The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ  (อ่าน 119910 ครั้ง)

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 15 (01/06/2011)
«ตอบ #180 เมื่อ02-06-2011 21:20:35 »

ทีนี้ก็เหลือแต่ณัฐแหละว่าจะหนักแน่น แน่วแน่เพียงใด รึพอกลับไปเจอหน้าลูกและผู้หญิงคนนั้นแล้ว จะใจอ่อน ตัดใจไม่ลงอีก
 :เฮ้อ:คนอ่านก็คิดไม่ตกเหมือนกันแหละ

ออฟไลน์ JJHJJH

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3472
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +293/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 15 (01/06/2011)
«ตอบ #181 เมื่อ02-06-2011 21:26:39 »

จะไหวเหรอฟี่ >"<
บวกให้จ้า รออ่านต่อ

ออฟไลน์ tarkung

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 997
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 15 (01/06/2011)
«ตอบ #182 เมื่อ03-06-2011 11:46:09 »

็Happy Happy เถอะนะ หดหู่มานานละ อยากให้จบแบบมีความสุข

จะติดตามต่อไปนะครับ

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 15 (01/06/2011)
«ตอบ #183 เมื่อ03-06-2011 21:54:51 »

จะรอดูว่าว่าจะทำได้อย่างปากว่าไหม หึหึ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 16
«ตอบ #184 เมื่อ06-06-2011 17:13:55 »



ไอเย็นจากเครื่องปรับอากาศของออฟฟิศทำให้ผมรู้สึกหนาวจนต้องหยิบเอาเสื้อคลุมมาสวมอีกชั้น เวลาหลังเลิกงานหลงเหลือพนักงานเพียงหยิบมือ ผมเองก็เป็นส่วนน้อยที่ยังนั่งทำงานล่วงเวลาต่อ เพราะผมยังไม่อยากกลับบ้าน ถ้าหากกลับไปตอนนี้ผมคงต้องฟุ้งซ่านแน่ๆ

ผมเพิ่งกลับจากต่างจังหวัดมาเมื่อเช้า แล้วก็มาทำงานเลย ณัฐบอกว่าเย็นนี้ตอนเขาเลิกงานแล้วเขาจะไปคุยกับทางโน้น ใจผมเต้นไม่เป็นส่ำเมื่อนั่งนึกภาพว่าเรื่องราวมันจะลงเอยอย่างไร แม้ณัฐจะรับปากว่าเสร็จเรื่องแล้วจะมาหาผมที่บ้าน ให้ผมทำมื้อเย็นไว้รอเขา เอาเข้าจริงผมก็มานั่งคิดว่าจังหวะนั้นคงไม่มีใครกินอะไรลงหรอก

ตอนนี้คนอื่นๆต่างทะยอยกลับกันไปหมดแล้ว บางคนก็แวะมาถามว่าทำไมผมยังไม่กลับ ผมก็ตอบไปว่าต้องเร่งงาน ทั้งที่ความจริงนั้นงานของผมดำเนินไปได้แค่นิดเดียวเพราะผมไม่มีสมาธิเลย ผมดูนาฬิกาตรงหน้าจอคอมพิวเตอร์ ปาเข้าไปสองทุ่มแล้ว...ณัฐก็ยังไม่โทรมา ผมเลยตัดสินใจปิดคอมพิวเตอร์แล้วกลับบ้านก่อนดีกว่า

TRrrr… TRrrr…

พอผมได้ขึ้นรถโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาทันที ผมเห็นเบอร์ณัฐโชว์ที่หน้าจอจึงรีบกดรับ ผมรู้สึกว่าหัวใจผมเต้นตึกตักๆแรงเป็นพิเศษ ผมแอบคิดไปแว่บหนึ่งว่าถ้าอยู่กับณัฐมากๆแล้วผมจะมีสิทธิ์หัวใจวายได้ไหม
“ฮัลโหล”
/ฟี่...อยู่ไหนแล้ว/
“เพิ่ง...ขึ้นรถน่ะ” ผมใจชื้นขึ้นมานิดหนึ่ง เสียงณัฐยังฟังดูสดใสเหมือนเดิม
/อืม...งั้นณัฐจะไปรอฟี่ที่ปากซอยนะ/
“ได้สิ แล้วเจอกันนะ” ผมวางสายแล้วก็นั่งหลับตานิ่ง เมื่อไรจะถึงบ้านสักทีวะ...

“เป็นไงบ้าง” ผมถามทันทีที่เห็นหน้าณัฐ พอผมลงจากรถได้ก็เดินตรงดิ่งไปหาเขาทันที ณัฐจับมือผมไปกุมไว้แล้วพาเดิน สีหน้าณัฐดูยิ้มๆ แต่มันก็ยังมีแววแบบว่า...หมองๆ
“อืม ก็อย่างที่คิดไว้...เขาบอกว่าถ้าเลิกกันก็ไม่ต้องมาเจอลูก”
“แล้วณัฐบอกเขาไปว่ายังไง”
“ณัฐก็บอกเขาไปตรงๆว่าขอเลิก ณัฐบอกว่าณัฐมีคนอื่น แล้วณัฐก็ขอโทษเขา... ตอนแรกเขาก็เงียบไม่พูดอะไร เขาเป็นแบบนี้เสมอแหละฟี่ ไม่พูดไม่จา จนณัฐก็เริ่มหงุดหงิดเขาก็เลยถามณัฐว่าคนอื่นที่ณัฐไปมีน่ะเป็นใคร เขาถามว่าเขารู้จักหรือเปล่า แต่ณัฐไม่ได้บอกว่าเป็นฟี่หรอกนะ ณัฐบอกไปว่าเขาไม่รู้จักหรอก”
“อืม” ผมพยักหน้าเบาๆ
“เขาบอกว่าเขาก็คิดไว้แล้ว เพราะณัฐก็เปลี่ยนไป แล้วยิ่งช่วงนี้ณัฐก็ยิ่งเปลี่ยนไปชัดเจนมากขึ้น แต่เขาก็รอให้ณัฐมาบอกเอง”
“เขาดูโกรธไหม?”
“ณัฐว่าเขาก็คงต้องโกรธแหละ เพียงแต่เขาไม่แสดงออก”
“ณัฐ...เสียใจหรือเปล่า”
“ไม่รู้สิฟี่ ณัฐรู้สึกโหวงๆนิดหนึ่ง มันเหมือนว่าอะไรบางอย่างหายไป แต่ไม่ได้แปลว่าณัฐเสียใจที่ต้องเลิกกันหรอกนะ”
“มันก็เป็นธรรมดาแหละณัฐ เพราะว่าอยู่กันมานานไง สักวันคงดีขึ้นนะ” ผมฝืนปลอบใจเขา ผมไม่อยากให้เขาคิดแบบนั้น ผมไม่อยากให้ณัฐพูดเหมือนว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขา ผมไม่อยากได้ยินทั้งนั้นว่าเขาให้ความสนใจกับคนอื่นนอกจากผม... ผมมันเห็นแก่ตัวใช่ไหมครับ...
“ฟี่..” ณัฐหยุดเดินแล้วก็จับไหล่ให้ผมหันไปมองหน้าเขา เหมือนณัฐจับกระแสความเศร้าใจในน้ำเสียงของผมได้
“ณัฐเลือกฟี่แล้วนะ... ไม่ว่าวันนี้มันจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่สุดท้ายแล้วณัฐก็เลือกฟี่” ณัฐกอดผมไว้ ในซอยที่มีเพียงเราสองคนและไฟถนน ลมกลางคืนพัดต้นไม้จนเกิดเป็นเสียงซู่ซ่าของใบไม้เสียดสีกัน ผมยกแขนโอบหลังณัฐไว้เหมือนกัน ผมร้องไห้อีกแล้ว น้ำตาผมไหลอีกแล้ว ความรู้สึกตื้นตันมันเอ่อล้นขึ้นมามากมายจนผมกลั้นน้ำตาไม่ไหว
“ฮื้อ ไม่เอานะไม่ร้อง...ช่างร้องจริงๆเลยคนนี้...” ณัฐเอามือเช็ดน้ำตาออกจากหน้าผมเหมือนผู้ใหญ่กำลังปลอบให้เด็กหยุดร้องไห้ ผมรู้สึกเหมือนว่าตัวเองได้รับการดูแล นานแค่ไหนกันนะที่ผมไม่ได้ถูกทนุถนอมแบบนี้ ซึ่งแม้แต่พี่ตังค์เองก็ยังไม่เคยเทคแคร์ผมขนาดนี้ รายนั้นน่ะ ต่อให้ผมนั่งร้องไห้จริงๆก็คงไม่รู้หรอก
“ฟี่จะดูแลณัฐเอง… นะ...ฮึก...”
“ครับๆ แต่ถ้าจะดูแลณัฐจริงๆก็ต้องหยุดร้องเถอะนะ”
“อือ..” ผมสูดน้ำมูกแล้วกลั้นสะอื้น ผมเงยหน้ามองณัฐ คนที่ผมรักมีใบหน้าที่ดูอิดโรยและเหนื่อยล้า ผมไม่รู้ว่าเขาเสียใจที่ต้องเลิกกับเธอคนนั้นอย่างเด็ดขาดหรือเปล่า ถึงปากเขาจะบอกว่าเขาแค่รู้สึกเคว้งคว้าง ไม่ได้เสียใจที่ต้องเลิกกัน ผมก็ไม่รู้ว่าเขาพูดจริงหรือโกหก เพราะผมอ่านความคิดใครไม่ได้ แต่เมื่อผมได้เห็นใบหน้าของเขา ได้สบตากับเขาแล้วผมก็เชื่ออย่างไร้เงื่อนไข...

ผมไม่ได้หน้ามืดตามัวเพราะความรัก ผมไม่ได้เชื่อณัฐอย่างไร้เหตุผล
ผมเชื่อณัฐเพราะว่าณัฐไม่ได้เป็นคนช่างโกหก
ณัฐที่ผมรู้จักถึงจะเป็นคนกวนประสาททะลึ่งทะเล้น แต่ณัฐไม่เคยหลอกลวงใคร...

“ต่อจากนี้ไปมันจะมีแค่เรื่องของเราสองคนนะฟี่ ณัฐต้องขอโทษด้วยที่ปล่อยให้เรื่องราวมันคาราคาซังมานานขนาดนี้” ณัฐจับมือผมอีกครั้งแล้วเดินต่อ ผมส่ายหัวแล้วบีบมือณัฐแน่น
“ตั้งแต่แรกแล้ว ฟี่ไม่ได้หวังอะไรจากณัฐเลยนะ ฟี่แค่รู้ว่าฟี่ชอบณัฐ แต่ฟี่ก็ไม่ได้คาดหวังให้ณัฐจะชอบฟี่กลับ แต่ตอนนี้ที่เราคิดเหมือนกันมันก็มากพอสำหรับฟี่แล้ว”
“เฮ้อ...ยิ่งฟังฟี่พูดแบบนี้แล้วณัฐยิ่งรู้สึกผิดมากขึ้นแฮะ..”
“อ้าว ทำไมละ?”
“ช่างเถอะฟี่ เอาเป็นว่าต่อจากนี้ไปณัฐจะดูแลฟี่มากๆเพื่อชดเชยกับที่ผ่านมา” ณัฐสัญญาแล้วก็จับมือผมแน่นขึ้น เขาสอดนิ้วเขามาประกบกับฝ่ามือของผมแนบแน่นขึ้น ตอนนี้ผมมีความสุข แต่ผมก็รู้สึกเหมือนว่าตัวเองทำผิด ถ้าผมบอกณัฐว่าผมรู้สึกผิด เขาก็จะต้องพูดว่าผมไม่ได้ทำอะไรผิด ทางที่ดีผมควรหยุดฟุ้งซ่าน และให้ความสำคัญกับคนที่จับมือผมไว้ตอนนี้จะดีกว่าไหม?

Special: Sherry’s scene 

“แล้วสรุปก็คบกันแล้วเหรอ?” ฟี่พยักหน้ารับพลางดูดน้ำอัดลมจากแก้วทรงสูง วันนี้ฟี่แต่งตัวสบายๆมาหาเชอรี่ถึงที่บ้านแล้วเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นระหว่างเขากับณัฐให้เชอรี่ฟัง 
“เฮ้อ...กว่าจะมาถึงวันนี้ได้นะ”  เหนื่อยจังเลยค่ะ ฟังเรื่องที่ฟี่เล่าแล้วก็ลุ้นเหมือนดูบอล แต่สุดท้ายมันก็ลงเอยด้วยดีนี่นะ...
“นั่นสิ... ฟี่ยังคิดไม่ถึงเลยว่ามันจะมีวันนี้ได้ รู้ไหมเวลาที่ฟี่นึกถึงเมื่อก่อนที่เราเป็นได้แค่เพื่อนกัน แล้วพอมาดูตอนนี้สิ มันเหมือนฝันเลยนะ” พอฟังที่ฟี่พูดแล้วก็เห็นด้วย เชอรี่เองยังไม่คิดเลยว่าเรื่องราวมันจะมาเป็นแบบนี้ได้...

เชอรี่เองก็รู้จักณัฐมานานพอกับฟี่ แต่เชอรี่ไม่เคยที่จะไปพูดคุยอะไรสนิทสนมเหมือนที่ฟี่คุยกับณัฐ และณัฐก็ไม่เคยพูดเรื่องของเขาให้เชอรี่ฟังเหมือนที่เขาพูดกับฟี่ บางทีเวลาที่สองคนนั้นคุยกัน เชอรี่ก็รู้สึกเหมือนว่าพวกเขาอยู่ในโลกส่วนตัวที่มีกันเพียงสองคน

ท่าทีของฟี่นั้นแสดงออกมาแต่แรกแล้วว่าชอบณัฐ ซึ่งเรื่องนั้นเชอรี่ก็รู้เห็นมาตลอด แต่เรื่องที่เชอรี่ไม่รู้คือความรู้สึกของณัฐ เชอรี่ไม่รู้ว่าณัฐคิดยังไงกับฟี่ ไม่รู้ว่าณัฐรู้ความรับรู้สึกของฟี่หรือเปล่า

ถึงอย่างนั้นเชอรี่ว่ามันก็ไม่สำคัญ ความรักบางทีมันก็ไม่ได้เริ่มจากคนสองคนรู้สึกดีให้กันพร้อมๆกัน มันอาจจะเกิดจากคนหนึ่งที่มีความรักอันแรงกล้า และชักนำให้คนที่ไม่ได้คิดอะไรให้ร่วมรู้สึกไปด้วย จนได้มารักกันในตอนสุดท้าย...

เชอรี่เคยแอบสังเกตเวลาที่ณัฐมาทำงานกะเช้า และฟี่มากะเย็น ช่วงเวลาที่คนทั้งสองไม่ได้ทำงานกะเดียวกัน เมื่อเอาบรรยากาศรอบตัวณัฐเวลาที่ไม่มีฟี่ มาเทียบกับเวลาที่ฟี่อยู่ใกล้ณัฐมันต่างกันเหมือนฟ้ากับเหว

เวลาที่ข้างกายณัฐไม่มีฟี่ ณัฐก็ยังร่าเริง... แบบผิวเผิน  ยิ้มแย้มและพูดคุย...เพื่อการบริการ และที่สำคัญ ณัฐจะดูเงียบขรึมอยู่เสมอ

แต่พอฟี่มาอยู่ใกล้ณัฐ ณัฐก็จะเปลี่ยนไปอีกโหมด ณัฐจะชวนฟี่คุยโน่นนี่ หัวเราะเฮฮาจนบรรยากาศในร้านครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะ ซึ่งมันก็เป็นแบบนั้นมาตลอดจนณัฐลาออกไป เชอรี่เชื่อว่าทั้งสองคนคงไม่ทันสังเกตความแตกต่างในจุดนี้ แต่ว่าเรื่องนี้ทั้งน้องว่านและพี่แก๊บก็สังเกตได้แต่ไม่มีใครพูดออกมา อาจเป็นเพราะทุกคนต่างก็กลัวว่าถ้าพูดอะไรออกไปแล้วจะทำลายบรรยากาศดีๆให้พังทลายลง

เชอรี่เองก็ไม่รู้ว่าตอนจบของเรื่องนี้มันจะเป็นอย่างไร แต่ในมุมมองของเชอรี่แล้วสิ่งเดียวที่อยากได้ก็คือให้เพื่อนรักของเชอรี่ได้มีความสุขที่สุดก็เพียงพอแล้ว


“หน้าตาดูสดใสดีนะฟี่” ผมยิ้มให้หญิงสาวที่เอาน้ำหวานเหยือกโตมาวางตรงหน้าผม วันนี้ผมแว่บมาหาอาผึ้งหลังเลิกงานและตั้งใจว่าจะค้างกับแกสักหนึ่งคืน แล้วพรุ่งนี้ก็ออกไปทำงานเลย
“อย่างนั้นเหรอครับ”
“แสดงว่าคุยกันแล้วใช่ไหม หืม?” ผมพยักหน้ารับกับอาผึ้ง อาผึ้งยิ้มหวาน แกคงดีใจไปกับผมด้วย
“ณัฐเขาบอกว่าเขาเลือกฟี่แล้ว นับจากนี้ไปฟี่จะต้องดูแลเขาให้ดีที่สุด”
“ถ้าเป็นอย่างนั้นก็ดี แต่ฟี่ก็จะต้องอดทนนะลูก เพราะว่ามันจะต้องมีเรื่องให้คิดอีกมากมาย” ผมพยักหน้ารับ เพราะอาผึ้งก็อยู่ในฐานะที่ผ่านเรื่องแบบนี้มาแล้วนี่นะ...
“ไม่ว่าจะเกิดอะไรก็ตาม ฟี่จะต้องหนักแน่นเข้าไว้ ถ้าฟี่เลือกที่จะเชื่อใจเขาแล้ว ฟี่ก็ต้องทำให้ได้ อย่าคิดไปเองโดยที่ไม่ถามเขาก่อน มีอะไรในใจก็ต้องพูดคุยกับเขาไปตามตรงนะ ไม่งั้นเราจะไม่สบายใจเอง”
“อาผึ้งพูดเหมือนกับให้โอวาทตอนแต่งงานยังงั้นแหละครับ” ผมพูดกลั้วหัวเราะจนอาผึ้งมองค้อนเข้าให้
“ฟี่ยังไม่รู้หรอก ตอนที่อาตัดสินใจว่าจะเลือกอยู่กับพ่อของฟี่นะ ช่วงแรกๆอาคิดมาก กังวล เครียดสารพัดเลย แล้วไอ้ที่คิดมากน่ะก็ไร้สาระทั้งนั้น อากังวลไปเองสารพัด กลัวว่าพ่อของฟี่เขาจะทิ้งอากลับไปหาครอบครัว กลัวว่าเขาจะกลับไปคืนดีกับแม่ของฟี่ เอ่อ...อาขอโทษนะลูกที่อาคิดแบบนั้น” เหมือนว่าอาผึ้งเพิ่งจะรู้สึกครับว่าพูดอะไรออกมา แต่ผมก็ไม่โกรธหรอกนะ เพราะผมไม่รู้ว่าจะเคืองทำไม แม่ผมก็ตายไปตั้งนานแล้ว และอาผึ้งก็รักผมขนาดนี้
“ไม่หรอกครับ พอฟังที่อาพูดแล้วฟี่ก็แอบคิดเหมือนกัน ว่าถ้าวันหนึ่งที่เขานึกถึงฟี่น้อยลง ถ้าความรู้สึกที่เขามีให้ฟี่มันจืดจางไป สมมติวันนี้เขาโทรหาฟี่สามรอบ แล้วถ้าวันหน้าเขาโทรหาฟี่รอบเดียวหรือไม่โทรเลย ฟี่คงจะทนไม่ได้แน่ๆเลย”
“จุดนั้นน่ะอาผ่านมาแล้วลูก ฮึฮึ” ผมมองอาผึ้งที่หัวเราะเสียงใส ผมเห็นอาผึ้งในตอนนี้แล้วผมก็อยากจะเป็นให้ได้อย่างแกนะครับ ผมอยากจะก้าวสู่ช่วงอายุของอาได้อย่างสง่างาม ปล่อยวาง และมีความสุขในชีวิต อาผึ้งเป็นไอดอลของผมเลยแหละครับ
“ฟี่จำไว้อย่างเดียวก็พอลูก เชื่อใจเขาให้มากๆ ต่อให้สุดท้ายเขาทำให้เราเสียใจ อย่างน้อยเราก็จะได้คิดว่าเราทำดีที่สุดแล้ว” ผมยังคุยกับอาผึ้งไม่ทันจบโทรศัพท์ผมก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาก่อน

TRrrr… TRrrr…
- 08XXXXXXXX-

/อยู่ไหน/ เบอร์ที่ผมคุ้นเคยโชว์หราอยู่หน้าจอ ผมยิ้มแล้วกดรับ(อ้อ! ผมลืมบอกไปครับว่าผมไม่บันทึกเบอร์ของณัฐ เพราะถ้าผมบันทึกเบอร์แล้วผมจะจำเบอร์เขาไม่ได้ ผมเลยใช้วิธีกดเบอร์เอาเอง) แต่พอได้ยินเสียงขุ่นๆของปลายสายผมก็ต้องขมวดคิ้ว
“ทำไมทำเสียงแบบนั้นละครับ” ผมส่งสายตาให้อาผึ้งที่มองอยู่ ทำไมณัฐถึงทำเสียงหงุดหงิดแบบนั้นใส่ผมละ
/ณัฐถามฟี่ ตอบมาก่อนสิ/
“อยู่บ้านอาผึ้ง”
/ไปทำไม/
“อ้าว ก็มาหาอาน่ะสิ”
/แล้วทำไมไม่บอกณัฐล่ะ/
“เอ่อ...” ผมพูดไม่ออกเลยครับ ผมก็กะว่าจะโทรนะ แต่โทรตอนจะนอนน่ะ...
/รู้ไหมว่าณัฐเป็นห่วง เอาแต่นั่งคิดตลอดเลยว่าป่านนี้ฟี่จะเลิกงานหรือยัง ขึ้นรถหรือยัง/
“...” ผมยังคงเงียบต่อ อาผึ้งเองก็เริ่มส่งสายตาสงสัยมาให้ผมมากขึ้นแล้วครับ
/ณัฐมันไม่สำคัญใช่ไหม ถึงได้ไม่คิดจะโทรมาบอกกันบ้างเลยว่าจะไปไหน /
“ฟี่...ลืมไปน่ะ..ฟี่ขอโทษนะ...” ผมกระซิบเสียงเบาเพราะไม่อยากให้อาผึ้งคิดว่าเรากำลังจะทะเลาะกันครับ...
/ลืมเหรอ? ฟี่ลืมไปงั้นเหรอ... อืม ไม่เป็นไรหรอก ฟี่ก็แค่ลืมไปนี่นะ...งั้นณัฐไปทำงานต่อก่อนแล้วกัน/ แล้วณัฐก็วางสายไปครับ ผมละอึ้งไปเลย ผมมองโทรศัพท์แล้วก็มองหน้าอาผึ้งสลับกัน
“ทำไมเหรอฟี่ มีอะไรหรือเปล่า”
“เหมือนว่าณัฐเขา...จะรอโทรศัพท์ฟี่น่ะครับ ก็ฟี่เลิกงานแล้วแต่ยังไม่ได้โทรไปหาเขาเลย”
“แล้วทำไมฟี่ไม่โทรละ”
“ปรกติเขาจะโทรหาฟี่เองนี่ครับ...แล้วฟี่ก็ลืมด้วย สงสัยฟี่คงไม่ชิน เพราะเมื่อก่อนที่คบกับพี่ตังค์ ฟี่ไม่เคยต้องทำแบบนี้ และพี่ตังค์ก็ไม่เคยจะถามว่าฟี่อยู่ไหนยังไงเลยสักครั้งนะครับ”
“ไม่ชินที่ถูกเป็นห่วงว่างั้นเถอะ แล้วคนนั้นเขาเคืองฟี่หรือเปล่าละ”
“สุดๆเลยละครับ เสียงขุ่นคลั่กมาเลย เหอะๆ”
“จะเอาไงละลูก ค้างไหม หรือว่าจะกลับ?”
“ค้างแหละครับ ก็ฟี่บอกว่าจะค้างก็ต้องค้างสิครับ”
“งั้นเดี๋ยวอาจะไปเตรียมมื้อเย็นก่อน ฟี่อย่าลืมโทรไปเคลียร์แล้วกันนะ” ผมพยักหน้ารับ แต่ในใจผมน่ะเหรอ..

...สับสนอย่างแรงเลยครับ ผมรู้ว่าผมผิดที่ไม่โทรบอก แต่ทำไมเขาต้องหงุดหงิดด้วย ทั้งๆที่เขาแค่โทรมาถามผมก็พอว่าผมอยู่ไหนอะไรยังไงก็จบแล้ว ณัฐมาเหวี่ยงใส่ผมแบบนี้ก็ทำให้ผมรู้สึกหงุดหงิดเล็กๆและพาลไม่อยากโทรหา ผมรู้นะว่าเขาเป็นห่วงผม...

สงสัยสุดท้ายแล้วผมก็คงต้องโทรไปง้อเขาจริงๆแหละครับ ก็ทำไงได้ ผมให้ใจเขาไปทั้งดวงแล้ว... ทำใจงอนเขาไม่ลงหรอกครับ..

แต่ทำไมผมรู้สึกโหวงๆในใจพิกล มันเป็นความรู้สึกที่ก้ำกึ่งระหว่างความรู้สึกผิดและน้อยใจ...บางทีมันอาจจะเป็นคลื่นใต้น้ำที่กำลังก่อตัวเงียบๆเพื่อรอวันระเบิดตูมก็ได้นะครับ...

----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.ขอโทษนะคะ หายไปหลายวันเลย พอดีกลับบ้านนอก แล้วไม่มีเน็ต เลยไม่ได้อัพให้ :sad4:

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 16 (06/06/2011)
«ตอบ #185 เมื่อ06-06-2011 19:15:36 »

อ้าว..อ้าว..ไหงมีกลิ่นไม่ค่อยดีโชยมาแผ่วๆละคะบีบีจัง
เพิ่งจะให้ใจกันไป ได้ใจกันมาแบบเป็นทางการแป๊บๆเอง
หวังว่าทั้งสองคน คงจะค่อยๆปรับเข้าหากัน ค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันไป
ไม่ใส่อารมณ์ ไม่มีทิฐิต่อกันนะจ๊ะบีบีจัง

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 16 (06/06/2011)
«ตอบ #186 เมื่อ06-06-2011 22:33:31 »

หง่ะ
เค้ากลัว กลัวหลายสิ่งมาก
กลัวณัฐไม่หนักแน่น โลเล
กลัวการใช้ชีวิตของทั้งคู่
นิสัยไม่เหมือนกัน ต่างการเลี้ยงดู

หวังว่าคงใจเย็นๆ ค่อยๆ คุยกันนะ
อ่านเรื่องนี้ทีไร เค้่าบอกตามตรง
ใจหายๆ ใจสั่นๆ ตลอดเวลา
เหมือนไม่มั่นใจอะไรสักอย่างเวลาอ่าน แอร๊
สงสัยจะอินมาก

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 16 (06/06/2011)
«ตอบ #187 เมื่อ07-06-2011 05:25:35 »

ฟี่คงต้องมีอีเวนท์เข้าบ่อยๆแหละ
เพราะถ้าหวานเกิน เดี๋ยวมันจะไม่สอดคล้องกับชื่อเรื่อง  :laugh:

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 16 (06/06/2011)
«ตอบ #188 เมื่อ07-06-2011 21:19:24 »

สรุปยังไม่แฮปปี้เอนดิ้ง?

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 17
«ตอบ #189 เมื่อ08-06-2011 17:34:32 »



ผมนอนลืมตาโพลงบนเตียงในบ้านหลังที่ผมเติบโตมา สมองผมหมุนติ้วตั้งแต่เมื่อเย็นเพราะคนเพียงคนเดียวที่ผมแคร์เขาสุดหัวใจ ตั้งแต่วางโทรศัพท์ไปจนกระทั่งผมกินมื้อเย็นเสร็จแล้วอาบน้ำเข้านอนเขาก็ยังไม่โทรมา และผมก็ไม่คิดจะโทรไป ผมนอนพลิกคว่ำพลิกหงายว่าจะเอายังไงดี จะโทรไปก็รู้สึกเหมือนเสียเปรียบ แต่ถ้าไม่โทรผมก็คงนอนไม่หลับ...

ทั้งที่ผมแคร์ณัฐมากขนาดนี้แท้ๆ...

ตรู๊ด..... ตรู๊ด.....
สุดท้ายผมมาคิดได้ว่าป่านนี้ณัฐน่าจะถึงบ้านแล้วแต่เขาก็ยังไม่โทรมา ผมเลยตัดสินใจโทรไปเองดีกว่า ผมรู้สึกว่าใจมันเต้นตุ๊มๆต่อมๆระหว่างที่ฟังเสียงสัญญาณรอสาย
/ฮัลโหล/ อา...ผมกะแล้ว เสียงณัฐห้วนสุดๆ
“ถึงบ้านหรือยัง?”
/ถึงนานแล้ว/ ถึงนานแล้ว ? แล้วทำไมเขาไม่โทรหาผมเลยละ
“ถึงนานแล้วแต่ไม่เห็นโทรบอกเลยนะ...”
/ต้องโทรบอกอย่างนั้นเหรอ?/ ณัฐลากหางเสียงเหมือนจะว่ากระทบผม ผมรู้สึกว่าตัวเองอารมณ์จี๊ดขึ้นมาทันที ที่เขาไม่โทรบอกผมก็เพราะต้องการจะเอาคืนที่ผมไม่โทรบอกเขาสินะ
“ก็แล้วแต่ณัฐละกัน ถ้าไม่อยากโทรก็ไม่ต้องโทร ถ้าอยากจะเอาคืนฟี่แบบนี้ก็เอาเถอะ ตามใจณัฐเลย” ให้ตายเถอะ เขาสามารถทำให้ผมปรี๊ดแตกได้ขนาดนี้เลยนะ
/เอาคืนอะไร ณัฐไม่เคยคิดจะเอาคืนฟี่เลยนะ ฟี่ต่างหากที่ไม่เคยจะสนใจณัฐ ณัฐก็ยังไม่ว่าอะไรเลยนะ/ หน็อย... นี่ขนาดมันไม่ว่าผมนะ ยังกวนประสาทผมได้ขนาดนี้..
“ณัฐหาว่าฟี่ไม่สนใจณัฐได้ยังไง ฟี่ก็รอให้ณัฐโทรมาหา ปรกติณัฐจะต้องโทรมาหาฟี่ตลอดนะ”
/แล้วใจคอฟี่ไม่คิดจะโทรหาณัฐเลย ฟี่จะให้ณัฐเป็นฝ่ายโทรหาฟี่ก่อนตลอดเลยงั้นเหรอ/
“...” ผมเงียบ พูดไม่ออก สรุปแล้วผมผิดเองสินะ ผมรู้ว่าผมผิด แต่ผมก็ยังน้อยใจ น้อยใจที่เขาเอาคืนผมกลับแบบนี้ สุดท้ายแล้วผมก็ต้องเป็นฝ่ายตามเขาเหมือนเมื่อก่อนสินะ..
“อืม...ฟี่ขอโทษนะ วันหลังฟี่จะโทรหาณัฐบ้าง ไปไหนก็จะโทรไปบอกณัฐก่อนดีไหม?” เสียงผมเริ่มจะสั่นแล้ว ผมว่าผมควรจะรีบตัดบทไปตอนนี้..
/ไม่ใช่สิฟี่...ณัฐไม่ได้หมายความแบบ-/

ณัฐยังพูดไม่จบผมก็ตัดสายทิ้ง ผมร้องไห้ ผมน้อยใจ น้ำตาผมไหล ทำไมณัฐใจร้ายกับผมนักนะ... โทรศัพท์ของผมสั่นอีกสามครั้งแล้วผมก็กดปิดเครื่อง ผมไม่อยากรับสาย ไม่อยากคุย...


“โห ฟี่ หน้าไปทำอะไรมาวะ” ไอ้ทัชทักผมเสียงดังทันทีที่เห็นหน้าผมที่โต๊ะทำงาน ผมเบือนหน้าหนีมัน เสียงดังๆของมันทำเอาผมปวดหัวจี๊ดทีเดียว

อ๊ะ! ผมยังไม่เคยบอกคุณนี่นะ ว่าผมทำงานที่เดียวกับไอ้ทัช ส่วนเม้งกับจูนนั้นทำงานอีกบริษัทหนึ่ง

“กูนอนไม่หลับ ตาเลยคล้ำ”
“อย่างนี้กูว่าไม่ใช่แค่นอนไม่หลับแล้วละ แต่เขาเรียกไม่ได้นอน ตาช้ำยังกับคนร้องไห้มาทั้งคืน”
“แล้วมึงรู้ได้ไงว่าตาช้ำแบบนี้เหมือนคนร้องไห้มาทั้งคืน มึงเคยเป็นรึไง”
“เปล่าหรอก ก็พี่สาวกูไง อกหัก ร้องไห้สามวันสามคืน เบ้าตาโหลแบบมึงเด๊ะเลย” ผมส่ายหัวอย่างเอือมระอา ไอ้ห่านี่มันรู้ดีเกินกว่าจะเป็นคนแล้วครับ ไปเป็นสุนัขตำรวจดีกว่าไหม?
“กูจะไปหากาแฟกิน ไปห่างๆเลย”
“เฮ้ย ไปด้วยดิ นี่กูเอาชีสเค้กมาเผื่อมึงด้วยนะ” ผมหันไปมองถุงในมือไอ้ทัชแล้วก็พยักหน้า
“โอเค งั้นมึงมาชงกาแฟกับกูได้”
“โห... ถ้ากูไม่มีขนมมา มึงก็คงให้กูไสหัวไปไกลๆสินะ” มันบ่นงุ้งงิ้งแต่ก็ตามผมมาครับ เป็นอย่างที่มันว่า ผมร้องไห้อย่างหนักจนเผลอหลับไป แล้วก็ตื่นมาด้วยสภาพเบ้าตาที่เขียวช้ำ
“เออ ว่าแต่มึงปิดโทรศัพท์เหรอ เห็นจูนบอกว่าโทรหามึงตั้งแต่เช้าแล้วก็ไม่มีคนรับห”
“เออว่ะ กูลืมไปเลย” พอนึกได้ผมก็หยิบโทรศัพท์มาเปิดเครื่อง ทายสิว่าพอเปิดเครื่องเสร็จก็มีอะไรเกิดขึ้น...

You have 53 Missed calls
You have 16 Messages

‘ป๊าด... ไม่ต้องเดาก็รู้แล้วว่าใคร’ ผมเปิดดูเบอร์โทรเข้า มีทั้งเบอร์จูน เบอร์อาผึ้ง แล้วก็เบอร์ของณัฐ... พอเปิดอ่านเมสเสจก็เป็นของณัฐทั้งหมด เนื้อหาก็คล้ายๆกัน
‘ฟี่ปิดเครื่องทำไม’
‘ไม่อยากคุยกับณัฐแล้วใช่ไหม เกลียดณัฐแล้วใช่ไหม’
‘ณัฐอยากคุยกับฟี่นะ’
‘ณัฐคิดถึงฟี่นะ..’
ฯลฯ
และอันล่าสุดเพิ่งส่งมาตอนเจ็ดโมงเช้านี่เอง
‘ณัฐรู้ว่าณัฐงี่เง่า แต่ที่ณัฐงี่เง่าก็เพราะณัฐห่วงฟี่ ถ้าเกิดว่าฟี่โกรธณัฐจริงๆณัฐก็ขอโทษที่ทำให้ฟี่เสียใจ ณัฐขอโทษนะ’

อย่างที่รู้กันครับ ว่าไอ้ฟี่มันใจง่าย แค่เมสเสจ แค่มิสคอลก็ทำห้ไอ้ฟี่ใจอ่อนยวบยาบแล้ว ผมไม่ได้โกรธณัฐแต่แรก ผมแค่น้อยใจ แล้วพอเขามาง้อผมแบบนี้มีหรือที่ผมจะไม่ใจอ่อน
“ฮัลโหล ตื่นหรือยังครับ” ไวเท่าความคิด ผมคว้าแก้วกาแฟที่ชงเสร็จแล้วกับชีสเค้กกลับมาที่โต๊ะก่อนจะต่อโทรศัพท์หาณัฐ เสียงคู่สนทนาจากปลายสายของผมฟังดูงึมงำอู้อี้พิกล
/ฟี่.../
“ครับ?”
/ณัฐขอโทษที่งี่เง่านะ...วันหลังอย่าปิดเครื่องหนีณัฐแบบนี้อีกนะ/
“ณัฐจะขอโทษทำไม ณัฐไม่ได้ทำอะไรผิดสักหน่อย ฟี่เองแหละที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร..ช่างมันเถอะนะ”
/อือ แล้วฟี่ไปถึงที่ทำงานแล้วเหรอ/
“อืม กำลังกินกาแฟ ไอ้ทัชเอาชีสเค้กมาฝากด้วย”
/ทัชไหน/
“เพื่อนฟี่สมัยเรียนไง”
/คนที่กวนตีนๆอะเหรอ/
“หึหึ ใช่เลย คนนั้นแหละ”

ผมคุยเรื่อยเปื่อยกันอีกเกือบสิบนาทีก็วางสาย แล้วผมก็เห็นไอ้ทัชมองผมด้วยสายตาเคลือบแคลง
“มึงคุยกับใครวะฟี่”
“อ๋อ...เพื่อนกูน่ะ”
“เพื่อนอะไร กูไม่เคยเห็นมึงคุยกับเพื่อนแล้วยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แบบนี้”
“เสือก” ผมด่ามันสั้นๆแล้วหันมาทำงานต่อ ไอ้ทัชยังคงก่อกวนผมต่ออีกพักใหญ่ก่อนจะล้มเลิกความตั้งใจแล้วหันไปทำงานของมันเอง

‘โทษทีนะเพื่อน กูยังไม่อยากเล่าเรื่องนี้ให้ฟังว่ะ’ ผมขอโทษมันในใจ ไม่ใช่ว่าผมไม่อยากบอกนะ แต่ผมยังไม่พร้อมจะเล่าต่างหากละ

พอตอนเย็นผมก็รีบเคลียร์งานให้เสร็จก่อนจะดิ่งไปหาณัฐ แต่ขนาดว่าผมรีบแล้วก็ยังออกจากออฟฟิศเลทไปตั้งชั่วโมงหนึ่ง ยิ่งคิดว่าณัฐต้องรอผมนานแค่ไหนผมก็ยิ่งรีบ

TRrrr… TRrrr…
- 08XXXXXXXX –

“ว่าไงครับ?” ผมรับสายด้วยน้ำเสียงร่าเริง ณัฐถามผมว่าผมอยู่ไหน ผมก็เลยบอกว่ากำลังจะไปหาเขา
/รีบมานะ ณัฐคิดถึง/ โอ้วมายก็อดดดด ผมละอยากจะติดจรวดรีบบึ่งไปเลยครับ ทำไมณัฐถึงน่ารักแบบนี้เนี้ยยยยย
“แหม ขึ้นรถไปนะ ไม่ได้บินไปสักหน่อย” ผมต้องรักษาภาพพจน์หน่อยครับ
/หึหึ ถ้าบินได้ก็บินมาสิ แล้วก็พาณัฐบินกลับบ้านไปด้วยนะ/
“คนนะ ไม่ใช่กระหัง”  ผมบ่นเสียงอุบอิบ
/ฮ่าๆ รีบๆมาเหอะ ณัฐจะรอ แค่นี้ก่อนนะ/
“อืม บ๊ายบาย” ผมกดวางสายแล้วก็มานึกได้ว่า ณัฐไม่เคยวางสายก่อนผมเลยสักครั้ง เขามักจะรอให้ผมเป็นคนกดวางก่อนเสมอ...เอ่อ...ผมเขินจังแฮะ นั่งรถเมลล์ไปก็นึกถึงหน้าเขาไปแล้วผมก็ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ ดูท่าความรักทำให้คนเป็นบ้าได้จริงๆนะ

แต่จะว่าไปถึงผมจะดูมีความสุขขนาดนี้ แต่บางครั้งผมก็ยังอดคิดมากไม่ได้ เรื่องที่ผมคิดมากก็มักจะเป็นเรื่องของณัฐ ไม่ว่าเวลาที่อยู่กับณัฐ ผมจะมีความสุขแค่ไหน เวลาที่ผมอยู่คนเดียวโดยไม่มีณัฐ ผมก็จะเป็นทุกข์เท่านั้น ผมคอยจะคิดเสมอว่าณัฐจะโทรหาผู้หญิงคนนั้นบ้างไหม ณัฐจะไปหาลูกเขาบ้างไหม ซึ่งทั้งนี้ทั้งนั้นมันก็ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะยื่นมือเข้าไปสอดได้ แม้จะถามผมยังไม่กล้า เพราะณัฐเองก็เคยบอกแล้วว่าถ้าจะให้เขาตัดขาดไปเลยก็คงไม่ได้ เพราะว่ายังไงก็ยังต้องเกี่ยวข้องกันอยู่ดี แต่ทั้งที่รู้ผมก็ยังเจ็บแปลบเสมอ...สิ่งเดียวที่ผมสู้เธอคนนั้นไม่ได้คือเรื่องลูก...ผมมีลูกให้ณัฐไม่ได้...

ความรู้สึกเหล่านี้มันยังคงกัดกินในใจผมไม่เลิก ผมสงสัยเหลือเกินว่าตอนนั้นอาผึ้งผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้ยังไง ยิ่งผมพยายามไม่คิด มันก็ยิ่งรบกวนใจผมมากขึ้น...

“ฟี่ ดื่มอะไรไหม เดี๋ยวณัฐทำให้” ผมส่ายหัวปฏิเสธ ผมพยายามยิ้มให้ออกเพื่อที่ณัฐจะได้ไม่สงสัยว่าทำไมผมถึงทำหน้าเครียด
“น้องฟี่ ไม่ดื่มอะไรหน่อยเหรอ” ผมหันไปส่ายหัวให้พี่โอ คนร้านนี้มีน้ำใจจริงแฮะ แต่ผมไม่อยู่ในอารมณ์จะกินอะไรทั้งนั้นแหละ
“รอแป๊บนะฟี่ เดี๋ยวทุ่มครึ่งณัฐก็เลิกงานแล้ว” ณัฐบอกผมแล้วเดินกลับเข้าไปชงกาแฟให้ลูกค้า ผมเริ่มเพลินกับการนั่งมองณัฐโดยไม่รู้ตัวจนกระทั่งพี่โอมาคุยกับผม
“ณัฐทำงานที่ไหนเหรอ”
“แถว XXX ครับ”
“โห แล้วมาที่นี่ยังไงละเนี่ย”
“ก็นั่งรถเมลล์มาแหละครับ” พี่โอพยักหน้ารับรู้แล้วก็เข้าไปช่วยณัฐทำงาน ผมรู้สึกเหมือนว่าถูกซักประวัติเลยแฮะ...

“ฟี่ เบื่อหรือเปล่า” ณัฐเดินมานั่งข้างผมที่กำลังเล่นเกมในไอพอดอย่างเพลิดเพลิน ผมเงยหน้าไปมองเขาแล้วก็ส่ายหัว
“ไม่หรอก ก็เปลี่ยนบรรยากาศนะ”
“อ้าว พี่ติ หวัดดีครับ” ผมหันไปมองทางที่ณัฐยกมือไหว้ ผู้ชายร่างสูงปรี๊ดหน้าตี๋ตาตี่เดินมาหยุดอยู่ใกล้ๆผม พี่โอทักคนที่ชื่อติอย่างสนิทสนม ผมก็เลยเดาได้ว่านี่คงเป็นเพื่อนของพี่โอคนนึง
“ใครเนี่ยณัฐ” คนชื่อ ‘พี่ติ’ ถามณัฐด้วยน้ำเสียงและสายตาใคร่รู้ ผมเองก็อยากรู้เหมือนกันครับว่าณัฐจะตอบว่ายังไง

“อ๋อ เพื่อนณัฐครับพี่ ชื่อฟี่”

อึก...ผมอึ้งไปนิดหนึ่งครับ...

ก็ไม่ได้คาดหวังอะไรหรอกนะครับ แต่มันก็วูบๆไปนิดหนึ่ง...
“เพื่อนจริงเร้อ...ทำไมเทคแคร์ดีจัง” ไอ้พี่ติตัวต้นเรื่องมันยังคงซักไซ้ต่อครับ ณัฐเองก็เอาแต่ยิ้มๆ ผมเลยตอบเองแม่งเลย
“เพื่อนจริงๆครับพี่ หรือพี่เห็นว่าผมกับณัฐน่าจะเป็นอะไรได้มากกว่าเพื่อนอีกละครับ” น้ำเสียงผมห้วนจริงจัง ณัฐเองก็หันมามองผมด้วยสายตาแอบเคือง เหอะ คิดว่าผมจะสนเรอะ ใครละที่แนะนำว่าผมเป็นเพื่อนก่อน
“แหม ดุซะด้วยนะฟี่ ชื่อฟี่นี่มาจากอะไรเหรอ หรือว่าชื่อฟี่เฉยๆ”
“ชื่อท๊อฟฟี่ครับ” ผมรู้สึกว่าน้ำเสียงผมมันเริ่มจะขุ่นขึ้นเรื่อยๆ แต่ดูท่าว่าไอ้พี่ตินี่มันก็ยังไม่รู้ตัวอีกว่าทำให้ผมหงุดหงิด
“ชื่อน่ารักเชียว จะหวานเหมือนชื่อหรือเปล่าเนี่ย” ไอ้พี่ติมันพูดแล้วก็ทำท่าชะโงกหน้าเข้ามาใกล้ ผมยังไม่ทันจะเบี่ยงตัวหลบก็มีมือมาดึงผมหลบไปก่อน
“แหมๆ หวงซะด้วย ไหนว่าแค่เพื่อนไงละณัฐ” พี่ติยิ้มกริ่มกว่าเดิมเมื่อเห็นณัฐดึงตัวผมไปแอบด้านหลังเขา
“ไม่ได้พี่ คนนี้ห้ามเล่น ผมขอคนนึง”
“มึงอย่าไปแกล้งน้องเขาดิวะไอ้ติ” พี่โอส่ายหัวเหมือนเหนื่อยใจแล้วก็เอาแก้วมาวางให้พี่ติ
“เหล้าน่ะ” ณัฐคงจะเห็นผมมองอย่างสงสัยว่าทำไมทุกครั้งที่พวกเพื่อนพี่โอมา พี่โอจะต้องเอาแก้วมาวางไว้ให้เพื่อนทุกครั้ง ที่แท้มันก็คือแก้วเหล้าครับ ช่วงเย็นๆที่ลูกค้าน้อยและพี่เป็ดแฟนพี่โอไม่อยู่ เขาก็จะตั้งวงเหล้ากัน เหอะๆ บำรุงตับกันเข้าไป
“ณัฐกินหรือเปล่า” ผมถามณัฐกลับ แล้วณัฐก็พยักหน้าพลางชูแก้วในมือให้ผมดู
“ดี กินเข้าไป ได้ตายไวๆ”
“อ้าว ทำไมแช่งณัฐงั้นละ ณัฐตายไปจริงๆแล้วฟี่จะไม่เหงาเหรอ~”
“ไม่รู้สิ ณัฐก็ลองตายก่อนแล้วกัน ฟี่จะได้ตอบถูกว่าจะเสียใจดีไหม”
“โห ใจร้ายอะ” แล้วณัฐก็ทำเสียงงุ้งงิ้งเหมือนน้อยใจผม เหอะ... ไอ้งี่เง่า แล้วที่มันพูดว่าผมเป็นแค่เพื่อนละครับ เออ ใช่สิ ณัฐเขาก็พูดถูกว่าผมมันเป็นแค่เพื่อน เพราะณัฐเองก็ยังไม่เคยบอกเลยสักคำว่าผมเป็นคนรัก หรือเป็นอะไรที่มากกว่าเพื่อน...แบบนี้แสดงว่าผมไม่มีสิทธิ์ที่จะน้อยใจอะไรเขาสินะ ก็ผมมันเป็นแค่เพื่อนนี่...

พอนึกเจียมตัวไว้แบบนั้นแล้วผมก็เลยหันไปยิ้มให้เขา
“ฟี่ล้อเล่น ณัฐอยากกินก็กินไปเถอะ ฟี่จะไปห้ามณัฐได้ไงละ” ใช่...ผมจะไปห้ามณัฐได้ยังไง ผมเป็นแค่เพื่อน ไม่ใช่คนรัก ไม่ใช่แฟน ไม่มีสิทธิ์ก้าวก่ายเรื่องส่วนตัวของณัฐหรอก
“ทำไมฟี่จะห้ามไม่ได้ละ แค่ฟี่บอกว่าไม่อยากให้ณัฐกิน ณัฐก็ไม่กินก็ได้นะ” ณัฐทำเสียงตัดพ้อ
“ฟี่ไม่มีสิทธิ์หรอกณัฐ ตัวของณัฐฟี่จะไปห้ามได้ยังไง เราเป็นแค่เพื่อนกันนะ...” ผมห้ามเสียงไม่ให้สั่นไม่ได้ แล้วยิ่งพอมองหน้าณัฐทีทำสีหน้าเจ็บปวด ผมก็ยิ่งเศร้าใจ
“ฟี่...แล้วฟี่จะให้ณัฐพูดยังไง...จะให้ณัฐแนะนำฟี่ว่ายังไงได้ละ...”

เอ่อ...พอเถอะณัฐ ผมว่าผมรู้แล้วแหละว่าปัญหาแรกของเราสองคนคืออะไร
มันคือเรื่องสถานะของตัวผมกับณัฐในสายตาคนอื่นไงละ... 

----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.ชีวิตบีเป็นยังไง บีก็แต่งออกมาแบบนั้นละคะ 555+

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ช่องว่างหมายเลข 17
« ตอบ #189 เมื่อ: 08-06-2011 17:34:32 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #190 เมื่อ08-06-2011 17:57:25 »

กรรมเวรจริงๆ คู่นี้
ยังมีอะไรต้องปรับอีกเยอะ

natty _lovelove

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #191 เมื่อ08-06-2011 18:00:14 »

เฮ้อ

อึดอัดจัง

แต่ชอบจ๊ะ


 :pig4:

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #192 เมื่อ08-06-2011 18:17:11 »

จะรอดมั้ย
เฮ้อออ เพราะชีวิตคือชีวิต
สู้ๆ

A_ay

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #193 เมื่อ08-06-2011 21:25:09 »

ในเมื่อไม่เคลียร์

ก็ไปทำให้มันเคลียร์ซะ o13

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #194 เมื่อ08-06-2011 23:11:02 »

ชัดเลย ปัญหา ช ช ครั้งแรก คือสถานะที่บอกใครไม่ได้

ออฟไลน์ [N]€ẃÿ{k}uñĢ

  • ~ῲเจ้าแม่Dramaῴ~
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5186
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +740/-5
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #195 เมื่อ09-06-2011 00:23:41 »

ช่องว่างของจริง แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องเข้าใจ
เกย์โดยกำเนิด กับ ผู้ชายที่ชอบแค่ผู้ชายคนนี้คนเดียวมันต่างกัน
ข้อแตกต่างนี้ละ คือ "ช่องว่าง" ที่จะคอยบ่มเพาะกลายเป็นชนวนแห่งความขัดแย้ง
และทุกสิ่งทุกอย่างก็จะจบลงอย่างง่ายได้ ถ้าไม่รู้จักระวัง...

ออฟไลน์ J_Dargon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 308
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #196 เมื่อ09-06-2011 01:40:16 »

เศร้าาาาาาา

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #197 เมื่อ09-06-2011 06:20:39 »

มีความสุข ไปพร้อมๆกับกังวลใจตลอดเวลา
มันดีมั๊ยเนี่ย :เฮ้อ:

ออฟไลน์ oilzaza001

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 619
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #198 เมื่อ09-06-2011 23:54:40 »

ม่ายยยยยย :z3:

ืำทำไมมีเเต่มาม่า ไม่ปลื้มมมม  :sad4:

หนูขอNcได้มั้ย คึคึ ฮ่าๆหื่นไปไหมตู

อิือิรอพี่บีมาต่ออย่างเดียวเลย ณ ตอนนี้



 :pig4:ค่ะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #199 เมื่อ10-06-2011 13:01:16 »

เจอกันตอนเย็นนะค้า!!!!!!!!!!!!!!!!!
ว่าแต่จะมีอะไรกิ๊บกิ้วมั้ยยยยย???
ต้องรอดูต่อปายยยยยย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
« ตอบ #199 เมื่อ: 10-06-2011 13:01:16 »





ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #200 เมื่อ10-06-2011 14:12:37 »

อะเครจ้า
ปูเสื่อรอ
หรือต้มน้ำรอดี อิอิ

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 17 (08/06/2011)
«ตอบ #201 เมื่อ10-06-2011 14:38:54 »

ช่องว่างนี้ยังไม่มีทีท่าว่าจะเชื่อมต่อกันเลยเหรอคะหนูบี
ทำอย่างไรน้า หาอะไรมาทำให้ช่องว่างมันมาชิดกันเหอะน้องบี

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่างหมายเลข 18
«ตอบ #202 เมื่อ10-06-2011 17:15:03 »



คุณเคยรอคอยอะไรไหมครับ...
รอโดยที่ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองรออะไรอยู่... รู้เพียงแต่ว่าอยากจะให้สิ่งที่รอนั้นมาถึงเร็วๆ
ตอนนี้ผมเองก็กำลังรอ รอมือที่จะมาช่วยฉุดให้ผมหลุดออกไปจากวังวนความคิดของตัวผมเอง..

“...ฟี่ ฟี่... ไอ้ท๊อฟฟี่!” ผมสะดุ้งเฮือกเมื่อได้ยินเสียงคนเรียกชื่อผมอย่างดัง ผมหันไปมองไอ้ทัชที่โต๊ะฝั่งตรงข้ามแบบเคืองๆ
“จะตะโกนทำไมวะ”
“กูเรียกมึงมาจะร้อยครั้งแล้ว มึงก็ไม่หือไม่อือสักที” ผมเหวอไปนิดหนึ่ง นี่ผมเหม่อถึงขนาดไม่ได้ยินคนเรียกเลยเหรอเนี่ย
“แล้วมีอะไรวะ”
“คุณเมเขาบอกให้มึงส่งเมลล์งานที่เสร็จแล้วไปให้เขาด้วย แม่งถ้าว่างนักทำไมไม่มาช่วยกูเขียนโครงร่างวะ” ประโยคแรกมันบอกสิ่งที่ผมจะต้องทำ ส่วนประโยคหลังที่มันบ่นอุบอิบนั่นคือมันแอบด่าผมครับ
“อืม” ผมรับคำแล้วยกนาฬิกาข้อมือขึ้นมาดูเวลา เพิ่งจะบ่ายสาม ส่งเมลล์แล้วแว่บไปหากาแฟกินสักแก้วดีกว่า

ผมนั่งละเลียดกาแฟยามบ่ายอย่างใจลอย ทุกครั้งที่ผมดื่มกาแฟ อมลูกอมกาแฟ ได้กลิ่นกาแฟ ผมก็จะคิดถึงคนขายกาแฟของผมเสมอ คนที่มักจะมีกลิ่นกาแฟติดตัว เวลาผมจับมือเขาแล้วลองเอามาดมก็จะได้กลิ่นกาแฟจางๆ
‘เรานี่ท่าจะเป็นเอามาก...’ ผมสลัดหัวไล่ความคิดฟุ้งซ่านออกไปให้หมด ถ้าผมเอาแต่หมกมุ่นเรื่องของณัฐขนาดนี้ มันก็จะเหมือนกับว่าชีวิตผมขาดเขาไม่ได้เลยน่ะสิ

ผมลองนับดูว่ากี่ชั่วโมงแล้วที่เราไม่ได้คุยกัน เมื่อวานที่ผมไปหาณัฐที่ร้านแล้วก็จบลงด้วยความขุ่นเคืองใจ เมื่อคืนพอผมกลับมาที่บ้านก็เฝ้าแต่ถามตัวเองว่าผมต้องการอะไรจากเขา ที่ผ่านมาผมพอใจแค่เพียงการได้มองเขาอยู่ห่างๆ ได้รักเขาเพียงฝ่ายเดียวไม่ใช่หรือ? แล้วดูตอนนี้สิ ผมช่างน่ารังเกียจ ได้คืบจะเอาศอกเหมือนคนไม่รู้จักพอ

ณัฐเคยแต่คบผู้หญิงมาตลอด หากการคบกับเพศเดียวกันอย่างผมคงจะทำให้เขาต้องลำบากใจ ผมก็ควรที่จะทำใจยอมรับและเข้าใจเขาสิ ไม่ใช่เอาแต่น้อยใจที่เขาไม่แนะนำกับคนอื่นว่าผมเป็นแฟน...

ผมมันงี่เง่าสิ้นดี...

ทั้งที่ผมรู้ตัวว่าผมงี่เง่า...แต่ผมก็ยังรู้สึกเศร้าเล็กๆ ในส่วนที่ลึกสุดของหัวใจ...

ผมอยากจะโทรไปหาเขาแล้วถามว่าเย็นนี้ผมจะแวะไปหาเขาได้หรือเปล่า แต่ผมก็คิดว่าบางทีณัฐอาจจะงานยุ่ง ถ้าผมโทรไปแล้วมันจะรบกวนไหม ใจผมอยากจะโทรหา แต่ผมก็กลัวเขาจะรำคาญ หรือถ้าผมไปหาเขาเลยละ ณัฐจะเมินผมไหม เขาจะยิ้มให้ผมหรือเปล่า
TRrrr…

โทรศัพท์มือถือของผมสั่นอยู่ในกระเป๋ากางเกง มันสั่นแค่ครั้งเดียวแสดงว่าเป็นเมสเสจ ผมแอบตื่นเต้นนิดหนึ่งว่าเมสเสจนั้นจะถูกส่งมาจากณัฐหรือเปล่า และเมื่อผมเปิดดูความหวังของผมก็เป็นจริง

-วันนี้จะมารับณัฐไหม?-

ผมรีบพิมพ์เมสเสจแล้วส่งตอบกลับไปอย่างรวดเร็ว อารมณ์ของผมสดใสขึ้นมาเหมือนเปิดสวิตช์ และไม่นานผมก็ลืมไปว่าผมทุกข์ใจเรื่องอะไรอยู่...

พอตอนเย็นเลิกงานผมก็รีบไปหาเขาทันที ที่ร้านไม่ค่อยมีคน ผมเดินเข้าไปหาณัฐแล้วส่งยิ้มให้เขา ณัฐเองก็ยิ้มตอบกลับมาซึ่งนั่นทำให้ผมรู้สึกโล่งใจขึ้นมาบ้าง
“อะ” ณัฐยื่นแก้วโกโก้มาตรงหน้าผม พอผมส่ายหัวเขาก็ยัดเยียดใส่มาในมือผม ผมแอบวูบวาบนิดหนึ่งตอนที่มือเขาแตะมือผม ตลกจังครับ แค่แตะมือเองนะ ผมก็รู้สึกเหมือนว่ากำลังทำอะไรที่มากกว่านั้น...

เราสองคนไม่ได้คุยอะไรต่ออีกหรอกครับ เพราะว่าลูกค้ากลุ่มใหญ่เข้าร้านมาพอดี และณัฐก็ต้องไปทำงาน ผมเองก็ได้แต่นั่งมองเขาอยู่ห่างๆ พอลูกค้าหมดแล้วณัฐว่าง เขาก็ไม่ได้ว่าจะเดินมาคลุกคลีกับผมคนเดียวหรอกครับ เขาก็อยู่คุยกับพี่ๆคนอื่นในร้าน ผมยอมรับว่าณัฐเป็นคนที่วางตัวได้ดีมาก เพราะถึงเขาจะคุยอยู่กับคนอื่น แต่เขาก็ไม่เคยปล่อยให้ผมนั่งหง่าวเลย
“อ้าวน้องแคนดี้” ผมหันไปมองตามเสียงเรียก พี่ติคนเดิมครับ วันนี้ใส่เสื้อยืดสีเทากับกางเกงขาเดฟ นี่ขาเขาจะเล็กไปไหนเนี่ย...
“แน่ะ ทักแล้วก็ไม่คุยด้วย” เขาเรียกผม?
“ผมไม่ได้ชื่อแคนดี้นะครับ” พอผมตอบไปอย่างนั้น ไอ้พี่ติก็ทำสีหน้าเหมือนว่าตัวเองเพิ่งทำผิดพลาดอย่างใหญ่หลวง
“แคนดี้ไหนพี่ เขาชื่อท๊อฟฟี่!” ณัฐเดินเข้ามาแย้งพี่ติ ผมเองก็หันไปมองณัฐเพื่อขอคำอธิบายให้ผมหายงงว่าไอ้ชื่อแคนดี้มันมาจากไหน
“เอ้อ โทษที พี่จำผิด คนที่มาเมื่อกลางวันใช่มะที่ชื่อแคนดี้ วันหลังณัฐก็อย่าจีบคนที่ชื่อคล้ายกันดิวะ พี่จำผิดจำถูกไปหมดละ”
“เฮ้ย ไม่มี๊ คนที่มาเมื่อกลางวันอะไรพี่ติ ไม่มีนะฟี่” ผมเหล่มองณัฐด้วยหางตา ซึ่งนั่นยิ่งทำให้ณัฐพยายามแก้ตัวเป็นพัลวันท่ามกลางเสียงหัวเราะของพี่ติ
“ฟี่ ไม่มีนะ มีฟี่คนเดียวแหละที่มาหาณัฐ”
“แล้วน้องลูกกวาดล่ะวะณัฐ” พี่ติยังถามต่อ แหม ดูเหมือนว่าเขาจะจงใจหาชื่อแนวๆเดียวกับผมมาหมดเลยนะ
“พี่ติ! พอเลยๆ ไม่ใช่แล้ว ไม่มีสักหน่อยนะฟี่ พี่ติมันหลอกอำ อย่าไปเชื่อนะ”
“ฟี่ก็ไม่ได้ว่าอะไรนี่ถ้ามันเป็นเรื่องจริง” ผมแกล้งทำเป็นเมินหน้าใส่ณัฐ พอเขาเห็นผมเมินใส่แบบนั้นแล้วเขาก็ร้อนรนแก้ตัวใหญ่เลยครับ หึหึ น่ารักจัง

ผมนั่งเล่นอยู่จนทุ่มกว่าๆณัฐก็เลิกงาน เราสองคนบอกลาพวกพี่โอและพี่ติก่อนจะเดินออกมาจากร้าน เราต้องเดินเป็นแถวเดียวเพราะเวลานั้นมีคนเดินบนฟุตบาทเยอะมาก ณัฐเดินนำอยู่ด้านหน้าผม แล้วสายตาของผมก็มองเห็นณัฐยื่นมือมาด้านหลังของเขาและกระดิกนิ้ว มันเป็นภาษากายที่เราสองคนคุ้นเคยกันดี เมื่อณัฐทำมือลักษณะแบบนั้นก็หมายความว่าเขาต้องการให้ผมยื่นมือไปจับกับมือเขาเอาไว้...
“จับไว้ เดี๋ยวหลงทาง ยิ่งเอ๋อๆอยู่” ณัฐหันมาพูดกับผมในระดับเสียงที่ได้ยินกันแค่สองคน ผมฟังแล้วรู้สึกฉุนๆไงไม่รู้แฮะ...
“วันนี้ฟี่อยากกินอะไรหรือเปล่าครับ หรือว่าจะไปทำกับข้าวที่บ้าน” ปรกติแล้ววันไหนที่ผมกลับพร้อมกับณัฐเรามักจะหาอะไรกินก่อนกลับครับ แต่บางทีถ้าเบื่อร้านอาหารผมก็จะไปทำอะไรกินที่บ้านผมแทน ซึ่งวันนี้ผมก็มีแพลนไว้แล้ว
“ณัฐบอกว่าอยากกินแกงกะหรี่นี่ ฟี่ทำไว้ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วแหละ” ณัฐหันมาทำสายตาวิบวับให้ผม ผมก็ยิ้มกลับไปให้
“ฟี่น่ารักที่ซู้ดดดด” เขาจับมือผมขึ้นไปหอมดังฟอด ผมใจสั่นไปแว๊บหนึ่งแล้วก็รีบปรับสีหน้าอย่างด่วนเลยครับ กะอีแค่หอมมือผมจะใจสั่นไปทำไมเนี่ย!

วันนี้รถติดนิดหนึ่งครับ เราใช้เวลากันชั่วโมงนิดๆกว่าจะถึงบ้านผม ตั้งแต่วันที่เรากลับจากเกาะล้าน ณัฐก็มาบ้านผมอยู่บ่อยๆ บ่อยขนาดไหนเหรอครับ  เอาเป็นว่าให้นับจำนวนวันที่เขาไม่มายังง่ายกว่าอีกครับ เพราะณัฐมักจะแวะมาทุกวันๆเพื่อกินมื้อเย็นกับผมแล้วเขาถึงจะกลับบ้าน อาจจะมีเพียงสัปดาห์ละหนึ่งวันที่เขาจะไม่แวะมาเพราะมีธุระหรืออะไรก็ตามเท่านั้นเอง
“มีผักดองด้วย!!” ณัฐส่งเสียงดีใจเหมือนเด็กได้ของเล่นเมื่อเห็นว่านอกจากแกงกะหรี่แล้วผมยังมีผักดองแบบญี่ปุ่นไว้อีกต่างหาก ก็อย่างว่าแหละ เวลาผมนอนไม่หลับก็มักจะทำนู่นนี่ไปเรื่อยเปื่อย จนรู้ตัวอีกทีผมก็มีพวกอาหารหมักดองหรือขนม
โฮมเมดเต็มไปหมด
“เนื้อวัวเหรอฟี่” ผมพยักหน้าให้ณัฐพลางตักแกงกะหรี่ราดข้าวสวยญี่ปุ่นที่ผมตั้งเวลาหุงเอาไว้ แกงกะหรี่เนื้อสันใส่มันฝรั่งกับ
แครอทอย่างที่ผมชอบมีรสชาติเผ็ดร้อนและเข้มข้นสมกับที่เคี่ยวมาหนึ่งวันหนึ่งคืน ผมสูดกลิ่นหอมเครืองเทศด้วยความพอใจในฝีมือระดับห้าดาวของผม (ผมไม่ได้หลงตัวเองนะ!!)
“ชอบฟี่ที่สุดเลย~” เจ้าคนทะเล้นทำเสียงออดอ้อนตอนที่ผมเอาจานไปวางไว้ตรงหน้าพร้อมกับน้ำดื่มเย็นเจี๊ยบ ผมแสร้งทำเป็นหรี่ตาให้แบบงอนๆแล้วประชดกลับไปทีหนึ่ง
“เชอะ ณัฐก็ชอบที่ฟี่ทำของโปรดที่ณัฐชอบกินได้น่ะสิ”
“เปล่านะฟี่...มันไม่ใช่แค่นั้น...” ณัฐทำสายตาจริงจังแล้วดึงข้อมมือผมให้เดินไปใกล้เขา ณัฐจับผมให้นั่งลงไปบนตักเขา สัมผัสใกล้ชิดที่เดี๋ยวนี้มันจะเกิดขึ้นอยู่บ่อยๆไม่ทำให้ผมเคยชินเสียที ณัฐทำให้ผมเริ่มหายใจไม่ทั่วท้องอีกแล้ว...

“ณัฐชอบฟี่ ชอบทุกอย่างที่เป็นฟี่...สิ่งที่ฟี่ทำให้ณัฐแต่ละอย่างมันก็ยิ่งทำให้ณัฐผูกพันกับฟี่มากขึ้นเท่านั้นเอง” ณัฐจะพูดไปเอาจมูกมาดมแก้มผมไปด้วยทำมายยยยย ผมขนลุกไปหมดแล้วนะ พอจะเบี่ยงตัวหลบไอ้วายร้ายนั่นก็ยิ่งล็อกเอวผมไว้แน่นกว่าเดิม
“อือ...ฟี่รู้แล้ว ณัฐปล่อยสิ จะได้กินข้าวกัน” ผมรู้สึกหน้าร้อนๆขึ้นมาจนได้ ผมมันแย่จังครับที่รู้สึกแบบนี้ ไม่ดีเลยที่ผมมีใจอกุศล ผมสูดลมหายใจเข้าให้ลึกและนานเพราะคิดว่ามันจะดับอารมณ์ร้อนๆได้แต่ก็เปล่าประโยชน์...
“ณัฐไม่อยากปล่อยเลยฟี่... ณัฐไม่อยากปล่อยฟี่ไปไหนเลย ณัฐอยากอยู่ใกล้ๆฟี่แบบนี้ไปตลอด..” ณัฐซุกหน้าลงตรงซอกคอผม ผมอยากจะบ้าตาย ตอนนี้อารมณ์ผมปั่นป่วนไปหมดแล้วนะครับ
“บางทีณัฐก็ไม่รู้ว่าฟี่มีเรื่องกังวลอะไร ฟี่เครียดอะไรณัฐก็เดาไม่ถูก แต่ณัฐอยากให้ฟี่บอกณัฐทุกเรื่อง มีอะไรก็ขอให้พูด เพราะณัฐไม่อยากคิดไปเอง ณัฐงี่เง่า ชอบทำให้ฟี่ไม่สบายใจ”
“ฟี่ก็ไม่แพ้กันหรอกณัฐ ฟี่เป็นพวกชอบคิดมาก แล้วบางทีที่ณัฐทำอะไรที่ฟี่ไม่เข้าใจ ฟี่ก็ไม่กล้าถามเพราะฟี่กลัวว่าคำตอบของณัฐมันจะทำให้ฟี่เจ็บปวด จนสุดท้ายฟี่ก็จะคิดเองเออเองว่าสาเหตุมันน่าจะเป็นแบบนั้นแบบนี้...แล้วฟี่ก็จะนอยด์เอง..” ผมบอกนิสัยแย่ๆของผมให้ณัฐฟัง เขาขมวดคิ้วแล้วลูบหัวผมอย่างอ่อนโยน ผมหลับตาซึมซับสัมผัสของณัฐเหมือนผืนดินซึมซับสายน้ำ หากเวลาที่น้ำซึมลงดินแล้วผืนดินชุ่มชื้นแบบไหน ผมก็อบอุ่นใจแบบนั้นเช่นเดียวกัน...

“ฟี่... ณัฐเป็นอะไรของฟี่...เป็นคนอื่นหรือเปล่า หรือเป็นคนที่ใกล้ชิดฟี่...” ณัฐถามผมด้วยเสียงกระซิบแผ่วเบา แต่น่าแปลกที่ผมได้ยินชัดทุกถ้อยคำ...
“แล้วณัฐอยากเป็นอะไรของฟี่ล่ะ...”
“ณัฐจะไม่คิดเองเออเองหรอกนะ เพราะงั้นณัฐจะถามฟี่ตรงๆ ว่าฟี่จะเป็นแฟนกับณัฐได้ไหม?”

ผมสาบานว่าผมไม่เคยได้ยินถ้อยคำที่หวานหูแบบนี้มาก่อน เพราะอะไรน่ะเหรอ...
หากจะให้ผมนับจำนวนแฟนที่ผมเคยคบมา จากสมัยที่ยังใส่กางเกงนักเรียนขาสั้นอยู่ ก็มีแค่ช่วงวัยรุ่นเท่านั้นที่มีคนเคยขอกับผมแบบนี้ ซึ่งความรู้สึกตื่นเต้นเขินอายในตอนนั้นมันเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกในตอนนี้

ความรู้สึกจากคนที่จ้องมองเข้ามาในตาของผม แววตาจริงจังของเขาทำให้หัวใจของผมสั่นไหว ความรู้สึกปลาบปลื้ม ตื้นตัน อ่อนหวาน ลึกล้ำยิ่งกว่าสิ่งดีใดๆในโลกนี้ที่ผมเคยพบ น้ำตาของผมไหลโดยไม่ทันตั้งตัว น่ากลัวว่าจะเป็นเพราะมันไม่สามารถทนกับความอ่อนโยนของคนๆนี้ได้อีกแล้ว
“ตกลงไหมครับ เป็นแฟนณัฐได้ไหม...” ณัฐกระชับอ้อมกอดแน่นขึ้น ผมเองก็เผลอเอาแขนโอบรอบคอเขาไปตอนไหนก็ไม่รู้...
“ทำไมณัฐถึงขอขึ้นมาล่ะ ฟี่คิดว่าณัฐอยากให้ฟี่เป็นแค่เพื่อนของณัฐเสียอีก” ผมถามเสียงอู้อี้เพราะว่าเอาหน้าซุกบ่าของณัฐอยู่ ณัฐเอามือลูบหลังผมเบาๆแล้วตอบเสียงนุ่ม
“ณัฐไม่อยากแอบอ้างหรือคิดไปเองหรอกนะ ตราบใดที่ณัฐยังไม่ขอกับฟี่อย่างเป็นเรื่องเป็นราว จะให้ณัฐฉวยโอกาสจากความอ่อนโยนของฟี่ได้ยังไง ที่ผ่านมาณัฐเอาแต่คิดไปเองฝ่ายเดียวว่าเราเป็นคนรักกันโดยไม่เคยถามฟี่เลย”

ผมเหมือนปลดเอาความทุกข์ออกจากหลังไปจนหมดเกลี้ยง ความไม่สบายใจ ความกังวลที่รู้สึกเหมือนเป็นคนนอกสำหรับณัฐมันเปลี่ยนไปหมด ผมดีใจที่ได้เป็นคนในหัวใจของเขา ไม่ว่าจะเป็นแฟน หรือคนรัก จะยังไงก็ตามผมก็รู้สึกเหมือนจะขึ้นสวรรค์.. ผมเชื่อแล้วว่าความสุขมันใช้เงินซื้อไม่ได้ และยิ่งเป็นความสุขที่ได้มายากมันก็ยิ่งหอมหวาน...

“ตกลงครับ...ฟี่จะเป็น ‘คนรัก’ ของณัฐ....คนเดียว...” ผมพูดแล้วก็เขินเอง...บ้าชะมัด
“ฟี่ก็ลองเป็นคนรักของหลายคนดูสิครับ หึหึ” ณัฐทำเสียงเหี้ยมใส่ ผมก็เลยทุบเข้าไปหนึ่งอั้ก

ผมเองก็เพิ่งจะมารู้สึกครับ... ว่าณัฐเป็นคนที่ขี้หึงขี้หวงเอาเรื่อง เวลาผมไปที่ร้านเขาแล้วถ้าพวกพี่ๆแกล้งมาเจ๊าะแจ๊ะใกล้ผม ณัฐก็จะมากันท่าเอาไว้ หรือเวลาที่ผมคุยโทรศัพท์ ณัฐก็จะถามว่าใครโทรมา หรือผมโทรหาใคร หรือผมส่งเมสเสจให้ใคร แม้กระทั่งหน้าเฟซบุ๊คผม ณัฐยังเข้ามาเช็คเรื่อยๆเลยครับ ผมก็ไม่ได้รู้สึกว่าเขาล่วงล้ำความเป็นส่วนตัวของผมหรอกนะ เพราะผมเองก็เข้าไปเช็คเฟซบุ๊คเขาเหมือนกัน แล้วถ้ามีสาวๆมาโพสอะไรกุ๊กกิ๊กละก็จะโดนไม่ใช่น้อย...  เหล่านี้มันเป็นเรื่องที่คนรักกันเขาทำกันไม่ใช่เหรอครับ...

คนรักกัน....

อ๊า!! ผมมีความสุขเป็นบ้าเลย~~

“ขอจูบหน่อยสิ” ณัฐพูดแล้วก็แตะปากลงบนริมฝีปากผมโดยที่ผมยังไม่ได้ตอบตกลงหรือปฏิเสธเลยครับ แล้วผมเคยบอกคุณหรือยังว่าผมชอบริมฝีปากของณัฐมากแค่ไหน ณัฐมีขอบปากที่เป็นรูปร่างชัดเจน ริมฝีปากของณัฐนุ่มนิ่มและอุ่นเสมอ ณัฐชอบใช้ริมฝีปากของตัวเองขบเม้มปากของผมเหมือนกำลังแทะเล็มขนมหวาน..
“อื้อ..” ผมประท้วงในลำคอเมื่อณัฐสอดลิ้นเข้ามาแตะกับลิ้นผม ร่างกายของเขากำลังถ่ายทอดความรู้สึกมาให้ผม ความรุนแรงของการจูบเริ่มเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ สมองผมส่งสัญญาณเตือนว่าเป็นแบบนี้ต่อไปอีกหน่อยจะต้องไม่ดีแน่ๆ แต่แม้ว่าผมจะพยายามขืนตัวออกห่างจากณัฐแค่ไหนเขาก็ยิ่งล็อกผมไว้แน่นขึ้น และยิ่งร่างกายของผมบดเบียดแนบชิดกับเขาแค่ไหน เขาก็ยิ่งจูบร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกเหมือนว่าจะหายใจไม่ทันเพราะจูบรุกเร้ามากขึ้นๆ
“ฮื้อ! ฟี่หายใจไม่...ทัน ฮึก....” พอผมบอกจบประโยคณัฐก็ปรับระดับการจูบจากร้อนแรงสุดๆมาเป็นจูบไล้บนริมฝีปากของผมเบาๆ ผมรู้สึกเหมือนว่าปากผมต้องช้ำไปหมดแล้วแน่ๆ..
“ฟี่..หวานจังน้า...ฮื้อ...” ณัฐส้งเสียงแบบที่ผมไม่คุ้นเคย เสียงทุ่มกระเส่าที่ยั่วเย้าให้อารมณ์ผมกระเจิง..
“ณัฐ..อืม..ไม่กินข้าวเหรอ อือ..” เราคุยกันทั้งๆที่ริมฝีปากของเรายังนัวเนียกันอยู่ จังหวะนี้สมองผมลืมไปหมดแล้วว่าตัวเองยังไม่ได้กินข้าว และผมก็คิดว่าแม้แต่ณัฐเองก็คงลืมไปแล้วแน่นอน...ก็มันมีสิ่งที่น่าสนใจมากกว่าอยู่ตรงหน้านี่นะ
“โอ๊ะ..ณัฐ เดี๋ยวก่อนสิ!” ผมรีบร้องห้ามคนตรงหน้าที่กำลังถกเสื้อของผมขึ้นและใช้ลิ้นแตะลงบนยอดอกของผม ความรู้สึกทั้งหมดไปรวมกันอยู่ที่ส่วนปลายนั้น ขนบนร่างกายผมลุกชันและมือของผมก็จิกเกร็งอยู่ที่ไหล่ของเขาอย่างแรง
“ฟี่เนี่ย...หอมจังเลยนะ..อืม...ไม่ได้ใช้น้ำหอมใช่ไหม?” ณัฐใช้จมูกสูดดมผิวกายของผมและใช้ปากขบเม้มเนื้อผมเบากับแรงสลับกันไป ผมเหมือนจะขาดใจตายอยู่รอมร่อ ยิ่งเวลาที่ณัฐกัดเนื้อผมแรงๆ ผมก็ยิ่งรู้สึกตื่นตัวสุดๆ
“มะ...ไม่ได้ใช้...ฮึก...” ผมว่าริมฝีปากผมต้องห้อเลือดแน่เลยถ้าผมยังกัดปากตัวเองแรงแบบนี้ ก็ถ้าผมไม่กัดปากตัวเองเอาไว้ ผมต้องส่งเสียงน่าอายออกไปแน่ๆ...

“ฟี่...ณัฐว่า...เราสองคนจะไม่ลองทำเรื่องที่คนเป็นแฟนกันเขาทำหน่อยเหรอครับ...”

----------------------------- To Be Continue -----------------------------

ปล.ใกล้แล้วค่ะ ใกล้แล้ว หึหึ


ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 18 (10/06/2011)
«ตอบ #203 เมื่อ10-06-2011 18:30:46 »

อ่ะนะเพื่อความชัดเจน...

ส่วนหนึ่งของการเป็นคนรัก

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 18 (10/06/2011)
«ตอบ #204 เมื่อ10-06-2011 18:54:49 »

5555555555 กรี๊ด น่ารักมาก
ทำไปเลยค่ะ ทำไปเลย

A_ay

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 18 (10/06/2011)
«ตอบ #205 เมื่อ10-06-2011 21:22:38 »

ณัฐ
ไฟ(ราคะ)แรงเกิ๊นนนน :laugh: :laugh:

*แต่ถนอมฟี่หน่อยก็ดีนะ  :o8:

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 18 (10/06/2011)
«ตอบ #206 เมื่อ11-06-2011 07:05:12 »

คนเป็นแฟนทำไรกันหรอ?  :m28:
เค้าจะชวนกันเล่นดอทเอใช่มะนั่น :laugh:

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 18 (10/06/2011)
«ตอบ #207 เมื่อ12-06-2011 02:15:52 »

คนเป็นแฟนทำไรกันหรอ?  :m28:
เค้าจะชวนกันเล่นดอทเอใช่มะนั่น :laugh:

ตามนั้นค่ะ 55

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนท
«ตอบ #208 เมื่อ12-06-2011 05:17:32 »

^
^
รีบมาอัพเลยนะคะ บีบีซัง อย่ามัวแต่ไปดอทกับฟี่อยู่ล่ะคะ :laugh:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 18 (10/06/2011)
«ตอบ #209 เมื่อ12-06-2011 08:19:31 »

 :m4:เฮ้อ คิดอยู่ว่าเพราะไม่พูดออกมาตรงๆเรื่องเลยอึมคลึมขนาดนี้
ตอนนี้น้องณัฐพูดออกมาแว้วววว  กรี๊ดๆๆๆๆ แถมอีประโยคสุดท้าย นี่มัน  :-[

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด