Short Story :: คนสุดท้ายของหัวใจ
“คบกันดูไหม?”
เขาหันมามองหน้าของผมด้วยแววตาตกใจ เพียงครู่เดียวก็คลี่รอยยิ้มออกมาพร้อมกับเหม่อมองออกไปตรงจุดซึ่งมีรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาจอด คงคิดว่าเป็นเรื่องพูดกันเล่นๆอย่างที่ใจผมเองก็คิดแบบนั้น วันนี้เป็นวันไม่ธรรมดาเพราะเหล่านักเรียนในโรงเรียนจะพากันจดจ้องเขาคนนี้ตรงหน้าของผม
ทุกคนมักเรียกวันนี้ว่าวันแห่งการเริ่มต้นใหม่....
“พิซซ่าที่สั่งได้แล้วครับ ทั้งหมดเป็นเงิน 599 บาทครับ” พนักงานส่งของยื่นกล่องพิซซ่ามาตรงหน้าของผมซึ่งผมรับมันมา แต่ตอนล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็พบว่ากระเป๋าสตางค์ของผมไม่ได้อยู่ในนั้น
แย่แล้ว...ผมคงลืมมันเอาไว้บนห้องเรียนแน่ๆ ทำยังไงดีล่ะทีนี้
“เอ่อ...ขอโทษนะครับ ช่วยรอตรงนี้สักครู่เดี๋ยวผมขอไปหยิบเงินมาก่อน” ผมส่งกล่องพิซซ่าคืนให้กับพนักงานส่งของคนนั้นก่อนเตรียมจะวิ่งไปเอากระเป๋าสตางค์บนห้องเรียน
“อ๊ะ! พี่ครับ ไม่ต้องครับ นี่ครับเงิน”
เขาส่งเงินให้กับพนักงานส่งของคนนั้นก่อนจะถือกล่องพิซซ่าเอาไว้ในมือ ผมจ้องมองเขาด้วยความสงสัยลึกๆในใจ บางอย่างซึ่งเขามีผมเองกลับไม่เคยมีมันมาก่อน สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่
“ขอบใจนะ เดี๋ยวฉันไปหยิบเงินคืนให้ที่ห้อง นายอยู่ห้องไหนฉันจะได้เอาไปคืนให้ถูก”
“ผมอยู่ห้อง ม. 5/1 ครับ พี่จำผมไม่ได้หรือครับ” เขาส่งรอยยิ้มที่ทุกคนเรียกกันว่าสิ่งเติมเต็มความอบอุ่นสู่หัวใจนั่นมาให้กับผม
ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางนึกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า ผมก็แค่รู้จักเพราะเพื่อนของผมเองก็เคยเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้ จะว่าไป ม.5/1 มันก็รุ่นน้องสายรหัสของผมเองนี่นะ แต่ผมเองจำไม่ได้ว่าเคยคุยกับเขามาก่อนหน้านี้
“ไม่ได้ ขอโทษทีนะระบบความจำเรื่องชื่อกับหน้าคนฉันมันไม่ค่อยดีน่ะ” ผมแค่นรอยยิ้มฝืนๆส่งไปให้ มันคงเสียมารยาทอยู่เหมือนกันที่เขาอุตส่าห์ออกเงินให้ก่อนแล้วยังไปบอกว่าจำเขาไม่ได้อีก แต่ผมไม่ชอบการโกหกสักเท่าไหร่นี่นา
“ไม่เป็นไรครับ เพราะพี่คงไม่ได้มีเวลามาจดจำคนอย่างผมหรอกสินะครับ” ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นใบหน้าของเขาดูหมองลงไป
“เฮ้อ...บอกแล้วไงว่าขอโทษ ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทแล้วไม่ได้เจอกันเลยฉันยังลืม จะให้ทำยังไงล่ะก็เป็นแบบนี้นี่” ผมชักเริ่มหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก แต่พอพูดแบบนั้นออกไปหมอนั่นก็หันหน้ามาส่งรอยยิ้มให้ผมเหมือนเดิม
“ถึงห้องของผมแล้วล่ะครับ ไว้เจอกันนะครับพี่”
ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องชอบกล ไอ้อารมณ์แปรปรวนของผมวันนี้ทำให้พูดอะไรแปลกๆออกไปกับรุ่นน้องที่ดังไปทั่วโรงเรียนอย่างเขา หลุดปากขอคบไปจนได้ แต่ดูท่าเจ้าตัวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรนี่ คงไม่เป็นอะไรหรอกนะ
“โมเดล!!! ฉันเห็นนายเดินมากับฮิโระคุงด้วย ไปสนิทกันตอนไหนยะ!”
ปาล์มเด็กผู้หญิงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในแฟนของฮิโรกิ หรือที่ทุกคนมักเรียกกันว่าฮิโระ เด็กรุ่นน้องที่มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวของเขามากกว่าเรื่องราวใดๆ ในโรงเรียนนี้เสียอีก เด็กผู้ชายที่เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ แต่ไม่เห็นมีใครคนไหนที่คบกับเขาหลังจากเลิกกันจะเอาเขามาพูดในทางที่ไม่ดี อย่างปาล์มเองก็บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับ 1 สัปดาห์ที่ได้คบกับฮิโระ
คงเพราะแบบนี้ผมถึงได้อยากจะลองคบกับคนแบบเขาบ้างสักครั้ง เผื่อว่าอาจจะได้พบเรื่องราวที่ไม่น่าเบื่อในชีวิตโรงเรียนนี้บ้าง
“เปล่าหรอก ฉันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋านักเรียน หมอนั่นเลยจ่ายให้ก่อนน่ะ หาว~!!!”
ผมง่วงนอนมากจนเผลอหาวกระทั่งน้ำตาไหล แต่พอปาล์มเห็นท่าทางแบบนั้นของผมก็ดูเหมือนว่าจะอารมณ์บูดขึ้นมาซะทุกครั้ง ทำให้ผมโดนทำร้ายร่างกายอยู่ประจำ
โป๊ก!!
“ฉันบอกนายกี่ทีแล้วยะให้สำรวมกิริยา!! เพราะแบบนี้นี่ล่ะแฟนๆของนายถึงบอกเลิกน่ะ คนปัจจุบันนี่จะทนได้นานเท่าไหร่เชียว”
“เลิกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”
ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆตรงที่โดนฝ่ามือของปาล์มฟาดลงมา ก่อนจะตอบคำถามที่ดูเป็นการประชดด้วยความเรียบง่าย เด็กผู้หญิงพวกนั้นอยู่ๆก็มาขอคบ พอไม่เหมือนที่คิดก็มาขอเลิกจนผมเริ่มจะชินกับวงเวียนชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้ว
“คบกันไปกี่วัน”
ไนท์เพื่อนผู้ชายที่สนิทกับผมเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าอยากรู้ ปาล์มเองก็จ้องหน้าผมเพื่อรอคำตอบเช่นกัน ผมลองนึกไปสักพักก่อนจะเอ่ยคำตอบซึ่งทำให้ปาล์มดูจะไม่พอใจเท่าไหร่
“ไม่รู้” สั้นๆง่ายๆได้ใจความ ผมไม่เคยจำว่าแต่ละคนคบนานเท่าไหร่ ผมไม่อยากนับถอยหลัง เพราะจะนานแค่ไหนก็จบลงที่ผมเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกอยู่ดี มีแต่พวกเอาแต่ใจตัวเองทั้งนั้น
“หึ...แน่ล่ะสิ ดูท่าทางภายนอกของนายมันชวนคิดว่าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวนี่ แต่พอเอาเข้าจริงๆนิสัยนายมันออกจะไม่สนใจโลกเลยด้วยซ้ำ พูดอะไรบางทีก็เหม่อไม่ฟัง ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะทนนายไหวหา?!!”
“พอได้แล้วปาล์ม พูดอะไรไม่เกรงใจเดลมันบ้างเลย” ไนท์หันไปดุปาล์มซึ่งยืนชี้หน้าต่อว่าผมปาวๆในห้อง อ่อ...ไม่ต้องห่วงหรอกครับช่วงนี้ใกล้งานโรงเรียนอาจารย์เลยไม่เข้าสอนปล่อยพวกผมเตรียมงานกัน แต่ว่ายังไงกว่าจะเริ่มทำอะไรจริงจังคงใกล้ๆงานนู่น ปล่อยพวกผมแบบนี้ก็สบายเลยสิครับ
“เอาน่าๆ ไม่เป็นไรหรอก ปาล์มพูดความจริงนี่ ฉันมันแค่เปลือกนอกเท่านั้นล่ะ” ผมโบกมือบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆไปให้ ไนท์มันเลยยอมลดสายตาดุๆ นั่น ก่อนจะนั่งลงกินพิซซ่าซึ่งผมสั่งมากินกัน
“ว่าแต่นายตกลงจะไปที่นั่นจริงๆเหรอ” ไนท์หยิบพิซซ่าขึ้นมากัดก่อนจะถามคำถามซึ่งผมเองไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก
“นายคิดว่าไงล่ะ? ทำเหมือนฉันมีสิทธิ์เลือกหรือยังไง สุดท้ายทุกอย่างมันก็ต้องมาลงที่ฉันอยู่ดี ก็แค่เป็นตัวตายตัวแทนไม่เห็นน่ากังวลตรงไหน” ผมกัดพิซซ่าเข้าไปคำใหญ่ทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผมต้องเจอกับอะไรแบบนี้
“เลิกทำเหมือนไม่ใส่ใจทีได้ไหม? นายคิดว่านายเป็นมนุษย์อยู่ไหม? สิทธิมนุษยชนเคยอ่านบ้างไหมหา?!! จะบ้าหรือยังไงไปตอบตกลงทำอะไรบ้าๆแบบนั้น พวกคนที่บ้านนายเองก็เหมือนกันเห็นนายเป็นอะไรทำไมทำกับนายแบบนี้ เรื่องมันตั้งกี่ปีมาแล้วยังไม่เลิกโทษนายอีก ไอ้สารเลวนั่นด้วยยังมีหน้ามาตีหน้าซื่อหลอกลวงคนอื่นได้อีก”
ผมยิ้มอย่างปกติมองดูปาล์มซึ่งระบายออกมายาวเหยียดจนผมฟังแทบไม่ทัน ผมคงตอบได้คำเดียวได้ว่าผมชินแล้ว แต่ขืนพูดแบบนั้นออกไปปาล์มคงได้ร่ายยาวใส่ผมเรื่องสิทธิมนุษยชนต่างๆให้ผมฟังอีกเป็นกระบุง ดังนั้นผมเลือกจะเงียบไว้มากกว่า
“นายเลือกแล้วจริงๆสินะเดล”
ผมพยักหน้าตอบรับคำพูดของไนท์ไป เพียงพักเดียวเท่านั้นพิซซ่าและของกินเล่นที่ผมสั่งมาทั้งหมดก็หายลงไปในกระเพาะของพวกผมสามคนอย่างรวดเร็ว
เลิกเรียนผมเดินตรงไปยังห้อง ม.5/1 แต่ก็ไม่เห็นเงาของฮิโรกิแม้แต่น้อย จึงตัดสินใจเดินไปยังชมรมทำสวนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องนั้นนัก วันนี้คิดว่าจะไปดูกุหลาบซึ่งเพิ่งทดลองปลูกใหม่ สายพันธุ์นี้ได้มาจากประเทศญี่ปุ่นเห็นว่าตัดต่อสายพันธุ์จนได้สีฟ้าสวยทีเดียว
“สวัสดีครับพี่ คิดอยู่แล้วว่าพี่ต้องมาอยู่ที่นี่” ฮิโรกิซึ่งนั่งพักอยู่บนเก้าอี้พักผ่อนในเรือนกระจกหันมาส่งยิ้มให้ผม
“เจอก็ดีแล้ว นี่เงินของนาย ขอบคุณที่ออกให้ก่อน”
“ไม่เป็นไรครับ ส่วนเงินขอไม่รับแล้วกัน” เขายัดเงินคืนใส่กระเป๋าเสื้อของผม
“แล้วจะเอายังไง ฉันพานายไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน ตามมาสิ” ผมเดินนำออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก ไม่อยากติดเงินรุ่นน้อง แต่ดูท่าทางหมอนั่นคงไม่ยอมรับเงินคืนไปง่ายๆเหมือนกัน
“เดี๋ยวครับพี่...ผม...เอ่อ....” ฮิโรกิวิ่งมาดึงแขนของผมไว้ แต่พอผมหันไปสบตาเขากลับมาท่าทีอึกอักไปเล็กน้อย
“มีอะไรก็ว่ามาสิ หรือว่านายมีแฟนประจำอาทิตย์แล้วสินะ งั้นโทษทีไว้ฉันซื้อของตอบแทนให้แล้วกัน”
“หมายความว่ายังไงครับ? ไม่ใช่อย่างนั้นนะ....”
“งั้นก็ตามมาสิ ฉันหิวข้าว” ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเดินจูงมือฮิโรกิขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเพิ่งถอยมาหมาดๆของผมทันที
“เอ้านี่หมวกใส่ซะ ถ้ากลัวก็กอดเอวฉันแน่นๆเข้าใจนะ” ผมตีความท่าทางตะกุกตะกักไม่เป็นธรรมชาติของเขาว่าคงไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์มาก่อน เห็นปกติมีรถหรูๆมาเทียวรับเทียวส่งตลอด ไม่เคยเห็นไปไหนมาไหนเองคนเดียวสักที จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นหน้าคนขับซะด้วยสิ
“คือว่าผม...”
“รังเกียจอย่างนั้นสินะ ช่างเถอะ...งั้นบายแล้วกัน” ผมสตาร์ทรถเตรียมจะออกแต่อยู่ดีๆก็รู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลัง ผมเผลอยิ้มออกมาแต่คงไม่มีใครเห็นเพราะผมสวมหมวกกันน็อคเรียบร้อยแล้ว
พอรถเริ่มเคลื่อนตัวออกสายสมก็ตรงเข้าปะทะอย่างรุนแรง ผมชินกับความเร็วระดับนี้เป็นธรรมดาที่ผมจะเร่งเครื่องเร็วๆ เหมือนกับได้ติดปีกบินไปในอากาศ มีอิสระ...
ผมรู้สึกได้ว่าแรงกอดที่เอวผมออกจะแน่นขึ้นมาเล็กน้อย แต่ผมก็ยังเป็นผมไม่ได้ใส่ใจจะลดระดับความเร็วต่ำลงไปกว่านั้น พวกเด็กผู้หญิงที่เคยคบกับผมปกติคงไม่แค่กอดแต่ร้องโวยวายลั่นไปหมด มีผู้ชายมานั่งซ้อนท้ายก็แปลกดีเหมือนกัน ไม่ต้องทนสียงกรีดร้องดีด้วย สบายหูสุดๆ
ผมจอดรถตรงหน้าร้านเค้กเล็กๆ ซึ่งมีเด็กผู้หญิงมากมายในนั้น ผมสังเกตว่าคนด้านหลังของผมดูจะงงๆ กับการที่ผมลากเขามาที่นี่
“ลงไปสิ ฉันหิวแล้วนะ” ผมถอดหมวกออกก่อนจะหันไปเตือนฮิโรกิ ดูท่าทางเขายังคงมึนๆ หรือว่าผมจะขี่เร็วเกินไปจนสมองเขากระทบกระเทือนไปแล้วนะ
“....” ผมเอื้อมมือไปสะกิดเขาก็ยังนิ่งอยู่แบบนั้นจนผมต้องลงมือถอดหมวกกันน็อคออกให้กับเขาเอง
“ไหวไหมนายน่ะ” ผมเริ่มจะใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยแบบนั้นของเขา สุดท้ายเลยตัดสินใจเอี้ยวตัวไปสุดๆ เพราะผมเองก็ลงจากมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ในเมื่อหมอนี่มันนั่นซ้อนหลังผมอยู่ “นี่...!” ผมตะโกนสุดเสียง หมอนั่นหับขวับมาทันทีทำให้ริมฝีปากของเราสองคนเฉียดผ่านกัน
โครม!
อย่ามามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่ได้ชกหรือทำร้ายร่างกายสุดหล่อของใครๆแต่อย่างใด พอหมอนั่นหันหน้ามาแล้วรู้ว่าปากชนกับผมก็ถอยหลังร่วงลงไปนอนกับพื้นเองมากกว่า อะไรมันจะขี้ตกใจขนาดนั้น กับแค่ปากเฉียดกันไปหน่อยเดียว ทำอย่างกับเสียจูบแรกไปได้ นั่นถ้านับเป็นจูบก็จูบแรกของผมเหมือนกันล่ะมั้ง? แต่มันก็แค่เอาปากเฉียดกันซะหน่อยไม่เห็นจะมีอะไร
“ลุกไหวไหม? เร็วเข้าสิฉันหิวแล้วนะ” ผมดึงตัวฮิโรกิขึ้นมาก่อนหมอนั่นจะทำท่าปัดๆฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและกางเกง
“ขอบคุณครับ” หมอนั่นเกาหัวเขินๆ พอมามองใกล้ๆแบบนี้หมอนี่ก็หล่อดีอยู่หรอก คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง ผิวขาวละเอียดเทรนด์เกาหลีกำลังมาแรงเลย ตบท้ายริมฝีปากนุ่มๆนั่นด้วย จะถามหรือไงว่าผมรู้ได้ยังไง? ก็เมื่อตอนปากเฉียดกันนั่นล่ะอย่ามาทำไม่รู้เรื่อง
“ไปเถอะ ฉันไม่ชอบคนมอง” ผมเดินนำเข้าไปในร้าน ภายในมีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่มากมาย เจ้าของร้านเองก็กำลังแจกรอยยิ้มดูแลลูกค้าที่มากันอย่างหนาแน่น
“เยลลี่ชาเขียวปั่น ไม่หวาน ดาร์คช็อกโกแลตเค้กด้วย นายเอาอะไร?” ผมหันไปมองฮิโรกิซึ่งยืนมองรอบๆตัวด้วยความงุนงง หมอนี่มันจะอะไรกันนักหนานะ
“ผมขอเป็นกาแฟดำดีกว่าครับ”
“ตามนั้นล่ะ” ผมเดินไปนั่งโต๊ะตัวที่ว่างซึ่งมันก็อยู่ติดกับเคาท์เตอร์ของร้านพอดี
“โมเดล...นายมาที่นี่ทำไม?!” เสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวดังออกมาจากหลังเคาท์เตอร์ ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะยิ้มเยาะโดยไม่พูดอะไร
“เดล...พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ ทานเสร็จแล้วก็รีบออกไปแล้วกัน” มาสเตอร์ของร้านออกมากล่าวผมแค่นรอยยิ้มส่งไปโดยไม่ลืมหันไปมองผู้ชายที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับผม
“โฮมเพจ...นายรู้ไหมพ่อกับแม่ทำอะไรตอนนี้ เขาขายฉันยังไงล่ะ ขายให้กับพวกยากูซ่าในญี่ปุ่น ฉันต้องถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่ชายของตัวเองจากคนในบ้าน แล้วนายล่ะรู้ไหมว่าใครฆ่าเขา?” ผมหัวเราะเหมือนคนเสียสติ “เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันทนมาตลอด 6 ปีมันจะจบลงแล้ว ถ้าถึงที่นั่นเมื่อไหร่ฉันจะฆ่าตัวตายทันที น่าสนุกดีไหมล่ะ?”
“โมเดล!! นายอย่ามาพูดไร้สาระในร้านของฉันนะ!!” มาสเตอร์ของร้านตวาดใส่หน้าของผมลั่น พนักงานของร้านคนอื่นๆไล่ลูกค้าออกไปจนหมด พร้อมทั้งปิดร้านไม่ให้ใครเห็นเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นภายใน
ผมเองไม่ได้อยากจะมาหาเรื่องหรอกนะ... แต่พอเห็นคนสองคนนี้อยู่ด้วยกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วผมรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม ทั้งๆที่คิดว่าไม่เป็นไรมาตลอดแท้ๆ ทั้งๆที่ไม่เจอมานานถึง 6 ปี แต่แผลในใจผมไม่ได้จางหายไปด้วยเลยสักนิดเดียว มันบาดและฝังลึกลงไปอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา
“แก! อย่ามาพูดแบบนั้นนะ คนอย่างแกนั่นล่ะที่ถูกพี่ข่มขืน แกเลยฆ่าพี่ให้ตาย เพราะแกนั่นล่ะ!!” โฮมเพจตะโกนพร้อมตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของผมเข้าไปหา แต่ผมกลับผลักเขาไปกระแทกโต๊ะข้างๆจนล้มลงไปได้อย่างง่ายดาย
“ผมฆ่าเหรอ....? หึหึ...รู้ไหมตอนนี้ตำรวจตรวจพบหลักฐานของจริงแล้วล่ะนะ สิ่งที่คุณเหลือมันไว้ในที่เกิดเหตุพร้อมลายนิ้วมือไงล่ะ พ่อกับแม่ก็รักคุณเหลือเกินนะ...พอรู้แบบนั้นก็สั่งตำรวจให้ปิดเรื่องเงียบ ปล่อยใครๆคิดว่าผมเป็นฆาตกร สนุกไหมล่ะพี่ชาย...ที่ทำลายชีวิตของผมตลอด 6 ปี คุณสนุกกับมันมากไหม?”
“พอได้แล้วโมเดล!!” มาสเตอร์ของร้านตะโกนก่อนจะปล่อยหมัดออกมา ผมหลับตาเตรียมพร้อมที่จะรับกับความเจ็บปวด แต่กลับไม่ใช่...
“ผมไม่รู้นะครับว่าพี่เขาทำอะไร แต่คุณเองไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายคนอื่นครับ” ฮิโรกิจ้องมาสเตอร์ด้วยแววตาน่ากลัว ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบ
“โอ๊ย!! สารเลวปล่อยเดี๋ยวนี้นะ” มาสเตอร์ร้องลั่น ฮิโรกิมองด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะสะบัดมือของมาสเตอร์ทิ้งเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งจับของสกปรกมา
“พี่ครับ กลับกันเถอะ ผมอยากไปทานร้านอื่นมากกว่าร้านนี้ท่าทางของจะสกปรก” ฮิโรกิดึงมือผมให้ออกจากร้าน กระทั่งลูกน้องในร้านของมาสเตอร์ก็ยังหลีกทางให้กับสายตาเย็นชาของเขา
“ขอโทษนะ ฉันไม่คิดว่าจะเจอคนพวกนั้นที่นี่” ผมแค่นรอยยิ้มส่งไปให้กับฮิโรกิ รุ่นน้องซึ่งผมเพิ่งจะได้คุยวันนี้ แต่กลับต้องมารับรู้เรื่องราวซึ่งแม้กระทั่งไนท์กับปาล์มยังเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้ ทั้งๆที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทของผมมาตั้งแต่สมัยประถม
“พี่ครับ... ผมตั้งใจเป็นที่พักให้พี่นะครับ ถ้าเหนื่อยผมมีไหล่ให้ซบ ถ้าพี่เดินไม่ไหวเมื่อไหร่ผมจะแบกพี่ไว้บนหลังแล้วเราเดินไปด้วยกันนะครับ ขออย่างเดียวอย่าฆ่าตัวตายอย่างที่พี่พูดเลยครับ มีอีกหลายคนที่รักพี่แม้พี่อาจจะไม่ได้มองทางพวกเขา ถึงอย่างนั้นก็รักตัวเองบ้างเถอะครับ”
ฮิโรกิกุมมือของผมเอาไว้แน่นมากตอนนั้น ผมรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก เหมือนหมอกสีดำในใจของผมค่อยๆจางลงไปเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้น บางทีผมอาจต้องการแค่ที่พักพิงก็ได้... แค่ใครสักคนที่เข้าใจผมอย่างแท้จริง
“นายขี่มอเตอร์ไซค์เป็นไหม?”
“เอ๋? อ...เอ่อ...เป็นครับ” ฮิโรกิตอบอย่างตะกุกตะกักผิดกับท่าทางมั่นใจเมื่อสักครู่
“ช่วยขี่ไปเรื่อยๆหน่อยได้ไหม? ขอร้องล่ะนะ” ผมฝืนยิ้มครั้งสุดท้ายก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้กับตัวเอง
ฮิโรกิสวมหมวกแล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์ ผมเองก็ขึ้นไปนั่ง เขาหันมาสำรวจพร้อมดึงมือผมเข้าไปกอดเอวของเขาเอาไว้
“กอดผมแน่นๆ นะครับ” ฮิโรกิหันมายิ้มให้กับผม ก่อนจะเริ่มบิดคันเร่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว
มือของผมกอดเอวของฮิโรกิเอาไว้แน่น ศีรษะซบลงกับแผ่นหลังกว้างนั่นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาที่ไม่เคยไหลตลอด 6 ปีไหลรินลงมาอย่างนั้น เสียงของผมฟังดูอื้ออึงไปหมด ผมไม่อายที่จะปล่อยเสียงสะอื้นออกมา หายจะมีใครสักคนรับรู้ถึงความอ่อนแอของผม เขาคนนั้นคงเป็นคนที่ผมกำลังใช้เป็นที่พักพิงอยู่ตอนนี้
ผมเหนื่อยเหลือเกินกับการปั้นหน้าว่าไม่เป็นอะไร เหนื่อยที่ต้องฟังคำว่าฆาตกรทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ เหนื่อยกับการต้องทำตามคำสั่งของคนในบ้าน เหนื่อยกับการต้องฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจ ดังนั้นพออยู่โรงเรียนผมจะแสดงท่าทางออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร เพราะผมทำแบบนั้นไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้านหลังนั้น ที่ที่ผมไม่เคยคิดว่ามันคือบ้านสักครั้งเดียว มันคือกรงขังมากกว่า พันธนาการเดียวที่ผมอยากจะหนีจากไปให้ไกล
การที่ผมถูกขายไปให้พวกยากูซ่ามันเป็นเรื่องปกติ พวกเขาไม่เคยต้องการผม เด็กที่เกิดมาเป็นฝาแฝด เพราะการคลอดผมออกมาทำให้แม่ต้องตาย ไม่นานพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งผมถูกบังคับให้เรียกว่าแม่ แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ถูกมองว่าเป็นตัวกาลกิณีของบ้าน เป็นคนที่ทำให้บ้านเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมเกิดมา ทำให้ทุกคนสูญเสียคุณแม่ซึ่งเป็นที่รักไป เพราะผมคนเดียว... เป็นเพราะผมแค่คนเดียวเท่านั้นตลอดมา... บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าผมน่าจะตายๆไปซะ แต่สุดท้ายผมก็ยังรักคุณพ่อซึ่งตอนนี้นอนอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้สติอยู่ดี ท่านช็อคเพราะพี่ชายคนโตของบ้านตายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา
ผมไม่เหลืออะไร สูญเสียทุกอย่างตั้งแต่วันที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่าพี่ชายตัวเอง...
เอี๊ยด!
เสียงของล้อรถมอเตอร์ไซค์เสียดสีกับพื้นถนน ผมหลุดจากภวังค์หันมองรอบๆ น้ำตายังไหลอยู่ภายใต้เครื่องปิดบัง ฮิโรกิถอดหมวกของตัวเองก่อนจะหันมาถอดหมวกของผมออก ผมถอยหนีอย่างตกใจลงมายืนบนพื้นหญ้าด้านข้าง ฮิโรกิดึงผมดึงผมซึ่งถูกเขาถอดหมวกกันน็อคออกไปเข้าไปกอด เขาตัวสูงกว่าผมทำให้ใบหน้าของผมถูกกดซบลงไปบนไหล่ของเขา
“ร้องออกมาให้หมดครับ ผมจะรับหยดน้ำตาของพี่เอาไว้เองทั้งหมด”
ผมยกแขนเข้าโอบกอดฮิโรกิเอาไว้แล้วปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย เสียงสะอึกสะอื้นของผมดังไปพร้อมกับคำปลอบโยนของฮิโรกิที่ว่าเขาจะอยู่กับผมตรงนี้ เขายังอยู่ไม่ได้ไปไหน ผมร้องระบายความเจ็บปวดตลอด 6 ปีที่ฝังจนกลายเป็นแผลเป็น แม้ว่าผมพยายามจะรักษามันเท่าไหร่ ผมกลับเห็นแผลของตัวเองชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น
มีใครได้ยินคำขอของผมไหมครับ.... ผมขอแค่ได้อยู่กับคนตรงหน้าของผมไปอีกสักพักจะได้ไหมครับ ไม่ต้องตลอดไป ขอแค่เวลาตอนนี้ซึ่งผมอ่อนแอ ผมขอแค่นั้นคงไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ...
*******************************************************************************************
กว่าจะจบ 1 ตอน เล่นเอาเครียดเหมือนกัน
ฝากด้วยนะคะสำหรับเรื่องนี้ และเรื่องสั้น เรื่องยาวๆอื่นๆที่เขียนเอามาแปะๆไว้
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ