♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]  (อ่าน 149670 ครั้ง)

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
 :เฮ้อ: ค่อยยังชั่วที่ไม่โดนประหาร


ยังไงๆก็ทำตัวดีๆนะอ๋องน้อย o13


ปล.มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ ยาวๆด้วย    :monkeysad:


^^


 :3123: :3123:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 03-05-2011 01:09:07 โดย kukkukku »

ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
ฮ่องเต้หลงเสน่ห์เที้ยนหยวนแน่ๆเลยถึงได้ช่วยขนาดนี้
กว่ามันจะเป็นอย่างคิดฮ่องเต้แล้วก็คนในวังคงปวดหัวน่าดู
รอตอนต่อไปเรื่อยๆน้า

hikaru00

  • บุคคลทั่วไป
อู้ว รอดไปๆ

ยังไงฝาละมีก็ไม่มีทางทำโทษนุ้งรักได้อยู่แล้ว เว้นแต่จะลงโทษบนเตียงนะ  :-[ :-[ กร๊ากกกกก

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
รอดตายได้ก็ดีแล้วหล่ะ
แต่ว่า อ๋องน้อยจะพยศอีกมั้ยเนี่ยะ  :เฮ้อ:

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
แอร๊ย...........สนุกอ่ะ กดบวกๆ

ชอบแนวนี้จัง  ><

ice-vanilla

  • บุคคลทั่วไป
 :เฮ้อ: โล่งใจแทนอ๋องน้อย(ที่ตอนนี้คงรู้สึกแย่น่าดู :o12:)

จากนี้ไปหวังว่าคงได้เห็นฉากหวานๆจากฮ่องเต้กับอ๋องน้อยนะคะ

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อยากอ่านต่ออ่ะ มาต่อเร็วๆนะจ๊ะ  :call:



^^


:3123: :3123:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก....七


   วรองค์สูงสง่าประทับบนบังลังมังกร ออกว่าราชการงานเมืองที่มีมากมายไม่เว้นแต่ละวัน ประทับฟังอย่างเบื่อหน่าย จนกระทั้งถึงประกาศสุดท้ายจากกรมวัง

   “ รัชสมัยที่สิบแห่งการปกครองโดยฮ่องเต้ อี้หลง จากฎีการ้องเรียนของชาวเมืองหลวง จึงทรงมีราชโองการถอดยศปาหยางอ๋อง ขุนนางระดับสาม ให้มีการยึดทรัพย์ทั้งหมดเข้าพระคลังหลวง เนรเทศไปยังดินแดนทางเหนือ สุดเขตอาณาจักร ต้องรายงานตนทุกสิบห้าวันภายใต้การกำกับของผู้คุมมณฑล สำหรับท่านอ๋องเที้ยนหยวน จากความผิดทำให้องค์ฮ่องเต้ต้องหลั่งพระโลหิต มีโทษประหารเก้าชั่วโคตร หากแต่น้ำพระทัย จึงทรงลดโทษเหลือเพียงกักตัวไว้ในพระราชฐานส่วนพระองค์ รับใช้ตามพระประสงค์ จบราชโองการ”

   “ไม่ ฮ่องเต้ กระหม่อมเป็นอาพระองค์นะ จะส่งทำเยี่ยงนี้ไม่ได้ ข้าไม่ยอม” เสียงโวยวายจากที่ของขุนนางขั้นสามดังขึ้น พร้อมกับการถลาตัวออกมาคุกเข่าเบื้องพระพักตร์ จ้องพระพักตร์ฮ่องเต้นิ่งขึ้ง

   “เพราะท่านเป็นอา เราถึงได้ลงโทษเพียงแค่นี้ หากท่านเป็นคนอื่น เราคงสั่งจองจำลืมเดือนตะวันไปแล้ว ท่านอา ความผิดที่ท่านก่อขึ้นมันมากล้นจนเราไม่อาจแกล้งมองไม่เห็น ทหาร นำตัวท่านอาไป แล้วประกาศให้ประชาชนของเรารู้ทั่วกัน” สุรเสียงดังกังวานดั่งองค์ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ ทำให้ขุนนางเฒ่าอย่างท่านราชครูยิ้มพึงใจในศิษย์ผู้สูงศักดิ์

   เมื่อทหารนำตัวอดีตอ๋องผู้ฉ้อฉลออกไปจากโถงมังกรแล้วจึงทรงผินพระพักตร์ไปทางอำมาตย์ใหญ่ที่นั่งอยู่ไม่ไกล “ท่านกรมวัง แล้วเที้ยนหยวนจะได้ปล่อยตัวออกจากเรือนอาญาเมื่อไหร่กัน”

   “บัดนี้ทหารกำลังนำราชโองการไปแจ้งแก่ผู้คุมเรือนอาญา กระหม่อมคาดว่าอีกไม่เกินชั่วยาม ท่านอ๋องจะได้ออกมากระหม่อม”

   “ดีแล้ว วันนี้พอแค่นี้ ท่านกรมวัง ก็ไปดูแลเรื่องปล่อยตัวนักโทษและจัดการเรื่องเที้ยนหยวนให้เรียบร้อย แล้วก็ให้ไปหาเรา” เมื่อตรัสทุกอย่างดั่งประสงค์ รักษาชีวิตของน้องน้อยที่หวังให้เคียงคู่ได้แล้ว ฮ่องเต้จึงทรงเบิกบานพระทัยกว่าเมื่อแรกเริ่มมากนัก    

      
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ขณะทรงสำราญพระทัยในห้องทรงอักษร สายพระเนตรจับจ้องอยู่กับตำราปรัชญาเหล่าจื้อ ข้างกายมีร่างสูงใหญ่ขององค์รักษ์คนสนิท ยืนถวายความปลอดภัยไม่ห่าง

   “ฝ่าบา ท่านกรมวังพาท่านเที้ยนหยวนมาเข้าเฝ้าแล้วพ่ะย่ะคะ” เสียงทหารยามจากภายนอกร้องแจ้งให้คนด้านในได้รับทราบ องค์ฮ่องเต้เพียงพยักพักตร์น้อยๆ ฮวางหูราชองค์รักษ์ส่วนพระองค์ก็เปิดประตูต้อนรับคนทั้งสอง

   ร่างผอมของอดีตนักโทษเดินโซเซ อย่างไร้เรี่ยวแรงเข้ามาภายใน พร้อมกับขุนนางผู้ภัคดี สิ่งที่ฮ่องเต้อี้หลงทอดพระเนตรเห็น คือ ดวงตากลมโตแดงกล่ำ ใบหน้าเรียวซูบผอมลงไป แก้มใสยังมีรอยแดงจางๆ “ท่านกรมวัง ขอบใจมากที่นำนักโทษมาส่งให้เรา ท่านออกไปได้แล้ว เจ้าด้วยฮวางหู”

   “รับด้วยเกล้ากระหม่อม” แม้ขุนนางเฒ่าและคนสนิทจะถวายความเคารพ หากแต่สายพระเนตรยังคงจับจ้องที่ร่างเพรียวที่นิ่งเงียบ คุกเข่าอยู่หน้าโต๊ะทรงงาน

   “เที้ยนหยวน เจ้าโกรธพี่หรือไร ถึงปิดปากแน่นเช่นนั้น” วรองค์สูงเสด็จมาประทับหน้าร่างเล็กที่ยังคงก้มหน้านิ่งไม่พูดไม่จา เหมือนไม่รับรู้ว่ามีคนมายืนอยู่เบื้องหน้า

   นิ้วพระหัตถ์เรียวขององค์ฮ่องเต้หนุ่มเชยคางเล็กขึ้นมาเพื่อให้สบตากับพระองค์ “เจ้าไม่พูดแล้วพี่จะรู้หรือว่าเจ้าโกรธเคืองพี่เรื่องอะไร หืม”

   สุรเสียงที่เต็มไปด้วยกระแสความความห่วงใย ไม่อาจเปิดปากเล็กให้เอ่ยกล่าวสิ่งที่คับแค้นอยู่ภายใน มีแต่น้ำตาเท่านั้นที่กำลังไหลริน จนผู้สูงศักดิ์ต้องรีบ ทรุดลงนั่งเพื่อดึงรั้งศีรษะเล็กเข้าสู่อ้อมพระพาหาเพื่อปลอบโยน “อย่าร้องสิเที้ยนหยวน  เจ้ามีสิ่งใดที่อัดอั้นก็บอกพี่ โกรธเคืองเรื่องใด หากไม่พูด แล้วเราจะเข้าใจกันหรือ”

   “.......” มีเพียงความนิ่งเงียบเท่านั้นที่ร่างเล็กถวายแด่ฮ่องเต้ผู้ลดองค์ลงมาทรุดอยู่กับพื้น

   “โธ่ เที้ยนหยวน หรือเจ้าโกรธพี่เรื่องที่พี่ตบหน้าเจ้ากัน พี่ขอโทษ เจ้าคงเจ็บมากใช่ไหมดูสิ ยังแดงอยู่เลย เดี๋ยวพี่จะให้หมอหลวงปรุงยามาให้เจ้า ดีไหม” ไม่ใช่แค่พระสุรเสียงอ่อนโยน แววพระเนตรนั้นทอประกายความห่วงใยอันออกมาจากพระหฤทัย ที่มีต่อน้องน้อย

   พระดัชนีทรงไล้แก้มใสที่ยังคงรอยแดงของฝ่าพระหัตถ์ น้ำตาหยาดเล็กๆ ไหลงลงมาจากดวงตากลมหากแต่ยังคงไร้เสียงใดๆ แม้แต่เสียงสะอื้น

   “เจ็บมากหรือ เที้ยนหยวน อยู่ในเรือนอาญาคงไม่มีใครนำยาไปให้เจ้า มานี้นะ พี่มียาที่พอจะรักษารอยแดงช้ำอยู่บ้าง เจ้านั่งอยู่ตรงนี้ก่อนนะ” ทรงประคองร่างเล็กให้ลุกขึ้นมานั่งยัง เก้าอี้ไม้แกะสลักลายมังกร ที่ทรงประทับอยู่ก่อนหน้านี้

   ตลับยาสวยงาม ภายในบรรจุยารักษาที่ราคาแพงยิ่ง สำหรับฮ่องเต้เพียงพระองค์เดียว ถูกนิ้วพระหัตถ์แตะเนื้อยา ก่อนนำไปทาบนรอยแดงช้ำของคนที่ยังคงนั่งร้องไห้เงียบๆ “หากพี่ลงมือหนักก็บอกนะ หรือเจ้าเจ็บที่ใดอีกก็บอกพี่ อย่าเอาแต่นั่งเงียบเช่นนี้เลย เที้ยนหยวน”

   พระหัตถ์หนา แตะก้มใสเพียงแผ่วเบา กลัวน้องน้อยจะเจ็บไปกว่านี้ เนื้อยาชั้นดีถูกทาวนให้ทั่วรอยแดงช้ำ น้ำตาใสก็ยังคงไหลลงมาไม่ขาดสาย แม้ว่าพระอังคุฐ(นิ้วโป้ง)จะคอยเกลี่ยออกก็ตาม

   “เจ้าเจ็บส่วนใดอีกหรือไม่เที้ยนหยวน ข้อมือ ข้อเท้าที่ถูกจองจำ เจ็บไหม ให้พี่ดูหน่อยเถอะนะ” เสมือนว่าองค์ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งกับพระองค์เอง แต่กระนั้นก็ยังทรงพูดเพื่อให้อีกคนได้ฟัง บางทีอาจได้รับรู้ถึงความห่วงหาจากพระองค์บาง

   ข้อมือเล็กแดงช้ำจากเหล็กตรวนที่ถูกจองจำ ถูกชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์ เหนือใครทั้งแผ่นดิน ทายารักษาให้อย่างแผ่วเบา ผู้ที่ไม่เคยต้องทำสิ่งนี้ให้กับใคร กำลังทายาให้แก่น้องน้อยที่กำลังโกรธเคืองและโศกเศร้า

   “แล้วที่ข้อเท้าเจ้าเล่า เที้ยนหยวน ขอให้พี่ดูหน่อยเถอะนะ” ทรงลดองค์ลงต่ำกว่าร่างบาง ก้มดูข้อเท้าเล็กที่เคยขาวใสตอนนี้บวมแดง จนไม่แปลกพระทัยเลย เหตุใดเมื่อแรกเห็นถึงได้เดินโซเซเพียงนั้น

   “ให้พี่ทายาให้เจ้านะ อย่าได้ถอยเท้าหนีเลย” ทรงเงยพระพักตร์บอกกับเจ้าของข้อเท้าบางที่ถอยหนี ยามที่พระองค์จะนำวางบนพระเพลา(ตัก)

   “หายไวๆนะ” ทรงพูดกับแผลแดงช้ำบนข้อเท้าเล็กที่ได้จากโซ่หนักที่ผูกมัดระหว่างอยู่ในเรือนอาญา “พี่จะเป็นคนทายาให้เจ้าทุกวันเอง ทาจนกว่าจะหาย อย่าร้องไห้อีกเลยนะ”

   องค์ฮ่องเต้ประทับยืนเต็มความสูงของพระองค์ โน้มวรองค์ รั้งร่างเล็กที่นั่งอยู่เข้าสู้พระพาหาอีกครั้ง ลูบปลอบศีรษะเล็กและแผ่นหลังบาง หวังให้คลายความโศกเศร้าลงบ้าง แต่ก็เหมือนกอดตุ๊กตาที่ไร้ชีวิต เมื่อร่างเล็กยังคงเอาแต่นิ่งงัน และปล่อยให้สายน้ำไหลลงมาไม่ขาดสาย

     “หรือเจ้าโกรธพี่เรื่องท่านอากัน” เพียงแค่หลุดเรื่องที่ทรงสงสัย ก็ได้รับคำตอบเป็นปฏิกิริยานิ่งงันเกร็งตัวของน้องน้อยในอ้อมกอด

   ร่างเล็กของอ๋องน้อยที่เคยยิ่งใหญ่ ขืนตัวออกจากอ้อมพระพาหาของคนที่สั่งถอดยศและขับไล่บิดาของตนทันที ดวงตากลมโต จับจ้องบุรุษผู้สูงศักดิ์ตรงหน้าด้วยความเจ็บปวด...

   มีใครบางเล่าจะไม่เจ็บปวด

   ....พ่อถูกขับไล่

   ....บ้านที่เคยมีถูกยึด

   ....ทรัพย์สินมากมายหายไป

   ไม่หลงเหลือสิ่งใด...แม้แต่ศักดิ์ศรีของความเป็นชาย

   ทั้งหมดถูกลิดรอนด้วยชายตรงหน้า ชายผู้สูงศักดิ์จนมิอาจแก้แค้นได้

   เพียงแค่เริ่มคิดน้ำตาจากสายเล็กๆกลายเป็นนองหน้า ด้วยเกรียติที่ถูกปลูกฝังมาแต่เล็กถึงศักดิ์ศรีของความเป็นเชื้อวงศ์มังกรจักรพรรดิ ไม่อาจให้ผู้ใดเห็นน้ำตาไปได้มากกว่านี้ ร่างเล็กลุกขึ้นเดินอย่างช้าๆ ไม่สนใจคำเรียกขานจากบุรุษผู้สูงศักดิ์

   “ให้กระหม่อมไปนำตัวกลับมาหรือไม่ฝ่าบาท” องค์รักษ์คนสนิทที่ยีนถวายความปลอดภัยอยู่ด้านนอกมองเห็นท่านอ๋องน้อยที่เคยหยิ่งผยองเดินจากไป พร้อมเสียงเรียกขององค์ฮ่องเต้ รีบเดินเข้ามาถามเพื่อถวายการรับใช้

   “ไม่ต้องหรอก เที้ยนหยวนคงกำลังตกใจที่รู้เรื่องของท่านอา จัดทหารไปเฝ้าหน้าห้องของเที้ยนหยวน อย่าให้คิดทำร้ายตัวเองเหมือนครั้งนั้นอีก บอกพวกมันว่า หากเที้ยนหยวนเป็นอะไรไป พวกมันต้องรับผิดชอบชีวิตของอ๋องผู้นี้”  ฮ่องเต้หนุ่มทรงถอนพระปัสสาสะ ที่ตรัสไปก็เพียงแค่ขู่ หากอ๋องน้อยคิดฆ่าตัวตายอีกใครกันจะห้ามได้ ยามนี้ทรงมั่นพระทัยแล้วว่าสิ่งใดที่ทำให้น้องน้อยของพระองค์เป็นเช่นนี้

   เที้ยนหยวน เจ้าอย่าเป็นเช่นนี้อีกเลย ที่พี่ทำก็เพื่อบ้านเมือง หวังว่าสักวันเจ้าจะเข้าใจพี่..ยอมอภัยให้พี่
  
         * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “ฮวางหูเจ้าว่า สิ่งที่เรามันน่าโกรธมากนักหรือ เที้ยนหยวนถึงได้ไม่ยอมเอ่ยปากกับเราแม้แต่คำเดียว เช่นนี้” ฮ่องเต้หนุ่มทรงปรึกษากับองค์รักษ์คนสนิท ด้วยความกังวลพระทัยถึงอาการของน้องน้อย

   “ไม่ว่าใครก็คงโกรธหล่ะกระหม่อม คนที่เคยมีทุกอย่าง หากเพียงชั่วข้ามคืนกลับไม่เหลือสิ่งใดเลย แม้แต่ตำแหน่งที่ติดตัวมาแต่กำเนิด ” องค์รักษ์คนสนิท สันนิษฐานตามสิ่งที่เห็นอยู่

   “งั้นหรือ แล้วเราจะทำยังไงให้เที้ยนหยวนยอมเปิดปากพูด ยอมกลับเป็นเที้ยนหยวนคนเดิม ที่เที่ยวเล่นสนุกสนาน” ทรงรำพึงกับตัวเอง เบาๆ ทอดสายพระเนตรไปไกล ถึงวันแรกที่พบเจอ แม้กริยาเช่นนั้นจะไม่ถูกพระทัย แต่ก็ดีกว่าในเวลานี้มากนัก

   “อย่างท่านอ๋อง กระหม่อมว่า คงซึมเศร้าได้ไม่นานนัก แล้วจะกลับเป็นดังเก่า” ฮวางหูคาดเดาจากนิสัยช่างสำราญของอ๋องน้อย ที่ไม่เก็บเรื่องใดมาคิด

   “เราไม่คิดว่ามันจะเป็นเช่นนั้น อย่างที่เจ้าบอก คนที่เคยมีทุกอย่าง แต่สูญเสียมันไปในชั่วข้ามคืน เรื่องร้ายที่ผ่านเข้ามามากเกินไป อาจเปลี่ยนแปลงคนได้”

   “หากเป็นเช่นที่ฝ่าบาทหวาดทรงวิตก กระหม่อมว่า ท่านอ๋อง อาจปลีกตัวและรู้สึกแปลกแยกจากทุกคน มองเห็นคนทั้งโลกเป็นศัตรู”  

   “เฮ้อ!  แค่ที่ผ่านมา เราว่ามันก็ยากพอแล้ว เราเกรงว่าจะทำร้ายร่างกายตัวเองอีก คงต้องให้ ทหารเฝ้าระวังเอาไว้อย่าให้คลาดสายตา ยามกลางคืนก็คงต้องออกคำสั่งให้มานอนกับเรา” ฮ่องเต้หนุ่มถอนพระปัสสาสะ อย่างเหนื่อยพระทัย

   “กระหม่อม จะให้ทหารคอยเฝ้าสังเกตการณ์ไว้อย่างใกล้ชิด จะไม่มีเหตุการณ์เช่นคราวก่อนอีกแล้ว ท่านอ๋องจะไม่มีแตะต้องของมีคมใดๆ แม้แต่เข็มสักเล่ม”

   “อือ สั่งทหารให้เคร่งครัด อย่าให้พลาดอีก” ฮ่องเต้หนุ่มพอจะโล่งพระทัย หากแต่อีกหนึ่งสิ่งที่ลอยล่องอยู่ในความคิด กลับเพิ่มความหนักพระทัยอีกครั้ง “ เจ้าว่าหากเที้ยนหยวนรู้ว่าการนำตัวเข้ามาในวังครั้งนี้เป็นหนึ่งในแผนการที่เราวางไว้เพื่อหวังดึงท่านอาออกจากตำแหน่ง จะเกิดสิ่งใดขึ้น” ยามนี้ ฮ่องเต้มิอาจสนพระทัยในตำราตรงหน้า ในห้วงความคิดมีแต่ภาพน้องน้อยเมื่อยามเช้า

   “หากท่านอ๋องทราบ กระหม่อมว่า เรื่องราวคงรุกลามใหญ่โต ยิ่งหากทราบเรื่อง การถอดยศท่านปาหยางอ๋องว่าเป็นที่พระองค์ทรงตั้งพระทัยไว้แต่แรก ท่านอ๋องอาจหาโอกาสเพื่อลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท” แม้รู้ว่าฝีมือฮ่องเต้มิอาจหาผู้ใดเทียบเคียงได้ แต่องค์รักษ์ก็ยังคงอดหวั่นเกรงมิได้

   “เรื่องนั้นเราไม่เกรงเลยฮวางหู เราเกรงแค่ว่า เที้ยนหยวนจะทำร้ายตัวเองอีก เรากลัวแค่ว่า เราอาจไม่มีโอกาสช่วยน้องได้เป็นครั้งที่สอง” สุรเสียงกังวลจนมิอาจปกปิดได้มิด

   “กระหม่อม จะให้ทุกคนที่รู้เรื่องปิดปากให้สนิท จะไม่ให้แผนการของฝ่าบาทต้องล่วงรู้ถึงท่านอ๋องเป็นอันขาด” องคักษ์คนสนิท สร้างความสบายพระทัยแก่เจ้าเหนือชีวิต โดยหารู้ไม่ว่า ไม่ทันการเสียแล้ว...

   ร่างโปร่งที่ต้องโทษทำให้ฮ่องเต้หลั่งพระโลหิต ถูกบังคับให้นำพระกายาหารสำหรับฮ่องเต้มาถวาย แต่ต้องหยุดชะงักเพื่อฟังเรื่องราวที่คนภายในห้องกำลังพูดคุย เมื่อแน่ใจว่า นั้นเป็นเรื่องของตน ร่างบางหยุดชะงักเพื่อฟังสิ่งต่างๆที่อาจเป็นความลับ

   ความเงียบรอบข้างทำให้ได้ยินเรื่องราวต่างๆได้เป็นอย่างดี อาจไม่เข้าใจทั้งหมด หากแต่ก็รับรู้ได้รางเลือน เมื่อนำมาปะติดปะต่อจนมั่นใจได้ว่า ทุกสิ่งที่เกิดขึ้นกับตนและครอบครัว เป็นสิ่งที่มีคนตั้งใจให้มันเป็น

   เรียวฟันขาวสะกดกั้นตนเอง กัดริมฝีปากเผือดสีมิให้น้ำตาต้องหลั่งรินแก่โชคชะตาที่แสนโหดร้าย ดวงตากลมโตวาวโรจน์ แค้นเคืองคนที่ทำลายทุกสิ่งในชีวิต

   จากความหวาดเกรงในอำนาจของชายผู้หนึ่ง บัดนี้ร่างบางไม่สนในสิ่งใด นอกจากความแค้นที่สุมอยู่เต็มหัวใจ

   แค้นที่ต้องชำระ...แม้จะยากยิ่งเพียงใด  

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ราตรีที่แสนเงียบเหงา ร่างบางแนบกายนิ่งชิดติดผนัง มือบางซุกใต้หมอนหนุน ดวงตากลมหลับตาแน่นสนิท หันหลังให้วรกายสูงที่นอนร่วมเตียงปิดทางออกจนมิด หากจะลงจากเตียงกว้าง คือต้องผ่านร่างสูงของชายผู้สูงศักดิ์เท่านั้น

   ลมหายใจอ่อนๆ พระอุระหนาขยับขึ้นลงสม่ำเสมอตามจังหวะการหายใจ บอกได้ว่าคนสำคัญของแผ่นดิน เข้าสู่ห้วงนิทราแล้ว ดวงตากลมโตจึงเปิดกว้างขึ้นพร้อมรอยยิ้ม

   ไม่สามารถสู้ได้...ใช่ว่าจะไร้หนทางเอาชนะ ...  

   อาวุธแหลมคม ถูกดึงออกมาจากใต้หมอน โลหะเงาสะท้อนเล่นแสงกับดวงจันทร์กลมโตที่ส่องแสงเหลืองนวล ลมหนาวพัดผ่านหน้าต่าง ให้สะท้านกาย

   มือบางยกกริชประจำกายขึ้นเหนือร่างหนา ดวงตากลมจ้องที่อุระด้านซ้ายไม่กระพริบ หมายจะปักกริชทิ่มแทงลงไป จนลืมสังเกตการณ์เคลื่อนไหวแผ่วเบา

   ร่างบางพุ่งกริชลงไปที่แผ่นอกกว้างอย่างรวดเร็วเพียงแค่ตากระพริบ คมกริชจะแทรกตัวผ่านผิวเนื้อที่หยาบหนา คมทั้งสองด้านจะบาดลึกเปิดปากแผลให้กว้าง ก่อนที่ปลายอันแหลมคมจะตัดเส้นเลือดที่หล่อเลี้ยงหัวใจ

   .....จบสิ้นแผ่นดินอี้หลงฮ่องเต้ในคืนนี้
   
   แต่สิ่งที่อ๋องเที้ยนหยวนต้องการ กลับไม่เป็นดังคาด คนที่หลับลึกใช้พระหัตถ์หยาบจับข้อมือเล็กที่กำกริชแน่น โดยไม่แม้แต่จะลืมพระเนตรขึ้นมอง

   “เจ้าคิดว่าจะใช้กริชนี้เอาชีวิตพี่ได้งั้นหรือ” สุรเสียงนุ่มทุ้ม แม้ดวงเนตรยังไม่ลืม แต่สามารถหยุดปลายคมแหลมก่อนที่จะสัมผัสวรองค์เพียงแค่เยื่อกระดาษบางขวางกั้น

   “....” ไร้เสียงตอบรับใด หากแต่ข้อมือบางที่ถูกหยุดชะงักเหนือแผ่นอกหนากลับดิ้นรนขัดขืน หากแต่ก็ไร้สิ้นหนทาง เว้นเสียแต่ว่าผู้ที่จับนั้นจะยอมปล่อย

   พระเนตรคมเปิดกว้างจ้องมองใบหน้าหวานของผู้ที่กำกริซอยู่เหนือพระหทัย “เจ้าคิดจะฆ่าคนทั้งที่น้ำตาอาบหน้างั้นหรือ เที้ยนหยวน” นิ้วพระหัตถ์ไกล่เกลี่ยแก้มใส ไล้น้ำตาใสออกไปจากใบหน้าหวาน

   “.....”

   “น้ำตาของเจ้าอย่าให้มันรินไหลนักสิ พี่ไม่ชอบมองเลย” ฮ่องเต้หนุ่มประทับนั่ง ปล่อยพระหัตถ์จากข้อมือเล็ก รั้งไหล่บางเข้ามาในอ้อมพระพาหา กดทับใบหน้าเล็กให้ซุกกับอ้อมพระอุระแสนอุ่น

   “ข้าไม่จำเป็นต้องทำตามสิ่งที่ท่านชอบ องค์ฮ่องเต้ ข้าแค่ทำตามสิ่งที่ข้าปรารถนา” แม้ยังสะอึกสะอื้นในพระอุระ หากแต่ฝีปากท่านอ๋องก็ยังไม่ลดความเก่งกล้าลงไป

   “สิ่งที่เจ้าปรารถนาคืออะไรหล่ะ ชีวิตพี่งั้นหรือ เที้ยนหยวน?” ทรงถามคนในอ้อมพระพาหาอีกครั้ง พระหัตถ์ลูบไล้ผมนุ่ม

   “หากท่านไม่สั่งประหารข้า สักวันข้าจะกลับมาฆ่าท่านอีก” เสียงสั่นไหว ดังเล็ดลอดออกมาทั้งน้ำตาของคนพูด ที่สั่นไหวไปกับความอบอุ่นที่ได้รับยามอ่อนแอ

   “พี่ทำแบบนั้นไม่ได้หรอก เที้ยนหยวน พี่ทำกับเจ้าแบบนั้นไม่ได้จริงๆ หากเจ้าต้องการชีวิตพี่เพื่อแก้แค้นให้กับท่านอา ก็ลงมือก่อนที่ฟ้าจะสาง” ถ้อยคำแสนอบอุ่น ไม่เหมือนว่ากำลังตรัสเรื่องสำคัญ สุรเสียงคล้ายว่ากำลังขับกล่อมเด็กน้อย

   “ท่านประมาทฝีมือข้างั้นหรือฝ่าบาท ท่านคงคิดว่าข้าไร้ความสามารถจนไม่อาจปลิดชีวิตท่านได้”

   “เปล่าเลยเที้ยนหยวน แต่ฝีมือแบบเจ้างั้นหรือที่จะเอาชีวิตพี่ได้ เรี่ยวแรงก็เท่านี้ ทำอะไรพี่ไม่ได้หรอกนะ” พระองค์ตรัสแก้ให้น้องน้อยเจ้าใจ “หากเจ้าอยากฆ่าพี่นัก พี่จะสอนให้เอาไหม ทุกสิ่งที่พี่รู้ พี่จะสอนเจ้าเอง”

   “.....” ร่างบางที่ซุกอยู่นิ่งอึ้งในคำกล่าวที่ได้ยิน

   “เงียบทำไมกัน ก็เจ้าแค้นพี่เรื่องท่านอาไม่ใช่หรือ พี่ก็จะให้โอกาสเจ้า อีกสามเดือนเรามาประลองกัน หากเจ้าชนะ พี่จะคืนทุกอย่างให้แก่เจ้า รวมถึงอิสรภาพที่เจ้าต้องการ แต่ภายในสามเดือนนี้ พี่จะเป็นคนสอนการต่อสู้ทั้งหมดให้เจ้าเอง ตกลงไหม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงก้มพระพักตร์ถามร่างบางในอ้อมพระพาหา

   “....” ไร้ซึ่งคำตอบรับอีกครั้ง หากแต่โอรสสวรรค์ก็ทรงล่วงรู้ได้ว่า ร่างบางยอมรับในข้อเสนอนี้แล้ว พระโอษฐ์ทรงแย้มออก ก่อนโน้มตัวลงนอนอีกครั้ง พร้อมร่างเล็กของน้องน้อย

   “พี่ยอมรับว่าทั้งหมดเป็นแผนที่พี่ต้องการให้มันเกิด แต่คืนชมจันทร์ของเรามันไม่ใช่แผนการลูกไม้เล่ห์กลใดๆทั้งสิ้น หากเจ้าอยากโกรธแค้นพี่เพราะเรื่องราวทั้งหมด ก็จงรู้ไว้ว่าคืนนั้น เกิดขึ้นจากความไม่ตั้งใจ แต่เป็นค่ำคืนที่พี่มีความสุขและตราตรึงในใจไปตลอด” พระโอษฐ์หนาประทับลงบนกลุ่มผมนุ่ม ขับกล่อมบทเพลงรักกลางฤดูหนาว ให้น้องน้อยหลับฝันดี    

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   สวัสดีค่ะ ขอโทษที่เอามาลงเสียดึกเลย ตอนนี้ท่านอ๋องเกือบจะกลายเป็นใบ้ไปแล้ว ส่วนฮ่องเต้ก็ดูเหมือนจะใจง่ายเกินไปหน่อย ไม่ทันไรก็หลงขนาดนี้แล้ว ต้องขอโทษด้วยนะคะ ยังบกพร่องส่วนนี้อยู่จริงๆ  :monkeysad: :monkeysad:

   ขอบคุณค่ะ  
   
 

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 05-05-2011 00:54:56 โดย jellyfish »

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ต๊าย.......ดราม่า  แต่ชอบ ...........แซ่บ  อร่อยมาก

สงสารอ๋องน้อยนะเนี่ยะ  ค่อยๆอ่านสะเทือนอารมณ์น้ำตาคลอ  โธ่ๆ

เพิ่งอ่านวันนี้แต่ชอบมาก......... ดีจังได้อ่านต่อเร็ว    ชอบมาก.......  ><

มีบางจุดพิมพ์พ์หน่อยนึงด้วยจ้า น้องน้อง>>น้องน้อย , ท่านลุง >> ท่านอา

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ตอนนี้ซึ้งมากอ่ะ น่าร๊ากกกก :o8:


ปล.มาต่ออีกเน้อ o13


^^


:3123: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :L2:มาม่า ใช่ มาม่า แต่เราก็จะกิน
รอตอนต่อไปจ้า

hikaru00

  • บุคคลทั่วไป
มาม่ากันซะแล้ว แต่เราก็ชอบมาม่า เหอๆๆๆๆ

เห็นล่วยว่าฮ่องเต้ใจง่ายอ่ะ 5555+ ตอนแรกยังไม่ชอบอยู่เลย ได้ทีเดียวเปลี่ยนปุ๊บปั๊บ

ปูเสื่อรอนะเจ้าคะ

 :z13: จิ้มคนแต่ง

ออฟไลน์ Meen_Emp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 447
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-2
สนุกดีค่ะ....

รอต่อไปนะคะ..

เป็นกำลังใจให้จ้า....


 :L2: :L2: :L2:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
7 ตอนรวด สนุกมากมาก
คงต้องค่อยๆสอนให้อ๋องน้อยรู้ว่าสิ่งที่พ่อตัวเองทำมันสร้างความเดือดร้อนกับราษฎรยังไง

ฮองเต้ หลงรัก อ๋องน้อยง่ายมากๆ 55

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
เราว่าฮ่องเต้ติดใจมากกว่านะเนี่ยะ ท่านอ๋องน้อยคงแค้นอยู่หล่ะ
แต่ว่านะ ถ้าเกิดเอาพวกฏีกาของประชาชนมาให้ดู น่าจะเข้าใจเหตุผลกันได้อ่ะ

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...八


   ยามอรุณก่อนที่ไก่ตัวแรกจะขัน องค์ฮ่องเต้ผู้เคร่งครัด ทรงเบิกพระเนตรทอดมองน้องน้อยในอ้อมพระพาหา ที่กำลังหลับสบายทั้งที่เมื่อราตรีก่อนยังคิดปลงพระชนม์พระองค์ “แล้วอย่างนี้หรือ ที่น้องของพี่จะฆ่าใครได้ เที้ยนหยวน...ทำไมต้องดิ้นรนด้วยนะ”

   ทรงทอดพระเนตรร่างเล็กๆจนผ่านไปเกือบครึ่งชั่วยาม เหล่านกน้อยส่งเสียงบรรเลงเพลงยามเช้า ให้รู้ว่าทุกชีวิตในวังหลวงเริ่มต้นขึ้นแล้ว และร่างเล็กๆที่เหมือนดั่งลุกแมวกำลังซุกหาความอบอุ่นจากแม่ก็ควรจะเริ่มต้นเช่นกัน “เที้ยนหยวน ตื่นได้แล้ว เที้ยนหยวน” พระสุรเสียงทุ้มเรียกน้องน้อยชิดริมหูเล็ก

   “ไม่เอายังเช้าอยู่เลย ขอข้านอนต่ออีกนิดเหอะนะ”  เสียงแผ่วของคนสะลืมสะลือที่องค์ฮ่องเต้เองก็ไม่แน่พระทัยว่า จะรู้หรือไม่ว่าเจ้าตัวอยู่ที่ใด

   “ไม่ได้ เจ้าต้องอาบน้ำให้พี่นะ เที้ยนหยวน อย่าลืมสิว่าเจ้าเป็นต้นห้องของพี่” แม้ต้องรับมือกับคนขี้เซาไร้ความรับผิดชอบ กลับทำให้พระองค์รู้สึกเบิกบานได้อย่างน่าแปลก

   “ก็ให้เฉียนกุ้ยทำให้สิ ข้าจะนอน ท่านอย่ามายุ่ง” มือบางปัดรำคาญแถวๆใบหูที่มีเสียงทุ้มวนเวียนอยู่ใกล้ๆ ก่อนจะซุกตัวหาความอบอุ่น จากอ้อมพระอุระ

   “เฉียนกุ้ยเป็นขันที เขาแค่เตรียมน้ำให้พี่ แต่เจ้าต้องเป็นคนอาบนะ ไปได้แล้ว” แม้พระโอษฐ์จะสั่งให้ลุกขึ้น หากแต่พระหัตถ์กลับลูบหัวเล็กๆสร้างความสบายให้กับคนหลับ

   “ท่านก็ไปเหอะ ข้าไม่ไป คนจะนอน กวนคนนอนมันเป็นบาปรู้ไหม ที่ท่านยังไม่มีฮ่องเฮาก็เพราะท่านหน่ะ บาปหนาจากการที่ชอบปลุกคนนอนทั้งพวกขันที ทั้งราชองค์รักษ์ แล้วท่านก็ยังจะสร้างบาปให้กับข้าอีกหรือนี้ แผ่นดินนี้คงไร้ฮ่องเฮาเป็นแน่แท้” เสียงงึมงำของคนที่ไม่ยอมตื่นสร้างเสียงพระสรวลให้ดังลั่น

   “เจ้านี้นอนมาก แล้วยังจะพูดมากอีกนะเที้ยนหยวน ถ้าเจ้าไม่ลุกพี่จะเป็นคนพาเจ้าไปอาบเอง ไม่อายบรรดาขันที ข้างนอกนู้นหรือไร” ทรงทอดพระเนตรอ๋องน้อยช่างคิด

   “อื้อ ท่านจะทำอะไรก็ทำเถิด ข้าจะนอน”  สิ้นสุดคำพูดร่างเล็กก็ฝังหน้าลงกับหมอน แต่แล้วก็เหมือนรู้สึกว่าจะลอยได้ ช่างเป็นความรู้สึกที่แสนเบาสบาย ชวนให้หลับลึก

   ฮ่องเต้หนุ่ม ทรงทอดพระเนตรร่างเล็กที่ทรงอุ้มอยู่ ดวงตากลมโตหลับพริ้ม แล้วยังมีรอยยิ้มจางๆ เหมือนคนกำลังหลับสบาย แต่อีกเดี๋ยวปากอิ่มสวยก็คงได้โวยวายเสียงดังเป็นแน่

   “พวกเจ้าออกไปได้แล้ว” ทรงดำรัสสั่งเหล่าขันทีอ้อนแอ้น ที่อยู่คอยปรนนิบัติ ทุกคนเดินออกจากห้องสรงไป เว้นก็แต่ เฉียนกุ้ย ขันที่ที่ทรงเอ็นดู แววตาเศร้าสร้อยทอดมองร่างของอ๋องน้อยในพระหัตถ์ เห็นทีว่า ต้องทรงทำบางอย่างเพื่อขันทีผู้นี้เสียแล้ว “หวังว่าพี่คงไม่ได้แย่งเจ้ามาจากเฉียนกุ้ยหรอกนะ เที้ยนหยวน”

   น้ำในถังที่ถูกเตรียมไว้เพื่อให้ฮ่องเต้ลงสรง กำลังอุ่นพอดีที่จะแช่ให้สบายตัว ทรงค่อยๆวางร่างเล็กๆของคนขี้เซาลงในน้ำ และก็เป็นดังคาด

   “เฮ้ยยยยย น้ำ น้ำ” ร่างเล็กโวยวายตะเกียกตะกายขึ้นจากน้ำ ทั้งที่กำลังหลับสบาย กลับต้องมาตื่นเพราะน้ำอุ่นๆ “ท่านจะฆ่าข้าหรือ ไหนว่าจะปล่อยข้าเป็นอิสระ”  อ๋องน้อยหันไปโวยวายกับฮ่องเต้ที่ยืนสำราญพระทัยอยู่ข้างๆอ่าง

   “พี่จะฆ่าเจ้าได้อย่างไร แค่พาเจ้ามาอาบน้ำเท่านั้นแหล่ะเที้ยนหยวน เอ้า ไม่ยอมขึ้นมาจากอ่าง หรือจะให้พี่อาบให้เจ้าจริงๆ” ทรงถามด้วยสุรเสียงกลั้นหัวเราะ พลางเปลื้องเสื้อคลุมที่ใส่อยู่

   “ละ..แล้วท่านจะทำอะไรหน่ะ จะถอดเสื้อทำไม” อ๋องน้อยที่เคยมีความสุขยามเห็นหญิงสาวรูปงาม หรือเด็กหนุ่มหน้าหวานเปลื้องผ้าต่อหน้า กำลังเป็นทุกข์และหวาดระแวง ยามเห็นผู้อยู่เหนือใครทั้งแผ่นดิน เปลื้องฉลองพระองค์

   “พี่ก็จะให้เจ้าอาบน้ำให้อย่างไรเล่า หรือเจ้าจะให้พี่ที่เป็นทั้งฮ่องเต้ และกำลังจะเป็นอาจารย์ ต้องอาบน้ำให้กับต้นห้องและผู้ที่เป็นศิษย์งั้นหรือ”

   “ก็...ท่านก็ลงมาในน้ำสิ ข้าจะได้อาบให้” ร่างเล็กที่เปียกโชก ลุกขึ้นจากอ่างที่ถูกหย่อนลงไปทั้งตัว เบี่ยงหน้าไปทางอื่น พยายามไม่มองวรองค์สูงใหญ่ที่เปล่าเปลือย ที่ชายใดได้เห็นคงอดอิจฉาไม่ได้ หรือหากเป็นหญิงสาวก็มองตามจนเหลียวหลัง

   “ต่อไปนี้ จนไปถึงอีกสามเดือนข้าหน้า เจ้าต้องตื่นเช้า ต้องหัดให้ร่างกายรู้จักระเบียบของเวลา หากยังเป็นแบบนี้ เจ้าจะไม่มีทางที่จะชนะพี่ได้เลย รู้หรือไม่เที้ยนหยวน” ทรงเริ่มสอนร่างบางตั้งแต่ตอนนี้ เพื่อให้น้องน้อยของพระองค์รู้ว่าต่อแต่นี้ไป ต้องเจอกับความยากลำบากมากมาย แค่เพียงการตื่นเช้ายังทำไม่ได้ แล้วจะฝึกสิ่งที่พระองค์มอบให้ได้อย่างไร

   “ข้ารู้แล้วหน่า พรุ่งนี้ข้าจะตื่นก่อนท่านให้ดู” ร่างสูงโปร่งที่กำลังขัดไปตามพระปฤษฎางค์*กว้าง เอ่ยอย่างขัดใจ เกิดมาเป็นอ๋องน้อย เคยมีหรือที่จะถูกตำหนิ

   “พูดแล้วทำให้ได้ เกิดเป็นอ๋อง ใช่ว่าสักแต่จะพูด” 

   “กระหม่อม ท่านช่างเป็นพระอาจารย์ที่ขี้บ่นเหลือเกิน แค่วันแรก บทเรียนแรกยังไม่เริ่ม ท่านก็บ่นมากถึงเพียงนี้แล้ว” ต้นห้องยศสูงกว่าขันทีทั่วไป กำลังย้ายมาด้านเพื่อล้างคราบไคล้ที่พระอุระแกร่ง หากแต่สายตากลับมองเลยไปยังด้านหลัง

   “เพราะพี่อยากให้เจ้าเก่งนะเที้ยนหยวน พี่อยากให้เจ้าได้สิ่งที่เจ้าต้องการ เจ้ายังต้องฝึกอีกมาก แค่สามเดือนหากพี่ไม่เคร่งกับเจ้า แล้วเจ้าจะได้สิ่งที่ต้องการหรือ” ทรงทอดเนตรใบหน้าหวานรู้ดีถึงสิ่งที่คนตรงหน้า และรู้ดีว่ามันกับประสงค์ของพระองค์

   “แล้วเมื่อถึงวันนั้น ข้าจะได้สิ่งที่ต้องการทั้งหมดจริงหรือ” ดวงตากลม จ้องกลับเข้าไปในพระเนตรคมที่เต็มไปด้วยพระราชอำนาจ อยากรู้นักว่าคำตรัสเมื่อคืนนั้นเป็นเรื่องจริงหรือไม่ หรือเป็นเพียงฝันที่ให้กำลังใจตนเอง ที่เป็นอยู่ในยามนี้ก็ใช่ว่าจะหายแค้นเคือง แต่เพราะเชื่อมั่นในน้ำคำแห่งกษัตริย์

   “จริงสิ หากเจ้าชนะพี่ได้ ทุกสิ่งที่เจ้าต้องการ ทั้งอิสรภาพ ทั้งยศตำแหน่ง ทรัพย์สิน หรือแม้แต่ท่านอา พี่ก็จะให้เจ้า แม้ว่ามันจะแลกกับการที่พี่ต้องคืนเจ้าให้กับท่านลุง คืนเจ้าสู่อิสรภาพ และเราจะไม่ได้อยู่ด้วยกันเช่นนี้อีก” พระหัตถ์ที่อยู่ใต้น้ำ โผล่ขึ้นมาลูบแก้มใส ทรงกำลังนับเวลาถอยหลังอีกสามเดือนต่อจากนี้ ความประสงค์ก็จะไม่มีทางเป็นจริง

   ประสงค์ที่จะมีน้องน้อยข้างกายเป็นผู้ที่จะทรงอยู่ด้วยตราบจนลาลับไปเฝ้าบรรพกษัตริย์

   “ท่านก็พูดไป ถึงข้าจะออกไปแล้ว แต่ว่าก็คงกลับเข้ามาบ้าง แล้วเราก็คงได้พบกันอีก” อ๋องน้อยไม่สามารถจับได้ถึงความเศร้าในพระทัยของฮ่องเต้เลยสักนิด การพบกันเพียงชั่วครูไม่ใช่สิ่งที่ฮ่องเต้พระองค์นี้ต้องการ แต่มันก็คงดีกว่าการไม่ได้พบกันเลย

   “เจ้าจะตามท่านอาเข้ามาหรืออย่างไร เที้ยนหยวน” ทรงทอดเนตรร่างเล็กตรงหน้าที่ดูเหมือนไม่เคยทุกข์ร้อนกับสิ่งใด พระทัยของของพระองค์เองเสียอีกที่คิดถึงการจากลาทั้งที่มันยังมาไม่ถึง

   ในพระทัยของฮ่องเต้ที่เคยว่างเปล่าและเงียบเหงาได้รับผู้หนึ่งเข้ามาเพื่อเติมเต็มความว่างเปล่า และสร้างความสดชื่นทดแทนความเงียบเหงา โดยที่พระองค์ก็เต็มใจ แม้รู้ว่าวันหนึ่งข้างหน้า สิ่งที่สัมผัสได้ในตอนนี้จะกลายเป็นความทุกข์ทรมานเมื่อไร้คนที่จะอยู่กับพระองค์ไปตราบเท่าที่ยังคงมีลมใจ

   “เปล่าหรอก ข้าคงมาหาเฉียนกุ้ย  อีกสามเดือนเมื่อถึงเวลานั้น ข้ากับขันทีแสนน่ารักของท่านคงผูกใจรักใคร่กันแล้ว”

   สิ่งที่ทรงได้ยิน ทำพระทนต์ต้องขบพระทนต์เข้าหากัน พระหัตถ์กำแน่นสะกดความความรู้สึกบางอย่างเอาไว้ “เจ้าออกไปได้แล้ว เราจะแต่งตัว แล้วก็เรียกเฉียนกุ้ยเข้ามาช่วยเราด้วย”

   “อะไรกัน ท่านใช้งานแต่เฉียนกุ้ย” อ๋องน้อยรีบออกรับแทนขันทีที่ถูกใจ แต่หารู้ไม่ว่ากำลังสร้างความพิโรธแก่ฮ่องเต้เพียงใด

   “ข้าจะใช้มันมากกว่านี้ หากเจ้ายังพูดไม่หยุด ออกไป แล้วเตรียมฝึกได้แล้ว ข้าพร้อมแต่เจ้ายังไม่พร้อม คนที่จะถูกลงโทษคือเฉียนกุ้ย” ทรงรู้ดีว่าที่เป็นอย่างนี้ไม่สิ่งที่ดี แต่หากไม่ทำอ๋องผู้นี้ก็ยังคงเอาแต่พูดถึงเฉียนกุ้ยไม่หยุด

   ช่างเป็นอ๋องที่ไม่รู้อะไรเสียเลย คงเพราะเกิดมาอยู่สูง จึงไม่เคยใส่ใจความรู้สึกของผู้อื่น เที้ยนหยวน...เจ้าไม่ใส่ใจความรู้สึกของพี่เลย 

           * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   ลานโล่งหน้าตำหนักส่วนพระองค์มีไว้เพื่อให้องค์ฮ่องเต้ทรงใช้ฝึกฝนพระวรกายร่วมกับเหล่าราชองค์รักษ์ฝีมือเยี่ยม ที่ริมลานมากมายไปด้วยศาตราคุณภาพชั้นเลิศ หลากหลายรูปแบบ ทั้งสั้นและยาว คมจากโลหะวาววับสะท้อนแดดจ้า จนแสบตา 

   กลางลานกว้างมีร่างเล็กใส่เสื้อสีน้ำเงินเข้ม พอดีตัวและกางเกงขายาวสีเดียวกัน คาดทับด้วยผ้าสีขาว  ผมเกล้าขึ้นเป็นมวยเรียบร้อย ยืนกอดทวนคันยาวเอาไว้ รอคอยเวลาให้อาจารย์ผู้ทรงยศออกมาเสียที

   ฮ่องเต้หนุ่มเสด็จออกมาจากพระตำหนักส่วนมองเห็นร่างเล็กที่ยืนนิ่งอยู่แต่ไกล นึกชื่นชมในความตั้งมั่น หากแต่เมื่อทอดพระเนตรใกล้ๆแล้ว คำชื่นชมเหล่านั้นกลับกลืนหายไปในพระโอษฐ์ ไม่รู้จะทรงพระสรวลดี หรือทรงพิโรธ กันแน่ เมื่อร่างเล็กที่ยืนกอดทวนอยู่นั้นกำลัง.....หลับ

   “เที้ยนหยวน เที้ยนหยวน” พระหัตถ์หนาสะกิดร่างเล็กด้วยพระพักตร์บึ้ง พระขนง(คิ้ว)ขมวดเข้าหากัน แต่ร่างเล็กๆที่มีความสามารถยืนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัว จนนิ้วพระหัตถ์เรียวดีดเข้าที่กลางหน้าผากเนียน

   “เฮ้ย!” ร่างเล็กอุทานตกใจและไม่พอใจที่มีคนมาขัดขวางการหลับเป็นรอบที่สองของวัน และยังคงเป็นคนเดิม คนเดียวกับเมื่อเช้า “ท่านอีกแล้วหรือเนี่ย เหตุใดท่านจึงชอบขัดขวางความสุขของคนอื่นเสียจริง”

   “ใครหล่ะ คนอื่นที่เจ้าว่า พี่ก็เห็นมีแค่เจ้าที่ยืนอยู่กลางลานนี้เท่านั้น”

   “ก็ข้าเนี้ยหล่ะ ทำไมท่านต้องปลุกข้าด้วยเล่า” ร่างเล็กของอ๋องน้อย ทำสีหน้าขัดใจที่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์แกล้งทำไม่รู้ว่าหมายถึงอะไร

   “ก็เพราะเจ้าหลับกลางลานนี้อย่างไรหล่ะ  ในสนามรบจริง เจ้าไม่สามารถหลับได้หรอกนะ แล้วพี่ก็ไม่อยากให้น้องของพี่ต้องเป็นอะไรไปเพราะนิสัยแบบนี้” ฮ่องเต้รับสั่งจริงจัง สายพระเนตรทอดมองร่างบางของน้องน้อยด้วยความห่วงหา

   เวลาสามเดือนของพระองค์ช่างสั้นนัก ที่จะได้สอน ได้ดูแล ได้เริ่มรัก และเอ็นดู น้องน้อยที่พระองค์อยู่ใกล้แล้วมีความสุขเช่นนี้ และคงน้อยเกินไปหากจะขอให้น้องน้อยที่มีนิสัยเช่นเที้ยนหยวน รับรู้ถึงความรู้สึกของพระองค์

   “ท่านก็ทำอย่างกับข้าจะออกรบจริงๆเช่นนั้นแหล่ะ” ใบหน้าหวานสลดลงเล็กน้อย เมื่อได้ฟังเหตุผลที่ทำให้โดนดุ แต่ร่างเล็กผู้เคยมีตำแหน่งเหนือใครๆก็ยังหาทางบ่ายเบี่ยงกับเหตุผล

   “ถึงแม้เจ้าจะไม่ออกรบ แต่ไปหลับไม่รู้ตัวแบบนี้ที่ไหน ก็ไม่ปลอดภัยทั้งนั้นเที้ยนหยวน เจ้าไม่รู้หรือไงกันว่าเจ้าเป็นใคร มียศอะไร มีใครหลายคนที่เป็นห่วงเจ้านะ” อยากบอกเหลือเกินว่า ใครหลายคนนั้น คือพี่ที่ยืนอยู่ตรงหน้าเจ้า แต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ได้แต่เก็บมันไว้ในพระทัย รู้ดีว่าคนอย่างอ๋องน้อย ไม่มีทางที่ยอมรับได้ และพระองค์ก็ไม่อยากเห็นอ๋องน้อยที่แสนเริงร่างต้องเป็นเช่นดั่งวันหลังคืนชมจันทร์

   “เมื่อก่อน ข้ายังนอนตามหอนางโลมได้เลย แล้วทำไมข้าจะไม่รู้ว่าเป็นใคร มียศอะไร ข้าคือ เที้ยนหยวน อดีตอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงที่โดนพระองค์ยึดไปจนหมด” ประกายตาสดใสแข็งกร้าวขึ้นในชั่วแว่บก่อนจางหายไป “แล้วคนที่ห่วงข้าก็คงมีแค่ท่านพ่อที่ถูกท่านเนรเทศออกไป” เพราะคำถามตอกย้ำสถานะที่ตกต่ำ ทำให้อ๋องน้อยที่เคยมีชีวิตผาสุก เที่ยวเล่นไปกับสาวงาม หนุ่มหน้าหวานถึงกับมีน้ำตาเอ่อคลอ “ท่านจับอาวุธได้เลย เลิกพูดเรื่องนี้เถอะ ท่านจะสอนอะไรข้าก่อนเป็นอย่างแรก”

   “พี่อยากรู้ว่าเจ้ามีพื้นฐานอะไรมาบ้าง เจ้าเลือกอาวุธได้เลยหนึ่งอย่าง อาวุธที่เจ้าถนัดที่สุดเลือกมา” ฮ่องเต้หนุ่มเปิดโอกาสให้ร่างเล็กได้เลือกสิ่งที่ถนันเพื่อให้แสดงความสามารถทั้งหมดที่มีอยู่

   “ก็นี้ไงทวนในมือข้านี้แหล่ะ ที่ถนัดที่สุด”  อ๋องน้อยยืนยิ้มกับอาวุธในมือ อย่างภาคภูมิใจ นี้เป็นสิ่งที่ถนัดมือที่สุดแล้ว เหมาะมือที่สุดที่จะเอามายืนกอดรอฮ่องเต้อี้หลง

   “แต่นั่นมักเป็นอาวุธบนหลังม้า หรือการต่อสู้ที่มีระยะห่างเจ้าแน่ใจหรือที่จะใช้มัน” ฮ่องเต้หนุ่มตรัสถามอีกครั้งเพื่อความมั่นพระทัย ว่าน้องน้อยไม่ได้เลือกผิด

   “แต่ข้าถนัดที่จะใช้มันบนพื้นโล่งเช่นนี้แหล่ะ  แล้วท่านหล่ะ จะใช้อะไร”

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงดำเนินไปยัง ที่เก็บอาวุธต่างๆ ทรงเลือกแส้ดำยาวกว่าสามเมตรมาถือไว้ในมือ ก่อนจะดำเนินกลังมายังกลางลานที่มีอีกหนึ่งรออยู่ “พี่จะใช้แส้ อาวุธที่พี่ไม่ถนัดที่สุด เจ้าโจมตีได้เลย”

   ร่างเล็กวิ่งเต็มกำลังเท่าที่สองขาสั้นจะอำนวย หากแต่ก็วิ่งไม่ตรงทางนัก เมื่อต้องแบกน้ำหนักของอาวุธใหญ่ไว้ในมือ  สองแขนที่ยกขึ้นมาสูงสั่นไปมาเมื่อแบกรับน้ำหนักอันไม่คุ้นชิน จนเสียการทรงตัว และก่อนที่คมมีดแหลมจะทรุดลงมาใส่ไหล่เล็กๆ มันก็ถูกกระชากออกโดยที่ท่านอ๋องน้อยผู้เก่งกาจเสียเหลือเกินไม่ทันได้รู้ตัว

   ฮ่องเต้หนุ่มเพียงแค่ประทับนิ่งทอดเนตรร่างเล็กวิ่งเฉไปเฉมา และก่อนที่ทวนคันใหญ่จะหลุดจากมืออันไม่มั่นคงใส่ไหล่บาง พระองค์ก็ทำเพียงแค่ตวัดแส้ในพระหัตถ์ให้ไปพันกับคันทวน ก่อนจะกระชากออกมาจากมือบาง

   “โห ท่านทำได้อย่างไรกัน” อ๋องน้อยที่ไม่เคยเห็นอะไรแบบนี้มาก่อนเพราะวันๆเอาแต่เที่ยวเล่นสำราญตามสถานที่ที่มีสาวงาม ได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น อยู่ไกลขนาดนั้นแต่แย่งเอาทวนในมือไปได้

   “เจ้าไม่ต้องรู้หรอก แต่พี่พอจะเห็นความสามารถของเจ้าแล้ว เที้ยนหยวน วันนี้พี่อยู่สอนเจ้าไม่ได้ทั้งวัน เพราะอีกเดี๋ยวจะมีคณะทูตจากแดนอาหรับมาขอเฝ้า เพราะฉะนั้นวันนี้เจ้าต้องซ้อมกับฮวางหูไปก่อน” 

   “ไหนท่านว่าจะเป็นอาจารย์ให้ข้า แล้วทำไมโยนข้าไปให้องค์รักษ์มาสอน ถ้าอาจารย์ไม่ว่าง ก็ให้ศิษย์ทวนวิชาเองสิ ไปรบกวนผู้อื่นทำไม” ท่านอ๋องน้อย ที่หัวสมองไวกับเรื่องแบบนี้ รีบหาทางจัดแจงให้ให้โอกาสตัวเองทันที

   “พี่สั่งเจ้าก็ทำเถอะ อย่ารั้นให้มากนัก ฮวางหู เจ้าคอยอยู่สอนเที้ยนหยวนแทนเรา ไม่ต้องตามไปที่นู้น อ๋องน้อยไร้พื้นฐานอีกทั้งไร้เรี่ยวแรงที่จะทำอะไรได้ เจ้าฝึกแทนข้าวันนี้ แต่อย่าให้มันหนักจนร่างกายทนไม่ได้ เข้าใจไหม” ทรงผินพระพักตร์มาทางองค์รักษ์คนสนิท รับสั่งอย่างเป็นห่วงน้องน้อยที่คงไม่สามารถทนการฝึกแบบปรกติได้ แล้วยิ่งเป็นวันแรกเช่นนี้ ร่างกายที่ไม่เคยเคี่ยวกรำ อาจไม่สามารถทนได้

   “กระหม่อม” องค์รักษ์คนสนิท ได้แต่จำยอมรับคำสั่งจากนายเหนือหัว ทั้งที่คิดไว้ว่าจะแก้เผ็ดท่านอ๋องผู้นี้ ให้ได้รับรู้ความยากลำบากเสียบ้าง

   “จำไว้ ว่าอ๋องน้อยผู้นี้ไม่ใช่ทหารในสังกัดของเจ้า แต่เป็นน้องของเรา” ทรงเน้นหนักให้องค์รักษ์ได้รู้ว่า ร่างบางที่แสนไม่ได้เรื่อง สำคัญต่อพระองค์มากเพียงใด

   “กระหม่อมจะท่องจำให้ขึ้นใจ ฝ่าบาทอย่าได้ทรงกังวล”

   “ดีแล้ว เที้ยนหยวนเจ้าตั้งใจฝึก แล้วตอนเย็นพี่จะมาดูความคืบหน้าของเจ้า”

   วรองค์สูงใหญ่ เดินจากไปไกลจากลานประลอง ไม่ทันได้ทอดเนตรปากเล็กได้รูปบ่นเบาๆของอ๋องน้อยที่ถูกทิ้งไว้กับองค์รักษ์ต่ำศักดิ์ “ไหนว่า จะสอนไม่ทันไรก็ทิ้งเราแล้ว นี้หรือไงที่บอกว่าจะสอน ที่บอกว่าอยากให้ในสิ่งที่ข้าต้องการ คนไม่รักษาสัญญา” น้ำตาเม็ดเล็กไหลเอ่อออกมา โดยไม่รู้ตัวเลยสักนิด


V
V
V
V
V

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   เย็นมากแล้วกว่าที่พิธีการต้อนรับราชทูตจาดแดนไกลจะเสร็จสิ้น การมาเชื่อมสัมพันธ์ในครั้งนี้ก็เพื่อขอเปิดเส้นทางการค้า และเปิดเมืองค้าที่จะได้รับประโยชน์ทั้งสองฝ่าย สินค้าไม่ต้องผ่านมือพวกแขกอินเดียอีกต่อไป

   ฝ่ายราชทูตอาหรับที่มาคราวนี้ มาพร้อมด้วยข้าวของบรรณาการแปลกตามากมาย ทั้งสัตว์แปลกๆและเครื่องใช้ต่างๆที่หาไม่ได้ในดินแดนแห่งนี้ รวมไปถึงตุ๊กตารูปหญิงงามที่ถักจากเส้นทอง ให้ใส่เครื่องหอมของชาวที่อาหรับ ที่องค์ฮ่องเต้ทรงหยิบติดมาให้กับอ๋องน้อยที่กำลังวิชาจากองค์รักษ์คนสนิท

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงเดินผ่านเข้ามาให้เขตพระราชฐานส่วนพระองค์ ที่มีเพียงน้อยคนนักจะเข้ามาได้ และเป็นที่ห้ามสตรีใดจะล่วงล้ำเข้ามาได้ ไม่เว้นแม้แต่พระราชมารดาของฮ่องเต้.....

   พระพักตร์นิ่งเฉยแย้มพระโอษฐ์นิดๆเมื่อคิดไปถึงว่าน้องน้อยจะดีใจแค่ไหน ที่ได้รับตุ๊กตารูปทรงแปลกๆแบบนี้เป็นของรางวัลสำหรับการฝึกที่เหนื่อยล้ามาทั้งวัน แต่พระพระโอษฐ์ที่แย้มยิ้มกลายเป็นบึ้งตึง พระขนงขมวดเข้ามาหากันเมื่อพบร่างบางกางแขนให้เหยียดตรง สองมือถือถังน้ำที่มีน้ำอยู่ ใบหน้าหวานแดงกล่ำเพราะตากแดดมาทั้งวัน

   “เที้ยนหยวน ใครสั่งให้เจ้ามายืนเช่นนี้กัน” วรองค์สูงรีบดำเนินเข้าไปหาร่างเล็กที่โงนเงนเต็มทีแล้ว จนแทบจะยืนไม่ไหว ทรงปลดถังน้ำที่คาดว่าจะมีน้ำอยู่เต็ม แต่หาได้เป็นเช่นนั้นไม่...น้ำมีไม่ถึงค่อน “โธ่ น้ำมีแค่นี้ เจ้าทำพี่ตกใจหมด แล้วใครสั่งให้เจ้ามายืนอยู่แบบนี้กัน”

   “จะใคร ถ้าไม่ใช่องค์รักษ์ของท่านนั่นแหล่ะ แล้วน้ำแค่นี้อะไร ต้องบอกว่า มีขนาดนี้สิ รู้ไหมข้าถือถังน้ำสองนี้มาเกือบชั่วโมงแล้วนะ ก่อนหน้านี้ก็ต้องวิ่งรอบลานนี้เกือบห้าสิบรอบแถมแบกทวนบ้าๆนั่นไว้บนบ่า เท่านั้นยังไม่พอ ข้ายังต้องทนทรงตัวบนไม่กระดานแคบๆ  ส่วนท่านก็มัวแต่ไปดูนางรำ นางฟ้อน ร่ายรำถวาย มีความสุข ปล่อยข้าเอาไว้กลางแดด” อ๋องน้อยบ่นถึงความยากลำบากที่ตนได้รับมาทั้งวัน แบมือที่แดงกล่ำให้ฮ่องเต้ได้เห็นถึงความยากลำบาก

   “โอ๋ ไม่เจ็บแล้วนะ” ทรงลูบไปตามมือเล็กๆบางๆ ที่แสนนุ่มนิ่ม บรรจงจุมพิตรับขวัญไปตามรอยแดง ทีละรอยอย่างแผ่วเบา และกว่าที่อ๋องน้อยจะรู้สึกตัว ดึงมืออกมานั้นทั้งสองมือก็ได้รับการปลอบประโลมจนครบทุกรอยแดงช้ำ

   “เฮ้ย ท่านทำอะไร”  อ๋องน้อยเจ้าสำราญ เมื่อถูกปฏิบัติในแบบนี้ที่เคยทำให้หญิงสาว เป็นอันต้องเขินอาย ใบหน้าหวานขึ้นสีแดงเรื่อ ร้องถามอย่างตกใจ

   “ก็รับขวัญแผลเจ้า จะได้หายไวๆ เมื่อก่อนเจ้าก็คงเคยทำแบบนี้ให้หญิงสาวไม่ใช่หรือ” ร่างบางพยักหน้าบอกว่าใช่ ให้กับองค์ฮ่องเต้ “พี่ก็ทำแบบนั้นแหล่ะ แล้วที่เจ้าว่านะ ใครว่าพี่สบาย พี่ก็ต้องทนนั่งฟัง นั่งพูดกับเหล่าทูตพวกนั้นไม่เช่นกัน ไม่ได้สบายแบบที่เจ้าคิดหรอกนะ”

   “ถ้างั้นครั้งหน้า ก็ให้ข้าไปแทนสิ ท่านจะได้ไม่ต้องนั่งทน ดีไหม”  ร่างเล็กกว่ารีบอาสาทันทีก็เห็นอยู่ว่าเป็นงานที่สบายกว่าการต้องมานั่งฝึกอะไรพวกนี้เป็นไหนๆ ถ้าฮ่องเต้ไม่โปรด อ๋องน้อยไปแทนก็ได้นะ

   “อย่างเจ้าหน่ะหรือ? อย่าเลย อยู่แต่ข้างในดีแล้ว ออกไปก็ไปป่วนเหล่าทูตพวกนั้นเปล่าๆ แล้วนี้ฮวางหูไปอยู่ไหนเสียเล่า เจ้าถึงมายืนไร้ผู้ฝึกสอนแบบนี้” ทรงถามหาองค์รักษ์คนสนิทที่วันนี้ดูท่าจะสนุกกับการได้แกล้งอ๋องน้อย

   “จะไปรู้หรือไง มาสั่งๆๆ แล้วก็หายไป มาอีกก็สั่งอีก แล้วก็หายไปอีก องค์รักษ์ท่านหน่ะโหดมากเลยนะ ไม่ให้ข้าพักเลย ข้าวก็ให้นิดเดียว แล้วยังไม่ส่งใครมาช่วยดูแลข้าเลยสักคน” อ๋องน้อยช่างพูดช่างฟ้อง คงเก็บกดมาทั้งวันถึงได้ฟ้องเป็นเรื่องราวขนาดนี้

   “แล้วอย่างเจ้าหน่ะหรือไม่แอบอู้” พระหัตถ์หนาลูบผมที่ยุ่งเหยิง พระเนตรมองคนช่างฟ้องอย่างไม่ค่อยเชื่อเท่าใดนัก แม้พระองค์จะเห็นว่าน้องน้อยตรงตั้งใจฝึกตามคำสั่ง

   “แอบไม่ได้หรอก ก็องค์รักษ์ของท่านสั่งไว้ว่าถ้ากลับมาเห็นข้าไม่ทำตามคำสั่ง จะสั่งเพิ่มให้หนักขึ้นไปอีก แล้วที่หายไป จะกลับมาตอนไหนก็ไม่รู้ ข้าไม่เสี่ยงหรอก” 

   “ไม่เสี่ยง หรือ ว่าอู้แล้ว แล้วโดนสั่งลงโทษจริงๆกันแน่เที้ยนหยวน” พระเนตรรู้ทันจ้องมองอ๋องน้อยที่พอจะรู้ว่านิสัยเป็นเช่นไร คนอย่างอ๋องน้อยเที้ยนหยวนหน่ะหรือ ไม่แอบอู้

   “อื้อ ก็นิดหน่อยเอง วันนี้พอแค่นี้ได้ไหม ข้าเหนื่อยแล้วนะ” ดวงตากลมโตที่มักทำให้หญิงสาวใจอ่อนยวบ วันนี้ถูกใช้กับฮ่องเต้หนุ่ม และมันก็ได้ผล

   “ฮึๆๆ  เจ้านี้มันจริงๆเลย เที้ยนหยวน วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ เจ้าอยากกินอะไรเลยไหม พี่สั่งให้คนเขาตั้งสำรับไว้แล้ว หรือเจ้าอยากอาบน้ำก่อน”

   “กินก่อนสิ ข้าหิวจะแย่แล้วท่านรู้ไหม เมื่อกลางวันอะไรก็ไม่รู้ ไม่เห็นจะมีเนื้อสัตว์สักจาน คนมาดูแลก็ไม่มี เดี๋ยวท่านให้เฉียนกุ้ยมาดูแลรับใช้นะ วันนี้ข้ายังไม่เจอเฉียนกุ้ยเลย”  อ๋องน้อยผู้หมายมั่นปั่นมือกับขันทีเด็กหนุ่มแสนน่ารัก ไม่ได้รู้เลยว่า ชื่อนี้จะทำให้ทรงกริ้ว

   “ไม่ได้ เฉียนกุ้ยไม่ใช่คนที่จะดูแลเรื่องนี้ให้กับเจ้า” วรองค์สูงสง่าเหยียดตรง พระโอษฐ์เม้มเข้าหากัน ข่มพระอารมณ์ที่ไม่พอใจ

   “อะไรกันแม้แต่ขันทีท่านก็หวงงั้นหรือ เป็นฮ่องเต้ต้องมีพระเมตตา เผื่อแผ่สิ” ร่างเล็กรีบวิ่งตามฮ่องเต้พระพักตร์บึ้งจนเข้ามาถึงห้องที่มีคนจัดสำรับอาหารไว้แล้ว ล้วนแต่เป็นของน่าลิ้มลองทั้งสิ้น เว้นเสียแต่ คนที่ยืนอยู่นิ่งคอยรับใช้ จะไม่เหี่ยวเฒ่าขนาดนี้

   “ข้าไม่ได้หวงเฉียนกุ้ย” แต่ข้าหวงเจ้าต่างหาก เที้ยนหยวน เจ้าเคยรู้อะไรบ้างไหม เคยสนใจความรู้สึกของผู้อื่นบ้างไหม พระองค์ได้แต่รำพึงอยู่ในใจ ไม่ได้บอกให้น้องน้อยล่วงรู้ถึงความหึงหวงที่ทรงมีอยู่เต็มพระทัย

   “ไม่ได้หวง แล้วดูขันทีที่มารับใช้สิ เหี่ยวขนาดนี้ ยังบอกไม่ได้หวงอีกหรือ” ร่างเล็กบอกบุ้ยใบ้ไปทางขันทีที่คอยยืนรับใช้อยู่ไม่ห่าง ความสดใสช่างห่างไกลจากเฉียนกุ้ยยิ่งนัก

   “เจ้าอย่าว่าอู่กงกงเช่นนั้น กินเข้าไป ไม่ต้องบ่นอะไรมาก หากเจ้าบ่นเรื่องเฉียนกุ้ยอีกคำ ข้าจะสั่งให้เจ้าออกไปกินที่กลางลาน พร้อมอาหารแบบที่เจ้ากินเมื่อกลางวัน”  ทรงตัดรำคาญด้วยคำขู่ที่ทำให้คนฟังเงียบกริบยอมหุบปาก ไม่บ่นเรื่องใดต่อไป หากแต่สายตาก็ส่งค้อนมาให้

   “นี้เหล้าอะไร” นิ้วเรียวชี้ไปในจอกเล็กของฮ่องเต้ที่ขันทีสูงวัยรินมาให้ แต่ตัวเองกลับไม่ได้ จึงถามด้วยความสงสัยปนไม่พอใจ วันนี้มีแต่อะไรที่ขัดใจ

   “เหล้าเหมาไถ เจ้าอยากดื่มหรือไงเที้ยนหยวน พี่ไม่ห้ามเจ้าหรอกนะ หากเจ้าอยากดื่มมัน” เพราะค้อนแสนน่ารักจากดวงตากลมโตทำให้ฮ่องเต้หนุ่มอารมณ์ดีขึ้น สรรพนามแทนพระองค์จึงกลับสู่คำเดิมที่แสนอบอุ่น

   “เหล้าเหมาไถ ชื่อคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยิน มันอร่อยไหม” อ๋องน้อยพยายามนึก แต่เหมือนว่าจะนึกออกเพียงรางๆ ไม่แน่ใจว่าเคยลิ้มลองรสชาติมันบ้างไหม

   “เจ้าเคยดื่มในคืนที่เราชมจันทร์ด้วยกันอย่างไรเล่า เหล้ามันแรงมาก เจ้าอยากดื่มมันอีกหรือ” ทรงทบทวนร่างบางนึกได้ว่า เคยได้ยินชื่อนี้จากที่ไหน พร้อมกับทรงหวนคำนึงถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะเหล้าชนิดนี้

   “ งั้นข้าไม่ดื่มมันด้วยหรอก ไอ้เหล้าแบบนี้ แล้วก็เลิกนึกถึงคืนบ้าๆนั้นด้วย” อ๋องน้อยนิสัยพาลกลับมาอีกครั้ง มองจอกเหล้าที่ใส่เหล้าเหมาไถอย่างรังเกียจ

   “สำหรับเจ้ามันคือคืนบ้าๆ แต่สำหรับพี่มันคือคืนที่มีความสุข พี่คงไม่ลืมหรอก เออ จริงสิ พี่เห็นของที่ราชทูตให้มาเป็นเครื่องบรรณาการแล้วคิดว่าเจ้าจะชอบ พี่ให้เจ้าเป็นรางวัลที่เจ้าตั้งใจซ้อมวันนี้ก็แล้วกัน” ตุ๊กตาถักจากเส้นทองคำสำหรับใส่กำยานถูกวางลงบนโต๊ะกลม เรียกสายตากลมโตจากเจ้าของใหม่ ให้มองมันอย่างสนใจ

   “สวยจัง มันเอาไว้ทำอะไรหน่ะ จะว่าไป ผู้หญิงอาหรับนี้หน้าตาสวยเหมือนกันนะ จากตุ๊กตาตัวนี้ ท่านให้ข้าจริงๆหรือ” มือเล็กๆคว้าตุ๊กตาสาวงามมานั่งพินิจอย่างละเอียด

   “แค่ตุ๊กตาเจ้าก็รู้แล้วหรือว่าผู้หญิงอาหรับสวย ตุ๊กตาตัวนี้หน่ะ เอาไว้จุดเครื่องหอมข้างใน แล้วกลิ่นมันจะลอยออกตามช่องว่างของรอยถัก พี่เห็นว่าเจ้าคงชอบก็เลยเอามาให้” รอยแย้มพระโอษฐ์มองท่าทางเหมือนเด็กได้ของเล่นของน้องก็นึกดีใจ “วันต่อๆไป หากเจ้าตั้งใจแบบนี้อีก พี่ก็จะให้ของรางวัลกับเจ้าอีก”

   “จริงๆนะ กษัตริย์ตรัสแล้วห้ามคืนคำนะ” อ๋องน้อย ดูกระตือรือร้นกับของรางวัลที่จะได้รับ เหมือนเด็กที่ได้ของเล่นชิ้นใหม่อย่างไรอย่างนั้น

   “เจ้านี้ช่างเป็นเด็กเสียจริง เฮ้อ” อาหารมื้อนั่นผ่านไปพร้อมกับความเงียบที่ไม่ชวนอึดอัด มีบ้างที่อ่องน้อยจะบ่นเรื่องการฝึกซ้อม แต่ไม่พูดถึงขันทีเด็กหนุ่มอย่างเฉียนกุ้ยอีกเลย

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   “เที้ยนหยวน เจ้าตื่นขึ้นมาอาบน้ำเดี๋ยวนี้นะ พี่ไม่ยอมให้คนเน่าๆมานอนร่วมเตียงกับพี่นะ” ฮ่องเต้หนุ่มที่พึ่งเสด็จกลับมาจากห้องทรงงานต้องเหนื่อยพระทัยอีกครั้งเมื่อเห็นร่างเล็กๆในชุดเดิม ชุดเดียวกับเมื่อเช้า นอนอยู่บนแท่นกว้าง

   “ท่านก็ไปนอนที่พื้นสิ ไม่ก็ไปนอนที่ห้องอื่นก็ได้ ในตำหนักมีห้องอีกเยอะ” คนมาอาศัยอาจลืมอะไรไป แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของห้อง ได้แต่หัวเราะขำ คำพูดคนที่ไม่รู้สึกตัว

   “ไม่ได้  มานี้เลยเที้ยนหยวน” พระหัตถ์หนาโอบอุ้มร่างเล็กขึ้นไปทางห้องสรงที่มีน้ำอุ่นๆรออยู่ขันทีทั้งหมดถูกไล่ให้ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ทั้งห้องจึงเหลือเพียง ต้นห้องขี้เซา และฮ่องเต้หนุ่มเท่านั้น

   วรงองค์สูงใหญ่ของฮ่องเต้ประคองร่างเล็กให้นั่งบนตัก ทรงเปลื้องเสื้อผ้าออกทีละชิ้นแต่เหมือนคนหลับก็ยังไม่รู้สึกตัว สุดท้าย ร่างกายขาวเนียนไม่เหลือสิ่งใดปกปิดแม้แต่น้อย หากแต่ฮ่องเต้หนุ่มก็ไม่คิดฉวยโอกาสจากน้องน้อย

   สุดท้ายแล้วพระองค์ก็ต้องอุ้มคนหลับให้ลงไปอาบน้ำพร้อมๆกัน “เจ้าเป็นแบบนี้เสมอเลยหรือเที้ยนหยวน มันอันตรายเกินไปหรือเปล่า หืม?” ทรงถามร่างบางที่เอาแต่หลับไม่รู้เรื่องด้วยความเป็นห่วง ตั้งแต่ที่พระองค์พาลงน้ำ ไปจนกระทั่งถึงแต่งตัว และพากลับขึ้นมายังที่นอนอีกครั้ง

   “แล้วต่อไปเมื่อเจ้าอยู่ข้างนอก ใครจะดูแลเจ้ากัน อิสรภาพที่เจ้าต้องการไม่มีพี่คอยดูแลและปกป้องนะเที้ยนหยวน เมื่อถึงวันนั้นน้องน้อยจะคิดถึงพี่บ้างไหมนะ” คำถามสุดท้ายที่เต็มไปด้วยความหวัง และความเศร้า เวลาที่กำลังจะหมดลง    

   สามเดือนที่มีอยู่ พี่จะสร้างสิ่งมหัศจรรย์ขึ้นในใจเจ้าบ้างได้ไหม....เที้ยนหยวน

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

สวัสดีค่ะ ฮ่องเต้ใจง่ายยยยยยยยยยยยย ส่วนท่านอ๋องก็ดูเหมือนจะยอมหายโกรธ แต่ก็เพราะคาดหวังว่าอีกสามเดือนชนะแน่ (ช่างไม่ดูตัวเอง) 
ไม่ต้องห่วงนะคะ เรื่องนี้งดม่าม่า มีแต่ขนมหวานค่อนไปทางจืดเท่านั้นแหล่ะคะ

ขอบคุณคะ
   ปล. ขอบคุณสำหรับคำผิดนะคะ :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
โอ้ย น่ารักกกกกกกกกก ทั้งอ๋องน้อย ทั้งฮ่องเต้เลย

ขอให้ได้คู่กัน อายุมั่น ขวัญยืนนะต๊ะ

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
อ้าว......... อยากได้มาม่า  ฮ่าๆ

ฮ่องเต้ทั้งรักทั้งหลงถอนตัวไม่ขึ้นเลย  เสียดาย นึกว่าอ๋องนน้อยจะดื่นสุราแล้วเคลิ้มไปอีกคืนซะแล้ว   :o8:

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
ไม่รู้นะว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เวลาที่เรื่องนี้เศร้าๆอ่ะ มันมีสเน่ห์มากๆเลยอ่ะ 555+ :o12:


ปล.สนุกมากอยากให้มีตอนเศร้าๆแบบวันละนิดจิตแจ่มใส(โรคจิตเนอะ) 555+ :laugh:


^^


 :3123: :3123:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
แต่ตอนนี้เค้ามาม่าเเล้วอ่ะ สงสารฮ่องเต้ ฮือออ

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!! เข้าใจอย่างเเจ่มเเจ้ง /me น้ำตาคลอ

รอตอนต่อไปค่ะ เมื่อหัวค่ำอ่าน เเต่ยังไม่ได้เม้น พอต่อเลยเม้น เเหะๆ

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ฮ่องเต้ดูจะหลงรักน้องมาก :-[
+1 ชอบเที้ยนหยวนน้องน้อยของฮ่องเต้มาก :o8:

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
อ๋องน้อย น่ารักแสนซนอย่างนี้นี่เอง ฮองเต้ถึงได้หลงไหลยิ่งนัก

อ๋องน้อยไม่จิบเหล้าเหมาไถอีกเหรอ  เหอๆๆๆ :laugh:

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
เมื่อไหร่เที้ยนหยวนจะรักฮ้องเต้กันน๊า  :man1:

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
เด๋วฮ่องเต้ก็รู้ว่า อ๋องน้อยไม่เหมาะกะขังไว้ในกรงนะ
ออกจะร่าเริงสดใส ดีแล้วหล่ะจ้าไม่มาม่า เรากินจนเบื่อแระ  :กอด1: :กอด1:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...九


   บนแท่นบรรทมกว้าง มีวรองค์สูงของฮ่องเต้และน้องน้อยนอนเคียงกันอยู่ ฟ้ามืดครึ้มเป็นสีเทาหม่น เหล่าสกุณาวิหคทั้งหลายยังคงหลับสบายอยู่ในรังไม้

   ร่างเล็กในอ้อมพระพาหากว้างพลิกตัวไปมาอย่างอึดอัด ดวงตากลมโตเปิดกว้างมองไปรอบๆท่ามกลางความมืด  ค่อยๆคีบท่อนพระกรใหญ่ออกจากตัว ก้าวลงจากแท่นบรรทม ผ่านวรองค์สูงไปอย่างแผ่วเบา เดินไปตามทางเพื่อปลดล่อยน้ำเสียที่ไม่ต้องการออกจากร่างกายยามดึก ก่อนจะกลับมาเข้านอนอีกครั้ง ตากลมมองผู้สูงศักดิ์ ที่นิ่งสนิท ในใจแอบคิดว่าไหนเป็นฮ่องเต้ที่เก่งกาจ แค่นี้ใยไม่รู้สึกตัว

   ท่านอ๋องนอนมองใบหน้าคม อย่างขัดใจ แต่เพราะความหนาวเย็นทำให้ต้องกลับเข้าไปซุกในพระอุระอิงแอบหาความอบอุ่นอีกครั้ง พึมพำกับตัวเองเบาๆ “คนอะไรแสนดุร้าย แล้วยังพรากศักดิ์ศรี พรากยศศักดิ์ ทุกสิ่งที่เคยมี แต่เหตุใดจึงมาทำแสนดีอ่อนโยนและอบอุ่น ราวกับว่ารักข้าเสียอย่างนั้น หากท่านเอ่ยคำรัก ข้าคงเชื่อท่านเป็นแน่”   

   พระเนตรคมปิดสนิทแน่นดั่งคนที่หลงอยู่ในนิทราแสนสบาย หากแต่พระโอษฐ์กลับมีรอยแย้มยิ้มอย่างยินดี ทุกการกระทำทรงรับรู้ ทุกคำรำพึงทรงได้ยิน คำรักที่น้องน้อยถามถึง ใช่ว่าไม่อยากพูดไป แต่พูดไปแล้วสิ่งใดที่พี่จะได้กลับมา

   ให้พี่เจ็บครั้งเดียวไม่ดีกว่าหรือ...เที้ยนหยวน 
   
        * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ฟ้าสว่างมากแล้วหากแต่วันนี้องค์ฮ่องเต้ยังไม่ทรงจะลุกขึ้นจากพระที่ ได้แต่นอนหลับพระเนตรในอ้อมพระอุระมีร่างเล็กที่บอกไว้ว่าวันนี้จะตื่นก่อน พระองค์จึงทรงรอให้ร่างเล็กตื่นเสียก่อน

   เปลือกตาบางค่อยๆปรือขึ้นอย่างช้ามองรอบๆตัว สัมผัสได้ว่านี้มันเช้ากว่าที่เคยตื่นมาในทุกวัน อาจเป็นเพราะเมื่อคืนนอนไม่ค่อยสบายมากนัก ลุกจากที่นอนเสียบ่อยครั้งเพราะน้ำที่ดื่มเข้าไปมากก่อนเข้านอน “นี้ข้าตื่นก่อนฮ่องเต้อีกหรือนี้ ฮึๆ เช่นนี้แล้วมีหรือที่อีกสามเดือนข้างหน้าข้าจะไม่ชนะท่าน ฮ่องเต้อี้หลง”

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงได้ยินทุกถ้อยคำ กลั้นพระสรวลแทบขาดใจ หากแต่เพื่อสิ่งที่น้องน้อยประสงค์ เรื่องแค่นี้ พระองค์ประทานให้ได้ ด้วยเหตุนี้พระองค์จึงทรงปิดพระเนตรแน่นสนิทดั่งผู้มีความสุขในนิทราดังเดิม
   
   “ท่านตื่นได้แล้ว ฮ่องเต้ ตื่นได้แล้ว วันนี้ข้าทำหน้าที่ต้นห้องที่ดีแล้วนะ ตื่นสิ อย่าให้ข้าต้องเรียกนานได้ไหม” อ๋องน้อยที่ไม่เคยเป็นผู้ปลุก กำลังทำหน้าที่อย่าแข็งขัน สองมือเขย่าวรองค์หนาของฮ่องเต้หนุ่ม ปากเล็กๆแผดเสียงลั่น ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอดของคนหลับสนิท

   “อื้ออออออ เที้ยนหยวน เจ้านอนเงียบๆไม่ได้หรือไร” สุรเสียงแหบพร่าอย่างคนพึ่งตื่นนอน คว้าร่างเล็กที่เริ่มเป็นอิสระกลับเข้ามาแนบพระอุระอีกครั้ง

   “ไม่ได้ ท่านตื่นนะ วันนี้ข้าทำหน้าที่ต้นห้องที่ดีแล้ว ท่านต้องตื่นสิ” อ๋องน้อยที่เคยมีแค่คนเอาใจ บัดนี้หน้าหวานมุ่ยลงเพราะถูกฮ่องเต้หนุ่มขัดใจ โดยลืมฐานะไปว่าอีกฝ่ายนั้นเป็นผู้ใด

   “เจ้าเป็นต้นห้องก็ไปเตรียมน้ำให้พี่อาบ  เดี๋ยวพี่ตามเจ้าออกไปเอง”

   “ไม่ได้ท่านต้องไปกับข้าเดี๋ยวนี้ ข้าเป็นอ๋องแห่งวังทู่หลงนะ ท่านมีสิทธิ์ขัดใจข้าหรือ” สุดท้ายอ๋องน้อยก็หลงลืมไปสิ้นว่าตนเป็นใคร และชายผู้อยู่ตรงหน้านั้นเป็นใคร

   “แต่พี่เป็นฮ่องเต้ที่มีอ๋องแห่งวังทู่หลงเป็นต้นห้อง เจ้ากล้าสั่งพี่หรือ เที้ยนหยวน” พระพักตร์คมบึ้งตึงไม่พอพระทัยกับถ้อยคำที่ได้ยิน จนต้นห้องผู้สูงศักดิ์ได้แต่ก้มหน้านิ่ง ยอมเดินออกไปเพื่อเตรียมน้ำในห้องสรงเพียงลำพัง

   ชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์แห่งแผ่นดินเช่นฮ่องเต้อี้หลงทอดพระเนตรตามหลังเล็กๆนั้นไปพร้อมกับรอยแย้มพระสรวลที่ได้แกล้งน้องน้อยให้รู้จักกลัวเกรงผู้อื่นบ้าง “พี่ขอโทษนะเที้ยนหยวน หากไม่ทำเช่นนี้ภายภาคหน้าเมื่อเจ้าห่างไกลสายตาพี่ เจ้าจะได้ไม่ลำบาก พี่จะได้วางใจ”   

          * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   หลังพระกระยาหารเช้าที่ทรงมีรับสั่งให้ขันทีสูงวัยอย่างอู่กงกงมาคอยรับใช้ แทนเฉียนกุ้ยขันทีน้อยทำให้ผู้ร่วมโต๊ะเสวยหน้าหวานต้องมุ่ยหน้าลง หากแต่ก็ไม่กล้าเอ่ยวาจาใดๆออกมา เป็นเหตุให้ฮ่องเต้หนุ่มพอพระทัยอย่างมาก “เที้ยนหยวนวันนี้พี่จะสอนเจ้าเอง แต่ก่อนอื่นเจ้าต้องไปวิ่งรอบลานกว้างเสียก่อน ทำได้ใช่ไหม”

   “แต่ข้าวิ่งไปแล้วเมื่อวาน”

   “แล้วอย่างไร หากเจ้าไม่วิ่ง ขาเจ้าก็จะไร้กำลัง แล้วจะเอาแรงที่ไหนพาอาวุธเข้าหาคู่ต่อสู้ได้ ไปวิ่งเถอะ หากวันนี้เจ้าทำตัวดีๆ พี่จะให้รางวัลแก่เจ้าอีก” ฮ่องเต้หนุ่มทรงใช้ของรางวัลเพื่อจูงใจร่างเล็ก เชื่อมั่นเหลือเกินว่าอ๋องน้อยจะชอบในขวัญที่จะประทานให้

   “ท่านตรัสแล้วนะ ห้ามคืนคำด้วย” ร่างเล็กหันมาพร้อมรอยยิ้ม ยินดีที่จะได้ของรางวัล ก่อนจะวิ่งลงไปที่ลานกว้าง ทำตามสิ่งที่รับสั่ง

   “เอาหล่ะเที้ยนหยวน พอแล้ว” หลังจากประทับนิ่งทอดพระเนตรร่างเล็กออกวิ่ง มานานพอสมควร จึงดำเนินเข้ามาใกล้ร่างเล็ก พาให้กลับไปยังที่ที่พระองค์ประทับอยู่ก่อนหน้านั้น “เพราะเจ้ามีเวลาแค่สามเดือน พี่คงจะสอนเพียงแค่อย่างเดียวให้กับเจ้าเท่านั้น ตอนนี้เจ้าก็นั่งดูพี่กับพวกทหารซ้อมไปก่อน”

   เหล่าทหารที่ว่านั้น คือเหล่าองค์รักษ์ฝีมือเยี่ยมที่พร้อมยอมพลีชีพเพื่อฮ่องเต้ที่รักยิ่งของปวงชน และการฝึกซ้อมที่ว่าคือการประลองที่มีฮ่องเต้ทรงร่วมประลองด้วย มีเพียงไม่กี่ครั้งเท่านั้นที่ผู้ชนะการประลองจะเป็นหนึ่งในทหารเหล่านี้ และหากผู้ใดชนะ ฮ่องเต้หนุ่มก็ให้รางวัลทุกครั้งไป

   ร่างเล็กนั่งมองดูการต่อสู้อย่างตื่นตาตื่นใจเมื่อเหล่าทหารองค์รักษ์ที่ได้ชื่อว่าเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันต่างก็ทุ่มเทแรงกายและความสามารถทั้งหมดที่มีเพื่อชัยชนะ  ใช้อาวุธที่ตนถนัดเข้าต่อสู้ห้ำหั่นดุจดังเป็นศัตรูที่ต้องฆ่ากันให้หมดสิ้น

   อ๋องน้อยที่ทั้งชีวิตไม่เคยสัมผัสอาวุธหรือการต่อสู้ใดๆ ได้แต่ตกตะลึงกับสิ่งที่เห็น วาดฟันไปไกลว่าสักวันจะทำได้เช่นนั้นบ้าง ท่วงท่าแสนสง่างามหากก็ว่องไว ทุกครั้งที่เงื้อมือคือการหวังให้คู่ต่อสู้ที่หลังจากจบการประลองคือเพื่อนสนิทต้องพ่ายแพ้ ดูเป็นกีฬาที่ลูกผู้ชายเช่นอ๋องน้อยไม่ควรพลาด และสักวันจะกำชัยชนะเหนือฮ่องเต้ผู้เก่งกาจ

   “เที้ยนหยวน เจ้าอยากลองลงมาเล่นกับพี่ดูบ้างไหม” ทรงร้องถามคนที่นั่งมองอย่าตกตะลึง ดวงตาที่พระองค์โปรดกำลังเบิกกว้าง จนอดไม่ได้ที่จะแย้มพระโอษฐ์

   “ท่านก็รู้ว่าข้าสู้ท่านไม่ได้ อย่ามาทำเป็นใจดีแบบนี้เลย” อ๋องน้อยเมื่อรู้ตัวว่าถูกล้อ ใบหน้าหวานขึ้นสีเรื่อ เบือนหน้าไปทางอื่น ไม่สบสายตากับฮ่องเต้หนุ่มที่บัดนี้ เปียกชุ่มด้วยหยาดพระเสโทพราวล้อกับแสงแดดเป็นประกาย

   “แล้วเจ้าเบือนหน้าหนีพี่ทำไมกัน หรือว่าทางนั้นมีสิ่งใดดีกว่าพี่หรือ ก็ไม่เห็นมีสิ่งใดเลย” สายพระเนตรทอดมองตามสายตาน้องน้อยหากแต่ก็ไม่เห็นสิ่งใด นอกเสียจากอู่กงกงที่ยกถาดจากห้องเครื่องเข้ามา

   “ทำไมจะไม่มี อย่างน้องข้าก็ยอมมองขันทีเหี่ยวๆ แบกถาดอาหารดีกว่ามองฮ่องเต้ เหม็นเหงื่อแบบท่าน”  ชายแท้ที่ใดเล่าจะกล้าบอกว่าเขินอายต่อร่างกายชุ่มเหงื่อของอีกหนึ่งบุรุษที่มีร่างกายแข็งแกร่ง

   “อือ หากพี่เหม็นเหงื่อ งั้นหลังฝึกซ้อมคงต้องให้ต้นห้องอาบน้ำให้เสียแล้ว เที้ยนหยวนพี่มีของจะให้เจ้านะ ไม่หันมาดูหน่อยหรือ”

   “ท่านจะให้อะ.... สวยจัง ท่านให้ข้าเป็นรางวัลหรือ” ใบหน้าหวานเกินชายของอ๋องน้อยเบือนหน้าหันกลับมามองก่อนจะแย้มยิ้มอย่างยินดีเมื่อเห็นของกำนัลล้ำค่า

   มีดสั้นเล่มงามนอนสงบนิ่งในฝักแสนสวยประดับด้วยหินสูงค่า มือบางหยิบมันขึ้นมาดูด้วยความสนใจ ค่อยๆดึงมีดออก ปรากฏโลหะเงาวับและคมกริบ “ท่านให้ข้าจริงๆหรือ” ดวงตากลมจ้องมองใบมีดเป็นประกาย

   “จริงสิ พี่ให้เจ้าไว้เป็นอาวุธคู่กาย หากเจ้าฝึกกับมันจนคุ้นชินมือก็จะเกิดประโยชน์มากนัก  ที่พี่เลือกมีดสั้นให้เพราะน้ำหนักเบา อีกทั้งยังเหมาะกับมือเล็กๆของเจ้าด้วย” พระหัตถ์หนาโอบกุมรอบมือบางที่กำมีดสั้นไว้แน่น “มือเจ้าเล็กเท่านี้ คงจับอาวุธใดไม่ถนัดนัก ต่อไปนี้เจ้าก็ฝึกกับมีดเล่มนี้ เก็บมันไว้ข้างกายอย่าให้ห่าง”

   เก็บไว้ข้างกาย...ให้ตัวแทนของพี่ได้อยู่ข้างกายเจ้า แทนพี่ที่อยู่ห่างไกล

   “อ่ะ” เสียงหวานเรียกความสนใจของฮ่องเต้หนุ่มให้หลุดจากภวังค์ กลับมาสนใจน้องน้อยที่หาเรื่องให้ตัวเองได้เจ็บอีกครา   

   “เที้ยนหยวน เจ้าทำมีดบาดมือตัวเองหรือนี้” แผลขนาดใหญ่ที่ดูไม่ลึก มีเลือดแดงสดผุดขึ้นมาตามรอยแผลนั่น รอบๆแผลดูแดงช้ำขึ้นมาในทันที จนน่าเป็นห่วง “ฮวางหู เจ้าดูพวกนี้ซ้อมต่อไปก่อน เราจะพาท่านอ๋องไปทำแผล”

   ฝ่าบาททรงนำต้นห้องคนพิเศษกลับมายังตำหนัก สั่งให้ขันทีไปนำยาจากแพทย์หลวงมาให้ พระองค์จะเป็นผู้ทำแผลให้แก่น้องน้อยเอง

   พระหัตถ์หนาซับเลือดจากแผลใหญ่ อย่างแผ่ว แม้แต่เจ้าของยังตกใจ ไม่คิดว่าคนใจร้ายจะมือเบาได้ถึงเพียงนี้ ผ้าชุบน้ำถูกซับรอบๆแผลๆเพื่อทำความสะอาดคราบ แต่เพราะความแสบ ทำให้มือบางหดหนี แม้จะถูกยึดไว้ในพระหัตถ์ก็ตาม “อย่าหนีสิ เที้ยนหยวน ถ้ามันแสบเจ้าก็ทนเอาหน่อย ถ้าไม่ทำ แผลเจ้าก็จะหายช้า”

   “ท่านก็เบาๆสิ ข้าเจ็บ” แม้จะรู้ว่านั่นเบาแล้ว แต่อ๋องน้อยใจปลาซิวก็ยังอดไม่ได้ที่จะโวยวาย และน้ำตาซึมออกมา “ไม่ต้องทายาที่มันแสบได้ไหม” อ๋องน้อยอุทธรณ์ทันทีที่เห็นตลับขึ้นชื่อเรื่องความแสบจากตำรับยาหลวง

   “ไม่ได้ ไม่ทายาแล้วจะหายหรือ พี่ไม่พันแผลให้เจ้าก็ดีเท่าไหร่แล้ว ต่อไปยามอาบน้ำ เจ้าก็ห้ามให้น้ำโดนแผลเข้าใจไหม” ฮ่องเต้หนุ่มทรงยึดมือบางไว้แน่น ไม่ยอมให้หดหนี อีกทั้งยังกำชับเรื่องการดูแลแผล

   “แล้วจะอาบอย่างไรเล่า” ร่างเล็กหน้าหวานก้มมองดูแผลตนเองอย่างคิดหนักก่อนจะยิ้มกว้าง “รู้แล้ว ท่านให้เฉียนกุ้ยมาช่วยข้าอาบน้ำได้ไหม”

   “ไม่ได้ ถ้าเจ้าอาบคนเดียวไม่ได้ ข้าจะอาบให้เจ้าเองทุกครั้ง ไม่มีข้อแม้ใดๆทั้งสิ้น” สุรเสียงจากอ่อนหวานกลายกลับเป็นเย็นชา เผลอลงน้ำมือลงบนแรงโดยแรง

   “เฮ้ยยยยยยยยย ข้าเจ็บนะ”

   เสียงร้องโวยวายของอ๋องน้อยผู้ไม่เคยสังเกตสิ่งใด เรียกพระสติของฮ่องเต้ให้กลับคืนมาอีกครั้ง พร้อมด้วยความร้อนรน “เที้ยนหยวน พี่ขอโทษ เจ็บมากไหม”

   “เจ็บสิ ลองมาดูบ้างไหม ท่านเป็นอะไรอยู่ดีๆ ก็กดลงมาบนแผลแบบนี้”  ปากเล็กถามเจื้อยแจ้ว สองตากลมสำรวจแผล ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองร่างสูง

   “พี่ขอโทษ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงตรัสขอโทษจากพระทัย ก้มมองแผลใหญ่บนมือเล็กในมือ ได้แต่รู้สึกผิด

   “ไม่เป็นไร แล้วไหน รางวัลที่ท่านจะให้ข้าหล่ะ ท่านสัญญาแล้วนะ” คนเจ็บเอ่ยทวงของรางวัลทั้งที่วันนี้ยังไม่ได้ฝึกใดๆเลยเว้นเสียแต่การวิ่งช่วงเช้าเท่านั้น

   “อยู่ในที่ของมันสิ เจ้าอยากได้จริงหรือ” พระองค์ทรงหยอกเย้าน้องน้อยที่ทำตัวเหมือนเด็กไม่มีผิดในเวลาที่อยากได้สิ่งของ

   “จริงสิ มันอยู่ที่ไหน ให้คนไปเอามาสิ ข้าอยากได้” ร่างเล็กเร่งให้คนนำเข้ามาให้ อยากเห็นว่าที่จะได้เป็นรางวัลคือสิ่งใดกันแน่

   “มากับพี่สิ” พระหัตถ์หนา คว้ามือเล็กแสนอ่อนนุ่มเข้ามาไว้ในมือ ฉุดร่างเล็กให้ลุกขึ้น ก่อนพาออกนอกตำหนัก ไปยังด้านหลัง โดยเจ้าของมือเล็กไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่ามือตน อยู่ในอุ้งพระหัตถ์ที่แสนอบอุ่น และอ่อนโยน
   
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ร่างเล็กเดินตามคนข้างหน้าไปอย่าสงสัย ยิ่งเดินไปก็ยิ่งสงสัย เส้นทางที่เดินมาห่างไกลจากตำหนัก หลังอื่นๆ  มันจะเป็นของขวัญแบบไหนกัน ถึงได้มาอยู่ไกลขนาดนี้ หรือจะเป็นของสำคัญมากๆกันแน่ “ท่านจะให้อะไรข้ากัน ทำไมมันดูลึกลับแบบนี้”

   “อีกนิดเดียว เชื่อพี่เหอะว่าเจ้าจะรักมัน” ทรงหันกลับมาหาร่างเล็กที่เริ่มโอดครวญกับระยะที่ออกจะไกลอยู่สักหน่อยแบบนี้ “แล้วเชื่อพี่เถอะ ว่าเจ้าจะเดินมาหามันทุกวัน”

   “อะไรกัน นี้ข้าต้องเดินมาหามันหรือนี้ ไม่เอาด้วยหรอก ยังไงๆถ้าท่านให้ข้า ข้าก็จะ..........” อ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลง อ้าปากค้างเมื่อเห็นสิ่งที่อยู่ตรงหน้า อยากจะกระโจนเข้าไปหา
   
   “ตามใจเจ้าสิ” ฮ่องเต้หนุ่มแย้มพระโอษฐ์กับท่าทางเหมือนตกตะลึงของอ๋องน้อย และยังมีท่าทางที่ดูเหมือนจะกระโจนเข้าไปหาเหมือนเด็กๆ ยามดีใจได้ของเล่น

   ขนตายาวงอน ริมฝีปากเผยอขึ้นอวดฟันคู่หน้าสีขาวบริสุทธิ์ ผิวสีน้ำตาลทราย และเนินเนื้อสองข้างชวนให้หลงใหล อ๋องน้อยจ้องสิ่งที่อยู่ตรงหน้าอย่างสำรวจ หากไม่มีพระหัตถ์หนาๆมารั้งไว้ก็คงกระโจนเข้าไปกอดแล้ว

   “ชอบไหม” สุรเสียงทุ้ม แสนเอื้ออาทร ก้มถามคนตัวเล็กกว่าอย่างเอ็นดู

   “ชอบ ชอบที่สุดเลย น่ารักจัง ท่านไปได้มาจากไหน ทำไมข้าไม่เห็นเคยเห็นเลย” ร่างเล็กหันกลับมาถามคนให้ที่แสนใจดี ให้สิ่งที่แสนน่ารักขนาดนี้

   “ราชทูตจากแดนอาหรับ ส่งมาเป็นเครื่องบรรณาการ พี่เห็นว่า อยู่กับพี่ก็คงเท่านั้น สู้ให้เจ้าไว้เป็นเพื่อนยามเหงาคงดีเสียกว่า” พระเนตรแสนอ่อนโยนยามจับจ้องน้อยน้องไม่สนใจเลยว่ามีอีกหนึ่งชีวิตอยู่ตรงนั้น

   “ขอบคุณท่านมากเลย ว่าแต่....มันเรียกว่าตัวอะไรกัน ในเมืองนี้ข้าไม่เคยเห็นมันเลย” ร่างเล็กละสายตาจากเจ้าสัตว์สี่ขาตัวสูงตรงหน้า หันมาถามคนให้ ที่อย่างน้อยคงรู้ว่าสัตว์ประหลาดตัวนี้คือตัวอะไร

   “มันเรียกว่า อูฐ เป็นสัตว์ที่พวกเขาใช้แทนม้ากัน มันอดทนมากเลยนะ วิ่งระยะใกล้ ได้เร็วกว่าม้าเสียอีก อดน้ำได้เป็นนาน พี่ให้เจ้าแล้ว ก็อย่าลืมมาดูแลมันบ้าง ให้ความรัก ความเอ็นดูกับมัน อย่าละเลย ถึงมันจะอดทน แต่ยังไงก็ยังต้องการความรักจากเจ้าของ” ฮ่องเต้หนุ่มรับสั่งกับอ๋องน้อย พระเนตรจ้องมองร่างบางที่ด้วยความอาวรณ์สิ่งที่ออกมานั้น คือสิ่งที่อยากเรียกร้องจากน้องน้อยบ้าง

   ....แต่ก็คงไม่สามารถทำได้....จึงได้แต่ขอร้องแทนเจ้าสัตว์สี่ขาตรงหน้า

   “ท่านพูดอย่างกับข้าไม่มีหัวใจ ไม่รู้จักที่จะรักและเป็นคนห่วงผู้อื่นเช่นนั้นแหล่ะ ถึงข้าจะเที่ยวเล่นไป แต่หากข้ารักใครก็จะรักคนนั้นมั่นคง ไม่แปรเปลี่ยน แล้วก็จะดูแลอย่างดีด้วย ท่านคอยดูสิ เจ้าอูฐตัวนี้จะเป็นสัตว์เลี้ยงที่มีความสุขที่สุดในวัง” อ๋องน้อยเจ้าสำราญ เอาแต่เที่ยวเล่นไปวันๆ แท้จริงแล้วก็มีหัวใจรัก เพียงแค่รอคอยผู้ที่จะมาคว้าหัวใจดวงนี้ไป

   “แล้วมีหากใครคนหนึ่งรักเจ้าเล่า เจ้าจะทำเช่นไร” จะดูแลเขาผู้นั้นเป็นอย่างดี ให้สมกับความรักที่มีให้เจ้าหรือไม่...คำถามที่พระองค์ได้แต่ตรัสถามอยู่ในพระทัย ไม่กล้ากล่าวออกมาให้ผู้ใดได้ยิน

   “จะมีใครกันมารักคนอย่างข้าที่ไม่เอาไหนเล่า หรือหากจะมีจริงๆ” ร่างเล็กมองตาโตๆของอูฐตัวใหญ่ มือบางลูบไล้หน้าผากโหนกๆไปมาอย่างเพลิดเพลิน นิ่งคิดในคำตอบสักครู่ “ข้าก็คงจะรู้ดูแลแม่นางผู้นั้นเป็นอย่างดี ให้สมกับความรักที่ข้าได้รับ แล้วถ้าเป็นท่านหล่ะ ฮ่องเต้ผู้ยิ่งใหญ่ต้องมีสนมนางในมากมาย แล้วท่านจะดูแลคนที่ท่านรักเช่นไร”

   “แล้วสนมพวกนั้นไปเกี่ยวอะไรกับคนที่พี่รักเล่า พวกนางก็แค่เครื่องมือทางการเมืองเท่านั้น หัวใจของพี่ คนที่พี่รักอยู่เหนือเรื่องการเมืองสกปรกพวกนั้น” พระเนตรคมกล้าจ้องมองแผ่นหลังบางที่อยู่ห่างเพียงนิดก็รั้งเข้ามาในอ้อมอกได้แล้ว

   “โห! ท่านนี้ช่างใจร้ายกับนางสนมเสียจริง แต่หากคนที่ท่านรักมาได้ยินนางก็คงดีใจ ใครนะ ผู้โชคดีคนนั้น” อ๋องน้อยยังคงหยอกล้อกับสัตว์เลี้ยงแสนประหลาดที่พึ่งได้รับ ไม่หันกลับมามองเลยว่า ดวงตาของชายหนุ่มผู้สูงศักดิ์เป็นเช่นไร

   เจ้าถามตัวเองสิ ว่าดีใจหรือไม่....

   “เจ้าอย่ารู้เลย ว่าเป็นใคร มันยังไม่ถึงเวลาที่เจ้าจะรู้ แล้วนี้จะเรียกอูฐตัวนี้ว่าอย่างไร คงไม่ตั้งชื่อมันว่าอูฐหรอกนะ”  ฮ่องเต้หนุ่มทรงเปลี่ยนเรื่องให้ออกห่างจากสิ่งขุ่นมัวบนหัวใจแสนบริสุทธิ์ของน้องน้อย ชวนคุยถึงชื่อที่เจ้าสัตว์ประหลาดตรงหน้า

   “อึ้ยยย ชื่อแบบนั้น ท่านไว้ตั้งให้ม้าของท่านเถอะ อูฐของข้าต้องเป็นชื่อที่ดีมีมงคลกว่านั้นมาก ชื่ออะไรดีนะ อ่าใช่ ชื่อ เที้ยนเฉียนดีไหม” ร่างเล็กดูพอใจกับชื่อที่ตั้งได้ ใบหน้าหวานยิ้มร่า ผิดกับอีกหนึ่งคนที่รอฟัง

   “นั่นหรือมงคลของเจ้า ชื่อบ้าอะไรกัน” พระองค์ไม่สนว่าชื่อนั้นจะมีมงคลหรือไม่ ไม่สนว่ามันจะหมายความว่าเช่นไร ทรงทราบเพียงแค่ว่า เฉียนตัวหลัง คงมาจากขันทีน้อยเป็นแน่

   “ทำไมจะไม่มงคล เที้ยนตัวแรกมาจากชื่อของข้าเมื่อเขียนตามตัวก็จะแปลว่าความสงบเงียบ สงบสุข เมื่อรวมกับชื่อตัวแรกของเฉียนกุ้ย ที่แปลว่าเงินทอง ไม่มงคลตรงไหนกัน ทั้งร่ำรวยและมีความสุข” อ๋องน้องยังคงระบายยิ้ม นั่งมองเจ้าสัตว์ตัวใหญ่ ชื่อแสนมงคลว่าเที้ยนเฉียน

   “ข้าเป็นคนให้” สุรเสียงแสนเรียบๆ บอกให้คนตั้งได้รู้ว่า ชื่อนี้ไม่ถูกพระทัยฮ่องเต้หนุ่มเป็นอย่างยิ่ง

   “มีแบบนี้ด้วยหรือไงกัน ท่านนี้ เป็นคนให้แล้วยังไงหวงแม้แต่ชื่ออีก แล้วเป็นอะไรกัน ข้าสังเกตมาหลายครั้งแล้ว ทุกครั้งที่ข้าพูดถึงเฉียนกุ้ย ท่านมักทำหน้าไม่พอใจ หรือว่าท่านหวงเฉียนกุ้ยกัน”

   เจ้าคงสังเกตไม่มากพอสินะเที้ยนหยวน หากเจ้ามองให้ลึกกว่านี้คงดี... “แล้วตกลงจะให้เจ้าตัวนี้ชื่ออะไร” ทรงรำพันเพียงพระองค์เดียวก่อน อย่างไม่หวังให้ผู้ใดได้ยิน ก่อนจะทรงถามถึงชื่อของเจ้าสัตว์ประหลาดตัวนี้

   “อี้หลง” อ๋องน้อยเรียกชื่อของชายผู้อยู่เหนือคนทั้งแผ่นดิน ก่อนจะใช้ดวงตากลมโตมองผู้เป็นเจ้าของชื่อนั้น

   “เจ้าเรียกพี่แบบนี้ได้หรือ เที้ยนหยวน” พระขนงเลิกขึ้นสูง มองน้องน้อยอย่างประหลาดพระทัย ไม่คิดว่าจะมีใครหาญกล้าเช่นนี้ แม้คนผู้นั้นจะเป็นอ๋องน้อยเที้ยนหยวน

   “เปล่า ข้าเรียกเจ้าอูฐตัวนี้ต่างหาก” อ๋องน้อยตอบหน้าตาเฉย หันกลับไปให้ความสนใจต่ออูฐที่ได้ชื่อเดียวกับฮ่องเต้ผู้ปกครองแผ่นดิน

   “แต่นั่นมันชื่อเดียวกับพี่เลยนะ”

   “งั้นก็ เปลี่ยนเป็น อี้หลงที่หนึ่งหล่ะกันนะ เจ้าอูฐโง่” ดูเหมือนว่าอ๋องน้อย ช่างมีทางออกที่แสนง่ายดายในการแก้ไขเรื่องชื่อซ้ำกับฮ่องเต้ผู้สูงส่ง

   “เจ้าไม่คิดว่าจะมีใครได้ยินแล้วจับเจ้าไปประหารหรือไง” ทรงยั้งถามร่างบางที่ดูกล้าหาญเหลือเกิน ในครั้งนี้

   “ก็ถ้าท่านไม่พูด ข้าไม่พูด อี้หลงที่หนึ่งไม่พูด แล้วใครจะรู้ ตกลงท่านพอใจชื่อนี้ไหม อี้หลงที่หนึ่ง” เที้ยนหยวนหันกลับมาถามฮ่องเต้หนุ่มอีกครั้ง เพื่อความมั่นใจ

   “ตามใจเจ้าเถอะ ดูแลมันให้แล้วกัน”

   “แน่ละ ข้าจะดูแลอี้หลงที่หนึ่งให้ดี สมกับเป็นของประทานจากฮ่องเต้” ยิ้มกว้างอย่างเด็กน้อยฉายชัดบนใบหน้าหวาน เรียกให้อีกหนึ่งบุรุษต้องแย้มยิ้มตามไปด้วย

   แล้วเจ้าจะดูแลหัวใจของฮ่องเต้ให้ดีด้วยได้ไหมนะ น้องน้อยของพี่.....

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ ฮ่องเต้นับวันยิ่งเพ้อมากขึ้น ส่วนท่านอ๋อง ก็ยังฝักใฝ่ในเฉียนกุ้ย เฮ้ออออ เกิดเป็นอ๋อง สบายไปแปดอย่างจริงๆ

   ขอบคุณคะ

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
โอ้ย น่ารักกกกกกกกกก ทั้งอ๋องน้อย ทั้งฮ่องเต้เลย

ขอให้ได้คู่กัน อายุมั่น ขวัญยืนนะต๊ะ


ขอบคุณคะ ให้เป็นคู่ครองหมื่นปี หมื่นๆปี


อ้าว......... อยากได้มาม่า  ฮ่าๆ

ฮ่องเต้ทั้งรักทั้งหลงถอนตัวไม่ขึ้นเลย  เสียดาย นึกว่าอ๋องนน้อยจะดื่นสุราแล้วเคลิ้มไปอีกคืนซะแล้ว   :o8:

แหงยยยยยยยย ม่าม่าเห็นทีจะมีแต่องค์ฮ่องเต้ต้อยู่คนเดียวแหล่ะคะ มารักคนแบบท่านอ๋องต้องทำพระทัย และม่าม่าชามใหญ่ต้องท้ายเรื่องปู้นนนนนนเลยคะ



ไม่รู้นะว่าคิดไปเองรึเปล่า แต่เวลาที่เรื่องนี้เศร้าๆอ่ะ มันมีสเน่ห์มากๆเลยอ่ะ 555+ :o12:


ปล.สนุกมากอยากให้มีตอนเศร้าๆแบบวันละนิดจิตแจ่มใส(โรคจิตเนอะ) 555+ :laugh:


^^


 :3123: :3123:

หงึยยยยยยยยยย เศร้าแบบนิดๆ เลยนะคะจากอารมณ์ของท่านฮ่องเต้ผู้เพ้อรัก





แต่ตอนนี้เค้ามาม่าเเล้วอ่ะ สงสารฮ่องเต้ ฮือออ

ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย!! เข้าใจอย่างเเจ่มเเจ้ง /me น้ำตาคลอ

รอตอนต่อไปค่ะ เมื่อหัวค่ำอ่าน เเต่ยังไม่ได้เม้น พอต่อเลยเม้น เเหะๆ

แงงงงงงง "ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย" เป็นอารมณ์ที่เข้าถึงได้ง่ายใช่ไหมคะ รักอ๋อง ฮ่องเต้ต้องทำใจ
เรื่องเม้มท์ไม่เป็นไรแต่ก็ขอบคุณนะคะ


อ๋องน้อย น่ารักแสนซนอย่างนี้นี่เอง ฮองเต้ถึงได้หลงไหลยิ่งนัก

อ๋องน้อยไม่จิบเหล้าเหมาไถอีกเหรอ  เหอๆๆๆ :laugh:


   
น่ารักแสนซนแบบเด็กแสบ หรือเปล่าคะ
หงึยย มีแต่คนเชียร์ให้ท่านอ๋องเมาอ่า ท่านอ๋องไม่รอดแน่  o18





เมื่อไหร่เที้ยนหยวนจะรักฮ้องเต้กันน๊า  :man1:

ง๊ากกกกกก อันนี้ตอบยากคะ เพราะยังไม่ได้คำตอบเหมือนกันว่า ฮ่องเต้ไปรักอ๋องตั้งแต่เมื่อไหร่ (แต่งเองยังไม่รู้ มันช่างน่า  :z3:)




ฮ่องเต้ดูจะหลงรักน้องมาก :-[
+1 ชอบเที้ยนหยวนน้องน้อยของฮ่องเต้มาก :o8:

เย้ๆๆ มีคนชอบน้องน้อยด้วย ขอบคุณคะ



เด๋วฮ่องเต้ก็รู้ว่า อ๋องน้อยไม่เหมาะกะขังไว้ในกรงนะ
ออกจะร่าเริงสดใส ดีแล้วหล่ะจ้าไม่มาม่า เรากินจนเบื่อแระ  :กอด1: :กอด1:


คะ แต่อาจมีแซมๆมาบ้าง ตามประสาฮ่องเต้ผู้เพ้อรักนะคะ
ส่วนอ๋อง ถ้าไม่ขังกรง เกรงว่าจะไปจีบผู้อื่นนิ้สิ ฮ่องเต้อกหักแน่ๆคะ



kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ฮ่องเต้นี่ไม่เข็ด  ให้ของขวัญเป็นมีดได้ไง ท่านอ๋องยิ่งคุ้มดีคุ้มร้ายอยู่   -_-'

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อ่านไปยิ้มไป ฮ่องเต้ ช่างแสนน่ารักจับจิตจับใจ

เชื่อได้เลยว่า อ๋องน้อยอยู่ห่างอี้หลงเมื่อไหร่ต้องคิดถึงจนใจจะขาดแน่ ฮ่าๆ

ptyunjae

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักมากจริงๆ แต่สงสารฮ่องเต้อ่ะ รักเขา แต่พูดไม่ไ้ด้

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด