ตอนที่ 49 หึง (D2B??)
กระซิก กระซิก
ทำไงดี? สามีงอนไม่ยอมกลับบ้าน...
ฮึก ฮึก.... เรื่องมันเศร้า กะเทยเศร้า ฮือ ฮือ....
หนูยังคงสะอื้นเบาๆ อย่างต่อเนื่อง นั่งพิงกำแพงห้องปล่อยให้น้ำตาเช็ดหัวเข่าอยู่อย่างนั้นจนเวลาผ่านไปพักใหญ่ๆ ดูเหมือนจะใหญ่มากด้วย ประตูห้องจึงเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับร่างสูงโย่งขายาวก้าวเข้ามา ทุกสรรพเสียงเงียบกริบ แม้แต่เสียงสะอื้นลามเลยไปถึงเสียงหายใจขัดๆ ก็เบาลง
เจ้าของห้องทำเหมือนไม่เห็นสิ่งแปลกปลอมใดๆ ยึดครองพื้นที่เล็กๆ อยู่ตรงนี้ เขาถอดรองเท้าเก็บที่ชั้น เปิดแอร์ แล้วเดินถือถุงบางอย่างเข้าไปที่มุมครัว
อั๊ยย่ะ.... หนูเห็น....
เห็น....
เห็น...
ของกิน....
พี่คะ...หนูหิว....มากด้วย แทบจะลากไก่ลงน้ำได้เป็นตัวๆ อยู่แล้ว
พี่จะรู้ไหมว่าหนูยังไม่ได้กินข้าวเช้าเลย (เพราะตื่นเที่ยง-*-)
พี่คะ.... หนูหนาว... มากด้วย....พี่เปิดแอร์อุณหภูมิเท่าไรคะ
พี่คะ....หนูอยู่ตรงนี้ หนูยังไม่ตาย ไม่ใช่สัมภเวสีนะ ช่วยอย่าทำเหมือนมองไม่เห็นกันได้ไหม?
เมเดย์ เมเดย์ วันแรงงาน วันแรงงาน...... อะแง้....
โอเค.... หนูรู้น่าว่ามันคงไม่ช่วยอะไร ถ้าเราต่างคนต่างยังคุยกันผ่านทางโทรจิต...
หนูอยากส่งเสียงอะไรบางอย่างเพื่อบอกว่าหนูอยู่ตรงนี้ อยากเรียกชื่อพี่เขาดังๆ สักครั้งให้เขาหันมาสนใจ หรือควรเริ่มต้นด้วยอะไรสักอย่างที่เข้าท่ามากกว่านั้น เช่นคำขอโทษ?
ในขณะที่รวบรวมความกล้านั้นเอง ร่างกายก็ดันเปล่งเสียงออกไปโดยไม่ได้ออกคำสั่งเสียก่อน...
“ฮัดชิ้ว!!” หนูเอามือถูจมูก สูดน้ำมูกที่ไหลย้อยจนมอมแมม รู้สึกหนาวจนขนลุก
“จะนั่งตรงนี้อีกนานไหม?” คำถามห้วนๆ ลอยอยู่เหนือศีรษะแม้น้ำเสียงจะแข็งอยู่บ้างก็ยังคลายใจว่าอีกฝ่ายยอมคุยด้วยแล้ว หนูเงยหน้าขึ้นมองคนถาม ใบหน้าเหมือนหมาหงอยวอนขอความเห็นใจจากเจ้าของ
“เฮ้อ.....ให้มันได้อย่างนี้สิ” พี่โต้งถอนใจหนักหน่วงแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์นัก ก้มลงมาดึงต้นแขนหนูให้ลุกขึ้นแล้วลากไปทิ้งไว้ที่ห้องน้ำส่วนตัวเขาเดินออกไปทันทีโดยไม่ได้พูดอะไรอีก
ประตูห้องน้ำถูกดึงปิดลง หนูยืนนิ่งสนิทอยู่ที่เดิมด้วยความรู้สึกแปลกๆ เหมือนโดนขังเดี่ยว ไม่ถึงนาทีประตูถูกเปิดออกอีกครั้งพร้อมมือยาวๆ ยื่นส่งผ้าขนหนูมาให้ หนูยืนงงมองผ้าขนหนูนิ่งเหมือนเด็กเอ๋อ ไม่ยอมยื่นมือไปรับจนอีกฝ่ายต้องหันไปพาดผ้าไว้กับราวแทน
“ยืนทื่ออยู่นั่นแหละ อาบน้ำซะสิ ตัวเปียกแบบนั้นนานๆ เดี๋ยวไข้กินขึ้นมาพอดี” พี่โต้งยังคงเหมือนเดิม ขนาดยังโกรธอยู่ก็ยังเป็นห่วงเป็นใยกัน ถ้าจะลดเสียงให้อ่อนกว่านี้อีกนิดหนูคงดีใจจนแทบเต้น....
“หรือว่าชอบ นั่นสิ ผู้หญิงมากับฝนมักจะเซ็กซี่ ก็เสื้อผ้าแนบเนื้อเห็นสัดส่วนพอๆ กับใส่วันพีชเลยนี่เนอะ เสียดายที่นี่มีแค่พี่คนเดียวไม่ต้องอยากโชว์ให้มากเพราะเห็นจนเบื่อแล้ว เก็บความเซ็กซี่ไว้โชว์ชู้เถอะไป”
นี่ก็เต้นเหมือนกัน แบบว่าโกรธจนเนื้อเต้นเลยแหละ
อร๊ายยยย พ่อคุณทูนหัว ถ้าจะแดก....ดันกันขนาดนี้...
ไม่ต้องพูดอะไรแบบเดิมน่ะดีแล้วค่ะ
หนูยืนโกรธ กำมือแน่นไม่ขยับตัวและไม่เถียง เพราะถ้าให้หนูพูดอะไรออกไปคงไม่ต่างจากราดน้ำมันลงบนกองไฟ หนูคงต้องพูดประชดจนทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลงไปกว่าเดิมอีกพันเท่า สิ่งที่ทำได้ตอนนี้คือยืนนิ่ง สะกดความรู้สึกเจ็บแสบแปลบปลาบเอาไว้ก็แค่นั้น
สายตาที่ก้มต่ำมองเห็นแค่ช่วงอกลงไปของคนข้างหน้าทำให้เพิ่งสังเกตได้ว่าไม่ได้มีแค่หนูคนเดียวที่เปียก อารมณ์จึงเย็นลงไปมาก
“พี่ก็เปียกเหมือนกันนี่นา” หนูเลือกจะพูดออกไปอย่างนั้น เพื่อให้อีกฝ่ายทราบว่าหนูรับรู้ถึงความห่วงใยนั้นแล้ว หรือจะเป็นการชักชวนให้อาบน้ำพร้อมกันก็แล้วแค่จะคิด
“ไม่เป็นไร เลดี้บอยเฟริสท์” อ่านะ เสียสละก็สมเป็นสุภาพบุรุษดีอยู่ แต่เวลาเรียกน่ะ เลดี้ก็พอ ทำไมต้องมีบอยต่อท้ายด้วยยะ?
เมื่อหนูยังนิ่งสนิทไม่ขยับตัวพี่โต้งจึงเป็นขยับเข้ามาใกล้แทน แล้วจับขอบเสื้อยืดทำท่าเหมือนจะช่วยถอด หนูสะดุ้งเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่ายเกร็งๆ ยังเขินอยู่ถ้าพี่แกจะมาถูเนื้อถูตัวให้ระหว่างที่ยังโมโหแบบนี้ สงสัยกว่าจะอาบเสร็จ ตัวคงเขียวเป็นจ้ำด้วยแรงอาฆาต...
“ไม่เป็นไรค่ะ หนูอาบเองได้...”
“อือ...เร็วๆ นะ” พี่โต้งตอบรับแล้วถอยออกจากห้องน้ำไปอย่างง่ายดาย....
อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าใหม่เรียบร้อยแล้ว....อุ่นขึ้นเยอะ ระหว่างที่อาบน้ำพี่โต้งก็เอาของกินอันได้แก่ไก่ย่างห้าดาว หนึ่งตัว หอยจ๊อ เกี๊ยวซ่า และน้ำจิ้มจัดใส่จานวางเรียงเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว แต่ตัวเขายืนเท่พิงเคาเตอร์อยู่ตรงมุมครัว
แบบว่าหิว ทิฐิเลยลดลงไปกว่าครึ่ง หนูจึงค่อยกระบิดกระบวนเยื้องย่างเป็นนางงามอยู่นานกว่าจะพาตัวเองไปนั่งที่โต๊ะได้ แต่ก็ไม่กล้ากินเพราะพี่โต้งยังไม่ยอมเดินมา
กึก...แก้วกระเบื้องวางลงตรงหน้า ควันลอยอ้อยอิ่งออกมาจากแก้ว ซึ่งมองจากสีแล้วน่าจะเป็นโอวัลตินมากกว่ากาแฟ
“กินได้นะ ไม่ได้ใส่ยาพิษ” เสียงนิ่งๆ จากคนเสิร์ฟทำเอาแทบรอยยิ้มที่คลี่ออกแต่แรกหุบฉับแทบจะทันที
“ถ้าหิวก็กินไปก่อนเลย ขออาบน้ำแป๊บ” พี่โต้งบอกแล้วเดินเลี่ยงออกไป
สองตามองตามไก่ .... ทั้งๆ ที่หิวจัดแต่ก็กลับกินอะไรไม่ลง จึงอุ้มแก้วกระเบื้องจิบโอวัลตินอุ่นๆ นั้นทีละน้อย
ครู่ใหญ่ๆ ต่อมาพี่โต้งเดินกลับมาอีกครั้งหลังจากอาบน้ำเสร็จแล้ว เขาขมวดคิ้วมุ่นอีกครั้งเมื่อเดินกลับมาแล้วเห็นหนูยังไม่ลงมือแตะต้องของกินตรงหน้าเลยสักนิด
“ทำไมไม่กินล่ะ” น้ำเสียงนั้นเหมือนไม่พอใจอีกแล้ว
“ก็รอ...” หนูตอบเสียงอ่อย ผิดตรงไหนที่อยากรอมากินด้วยกัน
“จะรอทำไม หิวก็น่าจะกินไปก่อน เดี๋ยวคนของเราเขาจะมาหาว่าพี่ดูแลไม่ดี ปล่อยเราให้อดๆ อยากๆ”
“เดย์ไม่ใช่คนของหนู” หนูรีบเถียงกลับ ไม่เข้าใจว่าจะต้องประชดอะไรเยอะขนาดนี้
“ยังไม่ได้พูดชื่อมันสักคำนึงก็เถียงกลับแบบนี้ กินปูร้อนท้องหรือไง” ยังค่ะยังไม่จบ...
“พี่โต้ง.....” แค่นั้น... แค่นั้นจริงๆ ที่เสียงหลุดรอดออกมา หลังจากนั้นเสียงสะอื้นกับหยาดน้ำตาก็มาแทนที่
พี่โต้งถอนใจเฮือกอย่างรำคาญและไม่สบอารมณ์....
“เอ้า...ร้องเข้า....ร้องให้เสียงแหบเสียงแห้ง แล้วก็วิ่งไปฟ้องมันนะ ว่าพี่เป็นแฟนที่ใช้ไม่ได้ ทำให้เราร้องไห้อีกแล้ว มันจะได้ปลอบประโลม กอดประทับรับขวัญยันเช้า....”
เจ็บ.... เสียใจ ที่โดนพูดใส่แบบนั้น แต่ยังพยายามคิดเข้าข้างตัวเอง ว่าพี่แกคงไม่ได้พูดเพราะคิดจริงจัง
พี่โต้งก็เป็นแบบนี้มาตั้งนานแล้ว ปากร้ายใจดี
ตอนนี้พี่แกคงยังไม่หายโกรธเดย์ที่พูดเข้าข้างหนูแบบนั้น คงไม่ชอบที่มีคนมีเป็นห่วงเป็นใยคนของตัวเอง จนพาลมาโกรธคนกลางอย่างหนูตามไปด้วย เลยพูดอะไรออกไปโดยไม่ทันคิด
ถ้าหนูจะร้องไห้เพื่อให้มีใครสักคนมาปลอบ... หนูอยากให้เป็นพี่โต้งต่างหาก
แต่ถ้าตอนนี้พี่ยังไม่พร้อมก็ไม่เป็นไร หนูรอได้....
หนูเอาแขนปาดน้ำตา พยายามหยุดสะอื้น แล้วหยิบส้อมไปจิ้มไก่ ลงมือทานอาหาร เช้า กลางวัน (รวมกันเป็นมื้อเดียว) ไปเงียบๆ
ไม่รู้ว่าเพราะดื่มโอวัลตินลงไปเยอะหรือเพราะอารมณ์ยังไม่ดีพอกันแน่ เลยอิ่มเร็ว
พี่โต้งเองก็กินไปแค่นิดเดียว
หนูเห็นพี่แกนั่งนิ่งอย่างใช้ความคิดเงียบๆ อยู่นาน คงกินไม่ลงเหมือนกัน หนุจึงตัดสินใจลุกขึ้นเอื้อมมือจะหยิบจานไก่ยกเข้าไปเก็บ
“ไม่เป็นไร ทิ้งไว้นี่แหละเดี๋ยวพี่เก็บเอง” พี่โต้งบอกเสียงห้วนๆ ทำให้หนูชะงักมือ แล้วนั่งลงอีกครั้ง
ร่างสูงลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินออกไปแล้วกลับมาอีกครั้งพร้อมยาในมือ...
แก้แพ้อากาศสองเม็ด
“กินซะก่อนเดี๋ยวไม่สบาย ถ้าฝนหยุดตกแล้ว.... เดี๋ยวพี่ไปส่งเอารถนะ” พี่โต้งเอ่ยขึ้นมาลอยๆ ถึงสิ่งที่หนูเกือบลืมไปแล้วว่าทิ้งรถไว้ที่ร้านข้าว
ขับรถออกมาจากคอนโดได้แป๊บเดียว พี่โต้งก็เปิดซีดีในรถเพื่อทำลายความเงียบยิ่งกว่าสุสาน แต่ก็เหมือนคนบ้า ที่เอาแต่กดเปลี่ยนเพลงไปมา ไม่ยอมฟังเต็มๆ เพลงสักทีจนหนูเองก็รำคาญ แต่ไม่อยากพูดอะไรออกไป ปล่อยแกทำตามใจแกไปอย่างนั้น ในที่สุดพี่แกก็หยุดเปลี่ยนเพลงเมื่อมาถึงเพลงโคตรๆ เก่าเพลงนี้....
http://www.youtube.com/watch?v=THJtug7IG08
ก็รู้ว่าฉันกลัว แล้วยั่วฉันทำไม
ทำเป็นกระแซะใครต่อใครแกล้งฉัน
ที่ฉันไม่พอใจไม่ใช่ว่าฉันพาล
ไม่ใช่ไม่เชื่อใจกันรู้ไหม
ถ้าจะไม่หวงเธอ จะให้ฉันหวงใคร
ฉันกลัวคนไหนมาแทนฉัน
กระวนกระวายกลุ้มใจ กลัวเธอไม่รักกัน
ไม่ชอบใครมาคุย มาใกล้เธอ
ก็คนมันขี้หึง นิดนึงก็คิดไกล...
มันคิดระแวงไปอยู่เสมอ...
ทุกเรื่องที่ทำลงไปยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?
รักเธอจะให้ไปหวงใคร....
ทุกครั้งต้องโทรตาม ทุกครั้งต้องถามไถ่
เกิดจากความรักความห่วงใยทั้งนั้น
ฉันไม่ได้ตั้งใจให้เธอต้องรำคาญ
ขอโทษถ้าฉันกวนใจเธอเกินไป
ถ้าจะไม่หวงเธอ จะให้ฉันหวงใคร
ฉันกลัวคนไหนมาแทนฉัน
กระวนกระวายกลุ้มใจ กลัวเธอไม่รักกัน
ไม่ชอบใครมาคุย มาใกล้เธอ
ก็คนมันขี้หึง นิดนึงก็คิดไกล...
มันคิดระแวงไปอยู่เสมอ...
ทุกเรื่องที่ทำลงไปยังไม่เข้าใจอีกเหรอ?
รักเธอจะให้ไปหวงใคร....
(เพลงประกอบ: หึง D2B — เก่าได้อีกกกกกก ) น้ำตาเม็ดใหญ่ถึงกับร่วงเผาะเมื่อฟังเพลงนี้....
“พี่คะ” หนูเอ่ยออกมาในที่สุด เมื่อเพลงจบแล้วพี่โต้งเอื้อมมือไปปิดเสีย แปลว่าตั้งใจเปิดเพลงนี้ให้ฟังจริงๆ
“อ้ะ...พี่คืน....” พี่โต้งยื่นของสิ่งหนึ่งส่งมาให้แทนที่จะฟังหนูพูด หนูก้มลงมองฮอร์โมนแผงเดิมที่พี่โต้งโยนทิ้งถังไปเมื่อวานอย่างแปลกใจ
“อยากได้มากไม่ใช่เหรอ เอาคืนไปสิ”
หนูงง สับสน ไม่กล้ารับ เพราะยังไม่มั่นใจว่าพี่แกคืนให้เพราะประชดหรือยังไงแน่
“พี่รู้นะว่าเราอยากสวยเพื่อพี่ แต่ที่จริงมันไม่สำคัญเลยสักนิด เพราะถ้าพี่ชอบคนสวยพี่คงไม่ชอบไอ้ปอนด์หรอก หรือจะบอกว่าน้องกิ๊งสวย ก็ไม่ได้หวานถึงขนาดนี้อยู่ดี พี่ชอบตอนน้องฐาผมสั้นแต่งตัวเป็นผู้ชายมากกว่าอีก หล่อดี แต่ถึงตอนนี้รูปลักษณ์ภายนอกจะเปลี่ยนไปจากแรกๆ ที่เราเจอกัน แต่ภายในน้องฐายังร่าเริง สดใส ยังน่ารักอยู่เหมือนเดิม พี่ก็เลยไม่อยากพูดให้เราไม่สบายใจ เอาเถอะ อยากสวยแค่ไหนก็สวยไป กินยาให้เยอะๆ เข้าไว้ จะได้สวยไวๆ กินให้ตับวายไตพังกันไปข้าง เสร็จแล้วก็ไปสวยต่อที่ยมโลก ก็ดีเหมือนกัน พี่จะได้หาแฟนใหม่ หรือว่าจะกลับไปแย่งน้องกิ๊งคืนก็น่าสนนะ”
อร๊ายยยยยยยยยยยยย อีพี่บ้า.....
แรกๆ ก็เล่นเอาซึ้ง แต่หลังๆ ทำไมแช่งกันแบบนั้นล่ะ แถมยังจะกลับไปจีบอีกิ๊งอีก มันจะเกินไปแล้วนะ
“หนูไม่ยอมหรอก พี่เป็นของหนู หนูไม่ยอมยกพี่ให้คนอื่นหรอก” หนูใส่อารมณ์แทบตะโกนใส่..
“จุ๊ จุ๊.... คนตายพูดไม่ได้นะคะ แล้วพี่มันขี้เหงา จะให้โสดนานๆ ก็ไม่ได้ซะด้วย”
“หนูยังไม่ตายซะหน่อย” หนูวีนแตกหน้าเขียว
“รู้แล้ว..แค่พูดเผื่อไว้ เตรียมใจไว้แน่เนิ่นๆ น่ะ ทำประกันชีวิตไว้ไหม? เดี๋ยวช่วยส่ง” ไปกันใหญ่แล้ว...จะแช่งกันไปถึงไหน
“ไม่เอา ไม่กินแม่งแล้ว” หนูโวยวายหยิบแผงยาปาทิ้งไปทางเบาะหลัง แล้วนั่งหน้าบูดเป็นตูดหมา
รถจอดลงที่ร้านข้าวป้าดาวเจ้าเก่า หนูหันไปมองที่ร้านพบว่ารถของหนูยังจอดลงที่เก่า ความโมโหทำให้เปิดประตูรถทันทีเตรียมสะบัดก้นหนี แต่พี่โต้งส่งเสียงมาเบรคเสียก่อนจึงค้างเท้าที่ก้าวลงไปแค่ข้างเดียวนั้นไว้แล้วเงี่ยหูตั้งใจฟัง
“ความจริงแล้วพี่ไม่ชอบเลยนะที่เรายังแวะเวียนกลับไปอยู่หอในบ่อยๆ กลับไปอยู่ในที่ที่มีแต่ผู้ชายมากมายรายล้อม แถมยังไม่ยอมระวังตัวเองอีกต่างหากแบบนี้ แต่ถ้าอยู่กับพี่แล้วมันลำบากใจ ไม่เป็นตัวของตัวเองพี่ก็จะไม่บังคับ น้องฐาขับรถกลับหอไปเองเลยแล้วกันนะ แล้วถ้าหากว่าการที่มีพี่ไปรับไปส่งทุกวันทำให้เราเอารถตัวเองไปให้คนอื่นยืมได้ล่ะก็ต่อไปพี่ก็จะไม่ไปรับไปส่งเราแล้ว ” หนูสะอึกอึ้ง.... หันไปมองด้วยแววตาสั่นไหว “ถ้าความรักของพี่ทำให้น้องฐาลำบากใจ เราห่างกันสักพักก็แล้วกันนะ”
ติ๋ง....จ๊ะ ติ๋ง....ติ๋ง จ๊ะ ติ๋ง ติ๋ง จ๊ะ ติ๋ง....ติ๋ง
น้ำตาพรูลงมาโดยไม่ได้นัดหมาย พร้อมส่ายหน้าไปมา
“ไม่เอา.... ไม่ห่าง พี่โต้งอย่าพูดแบบนี้ หนูใจไม่ดีนะ” หนูถามพยายามไม่ให้เสียงสั่น ห่างกันไปนานๆใครจะรับประกันความรู้สึกว่ามันจะไม่เปลี่ยนไป....
หนูไม่ใช่หวายนะคะ จะมาห่ง มาห่างอะไรกัน หนูรับไม่ได้นะคะ ณ จุดนี้....
“พี่ก็ให้ในสิ่งเราต้องการแล้วไง น้องฐาต้องการแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?”
“ไม่...หนูไม่ได้ต้องการแบบนี้ พี่อย่าทรมานกันแบบนี้” หนูร้องไห้ คร่ำครวญ อ้อนวอนทั้งน้ำตานองหน้า
“โอ๋.... ร้องไห้ทำไมเล่า” พี่โต้งโน้มตัวลงมากอดปลอบ ลูบหลังให้เบาๆ “ห่างกันไม่ได้แปลกว่าเลิกกันนะคะ น้องฐา เดี๋ยวพี่โทรหาทุกวันแหละ ไม่ใช่จะหายไปไหนสักหน่อย ไม่เจอกันบ้างจะได้คิดถึงกันมากๆ ไง ไม่ดีเหรอ?” พี่โต้งปลอบเสียงอ่อนลง
“ไม่ดี....” หนูตอบชัดถ้อยชัดคำ เอาแต่ร้องไห้ส่ายหน้าอยู่อย่างนั้น
“ถ้าไม่อยากห่างกันนานๆ เอากุญแจห้องพี่ไปเก็บไว้ไหมล่ะ... คิดถึงเมื่อไรก็มาหาได้เลย” พี่โต้งยื่นข้อเสนอที่ไม่จำเป็นต้องคิดสักนิด
“เอา.....” หนูรีบตอบรับยิ้มได้ทั้งน้ำตา ถ้ามีกุญแจห้องพี่โต้งล่ะก็ พี่ไม่มารับหนูจะแวะไปหาทุกวัน....
พี่โต้งคลายอ้อมกอดออกแล้วยิ้มให้ ดูไม่น่าไว้วางใจยังไงชอบกลสิน่า....
“ของแบบนี้จะให้กันง่ายๆ ได้ไง ถ้าอยากได้จริงต้องมีของมาแลก ยื่นหมู ยื่นแมวน่ะรู้จักไหม?”
ชิ!! ขี้งก ... รวยแล้วยังงก จะมารีดเลือดกับปูอะไรแถวนี้
“แล้วพี่จะเอาอะไรล่ะ ของแพงๆ หนูไม่มีตังค์ซื้อนะ” หนูตอบเสียงอ่อย กลัวว่าอีกฝ่ายจะขอในสิ่งที่ไม่มีปัญญาให้
“ไม่ต้องออกตังค์สักบาท....เอากุญแจหอในนั่นแหละมาแลก”
หนูชะงักค้างเมื่อเริ่มเข้าใจทุกอย่าง
คุณพ่อค้าตับ จอมเจ้าเล่ห์ เจ้าแผนการ
ทุกอย่างที่พูดออกมา พี่ก็แค่บีบบังคับให้หนูต้องตัดสินใจเลือกอะไรแค่อย่างเดียว
กุญแจหอใน..... คือ อิสระที่จะสามารถทำอะไรก็ได้ที่ตัวเองต้องการ หลุมหลบภัยชั้นเยี่ยมถ้ามีเรื่องขัดใจกัน
กุญแจห้องพี่โต้ง...... คือ การผูกมัด การกักขังให้อยู่ภายใต้กฎระระเบียบทุกข้อบังคับ และตัดขาดจากเพื่อนด้วย
แล้วไงล่ะ?
ช่างแม่งปะไร ต่อให้ไม่เหลือใครในโลกนี้ ไม่มีเดย์ ไม่มีเอก ไม่มีกิ๊ง
ขอแค่มีพี่....ไม่เป็นไร หนูอยู่ได้
ไม่ได้สวย ไม่ได้แต่งตัวตามแฟชั่น ไม่ได้แรด แต่มีคนคอยแคร์ คอยอยู่ใกล้
พี่น่าจะรู้ว่าหนูรักพี่มากแค่ไหน หนูยอมแลกทุกๆอย่าง เพื่อให้เราไม่ต้องห่างกัน
แต่หนูแค่เสียใจ ที่คนที่หนูรัก ต้องมาลองใจกันโดยใช้สิ่งที่หนูกลัวนั้นมาขู่กัน
เอาความรักของหนูมาเดิมพันแบบนี้...เหมือนพี่ไม่แคร์ความรู้สึกของหนูเลย....
“งั้นหนูขอคิดดูก่อนนะคะ”
......................................................
แม้ตัวละครทะเลาะกัน ด่ากัน เศร้ากัน
แต่อยากให้คนอ่านอย่าเศร้ามาก (เพราะมันทะเลาะกันได้ มันก็ดีกันได้)
กรุณาอ่านเพื่อความบันเทิง อย่าเครียดค่ะ
และ...อย่าเกลียดพี่โต้งเลยนะคะ เพราะพี่โต้ง D2B ทำทุกอย่างลงไป
เพราะรักและห่วงน้องฐาเท่านั้นเอง (ตอนนี้แอบเจ้าเล่ห์เบาๆ )
เล่าด้วยมุมมองน้องฐา คนอ่านก็เลยเข้าข้างน้องฐาซะมาก
แต่ความจริงนิอยากให้เป็นกลางมากกว่านะคะ เพราะน้องฐาก็แค่กะเทยเอ๋อ แบ๊วและตามโลกไม่ทัน
พี่โต้งจะห่วงมากกว่าปกติก็ถูกของเขาแล้ว (ไม่รักไม่หึงนะคะ จริงไหม?)
บางเรื่องควรคิดเยอะชีก็คิดซะน้อยเชียว ทีเรื่องพี่โต้งนี่บทจะคิดมากก็เยอะเกินอ่ะ
เฮ้อ...เพลีย.....
ปล. จะเข้าข้างน้องฐา หรือเข้าข้างพี่โต้งนิก็ไม่ว่า แต่ใครเข้าข้างเดย์ นิโป้ง!! (ล้อเล่นนะคะ ฮาๆๆ)