♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ♥ ประลองรัก...♥ (พิเศษ2) 22/05/11 [เมารัก...เมาเอ็นซี]  (อ่าน 149684 ครั้ง)

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ฮองเต้มั่วแต่เพ้ออยู่กับตัวเองอยู่นั่นแหละ
บอกไปเลย...ถ้าบอกไปนะ น้องน้อยของพระองค์อาจจะยินดีก็ได้
คนเราได้ฟังคำรักยังไงก็ต้องรู้สึกดีอยู่แล้ว  เพียงแต่ปฏิกิริยาที่แสดงออกอาจจะไม่เหมือนกันเท่านั้นเอง

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ฮ่องเต้ผู้หยิ่งใหญ่อยู่เหนือใครๆในแผ่นดิน
แต่อยู่เหนือความรักที่มีต่อน้องน้อยไม่ได้
ช่างอาภัพยิ่งนัก :sad4:

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
เอ้ออ นับวันดูเหมือนอ๋องน้อยจะน่ารักขึ้นทุกวันนะนี้(หรือว่าฮ่องเต้คิดไปเองก็ไม่รู้เนอะ :laugh:) 555+ :m20:


^^


:3123: :3123:

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
ฮ่องเต้ เพ้อฝันไปป่าวอ่ะ แบบว่านะ ถ้าบอกไปคงจะดี เพราะเหมือนจะคิดอะไรคนเดียว (บ้าอยุ่คนเดียว)
ส่วนอ๋องน้อย ก็นะ ไม่หือ ไม่อือ อ่ะ คิดถึงแต่ขันที ก็แหง๋ล่ะ พี่แกได้รุกนิหว่า ถ้าคิดถึงฮ่องเต้ ก็เปงรับอ่าดิ
ใครจาคิดถึงหล่ะเน๊อะ  :เฮ้อ:

ice-vanilla

  • บุคคลทั่วไป
ฮ่องเต้เพ้อหนัก  :laugh:

ให้อารมณ์คนแอบรักสุดๆ

ส่วนอ๋องน้อย เมื่อไหร่จะรู้เรื่องรู้ราวกับเขาซักที :เฮ้อ:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...十

   
   “ฮวางหูเจ้าคิดเช่นไรต่อเฉียนกุ้ย” ในช่วงสายของวันหนึ่งหลังเสร็จสิ้นการหารือกับเหล่าขุนนาง ฮ่องเต้หนุ่มประทับในห้องทรงอักษรรับสั่งถามคำถามที่ทำให้ทหารกล้าหน้าขึ้นสี

   “กระหม่อม เออ... กระหม่อม”
               
   “เจ้าทำไม เราถามก็ตอบมา”

   “กระหม่อมชอบเฉียนกุ้ย”

   คำตอบจากราชองค์รักษ์พาให้ฮ่องเต้แย้มพระโอษฐ์อย่างพึงพระทัย “งั้นก็ดีแล้ว เรายกเฉียนกุ้ยให้ไปทำงานที่จวนของเจ้า ถือเป็นคนในความดูแลของเจ้า นำสาสน์นี้ไปยื่นให้ท่านกรมวัง”

   “ขอบพระทัยกระหม่อม” ราชองค์รักษ์ดีใจ รับสาสน์ส่งตัวขันทีน้อยแสนน่ารักมาไว้ในมือ ใบหน้ายิ้มยากมีรอยยิ้มไปถึงในดวงตาคมที่มักเย็นชาและดุดัน

   “แล้วก็ดูแลให้ดี เราเอ็นดูเฉียนกุ้ยไม่ต่างจากน้องคนนึง รีบไปให้ท่านกรมวังเสียสิ”

   “กระหม่อม”

   ฮ่องเต้หนุ่มทอดเนตรความดีใจบนใบหน้าของราชองค์รักษ์พาให้นึกไปถึงน้องน้อยหากได้รู้เรื่องนี้คงไม่แคล้วได้โวยวายอีกเป็นแน่....

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   มาถึงวันนี้ก็ผ่านไปกว่าสองอาทิตย์แล้วที่อ๋องน้อยได้ครอบครองมีดสั้นเล่มงามฝีมือจากช่างหลวง แต่ดูเหมือนว่าความสามารถของท่านอ๋องนั้นจะยังไม่พัฒนาไปมากเท่าที่พระอาจารย์ จะต้องการ
   
   “เที้ยนหยวน เจ้าอย่ามัวแต่เล่นเช่นนี้สิ ผ่านมาสองอาทิตย์แล้ว แต่พี่แทบไม่เห็นพัฒนาการของเจ้าเลยนะ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงยืนกำกับอยู่ข้างสนาม ทอดพระเนตรร่างบางหัดใช้ร่างบางกับหุ่นฟางที่สั่งให้คนทำขึ้นพิเศษ

   “อะไรกัน แค่สองอาทิตย์ เอง ข้าฟันหุ่นฟางพวกนี้ขาดได้เป็นเส้นๆแล้วนะ ท่านยังไม่พอใจอีกหรือ” อ๋องน้อยที่พึ่งใช้มีดฟันฟางออกมาจากตัวหุ่นได้ หันมาโวยวายกับพระอาจารย์แสนใจร้าย ที่ดูเหมือนว่าจะเริ่มโหดขึ้นทุกที

   “ก็มันเป็นแค่ฟางที่มัดอยู่นิ่งๆ หากแต่สิ่งที่เจ้าต้องการคือเอาชนะพี่ที่ไม่ได้อยู่นิ่งเหมือนเจ้าหุ่นฟางนั้นมิใช่หรือ? แล้วไหนจะน้ำหนักมือที่เจ้าถือมีดเล่มนั้น เจ้าไม่ต้องกลัวมันหักหรอก จับให้มันแน่น และกระชับกว่านั้นสิ” วรองค์สูงดำเนินเข้าใกล้ร่างเล็กของอ๋องน้อยกลางลานโล่งที่ใช้ฝึกหัด “เจ้าลองโจมตีพี่ดูสิ”

   ฮ่องเต้หนุ่มในพระหัตถ์ว่างเปล่าเดินเข้าหาร่างเล็กที่วิ่งเข้ามาหาสุดกำลัง แขนเรียวเงื้อสุดกำลัง หวังว่าให้มีดในมือตนจะลบล้างคำกล่าวหาถึงฝีมือที่ไม่พัฒนา และอาจนำไปสู่อิสรภาพที่ต้องการ

   ฮ่องเต้หนุ่มเบี่ยงพระองค์หลบด้วยความเร็วที่เหนือกว่า ให้คมมีดวาววับตัดผ่าอากาศดังหวืด ตามมาด้วยพระโอษฐ์บางที่แย้มพระสรวล อย่าพึงพอใจที่เห็นหน้าเล็กๆของน้องน้อยเริ่มบูดบึ้ง “อะไรกัน เจ้าทำได้เท่านี้ เสียชื่อพี่ที่เป็นผู้สอนนะเที้ยนหยวน”

   “ก็ท่านโกงข้านี้ ท่านเล่นหลบแบบนั้น แล้วใครจะทำอะไรได้ ท่านอย่าหลบสิ” ร่างเล็กโวยวายเจื้อยแจ้วเรียกความเอ็นดูได้ไม่น้อยจากองค์ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์

   “เจ้าไม่ให้พี่หลบ แล้วจะให้พี่อยู่นิ่งๆรอรับคมมีดอย่างนั้นหรือ เที้ยนหยวน แล้วจะเรียกว่าการฝึกได้อย่างไร หากทำเช่นนั้นสู้ปล่อยให้เจ้าฟันเจ้าหุ่นฟางนั้นต่อไม่ดีกว่าหรือ” ฮ่องต้อี้หลงทรงทอดพระเนตรร่างเล็กบอบบางด้วยความขบขัน ยิ่งนับวันดูเหมือนว่าน้องน้อยจะทำให้พระองค์รักมากขึ้นทุกครั้ง

   จากเพียงแค่สงสาร...กลายเป็นเอ็นดู....สุดท้ายก็กลายเป็นรัก...และรักมาขึ้นทุกลมหายใจ

   “ก็ถ้าท่านหลบมันจะเรียกว่าให้ข้าโจมตีได้อย่างไร คราวนั้นในห้อง ท่านยังรับมีดไว้ได้ คราวนี้ท่านก็ลองอีกครั้งสิ จะได้รู้ว่าฝีมือข้าหน่ะ พัฒนาแล้วจริงๆ” อ๋องน้อยหวังว่าจังหวะที่ฮ่องเต้หนุ่มเผลอตัวนี้พุ่งตัวเข้าหาสุดกำลัง.....

   ฮ่องเต้อี้หลงประทับนิ่งตามคำสั่งของท่านอ๋องน้อยที่ดูเหมือนว่าเริ่มจะมีอำนาจเหนือพระหทัย หากสายพระเนตรจับจ้องที่ปลายมีดแหลมคมในมือบาง เพียงแค่เอื้อมคว้าข้อมือบางที่กำมีดไว้ไม่แน่นพอ แล้วดึงออกปล่อยให้หล่นลงพื้น “เห็นไหม พี่บอกแล้วว่าเจ้าจับมันไม่แน่นพอ เพียงแค่นี้ก็หลุดแล้ว”

   “ก็ท่านขี้โกง ลองใหม่อีกครั้งสิ รับรองว่าท่านไม่มีทางปัดมีดนี้ออกไปได้หรอก” ร่างเล็กก้มเก็บมีดประจำกายสูงค่าขึ้นมาอีกครั้ง หวังขอโอกาสแก้ตัว

   “ไม่ได้หรอก พี่ต้องไปประชุมกับเหล่าขุนนางแล้ว เจ้าก็อยู่ฝึกไปก่อน แล้วเดี๋ยวพอพี่กลับมา แล้วเราไปหาเจ้าอี้หลงที่หนึ่งด้วยกัน” พระหัตถ์หนาลูบกลุ่มผมอันอ่อนนุ่มหอมกรุ่นด้วยน้ำมันหอมชั้นเลิศ

   “ท่านสัญญากับข้าแล้วนะ”

   “พี่สัญญา เจ้าตั้งใจฝึกซ้อมแล้วพี่จะมารับ ป่านนี้เจ้าอี้หลงที่หนึ่งคงคิดถึงท่านอ๋องแย่แล้ว”

   “ก็แน่หล่ะสิ จะมีท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ที่ไหนมาดูแลสัตว์ประหลาดต่างแดนอย่างมันด้วยความรัก เช่นข้าบ้าง” อ๋องน้อยหัวเราะเริงร่า ลืมนึกไปว่า คนดูแลคงเป็นคนเลี้ยงม้าของวัง ส่วนอ๋องผู้สูงศักดิ์เพียงแค่มาเล่นด้วยในยามเย็น และคงลืมไปอีกเช่นกันว่า ผู้ที่มาเล่นกับอี้หลงที่หนึ่งนั้น ยังมีอีกหนึ่งบุรุษผู้สูงส่ง

   “พี่ไปหล่ะ เจ้าก็ตั้งใจซ้อมให้ดีรู้ไหม” ร่างเล็กพยักหน้ารับรู้ มองตามวรองค์สูงที่เดินออกไปยังส่วนหน้า พร้อมด้วยเหล่าองค์รักษ์ ปล่อยทิ้งให้ท่านอ๋องผู้สูงศักดิ์ อยู่เพียงลำพังกับหุ่นฟางแสนบื้อ

       * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ตะวันจวนเจียนจะลับฟ้าลงไป อ๋องน้อยนั่งเล่นกับหุ่นฟางที่กลายสภาพเป็นกองฟางได้แต่นั่งบ่นกับตนเองเพียงลำพัง หลังจากเบื่อหน่ายกับการฟาดฟันและเล่นกับกองฟาง “ไหนว่าจะมาพาข้าไปเล่นกับอี้หลงที่หนึ่งไง ป่านนี้ทำไมไม่ยังไม่มาอีกนะ”

   “ท่านอ๋อง” เสียงเรียกของหัวหน้าองค์รักษ์ มาพร้อมกับข่าวที่ทำให้ท่านอ๋องน้อยรู้สึกผิดหวัง “ฝ่าบาทให้มาแจ้งแก่ท่านว่า วันนี้ไม่สามารถพาท่านไปหาเจ้าอูฐได้ และไม่สามารถร่วมเสวยอาหารกับท่านได้ ให้ท่านจัดการก่อนได้เลย”

   “แล้วยังไง ข้าก็ต้องกินข้าวคนเดียวไปเล่นกับอูฐโง่คนเดียวใช่ไหม” อ๋องน้อยจอมเอาแต่ใจกลับมาเป็นคนเดิมอีกครั้ง หน้าหวานบูดบึ้ง ฝากค้อนไปกับสายลม “แล้วทำไมไม่บอกให้เร็วกว่านี้ ข้าจะได้ไม่ต้องรอให้เสียเวลา”

   ร่างเล็กเดินไปตามทางที่คุ้นชิน ทุกวันจะต้องมีอีกหนึ่งคอยเดินไปด้วยกัน คอยส่งรอยยิ้มเอ็นดูมาให้ คอยมองด้วยความเป็นห่วง แต่วันนี้ทางเส้นนี้กลับดูเงียบเหงาจนน่ากลัว “ฮ่องเต้อะไรพูดแล้วไม่รักษาคำพูด แล้วต่อไปจะเป็นฮ่องเต้ที่ดีได้อย่างไร”

   เหล่าคนเลี้ยงม้าในวังหลวงต่างหันมาส่งยิ้มให้แก่อ๋องน้อยแสนร่าเริงในความคิดของพวกเขา เมื่อทุกครั้งที่ได้เห็นใบหน้าหวานมักประดับด้วยรอยยิ้ม “วันนี้องค์ฮ่องเต้ไม่....”

   “ไม่หรอก วันนี้พระองค์คงจะงานยุ่ง แล้ววันนี้เจ้าอูฐโง่ๆของข้าเป็นอย่างไรบ้าง พวกเจ้าเลี้ยงมันดีหรือเปล่า” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนจงใจเน้นหนักในคำเรียกชื่อเจ้าอูฐ นึกอยากโวยวายกับคนที่ชื่อเดียวกัน หากแต่ชายผู้นั้นก็ศักดิ์สูงเกินกว่าจะไปพูดอะไรแบบนี้ได้

   “ดีขอรับ ข้าอาบน้ำให้มัน ดูเหมือนว่ามันจะชอบ”

   “อือ ดีแล้ว พวกเจ้าไปทำอะไรก็ไปเหอะ ข้าจะเล่นกับอูฐของข้า ไม่อยากให้ใครรบกวน” ท่านอ๋องสุดแสนจะเอาแต่ใจ ใช่ว่าจะไม่อยากให้มีคนคอยรับใช้ หากแต่เพราะชื่อที่ตั้งให้เจ้าอูฐนั้น ไม่สามารถให้ใครได้ยินได้

   “อี้หลงที่หนึ่ง” ร่างเล็กร้องเรียกอูฐแสนรู้ ที่กำลังเพลิดเพลินกับการกินผักที่คนเลี้ยงนำมาให้ หากแต่มันก็ยังเมินเฉยกับเจ้านายคนนี้ “อี้หลงที่หนึ่งงงงงงงงง”

   “ไอ้อี้หลงวอนที่หนึ่งงงงงงงงงงงงงงงงงงงงง ไอ้อูฐโง่” เสียงแหลมสูง ทำให้อูฐที่กำลังเคี้ยวเอื้องอยู่ สะดุ้งตกใจ หันมามองเจ้านายตัวเล็ก ก่อนเมินไปอีกทางอย่างไม่ค่อยพอใจ

   “อูฐบ้า เมินข้าหรือไง บ้า บ้าทั้งคนทั้งอูฐเลย” เท้าเล็กๆเตะข้างลำตัวสีทรายของอูฐอย่างไม่แรงนัก
เป็นการระบายอารมณ์ที่เก็บกดมาจากเมื่อสักครู่

   “พรืดดดดดดดดดด” อูฐตัวใหญ่พ่นลมเจือปนน้ำลายใส่หน้าหวานก่อนเมินหนี ไปหาน้ำกินในรางสะอาด ในใจคงอยากร้องว่าไม่ใช่ที่ระบายอารมณ์ของใคร 

   “อี้! ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง ข้าตั้งใจว่าวันนี้จะพาเจ้าไปเดินเล่น ไม่ต้องแล้ว อยู่มันในคอกไม่ต้องไปไหนนี้แหล่ะ ไอ้อูฐไม่รักดี ไอ้อูฐโง่ ไอ้อี้หลงที่หนึ่งบ้า ท่านก็ด้วย ท่านก็งี่เง่า” ประโยคสุดท้ายอ๋องน้อยบ่นกับฮ่องเต้หนุ่มที่โผล่ขึ้นมาในห้วงความคิด

   เจ้าอูฐเพียงหนึ่งเดียวของรัฐดูเหมือนว่าจะรับรู้อารมณ์ของผู้เป็นนายได้มันรีบใช้หน้าใหญ่ๆ ฟันยื่นๆ มาวางลงบนไหล่เล็กและบาง คล้ายว่าจะเป็นการประจบผู้เป็นนาย

   “ไม่ต้องเลย อี้หลงที่หนึ่งเจ้าทำกับข้าแบบนี้แล้วคิดว่าข้าจะหายโกรธหรือไร เห็นข้าเป็นอะไร ที่คิดจะทิ้งก็ทิ้ง แล้วค่อยกลับมาดีด้วยแบบนี้ ไม่ต้องเลย พอกันเลยทั้งคนทั้งอูฐ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนระบายความน้อยใจที่ถูกเมินเฉยจากทั้งคนและอูฐในวันเดียวกัน มองหน้าเจ้าอูฐแล้วเหมือนว่าดวงตาจะร้อนผ่าวจนต้องรีบก้มหน้า

   “ใช่สิ ข้ามันไม่ดี เกเรก็เท่านั้น ไม่ได้เรื่องเลยสักอย่าง ก็เลยเบื่อข้าแล้วใช่ไหม แล้วพอไม่มีอะไรทำก็ค่อยกลับมาใส่ใจข้าอีกครั้ง เห็นข้าเป็นแค่นี้ใช่ไหม” น้ำตาเม็ดเล็กๆหลั่งลงมาต่อหน้าอูฐตัวน้อยด้วยความน้อยใจ นึกเสียใจที่ไม่มีใครคิดจะรักอ๋องน้อยคนนี้จริงๆสักครั้ง “เจ้ามันก็เหมือนคนอื่นๆ ข้าไม่สนใจเจ้าก็ได้” 

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ร่างเล็กเดินกลับมาตำหนักส่วนพระองค์ของฮ่องเต้เพียงลำพัง ยังคาดหวังว่าจะได้พบกับเจ้าของตำหนักแห่งนี้ แต่ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ความหวังที่ฝากไว้กับสายลมที่พัดผ่านเข้ามา
 
   “โธ่! ขันทีเหี่ยวนี้อีกแล้วหรือ” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนได้แต่งึมงำกับตนเองแผ่วเบา เมื่อเห็นขันทีแก่ที่คอยยืนรับใช้อยู่ข้างโต๊ะอาหารที่เตรียมคอยไว้สำหรับหนึ่งคนเท่านั้น “ข้าต้องกินมื้อคนเดียวจริงๆงั้นสิ?”
 
   “ท่านอ๋องจะให้ข้าน้อยจัดสำรับเลย....”
 
   “ยังหรอก ข้าจะลองรอท่านเจ้าของตำหนักก่อน เผื่อว่าบางทีฮ่องเต้จะเสด็จกลับมาเร็วกว่าที่คาดไว้” อ๋องเที้ยนหยวนเบือนหน้าหนีขันทีเหี่ยวๆแก่ๆ ที่แตกต่างจากขันทีน้อยๆแสนน่ารักอย่างเฉียนกุ้ย หันหน้าออกไปมองต้นไม้นอกหน้าต่างที่กำลังพลิ้วไหวตามแรงลม
 
   “แต่องค์ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งว่าท่านอ๋องไม่ต้องรอพระองค์” ขันทีที่ทำงานมานานอย่างอู่กงกงเอ่ยเตือนอ๋องน้อยว่าไม่จำเป็นเลยที่จะหิ้วท้องรอฮ่องเต้หนุ่ม
 
   “ก็ข้าจะรอ เจ้าแก่แล้วก็อย่าทำตัวขี้บ่นเลย ถ้าอดใจบ่นไม่ได้ ก็ออกไปก่อน แล้วข้าหิวเมื่อไหร่แล้วจะกินเอง” ร่างเล็กนิสัยขี้รำคาญ พูดเบาๆราวกับว่ากำลังเหนื่อยล้าทั้งที่ก็แค่นั่งอยู่เฉยๆ
 
   “แต่ฝ่าบาทสั่งไว้ว่า.....”
 
   “โอ้ยพอแล้ว เอะอะก็ฝ่าบาทสั่ง ฮ่องเต้มีรับสั่ง ข้ากินก็ได้ เจ้ายืนเงียบๆห้ามพูดห้ามบ่นอีกเข้าใจไหม เฮ้อ ถ้าเป็นเฉียนกุ้ยข้าจะไม่บ่นสักคำ” สุดท้ายอ๋องน้อยแห่งวังทู่หลงก็ยอมแพ้ นั่งลงกินข้าวที่ห้องเครื่องจัดเตรียมเอาไว้ให้
 
   พระอาทิตย์ลาลับไปนานมากแล้ว ทั่วท้องฟ้ามืดครึ้ม แสงดาวส่องประกายวิบวับคล้ายหยอกล้อคนนั่งเหงาที่จ้องมองฟ้ามืด และยิ้มเก้อทุกครั้งที่ได้ยินเสียงคนเดินมา “เฮ้อ วันนี้มันมีอะไรเยอะขนาดที่ท่านยังกลับมาไม่ได้อีกหรือไรกัน”
 
   “ท่านอ๋อง ข้าน้อยว่าไปอาบน้ำได้แล้ว มืดมากแล้ว เดี๋ยวท่านจะมีไข้ได้นะ” ยังคงเป็นขันทีสูงวัยคนเดิมที่คอนตามห่วง ตามดูแล เกรงว่าหากท่านอ๋องไม่สบาย คนทั้งตำหนักจะเดือดร้อน “หากท่านไม่อยากอาบเอง ข้าน้อยจะอาบให้ก็ได้”
 
   “เปลี่ยนจากเจ้าเป็นเฉียนกุ้ยแทนไม่ได้หรือ ให้เฉียนกุ้ยมาอาบให้แล้วข้าจะยอมตามทุกอย่างเลย นะ ท่านอู่กงกง เรียกเฉียนกุ้ยมาให้ข้าทีย” อ๋องน้อยยิ้มหวามประเลาะท่านขันทีผู้สูงวัย หวังจะได้ขันทีน้อยแสนน่ารักมาอาบน้ำให้หนึ่งวัน
 
   “เสียใจด้วย ตอนนี้เฉียนกุ้ยต้องไปรับใช้ที่จวนท่านหัวหน้าองค์รักษ์ ไม่ได้ทำงานที่นี้แล้ว”

   “เจ้าว่าอะไรนะ เฉียนกุ้ยไปไหน” เสียงอ่อนเสียงหวานกลายเป็นขุ่นจัดขึ้นทันที เมื่อได้รับรู้ว่าขันทีน้อยผู้น่ารักไปรับใช้ที่อื่น

   “เออ..ฮ่องเต้ทรงมีรับสั่งให้เฉียนกุ้ยไปดูแลรับใช้ท่านฮวางหูที่จวน ไม่ต้องมารับใช้ที่ตำหนักส่วนพระองค์อีก” ขันทีสูงวัยกล่าวรายงานที่ได้รับมาจากกรมวังให้อ๋องน้อยผู้ไม่รู้เรื่องได้ฟัง

   “ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมเฉียนกุ้ยไม่มาบอกข้าก่อน ถึงว่าข้าไม่เห็นอีกเลย”

   “ได้เกือบสามวันแล้ว” 
 
   “ใจร้ายเกินไปแล้วท่านฮ่องเต้ ข้าไปอาบน้ำแล้วก็ได้ เจ้าให้คนเตรียมไว้แล้วใช่ไหม” หลังจากประโยคงึมงำ ท่นอ๋องน้อยจึงลุกขึ้นจากตั่งริมหน้าต่าง หายเข้าไปหลังฉากที่กั้นไว้
 
   คืนนี้ ต้นห้องคนพิเศษของฮ่องเต้ ต้องมานั่งอาบน้ำให้ตัวเองเพียงลำพังอย่างเศร้าสร้อย นึกถึงฮ่องเต้หนุ่มที่มักอยู่ด้วยกันตลอดเวลา เมื่อหายไปก็เหมือนว่าขาดบางสิ่งที่สำคัญ ที่ข้างกายดูว่างเปล่าและเงียบเหงาอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
 
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   ยามดึกสงัดมีเพียงแสงจากดวงดาวที่ส่องลงมาให้มองเห็นรำไร ทั่วทั้งตำหนักส่วนพระองค์มืดมิดไร้แสงจากโคมไฟและตะเกียงเทียน ร่างสูงใหญ่เดินย่องเข้ามาในตำหนักอย่างเงียบ

   ฮ่องเต้หนุ่มที่พึ่งเสด็จกลับเข้ามาในตำหนักส่วนพระองค์ อาศัยแสงดาวที่ลอดส่องเข้ามา ทอดพระเนตรมองน้องน้อยที่หลับสนิท หากแต่ความมืดมิก็ไม่อาจปิดบังหยาดน้ำตาที่หัวตากลมโตได้

   “เที้ยนหยวน เจ้าร้องไห้ทำไมกันนะ มีเรื่องอะไรทำให้น้องของพี่ต้องเสียใจ หรือเจ้าคิดถึงท่านอา อีกไม่เท่าไหร่เจ้าก็จะได้เจอแล้ว อย่าร้องไห้อีกเลยนะ” ถ้อยคำตรัสถามหยาดน้ำที่หัวตากับคนที่หลับไปแล้ว พระหัตถ์หนาค่อยๆไล้เช็ดอย่างแผ่วเบาไม่อยากให้น้องน้อยต้องตื่นขึ้นมากลางดึกสงัดเช่นนี้

   วรองค์สูงเดินกลับออกไปยังห้องสรงน้ำ สรงทั้งที่เป็นน้ำเย็นเฉียบ ก่อนจะเสด็จกลับมายังแท่นบรรทม คว้าร่างเล็กที่หลับสนิมเข้ามาในอ้อมกอดซึมซับความสุขที่กำลังได้รับ ก่อนจะต้องสูญเสียไป พระเนตรคมปิดสนิท หากพระพักตร์ฉายแววกังวลถึงเรื่องที่อยู่ในพระทัย

   “แค่สามเดือนก็ให้เราไม่ได้เลยหรือ”

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   ต้นห้องคนพิเศษนอนนิ่งอยู่ในอ้อมพระพาหาของฮ่องเต้หนุ่ม ไม่กล้าขยับเขยื้อนได้เพียงแค่มองดูด้วยความแปลกใจ นี้ก็สายมากแล้ว ทำไมยังไม่ทรงตื่น “ช่วงนี้งานเยอะมากเลยหรือไร ท่านถึงได้เพลียขนาดนี้ แล้ววันนี้ใครจะเป็นคนสอนข้าหล่ะ เมื่อวานท่านก็ผิดสัญญากับข้าไปแล้วนะ”

   “โกรธพี่หรือ” สุรเสียงทุ้ม ตรัสถามทั้งที่ยังไม่ลืมพระเนตร สองพระกรโอบรั้งน้องน้อยให้เข้ามาแนบชิด อยากจะทรงลืมเรื่องราวต่างๆที่พัดโหมเข้ามา อยากทรงหยุดทุกอย่างไวเพียงแค่วันนี้ น้องน้อยไม่จำเป็นต้องรักพระองค์ แต่ขอมีน้องน้อยอยู่เคียงข้าง

   “อย่างข้าหรือจะโกรธท่านได้ มีใครหน้าไหนบ้าง กล้าโกรธเคืองฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ ” ปลายเสียงขึ้นสูงโดยที่ท่านอ๋องเองก็เหมือนจะไม่รู้ตัวว่ากิริยาที่ทำอยู่นั้นไม่ต่างอะไรกับหญิงสาวที่เที่ยวเล่นด้วย

   “ก็เจ้านี้อย่างไร” พระหัตถ์หนาลูบเส้นผมนุ่มลื่น พระเนตรจ้องมองดวงตากลมโต คล้ายว่ากำลังตัดสินพระทัยบางเรื่อง “ เที้ยนหยวนสำหรับเจ้า พี่ไม่ขอเป็นฮ่องเต้ไม่ได้หรือ พี่อยากเป็นแค่คนธรรมดาที่เจ้าจะนึกถึงเมื่อยามต้องการใครสักคน”

   “ไม่ได้หรอก ท่านเป็นฮ่องเต้สำหรับคนทั้งแผ่นดิน ไม่มีใครหนีสิ่งที่เป็นได้หรอก และข้าเองก็ไม่อาจเอื้อมจะดึงให้ท่านลงมาเป็นแค่คนธรรมดาได้ อีกอย่างที่ข้าคงไม่มีทางลืมคือ ที่มาอยู่ตรงนี้เพราะคำสัญญาที่ท่านให้ข้าไว้ในคืนนั้น” ท่านอ๋องเองก็อดใจหายไม่ได้เมื่อถึงสิ่งที่ทำให้ต้องมาอยู่ที่นี้ในฐานะต้นห้อง อดใจหายไม่ได้ว่าเมื่อถึงเวลาก็คงต้องกล่าวคำอำลา

   “เพราะสัญญานั้นสินะ พี่เองก็ลืมไป เจ้าไปเตรียมน้ำเถอะ” ทรงปล่อยร่างน้องน้อยให้ลุกขึ้นไปตามทำหน้าที่ของตนเอง เช่นเดียวกับพระองค์ที่ต้องทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แม้ว่ามันจะฝืนพระทัยมากเพียงใด แม้ว่าจะทำให้พระองค์ไร้ซึ่งความสุขไปตลอดพระชนม์ชีพ

   ช่วงเวลาที่เหลืออยู่อันน้อยนิดคงไม่ผิดใช่ไหม หากพี่จะขอตักตวงความสุข   
   
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   “เที้ยนหยวนวันนี้พี่อยู่สอนเจ้าไม่ได้นะ” ฮ่องเต้หนุ่มทรงมีรับสั่งขณะที่กำลังเสวกระยาหารเช้าร่วมกับต้นห้องคนโปรด ทำให้คนฟังได้แต่ชะงักนิ่ง

   “เมื่อวานท่านก็ไม่อยู่ วันนี้ก็จะไม่อยู่อีก แล้วอีกสองเดือนกว่าๆข้าจะชนะท่านได้หรือ” อ๋องน้อยได้แต่จ้องมองพระเนตรคม ก่อนจะโวยวายออกมาเมื่อนึกความสามารถที่มีอยู่

   “ได้สิ ไม่อย่างไรเจ้าก็จะชนะได้ วันนี้ก็ซ้อมกับฮวางหูไปก่อน แล้วพี่สัญญาว่าจะรีบกลับมาหาเจ้าดีไหม” พระองค์ทอดพระเนตรเอ็นดูร่างเล็กที่อยู่ตรงหน้า ที่แอบเก็บของกินบนโต๊ะหย่อนลงในห่อเล็กๆ คงหวังจะเอาไปให้เจ้าอี้หลงที่หนึ่งได้กิน

   “เมื่อวานท่านก็บอกว่าจะรีบกลับมา เอาเถอะ ไม่ว่าอย่างไรราชกิจก็คงสำคัญกว่าการมาทำอะไรไร้สาระเช่นการสอนข้า ท่านเอาหัวหน้าองค์รักษ์ไปเถอะ เขาเป็นองค์รักษ์ไม่ใช่ครูสอนวิชาข้า ข้าฝึกกับเจ้าหุ่นฟางได้” เสียงแผ่วเบาอย่างยอมจำนน ก่อนจะก้มก้มตาเก็บอาหารใส่ห่อไปฝากเจ้าอูฐแสนรัก ไม่สนใจเงยหน้าขึ้นมองผู้ใดอีกเลย

   “พี่ขอโทษ แต่พี่สัญญาว่าพี่จะรีบกลับมา แล้วตอนเย็นพี่จะพาเจ้าไปหาอี้หลงที่หนึ่ง แล้วหากเจ้าไม่ดื้อ พี่มีอี้หลงที่สองจะให้เจ้า”

   “แล้วข้าคอยอี้หลงที่สองของท่าน” รอยยิ้มหวานยามเช้าจากน้องน้อย หากแต่ในดวงตากลมกลับแฝงเค้าเงาของความโศกเศร้า....

   เจ้าเป็นอะไรไปเที้ยนหยวน....หรือยังโกรธพี่อยู่...น้องน้อยแสนร่าเริงของพี่จึงจากไปเหลือเพียงท่านอ๋องผู้มีดวงตาแสนเศร้า 

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   สวัสดีคะ กับการอัพรายวัน ^ ^  เรื่องนี้มีโปรเจคพิเศษอยู่ชื่อ “If : ถ้า: 如果 (หลู่กั๋ว)” เป็นตอนสั้นๆคล้ายๆมุมกลับของเรื่องว่า ถ้าเป็นแบบนั้น แบบนี้ จะเกิดอะไรขึ้น สนใจอ่านกันไหมคะ

   ขอบคุณคะ   

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ู^
^
^
ทั้งจิ้ม ทั้ง + ให้กำลังใจ

สนใจค่ะ  เอามาลงเลย

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ลงเลยจ้า  อ่านหมด ><

เริ่มเซ็งฮ่องเต้ล่ะ เพ้อมากไป  -_-'

ice-vanilla

  • บุคคลทั่วไป
อ๋องน้อยเริ่มมีอาการแล้ว :laugh: ส่วนฮ่องเต้นี่ชอบคิดเองเออเองจังเลย

ปล.สำหรับโปรเจคพิเศษ สนใจอยู่นะคะ><

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
สนใจจ้ารออ่านนะ :o8:
น้องน้อยน่าสงสารมากโดนทิ้งให้อยู่คนเดียว :sad4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0

nariza6

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องนี้จัง อ๋องน้อยน่ารัก  :laugh:

อยากให้หวานกว่านี้จัง  :pig4:

pinkky_kiku

  • บุคคลทั่วไป
จริงๆแล้วก็แอบขำฮ่องเต้นะ ไม่น่าหวั่นไหวเร็วขนาดนั้นเรยอ่ะ แบบว่าหลงรักง่ายเกินไป
แต่อย่างว่าหล่ะ อ๋องน้อยน่ารักนินา ออกจะเด็กด้วยซ้ำ ฮ่องเต้เลยหลวมตัวเลย  :-[

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
มีความรู้สึกอยากตบกะโหลกฮ่องเต้  :z6:

อ๋องน้อยขี้เหงานี้หวา ฮ่าๆๆ :laugh:

ptyunjae

  • บุคคลทั่วไป
Re: ♥ ประลองรัก...♥ (ตอ
«ตอบ #74 เมื่อ07-05-2011 18:24:05 »

ทิ้งท่านอ๋องได้ไงอ่ะ น่าสงสารไม่มีใครสนใจ

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ถ้า.....คืนชมจันทร์แล้วฮ่องเต้เคลิ้ม (อ้างอิงจากตอนที่สี่)   
   
สองชายหนุ่มนั่งร่ำสุราชมพระจันทร์ดวงกลมโต จนใบหน้าหวานแดงเรื่อ พูดจาไม่รู้เรื่อง มือไม้ไม่อยู่กับที่   หากแต่ฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์กลับยังคงนั่งยิ้มสบายพระทัยไม่ได้เคลิ้มไปกับดีกรีแสนแรงของเหล้าจากกุ้ยโจว ปล่อยให้อ๋องน้อยพล่ามไปเรื่อยเปื่อย

   อ๋องน้อยเดินโซเซจากเก้าอี้ที่นั่งอยู่ลุกขึ้นมานั่งเก้าอี้อีกตัวที่อยู่ข้างๆผู้สูงศักดิ์    มือบางๆลูบไล้ตามโครงหน้าเรียวยาว เริ่มสัมผัสไรหนวดแข็งๆแต่ก็ไม่สนใจ เอื้อมดันท้ายทอยกว้างให้รับสัมผัสเร่าร้อนจากริมฝีปากร้อนอวลด้วยกลิ่นสุราชั้นดี

   ฮ่องเต้หนุ่มแม้จะเคยได้สัมผัสหญิงสาวที่รับเข้ามาคนอื่นๆ แต่สัมผัสของนางเหล่านั้นกลับสู่สัมผัสร้อนของคนๆนี้ไม่ได้เลย ค่อยๆรับรู้ความหวานของริมฝีปากจนต้องคว้าเอวบางเข้าแนบชิด ก่อนจะตกตะลึงเมื่อรู้ถึงมือเล็กๆเริ่มไม่อยู่สุข แต่เพราะความรู้สึกดีที่ไม่เคยได้รับทำให้พระองค์หลงใหลและมัวเมาไปกับสัมผัสที่กำลังปรนเปรออยู่ในเวลานี้

   และสุดท้ายมันก็จบลงที่อ๋องน้อยได้ฮ่องเต้หนุ่มมาครอบครอง........

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

“อ้าว ถึงกับหมดแรงไปเลยหรือเนี่ย ท่านช่างบอบบางเสียจริง ฮ่องเต้ของข้า ข้าจะพาท่านกลับตำหนักเองนะ อย่ากังวลไปเลย” ร่างเล็กๆที่บัดนี้ได้ชื่อว่าเป็นผู้ครอบครองฮ่องเต้ได้แต่ยิ้มอยู่คนเดียวให้ลมฟ้าและดาวเดือน แขนเรียว ยกร่างหนาหนักขึ้นตั้งใจจะอุ้มกลับห้อง อย่างที่เคยทำให้สาวงามมานับไม่ถ้วน หากแต่ เพราะรูปร่างที่แตกต่าง แค่จะยก ร่างสูงใหญ่ของฮ่องเต้กลับไม่เขยื้อนสักนิด

   “เฮ้อ ตัวใหญ่เสียจริง คืนนี้ท่านนอนนี้ไปก่อนหล่ะกัน อยากตัวใหญ่กว่าสามีตัวเองทำไม แล้ววันพรุ่งนี้อ๋องน้อยจะมารับขวัญนะ ฮ่องเต้ที่รัก” อ๋องน้อยเจ้าสำราญยอมปลดเสื้อคลุมเนื้อหนาให้คนที่ต้องนอนตากน้ำค้างในคืนนี้ ก่อนที่ตัวเองจะเดินกลับตำหนักอย่างสบายใจ แม้จะติดโซเซนิดๆเพราะความเมาก็ตาม

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

“อื้ออออ” เสียงครางในลำคอของคนจำต้องตื่นนอน เมื่อเสียงของนกที่ขับกล่อมยามเช้ามันช่างดังลั่นเหมือนว่ามาร้องอยู่ข้างๆหู วรองค์สูงสง่าตื่นบรรทมด้วยความไม่สบายตัว เหลียวมองไปรอบๆอย่างตั้งสติ

นี้มัน....ในสวน........เมื่อคืน!

   ฮ่องเต้หนุ่มนั่งนิ่งนึกย้อนเรื่องราวที่เกิดขึ้นเพราะความเมาและอารมณ์ที่เคลิบเคลิ้ม ไม่ต้องให้ใครมาบอกก็รู้ว่า....เมื่อคืนคงเสียทีให้แก่อ๋องน้อยเจ้าสำราญจอมเจ้าชู้เป็นแน่

   แต่มันจะมีแค่ครั้งเดียวเท่านั้น ไม่มีครั้งสอง....และจะต้องทวงตำแหน่งกลับคืนมา

   พระองค์ค่อยๆลุก ค่อยๆดำเนิน หากแต่ไม่ละทิ้งความสง่าในสายเลือด ทั้งที่ภายในเจ็บแทบปวดร้าว นึกสงสารเหล่าสตรีทั่งแผ่นดินที่ต้องทนเผชิญกับเจ็บปวดทรมานหากก็ไม่เคยปริปากบอกชายผู้เป็นสามี บัดนี้ทรงเข้าใจแล้วว่า เหตุใด จึงมีสารพัดยาบำรุงสตรีทั้งหลาย ก็สมควรอยู่หรอก ในเมื่อสตรีล้วนเป็นผู้เสียสละถึงเพียงนี้

   ในที่สุดฮ่องเต้หนุ่มอี้หลง ผู้เสียท่าให้แก่อ๋องเที้ยนหยวนก็ดำเนินกลับมาถึงตำหนักส่วนพระองค์ที่มีองค์รักษ์คนสนิทรอคอยอยู่ด้านหน้า “อ้าว ฮวางหูมารอเราหรอกหรือ”

   “กระหม่อม ท่านราชครูให้กระหม่อมมาดูฝ่าบาทว่าเป็นอะไรหรือเปล่า สายมากแล้วยังไม่ตื่น
บรรทม แต่เกล้าหม่อมไม่ทราบว่าพระองค์ไม่ได้บรรทมที่ตำหนัก จึงมารออยู่ที่นี้” องค์รักษ์แจงเหตุผลที่มายืนคอยอยู่หน้าตำหนักส่วนพระองค์

   “ไปบอกท่านราชครูนะว่าเราไม่เป็นอะไร แล้วก็วันนี้เราจะไม่ไปไหน ใครมีเรื่องด่วนก็ให้เอารายงานไปให้เราที่ห้อง อ้อ! แล้วก็เดี๋ยวไปเรียกท่านอ๋องมาหาเราด้วยนะ” ทรงสั่งองค์รักษ์คนสนิทในคราวเดียวก่อนจะเดินเข้าห้องบรรทมด้วยพระพักตร์อ่อนล้าทั้งที่เป็นเวลาเช้า

   เช้านี้ของฮ่องเต้หนุ่มช่างโหดร้ายเสียจนทรงอยากให้เป็นเพียงแค่ฝันร้ายเท่านั้น แต่ความจริงก็คือความจริง ที่ต้องผ่านมันไปให้ได้ แล้ววันพรุ่งนี้ที่สดใสจะรออยู่

   ผ่านไปเพียงไม่นานประตูที่เปิดกว้าง ปรากฏร่างเล็กที่ทำให้พระองค์ต้องมาทนทุกข์อยู่แบบนี้ ใบหน้าหวานช่างดูแจ่มใส แตกต่างจากพระองค์ยิ่งนัก

   “อ่า  ท่าน ตื่นแล้วหรือ เจ็บมากใช่ไหม ข้าจะดูแลท่านเองนะ จะรับผิดชอบให้ดีที่สุดเลย” ร่างเล็กไม่ได้ดูตัวเองเลยสักนิด ความแตกต่างของร่างกายมีมากแค่ไหน ไม่ได้นึกถึงเรื่องเมื่อคืนที่แค่จะพาฮ่องกลับมานอนที่ห้องก็ทำไม่ได้

   “จะดูแลเราจริงหรือ” ฮ่องเต้หนุ่มถามย้ำเพื่อความมั่นใจ ทรงกำลังวางแผนบางอย่างที่จะทวงคืนสิ่งที่เสียไป แม้มันจะเรียกกลับมาไม่ได้ แต่อย่างน้อย...มันก็ทดแทนได้

   “จริงๆสิ ขอแค่ท่านทำหน้าที่ของสนมท่านอ๋องเที้ยนหยวนคนนี้อย่างเต็มใจ ข้าก็จะดูแลท่านเป็นอย่างดี จะตั้งใจช่วยแบ่งเบาภาระงานเมืองที่หนักหนา จะดูแลยามท่านป่วยไข้ จะทำให้ท่านรู้สึกว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงองค์น้อยๆที่แสนบอบบาง และต้องการการเอ็นดูที่แสนอบอุ่นจากข้า” คนพูดได้แต่เพ้อฝันอยู่ในอากาศ ไม่มองพักตร์ผู้ฟังบางเลยว่ารู้สึกแย่เพียงใด

   ฮ่องเต้หนุ่มทำพักตร์สยดสยองกับคำว่าเจ้าหญิงองค์น้อย นึกอยากถามนพูดว่าลืมส่องกระจกออกมาหรือเช่นไร หรือว่าที่ตำหนักรับรองไม่มีกระจก หรือแก้วตาของอ๋องผู้นี้เสื่อมสภาพก่อนวัยอันควร ถึงได้กล้าพูดคำนี้ออกมา ไม่ได้มองดูตัวเองเลยใช่ไหม? แต่ในเมื่อพูดมันออกมาแล้ว ก็ควรต้องรับผิดชอบของตนเองบ้าง “งั้นเจ้าอุ้มเราไปอาบน้ำหน่อยสิ เราว่าเจ้าก็คงเคยอุ้มสาวงามหรือเด็กหนุ่มหน้าหวานไปอาบน้ำเช่นกัน หลังเสร็จเรื่องพวกนี้”

   “ก็เคยแต่....แต่ข้าทำไม่ได้หรอก” ทำได้ข้าคงอุ้มท่านกลับมานอนที่ห้องแล้ว “ให้ข้าช่วยประคองไปจะเหมาะสมกว่าหรือไม่ ให้ข้าอุ้มฮ่องเต้ ใครที่ไหนเห็นเขาจะเอาไปว่าลับหลังเอาได้นะ” ในที่สุดข้ออ้างแสนสวยหรูก็ออกมาจากคนที่บอกว่าจะให้การเอ็นดูที่แสนอบอุ่น

   “งั้นหรอกหรือ ก็จริงของเจ้า งั้นเราไปเองแล้วกัน” แม้จะทรงทำเป็นคล้อยตามหากในพระทัยกลับนึกหัวเราะขำอ๋องน้อยผู้นี้ “ถ้างั้นคืนนี้เจ้าตามใจเราหน่อยได้ไหม” สุรเสียงดัดหวาน คล้ายจะออดอ้อน ทำให้คนได้ยินถึงกับขนลุก

   “ท่านจะทำอะไรหรือ” อ๋องน้อยนึกถามอย่างไม่วางใจ 

   “เราอยากชมจันทร์อีก เราชมจันทร์กับเจ้าแล้วช่างมีความสุขเหลือเกิน” ใบหน้าคมสันจ้องมองอย่างวิงวอน ทั้งพระชนม์ชีพมีเพียงไม่กี่คนที่พระองค์จะขอร้องเช่นนี้

   “ท่านขอขนาดนี้มีหรือที่ข้าจะปฏิเสธ คืนนี้ข้าจะเป็นคนเตรียมการทุกอย่างเองข้าจะทำให้ท่านมีความสุขเสียยิ่งกว่าคืนก่อนอีก” อ๋องน้อยรู้สึกเหมือนผีเสื้อยามเห็นดอกไม้บานแรกแย้ม ความปิติบังเกิดขึ้นภายในใจ

   “เราก็เชื่อเช่นนั้นว่าเราจะมีความสุขยิ่งกว่าคืนก่อน เจ้าออกไปได้แล้ว เราจะอาบน้ำ แล้วพักผ่อนอีกสักหน่อย เจ้าเองก็เช่นกันนะควรไปพักผ่อนเอาแรงให้ดี เพราะคืนนี้คงยาวนานกว่าคืนก่อน” คำพูดที่แฝงเป็นนับชัดเจนหากแต่ความดีใจ กำลังบดบังให้อ๋องน้อยนึกระแวงและสงสัย

   คืนนี้....จะยาวนานและมีความสุขยิ่งกว่าคืนก่อนเก่า......

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

ยามเย็นพระอาทิตย์ลาลับขอบฟ้า เหลือเพียงดวงจันทร์เหลืองนวลสวยเด่นข่มแสงวิบวับจากดวงดาราท่ามกลางผืนฟ้าสำดำทะมึน อ๋องน้อยให้คนมาทูลเชิญฮ่องเต้ที่พักผ่อนเอาแรงมาทั้งวัน

   ในสวนสวยถูกประดับด้วยดวงโคมเล็กๆผูกห้อยจากกิ่งหลิวที่โอนอ่อนเอนตามลม กลิ่นหอมจากดอกไม้กลางคืนโบยพัดไปทั่ว เสียงหรีดเรไรร้องระงงขับกล่อมแทนเสียงพิณจากหัวหน้าวังหลวง 

โต๊ะหินพรั่งพร้อมไปด้วยสารพัดอาหารเครื่องเคียงของมึนเมาที่ได้เหล้าชั้นดีดองโสมสมุนไพรเพื่อบำรุงที่อ๋องน้องเป็นคนตระเตรียมเองกับมือ

   สองชายหนุ่มยศสูงนั่งร่ำสุราอย่างครื้นเครงใบหน้าหวานแดงเรื่อ ในขณะที่ชายหนุ่มอีกหนึ่งกำลังยิ้มมองอย่างพอพระทัย แล้วยิ่งร่างบางเริ่มโอนเอน ฮ่องเต้หนุ่มก็ยิ่งสมหวัง

พระหัตถ์หนาคว้าร่างบางที่แทบทรงกายไม่อยู่เข้ามาแนบชิดบรรจงมอบความอ่อนโยนผ่านริมฝีปากคละคลุ้งกลิ่นสุราจนร่างเล็กยินยอมปล่อยใจ สองแขนเรียวโอบรั้งพระศอหนาให้แนบชิดเสียยิ่งกว่าเก่า แสงเรืองนวลของพระจันทร์ถูกละเลย อาหารรสเยี่ยม หรือจะสู้รสหวานจากริมฝีปากที่ได้เชยชิม

   ต่อจากนี้...การแก้แค้นแสนหวานและรุนแรงจึงเริ่มต้นขึ้น ไร้ซึ่งท่าทีว่าจะจบลง...จนกว่าใครสักคนซึ่งแน่นอนว่าเป็นอ๋องน้อยจะหมดแรงและสิ้นท่าลงไป   
 

   “ทำใครต่อใครมามาก พอถึงตอนนี้กลับสลบเสียแล้วหรือเที้ยนหยวน” เสียงทุ้มหัวเราะแผ่วเบา ก่อนจะจัดการให้เสื้อกลับขึ้นมาคลุมร่างบางดังเดิม นับแต่พรุ่งนี้คงได้เปลี่ยนจากตำแหน่งต้นห้องกลายเป็นคนในห้อง
   
   และสุดท้ายฮ่องเต้ผู้สูงศักดิ์ก็ทำในส่วนที่พระองค์ไม่ได้รับการปฏิบัติจากอ๋องน้อยในคืนก่อน นั้นคือโอบอุ้บร่างไร้สติขึ้นแนบพระอุระกว้าง พากลับห้องบรรทมที่อบอุ่นกว่ากลางสวนเช่นนี้

* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

อ๋องน้อยคนสวยลืมตาขึ้นรับภาพเช้าวันใหม่ที่ไม่แจ่มชัด ร่างกายที่บอบช้ำไม่อาจแกล้งลืมสิ่งที่ผ่านพ้นไปในคืนก่อน ความรู้สึกที่แสนแตกต่างกัน ตอกย้ำสถานะที่เปลี่ยนไปแค่ชั่วคืน อยากลุกเดินแล้วหลบหน้าผู้คน แต่ร่างกายที่บอบช้ำก็คร่ำครวญว่าไม่อาจทำแบบนั้นได้

   “ตื่นแล้วหรือ เที้ยนหยวน เป็นอย่างไร เจ็บตรงไหนไหม” เจ้าของห้องดำเนินเข้ามาใกล้ที่นอน ก้มพระพักตร์มองร่างเล็กที่นอนนิ่ง จะลุกแต่ละทีแสนลำบาก

   “เจ็บสิ ถามได้ ท่านก็เคยเป็น แล้วมาถามข้าทำไมเล่า คืนนี้ท่านต้องยอมให้ข้าด้วย เรื่องอะไรกัน ตัวเองเป็นสนมของข้าแล้วมาทำแบบนี้ได้ไงกัน ข้าไม่ยอมหรอกนะ” หน้าหวานเชิดรั้งขึ้น บอกให้รู้ถึงความเอาแต่ใจ

   ฮ่องเต้หนุ่มอยากจะหัวเราะลั่นกับท่าทีเหมือนเด็ก แต่ก็ต้องอดพระทัยไว้ “นั้นมันอดีต แต่ตอนนี้เจ้าต่างหากที่เป็นสนมของพี่ ต่อไปเมื่อเจ้ากำเนิดโอรสให้พี่ เจ้าก็ขึ้นเป็นฮองเฮา ใหญ่กว่าอ๋องตั้งเยอะ ไม่ดีใจหรอกหรือ เป็นสนมพี่โอกาสก้าวหน้าสูงนะ”

   “จะบ้าหรือไงเล่า ข้าไปให้กำเนิดโอรสให้ท่านได้ไงกัน ไม่รู้แหล่ะ คืนนี้ท่านต้องเป็นของข้า ต้อง ไม่งั้นข้าไม่ยอมจริงๆด้วย” คงเพราะลืมไปว่าร่างกายกำลังระบม ร่างเล็กดิ้นไปมาบนที่นอนแล้วก็ต้องชะงัก เมื่อความปวดร้าวมันเสียดแทงขึ้นมา “โอ้ย!”

   “เป็นไรเล่า อยากดื้อนัก พี่ก็เป็นของเจ้าอยู่แล้ว เจ้าไม่ต้องกลัวหรอก แล้วก็หยุดดิ้นรนให้ตัวเองเจ็บหนักได้แล้ว ถ้าเกิดน้องของพี่เป็นอะไรไป ใครจะมาดูแลพี่คืนนี้เล่าจริงไหม องค์หญิงๆน้อยที่แสนบอบบางของพี่” นิ้วพระหัตถ์ไล้ไปบนใบหน้าหวาน ทวนคำที่ได้ยินมาจากอ๋องน้อยอย่างนึกสนุก

   “ไม่เอา  ไม่ใช่แบบนี้สิ  ท่านต้องเป็นสนมข้าสิ ไม่เอาแบบนี้นะ” แม้ไม่อาจเขยื้อนกายได้ ริมฝีปากเล็กใช่ว่าจะหยุดทำงานยังส่งเสียงประทวงอยู่แบบนั้น

   “ถ้าเจ้าดื้อรั้น พี่จะทำเจ้าตอนนี้เลยนะ ไม่ให้พักไปจนถึงวันพรุ่งนี้เลย โตแล้วเที้ยนหยวนหัดยอมรับความจริงบ้างเถิด ดูตัวเองสิ แล้วมองตัวพี่ก็เห็นอยู่ คืนแรกนั้นพี่แค่เผลอไป แต่มันจะไม่มีแบบนั้นอีกแล้ว เจ้ายอมรับมันสะ เลิกฝันหวาน แล้วยอมรับตำแหน่งสนมเอกจากเรา เป็นน้องน้อยที่แสนน่ารัก รอวันขึ้นเป็นฮองเฮา ลืมเรื่องของเจ้ากับหญิงงามเหล่านั้นให้หมด เข้าใจไหม” พระสุรเสียงดุทำให้คนที่นอนอยู่กับที่นอนได้แต่นิ่งฟัง จ้องมองตาแป๋ว ไม่กล้าหืออะไรอีก

   “เขาใจแล้ว ต่อไปนี้น้องจะทำตนเป็นสนมที่ดี จะเรียบร้อยไม่ยุ่งเกี่ยวกับหญิงใดอีก ขอแค่อย่างเดียวเท่านั้น” ร่างเล็กชูนิ้วเรียวขึ้นมา บอกให้รู้ว่าอย่างเดียวเท่านั้นจริงๆ

   “น้องของพี่ขออะไร พี่ก็ให้ทั้งนั้นแหล่ะ” พระพักตร์คมระบายด้วยรอยยิ้มกว้าง

   “ถ้างั้น ท่านห้ามไปมีคนอื่นนอกจากน้องคนนี้ แล้วห้ามรุนแรงกับแบบเมื่อคืนด้วย ได้ไหมท่านพี่” ท้ายเสียงลงเสียงหวานที่สุดในชีวิต ปลงตกในชีวิตที่คงไม่อาจกลับสู่ตำแหน่งเดิมได้อีกแล้ว

   “ได้สิ พี่จะไม่มีใครอีกนอกจากน้องตัวยุ่งแล้วก็จะไม่รุนแรงกับเจ้า ถ้าพี่อดทนได้” พระเนตรระยิบระยับมองคนเจ็บอย่างเจ้าเล่ห์

   “ทำไมต้องมี ถ้า ด้วยเล่า ไม่มีไม่ได้หรือ”

   “ไม่ได้หรอก พี่ก็ต้องเผื่อไว้ก่อนสิ เกิดพี่ห้ามใจไม่ได้แล้วทำอย่างไรกัน ใช่ไหม ยังง่วงอยู่หรือเปล่าเที้ยนหยวน”

   “ง่วง”

   “งั้นก็หลับนะ พี่จะกล่อมเจ้าเอง น้องน้อยของพี่” สองร่างล้มตัวลงนอนเคียงกัน พากันเข้าสู่นิทราแสนสุข ไม่มีผู้ใดมารบกวน

   ตลอดรัชสมัยฮ่องเต้อี้หลงผู้ทรงรักษาสัญญาที่ให้ก็ไม่มีผู้ใดอื่นเลย มีเพียงรักเดียว....น้องน้อยเที้ยนหยวนที่แสนเพียบพร้อมและอ่อนหวานน่ารัก หากแต่สัญญาอีกข้อ กลับไม่เคยทำได้เลย......   
* ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ เอาฝากขำๆ อย่าคิดมากนะคะ เห็นหลายคนไม่พอใจฮ่องเต้ เจอแบบนี้ เริ่มสงสารกันขึ้นบ้างไหมคะ 
   วันพรุ่งนี้เจอกับตอนที่11นะคะ
   ขอบคุณค่ะ

kenshinkenchu

  • บุคคลทั่วไป
ก๊าก................ ดีล่ะ ไม่งั้นเรื่องจบง่าย 

ไม่ได้กินมาม่าเลย  กลายเป็นคอมเมดี้ไป   :กอด1:

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
555+ :laugh:


ฮ่องเต้นี้ทำตามที่สัญญาได้แค่ข้อเดียวเองทำไมไม่ทำอีกข้อให้ได้ด้วยหล่ะ...? :z1:


^^


 :3123: :3123:

ptyunjae

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วแอบงงเล็กๆ ว่าเกิดอะไรขึ้นกะฮ่องเต้

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
555ถ้าเป็นแบบนี้เรื่องก็มีสีสันและฮาอย่างยิ่ง

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Zurruz

  • สาววายพันธุ์ยัน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +51/-4
ชอบแบบถ้ามากกว่านะค่ะ

คือ เราไม่ค่อยอยากจะดราม่าอ่ะ เจออัพทีไรไม่ค่อยกล้าเข้า กลัวอ่านแล้วปวดใจ

T^T รอตอนต่อไปค่ะ +1 เอากำลังใจน่อ!

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
ให้ความรู้สึกไปอีกแบบ
ฮาดีเที้ยนหยวน น่ารักดี :m20:

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...十一

   ใกล้ได้เวลาพระอาทิตย์ลาลับไปจากขอบฟ้าเสียทุกทีแล้ว แม้แต่พระจันทร์ยังแอบขึ้นมารอท่าอยู่ที่เชิงขอบฟ้าอีกทิศ อ๋องน้อยผู้เคยเอาแต่ใจนั่งหน้านิ่วอยู่กลางลานโล่งข้างกายมีอูฐตัวยักษ์ที่ให้คนไปเอามาให้กำลังนอนเก็บแข้งขาเรียบร้อย ในปากกำลังเคี้ยวเศษฟางจากหุ่นฟางที่เคยเป็นคู่ซ้อมของท่านอ๋อง ในมือเล็กยังคงกำมีดสั้นคู่กายเอาไว้ ปากอิ่มเม้มแน่นเข้ากัน น้ำตาจวนเจียนจะไหลลงมา

   “ไหนใครกันบอกว่าไว้ว่าจะรีบกลับมา ไง ข้าอุตส่าห์ ให้คนไปเอาอี้หลงที่หนึ่งมารอแล้วนะ” สุดท้ายน้ำตาเม็ดกลมก็ไหลลงมาจนได้ อ๋องน้อยใช้มือบางของตนเองปาดน้ำตาออกจากหน้า ไม่เข้าใจว่าเพราะเหตุใด ทำไมต้องร้องไห้   แต่.....

   ความตั้งใจจะเช็ดน้ำตาของตนเองดูจะช้าไปเสียแล้ว เมื่อ.....

   ลิ้นร้อนของอี้หลงที่หนึ่งตวัดปาดเช็ดน้ำตาหนึ่งเม็ดที่ไหลงลงมาให้อย่างเร็ว เหมือนว่ามันจับจ้องไว้นานแล้ว

   “อี้ ไอ้อูฐ ไอ้สกปรก ไอ้ตัวเหม็น ไอ้ปากเหม็น แกกกกกกกกกกกกกกกกกก” ความเศร้าหมองที่เคยครอบงำร่างบาง ถูกอี้หลงที่หนึ่งขจัดออกด้วยความใสซื่อและไร้เดียงสา

   “พรืดดดดดดดดดดดดดดด”  อูฐตัวยักษ์พ่นลมใส่ก่อนจะเบือนหน้าหนีนิ้วเรียวที่กำลังชี้หน้าด่ามันอยู่

   “อี้ ไอ้อี้หลงที่หนึ่ง ไอ้อูฐไม่ได้รับการสั่งสอน ไอ้อูฐเจ้าของนิสัยแย่ ไอ้.....ไอ้อูฐเง่า อย่าอยู่เลยแก” ร่างบางลุกขึ้นยืน เตะเข้าที่สีข้างหลายต่อหลายครั้งพร้อมพ่นคำผรุสวาทต่างๆเท่าที่จะคิดออก

   อูฐหนุ่มอารมณ์ดี เมื่อเห็นเจ้านายหมายเลขสองลุกขึ้นยืนมันจึงลุกขึ้นบ้างก่อนจะกลับตัว ให้ยืนอยู่ในท่าและทิศที่พอเหมาะ เหยียดขาตรงอย่างสง่างาม

   “ปู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด” ลมอุ่นร้อนจากทางด้านหลังพ่นเข้าใส่ใบหน้าหวานอย่างจงใจ ก่อนจะตามมาด้วยเสียงดังโหวกเหวกก่นด่าทั้งคนให้อูฐ และเจ้าอูฐตัวนี้

   “ไอ้อูฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐฐ ข้าจะเอาแกไปแล่เนื้อขายที่ตลาด แหว่ะ เหม็น ในวังให้แกกินอะไรเข้าไป ไอ้อูฐ คอยดูนะ จะปล่อยทิ้งให้เป็นอูฐหัวเน่าไม่มีคนสนใจอีกเลย”

   “เที้ยนหยวน เจ้าเสียงดังอะไรกัน หืมม?” พระสุรเสียงทุ้มดังเข้ามาเรียกความสนใจของอ๋องน้อยให้หันไปหาท่านเจ้าของพระราชฐานส่วนนี้ พระพักตร์เหนื่อยล้า ดูเหมือนอ่อนแรง ทำให้อ๋องน้อยเก็บกลืนสิ่งที่กำลังจะบ่นออกมา

   “ไหนท่านว่าจะกลับมาเร็ว ท่านปล่อยให้ข้ารอกินข้าว จนข้าหิว” แม้จะเก็บคำบ่นต่างๆไว้แล้ว แต่เพราะนิสัยเอาแต่ใจก็ทำให้ไม่สามารถเก็บทุกคำพูดเอาไว้ได้ทั้งหมด

   “พี่ขอโทษเที้ยนหยวน พี่ไม่คิดว่าเจ้าจะรอ ช่วงนี้มีเรื่องที่ต้องสะสางมากมาย หากเจ้ารอไม่ได้กินเสียก่อนก็ได้ พี่ไม่ว่าเจ้าหรอก” พระหัตถ์หนาลูบศีรษะเล็ก ในพระทัยอิ่มเอมเหลือแสนกับคำว่ารอของน้องน้อย กำลังใจที่หดหายถูกเต็มด้วยคำเพียงคำเดียวที่ไม่ได้ยิ่งใหญ่กว่าคำอื่นใด ....รอ....

   “ไม่ได้หรอก ข้าเป็นต้นห้องให้มากินก่อนเจ้านายได้อย่างไร ใครรู้เข้าคงไม่ดี ข้าให้ขันทีเหี่ยว”

   “อู่กงกง ขันทีคนนั้นชื่ออู่” ทรงขัดน้องน้อยที่พูดเจื้อยแจ้ว ปากอิ่มสีแดงเรื่อขยับไปมาช่างน่าเอ็นดู แล้วไหนจะความเหมาะสมของตำแหน่งต้นห้อง มีต้นห้องที่ไหนกันร่วมโต๊ะเสวยกับฮ่องเต้ มีต้นห้องที่ไหนกันได้นอนแนบชิด และซุกซบกับอ้อมพระพาหา

   “นั่นแหล่ะ ข้าจะเรียกอะไรท่านก็รู้ไม่ใช่หรือว่าข้าหมายถึงใคร ข้าให้เขาเตรียมโต๊ะไว้ให้แล้ว แต่สงสัยคงต้องให้เอาไปอุ่นอีกสักรอบ ก็ท่านแหล่ะกว่าจะมา” ร่างบางเดินนำกลับเข้าไปในตำหนัก จัดแจงให้คนนำอาหารเอาไปให้ห้องเครื่องอุ่นให้อีกรอบ

   “ความจริงเจ้าไม่ต้องลำบากก็ได้ แล้วมันก็ไม่ได้เย็นชืดเสียจนกินไม่ได้” ทรงแย้มพระโอษฐ์แสนเหนื่อยล้า มองต้นห้องคู่พระทัยสั่งให้ขันทีคนใหม่จัดการเรื่องอาหาร

   ทุกสิ่งที่น้องน้อยทำโดยไม่รู้ตัวนั้นได้นำความปลาบปลื้มปิติมายังฮ่องเต้หนุ่ม แต่ละวันที่ผ่านพ้นไป ทุกความรู้สึกที่พระองค์สัมผัสได้มันเปลี่ยนไป  จากเฉยเมย เป็นจำใจ และจากจำใจ เป็นใส่ใจ ทุกวันที่ผ่านมา และกำลังมาถึง คงเป็นสามเดือนในพระชนม์ชีพที่จะเป็นสุขที่สุด

   “ท่านเหนื่อยมากเลยหรือ ทำไมดูโทรมลงแบบนี้กัน แค่ไม่ถึงวัน” ร่างเล็กลงนั่งตรงเก้าอี้ที่ไม่ห่างนัก ใบหน้าหวานเอียงข้างอย่างสงสัย นึกอยากช่วยผ่อนคลาย แต่ก็ไร้ความสามารถเกินกว่าจะทำได้

   ฮ่องเต้หนุ่มเบิกพระเนตรที่ปิดไว้ พบร่างเล็กอยู่ห่างไม่ไกลเกินเอื้อม ทรงนึกอยากรวบตัวนิ่มๆนั่นเข้ามากอด กระซิบตอบข้างหูใบน้อยๆว่า....แค่มีเจ้าอยู่เคียงข้าง พี่ก็หายเหนื่อยเสียแล้ว “พี่ก็โทรมอยู่แบบนี้ทุกวัน”

   “ไม่จริง วันก่อนๆท่านไม่โทรมแบบนี้ ท่านไม่ดูล้าขนาดนี้ ข้านวดให้นะ” ร่างเล็กเดินอ้อมมาข้างหลัง มือบางกดน้ำหนักลงบนพระอังสากว้างที่ตั้งตรงตลอดเวลา “ดีขึ้นบ้างหรือไม่”

   “อือ ขอบใจเจ้ามากนะ” พระพักตร์เหนื่อยล้า หากแต่ยิ้มแก้มปริ มือเล็กแสนอ่อนนุ่มค่อยบีบนวดไล่ความล้าและเรื่องราวที่กำลังทำให้เป็นทุกข์ออกไป หลงเหลือเพียงความสบายที่ร่างเล็กมอบให้

   นี้หรือเปล่านะ...คือความสุขที่สวรรค์ประทานให้ หรือคือการลงโทษให้ทรมานเมื่อยามจากลามาถึง จะเป็นเช่นไร หากความสุขเช่นจะเป็นตลอดไป หาใช่จบลงในอีกสองเดือนข้าหน้า “เที้ยนหยวนพี่อยากอยู่อย่างนี้ตลอดไป”

   “ไม่ได้หรอก ท่านเองก็มีสิ่งที่ต้องรับผิดชอบ ส่วนตัวข้าก็มีสิ่งที่รอให้พบเจอ มีครอบครัวให้รอสร้าง แต่ข้าสัญญาว่าสองเดือนต่อจากนี้ข้าจะไม่ดื้อกับท่านอีก” อ๋องน้อยยังคงบีบนวดผ่อนคลายพระอังสากว้าง แม้น้ำหนักมือลดวูบลง ยามกล่าวถึงเวลาในวันข้างหน้า

   “นั่นสิ พี่มีเรื่องที่จะต้องรับผิดชอบอีกมากเหลือเกิน ส่วนเจ้าเองก็คงมีหลานตัวน้อยมาให้พี่อุ้ม อย่าลืมพามาพี่บ้างหล่ะ ทั้งหลานและคนที่จะ..........เป็นแม่ของหลาน” เหมือนว่าคำรับสั่งจะกลืนหายไปในความเงียบ ยามนึกว่าสักวันหนึ่งในภายภาคหน้า น้องน้อยของพระองค์จะพบกับสตรีที่ดีพร้อม และหลงลืมพระองค์ไว้ในห้วงเวลาของอดีต

   “ข้าต้องพามาสิ..พามาแน่ๆ” เสียงแผ่วเบาราวกระซิบชวนให้ห้องดูเศร้าหมอง พระเนตรผิดแน่นอีกครั้ง ปิดกั้นความคิดที่ไม่ทรงอยากหวนคำนึง

   “พรืดดดดดดดดดด” เสียงหายใจแรงพร้อมพ่นลม จากด้านนอก ฉุดรั้งคนทั้งสองออกจากความเศร้า ยามนึกถึงเวลาที่ยังมาไม่ถึง

   “ฮึ  ไอ้อี้หลงที่หนึ่งของท่าน วันนี้มันน่าเตะนัก” ร่างเล็กเริ่มบ่นอีกครั้ง แต่สำหรับฮ่องเต้หนุ่มการบอกเล่าเรื่องราวยามที่พระองค์ไม่ได้อยู่เคียงข้าง แม้จะเป็นรูปของการบ่น ก็ช่างเป็นเรื่องสนุกที่น่าฟังยิ่ง

   “แล้วทำไมวันนี้มันถึงมาอยู่ตรงนี้ได้”

   “ก็ท่านบอกว่า จะรีบกลับมาแล้วเดินไปหาเจ้าตัวยุ่งด้วยกัน แต่ข้าเห็นว่ามันเย็นมากแล้ว ท่านคงไม่ไปหามัน ข้าเลยพามันมาแทน” มือเล็กยังคงทำหน้าที่ ปากอิ่มก็บอกเล่าไปเรื่อย พร้อมกับที่คนจากห้องเครื่องเดินนำอาหารที่อุ่นร้อนเข้ามา

   “เที้ยนหยวนเจ้ามากินข้าวเถอะ ไม่ต้องนวดพี่แล้ว ขอบใจมากนะ” คำสั้นๆที่ทรงใส่ความรู้สึกลงไปในนั้น  ก่อนจะทรงรอให้คนจากห้องเครื่องตั้งสำหรับจนเสร็จ

   “ไม่เป็นไรหรอก เออ แล้วอี้หลงที่สองหล่ะ” อ๋องน้อยเอ่ยทวง ทั้งที่กำลังลงมือตักข้าวเข้าใส่ปาก ด้วยความหิวโซ

   “พี่ให้คนพามารอเจ้าอยู่ข้างนอกแล้ว กิน....” ข้าวให้หมดก่อนแล้วค่อยไปดู แต่ประโยคหลังพระองค์ต้องพูดในพระทัย เมื่อคนบอกว่าหิวทิ้งโต๊ะอาหารเปิดประตูไปมองหาเจ้าอี้หลงที่สอง

   ดวงตากลมโตทอประกายยินดีที่ได้เห็น วิ่งถลาไปช้อนอุ้มเจ้าสัตว์สี่ขา ที่ดูซุกซน สองขาหน้าตะกายไหล่เล็ก แลบลิ้นเลียใบหน้าหวานจนผู้มอบให้อดเอ็นดูในความร่าเริงของทั้งคนอุ้ม และเจ้าตัวที่ถูกอุ้มไม่ได้     

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   ในห้องเสวยมื้อค่ำวันนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ฮ่องเต้หนุ่ม อ๋องน้อยต้นห้อง และขันทีที่ดูแลเรื่องโต๊ะเสวย แต่ยังมีสมาชิกใหม่เป็นเจ้าสัตว์ตัวน้อยนอนหมอบบนพื้นอยู่ข้างเท้าเล็กๆของท่านอ๋องที่แอบหยิบชิ้นเนื้อให้ทุกครั้งที่ฮ่องเต้ทรงเผลอ

   “ท่านอิ่มหรือยัง” อ๋องน้อยตากลมถามฮ่องเต้หนุ่ม เมื่อเห็นว่าวันนี้ดูช่างละเมียดกับอาหารตรงหน้าเสียเหลือเกิน “อิ่มได้แล้ว กินมากๆท่านจะกลายเป็นฮ่องเต้อ้วนลงพุง”

   “แล้วอย่างไร พี่อ้วนลงพุงแล้วเจ้าจะไม่รักหรือ? เที้ยนหยวน” ทรงถามอ๋องน้องกลับด้วยคำถามที่ทรงอยากรู้...อยากรู้ว่า ตอนนี้เจ้ารักพี่บ้างหรือไม่

   “ก็.....ท่านเป็นพี่ข้า แล้วยังดูแลอย่างดีแบบนี้ ต่อให้ท่านอ้วนหัวล้านลงพุง ท่านก็เป็นพี่ที่ดี ข้าก็คงยังรักท่านอยู่หล่ะมั้ง” ใบหน้าหวานแดงเรื่อง อย่างที่ไม่เคยเป็นยามเอ่ยกล่าวคำรักต่อหญิงสาวนางไหน แต่เวลานี้แค่บอกรักพี่ชายหนึ่งคน ใย จึงร้อนผ่าวไปทั่วหน้าเช่นนี้

   “พี่ไม่อยากเป็นพี่น้องกับเจ้าเลยเที้ยนหยวน หากเราไม่เป็นพี่น้องกันก็คงดีกว่านี้”

   “ไม่จริงหรอก หากขากับท่านไม่ได้เป็นพี่น้องแบบห่างกันอย่างนี้ เราก็คงไม่ได้เจอกัน เป็นพี่น้องแบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่หรือ ท่านพี่ จะมีสักกี่คนกันนะ ที่ได้มีท่านพี่เป็นฮ่องเต้แบบข้า....ช่างดีเหลือเกิน” อ๋องน้อยปัดเป่าความเศร้าในใจของตนด้วยการแสร้งกล่าวถึงความโชคดี แต่อย่างไรเสียก็ตอกย้ำให้ฮ่องเต้ทรงรับรู้

   ต่อให้ไม่อยากเป็น...แต่สุดท้าย ท่านและข้าก็ยังคงเป็นพี่น้อง....เช่นเดิม

   “พี่อิ่มแล้ว เจ้าก็คงอิ่มแล้วสิใช่ไหมเที้ยนหยวน” ฮ่องเต้หนุ่มทรงปัดเป่าเรื่องเศร้าออกจากพระทัย ย้อนกลับมาสู่โต๊ะอาหารที่อยู่เบื้องพระพักตร์ 

   “อิ่มแล้ว อิ่มนานแล้วด้วย ข้าให้คนเก็บโต๊ะเลยนะ” เสียงน้อยๆทีปิดความดีใจไม่มิด รอให้ฝ่าบาทพยักพักตร์ ก่อนที่อ๋องน้อยจะหันไปสั่งกับขันทีสูงวัยอีกครั้ง

   ร่างเล็กดูคนเก็บของออกไปจนหมด จึงก้มลงอุ้ม เจ้าอี้หลงที่สองตัวใหม่ ตามฮ่องเต้หนุ่มเข้าไปในห้องทรงอักษรที่คงเข้าไปอ่านอะไรทั่วไปดั่งเช่นปรกติ

   อ๋องน้อยเดินตามเข้ามาเห็นกำลังทรงงานอย่างที่คาดไว้ไม่ผิด จึงยอมปล่อยเจ้าอี้หลงที่สองที่อุ้มอยู่ลงกับพื้น ร่างเล็กเดินเข้าไปใกล้วรองค์สูงที่ทรงนั่งอยู่หลังโต๊ะตัวใหญ่ ถวายคำนับอย่างสวยงามตามอย่างราชประเพณี จนทำให้ฮ่องเต้หนุ่มทรงแปลกพระทัย พระขนงเลิกขึ้น จนร่างเล็กอดหัวเราะไม่ได้

   “ก็กระหม่อมซาบซึ้งในน้ำพระทัยของฝ่าบาทที่ทรงประทานสัตว์เลี้ยงให้ข้ากระหม่อม แล้วยังทรงประทานชื่ออันแสนไพเราะอย่างหาที่เปรียบไม่ได้” อ๋องน้อยอธิบายด้วยภาษาที่สมควรใช้เมื่ออยู่ต่อหน้าบุรุษหนุ่มผู้ทรงอำนาจ แต่ผู้ฟังกลับทำพระพักตร์ไม่พอใจ

   “เจ้าอย่าพูดแบบนั้นอีกเที้ยนหยวน พี่ไม่อยากฟังคำพูดแสนห่างเหินแบบนั้นจากเจ้า พี่ขอได้ไหม เมื่ออยู่กับเจ้า พี่ขอเป็นแค่ชายคนหนึ่งเท่านั้น จะได้ไหม” พระหัตถ์หนาเอื้อมไล้แก้มใส อย่าลืมพระองค์ พระเนตรจับจ้องอยู่ที่ลูกแก้วดำขลับ ทรงโน้มองค์ลงหาริมฝีปากอิ่มนั่นอย่างช้าๆ เปลือกตาบางปิดสนิท ใบหน้าหวานลอยเด่นดุจดังรอคอยสิ่งซึ่งหวานล้ำ

   ริมพระโอษฐ์สัมผัสเพียงแผ่วเบาอย่างแผ่วเบา ค่อยๆเปิดปากเล็กเข้าไปหาความอ่อนหวานภายใน ก่อนจะได้รับการตอบรับที่แสนหวานจากน้องน้อยของพระองค์  ขับไล่ความเหนื่อยล้า เติมเต็มพระทัยที่แห้งแล้ง ทรงจับใบหน้าเล็กให้เอียงเข้าหาเพื่อมอบความหวานให้ลึกล้ำ ก่อนจะได้ยินเสียงประท้วงแสนหวาน จึงทรงยอมละจากอย่างอ้อยอิ่ง

   ใบหน้าหวานแดงเรื่อ ดวงตากลมปรือขึ้นจ้องมองพระองค์อย่างเข้าใจ ริมฝีปากนิ่มบวมอิ่มและแดงช้ำ จนพระองค์อดละอายในพระทัยไม่ได้ “พี่ขอโทษ” สุรเสียงแหบพร่าจนน่าตกใจ

   “ทำไมอี้หลงที่สองถึงเป็นแมวที่ตัวใหญ่ขนาดนี้ มันเป็นแมวสายพันธ์อะไร ท่านรู้ไหม” ร่างเล็กเลือกที่จะไม่ตอบรับคำขอโทษ ทำประดุจไม่เกิดสิ่งน่าอายขึ้นในห้องนี้ หากแต่กลับถามถึงขนาดที่ใหญ่โตของเจ้าเหมียวที่ได้มา “ดูเท้ามันแล้วต้องใหญ่กว่านี้อีกมาก”

   ฮ่องเต้อี้หลงมองวงหน้าเล็ก ค้นบางอย่างที่ทรงต้องการ ก่อนจะทรงตัดใจยอมแพ้ “มันไม่ใช่แมวหรอก อีกไม่นานก็ตัวใหญ่ จนเจ้าอุ้มไม่ได้แน่ ไว้พี่จะหาอะไรมาให้เจ้าใช้จูงมันแทนหล่ะกัน”

   “อ้าว! ไม่ใช่แมวแล้วตัวอะไร” อ๋องน้อยตกใจที่ได้รู้ว่าสัตว์เลี้ยงตัวใหม่ที่ได้มาไม่ใช่แมวน้อยน่ารัก แล้วถ้าอย่างนั้นมันเป็นตัวอะไรกันแน่

   “มันเป็นลูกสิงโตหน่ะ พี่ซื้อมาจากคณะละครสัตว์ที่ตั้งแสดงอยู่แถวท่าเรือ อีกหน่อยก็คงตัวโต ตอนที่เขามาแสดงที่วังเห็นแล้วคิดว่าเจ้าน่าจะชอบพี่ก็เลยให้คนไปซื้อ เจ้าชอบมันหรือไม่” พระองค์ทรงเล่าให้ฟังถึงคณะละครสัตว์ที่แล่นเรือมาไกล มาเปิดแสดงให้พระองค์และขุนนางในวังได้ชมก่อนจะเปิดการแสดงที่เมืองท่า

   “ชอบสิ มันน่ารักมากเลย อีกหน่อยก็คงตัวใหญ่ต้องลากไปลากมาแทน เอ๋ หรือข้าจะใช้มันแทนม้า แทนอูฐโง่ของท่านดีนะ แล้วต่อไปมันจะดุร้ายหรือเปล่า แล้วข้าต้องเลี้ยงมันอย่างไรกัน” ดวงตากลมโต ฉายแววตื่นเต้น หันมาถามผู้ประทานลงมาให้

   “ถ้าเจ้าเลี้ยงมันให้อ่อนโยนก็ไม่ดุร้ายแล้ว แต่หากเจ้าไม่แน่ใจก็ตัดเขี้ยวของมันออก แต่ที่เจ้าจะใช้มันแทนม้า แทนอี้หลงที่หนึ่ง ข้าว่าอย่าเลย อ้อ อาหารที่ให้มัน ก็ให้เป็นพวกของสุกไปเสีย ก็น่าจะดี”

   “อ่าดีใจจัง ข้ามีสิงโตเป็นสัตว์เลี้ยง แล้วต่อไปเจ้าก็ต้องมีแผงคอให้ข้าซบเล่นใช่ไหม เจ้าอี้หลงที่สอง”  อ๋องน้อยซบลงช่วงคอของเจ้าสัตว์ตัวกระจ้อยที่ต่อไปคงพัฒนาตัวเองกลายเป็นสิงโตแสนสง่า

   ฮ่องเต้หนุ่มทรงทอดพระเนตรหนึ่งคน และหนึ่งสิงโตอยู่เป็นนานก่อนจะหันกลับมาทรงงานอีกครั้ง ไม่ห่างกันนักอ๋องน้อยยังนั่งอยู่กับพื้นเล่นไปมากับเจ้าอี้หลงที่สองอย่างเพลิดเพลิน แม้จะหาวไปหลายครั้งหากแต่ก็ยังไม่กลับห้องนอนเพราะเจ้าของห้องยังประทับอยู่นี้

   “เที้ยนหยวนเจ้าง่วงก็ไปนอนก่อนก็ได้ ยังเหลือที่ยังไม่ได้อ่านอีกมากนัก” ทรงหันมาเห็นน้องน้อยอ้าปากกว้างหาวอยู่กับพื้น มีเจ้าอี้หลงที่สองที่คงเล่นจนเหนื่อยหลับอยู่ข้างๆ

   “งั้นข้าพาอี้หลงที่สองไปนอนในห้องด้วยได้ไหม” ดวงตากลมปรือมอง ถามไปก็หาวไปเพราะความง่วงงุน

   “ตามใจเจ้าแล้วกัน” พระองค์ทรงยิ้มอ่อนๆให้ ทอดพระเนตร่างเล็กอุ้มเจ้าตัวจ้อยไว้กับตัว เดินออกไปจากห้องทรงอักษร แต่แล้วบางอย่างทำให้ทรงเรียกร่างเล็กเอาไว้อีกครั้ง ดวงตากลมจ้องมองในดวงตาเต็มไปด้วยความสงสัย

   “พี่ขอโทษที่ทำกับเจ้าแบบนั้น แล้วก็อยากให้เจ้ารู้ไว้ว่า พี่ไม่เคยนึกเสียใจกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น หากแต่มันก็ทำให้พี่รู้สึกผิด เจ้าคงเข้าใจพี่ใช่ไหม ว่าพี่...ร~”

   “อย่าไปพูดถึงมันเลย หากท่านไม่เสียใจ ก็อย่าต้องรู้สึกผิด ข้าจะคิดว่าคืนนั้นเป็นเพราะความเมาของข้าเอง ส่วนเรื่องอื่น ข้าไม่รับรู้อะไรทั้งนั้น ข้าไปนอนนะ ง่วงมากแล้ว” อ๋องน้อยส่งยิ้มบางเบาให้กับฮ่องเต้หนุ่มก่อนเดินออกมาจากห้องแห่งนั้น

   ฮ่องเต้อี้หลงทรงทอดพระเนตรแผ่นหลังบางจนสุดสายตา คำพูดที่ถูกขัดทำให้ไม่อาจพูดออกมาให้ใครได้ยิน ทรงต้องเก็บไว้ในพระทัยอีกครั้ง โดยไม่รู้ว่าจะได้พูดมันออกมาอีกหรือไม่
    
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
สวัสดีคะ มาแล้ววววววววว หวานไหมคะ แต่ว่าฮ่องเต้ก็ยังไม่ได้พูดอยู่ดี เพราะเที้ยนหยวนแท้ๆๆ ฮ่องเต้น่าสงสาร ส่วนอี้หลงที่สองก็...ให้อารมณ์จักพรรดิแดนมองโกลจริงๆ 

ขอบคุณคะ

ออฟไลน์ ณ ที่เดิม™

  • มากกว่าชีวิต...
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +72/-0
มาต่อแล้ว  :man1:

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
หวานปนขมมากกว่านะไม่ใช่หวานอย่างเดียว :laugh:
เที้ยนหยวนได้เพื่อนเล่นเพิ่มมาอีกหนึ่ง

ออฟไลน์ kukkukku

  • สบายๆ
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 119
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +8/-0
อีกคนพยายามจะบอกรักแต่อีกคนพยายามที่จะไม่ฟัง ซะงั้นอ่ะ  :เฮ้อ:


^^


:3123: :3123:

ออฟไลน์ BExBOY

  • กัญชาเป็นยาเสพติด โปรอ่านฉลากก่อนสูบ
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 425
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +27/-0
อ่านจบแล้วมีขีดเซ็งป๋อยขึ้นข้างหัว

เซ็งทั้งเจ้าคู่นี้จริง แต่ก็ยังน่ารักเหมือนเดิม ฮิ้ววว

ลูกสิงโต อยากเลี้ยงมั่งอ่ะ

ออฟไลน์ jellyfish

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 61
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
ประลองรัก...十二

   หลายวันมาแล้วที่ต้นห้องคู่พระทัยไม่มีโอกาสได้ทำหน้าที่ของตน เพราะเมื่อตื่นขึ้นมาฮ่องเต้หนุ่มที่มักจะบรรทมนิ่งรอให้เขาตื่นกลับหายไป ถามขันทีที่อยู่รับใช้ก็ได้แต่บอกว่าเสด็จออกทรงงานไปแล้ว ปล่อยให้อ๋องน้อยต้นห้องได้แต่นั่งเหงาเพียงลำพัง

   “อู่กงกง วันนี้เจ้ากับข้าออกไปที่อุทยานกันไหม ไปเดินเล่นบ้าง เจ้าเอาแต่อยู่ในนี้ ถึงได้ดูเหี่ยวเฉาแบบนี้ ไปเห็นดอกไม้งาม เหล่านางกำนัลสาวๆเผื่อจะได้สดชื่นขึ้นดีไหม” อ๋องน้อยเที้ยนหยวนหันมาถามขันทีที่เห็นหน้าอยู่ทุกวัน ระหว่างที่กำลังหาอะไรใส่ท้องเป็นมื้อเช้า

   “หากท่านอ๋องอยากไปก็ไปเถิด ข้าน้อยยังต้องทำงาน จัดเก็บตำหนักให้เรียบร้อย” ขันทีประจำตำหนักส่วนพระองค์ปฏิเสธคำชวนของอ๋องน้อยที่ยอมผูกมิตรกับตนแล้ว

   “นี้เจ้าว่าข้าหรือที่ไม่ยอมเก็บที่นอนให้เรียบร้อย” ร่างเล็กหันไปหาเรื่องขันทีเหี่ยวที่ตนอุตส่าห์ยอมเอ่ยปากชวนแต่กลับโดนต่อว่า “เจ้ากำลังว่าข้าเป็นต้นห้องที่ไม่ได้เรื่องใช่หรือไม่”

   “เปล่า ข้าน้อยยังมิได้กล่าวถึงท่านอ๋องสักคำ ข้าน้อยแค่บอกว่าต้องดูแลตำหนักให้เรียบร้อย มีคำใดบ้างที่ข้าน้อยว่าท่าน” ขันทีเฒ่ามองหน้าหวานๆของอ๋องน้อยอย่างอ่อนใจ ยิ่งนึกถึงคำที่ตนถูกเรียกยามอยู่ลับหลังก็ยิ่งเหนื่อยใจกับอ๋องน้อยคนนี้

   “ข้าจะไปรู้เจ้าหรือ เกิดเจ้าว่าข้าอยู่ในใจหล่ะ ก็เจ้าเอาแต่ทำหน้าเคร่งเครียดอยู่แบบนี้ ตีนกาถึงได้ขึ้นมามากมาย รู้ไหม สาวๆข้างนอกนั่นอายุมากกว่าเจ้าบางคนยังดูเต่งตึงไม่เหี่ยวเฒ่าแบบเจ้าเลย” หนุ่มน้อยร่างเพรียวยกตัวอย่างถึงหญิงสาวนอกวังที่มีหน้าที่ให้ความสำราญกับคุณชายเงินหนา

   “ข้าขอบคุณในน้ำใจของท่านที่เป็นห่วงใบหน้าอันเหี่ยวเฒ่ามากด้วยตีนกาของข้า แต่ข้ายังมีงานต้องทำไปกับท่านไม่ได้ หากท่านอยากไป ก็พาสัตว์เลี้ยงสักตัวของท่านไปแทนข้าก็แล้วกัน” ขันทีเฒ่าถอนหายใจเบาๆจนใจกับนิสัยของอ๋องน้อยที่เหมือนจะเป็นห่วงและก็เหมือนกำลังเยาะเย้ย แต่ทั้งหมดก็เป็นด้วยความบริสุทธิ์ใจ
   ....คงเพราะเช่นนี้ฮ่องเต้จึงผูกฝากใจรักมั่นไว้ที่ท่าน

   “ตามใจเจ้า งั้นข้าไปกับเจ้าสิงโตน้อยนี้ก็ได้ แล้วค่อยแวะไปหาเจ้าอูฐโง่ทีหลัง” แม้แต่คนใกล้ชิดที่สุดเช่นขันทีรับใช้ ทั้งอ๋องน้อยและฮ่องเต้หนุ่มก็ยังไม่ยอมให้ได้รู้ชื่ออันแสนสูงส่งของเจ้าสัตว์เลี้ยงตัวแสบทั้งสอง ยามเรียกขานต่อหน้าผู้อื่นจึงใช้เพียงแค่ชื่อของเจ้าสัตว์นั่นแล้วตามด้วยคำอธิบายลักษณะที่แสดงออกมา

   “สิงโตน้อยเราไปเดินเล่นที่สวนกันดีกว่า ปล่อยให้ท่านขันทีเขาอยู่ของเขาไปคนเดียวหล่ะกันหน่ะ” ร่างเล็กคว้าร่างเจ้าสี่ขาขนเกรียนที่ขนาดตัวยังพอให้อุ้มได้ออกเดินจากพระตำหนักส่วนพระองค์
หากยังมีเสียงไล่หลังตามมาว่าอย่าลืมกลับมาซ้อมมีดด้วย

   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *
   
   สิงโตน้อยกระโดดโลดเต้นอยู่บนพื้นดินที่เขียวด้วยพันธ์ไม้หอมต่างๆ ไล่งับเหล่าแมลงสีสวยที่ดอมดมดอกไม้หอมไม่สนใจเจ้านายที่นั่งมองมันอยู่เงียบๆ

   “เฮ้อ! ที่นี้มันเก้าอี้อยู่ชุดเดียวหรือไงนะ” ร่างบางถอนหายใจมองไปรอบสวนสวยที่ไม่เปลี่ยนแปลงไปจากคืนชมจันทร์เลยสักนิด บรรยากาศและความหอมหวานของดอกไม้ ชวนให้คิดถึงความอ่อนหวานที่ได้รับ

   “อี้หลงที่สอง เป็นเจ้าก็ดีเหมือนกันนะ ดูสบายดีจัง มีข้าดูแล มีคนให้อาหาร มานี้หน่อยสิ” ร่างเล็กกวักมือเรียกเจ้าสิงโตตัวน้อยที่เหลียวหลังมามองยามได้ยินของตนเอง แต่ความสนใจในร่างเล็กก็หมดไปเมื่อมีแมลงปอปีกเขียวมาเกาะที่จมูก

   “โธ่! มานี้ก่อน อี้หลงที่สอง” เจ้าของชื่อยังคงมองเมินคนเรียกไปอีกครั้ง

   “อี้หลงที่สองงง” เสียงหวานเริ่มเข้มขึ้น แต่มันก็ยังให้ผลเช่นเดิม

   “ไอ้อี้หลงที่สอง” ใบหน้าหวานบูดบึ้งหากมันก็ยังไม่ได้ผล

   “ไอ้อี้หลงที่สอง ไอ้สิงโตโง่” แม้จะใส่สรรพนามพิเศษลงไป หากเจ้าสิงโตหนึ่งเดียวในวังก็ยังคงไม่สนใจผู้เป็นนาย

    “ถ้าแกไม่มาข้าจะจับลงหม้อตุ๋นยาจีนให้ฮ่องเต้กินเป็นอาหารค่ำ ให้ฮ่องเต้อี้หลงผู้ยิ่งใหญ่ ได้ลิ้มรสเนื้ออี้หลงที่สองให้อร่อยเลย”   

   “เฮ้อ! แกจะไม่มาจริงๆใช่ไหม” ร่างบางถอนหายใจเฮือกใหญ่ยอมแพ้ให้กับความดื้อด้านของเจ้าสิงโตตัวน้อยที่รอวันเติบโต เป็นสิงโตแสนสง่างามให้เขาพาลากไปไหนต่อไหน

   “แกไม่รู้ หรือแกล้งไม่รับรู้กันแน่นะ อี้หลงที่สอง แกคงไม่ได้กำลังแก้แค้นฉันหรอกใช่ไหม แกก็รู้ ไม่รู้ กับ ไม่ยอมรับรู้มันต่างกันแค่ไหน แล้วมันก็ทรมานไม่เหมือนกัน” ดวงตากลมโตหลุบต่ำ มองพื้นดินชุ่มช่ำด้วยสายน้ำ ไม่คิดเก็บสิ่งใดเอาไว้ในใจอีกแล้ว

   อย่างน้อย...ระบายให้สิงโตฟัง....มันคงเอาไปบอกใครไม่ได้ นอกจากเจ้าอี้หลงที่หนึ่ง

   “บางที ไม่ต้องรู้ก็คงจะดีกว่าหล่ะมั้ง เพราะมันจะได้ไม่ต้องรู้อะไรเลย แต่มันก็ทำไม่ได้ เพราะมันรู้ไปแล้ว ที่ทำได้ก็คงแค่ไม่รับรู้อะไรเพิ่มไปกว่านี้อีกแล้ว ดูเหมือนเห็นแก่ตัวเลยใช่ไหม... แต่จะทำอะไรได้เล่า ให้ข้าเปิดใจรับอย่างนั้นหรือ สุดท้ายข้าก็เป็นคนที่เจ็บหน่ะสิ”

   เจ้าสิงโตตัวน้อยยอมล่าถอยจากแมลงที่บินล่อหลอก เดินกลับมาหานายน้อยที่นั่งรำพันความในใจ ลิ้นกว้างเลียมือบาง “แกจะปลอบฉันหรือ ขอบใจนะ ทำไมหนอ เขาถึงไม่เข้าใจข้าแบบแกบ้าง ว่าสุดท้ายแล้ว เขาต้องมีมเหสี มีสนมอีกเป็นร้อย ส่วนข้า ก็มีแค่เจ้ากับอี้หลงที่หนึ่งอยู่เป็นเพื่อนเท่านั้น ความรักที่ได้รับก็คงต้องแบ่งปันให้ใครต่อใคร ข้าทนแบบนั้นไม่ได้หรอก”

   “เป็นแบบนี้ ดีที่สุดแล้วหล่ะ ใช่ไหมอี้หลงที่สอง....ทำใจแข็งเข้าไว้เที้ยนหยวน อย่าลืมว่าเจ้าเป็นถึงอ๋องน้อยแห่งตำหนักทู่หลงที่สาวใดก็อยากครอบครองตัวเจ้า ท่องไว้เที้ยนหยวนว่าหัวใจของเจ้าไม่ได้มีไว้เพื่อชายสูงศักดิ์ผู้นี้ ท่องไว้....”
   
   อ๋องน้อยนั่งเพลิดเพลินปล่อยให้ตะวันคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ มองเจ้าอี้หลงที่สองที่ยังวิ่งเล่นไปมาอาจจะมีบ้างที่กลับมานั่งข้างเจ้าของเพื่อพักเหนื่อยก่อนจะกลับไปวิ่งเล่นกับแมลงที่บินไปมาอยู่แถวนั้นอีกครั้ง

   “อี้หลงที่สองมานี้ก่อนสิ” แต่ก็เหมือนเดิมที่เจ้าสิงโตตัวน้อยไม่ยอมเดินกลับมาหาผู้เป็นนาย จนร่างบางของอ๋องน้อยต้องไปตามไล่จับ แล้วอุ้มไว้กับตัวเพราะได้ยินเสียงคนที่เดินใกล้เข้ามา

   เสียงพูดคุยที่ดังเข้ามาเรื่อยๆทำให้อ๋องน้อยแปลกใจ ที่นี้เป็นอุทยานส่วนพระองค์ที่น้อยคนจะเข้ามาได้ นอกเสียจากจะได้รับพระราชทานอนุญาตเป็นพิเศษ ยิ่งได้ยินเสียงพูดคุยสิงโตตัวน้อยก็ยิ่งดิ้นตะกายแผ่นอก อยากจะวิ่งไปดูหน้าคนที่เข้ามา

   “เดี๋ยวอย่าพึ่ง ข้ายังไม่รู้เลยว่าเป็นใคร อยู่เฉยๆก่อน”  เสียงหวานกระซิบข้างหูเล็กที่ปกคลุมด้วยขนอ่อนของสิงโตตัวน้อย และครั้งนี้มันก็เชื่อฟังเป็นอย่างดี ยอมอยู่นิ่งในอ้อมกอดที่ไม่มั่นคงเท่าใดนัก

   คนที่ปรากฏตัวขึ้นหลังจากโผล่พ้นต้นไม้ใหญ่ทำให้อ๋องน้อยที่มองจ้องอยู่ถึงกับตกตะลึงก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มกว้าง ทิ้งเจ้าสิงโตที่อุ้มอยู่ลงกับพื้นในทันที

   “ท่านเที้ยนหยวน/องค์หญิงย่าหนาน” เสียงใสคนของทั้งสองดังก้องลั่นอุทยานส่วนพระองค์ส่งผลให้เด็กน้อยที่ยืนอยู่ข้างๆร่างของสตรีสูงศักดิ์เบิกตากว้าง

   “องค์หญิง!”  เสียงของเด็กชายที่กำลังแตกหนุ่ม ใบหน้าน่ารักกับดวงตาใสแจ๋ว เรียกให้ท่านอ๋องจ้องมองพร้อมรอยยิ้มที่เลือนหายไปนานตั้งแต่ที่เฉียนกุ้ยย้ายไปรับใช้องค์รักษ์หนุ่ม

   “ทำไมเล่าเสี่ยวหลง ไม่เป็นไรที่นี้มีแค่เจ้า เรา แล้วก็ท่านอ๋องเท่านั้น อย่าทำตัวน่าเบื่อแม่เจ้านักเลย” องค์หญิงย่าหนานเหลือมองเด็กหนุ่มที่ยังไม่สูงมากนัก ก่อนหันกลับมาส่งรอยยิ้มให้กับท่านอ๋องที่เธอเคยคุ้น

   “องค์หญิงมาเมืองหลวงตั้งแต่เมื่อไหร่กัน ทำไมกระหม่อมไม่รู้เรื่องเลย” อ๋องน้อยจับมือเล็กนุ่มนั่งลงที่เก้าอี้หินในสวนสวย สายตาเหลือบมองเด็กน้อยที่ยังเล่นอยู่กับเจ้าลูกสิงโตจอมซน

   “เราพึ่งมาถึงได้สองสามวัน ไม่มีจิตใจอยากพบหน้าผู้ใด ได้แต่นั่งเฝ้ารอว่าเมื่อไหร่ชีวิตเราจะถูกตัดสินโดยเหล่าขุนนางทั้งหลาย” ใบหน้าหวานเศร้าสลดนึกถึงเหตุที่ต้องจากบ้านเมืองที่แสนรักรอนแรมมายังเมืองหลวงที่ห่างไกล

   “องค์หญิง ท่านมีเรื่องอะไร เล่าให้กระหม่อมฟังก็ได้นะ”

   “อย่าเลยท่านอ๋อง มันไม่ใช่เรื่องดีเสียเท่าไหร่ หากแต่เป็นหน้าที่ที่ผู้หญิงอย่างข้าพึงทำ อย่าไปสนใจเรื่องของเราเลย เจ้าสัตว์เลี้ยงของท่าน น่ารักดีจัง มันชื่ออะไรหรือ” องค์หญิงละสายตาที่เหม่อลอยมามองเจ้าสี่ขาตัวเล็กที่คนของนางเล่นอย่างสนุกสนาน

   “มันชื่อ....ชื่อ..” อ๋องน้อยนิ่งงันถึงชื่อของเจ้าตัวเล็ก หากบอกตามจริงไปผู้เป็นเจ้าของชื่อคงถูกดูหมิ่นไม่สมพระเกรียติแห่งโอรสสวรรค์ที่ปกครองแผ่นดินอันยิ่งใหญ่ “ชื่อ....อ..อี้ชิวที่สอง” 

   “หืมมมม?” หญิงสาวจ้องมองเจ้าตัวเล็กสลับกับเจ้าของ เหมือนไม่แน่ใจในชื่อที่ได้ยิน อยากได้คำยืนยันอีกครั้ง ในเมื่อชื่อและตัวช่างไม่ไปด้วยกันเอาเสียเลย “ชิว..ของท่านคงไม่ใช่ชิวอินที่หมายถึงเจ้าตัวยาวๆที่ชอนไชตามพื้นดินหรอกนะ”

   “เอ่อ... ใช่ ท่านเข้าใจถูกแล้วหล่ะ” ใบหน้าที่ปั้นแต่งมาอย่างดี เบะออกเล็กน้อยเมื่อนึกถึงความหมายของชื่อ จากมังกรคุณธรรมมันได้กลายเป็นไส้เดือนคุณธรรมไปเสียแล้ว....ข้าขอโทษนะอี้หลงที่สอง 

   “มันชื่อ อี้ชิวที่สอง เจ้าอี้ชิวที่สอง มานี้สิ มานี้เร็ว” มือบางกวักเรียกเจ้าตัวเล็กที่กำลังสนุกสนามกับเพื่อนใหม่ แต่เจ้าสิงโตคงไม่คุ้นกับชื่อประหลาดๆ จึงเพียงแค่หันกลับมามองก่อนจะกลับไปสนใจเล่นดังเดิม “เฮ้อ ไอ้อี้ชิวที่สองโง่”

   เสียงสบถด่าพึมพำ เรียกเสียงหัวเราะขององค์หญิงย่าหนานได้เป็นอย่างดี “สัตว์เลี้ยงของท่านชื่อแปลกนัก แล้วมีอี้ฉิวที่หนึ่งหรือไม่ แล้วมันอยู่ที่ใดกัน ทำไมไม่พามาเดินเล่นด้วย”

   “มิสิ อี้ชิวที่หนึ่งก็มี เป็นอูฐโง่ กระหม่อมให้มันพักอยู่ที่โรงม้า” ดวงตาเล็กเรียวเบิกกว้างสะดุดกับชื่อสัตว์ประหลาดที่พึ่งได้ยินเป็นหนแรก จนเจ้าของสัตว์ประหลาดต้องอธิบายให้ฟัง “มันเป็นสัตว์คล้ายม้าแต่มีโหนกอยู่ที่กลางหลัง ฮ่องเต้ทรงได้มาจากราชทูตแดนอาหรับ ก็เลยเอามาให้กระหม่อมเลี้ยงไว้ วันไหนกนะหม่อมจะพาท่านไปดู”

   “สัตว์เลี้ยงของท่านทั้งชื่อและหน้าตาล้วนแปลกประหลาด ดีจังเราได้เจอท่านแบบนี้ต่อไปคงไม่เหงาอีกเป็นแน่ อยู่กับเสี่ยวหลงวันๆแสนน่าเบื่อ”

   “เอ๋ เด็กผู้นั้นชื่อเสี่ยวหลง หรอกหรือ” อ๋องน้อยเบือนหน้าไปทางเด็กน้อยที่มีดวงตาใสแจ๋วจนต้องใจท่านอ๋องเจ้าสำราญที่ไม่ได้ถูกใจผู้ใดมานานเพราะวันๆเจอแต่ขันทีเหี่ยว แม้แต่ฮ่องเต้ยังใจร้ายไม่มีเวลาให้ได้เจอ

   “เปล่าหรอก เด็กนั้นชื่อหลง แต่เราชอบเรียกว่าเสี่ยวหลงมากกว่า เห็นเป็นเด็กแบบนั้น แต่ยิ่งกว่าผู้คุมของเราเสียอีก เฮ้อ ช่างเป็นเด็กที่เข้มงวดและน่าเบื่อเสียจริง” องค์หญิงจากชิงเต่าถอนหายใจในความเข้มงวดของผู้คุมตัวน้อย

   “วันนี้เป็นเสี่ยวหลงที่น่าเอ็นดู แต่วันหน้าคงเป็นต้าหลงที่น่ารักไม่น้อย” อ๋องน้อยผู้ติดใจในหน้าตาของเสี่ยวหลงได้แต่ยิ้มกริ่ม แม้ในส่วนลึกจะรู้สึกว่าความรู้สึกบางอย่างที่ควรมีนั้นหายไป

   “ในแผ่นดินคงไม่มีมังกรตัวใดยิ่งใหญ่กว่าฮ่องเต้ใดอีกแล้ว ส่วนเจ้านี้ก็เป็นได้แค่เสี่ยวหลงต่อไปนั้นแหล่ะ”

   “นั่นสิ ในแผ่นดินผู้ใดจะเป็นใหญ่ได้เท่าฮ่องเต้พระองค์นี้เป็นไม่มี” อ๋องน้อยถอนหายใจแผ่วเบากับความรู้สึกของตนเองที่มีต่อท่านผู้ยิ่งใหญ่ ก่อนจะรีบเรียกสายตาให้กลับมาใส่ใจแค่หญิงงามและเด็กน้อยผู้น่ารักตรงหน้ามิให้ลอยไปยังที่อื่น “เห็นทีกระหม่อมต้องไปเสียแล้ว กระหม่อมมีฝึกดาบสั้นทุกวัน หากวันพรุ่งนี้องค์หญิงว่าง กระหม่อมขอเชิญท่านไปชมอูฐโง่ของข้า”

   “พรุ่งนี้หรือ....เราคงไปไม่ได้เสียแล้ว แต่ว่าเราฝากเสี่ยวหลงไว้กับท่านได้หรือไม่ พรุ่งนี้เราต้องเข้าเฝ้าฮ่องเต้ จะทิ้งเสี่ยวหลงไว้เพียงลำพังก็ไม่อยาก หากได้ท่านช่วยดูแล คงดีไม่น้อย”

   “ได้ กระหม่อมจะดูแลผู้คุมของท่านอย่างดีที่สุด ไม่ให้เหงาอยู่คนเดียวเป็นแน่ แต่วันนี้เห็นทีกระหม่อมต้องไปแล้ว ขืนไปสายได้ถูกขันทีเหี่ยวบ่นเอาอีก วันนี้กระหม่อมทูลลา แล้ววันพรุ่งนี้กระหม่อมเสี่ยวหลงแต่เช้าเลย”

   อ๋องน้อยยืนขึ้นหันไปเรียกเจ้าสิงโตตัวน้อยที่ดื้อขึ้นทุกวัน จนต้องให้เรียกเสียงดังจึงยอมเดินจากมา พร้อมสายตาที่มองตามละห้อยของเด็กน้อย

   แล้ววันพรุ่งนี้เราจะได้เจอกัน มังกรตัวน้อยที่น่าเอ็นดูของข้า.....
   * ~ * ~ * ~ * ~ *~ * ~* ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ * ~ *

   สวัสดีคะ วันนี้มาเสียดึก ขอโทษนะคะ ชื่ออี้ชิว ก็มาจาก 蚯 蚓qiǖ yǐn ที่แปลว่า ไส้เดือนคะ บวกกับอี้แปลได้ทั้งความบริสุทธิ์ดีงาม และความกล้าหาญ ชื่อมันเลยพิลึกพิลั่น

   ขอบคุณคะ

ออฟไลน์ sukie_moo

  • ปัจจุบัน คือ อดีตของอนาคต
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3488
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +457/-15
ที่แท้อ๋องน้อยก็รักฮองเต้เหมือนกัน
แต่เพราะภาระ หน้าที่ของฮองเต้ซินะ ถึงไม่อยากจะรับรู้และเปิดเผยความรู้สึกนั้น

ออฟไลน์ พี่วันเสาร์

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1381
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +282/-3
 :เฮ้อ:เมื่อไหร่จะเข้าใจกัน
ใครๆก็คิดเหมือนอ๋องน้อย
อยากให้คนรักเป็นของตนเองคนเดียว
ไม่ต้องการแบ่งให้คนอื่นเหมือนเป็นของสาธารณะ :angry2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด