Chapter 25 : Finally, he come!
“พี่กรีน โคตรแย่เลย วันนี้ผมอยู่กินข้าวกับพี่ไม่ได้นะ”
ไอ้โกหอบอุปกรณ์การวัดไว้ในอ้อมแขน
พี่ชายเกรย์เลิกคิ้ว
“??”
“งานด่วนน่ะครับคุณกรีฑา ศิริรัตน์”
ไอ้โกตอบสายตาแห่งคำถามนั้น แล้วเดินมาฉีกยิ้มให้พี่กรีนทีนึง เรียกชื่อจริงกวนตีน ก่อนยกมือไหว้แม่เกรย์ และเดินออกจากร้านไป
เรา อันประกอบด้วยผม พี่กรีน ไอ้โก และเกรย์ที่ยืนคุยโทรศัพท์อยู่อีกมุมหนึ่งรวมกันที่ร้านกาแฟซึ่งแม่เกรย์มาดูแลอยู่
พี่กรีนพ่นลมหายใจ แล้วก็หัวเราะแบบปลงๆตามหลังไอ้โก
“นายรู้ไหมทัศน์ จะเกิดอะไรขึ้นถ้าคนผิดนัดเป็นพี่ คงไม่ได้จบง่ายๆด้วยรอยยิ้มแบบนี้หรอก”
ผมหัวเราะเห็นด้วย
“ใช่พี่ ถ้าเป็นเกรย์กับผมก็เหมือนกัน ถ้าตัวมันติดงานน่ะไม่เป็นไร แต่ถ้าผมติดเนี่ย เคลียร์กันยาว เหอะๆ”
“เอาล่ะๆ”
แม่ยาย เอ้ย แม่ของเกรย์ (ความหมายเดียวกันนั่นแหละมึง) วางแก้วเครื่องดื่มลงบนโต๊ะ แล้วเอามือโอบไหล่เราสองคนไว้
“มอคค่ากับลาเต้ได้แล้ว หยุดมอมอกันซะที”
พี่กรีนเลิกคิ้วอีกรอบ ผมเองก็เช่นกัน
“อะไรแม่ มอมอ เนี่ย?”
คุณแม่ยังสาวยักไหล่ แล้วบอกคำย่อสั้นๆ “ม.ม. ก็ เม้าท์เมีย”
“ก๊าก”
พี่กรีนหลุดขำ แต่ผมยังกลั้นไว้ได้อยู่
ไม่เลย..
ตอนนี้ผมไม่สงสัยเลยว่าเมียผมเกรียนเหมือนใคร!
.
.
“อะไร ใครจะถักเปีย”
ไอ้เกรย์คุยงานเสร็จแล้วเดินเข้ามาถามงงๆ พลางยกแก้มกีวีโซดาของมันขึ้นดื่ม
“เปล่า”
ผม พี่กรีน และคุณแม่ยายตอบพร้อมกัน แล้วแม่ก็เดินไปชงเครื่องดื่มให้ลูกค้าต่อ
เกรย์ยักไหล่ไม่ถามเซ้าซี้
.
.
“ขอเอสเพรสโซ่แก้วนึงครับ”
เสียงสั่งเข้มๆดังมา ก่อนเลื่อนเก้าอี้ออก แล้วนั่งลง
ไม่นานนักคุณแม่คนสวยก็ชงเอสเพรสโซ่เย็นมาวางไว้ตรงหน้าหนุ่มนั่น
เฮ้! ผมว่าผมรู้จักไอ้หมอนั่นนะ
“เฮ้ยมึง แซงได้ไงวะ จำได้ว่ากูสั่งก่อนว่ะ”
อ่าว เวรๆ เสื้อช๊อปสีน้ำเงินเหมือนผมครับ เอาละไง มันจะพังร้านแม่ยายผมหาได้ไม่
“เฮ้ย ใจเย็นๆ ขอดูใบสั่งก่อน”
แม่เกรย์ว่า แต่เพื่อนร่วมคณะผมเดินไปถึงโต๊ะไอ้หนุ่มนั่นแล้ว
“มึงได้ยินไหม เจ้าของร้านเขาบอกรอก่อน ของมันพลาดกันได้ อย่าพาลดิวะ”
ไอ้หนุ่มนั่นลุกขึ้นมาเหมือนกัน เราทั้งสามคนจึงไม่รอช้า เดินไปหามทัพ
“เฮ้ย”
ผมกับพี่กรีนยึดไหล่พวกช๊อปน้ำเงินพร้อมกัน ขณะชูคอให้เห็นเกียร์ที่ห้อยอยู่เต็มที่
“อย่ามีเรื่อง”
ผมฆ่าด้วยคำพูด และเทพเจ้ากรีนฆ่าด้วยสายตา
“อ้าว พี่ทัศน์?”
ไอ้หมอนั่นหันมาเห็นผม แล้วยกมือไหว้ ผมพยักหน้าน้อยๆ
แล้วหันไปมองเพื่อนร่วมคณะ พวกมันจึงถอยห่าง และออกไปจากร้าน
“เดี๋ยวนี้โลกมันร้อนรึไงวะ อะไรไม่ได้ดั่งใจนิดหน่อย ถึงรอคอยไม่เป็น”
ไอ้หนุ่มนั่นบ่น และผมหัวเราะ
“มึงก็ใจเย็นน้อยซะที่ไหน นี่ถ้ากูไม่เดินมาห้าม ร้านคุณน้าเขาคงพังนะทิว”
ทิวครับ มันชื่อทิว เป็นลูกพี่ลูกน้องผมเอง ญาติบังเกิดเกล้าเลยทีเดียว มันยักไหล่
“ยังไงก็ได้ แต่ผมรับพวกปากวอนตีนไม่ได้”
“เออ นี่ พี่กรีน พี่คณะกู แล้วนี่..”
ผมแนะนำ แต่มันขัดขึ้นมาก่อน
“เกรย์”
ไอ้ทิวพยักหน้า
“อ่าว รู้จักกันเหรอ”
ผมงง เกรย์จึงตอบ
“ก็พี่คณะกูนี่หว่า แต่อยู่คนละภาค แกเรียนประวัติศาสตร์”
เออว่ะ จริงด้วย ไอ้ทิวเรียนมนุษยฯ ประวัติศาสตร์
“สรุปไม่มีอะไรแล้วใช่ไหม คือวันหลังจะต่อยกันในร้านบอก นวมมี เตรียมไว้ละ เดี๋ยวเป็นกรรมการเอง”
.
.

<< หน้าเราทุกคน
. . . . . . . . . . . . . . . .
“In the middle of September, we still play out in the rain”
เกรย์ฮัมเพลงขณะเดินเคียงไหล่พี่ชายในมอ
ผมเดินห่างๆตามหลัง ไม่ค่อยชอบเข้าไปขัดเวลาพี่ชายน้องชายอยู่เคียงกัน
“นายไม่เบื่อมั่งเลยรึไง ร้องแต่เพลงนี้ ตอนอยู่บ้านฉันก็ได้ยินนายเปิดแต่เพลงนี้”
พี่กรีนบ่นน้องชาย
แต่ไอ้เกรียนยักไหล่
“ก็ฉันชอบนี่ ฉันชอบร้องเพราะคิดถึงพวกนาย”
พวกนายที่ว่า คงหมายถึงตัวพี่กรีนและน้องชายอีกคนหนึ่ง อาจรวมไปถึงพ่อกับแม่ และทุกอย่างที่รวมเป็นครอบครัวของเกรย์..
พี่กรีนไม่ตอบอะไร แต่ผมเห็นเขายิ้ม..
“เฮ้ กรจะสอบแพทย์ที่ไหน รู้มั๊ยกรีน”
ไอ้เกรย์ถามขึ้นเบาๆ
พี่กรีนเงียบไปแป๊ปหนึ่ง
“น้องเห็นฉันเป็นไอดอล กลัวใจว่าจะมามช.เหมือนกันน่ะสิ”
เมียผมเงียบบ้าง
“ทำไมนายถึงกลัวล่ะกรีน..”
พี่กรีนไม่ตอบคำถามน้องชาย แต่ผมรู้..รู้ว่าทำไมเขากลัว
ลำพังเกรย์คนเดียว คงไม่เป็นไร เพราะภาพของเกรย์ไม่ดีงามอยู่แล้วในสายตาน้องชาย แต่พี่กรีนเป็นเหมือนวีรบุรุษของน้อง..
ถ้าน้องชายของพวกเขาเห็นไอ้โกหรือตัวผมเองก็เถอะ จะเป็นอย่างไรหนอ?
เราจะมานั่งกินกาแฟในร้านของตึกคณะวิทยฯเพื่อเป็นเพื่อนพี่กรีนระหว่างรอรับไอ้โก แต่ระหว่างนั้นเกรย์ก็หยุดชะงัก
“กรีน ดูนี่!”
พี่กรีนงง “อะไร จู่ๆก็แหกปาก”
“ดูชื่อนี่สิ”
เกรย์ชี้ให้เห็น “ตอนแรกฉันไม่แน่ใจ ว่าเห็นแว๊บๆ แต่นี่มันใช่..”
นิ้วขาวไล่ไปตามรายชื่อ
“คณะวิทยาศาสตร์ สาขาวิชาฟิสิกส์..”
พี่กรีนตะลึงงันก่อนอ่านแผ่วเบา
“กีรติ ศิริรัตน์..”
. . . . . . . . . . . . . . .
เงียบครับ..
เงียบ.. และเงียบ
บรรยากาศที่โต๊ะเต็มไปด้วยความอึดอัดเพราะสองพี่น้องกรีน-เกรย์พร้อมใจกันกลายเป็นป่าช้าตอนกลางคืนทันทีหลังละจากบอร์ดคณะวิทยาศาสตร์
“กรีน..”
เกรย์เรียกหลังจากเงียบไปหลายนาที
แต่พี่กรีนไม่แสดงอาการรับรู้
“กรีน”
เกรย์เอามือวางบนมือพี่ชาย “นายอย่าเงียบแบบนี้สิ”
พี่กรีนถอนหายใจ สีหน้าเผือดลงไป
“ฉันไม่รู้จะพูดยังไงจริงๆเกรย์..”
ดวงหน้าคมหันทางอื่น “ฉันเป็นพี่ของน้องชายสองคน ฉันเป็นลูกคนโตของพ่อ ..ฉันเป็นความหวัง”
เหมือนจะเป็นครั้งแรกที่ผมได้ยินความสั่นไหวในน้ำเสียงพี่กรีน “มันไม่ใช่แค่กร แต่พ่อล่ะ พ่อจะว่ายังไง มันจะเกิดอะไรขึ้นกับครอบครัวเรา.. ฉันไม่รู้ว่าฉันจะทำยังไงเกรย์”
พี่กรีนหันกลับมามองน้องชายด้วยสายตาสับสนหวาดหวั่น แม้เกรย์จะดูกังวลไม่แพ้กัน แต่ก็บีบมือพี่ชายไว้
“มันต้องมีทางออกสักทาง มันต้องมีทาง ..มันต้องมีบางอย่าง เชื่อฉันเถอะ และเชื่อตัวเอง..”
ตัวผมเหรอครับ..
ไม่มีอะไรจะพูด ได้แต่นั่งมองสองพี่น้อง แม้ผมเองก็จะกังวลไปกับพวกเขา แต่ก็ไม่อาจลืมที่จะประทับใจกับสายใยระหว่างพี่น้องได้..
. . . . . . . . . . . . . . . .
“อ๋อ เหรอ แล้วนี่นายจะบอกฉันเมื่อไหร่ล่ะกร”
เสียงพี่กรีนคุยโทรศัพท์ดังมา
ผมกับเกรย์ก็นั่งจ้องตากันไป ผมเห็นความกังวลในดวงตาที่มองพี่กรีนทีมองท้องฟ้าทีนั้นอย่างชัดเจน
นึกอยากเอื้อมไปบีบมือไว้เหมือนกันนะ เสียแต่ว่า ผมกับเกรย์ไม่ค่อยจะแสดงอาการแบบนั้นใส่กันเท่าไหร่ (ถนัดแต่เกรียนกับอินดี้)
“สรุปจะเอาแพทย์หรือฟิสิกส์กันแน่ นายจะเรียนที่นี่เหรอ..”
พี่กรีนจิ้มนิ้วไปมาอย่างเป็นกังวลขณะคุย
“อะไรนะ ตอนนี้ส่งเอกสารอยู่ที่ตึกคณะวิทยฯ!”
ประโยคนั้นของพี่กรีนทำเอาเกรย์ตาโตเหมือนกัน
“ฉะ..ฉันเหรอ ฉันอยู่ที่..”
พี่กรีนตะกุกตะกัก “ร้านกาแฟใต้ตึกคณะวิทย์..”
“เฮ้! พี่กรีน มาแล้ว รอนานปะ”
….
…….
ไอ้โกยิ้มแฉ่งมาหาแฟน คงด้วยอาการตกใจพี่กรีนจึงวางโทรศัพท์
ไอ้โกเลิกคิ้ว
“มีอะไรรึเปล่าพี่..?”
“ฉันบอกไปทำไมวะว่าอยู่ตรงนี้”
พี่กรีนหันไปหาเกรย์ท่าทางทำอะไรไม่ถูกจริงๆ ผมรู้ว่าน้องชายมีความสำคัญกับทั้งคู่มากแค่ไหน
เกรย์เม้มปาก..
“ช่างเถอะ ยังไงก็ต้องเจออยู่ดีนะกรีน จะวันไหนก็เหมือนกันแหละ”
ไอ้โกยังคงมองทุกคนสลับไปสลับมางงๆ
“ตกลงมันมีอะ..”
“กรีน นายอยู่นี่จริงๆ!”
เสียงทักดังมา เจ้าของเสียงเป็นหนุ่มน้อยในชุดนักเรียน ตัวเล็กกว่าพี่กรีนและเกรย์ ใบหน้าถอดแบบมาจากพี่ชายคนรอง..
ใช่.. ผมรู้ทันที
เขามาแล้ว
น้องเล็กของบ้าน.. น้องที่รักของพี่กรีนและเกรย์
น้องกร..
ดูเหมือนน้องกรจะสังเกตแต่เพียงไอดอลของเขาในทีแรก จนเมื่อสวมกอดกับพี่กรีนเสร็จแล้ว จึงมองเกรย์ด้วยความงง
“เขามาอยู่กับนายได้ไง?”
เกรย์เสมองไปทางอื่น
ผมรู้ว่าแฟนผมเจ็บปวดแค่ไหนที่น้องชายทำเหมือนตัวเองไม่ใช่พี่อีกคน
พี่กรีนเองก็ดูไร้คำพูด..
“เกรย์ มาเถอะ”
ผมเก็บสมุดหนังสือเกรย์มาถอดไว้ เอื้อมมือไปโอบเอวแสดงความรักความเป็นเจ้าของเต็มที่ด้วยความชังพฤติกรรมของน้องกรเต็มที่ตั้งแต่เห็นครั้งแรก เกรย์ยืนนิ่งในอ้อมแขนผม
“อ้อ..”
น้องกรพยักหน้าเหยียดๆ
ผมมองสวนกลับเข้มๆ แล้วคว้าเอวน้อยของเกรย์มาแนบลำตัวพาเดินออกไป
“แล้วคนนี้ใครอ่ะกรีน”
เสียงน้องกรถาม.. ผมจึงหันกลับไป ..มองที่เดียวกับสายตาน้องกร คือไอ้โก..
ไอ้โกดูเหมือนจะพอตรัสรู้ว่าเด็กคนนั้นเป็นน้องชายพี่กรีน มันมองทั้งคู่สลับไปมา รอคำตอบพี่กรีน..
..ในขณะที่พี่กรีนทำได้เพียงเงียบ
พูดสิ พูดสิพี่กรีน!
ผมพยายามลุ้น
แล้วก่อนที่ผมจะเห็นดวงตาที่แสดงอาการใจสลายของเพื่อนรัก พี่กรีนก็ตอบน้องชายสั้นๆเพียง..
“รุ่นน้องที่คณะ..”
จบโหดได้อีกกู --'
ปล. ตอนนี้หลายพื้นที่ในประเทศเราประสบภัยน้ำท่วม ใครช่วยเหลือทางไหนได้ ก็ช่วยๆกันนะ ผมเป็นกำลังใจให้ทุกคน สู้ๆ
ขอบใจอย่างแรงนิครับ!