^
^
^
เมื่อไหร่จะรู้ไม่ทันบ้างเนี่ย 
(ต่อครับ)
ตอนที่ 28 เที่ยงวันอาทิตย์พี่รีก็เลี้ยวรถเข้ามาที่ศูนย์การเรียนรู้ ห้องเรียนฟันดาบของยูเลิกก่อนตามเคย ส่วนห้องเทควันโด้กำลังเรียนกันอย่างตั้งใจ
“พี่รีสวัสดีฮะ” ยูทักทาย “เดี๋ยวขึ้นไปกินข้าวที่ห้องพี่ซินซินกัน”
พี่รีพยักหน้า “แล้วชินไปด้วยหรือเปล่า”
“ไปฮะ มีอะไร”
“รอไปคุยที่ห้องพี่ซินซินดีกว่า” พี่รีบอก พลอยเรียกพี่ซินซินตามไปด้วยอีกคน
แต่การรับฟังเรื่องจากพี่รี ชินก็แค่พยักหน้ารับทราบ ไม่มีความเห็นและคำพูดอื่น
“กลับมาอยู่บ้านมั้ยชิน” พี่ซินซินถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่เป็นไรหรอก” ชินบอกแล้วก็กินข้าวต่อไปเงียบๆ
วงสนทนาก็เลยพากันเงียบแล้วเปลี่ยนไปคุยเรื่องอื่น
“วันนี้ชินอยู่ดูคลาสบ่ายต่อเหรอ”
“ครับ ได้สักชั่วโมงนึง เสร็จแล้วจะเข้ามหาลัย เขามีกิจกรรม” ชินบอก
กินข้าวกันเกือบเสร็จ พ่อของชินถึงได้เข้ามา “อ้าว วันนี้พ่อมาช้าเหรอเนี่ย” พ่ออารมณ์ดีรับไหว้พี่รี
“เออ ไม่เป็นไร แค่แวะมาบอกชินว่า วันงานน่ะถ้าว่างก็ไปดูๆที่สนามกีฬาซักนิด ไม่แข่ง ไม่คุมก็ไปดูหน่อย”
“พวกที่ชมรมมหาลัยมันก็บอกอย่างนี้แหละ”
“แปลว่าไปใช่มะ ผมได้ไปด้วย” ยูรีบบอก
“ยูจะไปเหรอ”
“ก็มันงานเดียวกันใช่มั้ยล่ะ” ยูย้อนถาม “พี่จะไปในฐานะนักกีฬามหาลัย หรือ ครูเทควันโด้ศูนย์การเรียนรู้ ผมก็อยากไปด้วย”
พี่ซินซินหันมาหาพี่รี “ทำไมหนูรู้สึกว่า เรื่องที่พ่อกับชินคุยกัน มันคนละเรื่องที่ยูพูดนะ”
“คนละเรื่องอะไรกัน เรื่องเดียวกันเป๊ะๆ” ยูยังเถียง แล้วหันมาหาพี่ชายอีกที “สรุปก็คือถ้าพี่ไปผมก็ไป”
“ถ้าชั้นไม่ไป”
“ผมก็ไปดูหนัง กับพี่รี”
ชินตวัดหางตามองพี่รี ขณะที่น้องชายลุ้นระทึก “งั้นเคาะโต๊ะว่า......”
“ก็ควรต้องไปนี่นะ” ชินบอกแล้วลุกขึ้นเอาจานไปเก็บล้าง
มันคือธุรกิจของครอบครัว ไม่ไปไม่ได้ ต่อให้รู้ว่าไปแล้วจะพบเจอกับอะไร แต่ก็ต้องไป
"พี่เจจะกลับจากสิงคโปร์เมื่อไหร่" พี่ซินซินถาม
"ไม่รู้เหมือนกัน"
"อ้าว" พี่สาวแสนดีทำหน้าตาเหรอหรา
"บอกไว้ว่าให้มาก่อนวันงานที่สมาคม"
ความเป็นห่วงของทุกคนรอบตัวใช่ว่าจะไม่รับรู้ ไม่รู้สึกขอบคุณ แต่ก็ยังคงเชื่อมาตลอดว่า ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นนั้นสามารถจัดการเองได้ และเชื่อเหมือนที่บอกกับพี่เจและยูไปว่า ไม่นานมันก็จะผ่านไปเอง
เที่ยงวันอังคารชินออกมากินข้าวที่ร้านอาหารใกล้มหาวิทยาลัยตามลำพัง คือตามศัพท์ทางการแล้วมันตามลำพังนะ เพราะไม่ได้พูดคุยอะไรกับใคร เพียงแต่ว่าเมื่อมองไปรอบตัวจะพบว่าไอ้คนที่นั่งร่วมโต๊ะ กับโต๊ะข้างๆเนี่ยมันก็เพื่อนที่เรียนอยู่ห้องเดียวกันนี่แหละ
กินข้าวเสร็จก็หยุดแวะที่แผงหนังสือ ขณะที่เพื่อนๆหลายคนรุมอยู่ที่รถเข็นผลไม้
“ชิน” เสียงหญิงสาวทักทาย
ทักชิน แต่ว่าเสียงเซ็งแซ่ที่อยู่รอบตัวเงียบกริบ ทุกสายตาไปรวมอยู่ที่นักศึกษาสาวผมสีทอง เสื้อรัดติ้ว กับกระโปรง 2 คืบเหมือนรองเท้าส้นสูงที่ใส่อยู่ เล็บสีแดงสดตกแต่งคริสตัลสะท้อนแสงแดดยามเที่ยงวิบวับ
“มะนาว”
เปรี้ยวสมชื่อจริงแม่คุณ!
“ไม่เจอกันตั้งนาน”
ชินพยักหน้า หันไปให้ความสนใจหนังสือที่แผงเหมือนเดิม
“สบายดีหรือเปล่า”
“ดี” ชินบอกสั้นๆ หันมามองเพื่อนที่แต่ละคนกำลังเก็บรายละเอียดกันไม่มีตกหล่น
“เจอกับเพื่อนเก่าๆบ้างมั้ย มะนาวเจออยู่หลายคนเหมือนกัน ตอนที่ไปเที่ยว แต่ไม่เคยเจอชิน”
“ผมไม่ชอบเที่ยวกลางคืน”
“เหรอ แล้วยังเจอกับโทระบ้างมั้ย”
ชินก้าวเท้าออกจากหน้าแผงหนังสือ แต่มะนาวดึงแขนไว้ “มะนาวยังใช้เบอร์เดิม ถ้าเป็นชินโทรมาได้เสมอ”
ชินแกะมือมะนาวออก แต่หญิงสาวกลับหัวเราะร่วน “คิดถึงนะ” มะนาวบอกแล้วหันหลังเดินกลับไปอีกทาง หนุ่มรูปร่างสูงโปร่งมีสีหน้านิ่งสนิท เรียบกริบ ไร้ความรู้สึก เมื่อเดินกลับมาที่คณะ
มือขาวซีดพลิกดูโทรศัพท์ในมือแล้วเก็บใส่กระเป๋าตามเดิม
อาจเป็นความท้าทายที่โง่เง่า แต่ค่ำลงชินขับรถกลับมาคอนโดฯ แล้วก็ยังเดินออกไปที่ซุปเปอร์มาเก็ต ซื้อผลไม้ แล้วหยุดยืนรอให้ใครบางคนโผล่หน้ามา
รออยู่เกือบครึ่งชั่วโมง ถึงได้กลับเข้ามาที่ห้อง
ทีเวลาที่อยากเจอกลับไม่เจอ
จนกระทั่งถึงวันงานของสมาคม รถตู้ของศูนย์การเรียนรู้พาเด็กๆ 10 คนมาร่วมงานแสดงในวันเปิดงาน ชินมารออยู่ที่ยิมเนเซี่ยม พาผู้ปกครองกลุ่มใหญ่ไปที่นั่ง จัดที่ทางสำหรับการถ่ายภาพเรียบร้อย ส่วนหนุ่มยูและไอ้โต กับไอ้บีมตามมาทีหลัง แล้วก็ทำงานกันทันที
การแสดงผ่านพ้นชินก็พาเด็กๆ ออกมาที่ด้านนอกให้ถ่ายรูปกันอีกสักพักแล้วส่งขึ้นรถตู้กลับไป
เมื่อมองออกไปที่ลานจอดรถมอเตอร์ไซค์ ชินพบคนรู้จักที่รอมาหลายวันแล้ว
เพียงแค่มองหน้ากัน ชินก็เดินนำไปที่ด้านหลังของโรงยิม แล้วหยุดยืน
ยูยืนคุยอยู่กับพี่ซินซิน หันมาอีกทีพี่ชินก็หายไปแล้ว มองซ้ายมองขวา เพื่อนอีก 2 คนก็หายไปด้วย
“ยังไงกันน่ะ ไปห้องน้ำหรือเปล่า” พี่ซินซินชะเง้อมองไปที่ลานจอดรถ ก็ยังเห็นรถจอดอยู่
“ผมเดินไปดูเอง พี่กลับไปที่ศูนย์ก่อนก็ได้นะฮะ”
--***--
ชินก้าวนำไปทางด้านหลังของโรงยิมแล้วหยุดยืนรอ เพื่อนเก่าก้าวเข้ามาหา ในมือมีไม้เบสบอล
“ไม่ว่ามึงจะหนีไปไหนกูก็จะตามมึงไป”
“กูไม่เคยหนี” ชินตอบเรียบๆ
โทระ ทำเสียงขึ้นจมูก “มึงถนัดลอบหลังกูมากกว่าใช่มั้ย”
“เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่มึงคิด”
“มึงรู้มั้ยว่ากูคิดอะไร มึงมันคนทรยศ!” โทระร้องตะโกน มือที่ถือไม้เบสบอลสั่นระริก “กูเห็นน้องมึงที่มหาลัยกู มันสอบตรงได้ที่นั่น กูจะเล่นมันเมื่อไหร่ก็ได้ ให้มึงเจ็บจนตาย”
พอพูดถึงยู ท่าทีของชินก็เปลี่ยนไป “มะนาวไม่ได้มีค่าให้มึงต้องกลายเป็นนักเลง”
“เพราะมึงต่างหาก!” เสียงของโทระดังลั่น มือที่ถือไม้เบสบอล “มึงกับกูเป็นเพื่อนกันมาสิบกว่าปี แต่มึงกลับแย่งเมียกู!”
“กูไม่ได้แย่ง”
“มึงแย่ง! ทั้งที่มึงไม่ได้รักมะนาว มึงอยู่เหนือกว่ากูทุกทาง ทั้งฐานะ การเรียน ทั้งกีฬา แล้วมึงก็ยังแย่งมะนาวไปจากกูอีก!”
“กูไม่ได้แย่ง” ชินย้ำคำเดิม
“มึงรู้มั้ย มะนาวเปลี่ยนไปมาก จากคนเรียบร้อยอ่อนหวาน ตอนนี้เขาเป็นยังไง นั่นก็เพราะมึง มึงนอนกับเขาทั้งที่ไม่ได้รัก ทำให้มะนาวเสียใจ ทำให้มะนาวไปจากกู”
“กูก็แค่คะแนนสะสมของมะนาวเท่านั้น”
“มึงไม่มีสิทธิ์มาพูดถึงมะนาวแบบนี้นะ!”
โทระเงื้อไม้เบสบอล พุ่งตัวเข้าหา
ชินยืนนิ่งหลับตา
แต่เมื่อเข้ามาใกล้ ฝ่าเท้าคู่หนึ่งก็ยันโครมเข้ามาที่กลางหลังของโทระจนเสียหลักล้มไปอีกทาง
“สัด! ตีพี่กูเหรอ!” ยูร้องด่าแล้วตามเข้าไปชกอีกหมัด กระทืบซ้ำ
ไม่มีอาวุธ ก็ใช้เท้านี่แหละกระทืบมันลงไป
ยูไม่ได้เก่งกว่าโทระแต่เพราะไม่ได้ระวังตัว พอโดนเท้าคู่ก็เสียหลัก ยังไม่ทันได้ตั้งตัว ทั้งเท้าทั้งหมัดก็รัวไม่ยั้ง
ชินรีบเข้าไปดึงน้องชายออกมา
ขณะที่เสียงฝีเท้าสับสน เสียงร้องตะโกน โทระเหลียวมองรอบตัวแล้วรีบหลบออกไปอีกทาง
ยูหันมาหาพี่ชาย
“เป็นไรมั้ย”
“ไม่ ไปกันเถอะ”
พวกไอ้โต กับไอ้บีมที่เพิ่งมาถึง ถึงกับเบรคตัวโก่ง เมื่อเห็นพี่ชินพูดกับน้องชายเหมือนเรื่องปกติธรรมดาแล้วเดินสวนออกมาที่ด้านหน้าของโรงยิม
“ไรวะ”
เหล่าลูกสมุนเดินตาม แต่เมื่อออกมาถึงบันไดด้านหน้าของโรงยิม ชินก็หันมาบอกน้องชาย
“ยูเวลาไปมหาลัย ระวังตัวด้วย”
ยูกระตุกมุมปาก เพราะไม่เคยกลัวอยู่แล้ว พี่ชายเลยต้องย้ำ
“แกไปเรียน ไม่ได้ไปหาเรื่อง อย่าไปยุ่งกับมัน”
ท่าทางของน้องชายที่น่ารักไม่ได้เชื่อฟังเลยสักนิด จนพี่ชายเลยต้องขู่ย้ำ
“ฟังชั้นนะยู นี่เป็นเรื่องของโทระกับชั้น อย่าทำให้มันกลายเป็นเรื่องของแกกับมันไปด้วย”
โทระรักมะนาว แต่ความรู้สึกของมะนาวที่มีต่อโทระอาจไม่ใช่ความรัก และยิ่งความรู้สึกที่มีต่อชินยิ่งห่างไกลจากคำว่ารัก
ก็อย่างที่ชินบอกกับพี่เจ และบอกกับโทระน่ะแหละ
มันเกิดจากความท้าทาย เป็นแค่อีก 1 คะแนนเก็บของสาวสวย
แต่มันเป็นเรื่องที่โทระรับไม่ได้
มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลยสักนิดที่จะยอมรับว่า แฟนของเรา ผู้หญิงสวย อ่อนหวานคนนั้น มีตัวตนที่แท้จริงคือนักล่าผู้ชาย
ในมุมของโทระ ไม่ว่าจะท้าทาย หรือคะแนนเก็บ ความจริงก็คือชินนอนกับมะนาว
สำหรับชินแล้ว มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปร้องตะโกนบอกใคร เรื่องตัวตนที่แท้จริงของผู้หญิงที่เป็นสาเหตุให้เพื่อนเก่าต้องผิดใจกัน
มีอีกเรื่องที่โทระไม่เคยรู้ มะนาวไม่ใช่คนเรียบร้อยอ่อนหวาน อย่างที่โทระเห็นและเชื่อมาโดยตลอด ถึงจะชินเองก็เถอะ รู้ความจริงข้อนี้ก็ในวันที่นอนกับมะนาวไปแล้ว
คนเพียงคนเดียวที่ชินอยากให้เข้าใจคือโทระ แต่โทระกลับไม่เคยเข้าใจ
เรื่องนี้จึงยังคงเป็นสาเหตุที่ทำให้โทระแค้นชิน
และคือสาเหตุที่ทำให้เข่าของชินกำลังไม่เหมือนเดิม
พี่ซินซินซักถามจนแน่ใจว่าไม่มีอะไรก็กลับไปก่อน แต่ชิน ยู โต และบีมยังอยู่ที่ยิมเนเซี่ยม เพราะว่าทีมเทควันโด้ของมหาวิทยาลัยชินลงแข่งอยู่ด้วย
พอเดินเข้าไปด้านในโรงยิมยังไม่ทันจะถึงที่พักนักกีฬา ก็เจอกับพี่ก้าวประธานชมรม ที่เดินตรงเข้ามาหา
“พี่เพิ่งรู้เรื่อง เป็นอะไรหรือเปล่า”
“ไม่หรอก ผมแค่แวะมาบอกว่า ผมจะกลับแล้ว”
“เฮ่ย อะไรวะ ยังไม่ทันได้ดูแข่งอะไรเลยจะกลับแล้ว” พี่ก้าวตบไหล่เบาๆ ขณะที่เด็กใหม่ปี 1 คนที่แข่งรุ่นเดียวกับที่ชินเคยแข่งเดินเข้ามายกมือไหว้
“พี่ไม่ดูผมแข่งก่อนเหรอ”
“ไม่ละ เดี๋ยวแกเข้ารอบพี่ก้าวก็โทรไปบอกชั้นอยู่แล้ว”
เด็กปี 1 ท่าทางฮึกเหิมมั่นใจ “ผมอาจเจอกับโทระรอบ 8 คนพรุ่งนี้ ถ้าวันนี้มันไม่ตกรอบคัดเลือกไปเสียก่อน”
ไอ้โตรีบยื่นหน้าเข้ามา “สู้ๆ พี่ ช่วงนี้พวกผมว่าง ผมจะมาดู”
“สอบกลางเสร็จแล้วเหรอ” พี่ก้าวถามเหมือนคนไม่รู้วันรู้คืน
“เสร็จแล้วพี่ โห เชื่อแล้วว่าพี่ๆซ้อมกีฬากันหนักจริงๆ” ไอ้บีมแซว
มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ยูกดรับแล้วหันมาถาม “พี่ชิน พี่ซินซินโทรมาถามว่า จะกลับคอนโดฯ หรือว่าจะเข้าบ้าน แม่พี่บอกให้ไปหา”
ชินหัวเราะเบาๆ กับประโยคกึ่งถามกึ่งบังคับของพี่ซินซินที่บอกผ่านยู
“ไปบ้านสิ” หนุ่มผอมบางไม่ลืมหันไปชวนอีก 2 คนไปด้วยกัน “ว่างใช่มั้ย”
“ครับพี่” โตกับบีมขานรับเสียงดัง
พอจะคาดเดาได้ว่า ที่แม่ร้อนใจให้พี่ซินซินโทรหายู บอกอ้อมไปอ้อมมาให้กลับบ้านเพราะอะไร พี่ซินซินคงเล่าเรื่องที่เจอกับไอ้โทระที่นี่ แต่ถ้าโทรเข้ามือถือของชิน ก็อาจทำเป็นยุ่งไม่รับสาย ตามนิสัยไม่ชอบการอธิบาย แต่ถ้าโทรเข้ามือถือยู ให้ยูพูดนิดๆหน่อยๆ ยังไงชินก็ตามใจน้องคนนี้
เดินออกมายังไม่ทันขึ้นรถ โทรศัพท์ของยูก็ดังขึ้นอีกครั้ง
“เรากำลังจะไปบ้านพี่ชินกัน” หันมาขออนุญาตอีกหน “พี่รีเลิกงานตามไปรับผมที่บ้านพี่ได้มั้ย”
ชินพยักหน้า แต่อีก 2 หนุ่มส่งเสียงโห่ ยูเลยหันมาเงื้อเท้าใส่เพื่อน ขณะที่ปากก็พูดกับพี่รี
“พี่มาใกล้ๆก่อนแล้วโทรหา ผมจะบอกทางให้”
พอมาถึงบ้านนอกจากแม่แล้วก็ยังมีพี่กาอินกับพี่ซินซิน หมายเลข 6 และ 7 ที่กลับมาแล้ว ส่วนคนอื่นๆ ยังคงอยู่ที่ทำงาน
....ก็ดี จะได้ปวดหัวน้อยหน่อย...
ชินแค่นั่งเงียบๆ อยู่ข้างแม่ ความรู้สึก ความคิดทั้งหมดเหมือนจมลึกลงไปเรื่อยๆ
รู้ว่าไม่สามารถย้อนวันเวลาได้
แต่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไงถึงจะได้รับการอภัย
พ่อชินกลับมาบ้านตั้งแต่ 5 โมงเย็นมาถึงก็นั่งหัวเราะกับเรื่องราวสารพัดที่ลูกหลานเล่าให้ฟัง แต่สายตาที่เต็มไปด้วยความเป็นห่วงยังคงจ้องมองลูกชายที่ได้แต่นิ่งเงียบไม่ตอบคำถาม ปล่อยให้ยูเล่าไปเรื่อย
“ผมวิ่งไปตามเสียงที่มันด่าพี่ชิน เห็นมันเงื้อไม้เบสบอลในมือแล้ว เลยโดดถีบเลย”
“ลุงว่า ส่งแกไปเรียนกังฟูท่าจะรุ่งกว่าฟันดาบ”
“เอาจริงดิ ผมเรียนจริงๆนะลุง” ยูทำตาวาว
“งั้นผม 2 คนเรียนด้วย เล่นบาสท่าทางจะไปไม่ถึงเอ็นบีเอ เปลี่ยนเป็นกังฟูดีกว่า” ไอ้โตพลอยเห็นดีเห็นงาม
เสียงโทรศัพท์ของยูดังขึ้น หนุ่มตัวเล็กรีบกดรับสายแล้วไปรอที่หน้าบ้าน
พี่ซินซินอยู่ทางนี้เลยต้องเป็นคนปราม
“พ่อนะ แทนที่จะห้ามกัน ยูมันยิ่งห้าวไม่มีเบรค เดี๋ยววันดีคืนดีคุณอาต้องตามไปจ่ายเงินไกล่เกลี่ยให้คู่กรณีที่โรงพยาบาลจนได้”
“เฮ่ย ฝึกต่อสู้ก็ต้องฝึกวินัย ใช้วิชาในทางที่ถูกสิวะ”
“ถูกครับคุณลุง” ไอ้โตกับไอ้บีมยังคงประสานเสียงเป็นลูกคู่
สักพักยูก็เดินนำชายหนุ่ม 2 คนเข้ามาในห้องนั่งเล่นทั้งคู่ยกมือไหว้ พ่อและแม่ของชิน
“คุณลุง คุณป้าฮะ นี่พี่รีกับพี่หมง”
พ่อและแม่ของชินรับไหว้ชายหนุ่มทั้ง 2 คน ขณะที่หญิงสาวผมหางม้าอุทานเบาๆ
“น้าหมงหรือคะ”
“ครับ” ชายหนุ่มรูปร่างหนา ในชุดเสื้อเชิร์ตทำงานแขนยาว ท่าทางเขินอาย หน้าแดงไปถึงหู
“ลูกอ๊อดไปไหนคะ”
“อยู่กับยายครับ วันเสาร์อาทิตย์ถึงจะเป็นคิวผมเลี้ยงหลาน”
“อ้าว พ่อกับแม่เขาไปไหนล่ะ” แม่ถามขึ้นบ้าง
“ไม่อยู่แล้วครับ” หมงหันไปตอบแม่
ส่วนพ่อหันไปกระซิบถามซินซิน “คนนี้มายังไงวะ”
“หื้อพ่อนี่...” ซินซินส่งค้อนให้พ่อ แล้วลุกออกจากวงสนทนาไปช่วยพี่กาอินในครัว
“อยากได้คนตำน้ำพริกมั้ยฮะ” ยูร้องถาม
“ไม่ต้องหรอกลูก พี่กาอินทำใกล้เสร็จแล้วหล่ะ จะหกโมงแล้ว” แม่หันมาบอก แล้วถามคนที่เพิ่งมาถึง “ทานอาหารไทยได้มั้ย”
“โอ้ยสบาย ฝรั่งแถวนี้กลายพันธุ์หมดแล้ว” ยูบอกขำๆ “ส้มตำปลาร้าพริก 3 เม็ด”
ทีนี้ทั้งไอ้โต ไอ้บีมช่วยกันประสานเสียงหัวเราะกันร่วน
“ก็มันอร่อย” พี่รีบอก แล้วรีบชี้ไปที่หมง “แต่หมงเป็นคนไทยเหมือนคุณแม่นะครับ”
“แม่ไหน” พ่อรีบท้วงทำฟอร์มดุ
“แม่ไหนก็เหมือนกันแหละ” แม่เสียอีกที่ต้องรีบดักคอพ่อ เพราะชักแสดงอาการส่งเสริมลูกหลานอย่างออกนอกหน้า “แม่กับแม่ยูคนไทยเหมือนกัน แต่พ่อชินกับพ่อยูเป็นพี่น้องกัน มาอยู่เมืองไทยตั้งแต่เด็ก ไม่เห็นจะกลายพันธุ์สักเท่าไหร่”
“แต่หลงสาวไทยไปไหนไม่รอดเหมือนกันนะ “ พ่อทำตาวิ๊งๆ ใส่แม่ต่อหน้าต่อตาลูกหลานเต็มบ้าน จนแม่ต้องฟาดแขนเบาๆ
พ่อแม่บ้านนี้ ลูกรักใครก็รักด้วย
แต่บ้านยูน่ะ พ่อยูหวงยูมาก ชี้นำออกนอกหน้าเกิดเขาไม่พอใจขึ้นมา พี่น้องจะผิดใจกันซะเปล่าๆ
ยูรับโทรศัพท์อีกที แล้ววิ่งไปหน้าบ้าน “โอ้ยยยย วันนี้ไอ้ยูฮ๊อท ฮอท”
ส่วนทางนี้พ่อชินกำลังโดนแม่เรียกไปดุเบาๆ “เดี๋ยวเขาว่า อยากได้เขยจนตัวสั่น มีฟอร์มบ้างสิพ่อ”
ไอ้โตกับบีมเลยทำเนียนชวนน้าหมงไปช่วยในครัว
“จะดีเหรอ” หมงคนขี้อายไม่ค่อยมั่นใจ
“ถ้าพี่ไม่ลุก ผมจีบพี่ซินซินเองนะ” ไอ้โตทำขู่
“เฮ่ย ไงวะ ถึงพวกแกจะสูงกว่าชั้น แต่ชั้นอาวุโสกว่านะโว้ย” หมงทำเป็นขู่ แต่ไอ้คู่หูมันคงกลัวหรอกนะ
เพราะมันรีบวิ่งนำไปที่ครัวโน่นแล้ว
คนที่เดินเข้ามากับยูคราวนี้เป็นหนุ่มหล่อตาสีฟ้า พ่อหันมาทำยักคิ้วใส่แม่ แล้วชี้นิ้ว
“คนนี้เหรอ” แม่ทำหน้าตาเหรอหรา พ่อกับซินซินเคยมาเกริ่นไว้หลายครั้งแล้วเพราะกลัวแม่จะหัวใจวายตาย แต่พอมาเจอจริงๆ มันก็ยังรู้สึกแปลกๆอยู่ดี
ดีใจที่ลูกมีคนที่รักและคอยดูแลอยู่ใกล้ๆ แต่ชินก็ลูกชายคนเดียวของครอบครัว
“สวัสดีครับผมเจเรมี่ครับ”
พี่เจยกมือไหว้พ่อกับแม่
“มาใกล้ๆแม่สิ” อาการของแม่คล้ายอยากยินดี แต่ก็เหมือนคนใกล้เป็นลมในเวลาเดียวกัน
“ครับ” พี่เจเดินเข้าไปนั่งกับพื้นข้างหน้าแม่
“จริงๆเหรอเนี่ย” แม่แตะที่ไหล่พี่เจเบาๆ “ตอนที่พ่อกับซินซินมาเล่า แม่ยังคิดว่าอำ พี่เจมีตัวตนจริงๆเหรอเนี่ย”
พี่เจ ฝรั่งตัวโตตาสีฟ้าได้แต่ยิ้มกว้าง
===จบตอนที่ 28===
เรียนแม่ยกน้องยูที่เคารพ อิทธิฤทธิ์นักดาบยังไม่หมดโปรดใจเย็น
พบกันวันอาทิตย์นะครับ ขอบคุณพี่มายที่เตือน
ขอบคุณทุกความเห็นและกา่รติดตามครับ
ไจฟ์กับทีครับ