ตอนที่ 56 แขกรับเชิญ...
โชคยังดีที่ปีหนึ่งเรียนแต่วิชาพื้นฐาน แถมยังมีเพื่อนเก่งที่พึ่งพาได้ เวลาสอบก็เลยไม่เหนื่อยมาก แต่แรกๆว่าจะไปเกาะขาขอให้มันช่วยติวให้ ก็เห็นอีกิ๊งมันมีโครงการติวเรียนเติมรักอะไรกับกันย์สองต่อสอง ก็เลยไม่อยากจะไปเป็น กขค. มาก มันยิ่งขี้หึงเอาโล่เอาถ้วยชิงแช้มป์อะไรของมันอยู่ น้องฐาก็เลยต้อง “ถอยห่าง ไปนิด อีกนิดนั่นแหละ!” กลับมาลั้นลาเล่นเกมอยู่ที่ห้องดังเดิม
แล้วทำไมไม่อ่านหนังสือล่ะยะ? คงมีคนอยากถาม
ก็แหม ก็มันเครียดอ่ะ ก็ต้องมีผ่อนคลายกันบ้าง อะไรบ้างใช่แมะ?
“ช่วงสอบแล้วยังเล่นเกมอีก ถ้าเกรดตกขึ้นมาล่ะก็ จะลงโทษซะให้เข็ด...” พี่โต้งขู่อย่างหมั่นเขี้ยวอยู่ข้างๆ เมื่อเห็นหนูตั้งใจเล่นเกมขับรถอย่างเมามัน
“จะลงโทษยังไงคะพี่” หนูหันไปถามด้วยท่าทีระริกระรี้สุดฤทธิ์ คิดไกลไปดาวพลูโตแล้ว อ้า...
“ตีให้หลาบจำดีไหม?” พี่โต้งถามความคิดเห็น
“จะตีหนูเหรอคะ แบบว่า ตี ตั้บ ตั้บ ตั้บ เลยป่ะคะ?” หนูหันไปถามทั้งเน้นเสียง ทั้งทำสายตาหื่นนิดๆ ประกอบ
“ทะลึ่งนะเราอ่ะ” พี่โต้งอมยิ้ม เอามือผลักหัวหนูเบาๆ อย่างหมั่นเขี้ยว
“ทะลึ่งอะไรยังไง แค่อยากรู้เฉยๆ ว่าจะลงโทษหนักแค่ไหน...แค่เนี้ย...” หนูดัดเสียงออดอ้อน ไถหัวกลมๆเข้ากับท้องอีกฝ่าย
“หนักสิ... หนักมากด้วย”
อร๊ายยย จริงเหรอคะ?? ฟังแล้วตื่นเต้นได้อีก
“งั้นแบ่งครึ่ง ลงโทษล่วงหน้าก่อนได้นะคะ ไม่อยากให้หักโหม หนูเป็นห่วงเป็นใยสมรรถภาพ เอ๊ย.. สุขภาพของพี่น่ะค่ะ” หนูว่าส่งสายตาวิบวับพลางลูบไล้ฝ่ามือไปตามแผ่นอกพี่แก
“หึ!! ถ้าห่วงจริงๆ ก็ตั้งใจอ่านหนังสือสิ ไม่ใช่ยอมรับโทษตั้งแต่ยังไม่ได้เข้าห้องสอบแบบนี้” พี่โต้งว่าขยับกายออกห่างจนร่างหนูเอนกายพิงเกือบเสียหลักตกเก้าอี้
อร๊าย.. ทำอะไรก็ไม่รู้ไม่รักษาน้ำใจ และความปลอดภัยกันบ้างเลย
หนูมุ่ยหน้ามองตามพี่โต้งเดินหายออกจากห้องไปตาปรอย เรื่องสอบก็ไม่ได้วอร์รี่อะไรนักหรอก ถ้าสอบตกแล้วถูกลงโทษยิ่งไม่อยากอ่านหนังสือเข้าไปใหญ่ แต่ก็เล่นเกมจนเบื่อแล้วแหละ เอาเถอะ...เลิกเล่นเกมแล้วอ่านหนังสือมั่งก็ได้ แต่อ่านคนเดียวมันเหงาหงอยไม่ค่อยกระชุ่มกระชวยรื่นเริง เลยต้องหอบหนังสือแอนด์ชีทไปอ่านใกล้ๆ คุณแฟนเพื่อความเร้าใจ
แต่ว่า!! นอกจากคุณพ่อค้าสุดที่รักสุดที่ใคร่จะไม่สนใจใยดีคุณภรรยาที่แสนจงรักภักดีคนนี้แล้ว พี่ท่านยัง ขยับกายหนีอีกต่างหาก แบบว่าลมหายใจกลิ่นไลท์เมนทอล (เอ๊ย ไม่ใช่บุหรี่) กลิ่นบลูเบอร์รี่ของหนูมันไปกวนดวงหทัยของคุณพี่ตรงไหนไม่ทราบคะ? เดี๋ยวปั๊ดกระโดดจูบตัวลอย ให้หายโมโหซะเลยนี่!!
“เอ้า... จะอ่านหนังสือก็อ่านดีๆ ไม่ต้องขยับเข้ามาเบียดเลย ร้อน!!”
“ถ้าร้อนก็เร่งแอร์เซ่” หนูตอบทำหน้าเป็นใส่ พี่โต้งเงียบชะโงกหน้ามาดูชีทในมือหนูแล้วเงยหน้ามาจ้อง
“ถ้าไม่คิดจะอ่านหนังสือจริงๆ กลับเข้าไปเล่นเกมต่อก็ได้นะ จะได้ไม่ต้องมากวนคนอื่นเค้า”
“ก็อ่านอยู่นี่ไง...เนี่ยๆ ไม่เห็นเหรอ?” หนูทำเป็นเขย่าชีทในมือโชว์ว่าอ่านหนังสืออยู่นะ... ทำให้เพิ่งเห็นว่าของในมือมันผิดปกติอยู่จนเกินให้อภัย
“เหรอคะ? เพิ่งรู้ว่าน้องฐามีความสามารถพิเศษอ่านหนังสือกลับหัวก็ได้ด้วย” พี่โต้งเอ่ย พร้อมทำหน้าคาดโทษ
“จำได้ว่า ใครก็ไม่รู้สัญญาเป็นมั่นเป็นเหมาะว่าถึงสอบจะช่วยติวให้” หนูแอบบ่น เพราะพอเอาเข้าจริงๆ ก็เอาแต่หมกจมอยู่กะตำราเล่มบิ๊กเบ้งเฉยเลย มันน้อยใจกะเทยเหลืออนาถจริงเชียว
“ก็พอจะติวให้จริง ก็ไม่สนใจฟัง มัวแต่เล่นนี่นา พอว่าก็หาว่าดุ ไปติวกับเพื่อนยังดูจะมีประโยชน์กว่าตั้งเยอะ พี่จะได้เอาเวลาตรงนั้นไปดูหนังสือของตัวเองบ้าง ตอนที่ป่วยก็ขาดเรียนไปตั้งหลายวัน อย่าลืมสิว่าพี่ก็ต้องสอบเหมือนกันนะ” พี่โต้งใจร้าย พี่ไม่เข้าใจหนูเลย.... ก็ลองให้แฟนมานั่งติวหนังสือให้ใครมันจะไปมีสมาธิคิดเรื่องตำรับตำราบ้าบอ มีแต่จะคิดถึงตับหวานทานอร่อยซะล่ะล่ะมากกว่า
เพราะงั้น!! หนูไม่ผิดซะหน่อยที่ตั้งใจยั่วยวนพี่โต้งมากกว่าตั้งใจฟัง
ก็พี่โต้งน่ะความจริงก็หายดี มีพละกำลังดั่งช้างสารมานานแล้วนะ แต่แกก็ยังปิดร้าน เกษียณอายุราชการไม่ยอมทำหน้าที่สามีที่ดีซะที น้องฐายั่วยวนจนเหนื่อยก็ยังไม่ได้ผล บางทีก็นึกงอนจนอยากจะเปลี่ยนใจทิ้ง “พ่อไก่ป่วย” ไปหากิ๊กข้างสะพานลอยมาแก้เหงาสักคนแล้วนะ แอร๋ย....
“อ๋อเหรอคะ ... ก็เห็นว่าหน้าแก่... แถมขี้บ่นยังกับตาแก่ด้วย เลยนึกว่าเรียนจบแล้วซะอีก” หนูแอบประชดอย่างลืมตัว
“น้องฐา!!” พี่โต้งเสียงดังกลับมาอย่างเคืองๆ
อู้ย.... เมื่อกี้หนูว่าจะคิดในใจนะ ลืมตัวพูดไปแล้วเหรอเนี่ย
“งั้นอยากทำอะไรก็ตามใจเลยนะ ไม่อยากอ่านก็ไม่ต้องอ่าน ถ้าเกิดติดโปร หรือเทอมหน้าโดนไทร์ขึ้นมาจะได้ไม่ต้องเรียนไม่ต้องสอบให้เหนื่อย ไปหาทางสอบเข้าเอาใหม่แล้วกัน หรือจะย้ายไปเรียนเอกชนให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยก็ได้ จะได้ไม่ต้องโดนตาแก่อย่างพี่บ่นให้ฟังบ่อยๆ” พี่โต้งบ่นยาวยืดแล้วสะบัดหน้าหนีไปเลยอ่ะ
อั๊ยหยา... โกรธแล้วหรา?? พี่คะ หนูไม่ได้ตั้งใจน้า.... แค่ปากมันไม่ดี เผลอพูดอะไรพล่อยๆ ออกไปเท่านั้นเอง
แง้..... กลับม้า กลับมาเดี๋ยวนี้นะ!!!
และแล้วสอบปลายภาคก็ผ่านมาและผ่านไปอย่างเงียบๆ ซึ่งเมื่อโดนพี่โต้งงอนไม่คุยด้วยแล้ว หนูก็เลยหมดอารมณ์จะเล่นเกมหรือทำอย่างอื่น ต้องหันมาอ่านหนังสืออย่างช่วยไม่ได้ เผื่อว่าถ้าเกรดออกมาดีแล้วพี่แกอาจจะหายโกรธขึ้นมาก็ได้เนอะ
ก็ได้แต่หวัง... ว่าพี่เขาจะให้อภัยกะเทยน้อยตาดำๆ คนนี้ ยกโทษให้อีกสักครั้งนึงเถอะ กระซิกๆ
หนูสอบเสร็จมาสองวันแล้ว แต่รู้สึกว่าพี๋โต้งจะเหลืออีกตัวนึงมั้งก็เลยไม่อยากกวนใจให้โดนโกรธอีก จึงได้แต่สงบปากสงบคำไม่หือไม่อือ... ถึงพี่โต้งจะไม่ลงไม้ลงมือทำร้ายร่างกายหนูเมื่อไม่พอใจก็เถอะ แต่ไอ้อาการมึนตึง หุบปากเงียบไม่ยอมคุยด้วยนี่มันช่างอึดอัดเหลือเกินจริงๆ นะคะ หนูก็ไม่ใช่คนที่ง้องอนเก่งอะไรซะด้วย เก่งแต่ยั่วยวนกวนต่อมโมโหซะมากกว่า เป็นแบบนี้ไม่สบายใจเลยอ่ะค่ะ....
ทนหุบตูดมาได้พักใหญ่จนเย็นวันนี้... พี่โต้งแกเกิดลุกขึ้นมาแต่งตัวหล่อ ถึงปกติจะหล่ออยู่แล้วก็เถอะ แต่วันนี้มันดูเนี้ยบกว่าทุกวันจนแปลกใจ
“พี่โต้ง จะไปไหนเหรอคะ” หนูถามเสียงอ้อมแอ้ม กลัวปฏิกิริยาเดิมๆ จำพวกชายตามามองแป๊บนึง ไม่ตอบอะไรแล้วเมินหน้าจะฉายซ้ำให้สะเทือนอารมณ์อีก
“พี่โต้งชะงักมือที่กำลังหวีผม แล้วหันมามองด้วยหน้านิ่งๆ แล้วหันกลับไปมองกระจก หวีผมต่อไม่สนใจจนหนูใจฝ่อ เดินคอตกกลับไปนั่งที่โซฟาดังเก่าด้วยความน้อยใจ
“น้องฐาสอบเสร็จแล้วใช่ไหม?” ไม่นานนักผู้ชายคนเดียวกันที่ทำเป็นเมินหนูเมื่อครู่นี้ก็เดินมายืนตรงหน้าแล้วส่งคำถามมาแทนคำตอบ
“ค่ะ... สอบเสร็จแล้ว”
“งั้นเย็นนี้ไปกินข้าวข้างนอกกัน” พี่แกตอบกลับมาพร้อมกับรอยยิ้มราวกับไม่เคยมีเรื่องบาดหมางอะไรเลย
อะไรของพี่คะ หนูตามอารมณ์พี่ไม่ทันเลยค่ะว่านี่หายโกรธไปแล้วเรอะ...
“อะไร? ไม่อยากไปเหรอ? งั้นพี่ไปคนเดียวก็ได้...”
“ไปสิคะ เพียงแต่นึกว่าพี่ยังไม่หายโกรธซะอีก...”
“โกรธเรื่องอะไร?”
“ก็....” นั่นสิเรื่องอะไร นานจนลืมเลยนะเนี่ย
“ถ้าเรื่องที่หาว่าพี่เป็นตาแก่ขี้บ่นล่ะก็ หายนานแล้วล่ะ ก็รู้อยู่ว่าน้องฐาน่ะเป็นคนแบบนี้แหละ พูดอะไรไม่ค่อยคิดหรอก” แหม... เหมือนโดนด่ายังไงก็ไม่รู้นะคะเนี่ย อย่าลืมสิว่าตัวเองก็ไม่ต่างกันนักหรอก
“ถ้าหายแล้วทำไมไม่คุยกับหนูล่ะคะ ปล่อยให้หนูกังวลอยู่ได้”
“ก็น้องฐาไม่คุยกับพี่เองนี่คะ” เอ๋า เป็นงั้นไป หนูทำหน้าไม่พอใจขึ้นมาแล้วอีกฝ่ายก็ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“ก็เห็นว่าตั้งอกตั้งใจอ่านหนังสือ เลยไม่อยากกวนสมาธิเท่านั้นเอง แต่ก็ดีเนอะ น้องฐาจะได้หัดตั้งใจทำอะไรบ้าง นี่ถ้าไม่มีแรงผลักก็เอาแต่เล่นไปวันๆ”
“ใจร้ายที่สุด” หนูว่า เบะปากอย่างเคืองๆ ที่หลงโดนหลอกให้ไม่สบายใจมาตั้งหลายวัน
“โอ๋ๆ.... ขอโทษน่า เดี๋ยววันนี้พาไปเลี้ยงฉลองสอบเสร็จดีไหม? หายงอนได้แล้วน่า” พี่โต้งบอก เนียนเข้ามาโอบไหล่หนูโยกไปมา ลูบหัวให้หายงอน
เป็นแบบนี้ทุกทีเลยนะ เก่งจริงๆ เรื่องตบหัวแล้วลูบหลังเนี่ย!
พี่โต้งพาไป “ร้านริมทาง” อีกแล้ว....
สภาพร้านยังเหมือนเดิมกับที่เคยมาครั้งแรกเลยนะคะ เพียงแต่ครั้งนี้คนเยอะกว่าเก่าหน่อย
บรรยากาศก็มาคุได้ที่เลย เพราะตัวมารก็ดันมาด้วย
อีพี่เอมากับกับพี่ซาก็จริงแต่ถ้าพี่จะเอาแต่มองพี่โต้งเนี่ย ไม่ลากกันเข้าโรงแรมไปเลยล่ะคะ?
เอิ่ม...ก็ว่าไปงั้น...เพราะถ้าพี่เอทำขึ้นมาจริงๆ หนูก็ยังไม่รู้ว่าตัวเองจะองค์ลงตบพี่เอกลางร้านก่อน หรือพี่เอจะโดนพี่ซาฆาตกรรมก่อนกันแน่
“ต้มยำอร่อยนะคะ น้องฐา” พี่โต้งว่าพลางตักต้มยำขึ้นมาเป่าแล้วทำท่าจะป้อนให้ แสดงความหวานเลี่ยนโดยไม่แคร์สายตาใครต่อใครเลยสักนิด หนูก็เลยเลิกสนใจพี่เอแล้วหันมากินต้มยำอวดด้วยความสะใจ
ให้มันรู้ซะมั่งว่าของใครเป็นของใคร!! เชอะ!
วันนี้พี่เคลียร์ไม่ได้มาด้วย มาแต่พี่ปอนด์ซึ่งวันนี้ไม่ได้ร้องเพลงเลยสักเพลง เอาแต่นั่งดื่มเงียบๆ
“กินอะไรซะบ้างนะ กินแต่เหล้าเดี๋ยวแสบท้อง” นานๆ พี่โต้งก็หันไปสนใจ
“อือ... รู้ละน่า” ตอบรับอย่างขอไปทีแล้วก็กินมั่งดื่มมั่งต่อไป
แหม...ช่างเป็นการเลี้ยงฉลองสอบเสร็จที่ “กร่อย” สิ้นดี!!
ดึกแล้ว... เมื่อถึงเวลาต้องแยกย้าย.... พี่ซาพาพี่เอกลับไปก่อน ทิ้งหนูกับพี่โต้งเฝ้าซากศพของพี่ปอนด์ที่เมาเละคาโต๊ะอยู่กันสองคน พี่โต้งถอนใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะขอแรงหนูให้ช่วยกันแบกร่างและๆ ของพี่ปอนด์กลับบ้าน แต่พอไปถึงห้องแล้ว พี่โต้งก็ดันหากุญแจห้องพี่ปอนด์ไม่เจอ คราวนี้เลยยุ่งหนัก...
“น้องฐาคะ จะว่าอะไรไหมถ้าคืนนี้พี่ขอลากไอ้บ้านี่กลับไปห้องเรา” พี่โต้งถามอย่างเกรงใจ คงเพราะหนูรู้แล้วล่ะมั้งว่าเมื่อก่อนพี่โต้งก็ชอบพี่ปอนด์อยู่ มันก็ต้องมีไม่สบายใจกันบ้างใช่ไหมล่ะ?
แล้วจะให้ว่ายังไง? น้องฐาน่ะใจกว้างอย่างกับมหาสมุทรแปซิฟิกก็ไม่ปาน จะโวยวายไม่ยอมน่ะทำไม่เป็นหรอกค่ะ ก็พี่ปอนด์แกออกจะหล่อขนาดนี้ จะปล่อยให้นอนตากยุงหน้าห้องได้ไง...
เมื่อหนูตกลงและเราสามารถพาพี่ปอนด์มาถึงห้องได้ ในที่สุดพี่โต้งก็ทิ้งร่างพี่ปอนด์นอนเน่าอยู่ที่โซฟาหน้าทีวี...
“จะให้พี่เขานอนตรงนี้เหรอคะ?” หนูถามอย่างแปลกใจ
“แล้วน้องฐาคิดว่าพี่จะลากมันเข้าไปนอนกะเราด้วยเหรอคะ?” พี่โต้งส่งสายตาไม่ไว้วางใจกลับมา
แหะๆ หนูยิ้มแหยทำเป็นไม่รู้เรื่องรู้ราว ทั้งที่ความจริงก็นึกดีใจว่าจะได้นอนกอดพ่อรูปหล่อเสียงใสให้หนำใจสักคืนแท้ๆ
“หน้าอย่างนี้ไม่น่าไว้วางใจ... คืนนี้ถ้านอนแล้วห้ามออกจากห้องนะคะ ห้องน้ำก็ไม่ต้องเข้าด้วย”
“พี่ก็ อะไรจะขนาดนั้นคะ” หนูรีบท้วงทันทีกับข้อห้ามที่เคร่งเกินไปนั้น
“ไม่รู้ล่ะ เดี๋ยวตอนพี่หลับ น้องฐาแอบย่องไปข่มขืนไอ้ปอนด์ขึ้นมาจะทำไง”
อ่ะนะ... เอาซีรีบรัมซีกไหนคิดคะเนี่ย??
ไปกันใหญ่แล้ว คนที่ควรจะระแวงสงสัยควรจะเป็นหนูไม่ใช่เรอะ? ไหงกลับตาละปัดแบบนี้ได้ล่ะ
นี่พี่จะเลิกขี้หึงสักหนึ่งวินาทีได้ไหมคะ??
.........................
ขอประทานอภัยด้วยนะคะ สำหรับคนที่อ่าน ทั้งสองเรื่องอาจจะงงเรื่องเวลาซึ่งเคยชี้แจงไปแล้วครึ่งหนึ่งว่า
เรื่องของปอนด์จะเกิดก่อนเรื่องของน้องฐา ประมาณหนึ่งปีเลยค่ะ
ตอนนี้เป็นช่วงเชื่อมโยงเนื้อหานะคะ เพราะถ้ามีคนเคยอ่านน้องกิ๊งจะรู้ว่า เรื่องที่เกิดขึ้นที่บ้านกันย์นั้นมีเล่าไว้ในเรือ่งนั้นแล้ว เอามาเล่าใหม่โดยเปลี่ยนมุมเท่านั้นเอง ส่วนเรื่องปอนด์ก็ เกี่ยวเนื่องมาอีกทีถือว่าใส่ลงไปพอให้อ่านสบายๆไม่เครียดแค่นั้นเองค่ะ ถือว่า คนอื่นๆเป็นนักนแสดงรับเชิญเข้ามาเพิ่มสีสันเบาๆ ก่อนจะตัดกลับมาที่น้องฐาเต็มๆในอีกไม่กี่ตอนข้างหน้าค่ะ
ยังไงก็ขอบคุณทุกกำลังใจนะคะ ช่วยอยู่ด้วยไันไปจนกว่าเรื่องนี้จะจบด้วยนะ มาถึงโค้งเกือบๆจะสุดท้ายแล้วล่ะค่ะ ขึ้นอยู่กับว่า ตัวนิจะเถลไถลเนอกเรือ่งไปได้สักกี่น้ำเท่านั้นเอง