เอาตอนเก่า3ตอนมาส่งก่อนนะบรรดาเกรียนทั้งหลาย ยังไม่มีตอนใหม่
เพราะผมเหนื่อยจนคอพับคออ่อน และกะจะเขียน Special ของคู่ไหนซักคู่ ดันมีอารมณ์เกรียนขึ้นมา.. - -'
ส่วนเรื่อง Idylle ขอพรูฟไม่เกรียนที่ 6 ก่อนนะครับ ตอนใหม่ก็ยังไม่มาเหมือนกัน แหะๆ..
และที่ตอนที่หายไปได้มาเร็วขนาดนี้ เพราะผมไม่ต้องพรูฟครับ เกรียนคนอ่านที่เก็บเอาไว้ส่งมาให้
ขอเราจงร่วมขอบคุณพร้อมกัน
..พร้อมนะ
เอ้า!! เปล่งเสียง..
ดั๊ง-เค่อะ!!
และถึงเกรียนคนอ่านและทุกคนที่ประสบภัยน้ำท่วมทั้งผมและเกรียนคนอ่านทุกคน รวมถึง เกรย์ ทัศน์ โก กรีน แอร์ นน ท่านพ่อเก่ง ท่านแม่รัก อิน้องกร หมอก ไอดิล ฝัน แม้แต่อิโจ-หนุ่มก็ยังส่งกำลังใจให้เน้อ!!
ใครอยู่อยุธยาอาจจะได้ดื่มนมแลตตาซอยของผมนะ ส่งไปแล้ว ฟิ้ววว
เกรียนที่ 29 : เกรียนตัวแม่ VS. อินดี้ตัวพ่อ [ส่งมาเกรียนโดย jirati]
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง.. กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์
เมื่อดอกไม้แย้มบาน..ให้คนหาญสู้ไม่หวั่น
เราผละจากกันเมื่อเสียงโทรศัพท์ผมดังขึ้นหลังจากอยู่ในอ้อมกอดทัศน์นานเท่าไหร่ก็ไม่รู้
“โทษนะ เมื่อยมั๊ย”
ผมคลานลงจากตักมัน
ไอ้ทัศน์แมนมากครับ มันตอบมาได้
“เมื่อยดิ หนักนะเว้ย ตัวมึงเท่ามดซะที่ไหน”
!!
กรูกำลังจะคิดว่ามึงแสนดีอยู่แล้วเชียว~!
ผมแยกเขี้ยวใส่มัน แต่ไอ้ทัศน์หัวเราะก๊าก
“ฮ่ะๆ กูล้อเล่น เอ้า รับโทรศัพท์ก่อนเถอะ”
ผมพยักหน้าและหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่อนจะหน้าถอดสี..
Dad..
ไอ้ทัศน์ชะโงกหน้ามาดู
แล้วเอามือมาโอบไหล่ผมไว้
“รับเถอะ”
ผมทำใจดีสู้เสือเบงกอลแล้วกดรับสาย
“ครับ”
“ฉันขอพูดกับคนที่ลากลูกชายฉันไปที่หอสามชายหน่อย!”
แค่ได้ยินเสียงผมก็รู้ว่าพ่อกำลังโมโหเต็มที่
“แม่ง วิ่งโร่กลับไปฟ้องพ่อ ถ้าเป็นน้องกูจะตบซ้ายตบขวาซะ”
ไอ้ทัศน์บอก ก่อนยื่นมือขอโทรศัพท์ แต่ผมกำไว้แน่น
“เกรย์ เอามาน่า”
ไอ้ทัศน์กลอกตาไปมา
แต่ผมลังเลเหลือเกิน
“เชื่อใจกูสิ”
ไอ้ทัศน์มองตา มือยังคงยื่นค้างไว้อยู่
ผมวางโทรศัพท์ลงบนมือมัน
ไอ้ทัศน์หยิบมาแนบหู กรอกเสียงลงไป
“สวัสดีครับพ่อ”
.
.
เฮ้ย!!
ตาผมถลนออกมาข้างนอก
เสียงพ่อผมเงียบไป แล้วว๊ากกลับมา
“ใครพ่อมึง!!”
“อ่อ”
ไอ้ทัศน์ปรับสีหน้า “ขอโทษทีครับ เข้าใจผิดไปนิดนึง”
“นายน่ะ..”
พ่อผมพูดเหมือนกำลังนึกชื่อ
ไอ้ทัศน์จัดแจงบอกให้ “ทัศน์ครับ ทิวทัศน์ ทัศนศุภกฤษณ์”
แหม่.. “มึงบอกเลขประจำตัวประชาชนด้วยเลยสิ”
ผมจิกกัดมันเสียงเครียด
ไอ้ทัศน์ยักไหล่
พ่อผมว๊ากต่อ
“นายคิดว่านายกล้าดียังไง ถึงฉุดกระชากลากถูลูกชายฉันไปแบบนั้น”
“ผมแค่จะทำให้น้องกรเขาหูตาสว่างเท่านั้นครับ”
“นายไม่มีสิทธิ์ทำแบบนั้น!”
พ่อผมตะโกน “ฉันอยากเจอตัวนาย”
ไอ้ทัศน์มองหน้าผม “ได้สิครับ พาน้องกรที่รักมาด้วยนะครับ รู้สึกว่าไม่ค่อยจะรู้เรื่องอะไรขึ้นมาเท่าไหร่เลย”
“นายเป็นไอ้หนุ่มที่ปากดี อยากรู้ว่าตัวจริงจะดีเหมือนปากรึเปล่า”
พ่อผมพูดเสียงเย็น
แต่ไอ้ทัศน์เสียงเย็นพอกัน
“จริงๆ ผมออกจะโง่ๆ งี่เง่า ดักดาน แต่รู้มั๊ยครับ ทำไมวันนี้ผมเป็นแบบนี้”
ไอ้ทัศน์จ้องผมตาคมกริบ “เพราะผมกำลังจะสูญเสียคนที่ผมรักที่สุดคนหนึ่งไป เพราะฉะนั้นให้ผมทำอะไร ผมก็ทำได้!”
. . . . . .เอ่อ
“ดี งั้นฉันจะไปเจอนายได้ที่ไหน”
ไอ้ทัศน์นิ่งนึกอยู่ครู่หนึ่ง กระตุกยิ้ม แล้วบอกไป
“ร้านกาแฟแถวนิมมานห์ เป็นร้านโทนสีดำ หาไม่ยากหรอกครับ ชื่อร้าน เฮ๊ย ไอ้เห่ย.. ผมกับเกรย์จะอยู่ที่นั่น”
….
แล้วสายก็ตัดไป
ร้านกาแฟโทนสีดำแถวนิมมานห์เหรอ ร้าน 'เฮ๊ย..ไอ้เห่ย'
เฮ้ย! ร้านของแม่นี่หว่า
ผมกระโจนใส่ไอ้ทัศน์เหมือนผีบ้า
“ไอ้เหี้ยทัศน์! มึงรู้มั๊ยถ้าพ่อกูไปเจอแม่กู อะไรจะเกิดขึ้น!”
ไอ้ทัศน์โยนเสื้อคลุมให้ผม แล้วตอบสั้นๆ “ก็..มันส์ พะยะค่ะ”
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
“อ้าว พี่กรีนหวัดดี ไงไอ้โก”
ไอ้ทัศน์ร้องทักเพื่อนและพี่ชายผมหลังจากเรามาถึงร้าน
พี่กรีนผุดลุกขึ้นทันที
“พี่กำลังเครียดอยู่เลย ทัศน์ นายบ้ารึเปล่า!”
“เฮ้ย ใจเย็นพี่”
ไอ้ทัศน์ยั้งพี่กรีนไว้ “ถ้าผมทำอะไรน้องกร พี่คิดว่าเกรย์จะปล่อยให้ผมเดินอาดๆเข้ามานี่เหรอ?”
“พี่รู้แล้วว่าไม่ได้ทำอะไร แต่พ่อเพิ่งโทรมาคุยกับพี่ บอกว่าต้องเห็นดีกับนายแน่”
ไอ้ทัศน์พยักหน้าน้อยๆ แล้วนั่งลง
“เขากำลังจะมาที่นี่”
“ห๊ะ?”
พี่กรีนเลิกคิ้ว
“ผมคุยแล้ว เพิ่งวางสายเมื่อกี้เอง แล้วก็ออกมานี่เลย ผมนัดเขาที่นี่”
พี่กรีนมองไอ้ทัศน์อย่างไม่อยากเชื่อ “มึงนึกว่าตัวเองเป็นบรูซ วิลลิสเหรอวะ” [โทษที คนเขียนดู Die Hard ติดกันหลายภาคไปหน่อย]
“ถ้าพี่โดนแฟนบอกเลิกแบบเกรียนๆละก็นะ พี่จะเข้าใจว่าผมรู้สึกยังไง!”
ไอ้ทัศน์ตวัดสายตาดุดุมาทางผม จนผมต้องหันหน้าหนีไปทางอื่น
แง่ง!! มึงจะย้ำเพื่อ??
.
.
“เอ้าๆ นี่มันงานคืนสู่เหย้าหรืออะไรเนี่ย”
แม่ผมเดินออกมาจากหลังเค้าท์เตอร์
“เราควรบอกแม่ให้รู้ตัวก่อนมั๊ย?”
ผมเอี๊ยวตัวไปกระซิบถามกรีน
พี่ชายผมนิ่งคิดแป๊ปหนึ่ง แล้วบอกว่า
“ไม่ต้องหรอก แม่ชอบเรื่องเซอร์ไพรส์น่ะ”
“ใครอยากกินอะไร หาเอาเองนะ รับลูกค้าให้ด้วย แม่จะรีบปั่นนิยายส่งสำนักพิมพ์”
แม่ผมสั่งง่ายๆ
“แม่เป็นนักเขียนด้วยเหรอ?”
ไอ้ทัศน์ถามผม ผมก็พยักหน้า
“ก็บทความบ้าง สารคดีบ้าง เอิ่ม ถ้าเป็นนิยายก็ ชายรักชาย”
“ห๊ะ?”
ไอ้ทัศน์หันมองแม่ทีมองผมที แต่ผมยักไหล่
“บางทีกูก็เป็นคนพรูฟให้ บางทีกูก็ช่วยแต่งเวลาแม่หมดมุก เราทำงานเข้ากันได้ดีน่ะ”
<< หน้าทัศน์
“เกรย์ ตอนนี้นายเอกของแม่กำลังคุ้มคลั่งเพราะทะเลาะกับครอบครัว จะให้พระเอกช่วยยังไงดี”
ท่านแม่เดินมาขอความเห็น
ผมยักไหล่ขณะหยิบโดนัทมาเคี้ยว
“ให้พระเอกเอาน้ำดื่มคริสตัลราดแม่งซักสองขวด มันช่วยได้ ช่วยให้หายบ้าได้ดี”
ผมแนะนำ
แล้วโดนัทก็ติดคอไอ้ทัศน์ ไม่รู้มันจะโกรธหรือจะหัวเราะ สุดท้ายหน้าตามันเลยดูประหลาด
ผมตั้งท่าจะยิ้มเมื่อนึกถึงคืนวันอันหอมหวาน (? ) ระหว่างผมกับมัน แต่ก็ต้องเปลี่ยนเป็นถามแม่ว่า..
“แม่คิดว่าแม่จะทำยังไง ถ้าเกิดพ่อเดินเข้ามาในร้าน..?”
แม่เลิกคิ้วอย่างงงๆกับคำถาม แต่แล้วก็ยักไหล่ สะบัดหางม้าอย่างสาวมั่น
“ก็คงหันไปถามว่า มาทำไม ไอ้เห่ย!”
และแม่ก็หันกลับไปพบกับ….
“ดูซินี่อะไร นี่มันร้านเกย์แฟนคลับ?”
.
.
มาละครับ..พ่อผมเอง
อินดี้โคตรพ่อโคตรแม่
แม่ผมยกมือเท้าเอว และเชิดหน้าขึ้น
“อ้อ..”
สองสายตาคมกริบประสานกันอย่างไม่ยอมแพ้
กรอยู่ข้างๆพ่อ และผมย้ายตูดขึ้นไปยืนเป็นกองหนุนแม่
จากหน้าตาคุกกรุ่นของพ่อ ไม่ต้องสงสัยเลยว่าคงรู้เรื่องทุกอย่างจากกรแล้ว
พ่อหันสายตาจากแม่มามองผมและ..กรีน
พี่ชายผมยืนนิ่ง และพี่โกพยายามจะมุดหนี
“คะ..คือ แบบว่า เอ่อ จริงๆแล้วผมเป็นรุ่นน้องที่คณะ..-”
“ไม่ต้อง..โก”
พี่กรีนเบรก “พ่อคงรู้แล้ว โกเป็นแฟนผม”
“เออ ฉันรู้”
พ่อผมพูดอย่างมีอารมณ์ “ไม่ต้องสงสัยหรอก ในเมื่อมาอยู่กับน้องชายและแม่เพี้ยนๆอย่างนี้ ฉันน่าจะรู้”
….
“โอเค หุบปากซะ คุณมันเห่ย”
แม่ผมถลึงตามอง
“รู้มั๊ยว่าผมดีใจนะ ที่คุณออกไปจากบ้านซะก่อนที่กรจะโต ไม่งั้นคงไม่แคล้วเป็นอย่างพวกนี้!”
พ่อตวาด แม่ผมเม้มปาก
“พวกนี้ที่คุณว่าคือลูกชายฉัน และเท่าที่ฉันรู้ พวกเขาเป็นคนดี ดีกว่าคุณเยอะ!”
“ใช่ ดีแน่ ถ้าไม่ใช่ลูกคนแต่งนิยายเกย์อย่างคุณน่ะ คุณคงแฮปปี้สินะเนี่ยที่ลูกกลายเป็นพวกผิดประเภทตามคุณไปน่ะ!”
“ทำไม ฉันเป็นของฉันแบบนี้ ฉันแต่งนิยายวายแล้วมันทำไม? หนังสือโป๊ กอสซิปดารา หนังสือพิมพ์ จริงบ้างเท็จบ้าง บันเทิงบ้างไร้สาระบ้าง ยังไม่มีใครว่าอะไรเลย แล้วคุณมีสิทธิ์อะไรมาว่านิยายชายรักชายของฉัน!”
แม่ผมตะโกนลั่นจนลูกค้าหนีหมดแล้ว
“เหอะ! นี่ดีนะที่เลิกกันซะ ถ้าอยู่ด้วยกันต่อผมคงกลายเป็นพระเอกนิยายเกย์ของคุณไปซะก่อน”
พ่อเหยียด
แต่แม่แค่นหัวเราะ
“อ้อ แน่นอน ได้สิ ฉันแต่งได้แน่ คุณอยากคู่ใครล่ะ ลีโอนาโด้ สเตฟาน หรือเท่ง เถิดเทิง”
แล้วพ่อก็ทำหน้าให้รู้ว่ารู้สึกยังไงกับความคิดนั้น แต่แม่ไม่หวั่นไหว
“คุณมันอินดี้เกินไป และใจแคบ อยู่ในกะลาของตัวเอง และฉันไม่สามารถทนคนอย่างคุณได้ เมื่อไหร่คุณจะยอมรับว่าโน บอดี้ส์ เพอร์เฟกต์!”
“ผมไม่เคยต้องการให้ใครเพอร์เฟกต์ แค่ไม่ต้องให้เป็นผู้หญิงโรคจิตอย่างคุณเนี่ย ได้ไหม”
….
…….
คำบางคำมันก็แรงเกินไป..
แต่..
เอาล่ะ..
ตกลงพ่อมาเพื่อคุยกับทัศน์หรือเล่นสงครามริมฝีปากกับแม่กันแน่หว่า..
แม่ผมเม้มปาก มีความเสียใจฉายแว๊บเดียวในดวงตาจากนั้นมันก็แข็งกร้าวขึ้น
“จะ พูดอะไรก็พูดไปเถอะ คุณคิดว่าคำพูดของคุณทำลายอะไรของฉันได้เหรอ? ไม่เคย ไม่มีเลย คุณไม่เคยทำลายความเชื่อมั่นของฉัน ไม่เคยทำลายศรัทธาของฉัน และไม่เคยทำลายความรักของฉัน!”
ผมนิ่ง.. พูดอะไรไม่ถูก
ภายในร้านถูกความเงียบปกคลุม กรเหมือนพยายามจะพูดบางอย่าง แต่ไม่มีใครพูดอะไรออกมา
“กร แม่รักลูก แต่ช่วยย้ายก้นพ่อออกไปจากร้านแม่ เดี๋ยวนี้!”
“ครับ แต่..”
กรพยักหน้า “เบเบรด”
ห๊ะ..?
อะไรนะ
“เบเบรดอะไรน่ะ..?”
พ่อหันไปมองกร
แต่กรมองพี่กรีน
“กรีน เบเบรดน่ะ”
กรีนเลิกคิ้ว “เบเบรดเหรอ?”
กรหันกลับมามองผม
“นายโกหก นายบอกว่านายทิ้งเบเบรดของฉัน.. แต่ฉันเห็นในกล่องนั่น”
พี่กรีนมองผมทีมองกรที “เบเบรดที่เราเคยเล่นกันน่ะเหรอกร?”
กรพยักหน้า “ใช่ ตอนที่เกรย์บอกว่าเขาพังมัน เขาโกหก เขาไม่ได้พัง เขาเก็บไว้..”
กรก้มมองพื้น “มันยังอยู่ครบ ทั้งมังกรฟ้าของฉัน หงส์แดงของกรีน แล้วก็พยัคขาวของเกรย์”
..พี่กรีนหันมามองผม “นายบอกว่านายทิ้งหมดแล้ว นายบอกว่ามันไม่มีความหมาย ฉันกับกรโกรธนายแทบตายแน่ะเกรย์”
ผมกระตุกยิ้ม “ก็ตอนนั้นพวกนายกวนโมโหฉันก่อน แต่เรื่องของเรามันเปลี่ยนไป จนฉันไม่มีโอกาสหยิบมาให้พวกนายดู”
“นายมัน..งี่เง่า”
กรบอกผม
“นายก็เหมือนกัน..”
ผมบอกกร
“ลูกพูดเรื่องอะไรกัน?”
พ่อเลิกคิ้ว
“เรื่องที่คนอย่างคุณไม่มีวันเข้าใจ ออกไปได้แล้ว!”
แม่ผมชี้ไปทางประตู
“คิดว่าผมอยากจะอยู่ในที่ที่มีคนอย่างคุณเหรอ?”
พ่อผมทิ้งคำถามไว้ และหันมามองทัศน์ก่อนหันหลังก้าวออกจากร้าน “ฉันเจอกับนายอีกแน่ แต่ไม่ใช่ที่ที่มียัยคนนี้”
ไอ้ทัศน์ยักไหล่ “ครับพ่อ”
กรหันมามองผมก่อนที่จะเดินตามพ่อไป
แต่น้องชายผมก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา
แม่ยืนนิ่งเม้มปาก
“วู้ว แม่ชนะขาด”
ไอ้ทัศน์หัวเราะ “ทำเอาผมยังไม่ได้คุยอะไรกับท่านพ่อเลย”
“อือ”
แม่ผมครางรับ แล้วไปยืนหลับตานิ่งมุมร้าน
เหมือนจะชนะ..แต่แพ้
แม่ทรุดลง เอามือปิดหน้า ผมรีบไปนั่งข้างๆ “แม่?”
“ให้ตาย เขาว่าฉัน เขาว่าฉันเป็นรอบที่ร้อยแล้วอ่ะ”
แม่ผมร้องไห้พลางบ่นพลางอย่างคับแค้นใจ
กำ..”ไหนว่าไม่สนไงแม่?”
แม่ยังคงสูดน้ำมูก “ก็ไม่สนไง”
ขอบฟ้าที่เรานั่งมองคราวนั้นยังมีความหมาย.. ต้นไม้ลำธารยิ่งมองยิ่งคิดถึงเธอมากมาย
ชีวิตที่มันขาดเธอวันนี้ยังเดินต่อไป.. แค่ได้คิดถึงก็เป็นสุขใจ..
เหมือนผมจะได้ยินคำบางคำออกมาจากเสียงสะอื้นนั้น “Ich liebe Dich..” [ไม่มีซับ เพราะกรูเกรียน]
..ผมหัวเราะหึหึ คว้าตัวแม่มากอดไว้
“แม่ชนะแล้ว แต่อย่าให้ไอ้เห่ยของแม่มาเห็นแม่เป็นแบบนี้ล่ะ เสียภาพลักษณ์เกรียนหมด”
. . . . . . . . . . . . .เกรียนที่ 30 :: อินดี้พ่อตา Vs. อินดี้ลูกเขย [ส่งมาเกรียนโดย jirati]
“เขามันงี่เง่า เป็นไอ้เห่ย แล้วก็น่ากระทืบที่สุด อึก..”
.
.

<< หน้าพวกเรา
เกรย์ฉีกทิชชู่จากม้วนให้แม่ทีละแผ่น จนพี่กรีนต้องบอก
“เกรย์ ส่งให้ไปทั้งม้วนเลย ท่าว่าจะอีกนาน”
เกรย์พยักหน้า แล้วส่งเชลล็อกทั้งม้วนให้แม่
มือเรียวรับไป ร้องไห้พลาง สาปแช่งอดีตสามีพลาง
“เขามัน..อือ ฉันเกลียดเขาที่สุด แม่ง..”
.
.
เกรย์ถอนหายใจและอมยิ้มน้อยๆ “ใช่ ชัดเลย เกลียดม๊าก..”
. . . . . . . . . . . . . . . . . .
มีดวงตะวันส่องเป็นแสงสีทอง กระจ่างครรลองให้ใฝ่ปองและสร้างสรรค์..
เมื่อดอกไม้แย้มบานให้คนหาญ..สู้ไม่หวั่น คือรางวัล..ผมขยับตัวนิดหนึ่งเมื่อได้ยินเสียงโทรศัพท์ และเอื้อมมือไปหยิบมา
เกรย์ยังคงซุกตัวหลับสนิทในอ้อมแขน
ขี้เซาได้โล่อ่ะเมียกู
..Dad
หน้าจอที่กระพริบไฟสว่างบ่งบอกว่าอย่างนั้น
ผมจึงกดรับ และกรอกเสียงลงไป
“สวัสดีครับพ่อ”
.
.
ปลายสายสวนกลับมาทันควัน
“ถ้านายเรียกฉันว่าพ่ออีกครั้ง ฉันสาบานได้ว่าจะกระทืบนาย!”.
.
โอเค
เอะอะ ใช้ความรุนแรง นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นพ่อเมียนะ ฮึ่ย!!
“แล้วจะให้ผมเรียกว่าอะไรดีล่ะครับ?”
ผมย้อนถาม
“ฉันชื่อเก่ง”พ่อเกรย์บอกสั้นๆ
“อะไรนะ เกรียนเหรอครับ เป็นชื่อที่เหมาะมาก”
ผมสนับสนุน
“เก่งเว้ย!”พ่อเกรียน เอ้ย พ่อเก่งว๊าก
“โอเค โอเคครับคุณเก่ง”
ผมตอบรับ
“ไอ้ลูกเวรล่ะ?”“ไอ้ลูกเวรหลับอยู่ครับ”
ผมเรียกไอ้เกรียนด้วยคำเดียวกัน แม้จะแอบหงุดหงิดก็ตาม
“ฉันเรียกว่าไอ้ลูกเวรได้คนเดียว!”“โอเค โอเคครับ เกรย์หลับอยู่”
“นอนด้วยกันทุกคืนเลยรึไง”พ่อเก่งถามเสียงเย็น
“เปล่าครับ แต่บ่อย ยิ่งช่วงนี้ แทบทุกคืน”
ผมตอบตามตรง
“นาย..”ผมว่าผมได้ยินเสียงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันดังมา
ผมไม่หงุดหงิด แต่ผมกำลังพิจารณาอยู่
แม้คนเป็นพ่อ..จะถามเหมือนถามเรื่อยๆ แต่ผมกลับพบความห่วงใยที่เจือปนอยู่ในน้ำเสียงได้
ปกติผมก็ไม่ใช่คนที่คิดอะไรหลายๆมุมหรอกนะ
..แต่พอมาเจอครอบครัวไอ้เกรียนที่โคตรเกรียนนี่มันต้องคิดจริงๆ ไม่งั้นเวียนหัวตายห่าซะก่อนครับ
ผมลองคิดว่าถ้าผมเป็นพ่อคน ..แล้วลูกชายนอนกับไอ้บ้าที่ไหนก็ไม่รู้แทบทุกคืน
ไอ้บ้านั่นจะทำอะไรลูกผมบ้าง..
“ฉันอยากคุยกับนาย”พ่อเก่งเรียกผมจากภวังค์ ผมจึงตกลง “ได้ครับ”
. . . . . . . . . . . . . . . . .
ผมพยายามแต่งตัวให้ดูภูมิฐานที่สุด ไม่รู้จะใส่อะไรให้ดูดี กรูจึงใส่เสื้อช็อปซะเลย -*-
ผมเดินอย่างมาดแมน ก้าวย่างช้าๆด้วยความมั่นใจ..
..จนกระทั่งมีคนมาเบรก
“นายคิดว่าตัวเองเป็นใคร? แจ็คกี้ ชานรึไง เดินอาดๆอยู่ได้ รีบๆย้ายก้นมานี่”
.
.
!!
ผมยกมือไหว้พ่อเก่ง แล้วรีบปรับสีหน้าให้ดูภูมิฐานอย่างเดิมหลังจากหมดมู๊ดไปเพราะแจ็คกี้ ชาน
พ่อเก่งนั่งรออยู่ที่ร้านกาแฟชื่อ (โ)สด ที่ตั้งอยู่หลังมอ
ตอนแรกที่พ่อตาบอกว่าเจอกันร้านกาแฟ ผมอุตส่าห์แอบดีใจ นึกว่าจะได้ไปร้าน ‘เฮ๊ย ไอ้เห่ย’ อีกครั้ง
แหม่.. ชื่อร้านเท่ดีจริงๆ ผมอยากจุดธูปเทียนกราบไหว้บูชา รำแก้บนหน้าร้าน
โอเค ออกทะเลละ มาๆ กลับเข้าเรื่อง
ผมกับพ่อเก่งนั่งตรงข้ามกัน เชือดเฉือนกันด้วยสายตา
ผมเป็นแจ็คกี้ ชาน พ่อเก่งเป็นคริส ทัคเกอร์ เราจะไปเล่น Rush Hour ภาค 4 ด้วยกัน
ไม่ใช่ว้อย!!
กรูดูหนังมากไปละ โอเค เอาใหม่นะ
ผมกับพ่อเก่งนั่งตรงข้ามกัน เชือดเฉือนกันด้วยสายตา
ผมเป็นว่าที่ลูกเขย พ่อเก่งเป็นว่าที่พ่อตาซึ่งมองผมด้วยความไม่สบอารมณ์อย่างยิ่ง
ในที่สุดอินดี้พ่อตาก็เริ่ม..
“ฉันไม่ได้เป็นห่วงอะไรไอ้ลูกเวร..”
ผมกลอกตาไปมา
“แค่เริ่มมาคุณก็โกหกแล้ว”
อินดี้พ่อตาเลิกคิ้ว
“นายหมายถึงอะไร?”
ผมยักไหล่
“ถ้าคุณไม่ห่วงเขา คุณไม่เรียกผมมาคุยหรอก”
อินดี้พ่อตามองผมอย่างไร้คำพูดไปชั่วขณะ
“ฉันแค่..”
“บ้านพวกคุณเป็นอะไรกัน?”
ขอหน่อยเถอะ ผมอดมานานละ จะพูดทั้งที ก็พูดกับตัวพ่อมันเนี่ยแหละวะ
“มันจะง่ายกว่าไหมที่คุณรู้สึกอะไรต่อกันก็พูดออกไปตรงๆ ที่มันเป็นอยู่แบบนี้ เพราะคุณสวมหน้ากากคุยกันต่างหาก”
.
.
พ่อเก่งผุดลุกขึ้น
“อย่ามาก้าวร้าวกับฉันนะ”
ผมลุกขึ้นยืนเช่นกัน
“ผม ไม่ได้ก้าวร้าว ผมรู้ว่าคุณรักเกรย์ คุณเป็นห่วงเขา ผมเองก็เหมือนกัน แต่เกรย์คิดอยู่แต่ว่าคุณเกลียดเขา และเขาเป็นสาเหตุความผิดหวังความเจ็บปวดทั้งหมดของคุณ ถ้ามันไม่ใช่ คุณก็แสดงให้เขาเห็นสิว่าไม่ใช่ แสดงให้เห็นว่าคุณรัก-”
“อย่ามาพูดเรื่องความรักกับฉัน เด็กยี่สิบต้นๆอย่างนายเข้าใจความรักดีแค่ไหน”
พ่อเก่งสาดวาจาใส่ แต่ผมเพียงยิ้ม
“เข้าใจพอที่จะรู้ว่าคุณยังรักภรรยาคุณ..”
.
.
แล้วความเงียบก็ปกคลุมเราสองคน..
จนกระทั่งพ่อเก่งพูดออกมา..
“นายพูดอะไร..”
ผมยักไหล่
“คุณด่าเธอแรงเกินไป ดูแล้วเหมือนคุณทำเพื่อปกปิดความรู้สึกอื่นมากกว่า”
“ฉันพูดอะไรก็เพราะฉันคิดอย่างนั้น ฉันด่าเธอแบบไหน ก็คิดว่าเธอเป็นแบบนั้นแหละ”
พ่อเก่งจ้องผมด้วยสายตาคมกริบ
ผมพยักหน้า “ครับ คุณคิด”
ผมมองชายวัยห้าสิบ แล้วถาม “แล้ว’ความคิด’นั้นของคุณได้เปลี่ยน’ความรู้สึก’ของคุณรึเปล่า?”
“สบาย ใจได้ ไม่มีใครในบ้านรู้หรอกว่าคุณยังรักเธอ แม้แต่ตัวเธอเองก็ไม่รู้ เพราะพวกคุณอยู่บ้านเดียวกัน ออสโมซิสความเกรียนกันมาเป๊ะ และมีอคติบางอย่างที่บดบังความจริงที่อยู่ตรงหน้า”
กูแลคเชอร์แคลคูลัสอยู่รึไงวะ..
“ผม ไม่มีอคติที่ว่า ผมจึงดูรู้ และเชื่อว่าไอ้โก แฟนพี่กรีนก็ดูรู้ด้วย เพราะเราเป็นคนนอก คุณกล่อมตัวเองมาสิบกว่าปีว่าเธอเป็นผู้หญิงเพี้ยน โรคจิต แต่คุณก็ยังคงรักเธอ คุณโมโหตัวเอง คุณก็เลยด่าเธอสาดเสียเทเสีย เพื่อจะกลบความรู้สึกนั้น เพราะคุณคงเสียเซลฟ์มากถ้าเธอรู้”
“พ่อครับ..”
ผมขอแหกกฎอีกทีเถอะ
“ชีวิตคนเรามันสั้นนะ”
“นายหรือลูกฉันที่เรียนปรัชญากันแน่ฮึ?”
พ่อเก่งถลึงตามองผม
“ผมติดมาจากเกรย์เยอะครับ”
ผมยิ้ม ..แบบว่าภูมิใจในตัวภรรยาคนเดียว ฮ่าๆ
“ฉันไม่ใช่พวกเกย์แฟนคลับ”
พ่อเก่งเสียงเหี้ยม ผมจึงบอกเขา
“เกรย์ไม่ใช่เกย์ แล้วก็ไม่ใช่มาตั้งแต่แรก เขามาเจอผมด้วยความบังเอิญ เขามีอะไรกับผมแค่เพราะประชดเท่านั้น”
พ่อเก่งเบิ่งตามอง และผมพยักหน้า
“ใช่ ผมเห็นด้วย เกรย์ทำแบบนั้นเหมือนมันเป็นมนุษย์ที่งี่เง่า แต่มันแค่ขี้น้อยใจมากๆ แล้วก็ออกจะไร้หัวคิดเวลาขาดสติ แต่มันไม่ใช่คนเลว แล้วมันก็รักครอบครัวมาก..จริงๆ มันไม่ได้ตั้งใจทำให้คุณผิดหวังเลย แต่มันเป็นเด็กดื้อ มันเป็นของมันแบบนั้น..”
ผมแทบจะอ้อนวอนให้เขาเชื่อผม
“ฉันไม่เคยบอกเด็กบ้านั่นว่าฉันผิดหวัง”
พ่อเก่งมองไปทางอื่น
“คุณก็อย่าทำแบบนี้สิ คุณไม่รู้หรือไง ลูกชายคุณเก่งเรื่องคิดเองเออเอง”
ผมหวังว่าอินดี้พ่อตาจะบรรลุมรรคผลนิพพานเสียที
“นายชื่ออะไรนะ?”
พ่อเก่งหันกลับมาทางผม
“ทัศน์ครับ ทิวทัศน์ ทัศนศุภกฤษณ์”
ผมตอบ
“ทิวทัศน์ ต่อไม่ติด?”
เกรียนละพ่อ -*-
“ทัศนศุภกฤษณ์ ครับ”
ผมแก้
“นามสกุลผู้ดีนะเนี่ย”
นั่น..พ่อตา พ่อตาจะเปลี่ยนเป้าหมายมาจิกกัดผมเหรอ
“พ่อแม่รู้รึยังล่ะว่ามีแฟนเป็นผู้ชาย”
.
.
กรูว่าแล้ว ต้องเล่นกรูประเด็นนี้!!
ได้พ่อ.. ได้.. เรามาว่ากันตรงๆเลยนะครับ
“ยังครับ ทั้งพ่อทั้งแม่ยังไม่รู้ และถ้ารู้ สิ่งแรกที่อยากทำก็คงเป็นอยากกระทืบผม ตามด้วยเอาเกรย์ไปตากแห้งทำเป็นไส้กรอกอีสาน”
ผมพูด
“เพราะ ฉะนั้นผมจึงอยากรีบสามัคคีกับคุณพ่อตาโดยเร็ว เพราะผมกับเกรย์ยังมีปัญหาอีกล้านแปดรอให้ก้าวผ่านไปอยู่ เรื่องครอบครัวผมก็เป็นอีกเรื่องนึง เพราะฉะนั้นถือว่าเห็นแก่แจ็คกี้ ชาน เอ้ย เห็นแก่ผมเนี่ยแหละ เรามาทำสนธิสัญญาสันติภาพกันดีกว่าครับ”
.
.

<< หน้าพ่อเก่ง
“นายนี่มัน..”
พ่อเก่งทำหน้าเหลืออด แต่ผมเอาความจริงใจเข้าสู้
“ช่วยผมด้วยนะครับ!!”
“เฮ๊ย!”
พ่อเก่งโวยวาย
“กูจะมาฆ่ามึง ไม่ได้มาช่วยมึงว้อย!”
“โธ่พ่อครับ ถือว่าอินดี้สายพันธุ์เดียวกัน มาๆ ผมเลี้ยงกาแฟ”
ผมนั่งลง ทำไม้ทำมือให้พ่อตานั่ง
“เอสเพรสโซ่สองแก้วครับ”
ผมตะโกนสั่งพนักงาน

<< นี่คือหน้าของเธอ
“โอ๊ย เพิ่งคิดจะสั่งได้เหรอ คุยกันในร้านมาตั้งชาติกว่าแล้วเนี่ย!”
เธอบ่นอะไรครับ??
ผมกับพ่อตาทำอะไรผิดเหรอ??
“อย่ามาติดสินบนฉันนะเว้ย!”
พ่อตาว่าเข้มๆ ยังคงไม่นั่งลง
เพราะลมมันเย็นรึเปล่า??
“พ่อครับ-”
“บอกว่าอย่าเรียกฉันว่าพ่อไง!”
พ่อตาว๊าก
“โอเคครับ คุณเก่ง ช่วยนั่งลง เราจะได้คุยกัน”
“หมดเรื่องคุยแล้ว ฉันอยากฆ่านาย!”
พ่อตาล้วงบางอย่างในกระเป๋าออกมา
เฮ๊ย ปืนรึเปล่าวะ!!
ผมเตรียมหาทางหนีทีไล่ ยังไม่อยากตายครับ เดี๋ยวเมียเป็นหม้าย
“พ่อ อย่า!”
ผมตะโกน เมื่อเขาล้วงออกมา และกลายเป็น..
มายมิ้นท์ บอล
.
.
“อะไร?”
พ่อเก่งเลิกคิ้ว ถามขณะแกะมายมิ้นท์ “จะกินด้วยรึไง ฉันไม่แบ่งนายหรอกนะ ฉันไม่ชอบหน้านาย”
.
.
-*-
“เอ่อ เปล่าครับ อันที่จริง ผมชอบไดนาไมค์มากกว่า”
ผมตอบอย่างขอไปที ดีนะที่กูรู้จักลูกอมอยู่บ้าง
“แล้วซูกัสล่ะ?”
พ่อเก่งถาม
“ห๊ะ?”
ผมเลิกคิ้ว
แล้วพ่อเก่งก็กระตุกยิ้มน้อยๆ
ให้ตายเถอะ เขาเป็นชายแก่ที่หล่อจังเลยครับ พอยิ้มเนี่ย
“ยิ้มอะไรครับ?”
“เปล่า..”
พ่อเก่งหุบยิ้ม แล้วก็ถอนใจ “มันไม่ง่ายหรอกนะ”
เขามองผม
“พวกเราอยู่กันคนละโลกแบบนี้มานาน จนชักจะชินซะแล้ว ฉันเองก็แก่เกินไปที่จะเปลี่ยนแปลง มันไม่ง่ายเลย..”
อ้อ..
“ครับ มันไม่ง่าย แต่มันก็ไม่ยากเกินไปนะ”
ผมวางมือลงบนมือเขา “ผมจะช่วย”
พ่อเก่งมองผม “ฉันไม่ได้มางานสามัคคีชุมนุม”
“ครับ ผมรู้ว่าคุณพ่อตาอยากมางานสวดพระอภิธรรมศพผมมากกว่า”
ผมทำหน้าเป็นการเป็นงาน
“แต่ ในเมื่อผมยังไม่ตาย และจะไม่ตาย เพราะถ้าผมตาย เมียผมซึ่งก็คือลูกพ่อ คงเสียใจมาก และเมื่อลูกพ่อเสียใจ แม่ของลูกพ่อซึ่งก็คือเมียพ่อซึ่งเป็นคนที่พ่อรักคงเสียใจด้วย เพราะฉะนั้น เราจะมาจัดงานสามัคคีชุมนุมกันเองครับพ่อ เราจะจัดตอนเนี้ย นับแต่นี้ไป..”

<< หน้าพ่อตา
“อะไรของนาย?”
ผมวางเงินไว้บนโต๊ะ แล้วลุกขึ้นแตะแขนคุณพ่อตามา
“ไปร้าน เฮ๊ย ไอ้เห่ยกันดีกว่าครับ!”
พ่อตาถลึงตามองผม
“ยัยนั่นจะได้จับฉันโยนออกมานอกร้าน!”
“เอาน่าพ่อ ผมบอกแล้วไง ผมจะช่วยเอง!”
“นายไม่เข้าใจ ยัยนั่นเป็นผู้หญิงที่ดูซีรีย์ Queer As Folk ในคืนวันแต่งงานนะ!”
อินดี้พ่อตาพยายามอธิบาย
“งั้นจากนี้ไปคุณก็ดูเป็นเพื่อนเธอเซ่!”
ผมแนะนำง่ายๆ
"ไอ้ลูกเขยเปรต!"
เสียงท่านพ่อโหยหวนไปตามทาง
. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .
ผมกะว่า เกรียนที่ 31 จะต่อตรงนี้ด้วย แต่ตัวอักษรมันเกินอะครับ ไว้ข้างล่างนะ ขอโทษจริงๆครับ