น้องชาย 2
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: น้องชาย 2  (อ่าน 179603 ครั้ง)

ออฟไลน์ reneisance

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #90 เมื่อ23-05-2011 21:50:20 »

เอ่อคาดว่า น้องว่านต้องเสร็จพี่เอแน่เรยห้าๆๆๆ ยังไงก็ คิดดีๆๆก่อนที่จะทำอะไรลง มันจะไม่ได้เหมือนบีหรอกนะ เลือกทืี่จะรัก หรือ เลือกทีจะสูญเสีย

ต้นหอม

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #91 เมื่อ23-05-2011 22:32:58 »

ไม่อยากคุยแล้วเราคิดถึง บี ง่ะ ไม่รู้ว่าทำมัยต้องคิดถึงน้องมันด้วยหรือเราคิดว่าพี่เอไม่ได้สนใจน้องมันใช่ม่ะ

 :กอด1: ~ ยังคิดถึงน้องอยู่ทุกวันเลยครับ




เอ่อคาดว่า น้องว่านต้องเสร็จพี่เอแน่เรยห้าๆๆๆ ยังไงก็ คิดดีๆๆก่อนที่จะทำอะไรลง มันจะไม่ได้เหมือนบีหรอกนะ เลือกทืี่จะรัก หรือ เลือกทีจะสูญเสีย

 :กอด1: ~ ครับผม



ปล. พอดีเปลี่ยน EMail ผมน่าจะใส่ Email ผิด เลยไม่ได้รับรหัสยืนยัน ตอนนี้ส่งข้อความไปขอความช่วยเหลือจาก mod แล้ว หวังว่าจะได้ ID มาคืนในเร็ววัน ระหว่างนี้ขอใช้ ID น้องตอบไปก่อนนะครับ

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #92 เมื่อ24-05-2011 17:49:04 »

อร๊ายยย อยากอ่านต่อแล้ว เข้ามารอครับ


 :z2: :z2:

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #93 เมื่อ24-05-2011 19:00:53 »

อร๊ายยย อยากอ่านต่อแล้ว เข้ามารอครับ
 :z2: :z2:


 :กอด1: ~ วันนี้ Up ดึกหน่อยนะครับ พอดีคนตรวจอักษรเค้าต้องไปวอร์ดดูคนไข้น่าจะกลับดึกหน่อย

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #94 เมื่อ24-05-2011 19:23:10 »

อร๊ายยย อยากอ่านต่อแล้ว เข้ามารอครับ
 :z2: :z2:


 :กอด1: ~ วันนี้ Up ดึกหน่อยนะครับ พอดีคนตรวจอักษรเค้าต้องไปวอร์ดดูคนไข้น่าจะกลับดึกหน่อย

 :กอด1: :กอด1:  ว้าา ดึกๆหรอ พรุ่งนี้ไปทำงาน ToT

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #95 เมื่อ24-05-2011 19:25:20 »

:กอด1: :กอด1:  ว้าา ดึกๆหรอ พรุ่งนี้ไปทำงาน ToT

 :กอด1: ~ ไม่น่าจะเกิน 5 ทุ่มครับ คาดว่านะครับ เพราะไม่กล้าโทรไปถามตอนเค้าตรวจคนไข้

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #96 เมื่อ24-05-2011 19:39:57 »

:กอด1: :กอด1:  ว้าา ดึกๆหรอ พรุ่งนี้ไปทำงาน ToT

 :กอด1: ~ ไม่น่าจะเกิน 5 ทุ่มครับ คาดว่านะครับ เพราะไม่กล้าโทรไปถามตอนเค้าตรวจคนไข้

รับทราบนะครับ จะรอนะครับ

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #97 เมื่อ24-05-2011 22:08:07 »

อันไหนทำแล้วมีความ สุขก็ทำไปโลด

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 14 : 23/05/11 )
«ตอบ #98 เมื่อ24-05-2011 23:55:19 »

ช่วงที่ 15




        ใครเป็นเหมือนผมบ้างวันไหนที่มีเรียนแต่คาบบ่าย ไม่มีคาบเช้ามักจะตื่นสายๆเป็นประจำ เว้นว่า....มีงานค้างที่ต้องปั่นให้ทันตอนบ่ายนี้ถึงจะตื่นแต่เช้าไปนั่งปั่นงาน แต่เนื่องจากว่าวันนี้งานปั่นเสร็จแล้ว ผมเลยขอนอนให้เต็มเหยียดสักหน่อย ในขณะที่ผมกำลังนอนหลับแบบเคลิ้มๆอย่างมีความสุขอยู่บนเตียงนอนนุ่มๆผ้านวมอุ่นๆกับแอร์ที่เปิดไว้ที่ยี่สิบสององศา เสียงโทรศัพท์เครื่องหลักผมก็ดังขึ้น ผมค่อยๆเอามือคลำๆไปหาโทรศัพท์ที่วางไว้อยู่บนหัวนอนก่อนจะหยิบมาดูว่าใครกันหนอที่โทรมา

“พี่ป้อม Calling”  อืมมม ผมเพ่งมองอยู่พักหนึ่งก่อนจะกดรับสาย
“ครับพี่” ผมตอบรับไปด้วยน้ำเสียงแบบคนเพิ่งตื่นนอนใหม่ๆ
“อ่าว ยังไม่ตื่นเหรอ” พี่ป้อมตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงตกใจนิ๊ดๆ
“ตื่นแล้วพี่ แต่ขี้เกียจลุก เลยนอนเล่น”
“อ่อ เหรอ คิดว่าโทรมากวนซะอีก”
“ไม่ครับพี่”
“นี่เอ พี่เข้าไปสอนอาทิตย์หน้านะ”
“อ่าครับ”
“แล้วก็....พี่ฝากดูน้องใหม่ด้วย ญาติพี่หน่ะ น่าจะเข้าไปเรียนวันนี้แหละ”
“อืม ได้ครับพี่”
“น้องเค้าชื่อก๊อตนะ ยังไงก็ฝากด้วยแล้วกัน”
“ครับๆ”
“โอเคๆ พี่ไม่กวนละ”


        เด็กใหม่เหรอ....อืม...จะว่าไปเด็กที่มาเรียนที่นี่ส่วนใหญ่พี่ป้อมเป็นคนหามาทั้งนั้นเลย ไม่ก็เพื่อนๆชวนกันมา มีแทบนับหัวได้ที่เข้ามาเรียนเองจากป้าย หรือ ใบประกาศที่แจกออกไป อย่างตองเองก็เป็นลูกของคนรู้จักพี่ป้อมเหมือนกัน คราวนี้ก็น้องก๊อตเหรอ กี่ขวบน๊า หน้าตาเป็นไงหว่า ผมนอนคิดพลางกลิ้งไปกลิ้งมาบนเตียง ไม่รู้ซิครับ ตื่นแล้วนี่นา อีกตั้งหลายชั่วโมงกว่าจะถึงเวลาเรียน ไปหาถ่ายภาพเล่นก่อนเข้าเรียนดีกว่า แล้วเวลาก็ผ่านไปไว้เหมือนโกหก ทันทีที่เรียนเสร็จในตอนบ่ายว่านก็โทรเข้ามาหาผมทันทีเหมือนกับรับรู้ได้ว่าตอนนี้ผมว่างแล้ว


“ว่า”
“พี่เอ...ว่างไหม” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหนื่อยๆ
“เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ผมรู้สึกไม่ค่อยสบาย มารับผมหน่อยซิครับ”
“ได้ๆ ไปเดี๋ยวนี้เลย รอที่เดิมนะ แล้วทานยาทานอะไรหรือยัง”
“ทานแล้วครับ”
“อืม เดี๋ยวเจอกัน”
“ครับ”   


        ทันทีที่วางสายผมรีบตรงดิ่งไปหาว่านทันทีโดยที่ตอนนั้นผมลืมไปด้วยซ้ำว่าผมกำลังจะไปทานข้าวเช้ารวบมื้อเที่ยงหลังจากเรียนเสร็จ ในเวลานั้นผมลืมไปหมดทุกเรื่อง...กระทั่งที่นัดกับเพื่อนว่าจะให้ลอกงาน รวมถึงนัดกับอาจารย์ที่จะเอาภาพถ่ายไปให้ เวลานั้นผมคิดถึงแต่ว่านเท่านั้น ผมรู้สึกห่วงว่านอย่างที่ผมอธิบายไม่ถูก เคยไหมครับที่รู้ว่าใครสักคนที่เรารู้จักไม่สบายหรือเจ็บป่วยอะไรก็ช่างแล้วเรารู้สึกเป็นห่วงจนแทบจะอยากเจ็บอยากเป็นแทนเค้าให้ได้ เวลานี้...ผมเองก็รู้สึกแบบนั้น ไม่นานผมก็มาถึงจุดนัดหมายผมเห็นว่านยืนท่าทางเหม่อลอยคนเดียว ผมรีบขับรถเข้าไปจอดข้างๆ ทันทีที่ผมจอดรถข้างๆว่านหันมายิ้มให้ผมท่าทางเหม่อลอยเมื่อสักครู่หายไป แต่หน้าตาว่านดูไม่สดชื่นเอาซะเลย


“ไหวไหมเนี่ย” ผมถามว่าน พลางเอื้อมมือไปอิงหน้าผากว่านเบาๆ ตัวว่านร้อนๆไม่ถึงกับร้อนมากมาย แต่สีหน้าของว่านดูไม่ดีเลยจริงๆ
“ไหวครับ ไม่เป็นอะไรมากหรอก” ว่านตอบกลับมา
“กลับบ้านพักผ่อนไหม”
“ไม่ครับ” ว่านตอบพลางยิ้ม


        แล้วผมก็พาว่านไปที่ยิมก่อนถึงยิมผมแวะ 7 – 11 เพื่อซื้อผ้าเย็น น้ำแข็ง น้ำร้อน พารา แล้วก็ แฮมชีสที่ว่านชอบ  แล้วก็ไปที่ยิม พอมาถึงยิมปรากฏว่ายังไม่มีใครมา ผมรีบประคองว่านไปนั่งที่เก้าอี้ก่อนจะเอาแฮมชีสให้ว่าน พร้อมกับวางน้ำร้อนไว้ให้ ส่วนผ้าเย็นผมก็เอาไปใส่แก้วไว้ก่อนจะเอาน้ำแข็งยัดๆลงไปพอประมาณ แล้วผมก็กลับมานั่งข้างๆว่าน


“พี่จ้องอะไร” ว่านถามผม
“มองคนป่วย”
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ” ว่านตอบกลับพลางยิ้มๆ แล้วเอาแฮมชีสที่อยู่ในมือขึ้นมาทาน
“ไม่ไหวก็บอกนะ”
“ไหวครับ”

        ผมไม่รู้จะทำยังไงได้แต่นั่งมองว่านอยู่แบบนั้นจนกระทั่งว่านทานแฮมชีสเสร็จผมก็ถามว่านไปว่า

“นอนเล่นรอก่อนไหม เดี๋ยวพี่เปิดพัดลมให้”
“ก็ดีครับ”

        ผมรีบเอาเก้าอี้มาวางเรียงๆกันเป็นทางยาวตามความสูงของว่าน แล้วว่านก็ล้มตัวลงนอนตามด้วยเอามือขึ้นมาก่ายหน้าผาก ผมเดินไปหยิบผ้าเย็นที่เตรียมไว้มาแกะออกแล้วก็ดึงเก้าอี้มานั่งข้างๆว่านก่อนจะเริ่มเช็ดตัวให้ว่าน ผมดึงมือว่านมาวางบนตักข้างหนึ่งก่อนจะค่อยๆเช็ดไปเรื่อยๆจากนิ้วมือทีละนิ้ว ฝ่ามือ หลังมือ แขน พอเสร็จทั้งสองข้างผมก็ถอดถุงเท้าว่านออก แล้วก็กระดุมเสื้อ....แต่ว่าพอผมเอื้อมมือมาที่กระดุมเสื้อเม็ดบนสุดว่านก็เอมือมาจับมือผมไว้

“......” ว่านลืมตามามองผมแต่ไม่ได้พูดอะไร
“เดี๋ยวเช็ดตัวให้”
“.....” ว่านไม่ตอบอะไรแต่ส่ายหน้าไปมา
“ไม่ได้ถอดหมด แค่สองเม็ด ตัวจะได้หายร้อนไง”
“.....” ว่านมองผมขณะนั้นมือว่านก็ยังจับมือผมไว้อยู่
“ไม่ต้องอายน่า”
“.....” ว่านไม่ตอบอะไร แต่ค่อยๆคลายมือออกก่อนจะหลับตาลงอีกครั้ง

        ผมเอาผ้าที่เตรียมไว้เช็ดไปที่อกว่าน คอ แก้ม หู แล้วก็หน้า ก่อนจะเอาผ้าไปซักแล้วเอามาจุ่มๆน้ำอีกครั้ง ผมค่อยๆพับผ้าให้เป็นสี่เหลี่ยมผืนผ้ายาวๆตามความกว้างของหน้าผากว่าน แล้ววางผ้าลงไป

“เอาอะไรหนุนไหม” ผมถามว่าน
“.....” ว่านไม่ตอบอะไร แต่พยักหน้าตอบรับ
“หนุนตักพี่ไหม”
“.....” ว่านนิ่งไปพักหนึ่งหลังจากที่ผมถามก่อนจะตอบมาว่า “แล้วแต่”

        ผมขยับไปนั่งให้ว่านนอนหนุนมือผมข้างหนึ่งก็กุมมือว่านไว้หลวมๆ อีกข้างก็โอบหัวว่านไว้นิ้วผมลูบๆแก้มว่านเบาๆ ไม่นานนักว่านก็กลับ เวลาว่านหลับว่านเหมือนเด็กน้อยเลยแฮะ ผมนั่งอยู่กับว่านแบบนั้นพักใหญ่ๆ จนกระทั่งต้นกล้ามาถึง

“พี่เอหวัดดีครับ”
“เบาๆนะพี่ว่านหลับ”
“พี่ว่านเป็นอะไรเหรอพี่” ต้นกล้าถามผม
“พี่เค้าไม่สบาย ให้นอนไปก่อนเดี๋ยวค่อยปลุก”
“อ่อ ครับ”
“ตอนนี้จะทำอะไรก็เบาๆนะ”
“ครับพี่” ต้นกล้าพูดพลางพยักหน้าตอบรับ

        แล้วไม่นานน้องคนอื่นๆก็ทยอยๆมา รวมถึงเพื่อนว่านด้วย เวลานั้นต้นกล้าวิ่งไปบอกทุกคนที่มาใหม่ให้เงียบๆกันหมด ก็ดีเหมือนกันไม่ต้องพูดเอง เกือบหนึ่งชั่วโมงหลังจากที่ว่านหลับไปว่านก็ตื่นขึ้นมาเพราะเสียงคุยของเพื่อนๆ ถึงแม้ว่ามันจะเบาแต่มันก็ดังพอที่จะทำให้ว่านตื่นขึ้นมาแล้วมองไปหาที่มาของเสียงได้ถูกต้อง

“ตื่นแล้วเหรอ” ผมถามว่านเบาๆ
“....” ว่านยิ้มให้ผมแทนคำพูด ผมเอามืออังหน้าผากว่านอีกครั้งปรากฏว่าคราวนี้ตัวว่านไม่ร้อนแล้ว
“ตัวหายร้อนแล้ว”

        ว่านค่อยๆพยุงตัวเองลุกขึ้นนั่งก่อนจะมองไปมองมารอบๆยิมแล้วหันมาถามผมว่า

“กี่โมงแล้วครับ”
“เกือบห้าโมงแล้ว”


        พอผมพูดจบว่านก็ลุกเดินเซๆไปเปลี่ยนชุดในห้องแต่งตัวส่วนผมเหรอ ก็รีบกลับบ้านไปเปลี่ยนชุดหน่ะซิครับ พอกลับมาอีกทีก็เจอน้องก๊อตแล้ว น้องก๊อตคนนี้อยู่ ม.3 แล้วครับ อายุเท่าว่าน แต่เป็นพี่เดือน ถ้านับกันจริงๆมันก็แค่สามเดือนเอง แล้วก็น้องก๊อตคนนี้สูงมากครับ สูงกว่าผมอีกที่ถามดูก๊อตสูงเกือบหนึ่งร้อยเก้าสิบเซนแล้ว ก๊อตเป็นลูกครึ่งำทยเชื่อสายจีนครับ ผิวขาว ตาโตไม่ตี่ หน้าตาก็จัดได้ว่าดีเลยทีเดียว อืมมม...จะว่าไปเด็กมาเรียนเทควันโดส่วนมากหน้าตาดีกันทั้งนั้นเลยนะครับ ฮะๆๆ วันนั้นพอผมมาถึงก็เจอก๊อตกำลังนั่งคุยกับโค้ชอยู่ แล้วพอผมเข้าไปในยิมโค้ชก็ให้ผมไปสอนก๊อตเกี่ยวกับพื้นฐานต่างๆคำสั่งภาษาเกาหลีที่ใช้ในการฝึก รวมถึงท่าต่างๆเบื้องต้นที่จำเป็นต้องรู้เป็นพื้นฐาน เท่าที่ได้สอนก๊อตแรกๆก๊อตดูเป็นเด็กว่านอนสอนง่ายครับบอกอะไรก็ทำตาม ไม่ดื้อ ไม่ซน ออกจะนิ่งๆเหมือนว่านด้วยซ้ำ ที่สำคัญก๊อตค่อนข้างตั้งใจมากๆครับ

        ช่วงที่ผมสอนก๊อตตลอดสองชั่วโมง ผมหันไปมองว่านเรื่อยๆ เป็นห่วงว่าเค้าจะไม่สบายขึ้นมาอีก กลัวว่าเค้าจะฝืนซ้อมต่อไม่ยอมพักเหมือนคราวก่อนที่เจ็บขาแทบตายก็ยังทนซ้อมไม่ยอมหยุด ในระหว่างนั้นผมก็สังเกตว่าว่านเองก็หันมามองผมเรื่อยๆเหมือนกัน บางทีก็มายืนมองใกล้ๆแต่ไม่ได้พูดอะไร พอผมมองว่านก็ยิ้มให้แล้วเดินออก  แล้วก็วันนั้นก่อนหมดเวลาฝึกประมาณสิบห้านาทีโค้ชก็เรียกคุยครับ

        เรื่องที่โค้ชคุยที่มีสาระคือเรื่องที่โค้ชพวกนักกีฬาที่มหาวิทยาลัยจะมาฝึกซ้อมร่วมด้วยที่นี่ พอน้องๆได้ยินก็ต่างดีใจกันยกใหญ่ ที่เหลือโค้ชก็โม้ไปเรื่อยตามแนวทางของเค้า หลายครั้งที่ผมนั่งฟังเรื่องที่เค้าคุย ผมรู้สึกได้ถึงการปั้นน้ำเป็นตัว เพราะผมซ้อมเทควันโดที่นี่มานานแล้ว เรื่องที่โค้ชเลือกมาเล่ามักจะเป็นเรื่องช่วงที่ผมไม่ได้มาซ้อมพักหนึ่งก่อนหน้านี้ รวมถึงช่วงก่อนที่ผมจะมาซ้อมเทควันโดซะมากกว่า แต่กระนั้นก็มีหลายครั้งที่โค้ชชอบโม้ว่าไปซ้อมกับทีมชาติ ไปเตะกับทีมชาติ สนิทกับทีมชาติ ส่วนตัวผมไม่เชื่อนะ หลายครั้งที่ผมไปกีฬาใหญ่ๆได้เจอทั้งโค้ชทีมชาติ รวมถึงนักกีฬาที่ชาติที่โค้ชอ้างถึงว่ารู้จักกัน สนิทกัน แต่พอเจอกันเค้าไม่เห็นจะทักอะไรโค้ชเลยแถมเค้าเดินผ่านไปเฉยๆเหมือนคนไม่รู้จักกันด้วยซ้ำ แล้วโค้ชเองก็ไม่เห็นไปพูดไปคุยอะไรกับเค้าสักอย่าง มันผิดวิสัยของคนรู้จักกันมากๆ

        แต่ด้วยเหตุผลทางการเมืองทำให้ผมไม่สามารถจะหักหน้าทักเค้าเรื่องนี้ไปได้ เพราะเค้าวางตัวเป็นผู้รู้ที่สุดของยิม ขนาดพี่ป้อมยังต้องฟังเค้า* ผมเลยไม่สามารถทำลายความน่าเชื่อถือของเค้าลงได้ด้วยเหตุผลแบบเด็กประถมอิจฉากัน แล้วประเด็นสำคัญคือเรื่องที่เค้าพูดมันก็ไม่ได้ทำให้ใครเสียหายอะไร ที่สำคัญน้องๆเองก็ชอบฟัง บางทีเรื่องโม้ๆของโค้ชหลายครั้งก็ทำให้น้องๆมีกำลังใจซ้อมขึ้นมา หนึ่งในนั้นก็คือว่านนี่แหละครับ พอโค้ชคุยเสร็จโค้ชก็ปล่อยเด็กๆกลับบ้านเลยโดยไม่มีการทำความเคารพอะไรเหมือนเคย ผมเองก็ไม่อยากจะทัก หลังจากที่โค้ชปล่อยเด็กแล้วผมก็เดินตามโค้ชไปติดๆก่อนจะพูดว่า


“พี่ ผมมีเรื่องคุยด้วย”
“มีอะไร” โค้ชถาม
“วานก่อนพี่ต้อมเค้าเรียกผมเข้าไปคุย เรื่อง...” ยังไม่ทันที่ผมจะพูดจบโค้ชก็ตัดบททันทีว่า
“รู้แล้ว”
“......” ผมยืนอึ้งอยู่พักหนึ่ง
“ไม่ต้องไปสนใจหรอกน่า เดี๋ยวเค้าก็หาเงินมาเติมได้เองแหละ อย่าไปคิดแทนคนอื่นให้มันมากมายนักเลย” โค้ชพูดสวนกลับมาขณะที่ผมยืนอึ้งกับที่เค้าตัดบทไปเมื่อสักครู่
“แต่.....”
“ไม่ต้องแต่ล่ะ ทำตามพี่บอก ไม่ต้องไปสนใจ”
“จะดีเหรอพี่”
“เออ น่า เชื่อพี่ซิ” โค้ชหันมาพูดด้วยน้ำเสียงมั่นใจสุดๆ
“อะ...เอ่อ...ครับ”
“พี่กลับเลยนะฝากปิดยิมด้วย” พอโค้ชพูดจบเค้าก็เดินออกไปจากยิมทันที

        ผมยืนอึ้งกับแนวคิดของเค้าอยู่พักหนึ่งก่อนจะเดินไปรวมกับน้องๆที่นั่งจับกลุ่มคุยกัน พอผมเดินไปถึงน้องๆต่างทำท่าทีดีใจกันใหญ่เรียกผมเข้าไปนั่งกันไม่หยุด แต่เนื่องจากว่าวันนี้ผมปวดเข่านิ๊ดๆเลยเลือกที่จะยืนพิงกำแพงแทน พอผมยืนพิงกำแพง ว่านที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามก็รีบกระโจนมานั่งข้างๆผมทันที เกมเห็นว่านทำแบบนั้นเกมเลยกระโจนมานั่งด้วย ทันทีที่เกมนั่งลงว่านก็เอาเท้าถีบเกมออกทันที

“ไปนั่งที่อื่นเลยไป” ว่านพูดออกมาห้วนๆ
“อะไรวะ” เกมอุทานออกมา

        ในวงคุยกันวันนั้นก็เป็นเรื่องทั่วไป ก๊อตเองก็ถูกน้องๆให้ความสนใจซักถามเรื่องของก๊อตเป็นการใหญ่ ก๊อตเองก็ดูจะสนิทกับคนอื่นๆเร็วมาก จะว่าไปเพื่อนว่านเนี่ยคุยเก่งมาก เพราะความคุยเก่งถามเก่งเนี่ยะล่ะที่ทำให้สนิทกันไวมากๆ ทั้งห้าคนเหมือนพวกพิธีกรที่มีการเตี๊ยมกันมาก่อนยังไงก็ไม่รู้มีโยนไม้โยนอะไรให้กันอยู่เรื่อยๆไม่ตกร่องไม่สะดุดอะไรให้เสียงจังหวะการสนทนาเลยทีเดียว แต่ว่าในขณะที่ทุกคนนั่งคุยกันอย่างสนุกสนาน....ว่านกลับนั่งฟังแล้วก็หัวเราะตามเค้าเป็นระยะๆเท่านั้น โดยตลอดช่วงสนทนาว่านนั่งเอานิ้วชี้ลูบไปมาที่เท้าผมเรื่อยๆ.....ไม่รู้ซิผมชอบแฮะ บีเองก็ชอบทำแบบนี้ มาเกาะขาแล้วก็เอานิ้วมาลูบๆ อืมมม ตอนนี้ว่านก็กำลังทำแบบนั้นอยู่...ถ้าเป็นบี....คงจะดีซินะ....ไม่นานนักน้องๆก็ทยอยกลับจนหมดเหลือแค่ผมกับว่านตามเคย ระหว่างที่ผมกับว่านเดินปิดไฟ ปิดพัดลม ปิดหน้าต่างอยู่นั้นผมก็นึกถึงคำพูดที่ว่านพูดวันก่อน

“ว่าน.....ไปทานก๋วยเตี๋ยวกันม๊ะ”
“พี่เลี้ยงนะ”
“อืม...ก็ได้”

        พูดจบว่านก็เดินมาใกล้ๆผมพอดีผมเลยเดินไปกอดว่านจากข้างหลังเบาๆ ก่อนจะปิดยิมแล้วพาว่านไปทานก๋วยเตี๋ยวร้านเดิม พอไปถึงปรากฏว่าเจอน้องเกมยืนอยู่

“อ่าว พี่เอ ไปไงมาไงเนี่ยะ” เกมทักผม
“แล้วเกมล่ะมาทำอะไร”
“มารอแม่”
“แม่ทิ้งแล้วมั้ง” ว่าพูดขึ้น
“ตลกแล้ว” เกมตอบกลับ
“ว่านหิวอะไรก็สั่งเลยนะ” ผมบอกว่านหลังจากที่เลือกโต๊ะนั่งได้แล้ว
“ผมเอาวุ้นเส้นนะ” ผมหันไปบอกพี่พนักงานที่มายืนรอจดรายการ ไม่รู้ว่ามาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่พอนั่งปั๊บก็เห็นเค้ายืนอยู่ข้างๆแล้ว
“.....” ว่านนั่งนิ่งเงียบ
“ไม่สั่งเหรอ” ผมถามว่าน
“....” ว่านไม่ตอบแต่หันไปมองเกมที่ยืนอยู่ข้างๆแทน ผมหันไปมองตาม
“เกม ทานด้วยกันม๊ะ” ผมถามเกม
“พี่เลี้ยงเหรอ” เกมถามกลับ
“อืม......ก็ได้”
“งั้นผมไม่เกรงใจล่ะนะ”
“เกรงใจเป็นด้วยเหรอ” ว่านถามเกม
“เป็นซิ อะไรถามแบบนี้หาเรื่องเหรอ” เกมพูดกลับไปแบบติดตลก

        เป็นอย่างที่คาดไว้ว่านรอให้ผมเรียกเกมทานด้วยจริงๆพอเกมสั่งว่านก็สั่งตาม จะว่าไปพอเกมมาทนั่งทานด้วยก๋วยเตี๋ยววันนั้นเลยไม่เงียบเหมือนเคย อืม..มันก็ดีเหมือนกันนะ หลังจากทานเสร็จไม่นานคุณแม่น่องเกมก็มารับ หลังจากเกมกลับไปแล้วผมก็ไปส่งว่านที่บ้าน ผมก็ถามเรื่องที่ว่านไม่ยอมสั่งเมื่อสักครู่ ตอนแรกว่านไม่ยอมตอบเอาแต่เอานิ้วจิ้มๆหลังผม ไม่ก็กัดไหล่ แต่สุดท้ายก่อนไปถึงบ้านว่านก็บอกผมว่า “เกรงใจเพื่อน”



To Be Con

ออฟไลน์ reneisance

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 15 : 24/05/11 )
«ตอบ #99 เมื่อ25-05-2011 00:38:25 »

555555 รอฉากนั้นระหว่างเอ กะว่านนะ ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ยังไม่ขอเม้นอะไรละกัน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 15 : 24/05/11 )
« ตอบ #99 เมื่อ: 25-05-2011 00:38:25 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 15 : 24/05/11 )
«ตอบ #100 เมื่อ25-05-2011 18:44:47 »

555555 รอฉากนั้นระหว่างเอ กะว่านนะ ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ยังไม่ขอเม้นอะไรละกัน
รอด้วย  :z1: :laugh:

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 15 : 24/05/11 )
«ตอบ #101 เมื่อ25-05-2011 18:55:18 »

อันไหนทำแล้วมีความ สุขก็ทำไปโลด

 :กอด1:


555555 รอฉากนั้นระหว่างเอ กะว่านนะ ห้าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ยังไงก็เป็นกำลังใจให้นะ ยังไม่ขอเม้นอะไรละกัน
รอด้วย  :z1: :laugh:

 :กอด1: ~ ใกล้แล้วล่ะครับ



ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 15 : 24/05/11 )
«ตอบ #102 เมื่อ25-05-2011 19:00:42 »

ช่วงที่ 16


        หลังจากที่ผมไปคุยกับโค้ชเรื่องค่าอุปกรณ์ที่เกินงบไม่สำเร็จ ผมก็ไม่ได้เข้าไปที่กองอีกเลยครับ ช่วงนั้นผมรู้สึกผิดยังไงก็ไม่รู้ ผิดที่ผมไม่สามารถทำตามคำร้องขอที่ผู้ใหญ่ร้องขอมาได้สำเร็จ แถมยังรู้สึกละอายที่โค้ชผมทำแบบนี้ เวลานั้นความรู้สึกของผมกรุ่นไปด้วยความวิตกเล็กๆว่าอาจารย์อิฐกับพี่ต้อมจะมองว่าผมกับโค้ชรู้เห็นเป็นใจกันหรือเปล่า อีกอย่างที่กองเองก็ไม่มีการติดต่ออะไรกลับมาเหมือนกัน ผมเลยได้แค่ถามอาจารย์ที่เป็นผู้จัดการทีมท่านอื่นๆถึงความคืบหน้ารวมถึงกำหนดการประชุมแทน อีกอย่างผมก็ยังเป็นห่วงอยู่ห่างๆกับพวกน้องๆที่จะลงแข่งคาราเต้ด้วย แต่เนื่องจากผมไม่มีความเกี่ยวข้องทั้งทางตรงและทางอ้อมผมเลยไม่อยากไปถามอะไรมากมายในเรื่องรายละเอียดเชิงลึก อย่างมากก็ได้แค่ถามน้องๆนักกีฬาเวลาเจอกันที่มหาวิทยาลัยแบบพอเป็นพิธีเท่านั้น

        มาถึงช่วงนี้การเรียนของผมลดลงมากเนื่องจากอาจารย์ป้อนงานให้ไปทำซะมากกว่าซึ้งแต่ละงานก็หินๆทั้งนั้น อย่างที่เคยบอกไว้ตั้งแต่ช่วงต้นๆล่ะครับ ว่างานกลุ่มผมทำคนเดียวซะเป็นส่วนใหญ่เลยเป็นอะไรที่หนักหน่อย แต่เพื่อให้ได้คะแนนสูงๆแบบไม่เสี่ยงแล้วผมยอมเหนื่อย เพราะบทเรียนก่อนหน้านี้ที่เชื่อใจเพื่อนทำเอาผมเกือบได้ B จากวิชาที่ผมควรจะได้ A แบบนอนมาด้วยซ้ำ กระนั้น...ถึงงานผมจะหนักช่วงนี้แต่ผมก็มีความสุขทุกครั้งเลยครับที่ได้เจอว่านได้คุยกับว่านหรือกระทั่งได้แค่อยู่ใกล้ๆ แล้ว...ในขณะที่ผมนั่งปั่นงานอยู่ที่ตึกสาธารณสุขเงียบๆกับเพื่อนๆอีกสามสี่คนโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้นมา


“ว่าน Calling”
“ว่า”
“พี่เอ...ว่างเปล่า”
“คุยได้ มีอะไรด่วนหรือเปล่า”
“คือ....ตอนนี้ผมอยู่ยิมคนเดียว” ว่านตอบเสียงอ่อยๆเหมือนไม่ค่อยกล้าที่จะพูด
 “อ่าว.....นี่มันเพิ่งจะเที่ยงเอง ทำไมไปอยู่ที่ยิมเร็วจัง” ผมถามกลับไป
“อาจารย์ไปประชุมครับ ตอนบ่ายไม่มีเรียนเค้าเลยปล่อยก่อน”
“แล้ว”
“คือ.....พี่มาที่ยิมตอนนี้หน่อยได้ไหมครับ”
“ได้ซิ งั้นเดี๋ยวพี่ไปนะ”
“ครับๆๆ” ว่านตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงดีใจสุดๆ
“ทานข้าวหรือยัง”
“ทานแล้วครับ”
“แล้วหิวอะไรอีกไหม เดี๋ยวพี่ซื้อไปฝาก”
“แล้วแต่พี่ครับ”
“ได้ๆงั้นเดี๋ยวเจอกัน” พอพูดจบผมก็กดวางสาย
“แฟนเหรอ” ม่อนหันมาถามผม
“เปล่า น้องหน่ะ”
“เหรอ คิดว่าแฟน เห็นคุยไปยิ้มไป”
“แล้วนี่จะไปเลยเหรอ” แจมถามผม
“อื่อ” ผมหันมาตอบแจมพลางเก็บ netbook แล้วก็เอกสารอื่นๆเข้ากระเป๋า
“ฮั่นแน่ๆ โทรมาตามปั๊บ ทิ้งงานไปหาปุ๊บ น้องจริงเหรอเอ” ม่อนแซวซ้ำ
“น้องจริงๆ” ผมหันไปตอบ
“แล้วทำไมต้องทำท่าเขินขนาดนั้นด้วยล่ะเวลาตอบ” แจมแซวเสริม
“เขินอะไรไม่มี”
“วันหน้าพามาให้รู้จักบ้างนะ น้องที่ว่าเนี่ยะ” ม่อนพูดพลางหยิบแฟลชไดร์ส่งให้ผม
“นั้นซิ อยากเห็นจัง หน้าตาเป็นยังไงน๊า ที่ทำให้เอทิ้งงานได้แบบนี้” แจมเสริม
“ทิ้งอะไร ไมได้ทิ้ง เดี๋ยวไปนั่งทำต่อ”
“ฮ่ะๆๆ เอาน่าๆแซวเล่นไม่เห็นต้องเขินขนาดนั้นเลย” ม่อนพูดพลางหัวเราะ
“งั้นเดี๋ยวพิมพ์เสร็จแล้วส่งมาให้ทางเมล์แล้วกัน แจมไม่ต้องไปตัดอะไรออกนะ จัดรูปแบบให้ตรงตามที่อาจารย์บอกก็พอ” ผมหันไปเน้นย้ำกับแจม
“จ้าๆ” แจมหันมาตอบรับ
“แล้วเจอกัน” ผมหันไปบอกเพื่อนๆ

        แล้วผมก็ไปเปลี่ยนชุดที่บ้านก่อนจะหิ้วงานที่ค้างๆอยู่ไปที่ยิมก่อนเข้ายิมไม่ลืมที่แวะซื้อของที่ว่านชอบทานเข้าไปให้ด้วย พอมาถึงยิมผมก็เห็นว่านนั่งดูกินทามะอยู่คนเดียว ทันทีที่ผมเลื่อนประตูว่านก็หันมามองก่อนจะยิ้มให้

“มาแล้วเหรอ” ว่านพูดขึ้น
“ดูอะไรอยู่เหรอ” ผมถามว่านระหว่างที่เดินเอาของไปวาง
“กินทามะ”
“อ่าว มีเป็น DVD แล้วเหรอ”
“มีแล้ว”
“พี่เคยอ่านแต่แบบหนังสือ ตัวหนังสือเยอะมาก”
“ผมก็อ่าน แต่อ่านไม่ไหวเลยซื้อ DVD มาดูแทนดีกว่า”
“อืม”


        หลังจากทักทายกับว่านพอเป็นพิธีแล้วผมก็เอา netbook ออกมาเปิดแล้วนั่งทำงานต่อ แต่เนื่องจากแดดส่องมาตรงโต๊ะที่นั่งประจำพอดี ถึงจะปิดม่านแล้วมันก็ยังร้อนอยู่ดี ไม่เหมาะกับการนั่งพิมพ์งานนานๆผมเลยเปลี่ยนไปนั่งตรงที่ผมนั่งพิงกำแพงอยู่ประจำๆ ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมว่านถึงโทรตามผมมาทั้งๆที่มาแล้วมันก็ไม่มีอะไร ว่านดูการ์ตูนเหมือนเดิม ส่วนผมก็นั่งพิมพ์งาน ระหว่างที่ผมนั่งทำงานผมก็หันไปมองว่านอยู่เรื่อยๆ....อืม...จะว่าไป...อยู่ใกล้ๆว่านแบบนี้ผมรู้สึกมีความสุขยังไงก็ไม่รู้แฮะ ผมอธิบายเป็นคำพูดไม่ถูก ผ่านไปพักใหญ่ๆเหมือนว่าการ์ตูนจะจบแผ่นแล้ว ว่านเดินไปปิดเครื่องเล่น DVD ปิด TV ก่อนจะเดินไปหยิบน้ำกับขนมที่ผมซื้อมาแล้วเดินมาหาผม พอมาถึงว่านก็ยืนมองอยู่พักหนึ่ง ก่อนที่จะเดินมานั่งด้านซ้ายของผม คงเพราะมานอนพิงไม่ได้เนื่องจากผมวาง netbook อยู่


“พี่ขนม” ว่านพูดขึ้นพลางยื่นซองขนมที่เปิดแล้วมาให้
“เอาเลยครับ”
“ทำไมละ” ว่านถามผม
“พิมพ์งานเดี๋ยวนิ้วเปื้อน”
“งั้น...อะ” ว่านยื่นขนมมาที่ปากผมชิ้นหนึ่ง
“เดี๋ยวพี่ทานเอง”
“นะ” ว่านพูดพลางจ้องผมตาเขมง ผมเลยต้องทาน พอผมทานว่านก็ยิ้มอย่างพอใจ
“งานพี่เหรอ”
“อื่อ”
“เยอะนะครับ เห็นนั่งพิมพ์ตั้งนานแล้ว”
“งานมหาวิทยาลัยก็แบบนี้แหละ”
“วันนี้พี่ไม่เห็นชวนคุยเลย”
“ก็เห็นว่านดูการ์ตูนอยู่”
“ดูเสร็จแล้ว”
“แต่พี่ก็ยังพิมพ์งานอยู่” ผมหันไปตอบว่านพลางเอามือลูบหัวว่านเบาๆ
“ไม่เป็นไรครับ”
“อืมมม....จะว่าไปพวกเพื่อนๆไปไหนกันหมดล่ะ” ผมถามว่าน
“เพื่อนๆซ้อมดนตรี”
“แล้วว่านไม่ไปเล่นกับเค้าเหรอ”
“คิดอยู่อยากเป็นมือเบส”
“ก็ดีซิมือเบสเท่ออกสาวกรี๊ด”
“ฮะๆ” ว่านหัวเราะเบาๆ ก่อนจะซบที่ไหล่ผม


        ผมไม่ได้ชวนว่านคุยอะไรอีก ว่านเองก็เงียบไป พอผมหันมาอีกทีปรากฏว่าว่านหลับไปเรียบร้อยแล้วผมเลยพยายามนั่งพิมพ์งานให้นิ่งที่สุดจนประมาณบ่ายสามเกือบบ่ายสี่โมงผมก็ปิดเครื่องก่อนจะค่อยๆขยับให้ว่านเอนลงมานอนหนุนที่ตัก มือขวาผมประคองหัวว่านพลางเอานิ้วลูบๆแก้มว่านเบาๆ มือขวาผมก็กุมมือว่านไว้หลวมๆ ผมนั่งนิ่งๆอยู่แบบนั้นพักใหญ่ๆ ก่อนที่น้องๆคนอื่นจะค่อยๆทยอยมา เหมือนว่านเองจะรู้ว่าถึงช่วงที่คนทยอยมาแล้ว ว่านก็ตื่นขึ้นมาพอดี ทันทีที่ว่านลืมตาขึ้นว่านก็ถามคำถามเดิม


“กี่โมงแล้วครับ”
“สี่โมงกว่าแล้ว”
“อื้ออออออ” ว่านบิดขี้เกียจยาวๆหนึ่งจบก่อนจะลุกขึ้นนั่งทำหน้าตางงๆกับชีวิตแล้วลุกขึ้นเดินหายไปในห้องน้ำ
   
        แล้วไม่กี่อึดใจเพื่อนๆว่านก็พากันมาเป็นกลุ่มเลยทีเดียว ทันทีที่มาถึงเสียงคุยจ๊อกแจ๊กจอแจแบบอึกกระทึกครึกโครมก็ดังตามมาทันที อย่างว่าล่ะครับเด็กๆเวลาคุยกันบางทีก็เสียงดัง

“พี่เอ หวัดดีคร้าบบบบ / ดีคะ” น้องๆพร้อมเพรียงทักทายผมประหนึ่งนัดกันไว้ก่อน
“ไปไหนกันมา”
“ไปซ้อมดนตรีพี่ แบบว่ามันมากอะ” ริวรีบตอบกลับมา
“เหรอ แล้วส้มกับพลอยไปด้วยเหรอ”
“ไปซิพี่ ไม่ไปไม่ครบขามันไม่สนุก” ฟิวตอบกลับมา
“ส้มกับพลอยเล่นดนตรีด้วยเหรอเนี่ยะ”
“เปล่าค่ะพี่ พวกหนูไปนั่งทำงานรอพวกมันเฉยๆ” ส้มตอบ
“ไปทำงานรอ หรือ ตามไปคุมเกมกันแน่ ฮ่ะๆๆ” ฟิวแซวส้ม

        ระหว่างที่ผมกำลังคุยกับเพื่อนๆว่านอยู่ ว่านก็ออกมาจากห้องน้ำพอดี

“อ่าว นั้นไงว่าที่มือเบส เมื่อไร่จะไปซ้อมซะที ไอ้เกมเล่นไม่ได้เรื่องเลยทีเดียว” ฟิวทักว่านขณะที่ว่านกำลังเช็ดหน้าอยู่
“อะไรๆ กูจะเป็นมือกลองต่างหากมึงอะแหละให้กูเล่นเบส” เกมพูดกับฟิว
“ก็หน้าตามึงให้ไง ฮ่ะๆ”
“เฮ่ย คนเล่นเบสมันต้องหน้าตาดีๆ อย่างกูนี่” ริวพูดพลางชี้ตัวเอง
“พอเลยๆหน้าเหี้ยๆแบบมึงไปนั่งแต่งเพลงเงียบๆเลยไป” ฟิวแซวริว
“เออ ไอ้คนหน้าตาดี ถ้ากูหน้าเหี้ยะ ก็แม่งโรงเรียนก็ไม่มีใครหล่อแล้วล่ะ” ริวตอบกลับ
“โหย หลงตัวเองจริงมึง” เกมพูดพลางหัวเราะ


        ในขณะที่เพื่อนๆนั่งคุยกันนี่ก็เป็นอีกครั้งที่ว่านนั่งฟังอยู่เงียบๆ แล้วก็หัวเราะเป็นระยะๆ บทสนทนาที่ว่านจะคุยออกไปกับเพื่อนแทบนับได้เลยส่วนมากจะเป็นแบบจู่ๆไปเสริมเพื่อนมากกว่าแล้วก็เงียบนั่งฟังต่อ ในระหว่างที่น้องๆคุยหันอย่างสนุกสนานผมก็เดินเอา netbook ไปเก็บ พอผมลุกขึ้นโค้ชก็เข้ามาพอดี ทันทีที่น้องๆเห็นโค้ชเข้ามาถึงกับเงียบกริบกันเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว บรรยากาศจากที่สนุกสนานเฮฮาเมื่อสักครู่ก็เปลี่ยนมาเป็นอึมครึมแทน  แล้วย้องๆก็หันไปสวัสดีตามมารยาทแล้วลุกขึ้นแยกย้ายกันไปซ้อมของตัวเอง ระหว่างนั้นผมก็เอา netbook ไปยัดใส่ในกระเป๋า ตอนเอาใส่คงไปเตะตาโค้ชเค้าพอดีเค้าเลยพูดว่า


“เอๆ อย่าเพิ่งเก็บเอามาเล่นหน่อย” โค้ชพูดพลางชี้มาที่ netbook
“ไม่มีอะไรเล่นหรอกพี่ ในนี้มีแต่งาน”
“น่า เอามาดูหน่อย” โค้ชพูดด้วยน้ำเสียงร้องขอแกมบังคับ ผมเลยเดินเอาไปเปิดให้โค้ชดู


        อธิบายตรงนี้เล็กน้อยปรกติแล้วคนที่รู้จักผมทุกคนจะรู้ว่าผมไม่ชอบให้ใครมายุ่งกับของส่วนตัวของผม ของส่วนตัวที่ว่าก็เช่น มือถือ , Notebook , Netbook , PC , PSP , กล้อง เป็นต้น ซึ่งกับคุณโค้ชเนี่ยะผมพูดเกริ่นเรื่องนี้ไปหลายครั้งแล้ว บ่อยมากที่เค้าขอดูแล้วผมแสดงท่าทีไม่พอใจ ผมไม่เข้าใจว่าเค้าดูไม่ออกหรือยังไงว่าผมไม่ชอบให้มายุ่งกับของส่วนตัวของผม ครั้งนี้ก็เหมือนกัน ตอนที่ผมเปิดให้เค้าผมก็ทำท่าทีไม่พอใจเพื่อแสดงให้เห็นเลยว่าไม่อยากให้ดู แต่ก็เหมือนว่าโค้ชเค้าจะดูไม่ออก หรือ ไม่สนใจก็ไม่รู้ ทันทีที่เปิดเค้าก็ขอดูโน้นดูนี่ใน Netbook ผมไปทั่ว เสียมารยาทมากมาย


“เอ เปิดนี่ให้ดูหน่อยซิ” โค้ชพูดพลางชี้ไปที่งาน powerpoint ของผม
“ไม่มีอะไรหรอกพี่งานนำเสนอเฉยๆ”
“นะๆๆ พี่อยากดู”


        โค้ชทำท่าทางเหมือนเด็กประถมที่อยากรู้อยากเห็นว่าในกล่องขนมที่ซื้อมาจะได้ของแถมเป็นอะไรแบบนั้นเลย จริงๆผมก็สงสัยนะว่าอยากจะดูไปทำไมในเมื่อเอกสารที่ผมมีนั้นมันเป็นความรู้เฉพาะทาง ซึ่งถ้าไม่ใช่คนที่สนใจเรื่องนี้ก็คงไม่ทราบว่ามันคืออะไร แล้วก็เป็นไปได้สูงว่าจะดูไม่รู้เรื่อง นั่นยิ่งทำให้ผมสงสัยมากขึ้นไปอีกว่าเค้าจะดูทำไม เค้าอ่านภาษา C ออกเหรอ Java อีก HTML อีก แล้วเค้ารู้เรื่อง OOP ด้วยเหรอ จะมาว่ามาอ่านเอาดาบหน้าตรงนี้มันก็ไม่ใช่เนื้อหาที่อธิบายว่าเนื้อหาหรือหัวข้อพวกนี้คืออะไรแล้วนะ อีกอย่างโค้ชเองผมก็ไม่เคยเห็นว่าเค้าจะมีทีท่าหรือความสนใจเรื่องพวกนี้มาก่อน แต่ก็ช่างมันเถอะ ดูไป งงๆ เดี๋ยวก็คงหยุดเอง แล้วก็เป็นอย่างที่คิดหลังจากเปิดงานให้ดูหลายงานเค้าก็หยุดอยากดูต่อ ผมเลยเอา Netbook ไปเก็บ พอเก็บเสร็จเค้าก็เรียกผมเข้ามาหา


“เอ มานี่หน่อย”
“ครับ” ผมตอบพลางเดินลากเก้าอี้มานั่ง พอนั่งเสร็จโค้ชก็พูดต่อว่า
“เอชอบเขียนโปรแกรมเหรอ”
“เปล่า ผมชอบ Mobile Technology มากกว่า กับพวกถ่ายภาพ เขียนโปรแกรมมันก็แค่ส่วนเสริม”
“จบไปคิดจะทำอะไร” โค้ชถามผมด้วยน้ำเสียงจริงจังมาก
“เปิดร้านมือถือมั้งครับ ไม่ก็คงร้านกล้อง ถ้างบเยอะก็อาจทั้งสองอย่างเลย”
“พี่รู้จักพี่คนหนึ่งเค้าเขียนโปรแกรมเก่งมาก ทุกวันนี้เค้ารวยมากเลย วันๆแทบไม่ต้องทำอะไร”
“เหรอครับ”
“เค้าอยู่จังหวัดเดียวกับเรานี่แหละ ไม่รู้เอรู้จักไหม”
“ใครเหรอ”
“พี่ดิว”
“....” ผมไม่ได้ตอบอะไร
“ไม่รู้จักล่ะซิ นี่พี่จะเล่าอะไรให้ฟัง......บลาๆๆๆ”


        แล้วโค้ชก็เริ่มกระบวนการโม้ทันที จริงๆที่ผมไม่ตอบไม่ใช่เพราะไม่รู้จักนะครับ แต่นั่นหน่ะรุ่นพี่ที่มหาวิทาลัยผมเอง เจอพี่แกบ่อยมาก ล่าสุดผมก็ไปให้แกสอนเขียน App บนมือถืออยู่เลย แต่ที่ผมเลือกที่จะไม่ตอบเพราะผมอยากฟังว่าโค้ชเค้าจะพูดอะไรต่อมากกว่า แล้วก็เป็นอย่างที่คาดโค้ชโม้ไปเรื่อยเกี่ยวกับเรื่องพี่เค้า


“นี่เอรู้ไหมโปรแกรมเมอร์ต้องมีคอมพิวเตอร์อย่างน้อยๆกี่เครื่อง”
“ไม่รู้ครับ” ตอบเสร็จผมพลางคิดในใจ มันต้องมีอย่างน้อยด้วยเหรอ
“ต้องมีสามเครื่องขึ้นไป รู้ไหมทำไม”
“ทำไมครับ” ผมถามโค้ชกลับไปเพราะผมก็อยากรู้เหมือนกัน
“พี่ก็ไม่รู้ เพราะพี่ดิวเองแกใช้ทีห้าหกเครื่องเวลาทำงานแต่ละครั้ง”
“จริงเหรอพี่”
“จริง ถ้าเราอยากเห็นภาพลองไปดูเรื่อง Die Hard 4 ซิ พวกนั้นก็ใช้แบบเดียวกับพี่ดิว”


        ถึงตรงนี้ผมเกือบจะหลุดเสียงหัวเราะออกมา ในใจก็คิดว่าจะอธิบายให้โค้ชเค้าฟัง แต่ไมเอาดีกว่าเพราะโค้ชเค้าพูดๆมาด้วยน้ำเสียงเชื่อมั่นมากๆ ถ้าเราไปแสดงความเห็นที่ขัดแย้ง อาจทำให้ความน่าเชื่อถือในตัวโค้ชลดลงเพราะเด็กๆหลายคนก็ฟังเรื่องที่โค้ชคุยกับผมอยู่เหมือนกัน เนื่องจากอันที่จริงพี่ดิวแกใช้คอมสองเครื่องเวลาทำงานครับ เวลาแกออกไปข้างนอกแกก็พก netbook เครื่องเดียว ไม่เห็นจะต้องใช้คอมอะไรมากมายเหมือนที่โค้ชคุยเลย แต่ก็อย่างที่บอกครับไม่ขัดดีกว่า หลังจากโค้ชที่ดูเหมือนจะไม่มีความรู้เกี่ยวกับสายคอมเลยอวดรู้กับผมเสร็จโค้ชเค้าก็เข้าเรื่องการเก็บตัวนักกีฬาสิบวันก่อนการแข่งขันครับ


“เอ เดี๋ยวโทรตามนักกีฬาที่มหาวิทยาลัยให้เข้ามาซ้อมที่นี่ด้วยนะ”
“หือ.....ผมมีเบอร์น้องไม่กี่คนเอง ทำไมพี่ไม่บอกเก่งกับเพื่อนพี่ล่ะ เค้าน่าจะติดต่อนักกีฬาได้ง่ายกว่าผมนะ”
“โอ๊ยย...คนบางคนพี่ไม่อยากจะไปพึ่งมันหรอก เนี่ยะเพื่อนพี่มันก็ทิ้งงานไปแล้ว พี่กำลังคุยกับเอเรื่องนี้อยู่พอดี”
“ชิบหายแล้ว” ผมคิดในใจ
“เพื่อนพี่มันเป็นห่าอะไรไม่รู้ จู่ๆมันโทรมาบอกพี่ว่ามันไม่ทำแล้ว” โค้ชพูดด้วยน้ำเสียงอารมณ์เสีย
“อ่าว...”
“พี่เลยจะให้เอไปดูแลคาราเต้แทน”
“ไหงงั้นอะ”
“เอาน่าช่วยกัน”
“แต่ผมไม่มีชื่ออยู่ในกลุ่มผู้จัดการทีมนะพี่”
“มีแล้ว” โค้ชตอบกลับมา
“ตอนไหน ผมยังไม่ได้เซ็นอะไรเกี่ยวกับเรื่องพวกนี้สักอย่าง”
“พวกที่กองเค้าใส่ชื่อเอเป็นผู้ช่วยโค้ชตั้งนานแล้ว ไม่รู้เหรอ”
“อ่าว ไม่ต้องเซ็นเอกสารอะไรเหรอพี่ ปีก่อนผมยังต้องเซ็น”
“ไม่ต้อง”
“......”
“แล้วก็ พี่จะขอหักค่าเบี้ยเลี้ยงเอครึ่งหนึ่งให้เพื่อนพี่นะ”
“.....” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไปแต่ผมมองโค้ชด้วยความสงสัยแทน
“ก็เพื่อนพี่มันช่วยหานักกีฬาเทควันโดตอนแรกไง ก็เลยจะหักให้มันเพราะมันก็ทำงานเหมือนกัน”
“แล้วแต่พี่”
“ไม่โกรธใช่ไหม เพราะนอกจากคาราเต้แล้วมันก็ทำของเทควันโดด้วยเลยให้ๆมันไป”
“ไม่ครับ”

        สรุปคือโค้ชจะหักเงินผมที่อยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยโค้ชให้เพื่อนเค้าครึ่งหนึ่ง ซึ่งตอนนั้นผมเข้าใจว่าเพราะเพื่อนเค้าทิ้งงานเลยทำให้ไม่ได้เงินในส่วนของโค้ชคาราเต้ ตรงนี้ผมไม่ซีเรียสนะ จะหักก็หักไป

“แล้วก็เรื่องน้องบอกให้น้องมาเก็บตัวด้วย พรุ่งนี้เก็บตัววันแรกต้องมาให้ได้พร้อมกันทุกคน” โค้ชพูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นการออกคำสั่ง
“พี่บอกน้องล่วงหน้าหรือเปล่า” ผมถามโค้ช
“เปล่า ทำไมพี่ต้องบอกล่วงหน้า พวกเค้าเป็นนักกีฬามันต้องพร้อมตลอดเวลาซิ”
ผมนั่งนิ่งพลางคิดในใจว่า “เค้ามาเรียนนะพี่ ไม่ได้มาเล่นกีฬาอย่างเดียว”
“แล้วก็บอกไปด้วยนะว่า ถ้าพรุ่งนี้ใครไม่มา ก็ไม่ต้องมาอีก พี่จะตัดชื่อออกทันที” โค้ชพูดด้วยน้ำเสียงเด็ดเดี่ยวมาก


        หลังจากคุยกับโค้ชเสร็จก็สรุปได้ว่า เก่ง กับ เพื่อนของโค้ชพึ่งไม่ได้ ผมเลยต้องโทรไปหาน้องรองประธานชมรมให้ช่วยตามนักกีฬาแทน ซึ่งน้องรองประธานก็บ่นอุบว่า “อะไรกัน นึกจะเรียกก็เรียก ไม่บอกล่วงหน้าเลย” แต่ว่าในประโยคสนทนานั้นผมไม่ได้บอกน้องเรื่องที่โค้ชพูดว่า “ถ้าพรุ่งนี้ใครไม่มา ก็ไม่ต้องมาอีก พี่จะตัดชื่อออกทันที” เนื่องจากผมเห็นว่ามันจะเป็นผลเสียมากกว่าผลดี เสียที่หนึ่ง โค้ชปุบปับนัดแบบนี้ ถ้าน้องไม่ว่างมา ก็เท่ากับว่าน้องจะหายไปเลย เสียที่สอง ส่งรายชื่อนักกีฬาไปแล้วถ้าส่งนักกีฬาไปแข่งไม่ได้รุ่นนั้นๆจะถูกแบนหนึ่งปี เสียที่สาม ผมกล้าพนันด้วยข้าวมันไก่หนึ่งจานว่าถึงเวลาโค้ชไม่กล้าตัดรายชื่อทิ้งหรอกด้วยเหตุผลข้อเสียที่สอง

        ไม่นานหลังจากที่ผมตามเรื่องเสร็จก็ใกล้เวลาเลิกซ้อมพอดี ผมเลยเดินไปยืนอยู่ใกล้ๆที่น้องๆนั่งกันฟังโค้ชคุย ทันทีที่ว่านเห็นผมมายืนว่านก็รีบเปลี่ยนที่มานั่งข้างๆผมทันทีแล้วก็เหมือนเคยว่านนั่งลูบๆขาผมไปมา ทว่า....วันนี้มีของแถม...ว่านกัดขาผมด้วย แถมไม่ยอมปล่อยอีกผมเลยลดตัวลงเอามือดันๆหัวว่านออก แต่ว่านเอามือเกาะไว้แน่นเลย ผมเลยต้องนั่งยองๆแล้วออกแรงมากขึ้น และ ทันใดนั้นเอง


“สองคนนั้นเล่นอะไรกัน เป็นรุ่นพี่เค้าด้วย อย่าเป็นตัวอย่างที่ไม่ดีให้น้องเห็นซิ” โค้ชขึ้นเสียงพูดซะดังลั่นจนเด็กๆหันมามองเป็นทางเดียวเลย  ว่านก็ดูเหมือนจะตกใจเหมือนกันเลยรีบปล่อยผมทันที
“ถูกดุเลย” ผมพูดกับว่านเบาๆก่อนจะนั่งลงข้างๆว่าน
“ขอโทษครับ” ว่านพูดเสียงอ่อยๆ
“ไม่เป็นไรๆ” ผมพูดพลางลูบหัวว่านเบาๆ
“แล้วเมื่อกี้พี่เป็นอะไร ไม่เห็นมาดูพวกผมเลย แถมทำหน้าเครียดๆอีก”
“ไม่มีอะไร”
“......” ว่านไม่ตอบแต่งับแขนผมเบาๆแทน


        หลังจากปิดยิมวันนั้นผมก็พาว่านไปทานก๋วยเตี๋ยวเหมือนเคย มันเหมือนเป็นกิจกรรมหลักๆเหมือนที่ผมไป 7 – 11 กับบีไปแล้ว อืมม...ลืมบอกไปว่าเวลาทานก๋วยเตี๋ยวว่านจะคีบหมูสับกับหมูแดงให้ผมตลอด เหตุผลเหรอครับ ไม่รู้เหมือนกันว่านเห็นผมชอบทานมั้ง ฮ่ะๆ


“น่าจะมีเทียนเน๊าะ”
“ทำไมเหรอคัรบ”
“เปล่า อยากทานก๋วยเตี๋ยวใต้เสียงเทียน โรแมนติกสุดๆเลยทีเดียว”
“ฮะๆ” ว่านหัวเราะ
“พี่....”
“ครับ”
“พลอยบอกผมว่ามันชอบพี่”
“หรือ จริงดิ”
“ไม่รู้มันบอกผมวันนี้”
“เวอร์ไป รู้จักกันไม่กี่วันเอง”
“ไม่รู้ซิ” ว่านทำน้าตาสลดลงทันที
“แล้ว....พี่เอมีแฟนหรือยังล่ะครับ” ว่านถามต่อด้วยน้ำเสียงสลดๆพลางเอาตะเกียบจิ้มๆลูกชิ้นไปด้วย
“........”
“.......”
“มี......แต่คนที่สนใจหน่ะ......”
“ใครเหรอ”
“ไม่รู้เค้าจะรู้ไหมว่าพี่สนใจเค้าอยู่”
“ใครเหรอพี่” ว่านทำสียงอยากรู้ขึ้นมามากขึ้น
“ตอนนี้เค้าก็อยู่แถวนี้แหละ เจอเค้าบ่อยๆ”
“แล้วใครล่ะครับ”
“ลองเดาดูดิ อิอิอิ”
“โหยยย พี่อะ บอกมาเถอะน๊าๆ....”  ว่านทำเสียงออดอ้อนสุดๆ
“......” ผมไม่ได้พูอะไรออกไปได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อน


        วันนั้นเหมือนว่านจะงอนผมหน่อยๆที่ผมไม่ตอบเค้าให้ครบ ตลอดทางไปส่งที่บ้านว่านกัดไหล่ผมไม่หยุดเลย ชวนคุยอะไรก็ไม่ยอมพูด ผมได้แต่หอมหลังมือว่านเป็นระยะๆ ไม่นานนักผมก็พาว่านมาส่งที่บ้านทันทีที่ว่านลงจากรถว่านก็หันมามองผมแล้วก็พูดว่า


“พี่เอ บอกหน่อย พี่สนใจใคร”
“เดาดูๆ”
“พี่อะ...บอกผมเลย”
“อิอิอิ” ผมได้แต่หัวเราะกลบเกลื่อน......เพราะคำที่ผมอยากจะพูดแต่ไม่กล้าพูดออกไป
“ตอนนี้เหรอ....พี่....สนใจว่านนะ....” ผมคิดในใจขณะที่ว่านกำลังยืนออดอ้อนให้ผมพูดอยู่ตรงหน้า.....


        แต่ใครกันล่ะครับที่จะกล้าพูดออกไปผมยังไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าว่านรู้สึกกับผมยังไงถ้าผมพูดออกไปผมกลัวว่าผมจะเสียว่านไปอีกคน ผมเพิ่งจะเสียบีไปไม่นานผมยังไม่พร้อมที่จะเสียว่านไปอีกคน ตอนนี้...ผมรู้สึกเหงา...แล้วก็....ยังอยากจะมีใครสักคนอยู่ใกล้ๆ แล้วในเวลานี้คนๆนั้นก็คือ....ว่าน.....อืม....น้องเค้าจะรู้ไหมนะว่าเราคิดกับเค้ามากไปกว่าแค่น้องชายแล้ว.....


To Be Con

pobbmit

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 16 : 25/05/11 )
«ตอบ #103 เมื่อ25-05-2011 19:05:42 »

สวัสดีครับคุณเอ

ติดตามมายาวนาน แต่ไม่ค่อยได้เม้นเท่าไหร่ แต่หมั่นมากดรอคอยเสมอครับว่า จามาลงต่อหรือยัง

ชอบเรื่องมากๆ เลย ตัง้แต่น้องบี มาถึงน้องอ้นที่ผ้าหลุดโดยบังเอิญ ได้จัย สนุกตลอด จนมาถึงน้องว่าน

ชอบการดำเนินเรื่องนะครับ ตลก ไม่ติดขัด มีมุขมีสาระแทรกตลอดเวลา

น้องบี นี่ชอบความทะเล้นของเค้าจริงๆเลย อยากให้กลับมาหาพี่เออีกรอบ

น้องว่านนี่เหมือนพยายามทำตัวตามน้องบี หรือ เปนที่นิสัยความเหมือนกันไม่ทราบ ทำไมออกมาคล้ายๆ กันเลย

รอติดตามยุเสมอนะครับ ตอนแรกยังใจแป้วเลยที่หายไปหลายเดือนนึกว่า จาไม่มาต่อซะแล้ว

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 16 : 25/05/11 )
«ตอบ #104 เมื่อ25-05-2011 19:28:07 »

 :L2:พี่เอบอกเลยๆ บอกว่านเลย  :L2:

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 16 : 25/05/11 )
«ตอบ #105 เมื่อ25-05-2011 20:16:51 »

บอกว่านไปเลย  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ reneisance

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 16 : 25/05/11 )
«ตอบ #106 เมื่อ25-05-2011 20:41:44 »

เอ่อ นับถอยหลังวันที่ เอ จะระเบิดลงโค้ช ซักที คือไม่รู้สิจุดเดือดเราคงน้อยมั้ง คือ ไม่ได้เป้นคนขี้วีนนะ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบเหมือนกัน เข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์นะแต่ว่าบางครั้งยอมมากไปก็ใช่ว่าจะดีนะ อย่างน้อยสิ่งที่ไม่ดีก็คือ เด็กที่เค้าฟังโค้ชนะ คือเด็กในวัยนี้เป็นช่วงที่เขายังไม่มีประสบการณ์ชีวิต บางครั้งฟังเรื่องที่ไม่จริงอาจจะทำให้เด็กเกิดการเข้าใจผิดไปตลอด เหมือนการโดนปลูกฝังสิ่งที่ผิดมาตั้งแต่แรก ซึ่งตัวอย่างที่เห็นก็คือ ว่าน ที่บางครั้งก็เหมือนจะระเริงอยู๋กับ การชื่นชมจอมปลอม แต่ก็มันอยุ๋ที่ เอเองแหละมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเอเหมือนกันที่จะไปบอกว่าอะไรดีไม่ดี

แต่ก็นะ อ่านแล้วชอบ เอกะบี มากกว่า เอกะว่านนะ

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 16 : 25/05/11 )
«ตอบ #107 เมื่อ26-05-2011 12:34:51 »

สวัสดีครับคุณเอ
ติดตามมายาวนาน แต่ไม่ค่อยได้เม้นเท่าไหร่ แต่หมั่นมากดรอคอยเสมอครับว่า จามาลงต่อหรือยัง
ชอบเรื่องมากๆ เลย ตัง้แต่น้องบี มาถึงน้องอ้นที่ผ้าหลุดโดยบังเอิญ ได้จัย สนุกตลอด จนมาถึงน้องว่าน
ชอบการดำเนินเรื่องนะครับ ตลก ไม่ติดขัด มีมุขมีสาระแทรกตลอดเวลา
น้องบี นี่ชอบความทะเล้นของเค้าจริงๆเลย อยากให้กลับมาหาพี่เออีกรอบ
น้องว่านนี่เหมือนพยายามทำตัวตามน้องบี หรือ เปนที่นิสัยความเหมือนกันไม่ทราบ ทำไมออกมาคล้ายๆ กันเลย
รอติดตามยุเสมอนะครับ ตอนแรกยังใจแป้วเลยที่หายไปหลายเดือนนึกว่า จาไม่มาต่อซะแล้ว

 :กอด1:~ ขอบคุณมากๆนะครับที่ติดตาม ช่วงที่ไม่ได้มาลงก็เป็นช่วงบีหายไปหน่ะครับ
แล้วช่วงนั้นก็ต้องดูแลว่านด้วย เฉพาะดูแลว่านที่ยิมก็กินไป 3 - 5 ชม ต่อวันแล้วอะครับ เรื่องเรียนด้วย เรื่องกีฬาด้วย ไหนจะปัญหาที่คุณโค้ชทิ้งไว้ให้แก้อีกเต็มไปหมดแทบไม่ว่างเลยทีเดียว

ปล. ที่เอามาลงนี้ส่วนน้อยนะครับ ส่วนที่ไม่เกี่ยวกับเนื้อเรื่องผมไม่ได้เอามาลง



:L2:พี่เอบอกเลยๆ บอกว่านเลย  :L2:
บอกว่านไปเลย  :กอด1: :กอด1:

  :เฮ้อ: ~ ตอนนั้นไม่กล้า กลัวถูกน้องเกลียด




เอ่อ นับถอยหลังวันที่ เอ จะระเบิดลงโค้ช ซักที คือไม่รู้สิจุดเดือดเราคงน้อยมั้ง คือ ไม่ได้เป้นคนขี้วีนนะ แต่ก็ไม่ยอมให้ใครเอาเปรียบเหมือนกัน เข้าใจในเรื่องความสัมพันธ์นะแต่ว่าบางครั้งยอมมากไปก็ใช่ว่าจะดีนะ อย่างน้อยสิ่งที่ไม่ดีก็คือ เด็กที่เค้าฟังโค้ชนะ คือเด็กในวัยนี้เป็นช่วงที่เขายังไม่มีประสบการณ์ชีวิต บางครั้งฟังเรื่องที่ไม่จริงอาจจะทำให้เด็กเกิดการเข้าใจผิดไปตลอด เหมือนการโดนปลูกฝังสิ่งที่ผิดมาตั้งแต่แรก ซึ่งตัวอย่างที่เห็นก็คือ ว่าน ที่บางครั้งก็เหมือนจะระเริงอยู๋กับ การชื่นชมจอมปลอม แต่ก็มันอยุ๋ที่ เอเองแหละมันก็ไม่ใช่ธุระอะไรของเอเหมือนกันที่จะไปบอกว่าอะไรดีไม่ดี

แต่ก็นะ อ่านแล้วชอบ เอกะบี มากกว่า เอกะว่านนะ

 :เฮ้อ: ~ เรื่องของโค้ชมันเป็นเหตุผลทางการเมืองเต็มๆเลยครับ จะทำอะไรก็ยากไปหมด เพราะผมถูกคาดหวังไว้เยอะ

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 16 : 25/05/11 )
«ตอบ #108 เมื่อ26-05-2011 12:41:49 »

ช่วงที่ 17



              แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่ผมนั่งปั่นงานอยู่กับเพื่อนที่ตึกสาธารณสุข จริงๆตึกนี้มีความหลังนะครับ เนื่องจากตอนปีหนึ่งมีอยู่วิชาหนึ่งอาจารย์ท่านให้งานโหดมากขนาดว่าต้องเทเวลาห้าสิบเปอร์เซ็นต์ของเวลาในการทำงานทุกๆวิชามาให้กับวิชานี้วิชาเดียวเลย ไม่งั้นไม่ทันและเนื่องจากวิชานี้เป็นวิชาที่เรียนวันศุกร์ตอนบ่าย ช่วงเช้าไม่มีเรียน ทำให้พวกผมมักมานั่งตรวจทานงานแล้วก็ปั่นงานโค้งสุดท้ายกันที่ตึกสาธารณสุขแห่งนี้ซึ่งอยู่ใกล้ห้องเรียนที่สุดแล้ว แล้วก็ลับตาอาจารย์ที่สุด เพราะท่านเคยเห็นผมกับเพื่อนๆไปนั่งปั่นงานแล้วท่านก็พูดเหน็บแนมอยู่เนืองๆจนพวกผมตัดสินใจย้ายที่กัน หลังจากนั้นเป็นต้นมา ตึกสาธารณสุขแห่งนี้จึงเป็นที่สิงสถิตของห้องผมไปโดยอัตโนมัติ ซึ่งนอกจากจะเย็นสบายแล้ว ยังมี Wi-Fi ฟรีให้เล่นอีกด้วย ใกล้กันก็มีร้านค้าอีก แบบว่ามันใช่เลยตรงนี้แหละ

              กลับมาเข้าเรื่องกัน วันนั้นระหว่างทำงานผมก็ลุ้นอยู่ในใจนะว่าถ้าน้องไม่มาจริงๆโค้ชจะเอาชื่อน้องออกจริงหรือเปล่า ใจหนึ่งก็แอบเสียดายที่มัวแต่ห่วงผลประโยชน์ของมหาวิทยาลัยจนลืมสนองความสะใจของตัวเอง ที่ไม่ได้บอกประโยคเด็ดประโยคนั้นไป แต่ก็ช่างมันเถอะครับอาจเพราะโค้ชเค้าบอกว่าผมมีชื่อในกลุ่มผู้จัดการทีมด้วยมั้ง มันเลยมีความเกี่ยวข้องกับผมขึ้นมา ทำให้ผมไม่กล้าทำอะไรแบบนั้นออกไป จะว่าไปก็แอบเลวนะเนี่ยะผม ฮ่าๆๆ แล้วในระหว่างที่ผมพิมพ์งานระคนคิดอะไรเพลินๆไปเรื่อยโทรศัพท์ผมก็ดังขึ้น


“ว่าน Calling” ผมหยุดมองอยู่แว๊บหนึ่งเพราะนี่มันเพิ่งบ่ายสองโมงแอง
“ฮั่นแน่ๆ ถึงกับหยุดอึ้งไปเลยแบบนี้ คนสำคัญล่ะซิท่า” ม่อนแซวผม
“เปล่า”
“อิอิอิ” ม่อนหัวเราะ
“ว่า”
“พี่เอ....ว่างไหมครับ”
“ก็คุยได้ มีอะไรด่วนหรือเปล่า”
“พี่......มาที่ยิมได้ไหม”
“หือ...เรียนเสร็จแล้วเหรอ”
“เสร็จแล้ว บ่ายอาจารย์ติดประชุม”
“ประชุมอีกแล้ว นี่อาจารย์เค้ามาสอนหนังสือ หรือ เค้ามาประชุมเนี่ยะ”
“สงสัยประชุมน่ารักอะพี่ เลยติดกันใหญ่ ฮ่ะๆ” ว่านหัวเราะ
“ห้าร้อยเลยมุขนี้พี่เล่นแล้ว”
“แล้วพี่มาได้ไหมล่ะครับ”
“แล้วตอนนี้ใครมาแล้วบ้าง”
“ไม่มี ผมไม่อยากอยู่คนเดียว พี่มาอยู่เป็นเพื่อนหน่อยซิครับ” ว่านพูดทำเสียงอ้อนๆ
“อืมม....ก็ได้ เดี๋ยวพี่ไป”

              พอกดวางสายเสร็จผมก็เริ่มเก็บของลงกระเป๋า

“นั่น วางสายเสร็จก็ไปเลยอีกแล้ว” ม่อนพูดขึ้น
“จริงด้วย” แจมเสริม
“ไม่มีอะไร พอดีที่ยิมมีน้องมาแล้ว แล้วมันไม่มีใครอยู่เลยต้องไปเฝ้า” ผมหันไปอธิบาย
“เหรอ จ๊ะ” แจมหันมาพูดแล้วยิ้ม
“น้องคนนั้นอีกล่ะซิ” ม่อนพูดขึ้น
“อื่อ”
“เอ ชอบน้องเค้าเหรอ”
“ไม่หรอก แค่เป็นห่วงหน่ะ แล้วทำไมถึงคิดจะไปชอบน้องเค้าได้ล่ะ” ผมตอบพลางถามกลับไป
“ก็ปรกติคนโทรเข้ามา เอจะรับไว วางไว ไม่คุยนาน แต่อันนี้มีคิดก่อนด้วย คุยยาวคุยเล่นแถมคุยไปยิ้มไปอีก” ม่อนตอบ
“นั่นซิ ปรกติเห็นถ้ามันไม่สำคัญ เอไม่เคยหุนหันพลันแล่นรีบออกไปแบบนี้ด้วย” แจมเสริม
“คิดมากน่า”
“เหรออออ” ม่อนพูดจบก็หันไปซุบซิบๆกับแจม
“งั้นไปละนะ ฝานส่งมาทางเมล์แล้วกัน”
“จ้า อย่าลืมพามาเปิดตัวนะ”
“แน่ะยังไม่จบอีก” ผมหันกลับไปพูดแบบติดตลก

              พอออกจากมหาวิทยาลัยไม่นานนักผมก็มาถึงที่ยิมครับ พอมาถึงก็เจอว่านนอนกลิ้งอยู่บนพื้นเบาะจิ๊กซอร์อยู่คนเดียว ทันทีที่ผมเลื่อนประตูบานเลื่อนว่านก็หันมามองแล้วรีบลุกขึ้นมาหาผมอย่างรวดเร็ว

“มาแล้วเหรอ”
“วันนี้ไม่ดูการ์ตูนเหรอ” ผมถามว่านพลางเอามือลูบๆหัวน้อง
“แผ่นใหม่ยังไม่มา” ว่านตอบ
“เหรอ แล้วเพื่อนๆล่ะ”
“ไปห้องซ้อมดนตรี”
“แล้วมือเบสมานอนกลิ้งอะไรที่ยิมคนเดียว ไม่ไปเล่นกับเพื่อนล่ะครับ”
“.....” ว่านไม่ตอบ แต่โดดกัดไหล่ผมแทนซะงั้น
แล้วในระหว่างที่ผมคุยกับว่านอยู่ก็มีรถแห่โฆษณาวิ่งผ่านหน้ายิม “โปรโมชั่นรับลบหนาว บุฟเฟ่อาหารญี่ปุ่นในราคาสามร้อยบาทต่อท่านเท่านั้น บลาๆๆๆ” พอรถคันนั้นผ่านไปผมก็หันไปมองว่าน ว่านก็มองผม
“กินม๊ะ” ผมถามว่าน
“ก็ได้ครับ” ว่านตอบพลางเอวนิ้วมาจิ้มๆแขนผม
“งั้นปะ”


              ว่าแล้วผมก็พาว่านตรงไปที่ร้านอาหารญี่ปุ่นทันที พอมาถึงผมก็จ่ายเงินเสร็จสรรพก่อนจะเข้าไปนั่งตรงสายพาน วันนี้ร้านค่อนข้างเงียบทีเดียว อาจเป็นเพราะยังเป้ฯเวลาทำงานอยู่เลยยังไม่มีใครมาเท่าไหร่ ในร้านนอกจากผมกับว่านก็มีพี่ๆน่าจะเป็นพนักงานบริษัทสี่ห้าคนนั่งดักอยู่แถวๆที่พ่อครัวทำเลยทีเดียว


“เต็มที่เลยนะ” ผมบอกว่าน
“ครับผม” ว่านหันมาตอบด้วยสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใส

              ผมรู้สึกดียังไงก็ไม่รู้เวลาอยู่กับว่าน ยิ่งได้เห็นว่านดูมีความสุขมีท่าทีร่าเริงแบบนี้ด้วยผมก็ยิ่งมีความสุขมากกว่าเดิมอีก

“มีเวลาถึงสี่โมงสิบนาทีนะ” ผมบอกว่าน
“ครับ” ว่านหันมาตอบ

             ก่อนจะดึงจานซูชิหน้าต่างๆลงมาวางตรงหน้าแล้วทานอย่างเอร็ดอร่อย ผมสังเกตว่าว่านชอบทานปลาหมึกมากๆ เมนูปลาหมึกแว๊บมาว่านจะหยิบมาเกือบตลอด

“ชอบปลาหมึกเหรอ” ผมถามว่าน
“ครับ ชอบหมดเลยยกเว้นหนวด” ว่านหันมาตอบ
“ลองปลาหมึกผัดพริกไทยดำดูม๊ะ”
“หือ ร้านนี้มีด้วยเหรอพี่” ว่านหันมาถามพร้อมทำหน้าตาแบบน้องหมาสงสัย
“เปล่า เดี๋ยวพี่ทำให้ เอาป่ะ”
“เอาๆๆๆ” ว่านทำหน้าดีใจพลางตอบรับ
“อื่อ พรุ่งนี้นะ”
“ครับ”

              หลังจากที่ทานซูชิเสร็จแล้วผมก็พาว่านกลับมาที่ยิม พอมาถึงที่ยิมปรากฏว่าเจอโค้ชนั่งอยู่กับน้องๆอีกหลายคน ที่กระจัดกระจายอยู่ตามมุมต่างๆของยิม พอผมกับว่านเข้าไปในยิม โค้ชก็ถามขึ้นว่า

“ไปไหนกันมา” ทันทีที่โค้ชถามจบว่านก็หันมามองผม ผมเลยยื่นน้ำที่ซื้อมาให้ว่านแล้วกระซิบเบาๆว่า
“เอาเก็บก่อน”
“ครับ”
“พาน้องไปทานข้าว”
“เราเลี้ยงน้องเหรอ”
“เปล่าครับ”
“ดีแล้ว อย่าไปเลี้ยงเดี๋ยวมันจะติดนิสัย”
“อ่าครับ”

              พอคุยเสร็จผมก็เดินไปหาว่านที่กำลังวอร์มอยู่

“ทำพี่ถูกดุอีกแล้ว” ว่านพูดขึ้นเบาๆ
“ไม่หรอก โค้ชเค้าถามเฉยๆหน่ะ”
“ครับ”
“ไหนพี่ช่วยยืดเส้นให้”


              ผมค่อยๆช่วยว่านยืดเส้นไปเรื่อยๆ จะว่าไปการช่วยยืดเส้นก็เป็นอีกช่วงเวลาหนึ่งที่ทำให้ผมใกล้ชิดกับน้องที่สุด เพราะต้องสัมผัสถูกเนื้อต้องตัวน้องอยู่ตลอดเวลา วันนั้นผมเข้าคู่กับว่านตั้งแต่ซ้อมเสร็จจนเลิกซ้อม แล้ววันนี้ก็เป็นอีกวันที่โค้ชความคิดเห็นไม่ตรงกับผม โดยระหว่างที่ผมเข้าคู่กับว่านโค้ชต้องการให้ว่านคิดเองโดยไม่แนะนำอะไรเลย ส่วนผมจะเน้นแนะนำให้ว่านต่อยอดมากกว่า เพราะถ้าจะให้ว่านลองผิดลองถูกช่วงนี้มันจะทำให้พัฒนาการของว่านช้าโดยไม่จำเป็น ให้ว่านลองตามแนวทางของผมก่อนดีกว่า ถ้าน้องสามารถต่อยอดได้ หรือ มีอะไรที่ดีกว่านี้ค่อยว่ากันต่อไป ซึ่งระหว่างที่ซ้อมโค้ชจะพูดว่า “เอ...นี่ไม่ใช่เวลาสอน” อยู่เรื่อยๆ แต่ผมก็ไม่ได้สนใจ ผมยังคงสอนว่านรวมถึงแนะแนวทางอยู่เรื่อยๆ เพราะเท่าที่ผมจำได้ไอ้การที่โค้ชทำแบบนี้มันทำให้เด็กโค้ชมีพัฒนาการที่ช้ามากมาย รู้ไม่กี่ท่าจากหลายๆท่าที่ควรรู้แล้ว ว่านเองก็หนึ่งในนั้นที่ผมพาทำท่าต่างๆเพิ่มเติมมา จนตอนหลังโค้ชเองก็ไม่กล้าค้านเรื่องท่าที่ผมสอน เพราะหนึ่งปีก่อนผมทำให้โค้ชประจักษ์ด้วยหลักฐานที่เค้าแย้งไม่ได้ว่าแนวคิดแบบนี้ของเค้ามันผิด แล้ววันนี้น้องๆนักกีฬาที่มหาวิทยาลัยก็มาซ้อมกันแค่ห้าคนจากสิบหกคน โดยหนึ่งในสิบเอ็ดคนที่ไม่มาก็คือตัวประธานชมรมเด็กโค้ชเค้านั่นล่ะ

              เมื่อสั่งเลิกแล้วโค้ชก็เรียกน้องๆนักกีฬาทั้งห้าคนมาคุยเนื้อหาสาระสรุปได้ประมาณนี้คือโค้ชเค้าจะให้น้องๆมาเก็บตัวกินอยู่หลับนอนที่ยิมนี้ก่อนไปแข่งเป็นเวลาสิบวันโดยโค้ชจะมีกิจกรรมให้ทำทั้งวัน ส่วนที่เหลือก็น้ำท่วมทุ่งครับ โดยระหว่างที่โค้ชพูดว่านก็มานั่งฟังอยู่ข้างๆผมด้วย พอคุยจบน้องรองประธานชมรมก็มาบ่นกระปอดกระแปดว่า “โค้ชเค้าคิดอะไรของเค้า มาอยู่ที่นี่สิบวันเลยเหรอ พวกหนูก็มีอะไรต้องทำนะ ไหนจะเรียนอีก พวกอาจารย์กับทางมหาวิทยาลัยก็ใช่ว่าจะสนับสนุน ค่าตอบแทนก็น้อย แบบนี้ถ้าจะตัดหนูออกก็ตัดเถอะ แต่หนูจะมาซ้อมแค่ที่ซ้อมได้แค่นั้นแหละ” ผมเลยได้แต่ปลอบน้องว่าทำแค่ที่ทำได้ก็พอ ไม่ต้องไปฟังโค้ชเค้ามาก

              หลังจากที่ผมคุยกับน้องรองประธานชมรมจบแล้วผมก็หันไปเห็นตั้มซ้อมเตะอยู่กับว่านอย่างสนุกสนาน จะว่าไปนอกจากผม โค้ช แล้วก็พี่ป้อม ว่านเองก็แทบไม่เคยเตะกับคนที่อายุมากกว่าเลยนี่นา ผมลากเก้าอี้ไปนั่งอยู่ข้างๆเบาะเพื่อนั่งดู ระหว่างนั้นว่านก็คิดวิธีแกล้งตั้มซะงั้น เนื่องจากเทควันโดใส่ชุดสีขาวเพราะงั้น....มันเปื้อนง่ายครับ แล้วเบาะสีแดงที่ยิมผมมันเป็นฝุ่นเปื้อนเท้าได้ ว่านเลยเอาเท้าไปถูๆก่อนจะมาเตะกับตั้ม โดยว่านโชว์ประสบการณ์ที่เล่นมานานกว่าด้วยการเอาฝ่าเท้าไปถูกับเสื้อแทนที่จะเตะแบบปะทะเข้าไปตรงๆด้วยหลังเท้า และทันทีที่รอยเท้าแรกของว่านปรากฏขึ้นบนเสื้อตั้มเท่านั้นแหละ ตั้มถึงกับกล้าๆกลัวๆที่จะเข้าใกล้ว่านทันที ไม่ใช่เพราะกลัวถูกเตอะนะครับ แต่ท่าทีของตั้มมันบอกได้เลยว่า ตั้มกลัวเสื้อเปื้อนมากกว่า


“เฮ่ย!! อย่าเข้ามานะ” ตั้ม พูดกับว่าน
“....” ว่านไม่ตอบแต่มยิ้มกลับไป ก่อนจะรุกเข้าไปไล่เตะตั้มเป็นชุด ทำเอาตั้มที่มีท่าที่ตั้งรับอยู่วิ่งหนีเลยทีเดียว
“เฮ่ย! บอกว่าอย่าเข้ามาไง เสื้อเปื้อนแล้ว”
“อะไรพี่ ไม่เข้าแล้วผมจะเตะยังไงล่ะ”
“ก็ไม่รุ้ซิ แต่อย่าเข้ามานะ” ทันที่ตั้มพูดจบว่านก็บุกเข้าหาอย่างรวดเร็วก่อนจะป้ายรอยเท้าลงไปอีกหนึ่งรอย
“แง้.....ทำเสื้อเค้าเปื้อนอีกแล้ว เค้าฟ้องแม่จริงๆด้วย” ตั้มพูดติดตลกขึ้นมา ทำเอาว่านขำจนทรุดลงไปนอนกลิ้งอยู่กับพื้นเลยทีเดียว
“พี่เอดูดิ มีแต่รอยเท้าอะ แล้วผมจะเข้าตลาดยังไงเนี่ย เค้าไม่คิดว่าผมถูกกระทืบมาเหรอ” ตั้มพูดพลางโชว์รอยเท้าว่านให้ดู
“เค้าจะฟ้องแม่ด้วย น้องว่านแกล้งเค้า”
“ฮ่ะๆๆ” ว่านยังคงหัวเราะไม่หยุด คงจะไม่เคยเห็นรุ่นพี่ที่โตกว่าเล่นมุขขี้แยแบบนี้ล่ะมั้ง


              ไม่นานหลักจากนั้นตั้มกับน้องๆคนอื่นๆก็กลับหมด หลังจากที่ผมกับว่านปิดยิมเสร็จแล้วผมก็พาว่านไปที่ห้างซีใหญ่เพื่อไปซื้อวัตถุดิบในการทำปลาหมึกผัดพริกไทยดำในวันรุ่งพรุ่งนี้ พอเข้ามาถึงส่วนของซีใหญ่ผมก็พาน้องไปยังมุมอาหารช่วงนั้นมีปลาหมึกยักษ์มาขายพอดี ผมเลยพาว่านเลือกซื้อ โดยผมเลือกคางปลาหมึกแล้วก็ผิวของปลาหมึก โดยระหว่างที่เลือกปลาหมึกอยู่นั้นว่านก็เอาหนวดปลาหมึกมาชนๆแขนผมแล้วพูดว่า


“ปลาหมึกดูดแขนๆ” ระหว่างที่พูดว่านก็จ้องหน้าผมด้วย
“ทำอะไร” ผมถามว่าน
“ปลาหมึกดูดแขน ไม่กลัวเหรอ”
“ต้องกลัวด้วยเหรอ”
“ครับ ต้องกลัวด้วย”
“เอา กลัวก็ได้” ท่ากลัวผมคงไม่สมจริงมั้งน้องเลยพูดว่า
“นี่พี่กลัวแล้วเหรอ เนี่ยะๆระวังปลาหมึกกินนะ” ว่านพูดในขณะที่ยังเอามาหมึกมาจิ้มๆแขนผมอยู่
“เดี๋ยวจะกินคนถือปลาหมึกก่อน”
“ฮ่ะๆๆ” ว่านหัวเราะ

              พอเลือกซื้อปลาหมึกเสร็จผมก็พาว่านไปซื้อกุ้ง แล้วพอถึงกระบะใส่กุ้งว่านก็หยิบกุ้งมาสองตัวแล้วจิ้มๆที่แขนผมอีก

“อะไรอีกล่ะทีนี้” ผมถามว่าน
“กุ้ง พี่ กุ้ง” ว่าตอบหลังยกกุ้งขึ้นมาระดับสายตา
“.....” ผมมองว่านแล้วก็แอบยิ้มมุมปากเพราะผมไม่เคยเห็นว่านเล่นเป็นเด็กๆแบบนี้มาก่อน
“กุ้งกัด กุ้งกัด” ง่านพูดพลางเอากุ้งมาจิ้มๆแขนผมต่อ
“เดี๋ยวเหอะ เดี๋ยวได้กัดคนถือกุ้ง”
“อิอิอิ” ว่านหัวเราะเบาๆก่อนจะวางกุ้งลงไปคืน

              หลังจากเลือกกุ้งเสร็จผมก็พาว่านไปยังมุมเครื่องเทศแล้วก็เครื่องปรุงต่างๆ

“ทานผัดผงกะหรี่เป็นไหม” ผมถามว่านขณะที่กำลังเลือกเครื่องปรุงอยู่
“ชอบเลย” ว่าตอบกลับมา
“งั้นเอาผัดผงกะหรี่เพิ่มอีกอย่างแล้วกัน”

              หลังจากเลือกเครื่องปรุงเสร็จแล้วผมก็ไปจ่ายเงินครับ โดยช่องจ่ายเงินที่ผมเข้าไปมันร้านายไอศกรีมชื่อดังตั้งอยู่ ระหว่างที่รอจ่ายเงินผมสังเกตว่าว่านมองไปที่ร้านไอศกรีมนั้นตลอดเลย ผมเลยหันไปถามว่านว่า

“ไอติมม๊ะ”

              ว่านหันหน้ากลับมาพยักหน้าตอบรับ พอจ่ายเงินเสร็จผมเลยพาว่านเข้าไปทาน ท่าทางว่านวันนี้ดูมีความสุขมาก โดยระหว่างที่ทานไอศกรีม ว่านพูดเล่นอยู่ตลอดเวลา เล่าเรื่องโน้นเรื่องนี่ที่โรงเรียน เหมือนบีไม่มีผิด

“เนี่ยะมันมีเพื่อนคนหนึ่งชื่อไอ้แม็ค มันหน้าโหดมากเลยพี่”
“โหดยังไง”
“ก็โหดขนาดว่าพี่ ม.5 ยังคิดว่ามันอยู่ ม.6 เลยล่ะ”
“นั่นมันเรียกว่าหน้าแก่ต่างหาก”
“นั่นล่ะๆ”
“แล้วยังไง”
“วันนั้นหน่ะ พอเลิกเรียนเสร็จมันร้องเพลง” ว่านเล่าด้วยน้ำเสียงตื่นเต้นสุดๆ
“แค่คนร้องเพลงมันต้องตื่นเต้นขนาดนั้นเลยเหรอ” ผมถามว่าน
“ก็เพลงที่มันร้องหน่ะซิพี่” ว่านเล่าต่ออย่างตื่นเต้น
“ทำไมเพื่อนร้องเพลง LESSON 1 แล้วหน้าเปลี่ยนเป็นจุ๋ยๆหรือไง”
“ไม่ใช่พี่ มันร้องเพลงนี้.....หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมียว ลูกแมวเหมี๊ยว.......”
“.......” ผมอึ้งกินไปเล็กน้อย


             ไม่ใช่เพราะเรื่องเพื่อนว่านหรอกครับ แต่เป็นเพราะว่านร้องเพลงนี้แล้วทำท่าทางฮามาก อธิบายยังไงดี เคยเห็นชินจังเต้นท่าปลาหมึกไหมครับ ว่านมือขึ้นมาสูงระดับอกแบบมืออกพร้อมกับคว่ำมือลง แล้วสะบัดไปมาขึ้นลงแบบว่า มือขวาลงล่าง มือซ้ายขึ้นบน สลับไปมาๆ ทันทีที่เห็นผมเกือบหลุดปล่อยเสียงฮาออกมา ผมได้แต่เอามือมาปิดปากแล้วกลั้นหัวเราะจนน้ำตาเล็ดเลยทีเดียว ว่านเองพอเห็นผมกลั้นหัวเราะแบบนั้นว่านก็ทำท่าทีสงสัยใหญ่


“ฮาขนาดนั้นเลยเหรอพี่” ว่านถามผม
“ฮุๆๆๆ แป๊บ ฮุๆๆๆๆ” ผมกลั้นหัวเราะแทบตาย ทำให้พูดอะไรตอนนั้นไม่ได้ สุดท้ายพอหยุดหัวเราะได้แล้วผมก็ถามว่านไปว่า
“ท่าเมื่อกี้เอามาจากไหน”
“เอามาจากไอ้เกม” ว่านตอบ
“ทำไมเหรอครับ” ว่านถามต่อ
“เปล่า น่ารักดี วันหน้าทำอีกนะ”
“พี่ชอบเหรอ” ว่านถามผม
“อื่อ....ว่าแต่ตอนแม็คร้องเนี่ยะ แม็คได้ทำท่านี้ด้วยไหม”
“เปล่า มันนั่งร้องวนไปวนมาของมันคนเดียว”
“เหรอ ฮะๆ น่ารักกันจังเน๊าะเด็กห้องนี้”
“อิอิอิ”


              พอว่านกับผมทานไอศกรีมเสร็จผมก็พาว่านไปส่งที่บ้าน โชคดีที่ห้างซีใหญ่เค้ามีถุงเก็บความเย็นให้เลยไม่ต้องกังวนเรื่องปลาหมึกแล้วก็กุ้ง ระหว่างทางที่ไปส่งว่านผมยังคงกุมมือว่านแล้วก็หอมหลังมือว่านเหมือนเคย แต่วันนี้พิเศษมาหน่อยที่ว่านร้องเพลง หนูมาลีมีลูกแมวเหมียว ไปตลอดทางเลย แต่ยังไงก็ตามวันนี้ผมมีความสุขมากเลยครับ



To Be Con

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
«ตอบ #109 เมื่อ26-05-2011 17:49:21 »

เย้ๆ มาต่อแล้ว


กด+ให้เป็นรางวัลครับ :กอด1: :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
« ตอบ #109 เมื่อ: 26-05-2011 17:49:21 »





ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
«ตอบ #110 เมื่อ26-05-2011 21:26:36 »

 :L2: :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ HydrA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2684
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +159/-2
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
«ตอบ #111 เมื่อ26-05-2011 22:22:01 »

พี่เอเซี้ยะโค้ชไปมั่งเหอะ
ดูเหมือนว่าแกจะหาเรื่องเดือดร้อน
มาให้พี่เอตลอด

naoki24

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
«ตอบ #112 เมื่อ26-05-2011 22:52:18 »

ทำไมเอทำกับว่านเหมือนน้องบีเข้าไปทุกทีๆ
อีกไม่นานหลวมตัวแน่เลย  :z1:
จงท่องจำไว้ว่า ต่อจาก A นั้นคือ B เท่านั้น
ตัวที่ใกล้ A ที่สุด คือ B เท่านั้น
แต่เชื่อเถอะผมว่าคนที่อ่านใจเอได้ดีที่สุดน่าจะเป็นอ้นนะ ขอบอกๆ o13

icyblue

  • บุคคลทั่วไป
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
«ตอบ #113 เมื่อ27-05-2011 00:34:29 »

อ่านควบ 2 ตอน

น้องว่านเค้าก็มีมุมน่ารักๆ เหมือนกันนะเนี่ย  :impress2:


ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 17 : 26/05/11 )
«ตอบ #114 เมื่อ27-05-2011 01:17:58 »

ช่วงที่ 18
             


 
           วันนี้หลังจากเรียนเสร็จในตอนเช้าตอนบ่ายว่างแต่เนื่องจากคาบเช้าอาจารย์สอนเพลินไปนิ๊ด แต่นักศึกษาไม่ได้เพลินด้วยเท่าไหร่ กว่าจะเลิกก็ปาเข้าไปบ่ายโมงกว่าๆผมเลยรีบกลับมาบ้าน พอมาถึงบ้านผมก็รีบเข้าครัวทันที เพราะนี่ก็บ่ายมากแล้วเดี๋ยวกับข้าวจะเสร็จไม่ทัน เมนูแรกที่ผมเริ่มทำวันนี้คือเมนูปลาหมึกและกุ้งผัดพริกไทยดำครับ ผมเริ่มแช่ปลาหมึกกับน้ำก่อน ระหว่างนั้นก็แกะเปลือกกุ้งระหว่างรอปลาหมึกแช่น้ำ หลังจากแกะเปลือกกุ้งเสร็จ ผมก็ไปลอกหนังปลาหมึกต่อ จากนั้นก็หั่นๆเป็นชิ้นสี่เหลี่ยมพอดีคำ เมื่อเสร็จแล้วผมก็เอาไปผัดไม่นานก็เสร็จ ตามด้วยปลาหมึกและกุ้งผัดผงกะหรี่ต่อ ใช้เวลาทำสองเมนูนี้ประมาณเกือบหนึ่งชั่วโมง ก่อนจะใส่ถุงส่วนหนึ่งแล้วก็ใส่กล่องส่วนหนึ่ง เมื่อทำเสร็จแล้วผมก็ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปที่ยิมทันที พอมาถึงยิมผมก็พบน้องๆนักกีฬาของทางมหาวิทยาลัยมานั่งเล่นคุยกันบ้างก็นั่งเขียนรายงานกันอยู่


“พี่เอ หวัดดีครับ/คะ” น้องๆต่างหันมายกมือไหว้ทักทายผมอย่างพร้อมเพรียง
“ดีครับๆ วันนี้ทำไมมาเร็วกันจัง”
“ก็โค้ชบอกว่าเริ่มเก็บตัวแล้วนี่ค่ะ” แนนหันมาตอบผม
“อ่าว เออใช่ จริงด้วย”
“พี่เอขี้ลืมจัง ยังไม่แก่เลยนะเนี่ยะ ฮะๆ” ตั้มแซวผม
“แล้วโค้ชไปไหนซะล่ะ”
“ไม่เห็นเลยคะพี่” จ๋ายตอบกลับมาพร้อมทำท่าหันซ้ายหันขวา
“แล้วพวกเรามากันตั้งแต่กี่โมงเนี่ยะ”
“ผมมาตั้งแต่เที่ยงแล้ว” ตั้มตอบ
“ส่วนพวกหนูเพิ่งมาก่อนพี่ได้ชั่วโมงกว่าๆ เพราะตอนแรกพี่เก่งบอกว่าจะรวมกันที่มหาวิทยาลัยก่อนแล้วค่อยมาพร้อมกัน แต่พวกหนูไปรอตั้งนานไม่เจอใครเลย เลยมาที่นี่กัน” แนนอธิบายเพิ่ม
“อ่าว ก็เมื่อวานโค้ชเค้าแจ้งแล้วนี่นา ว่าให้มาที่นี่เลย”
“ก็พี่เก่งโทรมาบอกพวกหนูตอนเช้า ว่าถ้าว่างแล้วให้ไปรอที่ชมรมก่อน ค่อยมายิมพร้อมกัน” แนนตอบ
“อืม....แล้วเก่งล่ะไม่มาด้วยเหรอ”
“ยังไม่เห็นเลยพี่ พวกผมโทรหาก็ไม่ติดพี่เค้าปิดเครื่อง” ไม้พูดขึ้น
“งั้น...ไปวิ่งๆวอร์มกันก่อนแล้วกัน เสร็จแล้วเดี๋ยวพี่บอกเองว่าให้ทำอะไรต่อ”
“ครับ/คะ”
            
  
               หลังจากคุยกับน้องๆเสร็จผมก็เอาของไปวางที่ชั้นวางก่อนจะเดินไปซื้อน้ำแล้วก็ขนมมาเผื่อว่านเหมือนที่เคยทำทุกๆวัน พอซื้อเสร็จผมก็เดินมาที่ยิม ก่อนถึงหน้ายิมปรากฏว่าผมเจอว่านกับกลุ่มเพื่อนของเค้าเดินมาพอดี ผมเลยเดินไปทักทายตามปรกติ ว่านเองพอเห็นผมถือของจาก 7 – 11 มาก็วิ่งมารับอย่างรวดเร็วก่อนจะเปิดคาลพิส แลคโตะดื่ม


“กำลังหิวพอดีเลย” ว่านพูดขึ้นหลังจากดื่มไปสองถึงสามอึก
“คนเดียวเลย ไม่มีแบ่งอะ” ริวแซวว่าน
“ช่ายๆ น้ำใจอะมีม๊ะๆ” เกมแถม
 “อะ เอาดิ” ว่านพูดพลางยื่นขวดคาลพิส แลคโตะไปให้เพื่อนๆ
“ไม่เป็นไรแล้ว กูเกรงใจ” ริวตอบ
“ไม่กล้ากินต่อล่ะซิมึง ฮ่ะๆ” ว่านพูดพลางหัวเราะ


               แล้วพอผมกับพวกว่านเข้ามาในยิมก็พบว่าโค้ชมานั่งที่โต๊ะเรียบร้อยแล้ว


“ดีครับ” ผมทักทายโค้ชไปตามมารยาทก่อนที่น้องๆจะยกมือไหว้ตามแล้วแยกย้ายเอาของไปเก็บรวมถึงเปลี่ยนชุดกัน
“เอาอะไรมาเยอะแยะ” โค้ชถามผมพลางชี้ไปที่ถุงใส่อาหารที่ผมเอามาด้วย
“อ่อ....ผมเอามาให้ว่านครับ” ผมตอบไป
“ไหนเอามาดูหน่อย”
“.....ไม่มีอะไรหรอกพี่”
“ไม่มีแล้วดูไม่ได้หรือไง”
“.....” ผมรู้สึกไม่พอใจขึ้นมานิ๊ดๆ เลยไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“ว่านๆ หยิบมาให้หน่อยซิ๊” โค้ชชี้นิ้วสั่งว่านที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องแต่งตัวให้ไปหยิบถุงใส่อาหารไปให้เค้า


               แล้วว่านก็เดินไปหยิบมาให้โค้ชอย่างง่ายดาย แต่ระหว่างที่ว่านเดินไปหยิบว่านก็มองมาทางผมอยู่เรื่อยๆ ก่อนจะวางถุงใส่อาหารลงบนโต๊ะ แล้วโค้ชก็ลงมือคุ้ยทันที


“โอโห...อะไรเนี่ยะ ของกินทั้งนั้นเลย” โค้ชอุทานขึ้นทันทีที่เห็นว่าภายในนั้นใส่อะไรไว้
“.....” ผมได้แต่ยืนมองอยู่เฉยๆ เพราะดูเหมือนว่าจะพูดอะไรไม่ได้แล้ว
“เอาไปให้ใครเนี่ยะ” โค้ชหันมาถามผม
“ให้ว่าน แล้วก็แม่น้องว่าน”
“แล้วทำไมมีใส่ถุงกับใส่กล่องล่ะ” โค้ชถามต่อ
“แบบถุงให้ว่านทาน ส่วนที่ใส่กล่องของคุณแม่ว่าน”
“อ่าว ก็อยู่บ้านเดียวกันทำไมต้องแบ่งกล่องแบ่งถุง” โค้ชถามผมด้วยท่าทีสงสัย
“ก็ผมไม่รู้ว่าคุณแม่ว่านอยู่ไหม ถ้าไม่อยู่จะได้เก็บไว้ได้ ถ้าอยู่ก็ทานเลย”
“หืมมม รอบคอบๆ ว่าแต่ชิมได้ไหม” โค้ชถามผม
“.....” ผมไมได้ตอบอะไรออกไป
“ว่าน ว่าไง ชิมหน่อยได้ไหม” พอผมไม่ตอบโค้ชก็หันไปถามว่าน
“แล้วแต่พี่เอครับ” ว่านตอบไป
“แล้วแต่พี่เค้ายังไง พี่เค้าเอามาให้เราแล้ว” โค้ชพูดกับว่านด้วยคำพูดเหมือนพวกขายตรงเชียร์ลูกค้าซื้อสินค้าในช่วงโค้งสุดท้าย
“ครับ” ว่านตอบกลับไป

               ทันทีที่ว่านตอบเหมือนโค้ชจะรอเปิดอยู่แล้ว เค้าหยิบส่วนที่ใส่ถุงออกมาทั้งสองถุงแล้วแกะออกก่อนจะเอามาจ่อที่จมูกตามด้วยเสียงลมหายใจสูดดมกลิ่นที่น่ารักเกียจที่สุดเท่าที่ผมเคยได้ยินมาในชีวิตของผม

“หอมจัง ว่าแต่ไม่มีช้อนทำไง” โค้ชหันมาพูดกับผม
“.....” ผมไม่ได้ตอบอะไรกลับไป
“อ๊า คิดออกแล้ว”


               พูดจบโค้ชก็เอามือบีบๆปลาหมึกกับกุ้งขึ้นมาที่ปากถุงก่อนจะใช้มือหยิบกิน ท่าการกินแบบนี้....ถ้าเป็นเด็กๆมันดูน่ารักครับ แต่สำหรับคนอายุสามสิบขึ้นมันดูน่าเกลียดมาก ยิ่งคนที่เรียกว่าตัวเองเป็นโค้ช หรือ เป็นครูด้วย ไม่มีการรักษาภาพลักษณ์เลย


“อร่อยมากเลยเอ เปิดร้านขายได้เลยนะเนี่ยะ”


               โค้ชยิงคำชมใส่ผมขณะที่ในปากก็ยังเคี้ยวกุ้งอยู่หยับๆ ผมว่าโค้ชคงไม่รู้หรอกว่าคำชมของเค้ามันไม่มีผลอะไรกับผมหรอก จะว่าไปก็มีบ้างที่ทำให้ผมรู้ว่าอาหารที่ผมทำมันอร่อย แต่มันไม่ทำให้ความรู้สึกชิงชังในตัวโค้ชลดลงไปเลยแม้แต่เสี้ยวเดียว คงอย่างที่บางคนบอกไว้ว่าเวลาที่ผมจะหมดความอดทนกับโค้ชคงใกล้เข้ามาเต็มทีแล้ว


“เอ้า พวกเรามาชิมกันดู พี่เอทำเองกับมือเลยนะ”


               โค้ชพูดเสียงดังพอที่เด็กๆทั้งยิมจะหันมามองเป็นทางเดียว ก่อนที่โค้ชจะยื่นปากถุงหันไปทางเด็กๆ ซึ่งเด็กๆหลายคนคงไม่รู้ว่าตอนนี้มีเมฆฝนตั้งเค้าอยู่แถวนั้นเลยกุลีกุจอมาหยิบทานกันเป็นการใหญ่ ซึ่งโค้ชเองก็บีบๆกุ้งแล้วก็ปลาหมึกออกมาให้เด็กๆหยิบไปทานด้วยวิธีเดียวกันกับเค้า เว้นก็แค่ว่านคนเดียวที่ยืนมองอยู่ห่างๆ พูดตรงๆนะครับ....เหตุการณ์คราวนี้ทำให้ความรู้สึกไม่พอใจที่มีกับโค้ชคุกรุ่นขึ้นมาอีกระดับหนึ่งเลยทีเดียว เพราะที่ผมทำมาวันนี้...ไม่ใช่ทำเพื่อเด็กๆในยิม หรือ โค้ช.....แต่ผมใช้ใจของผมทำให้ว่านต่างหาก......วันนั้นผมเลยค่อนข้างเงียบไม่พูดอะไรกับโค้ชมากมาย เพื่อให้เค้ารู้ว่าผมไม่พอใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น โค้ชเองคงรับรู้ได้เลยเดินชมผมเป็นการใหญ่ซ้ำไปซ้ำมา มันดูจงใจจนน่ารำคาญ


“พี่เอ......” ว่านเรียกผมเบาๆขณะที่ผมนั่งพิงกำแพงที่มุมเดิม
“ครับ” ผมหันไปตอบว่าน
“......” ว่านไม่ตอบอะไรกลับมาแต่ว่านเอามือผมไปเล่นแทน ท่าทีของว่านเวลานี้เหมือนจะรู้ว่าผมไม่พอใจเลยมานั่งปลอบซะมากกว่าจะมานั่งคุย
“พี่เอ เป็นไรวันนี้ดูเงียบๆ” ฟิวเดินมานั่งข้างๆแล้วพูดขึ้น
“ไปไกลๆเลยไป” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆใส่ฟิว
“อะไรอะ...” ฟิวทำหน้า งงๆ
“ว่างมากก็ไปซ้อมของตัวเองไป” ว่านพูดด้วยน้ำเสียงแข็งๆใส่ฟิวอีกครั้ง
“เออๆ ไปก็ได้” พูดจบฟิวก็ลุกเดินออกไป


               แล้วก็ถึงช่วงเลิกโค้ชเรียกน้องๆรวมถึงพวกนักกีฬาไปนั่งวิจารณ์รวมถึงวิเคราะห์การเล่นของแต่ละคนเหมือนทุกๆที แต่วันนี้โค้ชพิเศษหน่อยตรงที่ชมว่านไม่หยุดปากให้พวกนักกีฬาของมหาวิทยาลัยฟัง ว่าว่านเก่งอย่างนั้น เก่งอย่างนี้ ว่านเองพอถูกชมซึ่งหน้าแบบนี้ก็ถึงกับวางตัวไม่ถูกกันเลยทีเดียว แต่แล้วโค้ชก็พลาดประโยคหนึ่ง


“พวกเรารู้ไหมว่านเตะเร็วมาก คราวก่อนเตะกับว่าน เกือบถูกว่านเตะหน้า เชื่อไหมตอนนี้ความเร็วของว่านเกือบเท่าครูแล้ว ขนาดเตะกับครูป้อม ครูป้อมยังเตะไม่เร็วขนาดนี้เลย” โค้ชพูดอย่างภูมิใจ
“เร็วมากเลยเหรอครู” ต้นกล้าถามขึ้น
“ใช่ซิเร็วมาก ตอนนี้ว่านเตะเร็ววกว่าครูป้อมแล้วรู้ไหม” โค้ชตอบต้นกล้าไปด้วยน้ำเสียงภูมิใจในตัวว่านสุดๆ


               โค้ชคงไม่รู้หรอกว่า....ที่กำลังพูดอยู่นั้น....มันฆ่าตัวตายชัดๆเลย....ยิมนี้สอนอยู่สามคน แต่โค้ชดันไปยกเด็กที่มาซ้อมว่าเก่งกว่าผู้สอนซะออกหน้าออกตา ณ จุดนี้มันไม่ใช่ปัญหาใหญ่หรอกครับ เพราะอีกไม่นานต่อจากนี้ปัญญาที่ใหญ่กว่าจะตามมาอีก หลังจากโค้ชปล่อยเด็กเสร็จแล้ว โค้ชก็เรียกพวกนักกีฬาของมหาวิทยาลัยมารวมอีกต่างหากเพื่อพูดคุยเรื่องการฝึกซ้อม แล้วโค้ชก็ให้น้องๆนักกีฬาจับคู่ต่อสู้อิสระกันทีละคู่ แล้วโค้ชก็วิเคราะห์ รวมถึงพูดถึงวิธีบุก วิธีรับ และ วิธีแก้ ให้น้องๆทราบจากลูกเล่นที่น้องๆใช้กันนั่นแหละ ฟังดูดีใช่ไหมครับ ใช่ครับดูดีมากแต่ที่ไม่ดีคือโค้ชจำกัดลูกเล่นของน้องให้อยู่แต่ในขอบที่โค้ชต้องการเท่านั้น มันไม่ต่างอะไรกับเด็กเรียนเก่งหลายด้าน แต่ถูกจำกัดให้เรียนแค่ด้านเดียวตามใจพ่อแม่เลย แทนที่โค้ชจะแนะนำแล้วก็ต่อยอดให้น้อง เค้ากลับไปจำกัดท่าเตะน้องซะงั้น แถมยังพูดว่า “เอาแค่นี้พอ ท่าอื่นไม่ต้องใช้ มันไมได้แต้มหรอก” รู้ได้ยังไงว่ามันจะไม่ได้ ผมไม่เข้าใจโค้ชเลยจริงๆ

               แล้ววันนี้ว่านเองก็ถูกจับมาให้เข้าคู่เตะกับรุ่นพี่ด้วย ว่านได้คู่กับก้อง พูดถึงก้อง ก้องเป็นน้องใหม่ของทีมครับ เพิ่งเข้ามาเรียนอยู่ปีหนึ่งเอกคอมพิวเตอร์ แต่เนื่องจากก้องเล่นเทควันโดมาก่อนแถมฝีมือจัดได้ว่าเข้ารอบชิงเหรียญได้ไม่ยากเย็นนัก คู่แล้วคู่เล่าผ่านไปจนถึงคู่ก้องกับว่าน เนื่องจากก้องไม่เคยเห็นมือว่านมาก่อน เพราะก้องเพิ่งมายิมวันนี้วันแรก แถมโค้ชเองก็ยังชมเรื่องความเร็วของว่านด้วยซ้ำเสียงภูมิใจสุดๆอีกต่างหาก ส่วนว่านเองก็ยังไม่เคยเห็นฝีมือก้องเช่นเดียวกัน

               ทันทีที่ผมสั่งเริ่มการต่อสู้ ทั้งคู่ดูเชิงกันแบบไม่วางตา ต่างฝ่ายต่างไม่กล้าบุก มันนานเกินไปจนผมสั่งเคียงโก* หลังจากถูกหักคะแนนไป ว่านเองก็เปิดฉากบุกก่อนด้วยท่าเตะ round kick ข้างซ้าย ก้องเห็นดังนั้นเลยดึงถอยหลบเล็กน้อยพอพ้นระยะขาของว่าน ทันทีที่ขาว่านพ้นตัวก้องเพียงเล็กน้อย ก้องก็เตะ round kick ขาหน้าซ้ายเข้าไปที่ท้องว่านอย่างรวดเร็ว ไม่ทันที่ว่านจะได้หลบ ไม่ซิไม่ทันที่ว่านจะวางเท้าที่เตะครั้งแรกออกไปด้วยซ้ำ ก้องก็ทำแต้มจากว่านได้ทันทีหนึ่งแต้ม แล้วในชั่วพริบตานั้นทันทีที่ว่านวางขาได้ว่านก็กระโดด Jump Back Kick ข้างขวาต่อทันที จากลูกเตะนี้ทำให้ผมทราบทันทีเลยว่าก้องเป็นคนที่ไหวพริบดีมาก ก็ไม่ก็คงจะเดาทางว่านได้ล่วงหน้า ก้องฉากประมาณสี่สิบห้าองศา หลบลูกเตะ Jump Back Kick ของว่าน ไปทางซ้ายมือของตัวเอง ขณะนั้นขาซ้ายที่เตะ round kick ครั้งแรกของก้องยังไม่ทันแตะพื้นเลยด้วยซ้ำ ก้องใช้การโดดเลียดพื้นดีดเท้าขวาที่เป็นหลักไปเป็นหลักต่อ ก่อนที่ขาซ้ายก้องจะลงมาถูกพื้น แล้วเพียงเสี่ยววินาทีเท้านั้นทันทีที่หลายเท้าซ้ายก้องสัมผัสพื้นเพียงเล็กน้อย ก้องก็ดีดเท้าซ้าย round kick เข้าไปที่หลังว่านอย่างแรง

              “พลั๊ก!!” เสียงเท้าของก้องกระทบเข้ากับแผ่นหลังของว่านอย่างแรง จังหวะนั้นมันไม่เอื้ออำนวยต่อการผ่อนแรงเอาเสียเลย เนื่องจากขณะถูกเตะว่านลอยอยู่กลางอากาศทำให้ว่านกระเด็นไปตามแรงเตะของก้องอย่างง่ายดาย “ตุบ!!” เสียงว่านตกลงกระแทกพื้นก่อนจะกลิ้งต่ออีกเล็กน้อย ทันทีที่ตั้งหลักได้ผมรีบวิ่งเข้าไปดูว่านทันที ตอนนั้นว่านนอนหันหลังแล้วเอามือมากุมหลังตัวเองไว้


“ว่าน เป็นไรไหม เจ็บไหม” ผมถามว่าน
“.....ไม่....ไม่เจ็บ” ว่านตอบมาด้วยน้ำเสียงสั่นเครือ
“พอก่อนไหม เดี๋ยวค่อยเตะต่อก็ได้” ผมถามอีกครั้งก่อนจะเอามือไปแตะที่หลังว่านเบาๆ
“ก็ผมบอกว่า ไม่เจ็บไง” ว่านขึ้นเสียงใส่ผมทันที
“.....” เสียงที่ว่านตะคอกกลับมาเล่นเอาผมทำอะไรไม่ถูกเลย

               ตอนนั้นพวกน้องๆนักกีฬาที่นั่งดูส่วนหนึ่งกรูกันเข้ามาดูว่านด้วยความเป็นห่วง แต่คงเนื่องจากไม่สนิดกันเลยทำได้แค่ยืนให้กำลังใจ ส่วนโค้ชเหรอครับ เค้านั่งไขว่ห้างกอดอกพิงเก้าอี้อย่างไม่มีท่าทีใส่ใจมาดูว่านเลยด้วยซ้ำ

“พี่ขอโทษ พี่ยั้งไม่ทัน” ก้องพูดพลางเอามือลูบๆที่หลังว่าน
“ไม่เป็นไรพี่” ว่านหันไปพูดกับก้องก่อนจะค่อยๆลุกขึ้น
“ไปพักก่อนดีกว่าเน๊าะ” ผมพูดกับว่านอีกครั้ง
“ก็บอกว่าไม่ไง” ว่านหันมาตอบผมด้วยน้ำเสียงค่อนข้างแข็งเลยทีเดียว
“.....”


               แล้วว่านก็ทนสู้กับก้องต่อไปจนหมดยก ก่อนจะเดินเซๆไปนั่ง ตลอดการต่อสู้ว่านถูกก้องเตะหลายครั้ง ผมเริ่มสังเกตได้ว่า ก้องไม่ได้ตั้งใจจะออมแรงเลย หลายครั้งเหมือนจะปล่อยไปเลยด้วยซ้ำ กว่าจะหมดยกว่านก็ถูกเตะกลิ้งไปหลายครั้ง จะว่าไปผมไม่เคยถูกว่านพูดเสียงแข็งใส่แบบนี้มาก่อนเลยนะครับ แต่ตอนนั้นผมก็คิดไปว่าอาจเพราะเจ็บ อาจอาย ไม่ก็รู้สึกเสียหน้าที่ถูกเตะเข้าไปเต็มๆแบบนี้ต่อหน้าคนอื่นรวมถึงโค้ชทั้งๆที่เพิ่งถูกชมไปหมาดๆ แต่จะเพราะอะไรก็แล้วแต่ ผมรู้สึกไม่ชอบเท่าไหร่ที่ว่านฝืนตัวเองแบบนี้
              

“แก๊ก แก๊ก แก๊ก” ผมเดินไปปิดไฟที่แผงสวิทซ์หลังจากที่น้องๆทยอยกลับจนหมด ส่วนว่านนั่งคงนั่งเงียบไม่พูดอะไร
“ปะ...กลับบ้าน”
“.....” ว่านไม่พูดอะไร แต่ค่อยๆลุกขึ้นมาก่อนจะเดินตามผมออกมา


               ระหว่างที่ผมปิดยิมผมอยากถามว่านแทบขาดใจว่า “เจ็บมากไหม” แต่ผมกลัวว่าจะถูกว่านโกรธเอาผมเลยได้แต่เงียบ ก่อนจะพาว่านไปส่งที่บ้าน ตลอดทางผมกุมมือน้องไว้แล้วก็ลูบๆมือน้องเบาๆ จากที่ร่าเริงร้องหนูมาลีมีลูกแมวเหมียวเมื่อวาน วันนี้ว่านกลับเงียบกริบไม่พูดอะไร ราวกับเป็นคนละคนเลยทีเดียว ผมเองก็ไม่รู้จะพูดอะไรเพื่อปลอบใจน้องดี อีกอย่างท่าทีเมื่อเย็นมันเหมือนว่านไม่ได้ต้องการคำปลอบใจอะไรด้วยซ้ำ มันเหมือนกับว่าเค้ารับไม่ได้กับสิ่งที่เกิดขึ้น ถ้าเราไปพูดให้กำลังใจ จะดูเป็นการตอกย้ำหรือเปล่า

“แกร๊ก....ครืดดดดด” ว่านเปิดประตูบานเลื่อนก่อนจะเดินเข้าไปในบ้านโดยไม่หันมามอง หรือ ทักทายผมเหมือนเคย.....ผมรู้สึกไม่ดีเลยกับบรรยากาศแบบนี้ ทั้งๆที่เมื่อเย็นผมไม่สบายใจว่านกลับทำให้ผมอารมณ์ดีขึ้นมาได้....แล้วผมล่ะ....ทำไมผมถึงทำให้ว่านสบายใจขึ้นมาไม่ได้ จะว่าไป....แค่เรื่องเล็กๆน้อยๆแค่นี้ทำไมผมถึงคิดอะไรให้มันมากมาย ทั้งๆที่โค้ชเองยังไม่เห็นมาสนใจดูว่านด้วยซ้ำ แม้แต่จะเอ่ยปากถามสักคำก็ไม่มี แล้วผมล่ะ.........ทำไมถึงใส่ใจกับความรู้สึกของว่านขนาดนี้.....ทั้งๆที่ก่อนหน้านี้ผมยังไม่มั่นใจเพราะบียังอยู่ในความรู้สึกของผมเสมอ.....ไหนจะเรื่องที่ว่านอยู่สายนี้หรือเปล่าอีก แล้วว่านคิดยังไงกับผมแน่ผมก็ยังไม่รู้....ทั้งๆที่มันยังไม่มีอะไรชัดเจน..........แต่ความรู้สึกแบบนี้มัน...นี่ผม....ชอบว่านเข้าจริงๆแล้วใช่ไหม....




------------------------------
*ในกรณีที่ทำการแข่งขันแล้วไม่มีฝ่ายไหนบุกกันเกิน 10 วินาที กรรมการจะเตือน หรือ หักครั้งละ 0.5 คะแนนครับ การหัก 0.5 ในการแข่งขันจะใช้คำสั่งว่า “เคียงโก”


To Be Con
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-05-2011 01:27:25 โดย me_alone »

ออฟไลน์ me_alone

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 356
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +115/-1
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 18 : 27/05/11 )
«ตอบ #115 เมื่อ27-05-2011 01:26:42 »

เย้ๆ มาต่อแล้ว
กด+ให้เป็นรางวัลครับ :กอด1: :กอด1:
:กอด1: ~ ขอบคุณครับ



:L2: :กอด1: :กอด1:
:กอด1:



พี่เอเซี้ยะโค้ชไปมั่งเหอะ
ดูเหมือนว่าแกจะหาเรื่องเดือดร้อน
มาให้พี่เอตลอด
:เฮ้อ: ~ บางทีหน้าที่ กับ ความรู้สึกส่วนตัวมันก็แยกกันยากอะครับ



ทำไมเอทำกับว่านเหมือนน้องบีเข้าไปทุกทีๆ
อีกไม่นานหลวมตัวแน่เลย  :z1:
จงท่องจำไว้ว่า ต่อจาก A นั้นคือ B เท่านั้น
ตัวที่ใกล้ A ที่สุด คือ B เท่านั้น
แต่เชื่อเถอะผมว่าคนที่อ่านใจเอได้ดีที่สุดน่าจะเป็นอ้นนะ ขอบอกๆ o13
:กอด1: ~ ตอนนี้อ้นเป็นหนุ่มน้อยแล้ว หล่อขึ้นมากกกกก



อ่านควบ 2 ตอน
น้องว่านเค้าก็มีมุมน่ารักๆ เหมือนกันนะเนี่ย  :impress2:
:กอด1: ~ จริงๆว่านเค้าก็มีมุมน่ารักเยอะนะครับ แต่ผมไม่รู้จะอธิบายด้วยตัวหนังสือยังไงดี

ออฟไลน์ donutnoi

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +195/-7
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 18 : 27/05/11 )
«ตอบ #116 เมื่อ27-05-2011 06:55:56 »

โค้ชนี่นับวัน ยิ่งทำตัวแย่  :beat: :beat:

ออฟไลน์ •ไนท์คลุง•

  • Night ♥ .....
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 862
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-1
    • http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?action=profile
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 18 : 27/05/11 )
«ตอบ #117 เมื่อ27-05-2011 18:22:56 »

 :เฮ้อ: มีอะไรอีกล่ะเนี่ย เป็นกำลังใจให้ครับ :L2:

ออฟไลน์ reneisance

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 440
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +30/-0
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงที่ 18 : 27/05/11 )
«ตอบ #118 เมื่อ27-05-2011 20:19:44 »


เอ ไม่ได้ชอบว่านหรอก แต่เหมือนงว่าเอ ยังไม่ได้ตัวของว่านเท่านั้น มันก็เหมือนตอนของ บี นั้นแหละ พอ เอ มีอะไร กับ บีไปแล้ว ความสัมพันธ์มันก้เปลี่ยนไป คือไม่ได้บอกให้ สานต่อ แต่ความรุ็สึกของ เอ ต่อ บี ก่อนที่ เอจะมีอะไรกับ บี กับหลัที่เอมีอะไรกับ บีแล้วมันดูแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง คิดว่า เอกำลังหลง ว่านอยู่เท่านั้น ซึ่ง ตอนนี้เอ ยังไม่ได้มีอะไรกับว่าน มันก็เหมือนตอนที่ เอ ยังไมได้มีอะไร กับบี  คล้ายกับตอนนี้ยังเป็นช่วง โปร พอหมดโปรก็เปลี่ยนไป

อีกอย่างหนึ่ง  ไม่ค่อยชอบ นิสัยเด็กอย่างว่าน เป็นเด็ก ที่ดูก้าวร้าวลึกๆๆๆ ไม่ดูบริสุทธิ์ เหมือนกับ บี แม้ว่าพื้นฐานของ บี และ ว่านจะต่างกัน แต่นิสัยของเด็กที่ดี มันก็ย่อมมาจากตัวของเด็กนั้นเอง

ออฟไลน์ kritsada.s

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 32
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
Re: น้องชาย 2 ( Up ช่วงท$
«ตอบ #119 เมื่อ27-05-2011 20:41:25 »

จะรักกันหรือไม่รัก มันไม่เกี่ยวกับคนอื่นเลย
รักกันน่ะมันขึ้นอยู่กับสองคน และต้องตอบให้ได้ว่ารักหรือหลง
จะน้องบีหรือว่าน ดูๆ กันไป ถ้าน้องชอบเอนะ แล้วเอชอบก็คงบอกว่ารักแล้ว ก็สุดท้ายคงต้องดูกันไปเรื่อยๆ
 
ถ้าอีกคนชอบ แต่เด็กเขาไม่ชอบและห่างจนแบบว่าไม่มีโอกาส แล้วจะหวังทำไมล่ะ อย่าไปจมกับอดีต เมื่อผ่านไปแล้วมันก็เป็นอดีตเขาก็ไม่มาสนใจเราหรอก อยู่กับปัจจุบันและทำให้ปัจจุบันให้ดีที่สุด ถึงแม้ว่าชั่วคราวก็ทำไปเพราะมีความสุข ชีวิตต้องเดินต่อไป โชคเอน่ะ ฮ่าๆ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด