♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]  (อ่าน 149694 ครั้ง)

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2. ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

เวปไซต์ แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่าง ประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


----------------------------------------------





ประลองรัก..

   


ค่ำคืนในยามบ้านเมืองสงบสุข ผู้คนต่างออกมาหาความสำราญ ตามสองข้างทางร้านค้าครึกครื้นไปด้วยผู้คนที่ออกมาเที่ยวสนุกสนามในโรงเหล้า โรงน้ำชาและ หอโคมแดง

   “วันนี้เราจะประมูลแม่นางไห่ซิน หญิงสาวผู้ขาวดั่งหยวกกล้วย งดงามและบริสุทธิ์ มิเคยต้องมือชายใด คุณชายท่านใดอยากประมูลนาง เชิญเข้ามาได้เลยค้า” เสียงหวานแหลมสูงของแม่เล้าแก่เรียกเหล่าคุณชายน้อยใหญ่ ไปจนถึงเหล่าองค์ชายผู้มั่งคั่งให้สนใจจะแย่งชิงตัวแม่นางไห่ซินจนต้องเดินเข้ามาในหอโคมแดง หวังเชยชมความงามที่ถูกกล่าวถึง
   
คุณชายหนุ่มพร้อมองค์รักษ์ร่างสูงใหญ่ ก้าวย่างเข้าไปในหอโคมแดงชั้นสูง กลิ่นยาสูบคละคลุ้ง หมอกกำยานกำจายไปทั่ว สร้างเสน่ห์แบบลึกลับให้กับหญิงสาวในชุดน้อยชิ้น มองเห็นสาวงามบนเวทีอย่างลางเลือน

“ไห่ซินขอคารวะคุณชายทุกท่าน ไห่ซินเป็นเพียงหญิงตัวเล็กมิอาจมีสิ่งใดตอบแทนได้ จึงขอมอบบทเพลงแห่งขุนเขาเป็นการตอบแทนที่ได้มาพบประกันในวันนี้” เสียงบรรเลงผีผาห้าสาย เพราะพริ้งพลิ้วไหวดุจดั่งสายลมหวีดหวิว ยิ่งทำให้เหล่าคุณชายน้องใหญ่อยากได้ตัวนางมาครอบครองยิ่งนัก

“ข้าให้หนึ่งพันตำลึง” คุณชายชุดขาว กล่าวขึ้นทั้งที่บทเพลงยังคงไม่จบ

“ข้าให้หนึ่งพันห้าร้อยตำลึง” เสียงดังต่อท้ายไม่ถึงเสี้ยววิโดยคุณชายหนุ่มชุดแดง

“ข้าให้สามพันตำลึง” อีกหนึ่งกล่าวขึ้นทันที แล้วตามด้วยเสียงของคุณชายตระกูลดังมากมาย จนค่าตัวแม่นางไห่ซินพุ่งขึ้นสูงเป็นประวัติการณ์

“ข้าให้ห้าพันตำลึง มีใครยังคิดแย่งแม่นางคนสวยนี้จากข้าอีกหรือไม่” เสียงคุณชายหนุ่มชุดแดงที่เริ่มมาแต่ต้นยอมทุ่มทุนเพื่อแม่นางในหอโคมแดง ตามประสาคุณชายเจ้าสำราญ

“คุณชายไม่คิดสู้กับคุณชายผู้นั้นหรือขอรับ เพียงท่านเอ่ยปากคงไม่มีใครในที่นี้กล้าต่อกรด้วย”

“อย่าเลย เรายังไม่อยากเป็นคุณชายที่มีเพียงเงินแต่ไร้สมองตรึกตรอง แบบคุณชายผู้นั้น ที่คงไม่มีการงาน ผลาญเงินของพ่อแม่ไปเท่านั้น วันนี้พอแค่นี้เถอะ เราสมควรกลับกันได้แล้ว เดี๋ยวคนอื่นหาเราไม่เจอแล้วจะวุ่นวาย”

“ขอรับ คุณชาย”




* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีค่ะ ขอฝากเรื่องนี้ด้วยนะค่ะ เดิมมันเคยเป็นแฟนฟิคมาก่อน แต่ไอซ์อยากทำให้มันเป็นจีน จี้น จีน แบบจริงจัง เลยมารีไรท์ค่ะ

   ขอบคุณค่ะ
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 24-06-2011 02:22:04 โดย jellyfish »

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #1 เมื่อ24-04-2011 22:43:20 »

 :mc4:




yunjaejoong

  • บุคคลทั่วไป
Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
«ตอบ #2 เมื่อ24-04-2011 22:54:43 »

จี้น จีนแต่ก้อจิ้นได้ใช่ม่ะ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #3 เมื่อ25-04-2011 07:01:40 »

มาเปิดโรงด้วยคน :mc4:

raintaeng

  • บุคคลทั่วไป
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #4 เมื่อ25-04-2011 07:32:48 »

มาเจิมมๆๆๆๆ  :-[

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #5 เมื่อ25-04-2011 13:11:11 »

 :mc4: :mc4: :mc4:
มาช่วยฉลองรับเรื่องใหม่ค่ะ

samsoon@doll

  • บุคคลทั่วไป
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #6 เมื่อ25-04-2011 14:05:08 »

สงสัยคุณชาย สองท่านนี้จะมาปะกันเองแน่ๆเลย อิอิ

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ...รักล้นใจ...(อัพครั้งที่ 16)
«ตอบ #7 เมื่อ25-04-2011 14:25:03 »

วาว!!!


คุณชายผู้แสนเย็นชา  :o8:


^^


 :3123: :3123:

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #8 เมื่อ25-04-2011 23:39:40 »

น่าติดตามครับรออ่านตอนต่อไปค้าบบบบ

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #9 เมื่อ25-04-2011 23:45:56 »

 :L1:

ชอบแนวจีนที่สุดเลยค่ะ จะรออ่านเน้อ~

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
« ตอบ #9 เมื่อ: 25-04-2011 23:45:56 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ EVE910

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 550
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #10 เมื่อ26-04-2011 11:59:13 »

 :L2: :L2:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทที่1) ๒๗/๐๔/๕๔
«ตอบ #11 เมื่อ27-04-2011 01:04:32 »

ประลองรัก... 一

   คุณชายหนุ่มเจ้าสำราญโอบอุ้มร่างบอบบางของหญิงสาวจากสำนักโคมแดงลงจากหลังม้าตัวใหญ่ พาเดินเข้าวังชิวเลี่ยน เดินผ่านหน้าตำหนักหลังใหญ่ หากแต่กลับถูกรั้งไว้ด้วยเสียงที่ทรงอำนาจที่สุดแห่งวังนี้ “เที้ยนหยวนเจ้าไปพาใครเข้าในบ้าน”

   “ท่านพ่อ!” เสียงตกตะลึงของอ๋องน้อยเพียงองค์เดียวแห่งวังชิวเลี่ยนผู้มีใบหน้าได้รูป ดวงตากลมประกายแฝงความวิบวับรับกับคิ้วยาวที่จรดกันรำไรที่กึ่งกลาง รูปร่างเพรียวอย่างคุณชายผู้ไม่เคยต้องงานหนัก บุตรชายท่านปาหยางอ๋อง คุณชายเจ้าสำราญผู้ออกเที่ยวในทุกราตรี

   “เจ้ายังเห็นว่าข้าเป็นพ่อก็วางผู้หญิงคนนั้นซะ” เสียงสูงทรงอำนาจของปาหยางอ๋องสั่งลูกชาย  แววตาเรืองๆมองหญิงสาวในมือลูกชายอย่างไม่พอใจ หญิงชั้นต่ำที่บังอาจก้าวล่วงเข้ามาในวังอันสูงส่ง

   “ท่านพ่อข้าคงมิอาจให้เท้าน้อยๆของแม่นางไห่ซินได้สัมผัสกับพื้นดินอันหยาบกระด้าง ข้าขอตัวก่อน”

   “แก” มือเหี่ยวๆชี้หน้าลูกชายด้วยโทสะ ที่ขัดขืนประกาศิตของอ๋องใหญ่

   “ขอโทษนะท่านพ่อ แต่ข้าไม่อยากเถียงกับท่านเวลานี้ ดูใบหน้าหวานของแม่นางไห่ซินสิท่านพ่อ นางหวาดกลัวท่านไปหมดแล้ว เจ้าอย่าได้กลัวพ่อข้าไปเลยนะ ไห่ซิน” อ๋องน้อยโอบอุ้มร่างอวบอัดของหญิงสาว พาไปยังตำหนักหลังย่อมที่ประดับดาด้วยดอกไม้สีหวาน

   เงาเปลือยเปล่าเคลื่อนไหวของสองคนที่ทาบทับแลกเปลี่ยนความหวานล้ำอย่างเชี่ยวชาญ เปลวเทียวไหวระริก ด้วยลมหายใจที่หอบสะท้าน แสงเทียนสะท้อนหยาดน้ำบนเรือนกายเป็นประกายระยิบระยับ ความสุขล้น ถูกตักตวงอย่างไม่เบื่อหน่าย

   ทั้งสองว่ายวนอยู่ในกระแสแห่งตัณหา ไม่รู้จักคำว่าเบื่อหน่าย เงินห้าพันตำลึงที่เสียไปแลกได้กับความสุขที่ล่วงเลยเข้าสู่คืนที่สาม

   “เที้ยนหยวน” ปาหยางอ๋องเปิดประตูเข้าสู่ตำหนักลูกชายด้วยความเดือดดาล เมื่อล่วงเข้าสู่วันที่สาม หากแต่ลูกชายยังคงระเริงอยู่ในห้วงแห่งราคะ และคงจะไม่โกรธเท่านี้หากวันนี้จะไม่ใช่วันฉลองพระชนน์พรรษาครบสิบเก้าพรรษาของฮ่องเต้องค์ใหม่

   ทหารประจำตำหนักกรูเข้ามาแยกอ๋องน้อยเพียงหนึ่งเดียวแห่งวัง ออกจากเนินเนื้อขาวนุ่มของหญิงจากหอโคมแดง ก่อนจะจับยัดลงในอ่างไม้ที่เหล่านางกำนัลเตรียมไว้ตามคำสั่งของท่านอ๋อง ก่อนที่พวกนางจะเข้าแต่งกายให้กลายเป็นอ๋องน้อยผู้สูงศักดิ์ และเหมาะสมจะเข้าร่วมพิธีหลวง

         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
งานรื่นเริงของวังหลวงเหล่าอ๋องเล็กอ๋องน้อย ขุนนางอำมาตย์ ต่างเตรียมตัวมาเพื่อถวายพระพรฮ่องเต้อี้หลง ฮ่องเต้หนุ่มผู้เป็นเจ้าของงานวันนี้

   “ฝ่าบาทนั้นใช่ คุณชายที่ประมูลแม่นางในหอโคมแดงด้วยเงินสามหมื่นตำหมื่นทองหรือไม่” องค์รักษ์ประจำองค์ที่มักติดตามฮ่องเต้ออกนอกวังเสมอ ชี้ชวนให้ฮ่องเต้ทอดเนตรคุณชายเจ้าสำอางในวันนี้ที่แขวนป้ายหยกแสดงฐานะอ๋องจากวังทู่หลง

   “ก็คงใช่มั้ง รักสนุกไปวันๆ ไม่แปลกเลยที่มาจากวังทู่หลง คงไม่ต่างกันนัก พ่อและลูก” พระเนตรเฉียบคมมององค์ชายร่างเพรียวที่กำลังพูดคุยกับนางกำนัลจากห้องเครื่อง  

          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงยืนเกี้ยวพาราสีนางกำนัลจากห้องเครื่อง ลืมเลือนแม่นางไห่ซินที่กำลังรออ๋องน้อยกลับไปกกกอดอีกครั้ง “กลิ่นกายเจ้าช่างหอมหวนยิ่งนักแม่นาง จนข้าเสียดายที่องค์ฮ่องเต้เอาแต่เก็บเจ้าไว้กับเนื้อสัตว์ ช่างเป็นการละเลยหญิงงามเช่นเจ้าได้อย่างหยาบคายที่สุด”

   “หามิได้เพคะท่านอ๋อง เมิ่งลี่เป็นแค่นางกำนัลธรรมดา หน้าตาหรือจะสู้เหล่าองค์หญิงน้อยใหญ่ที่รัฐต่างๆส่งมาบรรณาการแด่องค์ฮ่องเต้ได้” ใบหน้าขาวใส เอียงอาย แก้มแดงสะท้านเมื่อนิ้วเรียวของอ๋องน้อยเชยคางให้สบดวงตาคู่กลม

   “ใยเจ้าจึงประมาณตนต้อยต่ำเยี่ยงนั้นเล่า ข้า....” แววตากรุ่มกริ่มมองยาวเลยผ่านสาวงามตรงหน้าไปยัง อีกหนึ่งนางที่กำลังสนุกสนามกับอาหารรับรองบนโต๊ะตัวยาว ติดเพียงแค่นางกำนัลตรงหน้าเท่านั้น “ข้าคงต้องไปหาท่านพ่อเสียแล้ว เมิ่งลี่หากข้าสามารถเจรจากับท่านพ่อได้เจ้าจะออกไปอยู่ตำหนักข้าได้ไหม เป็นคนทำอาหารให้กับคนเดียวเท่านั้น”

   “ท่านอ๋อง ข้า....”สาวงามผู้ซื่อใสไม่เคยถูกเล่ห์เหลี่ยมใดหรือจะเท่าทันอ๋องน้อยนักรัก

   “หากเจ้าไม่ตอบข้อถือว่าเจ้ายินยอมแล้วนะ” รอยยิ้มหวานชวนให้หญิงสาวมอบกายและใจให้ เป็นรอยยิ้มที่ถูกใช้เป็นเครื่องมือมาช้านาน

   อ๋องน้อยสลัดสาวนางกำนัลได้ก็รีบเดินตรงเข้าหาหญิงสาวผู้กำลังนั่งเลือกสรรเหล่าอาหารมังกรเข้าปากอย่างสนุกสนาม

   “สิ่งนั้นเรียก เกี๊ยวสวรรค์ ว่ากันหากได้ลิ้มรสจะเหมือนได้อยู่แดนสวรรค์” เสียงทุ้มข้างหูทำให้สาวน้อยตกใจเผลอปล่อยตะเกียบเงินร่วงสู่พื้น “ข้อขอโทษ ไม่ตั้งใจทำให้ท่านตกใจ เห็นเพียงแม่นางกำลังลังเลที่จะลิ้มรสอาหารแสนรส ข้าชื่อ เที้ยนหยวน อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง ไม่ทราบว่าแม่นางคือ...”

   “เราชื่อ ย่าหนาน องค์หญิงแห่งเกาะชิงเต่า ขอบคุณท่านอ๋องที่อยากช่วยแนะนำเรา” องค์หญิงผู้สูงศักดิ์ ตกอยู่ในมนต์เสน่ห์แห่งรอยยิ้ม หยิบยื่นไมตรีให้อย่างง่ายดาย

   “หม่อมฉันขอประทานอภัยที่กล่าวล่วงเกิน เพราะหารู้ไม่ว่าท่านเป็นถึงสาวผู้สูงศักดิ์” ร่างเพรียวรีบโค้งกายขออภัยยามล่วงเกินสาวงาม

   “ไม่เป็นไรหรอก เราก็ไม่มีเพื่อนคุย หากท่านไม่รังเกียจ เชิญนั่งเป็นเพื่อนเราก่อนจะได้ไหม ช่วยแนะนำอาหารมากมายพวกนี้ให้เรารู้จักที”

   “ได้กระหม่อม แต่หม่อนฉันเคยได้ยินว่าชาวชิงเต่า หญิงชายล้วนร่ำสุราเก่งยิ่งนัก” แม้ดวงตากลมโตช่างดูจริงใจ หากแต่เจ้าของช่างมีหลายเล่ห์หลายเหลี่ยมยิ่งนัก

   “ท่านจะชวนเราดื่มหรือ ได้สิ เราเองก็อยากรู้เช่นกันว่าสุราในวังหลวงรสชาติดีเท่าเทียมสุราจากเกาะของเราไหม”

   มือขาวปลอดดั่งหิมะรินสุราจากวังหลวงลงในถ้วยเล็กให้องค์หญิงจากต่างแดน และรินให้ตนเองอย่างไม่รู้เบื่อ เสียงหัวเราะพูดคุยดังขึ้นเรื่อยๆ ไม่เกรงต่อสายตาผู้ใดที่มองมา

   “แก้มท่านแดงแล้วน่าองค์หญิงงงงงงงง ท่านมาวแลวววว..เอิ้ก”

   “เราม่ายมาววว ท่านต่างหาก แก้มดั่งดอกเชอร์รี่ในฤดูหนาว ปากท่านก็คล้ายลูกเชอร์รี่เสียจริง ฮ่าๆ”

   “ท่านก็ไม่ต่างจากข้านักหรอกองค์หญิง” อาจเป็นเพราะความเมาทำให้ไม่อาจคุมสติได้ อ้อมแขนบางๆสวมกอดเข้าที่เอวบางขององค์หญิงอย่างจงใจ ก่อนบรรจงประทับรอยบนเรียวปากอิ่มอย่างเผลอไผล

   “ว้ายยยยยยยยยยย ท่านเที้ยนหยวน” เสียงกรี๊ดร้องขององค์หญิงเรียกให้สายตาของคนทั้งหมดหันมอง และหนึ่งในนั้นคือ ปาหยางอ๋อง.....

   “เที้ยนหยวน แกทำอะไร นั่นองค์หญิงแห่งเกาะชิงเต่านะ แก!!!” ปาหยางอ๋องกระชากแขนของลูกชายออกห่างจากองค์หญิงย่าหนาน

   เพลี้ยะ

   ใบหน้าแดงกล่ำเพราะฤทธิ์สุรา หันตามแรงตบจากผู้เป็นพ่อ ก่อนจะหันกลับมามองหน้าพ่อด้วยความน้อยใจ

   “ท่านอา” เสียงทุ้มดังจากด้านหลัง ผู้คนต่างเปิดทางให้แก่ชายหนุ่มในชุดมังกรจักรพรรดิ ผู้มีใบหน้าเคร่งขรึม “เมื่อครู่ท่านทำอะไร ในงานวันเกิดของหลานกัน”

   “ข้าสั่งสอนลูกชายที่บังอาจล่วงเกินองค์หญิงย่าหนานผู้เป็นว่าที่สนมของพระองค์”

   “ท่านสั่งสอนลูกชายด้วยวิธีนี้หรือ แล้วลูกชายจะเชื่อฟังได้อย่างไรกัน จะเป็นไรไหมหากหลานจะขอนำตัวบุตรชายของท่านมาสั่งสอนในวังหลวง” ฮ่องเต้มองอ๋องน้อยถูกบิดาตบกลางวังหลวงด้วยความสมเพช แม้จะนึกสงสารบ้างก็ตาม

   “ฝ่าบาท จะดีหรือ~”องค์รักษ์ประจำตัวถามฮ่องเต้หนุ่มอย่างไม่เชื่อหู การพบเจอทั้งสองครั้งล้วนแสดงให้เห็นว่าอ๋องน้อยผู้นี้เป็นคนเช่นไร แล้วจะเอาเข้ามาอยู่ในวังหลวง เขาเกรงว่าต่อให้เคี่ยวกรำอย่างไรอ๋องผู้นี้ก็ยังคงนิสัยเดิม

   “อย่าพึ่งขัดเรา ตกลงท่านว่าอย่างไรท่านอา ให้หลานได้ไหม ถือเสียว่าเป็นของขวัญให้หลาน”

   “เอิ่ม...หากพระองค์ตรัสเช่นนั้น หม่อมฉันคงไม่อาจปฏิเสธได้ พรุ่งนี้เที้ยนหยวนจะเข้าถวายตัวเป็นข้าในวังหลวง แต่วันนี้เห็นทีคงต้องลากตัวกลับไปเสียก่อน” ปาหยางอ๋องผู้อับอายจากการกระทำของบุตรชายรีบบังคับให้อ๋องน้อยเดินไปยังเกี้ยวที่รออยู่

   “ท่านพ่อคงไม่รักข้าแล้วถึงทำเช่นนี้” เสียงพึมพำของอ๋องผู้เคยเห็นโลกมืดหม่น แต่วันนี้ท่านพ่อกลับกำลังไล่ให้เข้าไปอยู่ในดินแดนที่มีแต่กฎระเบียบเคร่งครัด หญิงงามก็น้อยนัก

   ข้าจะดัดนิสัยเจ้าและหาทางไล่พวกเจ้าทั้งตระกูลออกห่างจากกิจการบ้านเมืองให้จงได้  

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีค่ะ ย่องมาเงียบๆ มันดูรวบรัดไปหน่อย ในตอนแรก ต้องขอโทษด้วยนะค่ะ

ขอบคุณคะ  
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-04-2011 20:53:10 โดย jellyfish »

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (บทนำ) ๒๔/๐๔/๕๔
«ตอบ #12 เมื่อ27-04-2011 01:18:18 »

ฮ่องเต้ กับท่านอ๋องงงงง

hikaru00

  • บุคคลทั่วไป
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่1) ๒๗/๐๔/๕๔
«ตอบ #13 เมื่อ27-04-2011 22:35:20 »

อ้ากกกกกกกกกก เอาแล้วงานนี้ ฮ่องเต้กับอ๋องน้อย อิอิ  :z1:

ชื่ออ่านยากหน่อย แต่ข้าพเจ้าจะพยายามจำให้ได้นะ รอ ร้อ รอ ให้ถึงฉากหวานไวๆ  :impress2:

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่1) ๒๗/๐๔/๕๔
«ตอบ #14 เมื่อ28-04-2011 01:03:50 »

ต่อโลด
จ้า :L2:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
«ตอบ #15 เมื่อ28-04-2011 14:34:46 »

ประลองรัก....二

   อ๋องน้อยลงจากเกี้ยวไม่สนใจท่านอ๋องผู้มีใบหน้าบึ้งตึงก่อนจะเดินลงส้นกลับเข้าตำหนักได้ยินเสียงแว่วๆไล่หลังว่าวันพรุ่งนี้จะมีคนจากวังหลวงมารับก่อนยามฟ้าสาง

   “ไห่ซิน  ไห่ซินอยู่ไหน” ในตำหนักหลังเล็กเสียงเรียกหญิงสาวที่ถูกพามาดังลั่นเสียจนหญิงสาวที่นอนพักผ่อนเพื่อรอเวลากลับมาของท่านเจ้าของตำหนักต้องสะดุ้งตื่น

   “ท่านอ๋อง กลับมาก็ตะโกนเรียกหาไห่ซินเสียงดังลั่นแบบนี้ คงเจอสาวงามลูกขุนนางที่เหมาะสมแล้วคิดขับไล่ไห่ซินใช่ไหมคะ” เสียงหวานๆ เรือนร่างอวบอิ่มในชุดตัวในบางๆบดเบียดเข้ากับชายหนุ่มร่างโปร่งในชุดเต็มยศ

   “ไหนเลยหญิงสาวพวกนั้นจะสู้เจ้าได้กัน แต่ที่ข้าเรียกหาเจ้าเพราะไม่อยากสูญเสียเวลาแม้เพียงเสี้ยววิ พรุ่งนี้ก่อนที่ฟ้าจะสางข้าคงต้องจากอกอิ่ม เรือนกายอันเย้ายวนของเจ้าเข้าไปอยู่ในวัง” คำพูดตามวิสัยชายไม่ต้องอาศัยความจริงใจ กับหญิงสาวด้อยค่า ริมฝีปากวนไล้ตามผิวขาวเนียน นิ้วเรียวปลดชุดตัวในของหญิงสาวออก ไม่สนว่าที่ตรงนี้ไม่ใช่ห้องนอน หวังตักตวงความสุขสุดท้ายามค่ำคืนก่อนเข้าสู่สถานกักกันชั้นสูง

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ก่อนพระอาทิตย์จะฉายแสงเด่นกลางท้องฟ้าร่างสูงโปร่งพร้อมด้วยทหารองค์รักษ์ฮ่องเต้หนึ่งนายเดินเข้าสู่เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ผ่านเหล่าตำหนักต่างๆที่มีสาวน้อยสาวใหญ่เยี่ยมหน้าออกมามองอ๋องน้อยปลายแถวผู้ขึ้นชื่อเรื่องหญิงสาว จนเป็นที่โจษขันไปทั่วเมืองหลวง

“ทำไมต้องเดินมา ข้าขี่ม้าไม่ได้หรืออย่างไร แต่ละที่ก็ห่างกันอยู่มาก หรือจะหาเกี้ยวให้ข้านั่งสักหน่อยก็ยังดี” เสียงบ่นที่ไร้การตอบสนอง ทำให้อ๋องน้อยไม่พอใจ กราดเกรี้ยวเอากับทหารที่เดินนำ “นี้ข้าพูดกับเจ้า ข้าเป็นอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง ไปหาเกี้ยวให้ข้าเดี๋ยวนี้”

   “ถึงท่านจะเป็นอ๋องแห่งวังไหน  แต่ที่นี้ท่านเข้ามาในฐานะข้ารับใช้องค์ฮ่องเต้ แล้วม้าท่านจะต้องได้รับอนุญาตจากองค์ฮ่องเต้เท่านั้นจึงจะมีสิทธิ์ ส่วนเกี้ยวไว้ข้าจะหาให้ท่านคราวหน้า ส่วนตอนนี้ รออยู่นี้ก่อน ข้าจะเข้าไปทูลองค์ฮ่องเต้”

   ร่างโปรงยืนรออยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์เพียงลำพัง มองซ้ายมองขวา เห็นนางกำนัลหน้าตาดีมากมายเดินผ่านไป ก็ยิ่งมีกำลังใจมากขึ้นอย่างน้อยๆก็มีผู้หญิงสวยๆห้พอมองได้บ้าง ไม่แห้งแล้งไร้หญิงงามอย่างที่กังวล

   “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ให้มาเชิญเข้าไปด้านใน” องค์รักษ์เดินออกมารับอ๋องน้อยให้ตามเข้าไปในตำหนักใหญ่ ก่อนจะพาเข้าไปในห้องทรงอักษรที่ฮ่องเต้ประทับอยู่

   “ดูจากท่าทางเจ้าน่าจะเป็นน้องเราหนึ่งปี อายุขนาดนี้แล้ว ท่านอาได้สอนอะไรเจ้าบ้างหรือยัง” องค์ฮ่องเต้ถามญาติห่างๆอย่างใจดี มองใบหน้าอย่างพิจารณา แต่สิ่งที่ได้รับกลับเป็นความเงียบไร้คำตอบใดๆ แม้แต่การพยักหน้าหรือส่ายหน้า

   “ท่านอาคงไม่ได้สอนอะไรเจ้าเลยสินะ ถ้างั้นเราจะสอนเจ้าเอง ให้มาเป็นต้นห้องคอยดูแลชีวิตและการเป็นอยู่ของเรา เราจะได้สอนงานให้เจ้าด้วย ดีไหม” ยังคงมีรอยยิ้มบนพระพักตร์ แต่พระเนตรเริ่มนิ่งเฉย มีเพียงคนสนิทที่สังเกตได้ว่าฮ่องเต้เริ่มไม่พอพระทัย

   “ข้าบอกว่าไม่ดีได้ไหม ข้าบอกว่าไม่ทำได้ไหม แล้วจะถามทำไม”

   “เจ้า” เสียงองค์รักษ์หนุ่มไม่พอใจที่อ๋องปลายชั้นไม่ใช้คำราชาศัพท์กับองค์เหนือหัว ทั้งยังกล่าววาจาที่ไม่สมควร

   “อย่าเลยฮวางหู่ เที้ยนหยวนเป็นน้องเราไม่เป็นอะไรหรอก ที่ถามมาก็ดีแล้ว ใช่! เราไม่ให้เจ้าเลือก นี้คือคำสั่งเจ้าต้องมาเป็นต้นห้องให้เรา”

   “รับด้วยเกล้า” เที้ยนหยวนผู้ต่อไปนี้ต้องกลายเป็นต้นห้องรับคำสั่งอย่างเบื่อหน่ายจากที่เคยสั่งให้คนอื่นทำให้ตลอดเวลากลายเป็นว่าต้องมารับใช้ผู้อื่น

   “ออกไปได้แล้ว ข้างหน้าจะมีคนมาพาเจ้าไปที่ห้อง แล้วขาดเหลืออะไรก็บอกให้คนมาจัดการให้”

   “พระองค์ให้คนไม่เอาไหนแบบนั้นมาเป็นต้นห้องจะดีหรือพ่ะย่ะค่ะ” องค์รักษ์ประจำพระองค์ท้วงทันทีเมื่อลับหลังต้นห้องคนใหม่ 

   “เจ้าไม่เคยได้ยินหรืออย่างไรว่า ให้เก็บมิตรสหายไวไกลตัวแต่ให้เก็บศัตรูไว้ใกล้ชิด เราจะหาทางจับผิดแล้วไล่สองพ่อลูกนี้ออกห่างจากประชาชน เพราะถ้าปล่อยไว้ ก็คงกดขี่ข่มเหงชาวบ้านไม่เลิก แต่ถ้าจะให้ไล่ออกจากเมืองหลวงโดยไม่มีสาเหตุก็กระไรอยู่ อย่างน้อยปาหยางอ๋องก็เป็นอาของเรา” องค์ฮ่องเต้รับสั่งอธิบายสิ่งที่คิดไว้

   “กระหม่อมตื้นเขินกว่าจะเข้าใจ ต่อไปนี้จะหาทางจับผิดท่านอ๋อง ทุกก้าวย่าง”

   “ดีแล้ว แต่อย่าให้รู้ตัว เดี๋ยวจะกลายเป็นว่าเราหาทางกลั่นแกล้ง แล้วจะไม่ดี”

   “กระหม่อม” องค์รักษ์ร่างหนาเดินออกไปจากห้องทรงอักษร ค่อยๆแอบตามอ๋องน้อยที่พึ่งเข้าวังไปอย่างจับผิด ปล่อยให้องค์ฮ่องเต้ทรงอยู่เพียงลำพัง

   เราจะทำยังไงกับเจ้าดีนะเที้ยนหยวน ถึงจะไม่เป็นการโหดร้ายเกินไปสำหรับท่านอาและเจ้า
   
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

วันแรกที่อ๋องน้อยต้องเปลี่ยนมาเป็นต้นห้องของฮ่องเต้ มันเหมือนเป็นวันสิ้นอิสรภาพที่เคยมีมาตลอด18ปี ต้องมานั่งเฝ้าใครคนหนึ่งเป็นเรื่องที่เขาไม่เคยทำ แม้แต่สาวงามก็ไม่เคยต้องทนนั่งเฝ้าแบบนี้
   
   “เบื่อแล้วหรือเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มเงยพระพักตร์ขึ้นจากรายงานที่ขุนนางตามหัวเมืองต่างๆส่งมาให้ ทอดเนตรต้นห้องคนใหม่นั่งหน้ายับ ตาปรือๆเหมือนคนจะหลับ

   “อือ เบื่อแล้ว ท่านให้ข้าออกไปข้างนอกบ้างไม่ได้หรือไง นะ ให้ข้าไปเถอะ นั่งตรงนี้ก็ช่วยอะไรท่านไมได้อยู่ดี” อ๋องน้อยอ้อนวอนขอจากฮ่องเต้เหมือนที่เคยขอกับท่านพ่อได้

   “อยากไปก็ไป แต่ห้ามออกนอกส่วนพระราชฐานของเรา แล้วต้องกลับมาที่นี้ก่อนเวลาที่เราจะออกว่าราชการ เจ้าต้องนั่งฟังข้อราชการด้วยตกลงไหม”

   “ตกลงงั้นข้าไปก่อนนะ” ไม่มีคำราชาศัพท์ ไม่มีคำขอบคุณแม้แต่นิดก่อนที่จะออกจากห้องทรงอักษร

   อ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงมองเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ฮ่องเต้ ที่แห่งนี้ไม่มีหญิงสาวสักนางเข้ามาได้ ช่างเป็นที่น่าเบื่อหน่ายยิ่งนัก จะออกไปส่วนอื่นก็ไม่ได้ แต่อย่านึกว่าอ๋องเที้ยนหยวนจะยอมสิ้นลายอยู่ในที่แห่งนี้

   “สวัสดีเราเป็นอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลง เจ้าชื่ออะไร” ท่านอ๋องเดินตรงเข้าหาหนุ่มน้อยหน้าหวานท่าทางแช่มช้อย คงเป็นขันทีรับใช้ในเขตนี้

   “เรียนท่านอ๋องข้าชื่อ เฉียนกุ้ย เป็นขันทีประจำห้องสรง” หนุ่มน้อยที่พึ่งก้าวพ้นวัยเด็กก้มหน้าเอียงอายท่านอ๋องแห่งตำหนักทู่หลงที่กิตติศัพท์ความเจ้าชู้เลื่องลือไปทั่ว

   “เจ้านี้ช่างน่ารักดีจัง ประจำห้องสรง งั้นก็คงอาบน้ำให้ข้าได้บ้างกระมัง หรืออย่างไร” เรียวนิ้วขาวเกลี่ยไล้ตามผิวหน้าขาว ริมฝีปากแดงอิ่ม ดูน่าลิ้มลองกว่าเด็กหนุ่มจากหอโคมแดง ที่เคยเข้าไปยามเบื่อหน่ายอะไรเดิมๆ

   “ข้ามิทราบ ถ้าหากท่าน....แต่ฮ่องเต้” เฉียนกุ้ยถูกส่งเข้ามาอยู่ในวังแต่เล็ก แม้จะเป็นขันทีหน้าหวานที่หมายปองของเหล่าทหารส่วนพระองค์แต่ก็ไม่เคยมีใครเปิดเผยความในใจ หรือแสดงท่าทางให้ได้ประหม่าเช่นนี้เลย

   “ฮ่องเต้ทำไมเล่า เจ้ากลัวหรือ อย่ากลัวไปเลย แค่อาบน้ำให้ข้าคงไม่เป็นไร คืนนี้ไปอาบน้ำให้ข้าหน่อยได้ไหมเฉียนกุ้ย” แววตาออดอ้อน ท่าทางขอร้องมีหรือที่ขันทีผู้อ่อนต่อโลกจะตามทัน ได้แต่พยักหน้ารับด้วยใบหน้าแดงชาด

   ทั้งคำพูดและท่าทางของอ๋องน้อยเจ้าสำราญล้วนอยู่ในสายตาของฮวางหู่องค์รักษ์ประจำพระองค์ฮ่องเต้ “ดี ทำแบบนี้บ่อยๆนะท่านอ๋อง ท่านกับพ่อของท่านจะได้ออกจากเมืองหลวงในเร็ววัน ไม่ต้องอยู่เป็นที่เคืองพระทัยฮ่องเต้นาน”

   คุณชายเจ้าสำราญเดินหาชมสวนงามในเขตต้องห้ามไปเรื่อยๆ ไม่สนใจเวลา ผู้คนที่เดินผ่านมาก็มีเพียงทหารหน้าโหด หรือไม่ก็ขันทีแก่เหี่ยว ไม่มีใครสักคนที่ชวนมองได้เหมือนเฉียนกุ้ย

   “ท่านอ๋อง ฮ่องเต้ทรงเรียกหาท่านนานแล้ว ใยจึงมาเดินชมสวนอยู่แถวนี้” เหลียกงกง หัวหน้าขันทีในวังหลวงรีบเดินมาหาอ๋องน้อยที่พึ่งเข้ามาในวัง ก่อนจะจับมือลากๆไปยังตำหนักส่วนพระองค์ฮ่องเต้

   “ท่านเหลียงกงกง ลากข้ามาทำไม ฮ่องเต้ให้ข้าไปที่ท้องพระโรงไม่ใช่ที่นี้”

   “ก็ฮ่องเต้ทรงว่าราชการเสร็จแล้วและทรงต้องการจะสรงน้ำ ก่อนจะเสวยมื้อค่ำแล้วก็รอท่านอยู่นี้”

   “อยากสรงน้ำก็ให้เฉียนกุ้ยมาทำเรื่องอะไรข้าต้องไปอาบน้ำให้คนอื่น ขนาดตัวข้าเองยังต้องมีคนมาอาบให้” อ๋องน้อยผู้เคยสบายสะบัดมืออกจากมือเหี่ยวๆ ตั้งท่าจะเดินหนี หากไม่มีสองทหารประจำประตูใช้หอกกั้นทางออก

   “นั้นเมื่อก่อนแต่ตอนนี้ท่านเป็นต้นห้อง ต้องดูแลฝ่าบาททุกเรื่อง ตั้งแต่ทรงตื่นบรรทมจนเข้าบรรทม ตั้งแต่สรงน้ำไปจนถึงเรื่องการเสวย”

   “แต่ข้าไม่ใช่ทาส หรือขันทีที่จะทำอะไรแบบนั้นนะท่านเหลียงกงกง”

   “แต่ท่านต้องทำ ฝ่าบาททรงรออยู่” หัวหน้าขันที ผลักชายหนุ่มสูงโปร่งที่ยังต้องฝึกอีกมากเข้าไปห้องสรงก่อนจะปิดประตูในทันใด

   “มาแล้วหรือเที้ยนหยวน เราให้เจ้ากลับมาเวลาที่เราต้องว่าราชการ ทำไมถึงกลับมาป่านนี้” สุรเสียงทุ่มจากร่างสูงที่ประทับนั่งอยู่ในอ่างไม้มีควันลอยขึ้นบางเบา บ่งบอกอุณหภูมิของน้ำในอ่าง

   “ท่านอาบน้ำเองได้ คงไม่ต้องให้ข้าอาบให้ งั้นข้าไปก่อนนะ” ท่านอ๋องผู้เกลียดการดูแลใคร รีบหาข้ออ้างออกจากห้องสรง

   “เราถามแต่เจ้าไม่ตอบ เราสั่งแล้วเจ้าไม่ทำ นี้ก็จะละเลยหน้าที่อีกงั้นสิ น่าเสียดายเป็นถึงอ๋องแห่งวังทู่หลงแต่กลับไม่ได้เรื่องสักอย่าง”

   เพราะคำพูดที่รู้สึกได้ว่ากำลังเหยียดหยาม คนที่กำลังละเลยหน้าที่จึงต้องหันกลับมาทำหน้าที่ตามบัญชา อย่างไม่เต็มใจ สองมือขัดหลังฮ่องเต้อย่างแรง

   “วันนี้มีทหารมาแจ้งกับเราว่าเจ้าพูดคุยกับเฉียนกุ้ยงั้นหรือ” ฮ่องเต้รับสั่งไปถึงเรื่องที่วันนี้มีคนมาแจ้งให้รู้ว่าต้นห้องเข้ามาวันแรกก็สร้างเรื่องให้แล้ว

   “ข่าวไวดีจัง ใช่เฉียนกุ้ย คนอาบน้ำของท่าน ทำไม? หรือท่านหึง ถ้าเป็นมากกว่าคนอาบน้ำของท่านข้าไม่ยุ่งก็ได้นะ ในวังคงพอเหลือขันทีให้ข้าอีกบ้าง” อ๋องน้อยรีบถามเป็นการใหญ่ ให้แย่งคนของใครเป็นไม่มีปัญหา แต่ถ้าเป็นเด็กของฮ่องเต้ คงยากที่จะได้มา

   “ฮึ เจ้าคิดว่าเราเป็นคนเช่นเจ้าหรือไรกัน เราเห็นเฉียนกุ้ยตั้งแต่ยังเล็ก แล้วถ้าต้องมาเห็นเขาเสียใจเพราะความรักปลอมๆของเจ้าก็คงน่าเศร้า หากเจ้าไม่ได้รักจริงก็ถือว่าเด็กคนนี้เราขอหล่ะกัน”

   “ลองฮ่องเต้อี้หลงเป็นคนขอใครจะขัดได้ ข้าจะละเว้นไว้คนก็แล้วกัน ข้าอาบน้ำให้ท่านเสร็จแล้วข้าไปได้แล้วใช่ไหม” ต้นห้องคนใหม่ผู้ไม่รู้หน้าที่ กำลังจะผละออกหากไม่มีเสียงร้องเรียก

   “ยัง เจ้าต้องแต่งตัวให้เราก่อน” องค์ฮ่องเต้หันมาทางร่างโปร่งที่เตี้ยกว่าพระองค์เล็กน้อย พิศหน้าใกล้ ก็บังเกิดรอยแย้มพระโอษฐ์ “ความจริงหน้าเจ้าก็หวาน รูปร่างก็เล็กไม่คิดว่าจะมีทหารคนใดมาชอบเจ้าแบบที่เจ้าเข้าไปพูดคุยกับเฉียนกุ้ยบ้างหรือไร”

   สายพระเนตรทอดมองตลอดเรือนร่างที่ชื้นน้ำ ทำให้เสื้อผ้าแนบไปกับลำตัว ส่งผลให้ชายหนุ่มผู้ไม่เคยถูกใครจ้องแบบนี้ได้แต่มองแบบไม่พอใจเสียท่าไหร่ “ท่านมองข้าทำไม

   “เปล่า เราก็แค่สงสัยเจ้าทำบาปกับผู้คนมามาก แล้วเมื่อบาปนั้นตามทันมันจะเป็นเช่นไร”

   “บาปอะไรฝ่าบาท ถึงการที่ข้าไม่จริงจังกับความรัก แต่ก็ใช่ว่าหญิงเหล่านั้นจะจริงใจ แต่งตัวเสร็จแล้วข้ากลับได้หรือยัง”

   “ยัง ท่านเหลียงไม่บอกกับเจ้าหรอกหรือว่าเป็นต้นห้องต้องนอนที่ พื้นหน้าเตียงเราด้วย” องค์ฮ่องเต้ย้อนถาม พร้อมกับมองต้นห้องคนใหม่ที่ดูว่าจะไม่ได้เรื่องสักอย่าง

    “ที่พื้น”

   “ใช่ที่พื้น แล้วเราก็ง่วงแล้ว เจ้าก็ต้องไปดูแลเราได้แล้ว” พระองค์เดินนำต้นห้องคนใหม่ไปยังห้องบรรทม พื้นหน้าเตียงได้จัดที่ไว้พร้อมสำหรับต้นห้องเรียนร้อย ในขณะที่ต้นห้องก็จำใจทิ้งตัวลงนอน

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีค่ะ มาลงตอนใหม่อย่างรวดเร็ว 555 ชื่อในนี้นอกจากจะจีนจี้นแล้ว แถมยังมีราชาศัพท์พ่วงด้วย ถ้าผิดพลาดยังไง ต้องขอโทษล่วงหน้าก่อนนะค่ะ

   ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
«ตอบ #16 เมื่อ28-04-2011 15:05:44 »

สนุกอ่ัะมาต่อไวๆน้าา  o13



^^


 :3123: :3123:



ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่3) ๒๙/๐๔/๕๔
«ตอบ #17 เมื่อ29-04-2011 00:42:24 »

ประลองรัก...三

   ก่อนอาทิตย์จะสาดแสง ก่อนไก่จะขันยามเช้า ฮ่องเต้ผู้ทรงฝึกองค์จนมิอาจนอนรอให้แสงอาทิตย์แยงตา ต้องตื่นขึ้นมาอ่านข้อร้องเรียนของประชาชน และแทบทุกวันจะต้องมีเรื่องของชาวเมืองที่ถูกพ่อลูกจากวังทู่หลงกดขี่ห่มเหง

   พระบาทใหญ่ก้าวลงจากแท่นบรรทม เผลอไปเหยียบชายผ้า นึกขัดพระทัยแต่พอมองเห็นตัวต้นเหตุก็พอจะนึกออกว่าเมื่อคืนวานได้ให้ต้นห้องคนใหม่มานอนที่หน้าเตียง และป่านนี้คนไม่เอาถ่านอย่างอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงก็คงยังไม่มีทางตื่นขึ้นมาได้หากไม่มีคนปลุก “เที้ยนหยวน เที้ยนหยวน ถึงเวลาที่เจ้าต้องตื่นได้แล้ว”

   “อือ ข้าขอเวลาอีกนิดนะท่านแม่” 

   ใบหน้ายามหลับใหลดูแล้วไมน่าเชื่อว่าจะเป็นคนเดียวกับยามตื่นนอน “นี้คงคิดว่าเราเป็นแม่ แต่เราไม่ใจดีกับเจ้าขนาดนั้นหรอกนะเที้ยนหยวน”  พระหัตถ์หนา ลากผืนผ้าที่ร่างโปร่งของอ๋องผู้เคยชินกับความสบายไปตามพื้นจนถึงห้องสรงน้ำ

   “เฉียนกุ้ย เจ้าไม่ต้องช่วยเราอาบน้ำหรอกวันนี้ เดี๋ยวเราให้ต้นห้องคนใหม่ทำเอง ส่วนเจ้าออกไปได้แล้ว” รับสั่งพร้อมแย้มพระโอษฐ์น้อยที่มีให้กับขันทีตัวน้อยนี้เสมอมา

   “กระหม่อม แต่นั้น.....ท่านอ๋องเที้ยนหยวน”

   “อือ  ท่านอ๋องนั้นแหล่ะ  ต้นห้องคนใหม่ของเรา เจ้าเองก็เหมือนกัน อย่าได้หลงไปกับคำหวานหูของอ๋องคนนี้นัก รู้ถึงกิตติศัพท์คำร่ำลือไม่ใช่หรือไง”

   “กระหม่อม”

   “ออกไปได้แล้ว” ฝ่าบาทมีรับสั่งไล่แล้วใครจะอยู่ได้อีก ร่างบางของขันทีค่อยเยื้องกายออกจากห้องสรงน้ำหากในใจกลับยังคงคิดถึงถ้อยคำหวานหูของอ๋องน้อยไม่คลาย

   คนที่ยังหลับก็ยังคงต่อไปไม่ได้รับรู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้น ไม่สนใจแม้ร่างกายจะถูกถอดเสื้อผ้าที่ใส่กันลมหนาวและความเย็นจากพื้น แม้ร่างกายจะเปลือยเปล่า แต่อ๋องน้อยก็ยังคงไม่สนใจสิ่งใด นิทรากำลังหวานจะมีสิ่งใดมาแทนได้

   “รูปร่างเช่นนี้ แล้วยังจะใบหน้าหวาน อะไรทำให้เจ้ากลายเป็นคนแบบนี้ไปได้นะเที้ยนหยวน หากสักวันจะมีทหารของเรามาผูกใจรักเจ้า เราคงไม่แปลกใจเท่าไหร่เลย” ฮ่องเต้หนุ่มมองร่างที่ถูกเปลือยเสื้อผ้าด้วยฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทั้งยังทรงแปลกพระทัยที่ป่านนี้ก็ยังไม่คิดจะตื่น

   “เฮ้ย!”เสียงร้องตกใจ ดังขึ้นทันทีที่สัมผัสน้ำอุ่นๆ คนที่หลับอยู่ต้องตื่นขึ้นมา “ฝ่าบาทจะทำอะไร” เสียงแข็งตวาดกร้าวไม่สนใจว่าคนที่พูดด้วยมียศสูงเพียงใดในอาณาจักร

     “เราก็จะจับเจ้าอาบน้ำไง”

   “แล้วถอดเสื้อข้าทำไม”

   “หรือจะให้เราจับโยนลงอ่างทั้งเสื้อผ้าที่เจ้าใส่อยู่ พอดีได้จมน้ำในอ่างตายก่อน”  ฮ่องเต้อี้หลงไม่เพียงแค่จับร่างเปลือยเปล่าโยนลงไปในอ่างเท่านั้น หากขณะนี้ก็กำลังเปลื้องชุดทรงขององค์เองเช่นเดียวกัน

    “แล้วท่านจะทำอะไร”

   “เราก็จะอาบน้ำ อย่าลืมว่าเจ้าเป็นต้นห้อง แล้วเราเป็นฮ่องเต้  ทำไมหรือกลัวอะไร กลัวว่าเราจะทำเหมือนที่เจ้าอยากทำกับเฉียนกุ้ยงั้นหรือเที้ยนหยวน” ทรงถามด้วยความนิ่งเฉย ไม่อนาทรต่อสิ่งใด มองร่างโปร่งยังมีรอยเล็บเป็นทางยาวที่ยังไม่จางลงก็พอจะรู้ได้ว่าก่อนเข้ามาในวังได้หมกมุ่นในเรื่องใด

   “ทำไมข้าต้องกลัว หรือท่านเองก็ไม่ต่างจากข้า” ร่างโปร่งเยื้องกายเข้าหาวรองค์สูงในอ่างกว้างที่พอให้คนลงมาได้สักสามหรือสี่คน

   “ท่านเองก็อยากได้ความรักจากข้าหรืออย่างไร หากเป็นเช่นนั้นข้าจะทำหน้าที่สวามีฮ่องเต้อย่างเต็มความสามารถ จะดูแล บำรุง บำเรอให้ท่านหายเหนื่อยจากงานที่มากล้น ขอเพียงท่านเอ่ยปาก ข้าจะไม่รอช้า” ร่างโปร่งบางลูบไล้ตามโครงร่างได้รูปสวยงาม ใบหน้าคมที่หากลดความกระด้างลงอาจจะเผยให้เห็นความอ่อนหวานที่ซ่อนตัว แต่ถึงไม่มีเที้ยนหยวนก็คงไม่สน

   “หึๆๆ อย่างเจ้าหรือคิดจะเป็นสวามีเรา อย่าเอาแต่พูดเลยเที้ยนหยวน เมื่อเจ้าไม่มีทางทำได้ หากเราสนใจในเพศรสแบบเจ้า ผิวขาวอ่อนนุ่มเช่นนี้ ใบหน้าหวาน เอวกลมกลึง สะโพกโค้งมน เหมาะสมกว่าหรือไม่ที่จะมาเป็นสนมของเรา” ไม่เพียงรับสั่ง หากพระหัตถ์ใหญ่ค่อยไล่ลงจากใบหน้าหวาน สู่สะโพกโค้งมน จนอีกฝ่ายได้แต่เกร็งตัวหากไม่อาจหลบหลีกได้

   “ท่านนนน ม่ะ....ม่าย” ร่างโปร่งพยายามดิ้นหนีให้สุดแรง ยิ่งพระพักตร์ดุโน้มใกล้เท่าไหร่ อ๋องน้อยก็ยิ่งหวาดกลัวมากเท่านั้น

   “กลัวหล่ะสิเที้ยนหยวน แต่ประชาชนที่ถูกเจ้าข่มเหงนั้นหวาดกลัวกว่านี้หลายเท่านัก จำไว้”  เพียงแค่รับสั่งฮ่องเต้หนุ่มก็เสด็จขึ้นจากน้ำที่เริ่มเย็นโดยไม่สนพระทัยอีกคนที่ยังนิ่งอึ้ง

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

อ๋องน้อยที่ถูกทิ้งไว้ในห้องน้ำเพียงลำพังเมื่อยามเช้ามืด เดินกลับห้องของตนเองทั้งที่สติยังกลับมาไม่ครบดังเดิม ภาพอันน่าหวาดกลัวสำหรับชายชาตรีทุกคนยังคงฝังแน่นไม่ยอมสละหายไปไหน

ในห้องส่วนตัวของอ๋องน้อยจากวังทู่หลงมีขันทีหนุ่มหากหน้าตาไม่ชวนมองสองสามคนคอยรับใช้ ยิ่งมองก็ยิ่งอารมณ์เสีย พาลคิดไปถึงอีกคนที่น่ามองยิ่งกว่า “พวกเจ้าออกไปให้หมดแล้วไปตามเฉียนกุ้ยมาหาข้าเดี๋ยวนี้”

   “แต่เฉียนกุ้ยเป็น....เป็น..”

   “เป็นอะไรเล่า ไปตามมาเดี๋ยวนี้ จะเป็นคนของใครข้าก็ไม่สนทั้งนั้น ไปตามมาหากไม่อยากให้ข้าต้องสั่งบั่นคอพวกเจ้า”

   “กระหม่อม” เหล่าขันทีตัวน้อยได้แต่แตกกระเจิงหนีหาย รีบออกไปตามขันทีคนโปรดของฮ่องเต้ที่ท่านอ๋องอยากพบ

   ในเมื่อฝ่าบาททรงหวงนัก ข้าก็จะเอ็นดูเฉียนกุ้ยให้ถึงที่สุดเช่นกัน

   “ท่านอ๋อง ใช้คนไปตามข้ามา ไม่ทราบว่ามีสิ่งใด” ร่างบอบบางของขันทีน้อยเดินเข้ามาภายในห้องของท่านอ๋องด้วยใบหน้าแดงจัด เพราะความเขินอายต่อชายหนุ่มที่มีใจให้

   “หากข้าไม่มีสิ่งใด จะไม่อาจให้คนเรียกเจ้ามาพบได้เลยใช่ไหม เฉียนกุ้ยของข้า....”ท่านอ๋องจงใจทอดคำหวานพลางตัดพ้อด้วยความห่วงหาอย่างลึกล้ำ

   “ท่านอ๋อง คำกล่าวท่าน....หากใครมาได้ยินคง...คง” เพราะความขัดเขินถึงแม้ไม่มีผู้ใดเดินผ่านแต่สายลมที่พัดกระทบกาย แสงแดดที่ลอดเข้ามาในห้องก็ทำให้ขันทีน้อยหน้าแดงยิ่งขึ้น

   “คงอะไร หรือว่าเจ้ากลัวใครนำเจ้าไปนินทาได้ อย่าได้เกรงกลัวเลยเด็กน้อยที่นี้ใครจะกล้าว่าเจ้ากันเล่า” เฉียนกุ้ยคงไม่รู้ตัวเลยว่าบัดนี้ได้ถูกนำเข้ามายังห้องส่วนในมีฉากกั้นบังสายตาที่ไม่พึงประสงค์ “หรือหากมีใครกล้าว่าเจ้าได้ ข้าเองที่จะนำลิ้นมันออกมาสับ”

   “ท่นอ๋อง! ท่านมิควรทำเช่นนั้นเพื่อคนต้อยต่ำเช่นข้า” แค่ถ้อยคำก็ทำให้เฉียนกุ้ยหวาดกลัว บัดนี้ในหัวใจดวงน้อยมีแต่ภาพท่านอ๋องอัดแน่นจนไม่เหลือที่ว่างให้ผู้ใด

   เรียวนิ้วยาวประทับห้ามบนปากเล็ก ดวงตาหยาดเยิ้ม ริมฝีปากได้รูปกล่าวถ้อยคำที่ปั้นแต่งอย่างสวยงาม “แม้นเจ้าจะต่ำต้อยในสายตาผู้ใด แต่สำหรับข้า เจ้าสูงส่งยิ่งกว่าผู้ใด สูงส่งและเล่อค่ากว่าทรัพย์สินทั้งวังหลวง สูงส่งจนหากข้าไม่ใช่อ๋องก็คงมิอาจเอื้อมคว้าเจ้ามาแนบกาย”

   “ข้า..ไม่ได้สูงค่าถึงเพียงนั้นเป็นเพียงแค่คนพิการที่ไร้เพศ ไม่อาจมีชีวิตแบบคนธรรมดา นอกกำแพงวังก็เป็นได้แค่คนที่ถูกรังแก แต่เคยมีผู้ใดถามบ้างไหม ว่าข้าอยากเป็นเช่นนี้หรือเปล่า ข้ามีสิทธิ์ได้เลือกไหม ข้าไม่คู่ควรกับคุณชายผู้เพียบพร้อมเช่นท่านหรอก”

   “ใครกันเป็นผู้กำหนดว่าคู่ควรหรือไม่ หากข้าฝากรักไว้ที่เจ้าและเจ้ายอมรับฝากหัวใจดวงนี้ เราสองย่อมเป็นคู่ที่ควรเสียยิ่งกว่าคู่ใครในโลกใบนี้เสียอีกเฉียนกุ้ย”

   “ท่านอ๋อง!” คำหวานแทรกซึมเข้าไปในหัวใจดวงน้อย คำเตือนจากฮ่องเต้ไร้ค่าและความหมาย

   “เจ้าจะรับฝากหัวใจของข้าได้ไหม เฉียนกุ้ย” ดวงตาแสนซึ้งจ้องมองเขาไปในแววตาเจ้าลูกแกะตัวน้อย นิ้วเรียวค่อยๆปลดชุดหลายชั้นของขันทีตัวน้อย ไม่รอฟังคำตอบ

   “หากท่านไม่รังเกียจข้าจริง ข้าก็.....”เพราะความเขินอายจนสุดที่จะกล่าวสิ่งใด ขันทีตัวน้อยได้แต่ก้มหน้านิ่งไม่อาจบอกได้จนจบประโยค รับรู้เพียงผิวกายที่ถูกสัมผัสอย่างแสนอ่อนโยน

   อ๋องน้อยเชยใบหน้าหวานขึ้นให้สบสายตา รั้งใบหน้าหวานหมายจะมอบสัมผัสลึกล้ำหากแต่เสี้ยววิที่จะแตะริมฝีปาก ภาพที่พึ่งเกิดขึ้นเมื่อเช้า ใบหน้าของฮ่องเต้แทรกทับใบหน้าหวานจนหมดสิ้น

“เฮ้ย” ท่านอ๋องสลัดร่างบางออกจากตัวอย่างแรง หายใจหอบหนัก ตกใจกับสิ่งที่เห็น นึกแค้นกับเรื่องเมื่อเช้า “ออกไปก่อน เฉียนกุ้ย เจ้าออกไป”

“ท่านอ๋อง” ขันทีตัวน้อยไม่เข้าใจท่านอ๋องเดี๋ยวว่ารักฝากหัวใจ หากต่อมากลับขับไล่เช่นนี้ แต่มันก็สมควรคนไร้เพศเช่นเขาใครกันจะรักจริง มีแต่ใจดวงนี้ที่มองให้ท่านอ๋องไปแล้ว อย่างไม่คิดเรียกคืน

   “ออกไป ข้าบอกให้ออกไป” อ๋องน้อยอาละวาดคว้างปาเครื่องใช้ จนขันทีน้อยผู้น่าสงสารต้องจำใจเดินจากมา น้ำตาเม็ดเล็กไหลรินไม่เข้าใจคุณชายผู้สูงศักดิ์เลย

   ท่านทำกับข้าเช่นนี้ได้แค่วันนี้เท่านั้นฮ่องเต้ เมื่อวันใดที่พ่อข้าเป็นใหญ่ ท่านต้องมาเป็นสนมของข้า...อี้หลง ท่านต้องเป็นสนมของข้า
 
          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ขยันจัดค่ะ เลยเอามาลงเพิ่ม 

ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
«ตอบ #18 เมื่อ29-04-2011 00:59:21 »

อ๋องน้อยทำไมถึงเอาแต่ใจอย่างนี้ :angry2:


ต้องให้ฮ่องเต้รีบๆปราบซะแล้ว :o8:


มาต่ออีกเยอะๆเน้ออออ o13



^^


 :3123: :3123:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...四


   ข่าวขันทีคนสนิทอย่างเฉียนกุ้ยถูกต้นห้องคนใหม่เรียกเข้าพบนั่นแว่วถึงหูฮ่องเต้โดยมหาดเล็กคนสนิทเป็นผู้เล่าถวาย “ฝ่าบาทเมื่อตอนเช้า เฉียนกุ้ยถูกท่านเที้ยนหยวนเรียกเข้าไปพบที่ตำหนัก”

   “เจ้าบอกว่า เที้ยนหยวนเรียกเฉียนกุ้ยเข้าไปในที่ตำหนักงั้นหรือ หวังว่าคงไม่ได้ทำอะไรเด็กคนนั้นหรอกนะ เฉียนกุ้ยก็เหมือนเป็นน้องเราคนหนึ่ง หากถูกคนเช่นนั้นหลอกลวง เราที่เป็นพี่ก็อดไม่ได้ที่จะห่วง” ฮ่องเต้อี้หลงกล่าวถึงขันทีคนสนิท ที่เห็นมาแต่เล็ก ก่อนจะถวายตัวเข้ามารับใช้ในวังหลวง

   “แต่ทหารที่เฝ้าหน้าประตูตำหนักเล่าว่า เฉียนกุ้ยร้องไห้ออกมา เหมือนกำลังหวาดกับอะไรบางอย่าง ท่านอ๋องทำเช่นนี้เหมือนไม่สนใจต่อรับสั่งฝ่าบาท กระหม่อมว่าควรหาทางจัดการเสียดีกว่า” ฮวางหูทหารองรักษ์ประจำพระองค์ เป็นอีกหนึ่งคนของทหารในเขตพระราชฐานส่วนพระองค์ที่แอบมีใจให้ขันทีตัวน้อย กล่าวด้วยความโกรธแค้นในตัวอ๋องน้อย

   “เย็นก่อนฮวางหู เรารู้ว่าเจ้าโกรธ เราเองก็เห็นเฉียนกุ้ยเป็นน้องคนหนึ่ง และเราก็ไม่อยากให้สองพ่อลูกอยู่ในเมืองหลวงนี้นานๆ ถ้าเจ้าอยากให้เที้ยนหยวนออกห่างจากเฉียนกุ้ยก็ช่วยเราคิดว่าจะขับไล่ทั้งปาหยางอ๋อง และเที้ยนหยวนยังไง” ฮ่องเต้หนุ่มทรงสงบพระอารมณ์อย่างใช้ความคิด อยากขับไล่สองพ่อลูกในเร็ววัน หากแต่อีกฝ่ายก็เป็นพระญาติคนหนึ่ง 

   “กระหม่อมขอพระราชอภัยโทษที่วู่วาม แต่ น้ำตาของเฉียนกุ้ย....”  องค์รักษ์คนสนิทนิ่งงัน ไม่อาจกล่าวคำใดแทนความรู้สึกเวลานี้ ขันทีที่เฝ้ามองมานาน กลับต้องเสียน้ำตาเพราะคนที่พึ่งเข้ามา

   “ไม่เป็นไร เราเข้าใจ แต่เวลานี้เรานึกไม่ออกว่าจะหาทางไหนที่จะบีบให้สองพ่อลูกยอมออกจากเมืองหลวง แค่หนึ่งคืนที่เที้ยนหยวนเข้ามา เหมือนว่าเรายังไม่เห็นมากพอที่จะหาลู่ทางได้เลย”

   “คนอย่างท่านอ๋อง ดูเหมือนไม่มีอะไร หากไม่มีตำแหน่งอ๋องน้อยค้ำไว้ก็คงไม่มีใครเหลียวแล  คนแบบนี้ช่างไร้ประโยชน์เสียจริงๆ มีแต่ทำเรื่องเสียหาย แล้วยังจะยโสในเกรียติยศ ช่างไม่รู้เลยว่าตนเองเป็นที่น่าสมเพชเพียงใด” องค์รักษ์หนุ่มส่ายหน้าสมเพชอ๋องที่ดีแต่ข่มเหงประชาชน

   “ใช่ ฮวางหูเจ้าพูดถูก คนอย่างเที้ยนหยวนเกียรติยศเป็นเรื่องสำคัญ แต่จะทำอย่างไร” พระองค์ทรงคิดตรึกตรอง นั่งมองหาก้าวจังหวะที่อาจนำมาทำให้อ๋องน้อยได้กระเด็นออกจากเมืองหลวงพร้อมครอบครัว

   “คนอย่างท่านเที้ยนหยวนมีข่าวเสียหายมากมาย แต่ไม่เคยใส่ใจในข่าวเหล่านั้น ท่านปาหยางอ๋องก็เช่นกัน กระหม่อมไม่เคยเห็นสองพ่อลูกนี้สนใจในข่าวใดๆเลยสักนิด”

   “นั่นแหล่ะที่เรากำลังคิด ถ้าอยากกันให้เที้ยนหยวนออกห่างจากเฉียนกุ้ยไวๆ เจ้าก็ลองไปชวนพวกทหารที่หมายปองเฉียนกุ้ยอยู่ หาทางทำให้อ๋องน้อยคนนี้ต้องอยู่ไกลจากเฉียนกุ้ยสิ ส่วนเราคืนนี้จะนั่งดื่มสุราชมจันทร์เสียหน่อย เจ้าไปเรียกเที้ยนหยวนให้เราด้วยหล่ะกัน”

   “กระหม่อม” 

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ร่างบางโปร่งของอ๋องน้อยเดินเข้ามากลางสวนดอกเหมยในคืนเดือนพ็ญ ตามรับสั่งของฮ่องเต้ที่ให้องค์รักษ์ประจำพระองค์ไปเรียกมาจากห้องดวงตาโตมองไปรอบๆเห็นเพียงโต๊ะหินสลักและหนึ่งบุรุษไร้องค์รักษ์แม้สักคน “ท่านมานั่งตรงนี้ไม่มีใครมายืนอารักขาได้ไงกัน”

   “เราอยากนั่งดื่มสุรากับน้อง ทำไมต้องมีใครอื่นด้วยหรือไร หรือน้องชายอย่างเจ้า คิดไม่ซื่อกับพี่ชายอย่างเรา”  รอยยิ้มกว้างบนพระพักตร์ บ่งบอกว่ากำลังสบายพระทัยเป็นที่สุด “เจ้านั่งลงสิ หรือรังเกียจจะดื่มสุรากับเราแทนที่จะได้ไปดื่มกับเหล่านารีอรชร”

   “ใครจะรังเกียจได้นั่งดื่มสุราชมจันทร์กับฮ่องเต้ ทั่งแผ่นดินจะมีใครโชคดีแบบนี้บ้างเล่า แต่ว่าท่านแน่ใจนะที่จะดื่มกับข้า เวลาข้าเมา พวกสาวๆชอบบอกว่ามือไม้ข้ายิ่งกว่าหนวดปลาหมึกเสียอีก” อ๋องน้อยบอกเล่าสรรพคุณของตนเองด้วยความภาคภูมิใจก่อนนั่งลงที่เก้าอี้หินสลัก

   “งั้นข้าจะลองดูว่าหนวดปลาหมึกหรือจะกล้าสู้กับหนวดมังกร แต่เวลานี้เจ้ายังไม่เมา ก็ดื่มเถอะ สุรานี้ได้มาจากเมืองกุ้ยโจว ว่ากันาเป็นสุราชั้นดี” ฮ่องเต้หนุ่ม บรรจงเทสุราลงในจอกเล็กแต่เพียงนิดให้แก่อ๋องน้อยผู้มีศักดิ์เป็นน้อง

   “ช่างเป็นสุราที่แรงนัก แต่ก็นุ่มลิ้นเช่นกัน นี้คือสุราอะไร เผื่อข้าออกจากวังจะได้ไปหาบ้าง” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนยังหวังว่าจะได้ออกจากวังไปหาความสำราญด้านนอก ไม่ลืมถามหาชื่อสุรารสชาติเยี่ยมยอด

   “สุรานี้คือเหมาไถ หากเจ้าชอบข้าจะแบ่งให้บ้างก็ได้ ข้าพอมีเก็บไว้อีกเยอะ คืนนี้ก็อย่าดื่มหนักนัก จะได้มีเวลาชมจันทร์ได้นาน” แม้ปากจะเตือน แต่พระหัตถ์หนาของฮ่องเต้อี้หลงกลับรินน้ำใสติดจะเหลืองๆลงในจอกแก้วเซรามิคเนื้อดี

   สองชายหนุ่มนั่งร่ำสุราชมพระจันทร์ดวงกลมโต จนใบหน้าติดหวานของอ๋องน้อยแดงเรื่อ พูดจาไม่รู้เรื่อง มือไม้ไม่อยู่กับที่   หากแต่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์กลับยังคงนั่งยิ้มสบายพระทัยไม่ได้เคลิ้มไปกับดีกรีแสนแรงของเหล้าจากกุ้ยโจว

   “พระจันทร์ช่างโตเสียจริงๆ  ในนั้นคงมีกระต่ายอยู่หลายตัวไม่งั้นคงเหงาแย่” เสียงอ้อแอ้ของคนเมาที่เหม่อมองกระต่าย เรียกให้องค์ฮ่องเต้ต้องแหงนมองจันทร์ก่อนจะเหลือบมองคนพูด

   “กระต่ายไม่เหงาหรอกก็ในนั่นมีตากับยายอยู่ด้วย แล้วจะเหงาได้อย่างไร” ฮ่องเต้หยิบนิทานจากดวงจันทร์ขึ้นมารับสั่ง ทั้งที่ก็ทรงลืมเลือนไปนานแล้ว

   “จะไม่เหงาได้อย่างไร ตากับยายที่อยู่ด้วยกันก็รักกัน แล้วเหลือทิ้งไว้แค่กระต่ายน้อยหนึ่งตัวกลายเป็นส่วนเกิน มันเที่ยวขอความรักจากใคร ก็ไม่มีใครให้มันได้จริง” ใบหน้าหวานสะท้อนความเหงาที่เจ้าตัวปิดบังเอาไว้ ไม่ให้ใครได้รู้ ท่าทีแสนสำราญแท้จริงแล้วกลับปิดบังบางสิ่งเอาไว้

   องค์ฮ่องเต้ถอดถอนใจ มองคนตรงหน้าที่เก็บกักความเหงาไว้ภายใน พลางนึกไปถึงคำพูดอวดมือปลาหมึก แล้วแบบนี้ปลาหมึกที่ไหนกัน “เพราะกระต่ายเองก็เอาแต่ไม่หยุดนิ่ง นิสัยที่ขี้กลัว ทำให้ไม่กล้าผูกพันกับใครหรือเปล่า”

   “อ่าคงใช่ เจ้านี้ช่างเข้าใจวิสัยของกระต่าย อย่างนี้คงเข้าใจความรู้สึกคนขี้กลัวแบบข้าเป็นแน่” อ๋องน้อยเดินโซเซจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆผู้สูงศักดิ์

      มือบางๆลูบไล้ตามโครงหน้าเรียวยาว เริ่มสัมผัสไรหนวดแข็งๆแต่ก็ได้ชะงักมือไม่ เอื้อมดันท้ายทอยกว้างให้ก้มลงรับสัมผัสเร่าร้อนจากริมฝีปากร้อนอวลด้วยกลิ่นสุราชั้นดี

   ฮ่องเต้หนุ่มแม้จะเคยได้สัมผัสหญิงสาวที่รับเข้ามานางอื่นๆ แต่สัมผัสของนางเหล่านั้นกลับสู้สัมผัสร้อนของคนๆนี้ไม่ได้เลย ทรงค่อยๆรับรู้ความหวานของริมฝีปากจนต้องคว้าเอวบางเข้าแนบชิด ก่อนจะตกตะลึงเมื่อรู้ถึงมือเล็กๆเริ่มไม่อยู่สุข

   มือบางของท่านอ๋องเที้ยนหยวนซุกไซ้ขึ้นลูบไล้แผ่นอกตามความเคยชิน คว้าหาเนินเนื้อนิ่มกลับเจอเพียงความเรียบตึงที่แข็งแน่น เรียวนิ้วบีบจิกยอดอก ฟูมฝักจนเม็ดเล็กค่อยขยายตัว และหดเกร็งรับการปลุกเร้าจากมือเล็ก

   ฮ่องเต้หนุ่มนั่งนิ่งปล่อยให้มือบางซุกซนไปเรื่อย ริมฝีปากร้อนผ่าวไล่ประกบกัน แลกเปลี่ยนความหวานล้ำ ไม่สนสายน้ำไหลจากมุมปาก รู้สึกได้ดียิ่งกว่าเมื่อยามได้รับการปรนเปรอจากนางในวังที่มีอยู่เกลื่อน เสื้อคลุมมังกรที่ใส่คลุมกันลมเย็น ถูกปลดออกจากไหลมากองที่บั้นพระเอว เพราะคนที่หลงอยู่ในรสกามอารมณ์

   เสียงดูดเม้ม และขบกัดตามผิวหยาบ สร้างอารมณ์หวานให้ยิ่งเพลิดเพลิน ทรงไม่แปลกพระทัยว่าเหตุใดเหล่าสาวงามล้วนติดใจชายผู้มีใบหน้าหวาน รูปร่างบอบบางเช่นนี้

   ริมฝีปากไล้กลับขึ้นมาหาริมฝีปากหนา เรียวลิ้นกอดรัดแน่นอย่างตะกรุมตะกราม ไม่มีผู้ใดยอมแพ้ ต่างไล่ความหาความหวานล้ำจากกันและกัน ก่อนที่ร่างบางจะเป็นฝ่ายยอมแพ้ ละออกมาทั้งที่ยังติดใจในรสจูบ

   ฮ่องเต้หนุ่มรับรู้ได้ถึงความขัดเคือง จึงประคองใบหน้าหวานขึ้นมาประกบริมฝีปากอีกครั้งเรียวลิ้นหนาตวัดไล่ลิ้นเล็กอย่างดุเดือด จนแทบจะกลายเป็นบีบรัดลิ้นเล็กสีชมพูหวาน

   อ๋องน้อยผู้ถูกแย่งชิงลมหายใจ ค่อยๆไต่มือลงสัมผัสท่อนเอ็นมังกรที่ซุกตัวอยู่ใต้ผ้าเนื้อดีปักลายมังกรจักพรรดิกำลังกางกรงเล็บทั้งห้า นิ้วเรียวสาวรูดไปตามความยาวท่อนเนื้อร้อนและแข็งเกร็งผ่านเนื้อผ้าจนสัมผัสได้ถึงความเปียกชื้น

   การกระทำเช่นนี้เรียกให้จักรพรรดิหนุ่มสะดุ้งเฮือกกลับมาอยู่กับโลกแห่งความเป็นจริง “เที้ยนหยวน เจ้า....พอได้แล้ว” ฮ่องเต้คว้ามือเล็กไว้แน่น แม้จะมีเสียงครางขัดใจในลำคอเล็ก และการดิ้นรนเอาแต่ใจที่อยากจะสัมผัสกับท่อนเอ็นที่แสนเร่าร้อนอีกครั้ง แต่อีกองค์ที่แรงมากกว่าก็รั้งเอาไว้ได้ ไม่ปล่อยให้ดิ้นไปไหน

   ด้วยพระอารมณ์ที่ถูกปลุกขึ้นยังผลงให้ฮ่องเต้หนุ่มคว้าเอวบางอุ้มขึ้นมานั่งบนตัก แผ่นหลังอิงแนบพระอุระ นิ้วเรียวยาวเกี่ยวสายคาดเอวบางให้หลุดออก เช่นเดียวกับสาบเสื้อที่ซ้อนทับค่อยๆคลายขยายกว้างจนไม่อาจอยู่บนไหล่บาง ไหลลงไปกองกับตักหนา 

   ผ้าเนื้อดีที่ลงไปกองเปิดให้เห็นแผ่นหลังขาวเนียนที่มีรอยเล็บสีแดงจางๆประปรายไปทั่ว ฮ่องเต้อี้หลงโอบประคองร่างเล็กไม่ให้หล่นลงไป ไล่พรมประทับรอยทั่วแผ่นหลังประกาศความเป็นเจ้าของที่จะไม่มีหญิงคนใดได้ฝากรอยเล็บที่แผ่นหลังนี้อีกแล้ว ก่อนที่พระหัตถ์อีกข้างจะบิดเบือนใบหน้าหวานหันมากวาดหาความหวานจากริมฝีปากแดงซ้ำ

   ฮ่องเต้หนุ่มลูบคลำท่อนเนื้อที่เคยปรนเปรอผู้อื่นมามากมายแต่กลับสั่นเทาอยู่อย่างเอ็นดู รอยแย้มพะโอษฐ์บางเบาปรากฏบนพระพักตร์อย่างพึงพอใจ เสียงหวานในลำคอยั่วยวนให้ล่วงล้ำมากกว่าที่เป็นอยู่

   แล้วอ๋องน้อยก็ต้องสะดุ้งสุดตัวเมื่อที่ที่ไม่เคยมีผู้ใดได้สัมผัสมาก่อน กำลังถูกเล้าโลมด้วยนิ้วพระหัตถ์ สติที่หายไปเพราะสุราชั้นดีกลับมาอย่างรวดเร็ว แต่ก็สลายไปในชั่วพริบตา “เฮ้ย อ่ะ....ท่านจะอื้อ....ทำอะไร” ความเจ็บแสบปนกับความรู้สึกแปลกประหลาดที่ไม่เคยพบเจอทำให้อ๋องน้อยต้องบิดกายอย่างทรมานแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

   “อ่ะ.... อ๊ะ” เมื่อกล้ามเนื้อที่ไม่เคยแหวกออกจากกันเริ่มรับสิ่งแปลกปลอมที่เข้ามาได้ ฮ่องเต้หนุ่มก็ถอนนิ้วพระหัตถ์ออกจากช่องทางอันร้อนรุ่มไม่ทันให้ตั้งตัว เรียกเสียงหวานที่เผลอหลุดออกมา

   “เจ้าเจ็บหรือไม่ หืม?” แม้นั่นจะเป็นประโยคคำถามที่เหมือนจะเต็มไปด้วยความห่วงใย หากแต่ฮ่องเต้ผู้เปี่ยมด้วยน้ำพระทัยในสายตาประชากรไม่รอให้ได้รับคำตอบ มือใหญ่จับร่างบางโน้มไปข้างหน้า จนแขนเรียวต้องยันตนเองไว้กับโต๊ะหินตามสัญชาตญาณที่ป้องกันก่อนจะล้มลงไป

   แล้วโดยไม่ทันตั้งตัวความเจ็บแปลบที่มากกว่าครั้งแรก เจ็บจนแทบจะฉีกร่างให้กลายเป็นส่วนๆเพราะท่อนเนื้อขนาดใหญ่ที่ใหญ่กว่านิ้วเรียวมากนักเสียดแทงขึ้นมา “อ่า...เจ็บ อ่ะ..... อ่อก  ออกไป” 

   “อย่าเกร็งสิเที้ยนหยวน อย่างที่เจ้าเคยบอกสาวงามอย่างไรเล่า อย่าเกร็ง หายใจเข้าลึกๆนะ” ฮ่องเต้หนุ่มปลอบใจร่างบางที่ยันตัวกับต้นไม้ใหญ่ จูบบนแผ่นหลังเนียนทับรอยเล็บที่ได้มาจากหญิงอื่น ก่อนที่เอ็นมังกรจะค่อยๆ สอดลึกตามเข้าไปอย่างช้าๆ ความเจ็บแสบที่ยากจะทานทนทำให้ร่างบางไร้เรี่ยวแรง นิ้วทั้งสิบจิกลงบนพื้นโต๊ะที่ทำจากหินแกร่งจนเจ็บร้าว

   ความเจ็บปวดค่อยๆแปรเป็นความสุขยามร่างสูงขยับเข้าออก บดขยี้เนื้อนิ่มภายใน สติที่มีเพียงน้อยนิดปลิวหายไปกับความเย็นชื้น กลายเป็นเสียงร้องวอนขอให้เติมเต็มอย่างลืมตัว สอดรับกับแก่นกายที่รุกรานเสียดสีจุดอ่อนไหว จนรู้สึกเหมือนสะโพกจะหลอมละลายไปกับความเร่าร้อนที่พึ่งรู้จัก

   แผ่นหลังที่เต็มไปด้วยรอยสีหวานแอ่นโค้งขึ้น เสียงหวานปนหอบกระชั้นดังให้ได้ยินถี่ขึ้น และเมื่อสะโพกหนายัดเยียดเอ็นมังกรเข้าลึกอีกครั้ง ท่านอ๋องน้อยผู้ไม่เคยเป็นฝ่ายถูกกระทำต้องกระตุกเกร็งไปชั่วขณะก่อนที่จะปลดปล่อยน้ำสีขาวขุ่นออกมาในทันที ร่างทั้งร่างสะท้านเฮือกพร้อมๆกับที่รู้สึกถึงความอุ่นวาบที่แล่นเข้ามาภายใน ก่อนจะหมดสติลงในอ้อมแขนของฮ่องเต้หนุ่ม

   “ทำใครต่อใครมาเสียมาก ถึงตอนนี้กลับสลบเสียแล้วหรือเที้ยนหยวน” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะจัดการให้เสื้อกลับขึ้นมาคลุมร่างบางดังเดิม นับแต่พรุ่งนี้คงได้เปลี่ยนจากตำแหน่งต้นห้องกลายเป็นคนในห้อง หวังว่าจะช่วยให้นิสัยไม่ดีบางอย่างหายไปได้

   ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์โอบอุ้มร่างไร้สติของต้นห้องขึ้นแนบอกกว้าง พากลับห้องบรรทมที่อบอุ่นกว่ากลางสวนเช่นนี้ต่อจากนี้คงให้นอนกับพื้นหน้าเตียงไมได้อีกแล้ว    
   

           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ มาพร้อมกันเอ็นซีอ่อนหัด ระดับอนุบาล หวังว่าจะไม่อ่อนด๋อยเกินไปนะคะ

ขอบคุณค่ะ

#เหมาไถ เป็นเหล้าชนิดหนึ่งของจีน ทำสืบทอดมานาน ความแรงอยู่ที่53ดีกรีค่ะ 

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอนที่2) ๒๘/๐๔/๕๔
«ตอบ #20 เมื่อ30-04-2011 01:18:32 »

55+ เสียตัวซะและ  :pighaun:


ต่อไปก็ทำตัวให้น่ารักขึ้นนะอ๋องน้อยฮ่องเต้จะได้รักสักที


^^


:3123: :3123:

bellity

  • บุคคลทั่วไป
55+

แทนที่จะได้กดกลับถูกกดแทนซ่ะนี่อ๋องน้อย

ice-vanilla

  • บุคคลทั่วไป
รู้สึกสะใจยังไงไม่รู้ที่อ๋องน้อยถูกกด

อ๋องน้อยดูเป็นคนไม่ดีอ่ะ เพราะงั้น คุณ jellyfish o13

ปล. ตอนจบไม่เศร้าใช่มั้ยคะคุณ jellyfish :impress2:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...五


   ความเจ็บปวดทุกครั้งที่เคลื่อนไหว ปลุกให้อ๋องน้อยผู้ไม่เคยตื่นก่อนตะวันขึ้นตั้งตรง ลืมตาขึ้นอย่างยากลำบาก ความรู้สึกบางอย่างที่เปลี่ยนแปลงไป ความทรงจำบางช่วงที่ขาดหาย และคนที่นอนข้างๆ

   “เฮ้ย! ทำไมฮ่องเต้ หรือว่าเมื่อคืน” คำที่ไม่หลุดออกมาจากริมฝีปากสวย แต่ยังวงเวียนในสมอง เมื่อคืน ตอนที่ต่างคนต่างเมา ฮ่องเต้ผู้น่าสงสารองค์นี้ตกเป็นสนมของเที้ยนหยวนคนนี้ไปเสียแล้วหรือนี้ “แล้วข้าจะรับผิดชอบท่านเองนะ ฮ่องเต้ที่รัก ฮึๆๆ”

   เสียงหัวเราะแปร่งๆข้างหูดังจนไม่อาจทนต่อไปได้ แต่เพราะเมื่อคืนกว่าที่ฮ่องเต้จะได้เข้าบรรทมก็เกือบสว่าง เวลานี้จึงทำได้เพียงกวาดมือไปทางต้นเสียง แล้วรั้งให้มานอนซุกอยู่กับอก

   “อือ อะไรเนี่ย ฮ่องเต้ท่านเป็นสนมของข้า จะมาทำอะไรแบบนี้ได้อย่างไรกัน” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนเอ่ยอย่างขัดใจ แม้ร่างกายจะรู้สึกเจ็บปวดทุกการเคลื่อนไหว แต่ก็ไม่ได้เอะใจเลยสักนิดว่าค่ำคืนที่ผ่านมาไม่ได้เป็นอย่างที่คิดฝัน

   “เงียบๆเที้ยนหยวน พี่ง่วง เมื่อคืนกว่าพี่จะได้นอน เจ้ารู้ไหมมันกี่ยามแล้ว” เสียงงึมงำบอกกับคนที่ซุกอยู่ในอกและกำลังบ่นอะไรบางอย่าง แต่ก็บอกได้ว่าฮ่องเต้อี้หลงทรงรู้พระองค์ตลอดเวลา แม้ในยามที่กำลังง่วงงุนเต็มที่เช่นนี้

   “อะไรกันท่าน เป็นข้าไม่ใช่หรือไงที่ต้องนอนทีหลัง ข้าไม่เคยปล่อยให้สาวงามหรือหนุ่มน้อยน่ารักเช่นท่านต้องโดดเดี่ยวเพียงลำพังในคืนที่แสนสำราญหรอกนะ” ท่านอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงยังคงเข้าใจกับความคิดของตนเอง

   “ก็เมื่อคืนกับทุกคืนที่ผ่านมา มันเหมือนกันตรงไหนเล่า เจ้าไม่เจ็บ ไม่เพลียบ้างเลยหรืออย่างไรเที้ยนหยวน แต่พี่ของเจ้าง่วงนะ”  สรรพนามที่แสนสนิทสนม วางตำแหน่งต่างๆออกจากบ่า บางทีการที่จะมีใครสักคนให้อยู่ด้วยแล้วไม่ต้องกังวลถึงภาระหน้าที่ก็คงจะดี

   “อะไรของท่านกัน ง่วงแล้วพูดไม่รู้เรื่อง หรือที่เมื่อคืนเมาแล้วยังไม่สร่างกัน จะเมาเหล้า หรือเมารัก ข้าก็รับผิดชอบนะ แม้ว่าเมื่อคืนมันจะเพราะเหล้าก็ตาม ท่านไม่ต้องกลัวไปหรอก” อ่องน้อยอย่างเที้ยนหยวนยังคงไม่เข้าใจเรื่องต่างๆ ยังคิดเอาเองกับสิ่งที่เข้าใจ ไม่ทันฟังกับคำเรียกแสนสนิทสนม

   “ใจคอเจ้าจะไม่ให้พี่นอนอย่างนั้นหรือ เที้ยนหยวน” ในเมื่อไม่สามารถทนได้กับเสียงข้างหู ฮ่องเต้หนุ่มจึงจำใจลุกขึ้นทอดเนตรใบหน้าหวานที่เมื่อคืนแสนยั่วยวน “ว่าอย่างไร เจ้าว่าอะไรบ้าง”

   “ข้าบอกว่าท่านไม่ต้อง ยังไงข้าก็จะรับผิดชอบ ถึงแม้เมื่อคืนข้าจะเมามากจนจำอะไรไม่ได้ก็ตาม” ร่างโปร่งของอ๋องน้อยยังคงพูดพร่ำ อย่างที่ใจคิด แม้ว่าบางอย่างในร่างกายจะบอกว่ามันไม่ใช่

   “เจ้านี้หน่า ยังคิดอะไรแบบนั้นอยู่อีก แล้วเป็นน้องพูดกับพี่ให้มันน่าฟังกว่านี้ไม่ได้หรือไร” สุรเสียงทุ้มจากองค์ที่คิดจะอ่อนข้อให้ ยังคงนุ่มนวลน่าฟัง และมองคนตรงหน้าอย่างเริ่มจะเอ็นดู

   “อะไร ท่านเป็นภรรยาข้า ท่านสิที่ควรพูดให้น่าฟัง ถึงท่านจะเป็นฮ่องเต้ หรือมีศักดิ์เป็นพี่ข้าก็ตาม แต่ท่านก็เป็นสนมของอ๋องเที้ยนหยวนด้วย อย่าลืมสิ” แม้จะรู้สึกดีกับคำว่าพี่ และความอบอุ่นที่สัมผัสได้ แต่ความทะนงในศักดิ์ศรีก็บอกให้ปัดความรู้สึกเหล่านั้นออกไป

   “เที้ยนหยวน เจ้าพูดดีๆไม่รู้ฟังใช่ไหม อย่าทำให้พี่โมโหแต่เช้าจะได้ไหม”

   “ก็แล้วท่านจะ.....อืมมมม” คำพูดแสนดื้อรั้นหายไปในลำคอระหง เมื่อริมฝีปากร้อนฉกวูบลงมา ดูดกลืนคำพูดใดๆให้หายลงไปสิ้น ไม่เหลือไว้แม้แต่ลมหายใจแผ่วๆ

   “จะหยุดพูดได้หรือยัง” พระเนตรคมมองใบหน้าหวานขึ้นสี หลังจากที่ยอมละออกจากริมฝีปากแสนหวาน พระโอษฐ์ปรากฏรอยแย้มพระโอษฐ์นิดๆ “แล้วฟังพี่ให้ดีนะเที้ยนหยวน เรื่องเมื่อคืน ถึงเจ้าจะเมาจนจำอะไรไม่ได้เลย แต่พี่จำได้ทุกสิ่งที่เกิดขึ้น”

   “แล้วมันเกิดอะไรขึ้นเล่า แล้วท่านมาจูบข้าทำไม” อ๋องน้อยเริ่มรับรู้ได้ด้วยสัญชาตญาณถึงสิ่งที่ผิดแปลกไป ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์อย่างฮ่องเต้อี้หลง เป็นฝ่ายจูบปาก มันไม่ใช่เรื่องปรกติที่ควรเกิดขึ้นเลยสักนิด

   “เรื่องเมื่อคืนเจ้าเข้าใจถูก แต่ที่ผิดคือ พี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบเจ้า เมื่อคืนพี่คงเป็นผู้ชายคนแรก พี่เข้าใจถูกใช่หรือไม่เที้ยนหยวน” องค์ฮ่องเต้ได้กล่าวความจริงออกไป พร้อมรอดูสิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นต่อไปอย่างเฝ้าระวังไม่รู้ว่าคนอย่างอ๋องน้อยเจ้าสำราญจะรับเรื่องนี้ได้เพียงใด

   “ไม่จริง ท่านหลอกลวงข้า ไม่” จากเสียงกรีดร้องกลายเป็นพร่ำเพ้อแผ่วเบา ถ้อยรับสั่งยังคงตราแน่นเกินกว่าจะตั้งสติได้

   “พี่ที่เป็นฝ่ายต้องรับผิดชอบเจ้า เมื่อคืน พี่คงเป็นผู้ชายคนแรก พี่เข้าใจถูกใช่ไหมเที้ยนหยวน”   

   “ม่ายยยยยยยยย  ไม่จริง” เสียงตะโกนก้องทั่วพระราชฐานส่วนพระองค์ ทำให้องค์ฮ่องเต้ต้องทรงมองอย่างเฝ้าระวัง จับจ้องทุกการเคลื่อนไหวของอ๋องน้อย

   “มันเป็นเรื่องจริงที่เจ้าต้องยอมรับเที้ยนหยวน พี่รู้ว่ามันอาจยากที่จะเชื่อ แต่มันคือความจริง” ฮ่องเต้หนุ่ม ผู้ทัยเย็นเป็นนิจ ปลอบประโลมน้องชาย กับเหตุการณ์ที่ยากจะยอมรับ

   “ไม่จริง ท่านหลอกข้า ท่านอ่ะ.....” เสียโวยวายหายไป หลงเหลือแต่เสียงจากความทรมาน ทันทีที่ขยับตัวลงจากที่นอนสูง ความเจ็บริ้วจากร่างกายส่วนล่างที่ทำให้ตื่นขึ้นมากลับทวีขึ้นอย่างรุนแรง จนไม่อาจเอ่ยคำใดออกมาได้

   แม้ร่างกายจะบอกให้รู้ว่าสิ่งที่ฮ่องเต้ตรัสเป็นความจริง หากแต่ใจของคนที่เคยอยู่เหนือใครต่อใคร กลับดื้อรั้นไม่ยอมเชื่อฟัง ปฏิเสธความจริงที่เกินจะรับได้

   “เห็นไหมร่างกายเจ้ายังฟ้องเลยว่าเมื่อคืนเกิดสิ่งใดขึ้นบ้าง แล้วใย เจ้าไม่ยอมรับฟังมัน พี่ไม่มีเหตุผลใดที่จะสร้างเรื่องหลอกลวงเจ้า จงเชื่อในสิ่งที่พี่บอกเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้อี้หลง ค่อยๆสวมกอดอ๋องน้อย หวังว่าการเกลี้ยกล่อมจะได้ผล

   “หมายความว่า เมื่อคืนข้ากับท่าน ข้าคงพ่ายแพ้แก่แล้วใช่ไหม ฝ่าบาท ข้าถูกหยามเกรียติ ไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆอีกแล้ว” เสียงแผ่วเบาล่องลอยไร้น้ำหนัก ของคนในอ้อมแขนของฮ่องเต้หนุ่ม คาดเดาไม่ได้เลยว่า เจ้าของคำพูดคิดสิ่งใดอยู่   

   “ศักดิ์ศรีของเจ้ายังอยู่ครบเที้ยนหยวน เจ้ายังคงเป็นอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลง สิ่งที่เจ้าว่าหายไป มันยังอยู่ แต่จะหายไปก็ต่อเมื่อเจ้าตนไม่เป็นที่เคารพของผู้คน เที่ยวข่มเหงรังแกประชาชนอย่างที่แล้วมา”

   “แล้วศักดิ์ศรีความเป็นชายของข้าหล่ะ ท่านคิดว่ามันยังอยู่งั้นหรือ” แม้ปากจะยังพูดต่อไป แต่สายตากลับไม่ได้มองพระพักตร์ผู้ฟัง ดวงตาไร้ความสดใสมองเหม่อไปไกลถึงสิ่งที่นอนนิ่งซ่อนตัวอยู่ใต้หมอนในห้องส่วนตัว

   “มันจะไม่หายไป หากเจ้าไม่รังแกคนที่อ่อนแอกว่า มันยังคงอยู่ เหมือนที่เฉียนกุ้ยก็ยังคงมีศักดิ์ศรีเหล่านั้น เหมือนเจ้า เหมือนพี่ เหมือนทหารทุกคน”

   “พอเถิดฝ่าบาท ต่อให้พระองค์ตรัสเช่นไร แต่สิ่งกระหม่อมรู้สึก มันก็ยังคงเหมือนเดิม หากฝ่าบาทจะทรงพระเมตตา กระหม่อมอยากอยู่คนเดียว ขอให้กระหม่อมได้กลับไปยังห้องของกระหม่อมด้วย” เหมือนว่าองค์ฮ่องเต้ จะขยับเข้ามาใกล้ หากแต่อ๋องน้อยกลับก้าวหนี ถ้อยคำทางการที่ไม่เคยพูด กลับพูดออกมาได้อย่างคุ้นเคย

   “ตามใจเจ้าเถอะ กลับไปนั่งทบทวน บางทีการอยู่คนเดียวอาจทำให้เจ้าคิดได้ แต่ให้รู้ไว้อย่าง ว่าพี่ไม่ต้องการให้เรื่องเช่นเมื่อคืนเกิดขึ้น พี่เสียใจไม่ต่างกับที่เจ้าเสียใจ” เสียงแผ่วเบาถ่ายทอดความรู้สึกจากพระหทัย ก่อนปล่อยให้อ๋องน้อยเดินจากไป

   “ฮวางหู ”   เมื่อร่างโปร่งลับสายตา สุรเสียงก้องกังวาลก็ร้องเรียกราชองค์รักษ์ที่ยืนเฝ้าอยู่หน้าประตูตั้งแต่เมื่อคืนให้เข้ามาถวายงาน

   “ฝ่าบาททรงมีอะ......”
 
   “เราอยากปรึกษาเจ้าเรื่องเที้ยนหยวน และท่านอาปาหยาง เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนเจ้าคงรู้แล้วใช่ไหม” องค์ฮ่องเต้ทรงถอนพระทัย กับเรื่องที่ทรงคิดไม่ตก เรื่องที่ไม่ควรดำเนินมาแบบนี้

   “กระหม่อม บางทีเรื่องเมื่อคืนอาจทำให้อะไรง่ายยิ่งขึ้น หากฝ่าบาทจะทรงเกลี้ยกล่อมท่านอ๋องน้อยได้” ฮวางหูมีแผนบางอย่างอยู่ในใจ

   “อย่าว่าแต่เกลี้ยกล่อม แค่ทำให้ยอมรับความจริงก็ยากมากแล้ว แต่บางทีหากเราทำให้เที้ยนหยวนอ่อนลงได้ การถอดยศสองพ่อลูกก็อาจจะไม่จำเป็น อาจแค่เนรเทศท่านอาให้อยู่ห่างจากเมืองหลวง ส่วนเที้ยนหยวนถ้าให้อยู่แต่ในวังหลวงไม่ออกไประรานใคร ก็คงจะดี”

   “ฝ่าบาททรงคิดเช่นไรกับท่านอ๋องกัน” ท่าทีที่อ่อนลงจนเห็นได้ชัด สร้างความกังขา และคงมีเพียงแค่องค์รักษ์คนสนิทเท่านั้นที่กล้าถามคำถามนี้ต่อองค์ฮ่องเต้

   “นั่นสิ ความคิดเราที่มีต่อเที้ยนหยวนอาจเปลี่ยนแปลงไป เมื่อคืนที่ได้นั่งอยู่ด้วยกัน มันทำให้เราเห็นเนื้อในของคนคนนี้ และหากเราจะมีใครสักคนที่สามารถพูดคุยได้โดยไม่ต้องคำนึงถึงฐานะ หรือเรื่องราชการใด คนที่ทำให้เราผ่อนคลายได้ ก็คงดี”

   “หากคนผู้นั้นเป็นท่านอ๋อง กระหม่อมว่าอาจทำให้พระองค์เหนื่อยและปวดหัวยิ่งขึ้น แต่ก็คงมีเรื่องสนุกได้ไม่เว้นแต่ละวันเช่นเดียวกัน”
 
   “นั่นสิ เรื่องแรกที่จะทำให้เราปวดหัวคงเป็น เหล่าสาวงามของท่านอ๋อยน้อยเจ้าสำราญเป็นแน่ หากคนคนนั้นเป็นเที้ยนหยวนจริง เจ้าก็คงเหนื่อยขึ้นอีกเยอะ เพราะสาวงามเหล่านั้นไม่ปล่อยท่านอ๋องน้อยให้เราง่ายๆแน่นอน”

   “กระหม่อมยอมเหนื่อย หากพระองค์จะทรงพระสำราญได้บ้าง” องค์รักษ์คนสนิทยินดีหากเหนือหัว เหนือชีวิตจะมีความสุข แต่แล้วเสียงกรีดร้องลั่นก็เรียกความสนใจจากบุรุษต่างฐานะทั้งสอง

   “เสียงร้องของใครดังมาจากตำหนักของเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ทรงรีบวิ่งไปสู่ทิศทางของเสียงเมื่อตระหนักได้ว่าเสียงนั่นมาจากที่ใด ตามด้วยองค์รักษ์ประจำพระองค์ และเหล่าทหารภายในเขตราชฐาน

   “เที้ยนหยวน เจ้าจะทำอะไร” ภาพภายในตำหนักมีขันทีหน้าหวาน ยืนตัวสั่นอยู่มุมห้อง และอ๋องน้อยผู้มีน้ำตาเต็มใบหน้าหวาน ริมฝีปากแดงช้ำห้อเลือดขึ้นเป็นรอยฟันที่เจ้าตัวกัดมันเพื่อระบายความเจ็บใจ ในมือบางกำกริชประจำตัวไว้แน่น

   “.......” ไร้คำตอบใดๆ มีเพียงดวงตากลมโตแดงก่ำจับจ้อง ก่อนที่มือบางจะยกกริชขึ้นสูง และเร็วเกินกว่าใครจะรู้สึกตัว ปลายกริชเล่มคมพุ่งลงสู่แผ่นอกราบเรียบ บริเวณที่มีก้อนเนื้อก้อนเล็กแอบซ่อน

   “ฝ่าบาท!!!”  เสียงของเหล่าทหารองค์รักษ์ดังระงม เมื่อพระหัตถ์หนา เต็มไปด้วยพระโลหิต แดงเข้ม ไหลหยดลงสู่พื้น ในพระหัตถ์หนามีปลายกริชสองคม

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงใช้พระหัตถ์รับกริชแทนหัวใจของท่านอ๋องเที้ยนหยวนที่หมายจะปลิดชีพตัวเอง

   วรองค์สูงใหญ่ ไม่น่าเกรงขามเท่าพระพักตร์นิ่งเรียบ ดวงเนตรคมกล้าจ้องมองร่างโปร่งที่มองพระหัตถ์อย่างตกตะลึง ภายในห้องเงียบสงบไร้สรรพเสียงใดๆ

   กริชที่ได้รับการประดับอย่างสวยงามด้วยหยกและอัญมณีสูงค่าประทับตรามังกรมีใช้ในราชวงศ์เท่านั้น ถูกโยนทิ้งข้ามไหล่ผู้เป็นเจ้าของไปด้วยพระหัตถ์หนา

   “เพลี้ยะ” เสียงฝ่าพระหัตถ์หนาตวัดลงบนใบหน้าสวยหวานอย่างแรง เพื่อลงโทษคนสิ้นคิด ที่หาทางออกด้วยการจะลาลับจากโลก ไม่เห็นค่าชีวิตของตน

   ใบหน้าหวานที่สะบัดตามแรงหันกลับมาจ้องพระพักตร์เจ้าของพระหัตถ์ ที่มุมปากมีหยาดเลือดสีแดงสด ที่ข้างแก้มมีรอยเปรอะเปื้อนพระโลหิตจากพระหัตถ์ ท่านอ๋องน้อยทรุดลงทั้งยืน หมดสติในอ้อมแขนที่คว้าไว้ได้ทัน

   ท่ามกลางความเงียบของเหล่าองค์รักษ์ หากแต่สิ่งหนึ่งในใจของทุกคนคือกฎมณเฑียรบาล ที่ตราไว้ตั้งแต่เริ่มก่อตั้งราชวงศ์
   

‘มันผู้ใดทำให้พระโลหิตแห่งโอรสสวรรค์ต้องหลั่งริน มันผู้นั้นต้องชดใช้ด้วยชีวิตเก้าชั่วโคตร’

    * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *


สวัสดีค่ะ มาพร้อมกับเลือดสดๆไหลแหม่ะ กันเลยทีเดียว

ขอบคุณคะ

ปล. ตอนจบไม่เศร้าแน่ๆคะ

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
มาไวจริงๆจ้า กะลังหนุกเรย แล้วอย่างนี้อ๋องน้อยจะโดนประหารมั้ยเนี่ยะ
ทั้งๆที่ฮ่องเต้ ไปรับมีดเองนะนั่น รอลุ้นต่อไปจ้า  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
 :a5:จะมีการประหารหกันด้วยเหรอ
ฮ่องเต้คงไม่ใจดำสังประหารเมียตัวเองหรอกนะ

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เอร๊ยยยยย!!! :a5:

อ๋องน้อยคงไม่เป็นไรใช่มั้ย


ฮ่องเต้ช่วยอ๋องน้อยด้วยนะ :sad4:


^^


:3123: :3123:


ice-vanilla

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: อ๋องน้อย

 :กอด1: ฮ่องเต้ ฮ่าๆๆ ฮ่องเต้น่ารักมาก

hikaru00

  • บุคคลทั่วไป
อู้ว ขยันอัพจริงๆ ไม่ได้เข้ามาไม่กี่วัน ทำไมมันเยอะอย่างงี้้งงงงง  :z1:

อ๋องน้อยโคดเอาแต่ใจจริงๆ อ่ะ ไปจีบหนุ่มน้อยให้เขาเสียใจเล่น เฮ้อ อย่างงี้ฮ่องเต้ต้องจับสั่งสอนให้เข็ดๆ อิอิ

แต่โดนแทงข้างหลังพี่แกก็เจ็บมะใช่เล่นนะเนี่ย แล้วฮ่องเต้จะทำยังไงต่อปายยย  :serius2:

จะรอนะคะ

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...六


   พระองค์สูงใหญ่ในห้องทรงอักษร กำลังประทับนิ่งให้หมอหลวงรักษาแผลลึกที่ฝ่าพระหัตถ์ ในขณะที่สายตายังทอดพระเนตรรายงานต่างๆ ที่มีเข้ามาทุกวัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทหาร การชลประทาน และเรื่องเดือดร้อนที่ชาวบ้านส่งมาร้องเรียน

   พระขนงขมวดเข้าหากันเมื่ออ่านฎีการ้องเรียนจากชาวบ้านกว่าร้อยคนในเขตปกครองของปาหยางอ๋องที่รวมตัวกันเพราะทนเดือดร้อนจากการถูกขูดรีดไม่ได้

   เดือนอ้าย ปาหยางอ๋องขึ้นภาษีที่ดินเป็นครั้งที่ห้า หากบ้านใดไม่มีตำลึงมาจ่ายก็ให้เอาตัวลูกสาวมาขัดไว้เสีย ยังเกณฑ์ชายหนุ่มตั้งแต่สิบสี่ไปจนถึงชายชราวัยหกสิบ เพื่อไปก่อสร้างขยายเขตวังทู่หลงให้กว้างขวางขึ้น ตามที่นาเหลือแต่ ผู้หญิง และคนชราเท่านั้น
   
พระหัตถ์อีกข้างที่ยังใช้การได้หยิบฎีกาฉบับนี้ส่งให้องค์รักษ์เอกอ่านดู ก่อนจะทรงไล่ทั้งหมอหลวง ทั้งข้าราชบริพารให้ออกไป เว้นเพียงแต่ ฮวางหูเท่านั้นที่ยังคงก้มหน้าอ่านฎีกาที่ชาวบ้านร้องเรียนมา

   “เจ้าคิดว่าอย่างไรกับเรื่องนี้” องค์ฮ่องเต้อี้หลงรับสั่งถามคนสนิทที่กำลังทำสีหน้าครุ่นคิด ไม่ต่างจากพระองค์

   “หม่อมฉันคิดว่าหากปล่อยไว้ให้เป็นแบบนี้ต่อไป จะส่งผลเสียต่อฝ่าบาท ประชาชนอาจไม่พอใจแล้วรุกฮือขึ้นมาต่อต้าน จนเกิดการเปลี่ยนราชวงศ์ ดังที่แล้วๆมา”  สำหรับองค์รักษ์ความปลอดภัยของโอรสสวรรค์และราชวงศ์เป็นเรื่องสำคัญ หากจำเป็นก็ต้องตัดเนื้อร้ายออกไป

   “กฎบชาวนาเป็นเรื่องสำคัญและมีอิทธิพลต่อทุกราชวงศ์ ฝ่ายหนึ่งก็ประชาชน อีกฝ่ายหนึ่งก็ท่านอา หากเราทำรุนแรงไปก็ไม่สมควร จะให้ไต่สวนก็เกรงจะช้าไม่ทันการ ป่านนั้นท่านอาคงยิ่งหลงมัวเมาในลาภยศ สร้างความเดือดร้อนไม่หยุดหย่อน” ฮ่องเต้ทรงถอนหายใจด้วยความกังวล หาหนทางหยุดความประพฤติของท่านอ๋องปาหยางที่นับวันยิ่งสร้างแต่ปัญหา ไม่แปลกใจที่ลูกชายคนเดียวเป็นคนเช่นนี้ “จริงสิ ตอนนี้เที้ยนหยวนอยู่ไหน”

   “ตอนนี้ท่านอ๋องถูกกุมตัวไว้ในเรือนอาญา รอให้ท่านกรมวังไต่สวนแล้วออกประกาศลงโทษ ประหารเก้าชั่วโคตรกระหม่อม” ฮวางหูตอบอย่างฉะฉานเพราะก่อนหน้านี้ได้ให้คนไปสอบถามมาแล้วเรียบร้อย รู้ดีว่ายังไงฮ่องเต้ก็ต้องรับสั่งถามถึงเรื่องนี้

   “ถึงขั้นต้องประหารเลยงั้นหรือ”  ทรงนิ่งเงียบไป ทวนโทษของอ๋องน้อยที่พระองค์หมายมั่นจะให้ขึ้นมาเป็นคนพิเศษที่จะอยู่เคียงข้างกันไป เป็นคนที่จะทรงผ่อนคลายยามอยู่ใกล้

   “กระหม่อม ตามกฎมณเฑียรบา~”

   “พอเลยๆ” ทรงยกพระหัตถ์ข้างที่ได้รับการพันแผลอย่างประณีตขึ้นห้ามองค์รักษ์ “เราจำกฎคร่ำครึพวกนั่นได้ดี ท่านราชครูสอนเราเรื่องนี้ตั้งแต่เรายังพูดไม่ได้เลยกระมัง” ทรงเหนื่อยใจกับกฎเก่าๆที่ยากแก่การเปลี่ยนแปลง เพราะมันเป็นสิ่งที่คงอยู่กับการปกครอง “เจ้าไปเชิญท่านราชครูมาหาเราหน่อย แล้วก็ไปบอกท่านกรมวังอย่าพึ่งไต่สวนหรืออะไรทั้งสิ้น ส่วนเที้ยนหยวนก็ให้อยู่ในเรือนอาญาไปก่อน รอคำสั่งจากเรา”

   “กระหม่อม” ฮวางหูรับคำฮ่องเต้ก่อนถวายความเคารพแล้วจากไปทำตามคำสั่งที่ได้รับ รีบไปเชิญท่านราชครูก่อนจะไปทำเรื่องอื่นๆ

        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ชายชราแววตาเต็มไปด้วยความห่วงใยและเอ็นดูหนึ่งบุรุษในห้องไม่ต่างจากลูกหลานคนหนึ่ง หนวดขาวยาว บ่งบอกวัยที่ล่วงเลย และประสบการณ์ที่มากล้น เดินเข้ามาในห้องทรงอักษรของโอรสสวรรค์อย่างคุ้นเคย ห้องนี้เคยสั่งสอนให้ความรู้แก่ยุวกษัตริย์ ตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์จนบัดนี้ กลายเป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจ “ท่านองค์รักษ์ฮวางหูบอกว่า ฮ่องเต้มีรับสั่งเรียกหาครูหรือกระหม่อม”

   “ท่านครู เรามีเรื่องอยากจะปรึกษา” ทุกครั้งเมื่ออยู่ต่อหน้าชายชราผู้นี้จากฮ่องเต้ที่คนทั้งประเทศเกรงกลัว จะกลับกลายเป็นเด็กตัวน้อยในทันที  “เรื่องท่านอาปาหยางกับเรื่องของอ๋องเที้ยนหยวนลูกชายของท่านอา”

   “เรื่องที่ท่านปาหยางอ๋องกดขี่ราษฏรใช่ไหมกระหม่อม ครูพอจะได้ยินมาบ้าง แต่เรื่องท่านอ๋อง....อ๊ะ พระหัตถ์ของฝ่าบาท” ผู้เฒ่าสังเกตเห็นผ้าพันแผลบนพระหัตถ์ของศิษย์คนเก่งถึงกับมองด้วยความตกใจ

   “ก็นี้แหล่ะเรื่องที่ท่านอ๋องน้อยทำไว้ ท่านครูพอมีทางเลี่ยงกฎมณเฑียรบ้างหรือไม่ แบบที่ไม่ให้ใครต้องมาเอาชีวิตมาชดใช้กับเลือดของเรา” นี้เป็นเรื่องใหญ่ที่องค์ฮ่องเต้คิดว่าสมควรที่จะปรึกษาชายที่ผ่านอะไรมามกมาย ทั้งเหล่เหลี่ยมกลโกงสารพัด

   “ครูว่าถึงจะหลีกเลี่ยงเช่นไร แต่ท่านอ๋องก็ต้องรับโทษ ไม่เช่นนั้นกฎจะไม่เป็นกฎ อาจไม่จำเป็นต้องเก้าชั่วโคตร แต่อาจเหลือแค่เพียงคนที่ทำร้ายฝ่าบาทเพียงคนเดียว” หลังจากใคร่ครวญแล้ว โทษที่ลดได้มากที่สุดเห็นจะเป็นเพียงแค่นั้น

   “โธ่ท่านครู เราก็บอกว่าไม่เอาชีวิตใครไง ไม่ได้หรือ” ขณะนี้ราชครูกลับมองเห็นเด็กน้อยจอมดื้อรั้นแทนที่ฮ่องเต้ผู้สง่างามเสียแล้ว “ขอเถอะครั้งนี้ ท่านน่าจะมีทางเลี่ยงที่ดีกว่านั้น เราเชื่อใจท่านครูที่สุดแล้ว”

   “เรื่องท่านอ๋องน้อย ขอเวลาให้ครูได้คิดกว่านี้คงมีทางออกที่ดีกว่านี้ แต่เรื่องท่านปาหยางอ๋อง ครูเกรงว่าหากปล่อยไว้นาน เรื่องมันจะบานปลาย ประชาชนจะลุกฮือได้” ในที่สุด ท่านครูก็ความขี้อ้อนของเด็กน้อยที่แผงในตัวฮ่องเต้ จนได้

   “ท่านพูดเหมือนฮวางหูเลย เราเองก็คิดเช่นนั้น สงสัยว่าหากจะอ้างความเป็นญาติ แล้วใช้แผลบนมือให้เป็นประโยชน์ ไล่ท่านอาออกจากเมืองหลวงแล้ว ยึดตำแหน่งคืน มันจะได้หรือไม่” องค์ฮ่องเต้ทรงอธิบายที่วางไว้แบบคร่าวๆให้ท่านครูช่วยคิดถึงความเหมาะสมอีกครั้ง

   “อืออออ....มันก็ได้” คำว่าก็ได้ ทำให้พระพักตร์คมปรากฏรอยยิ้มขึ้น แต่ก็หายไปอย่างรวดเร็วเพราะประโยคต่อมา “แต่ถ้าทำเช่นนั้นท่านก็ต้องไล่คนทั้งวังทู่หลง รวมถึงท่านอ๋องน้อย”

   “ไม่ใช่สิท่านครู เราหมายถึงแค่ท่านอา ไม่ได้หมายถึงเที้ยนหยวนเลย” ดวงตาคมเข้มของพญามังกรกลายกลับเป็นดวงตาขี้อ้อนดั่งลูกกวางน้อยอีกครั้ง เหมือนเมื่อครั้งยังทรงเยาว์วัย ร้องขอให้ท่านครูทำตามสิ่งที่ทรงประสงค์

   “แต่ท่านจะยังให้ท่านอ๋องประทับอยู่ที่นี้อีกทำไม ในเมื่อประสงค์แรกเริ่มของพระองค์ คือสองพ่อลูกจากวังทู่หลง อย่าทรงลืมสิกระหม่อมว่าที่พระองค์ให้ท่านอ๋องเข้ามาอยู่ก็เพื่อจะจับผิดท่านอ๋องน้อย” ท่านราชครูเอ่ยเตือนศิษย์รักไม่ให้หลงลืมเหตุผลที่ให้ท่านอ๋องเข้ามาอยู่ในวัง แม้จะไม่เข้าใจว่ามันเกิดอะไรขึ้นฮ่องเต้ถึงได้พยายามรั้งท่านอ๋องไว้เพียงนี้

   “มันก็ใช่ แต่ว่าท่านครู พอเที้ยนหยวนเข้ามาอยู่แล้ว เรารู้สึกว่าความจริงเขาก็ไม่ได้เลวร้าย แต่ว่ามันเป็นที่การเลี้ยงดูของท่านอาปาหยาง ให้เวลาและโอกาส เราเชื่อว่าเที้ยนหยวนจะเป็นคนดี นะท่านครู ช่วยเรานะ” จากที่อ้อมค้อมให้ช่วยท่านอ๋องสุดท้ายฮ่องเต้หนุ่มกลับลงได้ว่าให้อาจารย์ช่วยพระองค์เอง

   “โถ่ ฝ่าบาท ทำเนตรเหมือนเด็กเช่นนั้น ครูก็ใจอ่อนสิกระหม่อม” ในที่สุดชายชราหนวดยาวก็ ใจอ่อนกับท่าทางของฮ่องเต้หนุ่ม “ก็ได้ แต่จะใช้ข้ออ้างอะไรทรงคิดให้ครูเถิดแล้วครูจะแจ้งแก่ท่านกรมวังให้ ต้องเป็นข้ออ้างที่เหมาะสมด้วยนะกระหม่อม”

   “ข้ออ้างที่เหมาะสม ก็เช่น....เที้ยนหยวนอายุยังน้อย ที่ทำไปเพราะรู้เท่าไม่ถึงการณ์ ท่านครูว่ามันเหมาะสมไหม หรือ เพราะเรามีเมตตาสูงส่งจึงสงสารเที้ยนหยวนผู้สนิทเสน่ห์หาเหมือนน้องชายเลยละเว้นโทษไว้”

   “แต่ละอย่างที่ท่านอ้าง มันดู.....ง่ายไปหน่อยหรือไม่ เรื่องที่ท่านจะทำมันขัดกับกฎมณเฑียรอยู่มากแล้ว จะมาอ้างว่าเป็นน้อง ครูว่ามันไม่เหมาะสม” ท่านราชครูลูบหนวดตัวเองอย่างใช้ความคิด หาหนทางช่วยเหลือทุกวิธีทาง “เอ แต่ถ้าจะบอกว่า เพราะท่านอ๋องไม่มีส่วนผิดในเรื่องที่ข่มเหงประชาชน จึงไม่ต้องถูกเนรเทศ หากแต่เพราะความผิดที่พลั้งมือทำฮ่องเต้หลั่งพระโลหิตจึงต้องรับโทษ แต่เพราะองค์ฮ่องเต้ทรงมีพระเมตตาเป็นล้นพ้น จึงละเว้นโทษตาย เหลือเพียงทำหน้าที่รับใช้เบื้องยุคลบาทในวังหลวง อย่างนี้พอจะได้”

   “ดีๆ เอาอย่างนั้นแหล่ะท่านครู ท่านไปบอกกรมวัง ให้ออกประกาศได้เลย ขอบคุณนะท่านครู เราเชื่อใจคนไม่ผิดจริงๆ” พระพักตร์ที่เคยนิ่งขรึมกลายเป็นรอยยิ้มร่า ทรงรู้อยู่แล้วว่าเช่นไรท่านราชครูผู้แสนใจดี ก็ไม่ปล่อยให้มีอะไรขัดพระประสงค์ฮ่องเต้ได้  “เดี๋ยวเราจะมีคำสั่งถ่ายทอด ถอดยศอ๋องทั้งสองแห่งวังทู่หลง แล้วก็ประกาศเนรเทศท่านอาปาหยาง และสั่งลงโทษเที้ยนหยวน อ้อสั่งปล่อยเที้ยนหยวนออกจากเรือนอาญา เราฝากด้วยนะท่านครู” แล้วฮ่องเต้อี้หลงก็กลับสู่ความนิ่งเงียบ ดั่งที่โฮรสสวรรค์พึงเป็น

   “รับด้วยเกล้า” ท่านราชครูก้มโค้งให้ผู้มีศักดิ์สูงสุดในแผ่นดิน น้อมรับคำสั่งก่อนแจ้งเรื่องให้ท่านกรมวังรับรู้ แล้วประกาศเรื่องราวออกสู่ประชาชน

   “เฮ้อ รอดพ้นเคราะห์ไปได้นะเที้ยนหยวน ต่อจากนี้เราจะเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง จะมองเจ้าด้วยแง่มุมที่ไร้อคติ จะทำให้เจ้ากลายเป็นคนพิเศษของพี่ และอยู่เคียงข้างพี่” เสียงกระซิบแผ่ว ถ้อยคำที่องค์ฮ่องเต้อี้หลงหวังฝากสายลมไปถึงเรือนอาญา บอกกล่าวให้หนึ่งคนในนั้นได้ยิน
       
         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ขอบคุณคะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด