ตอนที่ 31 เสื้อ....
เฮ้อ.... เห็นหน้าไก่ขี้เซาแล้วแค้นใจชะมัด อุตส่าห์พูดสารภาพความในใจซะยืดยาว ท้ายที่สุดก็ไร้ประโยชน์ หนูได้แต่เบะหน้าพยายามสะกดกลั้นหยาดน้ำที่เอ่อคลอที่หางตามิให้หยาดริน
ฮือ.... อยากจะเศร้า จำต้องแอบสูดน้ำมูกซบหน้าเข้ากับหมอนหนุน ร้องไห้กระซิกๆ
“ฮือๆๆๆ พี่โต้งบ้า บ้าที่สุดเลย” ส่งเสียงอู้อี้ฟังไม่ได้ศัพท์กับหมอนหนุนอย่างขัดอกขัดใจ
สัมผัสบางอย่างแตะลงมาที่เส้นผมของหนูแผ่วเบาก่อนจะลูบไปมาอย่างทะนุถนอม หนูค่อยๆ หันไปหาคนข้างกายก็พบว่าพี่โต้งนอนมองหน้าหนูด้วยแววตาสงสัยใคร่รู้ คงได้ยินเสียงบ่นและเสียงร้องไห้เลยตื่นขึ้นมา
“ร้องไห้ทำไมคะ?” เจอคำถามแล้วยิ่งเจ็บใจหนักเข้าไปอีก ตาพ่อค้าตับบ้า
“ก็พี่อ่ะ...หนูกำลังพูดอะไรซึ้งๆ พี่หลับได้ยังไง” หนูต่อว่าไปอย่างไม่พอใจ
“ก็มันเพลียนี่นา” ตอบกลับมาเสียงอ่อย สมน้ำหน้า อายุก็ปูนนี้แล้วยังฝืนสังขารเองนี่นา เชอะ! หนูทำปากยู่เอามือจับมือพี่โต้งที่ลูบผมหนูออกไปอย่างไม่ใยดีก่อนจะสะบัดหน้าน้อยๆ แล้วพลิกกายหนีทันทีไม่อยากมองหน้าแล้ว เห็นแล้วหงุดหงิด อีพ่อค้าตับก็ยังไม่วายขยับกายเข้ามาใกล้จนเนื้อแนบเนื้อ มืออุ่นลูบไล้ไปตามลำแขนเล็กของหนูไปมาเหมือนอยากจะโอ๋ หรือง้อ ผิวกายที่ปราศจากอาภรณ์แนบสนิทกันจนรู้สึกขนลุกขนพองอย่างบอกไม่ถูก...
“โอ๋.... เมื่อกี้พูดอะไรไปบ้างนะคะ ไหนพูดใหม่สิ คราวนี้จะตั้งใจฟังแล้ว” ป่านนี้แล้วใครมันจะไปมี
อารมณ์พูดซ้ำกันล่ะคะ
“ช่างมันเถอะค่ะ พูดไปก็ไม่ได้แปลว่าพี่จะเชื่อสักหน่อย” บอกอย่างปลงๆ ค่อยๆ ปิดเปลือกตาตัวเองช้าๆ เตรียมส่งตัวเองเข้าสู่นิทรา พี่โต้งไม่พูดอะไรอีกแต่ขยับกายตามมาโอบร่างหนูไว้ก่อนจะนิ่งสนิทไปด้วยกัน
ในที่สุดหลังจากหลับไปอีกงีบ หนูก็ฟื้นคืนสติเมื่อตอนบ่ายๆ เหตุเพราะหิวด้วยแหละก็ยังไม่ได้กินข้าวเช้ากันเลยนี่คะ ตับคนแก่ก็ไม่ค่อยอยู่ท้องเท่าไรเสียด้วย เลยต้องตื่นมาอาบน้ำแต่งตัวเตรียมออกไปหาอะไรกินเร็วกว่าที่ควรจะเป็น
“มีเสื้อกันหนาวไหมคะ ขอยืมหน่อย” หันไปถามก่อนจะออกจากห้อง ถ้าจะไปดูหนังหนูเป็นต้องพกเสื้อหนาๆไปด้วยทุกทีเพราะโรงหนังมันหนาวค่ะ แจ๊กเก็ตตัวเมื่อวานก็เปียกฝนนอนนิ่งอยู่ในตะกร้าผ้ารอซักไปเรียบร้อยแล้ว พี่โต้งเดินไปหยิบเสื้อแจ๊กเก็ตอีกตัวส่งให้แล้ว ก่อนจะคว้าของอื่นๆ เดินนำออกจากห้อง
ก่อนจะถึงรถ มีสายเข้าพอดี หนูมองเบอร์แปลกๆ นั่นอย่างเซ็งๆ เพราะไม่รู้ว่าใครโทรมา พี่โต้งเปิดประตูรถให้แต่หนูมัวแต่สนใจเพ่งจอมือถือนึกว่าเบอร์ใครแต่ก็นึกไม่ออก
“สวัสดีค่า.....” จะใครก็ช่าง ส่งเสียงหวานไว้ก่อนไม่เสียหาย พี่โต้งหันมามองหน้าเมื่อได้ยินเสียงหนูหวานเยิ้มของหนูแล้วหรี่ตาใส่ ถึงกับเดินหนีไปขึ้นรถ หนูเข้าไปนั่งในรถปิดประตูแล้วคุยโทรศัพท์ต่อ
“อ้าว....เดย์เหรอ ว่าไง....ฮะ เข้าห้องไม่ได้! ทำไมอ่ะ.... ทำกุญแจหาย... กรรม แล้วตอนนี้อยู่ไหน อืม.... อยู่นั่นก่อนเดี๋ยวแวะไปหา” หลังวางสายหนูหันไปมองคนข้างกายยังไม่ทันอ้าปาก ก็ต้องชะงักเมื่อเจอหน้าบูดๆ เหมือนคนท้องผูกมาสิบวัน
“ใครโทรมาคะ น้องฐา” ทำเสียนิ่งๆ มา ทำให้พลอยเย็นสันหลังวาบอีกแล้ว เฮ้อ....
“เอ่อ...เพื่อนค่ะ”
“เพื่อน....เพื่อนน้องฐาไม่มีชื่อเหรอคะ” ออกแนวหาเรื่องนะคะเนี่ย
“มีชื่อค่ะ ชื่อเดย์ ... เรียนมนุษย์ เป็นรูมเมทหนู จะเอาข้อมูลอะไรอีกไหมคะ”
“ไม่แล้ว... ถามไปอย่างนั้นแหละ ทำไมต้องหน้าบูดด้วย” ถามยิ้มๆ มีการหยิกแก้มหนูอย่างเอ็นดูอีก ต่างหาก ชิ กลบเกลื่อน
“เปล๊า.... ไม่ได้หน้าบูดซะหน่อย”
“นิสัยประชดปะชันเก่งเนี่ยคงรักษายากหน่อยเนอะ”
“ค่ะ คงยากพอๆ กับนิสัยคิดเองเออเองของใครบางคนแถวนี้แหละ” จิกกัดพอหอมปากหอมคอก่อนจะทำเสียงอ่อนๆ เหมือนจะขอร้อง “ทำไมไม่หัดเชื่อใจหนูบ้างล่ะ”
“ก็ดูสิ นี่ขนาดเบอร์ในเครื่องไม่มีแล้วนะ ยังมีใครต่อใครโทรมาตั้งมากมาย” มากมายที่ไหนก๊าน.... สองคนเนี่ยนะ
“เขาโทรมาธุระมั่งเหอะ” เถียงกลับไปก่อนจะฉุกคิดอะไรขึ้นมาได้ “สรุปว่าที่บอกว่าเผลอลบไปน่ะไม่จริงใช่ไหมคะ ที่จริงตั้งใจลบ กลัวหนูจะโทรไปหากิ๊กล่ะสิ” หนูคาดเดาไปตามท่าทางมีพิรุธนั่นทันที
“พี่ไม่ได้พูดสักคำ”
“แต่คิด! พี่เนี่ยกวนประสาทกว่าที่คิดไว้เยอะเลยนะคะ”
“ปรักปรำ ไม่ได้พูดแล้วก็ไม่ได้คิดอะไรทั้งนั้นแหละ”
“ค่าๆ หนูเนี่ยมันโง่ คงตามความคิดคนฉลาดๆ แกม....โกง... อย่างพี่ไม่ทันหรอกค่ะ เฮ่อ จะบอกอะไรให้นะคะ ถ้าหนูมีกิ๊กจริง ถึงพี่จะลบเบอร์ในเครื่องหนูทิ้งก็ไม่มีประโยชน์หรอกค่ะ หนูไม่โทรไป เขาก็โทรมาได้อยู่ดี ถ้าระแวงมากนักทำไมไม่ยึดเครื่องยึดซิมไปเลยล่ะคะ” หนูบอกไปอย่างมีเหตุมีผล อีกฝ่ายยื่นแขนยาวๆ มาตรงหน้าทำให้หนูต้องมุ่นคิ้วหันไปมองคนข้างกายด้วยสายตาประหลาดใจอย่างยิ่งยวด
“เป็นความคิดที่ดีค่ะ” ตอบกลับมายังไม่ชักมือที่ยื่นค้างไว้กลับไป
“พี่จะเอาจริงๆ เหรอ” น้องฐาโวยวายหลับไปดังลั่น อีกฝ่ายจึงยอมหดมือกลับไป
“พี่ไม่ได้พูดว่าจะเอา แต่ถ้าจะให้พี่ก็ไม่ปฏิเสธค่ะ แล้วน้องฐาจะโมโหทำไมล่ะ หนูเป็นออกความเห็นนะคะไม่ใช่พี่”
“หนูประชดมั่งเหอะ” หนูแหวกลับไปทันที แทนที่จะสำนึกผิดอีกฝ่ายกลับหัวเราะเบาๆ มาสะกิดต่อมเสียอีก ทำให้น้องฐาอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาอีกแล้ว เมื่อนึกได้ว่าโดนอีกฝ่ายแกล้งปั่นหัวเล่นอีกจนได้สิน่า ตาพ่อค้าตับเจ้าเล่ห์ หนูยื่นสมบัติปัจจัยที่ห้าของมนุษย์นั่นคือมือถือของตัวเองไปตรงหน้าพี่โต้งเพื่อตัดปัญหา พี่โต้งมองของในมือกับหน้าของหนูสลับกันไปมาด้วยสายตาแสดงถึงคำถาม
“เอาไปสิคะ ถ้าอยากได้มากนัก จะได้เลิกคิดมาก เลิกสงสัยสักที”
“บอกแล้วใช่ไหมว่าให้เลิกประชดสักที พี่แค่แกล้งหนูเล่นๆ เท่านั้นไม่ได้จะยึดไปจริงๆ สักหน่อย”
“ไม่ได้ประชดแล้วนะรอบนี้ ถ้าอยากได้ก็เอาไปเถอะ ถ้าจะทำให้สบายใจขึ้น จะได้รู้สักทีว่าหนูอ่ะบริสุทธิ์ใจขนาดไหน” พี่โต้งรับมือถือหนูไป หนูเบนหน้าเบื่อๆ ไปมองนอกกระจก
“เอามือถือให้พี่แล้วหนูใช้อะไรล่ะคะ?” ยังมีหน้ามาถามอีก
“ไม่ต้องใช้ก็ได้ ยังไงเบอร์ก็ไม่มี โทรหาใครไม่ได้อยู่แล้วนี่” หนูบอกเหวี่ยงๆ หางตาเห็นแวบๆ ว่าพี่โต้งยื่นบางอย่างมาแตะที่แขนหนู ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าจะคืนโทรศัพท์ให้ แต่อารมณ์นี้ก็ทิฐิสูงค่ะเชิดอย่างเดียวไม่สนใจ
“พี่อยากได้นักก็เอาไปเถอะน่า หนูไม่เอาแล้ว”
“รู้แล้ว ก็ไม่คืนแล้วไง จะเก็บไว้ให้สักพัก” บอกมาแต่ยังไม่ดึงโทรศัพท์คืนไปหนูก็เลยก้มลงมองที่แขนตัวเอง โทรศัพท์ที่พี่โต้งยื่นให้มันไม่ใช่ของหนูหรอกค่ะ มันเป็นของพี่เขาต่างหาก
“นี่มันของพี่นี่แล้วเอามาให้หนูทำไม”
“พี่เก็บมือถือหนู หนูก็เก็บของพี่ไว้ ก็จะได้ยุติธรรมไง ไม่ดีเหรอ”
“แล้วถ้ามีใครโทรมาจะบอกว่ายังไง”
“ก็บอกว่าแลกมือถือกันใช้ หยิบผิด ก็ได้”
“แล้วถ้ามีคนถามว่าเป็นอะไรกัน จะให้หนูตอบว่าไง”
“แล้วแต่สิ อยากบอกว่าเป็นอะไรก็บอกไปเถอะ” โห กล้าชะมัด
“อือ...คนรู้จัก” เงียบ..... “รุ่นน้อง.... ถ้าบอกว่าเป็นแฟนได้ไหมล่ะคะ” แอบถามลองเชิงไปอย่างนั้นแหละค่ะ ถึงจะบอกว่าไม่ได้ก็เข้าใจดี
“ตามสบาย จะบอกว่าแฟนหรือบอกว่าเมียก็ได้ ขออย่างเดียว.....” หนูหันไปมองหน้าพี่โต้งอย่างตั้งใจฟัง “อย่าบอกว่าเป็นผัวพี่ก็พอแล้ว”
“อร๊ายยยยย ใครมันจะไปพูดแบบนั้น” หนูรีบตอบกลับไป พี่โต้งไม่ได้ตอบแต่หัวเราะในลำคอไม่หยุด
“แล้วสรุปตอนนี้น้องฐาจะไปไหน” เปลี่ยนเรื่องทันควัน ลืมไปว่ายังไม่ได้ออกเดินทางกันเลย
“เอ่อ... จะกลับหอน่ะค่ะ พอดีว่าเพื่อนเข้าห้องไม่ได้ เอากุญแจไปให้มันแป๊บ”
“แล้วไม่กินแล้วเหรอไก่อ่ะ”
“เลี้ยงก็กินไม่เลี้ยงก็ไม่กินค่ะ เท่านั้น” พี่โต้งพยักหน้ารับก่อนที่ขยับรถถอยหลัง
พี่โต้งมาส่งหนูที่หน้าหอชาย ทำท่าจะตามออกมาด้วย ที่จริงก็ไม่ได้รังเกียจหรอกนะคะ แต่รู้สึกเขินมากกว่าที่จะมีคนเดินเข้าหอในไปด้วยเลยต้องรีบปราม
“พี่ไม่ต้องไปหรอกค่ะ หนูไปแป๊บเดียวรอในรถก็ได้” อีกฝ่ายพยักหน้าให้อย่างไม่เต็มใจนัก
“ไม่ไปก็ได้แต่น้องฐาต้องใส่เสื้อคลุมลงไปด้วยนะคะ” มีการต่อรอง หนูก็ไม่ได้สนใจอะไรหรอกค่ะ ใส่เสื้อแจ๊กเกตพี่โต้งออกไปตามคำบัญชา
คุณลุงยามคนเมื่อคืนไม่อยู่แล้ว คงออกเวรไปหลับไปนอนแล้ว โชคดีไป เลยเดินสะดวก เดย์นั่งรออยู่ที่ม้าหินอ่อนหน้าหอ หนูส่งกุญแจให้มันไป
“เมื่อคืนไปนอนไหนมา ถึงไม่กลับหออ่ะ” เดย์ถามกลับมา มีแววจับผิด
“อ๋อ ไปนอนกับเพื่อนน่ะ” ไม่ได้อยากจะปิดบังหรอกนะคะ แต่พูดว่าเพื่อนแล้วมันง่ายกว่าเท่านั้นเองจะได้ไม่มีคำถามมาให้วุ่น อีกฝ่ายพยายามกลั้นยิ้มส่งสายตาล้อเลียนตอนที่ถามกลับมาว่า
“เพื่อนเหรอ นึกว่ารุ่นพี่เสียอีก” หนูมองมันตาโตอย่างตกใจ
“รู้ได้ไงอ่ะ” ถามไปอย่างตกใจไม่คิดว่าจะเจอคำถามแบบนี้
“ก็เสื้อแจ๊กเกตตัวที่ฐาใส่อยู่อ่ะ มันเป็นแจ๊กเกตคณะใช่ไหมล่ะ ส่วนใหญ่มีแต่ปีสองขึ้นไปเท่านั้นแหละถึงจะมี” อีกฝ่ายตอบมาขำๆ หนูได้แต่ยิ้มเจื่อนๆ เหมือนทำความผิดอะไรมาแล้วโดนจับได้อ่ะค่ะ มันทำหน้าไม่ถูกเลย
“แล้วนี่จะออกไปข้างนอกอีกเหรอ ถึงได้เอากุญแจให้เรา”
“อืม จ้า ออกไปกินข้าวอ่ะ” ตอบอะไรมากกว่านี้ไม่ได้แล้วอ่ะค่ะ
“เหรอ ทานให้อร่อยนะฐา เออ.... คบเด็กวิท- ยาระวังไว้หน่อยล่ะ ผ่าท้องกบบ่อยๆ เดี๋ยวลามมาผ่าท้องเราด้วยอีกคนจะยุ่ง” ยงัมีหน้ามาแซวอะไรสยองๆ
“บ้า เดย์ ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” หนูโวยวายกลับไป แต่อีกฝ่ายเอาแต่หัวเราะ
“ล้อเล่นๆ ไปเถอะเดี๋ยวพี่เขารอ ขอบใจนะฐาที่เอากุญแจมาให้” คนรอบข้างเป็นอะไรกันไปหมด ชอบแกล้งคนน่ารักอย่างหนูจริงเชียว
“อือไปนะ” บอกเดย์แล้วเดินออกไปหน้าหอ
ถึงว่าสิ ว่าทำไมให้ออกมาคนเดียวง่ายจัง ที่แท้ตัวไม่ออกมาด้วยดันส่งเสื้อมาแสดงความเป็นเจ้าของซะอีก
หมั่นไส้นัก.....ตาพ่อค้าเจ้าเล่ห์
......................................................................
เถียงกันตลอดทางแบบนี้ เมื่อไรจะได้ไปกินไก่หว่า ฮาๆๆๆๆ ขอบคุณ heefever สำหรับรูปนะคะ
ใครเอารูปมาโพสท์ เซพอย่างเดียวเลย ฮาๆ
เอ้อ ลืมขอบคุณ love2y ที่เอาคลิป ฮีซอลมาฝากค่ะ
http://www.youtube.com/watch?v=uGUwh7UFlrA
(ใส่ไม่เป็นเหมือนกันค่ะ ฮา)
ขอบคุณ sam3sam ช่วยลงไว้ให้ที่ รีพลายที่ #1734 ข้างล่างค่ะ
ดูแล้วน่ารักมาก เหมือนผู้หญิงมากๆเลยอ่า
ที่จริงแล้วนิชอบฮีชอลมาตั้งนานแล้วอ่ะ แต่ไม่รู้ว่าชื่ออะไร เพราะไม่ใช่แฟนตัวยงของ sj
เคยดูmv เพลง u ตอนนั้น ฮีชอลไว้ผมยาว รู้สึกว่าเท่ห์มากเลยค่ะ แล้วพอเปลี่ยนทรงผมนิก็จำไม่ได้ว่าคนเดียวกัน ฮาๆ ขอบคุณมากค่ะ