The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ  (อ่าน 119610 ครั้ง)

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 6 (18/5/2011)
«ตอบ #60 เมื่อ19-05-2011 16:50:46 »

มารอตอนต่อไป หดหู่ได้อีกครับ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 7
«ตอบ #61 เมื่อ19-05-2011 17:20:13 »



ผมใช้ชีวิตต่อไปเรื่อยๆเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผ่านไปหลายเดือนผมก็ยิ้มแย้มและพูดคุยเหมือนที่เคยเป็น ผมร่วมสนุกสนานไปกับเพื่อนที่เรียน และใช้เวลากับการทำงานพิเศษ แต่ช่วงนี้ผมเรียนหนัก ก็เลยไม่ค่อยมีเวลาไปทำงานพิเศษช่วงกลางวันเท่าไร เพราะอย่างนั้นผมจึงมักจะเข้ากะช่วงเย็นตอนปิดร้านบ่อยๆ

วันนี้ผมก็หัวยุ่งอยู่กับการทำงานส่งอาจารย์ ไม่รู้ว่าทำไมเวลาที่อาจารย์สั่งงานมาแรกๆถึงไม่มีอารมณ์อยากจะทำ แต่พอเวลาจวนเจียนใกล้จะต้องส่งงานมันก็เริ่มมีไฟขึ้นมา...ไฟลนก้นน่ะครับ
“ฟี่~ ” ผมเงยหน้าเมื่อได้ยินเสียงที่คุ้นเคยเรียกผม หญิงสาวผู้น่ารักและเป็นดาวของคณะอักษรศาสตร์เดินตรงรี่มาหาผมที่ม้าหินอ่อน ผมเหลือบเห็นไอ้ทัชรีบจัดแต่งทรงผมและเสื้อผ้าขึ้นมากะทันหัน แหม...เห็นสาวไม่ได้นะมึง...
“ว่าไงเชอรี่ ทำไมเดินมาตึกสถาปัตย์ได้ล่ะ” ผมหันไปยิ้มให้เชอรี่ที่เดินมาหย่อนก้นข้างผม
“แวะมาหาฟี่ ช่วงนี้ไม่ค่อยได้เจอกันเลย” ใช่ครับ อย่างที่บอกว่าผมเข้ากะเย็นประจำ เจอแต่น้องว่านกับพี่แก๊บเท่านั้น ส่วนเชอรี่นั้นเธอเป็นสาวกลางวัน เพราะเรียนไม่ยุ่งเท่าผม สาขาเธอจะเน้นเรื่องส่งงานมากกว่าเรื่องเข้าเรียนครับ
“แล้วเชอรี่ไม่อยากเจอทัชบ้างเหรอครับ” เชอรี่หันไปมองไอ้ทัชที่เสนอหน้ามาใกล้แล้วยิ้มหวานเจี๊ยบกลับไปให้
“แล้วทัชเป็นอะไรกับเชอรี่ละคะ เชอรี่ถึงต้องอยากเจอทัช” ไอ้ทัชหน้าม้านไปเลยครับ แต่แป๊บเดียวก็กลับมาระรื่นได้ต่อตามประสาคนหน้าด้าน
“แล้ววันนี้รี่ไม่มีเรียนเหรอ” จูนถามเชอรี่บ้าง สองคนนี้เขาเรียนมัธยมที่เดียวกันมาครับ แต่ว่าอยู่กันคนละห้องเลยไม่ค่อยสนิทกัน ตอนที่เข้าปีหนึ่งมาใหม่ๆนั้นถ้าเชอรี่เปรียบเหมือนดาวของคณะอักษรศาสตร์ จูนก็เปรียบเหมือนโอเอซิสของสถาปัตย์ แต่เมื่อวันเวลาผ่านไปสองสาวก็ประกาศตนว่าไม่ใช่พวกสาวหน้าหวานแอ๊บแบ๊วไปวันๆ เพราะพิษสงที่เธอมีนั้นไม่ธรรมดา ใครที่แหยมมาจีบไม่ดูตาม้าตาเรือเป็นต้องโดนดีไปทุกราย
“เลิกเรียนแล้ว เดี๋ยวเชอรี่จะไปทำงานแล้วแหละ ว่าแต่ฟี่จะให้เชอรี่ซื้อขนมใส่ตู้เย็นไว้ให้มั้ย” เชอรี่จะคอยซื้อของกินใส่ตู้เย็นที่ร้านไว้ให้ผมกินเวลาเข้ากะตอนกลางคืนครับ เพราะว่าผมจะไปที่ร้านตอนเย็น ซึ่งเป็นช่วงที่คนเยอะจนไม่มีเวลาไปหาข้าวกิน
“อืม...ขอเป็นน้ำเต้าหู้ใส่แต่สาคูกับลูกเดือยแล้วกัน เอา-”
“เอาหวานๆ” เสียงใสพูดขัดขึ้นมาอย่างคนรู้ใจ ผมยิ้มแล้วหยิกแก้มเชอรี่เบาๆ เธอรู้ทุกอย่างแหละครับว่าผมชอบกินอะไร
“งั้นเชอรี่ไปละนะ บ๊ายบายจ้ะจูน เม้งแล้วก็ทัช” เชอรี่โบกมือลาเพื่อนทั้งสามคนของผมแล้วก็สะพายกระเป๋าเดินนวยนาดออกไป
“น่ารักจริงจริ๊ง~” ไอ้ทัชมองเชอรี่เดินออกไปแล้วก็พร่ำเพ้อครับ พวกผมสามคนไม่สนใจคนละเมอแล้วก็ตั้งหน้าตั้งตาทำการบ้านต่อไป

พอทำงานส่งอาจารย์เสร็จตอนหกโมงเย็นกว่าๆผมก็บึ่งน้องฟิโอเร่ไปที่ร้านทันที เชอรี่กับณัฐกลับไปแล้ว เหลือแต่พี่แก๊บแล้วก็น้องว่าน พี่แก๊บพอเห็นหน้าผมก็ยิ้มร่ามาเลย
“ท๊อฟฟี่ผู้น่ารักกกกก” พี่แก๊บเดินอ้าแขนกว้างตั้งท่าจะกอดผม แต่ผมก็เบี่ยงตัวออกและดันอกพี่แก๊บไว้
“จะใช้อะไรก็บอกมาเลยครับ ไม่ต้องมาทำท่าน่าขนลุก”
“แหม ใจร้ายจัง พี่ไม่ได้จะใช้อะไรสักหน่อย” พี่แก๊บยิ้มกะลิ้มกะเหลี่ยที่ผมรู้ดีว่าแกมักจะใช้เวลามีธุระเรื่องงาน
“ก็ดีครับ” พอผมไม่ใส่ใจแกก็รีบกลับคำและจับแขนผมไว้แน่น
“พี่แค่อยากจะขอให้ฟี่ช่วยมาเปิดร้านตอนเช้าให้หน่อยน่ะ” เหวอ! มากไปไหมครับพี่
“เฮ้ย ไม่ได้ ผมมีเรียน” ซะเมื่อไรละครับ ไม่เอาเว้ย ไม่อยากมาเปิดร้านตอนเช้า  ขี้เกียจตื่น
“อย่ามาขี้จุ๊เบ่เบ๊กับพี่ แกให้ตารางเรียนพี่ไว้เมื่อต้นเทอม จงมาเข้ากะให้พี่เสียดีๆ” ผมกุมขมับ ไม่น่าให้ตารางเรียนกับไอ้พี่แก๊บไปเลย
“น่านะฟีฟี่ผู้น่ารัก”
“ถ้าพี่เรียกผมแบบนั้นผมจะลาออกจริงๆ”
“โอเคๆ น้องฟี่ มาเข้ากะให้พี่แก๊บหน่อยนะครับ” พี่แก๊บเปลี่ยนมาทำท่าขึงขัง และตอนที่ผมกำลังจะใจอ่อนนั้น ผมก็นึกบางอย่างออก
“แล้วเปิดร้านกับใครเหรอครับ”
“กับณัฐน่ะ พี่ถึงขอให้เป็นฟี่มาไง ถ้าเป็นน้องว่านคงไม่ไหว” ที่พี่แก๊บพูดว่าไม่ไหวก็เพราะว่า ระบบงานที่ร้านนี้จะไม่มีนโยบายให้พนักงานที่ทำงานต่ำกว่าแปดเดือนเข้ากะร่วมกันตามลำพังครับ เนื่องจากว่าที่ร้านจะมีอยู่สามกะ คือช่วงเช้า ช่วงกลางวัน และช่วงเย็น โดยช่วงเช้านั้นพี่แก๊บจะไม่เข้าร้าน เพราะแกไม่ตื่นเช้า แต่จะมาเข้าร้านตั้งแต่ตอนกะกลางวัน ซึ่งตอนเช้าถ้าไม่เป็นผมก็ต้องเป็นเชอรี่ที่ทำงานมาปีกว่าแล้วมาเปิดร้านให้ เพราะว่าถ้าปล่อยคนที่ยังทำงานไม่ค่อยชำนาญให้เข้ากะตามลำพัง เวลามีปัญหาอาจจะวุ่นวายครับ

ปัญหาอะไรน่ะเหรอครับ?

ก็เช่น ลูกค้า A ยืมหนังสือไปเป็นเวลามากกว่า 1 ปี ค่าเช่าก็บานเบอะ แล้วถ้าลูกค้าเอามาคืน เราก็จะต้องมีการเจรจาเรื่องค่าเช่ากับค่าปรับ ซึ่งหากไม่มีประสบการณ์เพียงพอก็จะไม่รู้ว่าควรคิดเงินเท่าไร เป็นต้นครับ (มันไม่ง่ายนะครับ ไหนจะลูกค้าพูดไม่รู้เรื่อง ไหนจะต้องแก้บัญชีให้สอดคล้องกับยอดเงินในระบบยืมคืน บลาๆๆๆ)

 “ไม่เอาครับ” ผมยืนยัน ให้ตายผมก็ไม่มาเข้ากะให้หรอกครับ
“พี่ให้สองแรงเลย”
“ตกลงครับ” อ่า...ไม่ต้องตกใจครับที่ผมเปลี่ยนใจกะทันหัน ก็พี่แก๊บบอกว่าสองแรงนี่นา!!
** สองแรงคือการให้ค่าแรงสองเท่าครับ **
“ดีมาก ปิดร้านแล้วอย่าลืมเอากุญแจร้านไปนะ” ตามนั้นแหละครับ สุดท้ายผมก็ต้องมาเข้ากะตามลำพังกับคนที่ยากจะเผชิญหน้าที่สุด...

ผมรู้สึกว่าหมดแรงยังกะไปทำงานใช้แรงมา ที่จริงผมไม่ได้เหนื่อยกายหรอกนะ แต่ผมเหนื่อยใจ เหนื่อยใจเมื่อนึกถึงเรื่องวันพรุ่งนี้ พอเข้าห้องได้ผมก็เอากระเป๋าไว้ที่และตัดสินใจว่าออกไปเรียกเหงื่อสักหน่อยดีกว่า...อา...อย่าคิดลึกครับ

“คิง กูจะไปวิ่ง ฝากซื้อไรเปล่า” ผมเคาะประตูห้องไอ้คิง แล้วเจ้าของห้องก็โผล่ออกมาในสภาพหัวยุ่งสุดๆ
“เอ่อ...ขอกระทิงแดงกับมะขามจี๊ดให้กูหน่อย” ผมพยักหน้ารับแล้วก็เดินลงบันไดมาครับ รองเท้าวิ่งคู่เก่งของผมส่งเสียงเอี๊ยดอ๊าดกับพื้นไม้ปาร์เกต์ของอพาร์ทเมนท์ ดูท่าว่าไอ้คิงคงการบ้านเยอะเอาการ
ผมเลือกที่จะวิ่งไปตามถนนของหมู่บ้านจัดสรรในซอยนี่แหละครับ รถมันน้อยดี หมาจรจัดก็ไม่มี คืนนี้ลมมันเย็นๆเลยไม่ร้อนเท่าไร และผมก็อยากจะเหนื่อยให้หายบ้าด้วย เผื่อจะสงบอารมณ์ได้
ตอนวิ่งไปบางทีเจอคนรู้จักผมก็ทักทาย ร้านค้าหลายร้านยังคงเปิดอยู่ แถวย่านมหาวิทยาลัยก็ดีแบบนี้แหละครับ กลางคืนมันก็ครึกครื้น แต่ถ้าเลยตีหนึ่งไปก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง มันจะเงียบเป็นป่าช้าเลยแหละครับ

แปลกที่วันนี้ผมไม่สามารถสลัดเรื่องราววุ่นวายออกไปจากสมองได้ ยิ่งบรรยากาศรอบตัวผมเงียบสงบมากเท่าไร ผมก็ยิ่งคิดโน่นคิดนี่มากขึ้น ผมนึกถึงพี่ตังค์ นึกถึงแฟนสมัยมัธยม นึกถึงพ่อ นึกถึงแม่ นึกถึงใครต่อใครมั่วไปหมด แล้วก็นึกถึงณัฐ...

TRrrr… TRrrr…

โทรศัพท์มือถือของผมสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง เบอร์โชว์หน้าจอไม่เชิญชวนให้ผมกระตือรือร้นที่จะรับเท่าไรนัก ผมจ้องมองอย่างอ้อยอิ่งกว่าจะกดรับสายได้
“สวัสดีครับพี่ตังค์”
/ฟี่ ทำอะไรอยู่/ ประโยคเด็ดของพี่ตังค์ที่มักจะเริ่มในการสนทนาทางโทรศัพท์ ผมนั่งบนเก้าอี้ยาวในสวนใกล้ๆ สงสัยว่าจะต้องใช้พลังงานในการคุยมากกว่าวิ่งเสียอีก
“ออกมาวิ่งครับ พี่ตังค์มีธุระอะไรหรือเปล่า” ประโยคเด็ดของผมเหมือนกัน แต่เป็นประโยคเด็ดเวลาคุยกับพี่ตังค์นะ... เพราะพี่ตังค์จะไม่โทรหาผมถ้าไม่มีเรื่องให้ช่วยหรอก...
/เปล่า ไม่ได้มีธุระอะไรหรอก พี่แค่อยากโทรมาเล่าน่ะ ว่าพี่จะไปทำงานต่างจังหวัดแล้ว/
“หา? พี่เนี่ยนะ นึกยังไงละครับ”
/ที่ทำงานใหม่น่ะ ได้เงินเยอะกว่าเดิม/
“อืม ดีใจด้วยนะครับ” ผมยิ้มให้กับลมกับแล้ง เพราะรู้ว่าอีกฝ่ายคงไม่ได้รับรู้หรอกว่าผมทำหน้ายังไง แล้วเราสองคนก็เงียบ ผมไม่รู้จะคุยอะไร ไม่รู้ว่าเขาโทรหาผมทำไม เขาแค่อยากโทรมาเล่าสารทุกข์สุขดิบกับผมงั้นเหรอ ไม่แค่นั้นหรอกมั้ง...
/ฟี่...มีความสุขดีหรือเปล่า?/ น้ำเสียงเอื้ออาทรที่ไม่มีอะไรแอบแฝงทำให้ใจผมสั่น แค่วูบเดียว...
“ครับ ตอนนี้เรียนยุ่งๆ”
/ปีสองจะขึ้นปีสามก็งี้แหละ เดี๋ยวพอปีสามละหนักกว่านี้อีก/
“ครับ...”
/ถ้าพี่ย้ายไปแล้วเราก็คงห่างกันมากนะ.../
“แล้วพี่จะย้ายไปที่ไหนครับ”
/สุราษฯ/
“โห ไกลจัง”
/อืม.../
“....”
ผมคงไม่ต้องเล่าต่อว่าบทสนทนาของเราจบลงที่ตรงไหน พี่ตังค์แค่บอกว่าจะติดต่อมาอีก แต่ผมก็ไม่ได้คาดหวังหรือรอคอย เพราะผมเองก็แค่รู้สึกยินดีไปกับพี่เขาด้วยเท่านั้น ไม่ได้มีความรู้สึกอื่นใดอีก
เพราะผมไม่เคยมองกลับหลัง... อะไรที่ผมทิ้งมันไปแล้ว ผมจะไม่คว้ามันกลับมาอีก...

ผมตื่นมาตั้งแต่เจ็ดโมง ร้านเปิดแปดโมง มีเวลาอีกตั้งชั่วโมงนึง ผมเลยตัดสินใจทำมื้อเช้าไปกินที่ร้านดีกว่า ขนมปังก็มี ไส้กรอกก็มี ทำแซนด์วิชแล้วก็อบไส้กรอกไปน่าจะเวิร์ค ผมจัดแจงหากล่องทัพเพอร์แวร์มาใส่ของกินให้มิดชิด ตอนนั้นผมไม่รู้ตัวเลยด้วยซ้ำว่าผมทำอาหารเช้าไปในปริมาณแค่ไหน...

จนได้เห็นสีหน้าตื่นเต้นของเขา...

“พี่ฟี่ น่ากินจัง ทำมาเผื่อณัฐด้วยใช่มั้ย?” ผมยิ้มให้กับเจ้าของใบหน้าหล่อที่ยังดูงัวเงียๆ ดูเขาคงไม่ชินกับการตื่นเช้าเท่าไร 
“อื้ม กินสิ” ผมมองของกินที่ผมเอามาแล้วก็นึกแปลกใจ นี่ผมทำมาสำหรับสองคนกินสบายๆเลยนะเนี่ย ตอนทำผมคิดอะไรอยู่นะ
“เดี๋ยวณัฐไปชงกาแฟมาเผื่อนะ” ว่าแล้วณัฐก็เดินเข้าไปในห้องพักแล้วชงกาแฟมาเผื่อผม เรานั่งกินมื้อเช้ากันหลังเคาเตอร์นั่นแหละ กาแฟที่ณัฐชงมามันอร่อยอย่างไม่น่าเชื่อจนผมเคลิ้มทีเดียว
“เป็นไงล่ะ ฝีมือผม” เจ้าตัวทำท่ายืดอกภูมิใจ
“รสดีมากเลย”
“แซนด์วิชพี่ฟี่ก็อร่อยมากนะ” ผมเชื่อครับ เพราะผมทำมาสามคู่ ณัฐฟาดไปสอง

ผมรู้สึกว่าผมไม่ได้กินมื้อเช้ามานานมาก พอจัดการอาหารเรียบร้อยผมก็เดินไปจัดหนังสือการ์ตูนที่ชั้นบนให้เรียบร้อย ไม่ต้องแปลกใจว่าผมขยันนะครับ ที่จริงผมมีเจตนาแอบแฝง...
ผมทนอยู่ใกล้ณัฐไม่ได้ครับ เพราะผมคิดไม่ดี..
ผมอยู่กับณัฐในช่วงที่ร้านเงียบๆไม่วุ่นวาย ณัฐที่เพิ่งตื่น ณัฐที่ผมยุ่งๆ ณัฐที่ใส่ยีนส์เดฟเอวต่ำเห็นขอบบ็อกเซอร์ เวลาณัฐยกแขนสูงๆแล้วชายเสื้อเปิดจนเห็นหน้าท้องวับๆแวมๆผมก็ใจตุ๊มๆต่อมๆ
โคตรละอายใจเลย...

“พี่ฟี่ยังไม่มีแฟนเหรอ” ขณะที่เรากำลังนั่งว่างๆกันอยู่ณัฐก็เริ่มชวนผมคุย แล้วเขาก็ถามเรื่องแฟนขึ้นมา
“ยังหรอก แต่ก็เคยมีนะ”
“แล้วทำไมตอนนี้ไม่มีละครับ หรือถือว่าน่ารักเลือกได้”
“เอ่อ ช่วยชมว่าหล่อได้ไหม”
“ไม่ได้หรอกครับ เพราะพี่ฟี่ไม่หล่อ แต่พี่ฟี่น่ารัก”
“ก็อยากจะเขินนะ แต่มันเป็นคำชมที่ทะแม่งๆ” ผมขมวดคิ้ว แล้วณัฐก็เอานิ้วชี้มาจิ้มที่หน้าผากผม...

ณัฐเอานิ้วจิ้มหน้าผากผม
ณัฐเอานิ้วจิ้มหน้าผากผม
ณัฐเอานิ้วจิ้มหน้าผากผม

ผมบ้าไปเลยครับ ผมเขินแกะ(Sheep)หายเลย ผมจะเขินทำไมวะ แค่ณัฐเอานิ้วจิ้มหน้าผากผมเองนะ!! ผมจะใจเต้นทำไมเนี่ย!
“ห้ามทำคิ้วขมวดครับ เดี๋ยวหน้าแก่นะ” ณัฐพูดเสียงเข้ม ผมก็ได้แต่พยักหน้า แล้วผมก็นั่งเขินไปแป๊บหนึ่ง
ผมมีเรื่องอยากถามเขา... ผมมานึกดู ตั้งแต่ที่เขาเริ่มทำงานมามันก็ห้าเดือนได้แล้ว(ไวเหมือนโกหก) เราก็คุยกันบ่อยและก็รู้จักกันมาพอแล้ว หากผมอยากถามเรื่องนี้ คงไม่เป็นไร(ละมั้ง??)
“ถามไรหน่อยสิณัฐ”
“ครับ?” เขาหันมาทำหน้าหล่อใส่ผม ทำไมน่ารักแบบนี้นะ...
“ทำไมถึงมีลูกไวจังเลย ณัฐเพิ่ง 19 เองนะ” ผมถามน้ำเสียงจริงจัง ณัฐนิ่งไปแวบหนึ่ง ไม่ใช่นิ่งโกรธ หรือไม่พอใจ แต่เป็นการคิดน่ะครับ นิ่งคิดไปนิดหนึ่ง
“อืม...มันเป็นเรื่องฉุกเฉินครับ”
“ฉุกเฉินงั้นเหรอ?”
“เรื่องไม่คาดคิดน่ะครับ”
“ณัฐไม่ได้ตั้งใจให้ท้อง” ณัฐพูดเหมือนรู้สึกผิดแล้วก็เงียบไป ผมเองก็คาดไม่ถึงเช่นเดียวกัน
“ณัฐจำได้ วันนั้น ณัฐพาแฟนไปไหว้พ่อแม่ที่บ้าน แล้วพ่อแม่ไม่อยู่พอดี ก็เลย...” อืม ผมเข้าใจครับ คนหนุ่ม อารมณ์ร้อน...
“ครั้งเดียวเองครับพี่ฟี่ เหอะๆ” ณัฐหัวเราะเสียงแห้ง ผมเองก็พูดไม่ออก ไอ้คนที่เขาอยากจะมีกันก็แสนยากเย็น แต่ทำไมไอ้คนที่วุฒิภาวะไม่พร้อมถึงได้มีง่ายจัง(วะ)
“ตอนแรกณัฐก็ไม่รู้ แฟนณัฐเขาจะไปเอาออก แต่ณัฐไม่ให้เอาออก” อืม...มีความคิดเหมือนกันแฮะ..
“ก็ดีแล้ว ยังไงเขาก็เป็นชีวิตเป็นเลือดเนื้อของเรา” ผมตบไหล่ให้กำลังใจเขา พอผมได้ฟังเรื่องพวกนี้แล้ว ผมรู้สึก...โล่งใจ..เพราะอะไรนะ...
“พี่ฟี่รู้มั้ย ช่วงนั้นน่ะ ผมเครียดมากเลยนะ แทบจะบ้าตาย ร้องไห้ทุกวัน กินข้าวปลาไม่ลง”  ผมนึกไปถึงครั้งที่สองที่ผมเจอณัฐ ลองคำนวณดูแล้วช่วงเวลามันก็พอดีกัน สงสัยช่วงนั้นที่ณัฐโทรมไปก็คงเพราะเรื่องนี้นี่เอง...
“ณัฐ ณัฐเป็นคนที่น่านับถือมากนะ ณัฐยังมีสามัญสำนึกของความเป็นคน แม้ว่าณัฐจะยังไม่พร้อม แต่ณัฐก็เลือกที่จะเก็บเขาไว้ ทั้งที่ณัฐจะเลือกหนีปัญหาไปก็ได้” ผมให้กำลังใจณัฐ ณัฐเป็นเด็กหนุ่ม เป็นคนรุ่นใหม่ที่ยังคงมีสำนึกดี ถ้าผมจะบอกว่าความคิดดีๆของเขาทำให้ผมรู้สึกดีไปด้วยคงไม่เกินไปหรอกนะ
“ขอบคุณครับ” ณัฐยิ้มให้ผม จะผิดไหมถ้าผมจะบอกว่าอยากกอดเขา แต่อย่าเลย จะช็อกซะเปล่าๆ...

ผมจะจำเหตุการณ์วันนี้ให้แม่น วันที่เขาเปิดใจเล่าเรื่องราวให้ผมฟัง วันที่อารมณ์รุนแรงของผมที่มีต่อเขาค่อยเจือจางลง ความปรารถนาและความสเน่หาค่อยแปรเปลี่ยนเป็นความหวังดี ผมหวังดีกับเขา ขอให้เขาจัดการปัญหาในชีวิตเขาไปได้
ตอนนี้ผมไม่เจ็บปวดแล้ว อาจจะมีปวดแปล๊บๆเวลาที่แฟนเขามาหา แต่ก็ไม่อิจฉาริษยารุนแรงเหมือนเมื่อก่อน

ผมรู้ตัวแล้ว ว่าถ้าผมชอบเขาจริง ก็ขอแค่ได้เห็นเขามีความสุขก็พอแล้ว แค่เห็นเขายิ้มได้ แค่เห็นเขามีความสุข ช่องว่างในใจผมมันก็เต็มตื้นขึ้นมาบ้าง...

----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.1 ขอโทษนะคะถ้าตอนนี้หดหู่น้อยไปหน่อย บังเอิญว่าวันนี้อารมณ์ดี :-[
ปล.2 ลืมบอกไปว่าเรื่องนี้เนี่ย ในแต่ละตอนบางทีอาจจะข้ามช่วงระยะเวลาไปหลายเดือนนะคะ เพราะว่าช่วงนี้เป็นเหมือนการเล่าเรื่องในอดีต
ซึ่งไคลแมกซ์มันอยู่ที่อนาคตค่ะ หึหึ


ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #62 เมื่อ19-05-2011 17:31:34 »

จิ้มมม :z13:

มืดมนอย่างต่อเนื่อง
รอวันที่ฟ้าสดใสอยู่นะ ซิกๆ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 19-05-2011 17:41:26 โดย rellachulla »

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #63 เมื่อ19-05-2011 17:51:36 »

คุณบีบีจะให้หดหู่น้อยกว่านี้อีกก็ได้นะ

ไม่ว่ากัน


แต่แบบไหนพี่ก็ชอบ ขอบคุณนะคะ :L1:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #64 เมื่อ19-05-2011 18:08:35 »

เป็นการอ่านนิยายที่ได้บรรยากาศที่สุด วันนี้แถวบ้านดิฉันฟ้าครึ้มมัวหม่นทั้งวัน
สลับกับฝนจั้กๆทั้งวัน อ่านนิยายที่ตัวเอกของเรื่องอยู่กับอาการหดหู่ๆ อร๊ายยยย....
อะไรมันจะเข้ากั๊นเข้ากันขนาดนั้น

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #65 เมื่อ19-05-2011 18:18:33 »

มารอตอนต่อไป อิอิ

July_Moon

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #66 เมื่อ19-05-2011 19:09:42 »

 :L2:
ไม่เป็นไรตอนนี้ยังมีความสว่างเล็กๆ เจืออยู่นะ
แค่ได้รักก็เพียงพอแล้ว

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #67 เมื่อ19-05-2011 20:44:31 »

อ่านตอนนี้แล้ว ไม่ปวดใจ แต่ไม่ได้หวังว่าอยากให้มันหดหู่ทุกตอนนะคะ
ฟี่เริ่มเปิดใจ คิดบวกแล้ว บรรยากาศเลยไม่อึมครึม
ก่อนอ่านคิดว่า อ่านตอนนี้จบคงปิดคอม นอนได้เลยแบบว่าไม่มีอารมณ์จะทำอะไรต่อ :laugh:
แต่อ่านจบ ยังพอไหวอยู่ ยังเม้มได้ ยังท่องเล้าได้อีกนาน
เป็นกำลังใจให้น้องฟีฟี่ และ คนแต่ง  :L2:

ออฟไลน์ monoo

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1960
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +101/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนท
«ตอบ #68 เมื่อ19-05-2011 20:54:10 »

คนในอนาคตตตตตตต อยู่หนายยยยยยยยย :serius2:
อิอิ  :L2:

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #69 เมื่อ19-05-2011 20:56:04 »

อ่านแล้วอยากกอดฟี่ เผื่อฟี่จะรู้สึกดี(แต่กลัวจะเก็บไปฝันร้ายมากกว่า)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
« ตอบ #69 เมื่อ: 19-05-2011 20:56:04 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #70 เมื่อ20-05-2011 00:01:12 »

 :เฮ้อ: ยังพอยิ้มได้ แต่เจอประโยคเด็ดคนเขียนเป็นเซ็งเลย

เรื่องนี้มันโศกนาฏกรรมแห่งรักโดยแท้  :z3:

แล้วพรุ่งนี้จะรออ่านต่อน๊า

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #71 เมื่อ20-05-2011 00:54:53 »

อ่านถึงตอนนี้ตีความบางอย่างได้ว่า

ช่องว่างนั้นการทิ้งระยะห่างเพื่อคนที่เรารัก การเฝ้ามองดูคนที่เรารักด้วยความหวัง ดี มันคงมีความสุขมากกว่าการได้ครอบครอง ♥

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #72 เมื่อ20-05-2011 02:27:40 »

แล้วใครมันคือพระเอกเนี่ยยยยยย  :z3:

chae

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #73 เมื่อ20-05-2011 04:16:00 »

โอยยย // เอาหัวชนกำแพง
ให้มันได้แบบเน้เซ้ๆๆๆๆๆๆๆ
แล้วเมื่อไหร่ฟี่จะมีความสุขสกที

Panny

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #74 เมื่อ20-05-2011 06:47:17 »

เฝ้ารออนาคตอยู่นะคะ หวังว่าคงไม่หดหู่กว่านี้น๊า

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 7 (19/5/2011)
«ตอบ #75 เมื่อ20-05-2011 07:26:11 »

 :L2:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 8
«ตอบ #76 เมื่อ20-05-2011 08:26:53 »



วันนี้เป็นวันฉลองครับ ฉลองให้กับโอกาสที่ผมเกิดขึ้นมาบนโลกนี้ครบ 21 ปี และเป็นเรื่องที่น่าดีใจว่ามีคนเกิดเดือนเดียวกันในวันที่ใกล้ๆกับผมด้วย
“ตอนแรกพี่กะว่าจะจัดตอนวันเกิดณัฐ แต่คิดไปคิดมา อีกห้าวันก็วันเกิดฟี่แล้ว เลยรอวันเกิดฟี่ก่อน” พี่แก๊บบอกขณะกรอกแอลกอฮอล์บำรุงตับอย่างเมามันส์
“หึ อย่าลืมวันเกิดเชอรี่แล้วกัน” เชอรี่แอบจกแยมบนชิ้นเค้กของผมไปกินหน้าตาเฉย แต่ผมก็ชินซะแล้วละ
“?” ช้อนคันที่มาจ่อตรงปากผมทำให้ผมประหลาดใจสุดๆ ณัฐเอาช้อนปาดแยมจากเค้กในจานของตัวเองแล้วยื่นมาที่ผม
“ณัฐให้” ป๊าดดดด ถ้าผมเป็นตัวการ์ตูน  คงหน้าแดงแปร๊ดไปแล้วครับ แต่ผมยังเก็บอาการได้ ผมอ้าปากกินแยมจากช้อนของณัฐ ช้อนที่ณัฐใช้กินเค้ก ช้อนที่ณัฐเอาเข้าปากตัวเองไปแล้ว นี่มันจูบทางอ้อมมมมม~~
“ณัฐ ป้อนเชอรี่บ้างซี่” เชอรี่ขยับมาเกาะที่ขาณัฐแล้วก็อ้าปากขอให้ณัฐป้อนบ้าง แต่ผมไวกว่าครับ ผมตักเค้กในจานผมแล้วป้อนเชอรี่อย่างทันท่วงที
“ถ้าเป็นเชอรี่น่ะเดี๋ยวฟี่ป้อนเองนะ” ผมยิ้มหวานให้เชอรี่ เชอรี่ก็ทำจิกตาใส่ผมแต่ก็กอดคอผมไว้แน่น
“แหม น่ารักแบบนี้เชอรี่รักฟี่ตายเลย”
“พี่เชอรี่ กอดว่านแบบนี้มั่งสิ” น้องนุชสุดท้องของพวกเราสะกิดเชอรี่ยิกๆ เชอรี่จึงหันไปลูบหัวเบาๆและบอกให้รอไปอีกสิบปี

พอเวลาล่วงเลยไปจนดึกดื่น งานเลี้ยงก็ต้องเลิกรา ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน เชอรี่และว่านกลับบ้านทางเดียวกับพี่แก๊บ
พี่แก๊บจึงอาสาไปส่ง ส่วนบ้านของณัฐอยู่เลยจากอพาร์ทเมนท์ผมไปอีก และวันนี้ผมไม่ได้เอารถมา จึงติดรถณัฐกลับไปด้วย

 “เกาะดีๆนะพี่ฟี่ เดี๋ยวณัฐจะซิ่งละ” ณัฐดึงแขนผมให้ไปจับเอวเขาไว้ ผมนะมือสั่นอย่างหนักจนกลัวว่าณัฐจะรู้สึกได้ อยู่ใกล้แบบนี้ผมก็ได้กลิ่นตัวของณัฐแบบเต็มๆ ถ้าผมสามารถเก็บกลิ่นของเขาใส่ขวดไว้ได้ผมก็จะทำ หึ...ผมไม่ได้โรคจิตนะ...
“พี่ฟี่ ผมมีเรื่องอยากจะปรึกษา” ขณะที่ผมกำลังลวนลามณัฐทางจมูกนั้นเขาก็พูดขัดจังหวะผมขึ้นมา เมื่อกี้เขาบอกว่าจะปรึกษาผมงั้นเหรอ?
“หืม? อะไรเหรอ”
“ขอแวะจอดแป๊บได้มั้ย”
“อือ” พอผมอนุญาต ณัฐก็เลี้ยวรถไปตรงสวนที่ผมเคยมาวิ่งจ๊อกกิ้ง ณัฐจอดรถแล้วตั้งขาหยั่งก่อนจะลงจากรถไปนั่งยองๆที่พื้น ผมเลยเดินไปนั่งข้างเขา
“...” ผมเห็นเขาเงียบก็เลยไม่กล้าพูด บางทีเขาอาจกำลังเรียบเรียงคำพูดอยู่ ผมเลยยิ่งไม่กล้าขัด

“สัญญาได้มั้ยว่าถ้าณัฐเล่าแล้ว อย่าหาว่าณัฐเลวเลยนะ” ผมเหวอเลยครับ นี่มันเป็นเรื่องใหญ่ขนาดนั้นเลยเหรอ ผมชักไม่มั่นใจเสียแล้วว่าผมมีค่าคู่ควรพอจะฟังเรื่องจากปากเขาหรือเปล่า
“ณัฐ ถ้ามันเป็นเรื่องที่สำคัญมากละก็ ลองเล่าให้คนใกล้ๆตัวฟังดีกว่ามั้ย” อย่างเช่นแฟนณัฐไงล่ะ...
“ไม่หรอก ณัฐอยากเล่าให้พี่ฟี่ฟัง ได้มั้ยครับ” อูย...ผมแพ้คนสุภาพ ผมแพ้คำพูดเพราะๆ ใจผมละลายเป็นน้ำเลยครับ
“พี่จะเป็นผู้ฟังที่ดีแล้วกัน”
“ขอบคุณนะครับ”
แล้วณัฐก็ถอนหายใจก่อนจะเล่าให้ผมฟัง แต่ก่อนอื่นผมจะขออธิบายก่อนว่าทำไมผมกับณัฐจึงดูเหมือนสนิทกันมากจนณัฐไว้ใจผม เนื่องจากเหตุการณ์ในวันนั้นที่ผมได้รับรู้เรื่องราวของณัฐได้ทำให้ผมใกล้ชิดกับเขามากขึ้น เราสนิทกัน ณัฐกล้าเล่าเรื่องต่างๆให้ผมฟัง และผมเองก็รู้สึกว่าตัวเองเหมือนเป็นคนเต็มคนขึ้นมา ผมรู้สึกว่าชีวิตของผมมีคุณค่า ผมไม่ค่อยรู้สึกว้าเหว่ การที่ผมได้รับรู้ว่ายังมีณัฐอยู่ ทำให้ผมรู้สึกว่าโลกใบนี้มีอะไรมากขึ้น ถึงแม้ว่าจะไม่ได้ครอบครองหัวใจเขาก็ตาม...

“ช่วงนี้ณัฐกับแฟนไปกันได้ไม่ค่อยดี...” โอ..นี่เป็นข่าวใหม่ครับ เป็นเรื่องไม่ดีสินะ แต่ผมรู้สึกว่าผมกำลังจะยิ้ม..
“ทำไมละ”
“ไม่รู้สิ เราทะเลาะกันบ่อยๆ เรามักจะมีเรื่องขัดใจกันแบบไม่มีสาเหตุ เรียกว่ามองหน้ากันบางทีก็เคืองกันแล้วอะ” อย่างที่ณัฐบอกมาผมก็เข้าใจนะ เพราะผมก็เคยเป็นมาก่อน
“แล้วผมก็เลย...ทำเรื่องที่ไม่ถูกต้อง...” ตายละ สัญญาณอันตรายในหัวผมวิ่งวนเลย มันเริ่มมีกลิ่นตุๆเสียแล้ว
“ผมมีคนอื่น...ผมมีผู้หญิงคนอื่น...”

คุณเคยรู้สึกเหมือนถูกค้อนอันใหญ่ฟาดกบาลมั้ยครับ นั่นละ ความรู้สึกผมตอนนั้น...

“เมื่อไร...” น้ำเสียงผมสั่นนิดๆ ผมถามในเรื่องที่ไม่น่าจะถาม แต่ผมก็อยากรู้...
“ประมาณเกือบเดือนแล้วครับ...” เด็กหนุ่มวัยยี่สิบหมาดๆคนนี้นั่งกุมขมับ เขาเองคงรู้สึกผิดมากมายเหมือนกัน
“มีอะไรกันหรือเปล่า?”
“ครับ สองครั้ง...” คุณผู้อ่านครับ ไอ้ฟี่อยากกรี๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีสิทธิ์อะไรที่ได้ทำแบบนั้น ผมเองชอบเขาแทบตายยังพยายามหักอกห้ามใจ แล้วผู้หญิงคนนั้นกล้าดียังไง!!!!
“ณัฐชอบเขาหรือเปล่าละ” แต่ผมยังรักษาท่าทีไว้ได้ครับ ทั้งที่ตอนนี้เหมือนน้ำตาผมจะหยดอยู่รอมร่อ เหมือนมีเข็มพันเล่มพุ่งมาปักบนหัวใจของผมเลย
“ก็ชอบ... นะ...” โอ...ให้ตายเถอะ ถ้ารู้ว่าเป็นเรื่องนี้ผมไม่น่ารับปากเป็นที่ปรึกษาให้เขาเลย...
“ณัฐ พี่คงตัดสินให้ไม่ได้หรอกนะว่าณัฐควรจะทำยังไง ณัฐต้องลองคิดดูเองดีๆ ว่ามันคุ้มค่ามั้ยที่ณัฐจะต้องเสียครอบครัวไปเพราะผู้หญิงคนอื่น บางทีมันอาจเป็นแค่อารมณ์ชั่ววูบก็ได้”
“...” ณัฐไม่ได้ตอบอะไรผม แต่ผมก็รู้ว่าเขากำลังคิด ณัฐกำลังนึกตามที่ผมพูด ผมเองพูดไปก็หดหู่ไป ทำไมผมต้องมาให้คำแนะนำเรื่องหัวใจกับคนที่ผมชอบด้วยนะ...
“ใจเย็นๆนะ” ผมแตะมือณัฐเบาๆ เรานั่งกันอยู่ตรงนั้นอีกพักใหญ่ณัฐก็บอกว่าจะไปส่งผม
เจ็ดเดือนหลังจากที่ผมไม่เคยหลับไปทั้งน้ำตา...แต่คืนนี้ผมต้องนอนร้องไห้อีกแล้ว...ผมอกหักครับ อกหักเพราะผู้ชายที่ผมชอบซึ่งเป็นสามีคนอื่นแอบไปมีชู้...

“เหยด...ทำไมหน้าโทรมแบบนี้ละเนี่ย...” ผมตื่นขึ้นมาเช้านี้ด้วยสภาพที่ตาช้ำแดงเพราะร้องไห้มาอย่างหนัก วันนี้ผมมีสอบด้วย
โฮกกก ดีนะที่เป็นสอบภาษาอังกฤษ เลยชิลล์ๆ
ก๊อก ก๊อก
ผมเดินไปที่ประตูห้องแล้วจ้องผ่านตาแมว ไอ้คิงมาเคาะห้องผมแต่เช้า สงสัยจะหิว
“เฮ้ย มึงเป็นไรวะฟี่” มันอุทานแบบโอเวอร์แอ๊คติ้งเมื่อเห็นสภาพหน้าผมจนผมรู้สึกคันเท้าตงิดๆ
“เป็นคน” ผมเบือนหน้าหนีเพราะไม่อยากจ้องหน้ามัน ไม่รู้ทำไมพอเห็นมันแล้วผมอยากจะร้องไห้อีกรอบ
“เฮ้ย มีไรป่าววะ บอกกูได้นะ” ผมส่ายหัวให้มัน ไม่บอก ยังไงผมก็ไม่บอกเว้ย
“ว่าแต่มีไรให้กินปะ” นั่นไง ไอ้เวร... ผมเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วเอากล่องอาหารสำเร็จรูปแช่แข็งยัดใส่เวฟให้มันแล้วเดินไปอาบน้ำโดยไม่สนใจเสียงบ่นงุ้งงิ้งของมัน (ไอ้คิงมันไม่ชอบกินอาหารสำเร็จรูปครับ)

น้ำเย็นๆจากฝักบัวช่วยให้ผมตาสว่างและสมองโล่งขึ้นมาได้บ้าง ผมถูสบู่ไปตามร่างกายจนห้องน้ำมีแต่ฟองเต็มไปหมด ผมชอบอาบน้ำ ชอบให้ผิวกายของผมได้สัมผัสน้ำ และผมจะชอบมากกว่านี้ถ้ามีใครสักคนที่จะมาอาบน้ำด้วยกันกับผม...
“อ้าว แดกไวจริง..” พอผมพันผ้าเช้ดตัวออกมาจากห้องน้ำ ไอ้คิงก็ไปแล้วครับ เหลือไว้แต่กลิ่นข้าวผัดจากไมโครเวฟกับช้อนใช้แล้วในอ่างล้างจาน สันดาน...กินแล้วก็ไม่ล้าง..

ผมเดินไปแต่งตัวตรงหน้ากระจกแล้วจ้องมองใบหน้าตัวเอง ผมดูโทรมเป็นบ้า พอนึกถึงเรื่องเมื่อคืนก็พาลจะร้องไห้ แต่น่าแปลกว่าผมอยากร้องไห้มากมาย แต่ไม่ยักกะเศร้าเท่าไร...
เมื่อก่อนผมไม่ร้องไห้บ่อยนัก ผมมักจะกลั้นมันไว้ แต่ผมเพิ่งมาคิดได้ว่าบางทีการร้องไห้ออกไปอาจจะดีกว่า เพราะมันทำให้ผมได้ระบายอารมณ์ออกไปบ้าง แต่วิธีนี้ก็คงใช้กับคนที่มีความเศร้าเป็นปกติแบบผมไม่ได้บ่อยนักหรอก...
“ณัฐ...” ทำไมคนๆนี้ถึงได้มีอิทธิพลกับผมนักนะ ทั้งทำให้ผมสดใสขึ้น ทำให้ผมเศร้าลง ทำให้ผมกินได้ ทำให้ผมกล้ำกลืน ทำให้ผมบินได้ และทำให้ผมร่วงหล่น...
ผมต้องทำอะไรสักอย่างกับความรู้สึกนี้แล้ว...

แต่ผมก็ไม่ทันได้จัดการอะไร...
เพราะสวรรค์คงขีดเส้นทางไว้ให้ผมแล้ว...
“ถึงสิ้นเดือนนี้เหรอ?” ผมถามณัฐซ้ำอีกรอบ ทำไมอะไรๆถึงรวดเร็วแบบนี้...
“ว้า คิดถึงแย่เลยเนอะ” เชอรี่บ่นเสียดายเมื่อได้ยินณัฐบอกว่าจะลาออกไปทำงานที่อื่นสิ้นเดือนนี้ ผมเองก็ใจหายวาบเมื่อนึกถึงว่าจะไม่ได้พบเจอและพูดคุยกับณัฐเหมือนเดิม
“แล้วจะไปทำที่ไหนเหรอ”
“เพื่อนณัฐชวนไปทำคอลเซ็นเตอร์ มันได้เยอะกว่าที่นี่น่ะครับ” ณัฐยิ้มเศร้าๆ ผมเข้าใจดีว่าทำไมณัฐต้องหางานอื่นทำ เพราะสำหรับคนที่ยังเรียนและมีลูกแล้วก็คงต้องการงานพิเศษที่จะทำนอกเวลาเรียนและมีรายได้ดีไปพร้อมๆกัน แล้วไอ้งานคอลเซ็นเตอร์เนี่ย มันก็ทำเป็นกะกลางวันกับกลางคืน ถ้ากลางวันไปเรียน กลางคืนก็ไปทำงานได้สบายๆ
“แล้วเดี๋ยวเชอรี่จะโทรไปป่วนนะ อิอิ” ผมไม่ได้สนใจแซวหรืออะไรอย่างที่เชอรี่ทำหรอกครับ เพราะตอนนั้นสมองของผมมันอื้ออึงไปหมดแล้ว...

“ฟี่... ใจหายหรือเปล่า?” เชอรี่ถามผมในตอนดึกที่ลูกค้าไม่ค่อยมีแล้ว วันนี้ผมเข้ากะกับเชอรี่ครับ
“ก็นิดนึงนะ...” ผมตอบไปแบบกลางๆ เพราะถ้าเอาตามจริงแล้วผมช็อกถึงขนาดว่าตั้งตัวไม่ทันเลยแหละครับ ใบ้แดกไปห้าวิทีเดียว
“เชอรี่ไม่อยากให้ณัฐออกเลย” เชอรี่ทำหน้าเศร้าจนผมอดสงสัยไม่ได้
“ทำไมล่ะ” ผมคิดว่าจะมีผมคนเดียวเสียอีกที่สมควรทำหน้าเศร้า
“ก็ตั้งแต่ที่ณัฐมา ดูฟี่จะร่าเริงตลอดเลย ถ้าณัฐไม่อยู่แล้ว ฟี่จะยิ้มแย้มแบบนี้อีกหรือเปล่า”
“เชอรี่...” เป็นครั้งแรกที่ผมได้รู้สึกซาบซึ้งอย่างจริงจังกับความหวังดีของเชอรี่ ผมเพิ่งเข้าใจว่าการที่ได้รับรู้ว่ามีคนที่ยังรักเราอยู่มันช่างดีเหลือเกิน...
“ถ้าเชอรี่อยากให้ฟี่ร่าเริง ฟี่ก็จะร่าเริง ฟี่ขอโทษนะ ถ้าเมื่อก่อนฟี่ไม่เคยเข้าใจความปรารถนาดีของเชอรี่และของทุกคน ฟี่ขอโทษถ้าฟี่เอาแต่อมทุกข์ หดหู่อยู่คนเดียว..”
“ไม่เป็นไร แค่วันนี้ เวลานี้ ฟี่เข้าใจก็พอแล้วนะ” เชอรี่ตาแดงๆ เหมือนจะร้องไห้ ผมเลยยกมือขึ้นมาประคองสองแก้มของเธอเบาๆและขอบใจเชอรี่สำหรับความหวังดีที่เชอรี่มีให้ผมเสมอมา
“เชอรี่เป็นเพื่อนรักของฟี่นะ”

เวลาผ่านไปไวเหมือนโกหกครับ วันนี้เป็นวันสุดท้ายที่ณัฐจะมาทำงาน ณัฐเข้ากะเช้า ผมเข้ากะเย็น ถ้าบางทีผมโชคดีอาจสวนกับณัฐพอดี ผมรีบบึ่งน้องฟิโอเร่ไปที่ร้านอย่างว่อง จอดรถเสร็จสรรพก็เดินเข้าร้านไปโดยไม่ทันเก็บหมวกกันน็อคไว้ที่รถด้วยซ้ำ
“อ้าวพี่ฟี่ นึกว่าจะไม่ได้เจอเสียแล้ว” คนที่ผมอยากเจอยืนอยู่หน้าเคาเตอร์ครับ ผมอยากจะเดินเข้าไปกอดเขาเลยด้วยซ้ำ แต่สายตาผมก็เหลือบไปเห็นผู้หญิงคนนั้น ผู้หญิงคนเดียวกันกับคนที่เป็นแม่ของลูกเขา...
“มารอณัฐเหรอครับ” ผมทักเธอไปโดยยั้งปากไม่ทัน แต่เธอก็ทำเพียงแค่พยักหน้ายิ้มรับกับผมเท่านั้น
“แล้วจะไปที่อื่นกันต่อเหรอเนี่ย” เชอรี่ช่างเป็นผู้กู้สถานการณ์ฝีมือฉกาจ ผมในตอนนั้นรู้ตัวเลยว่ากำลังจะกินหัวแม่นั่นอยู่แล้ว ไม่รู้ว่าจะมาทำไมวันนี้ เอ๊ะ! นี่ผมเรียกแฟนณัฐว่า ‘แม่นั่น’ งั้นเหรอ ไม่ได้ๆ ผมจะไม่ใช้คำพูดแย่ๆเรียกจิกแทนคนอื่นแบบนั้นอีก
“ว่าจะไปหาอะไรกินครับ” ณัฐตอบแล้วหันไปพูดคุยอะไรกับเธอไม่รู้ ผมเองเห็นแล้วก็ต้องเบือนหน้าหนี ไปทางอื่น และตัวเลือกของผมก็คือห้องพักพนักงาน ผมเดินลิ่วเข้าไปข้างในและไม่สนใจจะพูดคุยกับใคร

เมื่อผมออกมาอีกครั้งณัฐก็ออกไปแล้ว เชอรี่ละสายตาจากลูกค้าแล้วหันมาทำปากพะงาบๆกับผม
‘ณัฐ ไป แล้ว’
ผมอ่านปากเชอรี่ได้อย่างนั้น ผมเพียงแต่ยิ้ม ยิ้มให้กับความน่ารังเกียจของตัวผม ทำไมที่ผมคิดว่าผมทนได้เวลาเห็นพวกเขาสองคนนั้น พอเอาเข้าจริงผมก็พ่ายแพ้ยับเยิน หากเปรียบพวกนั้นเป็นคู่ต่อสู่ในสมรภูมิ ผมคงตายกลับมาหลายครั้งหลายครา
ผมไม่ขอใส่ใจเรื่องนี้อีก ในเมื่อณัฐเองก็จากไปแล้ว และก็ไม่รู้ว่าเราจะได้เจอกันอีกเมื่อไร เพราะตารางเวลาในการดำเนินชีวิตของเราไม่เหมือนกัน หากลองคิดดีๆ บางทีนี่อาจจะเป็นโอกาสที่จะช่วยให้ผมตัดใจจากเขาได้


----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.เห็นคอมเมนท์ของผู้อ่านที่รัก<3 บางคนแล้ว ว่าอยากให้หดหู่น้อยกว่านี้ ><
ก็อยากให้อดใจรอกันหน่อยค่ะ ในตอนนี้บีต้องการที่จะนำเสนอด้านมืดที่คนๆนึงจะสามารถแสดงออกมาได้
เชื่อว่าทุกคนก็ต้องมีช่วงเวลาที่เฟลสุดๆ จนท้อแท้ จนคิดว่าทนไม่ไหว
แต่อย่างที่เขาว่ากันค่ะ ฝนไม่ตก ฟ้าไม่ครึ้มไปตลอดกาล
  :L2:

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #77 เมื่อ20-05-2011 08:50:43 »

น้องบี มันมืดมนมากค่ะ
พี่ห่อเหี่ยวมาก แอร๊ยยยยส์
ทำไมถึงทำกับฉันได้ อะฮึกอะฮึก

รอตอนต่อไปนะคะ ถึงจะโศกพี่ก้อจะตามอ่าน
ฮือออออ

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #78 เมื่อ20-05-2011 08:59:22 »

เห็นว่าอัพ แต่ยังไม่ไหวจะอ่าน แอบเปิดในที่ทำงาน ปริ้นมาเก็บไว้อ่านตอนนั่งรถกลับบ้าน
จะได้แผ่หมอกมืดมนแก่เพื่อนร่วมเดินทางกลับด้วยกัน :laugh:
คนแต่งขยันอัพถี่ หรือว่าหลอกให้ดีใจช่วงนี้ช่วงเดียว :L2:

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #79 เมื่อ20-05-2011 09:13:12 »

น้องบี

พี่อ่านแล้วหดหู่  จนเหี่ยวไปทั้งตัวแล้วเนี่ย

 :z13:  :z13: จิ้มสองที โทษฐานทำให้เหี่ยว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
« ตอบ #79 เมื่อ: 20-05-2011 09:13:12 »





ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #80 เมื่อ20-05-2011 16:49:32 »

 :เฮ้อ: :sad4:
เศร้ามากมาย ไม่มีคำพูดนี่แหละผู้ชาย
มีเพื่อนเจอแบบนี้แล้วเหมือนกันเศร้าอะ
แล้วจะรออ่านต่อนะ
ปล.ถ้าจะเศร้าเอาให้มันสุดๆไปเลย แล้วฟ้าหลังฝนจะได้มาเยือนบ้าง 555

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #81 เมื่อ20-05-2011 17:35:45 »

นั่นซีคะน้องบี อ่านไปก็ได้แต่ปลอบใจน้องฟี่ในเรื่องไปด้วย(ปลอบใจตัวเองไปด้วย อิ  อิ) ว่า...
ตอนนี้เป็นกลางคืน เดี๋ยวก็สว่างแระ ทุกอย่าง เกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วดับไป (ใกล้บวชเข้าไปทุกทีปะคะ)
หวังว่าน้องบีคงเขียนด้านสว่างของน้องฟี่บ้างนะคะ จะรออ่านค่ะ

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #82 เมื่อ20-05-2011 18:43:50 »

มันหดหู่แต่เหมือนเสพติดแล้วอ่ะ ยังไงก็อยากอ่าน
สงสารฟี่ แต่ดีแล้วที่ไม่มากไปกว่านี้กับณัฐ

chae

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #83 เมื่อ20-05-2011 20:59:58 »

ดราม่า คือชีวิต เสพติดกันทุกวัน
ขาดสักวัน ชั้นคงตาย

อะไรประมาณนั้น

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #84 เมื่อ20-05-2011 21:50:50 »

อ่านแล้ว เจ็บเหมือนกัน รักคนที่รักไม่ได้ รัคนที่ไม่เคยมองเรา เฟลแดก

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2246
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #85 เมื่อ20-05-2011 22:54:43 »

มารอตอนต่อไปครับ
สงสารฟี่อ่ะ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #86 เมื่อ21-05-2011 04:21:50 »

เมื่อไหร่พระเอกจะเกิดคะ  :z3:

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #87 เมื่อ21-05-2011 06:39:59 »

หมองหม่น รอวันฟ้าเปิดค่่ะ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #88 เมื่อ21-05-2011 23:40:20 »

แวะมาดัน อยากอ่านมากตอนนี้ถึงขั้นติดดดดดดดดดด

ออฟไลน์ 4559

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3978
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +119/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 8 (20/5/2011)
«ตอบ #89 เมื่อ22-05-2011 14:02:31 »

เศร้าตลอด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด