(ต่อนะครับ)
ตอนที่ 24ออกจากตึกเรียนเป็นกลุ่มใหญ่เหมือนเคย เพราะว่าทำงานด้วยกันทั้งห้อง แล้วก็แยกย้ายกันขึ้นรถกลับบ้าน ชินหันมาพยักหน้าเรียกเพื่อนกลุ่มที่บ้านไปทางเดียวกัน รวมทั้งนีด้วย แต่ละคนก็เดินตามกันมาท่าทางเหน็ดเหนื่อยพอกัน
“ปี 3 ยังขนาดนี้ พอถึงปี 5 เราจะเป็นยังไงกัน” ไอ้ต่อบ่นขณะที่เปิดประตูหลังแล้วเสือกตัวเข้าไปหลับ
“ปวดหลังว่ะ” นีบ่นแล้วหันมาหาชิน “ชินเป็นไรหรือเปล่าหน้าซีด”
ชินส่ายหน้าแล้วก้าวเข้ารถ
ปวดเอวคาดว่าน่าจะมีสาเหตุมาจากเมื่อคืน ตอนนี้ยังปวดเข่าข้างขวามากด้วย
อาจเพราะวันนี้ยืนมาตลอดตั้งแต่บ่ายที่เข้าห้องแล็บเร่งทำงานส่งอาจารย์ แล้วพรุ่งนี้จะไปสอนไหวมั้ย
ต้องไหวสิ เหลือวันสอนอยู่แค่วันเดียวแล้วนี่นา
ถ้าเป็นครูพิเศษคนอื่น ถูกลดชั่วโมงสอนเหลือแค่ชั่วโมงเดียวจะเลี้ยงตัวเองอยู่รอดได้ยังไง
วนรถส่งเพื่อนตามลำดับ พอเหลือนีอยู่คนเดียวในรถ นีก็หันมาถาม “ต้องแวะซื้อของที่เซเว่นอีกหรือเปล่า ชั้นช่วย”
“ไม่หรอก แต่ถ้านีจะซื้อก็ได้”
“ไม่ได้ซื้ออะไรเหมือนกัน”
ดีที่ไม่ได้แวะซื้อของ เพราะพอเปิดประตูก้าวเข้ามาในห้อง ก็ต้องทรุดนั่งอยู่ที่หน้าประตู มือกดเข่าไว้แน่น
“แมร่งเอ๊ย”
“ชินครับ เป็นอะไร”
ชินสะดุ้งสุดตัวหันไปมองคนที่เดินมาจากครัว กลิ่นบุหรี่ และแอลกอฮอล์จางๆแสดงว่าอาจเพิ่งกลับมาจากคลับได้ไม่นาน
“ไม่”
ชินกัดฟัน เหงื่อผุดพราวเต็มใบหน้า ให้พี่เจพยุงลุกขึ้นมานั่งที่โซฟา
มือเย็นเฉียบ...
พี่เจมองใบหน้าซีดเซียว เช็ดเหงื่อให้ แล้วปลดกระดุมเสื้อ
“จะเป็นลมเหรอ เรียนหนักสินะ กินข้าวหรือเปล่า”
ถามไปเรื่อยๆ คว้าสมุดใกล้มือมาโบก
ชินลืมตาขึ้นมองแล้วยิ้มอ่อนๆ
“พี่ชอบแกล้งโง่”
“โง่จริง ไม่เห็นต้องแกล้ง”
“เหอะ” ชินทำเสียงขึ้นจมูก “งั้นถ้าผมอยู่เฉยๆ ก็ไม่รู้สินะ ว่าผมกำลังอยากให้จูบน่ะ”
ไม่ต้องให้ท้า ริมฝีปากหนากดจูบคลึงริมฝีปาก ชินค่อยผ่อนลมหายใจ สีหน้ามีเลือดฝาด มือก็อุ่นขึ้น
“ขอบคุณครับ”
“ยินดีรับใช้ มากกว่านี้ก็ได้นะ”
“โห...” ชินฟาดแขนดังเพี๊ยะ “ผมไปอาบน้ำดีกว่า”
ชินลุกขึ้น ขณะที่โทรศัพท์ดังขึ้น ชินมองหน้าจอแล้วส่งให้พี่เจ เดินเข้าห้องนอนไปเฉยๆ
“รับสิ บอกเค้าว่าผมอาบน้ำอยู่”
พี่เจกดรับสายจริงๆ
“ครับ ไม่ใช่ครับนี่พี่เจพนักงานรับโทรศัพท์ของเจ้าชายชินครับ ถึงบ้านแล้วครับ อาบน้ำอยู่ ครับ”
วางโทรศัพท์ไว้ ที่หน้าโต๊ะกระจกแล้วถอดเสื้อผ้าของตัวเองใส่ตะกร้าหน้าห้องน้ำ ยืนกอดอกเก๊กท่าเคร่งขรึม
เหมือนใคร……….
ก็เหมือนคนที่กำลังอาบน้ำอยู่ตอนนี้ไง
“ชิน”
“....”
“ร้ายเกินไปแล้วนะ ให้พี่รับโทรศัพท์แฟนเนี่ย”
ประตูเปิดออกทันที หยาดน้ำพราวเต็มตัว “แฟนอะไร” น้ำเสียงร้อนรน แถมด้วยดวงตาที่แสดงถึงความกังวล
“ผู้หญิงคนเมื่อกี้น่ะ”
ชินขมวดคิ้วแน่น “ไม่ใช่แฟนสักหน่อย”
“ไม่ใช่แล้วเขาจะมาคิดถึงจัง ฝันดีนะ สวีทฮาร์ดได้ยังไง”
“เฮ้ย ไม่มี ไม่มี นีไม่เคยพูดกับผมอย่างนั้นนะ”
อ่าฮะ เจ้าชายตกใจ
“แต่เค้าพูด เดทหวานแหวว คิสประทับใจ”
“ไม่มี ไม่มีจริงๆ นีพูดอย่างนั้นได้ยังไง”
“ก็เขาพูด ที่กลับมาช้านี่ไปเดทกัน ไม่ได้ไปแล็บใช่มั้ย”
“ผมไปมหาลัยทำงานส่งอาจารย์จริงๆ ยืนทั้งวัน กลับบ้านก็วนรถส่งเพื่อน ส่งนีคนสุดท้ายเพราะเค้าอยู่ใกล้สุด เสร็จแล้วก็กลับบ้านนี่แหละ”
รู้ตัวอีกทีหลังก็ชนกับผนังห้องน้ำ ร่างสูงใหญ่เท้าแขนคร่อมไว้
ชินสูงมาก ผอมแน่นอน แต่พอมายืนอยู่ด้วยกันอย่างนี้กลายเป็นคนตัวเล็กไปเสียได้
ขาใหญ่เบียดแทรก ชินแตะที่เอวหนาจะดันออก
“อื้อ จะเบียดทะ....”
พี่เจเบียดสะโพกเสียดสี ชินกะพริบตามอง
“อำเหรอ”
“อือ..สารภาพหมดเปลือกเลยด้วย”
“ไอ้บ้า!” ชินชกที่ไหล่หนา แต่พี่เจกลับเงยหน้าหัวเราะ แล้วคว้าเอวบางเข้ามากอดจูบ
“หอมจังเลย” พี่เจพึมพำข้างหู จูบไซ้ลำคอขาว ฝ่ามือใหญ่ฟอนเฟ้นไปทั่วตัว ขยำสะโพกกลมดันเข้ามาเบียดชิด
“ไม่เอานะ เมื่อคืนก็ทำตั้งหลายครั้ง วันนี้ผมไม่ได้พักเลย เดี๋ยวก็ต้องไปสอนอีก”
...ตั้งแต่รู้จักกับยักษ์ตาสีฟ้ามา เหมือนจะยิ่งพูดประโยคยาวมากขึ้นเรื่อยๆ...น่าหงุดหงิดจริง...
จมูกโด่งซุกไซ้ มือก็ซุกซน ชินฟาดมือลงที่ต้นแขนเสียงดังก้องห้องน้ำ
“บอกว่าไม่ไง!”
พี่เจหยุดชะงัก ชินหันหลังให้รีบล้างตัว ก้าวออกมาจากห้องน้ำทันที
เมื่อพี่เจก้าวออกมาจากห้องน้ำ รู้สึกเหมือนได้กลิ่นยาอบอวลอยู่ในห้องนอน ดวงตาสีฟ้าหรี่ตามองคนที่นอนหันหลังให้ แล้วหันมาแต่งตัว ปิดไฟ แล้วเข้าไปนอนข้างๆ
ชินพลิกหน้าหันมามอง แล้วขยับตัวเข้ามากอดแขน “ขอโทษที่เสียงดัง”
“ไม่เป็นไร ขอโทษที่เอาแต่ใจทั้งที่เมื่อคืนก็ไม่ได้นอน แล้วยังต้องไปเรียนอีก”
ดวงตากลมโตจ้องมองพี่ท่ามกลางความมืด คิ้วขมวดแน่น มือขาวใต้ผ้าห่มแตะที่ขอบกางเกงนอนของพี่แล้วสอดมือ ความตื่นตัวที่กดหน้าท้องอยู่ในตอนที่อาบน้ำพร้อมกัน ยังคงความร้อนมาจนถึงตอนนี้ ชินขยับตัวจะก้มลงใช้ปากทำให้ แต่อาการเจ็บเข่าขวากลับร้องเตือนต้องขยับท่าใหม่ ถอดกางเกงให้พี่แล้วนอนราบแทรกใบหน้าลงที่หว่างขา กดปลายลิ้นลง เคลื่อนไหวเนิบช้า ช้อนตาขึ้นมองสีหน้าแล้วโลมเลียไปทั่วถึงก้อนแฝด แต่พอจะลงไปอีกพี่เจก็ดึงขึ้นมาหาจับมือของชินให้กอบกุมความรุ่มร้อนของพี่ไว้
พี่เจขยับสะโพก กระแทกมือขาวซีด แล้วกดจูบแลกลิ้น จนกระทั่งเกร็งตัวรีบพลิกหงายปล่อยให้น้ำสีขาวราดรดที่หน้าท้องของตัวเอง
ตื่นเช้ามาเพื่อที่จะพบกับรอยยิ้มกว้าง และอาหารเช้ารออยู่
พี่เจส่งชินที่ศูนย์การเรียนแล้วก็เลยไปทำงานของตัวเองบอกว่า ตอนเที่ยงจะมารับ
“แต่ผมอาจดูคลาสบ่ายนะ”
“ก็ดูไปสิ ไม่ได้มาเร่งสักหน่อย”
ขับรถกลับเข้าบ้าน มีแต่ผู้หญิงของป๊ะที่กำลังเดินกรีดกรายอยู่ในบ้าน ส่งสายตาดูหมิ่นกันเป็นการทักทาย
พี่เจแยกบ้านมาอยู่ตามลำพังตั้งแต่เรียนจบไฮสคูล แต่หลังจากที่มอมเสียชีวิต ป๊ะก็โหมงานหนักจนไม่สบายเรียกร้องให้ลูกชายย้ายกลับมาอยู่ด้วยกัน เพื่อความสะดวกในการทำงาน ป๊ะว่างั้นนะ...
แต่ปัญหาก็คือผู้หญิงของป๊ะที่มองว่าพี่เจเป็นเบบี๋ไม่ยอมโตนี่สิ
ไปถามป๊ะก่อนดีมั้ย ว่าใครกันแน่ที่เป็นเบบี๋
พอก้าวขึ้นไปข้างบน ป๊ะก็เปิดประตูห้องทำงานออกมาเรียก
“เจเรมี่ คอนโดฯที่สิงคโปร์ไปถึงไหนแล้ว”
เลี้ยวขวาไปคุยงานกับพ่อในทันที ตั้งนาฬิกาไว้ในใจ 11 โมงครึ่งต้องสรุปประเด็นให้ได้แล้วโทรบอกครูสอนเทควันโด้ให้รอ อย่าหนีกลับก่อน
แต่กว่าจะได้ออกจากบ้านก็คือเที่ยงกว่า เมื่อผู้หญิงของป๊ะกรีดกรายขึ้นมาเรียกป๊ะไปกินข้าว พี่เจถึงได้ถือโอกาสกลับเข้าไปในห้องนอนตัวเอง คว้าชุดทำงาน กับเอกสารและของใช้อีกบางอย่างรีบกลับออกมา
โทรหาน่ะหรือ โทรสิ แต่เขาไม่รับสายจนมาถึงที่ศูนย์การเรียน รีบวิ่งขึ้นมาดูที่ห้องเรียนเทควันโด้ ปรากฏว่าชินกำลังสอนอยู่ กับครูอีก 2 คน ขณะที่ห้องข้างๆคือยูที่หันมายกมือไหว้ ชี้มือทะลุไปที่ห้องข้างๆ แล้วงอนิ้ววางมุมปาก เป็นเขี้ยวยักษ์
.....เหอเหอเหอ...ขอบใจนะน้องที่บอก....
หันซ้ายหันขวา รียังไม่มาเลยเดินขึ้นไปหาซินซินที่ห้องทำงาน
“สวัสดีครับ ผมเจ มารับของๆชินน่ะครับ”
พี่ซินซินเงยหน้าจากลังอุปกรณ์กีฬา ยิ้มกว้างแล้วชี้ไปที่ตะกร้าผ้ากับชุดเครื่องแบบในไม้แขวน
“เมื่อกลางวันอารมณ์ไม่ดี”
พี่เจลูบท้ายทอยเก้อๆ “ผมบอกว่าจะมาตอน 11 โมงครึ่งแต่ว่าคุยงานไม่เสร็จน่ะครับ”
“ชินเป็นยังไงบ้าง” จู่ๆซินซินก็ถามขึ้น
“เรียนหนักมากครับ ตอนผมเรียนยังไม่ขนาดนี้เลย”
“แล้ว....เขา....” จู่ๆซินซินก็หยุดพูด แล้วถามใหม่ “เขาซ้อมเทควันโด้บ้างหรือเปล่าคะ”
พี่เจคิดทบทวน “ผมไม่เคยเห็นซ้อมเลยนี่ครับ ออกไปเรียนแต่เช้า กลับมาก็ 5 ทุ่มเที่ยงคืน”
พี่ซินซินพยักหน้าอีกครั้ง ประตูห้องทำงานเปิดออก พ่อเดินเข้ามา พี่เจยกมือไหว้ทำความเคารพ
“นี่พี่เจ เพื่อนชิน กับยูเค้าค่ะ”
พ่อรับไหว้
“อีกเดือนกว่า ๆ เราจะพานักเรียนเทควันโด้ที่นี่ไปร่วมโชว์ในงานแข่งกีฬาของสมาคม ไปด้วยสิ คนเยอะๆคึกคักดี”
“เดือนกว่าๆ หรือครับ อาทิตย์หน้าผมจะไปสิงคโปร์ ไม่แน่ใจว่าจะกลับมาทันมั้ย”
พี่เจแบ่งรับแบ่งสู้แล้วเดินไปหยิบตะกร้าผ้าของชิน “ผมเอาของไปนะครับ”
“เดี๋ยว” พ่อเรียกไว้
“ทำไมถึงมาเอาของชินล่ะ เออ พ่อเพิ่งนึกได้ว่าไม่เห็นรถชินวันนี้ มันยังไง” พ่อเท้าเอวถามทั้ง 2 คนที่อยู่ในห้อง
พี่เจยิ้มสู้เสือ “ผมมาส่งเขาเมื่อเช้าน่ะครับ”
“มันนอนดึกอีกหรือไง” พ่อถามพี่เจ
แต่เนื่องจากคำถามนี้อาจเป็นคำถามหลอก พี่เจก็เลยยิ้มเฉย
พี่ซินซินรีบช่วย “พี่เจเอาของไปเก็บในรถเถอะค่ะ”
พี่เจยกมือไหว้พ่ออีกครั้งแล้ว รีบเก็บของๆชินออกมาเก็บที่รถ
พอจะออกจากลานจอดรถ รถโฟร์วีลคันใหญ่ของรีก็เข้ามาจอด พี่เจเลยหยุดรอ
“คิดว่าจะไม่มาซะอีก”
“ได้ไง เมื่อวานคัมแบ๊คซะเครียด”
“เจอแม่ยู เครียดขนาดนั้นเลยหรือ”
“เจอพ่อด้วยน่ะสิ”
พี่เจพยักหน้าเข้าใจ “เออ เครียดโคตร แล้วยูว่าไงบ้าง”
“ก็ดีนะพี่กลับมาคุยดี นิสัยเค้าไปทางพ่อครึ่งหนึ่ง แม่ครึ่งหนึ่ง แต่ก็สับสนตามประสาเด็กวัยรุ่น ก็พอทิ้งช่วงห่างบ้าง ให้เขาได้มีเวลาหยุดคิด”
“โอ้...หนูรีนาเปลี่ยนไป”
“ชกกันเลยเหอะเจเรมี่~~~ เรียกหนูรีนาเนี่ย” พี่รีถกแขนเสื้อเดินเข้าหา
“ได้เลย เรียกเสียงอ่อนเสียงหวานแบบนี้ ซัดกันยกเหอะ”
กลับเข้ามานั่งรอที่หน้าห้องเรียนเป็นที่ประจำ พี่เจกางโน๊ตบุ๊คทำงาน ส่วนพี่รีกางหนังสือพิมพ์ ต่างคนต่างอยู่ในโลกส่วนตัวแต่เงยหน้าขึ้นมองคนที่กำลังสอนอยู่ในห้องเป็นระยะ จนกระทั่งพ่อชิน กับพี่ซินซินเดินมายืนอยู่ข้างๆ
พี่เจเงยหน้าขึ้นทักทายพ่อชิน ขณะที่พี่รีก็งงๆ แล้วเปลี่ยนเป็นยิ้มกว้างเมื่อนึกอะไรบางอย่างออก หันไปยิ้มกว้างกับซินซิน
“คนนี้รีครับ” พี่เจแนะนำต่อ พี่รียกมือไหว้
“อ้อ....” พ่อพยักหน้าท่าทางผ่อนคลายกว่าเดิม “ที่เมเรเล่าว่าเวลาไปกินข้าวด้วยกัน ยกกันไปทั้งหมดกลุ่มใหญ่นี่เอง”
“ครับ น้องเมเรร่าเริงมาก”
“ใช่” พ่อทำท่าป้องปาก “แต่ไอ้ชินมันรำคาญชมัด บอกว่ารำคาญเสียงแหลมๆ”
ผู้ฟัง 3 คนพลอยหัวเราะตาม พ่อก็นินทาต่อ “แต่ถ้ารีกับเจ ได้เจอกับพวกพี่สาวของชิน ทั้ง 2 คนจะเข้าใจ ว่ามันน่าปวดหัวจริงๆ”
พ่อคุยอีกสักพักก็ไปดูการเรียนที่ชั้นอื่นต่อไป
“เค้ามาเช็คพฤติกรรมว่าเพื่อนหรือลูกเขยน่ะ” พี่รีแกล้งแหย่
“เออ รู้แล้วหนูรีนา เครียดจะแย่อยู่แล้วเนี่ย”
พี่รีทำท่าลูบคาง “ไม่นึกเลยว่าพี่จะมีวันที่เครียดขนาดนี้ใช่มั้ยพี่เจเรมี่~~~”
“อย่างกับนายเมื่อวานนี้ไม่เครียดอย่างนั้นแหละหนูรีนา”
พี่รีได้แต่หัวเราะแปลกๆ
“เล่นมุกนี้ต่อได้ชกกันจริงๆละคราวนี้”
ใกล้หมดชั่วโมงสอนชินเดินออกมาก่อน ค้อมตัวทำความเคารพผู้ปกครองนักเรียนแล้วตรงไปที่ห้องล็อคเกอร์ พี่เจเดินตามมามองคนที่หยิบกระป๋องสเปรย์เล็กออกมา ม้วนขากางเกงขึ้นแล้วฉีดที่เข่า ดึงขากางเกงลง การเคลื่อนไหวทั้งหมดดูรีบร้อนและเสร็จสิ้นในเวลาไม่ถึงนาที
ก้มหน้าก้มตาเก็บกระป๋องใส่ในล็อคเกอร์เหมือนเดิม แล้วนั่งลงที่ม้านั่งตัวยาวเหยียดขา พับขา
“พี่นวดให้มั้ย”
ชินส่ายหน้า “เดี๋ยวมันยิ่งช้ำ”
“กินยาแก้ปวดได้มั้ย”
“ได้ แต่ไม่เป็นไร เรื่องปกติของคนเล่นกีฬา”
“อืม” พี่เจทำเสียงในคอเดินมานั่งข้างๆ “เพื่อนพี่มีอยู่คน ว่ายน้ำแล้วมันไหล่หลุด ว่ายๆอยู่มันเรียกเพื่อนช่องว่ายข้างๆ ใส่ไหล่ให้กูที” พี่เจเล่าเป็นเรื่องตลก ชินเลยหน้าขึ้นมามองแล้วซบไหล่
“พี่เป็นคนดี”
“ก็กับบางคนเท่านั้นแหละ ไปถามรีสิ จะบอกว่าพี่น่ะร้ายกาจเห็นแก่ตัว”
ชินบีบนวดมือที่เย็นเฉียบของตัวเอง พี่เจคว้ามานวดให้
“ไม่เป็นไรแล้ว” ชินบอกแล้วดึงมือออก
“แต่หน้ายังซีดอยู่เลย”
“ผมเครียดไปด้วยมั๊ง”
“งั้นกลับทั้งอย่างนี้เลยก็ได้ เดี๋ยวไปบอกรีว่า เราไปกินข้าวด้วยไม่ได้แล้ว”
ชินคิดครู่หนึ่งแล้วส่ายหน้า “อย่าเลย ถ้าเราไม่ไป ยูก็คงไม่ได้ไปเหมือนกัน เราไปด้วยกันทั้งหมดดีกว่า เดี๋ยวก็ได้กลับแล้ว”
คิดว่ามาถึงขั้นนี้คงไม่ต้องถามแล้วว่า เข่าข้างขวาของชินเป็นอะไร แต่เพราะท่าทางปิดบังและการบอกแล้วบอกอีกว่าไม่เป็นไร มันก็แสดงให้เห็นว่าเขาไม่อยากให้รู้
ดังนั้นพี่เจก็ไม่สมควรรู้สินะ
ทำเป็นไม่รู้น่ะง่าย แต่การแสดงท่าทีว่าไม่เป็นห่วงมันยาก....
กินข้าวด้วยกัน 4 คนเสร็จแล้วก็แยกย้าย ยูเดินไปขึ้นรถโฟร์วีลของพี่รีเหมือนตอนที่มา
นั่งคุยกันมาเรื่อยๆ จู่ๆพี่รีก็เอื้อมมาจับมือยูที่วางอยู่บนตัก
“อีกสักเดือนกว่าๆ พี่ต้องไปอบรมที่อเมริกา 3 เดือน”
“โห เมกา อยากไปมั่งจัง” ยูทำตาวาวๆ
“เหรอ อยากไปเหรอ พี่ซื้อตั๋วให้บินตามไปดีมั้ย นั่งเครื่องคนเดียวได้หรือเปล่า”
“โห...” ยูร้องอีกที “นั่งคนเดียวได้ แต่ว่าตามไปผมก็ต้องไปเที่ยวคนเดียวอยู่ดี ไว้รอพี่กลับมาก็ไปเที่ยวกันดีกว่า”
“อือ” พี่รีหันมายิ้ม
“พี่ชิน พี่เจ ไอ้โต ไอ้บีม ไปด้วยกันหมดเลยนะ”
“ครับ”
ดวงตา ริมฝีปาก ความสดใส กำลังรบกวนบางสิ่งบางอย่างภายในจนต้องหันกลับไปมองท้องถนนอีกครั้ง
มีโทรศัพท์เรียกเข้า พี่รีกดรับสายทันทีแล้วหันมาหายู
“ยู พี่ต้องเข้าไปที่ศูนย์แป๊บนึง ยูแวะกับพี่ก่อนได้มั้ยครับ”
“ฮะ”
พอยูตอบรับ พี่รีก็พูดกับปลายสายสั้นๆ แล้ววางสายไป อีกประมาณครึ่งชั่วโมงถัดมา พี่รีก็เลี้ยวรถเข้าศูนย์ คราวนี้ยูไม่ได้รอที่ส่วนรับแขกเหมือนครั้งก่อน แต่พี่รีพาเข้าไปที่ห้องประชุม มีพี่หมงกับใครอีกหลายคนนั่งอยู่
ทั้งหมดพูดคุยงานกันแป๊บเดียวอย่างที่พี่รีว่าจริงๆ เสร็จแล้วก็แยกย้ายกันไปทำงาน
“ไปเข้าห้องน้ำมั้ย” พี่รีหันมาเรียก
ยูพยักหน้าแล้วเดินตามไป
“เร็วมาก”
“อือ ต่างคนต่างก็รู้หน้าที่ตัวเอง”
พี่รีผลักประตูห้องน้ำให้หนุ่มตัวเล็กก้าวเข้าไปก่อน ห้องน้ำเล็กๆ สะอาดเหมือนห้องน้ำโรงแรม ยูจัดการธุระของตัวเองเสร็จกำลังล้างมือหันมามองคนที่ยืนเหมือนคุมเชิงอยู่หน้าประตู
“เหมือนยากูซ่า”
ยูบอกแล้วหัวเราะ พี่รีก้าวยาวๆเข้ามาหาช้อนคอดันใบหน้าอ่อนใสให้เงยขึ้นมารับริมฝีปาก
มือเรียวยาวแตะที่เอวหนาของพี่ แล้วโอบกอดซบหน้าลงกับอกกว้าง
“คิดว่าจะไม่ได้กอดยูอย่างนี้แล้วซะอีก” พี่รีก้มลงหอมผมนุ่ม
“ทำไมพี่ถึงคิดว่าผมจะเปลี่ยนใจได้ง่ายอย่างนั้น”
ยูเงยหน้าขึ้นมอง
“ผมอาจกลัวไปบ้าง คิดมากไปนิด แต่ก็เพราะผมเป็นคนจริงจัง ไม่อยากทำให้ใครผิดหวัง”
พี่รีก้มลงจูบปากบางแรง แล้วสอดลิ้น ยูเอียงหน้ารับจูบ รู้สึกตัวเมื่อพี่ดันเข้าไปที่ห้องในสุดปิดประตูแล้ว กลับมาจูบซ้ำครั้งแล้วครั้งเล่า
มือใหญ่ถอดเข็มขัดออกแล้วเลื่อนซิบกางเกง รั้งกางเกงพร้อมกางเกงชั้นในลง ก้มลงขบฟันที่อกสีอ่อน
แล้วเลื่อนจูบลงมาที่แก่นกาย โลมเลีย ดูดแรง ขณะที่มือใหญ่ลูบไล้ไปทั่วตัว
ยูได้แต่ยืนพิงฝาผนังหอบหายใจ แทรกนิ้วมือกับผมสีเข้ม
=============จบตอนที่ 24============
ไม่ได้ปล่อยให้ค้างคา แต่มันยังไม่ถึงเวลา พ่อเค้าแค่คุยดีด้วย ไม่ได้แปลว่าเขายอมรับ ตอนนี้แค่เถียงสู้แม่ไม่ได้เฉยๆ
เรื่องจริงใช้เวลากันเป็นปี หรืออาจทั้งชีวิตเื่พื่อให้เขายอมรับ ความรักมักเป็นเช่นนั้น
เรื่องยุ่งยากยังไม่หมดไป ตัวโกงเพิ่งรับค่าตัวได้ตอนสองตอนเอง พี่เจก็ใช่ว่าจะงานง่าย

ขอบคุณที่ติดตามครับ
พี่เจ อ๊ะ ไม่ใช่ ไจฟ์ครับ 555555555
แก้ไขแล้วนะครับ ขอบคุณมากครับ