“อื้อ! ณัฐ อย่าสิ เดี๋ยวก่อน” ผมพยายามดันเจ้าคนที่เริ่มนัวเนียผมมาตั้งแต่เข้ารั้วบ้านให้ออกไปห่าง แต่เขากลับกอดรัดผมแน่นกว่าเดิมเสียอีก
“ฟี่...” ณัฐเรียกผมด้วยเสียงทุ้มต่ำข้างหู ผมขาอ่อนยวบเมื่อเขางับที่ติ่งหูของผมเบาๆ ผมล็อกประตูบ้านอย่างเร็วก่อนที่ผมจะไม่มีแรงยืนมากไปกว่านี้
“ณัฐ...อะไรเนี่ย ใจเย็นๆสิ” ผมยกแขนเกาะที่บ่าของณัฐไว้ ปากผมก็ร้องห้ามแต่ว่าใจของผมคล้อยตามเขาไปครึ่งทางเสียแล้ว ก็ทั้งสัมผัสของณัฐและกลิ่นกายของเขาทำให้อารมณ์ของผมเตลิดได้เสมอเลย ยิ่งตอนนี้ณัฐรุกเร้าผมรุนแรงแบบนี้ผมก็ยิ่งชอบ...
“ฟี่เป็นของณัฐนะ...” หืม? หมายความว่ายังไง ทำไมเขาต้องทำเสียงเหมือนจะร้องไห้ด้วยละ
”ณัฐเป็นอะไร ณัฐคิดมากเรื่องเม้งเหรอ” ผมลูบหัวเขาเบาๆ เราสองคนยังยืนพิงกันอยู่ตรงประตูบ้านเลยครับ ณัฐเอาหน้าซุกซอกคอผมและดันผมติดประตูบ้านไว้แน่น
“มันไม่เห็นจะจริงเลยนี่ฟี่...”
“อะไรไม่จริงครับ หืม?”
“ก็ที่เขาบอกว่าความรักมันจะต้องไม่ใช่การหึงหวง แต่มันไม่เห็นจะจริงเลย ก็ฟี่ดูสิ ณัฐหวงฟี่ขนาดนี้... ณัฐไม่อยากให้ใครมาใกล้ฟี่สักนิด ไม่อยากให้ใครมาพูดคุยกับฟี่ ไม่อยากให้ใครมามองฟี่ ณัฐหวงฟี่จนแทบบ้า”
ผมประหลาดใจกับเรื่องที่ณัฐเพิ่งพูดออกมาแบบสุดๆ ผมไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่าเขาจะรู้สึกแบบนี้ ผมไม่อยากจะเชื่อว่าณัฐหึงหวงผมขนาดนี้ มันเทียบไม่ได้กับท่าทีภายนอกที่เขาแสดงออกมาเลย ผมไม่สมควรจะดีใจใช่ไหมที่ณัฐเป็นแบบนี้ แต่ตอนนี้ผมดีใจสุดๆ ผมดีใจที่เขาหวงผมโคตรๆ
“ณัฐ...น่ารักจัง..” ผมไม่รู้จะพูดอะไรนอกจากคำนี้ จะให้ผมบอกเขาว่าอย่าห่วงหรือหวงผมเลยมันก็ไม่ใช่ เพราะเราไม่อาจไปบังคับความรู้สึกใครได้นี่นะ ผมประคองแก้มของณัฐให้เขาหันมองผม แก้มของณัฐนิ่มและเด้งดึ๋ง(จริงๆนะครับ!)น่าจุ๊บเป็นที่สุด ผมหอมแก้มเขาเบาๆ เสียงณัฐร้อง ‘อื๊อ’ ในลำคอแบบที่เขาชอบทำเวลาจะอ้อนผม ผมกดจมูกหอมแก้มอีกข้างของณัฐแบบ ‘ลึกๆ’ กลิ่นหอมของผิวณัฐเป็นอะไรที่ผมคลั่งไคล้มาก
“อะไรอะฟี่...”
“ก็ณัฐน่ารักนี่”
“ณัฐงี่เง่าจะตาย” ณัฐพูดแล้วทำปากยื่น โฮกกกกก จะทำตัวน่ารักไปไหน ผมเลยจัดการจุ๊บที่ริมฝีปากยื่นๆนั่นเสียหนึ่งที เวลาณัฐทำตัวน่ารักแบบนี้ผมละใจอ่อนตลอดเลย
“ณัฐงี่เง่าก็เพราะความรู้สึกที่มีให้ฟี่นี่นา”
“ห้ามเบื่อณัฐนะ ถ้าณัฐงี่เง่ามากๆ งอแงมากๆ หวงฟี่มากๆก็ห้ามรำคาญณัฐนะ” ผมพยักหน้ารับ สำหรับผมมันไม่ใช่เรื่องที่น่ารำคาญสักนิด ผมคิดว่ามุมที่ณัฐงี่เง่าและงอแง มันคือด้านที่ผมได้รับอภิสิทธิ์ให้ได้เห็นเพียงคนเดียว มันเป็นสิทธิพิเศษของคนเป็นแฟนนี่นา...
“โอ๊ะ!” ผมเผลออุทานเมื่อณัฐออกแรงอุ้มผมพาดบ่าแล้วตรงไปที่โซฟา เขาวางผมลงอย่างเบามือและตามลงมานั่งกอดผมเอาไว้ ณัฐนัวเนียคลอเคลียผมไม่ยอมห่างเลยสักนิด
“ฟี่ตัวหอมจังนะ” ผมย่นคอเมื่อถูกริมฝีปากนุ่มจูบไปตามลำคอและหัวไหล่ นี่อย่าบอกนะว่าณัฐอยากจะออกกำลังกายก่อนกินข้าว!!!
Special: Nath’s scene
สวัสดีครับ ผมณัฐครับ
ใช่ครับ....ณัฐคนเดียวกับที่แฟนๆของฟี่บางคนคิดว่าผมไม่เหมาะสมกับฟี่เท่าไรนัก...
แต่ผมไม่โกรธหรอกครับ เพราะกรุงโรมไม่ได้สร้างเสร็จในวันเดียวฉันใด การที่ผมจะเป็นที่ยอมรับได้ ก็คงต้องใช้เวลาฉันนั้น ผมรู้ตัวว่าผมอาจจะมีอดีตที่ไม่น่าพิสมัย และอนาคตของผมก็ยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ผมไม่มีความเหมาะสมกับฟี่เลยสักนิด ฟี่มีทั้งหน้าที่การงาน มีบ้านของตัวเอง มีความสามารถซึ่งจะนำไปสู่อนาคตที่สดใส
ผมมีแค่ความรัก... ความรักที่มันกินไม่ได้ ความรักที่คงไม่ทำให้ฟี่มีความสุขไปได้ตลอด แต่ว่าผมก็รักเขาเข้าไปแล้ว ผมรักฟี่ ท๊อฟฟี่คนที่เมื่อผมเห็นครั้งแรกก็ไม่อาจละสายตาไปได้ มันไม่ใช่ความรู้สึกสเน่หาเหมือนเวลาที่ผู้ชายปิ๊งผู้หญิง ถึงแม้ว่าฟี่จะผิวใสหน้าตาน่ารักก็เถอะนะ ผมรู้สึกถูกชะตากับเขาอย่างบอกไม่ถูก ตอนนั้นผมคิดแต่เพียงว่าผมอยากทำให้คนยิ้มน้อยคนนี้เป็นคนที่ยิ้มได้มากๆ แค่นั้นเอง
และผมก็ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ ว่าจากความรู้สึกที่ผมแค่อยากทำให้เขายิ้ม มันกลายมาเป็น ‘ผมอยากเห็’
ตอนที่ผมลาออกจากที่ทำงานนั้น ผมก็กังวลเหมือนกันว่าคงจะไม่ได้เจอกันอีก แล้วมันก็เป็นเช่นนั้น หลังจากนั้นไม่นานฟี่ก็ออกจากงานเหมือนกัน ผมไปถามพวกพี่แก๊บ เขาก็บอกว่าฟี่ต้องไปฝึกงานและทำโปรเจคท์จบ นานๆครั้งที่เราจะได้เจอกันโดยบังเอิญที่ร้านหนังสือ แค่นั้นผมก็ลิงโลดเหลือเกินแล้ว
วันนั้นที่ผมบังเอิญเจอฟี่ในเฟซบุ๊คก็เหมือนกัน ผมขอเป็นเพื่อนไปโดยไม่ลังเล พอได้คุย ได้แช็ท ผมก็รู้สึกเหมือนคืนวันเก่าๆคืนมาอีกครั้ง ผมอยากเจอฟี่มากขึ้นเรื่อยๆ อยากเห็นตัวจริง อยากพูดคุย อยากสัมผัส อยากฟังเสียงหัวเราะของฟี่ รู้ตัวอีกทีผมก็ถอนตัวไม่ขึ้นเสียแล้ว และยิ่งเมื่อได้รับรู้ความรู้สึกของฟี่ ผมก็ปฏิเสธไม่ออก ผมจึงบอกกับตัวเองว่าแทนที่ผมจะผลักไสให้ฟี่ไปกับคนอื่นที่ดีกว่าผม สู้ผมทำตัวให้ดีพอจะเคียงข้างฟี่ดีกว่าไหม?
ผมไม่อยากปล่อยฟี่ไป ผมไม่มีทางทำเรื่องโง่ๆแบบนั้นเด็ดขาด
เพราะอย่างนั้นผมจึงหึงหวงเหลือเกิน ผมแทบคลั่งกับริมฝีปากของฟี่ที่ช้ำเพราะฝีมือไอ้เวรนั่น ผมอยากจะซัดกับมันให้รู้เรื่องไปเลย แต่ฟี่ก็ขอร้องผมและผมก็เห็นแก่ฟี่ ยังไงมันก็เป็นเพื่อนรักของฟี่ แต่ปากของไอ้หมอนั่นมันก็ไม่น่ายกโทษให้ เพราะก่อนจะไปมันยังมีหน้ามาแช่งให้ผมเลิกกับฟี่อีกต่างหาก
ผมคงไม่สามารถหักห้ามความรู้สึกหึงหวงไปได้หรอกครับ ผมเชื่อใจฟี่ที่สุด แต่ผมไม่เชื่อใจคนอื่น เพราะว่าฟี่เป็นคนที่น่ารัก พูดจาเพราะ แถมใจดีกับคนอื่น จึงไม่แปลกถ้าจะมีใครต่อใครมาหลงรักเขา ฟี่ไม่มีทางไปยุ่งกับคนอื่นอยู่แล้ว แต่ไอ้คนอื่นที่มาชอบฟี่นี่สิ
ผมกลัวว่าสักวันหนึ่ง ถ้ามีคนที่ดีกว่าผมมาชอบฟี่ คนที่ให้ฟี่ได้ทุกอย่าง แล้วฟี่จะยังเลือกผมอยู่ไหม เพราะงั้นผมถึงพยายามทำทุกอย่างเพื่อไม่ให้ฟี่เบื่อผม ผมรู้ว่าฟี่ชอบเวลาที่ผมเปลือยท่อนบน ผมก็จะใส่เสื้อติดตัวไว้ตลอดแม้ว่าผมจะเป็นคนที่ชอบถอดเสื้อก็ตาม เพราะผมกลัวว่าถ้าฟี่เห็นบ่อยๆแล้วฟี่จะเบื่อผม หรือแม้กระทั่งคำว่า ‘รัก’ ที่ผมไม่อยากพูดออกมา เพราะผมกลัวว่าถ้าฟี่รู้ว่าผมรู้สึกยังไงแล้ว เขาก็จะหมดความสนใจในตัวผม...
ผมเอาแต่คิดเรื่องของฟี่อยู่ตลอด คิด คิด คิด คิดอยากจะให้ฟี่มีความสุข คิดอยากจะให้ฟี่รักผมนานๆ คิดอยากจะให้ฟี่ยิ้มได้ อยากให้ฟี่กินข้าวเยอะๆ
ผมขอโทษนะครับที่ผมรักฟี่มากมายขนาดนี้...
และเพราะผมรักฟี่มาก ผมถึงไม่เคยเบื่อที่จะนัวเนียฟี่ หอมฟี่ ฟัดฟี่ และ...
“ณัฐ อย่าสิ ไม่เอา กินข้าวกันก่อนนะ” ผมทำเมินกับเสียงประท้วงของคนที่โดนผมกดไว้กับโซฟา ก็กลิ่นหอมเสียขนาดนี้ ผมหักห้ามใจไม่อยู่หรอกครับ พอได้ฟัดทีนึง มันก็ลามไปเรื่อย จนตอนนี้ผมถอดเสื้อเชิ้ตของฟี่ได้สำเร็จแล้ว
“อะ..อ๊ะ!” เสียงใสของฟี่ร้องเบาๆเมื่อถูกผมงับเข้าที่ยอดอกสีอ่อน ผมรู้ว่าฟี่ชอบให้ผมกัดแรงๆตามตัว แต่มันจะทำให้ผิวขาวเนียนของฟี่เป็นรอยช้ำเขียวเต็มไปหมด พอผมถอดเสื้อของฟี่ออกจนหมดไอ้รอยช้ำพวกนั้นก็ปรากฎเด่นชัดแก่สายตาผม ผมเองไม่อยากจะกัดฟี่เลยสักนิด แต่พอถึงเวลาจริงที่อารมณ์ของผมกระเจิดกระเจิง ผมก็คอยจะกัดเนื้อตัวของฟี่เพราะความหมั่นเขี้ยวเป็นประจำ
“ฮื้อ!” ผมมองร่างบางบิดกายเร่าเมื่อถูกผมลากลิ้นยาวไปตามสีข้างสลับกับการใช้ฟันขบเม้ม รอยแดงเกิดขึ้นตามเส้นทางที่ผมใช้ปากสัมผัสผิวกายของฟี่ ผมเลื่อนตัวขึ้นไปสบตากับคนด้านล่างและก็อดยิ้มไม่ได้เมื่อเห็นสภาพของเขา
“หน้าแดงทำไมครับ หืม?” ผมถามด้วยเสียงยั่วเย้าข้างใบหูนุ่มนิ่ม นั่นยิ่งทำให้หน้าขาวแดงซ่านขึ้นเรื่อยๆ ผมรู้สึกได้จากการที่ทาบทับตัวฟี่แบบนี้ว่าหัวใจของฟี่กำลังเต้นระรัวมากขึ้น ยิ่งผมเห็นไอ้ตัวเล็กของผมสั่นมากขึ้นเท่าไร ผมก็ยิ่งอยากแกล้งมากเท่านั้น
“ณัฐอะ...กินข้าว...” ผมกลั้นยิ้มเมื่อเห็นฟี่ยังยืนยันคำเดิม ทั้งที่เห็นอะไรต่อมิอะไร ทำอะไรต่อมิอะไรมาจนหมดแล้วฟี่ก็ยังอาย หากเป็นผู้หญิงบางคนผมจะคิดว่ามันเป็นมารยาของพวกเธอเสียด้วยซ้ำ แต่พอเป็นฟี่ ผมกลับคิดว่ามันน่ารักเหลือเกิน...
เปล่านะครับ ผมไมได้หลงฟี่จนหน้ามืดตามัว
ก็ฟี่น่ารักจริงๆนี่นา...
เพราะว่าฟี่น่ารัก ผมจึง ‘รัก’ ฟี่ไม่เคยพอสักที
----------------------------- To Be Continue -----------------------------