ตอนที่ 33 จะได้กินไหมไก่?
หลังจากง้องอน เล่นแง่กันไปมา ในที่สุดตอนนี้ น้องฐากับพี่โต้งก็เดินทางมาถึงห้างแถวๆ หน้ามอแล้ว เย้ๆ จะได้กินไก่แล้ว
หนูกับพี่โต้งพากันจ้ำ เดินเข้าห้าง ตามหาผู้พันที่หายสาบสูญไป เอ๊ยไม่ใช่ เดินไปยังร้านไก่
เอาล่ะค่ะใกล้เต็มทีแล้ว คุณน้องไก่ทอดจ๋า รอพี่ฐาแป๊บนะคะ พี่ฐาใกล้จะถึงร้านหนูแล้วค่ะลูก ถ้าไปถึงแล้วจะสั่งให้พี่โต้งจ่ายไม่ไหวกันเลยทีเดียว หิวโฮกค่ะ
ก็แหม ตับที่ทานไปไม่ค่อยอยู่ท้อง สารอาหารก็ไม่ครบ แถมระหว่างทางยังเสียพลังงานกับการต่อล้อต่อเถียงอีก พอสบโอกาส ต้องขอหม่ำๆ สวาปามน้องไก่ให้หายหิวหน่อยแล้วกัน
แต่ยังไม่ทันเดินถึงร้านไก่ น้องฐาก็หยุดนิ่งอยู่หน้าร้านอื่นก่อนค่ะ
พ่อค้าตับคงหิวไก่เหมือนกันเลยเดินลิ่วไม่รอกันบ้างเลย หนูหยุดยืนมองของในร้านตรงหน้าด้วยสายตาหมายมาด
โอ้แม่เจ้า สีชมพูลายจุดชุดนั้น สวยจัง ฟองน้ำอย่างหนา น่าใส่มากมาย แอร๋ยๆๆๆ จะเอา จะเอาๆ อยากลงไปดิ้นพราดๆ เพื่อแสดงระดับความต้องการเหลือเกิ๊น
พี่โต้งที่เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าภรรยา เอ๊ย แฟนสาวแสนน่ารักหายไปจากสาระบบ ก็เดินย้อนกลับมาหา
“หยุดเดินทำไมคะ ไม่หิวเหรอ” ส่งเสียงถามมาอย่างสงสัย หนูไม่ได้หันไปมองพี่แกเลยค่ะสายตายังจับจ้องอยู่ที่เดิม ตาแทบไม่กระพริบ
“หิว แต่อยากได้....” มองสิ่งที่ตัวเองต้องการตาปรอย
“อยากได้จะซื้อก็ไม่ว่า แต่พี่ขอรอหน้าร้านเฉยๆ ไม่เข้าไปได้ไหมคะ...” พี่แกบอก ทำหน้าผะอืดผะอมเมื่อเรายืนอยู่หน้าร้านขายชุดชั้นในในห้างนั้น
“ทำไมล่ะคะ” หันไปทำเสียงออดอ้อนเบาๆ ส่งสายตาวิ้งๆ
“พี่กลัวคนอื่นเขาจะเข้าใจผิด ว่าพี่ก็จะใส่ด้วย” ใบหน้าขาวๆ ตอนนี้มันเรื่อแดงแบบคนเขินอ่ะค่ะ แหม น่ารักได้อีกค่ะพี่
“แล้วไม่อยากลองใส่ดูเหรอคะ” น้องฐาแซวไปด้วยน้ำเสียงร่าเริง พยายามกลั้นขำ แต่อีกฝ่ายส่ายหน้ารัวจนหัวจะหลุด แหมๆ ไม่ต้องแสดงออกขนาดนั้นก็ได้ค่า คิกคิก
“ไม่เคยมีในสมองเคยค่ะ แล้วพี่ว่าน้องฐาเองก็อย่าซื้อดีกว่า” ตอบกลับมาพร้อมคำเสนอแนะ
“ทำไมอ่า?”
“ไซส์ไข่ดาวแบบน้องฐาสงสัยต้องเอลบค่ะ ขนาดนี้สงสัยไม่มีขาย ใส่เสื้อกล้ามจะดีกว่าไหม”
แอร๋ยยยยยยยย ดูถูกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ปากน่าตบด้วยปากมากค่ะ ณ จุดนี้
“ว่าหนูไข่ดาว ของตัวเองเป็นเบ้าขนมครกหนูยังไม่พูดเลย” เป็นไงมั่งคะ น้องฐาตอกกลับหน้าตาเฉย พี่โต้งถึงกับกุมขมับกันเลยทีเดียว คงเพราะหนูโวยวายออกไปเสียงไม่ใช่เบา อีพ่อค้าตับก็พวกหน้าบางอยู่แล้วด้วยเลยเอามือตะครุบปากหนูก่อนจะพาลากเดินต่อทันที
“อื้อๆๆๆ อื้อๆๆ อ่อยอ๊ะ” พอเดินออกมาได้นิดนึงหนูก็ดิ้นจนหลุดจนได้ เราแอบอยู่ตรงมุมๆ ตึกอ่ะค่ะ หนูบิดกายดีดดิ้นอย่างขัดอกขัดใจที่ไม่ได้ซื้อชุดชั้นในที่ต้องการ
“พี่อ่ะ พาหนูมาทำไมหนูอยากได้ชุดชั้นใน” เตรียมจะปล่อยโฮได้อีกแล้ว
“รู้แล้ว จะพูดเสียงดังทำไม”
“ก็หนูอยากได้”
“จ้าๆ เอาไว้คนลืมก่อนค่อยกลับมาแล้วกัน พูดซะพี่อายเลย”
“สม...อยากว่าหนูก่อนนี่นา....”
“แค่แซวเล่นเฉยๆ แต่ถึงน้องฐาจะว่าพี่กลับแบบนั้น พี่ก็ไม่เจ็บแสบหรอกนะคะ เพราะเป็นผู้ชาย ไม่จำเป็นต้องมีนมก็ได้ แต่พูดแบบนี้คนอื่นเขาจะคิดว่าเป็นกะเทยไปด้วยอีกคน”
เหรอคะ? ลองมีใครมาได้ยินตอนพี่โต้งพูดคะขากับหนูก็คงคิดแหละค่ะ
แต่ใครจะเข้าใจยังไงหนูไม่เห็นจะสนเลย ขอแค่เวลาอยู่กับหนูอย่ามาขอให้หนูอยู่บนก็พอแล้ว
“ชิ เป็นกะเทยแล้วผิดตรงไหน ดูสิ น่ารักน่าทะนุถนอมออกขนาดนี้” ไอ้นิสัยหลงตัวเองนี่หนูติดมาจากพี่โต้งหรือเปล่าคะ หลังๆ นี่ชมตัวเองบ่อยจัง
“ค่ะๆ น่ารักมาก แต่พี่ไม่อยากเป็นอยู่ดี เพราะว่า....” เชอะหมั่นไส้ เพราะอะไรยะ ถ้าเหตุผลไม่ดีพอมีงอนอีกแน่ ขอสะบัดหางม้าใส่หน่อยเถอะพ่อ....
พี่แกยังมีหน้าขยับมากระซิบใกล้ๆ อีกนะคะ
“ถ้าพี่เป็นกะเทยเดี๋ยวน้องฐาไม่รัก” อุ๊ย จริงสุดๆ น้องฐาไม่อยากตีฉิ่งค่ะ เหตุผลนี้ยอมได้ อารมณ์ดีทันทีเลยค่ะ แหมๆ พูดอะไรดีๆ ก็เป็นเนอะ พ่อค้าตับเนี่ย
หนูพยายามจะไม่ยิ้มแต่ก็ยังยาก พยายามหันไปยิ้มอีกทางที่พี่เขาจะไม่เห็น แต่ยังแสร้งเงียบทำเป็นงอนได้ต่อ ทั้งๆ ที่ตอนนี้หายงอนแล้วแถมรู้สึกดีสุดๆ อีกต่างหาก
“โอ๋ๆ เดี๋ยวไปกินไก่ก่อนแล้วค่อยมาซื้อก็ได้นะคะ อยากได้ชุดไหน เดี๋ยวจะซื้อให้หมดเลยนะ” รู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเด็กถูกผู้ปกครองกล่อมเลยแฮะ
หนูทำหน้ามุ่ยพยักพะเยิดแบบขอไปทีทั้งที่ในใจร้องว่า บิงโก! ดังลั่น
พี่โต้งแกยิ้มดีใจโอบไหล่หนูเดินต่อไปยังร้านเคเอฟซีค่ะ
พอมาถึงร้านเคเอฟซี น้องฐาก็แทบจะยิ้มตาปิดเพราะเหตุบังเอิญหรือพรหมลิขิตจึงชักพาให้น้องฐาได้เจอเนื้อคู่ที่รอคอยมานาน พ่อสุดหล่อขวัญใจน้องฐากำลังหิ้วถุงไก่ทอดแบบทานที่บ้านออกจากร้าน
“อ้าว โต้งมาได้ไงวะ” พ่อยอดขมองอิ่มของหนูทักพี่โต้งมา
“ถามแปลกๆ กูมาเยี่ยมผู้พันมั้ง” พี่โต้งใช้ง่ามสมองส่วนไหนคิดคะ ถึงได้ตอบอะไรวอนส้นแบบนั้นออกไปได้อ่า
“กวนตีนนะ สัด” อร๊ายยย แม้แต่ตอนด่าก็ยังหล่อค่ะ ลูกค้าร้านไก่นี่น่ากินกว่าไก่อีกนะคะได้ข่าว
สุดหล่อหันมามองหนูแล้วส่งรอยยิ้มพิมพ์ใจหวานๆ มาให้
จะละลาย จะละลาย โฮกฮากเบบี๋
อ๊า ไม่เจอกันตั้งนาน ยังหล่อเหมือนเดิมเลยนะคะเนี่ย (คิดได้แต่ในใจนะคะ ถ้าพูดออกไปอาจเกิดคดีฆาตกรรมแบบไม่ได้วางแผนไว้ก่อนได้)
หลังจากยืดเยื้ออยู่นาน สรุปว่าคนที่มาเจอไม่ใช่ใครหรอกค่ะ ก็พี่ปอนด์นักร้องเสียงใสขวัญใจกะเทยเพื่อนพี่โต้งอ่ะแหละ คราวก่อนเพราะออกอาการปลื้มปีติพี่ท่านมากไปหน่อย น้องฐาเกือบม้วยมรณาคามือพี่หฤษฎ์ไปรอบหนึ่งแล้ว คราวนี้ถึงจะแอบดีใจนิดๆ แต่โสรฐาจำต้องเก็บอาการนิดนึงเพื่อรักษาชีวิตน้อยๆ ของตัวเองไว้ดำรงเผ่าพันธ์กะเทยต่อไป เอเมน....
“หวัดดีครับน้อง ยังยืนยันคำเดิมอยู่ไหม” พี่ปอนด์ถามกลับมายิ้มๆ
“คะ...?” เอ๋ คำเดิมไหนหว่า จะถามอะไร ช่วยห่วงความปลอดภัยหนูหน่อยดีไหมคะพี่
“ก็ที่บอกว่าสามพีไม่เอา แต่สองคนโอเคไงครับ” กรี๊ดดดดดดดดด แบบว่าตาโตได้อีกอ่ะค่ะ แอบหันไปชำเลืองมองพี่โต้งหวาดๆ จะหน้าโหดไปไหน....
“แล้วมึงถามกูสักคำไหมว่ากูโอป่าว” เฮือก.......ยังไม่มีคำตอบอะไรจากน้องฐาค่ะ แต่พี่โต้งดันสวนกลับไปซะก่อน มีการวาดแขนมาโอบหนูเข้าไปชิดตัวแสดงความเป็นเจ้าของเพิ่มเติมอีกต่างหาก
“คิดจะตีท้ายครัวกู เดี๋ยวมึงจะโดน” น่าน มีขู่อีกต่างหาก หนูว่าพี่แกเริ่มอาหารหนักแล้วอ่ะค่ะ สยอง...
“อย่าบอกนะว่ามึงหวงน้องเขาอ่ะ” พี่ปอนด์แซวพี่โต้ง แบบขำๆ
“เออ ถ้ามึงโง่ไม่รู้ กูจะบอกอย่างนั้นแหละ” ป๊าดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด ตรงไปไหม
เงียบ.....ฉี่ กันไปทั้งสามคน พี่ปอนด์มองตาพี่โต้งนิ่งๆ อยู่แป๊บนึงก่อนที่จะยิ้มกว้าง(ยิ้มหรือกลั้นขำก้ไม่รู้) หันมาหาหนู
“น้องชื่ออะไรนะครับ”
“ฐะ...ฐาค่ะ”
“เปลี่ยนชื่อเป็นทาทาก็ดีนะครับ เพราะน้องเนี่ยเป็นสาวน้อยมหัศจรรย์จริงๆ” ยังงงๆ แต่ก็คิดว่าเป็นคำชม เลยได้แต่ยิ้มตอบค่ะ
“แล้วนี่มึงจะซื้อไก่ไปไหนเนี่ย กินที่นี่กับกูก่อนไหม” พี่โต้งแกอารมณ์แปรปรวนชะมัดเลย เพิ่งจะขู่กันไปหยกๆ แป๊บเดียวชวนกินไก่ด้วยกันซะงั้น
“ไม่ได้ว่ะมึง เดี๋ยวกระต่ายที่บ้านจะรอ” พี่แกตอบทำหน้าเบื่อๆ เซ็งๆ
“เหอะ” พี่โต้งทำเสียงในลำคออย่างหมั่นไส้เล็กน้อย แต่หนูกลับตื่นเต้น
“พี่ปอนด์เลี้ยงกระต่ายด้วยเหรอคะ ดีจังเลย กระต่ายน้อยสีขาวน่ารักน่าชัง” น่ารักได้อีกค่ะน้องฐา
“กระต่ายของพี่สีดำอ่ะครับ แล้วก็ยังมองไม่เห็นความน่ารักของมันสักที” พี่ปอนด์กลับแย้งกลับมา
“ถึงอย่างนั้น พี่ก็ยังเป็นห่วงกลัวมันจะรออยู่ดี แสดงว่าต้องรักมันมากแน่เลย” น้องฐาแอบคาดเดาไปอย่างนั้นแหละค่ะตามประสาสาวน้อยช่างฝัน ช่างจินตนาการ พี่ปอนด์ได้แต่เงียบ ทำหน้าอึ้งเหมือนพูดอะไรไม่ออกแล้วรีบตัดบทขอตัว คนอะไร แค่เออออว่ารักกระต่ายที่เลี้ยงไว้ก็ทำเหมือนจะอายไม่กล้าพูด
“พี่ไปก่อนดีกว่า เดี๋ยวกระต่ายที่บ้านพี่มันรอไก่ทอดไม่ไหวจะโมโหกัดสายไฟในห้องขาดหมด ไปก่อนนะโต้ง” พี่โต้งพยักหน้าหงึกๆให้ ส่วนน้องฐาโบกมือบ๊ายบายพี่ปอนด์ แต่ยังคงแปลกใจกับคำพูดของพี่แกอยู่
“ไอ้เรื่องกัดสายไฟก็เรื่องธรรมดา แต่พี่แกพูดเหมือนกระต่ายที่พี่แกเลี้ยงกินเคเอฟซีด้วยอย่างงั้นแหละ” หนูรำพึงเบาๆ ให้พี่โต้งฟัง อีกฝ่ายส่งเสียงหึ ในลำคอเบาๆ ก่อนจะตอบมา
“อย่าว่าแต่เคเอฟซีเลยน้องฐา เอ็มเค แม็คโดนอล กระต่ายของไอ้ปอนด์มันก็กินได้หมดแหละ” หา!! กระต่ายบ้าบออะไรกินของแบบนั้นได้กันคะ?
“ที่สำคัญ ไอ้ปอนด์มันงกจะตาย คงไม่ใจดีเลี้ยงเคเอฟซีกระต่ายหรอก พี่ว่ากระต่ายต่างหากที่ต้องเลี้ยงมัน”
หูฝาดไปป่ะเนี่ย กระต่ายอะไรจะพิสดารปานนั้น
สรุปว่า พี่ปอนด์กับพี่โต้งบ้าหรือว่าหนูเมา?
......................................................
ยังไม่ได้กินไก่ แต่มาถึงหน้าร้านแล้ว ฮาๆ การเดินทางที่ยาวนาน ยาวไกลจริงๆ
ตอนนี้เบาๆ เอาปังปอนด์มาฝาก
แบบว่าน้องฐายังตามเรื่องไม่ทันแต่คนอ่านคงเข้าใจมั้งนะ อิอิ
...........................
ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ และทุกกำลังใจนะคะ
ช่วงนี้ ใจดีลงนิยายให้บ่อย....
ขอรางวัลเป็นเป็ดเหลืองจากคนอ่านสักคนละตัวคงไม่ว่ากันนะคะ
ถ้ารักน้องฐาก็กดเป็นกำลังใจนินิดนึงละกัน
(ถ้าบอกว่าถ้ารักพี่โต้งแล้วให้กดคงไม่มีใครกดเลย ฮาๆๆๆ )
แบบว่า บางทีก็น้อยใจอยู่เหมือนกัน แต่ไม่กล้าบอก
แต่ตอนนี้เริ่มจะกล้าบอกแล้ว เพราะ เชื่อว่า
# จงขอแล้วจะได้ .....
.....................................................................................