[เรื่องสั้น]คนสุดท้ายของหัวใจ[08/05/54]{จบ}
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [เรื่องสั้น]คนสุดท้ายของหัวใจ[08/05/54]{จบ}  (อ่าน 35125 ครั้ง)

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้าม มิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอ ให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่ นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

ส่วนคนอ่านทุกท่าน เวลาอ่านนิยาย เรื่องที่คนเขียนเขียน

ก็ไม่ต้องไปอินมากนะครับ ให้เก็บเอาสิ่งดีๆ ประสบการณ์ ข้อคิดดีๆไปนะครับ

6.อย่า พูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยาย ในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็น เวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0

************************************************************************************************



เรื่องนี้ดราม่าค่ะ!!!!

เกิดจากการที่น้องคนหนึ่งบอกให้ลองเขียนดู "kyoya11"

แต่รับรองจบแบบ Happy Ending ฝากด้วยนะคะ


Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-05-2011 12:14:21 โดย July_Moon »

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
Short Story :: คนสุดท้ายของหัวใจ


   “คบกันดูไหม?” 

   เขาหันมามองหน้าของผมด้วยแววตาตกใจ  เพียงครู่เดียวก็คลี่รอยยิ้มออกมาพร้อมกับเหม่อมองออกไปตรงจุดซึ่งมีรถจักรยานยนต์วิ่งเข้ามาจอด  คงคิดว่าเป็นเรื่องพูดกันเล่นๆอย่างที่ใจผมเองก็คิดแบบนั้น  วันนี้เป็นวันไม่ธรรมดาเพราะเหล่านักเรียนในโรงเรียนจะพากันจดจ้องเขาคนนี้ตรงหน้าของผม

   ทุกคนมักเรียกวันนี้ว่าวันแห่งการเริ่มต้นใหม่....

   “พิซซ่าที่สั่งได้แล้วครับ  ทั้งหมดเป็นเงิน 599 บาทครับ”  พนักงานส่งของยื่นกล่องพิซซ่ามาตรงหน้าของผมซึ่งผมรับมันมา  แต่ตอนล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็พบว่ากระเป๋าสตางค์ของผมไม่ได้อยู่ในนั้น

   แย่แล้ว...ผมคงลืมมันเอาไว้บนห้องเรียนแน่ๆ ทำยังไงดีล่ะทีนี้

   “เอ่อ...ขอโทษนะครับ  ช่วยรอตรงนี้สักครู่เดี๋ยวผมขอไปหยิบเงินมาก่อน”  ผมส่งกล่องพิซซ่าคืนให้กับพนักงานส่งของคนนั้นก่อนเตรียมจะวิ่งไปเอากระเป๋าสตางค์บนห้องเรียน

   “อ๊ะ! พี่ครับ  ไม่ต้องครับ  นี่ครับเงิน”

   เขาส่งเงินให้กับพนักงานส่งของคนนั้นก่อนจะถือกล่องพิซซ่าเอาไว้ในมือ  ผมจ้องมองเขาด้วยความสงสัยลึกๆในใจ  บางอย่างซึ่งเขามีผมเองกลับไม่เคยมีมันมาก่อน  สิ่งนั้นมันคืออะไรกันแน่

   “ขอบใจนะ  เดี๋ยวฉันไปหยิบเงินคืนให้ที่ห้อง  นายอยู่ห้องไหนฉันจะได้เอาไปคืนให้ถูก”

   “ผมอยู่ห้อง ม. 5/1 ครับ  พี่จำผมไม่ได้หรือครับ”  เขาส่งรอยยิ้มที่ทุกคนเรียกกันว่าสิ่งเติมเต็มความอบอุ่นสู่หัวใจนั่นมาให้กับผม

   ผมขมวดคิ้วเล็กน้อยพลางนึกว่าเคยเจอเขาที่ไหนมาก่อนหรือเปล่า  ผมก็แค่รู้จักเพราะเพื่อนของผมเองก็เคยเป็นแฟนกับผู้ชายคนนี้  จะว่าไป ม.5/1 มันก็รุ่นน้องสายรหัสของผมเองนี่นะ  แต่ผมเองจำไม่ได้ว่าเคยคุยกับเขามาก่อนหน้านี้

   “ไม่ได้  ขอโทษทีนะระบบความจำเรื่องชื่อกับหน้าคนฉันมันไม่ค่อยดีน่ะ”  ผมแค่นรอยยิ้มฝืนๆส่งไปให้  มันคงเสียมารยาทอยู่เหมือนกันที่เขาอุตส่าห์ออกเงินให้ก่อนแล้วยังไปบอกว่าจำเขาไม่ได้อีก  แต่ผมไม่ชอบการโกหกสักเท่าไหร่นี่นา

   “ไม่เป็นไรครับ  เพราะพี่คงไม่ได้มีเวลามาจดจำคนอย่างผมหรอกสินะครับ”  ผมคิดไปเองหรือเปล่าที่เห็นใบหน้าของเขาดูหมองลงไป

   “เฮ้อ...บอกแล้วไงว่าขอโทษ  ต่อให้เป็นเพื่อนสนิทแล้วไม่ได้เจอกันเลยฉันยังลืม  จะให้ทำยังไงล่ะก็เป็นแบบนี้นี่”  ผมชักเริ่มหงุดหงิดอย่างบอกไม่ถูก  แต่พอพูดแบบนั้นออกไปหมอนั่นก็หันหน้ามาส่งรอยยิ้มให้ผมเหมือนเดิม

   “ถึงห้องของผมแล้วล่ะครับ  ไว้เจอกันนะครับพี่”

   ผมรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้องชอบกล  ไอ้อารมณ์แปรปรวนของผมวันนี้ทำให้พูดอะไรแปลกๆออกไปกับรุ่นน้องที่ดังไปทั่วโรงเรียนอย่างเขา  หลุดปากขอคบไปจนได้  แต่ดูท่าเจ้าตัวก็ไม่ได้ติดใจสงสัยอะไรนี่  คงไม่เป็นอะไรหรอกนะ

   “โมเดล!!!  ฉันเห็นนายเดินมากับฮิโระคุงด้วย  ไปสนิทกันตอนไหนยะ!”

   ปาล์มเด็กผู้หญิงซึ่งเคยเป็นหนึ่งในแฟนของฮิโรกิ  หรือที่ทุกคนมักเรียกกันว่าฮิโระ  เด็กรุ่นน้องที่มีข่าวลือเกี่ยวกับตัวของเขามากกว่าเรื่องราวใดๆ ในโรงเรียนนี้เสียอีก  เด็กผู้ชายที่เปลี่ยนแฟนไปเรื่อยๆ  แต่ไม่เห็นมีใครคนไหนที่คบกับเขาหลังจากเลิกกันจะเอาเขามาพูดในทางที่ไม่ดี  อย่างปาล์มเองก็บอกว่าเป็นช่วงเวลาที่คุ้มค่าที่สุดสำหรับ 1 สัปดาห์ที่ได้คบกับฮิโระ

   คงเพราะแบบนี้ผมถึงได้อยากจะลองคบกับคนแบบเขาบ้างสักครั้ง  เผื่อว่าอาจจะได้พบเรื่องราวที่ไม่น่าเบื่อในชีวิตโรงเรียนนี้บ้าง 

   “เปล่าหรอก  ฉันลืมกระเป๋าสตางค์ไว้ในกระเป๋านักเรียน  หมอนั่นเลยจ่ายให้ก่อนน่ะ  หาว~!!!”

   ผมง่วงนอนมากจนเผลอหาวกระทั่งน้ำตาไหล  แต่พอปาล์มเห็นท่าทางแบบนั้นของผมก็ดูเหมือนว่าจะอารมณ์บูดขึ้นมาซะทุกครั้ง  ทำให้ผมโดนทำร้ายร่างกายอยู่ประจำ

   โป๊ก!!

   “ฉันบอกนายกี่ทีแล้วยะให้สำรวมกิริยา!!  เพราะแบบนี้นี่ล่ะแฟนๆของนายถึงบอกเลิกน่ะ คนปัจจุบันนี่จะทนได้นานเท่าไหร่เชียว”

   “เลิกไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ”

   ผมลูบหัวตัวเองป้อยๆตรงที่โดนฝ่ามือของปาล์มฟาดลงมา  ก่อนจะตอบคำถามที่ดูเป็นการประชดด้วยความเรียบง่าย  เด็กผู้หญิงพวกนั้นอยู่ๆก็มาขอคบ  พอไม่เหมือนที่คิดก็มาขอเลิกจนผมเริ่มจะชินกับวงเวียนชีวิตแบบนี้ไปเสียแล้ว

   “คบกันไปกี่วัน”

   ไนท์เพื่อนผู้ชายที่สนิทกับผมเดินเข้ามาถามด้วยสีหน้าอยากรู้  ปาล์มเองก็จ้องหน้าผมเพื่อรอคำตอบเช่นกัน  ผมลองนึกไปสักพักก่อนจะเอ่ยคำตอบซึ่งทำให้ปาล์มดูจะไม่พอใจเท่าไหร่

   “ไม่รู้”  สั้นๆง่ายๆได้ใจความ  ผมไม่เคยจำว่าแต่ละคนคบนานเท่าไหร่  ผมไม่อยากนับถอยหลัง  เพราะจะนานแค่ไหนก็จบลงที่ผมเป็นฝ่ายถูกบอกเลิกอยู่ดี  มีแต่พวกเอาแต่ใจตัวเองทั้งนั้น

   “หึ...แน่ล่ะสิ  ดูท่าทางภายนอกของนายมันชวนคิดว่าเป็นเจ้าชายขี่ม้าขาวนี่  แต่พอเอาเข้าจริงๆนิสัยนายมันออกจะไม่สนใจโลกเลยด้วยซ้ำ  พูดอะไรบางทีก็เหม่อไม่ฟัง  ผู้หญิงที่ไหนเค้าจะทนนายไหวหา?!!”

   “พอได้แล้วปาล์ม  พูดอะไรไม่เกรงใจเดลมันบ้างเลย”  ไนท์หันไปดุปาล์มซึ่งยืนชี้หน้าต่อว่าผมปาวๆในห้อง  อ่อ...ไม่ต้องห่วงหรอกครับช่วงนี้ใกล้งานโรงเรียนอาจารย์เลยไม่เข้าสอนปล่อยพวกผมเตรียมงานกัน  แต่ว่ายังไงกว่าจะเริ่มทำอะไรจริงจังคงใกล้ๆงานนู่น  ปล่อยพวกผมแบบนี้ก็สบายเลยสิครับ

   “เอาน่าๆ  ไม่เป็นไรหรอก  ปาล์มพูดความจริงนี่  ฉันมันแค่เปลือกนอกเท่านั้นล่ะ”  ผมโบกมือบอกว่าไม่เป็นไรจริงๆไปให้  ไนท์มันเลยยอมลดสายตาดุๆ นั่น  ก่อนจะนั่งลงกินพิซซ่าซึ่งผมสั่งมากินกัน

   “ว่าแต่นายตกลงจะไปที่นั่นจริงๆเหรอ”  ไนท์หยิบพิซซ่าขึ้นมากัดก่อนจะถามคำถามซึ่งผมเองไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันเท่าไหร่นัก

   “นายคิดว่าไงล่ะ?  ทำเหมือนฉันมีสิทธิ์เลือกหรือยังไง  สุดท้ายทุกอย่างมันก็ต้องมาลงที่ฉันอยู่ดี  ก็แค่เป็นตัวตายตัวแทนไม่เห็นน่ากังวลตรงไหน”  ผมกัดพิซซ่าเข้าไปคำใหญ่ทำเหมือนกับมันเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่ผมต้องเจอกับอะไรแบบนี้

   “เลิกทำเหมือนไม่ใส่ใจทีได้ไหม?  นายคิดว่านายเป็นมนุษย์อยู่ไหม?  สิทธิมนุษยชนเคยอ่านบ้างไหมหา?!!  จะบ้าหรือยังไงไปตอบตกลงทำอะไรบ้าๆแบบนั้น  พวกคนที่บ้านนายเองก็เหมือนกันเห็นนายเป็นอะไรทำไมทำกับนายแบบนี้  เรื่องมันตั้งกี่ปีมาแล้วยังไม่เลิกโทษนายอีก  ไอ้สารเลวนั่นด้วยยังมีหน้ามาตีหน้าซื่อหลอกลวงคนอื่นได้อีก”

   ผมยิ้มอย่างปกติมองดูปาล์มซึ่งระบายออกมายาวเหยียดจนผมฟังแทบไม่ทัน  ผมคงตอบได้คำเดียวได้ว่าผมชินแล้ว  แต่ขืนพูดแบบนั้นออกไปปาล์มคงได้ร่ายยาวใส่ผมเรื่องสิทธิมนุษยชนต่างๆให้ผมฟังอีกเป็นกระบุง  ดังนั้นผมเลือกจะเงียบไว้มากกว่า

   “นายเลือกแล้วจริงๆสินะเดล”

   ผมพยักหน้าตอบรับคำพูดของไนท์ไป  เพียงพักเดียวเท่านั้นพิซซ่าและของกินเล่นที่ผมสั่งมาทั้งหมดก็หายลงไปในกระเพาะของพวกผมสามคนอย่างรวดเร็ว 

   เลิกเรียนผมเดินตรงไปยังห้อง ม.5/1  แต่ก็ไม่เห็นเงาของฮิโรกิแม้แต่น้อย  จึงตัดสินใจเดินไปยังชมรมทำสวนซึ่งอยู่ไม่ห่างจากห้องนั้นนัก  วันนี้คิดว่าจะไปดูกุหลาบซึ่งเพิ่งทดลองปลูกใหม่  สายพันธุ์นี้ได้มาจากประเทศญี่ปุ่นเห็นว่าตัดต่อสายพันธุ์จนได้สีฟ้าสวยทีเดียว

   “สวัสดีครับพี่  คิดอยู่แล้วว่าพี่ต้องมาอยู่ที่นี่”  ฮิโรกิซึ่งนั่งพักอยู่บนเก้าอี้พักผ่อนในเรือนกระจกหันมาส่งยิ้มให้ผม

   “เจอก็ดีแล้ว  นี่เงินของนาย  ขอบคุณที่ออกให้ก่อน”

   “ไม่เป็นไรครับ  ส่วนเงินขอไม่รับแล้วกัน”  เขายัดเงินคืนใส่กระเป๋าเสื้อของผม

   “แล้วจะเอายังไง  ฉันพานายไปเลี้ยงข้าวแล้วกัน  ตามมาสิ”  ผมเดินนำออกมาอย่างไม่คิดอะไรมาก  ไม่อยากติดเงินรุ่นน้อง  แต่ดูท่าทางหมอนั่นคงไม่ยอมรับเงินคืนไปง่ายๆเหมือนกัน

   “เดี๋ยวครับพี่...ผม...เอ่อ....”  ฮิโรกิวิ่งมาดึงแขนของผมไว้  แต่พอผมหันไปสบตาเขากลับมาท่าทีอึกอักไปเล็กน้อย

   “มีอะไรก็ว่ามาสิ  หรือว่านายมีแฟนประจำอาทิตย์แล้วสินะ  งั้นโทษทีไว้ฉันซื้อของตอบแทนให้แล้วกัน”

   “หมายความว่ายังไงครับ?  ไม่ใช่อย่างนั้นนะ....”

   “งั้นก็ตามมาสิ  ฉันหิวข้าว”  ผมไม่สนใจอะไรทั้งนั้นเดินจูงมือฮิโรกิขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ซึ่งเพิ่งถอยมาหมาดๆของผมทันที

   “เอ้านี่หมวกใส่ซะ  ถ้ากลัวก็กอดเอวฉันแน่นๆเข้าใจนะ”  ผมตีความท่าทางตะกุกตะกักไม่เป็นธรรมชาติของเขาว่าคงไม่เคยซ้อนมอเตอร์ไซค์มาก่อน  เห็นปกติมีรถหรูๆมาเทียวรับเทียวส่งตลอด  ไม่เคยเห็นไปไหนมาไหนเองคนเดียวสักที  จะว่าไปก็ไม่เคยเห็นหน้าคนขับซะด้วยสิ

   “คือว่าผม...”

   “รังเกียจอย่างนั้นสินะ  ช่างเถอะ...งั้นบายแล้วกัน”  ผมสตาร์ทรถเตรียมจะออกแต่อยู่ดีๆก็รู้สึกถึงแรงกอดจากด้านหลัง  ผมเผลอยิ้มออกมาแต่คงไม่มีใครเห็นเพราะผมสวมหมวกกันน็อคเรียบร้อยแล้ว

   พอรถเริ่มเคลื่อนตัวออกสายสมก็ตรงเข้าปะทะอย่างรุนแรง  ผมชินกับความเร็วระดับนี้เป็นธรรมดาที่ผมจะเร่งเครื่องเร็วๆ  เหมือนกับได้ติดปีกบินไปในอากาศ  มีอิสระ...

   ผมรู้สึกได้ว่าแรงกอดที่เอวผมออกจะแน่นขึ้นมาเล็กน้อย  แต่ผมก็ยังเป็นผมไม่ได้ใส่ใจจะลดระดับความเร็วต่ำลงไปกว่านั้น  พวกเด็กผู้หญิงที่เคยคบกับผมปกติคงไม่แค่กอดแต่ร้องโวยวายลั่นไปหมด  มีผู้ชายมานั่งซ้อนท้ายก็แปลกดีเหมือนกัน  ไม่ต้องทนสียงกรีดร้องดีด้วย  สบายหูสุดๆ

   ผมจอดรถตรงหน้าร้านเค้กเล็กๆ  ซึ่งมีเด็กผู้หญิงมากมายในนั้น  ผมสังเกตว่าคนด้านหลังของผมดูจะงงๆ กับการที่ผมลากเขามาที่นี่ 

   “ลงไปสิ  ฉันหิวแล้วนะ”  ผมถอดหมวกออกก่อนจะหันไปเตือนฮิโรกิ  ดูท่าทางเขายังคงมึนๆ  หรือว่าผมจะขี่เร็วเกินไปจนสมองเขากระทบกระเทือนไปแล้วนะ

   “....”  ผมเอื้อมมือไปสะกิดเขาก็ยังนิ่งอยู่แบบนั้นจนผมต้องลงมือถอดหมวกกันน็อคออกให้กับเขาเอง

   “ไหวไหมนายน่ะ”  ผมเริ่มจะใจไม่ดีเมื่อเห็นสีหน้าเหม่อลอยแบบนั้นของเขา  สุดท้ายเลยตัดสินใจเอี้ยวตัวไปสุดๆ  เพราะผมเองก็ลงจากมอเตอร์ไซค์ไม่ได้ในเมื่อหมอนี่มันนั่นซ้อนหลังผมอยู่  “นี่...!”  ผมตะโกนสุดเสียง  หมอนั่นหับขวับมาทันทีทำให้ริมฝีปากของเราสองคนเฉียดผ่านกัน

   โครม!

   อย่ามามองผมด้วยสายตาแบบนั้น  ผมไม่ได้ชกหรือทำร้ายร่างกายสุดหล่อของใครๆแต่อย่างใด  พอหมอนั่นหันหน้ามาแล้วรู้ว่าปากชนกับผมก็ถอยหลังร่วงลงไปนอนกับพื้นเองมากกว่า  อะไรมันจะขี้ตกใจขนาดนั้น  กับแค่ปากเฉียดกันไปหน่อยเดียว  ทำอย่างกับเสียจูบแรกไปได้  นั่นถ้านับเป็นจูบก็จูบแรกของผมเหมือนกันล่ะมั้ง?  แต่มันก็แค่เอาปากเฉียดกันซะหน่อยไม่เห็นจะมีอะไร

   “ลุกไหวไหม?  เร็วเข้าสิฉันหิวแล้วนะ”  ผมดึงตัวฮิโรกิขึ้นมาก่อนหมอนั่นจะทำท่าปัดๆฝุ่นออกจากเสื้อผ้าและกางเกง

   “ขอบคุณครับ”  หมอนั่นเกาหัวเขินๆ  พอมามองใกล้ๆแบบนี้หมอนี่ก็หล่อดีอยู่หรอก  คิ้วเข้ม ตาคม จมูกโด่ง  ผิวขาวละเอียดเทรนด์เกาหลีกำลังมาแรงเลย  ตบท้ายริมฝีปากนุ่มๆนั่นด้วย  จะถามหรือไงว่าผมรู้ได้ยังไง?  ก็เมื่อตอนปากเฉียดกันนั่นล่ะอย่ามาทำไม่รู้เรื่อง

   “ไปเถอะ  ฉันไม่ชอบคนมอง”  ผมเดินนำเข้าไปในร้าน  ภายในมีเด็กผู้หญิงนั่งอยู่มากมาย  เจ้าของร้านเองก็กำลังแจกรอยยิ้มดูแลลูกค้าที่มากันอย่างหนาแน่น

   “เยลลี่ชาเขียวปั่น  ไม่หวาน  ดาร์คช็อกโกแลตเค้กด้วย  นายเอาอะไร?”  ผมหันไปมองฮิโรกิซึ่งยืนมองรอบๆตัวด้วยความงุนงง  หมอนี่มันจะอะไรกันนักหนานะ

   “ผมขอเป็นกาแฟดำดีกว่าครับ”

   “ตามนั้นล่ะ”  ผมเดินไปนั่งโต๊ะตัวที่ว่างซึ่งมันก็อยู่ติดกับเคาท์เตอร์ของร้านพอดี

   “โมเดล...นายมาที่นี่ทำไม?!”  เสียงตะโกนอย่างกราดเกรี้ยวดังออกมาจากหลังเคาท์เตอร์  ผมเงยหน้าขึ้นไปมองก่อนจะยิ้มเยาะโดยไม่พูดอะไร

   “เดล...พี่ว่าเราคุยกันรู้เรื่องแล้วนะ  ทานเสร็จแล้วก็รีบออกไปแล้วกัน”  มาสเตอร์ของร้านออกมากล่าวผมแค่นรอยยิ้มส่งไปโดยไม่ลืมหันไปมองผู้ชายที่มีหน้าตาพิมพ์เดียวกับผม

   “โฮมเพจ...นายรู้ไหมพ่อกับแม่ทำอะไรตอนนี้  เขาขายฉันยังไงล่ะ  ขายให้กับพวกยากูซ่าในญี่ปุ่น  ฉันต้องถูกตราหน้าว่าฆ่าพี่ชายของตัวเองจากคนในบ้าน  แล้วนายล่ะรู้ไหมว่าใครฆ่าเขา?”  ผมหัวเราะเหมือนคนเสียสติ  “เพราะฉะนั้นสิ่งที่ฉันทนมาตลอด 6 ปีมันจะจบลงแล้ว  ถ้าถึงที่นั่นเมื่อไหร่ฉันจะฆ่าตัวตายทันที  น่าสนุกดีไหมล่ะ?”

   “โมเดล!!  นายอย่ามาพูดไร้สาระในร้านของฉันนะ!!”  มาสเตอร์ของร้านตวาดใส่หน้าของผมลั่น  พนักงานของร้านคนอื่นๆไล่ลูกค้าออกไปจนหมด  พร้อมทั้งปิดร้านไม่ให้ใครเห็นเรื่องราวซึ่งเกิดขึ้นภายใน

   ผมเองไม่ได้อยากจะมาหาเรื่องหรอกนะ...  แต่พอเห็นคนสองคนนี้อยู่ด้วยกันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นแล้วผมรู้สึกเหมือนถูกคุกคาม  ทั้งๆที่คิดว่าไม่เป็นไรมาตลอดแท้ๆ  ทั้งๆที่ไม่เจอมานานถึง 6 ปี  แต่แผลในใจผมไม่ได้จางหายไปด้วยเลยสักนิดเดียว  มันบาดและฝังลึกลงไปอยู่อย่างนั้นตลอดเวลา

   “แก!  อย่ามาพูดแบบนั้นนะ  คนอย่างแกนั่นล่ะที่ถูกพี่ข่มขืน  แกเลยฆ่าพี่ให้ตาย  เพราะแกนั่นล่ะ!!”  โฮมเพจตะโกนพร้อมตรงเข้ามากระชากคอเสื้อของผมเข้าไปหา  แต่ผมกลับผลักเขาไปกระแทกโต๊ะข้างๆจนล้มลงไปได้อย่างง่ายดาย

   “ผมฆ่าเหรอ....?  หึหึ...รู้ไหมตอนนี้ตำรวจตรวจพบหลักฐานของจริงแล้วล่ะนะ  สิ่งที่คุณเหลือมันไว้ในที่เกิดเหตุพร้อมลายนิ้วมือไงล่ะ  พ่อกับแม่ก็รักคุณเหลือเกินนะ...พอรู้แบบนั้นก็สั่งตำรวจให้ปิดเรื่องเงียบ  ปล่อยใครๆคิดว่าผมเป็นฆาตกร  สนุกไหมล่ะพี่ชาย...ที่ทำลายชีวิตของผมตลอด 6 ปี  คุณสนุกกับมันมากไหม?”

   “พอได้แล้วโมเดล!!”  มาสเตอร์ของร้านตะโกนก่อนจะปล่อยหมัดออกมา  ผมหลับตาเตรียมพร้อมที่จะรับกับความเจ็บปวด  แต่กลับไม่ใช่...

   “ผมไม่รู้นะครับว่าพี่เขาทำอะไร  แต่คุณเองไม่มีสิทธิ์มาทำร้ายร่างกายคนอื่นครับ”  ฮิโรกิจ้องมาสเตอร์ด้วยแววตาน่ากลัว  ผมได้ยินเสียงกระดูกลั่นกรอบแกรบ

   “โอ๊ย!!  สารเลวปล่อยเดี๋ยวนี้นะ”  มาสเตอร์ร้องลั่น  ฮิโรกิมองด้วยสีหน้านิ่งก่อนจะสะบัดมือของมาสเตอร์ทิ้งเอื้อมมือไปหยิบกระดาษทิชชู่มาเช็ดมือด้วยท่าทางเหมือนเพิ่งจับของสกปรกมา

   “พี่ครับ  กลับกันเถอะ  ผมอยากไปทานร้านอื่นมากกว่าร้านนี้ท่าทางของจะสกปรก”  ฮิโรกิดึงมือผมให้ออกจากร้าน  กระทั่งลูกน้องในร้านของมาสเตอร์ก็ยังหลีกทางให้กับสายตาเย็นชาของเขา

   “ขอโทษนะ  ฉันไม่คิดว่าจะเจอคนพวกนั้นที่นี่”  ผมแค่นรอยยิ้มส่งไปให้กับฮิโรกิ  รุ่นน้องซึ่งผมเพิ่งจะได้คุยวันนี้  แต่กลับต้องมารับรู้เรื่องราวซึ่งแม้กระทั่งไนท์กับปาล์มยังเพิ่งรู้เมื่อไม่นานมานี้  ทั้งๆที่ทั้งสองคนเป็นเพื่อนสนิทของผมมาตั้งแต่สมัยประถม

   “พี่ครับ... ผมตั้งใจเป็นที่พักให้พี่นะครับ  ถ้าเหนื่อยผมมีไหล่ให้ซบ  ถ้าพี่เดินไม่ไหวเมื่อไหร่ผมจะแบกพี่ไว้บนหลังแล้วเราเดินไปด้วยกันนะครับ  ขออย่างเดียวอย่าฆ่าตัวตายอย่างที่พี่พูดเลยครับ  มีอีกหลายคนที่รักพี่แม้พี่อาจจะไม่ได้มองทางพวกเขา  ถึงอย่างนั้นก็รักตัวเองบ้างเถอะครับ” 

ฮิโรกิกุมมือของผมเอาไว้แน่นมากตอนนั้น  ผมรู้สึกอุ่นใจอย่างบอกไม่ถูก  เหมือนหมอกสีดำในใจของผมค่อยๆจางลงไปเมื่อได้ฟังคำพูดเหล่านั้น  บางทีผมอาจต้องการแค่ที่พักพิงก็ได้...  แค่ใครสักคนที่เข้าใจผมอย่างแท้จริง

   “นายขี่มอเตอร์ไซค์เป็นไหม?”

   “เอ๋?  อ...เอ่อ...เป็นครับ”  ฮิโรกิตอบอย่างตะกุกตะกักผิดกับท่าทางมั่นใจเมื่อสักครู่

   “ช่วยขี่ไปเรื่อยๆหน่อยได้ไหม?  ขอร้องล่ะนะ”  ผมฝืนยิ้มครั้งสุดท้ายก่อนจะสวมหมวกกันน็อคให้กับตัวเอง

   ฮิโรกิสวมหมวกแล้วขึ้นคร่อมมอเตอร์ไซค์  ผมเองก็ขึ้นไปนั่ง  เขาหันมาสำรวจพร้อมดึงมือผมเข้าไปกอดเอวของเขาเอาไว้

   “กอดผมแน่นๆ นะครับ”  ฮิโรกิหันมายิ้มให้กับผม ก่อนจะเริ่มบิดคันเร่งออกตัวไปอย่างรวดเร็ว

   มือของผมกอดเอวของฮิโรกิเอาไว้แน่น  ศีรษะซบลงกับแผ่นหลังกว้างนั่นก่อนจะปล่อยให้น้ำตาที่ไม่เคยไหลตลอด 6 ปีไหลรินลงมาอย่างนั้น  เสียงของผมฟังดูอื้ออึงไปหมด  ผมไม่อายที่จะปล่อยเสียงสะอื้นออกมา  หายจะมีใครสักคนรับรู้ถึงความอ่อนแอของผม  เขาคนนั้นคงเป็นคนที่ผมกำลังใช้เป็นที่พักพิงอยู่ตอนนี้

   ผมเหนื่อยเหลือเกินกับการปั้นหน้าว่าไม่เป็นอะไร  เหนื่อยที่ต้องฟังคำว่าฆาตกรทั้งๆที่ผมไม่ได้เป็นคนทำ  เหนื่อยกับการต้องทำตามคำสั่งของคนในบ้าน  เหนื่อยกับการต้องฝืนทำในสิ่งที่ตัวเองไม่ชอบใจ  ดังนั้นพออยู่โรงเรียนผมจะแสดงท่าทางออกมาอย่างไม่เกรงใจใคร  เพราะผมทำแบบนั้นไม่ได้เมื่ออยู่ในบ้านหลังนั้น  ที่ที่ผมไม่เคยคิดว่ามันคือบ้านสักครั้งเดียว  มันคือกรงขังมากกว่า  พันธนาการเดียวที่ผมอยากจะหนีจากไปให้ไกล

   การที่ผมถูกขายไปให้พวกยากูซ่ามันเป็นเรื่องปกติ  พวกเขาไม่เคยต้องการผม  เด็กที่เกิดมาเป็นฝาแฝด  เพราะการคลอดผมออกมาทำให้แม่ต้องตาย  ไม่นานพ่อก็มีภรรยาใหม่ซึ่งผมถูกบังคับให้เรียกว่าแม่  แต่ไม่ว่าอย่างไรผมก็ถูกมองว่าเป็นตัวกาลกิณีของบ้าน  เป็นคนที่ทำให้บ้านเปลี่ยนไปตั้งแต่ผมเกิดมา  ทำให้ทุกคนสูญเสียคุณแม่ซึ่งเป็นที่รักไป  เพราะผมคนเดียว...  เป็นเพราะผมแค่คนเดียวเท่านั้นตลอดมา...  บางทีก็อดคิดไม่ได้ว่าผมน่าจะตายๆไปซะ  แต่สุดท้ายผมก็ยังรักคุณพ่อซึ่งตอนนี้นอนอยู่ในโรงพยาบาลไม่ได้สติอยู่ดี  ท่านช็อคเพราะพี่ชายคนโตของบ้านตายจนกลายเป็นเจ้าชายนิทรา

   ผมไม่เหลืออะไร  สูญเสียทุกอย่างตั้งแต่วันที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นฆาตกรฆ่าพี่ชายตัวเอง...

   เอี๊ยด!

   เสียงของล้อรถมอเตอร์ไซค์เสียดสีกับพื้นถนน  ผมหลุดจากภวังค์หันมองรอบๆ น้ำตายังไหลอยู่ภายใต้เครื่องปิดบัง  ฮิโรกิถอดหมวกของตัวเองก่อนจะหันมาถอดหมวกของผมออก  ผมถอยหนีอย่างตกใจลงมายืนบนพื้นหญ้าด้านข้าง  ฮิโรกิดึงผมดึงผมซึ่งถูกเขาถอดหมวกกันน็อคออกไปเข้าไปกอด  เขาตัวสูงกว่าผมทำให้ใบหน้าของผมถูกกดซบลงไปบนไหล่ของเขา

   “ร้องออกมาให้หมดครับ  ผมจะรับหยดน้ำตาของพี่เอาไว้เองทั้งหมด”

   ผมยกแขนเข้าโอบกอดฮิโรกิเอาไว้แล้วปล่อยน้ำตาออกมาอย่างไม่อาย  เสียงสะอึกสะอื้นของผมดังไปพร้อมกับคำปลอบโยนของฮิโรกิที่ว่าเขาจะอยู่กับผมตรงนี้  เขายังอยู่ไม่ได้ไปไหน  ผมร้องระบายความเจ็บปวดตลอด 6 ปีที่ฝังจนกลายเป็นแผลเป็น  แม้ว่าผมพยายามจะรักษามันเท่าไหร่  ผมกลับเห็นแผลของตัวเองชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น

   มีใครได้ยินคำขอของผมไหมครับ....  ผมขอแค่ได้อยู่กับคนตรงหน้าของผมไปอีกสักพักจะได้ไหมครับ  ไม่ต้องตลอดไป  ขอแค่เวลาตอนนี้ซึ่งผมอ่อนแอ  ผมขอแค่นั้นคงไม่มากเกินไปใช่ไหมครับ...

*******************************************************************************************
 :เฮ้อ: กว่าจะจบ 1 ตอน เล่นเอาเครียดเหมือนกัน
ฝากด้วยนะคะสำหรับเรื่องนี้  และเรื่องสั้น เรื่องยาวๆอื่นๆที่เขียนเอามาแปะๆไว้
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่ะ  :L2:

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
โอ้โหเฮะ - -
ดราม่ามาเชียว วันหลังจะไม่บอกให้แต่งแบบนี้และ
เดี๋ยวยุเรื่องใหม่ 55+

ออฟไลน์ MimicClub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +174/-3
 :mc4: เอามาลงใหม่อีกน้า สนุกๆ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ชอบฮิโระจัง
น่ารักว่ะ :sad4:

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
   เสียงข้อความเข้าของโทรศัพท์มือถือของผมดังขึ้นมาในตอนเช้า  เสียงนั่นปลุกให้ผมต้องตื่นจากห้วงความฝันอันแสนโหดร้าย  ภาพในวันที่ทุกคนพบศพพี่อยู่กับผมตอนนั้นมันยังคงฝังลึกอยู่ในความทรงจำ  ใบหน้าบูดเบี้ยวราวกับโกรธแค้นชิงชังนั้นยังตราตรึงอยู่ในมโนสำนึกของผม

   ผมถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่ก่อนเอื้อมมือไปกดเปิดดูข้อความในยามเช้าแบบนี้ 

   จาก ฮิโรกิ ::  อรุณสวัสดิ์ครับพี่

   ผมเริ่มขมวดคิ้วยุ่งเมื่อพบว่าข้อความที่ส่งมานั้นไมได้มีเนื้อหาสาระใดๆ เลยสักนิด  ซ้ำยังส่งมาสั้นๆให้เปลืองค่าส่งข้อความเล่นเสียอีก  ผมจึงลงมือกดปุ่มยุกยิกเพื่อส่งข้อความตอบกลับ

   อย่ามาตลกตอนเช้า  รู้ไหมนายทำฉันตื่นก่อนเวลาปกติ...  รับผิดชอบมาซะด้วย

   ได้โปรดอย่ามองผมด้วยสายตาหมั่นไส้ขนาดนั้น  ผมไม่ใช่คนไม่สำนึกบุญคุณของใคร  แต่ในกรณีปลุกผมในตอนที่ผมยังนอนไม่เต็มอิ่มนั่นมันก็อีกเรื่องหนึ่ง  โรคความดันต่ำในตอนเช้าๆมันรักษาไม่หายจริงๆ

   หลังจากวันนั้นที่ผมร้องไห้โดยมีฮิโรกิเป็นที่พึ่งนั้นผมก็เล่าเรื่องราวของผมให้เขาฟังหมดทุกอย่าง  พอเล่าจบเขาก็ส่งยิ้มมาให้กับผมพูดว่าไม่เป็นไรนะ  แค่นั้นน้ำตาที่หยุดไหลไปแล้วของผมก็ไหลรินลงมาอีกครั้ง  รู้สึกเหมือนได้รับการปลดปล่อยจากพันธนาการตลอด 6 ปีที่ผ่านมา  ต่อจากนี้ไม่ว่าจะยากเย็นแค่ไหน  หรือจะต้องพบเจอกับอะไรในเส้นทางข้างหน้า  ผมเองก็คงจะไม่ย่อท้อยอมแพ้ง่ายๆอีกต่อไป  เพราะผมไม่ได้อยู่ตัวคนเดียว

   จาก ฮิโรกิ :: ขอโทษครับ  ถ้าอย่างนั้นให้ผมออกไปให้ชกหน้าดีไหมครับ?

   เส้นอารมณ์ของผมขาดผึงในทันที  ไอ้บ้าฮิโรกิมันคิดจะเล่นอะไรของมันกัน  จะว่าไม่คล่องภาษาไทยมันก็อยู่มาตั้งหลายปีแล้ว  จงใจยั่วโมโหผมใช่ไหมนี่?!  ผมไม่รอช้ากดต่อสายไปหาฮิโรกิทันที

   “สวัสดีครับพี่”  เสียงทุ้มของฮิโรกิถูกส่งผ่านมายังโสตประสาทของผม

   “ไม่ต้องเลยนะ  นายเป็นบ้าอะไรถึงได้ส่งข้อความมาปลุกฉันแต่เช้าตรู่แบบนี้  อีกอย่างหนึ่งไอ้ที่ว่าบอกให้ฉันชกคิดว่าฉันเป็นคนยังไงกันแน่หา?!  คิดว่าฉันใจเป็นยักษ์มารขนาดนั้นหรือไง?  นายจงใจสินะ”  ผมเริ่มขั้นตอนการระบายอารมณ์ในยามเช้า

   “อ....อ่าผมขอโทษครับ  ผมแค่เห็นพี่โกรธเลยบอกไปแบบนั้น  แต่ดีจังนะครับที่ได้ฟังพี่พูดเยอะขนาดนั้น  อยากเห็นหน้าจังเลยครับ” 

   “โรคจิต!  นี่ฉันว่านายอยู่นะ  ยังจะมาหัวเราะอีก  ทีนี้นายจะชดใช้ยังไงนอกจากให้ฉันชกหน้าหา?!”  ผมรู้สึกว่าตัวเองเริ่มจะเขินกับคำพูดของฮิโรกิขึ้นมา  ไม่รู้ทำไมประโยคเรียบๆแบบนั้นกลับทำให้หัวใจด้านชาของผมรู้สึกเหมือนได้รับชีวิตใหม่อีกครั้ง

   “พี่ครับ...ไปเที่ยวกันนะ  ที่ไหนก็ได้ที่พี่อยากไป”

   “นายอยากไปไหนล่ะ?”  ผมย้อนถามกลับไป  ผมเองไม่มีที่ที่อยากไปเป็นพิเศษอยู่แล้ว  แค่มีฮิโรกิจะเป็นที่ไหนก็ได้ทั้งนั้น  ความรู้สึกนี้คงเพราะมีแค่คนๆนี้ที่ยอมรับฟังเรื่องของผมทั้งหมดอย่างเต็มใจ

   “ผมเหรอครับ....”

   “อืม...นายนั่นล่ะ”

   “ที่ไหนก็ได้ที่มีพี่...  ผมพูดจริงนะครับอย่าเคืองผมนะ”

   “บ้า...นายมันบ้าจริงๆด้วย  แต่ก็ขอบใจนะที่คิดแบบเดียวกัน”  ผมยิ้มออกมาจนรู้สึกถึงแรงตึงบริเวณแก้มทั้งสองข้าง  รู้สึกอบอุ่นในหัวใจอย่างอธิบายไม่ได้ว่าเพราะอะไร

   “ประโยคหลังพูดอีกทีได้ไหมครับ?  ผมจะอัดเสียงเก็บเอาไว้ฟังอีก”

   “ไม่....อย่างนั้นไปดูหนังแล้วกัน  เห็นปาล์มบอกมาว่าเรื่องนี้น่าสนุก”  ผมเหลือบไปดูนาฬิกาบนหัวเตียงก็คิดว่ากว่าจะทำอะไรเสร็จก็คงได้เข้าดูหนังพอดี
   “ตกลงครับ  เจอกันที่โรงหนังนะครับ”

   “อืม...สักบ่ายๆแล้วกันนะ  แค่นี้ล่ะ”  ผมดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูกำลังจะกดวางสาย  แต่ประโยคที่ตามมานั้นผมกลับได้ยินอย่างชัดเจน

   “ผมชอบพี่นะครับ  แต่อีกไม่นานผมจะรักพี่ครับ”

   ผมกดวางสายไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว  ผมไม่ใช่เด็กสาวแรกรุ่นที่จะตื่นเต้นดีใจเวลาถูกผู้ชายมาบอกชอบ  แต่ตอนนี้ผมกลับรู้สึกแบบนั้น  ยิ้มออกมาอย่างหยุดไว้ไม่ได้  นานแค่ไหนที่ผมไม่เคยได้ยินอะไรที่ทำให้ผมดีใจขนาดนี้มาก่อน
   
   “ขอโทษที่มาสาย  แต่ว่ายังไม่ถึงเวลานัดนี่?  นายมานานหรือยัง”  ผมเหลือบมองฮิโรกิซึ่งยืนยิ้มอยู่หน้าโรงหนังใกล้กับโรงเรียน  วันนี้เข้าแต่งตัวสบายๆ  เสื้อคลุมสีดำสลับขาวมีฮู้ด  กับกางเกงยีนสีซีดๆ  รองเท้าผ้าใบสีดำ

   “ผมมาได้สักพักเองครับ  ซื้อตั๋วแล้วด้วย  เราเข้าไปกันเถอะครับ”  ฮิโรกิชูตั๋วสองใบขึ้นมาให้ผมดู  ก่อนจะถือวิสาสะจูงมือผมเข้าไปในโรงหนังโดยมีสายตาหลายคู่จับจ้องมาทางเรา

   พอเข้าไปดูเท่านั้นอาการเบื่อ  เซ็ง  และง่วงของผมก็ตามมาอย่างหยุดไม่ได้  หนังบ้าอะไรไม่เห็นจะสนุกตรงไหน  รอดูจบก่อนเถอะผมจะลากคอปาล์มให้มาจ่ายเงินค่าตั๋วหนังคืนให้ได้  เสียเวลาดูจริงๆ

   “พี่ครับ...ไม่สนุกหรือครับ”  ฮิโรกิเอียงคอหันมากระซิบ

   “อือ...คอยดูนะจะไปตามเอาเงินคืน”

   “หา?  กับคนขายตั๋วหรือครับ?”  หน้าตาตกใจของหมอนี่ทำให้ผมรู้สึกอยากหัวเราะอย่างไรไม่รู้

   “เปล่า....ง่วงแล้วขอนอนได้ไหม?”  ผมหาวรอบใหญ่ก่อนจะหันไปมองหน้าของฮิโรกิเป็นการขออนุญาต

   “ครับ...”  ฮิโรกิยิ้มก่อนจะยกที่พักแขนระหว่างผมกับเขาขึ้นแล้วดึงหัวของผมให้เอนไปซบกับไหล่ของเขา  “นอนแบบนี้ดีกว่าครับ  จะได้ไม่เมื่อคอเท่าไหร่ด้วย” 

   ตอนนี้ในโรงหนังมืดมาก  มีแสงจากหนังบนจอส่องมาเพียงแค่รำไรเท่านั้น  ผมหวังว่าฮิโรกิคงจะไม่เห็นหน้าของผมในเวลานี้  เพราะผมกำลังยิ้มอย่างที่แทบไม่เคยทำมาก่อน  อยากจะขอบคุณนายจริงๆ....

   กลิ่นแชมพูผสมกับกลิ่นสบู่อ่อนๆบนตัวของฮิโรกิทำให้ผมรู้สึกผ่อนคลาย  มือของเขาจับหัวของผมแล้วลูบอย่างอ่อนโยนเหมือนตอนที่ปลอบผมวันนั้น  แล้วผมก็เผลอหลับไปอย่างง่ายดายภายในอ้อมกอดของเขา

    ตอนนี้ผมกำลังถูกรบกวนด้วยสัมผัสนุ่มๆ บริเวณริมฝีปาก  สัมผัสหยุ่นๆที่คล้ายกับเคยพบเจอมาแล้วปลุกให้ผมต้องตื่นขึ้นมาจากห้วงนิทราอีกครั้งของวัน  ผมลืมตาขึ้นเห็นใบหน้าของฮิโรกิอยู่ห่างจากผมแค่เล็กน้อย  ใบหน้านั้นยิ้มแย้มแต่ข้างแก้มนั้นเจือรอยแดงๆ

   “อ...เอ่อ...หนังจบแล้วครับเราไปกันเถอะ”  ฮิโรกิจูงมือผมซึ่งยังงัวเงียให้ออกมาจากในโรงหนัง  ผมยังสงสัยอยู่ว่าสัมผัสเมื่อครู่ก่อนผมจะลืมตามันเป็นความฝัน  หรือผมถูกฮิโรกิจูบ...กันแน่

   “ฮิโรกิ  นายจูบฉันใช่ไหม?”

   “ไปบ้านผมกันนะครับ”  ผมยังไม่ได้รับคำตอบที่ต้องการก็ถูกฮิโรกิลากไปขึ้นรถยนต์คันหรู  ก่อนมุ่งหน้าตรงไปยังบ้านของเขา

   พอไปถึงสิ่งที่ผมเห็นก็คือบ้านหลังใหญ่เหมือนพวกในละครโทรทัศน์หลังข่าวประมาณนั้น  มันใหญ่จนอดคิดไม่ได้ว่าเวลาทำความสะอาดครั้งหนึ่งต้องใช้คนไปเท่าไหร่  ต้องมีคนดูแลกี่คนกันแน่

   ฮิโรกิลากผมเดินผ่านห้องนั่งเล่นเข้าไปยังชั้นบนซึ่งมีห้องมากมายไม่รู้กี่ห้อง  แต่ผมก็ถูกลากเข้าไปในห้องหนึ่งในนั้นซึ่งมีป้ายชื่อของฮิโรกิเป็นภาษาญี่ปุ่นติดเอาไว้

   “พี่ครับ...ไปเล่นเกมกันนะ”

   แน่นอนว่าผมถูกลากให้เข้าไปเล่นเกมกับโทรทัศน์จอใหญ่ยักษ์ X-box รุ่นใหม่ล่าสุดล่อตาล่อใจแบบเหนือความคาดหมายไปเลยเต็มๆ  เล่นผลัดกันแพ้ผลัดกันชนะ  แต่ไม่ว่าผลจะเป็นแบบไหนก็ยังจบลงด้วยเสียงหัวเราะเสมอ

   สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา  ผมเห็นเข้าเหลือบไปมองมันเล็กน้อยเมื่อเห็นว่าไม่มีชื่อขึ้นเขาก็กดตัดสายทิ้งไปอย่างไม่สนใจอะไร

   “ทำไมนายกดตัดสายทิ้งแบบนั้นกัน”

   “เพราะเป็นเบอร์ที่ผมไม่ได้บันทึกเอาไว้ครับ  อีกอย่างคนที่ผมเคยคบบางคนมักจะโทรมา  ผมไม่อยากคุยในเมื่อมันจบไปแล้ว”  ผมมองฮิโรกิใหม่อีกครั้ง  คำพูดของเขามันดูเฉยชาจนไม่คิดว่าเป็นผู้ชายคนเดียวกับที่พูดปลอบใจผมก่อนหน้านี้

   “แล้วปาล์มล่ะ  นายไม่ได้เก็บเบอร์เธอไว้เลยเหรอ  เธอเคยคบกับนายมาก่อนนะ”  ผมถามถึงปาล์มเพื่อนสนิทของผมแต่ฮิโรกิกลับส่ายหน้า  นั่นทำให้ผมรู้สึกแย่กับเขาขึ้นมากะทันหัน

   “ผมบอกพี่แล้วครับ  ผมไม่ชอบเก็บเบอร์ของคนที่จบกันไปแล้ว” 

   ผมนิ่งเงียบไปสักพัก  เสียงโทรศัพท์ของฮิโรกิก็ดังขึ้นมาอีกครั้ง  คราวนี้มีชื่อขึ้นที่มือถือว่า “โมเดล”  ผมตกใจมากแต่ทำเป็นเหมือนไม่ได้อะไร  ฮิโรกินั่งคุยอยู่ตรงข้างๆผม  ฟังดูก็รู้ว่าเขาดีใจแค่ไหนที่ได้คุยกับผู้หญิงในโทรศัพท์นั่น  ผู้หญิงที่ชื่อเหมือนกับผมไม่มีผิด  คุยไปสักพักก่อนวางสายฮิโรกิเหมือนพยายามจะยื้อเธอเอาไว้  แต่ดูเธอจะไม่ยอมให้เป็นไปเช่นนั้นตัดสายเขาไปทันที  ในตอนนั้นผมเห็นฮิโรกิทำท่าทางเหมือนคนหมดแรงไปชั่วขณะหนึ่ง  ส่วนผมเองก็เริ่มรู้สึกตัวว่าผมเปิดช่องว่างภายในใจให้เด็กคนนี้เข้ามามากเกินไปแล้ว

   “นายเห็นแก่ตัวจังนะ  เลือกเก็บแต่เบอร์ของคนที่ชอบเท่านั้น”  ผมแค่นรอยยิ้มเล็กน้อย  “ถ้าครบ 1 อาทิตย์ฉันเองคงอยู่ในจำนวนนั้นด้วยสินะ  แต่ระหว่างนี้ช่วยอย่านอกใจกันไม่ได้หรือไง”

   ฮิโรกิจ้องหน้าผมนิ่ง  ผมเองตอนนั้นก็คงไม่ได้แสดงสีหน้าอะไรออกไปมากมาย  ผิดหวังก็เท่านั้นที่ต้องมาเจอเรื่องแบบนี้  ทั้งๆที่ปาล์มบอกว่าผู้ชายคนนี้เป็นคนดีและเอาใจใส่คนที่คบอยู่ด้วยมากๆ  แต่สำหรับผมมันก็แค่สิ่งที่เคลือบเอาไว้ปิดบังความเลวร้ายลึกๆภายใน

   “เหลืออีก 3 วันสินะ  ถ้าอย่างนั้นวันนี้ฉันกลับก่อนล่ะ”  ผมเก็บกระเป่าเดินออกมาจากห้องนอนของฮิโรกิ  ระหว่างทางเดินก็พบกับเหล่าพ่อบ้านเดินโค้งตัวให้กับผม  ซึ่งผมก็ยังพอจะมีมารยาทโค้งตัวกลับไปพอเป็นพิธี

   “พี่หมายความว่ายังไงที่ว่า 1 อาทิตย์แล้วเราจะจบกัน?”  ฮิโรกิวิ่งมากระชากแขนผมเอาไว้ทำให้ผมเกือบพลาดตกบันได  เคราะห์ดีที่หันไปคว้าราวบันไดเอาไว้ได้ทัน

   “หมายความอย่างที่พูด  ระหว่างนี้ก็มามีความสุขกันเถอะนะ”  ผมเอื้อมมือไปยีหัวฮิโรกิเล่น  ก่อนจะผละออกจากเขาวิ่งสุดกำลังขาออกมาจากคฤหาสน์หลังใหญ่นั่น

   ทั้งๆที่เพิ่งพบกันไม่นาน  เวลา 4 วันที่เขาคอยดูแลเอาใจใส่มันก็มากมายจริงๆ  จนเผลอลืมไปว่าผมเองก็แค่แฟนประจำสัปดาห์ของเขาอีกคน  จะแปลกะไรหากเขาเลือกจะเดินหนีผมไปหลังจากนี้  ส่วนตัวผมเองหลังจากจบ 3 วันนี้  คงต้องไปอยู่กับพวกยากูซ่านั่นเสียที  หมดแรงจะขัดขืนหรือดิ้นรน  เพราะสุดท้ายผมเองก็ทำได้แค่ยอมรับแล้วทำใจ  ไม่เคยจะมีอะไรต่างไปจากเดิมเลยสักนิดเดียว...


***********************************************************************************************
ไม่ค่อยได้รับความนิยมแต่ก็จะเขียนอ่ะ >< 55+ เพราะกานต์จาก หอพัก(รัก)ชายจะมาโผล่ด้วยล่ะ อิอิ
ฝากด้วยนะคะ

ออฟไลน์ k00_eng^^

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 647
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +63/-2

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
 :o12:
ไม่เอาแบบนี้ :z3:
 :z6:พี่อย่าเพิ่งเตะอายจิ  :sad4:

ออฟไลน์ jiki

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1567
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +175/-2
ชื่อก็น่าจะหวานนะ แต่ทำไมมันเครียดจังอ่ะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ iranen

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 854
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +80/-0
ยากูซ่าที่ซื้อโมเดลคือ ฮิโรกิหรือเปล่านะ
แต่สงสารโมเดลจังเลย
 :o12:

ออฟไลน์ Na_RimKLonG

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 640
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +38/-1
ต่อๆๆๆ


ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
ฮิโระ นายคุยกับใครน่ะ ห๊ะ :angry2:

โป้งแล้ว ชิ งอนๆ

ZuuZuu

  • บุคคลทั่วไป
อ๋อยยยยยยยยยย
ไม่อยากจะบอกเลยค่ะว่าตอนแรกเห็นคำว่าดราม่าก็กะว่าจะไม่อ่านแล้วนะ แต่มาเจอต่อว่าสุดท้ายจะแฮปปี้เอน
เอาฟร๊ะ อ่านก็อ่าน
พออ่านแล้วมัน..............
โมเดลน่าสงสารมากๆเลยอ่ะค่ะ ปมเยอะจังเลยอ่ะ อยากรุ้ซะแล้วซิว่าตอนต่อไปจะเป็นยังไง แต่เดาว่ายากูซ่าคนนั้นคือบ้านฮิโรกิรึป่าวอ่า
ขอให้ใช่ทีเหอะนะ เพี๊ยง ไม่อยากให้โมเดลต้องเสียใจมากไปกว่านี้แล้วอ่าค่ะ
ส่วนโมเดลที่ฮิโรกิคุยโทรศัพท์ด้วย ก็ขอว่าอย่าให้เป็นแบบที่โมเดล((ชาย))คิดด้วยเหอะนะเพี๊ยง~~~~
สุดท้าย รออ่านตอนต่อไปอยู่ค่ะ แล้วก็รอน้องกานต์ด้วย คิคิคิ

ปล.อย่าไปคิดค่ะว่าเรื่องไม่ได้รับความนิยม เพราะเค้าก็เป็นคนนึงที่รออ่านค่ะ สู้ๆนะคะูู ^^

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
เพิ่งเห็นว่าชื่อตัวเองแดงแปร๋เลย -*-
อายคงไม่ถูกหั่นใช่มั้ย TT^TT

ออฟไลน์ fannan

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +141/-6
ง่ะฮิโระคุยกับใครอ่ะชื่อเหมือนกันเลย


ง่าฮิโระคงไม่ได้จะคบแค่อาทิตย์เดียวหรอกมั้ง



น่าสงสารจังอ่ะทำไมถูกขายเหมือนเป็นสิ่งของแบบนี้



รออ่านตอนต่อไปค้าบบบบบบบบบบบบบบบ

ออฟไลน์ papa

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 818
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +70/-3
เริ่มมาก็ได้กินมาม่าแล้ว แต่ถ้าจบแฮปปี้ก็ไม่เป็นไร

แต่น่าสงสารโมเดลจัง  :monkeysad:

ออฟไลน์ bambooiihallo

  • ยู้ฮู >w<
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1228
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1503/-19
แบมก็มารอตอนต่อไปนะพี่เฟิร์น 55

YELLOWSTAR

  • บุคคลทั่วไป
มาม่ามากมาย  :sad4: :sad4:

เศร้าอ่ะ ไม่ไหวจะเคลียร์

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
กว่าจะถึงตอนแฮปปี้ๆ มันจะมาม่ากันไปถึงเมื่อไรล่ะ :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ ปี้ปี้ปี้~PalmY

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2427
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +273/-1
รีบมาต่อให้จบนะครับ ไม่อยากดราม่านาน

ออฟไลน์ ๛ナーリバス๛

  • ~~~๛NaaribuS๛~~~ ~ [TBL-081-588]
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1500
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +898/-26
    • NaaribuSS
เครียดแฮะ :sad4:

minimonmon

  • บุคคลทั่วไป
 o22ไปอยู่กับพวกยากูซ่าเลยเหรอ  :เฮ้อ:

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
3 Days….

   วันนี้ผมตื่นออกจากบ้านแต่เช้า ไม่อยากติดต่อหรือพบปะกับใครทั้งนั้น  ความรู้สึกเหมือนตัวเองได้บินขึ้นสู่ท้องฟ้าแล้วถูกผลักให้ตกลงมาเพียงชั่วครู่ที่เริ่มบิน  มันทำให้ผมจุกไปหมด  ร่างกายปฏิเสธอาหารทุกอย่างที่เข้าปาก  ผมอาเจียนตั้งแต่เมื่อวานก็ยังไม่ดีขึ้น  โทรศัพท์มือถือถูกโยนวางเอาไว้ในลิ้นชัก  มีเสียงโทรเข้ารวมทั้งข้อความดังมาไม่ขาดสายตั้งแต่เมื่อคืน  จนสุดท้ายผมก็ตัดสินใจปิดเครื่องไปให้สิ้นเรื่อง

   “จะไปไหนของแก”  เสียงแม่เลี้ยงของผมตะโกนดังมาไล่หลัง  ผมไม่ได้ใส่ใจอะไรเดินทิ้งระยะห่างออกมานอกบ้านเตรียมตัวจะออกไปงานเปิดรั้วมหาวิทยาลัยตามที่นัดกับไนท์และปาล์มเอาไว้

   ทั้งๆที่ปกติเวลาได้บิดมอเตอร์ไซค์เร็วๆอารมณ์ผมจะถูกปลดปล่อยแท้ๆ  แต่วันนี้ผมกับรู้สึกเหมือนถูกพันธนาการอีกเส้นซึ่งมองไม่เห็นด้วยตาเปล่าค่อยๆคืบคลานเข้ามัดดึงตัวและหัวใจของผมเข้าไปทีละน้อย  บางทีก็รู้สึกอยากจะหยุดหายใจไปซะเฉยๆ  เผื่อว่าจะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องราวอะไรต่อไปอีก

   “นี่! ทำไมมาช้านักนะ”  ปาล์มเดินตรงเข้ามาตบบ่าผม  วันนี้รู้สึกเธอจะแต่งตัวดูดีเป็นพิเศษ  ผมที่ยาวก็ถูกปล่อยลงมาเคลียใบหน้ารูปไข่นั่น  การแต่งตัวที่ปกติดูสบายๆ ก็ดูจะเรียบร้อยเป็นพิธีการมากขึ้น

   “ขอโทษที...”  ผมไม่รู้ว่าตอนพูดผมแสดงสีหน้าแบบไหนออกมาไนท์กับปาล์มถึงได้ดูมีท่าทีกังวลใจนัก

   “ไม่เป็นไรนะเดล”  ไนท์เอื้อมมือดึงมือผมเข้าไปกุมเอาไว้  ปาล์มเองก็ด้วย  กลายเป็นว่าเราสามคนเดินจูงมือเที่ยวดูมหาวิทยาลัยกันสามคนเหมือนเด็กเล็กๆ  แต่นั่นกลับทำให้ผมรู้สึกอุ่นใจขึ้นมาบ้าง  ถึงจะไม่มากก็เพียงพอจะทำให้ผมยังอยากหายใจต่อให้นานอีกสักหน่อย

   “น้องครับ! น้องสามคนนั้นน่ะ  ไม่ลองมาเล่นเกมกับพวกพี่หรือครับ!”  เสียงผู้ชายในชุดนักศึกษาของมหาวิทยาลัยตะโกนเรียกพวกเราให้หยุดหันไปมอง 

   “ฉันอยากลองเล่นดูอ่ะ  ไปเล่นกันนะ”  ผมแอบเห็นว่าปาล์มจ้องรุ่นพี่คนนั้นตาไม่กระพริบสงสัยจะตกหลุมรักเข้าแล้วล่ะมั้ง?

   “เดล...นายโอเคนะ?”  ไนท์หันมาถามก่อนได้รับคำตอบจากผมเป็นการพยักหน้าเล็กน้อย

   “มาๆเลยครับน้องทั้งสามคน  เกมนี้เล่นเป็นคู่เพื่อสร้างความสนุกสนาน  รางวัลของพวกพี่เป็นรูปถ่ายพร้อมลายเซ็นต์วงเกาหลีวงนี้เลย!”  รุ่นพี่คนนั้นเอารางวัลออกมาล่อปาล์มเต็มที่  แต่ผมว่าถึงไม่ต้องเอาของรางวัลมายังไงปาล์มเองก็คงเล่นเพราะติดใจหน้าตาพี่เขาอยู่ดี

   “แล้วกติกาล่ะครับ”  ไนท์มองอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์  ไม่แปลกอะไรเท่าไหร่ก็ไนท์มันชอบปาล์มมาตั้งนานแล้ว  มีแต่ปาล์มคนเดียวมั้งที่ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นสักที

   “วิ่งสามขาไงครับน้อง  วิ่งวิบากด้วยไปยังจุกเช็คพอยท์ตามที่เรากำหนดเอาไว้  แค่นั้นเองไม่ยากอะไรเลย  เรามีป้ายบอกทางให้เสร็จเลยด้วยนะ  ขาดอีก 2 คู่พอดีเลย”  รุ่นพี่คนนั้นยิ้มพร้อมสาธยายจูงใจ

   “ขอโทษนะครับ  เพื่อนผมอีกคนคงไม่เล่นครับ”  ไนท์หันไปบอกพวกรุ่นพี่ซึ่งเหมารวมเอาผมเข้าไปอยู่ในเกม  อีกอย่างผมก็ไม่มีคู่...

   “โธ่! น้องครับ  อย่ายืนทำหน้าสวยอย่าเดียวสิ  เดี๋ยวพี่คู่กับน้องเอง”  มือของพี่คนนั้นเคลื่อนเข้ามาใกล้ใบหน้าของผมซึ่งถูกปิดด้วยฮู้ดเอาไว้บางส่วน  แต่ยังไม่ทันจะโดนก็มีรุ่นพี่อีกคนเดินเข้ามาห้ามเอาไว้

   “บอกกี่ครั้งว่าอย่าลวนลามผู้หญิง”  ใบหน้านิ่งๆของรุ่นพี่อีกคนทำเอาคนที่คิดจะจับหน้าผมถอยหลังออกห่างอย่างรวดเร็ว

   “ขอโทษครับ...ผมเป็นผู้ชาย”  ผมถอดฮู้ดซึ่งใส่ไว้กันแดดกับหมวกออก  ถึงหน้าผมจะสวยยังไงก็ไม่น่ามองเป็นผู้หญิงได้เลยให้ตายสิ

   “ฮ่าๆๆ!  ไอ้กานต์หน้าแตกหมอไม่รับเย็บเลยวุ้ย!”  รุ่นพี่ที่เหลือยืนโห่รุ่นพี่คนที่เข้ามาช่วยผมเอาไว้  ผมเห็นว่าจากใบหน้านิ่งๆ กลายเป็นหน้าเหวอ  สักพักก็กลับมายิ้มยืนเกาศีรษะอย่างเขินๆ  ใบหน้านั้นเจือไปด้วยสีแดงอมชมพู  สุดท้ายพอเห็นแบบนั้นผมก็อดหัวเราะออกมาไม่ได้

   “น้องครับ  อย่าหัวเราะพี่แบบนั้นสิ  ขอโทษที่พี่เข้าใจผิดครับ”  พี่คนที่ชื่อกานต์ยิ้มกว้าง  รอยยิ้มของพี่เขาดูดีมาก  ถ้าถามว่าพี่เขาหล่อไหมก็คงต้องตอบว่าหล่อ  แต่ถ้าเทียบกับรุ่นพี่ที่ยืนๆกันอยู่ในซุ้มแล้วก็แทบจะปกติ  เพราะในนั้นมีผู้ชายหน้าตาดียืนเรียงอยู่เป็นแถว  ก็พอจะเข้าใจว่าไนท์มันถึงได้หงุดหงิดเหลือเกิน

   “ไม่เป็นไรครับ  ผมเล่นด้วยก็ได้ครับ”  ผมนึกอะไรไม่รู้คงแค่อยากจะปล่อยตัวเองบ้าง  ในเมื่ออีกฝ่ายซึ่งผมคบอยู่ด้วยยังนอกใจผมได้  แล้วทำไมผมจะลองมองหาใครสักคนบ้างไม่ได้ล่ะ

   “ฮิ้วววว~!! พี่กานต์หาคู่ได้แล้ว  คราวหน้าจะได้ไม่มาจ้องเอ็กซ์ของพวกเราอีก”  เสียงกลุ่มของผู้ชาย 5 คนในนั้นโห่ร้อง  แต่ก็ถูกดุด้วยรุ่นพี่ซึ่งใส่แว่นท่าทางเป็นเด็กเรียนจนเงียบกริบ

   “พวกนายน่ะ! ถ้าไม่เลิกพูดแบบนั้นคืนนี้อดจริงๆด้วย”  ถึงแม้คำพูดนั้นจะดูคลุมเครือไปหน่อยก็เถอะนะ

   “เดล  นายไหวเหรอ?”  ไนท์เดินเข้ามาจับหน้าผากผมเพื่อวัดไข้  ที่รู้สึกปวดหัวนิดๆคงเพราะพิษไข้

   “อ้าว! พี่กานต์ครับน้องเค้ามีเจ้าของแล้วอ่ะ  เสียใจด้วยนะพี่!”  คราวนี้เสียงโห่ฮามาจากอีกมุม  มีผู้ชาย 8 คนยืนเกาะกลุ่มกันอยู่

   “เดลเป็นเพื่อนผม  แต่คนนั้นน่ะของผม!”  ประโยคหลังไนท์มันหันไปมองปาล์มซึ่งทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้

   “ไม่ต้องห่วงหรอกว่าพวกพี่จะแย่งของน้อง  แต่ถ้าเพื่อนน้องโดนงาบไปก็ไม่แน่นะ”  พี่เอ็กซ์กล่าวยิ้มๆ  ก่อนจะยื่นผ้ามาให้ผมกับพี่กานต์ผูกขาเข้าด้วยกัน
 
   “พี่ผูกให้นะครับ”  พี่กานต์รับผ้านั้นมาก่อนจะก้มลงไปผูกขาของผมให้ติดกับของเขา  แต่พอเริ่มจะเดินเท่านั้นผมก็แทบจะสะดุดล้ม  โชคดีที่พี่กานต์โอบเอวผมเอาไว้ได้ทัน  ใบหน้าของผมซึ่งเกือบได้ไปนาบกับพื้นซีเมนต์จึงมาแนบอยู่กับแผงอกของพี่กานต์แทน

   “ฮิ้ววววว~!  เดือนปี 3 เราจะมีคู่แล้วโว้ย!” 

   “เงียบไปเลย”  พี่กานต์ค่อยๆ ปล่อยผมออกอย่างระวังพร้อมกับหันไปส่งสายตาอาฆาตให้พวกที่ร้องแซว  แต่ทำไมใบหน้านั่นต้องมีรอยแดงที่แก้มด้วยล่ะ หรือจะเขินผมเหรอ?

   “ฮิ้ววววว~! คนสวยครับระวังโดนพี่กานต์หม่ำนะครับ”

   “ไอ้เวรโจ  เดี๋ยวโดนถีบ!”  ยิ่งโดนล้อหน้าพี่กานต์ก็ยิ่งแดงหนักขึ้นเรื่อยๆ

   “ไปประจำที่ได้แล้ว  คนอื่นรอแล้วเห็นไหม”  พี่เอ็กซ์พูดก่อนดันหลังของพี่กานต์กับผมให้ออกไปตรงทางเดินซึ่งมีหลายคู่อยู่ก่อนหน้านี้แล้ว

   ผมเดินไปกับพี่กานต์อย่างกระท่อนกระแท่นโดยมีแขนของพี่เขาคอยประคองผมให้เดินไปตลอด  ถ้ามองจากสายตาคนอื่นผมกับพี่เขาก็คงเหมือนคู่รักที่ชวนกันมาเล่นเกมนี้ก็ได้  เล่นโอบผมไว้ขนาดนี้  ไม่แปลกใจเลยหากใครจะเข้าใจผิดเรื่องสถานะความสัมพันธ์

   แดดตอนสายๆร้อนมากผมต้องเอาหมวกมาสวมแล้วคลุมฮู้ดไว้ตามเดิม  พี่กานต์เองก็หยิบหมวกมาสวมไว้เช่นกัน  ผิวขาวๆของพี่เขาพอโดนแดดแล้วดูเหมือนมีออร่าเปล่งประกายออกมาชอบกล  แถมคนรอบๆทั้งนักเรียนที่มาเที่ยวชมงานกับพี่ๆ ในมหาวิทยาลัยเองก็จ้องมองมาทางพี่กานต์กันหมด  ทำเอาผมที่ต้องมาคู่กับพี่เขารู้สึกประหม่าไม่น้อย  เพราะพี่กานต์ท่าทางจะดังมาก  เป็นถึงอดีตเดือนของมหาวิทยาลัย

   ทันทีที่เสียงสัญญาณดังผมกับพี่กานต์ก็เริ่มเร่งฝีเท้าในการวิ่งสามขาไปยังจุดเช็คพอยท์แรก  โดยผมเองไม่ได้กลัวที่จะล้มลงไปเลยเพราะพี่กานต์โอบเอวของผมเอาไว้แนบกับลำตัวของพี่เขา  จนผมเหมือนกับถูกกึ่งอุ้มมากกว่าจะวิ่งสามขา 

   แต่ยังไม่ทันจะถึงจุดเช็คพอยท์ด้านหน้า  ผมรู้สึกเหมือนกับโลกเหวี่ยงหมุนรอบตัวอย่างรวดเร็ว  ขาที่วิ่งเริ่มก้าวไม่ออก  หายใจติดขัด  ได้ยินเสียงเรียงชื่อผมขณะที่ฝีเท้าหยุดวิ่ง  ก่อนทุกอย่างจะหายไปกลายเป็นความมืดมิด

   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาอีกทีก็เห็นฝ้าเพดานสีขาวๆลอยเด่นอยู่ตรงหน้า  คาดว่าคงไม่พ้นเป็นโรงพยาบาลที่ไหนสักที่  หันมองด้านข้างก็เห็นพี่กานต์กับเพื่อนอีกสองคนของผมกำลังคุยกับหมอด้วยสีหน้าโล่งอก  แต่พอปาล์มหันมาเห็นผมฟื้นเท่านั้นล่ะ  ผมแทบอยากจะหลับตาลงไปเสียเดี๋ยวนั้น

   “โมเดล!! แกทำพวกฉันลำบากรู้ตัวไหม  พ่อเจ้าประคุณนี่ไม่คิดจะดูสภาพตัวเองก่อนคิดจะเล่นอะไรเลยหรือไง  ป่วยเป็นไข้แถมยังไม่ได้กินข้าวอีก  แล้วไหนจะร่างกายอ่อนเพลียเพราะอดนอน  คุณเธอคิดว่าตัวเองเป็นยอดมนุษย์ใส่เกราะเหล็กหรือยังไงหา?!  ร่างกายเธอไม่ได้เสริมใยเหล็กนะยะจะได้แข็งแรงทนถึกสู้งานทุกสถานการณ์  หัดเอาสมองฉลาดๆคิดซะบ้าง  ฉันเพื่อนแกนะโว้ย!  มีอะไรทำไมไม่พูด”  ผมได้แต่ส่งยิ้มแหยๆไปให้ไนท์  เผื่อจะช่วยห้ามปาล์มเหมือนกับครั้งที่แล้วแต่ดูเหมือนผมจะคิดผิดจริงๆ

   “คราวนี้ฉันไม่ช่วยนาย  ร่างกายขาดสารอาหารแถมยังเป็นไข้  ป่วยแล้วทำไมไม่โทรศัพท์มาบอกว่ามาไม่ได้  นี่ตอนนี้นายคิดว่าพวกฉันเป็นเพื่อนอยู่หรือเปล่า  ฉันรู้ว่าชีวิตเป็นของนาย  แต่ช่วยเห็นใจเพื่อนอย่างฉันสองคนได้ไหม?  เห็นแกล้มไปต่อหน้าต่อตาแบบนั้นพวกฉันจะรู้สึกยังไง  แล้วพี่กานต์อีก...พี่เขาตกใจมากรู้ไหม?”  ไนท์ร่ายยาวใส่ผม  ผมเลยต้องหันหน้าไปทางพี่กานต์ซึ่งยืนยิ้มอย่างอบอุ่นมาให้ผม  อย่างน้อยคงไม่โดนพี่กานต์บ่นใส่ตั้งแต่วันแรกที่เจอ  ก็ยังดี...มั้ง?

   “ทีหลังอย่าฝืนตัวเองนะครับ”  พี่กานต์ยิ้มก่อนจะเอื้อมมือมาลูบหัวผม  แต่ผมกลับสะดุ้งทำให้พี่กานต์ต้องชักมือกลับพร้อมกับมีสีหน้าหมองลงไป

   “ขอโทษครับ  ผม...”  ผมไม่รู้จะบอกพี่เขายังไงว่าผมไม่ชินเพราะกลัวจะถูกทำร้ายเหมือนตอน 6 ปีก่อนหน้านี้  ผมถูกคนในบ้านตัวเองทำร้ายเมื่อคิดว่าผมฆ่าพี่ชายตัวเอง  อาการก็ไม่หนักหนาอะไร  แค่ปางตาย...

   “ไม่เป็นไรครับ  ไม่ต้องขอโทษหรอกนะ”  พี่กานต์ยิ้มอย่างอ่อนโยน  ผมรู้สึกเหมือนพี่เขาคล้ายกับคุณพ่อของผมมาก  ตอนเด็กๆ ท่านเองมักจะลูบศีรษะผมอยู่เสมอ  กระทั่งเหตุการณ์วันนั้นท่านเองก็ไม่ได้ปักใจเชื่อว่าผมเป็นคนทำ  แต่ด้วยความที่ท่านช็อคที่ต้องเสียลูกชายไปทำให้ล้มป่วยจนต้องนอนรักษาเป็นเจ้าชายนิทราในโรงพยาบาล  ตั้งแต่นั้นมาผมก็ถูกทำร้ายมาโดยตลอด  จนเมื่อผมเริ่มโตก็ไม่มีใครกล้าทำอะไรผม  เพราะผมเริ่มจะสู้  แล้วด้วยความที่เป็นผู้ชายจึงมีน้อยครั้งนักที่จะถูกทำร้ายต่อหน้า  ถ้าลอบกัดกันก็อีกเรื่องหนึ่ง

   “หมอบอกว่าให้น้ำเกลือหมดถุงนี้ถึงกลับบ้านได้  แต่อยากให้แกนอนค้างที่นี่สักคืนดีกว่า  กลับบ้านไปมีแต่จะทำให้ทรุดหนัก  ทางที่ดีอยู่นี่มันซะ 2 คืนจะได้หายขาด”  ปาล์มเขกหัวผมดังป๊อก  ก่อนจะยิ้มเมื่อเห็นผมทำท่าลูบหัวตัวเองป้อยๆ

   “เดี๋ยวฉันอยู่เฝ้าให้ไม่ต้องกลัวผีหรอกน่ะ”  ไนท์แกล้งแซวผมเล่น  ผมเลยส่งหน้ามุ่ยแก้มป่องไปให้มันแทน  จนทั้ง 3 คนหัวเราะออกมาเสียงดัง

   “พี่ว่างครับ  ถ้ายังไงเดี๋ยวพี่ช่วยอยู่เฝ้าด้วย  มีอะไรพี่จะได้ช่วยจัดการเรื่องโรงพยาบาลได้ด้วย”  พี่กานต์ยิ้มก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้ผมอดสงสัยไม่ได้ว่าค่าห้องนี่จะเอายังไง  ดูท่าทางแล้วโรงพยาบาลเอกชนแน่ๆ

   “ขอโทษนะครับพี่กานต์  ไว้ผมจะหาเงินมาคืนให้นะครับ” 

   “คิดมากน่ะเรา  ค่าห้องไม่เท่าไหร่หรอกนี่มันโรงพยาบาลในเครือของคุณพ่อพี่เอง  ยังไงก็ไม่เสียค่าใช้จ่ายอยู่แล้ว”  คราวนี้กลับเป็นผมที่ทำหน้าเหวออยู่คนเดียว  เมื่อเพื่อนทั้งสองคนหันไปหัวเราะกันเหมือนรู้อยู่แล้ว

   “อ่า...ผมเกรงใจครับ”  ไม่รู้จะพูดอะไรจริงๆ  เจอกันครั้งแรกเขายังดีกับผมขนาดนี้  ถ้าผมไม่เจอใครบางคนก่อนหน้าเขา  บางทีผมคงตกหลุมรักเขาไปแล้ว

   “ไม่ต้องเกรงใจครับ  หลับตาพักผ่อนเถอะครับ  เรื่องอื่นไว้เรามาคุยกันทีหลัง  พักผ่อนมากๆจะได้หายเร็วๆไงครับ”  ผมชอบจริงๆ รอยยิ้มของพี่กานต์แบบนั้น  รู้สึกเหมือนกำลังชมแสงแดดอ่อนๆยามเช้า  สว่างสดใสและเป็นมิตร

   ไม่รู้เพราะความโล่งใจหรือเปล่าที่ได้มาอยู่ตรงนี้  เปลือกตาของผมถึงได้เริ่มหนักขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นปิดสนิท  เพียงแค่ไม่นานก็ยังดีขอให้ผมได้ลืมเรื่องราวของฮิโรกิไปสักพักหนึ่ง  ขอให้หัวใจที่เผลอรักเขาไปได้หยุดพักเพื่อทบทวนความรู้สึกสักนิด  แม้จะเป็นช่วงเวลาสั้นๆ ผมก็ยังอยากครอบครองเขาเอาไว้เพียงคนเดียว  แต่เขาเองก็มีใครคนอื่นอยู่ในใจ  ชื่อนั้นทำไมต้องเหมือนผม  หรือผมเองก็แค่ตัวแทนของใครบางคนในหัวใจเขากันแน่

   ถ้าเป็นแบบนั้น  ผมคงอยากหยุดหายใจให้เร็วขึ้นอีกสักนิด...


************************************************************************************************
ตอนนี้ดูเรื่อยๆไปหน่อย แต่ตอนหน้ารับรองมีหึงโหดค่ะ!
ใครจำตัวละครได้บ้าง?ไหม 55+

มาจากหอพัก(รัก)ชาย กับเรื่อง หอพักไม่จำกัด(คน)รัก ค่ะ  ใครยังไม่ได้อ่านฝากติดตามในหมวดนิยายที่โพสต์จบแล้วค่ะ
ตอนนี้กานต์ออกโรงอีกแล้ว 55+ หลังจากอกหักจากน้องเอ็กซ์ยังต้องมาซ้ำซ้อนด้วยโมเดลอีก เอาใจช่วยใครก็เชียร์ด้วยนะคะ ขอบคุณสำหรับทุก comment ค่ะ  

จิ้มคนข้างล่าง :z13:
v
v
v
v
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 04-05-2011 18:11:43 โดย July_Moon »

ออฟไลน์ shokung

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
ตามมาเชียร์กานต์ครับ โมเดลเหมา 2 เลย จะได้ไม่ต้องมีใครเสียใจ

ออฟไลน์ kyoya11

  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4680
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +340/-12
จิ้ม  o22 ไม่ทัน
ตามมาด้วยคน มีใครจะมาดามใจน้อย ๆ ของพี่กานต์มั้ยน้า :เฮ้อ:

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
คิดถึงฮิโระ

ZuuZuu

  • บุคคลทั่วไป
ดีใจที่รีเฟรชมาเจอว่าเรื่องนี้อัพแล้ว
สงสารน้องโมเดลมากเลยอ่ะค่ะ ทำไมน้องต้องเจอเรื่องร้ายๆด้วยเนี่ย
แล้วอยากรู้จังว่าตกลงโมเดลจะคู่กับใคร
และภาวนาว่าขอให้กานต์และฮิโรกิไม่ต้องช้ำรักเลยนะคะ ส๊า~~~~ธุ

ออฟไลน์ chaoyui

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1142
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-3
ที่บอกว่าเรื่องนี้มีกานต์โผล่มาแจม
คงไม่ได้หมายความว่าเป็นพระรองโดนหักอกหรอกนะ :serius2:

ออฟไลน์ sayhi11

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 542
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-1
อยากอ่านอีกค่ะ...
มาต่อเร็วๆๆนะค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด