยมีเหตุการณ์เช่นนี้ เขาเดินกลับไปย่านชุมชนอีกครั้ง พยายามเดินดูตามร้านอาหาร เผื่อว่าทั้งแสงทองและดาราวดีอาจจะกำลังกินอาหารมื้อเช้าด้วยกัน

   หลังจากจัดการกับมื้อเช้าซึ่งเป็นโอวัลตินร้อน ๆ กับขนมปังปิ้งแล้ว สุริยาก็เดินทอดน่องไปตามถนนซึ่งทอดตัวสู่ยอดเขาที่สูงประมาณสี่ร้อยเมตร นึกอยากไปดูสถานที่ปฏิบัติธรรมสวดมนต์เจริญภาวนาสำหรับชาวต่างชาติต่างภาษา จะเป็นเหมือนกับที่เขาเคยรู้เห็นมาหรือไม่

   สิ่งแรกที่ได้เห็นนั่นก็คือว่า สะอาด สงบ ผิดกับย่านชุมชนข้างล่าง ขณะสาวเท้าเข้าสู่ลานวิหารพระพุทธรูปหลังเล็ก ๆ ที่อยู่ใกล้ ๆ กับหน้าผาซึ่งสามารถมองเห็นอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวในมุมสูงได้ สุริยาก็เห็นพระภิกษุรูปหนึ่งกวักมือไหว ๆ อยู่ ณ กุฏิที่อยู่ต่ำลงไป
   
สุริยารีบก้าวลงไป เมื่อไปถึง ท่านขอร้องให้ช่วยกวาดใบไม้บริเวณรอบกุฏิแล้วก็ซักผ้าห่มกับปลอกหมอนที่แช่อยู่ในกะละมัง สุริยาปฏิบัติตามด้วยความเต็มใจ เพราะรู้ว่านี่คือบุญจากการช่วยเหลือขวนขวายทำให้บริเวณวัดสะอาด

   ขณะทำก็ซักถามพระภิกษุวัยประมาณห้าสิบ ซึ่งสุริยาเรียกว่า “หลวงพ่อ” ถึงที่มาที่ไปของสำนักปฏิบัติและกฎระเบียบหากมีความสนใจที่จะมาปฏิบัติธรรม หลวงพ่อที่สุริยาเรียกก็มีเมตตาที่จะบอกเล่า ความเป็นมาเป็นไปด้วยน้ำเสียงขื่น ๆ ขณะนั่งมองอ่าวรูปพระจันทร์เสี้ยวจากมุมสูง

   เพียงพักเดียวเท่านั้น สุริยาก็ได้ยินเสียงท่านเปล่งอุทานออกมาว่า

   “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม”

   เมื่อสุริยาเหลือบตาไปมอง พบว่าท่าน หลับตาสงบนิ่ง สุริยาอดที่จะแปลกใจไม่ได้..จึงยืนขึ้นแล้วรีบเดินไปยืนดู ณ อ่าวเบื้องล่าง..และภาพที่สุริยาเห็นก็คือ บริเวณหาดวงพระจันทร์เจิ่งนองไปด้วยผืนน้ำสีขาวที่แทรกตัวไปทั่วบริเวณย่านชุมชน ต้นไม้ และสิ่งปลูกสร้าง

   สุริยางุนงงคาดไม่ออกว่ามันคืออะไร สักพักคลื่นลูกใหญ่สูงกว่าหลังคารีสอร์ตก็โหมกระหน่ำซัดเข้าหาฝั่งอีกครั้ง ที่ได้เห็นกับตาคือมันสามารถกวาดพาบ้านเรือนเศษไม้ และสรรพสิ่งรวมถึงมนุษย์ที่เรียกว่า ‘คน’ กลับลงไปในทะเล

   สุริยาขุนลุกเกลียวส่วนปากเปล่งอุทานออกมา พร้อมกับได้ยินเสียงหวีดร้องไปทั่วบริเวณทางขึ้นเขา ชายหนุ่มรีบผละจากตรงนั้น แล้ววิ่งกลับลงไป สวนกับผู้คนที่วิ่งหน้าตาตื่นขึ้นมาบนเขา

   “เกิดอะไรขึ้น..”..เขาตะโกนถามเสียงดัง

   “อย่าไป พ่อหนุ่ม ..คลื่นยักษ์ถล่ม..ซัดมาสองลูกแล้ว..เร็วรีบหนี..”..

   สุริยายังคงวิ่งสวนลงไป ลงไป ไม่มีกลัวตาย

..แต่มีฝรั่งอีกคนดึงตัวเขาไว้
   
“อย่า..อย่า..ปล่อยผม ผมจะลงไปข้างล่าง..”

คนถูกดึงไว้ดิ้นรน ดื้อดึง
   
เขาไม่รู้ว่าฝรั่งพูดว่าอะไร รู้แต่ว่าผู้คนที่วิ่งสวนขึ้นมาเป็นตับ แทบจะเหยียบกันตาย เอาแต่ร้องไห้ พะวักพะวง

   สุริยากลับมานั่งหอบอยู่ที่กุฏิแล้วมองออกไปที่หาดวงพระจันทร์อีกครั้ง..บริเวณรีสอร์ตที่ได้เห็นชุมชนร้านค้า โรงแรมที่พักร่อยหรอบางตา และภาพผู้คนที่ค่อย ๆ ทยอยพากันหนีตายขึ้นมาแล้วก็รีบไต่ขึ้นไปบนที่สูง ปลุกให้เขาได้นึกถึงอีกสามชีวิตที่คุ้นเคย
   
ป่านฉะนี้ เกิดอะไรขึ้น

   เวลาผ่านไปประมาณสองชั่วโมง แต่สุริยารู้สึกประหนึ่งว่าสองถึงสามปี เสียงร้องไห้ที่กระซี้กระซิกกับเสียงกล่าวถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เขาปล่อยให้น้ำตาไหลรินอาบแก้มอย่างไม่คิดยับยั้ง..

   “น้ำทะเลยุบลงไป ตีกลับขึ้นมาอีกทีกะทันหัน..กวาดและกลืนหลายสิ่งหลายอย่างรวมทั้งชีวิตมนุษย์สัตว์และสิ่งของลงท้องทะเล หากเป็นคนก็คงจะตาย”

   
“สึนามิ” เสียงกล่าวขานถึงความร้ายของมันผ่านออกจากปากนักท่องเที่ยวชาวญี่ปุ่นสู่คนไทยที่พอรู้ภาษาและขยายความต่อไปเรื่อย ๆ

   “สึนามิ”

   “สึนามิ คลื่นใต้น้ำ”

   “เกิดแผ่นดินไหวในมหาสมุทร หลังจากนั้นคลื่นใต้น้ำจะตามมาระลอกแล้วระลอกเล่า ข้างล่างในตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย”

   “แล้วจะรู้ได้เมื่อไหร่ว่าปลอดภัย”

   “ไม่รู้ แต่อย่าเพิ่งลงไปเลย..อย่างไรคนที่หนีไม่พ้นไม่มีทางรอดแน่นอน ที่ผมได้เห็นมันไม่ใช่แค่คนแต่มันมีสิ่งของหนัก ๆ ด้วยที่มันกวาดลงไปแล้วคิดดูเถอะว่ามันจะเป็นอย่างไร”

   “ตาย”

   พี่ฉันตาย น้องฉันตาย ผัวฉันหาย เมียฉันไปไหน.. ตาย และก็ตาย..

   สุริยาน้ำตาไหลพราก คนที่ได้ยินก็น้ำตาไหลพราก สุริยาเดินกลับไปหาหลวงพ่อ องค์ที่ท่านช่วยให้ตนมีชีวิตอยู่รอดด้วยความทุกข์ทรมาน

   “สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม ในอดีตชาติและปัจจุบันชาติโยมไม่ได้ทำกรรมปาณาติบาตไว้ ย่อมแคล้วคลาด..”

   “ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผมด้วย ทำไม..ปล่อยให้พวกเขาตาย..”

   “อาตมาไม่ได้ช่วยใคร ใครก็ช่วยใครไม่ได้ นอกจากตนจะช่วยตนเอง”

   ในเวลาประมาณบ่ายสี่โมงเย็น มีเฮลิคอปเตอร์ส่งอาหารน้ำดื่มและยารักษาโรคลงมาทางอากาศพร้อมกับข้อมูลที่แน่ชัด ว่าเหตุที่เกิดขึ้นคืออะไร ผู้คนที่รอดตายพากันแก่งแย่งอาหารและน้ำมาเป็นของตน สุริยามองภาพเหล่านั้นอย่างไร้ความรู้สึกที่จะร่วมเข้าไปแก่งแย่ง หลังจากนั้นสุริยาก็ตัดสินใจที่จะเดินตามหาคนที่เขาคิดว่าน่าจะหลบน้ำหนีขึ้นมาบนนี้ได้ แต่สิ่งที่สุริยาได้เห็นก็คือ คนที่เดินร้องไห้กระเซอะกระเซิงด้วยเหตุแห่งการพลัดพรากมีมากมาย

   เดินไปจนทั่วเทือกเขาอันกว้างใหญ่ ไร้เงาคนที่คิดว่าน่าจะได้ขึ้นมา
สุริยาจ้องมองพระอาทิตย์ที่ใกล้จะลับขอบฟ้า

แล้วก็ตัดสินใจเดินลงจากเขา
   
ตายก็ตายด้วยกัน..ตายด้วยกัน..เราจะไปอยู่ด้วยกัน..
   ‘เจ้าข้าเอ๋ย พระอาทิตย์เจ้าข้าเอ๋ย อย่าเพิ่งตกเลย อย่าเพิ่งลับขอบฟ้า
   ข้าจะตามหาเพื่อน และหัวใจของข้า ..เจ้าข้าเอ๋ย..เจ้าข้าเอ๋ย’

   ยิ่งนึกถึงบทโศลกที่แสงทองเขียนไว้ สุริยาก็ยิ่งหักห้ามใจไว้ไม่อยู่..เขาเดินฝ่าฝูงชนลงจากเขา กลับไปในที่ ที่คิดว่าต้องเป็นที่ตั้งของรีสอร์ตที่เขาได้พัก..ด้วยรีสอร์ตนั้นอยู่ตรงเชิงเขา เมื่อลงมาถึงจึงได้พบเพียงความว่างเปล่า กระท่อมที่ทำด้วยไม้เป็นส่วนใหญ่ ถูกน้ำกลืนหายไปหลายสิบหลัง..แล้วคนที่ยังนอนหลับอุตุอยู่ในนั้นจะเป็นอย่างไร หัวใจของเขาจะเป็นอย่างไร

   “คุณรุ่ง..ทำไมผมไม่ปลุกคุณให้มากับผมด้วย ทำไม ผมถึงได้ปล่อยให้คุณเป็นอย่างนี้ ผมจะกลับไปบอกกับพ่อแม่ของคุณอย่างไร..แสงทอง เธออยู่ที่ไหน..เธอยังไม่ตายใช่ไหม..แสงทอง..เธอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินอยู่ตรงไหน..เธอพาคุณดี้ไปไหน คุณดี้พาเธอไปไหน”

   สุริยารู้สึกว่าโลกที่เป็นสีฟ้าในเมื่อวาน เป็นสีดำทะมึนไปทั่วบริเวณ

anop2521

  • บุคคลทั่วไป
แล้วค่ำคืนนั้นหน่วยกู้ภัยก็พากันมารื้อค้นซากปรักหักพัก เพื่อค้นหาผู้รอดชีวิตและเก็บซากศพของมนุษย์ผู้มาแสวงหาความสุขจากธรรมชาติ ข่าวจากแผ่นดินใหญ่ส่งมาว่า ประเทศไทยถูกผลกระทบนี้ถึงหกจังหวัด ตั้งแต่กระบี่ ภูเก็ต พังงา ระนอง ตรัง และสตูล นอกจากนั้น ยังมีอินโดนีเซีย พม่า ศรีลังกา อินเดีย มาเลเซียและประเทศในทวีปแอฟริกาบางประเทศถูกคลื่นยักษ์จากผลต่อเนื่องของแผ่นดินไหวใต้ทะเล ฆ่าผู้คนอันบริสุทธิ์เป็นพันเป็นหมื่นเป็นแสนคน

   หลังจากพระอาทิตย์ลับขอบฟ้า แสงพระจันทร์สาดส่องทำหน้าที่ สุริยาเดินกลับมาที่หน้ากุฏิหลวงพ่อด้วยความอ่อนระโหยโรยแรง และบริเวณนั้นใช่ว่าจะมีแต่ตนเพียงคนเดียว ยังมีเด็กและสตรีเพศที่อ่อนแอกว่าตนเองมาพึ่งใบบุญหลวงพ่อเช่นกัน

ดังนั้นสุริยาจึงค่อย ๆ เดินเลี่ยงไปนั่งซบกับผนังวิหารซึ่งมองเห็นดวงพระจันทร์ในเงาสลัว นึกถึงคนสามคนที่หายลับ แล้วน้ำตาก็เอ่อล้นออกมา จนกระทั่งม่อยหลับไป

   มารู้สึกตัวเองอีกทีเมื่อได้ยินเสียงอันคุ้นเคย

   “คุณยะ..” เขาค่อย ๆ ลืมตาขึ้นพบว่า รุ่งโรจน์นั่งยิ้มเผล่อยู่ใกล้ ๆ เขาผวาจะเข้าไปกอด แล้วภาพของรุ่งโรจน์ก็หายวับ ประหนึ่งกำลังเล่นซ่อนหา มองอีกทีเห็นเขายืนหน้าเศร้ามีสายตาตัดพ้ออยู่ไกล ๆ

   “คุณจะเสียใจไปทำไม ก็คุณไม่อยากอยู่ใกล้ ๆ ผมไม่ใช่หรือ ตอนนี้ ผมจะหนีคุณไปไกลแสนไกลแล้วนะ คุณบอกผมสักคำเถอะว่าคุณรักผมบ้างไหม บอกผมให้ชื่นใจหน่อยเถอะ”

   ดวงใจของสุริยาแทบแตกสลาย

   “ผมรักคุณ คุณรุ่ง ผมรักคุณก่อนที่ผมจะเจอคุณที่ปางจันทร์เสียอีก ผมรักคุณตั้งแต่เห็นคุณบนกระดาษแล้วคุณรู้ไหม” คนพูดมีน้ำตาอาบแก้ม
   
รุ่งโรจน์ยิ้มให้นิดนึ่งก่อนจะลับหาย สุริยาสะดุ้งตื่นมีน้ำตานองหน้าและพบว่าหลวงพ่อยืนมองอยู่ใกล้ ๆ

   “เสียใจแล้วยังต้องเสียน้ำตา ได้ประโยชน์อะไร ตั้งสติให้ดี ๆ ซิโยม เอ้า อาหารกินซะหน่อยจะได้มีแรงสู้ชีวิต”

   “แต่ผมกลืนไม่ลงครับหลวงพ่อ ผมไม่หิว”

   “แต่โยมต้องกิน กายมันคนละส่วนกับจิตก็จริง แต่ถ้าโยมยังไม่ตาย มันต้องไปด้วยกัน”

   “ทำไมหลวงพ่อไม่ช่วยเพื่อนผม ทำไมปล่อยให้พวกเขาตาย”

   หลวงพ่อไม่ตอบ วางขนมกรุบกรอบไว้ให้ แล้วก็เดินผ่านกลุ่มคนขึ้นกุฏิปิดประตู สุริยามองขนมในมือแล้วนึกถึงบุญที่ได้ทำไว้ เพราะมันเป็นขนมชนิดเดียวกับที่ได้ซื้อใส่บาตรที่ภูเก็ต มันมาถึงนี่เลยรึ..บุญมันส่งผลเร็วขนาดนี้เลยรึ แล้วคนที่ตายไปจะเป็นอย่างไร จะรู้ตัวไหมว่าตายแล้ว อีกสามวันซินะจึงจะรู้ตัวว่าตาย..ตอนนี้เขาคงจะมึนงง นึกอะไรไม่ออก ทำไมหนอ ทำไมตอนที่อยู่ด้วยกัน เขาไม่เน้นย้ำเรื่องเหล่านี้ให้รุ่งโรจน์และแสงทองได้ฟังไว้จนฝังในดวงจิต

   “ถ้ารู้ว่าตัวเองตาย ให้ตั้งสติให้ดี..ให้นึกถึงบุญ นึกถึงพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ อย่าร้องไห้ อย่าเสียใจ อย่าทำให้ใจเศร้าหมอง แล้ววิญญาณก็จะเป็นทิพย์เบาสบาย ลอยขึ้นสู่สรวงสวรรค์เสวยสุขในทิพยวิมาน”


   เขาทั้งสองคนจะตายด้วยจิตแบบไหน รู้สึกตัวหรือว่าหลับสบายหายไปกับสายน้ำ

   แล้วสุริยาก็นั่งพนมมือไปทางวิหารหลังเล็กตั้งจิตนึกถึงองค์พระภายใน แล้วก็สวดมนต์ทำวัตรเย็นเบา ๆ จิตเมื่อมันอ่อนแอจะต้องหาที่พึ่ง จะต้องหาบุญน้อมอุทิศให้ พรุ่งนี้หรอก เขาจะออกตามหา ถ้าไม่เห็นเป็น ๆ ขอให้เห็นศพตอนตายก็ยังดี


   และพระอาทิตย์ในเช้าวันจันทร์ที่ 27 ธันวาคม 2547 เป็นพระอาทิตย์ดวงกลมโตสวยจนสุริยาต้องประทับอยู่ในห้วงความทรงจำมิรู้ลืม

เมื่อมีแสงสว่าง คนส่วนใหญ่ก็รีบลงจากเขาเพื่อตามหาคนที่หายไป
    
ภาพศพที่เรียงรายห่อด้วยผ้าขาว ทำให้ผู้คนมากมายเดินเปิดหน้าค้นหาบุคคลอันเป็นที่รัก

   เมื่อได้เจอะ บางคนก็สลบล้มลง เมื่อยังไม่ใช่ ก็มีน้ำหูน้ำตาตะเวนหาไปเรื่อย ๆ

สุริยาเองก็เป็นเช่นนั้น เขานึกถึงรูปพรรณสัณฐาน นึกถึงเสื้อผ้าเครื่องประดับขณะสอดส่ายสายตาไปจนทั่ว แต่ก็ไร้ร่องรอย
   
สุริยากวาดสายตาไปท่ามกลางทะเลสีฟ้าครามที่เงียบสงบดังวันวาน หยิกแขนตัวเองดูหลายรอบจึงรู้ว่ามันไม่ใช่ความฝัน ซากปรักหักพังและโคลนตมที่เบื้องหน้าไม่ได้เกิดจากอาวุธสงครามจากมนุษย์ แต่มันเป็นของขวัญที่ธรรมชาติมอบให้ มอบให้กับคนที่กำลังมีความสุขที่สุดเสียด้วยซิ ทำไมใจร้ายนัก
   
ทำไม!!!

   เมื่อสูดลมหายใจเข้าปอดจนลึกและตั้งสติได้ สุริยาก็เที่ยวตามหาไปในที่ต่าง ๆ ไม่พบรุ่งโรจน์ก็หวังจะพบดาราวดีกับแสงทอง พวกเธอน่าจะรอดปลอดภัยเหมือนตน..

   พระอาทิตย์วันนั้นเดินทางเร็วเหลือเกิน ปาเข้าไปบ่ายสามโมงกว่า ๆ สุริยาก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะเห็นใคร ๆ เขากลับไปที่บริเวณรีสอร์ตที่พักอีกรอบ แล้วก็รีบขึ้นไปตามไหล่เขา หวังว่าจะพบ หวังว่าจะได้ยินเสียง

แต่มันก็ว่างเปล่า..
   
สุริยาเดินกลับไปที่วิหาร..นั่งคุกเข่าต่อหน้าองค์พระปฏิมา..ตั้งจิตระลึกนึกถึงบุญกุศลที่ได้ทำมาและที่จะต้องทำต่อไป..

   “หากว่าลูกได้พบคนทั้งสามไม่ว่าจะเป็นหรือตาย ลูกจะบวชถวายชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนา..”

   เมื่อกล่าวจบ เสียงกระดิ่งลูกเล็ก ๆ รอบเชิงชายก็ดังกรุ๊งกริ๊ง ๆ จนสุริยาขนลุกเกลียว เย็นวะวาบไปทั้งตัว

   และเมื่อเปิดประตูออกมาก็พบหลวงพ่อยืนยิ้มนิด ๆ ที่มุมปาก..

   “ไปเถอะ ไปตามหาพวกเขาเถอะ แล้วอย่าลืมที่สัญญาไว้ล่ะ..”

   “หลวงพ่อ..”

   สุริยาก้มกราบที่แทบเท้า ปล่อยให้น้ำตาหลั่งริน
   

   เมื่อลงจากภูเขาสุริยาก็ตรงไปที่หน่วยแจ้งชื่อผู้รอดชีวิตและชื่อผู้เสียชีวิต เขาไปขอเจ้าหน้าที่ค้นดู..จึงได้พบ..ชื่อของคนทั้งสามคน ยังอยู่ ยังมีลมหายใจ..สุริยาขนลุกเกลียว..รู้สึกว่าโลกหมุนกลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ ..ตัวเขาจะเป็นอย่างเดิมไม่ได้เสียแล้ว..เกิดอะไรขึ้น..

   เขาแทบจะวิ่งจากจุดนั้นไปที่ท่าเรือเลยทีเดียว..เมื่อไปถึงเห็นผู้คนที่กำลังยืนต่อคิวแบบเบียดเสียดที่จะลงเรือ ทำให้เขาหยุดเท้าชะงัก และหลังพุ่มไม้ที่บังตัวเขานั้น สุริยาได้ยินเสียงร้องไห้โหยหวนของคนที่รักเขามากมาย รักตั้งแต่แรกเจอก็ว่าได้

   “ไม่จริง พี่ยายังไม่ตาย พี่รุ่งบอกหนูซิว่าพี่ยายังไม่ตาย”

   “ถ้าไม่ตายเราต้องหาเขาเจอะแล้วแสงทอง”

   “ใช่..เราต้องหาเขาเจอะแล้วซิ เราพากันเดินจนทั่วทั้งภูเขา ทั้งตรงที่บ้านพัก เราไม่เห็นเขาเลยนะแสงทอง” เป็นเสียงสะอื้นเล็กน้อยของดาราวดี

   “ไม่จริง หนูจะกลับไปหาอีกรอบ ถ้าไม่เห็นศพ อย่างไร หนูก็ยังไม่กลับเขาฝั่ง หนูจะบอกกับพี่สมใจ กับป้าและแม่พี่ยาว่าอย่างไร หนูต้องพาเขากลับบ้าน เพราะเขามากับเรา เราจะปล่อยให้เขาอยู่ที่นี่คนเดียวไม่ได้ หนูไม่ยอม หนูรักพี่ยา พี่รุ่งไม่รักพี่ยาหรือ?”
   
เมื่อได้ฟังคำแสงทอง น้ำตารุ่งโรจน์ไหลพราก ๆ

   “แสงทอง ..เธอต้องเข้มแข็งนะ” เสียงรุ่งโรจน์สั่นเครือด้วยพยายามกลั้นความรู้สึกเสียใจ

   สุริยานั่งสั่นงัก ๆ ฟังความอยู่ตรงอีกฝั่งของพุ่มไม้ คาดคะเนได้ว่าหากเขาปรากฏตัวอะไรจะเกิด ประมวลหลาย ๆ เรื่อง และเหตุการณ์ในคืนวันนั้น

   หากไม่มีเขาเสียได้ ทุกอย่างคงจะจบลงอย่างสวยงาม

   “งั้นเราไปหาด้วยกันอีกรอบ ถ้าไม่เจอะเขา เราก็จะอยู่ที่นี่ อยู่จนกว่าจะพบเขา..ไป๊”..แล้วรุ่งโรจน์ก็ดึงมือแสงทองให้ลุกขึ้นก้าวเดินไปในทางที่เขาเพิ่งกลับมา ดาราวดีเห็นดังนั้นจึงรีบวิ่งตามไปอีกคน

   สุริยามองฝูงชนที่เข้าคิวขึ้นเรือที่มารับกลับแผ่นดินใหญ่ แม้มันจะแน่นขนัดแต่เขาก็จำเป็นต้องไปเรือเที่ยวนี้เสียด้วย

anop2521

  • บุคคลทั่วไป

อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน 

 สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com


   เสียงค้อนกระทบไม้เสียงของหนักถูกกระทุ้งลงดินดังก้องไปทั่วหุบเขาไม่ได้ทำให้ผู้คนแถบนั้นรู้สึกรำคาญใจเลยสักนิด..เพราะรู้ว่า หลังความวุ่นวายจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น ณ ที่ตรงนั้น..

   ‘พระเจดีย์ศรีปางจันทร์’ อนุสรณ์แห่งความรัก ของหนุ่มไฮโซคนหนึ่งถึงเพื่อนคนหนึ่งซึ่งจากไป..ข่าวเล็ก ๆ เป็นที่โจษขานตั้งแต่หนุ่มไฮโซมาขอเป็นประธานก่อสร้าง

   พระภิกษุหนุ่มยืนมองยอดเขาลูกเล็กหลังวัดปางจันทร์ จากธรรมสถานซึ่งอยู่คนละฝั่งของหุบเขา ท่านยกมือพนมอนุโมทนา..กุศลศรัทธาที่รุ่งโรจน์ดำริไว้ และทุกค่ำเช้าท่านก็จะสวดมนต์ส่งใจช่วยให้ สิ่งอัศจรรย์นั้นปักหลักลงได้อย่างไร้อุปสรรค..ไม่มีมารมาขวางกั้น…ให้หน้าที่ฝ่ายฆราวาสสำเร็จลุล่วง ส่วนหน้าที่ทางธรรม จะพยายามหาวิธีเข้าไปช่วยท่านเจ้าอาวาสวัดนั้นดูแลเมื่อองค์พระธาตุเสร็จสิ้น

   “โยมแอบติดหนังสือใส่กระเป๋ามาด้วย..ทำอย่างไรดีเจ้าคะ..”

   “ฝากไว้ก่อนโยม วันกลับค่อยมารับคืน”

   โยมผู้หญิงส่งหนังสือแบบนิตยสารรายปักษ์ต้องห้ามไว้บนโต๊ะ แล้วหลีกออกไป พระภิกษุที่รับไว้ เห็นหน้าปกก็อดใจไม่ได้ ด้วยคำโปรยเขียนไว้

   หนึ่งปีที่เปลี่ยนไป หลังสึนามิ ของรุ่งโรจน์ ศิริรัตนวงศ์
   เนื้อหาใจความมีว่า..

   - หนึ่งปีเร็วไหมค่ะ
   -รุ่งโรจน์ สำหรับคนอื่นอ่านจะเร็วแต่ผมรู้สึกว่ามันช้า เหมือนมันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อวาน มันยังเป็นฝันร้ายที่ยังไม่ลืมเลยทีเดียว..

   -สูญเสียใครไปบ้างค่ะ?
   -เพื่อนครับ เพื่อนรัก ..ผมรักเขามาก..เขาก็คงรักผมมาก..เขาไม่เคยบอกผมหรอกครับว่ารักผม แต่เขารู้ว่าผมรักเขา

   -เพื่อนคนนี้หรือเปล่าคะเป็นที่มาของการสร้างพระธาตุเจดีย์มีรูปหัวใจติดอยู่ที่ฐานล่าง..
   -อยากให้เป็นพิเศษกว่าเจดีย์ที่อื่นน่ะครับ อยากให้คนที่มีหัวใจรักดั้นด้นไปกราบไหว้ระลึกนึกถึงพระพุทธเจ้า แล้วก็นิดนึงตามประสาคนที่ยังกิเลสหนา อยากให้คนที่ไปได้รู้ว่า ควรที่จะบอกรักกันมาก ๆ ตอนที่ยังมีลมหายใจอยู่..ถ้าโกรธกันจะได้ให้อภัยแก่กัน..

   -ทำไมไปสร้างถึงปางจันทร์คะ
   -เราพบกันที่นั่นครับ..ผมไปเที่ยวแล้วเกิดอุบัติเหตุ เขาช่วยผมไว้..แต่ในวันที่เขาเจ็บปวด ผมไม่ได้แม้แต่ศพเขากลับมาบำเพ็ญกุศล ผมรู้สึกติดค้างบุญคุณเขาอยู่นะครับ

   -เร็วไปไหมคะ ที่เข้าวัดเข้าวาเมื่ออายุเท่านี้?
   -อายุ 28 ไม่เร็วหรอกครับ ช้าไปด้วยซ้ำ ถ้าผมเข้าวัดปฏิบัติธรรมก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์สึนามิ มันคงจะดีกว่านี้..

   -ดีอย่างไร?
   -ผมคงร้องไห้ไม่นาน ผมไม่เคยพิจารณาถึงความไม่เที่ยงแห่งสรรพสิ่งเลย ผมคิดแต่ว่าทุกสิ่งทุกอย่างต้องเป็นของเราและอยู่กับเราไปตราบนานเท่านั้น แม้แต่พ่อแม่คนที่เรารักและรักเรา แต่สุดท้าย..เมื่อสูญเสีย เห็นการสูญเสีย เห็นการพลัดพราก ทั้งจากตัวผมเองและคนอื่น ผมจึงได้รู้ว่า ความไม่เที่ยงมันเป็นอย่างไร..

   -ยกเลิกการแต่งงานไปเสียแล้ว มีกำหนดใหม่ไหมคะ
   -คงยังไม่มีในเร็ววันนี้ แต่ก็ยังคบหากันในฐานะเพื่อน แต่จะให้เป็นไปมากกว่านี้ ในตอนนี้คงยังไม่ใช่..และผมก็ไม่ได้ห้ามหวงหากเขาจะไปคบหาใคร..

   -พูดเหมือนปลง
   -ถ้าคุณได้วิ่งหนีคลื่นยักษ์กับผม ถ้าคุณได้วิ่งตามหาคนที่รู้ใจท่ามกลางซากปรักหักพัง บางทีคุณอาจจะมีอารมณ์เบื่อการมีชีวิตคู่ก็ได้..

   -แล้วปัจจุบันทำงานอะไร?
   -ที่เห็น ๆ กันก็รายการทีวี เที่ยวเมืองไทยไปไหว้พระ กับจัดทัวร์อยู่ครับ เกี่ยวเนื่องกัน ทัวร์ของผมเน้นไหว้พระธาตุเจดีย์ เน้นให้สมาชิกลูกทัวร์รวมตัวกันเป็นกลุ่ม แล้วก็แนะนำเรื่องการปฏิบัติธรรม รวมกลุ่มกันทำบุญทำกุศล กึ่งทัวร์กึ่งชมรม..

   -ได้ข่าวว่าราคาถูกมาก
   -ไม่ได้เน้นกำไรมากมาย แต่เน้นที่จิตใจของผู้ที่ร่วมเดินทาง อยากเห็นครับ อยากเห็นคนมีความสุขกับการเป็นผู้รักบุญ..เป็นประโยชน์เกื้อกูล ในตอนนี้ปีนี้มีผู้ปลดเกษียณจากงานไปกับเราเยอะ ปีหน้าจะเปิดตลาดไปที่ชาวต่างชาติ และจับกลุ่มเยาวชนวัยรุ่นต่อไป เพราะมันยากยิ่ง ๆ ขึ้น..
   
-ทุ่มเทให้กับงานทัวร์มาก ๆ คุณแม่ไม่ว่าอย่างไรหรือคะ?
   -คุณแม่ผมบอกว่า กลับมาได้คราวนี้อยากได้อยากทำอะไรเชิญตามสบายเลย ผมจึงเป็นอย่างที่ผมเป็นได้ในวันนี้..คุณแม่เองก็ผ่านกระบวนการต้องทำใจอยู่เหมือนกัน ท่านบอกว่าเหมือนของที่หลุดจากมือไปแล้ว แล้วได้คืนมา ตอนนี้ถ้ามีเวลา อ้อ..ต้องหาเวลาไปเข้าคอร์สถือศีลนั่งสมาธิ ออกมาจากวัดก็ทำงานเกื้อกูลกับผู้คนที่ยังเห็น ๆ หน้ากัน

   -ได้ข่าวว่าบนทัวร์มีเกมส์ประหยัดเพื่ออาหารเด็กยากไร้..มีที่มาที่ไปอย่างไรคะ
   -สมัยที่ขับรถเที่ยวกันนะครับ ก็เล่น ๆ กัน ตั้งงบค่าที่พักค่าโรงแรมค่าอาหารไว้ ว่าจริง ๆ ต้องจ่ายมื้อละ สมมุติ 100 บาท ..นี่เราตัดใจว่าต้องจ่ายเหมือนเงินมันต้องไปจากเราแน่นอน เราอิ่มหนึ่งมื้อ 100 แต่ถ้าเราอิ่ม 1 มื้อ แค่ 50 บาทได้ ที่เหลือเราจะเอาไปที่ไหน ถ้าเราเอาไปซื้อของก็ได้ของ แต่นี่เราแค่ตั้งใจเอาไปทำบุญก็ตัดใจโดยไม่ต้องคิดมากก่อนทำบุญ เที่ยวสนุกมากขึ้น..ลองเล่นดูนะครับ

   -เป็นไฮโซที่ติดดินมาก..
   -ก็ไม่ถึงขนาดนั้นหรอกครับ แค่รู้สึกว่าเราจ่ายส่วนที่ไม่จำเป็นไปเพื่ออะไร และถ้าไม่ประหยัดก็คงไม่มีเงินทำบุญทีละเยอะ ๆ ได้หรอกครับ กินแค่อิ่ม นอนแค่หลับ เน้นแค่สะอาด มีสารอาหารครบ ไม่เบียดเบียนสัตว์อื่น ไม่ถึงกับเจหรือมังสวิรัติหรอกครับ กลาง ๆ

   -แล้วระหว่าง สงเคราะห์เด็กกับสร้างเจดีย์ ทำไมไม่เลือกทำอย่างใดอย่างหนึ่ง..
   -สมบัติของแผ่นดินครับ คนสร้างวัตถุ วัตถุสร้างคน ตัวผมเอง ถ้าบอกว่าเปลี่ยนตัวเองได้ ก็ด้วยคนคนหนึ่งที่เขาชอบพาคนไปไหว้เจดีย์ ไปกันบ่อย ๆ ...แล้วพุทธิปัญญามันก็เกิดขึ้นเอง ส่วนอารมณ์ที่จะมาสงเคราะห์โลก สงเคราะห์คนยากไร้มันมาทีหลัง แต่ผมนึกถึงบุญคุณของเจดีย์ที่ทำให้ผมเปลี่ยนเป็นอีกคนหนึ่งได้ ผมจึงตัดสินใจที่จะสร้างเจดีย์บูชาคุณของพระศาสนา และอีกอย่างที่ปางจันทร์มีรอยพระบาทอยู่บนยอดเขาซึ่งทางการยังไม่สนับสนุนให้เป็นที่ท่องเที่ยว แต่ถ้าคนไปไหว้พระธาตุศรีปางจันทร์กันเยอะ ๆ ต่อไปอาจจะเปิดให้ขึ้นไปสักการะรอยพระบาทด้วย ทีนี้คนไปที่นั่นก็จะได้ทั้งสองอย่าง พระธาตุแห่งความรักและพิสูจน์รักแท้กับภูสุดยอด..

   -มีแนวโน้มจะบวชไหมคะ..
   -มี อาจจะหลังพระธาตุเจดีย์เสร็จ..

   -สุดท้ายฝากอะไรถึงผู้อ่านบ้างคะ?
   -ชีวิตคนเราเอาแน่อะไรไม่ได้ ตายกับอยู่ อยู่ใกล้ ๆ กัน หมั่นทำบุญกุศลคุณงามความดีไว้ ตายไปแม้ไม่มีใครสร้างอนุสาวรีย์ให้ แต่ตัวเราจะเป็นอนุสาวรีย์อยู่ในใจคนอื่น ๆ ได้..ถ้ามีโอกาสผ่านต้องเรียกว่าแวะซิ เข้าไปปางจันทร์นะครับ อย่าลืมที่จะไปไหว้พระธาตุ เวียนเทียนระลึกถึงพระพุทธเจ้าที่นั่น..และที่สำคัญถ้าไปกับคนที่คุณรัก ขอให้บอกรักเขาที่นั่น และก็ให้สัญญาต่อกันว่าจะซื่อสัตย์ต่อกัน ชีวิตคู่ของคุณก็จะเจริญรุ่งเรือง..

   พระสุริยาถอนหายใจออกมา ปิดหนังสือ แล้วก็เช็ดน้ำตาที่ไหลคลอหน่วยตา..
   หนึ่งปีที่จากกันมา รู้แล้วว่า หนทางพระนิพพานของตนคงอีกยาวไกล..
(จบบริบูรณ์)
30/3/2549 02.08น. เรือนจิตรา

anop2521

  • บุคคลทั่วไป

อยากให้พระอาทิตย์ตกดินตอนสามทุ่มครึ่ง # ชอนตะวัน 

 สนพ.JFC-Books / จำนวนหน้า 450 / ราคาปก 414 บาท
แนวเรื่อง y(เกย์) + ศาสนา /เทคนิคการพิมพ์ ปริ้น ออน ดีมาน
ช่องทางจัดจำหน่าย จากผู้เขียน-ผู้อ่าน ไม่ผ่านตัวแทนจัดจำหน่าย

ราคาขายบนเว็บ 350 บาท รวมค่าจัดส่ง
 
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม (กรณีจองและโอนเงิน) ที่ f_nakhon(แอด)hotmail.com


ปล.หนังสือเล่มนี้จะเสร็จสมบูรณ์พร้อมส่ง ต้นเดือนกรกฏาคม หนังสือเล่มนี้จะสต๊อกไว้ที่บ้านนักเขียนตลอดเวลาครับ พร้อมเมื่อไหร่ค่อยสั่งซื้อก็ได้(ถ้าชอบ) กับส่วนหนึ่งน่าจะมีวางแผงที่ร้าน 55 ร้านบี ร้านเจ๊ฮั๊ว ในสวนจตุจักร ครับ(ประมาณกลางเดือน ก.ค.) ในงานหนังสือที่ศูนย์สิริกิตติ์ก็น่าจะมีเช่นกัน..
 
ขอบคุณสำหรับกำลังใจจากเพื่อนนักอ่านทุก ๆ ท่านที่มีให้กันมา..บุญกุศลใดพึงมีพึงได้จากการเขียนนิยายเรื่องนี้ ผมก็ขออ้างเอาบุญดลบันดาลให้เพื่อนนักอ่านมีความสุขทั้งกายและใจ ให้มีดวงตาเห็นธรรม ด้วยเทอญ

ชอนตะวัน..

ออฟไลน์ tatum1234

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-1

ออฟไลน์ ♠♥♦♣

  • ex-ChCh13
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1612
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +223/-7
เฮ้ยยยย
เผลอแป๊บเดียวจบแล้วเรอะ โอยตามอ่านไม่ทันติดไว้หลายตอนเลยแฮะ
ขอบคุณนะคะ เดี๋ยวอ่านจบจะมาเม้นท์ให้อีกที

ออฟไลน์ อิสระ

  • ถ้า add ให้กอด,ถ้า give five ให้จุ๊บ,ถ้า ment ให้เบอร์ คิคิ
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 952
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-8
    • https://www.facebook.com/%E0%B8%9A%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%98%E0%B8%B5%E0%B8%A3%E0%B8%81%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%95%E0%B9%8C-1433707443445407/?modal=admin_todo_tour
ทุกคนมีวิถีกรรมของตัวเอง
มีเส้นทางที่ดีที่สุดของตนเอง
ไม่ว่ายังไงชีวิตของทุกคนในเรื่องต่างต้องดำเนินไปตามเส้นทางที่เลือกแล้ว
ยินดีกับการตัดสินใจของทุกชีวิตในเรื่อง
และขอขอบคุณผู้เขียนที่เขียนเรื่องดีๆมาให้อ่าน
อ่านมาสามรอบแล้ว
รอบแรกอ่านผ่านๆ
รอบสองอ่านเอาความ
และรอบสามอ่านเอาอารมณ์และจิตวิญญาณ
ต้องบอกว่าทั้งเต็มอิ่มและอิ่มเอิบกับเรื่องนี้มากเพราะปรกติก็ชื่นชอบทางศาสนาอยู่แล้ว
แต่หาคนที่จะนำเสนอเรื่องแนวนี้ได้อย่างกลมกลืนและลงตัวได้ยาก
โดยเฉพาะในนิยายของชายรักชาย
 :pig4: :pig4: :3123: :L2: :กอด1:

koraorni

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าแต่มันคงเป็นทางออกที่ดีที่สุดแล้ว
ประทับใจกับเรื่องนี้มากค่ะ
ขอบคุณมากนะคะ

ออฟไลน์ darling

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1741
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +96/-7

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






bow55

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วน้ำตาคลอ

เห้อ...บอกไม่ถูกจริงๆค่ะพี่


Badmiffy

  • บุคคลทั่วไป
กร๊าซซซซซซซ ว่าแล้วเชียวว่าต้องจบประมาณแบบนี้

เศร้านิดหน่อย แต่ก็ทำใจรับได้ค่ะ อย่างน้อยก็แฮปปี้ ไม่มีใครต้องตาย

แม้จะไม่ได้เจอกัน แต่ก็ยังอยู่ในใจเสมอ

ออฟไลน์ erascal

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 30
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
เป็นนิยายเรื่องแรกที่อ่านแล้วไม่ได้รู้สึกวี๊ดว๊ายไปกับตอนที่คู่เขารักกัน
สุริยาเป็นคนที่ไม่มีความสุขกับความรักเห็นแล้วรู้สึกขาดทุนยังไงไม่รู้
ตอนมีความรักไม่ยักกะมีความสุขเห็นแต่ความทุกข์
แต่พออ่านจบก็ยอมรับว่ารู้สึกดี เป็นตอนจบที่ดีมาก แม้จะควบมาด้วยความรู้สึกแบบอึมๆ
ประทับใจกับนิยายเรื่องนี้มากค่ะ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
จากตอนที่27-ตอนที่30นี่ ให้ความรู้สึกเศร้าๆปนกับความรู้สึกคิดได้และผ่อนคลายปะปนกันไปอย่างไรบอกไม่ถูก
ตัวละครก็น่าสงสารทุกคน เพราะแต่ละคนต่างก็มีทุกข์ในใจ  
มาถึงบทสรุปจบ เออ..ความรู้สึกเศร้าในในเรื่องกลับค่อยๆผ่อนลง จนความรู้สึกเศร้าๆนั้นมันเหลือบางๆได้อย่างไม่น่าเชื่อ
คงเพราะคุณ"ชอนตะวัน" ได้แทรกแง่คิดเกี่ยวกับ "ธรรมะ" (ธรรมชาติ-ธรรมดาติโลก) ไว้ในเรื่องได้อย่างแยบยล
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในบทสัมภาษณ์ของรุ่งโรจน์
ขอบคุณ คุณชอนตะวัน

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
จบเศร้า แต่ก็เป็นนิยายที่ดีมาก :monkeysad: พูดอะไรไม่ออกจริงค่ะ

ออฟไลน์ SACK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 319
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ทำใจไว้แล้วคับ ว่ามันจะต้องเศร้า
แต่ไม่รู้ว่ามันจะเศร้าขนาดนี้ :impress3:

จากกันทั้งที่ยังรัก นี่มันทรมานดีนะครับ

ขอบคุณท่านนักเขียนนะครับ ที่ได้สรรค์สร้างเรื่องราวดีๆแบบนี้ให้เราได้อ่าน

ขอบคุณครับ

ออฟไลน์ punchnaja

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3354
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +383/-5
เศร้า แต่เศร้าแบบประทับใจมากค่ะ

อยากเขียนนิยายธรรมะแบบนี้บ้างจัง^^

ถ้ามีคนเขียนแนวนี้ได้เยอะๆคงดีนะคะ ผู้อ่านคงได้อะไรกลับไปเยอะทีเดียว...

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆค่ะ

pichagan

  • บุคคลทั่วไป
เศร้าสุดๆอ่ะครับ ปกติผมอ่านอย่างเดียวไม่เคยคอมเมนท์เลย
แต่เรื่องนี้ จบแบบทำร้ายจิตใจผมมากๆ ปกติชีวิตเกย์ก็ยากจะสมหวัง
ในชีวิตจริงอยู่แล้วอ่ะ
ช่วยกรุณาเขียนต่อภาค 2 ได้ไหมคับ เนื้อเรื่องก็น่าจะยังดำเนินไปได้
นะครับขอร้อง เอาแบบว่าถึงแม้ไม่ได้ ครองคู่กัน ก็ขอให้รู้ว่าอีกคนยังไม่ตาย
เขียนนิยายธรรมมะ แล้วอีกฝ่ายต้องช้ำใจตลอดชีวิต โดยที่เข้าใจผิด
พระสุริยาก็เหมือนผิดศีล มุสา สงสารแสงทองกับ รุ่งโรจน์ ที่ต้องเสียใจเพราะคิดว่าคนที่รักที่สุดเสียชีวิต เขียนภาค 2 ก็สอดแทรกธรรมมะ อีกเยอะๆครับ เกี่ยวกับวัดต่างๆในเมืองไทย  แล้วสุดท้ายขอให้ สุริยา และรุ่งโรจน์เจอกันอีกสักครั้งหนึ่ง
เผื่ออะไรๆ มันจะเปลี่ยนไปบ้าง
ผมเศร้าใจจริงๆเลยอ่ะอ่านจบแล้ว (ผมอินไปป่าวครับเนี่ย) ถ้าเป็นนิยายน่าจะทำให้ตอนจบมีความสุขได้นะครับ ทั้งคนอ่านและคนเขียน
เศร้า....

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
จบลงแล้ว
แต่อยากให้คุณรุ่งกะแสงทองได้รู้ว่าพระสุริยายังไม่ตาย
เพื่อจะได้พ้นจากทุกข์  พระสุริยาก็จงสงเคาะห์ด้วยเถิด

ออฟไลน์ ASSASSIN

  • หรือว่า..ความรัก
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1551
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +177/-1
อ่านแล้วน้ำตาไหล นี่แหละหนา ทุกอย่างมันไม่แน่นอน จบแบบปลงในชีวิต แต่ก็อยากให้มีภาคสองต่อจังเลย  :o11: :undecided:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด