(ต่อครับ)
ตอนที่ 13
ถึงชินจะบอกว่า กินมาแล้ว แต่พี่เจก็ทำข้าวต้มปลาถ้วยเล็กๆวางไว้ให้อยู่ดี
ก็เท่าที่เคยรู้ เคยเห็นมา นักกีฬามักจะกินเก่งกันทั้งนั้น
กลิ่นสบู่หอมอ่อนๆ กับใบหน้าใสหลังการอาบน้ำ ยิ่งน่ามองกว่าเดิมเมื่อชินเปิดหน้าผากด้วยที่คาดผมอันเล็กๆ
พี่เจวางจานข้าวไข่เจียวกับผัดผักของตัวเอง ขณะที่หันมาบอก
“ข้าวต้มปลา ทานสักนิด”
“จะสี่ทุ่มแล้ว” ชินทำหน้าเหมือนมีคำถามที่เห็นฝรั่งกินข้าวไข่เจียวใส่มะเขือเทศ กับหอมหัวใหญ่ แต่ทำข้าวต้มไว้ให้อีกคน
“หรือจะเอาแตงโม”
คิดว่าเมื่อกี้เห็นรอยยิ้มเล็กๆนะ แต่ว่ามันมาเร็วไปเร็ว จนแทบไม่น่าเชื่อสายตาตัวเอง แล้วก็เหมือนเขาจะมองแต่ถ้วยข้าวต้ม ...หรือว่ายิ้มให้ถ้วยข้าวต้มหว่า...คุณครับผมจิบร้า
พี่เจเลยหันไปเปิดตู้เย็น หยิบแตงโมที่ยังอยู่ในแพค ชินลุกขึ้นมาชะโงกมองข้ามไหล่
“ผมทำเอง พี่กินข้าวเถอะ”
พี่เจหันมากินข้าวด้วยความหิว ไม่บอกดีกว่า ว่าสั่งพนักงานที่นี่ไว้ว่าถ้าเห็นบีเอ็มสีขาวของหนุ่มชั้น 8 มาเมื่อไหร่ให้โทรหา แต่จนทุ่มนึงก็ยังเงียบกริบไร้ความเคลื่อนไหว ก็คิดหาเหตุผลว่า เขาทั้งเล่นกีฬา ทั้งเรียนหนัก ไหนจะมีกิจการของครอบครัวที่เจ้าตัวบอกว่า ไม่อยากให้รู้อีก ก็เลยรอไปเรื่อยๆ จนกระทั่งสามทุ่ม ก็เลยขนมาทั้งของฝากและของที่เพิ่งซื้อที่ซุปเปอร์มาร์เก็ตข้างหน้า มานั่งรอที่หน้าห้องนี่แหละ
ชินแกะกล่องพลาสติกเรียงแตงโมใส่จานแล้วกลับมาที่โต๊ะกินข้าว มองถ้วยข้าวต้มอย่างเกรงใจคนทำ
พี่เจทำเป็นไม่สบตา ก้มหน้าก้มตากินข้าวในจานคำสุดท้าย
“ไม่อิ่มใช่มั้ย”
“อิ่มแล้ว ดึกแล้วไม่กินเยอะหรอก”
“อิ่มได้ยังไง ตัวโตขนาดนี้ กินอีกสิ ผมยกข้าวต้มให้”
ยักษ์ตาสีฟ้าหัวเราะหึหึ ชินทำไม่รู้ไม่ชี้ ดันถ้วยข้าวต้มไปข้างหน้าคนตัวโต แล้วตัวเองก็กินแตงโมคนเดียวจนหมด
ลุกขึ้นเก็บจานที่เคยใส่แตงโมกับจานข้าวของพี่เจไปล้าง ยังไม่ทันเสร็จข้าวต้มปลาถ้วยน้อยก็หายวับ พี่เจลุกขึ้นเก็บถ้วยมาวางให้ในอ่างล้างจาน แล้วพาลยืนโอบซ้อนหลัง ก้มลงหอมแก้มใสแล้วผละออก
ไม่ดีๆ ไม่น่าประทับใจ เพิ่งกินอิ่มสารพัดกลิ่น เดี๋ยวคะแนนติดลบ ไปบ้วนปากล้างหน้าล้างมือให้เรียบร้อยก่อนดีกว่า
ชินหันมามองตามคนที่เดินไปห้องน้ำ แล้วเก็บแก้วน้ำมาล้างเช็ดโต๊ะ นั่งดูของในถุงที่พี่เจซื้อมา คราวนี้เป็นเสื้อกับกางเกงยีนส์
หนุ่มหน้าสวยคนนั้นกำลังขมวดคิ้วแน่น ท่าทางเหมือนลังเลว่าสมควรรู้ทันหรือจะแกล้งทำเฉยๆต่อไปดี เมื่อเห็นเสื้อผ้าในถุงของฝาก
พี่เจก้าวเข้าไปยืนอยู่ข้างหน้า
ชินเก็บของใส่ถุงแล้วยื่นคืนให้
“อันนี้ ยังไงก็...ไว้ก่อน”
พี่เจรับถุงมาแล้วก็วางไว้ที่โต๊ะเหมือนเดิม
“ก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรสักหน่อยนี่นา”
ชินหันไปหยิบถุงอีกใบ ข้างในมีกล่องใบเล็กเมื่อเปิดดูมีต่างหูเพชรเม็ดเล็ก สะท้อนแสงวาววาม
“จิวอันนี้ ก็ไม่เอาเหมือนกัน”
“โห”
“มันแพงเกินไป”
“งั้นเหมือนเดิม พี่ฝากไว้ คิดว่าเป็นคนกันเองเมื่อไหร่ก็ค่อยใส่”
ชินวางของลงบนโต๊ะยืนเอามือไขว้หลัง ดวงตาหยุดที่ไหล่หนา ที่ลดระยะเข้ามาหาทีละน้อย สวมกอดหลวมๆ แต่เมื่อริมฝีปากจะกดลงมาหาก็เบี่ยงหน้าหนี
หนีก็ตามสินะ
ทั้งจมูก แล้วริมฝีปากกดย้ำที่แก้ม ใบหู ลำคอ
มือเรียวยาวจับต้นแขนพี่ไว้แน่น
“คิดถึงจัง”
“คนแปลกหน้า”
พี่เจหัวเราะหึหึ “มันแปลว่าพี่ควรให้เวลาทำความรู้จักกับชินมากขึ้นหรือเปล่า”
“ไม่ใช่สักหน่อย”
พี่เจดันปลายคางให้เงยหน้าขึ้นมอง
เมื่อจ้องลึกลงไปในดวงตาสีอ่อน มั่นใจได้ว่า ชินไม่ใช่คนเย็นชาอย่างแน่นอน ท่าทางแบบนี้ จะเป็นคนไม่รู้ร้อนรู้หนาวได้ยังไง
ปลายนิ้วหัวแม่มือเกลี่ยริมฝีปาก
“ไม่คิดถึงพี่ก็ไม่เป็นไร แต่พี่คิดถึงชิน ไม่อยากให้พี่รู้จัก แต่พี่ยินดีที่ได้รู้จักชิน”
“เหอะ นึกจะไปไหนก็ไป”
“สนใจด้วยเหรอว่าคนแปลกหน้าจะไปไหน”
“ไม่สนสักนิด”
“แล้วคอยพี่หรือเปล่า”
“ใครคอย กลับไปเลย” ชินฮึดฮัด
พี่เจกดริมฝีปากที่ต้นคอขาว
“อื้อ มะ....” ชินเบี่ยงหนีสุดตัว พี่เจก็ยิ่งซุกไซ้ เลื่อนริมฝีปากขึ้นช้อนจูบ ดูดย้ำ ชินเผยอริมฝีปากรับให้พี่สอดลิ้นเกี่ยวกระหวัด
ผ่อนลมหายใจตอบรับ ลดแรงต่อต้าน
มือใหญ่ที่เกี่ยวเอวไว้เลื่อนกดที่กลางหลัง เอียงใบหน้าเปลี่ยนมุม เลื่อนมือเข้าไปอยู่ใต้เสื้อนอนสัมผัสกล้ามเนื้อแข็งแรง แล้วพลิกหาอกบาง
ชินละจูบออกหอบหายใจ พี่เจกดริมฝีปากจูบคอ ก้าวเท้ารุกไล่ ประคองวางที่โซฟา
คนผอมบางได้แต่กลืนน้ำลาย จ้องมองดวงตาสีฟ้าหวานเชื่อม ยังไม่ทันได้ส่งเสียงจูบหนักๆก็ตามมา เสื้อนอนสีขาวถูกรั้งขึ้น หนุ่มหน้าหวานขืนรั้งไว้
“ผมยังไม่พร้อม”
พี่เจพยักหน้า แล้วกดจูบปาก ฝ่ามือใหญ่ลูบไล้ชายโครง ลากเลื่อนขึ้นมาหาอกบาง ผ่านเนื้อผ้า
เสียววูบจนต้องยกตัวรับฝ่ามือ ยิ่งปลายลิ้นที่สัมผัสรัว ยิ่งทำให้ร่างกายรุ่มร้อน
ถอดหรือไม่ถอด แทบจะไม่ต่างกัน
ถ้ายังตามใจต่อไป มันจะหยุดไม่อยู่กันทั้งคู่
ชินตบแก้มสากเบาๆ พี่เจถึงได้ละจูบกดหน้าผากต่อหน้าผากนิ่ง
“คราวนี้จะอยู่กรุงเทพกี่วัน”
“เดือนนึง”
“ทำไมอยู่นาน”
พี่เจถึงกับต้องขยับตัวห่าง มองคนหน้าหวานที่รีบขยายความ
“ก็ก่อนนี้อยู่แป๊บๆก็ไป”
“หือ ไม่นะ ปกติพี่อยู่กรุงเทพแหละ เป็นที่พักพิงถาวร เพียงแต่ครึ่งปีมานี้ ป๊ะพี่เขาฟิตไปหุ้นทำคอนโดฯ ที่สิงคโปร์ แต่ที่ว่าไปอิตาลี่ก่อนนี้ก็เพราะว่า ญาติทางฝั่งป๊ะแต่งงาน”
“สิงคโปร์ใกล้แค่นี้เอง”
“อือ ใกล้แค่นี้เอง” พี่เจบอกแล้วพลิกตัวม้วนชินขึ้นมานอนหนุนอก
ตัวก็ออกจะโต ยังจะอุตส่าห์เบียดลงไปได้
“ลุกเหอะ”
พี่เจขยับตัวจัดท่าอีกที ก็กลายเป็นชินขึ้นมานอนอยู่บนตัวของพี่เจ
คนผอมบางฮึดฮัดขัดขืน แต่พอพี่กระแอมเอาขารัดไว้ก็หยุดนิ่ง
ตอนที่อยู่ที่บ้านมีแต่เสียงวุ่นวาย กับคำพูดที่บอกว่า ไม่มีอะไรดีสักอย่างในโลกนี้ พอได้ยินเสียงโทรศัพท์จากคนที่จู่ๆก็หายไป ใจก็บอกว่า จะพาลใส่คนนี้แหละ ทั้งที่รู้ว่าเขาไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิด แต่โทษของการอยู่ดีๆก็หายไป มันต้องโดนอยู่แล้ว
มาทำเป็นเล่น เหมือนหมาหยอกไก่ได้ยังไง
แปลกใจที่สุดก็คือการที่คนๆนี้ ไม่ถามสักนิดว่าทำไมไม่รับโทรศัพท์ ทั้งยังทำเหมือนทุกอย่างเป็นเรื่องธรรมดา คนที่ตั้งใจจะอาละวาดก็....ลืม....
ชินนอนนิ่งฟังเสียงหัวใจ รับรู้สัมผัสที่คลายออก
“ป๊ะพี่ไม่ว่าอะไรเหรอเรื่องที่ชอบผู้ชาย....”
“ตกใจ แต่ไม่ได้ต่อต้านอะไร คงเพราะพี่เรียนไฮสคูลจบก็แยกบ้านเลย เขาไม่เห็นตอนที่ออกฤทธิ์ ผิดกับมอมที่ยอมรับได้ตอนที่เขาอยู่ที่โรงพยาบาลแล้ว”
ชินเงยหน้าขึ้นมอง พี่เจก็ก้มลงจูบหน้าผากแล้วส่งยิ้มหวาน
“มอมพี่เสียใจมากมั้ย”
“มาก”
“พี่เป็นลูกคนเดียวไม่ใช่เหรอ”
“อือ เขาก็อยากให้มีครอบครัวแหละ เคยพูดถึงขนาดที่ว่า ขอให้พี่แต่งงานกับผู้หญิงมีลูกด้วยกัน แต่พี่ไปมีอะไรกับผู้ชายได้ก็มี”
“แบบนั้นมันแย่มาก”
“ใช่ อย่างที่พี่เคยบอกกับชิน ว่าพี่ไม่ชอบการทำอะไรแบบนั้น เพราะมันทำร้ายคนหลายคนเหลือเกิน แล้วมันก็เท่ากับดูถูกผู้หญิงด้วย”
“แต่ที่นี่มันก็มีที่พ่อแม่บังคับให้ลูกทำแบบนั้น ผมรู้จักคนที่เป็นตุ๊ดออกสาวเลยนะ แต่ก็แต่งงานมีครอบครัวเพราะพ่อแม่สั่ง”
“ที่ไหนก็มี ทำไมพ่อแม่บังคับให้ชินแต่งกับเมเรแล้วเหรอ”
“ไม่หรอก เขารู้ว่าผมรำคาญเมเร แต่ขัดใจพ่อแม่เมเรไม่ได้เท่านั้นเอง เขาเป็นหุ้นส่วนใหญ่ของโรงเรียนที่ยูเรียนอยู่”
“พี่คิดว่าโรงเรียนนั้นมีเจ้าของคนเดียวเสียอีก”
ชินส่ายหน้า “3 พ่อเมเรเป็นหุ้นใหญ่ แล้วมีพ่อผม กับเพื่อนของพ่อผมอีกคน”
“เป็นชาวต่างชาติทำธุรกิจก็ต้องใช้ระบบหุ้นส่วนแบบนี้แหละ”
“อันที่จริงธุรกิจที่บรรดาพี่สาวผมเค้าทำอยู่มันก็โอเคนะ กับศูนย์เรียนรู้นั่น มันก็ไปเรื่อยๆ แต่เขาก็ยังเกรงใจกัน ไม่ถอนหุ้นจากโรงเรียน”
ก็โอเคในระดับที่ทำให้น้องชายคนเล็กมีกินมีใช้อย่างสบายน่ะแหละ
“เพราะเราต้องมีเพื่อนไง แล้วพ่อกับพี่ของชินก็คิดถึงคนทำงาน ครอบครัวของเขา มีอีกเป็นร้อยชีวิตที่พึ่งพิงคนทำงานหนักอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมเล็กๆ”
ชินพยักหน้า นึกถึงเวลาที่ตัวเองสอนเด็ก 10 คนในห้องฝึก ไม่ได้มีแค่เด็ก 10 คนในห้องที่ภูมิใจ ยังมีบรรดาแม่ๆ ที่นั่งอยู่หน้าห้อง ยิ่งเวลาถึงการแสดงประจำปี ก็ยิ่งชัดเจนว่า ผลจากการสอนเด็ก 10 คนส่งไปถึงคนอีกอย่างน้อย 3 คนในครอบครัว
“พี่กลับเลยมั้ย พรุ่งนี้ยังต้องทำงานอีก” ชินขืนตัวขยับลุก แต่พี่เจกลับกอดไว้แน่นกว่าเดิม
“เดี๋ยวสิ อีกแป๊บนึง”
“เดี๋ยวก็หลับ”
“ก็หลับสิ พี่อุ้มเข้าไปนอนในห้องเอง”
ชินฟาดที่แขนล่ำเสียงดัง
“โห มือหนักอ่ะ”
“เหอะ” ชินทำเสียงขึ้นจมูก ปล่อยให้นอนกอด ขณะที่ในสมองคิดไปเรื่อย
บอกกับตัวเองเป็นร้อยเป็นพันครั้งว่า ไม่ได้รักชอบผู้ชายตัวโตคนนี้
คนเดียวที่รักมาตลอดคือยู ต่อให้สถานะในเครือญาติจะมีศักดิ์เป็นลูกพี่ลูกน้องกัน แต่รักที่มีให้ยูไม่ใช่รักจากพี่ชาย
เป็นรักแบบที่...ถ้าให้เลือกใครอีกคนอยู่ด้วยกันในโลกนี้เพียงลำพัง ก็จะขอให้คนๆนั้นเป็นยู
บอกตัวเองแบบนี้มาตลอด
จะพ่อแม่หรือบรรดาพี่สาวต่างก็รู้ว่าชินรักยูมาก แต่ก็มองว่าเพราะชินที่เป็นลูกคนเล็กอยากมีน้องชายอีกคน ก็เลยสนิทกันมาก
...ได้แต่เถียงในใจว่าไม่ใช่สักนิด ไม่ได้รักยูแบบพี่น้อง
จนวันหนึ่งที่มีคนอีก 2 คนเข้ามายุ่งเกี่ยว ท่าทีของยูก็ผิดไป
ทำไมถึงได้วางใจคนแปลกหน้าคนนั้นมากขนาดนี้
คนแปลกหน้า....
คนที่กำลังทำตัวเป็นเบาะให้นอนอยู่ตอนนี้ ก็คนแปลกหน้าเหมือนกัน
เป็นคนแปลกหน้าที่ไม่รู้ร้อนรู้หนาว ทั้งเห็นด้วยตา ได้ยินกับหูก็ยังทำเหมือนว่าเรื่องของชินกับยูเป็นเรื่องที่ไม่น่าสนใจ
ที่สำคัญ ตอนที่กอดคอ หอมแก้มยู ไม่เคยสนใจคำว่าสักนิดว่าใครจะมองจะพูดอะไร
จนกระทั่งจูบแรกกับคนแปลกหน้าคนนี้ ถึงได้คิด และกังวล
เพราะความรู้สึกดีๆ กับรอยจูบที่ไม่เคยจางหาย ทำให้ต้องตั้งคำถามกับตัวเอง
จะกังวลไปทำไม สนใจไปทำไม ....คิดถึงเขา..ทำไม...
ไม่สิ บ้าไปแล้ว ใครที่ไหนคิดถึงกัน
ไม่คิดถึง ไม่เคยคิดถึง ไม่เคยรอ ไม่เคยเลยสักนิด
แล้วความรู้สึกที่มีต่อยูตลอดมา มันคืออะไร........
ลมหายใจสม่ำเสมอของคนที่นอนกอดอยู่ทำให้พี่เจก้มลงมอง ยิ้มกว้างเต็มใบหน้าค่อยขยับตัวลุกขึ้นอุ้มกลับมาที่ห้องนอนกว้าง ค่อยๆถอดที่คาดผมแล้วห่มผ้าให้
พลิกดูนาฬิกาข้อมือมันเที่ยงคืนกว่าแล้ว พี่เจถอดเสื้อของตัวเอง ตามด้วยกางเกงยีนส์แล้วเบียดตัวลงนอนข้างๆ
=*=* จบตอนที่ 13 =*=*
ค้างมั้ย มีคำถามในใจหรือเปล่า ไม่หรอกเนอะ อย่าเพิ่งเขวี้ยงอะไรมาที่คนเขียนนะคร๊าบบบบบบ
คิดถึงยูเหรอ วันอาทิตย์นะ

ขอบคุณทุกการติดตามและความเห็นครับ
ไจฟ์ครับ