ประลองรัก...十
“ฮวางหูเจ้าคิดเช่นไรต่อเฉียนกุ้ย” ในช่วงสายของวันหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการหารือกับเหล่าขุนนาง ฮ่องเต้หนุ่มประทับในห้องทรงอักษรรับสั่งถามคำถามที่ทำให้ทหารกล้าหน้าขึ้นสี
“กระหม่อม เออ... กระหม่อม”
“เจ้าทำไม เราถามก็ตอบมา”
“กระหม่อมชอบเฉียนกุ้ย”
คำตอบจากราชองค์รักษ์พาให้ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์อย่างพึงพระทัย “งั้นก็ดีแล้ว เรายกเฉียนกุ้ยให้ไปทำงานที่จวนของเจ้า ถือเป็นคนในความดูแลของเจ้า นำสาสน์นี้ไปยื่นให้ท่านกรมวัง”
“ขอบพระทัยกระหม่อม” ราชองค์รักษ์ดีใจ รับสาสน์ส่งตัวขันทีน้อยแสนน่ารักมาไว้ในมือ ใบหน้ายิ้มยากมีรอยยิ้มไปถึงในดวงตาคมที่มักเย็นชาและดุดัน
“แล้วก็ดูแลให้ดี เราเอ็นดูเฉียนกุ้ยไม่ต่างจากน้องคนนึง รีบไปให้ท่านกรมวังเสียสิ”
“กระหม่อม”
ฮ่องเต้หนุ่มทอดเนตรความดีใจบนใบหน้าของราชองค์รักษ์พาให้นึกไปถึงน้องน้อยหากได้รู้เรื่องนี้คงไม่แคล้วได้โวยวายอีกเป็นแน่....
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
มาถึงวันนี้ก็ผ่านไปกว่าสองอาทิตย์แล้วที่อ๋องน้อยได้ครอบครองมีดสั้นเล่มงามฝีมือจากช่างหลวง แต่ดูเหมือนว่าความสามารถของท่านอ๋องนั้นจะยังไม่พัฒนาไปมากเท่าที่พระอาจารย์ จะต้องการ
“เที้ยนหยวน เจ้าอย่ามัวแต่เล่นเช่นนี้สิ ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่พี่แทบไม่เห็นพัฒนาการของเจ้าเลยนะ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงยืนกำกับอยู่ข้างสนาม ทอดพระเนตรร่างบางหัดใช้ร่างบางกับหุ่นฟางที่สั่งให้คนทำขึ้นพิเศษ
“อะไรกัน แค่สองอาทิตย์ เอง ข้าฟันหุ่นฟางพวกนี้ขาดได้เป็นเส้นๆแล้วนะ ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ” อ๋องน้อยที่พึ่งใช้มีดฟันฟางออกมาจากตัวหุ่นได้ หันมาโวยวายกับพระอาจารย์แสนใจร้าย ที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มโหดขึ้นทุกที
“ก็มันเป็นแค่ฟางที่มัดอยู่นิ่งๆ หากแต่สิ่งที่เจ้าต้องการคือเอาชนะพี่ที่ไม่ได้อยู่นิ่งเหมือนเจ้าหุ่นฟางนั้นมิใช่หรือ? แล้วไหนจะน้ำหนักมือที่เจ้าถือมีดเล่มนั้น เจ้าไม่ต้องกลัวมันหักหรอก จับให้มันแน่น และกระชับกว่านั้นสิ” วรองค์สูงดำเนินเข้าใกล้ร่างเล็กของอ๋องน้อยกลางลานโล่งที่ใช้ฝึกหัด “เจ้าลองโจมตีพี่ดูสิ”
ฮ่องเต้หนุ่มในพระหัตถ์ว่างเปล่าเดินเข้าหาร่างเล็กที่วิ่งเข้ามาหาสุดกำลัง แขนเรียวเงื้อสุดกำลัง หวังว่าให้มีดในมือตนจะลบล้างคำกล่าวหาถึงฝีมือที่ไม่พัฒนา และอาจนำไปสู่อิสรภาพที่ต้องการ
ฮ่องเต้หนุ่มเบี่ยงพระองค์หลบด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ให้คมมีดวาววับตัดผ่าอากาศดังหวืด ตามมาด้วยพระโอษฐ์บางที่แย้มพระสรวล อย่าพึงพอใจที่เห็นหน้าเล็กๆของน้องน้อยเริ่มบูดบึ้ง “อะไรกัน เจ้าทำได้เท่านี้ เสียชื่อพี่ที่เป็นผู้สอนนะเที้ยนหยวน”
“ก็ท่านโกงข้านี้ ท่านเล่นหลบแบบนั้น แล้วใครจะทำอะไรได้ ท่านอย่าหลบสิ” ร่างเล็กโวยวายเจื้อยแจ้วเรียกความเอ็นดูได้ไม่น้อยจากองค์ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์
“เจ้าไม่ให้พี่หลบ แล้วจะให้พี่อยู่นิ่งๆรอรับคมมีดอย่างนั้นหรือ เที้ยนหยวน แล้วจะเรียกว่าการฝึกได้อย่างไร หากทำเช่นนั้นสู้ปล่อยให้เจ้าฟันเจ้าหุ่นฟางนั้นต่อไม่ดีกว่าหรือ” ฮ่องต้อี้หลงทรงทอดพระเนตรร่างเล็กบอบบางด้วยความขบขัน ยิ่งนับวันดูเหมือนว่าน้องน้อยจะทำให้พระองค์รักมากขึ้นทุกครั้ง
จากเพียงแค่สงสาร...กลายเป็นเอ็นดู....สุดท้ายก็กลายเป็นรัก...และรักมาขึ้นทุกลมหายใจ
“ก็ถ้าท่านหลบมันจะเรียกว่าให้ข้าโจมตีได้อย่างไร คราวนั้นในห้อง ท่านยังรับมีดไว้ได้ คราวนี้ท่านก็ลองอีกครั้งสิ จะได้รู้ว่าฝีมือข้าหน่ะ พัฒนาแล้วจริงๆ” อ๋องน้อยหวังว่าจังหวะที่ฮ่องเต้หนุ่มเผลอตัวนี้พุ่งตัวเข้าหาสุดกำลัง.....
ฮ่องเต้อี้หลงประทับนิ่งตามคำสั่งของท่านอ๋องน้อยที่ดูเหมือนว่าเริ่มจะมีอำนาจเหนือพระหทัย หากสายพระเนตรจับจ้องที่ปลายมีดแหลมคมในมือบาง เพียงแค่เอื้อมคว้าข้อมือบางที่กำมีดไว้ไม่แน่นพอ แล้วดึงออกปล่อยให้หล่นลงพื้น “เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าเจ้าจับมันไม่แน่นพอ เพียงแค่นี้ก็หลุดแล้ว”
“ก็ท่านขี้โกง ลองใหม่อีกครั้งสิ รับรองว่าท่านไม่มีทางปัดมีดนี้ออกไปได้หรอก” ร่างเล็กก้มเก็บมีดประจำกายสูงค่าขึ้นมาอีกครั้ง หวังขอโอกาสแก้ตัว
“ไม่ได้หรอก พี่ต้องไปประชุมกับเหล่าขุนนางแล้ว เจ้าก็อยู่ฝึกไปก่อน แล้วเดี๋ยวพอพี่กลับมา แล้วเราไปหาเจ้าอี้หลงที่หนึ่งด้วยกัน” พระหัตถ์หนาลูบกลุ่มผมอันอ่อนนุ่มหอมกรุ่นด้วยน้ำมันหอมชั้นเลิศ
“ท่านสัญญากับข้าแล้วนะ”
“พี่สัญญา เจ้าตั้งใจฝึกซ้อมแล้วพี่จะมารับ ป่านนี้เจ้าอี้หลงที่หนึ่งคงคิดถึงท่านอ๋องแย่แล้ว”
“ก็แน่หล่ะสิ จะมีท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ที่ไหนมาดูแลสัตว์ประหลาดต่างแดนอย่างมันด้วยความรัก เช่นข้าบ้าง” อ๋องน้อยหัวเราะเริงร่า ลืมนึกไปว่า คนดูแลคงเป็นคนเลี้ยงม้าของวัง ส่วนอ๋องผู้สูงศักดิ์เพียงแค่มาเล่นด้วยในยามเย็น และคงลืมไปอีกเช่นกันว่า ผู้ที่มาเล่นกับอี้หลงที่หนึ่งนั้น ยังมีอีกหนึ่งบุรุษผู้สูงส่ง
“พี่ไปหล่ะ เจ้าก็ตั้งใจซ้อมให้ดีรู้ไหม” ร่างเล็กพยักหน้ารับรู้ มองตามวรองค์สูงที่เดินออกไปยังส่วนหน้า พร้อมด้วยเหล่าองค์รักษ์ ปล่อยทิ้งให้ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ อยู่เพียงลำพังกับหุ่นฟางแสนบื้อ
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ตะวันจวนเจียนจะลับฟ้าลงไป อ๋องน้อยนั่งเล่นกับหุ่นฟางที่กลายสภาพเป็นกองฟางได้แต่นั่งบ่นกับตนเองเพียงลำพัง หลังจากเบื่อหน่ายกับการฟาดฟันและเล่นกับกองฟาง “ไหนว่าจะมาพาข้าไปเล่นกับอี้หลงที่หนึ่งไง ป่านนี้ทำไมไม่ยังไม่มาอีกนะ”
“ท่านอ๋อง” เสียงเรียกของหัวหน้าองค์รักษ์ มาพร้อมกับข่าวที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยรู้สึกผิดหวัง “ฝ่าบาทให้มาแจ้งแก่ท่านว่า วันนี้ไม่สามารถพาท่านไปหาเจ้าอูฐได้ และไม่สามารถร่วมเสวยอาหารกับท่านได้ ให้ท่านจัดการก่อนได้เลย”
“แล้วยังไง ข้าก็ต้องกินข้าวคนเดียวไปเล่นกับอูฐโง่คนเดียวใช่ไหม” อ๋องน้อยจอมเอาแต่ใจกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง หน้าหวานบูดบึ้ง ฝากค้อนไปกับสายลม “แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ข้าจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา”
ร่างเล็กเดินไปตามทางที่คุ้นชิน ทุกวันจะต้องมีอีกหนึ่งคอยเดินไปด้วยกัน คอยส่งรอยยิ้มเอ็นดูมาให้ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แต่วันนี้ทางเส้นนี้กลับดูเงียบเหงาจนน่ากลัว “ฮ่องเต้อะไรพูดแล้วไม่รักษาคำพูด แล้วต่อไปจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้อย่างไร”
เหล่าคนเลี้ยงม้าในวังหลวงต่างหันมาส่งยิ้มให้แก่อ๋องน้อยแสนร่าเริงในความคิดของพวกเขา เมื่อทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าหวานมักประดับด้วยรอยยิ้ม “วันนี้องค์ฮ่องเต้ไม่....”
“ไม่หรอก วันนี้พระองค์คงจะงานยุ่ง แล้ววันนี้เจ้าอูฐโง่ๆของข้าเป็นอย่างไรบ้าง พวกเจ้าเลี้ยงมันดีหรือเปล่า” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนจงใจเน้นหนักในคำเรียกชื่อเจ้าอูฐ นึกอยากโวยวายกับคนที่ชื่อเดียวกัน หากแต่ชายผู้นั้นก็ศักดิ์สูงเกินกว่าจะไปพูดอะไรแบบนี้ได้
“ดีขอรับ ข้าอาบน้ำให้มัน ดูเหมือนว่ามันจะชอบ”
“อือ ดีแล้ว พวกเจ้าไปทำอะไรก็ไปเหอะ ข้าจะเล่นกับอูฐของข้า ไม่อยากให้ใครรบกวน” ท่านอ๋องสุดแสนจะเอาแต่ใจ ใช่ว่าจะไม่อยากให้มีคนคอยรับใช้ หากแต่เพราะชื่อที่ตั้งให้เจ้าอูฐนั้น ไม่สามารถให้ใครได้ยินได้
“อี้หลงที่หนึ่ง” ร่างเล็กร้องเรียกอูฐแสนรู้ ที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินผักที่คนเลี้ยงนำมาให้ หากแต่มันก็ยังเมินเฉยกับเจ้านายคนนี้ “อี้หลงที่หนึ่งงงงงงงงง”
“ไอ้อี้หลงวอนที่หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้อูฐโง่” เสียงแหลมสูง ทำให้อูฐที่กำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ สะดุ้งตกใจ หันมามองเจ้านายตัวเล็ก ก่อนเมินไปอีกทางอย่างไม่ค่อยพอใจ
“อูฐบ้า เมินข้าหรือไง บ้า บ้าทั้งคนทั้งอูฐเลย” เท้าเล็กๆเตะข้างลำตัวสีทรายของอูฐอย่างไม่แรงนัก
เป็นการระบายอารมณ์ที่เก็บกดมาจากเมื่อสักครู่
“พรืดดดดดดดดดด” อูฐตัวใหญ่พ่นลมเจือปนน้ำลายใส่หน้าหวานก่อนเมินหนี ไปหาน้ำกินในรางสะอาด ในใจคงอยากร้องว่าไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใคร
“อี้! ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง ข้าตั้งใจว่าวันนี้จะพาเจ้าไปเดินเล่น ไม่ต้องแล้ว อยู่มันในคอกไม่ต้องไปไหนนี้แหล่ะ ไอ้อูฐไม่รักดี ไอ้อูฐโง่ ไอ้อี้หลงที่หนึ่งบ้า ท่านก็ด้วย ท่านก็งี่เง่า” ประโยคสุดท้ายอ๋องน้อยบ่นกับฮ่องเต้หนุ่มที่โผล่ขึ้นมาในห้วงความคิด
เจ้าอูฐเพียงหนึ่งเดียวของรัฐดูเหมือนว่าจะรับรู้อารมณ์ของผู้เป็นนายได้มันรีบใช้หน้าใหญ่ๆ ฟันยื่นๆ มาวางลงบนไหล่เล็กและบาง คล้ายว่าจะเป็นการประจบผู้เป็นนาย
“ไม่ต้องเลย อี้หลงที่หนึ่งเจ้าทำกับข้าแบบนี้แล้วคิดว่าข้าจะหายโกรธหรือไร เห็นข้าเป็นอะไร ที่คิดจะทิ้งก็ทิ้ง แล้วค่อยกลับมาดีด้วยแบบนี้ ไม่ต้องเลย พอกันเลยทั้งคนทั้งอูฐ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนระบายความน้อยใจที่ถูกเมินเฉยจากทั้งคนและอูฐในวันเดียวกัน มองหน้าเจ้าอูฐแล้วเหมือนว่าดวงตาจะร้อนผ่าวจนต้องรีบก้มหน้า
“ใช่สิ ข้ามันไม่ดี เกเรก็เท่านั้น ไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง ก็เลยเบื่อข้าแล้วใช่ไหม แล้วพอไม่มีอะไรทำก็ค่อยกลับมาใส่ใจข้าอีกครั้ง เห็นข้าเป็นแค่นี้ใช่ไหม” น้ำตาเม็ดเล็กๆหลั่งลงมาต่อหน้าอูฐตัวน้อยด้วยความน้อยใจ นึกเสียใจที่ไม่มีใครคิดจะรักอ๋องน้อยคนนี้จริงๆสักครั้ง “เจ้ามันก็เหมือนคนอื่นๆ ข้าไม่สนใจเจ้าก็ได้”
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ร่างเล็กเดินกลับมาตำหนักส่วนพระองค์ของฮ่องเต้เพียงลำพัง ยังคาดหวังว่าจะได้พบกับเจ้าของตำหนักแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ความหวังที่ฝากไว้กับสายลมที่พัดผ่านเข้ามา
“โธ่! ขันทีเหี่ยวนี้อีกแล้วหรือ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนได้แต่งึมงำกับตนเองแผ่วเบา เมื่อเห็นขันทีแก่ที่คอยยืนรับใช้อยู่ข้างโต๊ะอาหารที่เตรียมคอยไว้สำหรับหนึ่งคนเท่านั้น “ข้าต้องกินมื้อคนเดียวจริงๆงั้นสิ?”
“ท่านอ๋องจะให้ข้าน้อยจัดสำรับเลย....”
“ยังหรอก ข้าจะลองรอท่านเจ้าของตำหนักก่อน เผื่อว่าบางทีฮ่องเต้จะเสด็จกลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้” อ๋องเที้ยนหยวนเบือนหน้าหนีขันทีเหี่ยวๆแก่ๆ ที่แตกต่างจากขันทีน้อยๆแสนน่ารักอย่างเฉียนกุ้ย หันหน้าออกไปมองต้นไม้นอกหน้าต่างที่กำลังพลิ้วไหวตามแรงลม
“แต่องค์ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าท่านอ๋องไม่ต้องรอพระองค์” ขันทีที่ทำงานมานานอย่างอู่กงกงเอ่ยเตือนอ๋องน้อยว่าไม่จำเป็นเลยที่จะหิ้วท้องรอฮ่องเต้หนุ่ม
“ก็ข้าจะรอ เจ้าแก่แล้วก็อย่าทำตัวขี้บ่นเลย ถ้าอดใจบ่นไม่ได้ ก็ออกไปก่อน แล้วข้าหิวเมื่อไหร่แล้วจะกินเอง” ร่างเล็กนิสัยขี้รำคาญ พูดเบาๆราวกับว่ากำลังเหนื่อยล้าทั้งที่ก็แค่นั่งอยู่เฉยๆ
“แต่ฝ่าบาทสั่งไว้ว่า.....”
“โอ้ยพอแล้ว เอะอะก็ฝ่าบาทสั่ง ฮ่องเต้มีรับสั่ง ข้ากินก็ได้ เจ้ายืนเงียบๆห้ามพูดห้ามบ่นอีกเข้าใจไหม เฮ้อ ถ้าเป็นเฉียนกุ้ยข้าจะไม่บ่นสักคำ” สุดท้ายอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงก็ยอมแพ้ นั่งลงกินข้าวที่ห้องเครื่องจัดเตรียมเอาไว้ให้
พระอาทิตย์ลาลับไปนานมากแล้ว ทั่วท้องฟ้ามืดครึ้ม แสงดาวส่องประกายวิบวับคล้ายหยอกล้อคนนั่งเหงาที่จ้องมองฟ้ามืด และยิ้มเก้อทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคนเดินมา “เฮ้อ วันนี้มันมีอะไรเยอะขนาดที่ท่านยังกลับมาไม่ได้อีกหรือไรกัน”
“ท่านอ๋อง ข้าน้อยว่าไปอาบน้ำได้แล้ว มืดมากแล้ว เดี๋ยวท่านจะมีไข้ได้นะ” ยังคงเป็นขันทีสูงวัยคนเดิมที่คอนตามห่วง ตามดูแล เกรงว่าหากท่านอ๋องไม่สบาย คนทั้งตำหนักจะเดือดร้อน “หากท่านไม่อยากอาบเอง ข้าน้อยจะอาบให้ก็ได้”
“เปลี่ยนจากเจ้าเป็นเฉียนกุ้ยแทนไม่ได้หรือ ให้เฉียนกุ้ยมาอาบให้แล้วข้าจะยอมตามทุกอย่างเลย นะ ท่านอู่กงกง เรียกเฉียนกุ้ยมาให้ข้าทีย” อ๋องน้อยยิ้มหวามประเลาะท่านขันทีผู้สูงวัย หวังจะได้ขันทีน้อยแสนน่ารักมาอาบน้ำให้หนึ่งวัน
“เสียใจด้วย ตอนนี้เฉียนกุ้ยต้องไปรับใช้ที่จวนท่านหัวหน้าองค์รักษ์ ไม่ได้ทำงานที่นี้แล้ว”
“เจ้าว่าอะไรนะ เฉียนกุ้ยไปไหน” เสียงอ่อนเสียงหวานกลายเป็นขุ่นจัดขึ้นทันที เมื่อได้รับรู้ว่าขันทีน้อยผู้น่ารักไปรับใช้ที่อื่น
“เออ..ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เฉียนกุ้ยไปดูแลรับใช้ท่านฮวางหูที่จวน ไม่ต้องมารับใช้ที่ตำหนักส่วนพระองค์อีก” ขันทีสูงวัยกล่าวรายงานที่ได้รับมาจากกรมวังให้อ๋องน้อยผู้ไม่รู้เรื่องได้ฟัง
“ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเฉียนกุ้ยไม่มาบอกข้าก่อน ถึงว่าข้าไม่เห็นอีกเลย”
“ได้เกือบสามวันแล้ว”
“ใจร้ายเกินไปแล้วท่านฮ่องเต้ ข้าไปอาบน้ำแล้วก็ได้ เจ้าให้คนเตรียมไว้แล้วใช่ไหม” หลังจากประโยคงึมงำ ท่นอ๋องน้อยจึงลุกขึ้นจากตั่งริมหน้าต่าง หายเข้าไปหลังฉากที่กั้นไว้
คืนนี้ ต้นห้องคนพิเศษของฮ่องเต้ ต้องมานั่งอาบน้ำให้ตัวเองเพียงลำพังอย่างเศร้าสร้อย นึกถึงฮ่องเต้หนุ่มที่มักอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เมื่อหายไปก็เหมือนว่าขาดบางสิ่งที่สำคัญ ที่ข้างกายดูว่างเปล่าและเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ยามดึกสงัดมีเพียงแสงจากดวงดาวที่ส่องลงมาให้มองเห็นรำไร ทั่วทั้งตำหนักส่วนพระองค์มืดมิดไร้แสงจากโคมไฟและตะเกียงเทียน ร่างสูงใหญ่เดินย่องเข้ามาในตำหนักอย่างเงียบ
ฮ่องเต้หนุ่มที่พึ่งเสด็จกลับเข้ามาในตำหนักส่วนพระองค์ อาศัยแสงดาวที่ลอดส่องเข้ามา ทอดพระเนตรมองน้องน้อยที่หลับสนิท หากแต่ความมืดมิก็ไม่อาจปิดบังหยาดน้ำตาที่หัวตากลมโตได้
“เที้ยนหยวน เจ้าร้องไห้ทำไมกันนะ มีเรื่องอะไรทำให้น้องของพี่ต้องเสียใจ หรือเจ้าคิดถึงท่านอา อีกไม่เท่าไหร่เจ้าก็จะได้เจอแล้ว อย่าร้องไห้อีกเลยนะ” ถ้อยคำตรัสถามหยาดน้ำที่หัวตากับคนที่หลับไปแล้ว พระหัตถ์หนาค่อยๆไล้เช็ดอย่างแผ่วเบาไม่อยากให้น้องน้อยต้องตื่นขึ้นมากลางดึกสงัดเช่นนี้
วรองค์สูงเดินกลับออกไปยังห้องสรงน้ำ สรงทั้งที่เป็นน้ำเย็นเฉียบ ก่อนจะเสด็จกลับมายังแท่นบรรทม คว้าร่างเล็กที่หลับสนิมเข้ามาในอ้อมกอดซึมซับความสุขที่กำลังได้รับ ก่อนจะต้องสูญเสียไป พระเนตรคมปิดสนิท หากพระพักตร์ฉายแววกังวลถึงเรื่องที่อยู่ในพระทัย
“แค่สามเดือนก็ให้เราไม่ได้เลยหรือ”
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
ต้นห้องคนพิเศษนอนนิ่งอยู่ในอ้อมพระพาหาของฮ่องเต้หนุ่ม ไม่กล้าขยับเขยื้อนได้เพียงแค่มองดูด้วยความแปลกใจ นี้ก็สายมากแล้ว ทำไมยังไม่ทรงตื่น “ช่วงนี้งานเยอะมากเลยหรือไร ท่านถึงได้เพลียขนาดนี้ แล้ววันนี้ใครจะเป็นคนสอนข้าหล่ะ เมื่อวานท่านก็ผิดสัญญากับข้าไปแล้วนะ”
“โกรธพี่หรือ” สุรเสียงทุ้ม ตรัสถามทั้งที่ยังไม่ลืมพระเนตร สองพระกรโอบรั้งน้องน้อยให้เข้ามาแนบชิด อยากจะทรงลืมเรื่องราวต่างๆที่พัดโหมเข้ามา อยากทรงหยุดทุกอย่างไวเพียงแค่วันนี้ น้องน้อยไม่จำเป็นต้องรักพระองค์ แต่ขอมีน้องน้อยอยู่เคียงข้าง
“อย่างข้าหรือจะโกรธท่านได้ มีใครหน้าไหนบ้าง กล้าโกรธเคืองฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ” ปลายเสียงขึ้นสูงโดยที่ท่านอ๋องเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวว่ากิริยาที่ทำอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เที่ยวเล่นด้วย
“ก็เจ้านี้อย่างไร” พระหัตถ์หนาลูบเส้นผมนุ่มลื่น พระเนตรจ้องมองดวงตากลมโต คล้ายว่ากำลังตัดสินพระทัยบางเรื่อง “ เที้ยนหยวนสำหรับเจ้า พี่ไม่ขอเป็นฮ่องเต้ไม่ได้หรือ พี่อยากเป็นแค่คนธรรมดาที่เจ้าจะนึกถึงเมื่อยามต้องการใครสักคน”
“ไม่ได้หรอก ท่านเป็นฮ่องเต้สำหรับคนทั้งแผ่นดิน ไม่มีใครหนีสิ่งที่เป็นได้หรอก และข้าเองก็ไม่อาจเอื้อมจะดึงให้ท่านลงมาเป็นแค่คนธรรมดาได้ อีกอย่างที่ข้าคงไม่มีทางลืมคือ ที่มาอยู่ตรงนี้เพราะคำสัญญาที่ท่านให้ข้าไว้ในคืนนั้น” ท่านอ๋องเองก็อดใจหายไม่ได้เมื่อถึงสิ่งที่ทำให้ต้องมาอยู่ที่นี้ในฐานะต้นห้อง อดใจหายไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาก็คงต้องกล่าวคำอำลา
“เพราะสัญญานั้นสินะ พี่เองก็ลืมไป เจ้าไปเตรียมน้ำเถอะ” ทรงปล่อยร่างน้องน้อยให้ลุกขึ้นไปตามทำหน้าที่ของตนเอง เช่นเดียวกับพระองค์ที่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะฝืนพระทัยมากเพียงใด แม้ว่าจะทำให้พระองค์ไร้ซึ่งความสุขไปตลอดพระชนม์ชีพ
ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดคงไม่ผิดใช่ไหม หากพี่จะขอตักตวงความสุข
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
“เที้ยนหยวนวันนี้พี่อยู่สอนเจ้าไม่ได้นะ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงมีรับสั่งขณะที่กำลังเสวกระยาหารเช้าร่วมกับต้นห้องคนโปรด ทำให้คนฟังได้แต่ชะงักนิ่ง
“เมื่อวานท่านก็ไม่อยู่ วันนี้ก็จะไม่อยู่อีก แล้วอีกสองเดือนกว่าๆข้าจะชนะท่านได้หรือ” อ๋องน้อยได้แต่จ้องมองพระเนตรคม ก่อนจะโวยวายออกมาเมื่อนึกความสามารถที่มีอยู่
“ได้สิ ไม่อย่างไรเจ้าก็จะชนะได้ วันนี้ก็ซ้อมกับฮวางหูไปก่อน แล้วพี่สัญญาว่าจะรีบกลับมาหาเจ้าดีไหม” พระองค์ทอดพระเนตรเอ็นดูร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ที่แอบเก็บของกินบนโต๊ะหย่อนลงในห่อเล็กๆ คงหวังจะเอาไปให้เจ้าอี้หลงที่หนึ่งได้กิน
“เมื่อวานท่านก็บอกว่าจะรีบกลับมา เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรราชกิจก็คงสำคัญกว่าการมาทำอะไรไร้สาระเช่นการสอนข้า ท่านเอาหัวหน้าองค์รักษ์ไปเถอะ เขาเป็นองค์รักษ์ไม่ใช่ครูสอนวิชาข้า ข้าฝึกกับเจ้าหุ่นฟางได้” เสียงแผ่วเบาอย่างยอมจำนน ก่อนจะก้มก้มตาเก็บอาหารใส่ห่อไปฝากเจ้าอูฐแสนรัก ไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองผู้ใดอีกเลย
“พี่ขอโทษ แต่พี่สัญญาว่าพี่จะรีบกลับมา แล้วตอนเย็นพี่จะพาเจ้าไปหาอี้หลงที่หนึ่ง แล้วหากเจ้าไม่ดื้อ พี่มีอี้หลงที่สองจะให้เจ้า”
“แล้วข้าคอยอี้หลงที่สองของท่าน” รอยยิ้มหวานยามเช้าจากน้องน้อย หากแต่ในดวงตากลมกลับแฝงเค้าเงาของความโศกเศร้า....
เจ้าเป็นอะไรไปเที้ยนหยวน....หรือยังโกรธพี่อยู่...น้องน้อยแสนร่าเริงของพี่จึงจากไปเหลือเพียงท่านอ๋องผู้มีดวงตาแสนเศร้า
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ กับการอัพรายวัน ^ ^ เรื่องนี้มีโปรเจคพิเศษอยู่ชื่อ “If : ถ้า: 如果 (หลู่กั๋ว)” เป็นตอนสั้นๆคล้ายๆมุมกลับของเรื่องว่า ถ้าเป็นแบบนั้น แบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น สนใจอ่านกันไหมคะ
ขอบคุณคะ