เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 05จบ]] p.58 x 07/07/59
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 05จบ]] p.58 x 07/07/59  (อ่าน 524375 ครั้ง)

ออฟไลน์ miniminiXD

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
กลับมาอ่านใหม่~~~~~
ชอบๆ :impress2:

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1681 เมื่อ21-10-2015 23:56:58 »

กลับมาแล้วค่ะ ช้าหน่อยเพราะเก็บเงินซื้อคอมใหม่ แอบเศร้านิดตอนแรกที่พิมพ์ไว้ที่คอมเก่าเรื่องนี้อารมณ์พาไปเป็น 3p หละ แต่ต้องมานั่งแต่งใหม่ พิมพ์ใหม่อารมณ์มันไม่เข้าสิงเลยได้แค่ 2p นะคะ ไม่ได้แต่งนานผิดพลาดอะไรไปก็ขอโต๊ดนะ :hao3:


ร่างเล็กกระจ้อยร่อยที่อยู่กลางวง นั่งกระสับกระส่าย อย่างไม่รู้ว่าจะหนีไปทางไหน ก็แค่คนมันหิว ถึงได้ขโมย กะอีแค่หมั่นโถลูกเดียว คนพวกนี้ถึงกับจะฆ่าเขาเลยเชียวหรือ 
ดวงหน้าซีดๆ ที่นั่งน้ำตาคลอ  ที่นั่งลุกลี้ลุกลน ดูน่าสงสารนั่น กระทบใจคนบางคนจะทนดูเฉยๆ ต่อไปไม่ไหว ต้องยื่นมือเข้าช่วยอย่างลืมตัว
“นี่เงิน เอาไปแล้วก็ปล่อยเด็กไปซะ” เจ้าของร้านและพวกทำท่าว่าจะไม่ยอมแต่ไม่รู้ว่าเพราะหน้าโหดๆนั่นหรือเพราะเงินที่โยนมาจำนวนไม่น้อยจนไม่กล้าเมินก็ไม่รู้ได้
“จำไว้นะ แล้วอย่ามาให้ข้าเห็นหน้าอีก” เจ้าของร้านรีบเก็บเงิน กล่าวอาฆาตกับหัวขโมยตัวน้อย ก่อนจากไป  คนมุงทั้งหลายเห็นว่าหมดเรื่องนองเลือดแล้วจึงแยกย้ายกันจากไป รวมถึงผู้มีพระคุณร่างสูงใหญ่ในชุดขาวสะอาดผู้เป็นเจ้าของเงินนั้นด้วย
ขาเรียวเล็ก ที่ตอนนี้ยังสั่นๆ ก้าวตาม ร่างสูงของผู้มีพระคุณไปอย่างไม่ลดละ จากเดินเร็วๆ เป็นจ้ำอ้าว จนสุดท้ายเปลี่ยนเป็นวิ่งตามหัวซุกหัวซุน  ก็ยังตามร่างสูงในชุดขาวสะอาดนั่นไม่ทันเสียทีแถมยังทิ้งระยะห่างมากขึ้น มากขึ้นอีกด้วยซ้ำ
บนเนินโล่งๆ นอกเมือง ที่ร้างผู้คนสัญจร ร่างเล็ก ยืนเหลียวซ้ายแลขวา อย่างหมดอาลัยตายอยากมองไปทางไหนก็ ก็โล่ง ซ้ายขวาหน้าหลังก็ไม่มีแม้แต่เงาหมาสักตัว
“แม่งหายไปทางไหนวะ” เสียงพึมพำเป็นภาษาไทยชัดถ่อยชัดคำ คำที่ไม่น่าจะหลุดจากปากเด็กอายุน้อยขนาดนี้ได้ หลุดออกมาจากร่างเล็กที่ยืนเกาหัว เหนื่อยหอบ หน้าแดงปลั่ง  ปากเล็กสีแดงสดนั่นเม้มแน่นอย่างขัดใจ  ขาเรียวเล็กเตะก้อนหินบนทางเดินอย่างแรง ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งยองๆ
“เชี่ยเอ้ย!!!” แล้วสบถออกมาเต็มเสียง “แล้วกรูจะกลับไปทางไหนล่ะวะเนี่ย” ซ้ายก็ป่า ขวาก็ป่า แล้วไอ้เมืองที่เขาจากมามันอยู่ทางทิศไหนกัน ตอนวิ่งตามก็มัวมองแต่หลังคน ไม่ได้มองทิศมองทางซะด้วย  “นี่มันที่ไหนกันวะเนี่ย” มือน้อยๆ ยกขึ้นทึ้งหัวตัวเองอย่างอับจน  เผลอตัวร้องไห้ อย่างเหลืออด   เวรกรรมอะไรของเขาวะ
 เมื่อสามวันก่อนนั้น อยู่ดีๆ ก็มาโผล่ในร่างเล็กยังกับเด็กสิบขวบนี่ได้อย่างไรก็ไม่รู้ จะเรียกว่าวิญญาณออกจากร่างก็น่าจะได้  แต่มันออกมาได้ยังไงเขาก็ไม่รู้ จำไม่ได้ รู้แต่ว่าลืมตาขึ้นมาก็มาอยู่ในร่างเล็กๆนี่แล้ว แถมที่ๆ อยู่ก็ไม่รู้จัก ไม่เคยเห็น การแต่งตัวก็เคยเห็นอยู่แต่ในหนังในละคร แถมใช้ภาษาจีนอีกต่างหากบางคำก็ฟังออก บางทีก็ไม่รู้เรื่องเลย 
ไอ้ที่ฟังออกก็เพราะอาที่ส่งเสียเลี้ยงดูเขามาหลังจากที่พ่อแม่ตายจากไปเป็นคนจีน อาหมิงเทียนตามพ่อที่มาลงทุนมาเที่ยวที่เมืองไทยตั้งแต่อายุสิบกว่าขวบ  มารู้จักสนิทสนมกับพ่อแม่ของเขาได้ยังไงไม่รู้  แถมสนิทกันมายาวนาน  ตอนเขาเกิดอาหมิงเทียนก็อยู่ที่นั่นด้วย จะเรียกเป็นพ่อทูนหัวก็คงได้มั้ง ตั้งแต่เกิดก็เจออาหมิงเทียน  ‘อันนี้ไม่รู้หรอกเห็นแต่ในรูปที่พ่อแม่ถ่ายไว้’  ตั้งแต่จำความได้ก็มีอาหมิงเทียนอยู่ในความทรงจำนั้นมาตลอด อาหมิงเทียนไม่เคยพูดไทยกับเขาสักครั้ง ทำให้เขาต้องคุ้นเคยกับภาษาที่สองมาตั้งแต่เด็ก ถ้านับเอาจริงๆ ตอนนี้เขาก็จะอายุ ยี่สิบห้าอยู่แล้วอาหมิงเทียนก็จะเกือบสี่สิบอยู่รอมร่อ อาก็ไม่เคยมีแฟน ‘อันนี้อากง คุณป๊าของอาหมิงเทียนเคยโทรมาด่าอาให้เขาฟัง ด่าตั้งแต่อากงยังดีๆ จนหัวใจวายตายไปเมื่อสองปีก่อน’ อาก็ไม่เคยทอดทิ้งให้เขาโดดเดียว อาอยู่กับเขาเสมอ คิดถึงตรงนี้  ร่างเล็กสะดุ้งในใจ ‘พอเป็นแบบนี้อาหมิงเทียนจะเป็นอย่างไรบ้างแล้วร่างเขาที่อยู่ในปัจจุบันล่ะจะเป็นอย่างไร อาจะทุกข์ใจกับเขาแค่ไหน’
“ไอ้รักเอ้ย ไอ้รัก”  มือที่ทึ้งหัวตัวเองเปลี่ยนมาปาดน้ำตามากมายไหลออกมาจนปาดไม่ไหวก็เลยใช้ปิดหน้าแทน  เสียงร้องไห้โฮดังขึ้นเป็นสองเท่า..
...
...
. .......เสียงร้องไห้ดังอยู่สักพักใหญ่ ก็ซาลง สองมือน้อยๆคอยป่ายปาดน้ำตาจากหน้าเป็นระยะ จนเสียงร้องเงียบหายยังเหลืออาการสะอื้นอยู่
ท่าทางน่าสงสารเหมือนเด็กหลงทางของร่างเล็ก ทำเอาร่างสูงที่แอบมองอยู่ห่างๆ  หัวใจแกว่ง เสียงร้องไห้โฮ ทำเอาแทบอย่างจะถลาเข้าไปกอดร่างเล็กเพื่อปลอบขวัญ แต่ยังยั้งตัวเองเอาไว้ จนเสียงร้องสงบลง แต่ท่าทางอ้างว้างนั้นทำเอาร่างสูงถอนหายใจอย่างอับจน แล้วเข้าไปปรากฏตัวใกล้ๆร่างเล็กอย่างยอมจำนน
“เจ้าตามข้ามาทำไม” ร่างเล็กสะดุ้งเฮือก ที่อยู่ๆ คนที่ไม่มีอยู่ก็ปรากฏตัวอยู่ใกล้ๆ  หลังจากหายตกใจ  เจ้าตัวเล็กก็ทำหน้าเบะแล้วแหกปากร้องไห้อีกครั้ง แถมยังโถมตัวเข้ากอดร่างสูงใหญ่อย่างเอาเป็นเอาตาย  น้ำมูกน้ำตาไม่รู้มาจากไหนมากมาย เปียกชุ่มเสื้อขาวสะอาดเป็นด่างดวง แต่เจ้าของเสื้อกลับนิ่งเฉยปล่อยให้ไอ้ตัวดีทั้งร้องทั้งเช็ดจะเห็นที่พอใจแล้วนั่นแหละ จึงได้เอ่ยถามขึ้นอีกครั้ง
 “ตามข้ามาทำไม”
“ข้า ข้า...” เกิดอาการติดอ่างชนิดเฉียบพลัน ขึ้นมากะทันหัน ไม่รู้เหมือนกันว่าตามมาทำไม รู้แต่ว่าต้องตาม ก็ใจมันสั่งให้ตามก็เลยตามเท่านั้นเองไม่มีเหตุผล
“กลับบ้านของเจ้าไปซะ แล้วต่อไปอย่าริอ่านเป็นขโมยอีก” ร่างสูงกำลังจะผละไป ไอ้ตัวเล็กเลยกระโดดกอดเอวอาไว้ซุกหน้ากับแผ่นหลังกว้าง แล้วร้องบอกเสียงอู้อี้
“ข้าไม่มีบ้าน ไม่มีใครเลย ขอข้าตามท่านไปด้วยคนเถอะนะท่านผู้มีพระคุณ”
“เจ้าเรียกข้าว่าผู้มีพระคุณ  แล้วเจ้ายังกล้าเอาตัวของเจ้ามาเป็นภาระให้ผู้มีพระคุณอย่างข้ามันถูกต้องและอย่างนั้นหรือ” เขาไม่เข้าใจตัวเองเลยว่าทำไมถึงได้ใจเย็นเปลืองน้ำลายพูดดีอะไรกับเจ้าเด็กไม่รู้หัวนอนปลายเท้า ที่เขาหน้ามืดไปช่วยเอาไว้ก็ไม่รู้  นี่ไม่ใช่วิสัยของคนอย่างข้า  ซินเทียนผู้นี้สักนิด หรือเป็นเพราะชุดอุบาทนี่มันมีคำสาปกันนะ เจ้ามู่เหยามันใส่พิษอะไรมากับชุดนี้หรือเปล่านะ ให้ข้าเปลี่ยนชุดก่อนเถอะน่า  จะกลับไปคิดบัญชีให้หายแค้นเลยเชียว ไม่รู้ยืนคิดพิจารณานานเกินไปหรือย่างไร เจ้าเด็กตรงหน้า ถึงได้ยืนมองเขาตาแป๋วอย่างน่ารัก หน้ามอมแมมนั่นเล็กนิดเดียว แก้มสกปรกนั่นถ้าได้ล้างเช็ดให้ดีน่าจะเนียนใสนุ่มนวล ปากอวบอิ่มสีแดงระเรื่อนั่นอีก  คิดถึงตรงนี้หัวใจที่เคยแข็งกระด้างกลับอ่อนยวบ อย่างไรทางต่อต้าน
“ข้าสามารถติดตามเป็นเด็กรับใช้ท่านก็ได้นะ ท่านไม่ต้องดูแลอะไรข้าก็ได้  แล้วข้านี่แหละจะเป็นคนดูแลปรนนิบัติท่านเอง” ปรนนิบัติ!!! เจ้าเด็กนี่มันพูดว่าปรนนิบัติอย่างนั้นหรือ   ..แค้ก แค้ก ร่างสูงถึงกับสำลักน้ำลาย เมื่อเผลอจินตนาการณ์ไปถึงการปรนนิบัติของเจ้าตัวเล็ก   เสียงไอ้จากร่างสูงทำให้เจ้าตัวเล็กรีบเข้าไปทุบหลังไหลให้อย่างประจบประแจง
ในเมื่อใจอ่อนรับมันร่วมเดินทางเดินทางสิ่งที่ต้องทำก่อนอื่นเลยก็คือ พาเจ้าเด็กนี่ไปหาเสื้อผ้าใหม่แล้วไปอาบน้ำ
“นายท่าน นายท่านมีนามว่าอะไรหรือขอรับ  ส่วนข้า ‘ ซินอ้าย จงซินอ้าย’ ขอรับ” ลมหายใจสะดุดอีกละลอก ข้าต้องเรียกเจ้าเด็กนี่ว่า ‘ที่รัก’ ตลอดเช่นนั้นหรือ   แต่คิดอีกทีก็น่ารักดีออกนะ  หน้าขรึมๆ นั้น ไม่ได้แสดงออกถึงความรู้สึกชอบอย่างที่ในใจกำลังกระหยิมยิ้มย่องด้วยเลย   สิ่งที่ซินอ้ายเห็นก็เพียงหน้าที่เคร่งขรึม เฉยชา  ตาคมที่ตวัดกวาดมอง ทำเอาร้อนๆ หนาวๆ เป็นความรู้สึกที่แปลกประหลาด จะบอกว่าน่ากลัวก็ไม่ถึงขั้นนั้นแต่ก็ไม่ได้แสดงความเมตตาเด็กน้อยตาดำๆ สักกระผีก เวลาที่ตาคมนั้นกวาดผ่านทำเอาขนลุกเลยทีเดียว
“หลงซินเทียน” พูดแล้วร่างสูงก็ออกเดินอย่ารวดเร็วทำเอา ซินอ้ายแทบจะต้องวิ่งตาม  เมื่อเห็นร่างน้อยเร่งฝีเท้าตามมาอย่างไม่ย่อท้อ ขาเล็กๆ นั่นก้าวเร็วราวกับวิ่ง ซินเทียนจึงผ่อนฝีเท้าลง ให้คนขาสั้นไม่ต้องถึงกับวิ่งหัวซุกหัวซุน เกือบเป็นเวลาเย็นแล้วที่ทั้งสองมาถึงเขตเมือง ถนนมีผู้คนคึกคักขวักไขว่  ร่างสูงในชุดขาวเดินนำขึ้นโรงเตี๊ยมหรูหรา  เสี่ยวเอ้อ ออกมาต้อนรับขับสู้อย่างกุรีกุจอ
“เจ้าเด็กโสโครก ใครให้เจ้าเหยียบเข้ามาที่นี่ ไป ไป ออกไปเดียวนี้” เสี่ยวเอ้อหน้าประตูจับแขนเล็กๆ ของซินอ้ายแน่น ทำท่าจะโยนคนออกไปกลางถนน
“เขามากับข้า” ซินเทียนส่งเสียงเย็นๆ บอกเสี่ยวเอ้อ   เมื่อแขนที่ถูกบีบเป็นอิสระ ซินอ้ายก็รีบวิ่งเข้าไปหลบอยู่ด้านหลังร่างสูงอย่างรวดเร็ว 
“ข้าต้องการห้องพักที่ดีที่สุดหนึ่งห้อง” ซินเทียน พูดพรางโยนเงินก้อนใหญ่ไปให้เจ้าของโรงเตี๊ยม
“เอาอาหารกับเหล้าชั้นดีขึ้นไปที่ห้องด้วย” เสี่ยวเอ้อรับคำ ก่อนรีบพาแขกไปห้องพัก
“อ้อ หาเสื้อผ้าให้ เด็กนั่นสักสองชุดสอง  แล้วก็เตรียมน้ำอาบด้วยเลย”  เถ้าแก่รีบรับคำแล้วหันไปสั่งงานเสี่ยวเอ้อให้รีบไปจัดเรียมของให้พร้อม
ห้องที่พวกเขาพักเป็นห้องใหญ่สุดทางเดิน สงบเงียบ  หน้าต่างมีแสงส่องเข้ามาสลัวๆ เนื่องจากพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าเต็มที เสี่ยวเอ้อที่นำมารีบจุดไฟ  แล้วเข้าไปที่มุมห้องหลังฉากกั้น ดึงลากถังอาบน้ำออกมาเตรียมให้พร้อม ไม่นาน ขบวนขนน้ำก็เดินเข้ามาเทน้ำร้อนผสมน้ำเย็นจนได้อุณภูมิที่พอใจ ส่วนด้านนอก ก็ลำเลียงจานอาหารเขามาวางลงบนโต๊ะจนเต็ม และสุดท้าย เสี่ยวเอ้อคนสุดท้ายก็เดินเข้ามาวางเสื้อผ้าฝ้ายที่ดูก็รู้ว่าใหม่เอี่ยมพร้อมด้วยรองเท้าคู่เล็ก ดูน่าใส่สบายอีกคู่ลงบนเก้าอี้ที่ว่างอยู่
“นายท่าน เสื้อผ้าที่ให้จัดหา ส่วนรองเท้าเถ้าแก่สั่งข้าน้อยให้จัดหามาพร้อมกันด้วยเลยขอรับ  เชิญนายท่านพักผ่อน ข้าน้อยขอตัวขอรับ ถ้ามีสิ่งใดต้องการเรียกใช้ ให้สั่นกระดิ่ง” เสี่ยวเอ้อผายมือไปที่กระดิ่งที่วางแอบอยู่ในดงจานกับข้าวบนโต๊ะ
แล้วล่าถอยออกจากห้องไปอย่างมีมารยาท 
“ไปอาบน้ำ” เสียงเรียบสั่งพร้อมเสื้อผ้าชุดนึงลอยหวือมากระทบที่หน้า  ร่างเล็กคว้ากอดไว้กับอกก่อนผลุบหายเข้าไปหลังฉาก  เสียงจ๋อมแจ๋ม ดังอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนเปลี่ยนเป็นเสียงเสื้อผ้าดังสวบสาบอย่างแผ่วเบา ก่อหน้าใสๆ จะโผล่ออกมาจากหลังฉากกั้น 
“มากินข้าวซะอย่าช้าของจะเย็นหมดแล้ว” ซินเทียนกวักมือเรียก  อีกมือก็เอื้อมหยิบกระดิ่งมาเขย่า เสี่ยวเอ้อรับใช้รีบเดินเข้ามาในห้องอย่างนอบน้อม
“มีสิ่งใดให้รับใช้หรือขอรับนายท่าน” เสี่ยวเอ้อเข้ามาค้อมตัวรอรับคำสั่ง สายตามองพื้นเบื้องล่างแน่วนิ่งไม่เหลือบแลซอกแซก
“เปลี่ยนน้ำ” เสียงสั้นห้วนสั่งเพียงแค่นั้น
“ขอรับ”  เสี่ยวเอ้อชะงักรอเล็กน้อย เมื่อไม่เห็นมีคำสั่งเพิ่มเติม จึงเงยหน้าขึ้นรบคำกำลังจะจากไป สายตาไปปะทะเข้ากับใบหน้าหวาน สะอาดสะอ้าน ที่นั่งร่วมโต๊ะอย่างสงบนิ่ง
“อ้า ข้าน้อยขออภัยนายท่านและคุณหนู   ข้าน้อยจะรีบไปจัดหาเสื้อผ้าที่เหมาะสมกว่านี้มาให้ ขอรับ”  ผ้าฝ้ายเนื้อหยาบนั่นจะสาก ระคาย บาดทำร้ายผิวเนื้อเนียนใสนั่นเพียงไหนนะ ดูสิแม้เสื้อผ้าจะหยาบกระด้าง ตัดเย็บเพื่อคนธรรมดาสวมใส่ กลับไม่อาจกลบลบความนุ่มนวลงดงามไปได้
“ไม่ต้อง”
“ขอรับ” เสี่ยวเอ้อรับคำแล้วออกจากห้องไป ไม่นานก็กลับมาพร้อมขบวนขนนำ ที่เข้ามาจัดการงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพียงชั่วครู่ คนมากมายก็สลายหายไปเหลือเพียงอ่างน้ำควันกรุ่น ดูน่าลงไปแช่
ซินอ้ายตักกับข้าวราดโปะบนข้าวแล้วมานั่งแอบกินอยู่ทีปากทางเข้าที่อาบน้ำ  กินไปก็เหลือบมองอีกคนที่กำลังแช่น้ำอย่างสุขสบายไป
‘มองดีๆ ก็คล้ายอาหมิงเทียนอยู่เหมือนกันนะ ถึงแม้จะเป็นภาคโหด ดุ เถื่อนไปหน่อยก็เหอะ’ คิดเสร็จตะเกียบที่มือก็พุ้ยข้าวเข้าปากไปคำนึง
‘เอ หรือจะเป็นต้นตระกูลอาหมิงเทียนซะก็ไม่รู้’ ปากน้อยๆ เคียวข้าวไปก็ส่งรอยยิ้มแปลกไป จนคนที่กำลังแช่น้ำอย่างสบาย ชักหงุดหงิด
“เจ้าจะไปนั่งกินตรงไหนก็ไปให้พ้นๆ หน้าข้า แต่ถ้าจะให้ดีกลับไปนั่งกินบนโต๊ะให้เป็นที่ทางจะดีกว่า ก่อนที่ข้าจะลุกออกไปจับเจ้าโยนออกนอกห้องแทน” ร่างเล็กรีบลุกขึ้นวิ่งไปนั่กินข้าวที่โต๊ะย่างสงบเสงี่ยมในทันใด
“ข้ากลัวว่าท่านจะเรียกใช้เลยไปนั่งกินใกล้ๆ นี่ขอรับนายท่าน” เรียกข้าว่านายท่านแต่ดูมันยังไม่วายเถียง...........................
...
..
.
     ห้าปีแล้วที่ซินอ้ายมาอยู่ที่หุบเขาซ่อนเมฆา  ซินเทียนสอนการฝึกร่างกายขั้นพื้นฐานให้เพื่อเป็นการปรับสภาพร่างกายให้แข็งแรงเตรียมพร้อมที่จะฝึกในขั้นต่อๆไป  ร่างกายของซินอ้ายมีเปลี่ยนแปลงไม่มากนัก  ส่วนสูง จะว่าสูงขึ้นกว่าเดิมก็พอว่าอย่างนั้นได้  จากที่ตอนก่อนสูงแค่เอวซินเทียน  ตอนนี้สูงขึ้นมาแค่อกเขา  รูปร่างบึกบึนสมชายยังนับว่าห่างไกลอีกหลายหมื่นลี้   กล่าวว่าอ้อนแอ้นอรชรยังจะตรงยิ่งกว่า    มีสิ่งเดียวที่เปลี่ยนแปลงอย่างโดดเด่นล้ำหน้าก็คือ  ‘ความงาม’   บนใบหน้าเล็กๆ นั้นประกอบกันเป็นความหวานซึ้งที่ชวนคนหลงใหล  ปากอวบอิ่มแดงระเรื่อยิ่งมายิ่งแดงเปล่งปลั่ง ผิวขาวนวลนุ่มนิ่มยิ่งเสริมให้ดูน่าทะนุถนอม ศิษย์พี่ศิษย์น้องแย่งกันแจกขนมจีบกันจนรับแทบไม่ทันทั้งผู้หญิงผู้ชาย  งานการไม่ต้องหยิบจับ แค่ได้รับมอบหมายงานเหล่านั้นก็จะเสร็จลงด้วยน้ำมือคนอื่นอย่างรวดเร็ว  มิใยจะมีเสียงนุ่มชวนฟังบ่นกระปอดกระแปด แต่ก็ไม่มีใครใยดีต่างกุลีกุจอคนละไม้คนละมือ ในเวลานั้นร่างเล็กจะโดนทั้งฉุดทั้งดึงให้ไปนั่งพักจิบน้ำชาโบกพัด อย่างสุขสบายในเก๋งพักร้อน งานที่ได้ลงมือทำจริงๆ ก็เห็นจะมีก็แต่งานที่อยู่ในห้องเจ้าหุบเขาเท่านั้นที่อยู่ในความรับผิดชอบ  ตั้งแต่ตื่นเช้าเตรียมน้ำล้างหน้า ออกมาฝึกตอนเช้าพร้อมศิษย์คนอื่น กลับเข้าห้องช่วยจัดการเรื่องน้ำอาบ ตลอดจนช่วยอาบ  จัดเตรียมเสื้อผ้าให้ท่านเจ้าหุบเขา  หวีผม แต่งตัว  จัดเก็บที่หลับที่นอน  ดูแลเรื่องอาหารการกิน เช้ากลางวันเย็น เมื่อเจ้าหุบเขากลับจากข้างนอก ก็ช่วยผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้า  จนกระทั่งเวลานอนก็ยังช่วยนวดคลายเมื่อยล้า ก่อนที่จะนอนลงที่ด้านข้างอย่างที่ทำมาประจำตลอดห้าปีและนี่แหละเป็นสิ่งที่ยากขึ้นเรื่อยๆ สำหรับเจ้าหุบเขาอย่างเขา
หึ หึ จากที่อ่านมา ฟังดูดีใช่หรือไม่  ไอ้เด็กนี่มันบอกว่าจะปรนนิบัติเขามันก็ปรนนิบัติตามนั้นนี่ แต่ใครจะรู้  แต่ตั้งแต่วันแรกที่ร่วมเดินทาง มีแต่เขานี่แหละที่ต้องปรนนิบัติมัน เด็กอะไร ตื่นก็สาย นอนขี้เซา  เซ่อซ่าซุ่มซ่ามเป็นที่หนึ่ง ไอ้ที่มันตื่นมาทำทุกอย่างที่ว่าได้ ก็เขานี่แหละที่ต้องคอยถีบมันลงจากเตียงในตอนเช้า  คนอะไรนอนดิ้นเป็นปลาว่ายน้ำ แขนขาไม่อยู่สุข  ทั้งกอด ทั้งก่าย ซุกไซร้  เสื้อถลกขึ้นมาคลุมอยู่ที่หัว ขากางเกงล่นมากองที่ขาอ่อน  จนเขาต้องให้มันออกแรงมากๆ ก่อนนอนเผื่อว่ามันจะดิ้นให้น้อยลง ยั่วยวนให้น้อยลง  ในช่วงเช้าการฝึกร่างกายช่วยได้มาก ส่วนกลางคืน เขาเลยให้มันนวดให้  ซึ่งมันกลับทำได้ดีจนกลายเป็นกิจกรรมก่อนนอนมาตลอด    แรกๆ ก็เป็นเรื่องดี อยู่หรอก แต่เดี๋ยวนี้นับวันยิ่งเป็นเรื่องยากสำหรับเขาอีกเรื่องที่จะต้องนอนนิ่งๆ ให้มือนุ่มนิ่มนั่นนวดเฟ้นไปตามร่างกาย แม้แต่เรื่องช่วยอาบน้ำข้ายังต้องสั่งยกเลิกเพื่อความผ่อนคลายของตัวข้าเองมาแล้ว ทั้งที่จริงข้าอยากให้เจ้ามาอาบน้ำพร้อมข้าให้รู้แล้วรู้รอดไป ซินอ้ายเอ๋ย    ข้าอยากห่างเจ้าไปหาที่พักใจข้าเองสักพัก ก่อนที่ความอดทนของข้าจะสิ้นสุด   นี่ก็ครบกำหนดเดินทาง เป็นข้ออ้างที่ดีที่จะได้หากเจ้าตัวได้ไปซะบ้าง  ห้าปีแล้วที่เขาต้องทนใส่เสื้อผ้าสีขาวที่น่าเบื่อ ได้เวลาไปเอาคืนเจ้ามู่เหยานั่นสักที....
..

“ข้าจะไปกับนายท่าน ข้าเป็นคนรับใช้ เป็นคนปรนนิบัตินายท่านนะ”
“ก็ใช่แล้วเจ้าจะไปทำไมกันเล่า   อยู่ที่นี่คอยข้ากลับมาสิ”
“ก็ถ้านายท่านไม่อยู่แล้วข้าจะไปรับใช้ ไปปรนนิบัติหมาที่ไหนล่ะ  ข้าก็บอกอยู่ว่าข้าเป็นคนรับใช้และคอยปรนนิบัตินายท่าน ไม่รู้นายท่านไปไหนข้าไปด้วย”
ตั้งแต่เข้าวันแรกที่โรงเตี๊ยม เจ้าตัวเล็กก็เริ่มเรียกเขาว่านายทานมาตลอด  นายท่าน นายท่าน นายท่าน เอะอะอะไรก็นายท่าน นายท่าน ปากอิ่มสีแดงสดนั่นขยับขึ้นลง น้อยๆ มันช่างยวนใจเสียนี่กระไร  ... เฮ้ยย นี่มันด่าเขาอยู่หรือเปล่า แต่มันหน้าตาเฉยมากนะ หรือมันแค่พูดไปตามเรื่องตามราวของมัน การแต่งตัวตอนเช้ากลายเป็นสงครามย่อยๆ เพราะเจ้าตัวเล็กดื้อที่จะตามเขาออกเดินทาง โดยไม่ยอมฟังคำสั่ง
“โอ๊ย คอข้า”
“เอวข้า แน่น แน่นเกินไปแล้ว เฮ้ย”
“โอ๊ยย หัว ผม ผม เบาๆ เจ้าจะถลกหนังหัวข้าหรือไรซินอ้าย  พอ พอแล้ว ออกไปรอข้างนอกไป”
 สงครามเย็นจึงเกิดขึ้น เจ้าตัวเล็กเดินหนีไปก่อนทีจะช่วยแต่งตัวจนเสร็จ  พอเขาแต่งตัวเรียบร้อย ก็เดินมาเจอมันนั่งหน้าตูมอยู่ที่โต๊ะ เลยเดินออกจากห้องมา ทั้งที่ไม่ได้พูดกันต่อ  สงครามความเงียบนี้ดำเนินต่อมาอีกสองวัน  พรุ่งนี้เป็นวันที่เขาจะต้องเดินทาง เจ้าตัวเล็กยังนอนหันหลังให้อยู่  เขาไม่อยากจะสนใจ เลยนอนหันหลังให้บ้าง  เกือบจะหลับอยู่แล้ว แต่หูกลับได้ยินเสียสะอื้นของคนที่นอนหันหลังใส่เขาก่อน เสียงร้องไห้แผ่วๆ แต่มันกลับสะเทือนเขาไปถึงใจ จนต้องรีบหันกลับมา  จับไหล่เล็กที่กำลังสั่นให้หันกลับมาหา น้ำตาไหลเป็นสายจากตาที่บวมช้ำ  ปากเล็กสั่นระริกเม้มแน่นกลั้นเสียง 
“ซินอ้าย” นึกคำพูดที่ควรจะพูดไม่ออก  ทำได้แค่ดึงเจ้าตัวเล็กที่ยิ่งร้องไห้หนักขึ้น เข้ามากอดแน่นกับอก   มือเล็กๆ ยกขึ้นกำเสื้อด้านหลังของเขาแน่น
“นายท่านอย่าโกรธข้า อย่าทิ้งข้านะ” เสียงร้องไห้ บนเสียงพูดดังอู้อี้จากหน้าที่แนบกับอก
“ข้าไม่ได้จะทิ้งเจ้า   ข้า...เฮ้ออ”
.....
...
..
.
“เทียนคราวนี้เจ้ามาถึงช้ามากนะ....แล้ว ...นี่คือ..” จะเรียกว่าเด็ก ก็ไม่เด็กแล้ว  จะเป็นหญิงก็ไม่น่าจะใช่ 
“ข้าเก็บได้ระหว่างทางที่กลับจากที่นี่เมื่อห้าปีก่อน” เสียงสั้นห้วนเหมือนไม่พอใจของที่เก็บได้มา ทำเอามู่เหยาอยากจะหัวเราะนัก ก็เคยมีไหมเล่าที่เจ้าเพื่อนปากแข็งของเขามันจะพกของที่มันไม่ชอบใจเอาไว้แนบชิดติดตัวมาตลอดห้าปี  อย่าว่าแต่คนเลย แค่ของชิ้นเท่าขี้เล็บถ้าเทียนไม่ชอบใจแม้เพียงนิด อย่าหมายให้เพื่อนเขาคนนี้เสียเวลาหยุดอยู่แม้เพียงชั่วกระพริบตา   หญิงที่ว่างามหยาดฟ้าปานเทพธิดามาจุติ มายืนเปลือยอยู่ต่อหน้า เทียนยังสะบัดหน้าจากไปไม่แม้แต่จะชายตาแลมาแล้ว  ..แล้วนี่อะไร..ถ้าเก็บได้เมื่อห้าปีก่อน ตอนนั้นเจ้านี่ก็แค่... เด็ก เด็กเล็กๆ  คนหนึ่ง แถมเป็นเด็กผู้ชายเสียด้วย เฝ้าฟูมฟักเลี้ยงดูใกล้ชิดมาจนตอนนี้  ถึงเวลานี้เจ้าเพื่อนตัวดียังพาเดินทางรอนแรมข้ามวันข้ามคืนจากหุบเขาซ่อนเมฆามาจนถึงหมู่ตึกสกุลหลินของเขาได้โดยไม่ได้ฆ่ามันหมกไว้ข้างทางเสียงตั้งแต่ที่เก็บได้เมื่อหลายปีก่อน  ช่างนับว่าเป็นเรื่องแปลกอย่างหาได้ยากยิ่งแล้ว แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะเชื่อแค่น้ำเสียงที่เอ่ยเหมือนเจ้าเด็กนี่เป็นตัวน่ารำคาญเสียเต็มประดาด้วยเล่า  เรื่องสนุกกำลังจะเกิด  แล้วเรื่องอะไรที่เขาจะไม่หาทางให้มันเริ่มเร็วขึ้นและถ้าจะให้ดีเขานี่แหละจะเป็นคนช่วยเริ่มมันเองกับมือเลยเชียวล่ะ
“น่ารัก  น่ารักจริงๆ นะเทียน  ถ้าเจ้ารำคาญนักก็ยกให้ข้าเถอะ  ข้าจะรับดูแลให้อย่างดี” พูดอย่างเดียวคงไม่พอ
“ดูสิ ผิวนี้ใสจนแทบจะมองทะลุได้ แขนขาเนื้อตัวก็ดูราวกับหิมะแรก ทั้งดูนุ่มนวลน่าจับต้องลูบไล้เสียเหลือเกิน” เสียวซินขยับตัวแอบหลังซินเทียนอย่างหวาดผวาทันที  เมื่อมู่เหยายื่นมือมาหมายจะลูบไล้ดังปากพูด
ฮ่า ฮ่า ฮ่า ข้าละอย่างจะหัวเราะ ดูหน้าถมึงทึงของเพื่อนรักเขาสิ  นี่น่ะหรือสีหน้าของคนที่เห็นของที่เก็บได้โดนรังแก  นี่มันหน้าของสามีเวลาที่ฮูหยินโดนลวนลามซะมากกว่านะ
“น่า  น่า  เทียน ข้าแค่ล้อเล่น ไม่เคยเห็นเจ้าพาใครมาเยี่ยมเยียนข้าด้วยสักที พอเจ้าพามาข้าก็เลยอยากจะหยอกเล่นเท่านั้นเอง” แต่ในใจที่จะหาเมียให้เพื่อนนี่ข้าเอาจริงนะเทียน  ข้าจะดูสิว่าเจ้าจะดิ้นพล่านเป็นตะพาบในไหสักแค่ไหนกันเทียน ฮ่า ฮ่า ฮ่า...
“อะไรกันเทียน คราวนี้เจ้ามาช้าแล้วยังจะรีบกลับอีกหรือ” วิธีช่วยเพื่อนหาเมียนั้นง่ายแสนง่าย ในเมื่อสหายของเราเก่งเป็นระดับยอดฝีมือ ที่ต่อให้วางยาก็สามารถสลายพิษออกไปได้ ก็เรื่องอะไรที่จะเสียเวลาวางให้เปลือง
“งั้นคืนนี้เจ้าต้องมาดวนกับข้า ไม่เมาไม่เลิก”
“ได้ ไม่เมาไม่เลิก” ซินเทียนในชุดสีดำ ที่ยิ่งเสริมบุคลิกให้ดูโดดเด่น สูงสง่า  ดูดีจนเกินไปในสายตาซินอ้าย รับปากมู่เหยา ด้วยท่างทางคึกคะนอง ทำให้ซินอ้ายได้แต่มองตาปริบๆ พรุ่งนี้จะเดินทาง แต่กลับรับปากเมากันง่ายๆ แล้วจะได้ไป เที่ยวหรือเปล่านะ ชักไม่ค่อยน่าไว้ใจ
กลางดึก  ในศาลาชมจันทร์ ที่วันนี้พระจันทร์สุกสกาว ส่องแสงนวลตาน่ามอง ซินอ้ายเดินตามทางน้อยไปสู่ศาลา ที่สองเพื่อนกำลังร่ำสุรากันอย่างเอาเป็นเอาตาย
 “นายท่าน”
“อ้า ซินอ้าย”  มู่เหยาในชุดขาวสะอาดตา กวักมือเรียกให้ผู้มาถึงใหม่เข้ามาร่วมวง
“เจ้าเรียกเสี่ยวซินก็พอ เหยา” ซินเทียนรู้สึกคันที่หัวใจ เมื่อมีใครเรียกเจ้าตัวเล็กว่าซินอ้าย ทั้งหุบเขาต่างก็ต้องเรียกซินอ้ายว่าเสี่ยวซิน มีเขาเพียงคนเดียวที่จะเรียกซินอ้ายได้
“ซินอ้าย มีอะไรทำไมยังไม่หลับไม่นอน” ซินเทียน ในชุดดำไม่คุ้นตา  หันกลับมาจาการชมจันทร์ ก่อนดุเจ้าตัวเล็กที่ยังไม่ยอมเข้านอน
“ข้าน้อยจะมาบอก นายท่านว่าข้าจะนอนก่อนนะขอรับ” ซินอ้ายบอกพลางกลั้นหาว 
“เดี๋ยวสิ เจ้ามาก็ดีแล้ว เจ้ามาชิมเหล้าสองกานี้ที ว่ากาไหน ฤทธิ์แรงกว่ากัน” ขณะกำลังจะหมุนตัวจากไป  มู่เหยาก็เรียกตัวไว้เสียก่อน
“ข้าดื่มเหล้าไม่เป็น จะเสียของเสียเปล่าๆ นะขอรับ” ซินอ้ายรีบปฏิเสธ
“ไม่เป็นไร แค่จอกน้อยๆ ไม่เปลืองสักกี่มากน้อย แค่ชิม ไม่ทำให้เมาหรอกข้ารับรอง” มู่เหยาไม่ฟังเสียงค้าน หยิบจอกเหล้าเล็ก ที่น่าจะพอใส่เหล้าได้ไม่กี่หยด ขึ้นมาวาง แล้วหยอดเหล้าใส่ลงไป  เมื่อเห็นขนาดของจอก ว่าไม่มากไม่มาย ซินอ้ายจึงเดินกลับเข้าร่วมวง
“จอกนี้กานี้ ส่วนจอกนี้ก็กานี้” มู่เหยาชี้มือไปตามที่พูด  ซินอ้ายยกจอกขึ้นจิบ เหล้าแม้จะน้อยแสนน้อย แต่ฤทธิ์กลับแรงจนแทบจะสำลัก
จอกแรกว่างแรงจอกที่สองกลับแรงยิ่งกว่า งน้อยถึงกับไอออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่
“กาที่สองฤทธิแรงนักขอรับ”  ซินอ้าย ร้องบอกหลังจากที่ไอจนแสบคอ  แล้วทำท่าถอดเตรียมจากไป เมื่อไม่มีใครเรียกขวางไว้อีก ร่างน้อยจึงหมุนตัวก้าวลงจากศาลาเพื่อกลับไปยังหอห้องของตนเองและซินเทียน  แม้เหล้าจะน้อยแต่กลับทำให้ซินอ้ายมึนจนเดินแทบไม่ตรงทาง  กว่าจะประคองตัวเองกลับมาถึงห้องก็ถึงกับเดินเซไปหลายรอบ เมื่อมาถึงที่นอนก็โถมตัวลงนอนหลับไปทันที
ในศาลา เสียงหัวเราะของมู่เหยายังดังเป็นระยะ
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า เหล้าของข้าชนะเจ้าอีกแล้วนะเทียน  ดียิ่ง ดียิ่ง แม้คราวนี้จะไม่ได้พนัน แต่ก็ยังถือว่าข้าชนะเจ้าแล้วกัน” แม้ปากจะพูดอย่าสนุกสนาน  แต่ดวงตากลับหลุกหลิก มือที่แอบซ่อน อยู่ใต้โต๊ะ ปรากฏผิวหนังบางๆ ที่โดนเขี่ยจนหลุดลอกออกจากปลายนิ้ว ทีละนิด  จนหลุดออกหมดแล้วปั้นเป็นก้อนกลมก่อนจะถูกดีดออกไปในความมืดสลัวนอกศาลา 
“เหล้าหมดแล้ว ข้าคงต้องกลับไปนอนเสียที”  ซินเทียนบอกกับมู่เหยา  ก่อนวางจอกในมือลง แล้วเดินหายไปตามทางสายน้อยที่มองเห็นได้อย่างสลัวในแสงจันทร์
“หึ หึ ยาปลุกกำหนัดที่เจ้าได้กิน เป็นแค่ตัวล่อเท่านั้น แหละเทียน  ของจริงน่ะอยู่ในร่างสุดที่รักที่นอนรอจ้าอยู่ในห้องแล้วต่างหาก เจ้ากลับไปตอนนี้ก็สายไปแล้วไม่มีทางที่เจ้าจะขับพิษออกจากร่างน้อยนั้นได้ นอกเสียจากเจ้าจะต้องสละตัวของเจ้าช่วยบรรเทาให้ทั้งคืนเท่านั้น  เสี่ยวซินเอ๋ย ลำบากเจ้าแล้วนะ ฮ่า ฮ่า ฮ่า”  มือขาวคลึงจอกน้อยในมือเล่น
“ถือว่าฟ้าส่งเสริมเจ้าก็แล้วกันนะเทียน  ข้านึกว่าจะไม่มีโอกาสเสียแล้วด้วยซ้ำ ไม่นึกว่าสวรรค์จะเป็นใจ ส่งสมันน้อยเข้ามาติดบ่วงด้วยตัวเอง” จอกน้อยในมือ แหลกเป็นผงปลิวหายไปกับสายลม 
“นี่เรียกว่าทำลายหลักฐาน”  เสียงลอยตามลมก่อนที่ศาลาจะว่างเปล่าในพริบตา  เหลือเพียงกาเหล้าสองกาบนโต๊ะ....
..
.


มีต่อ

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1682 เมื่อ22-10-2015 00:18:22 »

ต่อ

เทียนกลับมาถึงห้อง เมื่อเดินผ่านห้องโถงหน้าก็ดับเทียนที่ยังจุดสว่างให้ดับ แล้วเดินเลยเข้าสู่ห้องนอน โปกมือเบาๆ เทียนชนโต๊ะกลางห้องก็ดับลง แสงสลัวของแสงจันทร์ส่องให้เห็นบนเตียงร่างน้อยนอนพาดอยู่กึ่งกลางยึดเตียงทั้งหลังเป็นของตน ร่างสูงเดินเข้าใกล้ จับร่างน้อยให้ขยับเข้าด้านใน ก่อนจะล้มตัวลงนอน อาการผิดปกติ เล็กน้อย ทำให้รู้ได้ว่าเหล้าในคืนนี้มีบางอย่างผิดปกติ แต่ก็น้อยนิดมาก เพียงแค่เดินพลังภายในเพียงไม่นานก็สามารถขับพิษออกไปจากร่างกายได้โดยง่าย
“เหยา เอ้ยเหยา”  ร่างสูงหลับตาโคจรพลังจนขับพิษปลุกกำหนัดในร่างกายออกไปได้จนเกือบหมด ที่ว่าเกือบหมดก็เพราะพิษนิดจำนวนน้อยๆ ก็ช่วยกระตุ้นความคึกคักให้ร่างกายกระชุ่มกระชวย    กำลังจะหลับตาเพื่อพักผ่อน
“ฮือ” ร่างน้อยข้างกายครางและสั่นแปลกๆ
“หนาวหรือซินอ้าย” มือจับร่างน้อยของซินอ้ายให้หันกลับเข้ามาสู่อ้อมอก แต่ร่างน้อยไม่ได้หนาว อย่างที่คาด มือน้อยๆ กลับป่ายเปะปะ ลูบไปทั่วตั้งแต่หน้า ไหล่ และแผ่นอก  ก่อนจับมือใหญ่ให้กกกอดตัวเอง แล้วซุกตัวเข้าหา  เหมือนต้องการความอบอุ่น
 ...ยัง  นี่ยังไม่พอ.....   
“อืออ” ซินอ้ายคราง และซุกร่างเข้าหาเหมือนคนหนาว มือน้อยแหวคอเสื้อออก  แนบหน้าเข้ากับอกกว้าง
“อ๊า เย็นดีจัง” แต่กลับร้องอย่างถูกอกถูกใจกับผิวที่ให้ความรู้เย็นขับความรุ่มร้อนของตัวเอง
 ....แต่ ก็ยังไม่พอ......
 เมื่อผิวเนื้อของซินเทียนให้ความรู้สึกเย็นสบาย   มือน้อยถอดเสื้อผ้าตัวเองออก   ซินอ้ายมีอาการเหมือนสะลืมสะลือ แต่ดวงตาวสดใส   ลุกขึ้นนั่งโงนเงน ถอดเสื้อผ้าออกอย่างเร่งร้อน เหมือนเสื้อผ้าพวกนี้เป็นสิ่งกีดขวาง ถอดได้หนึ่งชิ้นก็โยนให้พ้นๆ ไป  ในแสงจันทร์สลัวที่ส่องลงมากระทบร่างขาวพร่าง ดูยั่วยวน จน ซินเทียนถึงกับลืมหายใจไปชั่วขณะ เมื่อ ถอดเสื้อผ้าออกจากตัวจนหมด   ก็โถมตัวเข้าหาลงมือถอดเสื้อผ้าที่ขวางกันผิวเย็นออกไปพ้นทาง สมาธิจดจ่อกับการลงมือเปลื้องผ้าจด ทั้งต้วเองและซินเทียนต่างไม่เหลือเสื้อผ้าติดกาย ไม่ได้สนใจร่างสูงที่แม้จะเฝ้ามองการกระทำอย่างฉงนแต่กลับให้ความร่วมมืออย่าดิบดีทุกท่วงท่า
เบียดร่างเปลือยของตัวเองเข้าหาร่างสูงที่ยังนอนนิ่ง   แต่แค่นี้
........“ไม่  ไม่ ยัง  มันยังไม่พอ” ......
ร่างกายและหัวใจเรียกร้องต้องการมากกว่านั้น  แต่ก็ตอบตัวเองไม่ได้ว่าต้องการสิ่งใด ร่างเล็กนิ่งคิดอยู่สักพัก  แล้วยืดตัวขึ้น บดปากของตนกับปากของร่างสูงที่ได้แต่นิ่งคราวนี้เหมือนโดนจี้สกัดจุด  ปากร้อนๆ นุ่มๆ สัมผัสกัน
.........ยัง นี่ก็ยังไม่พอ..............
 ลิ้นเล็กๆ สอดเข้าไปในปากของอีกฝ่าย พยายามกวาดไล้ไปรอบๆ
 .........นี่ก็ยังไม่พอ ...........
อ้ายซินเก็บลิ้นตัวเองกลับจากการลุกรานผู้อื่น  ก่อนที่อีกฝ่ายจะได้สนอง แล้ว เปลี่ยนเป็นซุกไซร้ไปตามข้างแก้ม ปลายคาง ลงไปที่ซอกคอ
.......... “ไม่    นี่ยังไม่พอ”..........
 เท่าไหร่ก็ยังไม่พอสนองความต้องการที่กำลังปะทุ  มากขึ้น แรงขึ้น  ร่างเล็กจึงเคลื่อนร่างเปลือยเปล่าขึ้นนั่งคร่อมทับบนช่วงเอวของซินเทียน  สะโพกช่วงกลางลำตัวแนบกับผิวเนื้อเปลือยเปล่าเรียบลื่น   ความรู้สึกสบายเหมือนเป็นคำตอบของความต้องการที่กำลังแสวงหา สะโพกมนขยับส่ายอย่างพอใจ
.............แต่ก็ “ ยังไม่พอ”..............
ในเมื่อยังไม่พอ แล้วมันอะไรล่ะ  ซินอ้าย ก้มหน้าหาหน้าซินเทียน ริมฝีปากแทบสัมผัสกัน  ดวงตาใสแจ๋ว มองสบกับดวงตาที่ลืมกว้างอย่างเชื่อไม่ลงกับสิ่งที่เจ้าตัวเล็กทำ
“ช่วยข้าด้วย นายท่าน ช่วยข้าด้วย มันร้อน ช่วยข้าที ข้าต้องการเหลือเกิน...”  เสียงสูดหายใจเข้าอย่างแรง ของซินเทียนบอกให้รู้ว่าเจ้าตัวเผลอกลั้นหายใจไว้ตั้งแต่เมื่อไรไม่รู้ได้     
ก่อนที่ซินเทียนจะได้เตือนสติทั้งกับตนเองและซินอ้าย  ภาพเรียวลิ้นสีแดงเล็กๆ  ไล้ เลียที่ริมฝีปากอย่างเชิญชวน   ทำเอา มือใหญ่ยื่นไปรั้งที่ท้ายทอยคนอยู่ด้านบนโน้มลงหาอย่างลืมตัวในทันที    สนองการเสนอด้วยการกดริมฝีปากให้แนบชิดกัน  รสเหล้าจากปากของร่างสูงที่เมื่อกี้ลืมสังเกตช่วยกระตุ้นความวาบหวามอย่างบอกไม่ถูก
“ทำอย่างทีเจ้าทำอีกครั้ง ซินอ้าย” เสียงกระซิบแผ่วๆดังจากปากที่ยังแนบชิดกัน   
ลิ้นเล็กๆ ถูกส่งเข้าไปสำรวจในปากอย่างกล้าๆ กลัวอีกครั้ง ยิ่งกระตุ้นความตื่นเต้นให้ซินเทียนอย่างที่ไม่เคยได้ลิ้มลอง   ซินอ้ายลองกวาดลิ้นไปรอบๆ
“อา” เสียงคราง หลุดจากร่างสูง ทำเอาซินอ้ายได้ใจ  ส่งปลายลิ้นเข้าเกียวกระหวัด กับลิ้นของอีกฝ่าย  แม้จะไม่ชำนาญแต่ก็พอจะรู้ว่าต้องทำอย่างไร
 ‘หึหึ เมื่อก่อน ตอนที่ยังเป็น นาย ที่รัก  ถึงพรี่จะซิง แต่ก็ศึกษาจากหนังสือหนังหามาเยอะนะ..........  งะ แต่ จูบประกบปากแล้วสอดลิ้นเข้าไปพัวพันแล้ว ต้องทำไงต่อแว้   อ่านอย่างเดียวไม่เคยทำพรี่จำม่ายด้ายยย.....’ 
“อ๊ะ”กำลังคิดว่าจะต้องทำอย่างไรต่อเพลินๆ   อยู่ดีๆ ร่างสูงที่ทำท่าว่าจะเคลิ้มกลับ พลิกฟ้าคว่ำดิน กลับเป็นฝ่ายขึ้นมาทาบทับอยู่ด้านบนเสียเอง
“อื้อ  อืออ” เสียงอู้อี้  อยู่แต่เพียงในลำคอของซินอ้าย ทำให้รู้ว่าซินเทียนไม่ได้พลิกกลับมาอยู่ด้านบนแต่เพียงเฉยๆเสียเมื่อไหร่
‘ทำไม ...ข้าก็ทำอย่างที่ซินเทียนทำ.... แต่ทำไมความรู้สึกมันช่างต่างกันขนาดนี้’

“อ๊า  ข้าจะละลายแล้ว”
 “อืม...อื้อ  ท่านจะเก่งเกินไปแล้ว  อ๊า ”    เสียงครางเบาๆในลำคอกลายเป็นร้องออกมาอย่างลืมตัว   มือน้อยจิกต้นแขนแน่น  เมื่อคนด้านบนผละริมฝีปากร้อนผะผ่าวลงสู่ช่วงลำคอขาวผ่อง ละเรื่อยต่ำลง แล้วใช้ลิ้นถูไถและดูดดื่มที่ยอดอก  มือที่ว่างอยู่...ข้างนึงก็หยอกเย้ายอดอกอีกข้างอย่างสนุก ส่วนอีกข้างก็เอือมควานลงต่ำเพื่อเอื้อเอ็นดูส่วนกลางลำตัวของซินอ้ายอย่างรู้ใจ     
   “อื้อ...ซี๊ดดดด...อ...า...ดี  ดี  อ๊ะ นะนายท่าน” 
“แค่นี้พอหรือไม่ ซินอ้าย” เมื่อเจ้าตัวเล็กเผลอครางอย่างพึงใจ  ซินเทียนจึงต้องออกปากถาม
“มะไม่ ยังไม่พอ นายท่าน  อย่าหยุด อ๊า”
  “ซี๊ดด...อย่า”   ซินเทียนเผลอคราง เมื่อมืออุ่นๆ ละจากต้นแขน ลากช้าๆ ผ่านแผ่นอก ลูบไล้ที่หน้าท้องก่อนตรงดิ่งสู่ ...
 จนต้องจับมือน้อยซุกซนไว้มั่น เพราะไม่อยากให้สวรรค์ล่มตอนนี้ แต่มือนั้นก็ยังซนไม่เลิก
“ก็มันยังไม่พอนี่นายท่าน” เสียงเล็กซ่อนความขี้เล่น ร้องบอกเบาๆ    แถมคราวนี้ยังใช้ทั้งสองมือช่วยกันบรรเลงอีกต่างหาก
“อ๊า  ซินอ้าย เด็กเกเร อึก ใคร สอนเจ้าทำอย่างนี้ อึ๊”
“ม่ายบอก” เจ้าตัวเล็กลอยหน้าลอยตาตอบ  ซินเทียนเลยจับมือทีกำลังปรนนิบัติเขาออก แล้วจับคนรนหาเรื่องคว่ำหน้าลงกับเตียง เจ้าตัวเล็กดิ้นขัดขืนแต่มีหรือจะสู้แรงอีกฝ่ายได้
“บอกข้ามาว่าใครสอนเจ้า”  เจ้าตัวดีเม้มปากแน่น
“ถ้าไม่บอกข้าจะพาดก้นเจ้าเดี๋ยวนี้นะ”  แต่ก็ยังไร้เสียงตอบ
“หึ ไม่ตอบ  เจ้าจะดื้อกับข้าใช่มั้ย”
 “อือออ..อะ อ๊า..ดี ”   แทนที่จะพาดให้คนดือต้องเจ็บตัว ซินเทียนเปลี่ยนเป็นลูบไล้ตั้งแต่หัวไหล่ กลางหลัง ลงมาจนถึงก้นงอนกลมกลึงที่น่าหลงใหล มือไปที่ไหน ปากก็ประทับรอยตามไปถึงนั่น ทั้งขบ ทั้งเม้น ดูดดึงจนเป็นรอยจ้ำแดงๆ ไปทั่ว
“จะยอมบอกหรือไม่”  แม้จะสั่นจากความสยิวแต่ก็ยังทำปากแข็ง   ซินเทียนลองสอดนิ้วเข้าไปหยั่งเชิงที่ช่องทางด้านหลังอย่างช้าๆ
ซินอ้ายถึงกับสะดุ้ง  แล้วร้องครางอู้อี้กับหมอน 
ข้างในนั้นมันทั้งนุ่มทั้งอุ่นมากแถมยังตอดรัดแน่นสุดๆ ซินเทียนแทบจะรั้งตัวเองไว้ไม่อยู่ ความรู้สึกที่อยากฝากฝังตัวตนเข้าเป็นหนี่งเดียวกับร่างน้อยเอ่อล้นจนเจ็บปวด    แต่ยัง   ยังไม่ถึงเวลา 
“ใครสอน” ซินเทียนกระซิบถามที่ข้างหูอีกครั้ง ก่อนขยับนิ้วของตนช้าๆ เมื่อซินอ้ายยังไม่ยอมตอบ
“อ๊ะ อ๊าเจ็บ” เมื่อร่างเล็กยังดื้อดึง นิ้วที่สองก็ถูกใส่เพิ่มเข้าไป
“ตอบ”  เสียงสั่นพร่าที่ยังมีกังวานความไม่พอใจกระซิบถามอีกครั้ง ช่องทางเล็กแคบยิ่งหดเกร็งรัดนิ้วทั้งสองแน่น
“อ๊ะ นะ นาย นายท่าน อ๊า ข้าตอบ อ๊า” ซินอ้ายเกร็งไปทั้งร่าง เมื่อซินเทียน ขยับนิ้วเข้าออกช้าๆ แล้วเปลี่ยนเป็นคว้านวนเป็นวง
“ขะ ข้า  ข้าจะตอบ อย่า ขยับ  อ๊า อย่างนั้น” แม้ปากจะร้องห้ามแต่สะโพกมนกลับส่ายไหวตอบรับการขยับของนิ้มืออย่างเผลอไผล
“มันผู้ใดสอนเจ้า”
“มะ อ๊า ไม่มี ใครสอนข้า อ๊ะ” นิ้วมือขยับรุกรานอย่าไม่พอใจในคำตอบ
“ไม่มีใครสอน อ๊า จริงๆ อ๊ะ นายท่านอ๊าว” ร่างเล็กทนรับการขยับอย่างเอาแต่ใจของซินเทียนต่อไปไม่ไหว ช่องทางด้านหลังรัดแน่น ร่างเกร็งกระตุก ปลดปล่อยน้ำเหนียวข้นออกมา  ร่างอ่อนระทวยลงทาบกับที่นอน  แต่ซินเทียนก็ยังไม่ปล่อยปละละเว้น
“ตอบข้า” มือข้างนึงช้อนหน้าซินอ้ายให้หันกลับมารับการรุกรานด้วยริมฝีปาก
“ขะ  ข้า อ่าน และ ดูอ๊ะ  มะ มา จาก  หนะ หนังสือ ขอรับ นายท่าน” เสียงกระท่อนกระแท่น รีบละล่ำละลักบอกเมื่อซินเทียนให้โอกาสได้พูด
ซินเทียนว่างร่างบางลงกับเตียง ก่อนจะถอนนิ้วออก ซินอ้ายนึกว่าจะได้นอนพักเสียที แต่ไม่ใช่เลย กลับกลายเป็นส่วนอื่นของร่างกายใหญ่โตต่างหากที่เข้ามาทำหน้าที่แทนนิ้วทั้งสองที่ถูกถอดถอน
“อ๊า เจ็บ นายท่าน ข้าเจ็บ”  ส่วนที่เข้ามาแทนช่าง ....สมควรเรียกว่าใหญ่โต  ไม่ต่างจากร่างกายของคนที่ทาบทับอยู่ด้านบนเสียจริง มือของซินอ้ายถูกมือของซินเทียนทาบทับไม่ต่างจากร่างกาย นิ้วที่สลับสับหว่าง ทำให้ซินอ้ายทำได้แต่เพียง กำกระหวัดนิ้วทั้งสิบของซินเทียนไว้แน่น
“ผ่อนคลาย ซินอ้าย อย่างเกร็ง” ซินเทียนที่ยังพยายามใจเย็น ค่อยๆ สอด ความใหญ่โตของตัวเองเข้าสู่ช่องทางเล็กแคบ ที่เจ้าของไม่ยอมให้ความร่วมมือเท่าใดนัก   
“ตะ แต่  เจ็บ อ๊ะ  ข้า เจ็บ  ฮื้อ อ๊าาาา”  ซินเทียน หยุดนิ่งเพื่อให้ซินอ้ายค่อยๆ มีเวลาปรับตัวรับกับความคับแน่นที่ไม่คุ้นเคย
“เจ็บ ฮึก” เสียงสั่นๆ กับร่างที่สั่นเทาเพราะความเจ็บทำเอาซินเทียนถึงกับพูดไม่ออก
“ข้าขอโทษ” ซินเทียนก้มลงกระซิบชิดใบหู
“อ๊า  อย่าขยับ” ร่างด้านใต้ถึงกับผงกหัวขึ้นร้องห้ามทันควัน
“นายท่าน อย่าเพิ่งขยับนะขอรับ  ข้ายังเจ็บอยู่   อ๊ะ “
“ผ่อนคลายสิ ซินอ้าย อย่าเกร็ง” ซินเทียนเริ่มทนนิ่งต่อไปไม่ค่อยจะไหว เสียงแหบเครือของซินอ้ายมันช่างกระตุ้นได้อย่าเหลือเชื่อ
“ข้ากำลังพยายามอยู่ขอรับ  อือ นายท่าน”  ซินอ้ายหันมามองค้อนคนด้านบนที่ไม่ยอมนิ่งอย่างที่ขอ
“เทียน  ข้าเจ็บ  ท่านช่วยอยู่นิ่งๆ สักประเดี๋ยวจะได้หรือไม่   อ๊า” ซินอ้ายเลิกใช้การค้อนเปลี่ยนเป็นออดอ้อนแทนแต่ผลที่ได้กลับทำให้ซินเทียนทนต่อไปไม่ไหวเสียอย่างนั้น
“อ๊า  เทียน อ๊า อ๊าส ซี๊ด  อ๊า”  ร่างใหญ่ถาโถมเข้าหาร่างเล็กอย่าหมดสิ้นความอดกลั้น
“เรียกชื่อข้าอีก   อะ  เรียกอีกสิ เรียกข้า   ซินอ้าย”  สะโพกหนาเร่งจังหวะจนร่างเล็กแทบทนรับไม่ไหว
“ทะ อะ  เทียน  อ๊า  อ๊า” เสียงครวญครางดังระงมเคล้าเสียงเนื้อกระทบเนื้อดังต่อเนื่องอยู่นาน.........
.....
.
.



ซินอ๊ายนอนหอบหายใจ โดยมีซินเทียนนอนทาบทับอยู่ด้านบน ร่างทั้งร่างแทบกลายเป็นดินเหลว  ร่างสูงค่อยๆ ขยับตัวลงนอนตะแคงโดยรั้งร่างเล็กเข้ามากกกอด  ซินอ้ายได้แต่ซุกหน้าลงกับอ้อมอกอุ่น อ่อนล้า อ่อนเปลี้ยยิ่งกว่าครั้งใดในชีวิต  กี่รอบ กี่ยกกันแล้ว   ร่างท่อนล่างร้อนผ่าว เจ็บระบมจนไม่อยากขยับเขยื้อน   แต่เพียงไม่นาน ความต้องการในรางกายก็ปะทุขึ้นมาใหม่อีกครั้ง  น้ำตาแห่งความอดสูล้นทะลัก
“ร้องไห้ทำไม ที่รัก”
“ข้ามันไร้ยางอาย ข้า....”  ซินเทียนจูบแผ่วเบาเพื่อยุติคำว่าร้ายตัวเองของซินอ้าย
“อย่าว่าตัวเองเลย เก็บเสียงของเจ้าไว้บอกว่าเจ้าชอบสิ่งที่ข้าทำ  หรือเก็บไว้ร้องครวญครางเวลาเจ้าสุขจนเจ้าบอกออกมาไม่ไหวเสียดีกว่า   อย่าร้องไห้โดยไร้ความหมายแบบนี้เลย”  ซินเทียนใช้นิ้วปาดน้ำตาออกให้อย่างแผ่วเบา
“ ถ้าเจ้าจะเสียน้ำตาก็ให้เป็นเพราะเจ้าชอบที่ข้าทำจนทนไม่ไหว  ข้าจะพอใจแบบนั้นมากกว่า    เจ้าคือที่รัก  คือยอดปรารถนาของข้า  ต่อให้เจ้าเรียกร้องต้องการทั้งคืน ข้าก็ยินดีจะสนองเจ้าทั้งคืน จนรุ่งเช้า”..........................................
...............................
.................
........
....
...
 
 
เมื่อตอนสาย ซินอ้ายลืมตาตื่นมาพร้อมความรวดราวระบมไปทั่วร่าง ขยับเพียงนิด ทำเอาถึงกับต้องร้องครางราวกับตัวจะปริแตก  แต่จำต้องฝืนลุกเพราะจะต้องไปเตรียมน้ำอาบให้ซินเทียน    แต่กลับต้องมาพบกับความยุ่งเหยิงของเตียงที่นอนที่ราวกับมีการทำศึกกันอย่างดุเดือด  แค่นั้นยังไม่พอ ร่างทั้งร่างของตัวเองยังไร้อาภรณ์ติดกายแม้แต่สักชิ้น  ส่วนด้านข้าง  นายท่านซินเทียนก็มีสภาพไม่ต่างกันนัก ร่างสูงสง่าเปลือยเปล่า  ตามร่างกายมีรอยเล็บข่วน รอย ฟัน   รอยจ้ำแดงๆ กระจายอยู่ทั่วแผ่นอกเลยลงไปถึงหน้าท้องและอาจเลยลงต่อไปถ้าไม่มีผ้าแพร่ผืนบางปิดบังอย่างหมิ่นเหม่ชวนหวาดเสียว

“น่ะ นี่มันเกิดอะไรกันขึ้นล่ะเนี่ย   เมื่อคืนข้า ทำอะไรไป”  ซินอ้าย คล้ายจะรู้แต่ก็ไม่รู้  ร่างเล็กก้าวลงจากเตียงอย่างเร่งร้อน  แต่เป็นว่าร่างทั้งร่างแทบทรุดลงไปกองกับพื้น   ถ้าไม่มีอ้อมแขนของซินเทียนมาโอบรับไว้
“เจ้าจะไปไหนแต่เช้ากัน”
“เช้าที่ไหน นี่มันสายจนแดดส่องเข้ามาด้านในแล้วต่างหาก” ซินอ้ายพยายามแกะมือที่โอบรั้งออกอย่างเขินอาย ไม่รู้เหมือกันว่าอายอะไร แต่วันนี้ บรรยากาศมันไม่คล้ายเดิม  ความรู้สึกมันต่างไปจนรู้สึกหน้าร้อนเห่อไปหมด
“ปล่อยเถอะ ข้าจะไปเตรียมอาบน้ำ” เสียงนี่ฟังดูแหบแห้งเหมือนไม่ใช่เสียงของเขาเอาซะเลย
“ไม่ต้อง วันนี้ข้าสั่งคนเตรียมไว้ให้แล้ว ” ซินเทียนก้มมองสบตาที่วันนี้บวมแดงอย่างเห็นได้ชัด ปากน้อยๆ นั่นก็บวมเจ่ออย่างน่าสงสาร แต่ทั้งหมดกลับกระตุ้นความต้องการของเขาขึ้นมาอีกครั้งอย่าช่วยไม่ได้ ฉะนั้นรีบพาซินอ้ายไปทำอย่างอื่นก่อนที่เขาจะทำตัวเป็นคนใจร้ายลงมือกับคนไร้เรียวแรงอีกสักหนสองหน
ในห้องอาบน้ำ ถังอาบน้ำใบใหญ่บรรจุ น้ำอุ่นอยู่เต็ม  แต่ซิเทียนกลับนั่งลงที่ม้านั่งด้านข้างวางร่างซินอ้ายลงบนตักของตนเองแทน
“นายท่าน....” ซินเทียนไม่สนใจซินอ้ายที่ดิ้นรนขัดขืนแม้แต่น้อย ตักน้ำอุ่นมารดร่างที่นังดิ้นขลุกขลักอยู่บนตักอย่างช้าๆ
“วันนี้ข้าจะปรนนิบัติเจ้าอาบน้ำ   และถ้าเจ้ายังดิ้นอีกข้าไม่รับรองนะว่าข้าจะทนนิ่งเฉยต่อไปได้” ซินอ้ายหยุดดิ้นทันควัน แม้จะไม่มั่นใจนักแต่ก็เหมือนจะเดาได้ว่าเมื่อคืนศึกรักระหว่างตนกับซินอ้ายน่าจะดุเดือดจนยังไม่อยากรื้อพื้นมันในตอนนี้
ซินเทียนค่อยๆอาบน้ำ ทำความสะอาดร่างน้อยๆ ที่อยู่บนตักอย่าทะนุถนอม
...
“อะ นะ นายท่าน”
“อยู่นิ่งๆ”
...
“อึ๊ นะ นายท่าน  อกข้า  วานท่าน อย่าแรงสิ”
“ก็ข้าชอบ”
...
“อุ๊ นายท่าน ตรงนี้ขะ.ข้าทำ ..อะ..เอ..ง.....”
“หุบปาก ข้าอาบน้ำให้เจ้าข้าก็ต้องขัด ต้องถูทุกทีนั้นแหละ”
..........
..
“อ๊ะ นะ นายท่าน ตรงนั้นข้า ...เจ็บ ....อ๊า”
“ทนหน่อยนะ  ข้าเป็นคนเอาเข้า  ก็เป็นหน้าทีข้าเป็นคนเอาออกให้สิ”
...............
...
.
แสงยามเที่ยงสาดส่องให้ความสว่างจนแสบตา ความร้อนแรงของแสงอาทิตย์กลับไม่อาจหยุดรั้งความรุ่มร้อนของคนในหอห้องได้
“นะ นายท่าน อ๊ะ” ร่างเล็กบิดเร้า ร่างกายสั่นสะท้านตามมือที่บีบเค้น ไปตามส่วนต่างๆ ยิ่งตรงยอดอกทั้งสองข้าง ได้รับการเค้นคลึง ยิ่งทำเอาซินอ้ายไม่รู้จะวางมือตัวเองไว้ที่ไหนเลย ได้แต่จิกเข้ากับเตียงแข็งๆ อย่างลืมตัว
“เทียน เรียกข้าว่าเทียนแบบที่เจ้าเรียกเมื่อคืนสิ ซินอ้าย ในเมื่อเจ้าบอกว่าเจ้าจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนมีอะไรเกิดขึ้น อ๊า นี่ไง ข้ากำลังทบทวนความจำให้เจ้าใหม่ อ๊ะ ซินอ้าย  อือม ข้าจะทำให้เจ้าจดจำจนไม่กล้าที่จะลืมมันอีก อ๊า ซินอ้าย” 

 ‘ ไม่  ข้าจะไม่เรียกเหมือนเพื่อนท่าน  ฉะนั้นข้าจะเรียนท่านว่า...’
“เทียนเทียน” เสียงแหบแต่กลับฟังแล้วหวานหูสำหรับซินเทียน ยิ่งกระตุ้นแรงกำหนัดให้พุ่งทะลักจนไม่อาจอดกลั้น......
..
.

จนเวลาบ่ายคล้อยสองร่างเปลือยเปล่ายังนอนกกกอดกันอยู่บนตั่งเตียง ซินอ้ายลืมตามองมือที่เริ่มซุกซนของคนทางด้านหลัง
“ท่านไม่หิวหรือ”  ซินอ้ายถามเสียงแผ่วเบา พยายามกลั้นเสียงครางสยิวเอาไว้อย่างที่สุด
“หิวสิ ข้าหิวเจ้า จนจะทนไม่ไหวแล้ว ซินอ้าย”
“อ๊ะไม่ใช่   อ๊า......เบาๆ เทียนเทียน อ๊า .ข้าเจ็บ  ...อ๊าวว  อึ๊ ...อ๊า”
.................
...
.

“เทียน ข้าให้คนเอาอาหารมาเตรียมไว้ให้เจ้าแล้วนะ ออกมากินเสียก่อนที่อาหารจะเย็นหมดนะ” ยามสายของวันใหม่ มู่เหย่าตะโกนบอกอยู่ที่หน้าห้อง  สองร่างที่เพิ่งเสร็จศึกรักไปอีกรอบค่อยขยับออกจากกัน
“ไปกินอะไรเสียหน่อยเถอะ” เทียนกระซิบบอกซินอ้าย
“ไม่ ข้าขยับไม่ไหวแล้ว  นายท่านไปกินก่อนเลยเถอะสายมากแล้ว  ท่านคงจะหิวแล้ว”
“เรียกเทียนเทียนสิ  แล้วข้าบอกแล้วว่าหิวเจ้ามากกว่าข้าวข้างนอกนั่น”
“บ้า  ท่านออกไปก่อนเลยนะเดี๋ยวข้าตามออกไป ....นะเทียนเทียน” ถ้ายังนอนกระบิดกระบวนต่อมีหวังวันนี้อดข้าวแน่   ชิ เจ้าจิ้งจอกเฒ่าเมื่อวานข้าก็อดข้าวไปวันนึงแล้ว ยังดีที่มีหมั่นโถวเย็นชือกับช้าอุ่นๆ ให้พอได้กินประทัง   วันนี้ข้าไม่หลงกลเจ้าอีกหรอก  แต่อ๊ะ  มันเปลี้ยไปหมด  ข้าอยากนอนต่อจัง.....
“อา  ข้าชอบที่เจ้าเรียกข้านัก   แต่...ไม่   ข้าให้เจ้ากินข้าวก่อนเถอะ เดี๋ยวเจ้าจะเอาแต่บ่นไม่ไหว ไม่ไหวแล้วจนข้าสงสาร” ร่างสูงที่ตอนนี้สวมเสื้อคลุมไว้ลวกๆ  ก้มลงอุ้มคนนอนซุกอยู่บนเตียงขึ้น ร่างน้อยได้ฟังคำร้ายกาจนั่น เสียแต่ไม่มีแรงจะทำร้ายร่างสูงให้หนำใจ จึงใช้ฟันกัดเข้าที่หัวไหล่หนา
“อะ ข้ารู้แล้วว่าเจ้าก็หิวแต่ข้า แต่ตอนนี้ข้าอย่าให้เจ้ากินข้าวก่อน  มาเถอะ” คนอุ้มไม่ได้มีทีท่าว่าจะหนักจากการอุ้มคนทั้งคนไว้  หรือจะเจ็บจากที่โดนกัด กลับทอดสายตาอ่อนโยนมองมา  ซินอ้ายพอเห็นว่าไม่อาจทำอะไรได้จงคลายฟันออก หันกลับมานอนนิ่งให้คนอุ้มไป
“เฮ้ย...” พอซินเทียนเห็นซินอ้ายนิ่งจึงได้ใจกลับยื่นหน้าเข้ามาปล้นจูบเอาดื้อๆ
“ค่าเหนื่อย”
 “งั้น ปล่อยข้าลงนะ ข้าเดินเองได้” ซินเทียน อุ้มร่างเล็กที่ตอนนี้เปล่าเปลือย เดินออกไปห้องด้านหน้าไม่สนใจเสียงประท้วงกระเง้ากระงอดของคนในอ้อมแขนเลย  เมื่อถึงโต๊ะที่มีอาหารวางเรียงรายส่งกลิ่นหอมฉุย ก็นั่งลงที่เก้าอี้แล้ววางคนในอ้อมแขนลงบนตักของตนเอง
“ทำอะไรน่ะ ข้าจะไปนั่งตรงนั้น” ร่างเล็กดิ้นทุบถอง แต่ไม่มีผลกับร่างหนาทียังกอดเอวแน่น
“นั่งนี่แหละ เจ้ายังเจ็บจะไปนั่งม้านั่งแข็งๆ ทำไม นั่งบนตักข้า  เจ้าจะได้ป้อนข้าได้สะดวก”
“ใครว่าข้าจะป้อนท่าน” พูดเรื่องเจ็บแล้วเขิน  ร่างเล็กก้มหน้าซุกเข้ากับอกกว้าง   แล้วรับรู้ได้ว่าถึงแม้ซินเทียนจะใส่เสื้อคลุม แต่ด้านหน้าไม่ได้ผูกรัดไว้  ยังไงซะตอนนี้ร่างเปลือยขอตนกำลังเสียดสีกับผิวเนื้อเปลือยเปล่าของซินเทียนอย่างเต็มที่  ถ้ายังฝืนขยับอย่าไม่ระวัง คงได้ไปกระตุ้นเจ้าคนมักมากเข้าได้ง่ายๆ    ช้อนที่มีน้ำแกงหอมกลุ่นยื่นเข้ามาใกล้ปากสีแดงระเรื่อ คนที่เพิ่งคิดได้รีบอ้าปากรับไว้อย่างไม่เกรงใจทันที
“งั้นข้าจะปรนนิบัติเจ้าเอง  ดื่มนี่สักหน่อยจะช่วยให้ชุมคอ”  ปากเล็กเผยอน้อยๆ รับน้ำแกงเข้าไปอีก  ก่อนที่มือน้อยๆ จะขยับตะเกียบใกล้มือ คีบเนื้อไก่ส่งเข้าปากคนตัวโตอย่างเอาใจ
“ท่านก็กินด้วยสิ  สายขนาดนี้ท่านคงหิวแล้ว”  ต่างคนต่างป้อนเอาอกเอาใจกัน ซินอ้ายเริ่มอิ่ม
“ซินอ้าย ข้าหิว”
“หิวอะไร ข้าก็ป้อนท่านอยู่นี่ จะกินจานไหนข้าจะตักให้” ร่างเล็กเงยหน้ามอง กลับสบเข้ากับสายตาหื่นกระหายอย่างไม่ปิดบัง
“ข้า   หิว   เจ้า”
“ไม่นะ    อ๊ะ .....อ๊า”  ม่ายน้าาาาา ข้าไม่ไหวแล้ว..............
...................
.....
..

มีต่อ

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1683 เมื่อ22-10-2015 00:20:28 »

ต่อ

วันเวลาแห่งความสุขสำหรับเขามันช่างสั้นนัก สามปี เพียงแค่สามปี    มันผ่านไปเร็วเหลือเกินอยู่ๆ   ซินอ้ายก็อาเจียนเป็นเลือดหน้าที่ขาวอยู่แล้ววันนี้เปลี่ยนเป็นซีด หมอมากมายได้แต่ส่ายหัว
“เทียนเทียน ข้ากลัว”
“ไม่ต้องกลัวนะ ซินอ้าย  ข้าจะไม่ให้เจ้าต้องไปรอข้านานหรอก เดี๋ยวเดียวข้าก็จะตามเจ้าไป”
“สัญญานะ”
“อือ ..ขอข้าจัดการอะไรให้เรียบร้อยข้ารับรองจะรีบตามเจ้าไป ไม่ว่าเจ้าจะไปที่ไหนข้าจะไปรอเจ้าทุกที อย่ากลัวนะ ซินอ้าย ที่รักของข้า  เด็กน้อยของข้า”
หุบเขาซ่อนเมฆาที่เคยคึกคัก บัดนี้ไม่ต่างอะไรกลับเมืองร้าง ทั้งทรุดโทรม ระเกะระกะไปด้วยซากปรักหักพัง รกไปด้วยต้นไม้ใบหญ้า เพียงสองปีเท่านั้น   มู่เหยาเดินทางมาที่นี่ก่อนเวลานัดหมาย และ เพราะข่าวลือที่แพร่สะพัด จนต้องเดินทางอย่างรีบด่วน 
“ท่านมู่เหยา” ศิษย์ที่ยังหลงเหลือและเป็นห่วงเจ้าหุบเขา ยังไม่อาจตัดใจจากไป ได้แต่สร้างเพิงพักไว้หน้าทางเข้าหุบเขาตั้งแต่เมื่อสองปีก่อน 
“เรื่องราวเป็นอย่างไรกัน”
“ศิษย์น้องเล็ก หลินปิง วางยาซินอ้าย นางใช้ความสนิทสนมส่วนตัวกับซินอ้ายค่อยๆ ใส่พิษในอาหารให้ซินอ้ายกิน ทุกวัน เป็นเวลาสามปีแล้ว แต่เพราะความริษยา นางไม่อาจทนให้ซินอ้ายได้เสพสุขกับท่านเจ้าหุบเขา เป็นหนามตำใจได้อีก เมื่อสองปีก่อน  นางจึงใส่พิษจำนวนมากลงในน้ำแกง ซินอ้ายกินน้ำแกงนั้นเข้าไป กลางคืนก็กระอักเลือดออกมา หมอมากมายถูกเชิญมาเพื่อรักษาแต่มันก็สายไปแล้วเพราะร่างการซินอ้ายได้รับพิษมานานเกินแล้วยังรับพิษในปริมาณมากในคราวเดียวซ้ำเข้าไปอีก  ท่านเจ้าหุบเขาได้แต่ยื้อชีวิตซินอ้ายเอาไว้ แล้วพยายามหาว่าใครเป็นคนร้าย แล้วยังขับไล่ศิษย์ทั้งหมดลงจากเขา ศิษย์น้องเล็กโมโหเลยบอกว่านางเป็นคนทำเองทั้งหมด สาเหตุที่นางทำก็เพราะริษยาซินอ้าย  เกลียด อยากให้ซินอ้ายตายๆ ไปซะ แต่จริงๆแล้วนางโดนท่านพ่อบ้านหลอกใช้ ท่านพ่อบ้านเป็นถึงน้องชายแท้ๆของท่านเจ้าแต่กลับเป็นได้เพียงพ่อบ้าน    หลังจากนั้นท่านเจ้าหุบเขาก็ทำลายวิทยายุทธของศิษย์น้องเล็กแล้วขับลงจากเขา ส่วนท่านพ่อบ้านไหวตัวหนีออกจากหุบเขาไปก่อนแล้ว  ท่านเจ้าหุบเขาเก็บตัวเงียบ เฝ้ายื้อชีวิตซินอ้ายต่อและยังเสาะหาที่สำหรับ .....” ศิษย์ที่เล่าเรื่องเงียบเสียงไป ก่อนจะเอ่ยต่ออย่าเศร้าสร้อย
“ แต่เมื่อห้าวันก่อนก็ยื้อต่อไปไม่ไหวอีกซินอ้ายสิ้นลมแล้ว  ข้าไม่กล้าขึ้นหุบเขา ข้าฝากท่านเจ้าหุบเขากับท่านด้วย”
เมื่อทราบเรื่องราวจากศิษย์ที่ยังหลงเหลืออยู่ในหมู่บ้าน จึงรีบเดินทางเข้าหุบเขา 
“เทียน”
“เหยา เจ้ามาแล้วหรือ”
“เทียน เจ้าต้องหักใจบ้าง อย่าปล่อยปละตัวเองแบบนี้ เจ้าก็รู้ซินอ้ายย่อมไม่ชอบที่เจ้าจะไม่ดูแลตัวเอง”
“เรื่องซินอ้ายข้าแค่เจ็บแต่ข้าทนได้  อีกไม่นานข้าจะตามไปหา   แต่ที่ข้าทนไม่ได้และที่เจ็บยิ่งกว่า คือข้าไม่นึกว่าคนกันเอง คนที่ข้าไว้ใจจะทำอย่างนี้กับข้าได้ลงต่างหาก สำหรับนางศิษย์ชั่ว  ข้าไม่ได้ขอให้เข้าใจ ไม่ได้ขอให้ยอมรับ   แค่ต่างคนต่างอยู่ ทำไมต้องทำกับข้า กับซินอ้ายถึงขนาดนี้ ฮึก..” เลือดสดๆ กระอักออกมาทางปาก
“เทียน..” มืออ่อนแรงโปกเบาๆ คล้ายจะบอกว่าไม่เป็นไร
“ส่วนเจ้าน้องเลวนั่น ในเมื่อเขาอยากได้หุบเขานี้มากนัก ข้าก็จะให้เขา  เจ้าไม่ต้องกังวลแทนข้าหรอกเหยา อีกไม่นานข้าจะได้ไปตามหาซินอ้ายตามที่ข้าสัญญาไว้แล้ว ข้าอยู่จนวันนี้เพื่อเจอเจ้า กับคำขอสุดท้ายของข้า “
“ได้ เจ้าจะขออะไรเจ้าบอกข้าได้ข้าจะทำให้ทุกอย่าง ถ้าจะให้ข้าไปฆ่ามันให้กับเจ้าข้าก็จะทำ”
“หึ หึ ข้าไม่ขออะไรแบบนั้นหรอก ชีวิตน้องชายสุนัขข้านั้นมันไม่มีค่า พอที่เจ้าจะต้องไปเปลืองเวลา ใส่ใจ  ยังไงมันก็จะต้องชดใช้กรรมที่มันก่อด้วยน้ำมือตัวเอง มันคิดว่าพิษที่มันใช้ จะฆ่าแค่ซินอ้าย กับข้าได้เท่านั้นหรือ คนโง่แบบขนาดเป็นถึงพ่อบ้านยังไม่เคยรู้กฎ  ในห้องเก็บยาพิษที่หุบเขา ใครที่เข้าไป เมื่อออกมาจะต้องกินยแก้าที่มีอยู่กับข้าเท่านั้นทันที  แต่ตัวมันเอง ในเมื่อแอบเข้าไปไหนเลยจะได้กินยา  ป่านนี้มันคงได้ตายอย่างทรมานยิ่งกว่าข้าและซินอ้ายไปแล้ว   เรื่องที่ข้าจะขอกับเจ้าก็คือ ให้เจ้าพาข้าไปอยู่กับซินอ้าย ก่อนที่ข้าจะตายและไม่สามารถนำทางให้เจ้าได้”
“ได้ มาข้าจะพาเจ้าไป...”
“ตรงจุดนี้ของหน้าผา ถ้าเจ้ากระโดลงไปจะพอดีกับฉะง่อนหินที่ยื่นออกมา ในเวลานี้ไม่มีใครที่จะพาข้าลงไปแล้วกลับขึ้นมาได้อย่างปลอดภัย มีแต่เจ้าเท่านั้นที่ทำได้ ข้าจึงรอคอยวันที่เจ้ามา”    มู่เหยาประครอง ร่างที่ลมหายใจเริ่มติดขัดของซินเทียนกระโดดลงไปที่ชะง่อนหินที่ว่านั่น แล้วประคองซินเทียนที่แทบจะหมดแรงเดินลึกเข้าไปข้างในจนไปเจอแท่นหยกขาวที่วางร่างของซินอ้ายก่อนจะค่อยวางเพื่อนลงนอนเคียง
“เหยา ขอบใจเจ้ามาก เมื่อเจ้าออกไปแล้ว ให้ปิดปากถ้ำแล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก อย่าให้ใครรู้ว่ามีที่นี่อยู่ ขอให้ข้าและซินอ้ายได้ฝากร่างสังขารอยู่ด้วยกันอย่างสงบ   ลาก่อน ขอบใจสำหรับทุกอย่างและทุกการช่วยเหลือของเจ้า”  เทียนกระอักเลือดออกมาอีกครั้ง แล้วหลับตาลง พลิกตัวกอดซินอ้ายไว้ในอ้อมแขน ก่อนที่ลมหายใจจะหยุดไปตลอดกาล
“ลาก่อนเทียน” มู่เหยาเดินจากมาด้วยความเศร้าที่ต้องเสียเพื่อนไป แต่ไม่อาจทำอะไรได้ดีไปกว่าทำในสิ่งที่เพื่อนสั่งเสียไว้ให้ดีที่สุด 
“ตูมม”.........................
.........................
..............
...
..
.
“ตูมม” เสียงระเบิดและแรงสั่นสะเทือนที่แม้จะเป็นเพียงภาพฝัน แต่ก็ทำเอาหมิงเทียนสะดุ้งตื่น
เมื่อก่อนนั้นในฝัน  เขาจะฝันเห็นเด็กผู้ชายมอมแมมคนหนึ่ง   ความฝันจะค่อยๆ ยาวขึ้นเรื่อยๆ แต่เขาก็ไม่รู้ว่าเด็กคนนั้นคือใคร     ต่อมา  ความฝันของเขาก็เพิ่มความยาว เพิ่มรายละเอียดมากขึ้นและจบลงที่ซินอ้ายตายจากไป กับคำสัญญาที่เขาให้ไว้ว่าจะเป็นผู้มารอซินอ้าย     แล้วซินอ้ายนี่มันใคร   จนวันที่เขาได้พบกับ  เด็กชายที่รัก  เขาจึงได้รู้ว่าคนที่เขาเฝ้ารอ คือคนคนนี้      และในวันนี้มันกลับเป็นฝันที่ยาวจนถึงช่วงที่ซินเทียนหรือก็คือตัวเขานั่นเอง  ได้มานอนเคียงข้างซินอ้ายหรือก็คือที่รัก แล้วเรื่องราวก็หมดลงพร้องเสียงระเบิด 
“ หรือว่า   ...วันนี้ ที่รัก จะกลับมาอยู่กับเขาเหมือน  ที่เขาเฝ้ารอ เฝ้าภาวนา” หมิงเทียนกระโดลงจากเก้าอี้ยาวที่ใช้นอนตรงไปที่เตียงคนป่วยในทันที  สัญญาณชีพ ที่เต้นสม่ำเสมอมานานวันนี้กลับมีความผิดปกติ หนังตาของคนที่นอนนิ่งมาสามเดือน วันนี้กลับเต้นยุกยิกจน หมิงเทียนต้องกดกริ่งเรียกพยาบาลให้เข้ามาดู เมื่อพยาบาลเข้ามาดูอาการก็รีบโฟนเรียกหมอที่รับผิดชอบเข้ามาก่อนที่หมิงเทียนจะโดนกันออกไปอยู่วงนอก  และได้แต่เฝ้ารออย่ากระวนกระวาย

เมื่อหมอเดินออกจากห้องมา
“คนไข้พื้นแล้ว ไม่มีอาการผิดปกติ แต่ยังมีอาการมึนงง   ให้รอดูอาการไปก่อน และคนไข้ยังอ่อนเพลียมาก อาจจะหลับไปอีกครั้งเป็นเรื่องปกติ  ถ้ามีอาการผิดปกติอะไรให้เรียกพยาบาลนะครับ แล้วพรุ่งนี้หมอจะเข้ามาดูอาการอีกครั้ง”
หมอกลับไปแล้ว ที่รัก นอนหลับตาอยู่บนเตียง พอหมิงเทียนเดินเข้ามาใกล้
“เทีย เทียน” เสียงแหบแห้งแผ่วเบาไม่ต่างจากเสียงกระซิบ ดังมาเข้าหู
“ที่รัก เทียนรอที่รักมานานมากแล้ว เทียนดีใจที่ที่รักกลับมาหาเทียนสักที อย่าทิ้งเทียนไปไหนอีกนะ” ร่างเล็กบนเตียงคนป่วย ปล่อยน้ำตาให้หลั่นรินเป็นสาย หมิงเทียนรั้งร่างน้อยเข้าสู่อ้อมอก ลูบหัวปลอบโยนอย่างแผ่วเบา อยู่เป็นนานกว่าที่ร่างเล็กจะคลายแรงสะอื้น   ไม่นานที่รักก็ตาปลือ พร้อมที่จะหลับอีกครั้งเพราะความเหนื่อย
“เทียนเทียน ผมอยากเห็นหน้าเทียนเทียนเป็นคนแรกตอนที่ตื่นมาอีกครั้ง”
“เทียนจะอยู่ที่นี่รอที่รักตื่นและจะเป็นคนแรก ที่ที่รักจะเห็นด้วย” เทียนประทับริมฝีปากที่เปลือกตาทั้งสองข้างของที่รัก  ในความสะลืมสะลือ ที่รักกระซิบแผ่ว ก่อนที่จะหลับไปว่า.....
..
.
“แล้วเทียนเทียนยังหื่นเหมือเมื่อก่อนอีกหรือเปล่านะ ที่รัก จะ ได้   เตรียม    ใจ” ลมหายใจสม่ำเสมอแสดงว่าที่รักหลับไปแล้ว หมิงเทียนได้แต่ทำหน้ายุ่งยกมือเกาหัวอย่าไม่รู้จะทำอย่างไรดี
“เตรียมทั้งตัวทั้งใจไว้เถอะซินอ้าย ยังไงเทียนก็ไม่น้อยไปกว่าเดิมแน่”  หมิงเทียนกระซิบที่ข้างหูคนนอนหลับ ทำเอาคนนอนถึงกับขมวดคิ้วฉับ.....
...
.
“อือม  .....”
The End :bye2:

แปลผิด ใช้ผิดที่ผิดทาง ผิดความหมาย โทษพรี่ Goo โล้ดค่ะ
 [亲爱 Qīn'ài   ที่รัก
亲  Qīn   Dear  ที่รัก
爱 ai  รัก
 心 Xīn  หัวใจ
天 Tiān วัน ....(.google translate) คำนี้แปลว่า ท้องฟ้าก็ได้ใช่มั้ย???]

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1684 เมื่อ22-10-2015 09:31:49 »

 :pighaun:  โอยหัวใจจิวายเพราะเลือดสูบฉีดไม่ทัน
 :pig4:

ออฟไลน์ koikoi

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3861
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +311/-13
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1685 เมื่อ22-10-2015 13:29:46 »

เป็นคู่กันมาแต่ปางก่อน

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1686 เมื่อ22-10-2015 19:15:35 »

555 แอบขำหมิงเทียนได้ไหมเนี่ย?

เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลยที่รัก หึหึหึ


ออฟไลน์ tewava

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 54
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1687 เมื่อ15-12-2015 14:13:46 »

คือ อ่านเรื่องสั้นหลายตอนของคุณมานานมากแล้วอะ จำไม่ได้ว่าเริ่มเมื่อไหร่


แต่รู้สึกถึงพัฒนาการ ของคนแต่งอะ ว่าเริ่มดีขึ้นเรื่อยๆ ชอบๆ

แต่งต่อไปนะ

ออฟไลน์ makone

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 296
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1688 เมื่อ18-12-2015 07:13:31 »

 :pig4:  :pig4:  :pig4:

ออฟไลน์ aoraor

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 89
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
«ตอบ #1689 เมื่อ28-01-2016 02:12:58 »

น่ารักกกกก ทำไมเราเจอช้าแบบเน้ 55555
 มีการอยากเตรียมตัวเตรียมใจล่วงหน้าด้วย  คิคิ

ปล.เทียนแปลว่า ท้องฟ้าก็ได้จ้า

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เรื่องสั้นx[[#77 ที่รัก]] p.57 x 22/10/58
« ตอบ #1689 เมื่อ: 28-01-2016 02:12:58 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1690 เมื่อ02-04-2016 12:21:34 »

สวัสดีคนอ่านที่น่ารักทู๊กคนค่ะ  เอาเรื่องใหม่มาลงให้อ่านกันนะคะ ไม่ได้ทิ้ง ไม่ได้หาย แค่ไม่ว่างจะแต่งได้ถี่เท่าเมื่อก่อน แต่พยายามจะแต่งให้ยาวขึ้น หวังว่าจะรออ่านกันไหว  อย่าเพิ่งทิ้งกันเน้อ :กอด1:   


น้องหนึ่ง กันต์กวี น้องน้อยผู้น่ารักน่าแกล้งของพี่ๆ  หนึ่งน่าจะเป็นชื่อของเป็นพี่แต่กลับกลายมาเป็นชื่อของน้องคนเล็กของบ้านซะอย่างนั้น น้องหนึ่งเป็นลูกคนเดียวของพ่อแม่ แม่เลยเรียกว่าหนึ่งเดียวมาตั้งแต่เด็ก  ลูกผู้พี่ที่เป็นลูกของคุณลุง คุณป้า บอกว่าหนึ่งเดียวเรียกยาก เลยรวมหัวกันเรียก น้องตัวเล็กว่า  น้องหนึ่ง   ด้วยความน่ารักน่าหยิก แก้มยุ้ย ขาวนวล ปากเล็กแดงระเรื่อคล้ายเด็กผู้หญิง
ปากนิดจมูกหน่อยของน้องหนึ่งคงไปตรงกระตุ้นต่อมขี้แกล้งของพี่ให้ทำงาน ทำเอาพี่ทั้งสองคนชอบมาหยอกน้อง จูบบ้าง หอมบ้างจากเบาๆ ก็กลายเป็นแรงเกินด้วยความหมั่นเขี้ยว
ตั้งแต่เด็กน้องหนึ่งคิดว่าพี่ๆ ไม่รัก ชอบหาเรื่องแกล้ง จึงพยายามเก็บเนื้อเก็บตัว แต่ไม่ว่าจะเก็บมิดแค่ไหน ไอ้พี่บ้าก็หาเจอซะทุกครั้ง แล้วก็ไม่พ้นน้องหนึ่งมีอันต้องเสียน้ำตาทุกที   
“ทำไมต้องแกล้งเค้าด้วย” น้องหนึ่งสี่ขวบ ถามพี่ๆ ที่ชอบมาเล่นด้วยหลังกลับจากโรงเรียน การบ้านไม่ยอมทำ ต้องมาแกล้งให้น้องร้องไห้ก่อนถึงได้เริ่มลงมือทำ
“เค้าไม่ได้แกล้ง แต่น้องหนึ่งน่ารัก แก้มยุ้ยเองนี่เค้าเลยอยากหยิก” พี่ทิ พี่กะทิ พี่คนโตที่อายุห่างจากน้องหนึ่งห้าปี รีบบอก
“พี่ตุลก็ยุ้ย ทำไมพี่ทิไม่ไปหยิกบ้างล่ะ” ปากแดงระเรื่อน้อยๆ ยังเถียงต่อ
“ไอ้ตุลมันอ้วน ไม่ได้ยุ้ย” น้องหนึ่งได้แต่ค้อนพี่ทิ  ส่วนไอ้ตุล หรือตุลสิ ของพี่ทิ หน้างอจนแทบหัก
“แล้วทำไมพี่ตุลชอบมากอดเค้าแรงๆ แล้วยังชอบกัดแขนเค้า”
“ก็น้องหนึ่งตัวนุ้มนุ่มแล้วก็ขาวเหมือนซาลาเปาจนพี่อยากกินนี่นา” พี่ตุลอายุเจ็ดขวบรีบตอบ
“พี่ทิก็ขาวทำไมไม่ไปกัดพี่ทิ”
“ไปกัดพี่ทิเดี๋ยวมันก็ได้ไล่เตะพี่สิ โหดจะตาย ดุยังกับหมา”
“ไอ้ตุล ว่าใครเป็นหมา” พี่ทิเสียงเข็ยว
“ที่พี่ทิยังมาว่าเค้าอ้วนเลย”
........
..
.
 สองพี่น้องยังเถียงกันเอาเป็นเอาตาย จนสุดท้ายทีตุลก็โดนพี่ทิไล่เตะจนได้  น้องหนึ่งได้แต่ยืนหัวเราะ จนพี่สองคนวิ่งไล่กันจนเหนื่อยกลับมานั่งหอบอยู่ข้างๆ
“พี่ทิ กับพี่ตุลไม่ได้เกลียดเค้าใช่มั้ย”
“ใคร ใครเกลียดน้องหนึ่ง ใครบอก บอกพี่มาเดี๋ยวนี้เลย” สองพี่รีบ โวยเสียงแข็ง น้องหนึ่งได้แต่ส่ายหน้า ก่อนจะบอกเสียงอุบอิบ
“คุณแม่ก็บอกน้องหนึ่งว่าพี่ๆ ไม่ได้เกลียดน้องหนึ่งแต่น้องหนึ่งไม่เชื่อคุณแม่เองแหละ ก็พี่ทิกับพี่ตุลชอบแกล้งเค้า เค้าก็เลย..”
“พี่ๆ ไม่ได้เกลียดน้องหนึ่งซะหน่อย รักจะตาย แต่น้องหนึ่งน่ารักเกินไปพี่เลยอดใจไม่ไหว จริงไหมวะไอ้ตุล”
“ช่าย  น้องหนึ่งจำไว้นะน้องหนึ่งน่ารัก จนใครเห็นก็ต้องอยากแกล้ง ถ้าใครมาแกล้งน้องหนึ่ง รีบมาบอกพี่ตุลเลยนะเดี๋ยวพี่ตุลจะไปจัดการมันเอง”...
..
.
หลังจากวันนั้นน้องหนึ่งก็ได้รู้อย่างหนึ่งว่าพี่ๆ รักน้องหนึ่งมาก แต่น้องหนึ่งน่ารักเลยต้องโดนแกล้ง  อย่างนั้นน้องหนึ่งต้องไม่น่ารัก ใครชมว่าน่ารักต้องรีบหนีให้ห่างไม่อย่างนั้นจะโดนแกล้ง  น้องหนึ่งไม่ชอบ และอีกอย่างที่น้องหนึ่งไม่ทันรู้ก็คือไอ้นิสัยเก็บเนื้อเก็บตัวมันได้กลายเป็นสันดานไปอย่างถาวร และนิสัยเสียข้อนี้ยิ่งได้รับการส่งเสริมจากพี่ชายทั้งสองเป็นอย่างดี เพื่อให้น้องหนึ่งเป็นน้องติดพี่  ใครหน้าไหนก็ห้ามมายุ่ง รู้ไว้ซะพี่ชายหวง
ตั้งแต่อนุบาลจนจบม.ต้น น้องหนึ่งจะอยู่ในความดูแลของพี่ชายทั้งสองมาตลอด จนพี่ทิเรียนจบ ม.หก สอบเข้าหมอได้ เรียนหมอหนักจะตาย แต่พี่ทิก็ยังมีเวลาวนเวียนมาเยี่ยมเยียนที่โรงเรียนอยู่เรื่อย พี่ทิ ตอนก่อนก็ว่าพี่แกหล่อแล้วนะ ยิ่งเดี๋ยวนี้ยิ่งดูดี บวกกับผิวขาวจ๊วกของพี่ทิด้วยแล้ว มาโรงเรียนที รุ่นน้องงี้กรี๊ดจนโรงเรียนแทบแตก แต่ดีนะ น้องหนึ่งชอบ หลังจากพี่ทิมาโรงเรียน จะมีสาวๆ เอาขนมมาฝากให้พี่ทิเต็มเลย ขนมอร่อยๆ ทั้งนั้น มีตั้งแต่ทำเองจนของซื้อมาแพงๆ ที่น้องหนึ่งยังไม่กล้าซื้อกินเองเลย  น้องหนึ่งแค่ช่วยหิ้วเอากลับไปให้แล้วของทั้งหมดนั้นก็จะได้ลงไปอยู่ในกระเพาะน้องหนึ่งแบบไม่ต้องเสียเงินซื้อไปเป็นเดือน ดีจะตาย   พี่ทิมาโรงเรียนจนแน่ใจว่าพี่ตุลดูแลน้องหนึ่งได้พี่ทิเลยปล่อยให้เป็นหน้าที่พี่ตุลย์เต็มตัว และตั้งแต่นั้นน้องหนึ่งก็มีเมนูผัดกะเพรา เป็นเมนูในดวงใจ เพราะพอหมั่นไส้พี่ชายตัวดีแต่ทำอะไรไม่ได้ก็สั่งผัดกะเพรามากินแก้แค้น ก็ตุลสิ ชื่อของพีตุลมันแปลว่ากะเพรานี่
พอน้องหนึ่งขึ้นม.สี่ พี่ตุล ก็เข้ามหาวิทาลัยแล้ว พี่ตุลย์เลือกคณะวิศวะที่เดียวกับพี่ทิทั้งที่หัวอย่างพี่ตุลถ้าเลือกหมอหรือเรียนอะไรก็ได้แต่กลับเลือกเรียนวิศวะ
“พี่ตุลไม่เลือกหมอล่ะ”
“ไม่เอาหรอก ให้พี่ทิเรียนไปคนเดียวเถอะพี่ไม่ของสายวิชาการ”
“อ๋อ น้องหนึ่งรู้แล้วพี่ตุล ชอบใช้แรงงานนี่เอง” อยู่กับเพื่อนยังแทนตัวเองว่าเราบ้าง ผมบ้างหรือจะหนึ่งเฉยๆ ก็ได้ แต่ อยู่กับพวกพี่ทิ พีตุลที่ไร ต้องแทนตัวว่าน้องหนึ่งตลอดสิน่า
“มานี่เลยน้องหนึ่ง ปากอย่างงี้มาให้พี่ฟัดซะดีดี”......
....
“ฮ่า ฮ่า ฮ่า พอ พอแล้วพี่ตุล”
.
ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่พี่ตุลเป็นพวกบ้าออกกำลัง ถามก็บอก พี่จะได้แข็งแรงปกป้องน้องหนึ่งได้ไง พี่ตุลเรียนวิศวะก็น่าจะเหมาะแล้วล่ะ บ้าพลัง ถึก เถื่อนซะขนาดนั้น เคยบอกไปแบบนั้นเลยโดนแกล้ง ด้วยการกอดรัดฟัดเหวี่ยงซะจนตัวช้ำ แก้มช้ำไปหมด แถมยังบอกว่าถึงพี่จะถึก จะเถื่อน แต่พี่หล่อ...อิ๊  หน้าไม่อายชะมัดเลยพี่ชายน้องหนึ่งคนนี้

ทั้งที่คิดว่าขึ้น ม.สี่เมื่อไหร่ก็จะไม่มีพี่ๆคอยคุ้มหัว น้องหนึ่งจะยืนด้วยลำแข็งของตัวเอง  จนจบม.หก ก็ยังอยู่ใต้อิทธิพลของพี่ตุลได้อย่างเหลือเชื่อ  จะว่าไปพี่ตุลมันเป็นมาเฟียในโรงเรียนหรือยังไง  ขนาดเรียนจบไปแล้วแต่พี่แกยังมีรุ่นน้องทั้งผู้ชายผู้หญิง ส่วนใหญ่จะหนักไปทางผู้หญิงซะมาก คอยเป็นหูเป็นตาให้ตลอด แต่ก็ดีน้องหนึ่งขี้เกียจยุ่งกับใครต่อใครน้องหนึ่งชอบวาดรูปเงียบๆ คนเดียว คนเยอะวุ่นวาย สมาธิหายหมด ผลพลอยได้จากการพยายามแอบพวกพี่ๆ น้องหนึ่งเลยได้เรียนวาดรูประบายสีมาจากในยูทูป น้องหนึ่งหัดมาตั้งแต่เด็กๆ คุณแม่เห็นน้องหนึ่งชอบ เลยหาอุปกรณ์มาไว้ให้เต็มเลยไม่ว่าน้องหนึ่งจะหัดว่าสีเทียน สีดินสอ สีน้ำ สีน้ำมัน สีอคิลิก กระดาษ กระดาน เฟรมผ้าใบ มีครบ

จบม.หกแล้ว ถ้าน้องหนึ่งไม่เดินไปตามทางที่พี่ทิกับพี่ตุลวางไว้ให้น้องหนึ่งจะเป็นน้องนอกคอกไหม พี่ทิกับพี่ตุลจะไม่รักน้องหนึ่งหรือเปล่า  น้องหนึ่งไม่อยากเรียนหมอ น้องหนึ่งไม่อยากเป็นวิศวกร  วันนี้พี่ๆ กลับมาพร้อมหน้า ทั้งๆ ที่พี่ทิต้องเรียนหนักแต่ก็ยังปลีกเวลามาให้คำปรึกษากับน้องหนึ่ง
“น้องหนึ่งเรียนหมอเถอะพี่จะได้ดูแลเราได้ ถึงจะไม่ค่อยมีเวลาแต่ก็ได้อยู่ใกล้ตาพี่จะได้ไม่ต้องห่วง หัวเราเข้าได้อยู่แล้ว” พี่ทิ พ่อ เอ้ยพี่ที่แสนดีเสนอเป็นคนแรก
“ไม่ชอบก็มาเรียนกับพี่นี่ สนุกจะตาย สาวตรึม”  สาวคณะอื่นน่ะสิ หลอกฟันมาไม่รู้ครบทุกคณะในม.หรือยังอย่านึกว่าน้องหนึ่งรู้ไม่ทันนะนะ ไปเรียนกับพี่ตุลเหมือนเอาชีวิตไปเสี่ยงภัยจากสาวๆที่โดนเขี่ยทิ้งยังไงไม่รู้ น้องหนึ่งกลัว
“น้องหนึ่งไม่เรียนหมอ ไม่เรียนวิศวะ พี่ทิกับพี่ตุลจะเกลียดน้องหนึ่งไหม” น้องหนึ่งรู้อยู่อย่างว่าถ้าอยากให้พี่ๆ ตามใจ แค่ทำเสียงเศร้า เคล้าน้ำตาเข้าไปหน่อย พี่ๆ จะแล่นมาเอาใจจนแทบจะทูนหัวให้ทุกอย่าง แถมวันนี้เพิ่มดีกรีความอ้อนด้วยการเข้าไปกอดเอวพี่ทิเพิ่มอีกหน่อย จะสูงไปไหนเนี่ยพี่ทิ หัวน้องหนึ่งอยู่แค่คางพี่เองนะ น้องหนึ่งสูงนะ สูงตั้งร้อยเจ็ดสิบเซนติแน่ะ
“ไม่อยากแล้วน้องหนึ่งอยากเรียนอะไรบอกพี่ทิซิ” นั่นไง เสียงอ่อนแบบนี้ค่อยน่าคุยด้วยหน่อย
“น้องหนึ่งอยากเรียนศิลปะ  ถ้าเรียนคณะนี้น้องหนึ่งไม่ได้ไปยุ่งสุงสิงกับใครมาก น้องหนึ่งอยู่แต่กับตัวเอง คนคณะนี้มีความเป็นส่วนตัวสูง”
“โลกส่วนตัวสูงแถมไปกันเป็นฝูงอะสิไม่ว่า อยู่แต่ในจิตนาการ ขาดความมั่นใจ แปลกแยก” พี่ตุลพูดเสียไม่พอใจนิดหน่อย
“เฮ้ย จีบสาวศิลปะไม่ติดก็อย่าพานน้อง”
“ที่ไหน หล่อขนาดนี้มีแต่สาววิ่งเข้าใส่ครับ อย่าให้คุย” พี่ตุลทำหน้าหยิ่งใส่ แบบนี้ชัวร์เลย กินแห้วคณะศิลปะมาอิ่มแน่
“พี่รู้ว่าน้องหนึ่งชอบศิลปะ แต่พี่ก็อยากให้น้องหนึ่งอยู่ใกล้ๆ มองไปก็เห็น ไม่เรียนคณะพี่เรียนคณะพี่ตุลก็ยังดี” พี่ทิถอนใจ 
“แต่ในเมื่อน้องหนึ่งไม่อยากเรียน พี่ก็ตามใจ เพราะยังไงก็ยังไงที่มหาวิทยาลัยก็มีคณะนี้ แต่พี่ขออย่างนะน้องหนึ่ง พี่ไม่อยากให้น้องหนึ่งเรียนจิตกรรม ไม่อยากให้น้องหนึ่ง ต้องนั่งดมกลิ่นสี กลิ่นน้ำมันตลอด มันเสียสุขภาพ น้องหนึ่งเลือกเอกอื่นให้พี่ได้ไหม พี่มีน้องที่ตั้งแต่หัวจรดเท้าเหม็นตลบไปด้วยกลิ่นน้ำมันจนนึกว่าเครื่องจักรเดินได้คนแล้ว พี่ไม่อยากกอดกระป๋องสีเดินได้แม้กระป๋องสีนั้นมันจะน่ารักแค่ไหนก็ตาม นะ นะ พี่ขอแค่นี้ได้ไหมครับ” อื้อหือ ขอแบบนี้ให้น้องหนึ่งเลือกคณะอื่นเลยเหอะพี่ทิ ยังดีนะที่รู้อยู่ก่อนแล้วว่าพี่ชายอนามัยจัด  ต้องมีข้อแม้แน่นอน เลยไม่ได้คิดที่จะเรียนเอกนี้มาตั้งแต่ต้น
“ได้ครับน้องหนึ่งจะเลือกเอกอื่น พี่ทิอนุญาตให้น้องหนึ่งเรียนศิลปะแล้วนะครับ ห้ามกลับคำนะ”
“แน่นอนสิ ในเมื่อน้องหนึ่งชอบพี่ก็ไม่ขัดครับ”
“เย้ น้องหนึ่งรักพี่ทิที่สุดเลย”
“อ้าว เฮ้ย น้องหนึ่งแล้วพี่ตุลล่ะ พี่ก็ไม่ได้ขัดเหมือนกันนะ” พี่ตุลเดินเข้ามาดึงแขนที่เกาะเอวพี่ทิออกแล้วเอาตัวเองแทรกเข้ามานี่ก็อีกคนจะสูงไปไหน สูงกว่าพี่ทิอีกมั้งเนี่ย

“หนึ่ง” เสียงเรียกอย่าตื่นเต้นดังมาจากทางด้านหลัง
“อ้าวตี๋ นายก็เรียนที่นี่หรอ เรานึกว่าจะเรียนที่นี่คนเดี๋ยวซะอีก” หนึ่งหันกลับไปมองคนเรียกจึงเห็นว่าเป็นเพื่อนจากโรงเรียนเดียวกัน
“ตลกล่ะครับคุณ เพื่อนจากโรงเรียนเราสมัครที่นี่กันเยอะนะครับ”
“อ้าวหรอ ตอนรายงานตัวไม่เห็นใครก็นึกว่าเลือกที่อื่นกัน เราก็เลยตกใจที่เห็นตี๋นี่แหละครับ”
“ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้ล่ะครับ ไม่ได้เลือกที่เดียวกับที่พี่ตุลเรียนหรอ พี่นายอนุญาตให้นายมาไกลบ้านได้ด้วย แปลกแฮะ”
“คือเราเลิก นะคะ นะครับ กันเถอะไหมตี๋”
“ก็ดีนะครับ เอ้ย ดีๆ แต่เราอาจเผลอตัวครับอีกก็ได้เพราะพูดแบบนี้มานานเหมือนกัน แล้วเรื่องพี่ทิกับเฮียตุลล่ะ” ตี๋เกาหัวแบบเขินๆ
“พี่ทิกับพี่ตุลยังไม่รู้หรอกว่าเราติดที่นี่ แต่เราว่าวันนี้คงรู้แล้วแหละ กลัวระเบิดลงเหมือนกัน”
“ตี๋อยู่คณะไหน เราอยู่ศิลปกรรม”
“โห ไม่ใกล้ไม่ไกล เราอยู่วิศวะ”
“อ้าวตึกคณะอยู่ใกล้กันเลย”
“เอาเบอร์เราไป ถ้ามีไรโทรหาเราได้นะ ไปก่อนล่ะเพื่อนรอละ” ตี๋บอกเบอร์โทรให้อย่างเต็มใจ
“ขอบใจนะ” ....
..
.
หลังจากนั้นก็ระเบิดลงเต็มๆ พี่ทิ พี่ตุลมาหาถึงม. ต้องดราม่ากันแทบตายกว่าที่ทั้งสองคนจะยอมใจอ่อนกลับไป เบอร์เพื่อนทุกคนที่วันนั้นได้มา ไม่ว่าจะเบอร์เพื่อนศึกษา เพื่อนมนุษย์ รวมไปถึงเบอร์ตี๋จากวิศวะเป็นอันระเห็ดไปปรากฏหลาบนโทรศัพท์ท่านพี่ทั้งสองอย่างช่วยไม่ได้  คอนโดใกล้ม.ที่แม่หาซื้อให้ ตอนปีหนึ่งเทอมหนึ่งไม่ค่อยได้ใช้เพราะปีหนึ่งทุกคนต้องอยู่หอใน มันเป็นกฎ มั้งนะ หรือไม่น้องหนึ่งก็คงโดนรุ่นพี่หลอก 
ห้องที่ซื้อไว้กลายเป็นที่สิงสถิตของพี่ตุลที่หนีมาเที่ยว เอ้ย มาคุมความประพฤติน้องเสียมากกว่า มาถี่จนนึกว่าซิวมาเรียนที่นี่ไปแล้ว ที่ไหนได้ เป็นคำสั่งจากมาเฟียขาใหญ่อย่างพี่ทิที่ตัวเองมาไม่ได้ก็สั่งน้องมาเสียอย่างนั้น พี่ตุลมักมาแบบไม่บอกไม่กล่าว จนตอนนี้ขึ้นปีสองแล้วพี่ตุลก็ยังไปไปมามาอยู่บ่อยๆ
“น้องหนึ่ง ใครทำอะไร หรืออุบัติเหตุทำไมเลอะเทอะแบบนั้น เป็นอะไรมากไหม ให้พี่ตามพี่ทิมาดูหรือเปล่า”
“พี่ตุ๊ล น้องหนึ่งเรียนเซรามิกนะ เซรามิก รู้จักมั้ย ที่เขาปั้นหม้อปั้นไหกันน่ะ มันอยู่กับดินกับทรายนะ มันก็ต้องเลอะเป็นเรื่องธรรมดา แล้วนี่ วันนี้เรียน  Throwing นะ แป้นหมุน น่ะครับรู้จักไหม มันถึงได้เลอะขนาดนี้  พี่จะตื่นตูมทำอาร้าย”
 ระอาพี่ชายจอมแตกตื่นเหลือเกิน  แล้วไม่รู้จักจำซะบ้างเลย เจอกันที่ไรชอบนึกว่าน้องโดนใครแกล้งหรือไม่ก็เกิดอุบัติเหตุทุกรอบ
 มีอยู่ครั้งพี่ทิแทบจะรีบบึ่งรถมาจากกรุงเทพฯ ตอนดึกตอนดื่นด้วยซ้ำไป ดีที่ยังโทรสกัดได้ทัน
“แล้วนี่มาทำไรล่ะ น้องหนึ่งไม่ค่อยว่างมากินข้าวเย็นเป็นเพื่อนนะ น้องหนึ่งต้องเริ่มเฝ้าเตาแล้ว แถมมีเรียนถ่ายรูปอีก”
“พี่ก็จะมาบอกเราเหมือนกันว่าต่อไปนี้คงไม่ได้มาหาอีกนานเพราะต้องเร่งจบแล้ว ถ้ามีไรหรือแค่คิดถึงก็โทรหาได้ 24 ชั่วโมง แต่ถ้าเรื่อด่วน จำเป็นโทรหาตี๋ก็ได้ มันแสตนด์บายตลอด” เอ่อพี่ครับ พี่เอาเพื่อนผมมาเป็นผู้ปกครองผมด้วยอีกคนหรือไง ให้มันได้อย่างงี้สิ
“ครับ พี่ตุลสบายใจได้ ตั้งแต่อยู่มาไม่เห็นมีใครมายุ่งไรกะน้องหนึ่งเลยสักคน”

................มันจะไปมีได้ไงล่ะครับน้องหนึ่งที่น่ารักของพี่ตุล  ก็พี่เตะสกัดแม่มตัวเป็นเกลียว    ทุกทางขนาดเน้ น้องนึกว่าพี่มาเล่นๆ หรือครับที่ม.นี้เนี่ย
ไม่ครับพี่มาขายขนมจีบ เฮ้ยไม่ใช่ พี่มันคนกว้างขวางครับ เพื่อนพี่เยอะ อย่านึกว่าเหลือบ ริ้นไร ตัวไหนมันจะผ่านเข้ามาได้เลย.................

“เอากันขนาดนี้เลยหรอพี่ตุล” ไอ้ตี๋มันเคยถามเมื่อนานมาแล้ว
“เออสิวะ น้องพี่ พี่หวง”
“เอา เอาตามใจพี่เถอะครับ ผมช่วยพี่ได้เท่านี้แหละนะ ถ้าหนึ่งมันไปจีบสาวที่ไหนผมไม่ห้ามมันให้พี่นะครับ”
“เออ ถ้ามันจีบสาวเป็นพี่ก็ไม่ห้าม แต่ถ้ามีไอ้ตัวไหนมาจีบน้องหนึ่ง พี่ฝากมึงตืบมันให้ด้วย” หึ จีบสาว ไอ้นี่ก็คิดได้ สาวที่ไหนมันจะชอบผู้ชายหน้าหวานกว่าตัวเองวะ พวกกูทำใจมานานละ ว่าต้องได้น้องเขยมากกว่าสะใภ้ล่ะวะ แต่ถ้าไม่มีซะเลยจะดีกว่า น้องพี่ พี่หวง
หลังจากวันนั้น น้องหนึ่งก็เจอกับตี๋อีกบ้างตามร้านอาหารแถวม. กับแคนทีน

   เย็นๆ แถวสนามหญ้าที่ถูกใช้เป็นสนานบอล ของผู้ชายสารพัดคณะ เป็นที่ที่ลมเย็นน่านั่งเล่นแต่น้องหนึ่งไม่มีเวลามานั่งเอ้อระเหยเหมือนสาวๆ หลายคนหรอก เพราะต้องรีบไปกินข้าวให้เสร็จแล้วรีบกลับมาเฝ้าเตาเผาที่ยังไม่ถึงอุณหภูมิที่ต้องการ ตอนนี้มีเพื่อนที่ยังไม่กลับดูให้อยู่ วันนี้น้องหนึ่งขี่มอเตอร์ไซด์มาเรียนเพราะที่จอดมันมีน้อยต้องใช้สอยอย่างประหยัด  ออกจากช้อปเซฯ อ้อมออกมาทางวงเวียนวิศวะ ตัดมาออกข้างสนามบอลไปอีกไม่ไกลก็จะถึงแคนทีน
“ หนึ่ง วู้ วู้” เสียงคนคุ้นเคยเรียกมาจากกลางสนาม ตี๋เห็นหนึ่งจอดรถก็วิ่งตรงมาหา
“จะไปไหน”
“จะไปแคนทีน เดี๋ยวต้องกลับมาเฝ้าเตาต่อ ตี๋มีไรหรอ”
“ไปส่งที่ห้องหน่อย ไม่มีรถ  ต้องรีบเอางานไปให้เพื่อน” หนึ่งพยักหน้าอย่างเต็มใจ
“มา เราขี่เองนายไม่ถนัดตอนมีคนซ้อน”
“ตี๋  ติดไปแคนทีนคน” ชายร่างสูงผิวแทนคมเข้มก้าวยาวๆ เบียดซ้อนท้ายมาด้วยอีกคน ทำเอาหนึ่งต้องกระเถิบชิดตี๋มากยิ่งขึ้น
“งั้นแวะส่งพี่แดนก่อน แล้วหนึ่งเลยไปหอส่งเราแล้วค่อยมาแคนทีน” รถออกตัวทันที ทำเอาหนึ่งที่ไม่ทันตั้งตัวผงะ  แผ่นหลังกระแทกเข้ากับแผ่นอกแน่น หัวโขกเข้ากับปลายคางของคนด้านหลัง พี่ที่ชื่อแดนตามที่ตี๋เรียก แค่ยิ้มให้ไม่ได้ว่าอะไรไม่แสดงว่าเจ็บสักนิด

ส่งตี๋ที่หอเรียบร้อย หนึ่งขี่รถกลับมาที่แคนทีน จอดรถในที่จอด  ข้อมือขวาก็โดนคว้ามับ
“ไปกินข้าวด้วยกัน วันนี้เลี้ยง ขอบใจที่ให้ติดรถมา” พี่แดนไม่รู้โผล่มาจากไหน คว้าแขนได้ก็ลากออกเดินทันที
“มะ ไม่ต้องก็ได้ครับแค่นี้เอง” หนึ่งได้แต่ปฏิเสธแต่ขัดขืนไม่ได้
“นั่งนี่ กินไรเดี๋ยวไปซื้อให้”
“ข้าวกะเพราหมูไข่ดาวครับ  เอ่อ พี่กินน้ำอะไรเดี๋ยวหนึ่งไปซื้อน้ำให้พี่แล้วกัน”
“เลี้ยงง่ายดีนะเรา น้ำมะพร้าวปั่น”
ได้อาหารกับน้ำเราสองคนก็ต่างคนต่างกิน ข้าวกระเพราหมูสองจานกับน้ำมะพร้าวปั่นสองแก้ว ไม่รู้ว่าบังเอิญหรือเพราะชอบเหมือนกันก็ไม่รู้
“ชอบเตี๋ยวเรือไหมเรา” หลังจากถามชื่อ คณะ ชั้นปีกันเป็นที่เรียบร้อย ก็ต่างคนต่างกิน แล้วอยู่ๆ พี่แดน หรือชื่อจริงว่า    ‘ชนแดน’  รุ่นพี่ วิศวะ ปี 3  ก็ถามคำถามทำลายความเงียบ
“ก็กินได้ครับ แต่ไม่ค่อยชอบ มันเผ็ด”
“แล้วในพวกก๋วยเตี๋ยวชอบกินอะไร”
“เส้นใหญ่น้ำหมู”
“ที่เป็นน้ำใสๆ มีเส้นใหญ่ ถั่วงอก หมูแดงแล้วก็ใส่หมูสับหน่อยนึงอะนะ”
“ครับ ประมาณนั้น” พี่แดนไม่ได้ว่าอะไรต่อ  ได้แต่มองหน้าแล้วยิ้มแปลกๆ และเพราะยิ้มแปลกๆ นี่แหละน้องหนึ่งก็เลยต้องถาม
“พี่แดนชอบกินเตี๋ยวเรือหรือครับ”
“ไม่ พี่ไม่ชอบของดำ”
“ฮะ???”
“พี่ตัวดำ พี่เลยไม่ชอบกินชอบใช้ ของดำ”
“เกี่ยวกันตรงไหนอะครับ  อ๊ะงั้นก็ไม่ชอบเฉาก๊วยสิครับ แต่หนึ่งชอบกินนะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่กันไว้ก่อนก็ดี  เฉาก๊วยพี่ไม่ชอบ แต่ถ้าหนึ่งอยากกินหนึ่งก็ซื้อมาเลี้ยงพี่ถ้าหนึ่งให้พี่กินได้หมดแหละ”
“งั้นที่กินน้ำมะพร้าว ไม่ชอบเตี๋ยวเรื่อ...”
“ใช่ ยิ่งสบู่ถ่านนะอย่าหวังได้กินเงินพี่”
“พี่ไม่ได้ดำซะหน่อย อย่างงี้เรียก แทน ต่างหากครับ ผิวสีสวยออกจะตาย หนึ่งอยากมีผิวสีแบบนี้บ้าง”
“ชอบหรอ มาอยู่ใกล้พี่บ่อยเผื่อผิวพี่มันจะตกใส่สิ”
“งั้นหนึ่งไปนอนข้างถ่านดีกว่าดำเร็วดี”
“ไม่ดีหลอกถ่านเลอะเทอะ นอนข้างพี่ดีกว่าอีก” ฉึก ....ส่งกามเทพไปยิ่งศร เผื่อจะหลงคารมกันบ้าง..... เบา พอหอมปากหอมคอ.......  ; ) พี่แดนเองครับ
“....”


เย็นนั้นหนึ่งไปส่งพี่แดนที่สนามบอลแล้วกลับไปนั่งเฝ้าเตาต่อ โดยไม่รู้เลยว่าหลังจากเย็นวันนั้น จะได้เพื่อนกินข้าวเย็นแบบถาวร

แรกๆ พี่แดนจะแวะมาดักอยู่ที่หน้าช็อปเซฯ  แล้วแค่ชวนแบบบังคับ คือคว้ามือลากขึ้นรถ รถทอเตอไซด์บ้าง รถเก๋งบ้าง ให้ไปกินข้าวด้วยกัน
แม้แต่เบอร์โทรก็บังคับเอาไป บอกว่าจะเอาไว้โทรมาชวนกินข้าว  จากนั้นก็จะโทรมาทุกเย็น

โทรชวนแค่กินข้าวมาเป็นเดือน ถึงได้เปลี่ยนมาเป็นไลน์หา แต่เรื่องกินข้าวก็ยังใช้วิธีโทรตามอยู่ดีเคยถามเหมือนกันว่าทำไมไม่ไลน์มา
“กินข้าวเป็นเรื่องสำคัญ โทรหาเอาแน่นอนดี เรื่องคุยเล่นไลน์ทิ้งไว้ หนึ่งว่างเมื่อไหร่ก็มาอ่านจะได้ไม่เหงาเหมือนมีพี่อยู่ด้วยตลอด” ฉึก....นาน นานส่งไปซ้ำสักดอก ตอกย้ำความรักให้หนักแน่น หุหุ ..... ; ) พี่แดนอีกรอบ   
คุยเรื่องสัพเพเหระกันมาได้สักระยะ เวลาอื่น ก็จะมีข้อความมาทางไลน์  บ่นนู่นนี่นั่นบ้าง  คุยเรื่องตลกบ้าง หลังจากคุยไลน์กันไปอีกเดือนเศษ
จนกลายเป็นนิสัย ต้องนอนรอเสียงเตือน ไลน์ ....มาชวนเข้านอน ไม่งั้นน้องหนึ่งนอนไม่หลับ ไม่ว่าจะเป็น
....ดึกแล้ว เข้านอนกันเถอะ....
....ฝันดีนะ....
....จะปิดไฟละนะหลับตาหรือยัง....
....นอนด้านในนะเดี๋ยวพี่นอนด้านนอกกันหนึ่งดิ้นตกเตียง....
....ถ้าคืนนี้หนาวก็เบียดมาซบอกพี่ได้นะครับ อกพี่อุ่น....
....หนุนแขนพี่แทนหมอนไหมคืนนี้.... และอีกสารพัดความเลี่ยนแบบซ่อนยิ้มที่ทำให้น้องหนึ่งนอนหลับฝันดีแทบทุกคืน ที่บอกว่าแทบก็เพราะวันไหนที่พี่ตุลว่างมาคืนนั้นน้องหนึ่งจะโดนซักฟอกจนแทบหมดอารมณ์นอน ยังดีที่พี่ตุลไม่เคยแอบเช็คโทรศัพท์เหมือนเมียขี้ระแวง ไม่งั้นคงเป็นเรื่อง

 หลังสามเดือนที่ได้กินข้าวด้วยกัน ได้คุยกัน พี่แดนก็ได้โอกาสมาส่งน้องหนึ่งถึงหน้าคอนโด   หลังจากนั้นพี่แดนก็มารอรับไปเรียน  ไปรับไปส่งจนกลายเป็นประจำ แต่พี่แดนไม่เคยขอขึ้นไปยุ่งย่ามบนห้องเลยสักครั้ง แค่มาจอดรถรอที่ด้านหน้า ส่งเสร็จก็ไป
ต้องเทียวรับเทียวส่งอยู่นานกว่าที่หนึ่งจะไว้ใจ จนเห็นเรื่อง กินข้าวด้วยกัน ไปรับมาเรียน รอส่งกลับห้อง เป็นเรื่องปกติ ถ้าทำอะไรแปลกๆ หรือทำให้เจ้าตัวเล็กนี่ไม่ไว้ใจขึ้นมา เจ้าหนึ่งน้อยก็พร้อมจะแล่นหนีเข้าไปซุกอยู่ในกระดองทันที
“น้องหนึ่งมีเรื่องกลุ้มอะไรบอกพี่แดนได้นะ”  ไม่รู้ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คนตัวเล็กข้างๆ เผลอเรียกตัวเองว่าน้องหนึ่ง ...... ; ) พี่แดนแสนขยันก็ตีเนียนเรียก น้องหนึ่ง มาตลอด
“ฮะ อะไรนะครับ” ชนแดนมองอย่างเห็นห่วง
“พี่ถามว่ากลุ้มอะไรครับ”
“ไม่มีอะไรหรอกครับ น้องหนึ่งไม่ได้กลุ้มใจอะไร....มั้ง” แล้วไอ้มั้งเบาแสนเบาที่หลุดตามหลังมานั่นอะไรเล่า
“ไม่ได้กลุ้มแล้วทำไมคิ้วมันถึงขมวดจนจะชนกันอยู่แล้วล่ะ” พี่แดนยื่นนิ้วมาคลึงหว่างคิ้วให้อย่างเบามือ    นี่นั่งคุยกันอยู่ในรถหน้าคอนโดนะครับไม่งั้นจะลากมาจูบซะให้หายกลุ้มเลย ........... ; ) พี่แดนผู้เริ่มหื่น
“คือ... น้องหนึ่งถามอะไรพี่แดนหน่อยได้ไหมครับ”
“อือ เอาสิ”
“พี่แดนว่าน้องหนึ่งน่ารักไหมครับ”
“น้องหนึ่งหน้าตลกครับ” พี่แดนเอื้อมมือมาแตะเบาๆ ที่แก้ม
“เฮ้ออออ”
“อ้าว ทำไมถอนใจซะยาวเลย”
“ก็น้องหนึ่งไม่แน่ใจว่าพี่แดน มาอยู่กับน้องหนึ่งทุกวันอย่างนี้ เพราะจะมาแกล้งน้องหนึ่งหรือเปล่า คนที่บอกน้องหนึ่งน่ารัก ก็ชอบแกล้งน้องหนึ่งบ่อยๆ น้องหนึ่งไม่ชอบ แต่น้องหนึ่งก็ไม่กล้าถาม แล้วพี่แดนก็ยังไม่ได้แกล้งอะไรน้องหนึ่งด้วย”
“คนที่บอกน้องหนึ่งน่ารักแกล้งน้องหนึ่งยังไงบ้างเล่าให้พี่ฟังสิ”
“บางคนก็ชอบดึงแก้ม  บางคนก็ชอบมาหอมแก้มน้องหนึ่งแรๆ บางคนกัดน้องหนึ่งด้วย”
“กัด กัดยังไงน้องหนึ่ง”
“กะ กัดปากน้องหนึ่งครับ เจ็บ”  ไอ้เวรพวกนั้นมันน่าตามไปฆ่าให้หมด ชนแดนได้แต่เข่นเขี้ยวเคี้ยวฟัน
“แต่ไม่เป็นไรหรอกนะครับ มันเป็นเรื่องตั้งนานมาแล้ว และอีกอย่าง คนพวกนั้นโดนพี่ตุลกับพี่ทิจัดการเรียบ” น้องหนึ่งทำหน้าภูมิใจในตัวพี่ชายเสียเหลือเกิน

หึ หึ  ด่านพี่ชายสองคนที่ทำตัวยังกับพ่อ มันไม่มีทางจะผ่านด่านนี้ไปได้ง่ายๆแน่ ไอ้ตี๋อีกคน ช่วงนี้ชอบมองเขม่นอยู่บ่อยๆ ดีที่มันยังไม่มีโอกาส  เอาวะก็คนมันรักไปแล้วยังไงก็ต้องยอม แต่ใครยอมใครนี่อีกเรื่องนะ

“ตอนหลังเลยไม่มีใครกล้ามารังแกน้องหนึ่งอีกเลยครับ แต่ตอนนี้น้องหนึ่งโตแล้ว น้องหนึ่งรู้ ไอ้แบบนั้นเรียกแต๊ะอั๋ง   แล้วน้องหนึ้งก็ไม่ชอบให้คนที่ไม่ได้รักมาทำแบบนั้นด้วย น้องหนึ่งจะไม่ให้ใครมารังแกน้องหนึ่งง่ายๆ หรอกครับ”
“ดีแล้วถ้าใครกล้ามาแกล้งบอกพี่เลยนะเดี๋ยวพี่ไปจัดการให้เอง แล้วก็ไม่ต้องกลัวว่าพี่จะแกล้งน้องหนึ่งนะ พี่รักน้องหนึ่ง แต่พี่ยังจะไม่ แต๊ะอั๋ง จนกว่าน้องหนึ่งจะรักพี่เหมือนกัน”
“รักหรอครับ รักเหมือนพี่ตุล พี่ทิหรอครับ”
“ไม่ใช่สิ รักเหมือนคนรัก น้องหนึ่งรู้ไหม เข้าใจไหม” น้องหนึ่งทำหน้าแบบไม่เชื่อ

“เฮ้ออ น้องหนึ่งไม่หล่อนะ”
เกี่ยวกับไม่หล่อตรงไหนเนี่ย แค่นี้ก็น่ารัก อุ๊ป ใช้น่ารักไม่ได้  เรียกว่า น่าหลงจนอยากปล้ำวันละไม่รู้กี่รอบแล้วแทนก็แล้วกัน  .... ;) พี่แดน รักจริงนะครับ

“ก็บอกแล้วว่าน้องหนึ่งหน้าตลก แบบนี้พี่รั๊ก รักเลย พี่ไม่ได้บอกรักคนหล่อสักหน่อย”
“เออจริง น้องหนึ่งลืม”
“งั้นเป็นแฟนกันนะ คนหน้าตลก” ขอกันง่ายๆ นี่แหละวะ .....; ) พี่แดนผู้ไหวพริบดี   ไม่ขอตอนนี้ แล้วจะไปขอตอนไหน เดี๋ยวพี่กับเพื่อนมันไหวตัวทัน
“ขอเวลาน้องหนึ่งคิดก่อนนะครับ”
“ให้ห้านาที โตป่านนี้แล้ว ต้องรู้สิว่าชอบไม่ชอบ รักไม่รัก” ชนแดนรีบกำหนดเวลาทันที แบบไม่ปล่อยให้คิดนาน
“ก็รู้แหละครับ  ชอบก็ชอบอยู่นะ  อยู่กันพี่แดนก็สนุกดี แต่เรื่องว่ารักไม่รักนี่ยังไม่ได้คิดไปถึงขั้นนั้นนี่ครับ”  หนึ่งหน้ายุ่ง ตอบอุบอิบ
“รักพี่เถอะนะ พี่ออกจะน่ารัก พี่น่ารักแล้วพี่ยอมให้น้องหนึ่งแกล้ง อยากจับแก้ม อยากจุ๊บ อยากกัด พี่แดนยอมน้องหนึ่งทู๊กอย่างเลยครับ” ชนแดนแกล้งยิ้มกว้างซะจนตาหยี
“ให้แกล้งได้จริงนะ ไม่โกรธนะ”
“จริง ไม่โกรธ มีแต่จะรักมากขึ้นครับ สัญญา”
“งั้นเป็นก็ได้ครับ” 
“เป็นอะไรนะครับ”  ชนแดนมองสบตาตรงๆ แล้วแกล้งถามซ้ำ
“เป็นแฟน” น้องหนึ่ง หลบตา ก้มหน้างุด แก้มแดงจนลามลงมาที่คออย่างเห็นได้ชัด ตอบเสียงเบาแบบเขินสุดขีด
“อย่างนั้นวันนี้ก็ขึ้นไปเที่ยวห้องแฟนได้แล้วสิ” ชนแดนยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มกริ่ม ถามเสียงแผ่ว
“ไม่ต้องเลย วันนี้น้องหนึ่งไม่ได้เตรียมตัว ห้องก็ลก รอให้ห้องน้องหนึ่ง พร้อมต้อนรับแขกเมื่อไหร่จะชวนไปเที่ยวครับ” น้องหนึ่งดันไหล่ชนแดนให้กลับไปนั่งดีๆ  พร้อมตอบเสียงสั่น
ก่อนเปิดประตูรถแล้วหนีลงจากรถทันที ก่อนประตูจะปิดสนิทยังได้ยินเสียงคนใจรถหัวเราะ จนต้องส่งค้อนกลับไปให้ก่อนวิ่งขึ้นห้องไป




มีต่อค่ะ

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1691 เมื่อ02-04-2016 12:24:13 »

 วันนี้ตี๋พาหนึ่งไปเที่ยวตามที่เคยสัญญากัน ร้านเหล้าโปร่งโล่งชายทุ่ง ลมพัดเย็นสบายเป็นอีกสถานที่ที่นักศึกษาจะมานั่งจิบอะไรเบาแบบผ่อนคลายสบายๆ
“หนึ่งนายจะลองจริงหรอ ไม่รอมาพร้อมเฮียตุลหรือไม่ก็พี่ทิก็ยังดีนะเราว่า”
“ไม่อะ มากับพี่ทิ หรือพี่ตุลก็ได้แต่ดูสองคนนั่นกินกันน่ะสิ อยากหวังจะได้แตะเลยของพวกนี้” หนึ่งพูดอย่างเซ็งๆ
“เอาก็เอา เอาไงเอากัน งั้นวันนี้เราปล่อยนายเต็มที่เราจะไม่แตะเลยของพวกนี้”
“เฮ้ย ได้ไง กินคนเดียวมันก็แปลกสิ กินด้วยกันนี่แหละ นายก็กินน้อยๆหน่อยเดี๋ยวที่เหลือเราเหมาเอง” มองเบียร์เหยือกเย็นเจี๊ยบตรงหน้า

จนป่านนี้ยังไม่ได้บอกตี๋เรื่องพี่แดนเลย ไม่กล้า กลัวจะรู้ไปถึงหูพ่อ เอ้ยพี่สองคน
เมื่ออาทิตย์ที่แล้วเพิ่งพาพี่แดนขึ้นไปเที่ยวที่ห้อง หลังจากเป็นแฟนกันมาได้ครบเดือน ก็แค่ขึ้นไปนั่งเล่น นอนเล่น ไม่ได้มีอะไรทะลึ่งตึงตัง เหมือนที่ต่อมจิ้นกำลังพาหลายๆ คนล่องลอยไปไกล
ก็แค่จับมือ  โอบบ้าง หอมแก้มบ้าง  เอ่อ ก็มีจูบบ้างล่ะนะ ก็พี่แดนบอกว่าถ้าเห็นพี่แดนน่ารัก ก็ให้น้องหนึ่งรังแกพี่แดนบ่อยๆ พี่แดนหล่อ แต่นิสัยน่ารัก น้องหนึ่งก็เลย จุ๊บกับพี่แดนบ่อยๆ แต่ไม่รู้ทำไม มันชอบเลยไปเป็นจูบจนปากเจ่อซะทุกครั้งเลย  ต่อว่าไปพี่แดนก็ได้แต่หัวเราะ อึ้ยย ขัดใจ แต่ก็แอบชอบนะ เคลิ้ม....
“หนึ่ง  หนึ่ง นั่งยิ้มอะไรตาเยิ้ม แค่เห็นก็เมาได้แล้วหรือไง”
“บ้า ใช่ที่ไหนเล่า  เอ๊า ชน”  อึกแรก ขมงะ... แหวะ... ไม่อร่อยเลย แต่ บอกตี๋ไปแล้วว่าจะเป็นคนกินเยอะ เป็นไงเป็นกันสิ เลยซดเข้าไปอีกอึกใหญ่อย่าง
“เป็นไง หน้าเหยเก ไม่อร่อยอะสิ”
“อือ” พยักหน้าอย่าจำยอม หน้ารู้สึกร้อนๆ เห่อๆ
“กินได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น ไม่ต้องฝืนหรอก ไม่หมดเดี๋ยวเราเอาไปให้เพื่อนโต๊ะนู้นช่วยกินก็ได้” ตี๋พูดปนหัวเราะ
“อ้าว  หรอ แล้วตี๋ ม่าย ต้องไปหาเพื่อนหรอ” ทำไมเสียงมันยานๆ หว่า
“ไม่ต้องหรอ มันมากับรุ่นพี่สงสัยเลี้ยงสายกันมั้ง พี่แดนอะ หนึ่งคงจำไม่ได้มั้ง ที่เคยติดรถไปแคนทีน ก็นานแล้ว” ตี๋พูดพรางมองหนึ่งพี่กำลังยกแก้วขึ้นซด
“ฮึก...” หนึ่งถึงกับสำลัก
“เฮ้ย ใจเย็น ไม่ต้องรีบ” ตี๋รีบยกมือลูบหลัง ลูบไหล่ให้
น้องหนึ่งรีบอาศัยโอกาสนี้หันมองหาโต๊ะเพื่อนของตี๋ทันที ทั้งที่มึนๆ  ยังเห็น  ชัดเลย นั่นไง พี่แดน หน้าบึ้งเชียว ตายแน่  ทำไงดี ทำไงดี น้องหนึ่งโดนพี่แดนโกรธแน่เลย  ลุกแล้ว พี่แดนลุกไปแล้ว ไม่มาหาน้องหนึ่งด้วย น้องหนึ่งลุกพรวด ทำเอาตี๋มองอย่าง งง งง  แล้ววิ่งโซเซ ตามร่างสูงที่เพิ่งก้าวจากไป
“พี่แดน พี่แดน” ร่างบางวิ่งไล่หลังมาจนถึงลานจอดรถ
“พี่แดน รอน้องหนึ่งด้วย รอน้องหนึ่งก่อน” เมื่อเรียกไม่หยุด หนึ่งต้องวิ่งไปรั้งชายเสื้ออีกฝ่ายไว้

“น้องหนึ่งขอโทษ” เมื่อคนร่างสูงยังไม่ยอมพูด น้องหนึ่งก็ร้อนรนจนทำอะไรไม่ถูก น้ำตาร้อน ไหลลงเป็นสาย
“ฮึก..ฮึก..อือ....”  เมื่อไม่รู้จะทำยังไงเลยร้องไห้มันซะเลย
ชนแดนหันมามองอย่างตกใจ ไม่นึกว่าคนตัวเล็กจะถึงกับร้องห่มร้องไห้ เลยได้แต่ดึงเอาเข้ามากอดปลอบ
“ไม่ร้องสิ ร้องทำไมพี่ยังไม่ได้ว่าอะไรเลย” มือก็ลูบหัวทุยๆ  ที่กำลังพยายามเช็ดน้ำตากับอกเสื้อ
“ก็เพราะม่ายพูดสิ น้องหนึ่งสิ ถึงกลัว” ร่างบางเงยหน้าขึ้นตอบ รู้สึกหัวหมุนอยู่บ้าง  ทำเอายืนไม่ค่อยจะตรง ยังดียังที่มีอ้อมแขนแข็งแรงคอยพยุงไว้
“อย่าโกรธนะ นะครับ นะ” เสียงที่พูดก็ว่าอ้อนแล้ว กริยาเอาหัวถูๆ กับไหล่กว้างยิ่งออดอ้อนเข้าไปอีก บวกกับตาเยิ้ม ปากแดงๆ  ชนแดนก้มจูบอย่างอดใจไม่อยู่ แล้วยิ่งเจ้าของปากแดงตอบรับจูบอย่างเต็มอกเต็มใจ ทำเอาทั้งสองคนลืมตัว ยืนกอดรัดกันกลางลานอยู่เป็นนาน ก่อนจะผละออกจากกันอย่างช้าๆ
เข่าน้องหนึ่งอ่อนยวบ ชนแดนโอบประคอง กำลังจะรั้งให้เดินไปด้วยกัน ถ้าไม่มีเสียงเข้มเขียวเรียกขัดจังหวะ
“หนึ่ง” 

น้องหนึ่งเพิ่งจะระลึกได้ในความมึน ว่าลืมอะไรบางอย่างไปเสียสนิท   เมื่อได้เห็นหน้าบูดๆ ของตี๋ที่กำลังยืนกอดอกมองอย่างเอาเรื่อง
“หวังว่าจะมีคำอธิบายที่ดีนะหนึ่ง”
“เอ่อ     คือ     เรา    คือ”  น้องหนึ่งเหมือนคนติดอ่าง ไม่รู้จะต้องพูดอะไร มือไม้ดูเก้งก้าง จนไม่รู้จะว่างไว้ที่ไหน  ซวยแล้ว ลืมเลย  วันนี้มากับอวตารพี่ตุล
“อย่าดุน้องหนึ่งเลยตี๋” ชนแดนกอดคนที่กำลังอึกอักแน่นขึ้นอย่างปกป้อง
“ผมถามเพื่อน พี่ไม่เกี่ยว”
“พี่เป็นแฟนน้องหนึ่ง ให้มองมุมไหนพี่ก็เกี่ยวว่ะตี๋”
“ห๊ะ พี่เป็นอะไรนะ”
“พี่เป็นแฟนน้องหนึ่ง”
“หนึ่ง” ตี๋หันมาตะโกนใส่เพื่อนที่ยืนเกาะคนร่างสูงแน่น
“ปะ เป็นมาเกือบเดือนแล้ว” เสียงเบาหวิวตอบกลับมาทำเอา ตี๋หัวใจหวิวไปเดี๋ยวนั้น เชี่ยแล้วกู จะโดนอะไรบ้างวะเนี่ย

“เดี๋ยวพี่ไปส่งน้องหนึ่งเอง ตี่กลับไปกินต่อได้นะหรือจะกลับเลยก็ตามใจ แต่ตี๋ขับรถมากลับเลยจะดีกว่าพี่เห็นดื่มด้วยนี่” พูดจบไม่รอคำตอบ ชนแดนรีบประคองพาน้องหนึ่งเดินไปขึ้นรถของตัวทันที
ตี๋กำลังจะตามไปคว้าตัวเพื่อนกลับมาแต่กลับโดนคว้าไว้จากเด็กในร้านซะก่อน
“พี่ พี่ยังไม่ได้จ่ายตังเลย”  กว่าจะจัดการกันเสร็จเรื่องเสร็จราวรถพี่แดนก็หายลับไปแล้ว
“พี่แดนมันคงไม่พาไอ้หนึ่งไปกินตับหรอกนะ เชี่ยเอ้ย ตัวใครตัวมันละกัน” ตี๋เดินกลับไปยกเบียร์ที่ยังเหลือทั้งเหยือกไปร่วมวงกับเพื่อน ซดคลาบกลุ้มดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยโทรบอกเฮีย
ความจริงจะโทรคืนนี้ก็ได้แต่ยังมิอยากโดนทีนเร็วนัก ขอเลื่อนเป็นพรุ่งนี้จะได้มีเวลาทำใจ

เช้านี้น้องหนึ่งตื่นมาในห้องที่ไม่คุ้น  หมอนข้างแข็งๆ ที่กระเพื่อมขึ้นลงเป็นจังหวะ ทำให้ต้องหันไปมอง อกเปลือยของคน คนจริงๆ ไม่ใช่หมอนข้างสกรีนลายคน พอเงยหน้ามอง
“เฮ้ย...” พี่แดนนอนลืมตามองตอบกลับมา
“ตื่นแล้วหรือครับ”  ชนแดนทักก่อนจะก้มลงจูบหน้าผาก ของคนตะลึงตาค้าง
“พะ พี่แดน หนะ  หนึ่ง หนึ่ง คือ” 
“อ้าวยังติดอ่างไม่หายอีกหรอ หนึ่ง” พี่แดน พูดกลั้วหัวเราะ ทำเอา น้องหนึ่งถึงกับทะลึ่งพรวด ลุกขึ้นนั่งอย่ารวดเร็ว ก่อนมองสำรวจไปทั่วตัว ทั้งตัวเองและอีกคน
“เฮ้อออ” กางเกงยังอยู่ มีแต่เสื้อเท่านั้นที่หายไป  ก่อนจะค่อยนึกให้ออกว่าเมื่อคืนเป็นมายังไง
.
.
.
‘จะกลับห้องหรือจะไปเที่ยวห้องพี่’ พี่แดนถามเมื่อรถเคลื่อนออกจากลานจอดรถ
‘ไปเที่ยวครับ ไอเอี้ยวอ้องอี้แดน’  ตอบพร้อม หาวออกมา
‘ง่วงก็นอนไปก่อนเดี๋ยวถึงแล้วพี่ปลุก’  แล้วไหงตื่นมามันถึงเป็นแบบนี้ล่ะ


“พี่ไหนว่าจะปลุกไง”
“ก็น้องหนึ่งนอนน่าตลกนี่พี่ เลยไม่อยากปลุก  ตอนอุ้มก็ไม่ยักกะตื่น  พอพี่วางลงที่นอน ก็ลุกมาถอดเสื้อออก แล้วนอนหลับปุ๋ยต่อ  พี่ก็เลยปล่อยเลยตามเลย ” น้องหนึ่ได้แต่นั่งหน้าแดงด้วยความอาย
“พี่กลัวน้องหนึ่งนอนไม่สบายกำลังว่าจะเอาผ้ามาเช็ดเนื้อเช็ดตัวให้สักหน่อย อยู่เราก็ดึงพี่ลงไปนอนกอด”  คนฟังอ้าปากค้าง
“หนึ่งดึงพี่หรอ” กว่าจะหาเสียงตัวเองเจอ
“ใช่ กอดแน่นเชียว แล้วเอาหน้าถู ถูอยู่ที่อกเสื้อ พี่ห่วงจะระคายเลยถอดเสื้อออก ที่นี้เรายิ่งชอบใจ เกลือกใหญ่เลย เกลือกจนปีนขึ้นมานอนอยู่บนตัวพี่ทั้งตัวเลย ที่นี้พี่ก็หนีไปไหนไม่ได้ เลยปล่อยน้องหนึ่งปูยี่ปูยำพี่จนเช้านี่แหละ”
“ปูยี่ปูยำ ที่ไหนแค่นอนกอดเอง ใช้คำซะคิดไปไกลเลย” น้องหนึ่งเถียง
“ไม่ใช่ก็ใกล้เคียงละน่า น้องหนึ่งทิ้งพี่ไม่ได้แล้วนะ น้องหนึ่งเอาเปรียบพี่ พี่สึกหรอไปตั้งเยอะ”  ชนแดนพูดไปหัวเราะไป เอื้อมมือมาโยกหัวน้องหนึ่งที่นั่งหน้าบูด
“ถามจริงสิครับ พี่แดนไม่ได้คิดจะลักหลับน้องหนึ่งสักนิดเลยใช่ไหม”
“ใครว่า พี่อยากทำใจจะขาด แล้วพี่ก็ไม่อยาก ทำแบบนั้น พี่อยากให้รั้งแรกของเราเป็นการยินยอมร่วมกัน อยากให้เราทั้งคู่มีสติรับรู้เต็มร้อย รู้ว่าอะไรจะเกิด และมีความสุขด้วยกันไม่ใช่การข่มขื่น หรือขืนใจแล้วจะต้องมานั่งเสียใจในตอนเช้า”
“แค่นั้น...” น้องหนึ่งหลิ่วตามองอย่างไม่เชื่อว่าจะจบแค่เหตุผลนั้น
“แล้วอีกอย่าง ที่สำคัญ ไม่แพ้กัน  พี่ว่าวันนี้เราทั้งคู่ต้องเจอศึกหนัก พี่อยากให้น้องหนึ่งแข็งแรงพอจะปกป้องพี่ จากพ่อทูนหัวทั้งสองหรืออาจจะสามถ้านับรวมไอ้ตี๋เข้าไปด้วย นะ ตะเองต้องปกป้องเค๊านะ”  พี่แดนส่งเสียงอ้อนอย่างหน้าหมั่นไส้มากกว่าจะน่ารัก ทำเอา น้องหนึ่งหัวเราะจนตัวโยน




มีต่อค่ะ
 

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1692 เมื่อ02-04-2016 12:26:42 »

กว่าพี่แดนจะพาน้องหนึ่งกลับมาส่งที่ห้องก็เกือบบ่ายกลับมาก็เจอทั้งพี่ทิ พี่ตุลและตี๋ที่นั่งหน้าบูด แต่สภาพยังดูเรียบร้อยไม่มีรอยบุบสลาย แสดงว่าพี่ตุลทำโทษตี๋ที่บกพร่อง แต่จะไปโทษตี๋ก็ไม่ได้หรอกนะ ก็ตัวไม่ได้ติดกันสักหน่อย พอน้องหนึ่งกับพี่แดนเข้าห้องมาตี๋ก็ขอตัวกลับไป  น้องหนึ่งโดนไล่เข้าไปอยู่ในห้องห้ามออกมาจนกว่าจะจบเรื่อง
 
เย็นแล้ว  พี่ทิกลับพี่ตุลกลับไปแล้ว พี่แดนนอนสลบอยู่ที่พื้น น้องหนึ่งไม่รู้ว่าสามคนเขาตกลงกันยังไง แต่พี่แดนยังสามารถนอนสลบอยู่ตรงนี้ได้แสดงว่า ผ่านด่าน 
น้องหนึ่งไม่อยากนึกว่าวันพรุ่งนี้พี่แดนจะบวมปูด เขียวช้ำ ม่วงปี๊ดขนาดไหน แค่ที่เห็นวันนี้น้องหนึ่งก็อยากจะร้องไห้แทนแล้ว ร่างเล็กค่อยๆลุกไปหยิบชามมาใส่น้ำเย็นเอาผ้าผืนเล็กมาจุ่มน้ำแล้วบิด ประคบเบาๆ ไปทั่วหน้า
“ฮื้ออ..อย่าร้องไห้สิ น้องหนึ่งพี่ไม่เป็นไรมากหรอก” พี่แดนยื่นมือมาเช็ดน้ำตาบนหน้าให้
“อู้ยยย ซี๊ดดด”
“แค่ขยับก็ ซี๊ดแล้วอย่ามาทำเป็นพูดว่าไม่เป็นไร”
“ไม่เป็นจริงๆ ที่ซี๊ด นี่พี่เจ็บเพราะน้องหนึ่งเผลอกดผ้าแรงต่างหาก”
“อุ๊ย น้องหนึ่งขอโทษ”
“พี่บอกไว้เลยนะ ว่าตอนนี้น้อหนึ่งเป็นของพี่อย่างเป็นทางการแล้ว ต่อไปนี้พี่จะไม่อดกลั้นอีกแล้วนะ”
“อู้ยยย เบาๆสิ คนดี”
“สมหน้า ไม่อดกลั้นอะไรถามน้องหนึ่งก่อนเหอะ” ถึงจะพูดแบบนั้นแต่น้องหนึ่งกลับกลั้นยิ้มแทบไม่อยู่
“ลุกไหวไหม ไปนอนบนเตียงเถอะ บนพื้นมันแข็ง”

ดึกแล้ว น้องหนึ่งนอนหลับอยู่ด้านข้าง แต่ไม่มีแรงแม้แต่จะดึงคนตัวเล็กมากอด มันเจ็บไปหมด ปวด ไปทั้งตัว หมัดก็หนัก ทีนก็หนักทั้งพี่ทั้งน้อง อย่านึกว่าเป็นพี่เมียแล้วไอ้แดนจะยอม แต่สองรุมหนึ่งยังไงหนึ่งก็แพ้สิครับ ไม่งั้นไม่ต้องมานอนอ้อนเมียหยอดน้ำข้าวต้มอยู่แบบนี้ นึกไปถึงตอนนั้นก็ขำดีเหมือนกัน

‘ไอ้เชี่ยชนแดน ทำไมเป็นมึง’
‘รู้จักมันด้วยหรอ ตุล’
‘น้องชายเพื่อนที่คณะอะพี่ทิ เคยเห็นมันเดินตามพี่มันต้อยๆ’
‘หนอย ตอนกูมาเก็บเห็บหมัดตัวอื่น  มึงทำเป็นเหลือบแอบตามซอกหลืบ พอกูเผลอก็มาเกาะแกะน้องกู ความอดทนดีนักนะมึง’ ตุลสิ ขบฟัน ชี้หน้าด่า ส่วนพี่ทิกลับยืนมองนิ่งๆ
‘คนเรามันก็ต้องคิดก่อนสิพี่ เรื่องอะไรผมจะต้องไปเหนื่อย สู้รอให้พี่เก็บพวกกุ้งฝอยไปให้หมด แล้วผมค่อยออกมาหาน้องอย่างราบรื่น มันเป็นวิธีที่ดีที่สุด ทำไม ผมต้องเสนอหน้าไปเหนื่อยด้วยล่ะ’ ชนแดนพูดอย่าไม่ยี่หระ
‘ผมรักน้องหนึ่ง  และตอนนี้น้องก็รักผม เราตกลงเป็นแฟนกันแล้ว ผมไม่ยอมเลิกกับน้องด้วยสาเหตุที่ไม่ได้มาจากการตัดสินใจของเราสองคนหรอกนะพี่’
‘ก็รอดู...’ ตุลยังพูดไม่ทันจบ
‘พลั๊ก’ หมัดหนัก ก็ลอยมาจากทางคนไม่พูด เล่นเอามึนไปเหมือนกัน แต่ยังไงก็ไม่ยอมฟรีๆ ฝ่ายเดียว พอตั้งหลักได้ การตะลุมบอนก็เกิดขึ้น ห้องกว้าง ที่น่าจะเป็นพี่ทิ และตุลจัดการย้ายเฟอนิเจอร์ไปแอบไว้ กลายเป็นสนามมวยไปในพริบตา
ให้เก่ง ให้แกร่งยังไงก็สู้สองคนไม่ได้อยู่แล้ว หลังจากนั้นก็โดนถลุงอยู่ฝ่ายเดียว จนหนำใจ

‘ก็เก่งใช้ได้เหมือนกันนี่’ ทิที่นั่งอยู่บนเก้าอี้พูดขึ้น  แต่มันเจ็บจนไม่อยากขยับ
‘ขอให้เก่งพอจะปกป้องน้องกูได้ก็แล้วกัน’ พี่ทิพูดต่อ
‘พี่ยอมรับเรื่องของผมกับน้องแล้วหรอ’ แม้จะเจ็บจนปากสั่นแต่ก็จำเป็นต้องถามให้เคลีย
‘ฮึ ที่พวกกูยอมก็เพราะน้องรักมึง ก่อนจะเข้าห้องกูเห็นสายตามัน กูก็รู้’ พี่ทิตอบเสียงหยัน
‘แล้วอีกข้อ มึงกล้าดี ไอ้คนอื่น แม่ง  แค่กูไปหา แม่งก็หนีหัวซุน ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับกูสักคน  ส่วนมึง  มึงก็รู้ว่าถ้ามาไม่ใช่แค่เจอกับกู ยังมีพี่ทิ หรือไม่อาจเพิ่มไอ้ตี๋เข้าไปอีกคนแต่มึงก็ยังมา’ ตุล ที่นอนอยู่อีกด้านตอบ
 ‘แต่ขอให้จำใส่กะโหลกไว้เลยนะ ถ้าวันไหนนายทำให้น้องหนึ่งเจ็บ วันนั้น มึงตาย’ พี่ทิขู่นิ่มๆ ก่อนจะไปเรียกน้องหนึ่งออกมาจากห้อง แล้วพาพี่ตุลจากไป


สองคืนแล้วที่ปล่อยให้น้องกล่อมนอน  มีความสุขมาก จนนอนไม่หลับเลยครับ  คืนนี้คงถึงคราวกล่อมน้องนอนสักที ต้องสอนกันหน่อยว่าวิธีกล่อมให้นอนคนโตๆ เขาทำกันยังไง  มันต้องไม่ใช่ไม่ใช่จุ๊บปากแล้วแยกย้ายแน่ๆ หึ
คนตัวหอมออกมาจากห้องน้ำแล้วครับ วันนี้ก็ยังใส่ครบชุดทั้งเสื้อทั้งกางเงนอน
“ใส่แล้วมันหลับไม่สบายก็ถอดซะเถอะเสื้อน่ะ”
“ไม่เป็นไรครับ พี่แดนอยู่มันดูไม่ค่อยดีที่จะนอนถอดเสื้อ”
“เดี๋ยวพี่ถอดเป็นเพื่อน” จะชวนถอดทั้งตัวเลยด้วยซ้ำ ; ) พี่แดนผู้หื่นจัด.....
“ไม่เป็นไรครับ” น้องหนึ่งยังดึงดัน
“ถอดซะ แล้วขึ้นมานอน พอมีเสื้อแล้วเราก็นอนกระสับกระส่าย พี่จะพานนอนไม่หลับไปด้วย”  น้องหนึ่งชั่งใจ ก่อนถอดเสื้อออกแล้วก้าวขึ้นเตียง นอนตะแคงหันหลังชิดริมเตียงอีกด้าน  ผมเดินไปปิดไฟ แล้วกลับมาล้มตัวนอนขยับไปกลางเตียง ก่อนจะคว้าเอวบางแล้วลากเข้าหาตัว
“อ๊ะ ปล่อยครับ”
“วันนี้ยังไม่จุ๊บก่อนนอนเลยนะ” เสียงแผ่วกระซิบที่ข้างหู ทำเอาน้องหนึ่งขนลุก
“วันนี้ไม่จุ๊บได้ไหม ง่วงแล้ว”
“ไม่ได้สิ พี่ยังเจ็บอยู่นิดๆ อยู่เลย จุ๊บของน้องหนึ่งเป็นยาของพี่นะ” เสียงกระซิบที่ข้างหูทำให้น้องหนึ่งไม่อยากขยับตัวไปทำตามคำขอ เพราะรู้สึกหวั่นๆ ว่ามันจะไม่จบแค่จุ๊บ ซะแล้วในวันนี้
“ถ้าน้องหนึ่งไม่จุ๊บงั้นพี่จุ๊บเองก็ได้นะ” ชนแดนไม่พูดเปล่า ใช้มือช้อนหน้าคนในอ้อมแขนให้หันหน้ามาก่อนประกบจูบลงไปอย่างแผ่วเบา แล้วใช้ลิ้นค่อยๆ แยกริมฝีปากบางที่ปิดสนิทให้แยกออก
ลิ้นร้อนๆ แทรกผ่านริมฝีปากที่เผยอออกอย่างลืมตัวกวาดกวัดทักทายกับเรียวลิ้นที่ไม่ประสีประสาด้านใน แล้วค่อยสอนให้อีกฝ่ายตอนสนองอย่างเงอะงะ จูบเร่าร้อนกินเวลาไปแสนนานตามความรู้สึกของน้องหนึ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำเปลี่ยนท่ามาเป็นนอนหงายมีร่างหนาคร่อมทับอยู่ด้านบนตอนไหน มือสองข้างเกาะเกี่ยวแผ่นหลังกว้างอย่างเผลอไผล
ชนแดนถอนปากออกก่อนจะไล้เล็มลงมาตามซอกคออุ่น
“อื้อ..พะ พี่แดน”
“ฮื้อ”
“หนะ ไหนว่าแค่จุ๊บไง” น้องหนึ่งท้วงด้วยเสียงสั่นพร่า
“ก็น้องหนึ่งไม่ยอมจุ๊บนี่ นี่เป็นจุ๊บในแบบของพี่” ชนแดนพูดเสียงกระเส่า ริมฝีปากอยู่ชิดยอดอก สีแดงระเรื่อ ลมหายใจร้อนผ่าวที่เป่ารด ทำเอาตุ่มเล็กๆ บีบรัดตัวเป็นไตแข็ง ชนแดนครอบปากลงประกบ แล้วดูดดึงเบา
“อ๊ะ พี่แดน” สองมือบางที่เกาะอยู่ที่ไหล่หนา เลื่อนมาขยุ้มเข้ากับผมหนานุ่มของคนด้านบน
“อ๊ะ..อื้ออ”
ชนแดน เลือนมือสัมผัสร่ายกายน้องหนึ่งไปทั่วทุกส่วน เขาไล้เลีย แระเล็ม ไปตามส่วนต่างๆ ก่อนจะไปหยุด ยั่วเย้า หยอกล้ออยู่ที่ส่วนกลางลำตัว น้องหนึ่งจำอะไรต่อจากนั้นไม่ได้อีก สมองเบลอ ว่างเปล่า จดจำแค่ ได้ส่งเสียงร้องดังลั่น จากความสุขสุดสุดในช่วงสุดท้าย  หลังจากนั้นได้แต่นอนไร้เรียวแรง หายใจหอบอย่างกับไปวิ่งมาราธอนมาหมาดๆ
ชนแดน เลื่อนตัวขึ้นมาประกบปากอีกครั้ง ก่อนจะถอนออกแล้วนั่งคุกเข่าอยู่หว่างขา ก่อนจะยกขาขึ้นพาดกับแขน แล้วยกลอยขึ้นก่อนแนบปากประกบลงไปที่ช่องทางด้านหลัง
“อ๊ะไม่ อย่า ครับ อื้อออ” น้องหนึ่งได้แต่ร้องห้าม  ไม่สามารถดิ้นหนีได้
สักพักชนแดนก็หย่อนสะโพกบางลงบนหน้าขา น้องหนึ่งได้แต่นอนหอบหายใจเอามือปิดหน้าหน้าหนี ไม่กล้าสบตา ด้วยความอายอย่างที่สุด ชนแดนดึงมือที่ปิดหน้าออกกดไว้กับเตียง มองจ้อง จนร่างเล็กต้องหันมาสบตาด้วย อายก็อาย แต่แรงกดดันจากสายตาของคนด้านบน ทำให้ไม่อาจหลบเลี่ยงไปได้
ปากหนาได้รูป ประกบลงมา ตาที่มองสบกัน ก็ไม่ได้หลับหรือหลบเลี่ยง
“น้องหนึ่ง พี่ของนะ เป็นของพี่นะครับ”
“หนึ่ง  น้องหนึ่งกลัวครับ”
“พี่จะทำเบาๆ แต่ยังไงก็คนยังมีเจ็บ แต่พี่จะพยายามทำให้ดีให้เจ็บน้อยที่สุด น้องหนึ่งอดทนเพื่อพี่ได้ไหมครับ” น้องหนึ่งมองสบตานิ่ง ไม่ยอมตอบ ริมฝีปากบางขบเม้มแน่น ผ่านไปสักเดี๋ยวหน้าน้อยๆ ที่แดงระเรื่อไปทั้งหน้าถึงลำคอก็พยัก อย่างยินยอม
ชนแดนรั้งใบหน้าน้องหนึ่งเข้ามาจูบ  ลิ้นอุ่นที่สอดเข้ามารุกล้ำภายในปาก ทำเอาน้องหนึ่งรู้สึกล่องลอยแปลกๆ อีกครั้ง
“อย่าครับ...” มือหนาเลื่อนสมผัสลงด้านร่าง น้องหนึ่งร้องห้ามอย่างเผลอตัว
แผงอกเปลือยสั่นสะท้าน เมื่อชนแดนเลื่อนริมฝีปากสัมผัสทีปลายยอดของตุ่มไตแข็งทั้งสองข้าง
“อ๊ะ  อา” น้องหนึ่งไม่สามารถนอนนิ่งได้ เพราะความสะท้านเสียวแล่นมาให้รู้สึกเป็นระยะ ภาพน้องหนึ่งนอนหลับตา ครวญครางเสียงกระเส่า ประกอบกับทรวงอกสะท้อนขึ้นลงตามแรงหายใจ และด้วยอารมณ์ที่กระเจิดกระเจิงทำให้ชนแดนทนต่อไปไม่ไหว เลื่อนมือลงสู่ด้านล่างเพื่อเปิดช่องทางครับแคบ แล้วค่อยๆ สอดใส่ร่างกายตนเข้าไป


“โอ๊ยย” น้องหนึ่งสะดุ้งเฮือก  เมื่อรับรู้ถึงความเจ็บแปลบจากการถูกรุกราน
“อื้อออ ...เจ็บ ..พี่แดน  อ๊า”  ชนแดนส่งตัวตนของตัวเองเข้าไปทั้งหมด แล้วหยุดนิ่ง เพื่อให้เวลาคนใต้ร่างได้ปรับตัว
“อย่าเกร็งครับ หายใจเข้าลึกๆ คนดี”  ชนแดนพูดพร้อมประกบปากจูบอย่างดูดดื่มอีกครั้ง เพื่อให้น้องหนึ่งคลายอาการเกร็งลง
หลังจากเวลาผ่านไปสักพัก น้องหนึ่งหายอาการเกร็งและสั่นแล้ว ชนแดนก็เริ่มขยับอย่างช้าๆ
“อา..” น้องหนึ่งเผลอครางออกมาอย่างอดไม่ได้ ชนแดนยิ้มอย่างพอใจก่อนจะเร่งจังหวะให้เร็วขึ้น

“อ๊ะ พะ อา พี่แดน อ๊า”

“อ๊า  อ๊ะ   อา   อ๊าาาาา....” แรงขึ้น จนน้องหนึ่งไม่อาจข่มกลั้นอารมณ์ได้อีก ได้แต่ปลดปล่อยตัวเองออกมาในที่สุด  ชนแดนยังเร่งจังหวะและความแรงเพิ่มขึ้นอีกพักใหญ่ก่อนที่จะปลดปล่อยตามร่างบางไป สองร่างกอดก่ายหลับใหลไปด้วยกัน

รุ่งเช้าของวันใหม่ ชนแดนได้แต่ปลุกคนข้างกายมาทำกิจกรรมเข้าจังหวะกันไปอีกสองรอบก่อนจะยอมปล่อยให้น้องหนึ่งได้พักยาวไปจนเที่ยงแล้วออกไปซื้อข้าวกลับมากินกันสองคนที่ห้อง
แล้วขอต่ออีกยกเอาตอนบ่ายแก่ๆ ของวันนั้น จนคนตัวเล็กทนไม่ไหวไล่พี่แดนแสนขยันกลับห้องตัวเอง  กว่าจะได้พักจริงจังสักที ไม่อย่างนั้นอาจมีมาราธอนรอบดึกอีกแน่ น้องหนึ่งไม่ไหวแล้ว
.
.
.
.
.


หนึ่งปีแล้วที่คบหาเป็นแฟนกับพี่แดนมา ตอนนี้พี่แดนอยู่ปีสี่ เรียนก็เยอะ โปรเจ็คก็แยะ เห็นพี่แดนเหนื่อยแล้วน้องหนึ่งเลยไม่อยากรบกวนด้วยเรื่องเล็กน้อย  น้องหนึ่งอยากถ่ายรูปพระอาทิตย์ จากที่เฝ้าดูมาหลายวัน  ก็หมายตาดาดฟ้าตึกวิศวะนี่แหละไว้ มุมนี้น่าจะสวยสุดแล้ว
วันนี้จะต้องมารอถ่ายรูปพระอาทิตย์ตก  เลยโทรหาตี๋ ให้ช่วยพาขึ้นดาดฟ้า  วันนี้พี่แดนมีเรียนเต็มวัน ยาวไปถึงช่วงเดียวกับที่ต้องขึ้นไปเซตกล้องหามุม ก่อนจะนั่งรอพระอาทิตย์
แต่ไหงดันมาเจอพี่แดนก่อนขึ้นตึกไปเสียได้ พี่แดนดุเสียงลั่น น้องหนึ่งกลัวจนอยากร้องไห้ พี่แดนอารมณ์เสียเดินหนีขึ้นตึกเรียนไม่หันกลับมามองเลย แต่งานก็ต้องเป็นงาน ไม่มาวันนี้พรุ่งนี้ก็ต้องมาหรือไม่ก็ต้องเปลี่ยนที่ถ่ายเสียเวลา เลยกระตุกเสื้อตี๋ให้พาขึ้นดาดฟ้า เซตกล้องไป ร้องไห้ไป ตี๋ก็ดีเหลือแสนไม่พูดไม่ว่าอะไรเลย บอกให้กลับก็กลับ
นั่งรอไปร้องไห้ไปจนแสงพระอาทิตย์เป็นสีส้มสวยไปทั้งท้องฟ้า ถ่ายไปได้หลายรูปจนพอใจ แทนที่จะเก็บกล้องเลยนั่งมองฟ้ามันซะอย่างนั้น พระอาทิตย์จมไปได้ครึ่งดวงแล้ว กะว่าจะเริ่มลงมือเก็บของ จู่ๆ หัวไหล่ก็ถูกโอบ ข้างหูก็ได้ยินเสียงกระซิบ
“ขอโทษ” ก่อนหน้าจะโดนบังคับให้หันกลับไปสบตากับคนที่เข้ามานั่งชิดอยู่ด้านข้างตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้
ริมฝีปากร้อนๆ ของพี่แดน แนบลงมาเบาๆ ก่อนที่จะถอยออกเล็กน้อย แล้วแนบกลับลงมาใหม่  น้องหนึ่งทำได้แต่มองตาคนด้านข้างนิ่ง อย่างลืมตัว  หน้าของเราสองคนอยู่ใกล้กันจนเห็นเงาตัวเองสะท้อนตัวเองอยู่ในดวงตาฝ่ายตรงข้าม  ปากอุ่นยังแนบลงมาเบาๆ ครั้งแล้วครั้งเล่า
พอเริ่มรู้สึกตัว สติที่กระเจิดกระเจิงกลับมาเข้าร่าง น้องหนึ่งเลยยกมือขึ้นวางที่อกของอีกฝ่ายเตรียมจะผลักอีกฝ่ายออก แต่พี่แดนไวกว่า จับยึดท้ายทอยเอาไว้แน่น ทำให้จะผลักก็ไม่ได้ ขยับหนีก็ไม่ได้ ริมฝีปากร้อนๆ แนบลงมาอีกครั้ง ครั้งนี้ ลึกซึ้ง รุนแรง เรียกร้องกว่า ลิ้นร้อนชื้นสอดเข้ามาเกี่ยวกวัด ทำเอาน้องหนึ่งเผลอตัว มือที่เตรียมดันออกเปลี่ยนจับยึดอกเสื้อเอาไว้หลวมๆ ปล่อยให้อีกฝ่ายตักตวงความหวานไปจนพอใจ   พี่แดนกลับเป็นฝ่ายผละออกก่อนเสียอย่างนั้น เสียงหายใจหอบ ดังอยู่สักพักว่าที่จะปรับให้กลับเป็นปกติ ต่างหลบสายตาจากกันทำเป็นเหมือนมองบรรยากาศ  ทั้งที่มือข้างหนึ่งยังลูบไปทั่วแผ่นหลัง ก่อนจะกลับมาเกาะกุมอยู่ที่หัวไหล่แล้วดึงคนด้านข้างให้ซบลงกับไหล่ของตัว 
“พอก่อนเนอะ เดี๋ยวค่อยไปต่อที่ห้อง พี่ไม่อยากเล่นหนังสดบนดาดฟ้า” ชนแดนมองตรงไปยังพระอาทิตย์ที่เหลืออีกเซี่ยวเท่าขี้เล็บก็จะจมลงมิดทั้งดวง
“พี่แดน....ลามกครับ”เสียงกระซิบเบาหวิว  เขินนะ เลยได้แต่ชกระบายความเขินไปที่อกกว้าง
“ขอโทษที่ขี้หึง พี่รักน้องหนึ่งนะครับ เชื่อใจ ไว้ใจ  แต่มันก็อดหึงไม่ได้จริงๆ แล้วก็ไม่ชอบนะ มีอะไรทำไมไม่บอกพี่”
“น้องหนึ่งขอโทษครับ ก็วันนี้พี่แดนมีเรียน..เรื่องเล็กน้อยไม่อยากกวน” น้องหนึ่งแก้ตัวอุบอิบ
 “งั้นหายกัน ยกโทษให้พี่แดนนะครับ” พี่แดนก็ยังมองตรงไปข้างหน้าทั้งที่ตอนนี้มีแต่ความมืดของท้องฟ้ายามค่ำ
“น้องหนึ่งอยู่นี่ พี่แดนจะมองไปไหน คือมองอย่างนั้นน่ากลัว   เหมือนพี่กำลังพูดอยู่กับคนอื่นที่น้องหนึ่งมองไม่เห็น” พี่แดนก้มลงกัดจมูกโด่งๆ อย่างมันเขียวไปหนึ่งที
“ฮื้อ....” น้องหนึ่งหันหลบ เปลี่ยนจากเอนซบไหล่ร่างสูง เป็นนั่งมองเสี้ยวหน้าด้านข้างที่ยังมองตรงไปยังท้องฟ้ามืดมิด
“อยากกินกะเพราไข่ดาว พี่แดนต้องเลี้ยงน้องหนึ่งด้วย” พี่แดนหันมามองกันจนได้แสงจากหลอดไฟบนดาดฟ้าที่เพิ่งถูกเปิด ทำให้มองเห็นหน้าและสายตาออดอ้อนของพี่แดนได้ชัด

“ยกโทษให้พี่หรือยัง น้องหนึ่งยังไม่ตอบเลย พี่ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ต้องร้องไห้” พี่แดนไล้นิ้วโป้งเบาๆ ที่ขอบตาบวมๆ
“ก็ให้เลี้ยงข้าวไถ่โทษอยู่นี่ไง”
“แค่นั้นพอที่ไหน น้องหนึ่งร้องไห้นะ”
“งั้น ไปส่งที่ห้อง แล้วช่วยประคบตาให้น้องหนึ่งด้วย” ขอโทษนะครับ คบกันมาเป็นปี แต่เราสองคนก็ไม่ได้ยายมาอยู่ด้วยกันหรอกนะ ยังเกรงใจพี่ทิ กับพี่ตุลอยู่ แถมวันดีคืนดียังย่องมาหาแบบไม่บอกไม่กล่าว บางครั้งก็มา จ๊ะเอ๋ ตอนอันนั้นพอดี น้องหนึ่งเขินนะ ก็เลยขอพี่แดนว่ารอให้พี่แดนเรียนจบก่อนแล้วพี่แดนค่อยย้ายมาอยู่ที่ห้องกับน้องหนึ่ง ซึ่งพี่แดนก็เข้าใจ  มีมาค้างบ้าง แต่ส่วนใหญ่จะกลับไปนอนหอตัวเอง

“อือม  พี่ว่าแค่นั้นก็ยังไม่พอ”
“แล้วแค่ไหนพี่แดนถึงจะว่าพอล่ะ”
“อือม...กะเพราไข่ดาว ใส่กะเพราเยอะๆ  แถมไข่ดาวสองฟองเลย หลังจากนั้นต่อด้วยไอติมกะทิอีกถ้วยใหญ่...” พี่แดนทำท่าคิด
น้องหนึ่งล่ะอยากจะหัวเราะ เมนูผัดกะเพรา กับไอศกรีมกะทิเป็นเมนูสุดโปรดของพี่แดนมาตั้งแต่ฟื้นหลังเจอพี่ตุล (ตุลสิ=กะเพรา) กับพี่ทิ (พี่ทิ=กะทิ) เมื่อครั้งนั้น

 ดิดเร็วหน่อยก็ดีนะครับพี่แดน ยุงเริ่มกัดน้องหนึ่งละ ไอ้ยุงบ้านี่ก็ไม่รู้มันบินขึ้นมาถึงดาดฟ้าได้ไง

“อือม แล้วหลังจากนั้นพี่จะไปช่วยน้องหนึ่งอาบน้ำ...”  ห๊ะ อันนี้ไม่ต้องมั๊ง

“...แล้วพี่จะช่วยประคบตาบวมๆ ของน้องหนึ่งให้...”  มันแน่อยู่แล้ว

 “แล้ว......จากนั้นพี่จะกล่อมน้องหนึ่งนอน....  คืนนี้กล่อมสักสามรอบเป็นไง” ฮึ้ยย..ทะลึ่งละครับ

แต่ยังไม่ทันได้ท้วง พี่แดนก็ช่วยเก็บอุปกรณ์กล้องอย่างรวดเร็วแล้วลาก น้องหนึ่งลงจากดาดฟ้าด้วยความไวแสง..............
...........
....
..
.
นี่น้องหนึ่งสมองเสื่อมชั่วคราวหรือน้องหนึ่งสลบไปกันแน่ ทำไมน้องหนึ่งมานอน....เปลือยอ้าซ่า  เจ็บตรู๊ด ปวดเอว เหงื่อท่วม นอนหอบอยู่บนเตียงแล้วล่ะ
.....ไหน  ไหนข้าวกระเพรา ไหนไอติมกะทิ   ตาก็ยังไม่ได้ประคบ  แล้วยังเจ็บคอเพิ่มเข้าไปอีก.....
....
..   
ไม่นะ พี่แดนบอก...สาม...ชิมิ
....

แล้วนี่มันเพิ่งรอบแรก....ใช่ม้ายยยย.....

..


.
ไม่น๊า น้องหนึ่งไม่ไหวแล้ว

.....อ๊ะ.....
“เบา เบา ....พี่แดน.... อื้อ   ...อ๊ะ ....อ๊า”

...อ๊า........สะ สองแล้ว

ทำไมน้องหนึ่งถึงไม่เคยขัดขืนพี่แดนได้เลยนะ แค่จับ แค่แตะ แค่จูบเอ่อ รวมลูบๆ คลำๆ ไปด้วยน้องหนึ่งก็อ่อนระทวยปล่อยให้พี่แดนพาขึ้นสวรรค์ทุกทีเลย

...นี่ไง เห็นไหม พักยังไม่ทันหายเหนื่อยเลย...........อ๊ะ.........หิวข้าว.......
“อ๊ะ...” หิวจัง

“อืออม......อ๊า...”  น้องหนึ่ง  หิว
“อ๊า ....อ๊ะ.....” 


“ข้าว...”


“ข้าว   ใคร   ข้าวนี่ใครน้องหนึ่ง ทำอยู่กับพี่ แล้วละเมอเรียกใคร”
“...อ๊ะ.” ใช่ที่ไหนเล่า น้องหนึ่งหิวข้าว 
“......อ๊ะ.....”
พอไม่ตอบพี่แดนก็ยิ่งกระแทกกระทั้นเข้ามาแรงขึ้น ...อื้อ....มันเสียวนะ  จะให้ตอบยังไง๊  เสียงที่ออกจากปากมีแต่ ครางกับคราง
“อื้ออ.....ขะ อ๊ะ ข้าว


อะ....อ๊า  ....กะ......อ๊ะ.....

อืออออ ซี๊ดดดด

อ๊า
กะเพรา” คำว่าเพรา มันออกมาพร้อมกับการกระแทกที่ทั้งแรงทั้งลึกเป็นครั้งสุดท้าย
ร่างบางขาวนวลที่ตอนนี้มีแต่จุดแต่จ้ำแดงลายพร้อย  ทรุดลงนอนคว่ำอย่างสิ้นเรี่ยวแรงกับเตียง โดยมีร่างสูงผิวแทนคร่อมประกบอยู่ด้านบน  เป็นนานกว่าคนด้านบนจะยอมผละออก โดยพลิกตัวลงนอนตะแคงที่ด้านข้าง
“หิวข้าวก็ไม่บอก พี่ก็นึกว่ามีใครชื่อข้าว ทำเอาพี่หึงไม่เข้าท่าเลย”
“ฮึ ...เฮ้ย พอแล้ว ไม่ไหวแล้วนะ”เสียงท้วงจากร่างบางที่ยังหายใจหอบ  เมื่อชนแดนจับร่างบางพลิกตะแคงแล้วลากเอวเข้ามากอดเอาไว้
“แค่กอดเฉยๆ”
“หิวอะ” หนึ่งบ่น  ชนแดนยิ้มขำ ก่อนผละลุกขึ้นแต่งตัว
“นอนไปเดี๋ยวพี่ไปซื้อข้าวให้ กระเพราไข่ดาวไม่สุกสองฟองนะ”
“เอาสุก”
“ไม่สุกแหละ หรือจะเอาไข่ลวกแทน”
“ไม่..” พี่แดนยื่นหน้ามาจูบก่อนเดินเอ้อระเหยออกประตูห้องไป คนนอนหมดแรงบนเตียงได้แต่มองค้อนตามหลัง
.....
..
.
“กินข้าวเสร็จ ค่อยต่อใหม่  พรุ่งนี้วันหยุดด้วย พี่ยังไหว” คนที่ออกไปแล้วโผล่แต่หัวกลับเข้ามาบอก..................
............
......
..
.
“สาธุ อย่าให้พี่ตุล กับพี่ทิ โผล่มาละกัน” น้องหนึ่งบ่นงึมงำ
 
   The End
ไว้เจอกันใหม่เรื่องต่อไปนะคะ :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ ΩPRESTOΩ

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 352
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +149/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1693 เมื่อ03-04-2016 12:00:56 »

น้องหนึ่งช่างน่าสงสาร  :haun4:

ขอบคุณค่ะ
 :L2:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1694 เมื่อ26-04-2016 22:07:08 »

555 ขำประโยคปิดเนี่ยสิ

ออฟไลน์ buathongfin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1244
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-3
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1695 เมื่อ28-04-2016 17:31:26 »

จีสตริงมีไหม  :hao6:

ออฟไลน์ miniminiXD

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1696 เมื่อ28-04-2016 18:16:50 »

ขอเรื่องของพี่ตุล พี่ทิ แล้วก็ตี๋ ต่อเลยได้ม้ายยยย
โผล่มาแต่ต้นเรื่องเด๊นเด่น แต่สุดท้ายเป็นแค่ตัวปลากรอบ น่าฉงฉาน o17

ออฟไลน์ ป้ากิ่งkingkarn

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1697 เมื่อ01-05-2016 07:36:20 »

ฮาตัวเองค่ะ 555+ตกใจเรื่องสั้นไหงมีตั้ง50กว่าหน้า แต่พอได้อ่านหลงรักเลย ชอบมากๆสั้นจริงๆอ่านจบได้ใน1ตอน แล้วสนุกมากมาย น่ารัก หื่นเลือดสาด ได้ทุกตอน รออ่านตอนต่อไปอยู่นะคะ ขอบคุณมากๆค่ะ :pig4:

ออฟไลน์ whitedevil

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1698 เมื่อ20-05-2016 02:17:13 »

ปลาบปลื้มมากเพิ่งหากระทู้เจอ
เราจำได้ว่าเคยอ่านนานมาก
ดีใจสุดๆๆที่คนแต่งยังลงให้หายคิดถึง

ออฟไลน์ KKKwanGGG

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +21/-2
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1699 เมื่อ22-06-2016 13:16:08 »

 :haun4: เหอ เหอ เหอ หื่นทุกตอนจริง ๆ พี่แดนหื่นมาก น้องหนึ่งน่ารัก  ...... เทียนเทียน-ซินอ้านก็น่ารัก

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
« ตอบ #1699 เมื่อ: 22-06-2016 13:16:08 »





ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
Re: เรื่องสั้นx[[#78 น้องหนึ่ง]] p.57 x 2/04/59
«ตอบ #1700 เมื่อ23-06-2016 18:06:42 »

 :L2: :pig4:

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ]] p.57 x 25/06/59
«ตอบ #1701 เมื่อ25-06-2016 14:56:53 »

เรื่องใหม่ค่ะ ยังนึกชื่อเรื่องไม่ออก(ตอนนี้ได้ชื่อเรื่องแล้วค่ะ 29 06 59) แถมยังแต่งไม่จบ ( ลงตอนแรกเพื่อกระตุ้นตัวเองให้รีบแต่งให้จบ) :mew5:

เอาบทแรกมาลงแปะไว้ก่อน คิดไว้เริ่มต้นว่าจะมีสัก 3 ตอนหรือไม่ก็ 5 ตอน จบ ถ้ารอแต่งจบแล้วเอามาลงกลัวจะอีกนาน ถ้าไม่เอามาลงกระตุ้นตัวเองให้รีบแต่งเดี่ยวคนแต่งคงได้ก็เอื่อยเชื่อยไปเรื่อย



00

มะไฟวัยแปดขวบ เดินเล่นอยู่แถวบ่อน้ำด้านหลังโรงแรมหรู ที่พี่สาวทำงานอยู่ เด็กน้อยมาเดินเล่นที่นี่เป็นประจำ ตั้งแต่สามปีก่อนหลังจากที่พ่อแม่เสียอย่างกะทันหัน
หนึ่งพี่หนึ่งน้องต้องเติบโตอย่างฉับพลัน พี่สาวเพิ่งเรียนปีหนึ่งต้องลาออกมาทำงาน เพื่อส่งเสียให้น้องได้เรียน ใช้ชีวิตเหมือนคุณแม่ลูกติดนับแต่บัดนั้น
งานไม่ใช่ว่าจะหากันได้ง่ายๆ สำหรับคนมีภาระ ยังโชคดีที่ไม่ไกลจากบ้านมากนักตรงทีดินที่ว่างร้างมานาน เป็นที่ติดริมแม่น้ำ เจ้าของเดินตั้งราคาขายไว้แพงหูดับ กำลังมีการก่อสร้างโรงแรมหรู จนถึงตอนนี้ก็ใกล้เสร็จสมบูรณ์แล้วกำลังประกาศรับสมัครคนงาน มากมายหลายอัตรา
ทำให้พี่สาวได้เข้าทำงานตั้งแต่โรงแรมเปิดบริการ ช่วงวันหยุด หรือช่วงปิดเทอมของน้องก็พามาอยู่ที่โรงแรมด้วยกันโดยปล่อยน้องให้นั่งเล่อยู่ที่สวนด้านหลังที่ไม่ค่อยมีคนเข้ามาเดินเล่นมากนักเพราะส่วนใหญ่จะไปนั่งชมวิวกันที่สวนติดแม่น้ำซะเป็นส่วนใหญ่  ส่วนน้องมะไฟ ก็เป็นเด็กที่รู้เรื่อง ไม่ดื้อ ไม่ซน ติดจะเป็นคนขี้อาย  ขี้กลัว แต่ไม่เคยทำให้พี่สาวต้องปวดหัว สั่งให้นั่งวาดรู้อ่านหนังสืออยู่ตรงไหนก็รออยู่ตรงนั้นจนกว่าพี่จะมารับ ถ้าเบื่อก็ทำแค่ลุกมาเล่นดินเล่นทรายอยู่รอบโต๊ะ  ไม่เคยออกไปไกล เป็นแบบนี้มาสามปีแล้ว


วันนี้เป็นวันปิดเทอมวันแรก พี่สาวพามานั่งอ่านหนังสือที่เก้าอี้สนามตัวเดิม ใต้ต้นไม้ต้นเดิม  ที่มองไปเห็นบ่อน้ำขนาดไม่กว้างมากนัก  มีบัวสีชมพูเล็กๆสองสามดอกบานอยู่กลางบ่อ  แต่วันนี้ไม่รู้มีอะไรดลใจ ให้ร่างเล็กบอบบาง ลุกจากเก้าอี้ออกไปเดินอยู่ข้างบ่อน้ำ
เดินเล่นอยู่ได้ไม่นาน เท้าเล็กๆ กลับสะดุด ส่งให้ร่างเล็กบอบบางเสียหลัก ล้มตกลงในบ่อน้ำ 
“ตู้มมม” น้ำสาดกระจายเป็นวงกว้าง ร่างเล็กดิ้นรนอย่างสิ้นหนทาง น้ำมากมายไหลทะลักเข้าสู่ปากและจมูก ดวงตาทั้งสองมองเห็นแต่ฟองน้ำมากมายจากการตีมือเพื่อจะพาตังเองขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไร พยายามมากแค่ไหน ร่างเล็กกลับยิ่งดำดิ่งลงสู่เบื้องล่าง ดำดิ่งลงสู่ความมืดมิด




แสงแดดยามเช้าช่างสดใส ร่างสูงใหญ่ ในชุดออกกำลัง เดินออกจากฟิตเนต ในคอนโดหรูเพื่อกลับห้องพัก
ในห้องน้ำกว้าง มีกระจกบานใหญ่ ที่คิมหันต์ หรือคนที่บ้านเรียกสั้นๆ ว่าไฟ หรือไอ้เสาไฟ ของเพื่อนๆ ใช้ส่องมองตัวเองอย่างชื่นชม ทุกเช้าสายบ่ายเย็นค่ำดึก ทุกเวลาที่ต้องการ ร่างสูงเปลือยเปล่า ยืนมองร่างกายที่สวยงาม ด้วยสายตาชื่นชม กล้ามอกเป็นก้อน กล้ามท้องเป็นลอน ตูดกลมแข็งเป็นลูก เวลาอยู่ในฟิตเนต ใช่ว่าจะไม่รู้ว่าใครต่อใครต่างพากันมอง พากันชมชอบ แต่ถึงจะชอบผู้ชาย แต่ก็เลือกนะเฟ้ย

.......ร่างกายที่สวยงามขนาดนี้......
ถ้าไม่ได้คนที่คู่ควรอย่างหวังว่าจะได้แอ้มกันเล้ย  ก็เพราะเลือกมากน่ะสิจนป่านนี้ยังไม่มีเป็นตัวเป็นตนอย่างใครเขาสักที  จริงๆ คือยังซิงทั้งแท่ง   ไอ้รู้ตัวมันก็รู้อยู่หรอกนะ  เพื่อนก็ชอบด่าหาว่าเล่นตัว หลงตัวเอง  แต่คนส่วนใหญ่ชอบคิดว่าหยิ่ง
“ไอ้ที่ยังซิงอยู่นี่มึงเลือกไม่ถูกสิว่าจะเป็นลุกหรือรับสิ”
“ไม่ใช่โว้ย  แค่...ยังไม่ถูกใจใครเท่านั้นเอง ทำไมมันไม่มีใครที่หุ่นดีๆ แบบกูเข้ามาบ้างวะ เวลาทำมันคงมีความสุขว่ะที่ได้เห็นกล้ามเนื้อสวย กำลังขยับโยกอยู่เหนือร่างกายที่สวยงามแบบนี้หรือ ไม่ก็กล้ามสวยๆ นอนระทวยอยู่ใต้ร่าง แค่คิดกูก็.....” ตางี้เคลิ้ม น้ำลายสอ แผนก มโนในสมองกำลังทำงานกันอย่าขมักเขม้น
“มึงลืมป่ะ ถ้าคนที่หุ่นอย่างมึงเขาก็คงอยากเลือกไปฟัน ไอ้พวกสวยๆ บอบบางแหละว่ะ ไม่ได้หลงรูปร่างตัวเองจนหูหนวกตาบอดอย่างที่มึงเป็น ใครที่ไหนวะ mujตอนทำแล้วอยากลูบกล้ามเป็นมัดเหมือนลูบตัวเองแบบมึง ไม่มีหรอกว่ะ” มึงไม่เข้าใจกู  จริงๆ แบบนั้นกูก็ชอบ  แนวน่ารักใสๆ ตัวบางๆ น่ะ แต่ ป๊อดอะ ป๊อด ไม่กล้าไปจีบ กลัวแห้ว

“ดับฝันกูจริงนะมึง ช่างแม่ง  แบบว่านะ  หล่อเลือกได้โว้ย” ก็หลอกตัวเองต่อไป

... เชอะ....

ร่างสูงกว้างลงไปแช่ตัวในอ่างอาบน้ำ นอนแช่อย่างสุขสบาย ก็ไม่เห็นต้องรีบร้อน แค่ออกจากคอนโดเดินขึ้นรถไฟฟ้า ห้านาทีก็ถึงที่ทำงานจะต้องรีบไปทำไม นอนหลับอีกสักรอบยังตื่นมาทันเลย

ร่างสูงนอนแช่น้ำอุ่นอย่างสุขโข  กลับเผลอหลับไปจนได้  ร่างอ่อนปวกเปียก ค่อยๆ เลื่อนจมลงไปในน้ำอย่างช้าๆ



ในความดำมืด ไฟได้ยินเสียงเล็กๆ ร้องไห้สะอึกสะอื้น เขาเดินตามเสียงเล็กๆ นั้นไป จนเจอกับร่างเล็กที่มีผิวขาวโอโม่ เหมือนกับเรืองแสงได้ในความมืด  นั่งขดเป็นก้อนกลมอยู่บนพื้น ร่างเล็กสั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น
ก็ไม่ใช่นางงามหรอกนะ ติดจะเอนไปทางเกลียดเด็กซะด้วยซ้ำ แต่ยังไงที่นี่ก็มีกันแค่สอง จะสองคนหรือสองตนหรือหนึ่งคนหนึ่งตนก็เอาเถอะ ยังไงตอนนี้ก็เห็นกันโต้งๆ ว่าเป็นแค่เด็ก แถมเจ้าเด็กตรงหน้า  เอิ่ม  ดูน่ารักน่าหยิกหยอกมื่อไหร่ ดูดีมีชาติตระกูล แบบเป็ก อะเป็ก  แม่งก็เด็กเหลือเกิน กูเกลียดเด็ก   แต่ถ้าไม่ดูไม่แลก็ดูจะแล้งน้ำใจเกิ๊น
“เป็นไร ทำไมต้องมานั่งร้องไห้ในที่มืดๆ อย่างงี้ด้วย” จริงๆ กลัวผีด้วยอีกต่างหากนะครับ แต่ก็ทำนิ่งไว้ก่อนรักษาหน้า
“ฮืออ มะ มะไฟซนครับ  มะไฟ ไม่เชื่อฟังพี่มะปราง มะไฟลุกจากที่นั่ง จนตกลงไปในน้ำ มะไฟกลับไปหาพี่มะปรางไม่ได้อีกแล้ว ฮือออ”  ยังดีดูเป็นเด็กพูดรู้เรื่อง ไม่งั้นจะทิ้งให้ร้องต่อจนเลิกไปเองนั่นหละ
“ทำไมจะกลับไม่ได้ มาทางไหนก็กลับไปทางนั้นสิ มาจะพากลับ มานั่งร้องไห้กระยืดกระยาดอยู่อย่างงี้ก็ไม่มีอะไรดีขึ้น  เอ้าลุก” ร่างสูงยืนมือ ให้ร่างเล็กจับ แล้วฉุดให้ลุกขึ้นยืน ร่างน้อยสูงเพียงแค่ต้นขา  กว่าจะพากันเดินไปถึงสงสัยจะอีกนาน ไฟเลยจัดการด้วยการรวบร่างน้อยขึ้นอุ้ม
“มาจากทางไหน จำได้มั้ย ชี้บอกสิจะได้พากลับไป” ไอ้ที่มืดๆ แบบนี้ยังดีที่ไม่ได้เดินอยู่คนเดียว ไม่งั้นกูได้หลอนจนสติแตกแน่
เด็กน้อยชี้ไปข้างหน้า  แม้จะไม่เห็นความแตกต่างจากตรงอื่น เพราะมองทางไหนก็มีแต่มืดกับมืด แต่ไฟก็ยังเดินตรงไปตามที่แขนน้อยๆ ชี้ เหมือนโดนสะกดจิต
“ถึงแล้วครับ มะไฟมาส่งพี่ได้แค่นี้แหละครับ”
“หือ มาส่ง พี่ต่างหากมาส่งเรา อย่ามั่ว” ไฟวางเด็กน้อยลงยืนบนพื้น
“มะไฟมาส่งพี่ครับ พี่ชายคงไม่รู้ว่าตอนนี้พี่ชายจนน้ำอยู่ครับ พี่ชายต้องรีบกลับไปแล้วไม่อย่างนั้นพี่ชายอาจจะต้องไปยังที่เดียวกับมะไฟก็ได้” อ้าวฉิบ ไอ้เด็กนี่เป็นผีจริงสินะ  ร่างเล็กรีบดันให้เขาเดินต่อไป แต่ไม่ต้องดันกูก็แทบวิ่งอยู่แล้ว ก็เด็กนี่มันบอกว่าร่างอันสวยงามของกูกำลังจนน้ำ เรื่องอะไรจะยอมตายเอาง่ายๆ แบบนั้นกัน ร่างสูงวิ่งอย่างเร็ว ฝ่าความมืดไปข้างหน้า เสียงเล็กๆ ดังมาแผ่วๆ
“มะไฟฝากพี่ชายช่วยดูแลพี่มะปรางด้วยนะครับ ฝากบอกพี่มะปรางว่าไม่ต้อห่วง มะไฟไปอยู่กับพ่อแม่แล้วครับ” ร่างเล็กนั้นหายกลืนไปกับความมืด เสียงเล็กๆนั้นก็จางหายไปเช่นกัน
“เชี่ย แม่งผีจริงๆด้วย” ไฟจะหยุดวิ่ง ยืนตัวสั่น ขาสั่น  ถึงจะกลัวผีมาก แต่ไอ้ที่หยุดวิ่งนี่ไม่ใช่เพราะกลัวจนก้าวขาไม่ออกหรอกนะ แต่เพราะไม่รู้ว่าจะต้องไปทางไหนต่อ มองไปทางไหนก็มืด ซ้ายก็มืด ขวาก็มืด จะให้วิ่งกลับไปก็ไม่อยากจะไปเจอะเจอกับเด็กที่เพิ่งมาส่ง
“อะฮึก แค่คิดก็อยากกรีดร้อง” สติพร้อมจะแตกได้ทันทีในนาทีใดนาทีหนึ่งนี้แล้ว แต่อยู่ๆ เท้าที่ยืนอยู่บนพื้นแข็งๆ กลับรู้สึกเหมือนยืนบนอากาศ ร่างทั้งร่างล่วงลงอย่างรวดเร็ว ความมืดยังรายรอบอยู่อย่างน่าตกใจ ยังไม่ทันได้กรีดร้อง ทั้งร่างสัมผัสได้ถึงความเย็นของน้ำ....
.


 
สัญชาติญาณการเอาตัวรอดของคนเรา เมื่อจนน้ำ ร่างการก็จะสั่งให้เราตะเกียกตะกายขึ้นด้านบน  ไฟรีบขยับมือและเท้าพาร่างตัวเองขึ้นสู่ผิวน้ำ แต่ก็รู้สึกถึงความหนักอึ้ง อ่อนแรงของร่างกาย เป็นไปไม่ได้น่าเข้าฟิตเนตทุกวันร่างกายมันทำได้เท่าเนี้ยะเนี่ยนะ จะช่วยตัวเองจากความตายยังทำไม่ได้ ไรประโยชน์ไปนะ ขณะที่จะใจไม่ยอมแพ้ แต่ร่างกายไม่เอื้ออำนวย ก็ได้มีวงแขนอบอุ่นมาคว้าดึงเขาขึ้นสู่ผิวน้ำอย่างรวดเร็ว
.......แต่เดี๋ยวนะ ใครมันจะมาคว้าวะ ในเมื่อที่ห้องนั้นกูอยู่คนเดียว....
นั้นเป็นสิ่งที่ไฟได้แต่คิดก่อนที่สติทั้งมวลจะดับวูบไป
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-06-2016 17:23:49 โดย skidK »

ออฟไลน์ nadty27

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 48
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
Re: เรื่องสั้นx[[#79 ???]] p.57 x 25/06/59
«ตอบ #1702 เมื่อ28-06-2016 11:33:04 »

รอน้าาาาา
อยากรุ้ตอนต่อไปแล้ววว

ออฟไลน์ sirin_chadada

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-8
Re: เรื่องสั้นx[[#79 ???]] p.57 x 25/06/59
«ตอบ #1703 เมื่อ28-06-2016 12:33:08 »

กลายเป็นมาอยู่ในร่างเด็กน้อยมะไฟสินะ รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ BAKA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3025
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-10
Re: เรื่องสั้นx[[#79 ???]] p.57 x 25/06/59
«ตอบ #1704 เมื่อ28-06-2016 22:17:23 »

อ่าว ใครมาช่วยเนี่ย

แล้วมะไฟจมน้ำไปแล้วจริงๆหรือเนี่ย?

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 01]] p.57 x 25/06/59
«ตอบ #1705 เมื่อ29-06-2016 17:26:26 »

มาต่อแล้วนะคะ  :mew1:)



01
...............เมื่อลืมตาอีกครั้ง......................
....ไฟได้แต่นอนมองเพดานห้องในโรงพยาบาลอย่างทำใจไม่ได้.......
...
.
แรกทีเดียวตอนที่ขึ้นจากน้ำได้ ทั้งที่วูบไปพักนึ่ง แต่ก็แค่ไม่นาน   ก็รู้สึกตัวว่าถูกพาขึ้นมานอนราบอยู่บนหญ้านุ่มๆ แต่ยังไม่อยากลืมตาเพราะแสงมันจ้าไปหมด   โดนตบเบาๆที่แก้ม  พอปรับสายตากับแสงสว่างได้ ก็โดนช่วยผ่ายปอดแบบเม้าทูเม้า จากผู้ชายหน้าหล่อจนลืมหายใจ แต่มันจะเม้าทำไม  ก็ไม่ได้สลบซะหน่อย รู้สึกตัวนะ รู้สึกตัว ไม่ดูซะบ้างเลย

...แค่มึนเฟ้ย   มึนว่าที่นี่มันกลางป่าที่ไหน ไม่ใช่ห้องน้ำแสนรักในห้องคอนโด ยังจำได้อยู่นะว่า เมื่อเช้าเพิ่งเข้าไปนอนแช่น้ำอุ่นๆ คลายเมื่อย แต่ทำไมพาลืมตาอีกครั้งมันกลายเป็นที่ไหนไปก็ไม่รู้
มองรอบแล้ว....ไม่รู้จักใครเลย ไม่รู้ด้วยว่าอยู่ที่ไหน ขอสลบอีกรอบจะดีกว่า
เผื่อเจอไอ้เด็กผีนั่น จะได้ถามมันหน่อยว่ามันส่งมาลงที่ไหนกั๊น 
ไม่ ต้องเผลอหลับชัวร์ นี่คือความฝัน ใช่ต้องเป็นความฝันแน่นอน....
งั้นตื่น ’เพลี๊ยะ’
ตื่น ‘เพลี๊ยะ’
ตื่นสิโว้ยยยยยยย.......เพลี๊ยะ........เพลี๊ยะ...............
..
.

เจ็บแก้มไปหมดแล้ว ส่องกระจกดู หน้าแสนน่ารักนี่บวมช้ำจนดูแทบไม่ได้
แต่จะตื่นอีกกี่ที ตบอีกกี่ครั้งก็ยังเหมือนเดิม

....................เกลียดเด็ก  ไอ้เด็กเปรต................อย่าให้เจอนะมึง พ่อจะจรเข้ฟาดหางให้คอหลุดเลย    ไอ้ผีเด็กนั่นมันหายหัวจ้อย ไม่ว่าจะสลบ จะหลับ จะตื่นก็ไม่เคยเห็นหัวมัน มีอีกทาง คือ ทางตาย ซึ่งอาจจะ..ได้เจอ.. หรืออาจจะ..ไม่ได้เจอ.. ก็เลยไม่เสี่ยง

แต่จะว่ามันหายจ้อยไม่เห็นหัวก็ไม่ใช่หรอ มันหายไปแต่วิญญาณ ทิ้งร่างเอาไว้ให้เห็นทั้งหัวทั้งตัวเต็มๆ จอเลย ก็ในเมื่อร่างที่พี่ไฟใช้อยู่ในขณะนี้ ก็คือร่างของไอ้เด็กผีนั้น  เชี่ยเอ้ย...คบเด็กสร้างบ้านก็เป็นไปได้แค่บ้านถล่ม แต่ทำไม แค่พี่ไฟใช้เด็กบอกทางมันกลายเป็นโลกทั้งใบถล่มลงมาทับพี่ไฟไปได้ล่ะนี่

...................พี่แค่เผลอหลับคาอ่าง พี่ถึงกับต้องตาย อันนี้หาอ่านข่าวในอินเตอร์เนทจากโทรศัพท์ที่ยืมคุณพยาบาลมา ข่าวการตายของนายคิมหันต์ ที่ตายคาอ่าง ฮึ.. อ่านข่าวแล้วชีช้ำ ตายทั้งทีทำไมมัน.....ฮือออออ   รันทดแท้น๊อ
ยัง.....................แค่นั้นยังไม่พอ  วิญญาณพี่ยัง.....ยัง.............ยังมาถูกหลอกให้อยู่ในร่างเด็ก.................ฮือออออออออออออออ....ร้องไห้ให้ตายก็ยังไม่สาแก่ใจ..................พี่อยากจิกรีดร้องเป็นภาษาฮิบรู

ช่างอนาถใจจนไม่อยากจะตื่นมารับรู้   อีหอยหลอด จากชายชาตรีหุ่นกำยำ กล้ามสวย ฉะไหน เคราะห์ซ้ำกรรมซัดให้เข้ามาอยู่ในร่างเด็ก 8 ขวบไปได้ จากเท่าที่ดูเห็นพี่สาวมัน พันธุกรรมคงไม่พ้น สายรับชัวร์ ต่อไปนี้ไม่ต้องคิดจะลุกขึ้นมาอีกเลย  สวยหวาน ขาวออร่า ปากงี้สีเชอรีชัดๆ  ไม่น่าเชื่อว่าไอ้พี่น้องคู่นี้จะรอดปากเหยี่ยวปากกามาได้จนป่านนี้ คนพี่ยังไม่เท่าไหร่  สวยใสก็จริงแต่รู้จักแต่งเนื้อแต่ตัวปกปิดความสวยเอาไว้จนกลายเป็นใยหน้าจืด แว่นหนาหาคิ้วไม่เจอ แต่ไอ้คนน้องนี่สิ แค่แปดขวบยังออร่าความหวานขนาดนี้ต่อไปมิต้องเอาโคลนพอกกันหรือไง  ...พี่ไฟรับไม่ได้... อย่างพี่ไฟมันควรจะหล่อสะท้านทรวงสิ ไม่ใช่สวยสะท้านวิญญาณ

แต่จะทำอะไรได้ ร่างจริงๆก็ ฌาปนกิจไปเป็นที่เรียบร้อย สิ่งที่ทำได้ดีที่สุดในตอนนี้ก็คือ....ทำใจ....
ทำใจ...ยอมรับว่านายคิมหันต์ไอ้รวยหล่อลากคนเดิมมันตายไปแล้ว ..ที่เป็นได้ในตอนนี้ก็แค่น้องมะไฟไอ้สวยแปดขวบจนกรอบ ที่ยังไม่รู้กระทั่งชื่อจริงของไอ้ร่างนี้  รวมไปถึงไม่รู้จริงๆ ว่าอนาคตต่อไปจะเป็นยังไง



วันนี้จะได้ออกจากโรงพยาบาลสักที ไม่รู้เป็นยังไง เบื่อไอ้หน้าหล่อที่มันตามพี่มะปรางมาเยี่ยมได้ทุกวี่วัน เมื่อวานก็มา วันก่อนนั้นก็มา วันก่อนนู้นก็มา ไม่ทำการทำงานหรือยังไง มาอยู่ได้ กะอีแค่เป็นเจ้านายพี่มะปราง เป็นคนช่วยน้องมะไฟวันที่จมน้ำ แค่เนี้ย ไม่รู้จะมาเยี่ยมอะไรทุกวัน ดีหน่อยที่ของเยี่ยมติดไม้ติดมือมันอร่อยทุกอย่าง ตั้งแต่สตอเบอรี่ลูกโตๆ เชอรี่หวานเจี๊ยบ ไปจนป๊อบคอนถุงลายๆ สีฟ้าๆ ที่ทำให้ยังพอมีใจจะยิ้มต้อนรับไอ้คุณเจ้านายได้หน่อย  ไม่งั้นล่ะก็พ่อจะอาละวาดซะให้

 แทนที่พี่น้องเขาจะได้คุยทำความรู้จักกัน ไอ้หล่อนี่ก็มาเป็นส่วนเกินอยู่ได้ ก็ยอมรับว่าหล่อล่ะนะ เป็นหล่อแบบดูดี ขาวสะอาดสะอ้าน แต่ยังไงก็หล่อน้อยกว่านายคิมหันต์เมื่อก่อนอยู่หลายขุม  ส่วนความสูงนี่พอๆ กันเลย สูงสักร้อยแปดสิบหาได้มั้ง ไหล่กว้าง ส่วนอย่างอื่นอธิบายไม่ถูกเพราะเห็นทีไรก็ใส่สูททุกที เป็นผู้ชายที่ใส่สูทแล้วเท่จนน้ำลายหกคนนึงเลยแหละ


วันนี้พี่มะปรางมารับกลับบ้านตอนเย็นหลังเลิกงาน โดยมีสารถีหน้าเดิม ตามมาด้วย พอออกจากโรงพยาบาลได้มันก็พาเลี้ยวเข้าโรงแรม อ่าวเฮ้ย มีเยาวชนมาด้วยนะเฮ้ย เลี้ยวเข้ามาหน้าตาเฉย

“คุณเจ้านายคะ...” เออลืมบอกไป ไอ้หล่อนี่ เป็นเจ้านายแล้วยังชื่อเจ้านายซะอีก ใครมันเป็นคนตั้งชื่อวะ พระก็มีทำไมไม่ให้ท่านช่วยยืมชื่อคนตายสักคนมาตั้งให้ก็ไม่รู้

“กินข้าวกันก่อน เย็นมากแล้วนะครับ คุณอังสุมาลิน” อ้า คิดอกุศลสินะไอ้ไฟ   เออแล้วยัยมะปรางนี่อีกคน สงสัยแม่จะบ้านิยายตั้งชื่อลูกตามนางเอก  อ้าวซวย  แล้วตรูละวะ คงไม่ได้ชื่อโกโบรินะเว้ยเฮ้ย
“อีกอย่างน้องมะไฟจะได้กินยาซะด้วยเลย ถ้าช้ากว่านี้เดี๋ยวยาที่กินตอนเย็นจะไปซ้ำซ้อนกันยาก่อนนอนเอานะครับ” พี่มะปรางเลยได้แต่ยิ้ม แต่ไอ้คนพูดมันได้ดูมั้ยเนี่ยว่าการแต่งตัวของสองพี่น้องนี่มันน่าจะไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวโต้รุ่ง มากกว่าจะมานั่งปั้นจิ้มปั้นเจ๋อกินอาหารโรงแรมมั้ย ปัญญาอ่อนเอ้ย

เดินตามท่านเจ้านายเข้าไปในร้านอาหาร พี่มะปรางได้แต่เดินตัวลีบ เฮ้ออ มีมาดหน่อยก็ไม่ได้นะพี่ตรู บีบเข้าไป หนีบเข้าไป มันไม่ได้ช่วยให้หายไปจากตรงนี้ได้หรอก
มะไฟ เดินเร็วขึ้นเพื่อไปจับมือพี่มะปราง กระชับมือนั้นอย่างให้กำลังใจ

“ไหนๆ ก็เข้ามาแล้วนี่พี่ ยังไงคุณเจ้านายก็เป็นคนพามาเลี้ยง  พนักงานเขาไม่ไล่เราออกจากร้านหรอกน่า” พูดจบก็เดินนำหน้าไปยังโต๊ะที่คนตัวสูงหน้าหล่อยืนรออยู่ กินอาหารไปก็คุยสัพเพเหระกันไป


“ขอโทษนะครับ  ขอถามสักนิด คุณอังสุมาลิน นี่ชื่อมาจากตัวละครในนวนิยายอย่างนั้นหรือครับ” แมะ ไอ้หล่อนี่ถามเข้าท่า
“ไม่ใช่หรอกค่ะ  แต่คนส่วนใหญ่ได้ฟังชื่อ มักคิดว่ามาจะชื่อนางเอกนิยายกันทุกที จริงๆ แล้วคุณพ่อท่านใช้ชื่อนี้เพราะความหมายค่ะ อังสุมาลิน แปลว่าพระอาทิตย์ ดิฉัน เกิดช่วงหน้าร้อนค่ะ คุณแม่บอกว่าวันที่คลอดเป็นวันที่พระอาทิตย์เข้าใกล้โลกมากที่สุดในรอบปี ก็เลยอยากตั้งชื่อที่เกี่ยวกับดวงอาทิตย์ เถียงกันหลายชื่อแต่มาลงตัวที่ชื่อนี้ค่ะ” พี่มะปราง เล่าอย่างมีความสุขที่ที่ได้พูดถึงพ่อกับแม่
“แล้วน้องมะไฟล่ะครับชื่อจริงมีความเป็นมาน่ารักแบบคุณอังสุมาลินหรือเปล่า” อ้าวจีบพี่ตรูหรือวะ แต่หยวนๆ มันรวย ถ้าพี่มะปรางเป็นแพนมันก็เหมือนตกถังข้าวสาร ผู้หญิงจน ผู้ชายรวย ไม่น่าเกลียดเท่าไหร่
“เรียกมะปรางเถอะค่ะ ดูคุณเจ้านายจะเรียกชื่อจริงลำบาก น้องมะไฟ ก็เกิดช่วงฤดูร้อนเหมือนกัน คุณแม่กับคุณพ่อท่านช่วยกันหาชื่อแล้วก็เจอชื่อ กลินท์นี่แหละค่ะ กลินท์แปลว่าพระอาทิตย์เหมือนกัน แถมมีคำว่าลินที่เหมือนกับชื่อดิฉันอีกด้วยเลยตัดสินใจใช้ชื่อนี้คะ” พี่มะปรางเล่าไปก็ลูบหัวมะไฟอย่างเอ็นดูไปด้วย ก็อยากบัดออกอยู่หรอกนะ อายุก็ตั้งเกือบสามสิบแล้ว แต่คิดได้ว่าไอ้สามสิบที่ว่ามันอดีต ตอนนี้ก็แค่เด็กแปดขวบ อยากลูบอยากจับยังไงก็เชิญตามสบาย
มื้อนี้จบลงด้วยความอิ่มอย่างสาหัส อะไร อะไรก็อร่อยไปหมด คุณเจ้านายคอยตักโน่น ตักนี่มาปรนเปรอ จะจีบพี่ก็ต้องเอาใจน้องสินะ น้องไฟไม่ขัดศรัทธาอยู่แล้ว



“ขอบคุณคุณเจ้านายมากนะคะที่กรุณาพาดิฉันกับน้องไปเลี้ยงอาหารแล้วยังเป็นธุระพามาส่งถึงบ้านอีก”
“เรียกพี่ว่าพี่นายเถอะครับ เราสนิทกันแล้วนี่” เฮอะ ตีเนียม
“ไม่ได้หรอกค่ะ ยังไงคุณเจ้านายก็เป็นเจ้านาย จะไปเรียกแบบนั้น คนอื่นได้ยินคงจะไม่งามค่ะ”
“อย่างนั้นหรือครับ งั้นยกเว้นให้คุณมะปรางก็ได้ แต่เจ้าตัวเล็กนี่...”  ยืนสะลืมสะลืออยู่ดีๆ ก็โดนอุ้ม
“เฮ้ย..”
“ไหนเรีบกพี่นายสิ” อะไรว้า อยู่ๆ ก็ให้เรียกพี่ เฮ้ยหน้าอย่างเอ็ง เป็นลุงเถอะ
“ลุงนาย” ไม่เรียก คุณนาย  ก็บุญหัวละนะ
“บอกให้เรียกพี่ นี่เรียกลุงเลยหรอ” แล้วปากแดงๆ นั่นก็แนบลงกับแก้มอย่างไม่ให้ตั้งตัว จั๊กจี้นะเว้ยเฮ้ย อย่าคลุก แน่ะ ดูมัน เอาปากมาคลึงอยู่ที่แก้มไม่ปล่อยเลิกสักที
“ปล่อย มันจั๊กจี้” แอบเอามือลูบที่แผงอก เฮ้ยย มีเหมือนกันนี่กล้ามอกเนี่ย
“เรียกพี่ก่อน” เสียงนุ่มๆ พูดชิดอยู่ที่ริมหู ปากอุ่นๆ ลากไล้อยู่ที่แก้มเนียน ไม่ว่าจะเป็นแก้มซ้าย แก้มขวา หน้าผาก บางครั้งปัดผ่านริมฝีปากเอาดื้อๆ เฮ้ย ไอ้นี่มันยังไงยังไงวะ จะบอกว่าเหมือนเอ็นดูเด็ก มันก็ได้อยู่หรอกนะ แต่จะดูว่าลวนลามมันก็ได้อีกเหมือนกัน นัวเนีย นัวเนีย จนแก้มนี้เจ็บไปหมด
เฮ้ยยซุกซอกคอเลยหรอ จั๊กจี้  เสียงเล็กๆ หวานๆ ได้แต่หัวเราะคิดคัก บิดตัวหนี แอบจับไปที่ต้นแขน โอ๊วว  แน่นใช้ได้ มีแต่พองามสินะ แต่พอเถอะเลิกซุกซะที กูแกล้งหัวเราะจนเหนื่อยแระ

“พี่นาย” สุดท้ายก็ต้องยอมเรียกเพราะไม่งั้นดูท่ามันจะจูบไม่เลิก สึกหรอหมดไอ้หล่อนี่  ขนาดยอมเรียก มันยังเนียมหอมเหม่งไปอีกที ฮึ้ย



หลังจากวันนั้น ทุกครั้งที่ไปนั่งรอพี่มะปราง ก็อยากเรียกยัยมะปรางอยู่หรอกนะ แต่ก็ต้องยอมรับตัวเองว่าตอนนี้เป็นเด็กมะไฟ ไม่ใช่นายไฟอีกแล้ว เลยต้องฝึกให้ชิน กับการเรียกใครต่อใครว่าพี่  พูดจากสุภาพ ไม่มึงมาพาโวย เดี๋ยวเสียภาพพจน์เด้กใสหมด

ทุกวันคุณพี่นายจะมีขนมติดไม้ติดมือมาฝาก บางวันก็ชวนไปนั่งตากแอร์ที่ห้องทำงานดีจะตาย ที่ห้องทำงานจะแบ่งห้องพักผ่อน กับห้องทำงานเป็นสัดส่วน  นั่งๆนอนๆ ง่วงก็หลับ จนพี่มะปรางมารับกลับบ้าน  ตอนขึ้นมาที่ห้องนี้แรกๆ ก็งงอยู่  ที่ห้องคุณพี่นายมีทั้งขนม ทั้งหนังสือเยอะแยะ  เด็กดี อยากรู้อะไรให้ถาม
“ทำไมมีหนังสือกับขนมเยอะจังครับ”
“พี่เตรียมไว้ให้มะไฟครับ มานั่งเล่นที่นี่ดีกว่า  จะได้ไม่ไปเผลอตกน้ำอีก” อ้าวไม่ได้พิศวาสกรูหรอกหรอ  แค่กลัวกรูก่อเรื่องสินะ    เชอะ  ไหนก็เตรียมไว้แล้วเรื่องอะไรจะขัดศรัทธาให้โง่ ตั้งแต่นั้นที่นอนกลางวันของน้องมะไฟที่ใหม่ก็ถือกำเนิด

พี่มะปรางค์ทำงานที่โรงแรมนี้มาครบห้าปี ก็ได้ทุนเรียนต่อ เป็นทุนเรียนระดับปริญญาตรี เรียนจบก็มาทำงานให้กับโรงแรม พี่มะปรางเป็นคนหัวดีเรียนเก่งมาตั้งแต่ก่อนแล้ว เรียนจบด้วยเวลาสามปีครึ่ง จากผลการเรียนที่ดีมากพี่มะปรางเลยได้ทุนเรียนปริญญาโทต่ออีกใบ  ช่วงนั้นก็นึกว่าปิดเทอมจะอดนอนห้องแอร์ซะแล้ว แต่คุณพี่นายก็มารับน้องมะไฟที่บ้านพาไปเล่นที่ห้องทุกวัน  เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหก  เปลี่ยนคำนำหน้า จากเด็กชายเป็นนาย ไปเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว แล้วแต่ไอ้คุณพี่นายก็ยังดื้อด้าน จะให้น้องมะไฟไปนั่งเล่นนอนเล่นที่ห้องนั้นอยู่ดี
“ไม่เป็นไรหรอกครับ มะไฟดูแลตัวเองได้ ทำกับข้าว หุงข้าวเองยังได้เลย  ไปนั่งๆ นอนๆ รบกวนพี่นายทำงานซะเปล่า”
“ไม่รบกวนครับ พี่ชินแล้ว ถ้าเห็นน้องมะไฟ พี่คงกังวลจากไม่เป็นอันทำงาน” ดู ดูมันอ้อน นี่มันคนอายุสามสิบต้นๆ แน่หรอ นึกว่าเพื่อนอนุบาลหมีน้อย 
คุณเจ้านายปีนี้ก็อายุสามสิบสองเข้าไปแล้ว เคยอยากถามมันมาตั้งแต่สิบขวบแล้วว่าไอ้ที่ทำอยู่นี่ มันจะจีบพี่มะปรางหรือจีบน้องมะไฟกันแน่ แต่ไม่อยากดูแก่แดด เลยได้แต่ดูมันนิ่งๆ มาเรื่อย 

จนมาถึงตอนนี้เริ่มจะแน่ใจแล้วว่า ไอ้คุณพี่นายนี่มันกะเลี้ยงต้อย ไอ้เด็กมะไฟเป็นแน่แท้


 เพราะถ้ามันจะจีบยัยมะปราง ป่านนี้ลูกสองลูกสามไปแล้วมั้ง เปิดโอกาสให้ก็แล้ว สร้างสถานการณ์ให้ก็แล้ว ตอนวันเกิดครบสิบขวบ ขนาดพี่มะปรางยังรู้เลย โดนพี่มะปรางหยิกแก้มด้วยเจ็บเลย 
“มะไฟ พี่รู้นะว่ามะไฟ กำลังทำอะไร”
“ทำอะไรครับ  มะไฟไม่ได้ทำอะไรสักหน่อย มะไฟแค่อยากได้พี่เขยรวยๆแค่นั้นเอง”
“พูดอะไรอย่างนั้นมะไฟ ใครมาได้ยิน มันไม่ดีรู้ไหม” แก้มขวาโดนบิด
“โอ๊ย โอ๊ย เจ็บ” พี่มะปรางถึงยอมปล่อย
“ก็แหม พี่นายเขาออกจะไปมาหาสู่บ้านเราเป็นประจำ ถ้าไม่ได้คิดอะไรกับพี่มะปรางแล้วพี่นาย...”
“หยุดเลยนะ มะไฟ แก่แดดนักนะเดี๋ยวนี้” แก้มซ้ายโดนเข้าไปอีกที
โอ๊ยยย เจ็บครับเจ็บ พอแล้ว”
“ถ้าคุณเจ้านายคิดอะไรกับพี่จริง ป่านนี้เขาคงพูดกับพี่เองแล้ว ไม่ต้องรอให้เด็กอย่างเรามาช่วยหรอ พี่คิดว่าเขาอาจจะถูกชะตากับมะไฟก็ได้ เขาถึงได้มาคอยดูแล พี่คิดว่าแบบนั้นนะ”
“แล้วพี่มะปรางไม่คิดว่ามันแปลกหรอ”
“ไม่นะ พี่ว่ามีคนรักดีกว่าคนเกลียด เขาชอบน้องพี่ ก็เพราะน้องพี่น่ารัก น้องพี่เป็นเด็กดี พี่ภูมิใจมากกว่าอีก จะไปรังเกียจทำไม”
“ตามใจ ถ้าพี่มะปรางว่าอย่างนั้นก็แล้วแต่ครับ”

ทำไปทำมา กลายเป็นคุณเลขาคุณพี่นายซะอีกที่มาก เทียวไล้เทียวขื่อพี่มะปราง  อาสามารับน้องมะไฟไปหาคุณพี่นายบ้าง อ้างนู่นนี่นั่นจนสุดท้ายพี่มะปรางก็ใจอ่อน ตกลงเป็นแฟนกันไปเรียบร้อย แต่พี่มะปรางขอไว้ว่าให้เรียนจบก่อนถึงจะคุณเรื่องอนาคตกันอีกที

พี่มะปรางเรียนใกล้จบเต็มทีแล้ว  ตาย ตาย พี่เขยรวยๆ หลุดมือไปแล้ว แล้วต่อไปจะทำยังไงดีละหว่า  นั่นคือความคิดตอนมะไฟสิบขวบ คิดไปคิดมา

ไหน ไหน พี่นายชอบไอ้เด็กมะไฟนี่   ไฟนั่งคิดแล้วคิดอีกจากสิบขวบ จนตอนนี้สิบห้าแล้ว  คำตอบที่ได้ก็ยังมีแค่ทางเดียว 

คือ เอาตัวเด็กมะไฟ หรือก็คือเอาตัวเองเข้าแลก นั่นแหละถึงจะยังอยู่สุขสบายแบบนี้ต่อไปได้

เอาก็เอา คุณพี่นายก็ไม่ได้น่าเกลียด ห่างไกลจากคำนั้นเลยด้วยซ้ำ  คุณพี่นายหล่อ ร่างกายสมส่วน กล้ามอก กล้ามแขน ซิกแพค คุณพี่นายก็พอมีอยู่หรอกนะ ถึงจะไม่ได้มีกล้ามเป็นมัดๆ สวยงาม  หน้าท้องเป็นลอนแข็งแกร่งอย่างที่ นายไฟเคยมีและเฝ้าฝันจะให้คนอื่นมี แต่ถึงตอนนี ก็หยวนๆ เถอะ  ในแวดวงชีวิตไม่มีใครดีไปกว่าคุณพี่นายแล้ว
แต่จะทำยังไงให้ไม่เป็นการจงใจจนเกินงามดีล่ะ แล้วจะต้องหาทางทำให้คุณพี่นายรักหลงเด็กมะไฟนี่จนโงหัวไม่ขึ้น

นายกลินท์ นั่งทำหน้าเคร่ง อยู่บนโซฟาตัวใหญ่ ในห้องแอร์ ข้างห้องทำงานคุณพี่นาย   ไม่รู้นั่งเงียบอยู่นานไปหรือเปล่า  คุณพี่นายถึงได้เดินเข้ามาดู
“เป็นอะไรไปน่าเครียดเชียว” มือใหญ่ขยี้เบาๆ ลงบนผมนุ่มของมะไฟ
“มะไฟ... คือมะไฟแค่  กลัวพี่นายเบื่อมะไฟ”
“หือ”
“คือแบบว่า มะไฟเด็ก มะไฟเป็นภาระ ถ้าวันนึงพี่นายจะมีใครสักคน พี่นายก็คงทิ้งมะไฟ ลืมมะไฟ”
“ไม่  ชิวิตนี้พี่จะมีแค่มะไฟ พี่จะไม่มีวันทิ้งมะไฟ” เจ้านายรั้งร่างมะไฟเข้าไปกอด หัวน้อยๆ ซบอยู่แนบอก
 เสร็จโก๋ วะฮ่า ฮ่า ไอ้คุณพี่นายมันไม่รู้สินะว่าพูดอย่างนี้มันสารภาพรักชัดๆ

เดี๋ยวนี้คุณพี่นาย ไม่กอดไม่หอมน้องมะไฟเหมือนเก่า พยายามเก็บมือเก็บไม่ไว้อย่างดี ดูก็รู้ว่าพยายามเต็มที่ แต่แค่คำพูดตอนเผลอๆ น้องมะไฟไม่เชื่อหรอ น้องมะไฟต้องหาหลักประกัน
 
“คืนนี้มะไฟไปนอนคอนโดพี่นายนะ มะไฟขี้เกียจกลับบ้าน พี่มะปรางไปงานเลี้ยงมะไฟขี้เกียจอยู่คนเดียว”
“ไม่ได้ พี่ เอ่อ พี่ก็ต้องไปงานเลี้ยงพี่ไม่อยากให้มะไฟไปอยู่คนเดียวที่ดอนโดเหมือนกัน” คุณพี่นายทำหน้าแปลกๆ

 หึหึ นึกว่าไม่รู้สินะ ตอนเจ้าเด็กมะไฟเป็นเด็กน้อย คุณพี่นายก็ยังพอจะอดทนอดกลั้นอยู่ได้หรอ แค่หาเศษหาเลย หอมแก้มบ้างกอดบ้าง ดูไม่น่าเกลียด  แต่นี่น้องมะไฟ โตแล้วจะลากไปจูบไปหอมมันก็คงดูไม่ดี คุณพี่นายเลยพยายามอยู่ห่างๆ อย่างห่วงๆ  กร๊ากกกก   แต่คุณพี่นายจะทนไปได้สักกี่น้ำ ในเมื่อน้องมะไฟคนนี้จะจับคุณพี่เจ้านายให้อยู่มือ
“นะ นะ นะครับ ให้มะไฟไปรอพี่นายที่คอนโดเถอะนะ” สายตาออดอ้อนที่ใช้ได้ผลทุกครั้ง  แล้วครั้งนี้ก็ยังเป็นไปตามนั้น


ตามไปยั่ว วันละนิดวันละหน่อย มีโอกาสก็จะตะครุบเอาไว้ในอุ้งมือน้อยๆ ของน้องมะไฟ อย่าเผลอพลาดเปิดโอกาสแล้วกันนะครับคุณพี่นาย


ที่คอนโดคุณพี่เจ้านาย หรูซะไม่มีหละ ห้องก็กว้าง ทั้งชั้นมีกันอยู่แค่ไม่กี่ห้อง การตกแต่งก็ดูน่าจะแพงหูดับ ก็เหมาะสมกับความรวยของคุณพี่นายเขาหละ
หลังจากโทรบอกพี่มะปรางแล้วเพื่อจะได้ไม่ต้องเป็นห่วง  คุณพี่นายก็แต่ตัวหล่อออกมาจากห้อง พร้อมที่จะออกไป

“อยู่ได้แน่นะมะไฟ พี่คงกลับดึก”
“ไม่เป็นไรครับถ้าง่วงมะไฟจะนอนก่อน” มะไฟที่ตอนนี้สูงแต่บ่าคุณพี่นาย เขย็งตัวขึ้นไปจับปกเสื้อนอกให้เข้าที่เข้าทาง
“เดินทางปลอดภัยครับ” คุณพี่นายเขินจนแดงไปทั้งหน้า รีบหนีออกจากห้องไปอย่างไว



มะไฟลืมตาขึ้นมองนาฬิกาที่หัวเตียง  เที่ยงคืนกว่าจนจะตีหนึ่งแล้วคุณพี่นายยังไม่กลับมาสักที ร่างเล็กที่ตอนนี้มีเพียงกางเกงนอนขาสั้นบางๆ กับเสื้อกล้าม ลุกจากเตียงเดินออกจากห้อง ไปที่ตู้เย็นในส่วนครัวเพื่อหาน้ำกิน เพิ่งล้างแก้วคว่ำเสร็จ หน้าประตูก็ได้ยินเสียง ปลดล็อก
คุณเลขาหน้านิ่ง ว่าที่พี่เขย ประครองร่างที่เมาจนแทบจะยืนไม่อยู่เข้ามา แล้วพาตรงไปยังห้องนอนทันที
“ทำไม่เมาเละแบบนี้ล่ะครับ พี่ทัก” มะไฟเดินตามเข้ามาติดๆ ถามคุณเอากับคุณเลขา
“ไม่ทราบหรอครับ เพื่อนๆ คุณเจ้านายโทรตามให้พี่ไปพากลับมาถึงได้รู้
“อ้อ งั้นเดี๋ยวมะไฟไปห่น้ำมาเช็ดตัวให้ดีกว่าจะได้นอนสบายๆ พี่ทักช่วยมะไฟถอดเสื้อกางเกงเลยครับ มะไฟทำเองไม่ไหวแน่”  กลับมาอีกครับร้างสูงก็เหลือแค่บอกเซอร์
“พี่ทักกลับเลยก็ได้นะ เดี๋ยวมะไฟเช็ดตัวเสร็จก็จะไปนอนเหมือนกัน” พี่ทักพยักหน้าให้แล้วเดินออกไป  แต่เพื่อความชัวร์ เลยเดินตามออกไปส่ง
“หุหุ พี่นาย ตอนนี้ก็เหลือแค่เรานะครับ” ไฟกลางห้องถูกปิดลง เหลือไว้เพียงไฟหัวเตียงที่ให้แสงสลัวๆ  ร่างเล็กลงมือถอดเสี้อผ้าออกจากตัวก่อนจะก้าวขึ้นไปนอนเคียงบนที่นอนใหญ่ มือเล็ก เลื่อนเข้าไปในขอบบอกเซอร์ ลูบไล้ส่วนที่หลับใหลนิ่งสงบไปมาเบาๆ
“อือ” ร่างที่หลับใหลครางออกมาเบาๆ  แล้วอยู่ดีๆ ก็ดึงมือออกอย่างเร็ว เหมือนนึกอะไรได้
“ไม่ได้สิ  เสือกล้าม กับกางเกงจะถอดทิ้งเฉยๆ เดี๋ยวพี่นายไม่เชื่อว่าตัวเองใช้กำลัง
ร่างเล็กรีบลุกขึ้นไปหยิบเสื้อกล้ามขึ้นมาทึ้งจนเสียสภาพแล้วโยนออกไปมั่วๆ ส่วนกางเกง หยิบขึ้นมาแล้ว ก็ปล่อยลงไปกองอยู่ข้างเตียงตามเดิม 
“กางเกงตัวโปรดอะ ไม่กล้าทำ” ว่าแล้วก็กลับขึ้นไปนัวเนียกับคนเมาต่อ
“อือม อื้อ” เสียงครางครึ้มจากลำคอจากร่างสูง สะโพกหนาขยับไหวตามจังหวะมือ
ผ่านไปสักพัก เมื่อความแข็งขึงดันตัวจนนูนโป่งในบ็อกเซอร์ร่างเล็กจึงลุกขึ้นนั่งข้างลำตัว แล้วก้าวขาข้ามขึ้นคร่อม มือทั้งสองข้างจับที่ขอบเอว
“เซ่อไพร้ด คริ คริ” ออกแรงดึงบ็อกเซอร์ลงอย่างเร็วจนมันลงมาอยู่ที่ช่วงเข่า แล้วดึงถอดจนหลุดพ้นขายาวๆ ไป โดยที่สายตาไม่ได้ละจากท่อนเนื้อที่ดีดตัวขึ้นตั้งอยู่ตรงหน้า ปากแดงเผยอออกน้อยๆ ลิ้นสีชมพูเลียไล้ที่ริมฝีปากอย่างมาดหมาย
“ใหญ่ชะมัด ไอ้ไฟ เอ้ย ท่องไว้ ท่องไว้ ข่มขืน ใช้ตัวช่วยไม่ได้ ท่องไว้” มะไฟที่เห็นมังกรยักษ์เบื้องหน้า ก็เริ่มขยาดกับขนาด
ร่างเล็กลุกไปคุกเข่าคร่อมด้านบน นำเจ้ามังกรยักษ์นั่นจ่อเข้ากับช่องทางด้านหลังจดจดจ้องจ้องเล็กน้อย แล้วค่อยๆ กดตัวลงเพื่อรับเจ้าสิ่งนั้นเข้าสู่ภายใน มือเล็กๆ คอยลูบไล้เอาใจเจ้ามังกรอยู่ตอลอด
เจ้านายส่งเสียงครางเบาในลำคอ ดวงตาทั้งสองข้างยังหลับสนิท  มือหนาไล้ไปมาที่หัวเข่าสองข้างของมะไฟอย่างชอบใจ
“อ๊ะ อื้อ เจ็บอะ อืออ เจ็บโว้ย  ฮึ๊ย” เมื่อร่างกายตัวเองไม่ยอมรับเจ้าสิ่งนั้นเข้าไปดีๆ มะไฟจึงละความพยายามที่จะทำร้ายร่างกายตัวเองแล้วเดินไปหาตัวช่วย
“ใช้นิดหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง” วาสลินขวดน้อยที่มะไฟมีติดตัวไว้ในกระเป๋า เพื่อใช้ทามือทาเท้า เป็นตัวช่วยที่เจ้าตัวเลือกเป็นอันดับแรก ใช้นิ้วป้ายออกมาพอสมควร แล้วเอานิ้วป้ายวนที่ช่องทางด้านหลังก่อนจะสอดนิ้วเข้าไปเบาๆ  เมื่อรู้สึกว่าลื่นๆ ดีแล้วจึงกลับมานั่งลงที่เดิม ค่อยๆ ทิ้งตัวลงอย่างช้าๆ
“อ๊ะ อ๊า อือออ เจ็บจังเลย จะใหญ่อะไรนักวะ หมั่นไส้  นี่แน่ะ” ร่างเล็กทุบอึ๊กลงที่อกของคนนอนไปหนึ่งที เพื่อระบายความเจ็บ ขนาดใช้ตัวช่วยแล้ว ยังไงมันก็ไม่ยอมเข้า
“เอาวะ กลั้นใจแป๊บเดียว เจ็บเป็นเจ็บ” ก่อนที่จะถอดใจ ร่างเล็กตัดสินที่จะลองครั้งสุดท้าย กัดฟันกดตัวนั่งทับลงไปโดยแรง
“อ๊ากกก เชี่ยเอ้ย ฮือออ” มันเข้าไปได้แล้ว แต่ทั้งร่างก็สั่นระริกจากความเจ็บที่เหมือนร่างกายโดนฉีกกระชาก  ตัวงอ น้ำตามากมายไหลทะลัก
“เจ็บสัดเลย อือออ” นี่ยังเป็นแค่ส่วนหัวเท่านั้นที่เข้าไปได้ แต่ร่างเล็กก็ไม่สามารถที่จะทนทำต่อไปได้ อีกแล้ว ขณะที่กำลังจะยอมแพ้แล้วถอนตัวออก เอวเล็กกลับถูกรวบด้วยมือหนา ก่อนจะกดน้ำหนักให้ร่างเล็กรองรับส่วนที่เหลือเข้าไปในทันที ร่างเล็กเงยหน้าสบตากับร่างสูงที่ไม่รู้เหมือนกันว่าลืมตาตื่นขึ้นมาตั้งแต่เมื่อไหร่
“โอ๊ยยย ซี๊ดด อ๊ะ เฮ๊ย” น้ำตาที่เกือบจะแห้งกลับมาทันที ก่อนจะได้แต่อ้าปากค้าง เมื่อร่างสูงพลิกกลับเป็นฝ่ายคร่อมอยู่ด้านบนแทน
“น้อง มะไฟ” ร่างสูงกำลังสบตาที่ฉ่ำน้ำ ด้วยใบหน้าอมยิ้มเมาๆ  มือข้างนึงยังจับอยู่ที่ช่วงเอวเล็ก
“รัก จัง น่ารักจัง หึหึ” ร่างสูงก้มลงมาจูบเบาๆ ที่ริมฝีปากที่ยังอ้าค้าง  ส่งเรียวลิ้นเข้าไปหยอกเย้ากับลิ้นเล็กด้านใน แล้วกวาดกวาดลิ้นอุ่นไปทั่วโพรงปาก มือไม้ป่ายเปะปะไปทั่วร่าง หยอกเย้ายอดอกบดบี้ตุ่มไตเล็กๆ จนแข็งสู้มือ  ร่างเล็กเรียกสติกลับมา ก่อนจะเอามือทั้งสองข้างดันที่อกแกร่ง
“ปล่อยนะ ออกไปเดี๋ยวนี้ ออกไป อ๊ะ อย่าขยับ เจ็บ ฮื๊อ เจ็บ” มะไฟลืมสนิทถึงสิ่งที่ตนเองได้เริ่มไว้  มือเล็กพยายามดันคนด้านบนออกไปแต่ก็เหมือนดันมือเข้ากับกำแพง มือหนาข้างที่ว่างอยู่จับมือสองข้างรั้งขึ้นไปล็อกไว้เหนือหัว แล้วขยับโยกสะโพกหนาเบาๆ ส่งให้ส่วนที่ยังคงอยู่ในช่องทางร้อนลุ่มคับแน่น ขยับตาม
“อ๊ะ อื๊อ ซี๊ดด”  ร่างด้านบนขยับเข้าออกช้า เมื่อมือใช้ไม่ได้ร่างเล็กก็พยายามที่จะใช้ขาทั้งสองข้างหยุดยั้งการขยับเนิบๆของสะโพกแกร่ง ด้วยการหนีบขาที่สั่นระริกเข้ากับสะโพก  แต่กลับกลายเป็นเหมือนมะไฟใช้ขาเกี่ยวกวัด รัดร่างหนาเอาไว้  ร่างสูงก็ขยับโจนจ้วงเข้าหาเร็วขึ้น แรงขึ้น ร่างเล็กด้านล่างได้แต่ขยับโยกรับการกระแทกกระทั้นตามไป


“โอ๊ยย  ซี๊ดด อืออ อ๊ะ   อ๊ะ  อื๊อ ..อ๊ะ..อ๊า” เสียงร้องอย่างเจ็บปวด เปลี่ยนเป็นเสียงครางกระเส่า ร่างกายบิดเร่าส่ายไหว สะโพกเพรียวยกลอยตามแรงกระแทก น้ำตายังไหลซึมทางหางตาจากความเจ็บ 
เจ้านายลุกนั่งคุกเข่าอยู่ทางด้านหลัง มะไฟตอนนี้ได้แต่นอนระทดระทวยไร้เรียวแรง ปล่อยให้ร่างหนาจับพลิกคว่ำพลิกงายได้ตามแต่ใจ  สองมือหนาจับยกเอวเล็ก ลากเข้าหาตัว สะโพกขยับเข้าออกเร็วแรง ร่างเล็กเจ็บจนชาไปหมดแล้ว ไม่รู้ว่าผ่านไปกี่ครั้ง กี่รอบ  สองแขนพยุงตัวไว้ในท่าคลาน มือเกร็งจิกเข้ากับผ้าปูที่นอนแน่น
“อ๊ะ อ๊ะ อื๊อ อ๊า” เสียงครางกระเส่าที่แหบพร่าง ตามระยะเวลาที่ล่วงเลยไป ยังดังออกมาอย่างต่อเนื่องจนเกือบรุ่งสาง.....

.

.

.
   

 


ค้างหรือเปล่าไม่รู้ แต่จะรีบมาลงต่อเรื่อยๆค่ะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-07-2016 22:23:48 โดย skidK »

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 01]] p.57 x 25/06/59
«ตอบ #1706 เมื่อ29-06-2016 19:13:30 »

ช่วยไม่ได้นะมะไฟตัวเองขมขื่นพี่นายเขาก่อน  :oo1:
โอ๊ยๆๆ.....มาต่อเร็วๆนะคะ :ling1:

ออฟไลน์ skidK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 317
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +230/-1
Re: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 02]] p.57 x 02/07/59
«ตอบ #1707 เมื่อ02-07-2016 22:31:48 »

ต่อค่ะ ต่อ  :mew4:



02
เวลาเกือบบ่ายแล้ว  บนเตียงที่ยับย่น ร่างเล็กนอนซุกอยู่กับอกแกร่ง เจ้านายตื่นนอนได้สักครู่แล้ว  เจ้านายได้แต่ถอนหายใจ  อยากลุกขึ้นมาตบหน้าตัวเองรัวๆ ร่างเล็กที่หลับซุกอยู่ในอก ไม่รู้ว่าจะเจ็บจะช้ำขนาดไหน  รอยจ้ำแดงๆ โผล่ให้เห็นเต็มไปหมด จะเรียกว่าลายพร้อยก็คงว่าได้
เจ้านายก้มมองคนในอ้อมแขน  แล้วยิ้มให้กับความน่ารัก  น่ารักซะจนเจ้านายไม่ยอมขยับตัวแม้แต่น้อย เพื่อเจ้าตัวเล็กนี่จะได้ยังนอนอยู่ในอ้อมแขนนี้ไปอีกสักครู่  เจ้านายได้แต่นอนมองหน้าคนหลับ  นิ้วเรียวเกลี่ยผมนุ่มที่ละลงมาปิดหน้าให้เบาๆ อยากจะก้มลงจูบหน้าผากมนนั้นสักทีก็กลัวรบกวนการนอน   เวลาไหลผ่านไป แต่เจ้านายกลับรู้สึกราวกับเวลาที่หยุดนิ่ง และอยากให้หยุดยิ่งอยู่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ 



“อืออ” เสียงครางดังออกมาเบาๆ เมื่อเจ้าตัวน้อยเริ่มขยับตัว
“อ๊า ซี๊ดด” ความเจ็บร้าวที่ตีกระหน่ำขึ้นมาทำเอามะไฟหยุดขยับ ได้แต่ลืมตาขึ้น สิ่งแรกที่เห็นคือ  แผงอกที่มีกล้ามน้อยๆ นี่ต้องเรียกว่าน้อยเมื่อเทียบกับตัวเองสมัยก่อน
จึ๊ก สตั้นวินาทีนึง
ก่อนจะนึกออกว่าเมื่อคืนตัวเองเตรียมแผนอะไรไว้รับอรุณคุณพี่นาย  เจ้าตัวเล็กเตรียมแหกปาก แต่ยังไม่ทันจะได้เริ่ม  เสียงทุ่มเจ้าของอ้อมกอดอุ่นที่มะไฟยังซุกตัวอยู่ก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“พี่จะรับผิดชอบ พี่จะไปบอกกับคุณมะปราง”   
หา!!!
“จะบ้าหรอครับพี่นาย ไปบอกตอนนี้เดี๋ยวพี่มะปรางก็ลากคอพี่ขึ้นโรงพักเท่านั้น”
“แต่พี่..” สีหน้าสำนึกผิดของอีกฝ่าย ทำเอามะไฟได้ใจ ค่อยๆ พลิกตัวเปลี่ยนเป็นนอนหงาย
“ซี๊ด” เอี้ย เจ็บเอี้ยๆ เลย มะไฟได้แต่ซู๊ดปากเบาๆ แค่ขยับน้ำตาก็ปริ่มแล้ว คุณพี่นายยิ่งหน้าเสียกันเข้าไปใหญ่
“พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ  พี่ยอมทุกอย่างเลย มะไฟอย่าโกรธพี่นะ” คุณพี่นายคว้าร่างเล็กเข้าไปกอดซบกับอกอีกครั้ง
“อ๊า” มะไฟครางออกมาด้วยความเจ็บ มันจะกอดทำไม กว่าจะพลิกหงายได้ก็เกือบตายแล้ว นี่ยังมาลากไปกอด เจ็บโว้ย เจ็บ  เจ็บ เจ็บ น้ำตาไหลเป็นทาง
“มะไฟ มะไฟอย่างโกรธ อย่าเกลียดพี่เลยนะ พี่ขอโทษ มะไฟจะทุบจะตีพี่ ยังไงก็ได้ แค่มะไฟยอมให้พี่รับผิดชอบ”
“หยุดก่อน พอ พอก่อน  มะ มะไฟ ไม่ได้โกรธพี่ ฮืออ  มะ มะไฟแค่เจ็บ”
“พะ พี่ขอโทษ พี่ขอโทษ”
“ฮื้อ  อย่าขยับ” มะไฟบอกเสียงห้วน
“ครับไม่ขยับ พี่จะนอนนิ่งๆ ให้นิ่งที่สุดเลย” วะต้องให้ขู่
“เรื่องนี้ ถ้าพี่ไม่พูด มะไฟไม่พูด พี่มะปรางก็ไม่จำเป็นต้องรู้ เรามาตกลงกัน”
“ยังไง” คูณพี่นายยังทำหน้ากังวล
 “พี่บอกว่าจะรับผิดชอบดูแลมะไฟไปตลอดชีวิตพี่ใช่ไหม”
“ใช่จ้ะ พี่จะดูแลมะไฟไปตลอด หรือถ้ามะไฟเบื่อพี่ แค่มะไฟบอกมาคำเดียวพี่ก็จะไป”
“จะเบื่อไม่เบื่อค่อยว่ากัน  แต่ถ้าพี่ทิ้งมะไฟล่ะน่าดู” คุณพี่นายนอนอมยิ้ม ทำตาปริบๆ


สองร่างเล็กใหญ่ยังนอนกอดกันอยู่บนเตียง ไม่อยากจะลุกไปไหน ทั้งที่เลยเวลาอาหารมาตั้งสองมื้อ
“พี่นาย  พี่นายรักมะไฟมั้ย” มะไฟเงยมองสบตาคุณพี่เจ้านายแล้วถาม
“.....”
“พี่นาย” มะไฟน้ำตาคลอเจียนจะหยด  นี่เขามโนมาตลอดเลยหรอ ว่าคุณพี่นายรักน้องมะไฟ  พอถาม แล้วคุณพี่นายไม่ตอบทำเอาถึงกับอึ้ง  ร่างเล็กใจแป้ว  ไม่ต้องแกล้ง ไม่ต้องสั่ง  น้ำตามันมาเองเลย
‘…เชียกรูเข้าใจผิดหรือวะเนี่ย….’


“ไม่...” ยิ่งได้ยินคำตอบ ที่ตอกย้ำเข้าไปอีก มะไฟเลยลืมเจ็บพลิกตัวหันหลังให้คุณพี่นายในทันที

“ไม่ ไม่ใช่อย่างนั้น โอ๋ คนดี อย่าร้องนะ  พี่รักมะไฟ  ไม่เอา ไม่ร้อง” เสียงละล่ำละลัก ของคุณพี่นายไม่ได้ทำให้ร่างเล็กรู้สึกดีขึ้นสักนิด
“พี่นายไม่ได้รักมะไฟสินะ  ไม่เคยรัก ไปเลยไม่ต้องมายุ่ง ไม่ต้องมารับผิดชอบเลย มะไฟไม่อยากฝืนใจใคร” ไหล่เล็กๆ ไหวตามแรงสะอื้น ทำเอาร่างสูงถึงกับมือไม้ปั่นป่วน
“รักสิ พี่รัก มะไฟ”  ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ กอดร่างเล็กจากทางด้านหลัง
“รัก พี่มาตั้งนานแล้ว แต่ รู้สึกว่าพี่ผิด พี่มันเลว พี่ไม่ควรมีความรู้สึกแบบนั้นกับเด็ก มะไฟยังเด็กมาก เด็กกว่าพี่มากเหลือเกิน” คุณพี่นายกอดแน่นเข้า กระซิบอยู่ที่ริมหู มะไฟน้ำตาริน
“แล้วนี่พี่ยังผิด ยังเลว ที่ทำกับเด็กอย่างมะไฟแบบนี้  พี่ พี่ขอโทษ”คุณพี่นายลูบไล้เบาๆ  ที่หัวไหล่เปลือย พยายามเช็ดน้ำตาที่ยังไหลเป็นสายให้อย่างเบามือ

‘งานนี้นี่มีแต่กรูหรือไงนะที่ต้องเจ็บ’ ปล่อยให้คุณพี่นายกอดต่อไปก็เจ็บต่อไปไม่รู้จะขยับอะไรนัก   

 มะไฟทนเจ็บ ค่อยๆ พลิกตัวกลับมาเผชิญหน้ากับคุณพี่นายอีกครั้ง หันมาคุยกันให้รู้เรื่องไปเลยทีเดียวดีกว่า  คุณพี่นายเห็นมะไฟพลิกตัวกลับมา ก็ดึงมะไฟเข้าไปกอดรัดแนบแน่น
‘เวรเอ้ย’  มะไฟน้ำตาคลอเบ้า อาศัยสถานการณ์เป็นใจ  กัดฟันข่มความเจ็บถามออกไป   
“แล้วทำไมเมื่อกี้พี่ถึงตอบว่าไม่รักล่ะ”
“พี่ไม่ได้ตอบว่าไม่รักสักหน่อย  ตอนที่มะไฟถามพี่ พี่กำลังอึ้ง ไม่คิดว่ามะไฟจะถาม”
“แต่พี่พูดว่า ไม่ มะไฟได้ยินเต็มสองหูเลย”

“...” คุณพี่นายทำท่าคิด

“อ๋อ พี่ยังไม่ทันตอบ มะไฟก็ทะท่าจะร้องไห้ พี่เลยจะบอกว่า ไม่เอาครับคนเก่งไม่ร้องไห้นะ” คุณพี่นายจูบที่หน้าผาก แล้วกระชับแขนกอดแน่นขึ้นอีกนิด
เชี่ย มันใช่ไหม มันใช่ไหม ทำเล่นตัวจนกรูต้องแสดงฤทธ์ ทั้งที่เจ็บตูด เจ็บตัวไปหมดอย่างงี้

“พี่รักมะไฟนะครับ  รักมากด้วย  ตอนนั้นพี่คิดแค่อยากเห็นมะไฟเติบโตเหมือนเด็กทั่วไป พี่แค่อยากเฝ้ามอง มองคนที่พี่รักมีความสุข   พี่ไม่อยากเอาเปรียบ เอาความจำเป็นของคุณมะปรางกับมะไฟมาบังคับ ฉุดรั้งมะไฟไว้ที่พี่ แต่พี่อยากให้มะไฟได้คิด ได้เลือกอย่างที่มะไฟอยากจะทำ อยากเป็น” คุณพี่นายพูดไปก็ขยับตัวขยุกขยิก ไปเรื่อย  อ้อมแขนที่รัดจนแทบจะหายใจไม่ออกนี่ก็อีก พอสักทีเถอะ กรูเจ็บ ไม่ไหวแล้วโว้ย
“หยุดขยับตัวสักที”  มะไฟตวาดแหว
“ นอนนิ่งๆ ไปเลย ก็บอกว่าเจ็บ   เจ็บตูด พูดไม่รู้ฟัง ไม่ร็จักจำซะบ้าง”
“อ๊ะจ้ะ จ้ะ พี่จะอยู่นิ่งๆ  พี่ขอโทษ” คุณพี่นายหยุดขยับหยุดทุกอย่างพยายามทำตัวแข็งทื่อ เป็นท่อนไม้ ดูไปก็ตลกดี   ไอ้เด็กมะไฟนี่มันโชคดีวุ้ย สงสัยคุณพี่นายจะเป็นพวกกลัวเมียแฮะ ดี ดี จะได้คุมได้ง่ายๆหน่อย
“ถ้าพี่รักมะไฟ พี่ก็ต้องดูแลมะไฟอย่างดี เข้าใจ๋”
“จ้ะ พี่จะดูแลอย่างดี” พูดจบก็ก้มลงมาหอมแก้มไปฟอดนึง
“บอกว่าห้ามขยับ แล้วนี่อะไร ทีหลังจะทำอะไรต้องขออนุญาตมะไฟก่อน ไม่ใช่อยากกอดอยากหอม ก็มาทำเรี่ยราด เดี๋ยวพี่มะปรางรู้เข้ามันจะเป็นเรื่อง”
“ได้จ้ะ พี่แล้วแต่น้องมะไฟจะบัญชา” พูดจบก็กลับไปนอนนิ่งๆเป็นท่อนไม้อีกครั้ง ก่อนจะยิ้มตาพราวแล้วบอกสิ่งที่ต้องการ
“งั้นพี่ขอกอดหน่อยนะ ใจพี่มันหวิวๆ ยังไงไม่รู้ พี่กลัวมะไฟไม่รัก”
“ไม่ต้องกอดหรอก ยังไม่รัก ถ้าพี่ดูแลมะไฟดีๆ มะไฟจะรับไว้พิจารณา” มะไฟลอยหน้าลอยตาตอบ   คุณพี่นายส่งสายตาออดอ้อนหวานเชื่อมมาให้จนใจแทบละลสย
“ฮื้อ  ไม่ต้องมาอ้อน  ลุก พามะไฟไปอาบน้ำเลย หิวจะแย่แล้ว ปวดไปหมดทั้งตัวเลย  ดีนะเป็นไข้”
“ได้ตามนั้นเลยจ้ะ” คุณพี่นายลุกจากเตียงอย่างคล่องแคล่ว แล้วช้อนมืออุ้มร่างเล็กขึ้นจากเตียงอย่างรวดเร็ว”
“อ๊ะ” มะไฟร้องอย่างตกใจ บอกให้ขอก่อนขอก่อนไม่รู้จักจำ มะไฟได้แต่ ฮึ่มฮั่มอยู่ในใจ แต่ก็ไม่ได้ต่อว่าอะไร ปล่อยให้คุณพี่นายพาเดินเข้าห้องน้ำไป


“มะไฟแปลงฟันไปก่อนเดี๋ยวพี่เปิดน้ำใส่อ่างแล้วจะได้ลงไปแช่” คุณพี่นายปล่อยมะไฟลงยืน ดีนะที่ให้ยืน ถ้าให้นั่งล่ะก็พ่อจะ...จะอะไรดีวะ จะถีบก็ยกขาไม่ขึ้น ฮึ๊ยย ช่างมัน แปลงสีฟันที่บีบยาเรียบร้อยถูกส่งมาถึงมือ
“แปลงสิ แปลงแปลงฟัน ฟันหนูสวยสะอาดดี....” คุณพี่นายร้องเพลงหงุงหงิง ขณะง่วนเปิดน้ำใส่อ่าง  มะไฟได้แต่จิกตามองค้อนด้านหลังคุณพี่นาย

น้ำอุ่นในอ่างดูน่านอนแช่ซะเหลือเกิน แต่ดูๆไปก็เหมือนจะร้อนมากอยู่เหมือนกัน มะไฟ เตรียมจะก้าวขาลงอ่างอยู๋แล้ว แต่อยู่ๆ ทั้งตัวก็โดนอุ้มจากคนที่ยืนแปลงฟันอยู่เมื่อสักครู่
“อ๊ะ พี่นาย” มะไฟร้องด้วยความตกใจและความเจ็บที่เกิดแบบกะทันหัน
“เจ็บหรอ พี่ขอโทษครับ”
“มะไฟบอกแล้วว่าจะทำอะไรให้พี่ขออนุญาตก่อน”
“ไปอาบน้ำกับพี่นะครับ” มะไฟพยักหน้าตกลง คุณพี่นาย บริการอาบน้ำถูสบู่ให้จนสะอาดทุกซอกมุม เล่นเอาหวิดเสียตัวอีกครั้ง แต่คุณพี่นายมีความอดทนเป็นเยี่ยม เพียงแต่ช่วยปลดปล่อยให้ด้วยมือ
“ไปแช่น้ำกันนะครับ” มะไฟที่ซบอยู่กับอก พยักหน้าตอบรับน้อยๆ คุณพี่นายช้อนอุ้มร่างบาง เดินลิ่วไปที่อ่างค่อยๆหย่อนร่างเล็กลงนั่งอย่างช้าๆ ความอุ่นสบายทำเอามะไฟที่แทบอยากจะหลับหลังเสียพลังงานไปเมื่อกี้ครางอย่างสบายตัว ก่อนจะรู้สึกได้ว่าตัวเองนั่งพิงอยู่กับอกอุ่นของพี่นายที่นั่งซ้อนอยู่ทางด้านหลัง มันสบายก็จริง แต่หมั่นไส้ เลยเลื่อนตัวออกห่างหันตัวกลับไปเผชิญหน้ากับพี่นายคนละฟากอ่าง
“มะไฟอยากแช่น้ำคนเดียวพี่นายลงมาด้วยทำไม”
“พี่ลงมาแช่เป็นเพื่อนไงกลัวมะไฟเหงา”
“ขออนุญาตหรือยัง” เท้าเล็กยืนไปยันอยู่ที่อกแกร่ง
“ให้พี่แช่น้ำด้วยนะครับ” พี่นายว่าเสียงอ่อน มือจับที่เท้าที่ยังยันอยู่กลางอก
“ก็ได้ แต่มะไฟเมื่อย พี่นายนวดขาให้มะไฟหน่อย” พี่นายยิ้มน้อยๆ เลื่อนมือ ช้าๆ จากหลังเท้ามาที่หน้าแข้ง ไล้ลงไปที่น่อง บีบเบาๆ สองสามทีแล้วเลื่อนต่อมาที่ข้อพับเข่า  อีกมือที่ว่าง ก็ไล้ไต่ที่ขาอีกข้างของมะไฟ จนมาหยุดที่ข้อพับเข่าเช่นกัน ก่อนจะดึงรั้งร่างเล็กให้เขยิบกลับเข้าหาตัวอย่างช้าๆ จนร่างเล็กกลับมาซบเกยอยู่กับอก
“พี่นวดหลังให้นะ” ยังไม่ทันรอให้อนุญาต มือหนาไต่ไล่ไปตามสันหลัง ร่างเล็กเกร็งสยิวทันควัน ขนทั้งตัวเหมือนพร้อมใจกันลุกจนรู้สึกได้
การนวดของคุณพี่นายคงไม่ได้ไปร่ำเรียนมาจากสำนักไหนหรอก  มันมาจากความหื่นล้วนๆ เลยล่ะไม่ว่า ก็ในเมื่อคุณพี่นายเล่น บีบนวดไปตามหลังไหล่ ละเรื่อยลงไปจนถึงก้อนเนื้อกลมมน ขาวนวลเนียนสองก้อนที่บั้นท้ายงอน ก่อนจะบีบนวดอย่างแผ่วเบา แต่นานเป็นชาติ ก่อนที่จะส่งนิ้วร้อนๆ เข้าไปทางช่องทางด้านหลังอย่างช้าๆ ในตอนที่น้องมะไฟเผลอเลอลืมตัวอยู่กับความสุขสบายเคลิบเคลิ้ม ที่ริมฝีปากคุณพี่นายปรนเปรอ ไปตามใบหน้าและลำคอ ก่อนจะมาหยุดที่จูบกระชากวิญญาณ ทำเอาน้องมะไฟจิตหลุด ปล่อยให้คุณพี่นายลุกล้ำด้วยนิ้ว จากหนึ่งเป็นสอง จากสองเป็นสามตั้งแต่เมื่อไหร่ก็สุดรู้
กว่าจะรู้สึกตัวน้องมะไฟก็ไม่มีทางหันกลับได้อีก เพราะจากนิ้วกลายเป็นว่าน้องมะไฟนั่งคร่อมหน้าตักโดยมีคุณพี่นายน้อยเข้ามาอยู่ในช่องทางเข้าไปครึ่งแล้ว
 
เจ็บใจจะขาด จากแผลเก่า แต่ต่อมแรดที่ต้องได้รับการตอบสนองก็สั่งตัวเองให้ลืมความเจ็บแล้วรับเอาคุณพี่นายเข้ามาในร่างกายให้มากขึ้น มากขึ้น  คุณพี่นายครางเสียงต่ำ อย่างพอใจ พอเข้ามาได้หมดคุณพี่นายก็หยุดอยู่ครู่เพื่อให้ร่างกายน้องมะไฟได้มีเวลาปรับตัวสักชั่วอึดใจ  ก่อนที่คุณพี่นายจะเริ่มกระชับมือกับสะโพกน้องมะไฟ ยกร่างน้อยให้ขยับขึ้นแล้วกดลง  มะไฟได้แต่อึ้ง มองหน้าสบตาหวานเยิ้มของคุณพี่นายอย่างงุนงง
“ ขยับสิมะไฟ” เอ๊า เป็นกรูรึนี่ที่ต้องทำ แต่ไหนไหนก็ไหนไหนแล้วขยับก็ขยับ  สองมือคล้องรอบคอคุณพี่นายเอาไว้แน่น เริ่มขยับส่ายอย่างเก้กัง เสียงครางของคุณพี่นายดังอยู่ข้างหู ยิ่งเป็นการปลุกเร้าให้ยิ่งเร่งเพิ่มความเร็วความแรงในการขย่มมากขึ้นไปอีก ทำไปได้สักพัก แรงก็เริ่มตก ทั้งเหนื่อยทั้งเจ็บ

ดูท่าพี่นายก็จะดูออก โดนเปลี่ยนท่าแบบฉับพลันจากบนลงไปอยู่ด้านล่าง ไม่รู้ว่าน้ำในอ่างถูกปล่อยออกไปจนหมดตั้งแต่เมื่อไหร่ ตอนนี้น้ำที่เหลือเป็นน้ำที่โดนกักเอาไว้  มันเพียงแค่ทำให้ภายในอ่างแฉะและลื่นเท่านั้น  สภาพตอนนี้ หลังน้องมะไฟ พิงอยู่กับอ่าง สองแขนปล่อยจากลำคอหนามาวางราบไปตามขอบอ่าง  พี่นายคุกเข่าอยู่ด้านหน้า สะโพกน้องมะไฟยังวางทัพอยู่ที่หน้าขาของคุณพี่นาย ขาทั้งสองข้างแยกกว้าง ข้อพับเข่าพาดอยู่ที่แขนของพี่นายต่ำกว่าเข้าลงไปเป็นอิสระลอยขี้ ไปทางด้านหลังของพี่นาย  ร่างกายของเราสองคนยังเชื่อมต่อกันอยู่ในขณะที่พี่นายพลิกตัว พอเข้าที่เข้าทาง พี่นายก็เริ่มขยับสะโพกหนากระแทกใส่น้องมะไฟเยงเนื้อกระทบเนื้อ ผสมปนเปไปกับ เสียงครางดังลั่นห้องน้ำ 


มารู้สึกตัวอีกครั้ง ก็ได้มานอนอยู่ที่บนที่นอนหนานุ่มในห้องนอนแล้ว ตอนนี้น้องมะไฟ นอนตะแคงข้างเมื่อลืมตาขึ้น ก็เห็นคุณพี่นายตะแคงหันหน้าหากัน นอนมองน้องมะไฟอยู่ก่อนแล้ว เขินเว้ย เขิน
“คราวนี้พี่นายไม่ยอมขออนุญาตมะไฟก่อน มะไฟจะลงโทษ ห้ามทำแบบนี้อีกจนกว่ามะไฟจะอนุญาต”   คุณพี่นายตาโต แต่ก็ไม่ได้เถียงหรือแก้ตัวอะไร
“ตามบัญชาครับ” พี่นายตอบรับออกมาแต่โดยดี

 ดีมาก   เป็นสามีที่ว่านอนสอนง่ายดีมาก  แต่เดี๋ยวสงสัยต้องกินยาแก้ไข้แก้ปวดไว้สักหน่อยน่าจะดี
.
.
.
.



หุหุ คุณพี่เขาจะว่านอนสอนง่ายจริงรื้อ
แล้วจะรีบมาลงตอนต่อไปนะคะ
       

ออฟไลน์ A_Narciso

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 879
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 02]] p.57 x 02/07/59
«ตอบ #1708 เมื่อ04-07-2016 08:58:00 »

 :pighaun: :z1:
   อร๊ายยยยย เราไปอยู่ไหนมาเพิ่งได้อ่าน  2 ตอนหลัง
เดี๋ยวตามอ่านตั้งแต่แรื่องแรกก่อนนะค๊ะ...  ถูกจริต เลือดพุ่ง  เลยยย 

ออฟไลน์ tomybsl

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-4
Re: เรื่องสั้นx[[#79 มะไฟ 02]] p.57 x 02/07/59
«ตอบ #1709 เมื่อ04-07-2016 09:49:51 »

เอาน๊าพี่นายได้เมียเด็กต้องเอาใจไว้ก่อน  :impress2: แล้วค่อยจัดหนักจัดเต็มทีหลังเน๊อะ  :oo1:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด