The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Space [ช่องว่าง] จบแล้วค่ะ  (อ่าน 119917 ครั้ง)

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #300 เมื่อ12-08-2011 14:03:00 »

ถ้าตอนหน้าจบ ขอตอนพิเศษด้วยนะค้า

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #301 เมื่อ12-08-2011 14:39:42 »

ฟี่มีแนวโน้มว่า จะเป็นผู้ใหญ่ใหญ่ขึ้น ยั้งๆการคิดทำอะไรตามใจตามอารมณ์ลง
คิดถึงความมั่นคงในอนาคตมากขึ้น ก็ดีใจไปกับฟี่ด้วย
อิ อิ ณัฐจะมีแฟนเป็นนักศึกษาป.โทที่น่ากินที่สุด อิจฉาวุ้ย
งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกลา ตอนหน้าก็คือตอนจบ งั้นปูเสื่อรอตอนหน้าดีกว่า

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #302 เมื่อ12-08-2011 16:02:58 »

รอตอนหน้าจ้า
อ่านแล้วนึกถึงตัวเองจริงๆ เฮ้อออ

Akamei

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #303 เมื่อ12-08-2011 16:32:37 »

ณัฐน่ารักอ่ะ
คู่นี้ พอลองเข้าใจกันแล้ว ก้น่ารักมากๆเลยอ่ะ
55555555555

ออฟไลน์ jojobuffy

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 792
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +83/-4
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #304 เมื่อ12-08-2011 17:06:31 »

น่ารัก ปน หวาดกลัวกับสิ่งที่จะเกิดขึ้น

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #305 เมื่อ12-08-2011 18:45:18 »

ไม่เป็นไรค่ะ
แล้วแต่คนเขียน
เป็นเรื่องที่ชอบอีกเรื่องหนึ่งเลย

Akamei

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #306 เมื่อ12-08-2011 21:32:44 »

สองคนนี้เวลาจู๋จี๋กันน่ารักมากมายอ่ะ
5555555555
นิสัยตัวละครมันดูเป็นจริงในสังคมมากอ่ะ
เราชอบๆ แต่ขอหวานๆสักตอน คิคิ

+1 ค่ะ :D

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #307 เมื่อ15-08-2011 15:41:59 »

เข้ามารอตอนจบครับ
คนแต่งก็สู้ๆ นะครับ

ออฟไลน์ Tifa

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1474
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +417/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนที่ 25 (11/08/2011)
«ตอบ #308 เมื่อ16-08-2011 05:06:33 »

กรี๊ดดดด พึ่งเข้ามาอ่านก็ จะจบเรื่องซะเเล้ว

ไล่อ่านทีเดียวจบเลยค่ะ ตึดหนึบตั้งเเต่ตอนเเรก

น้ำตาซึมสองบทเเรก

บทที่สามถึงตอนล่าสุด ไหลหยดเเหมะๆ เอาซะหิวน้ำเลยต้องยกซดไปขวดหนึ่ง

ชอบมากเลยค่ะ เเอร๊ยยยย

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่าง ตอนที่ 26 [จบสักที -..-]
«ตอบ #309 เมื่อ31-08-2011 17:31:08 »

สิ่งที่คุณปรารถนาจะได้รับจากคนรักของคุณที่สุดคืออะไร?
ของขวัญ เงินทอง
อ้อมกอด สัมผัส ความรัก ความห่วงใย ฯลฯ
สำหรับผมมีแค่สองสิ่งที่ผมต้องการ
คือความมั่นคงและความเสมอต้นเสมอปลาย
คนที่จะรู้สึกเหมือนเดิมกับผม แม้เวลาจะผ่านไปกี่ปีก็ตาม คนที่จะไม่เปลี่ยนไปไม่ว่าต้องเจอกับอะไรก็ตาม คนที่จะกุมมือผมไว้เหมือนวันแรกที่เราได้สัมผัสกัน คนที่จะบอกรักผมทุกวันเหมือนที่เคยทำ คนที่จะกอดผมไว้ด้วยความรู้สึกเหมือนวันแรกที่เราคบกัน
คนที่ไม่ผันเปลี่ยนไปตามวันเวลา...
สำหรับคนอย่างผม ที่ไม่เคยได้รู้จักกับความรักที่มั่นคง การที่มีเขาก้าวเข้ามาในชีวิตเป็นเหมือนสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด ความรู้สึกที่ผมไม่สามารถหาซื้อได้ ความรู้สึกเวลาที่ได้มองหน้าเขามันยังคงเดิมแม้เวลาจะผ่านมาเก้าปี...
นับจากวันนั้น...


เก้าปีก่อน
“ฟี่ แต่งตัวเสร็จหรือยัง ออกมาให้อาดูหน่อย” เสียงหวานของผู้หญิงคนเดียวที่ผมรักสุดหัวใจเรียกให้ผมยอมละจากหน้ากระจกแล้วเดินไปหาเธอ ผมยังรู้สึกไม่มั่นใจนิดหน่อย ผมไม่ค่อยได้แต่งตัวด้วยเสื้อผ้าโทนสีแบบนี้เท่าไรนัก เลยรู้สึกว่าไม่เคยชิน
“ว้าว น่ารักที่สุด ดูดีมากเลยลูก” เสียงชมที่ทำให้ผมต้องขมวดคิ้วแทนที่จะยิ้มรับ ก็เล่นชมว่าผมน่ารัก ทำไมมันไม่เป็นคำว่าหล่อละ...
“ทำไมอาผึ้งไม่บอกว่าหล่อละครับ” พอผมพูดแค่นั้น อาของผมก็หัวเราะก๊าก
“ก็ฟี่น่ารักมากกว่าหล่อนี่ลูก ลองส่องกระจกแล้วบอกอาสิ ว่ามุมไหนที่มันจะดูหล่อได้” ผมหันไปมองกระจกตามที่อาผึ้งพูด ผิวขาว ปากนิด จมูกหน่อย เอ่อ...ห่างจากคำว่าหล่อไปไกลโข อ๊ะ...นั่นไง ไอ้ตัวหล่อของจริงเดินมาโน่นแล้ว
“ณัฐ หล่อเชียวลูก เห็นมั้ยอาบอกแล้วว่าเราน่ะเหมาะกับเสื้อสีขาว” คุณอาสุดรักจากที่ยืนชมผมอยู่แหม็บๆ พอเห็นหล่อของจริงเดินเข้ามาก็ปรี่เข้าไปหาทันที... มันน่าน้อยใจนัก...
“ไม่รู้สิครับ ปรกติเวลาขายกาแฟผมก็ใส่แต่เสื้อสีเข้มตลอด จนพาลคิดไปว่าตัวเองไม่เหมาะกับเสื้อขาวซะแล้ว” ผมมองคนที่พูดแล้วทำสีหน้ายิ้มน้อยๆ เสื้อเชิ้ตสีขาวสะอาดผิดตาไปจากที่ผมเคยชินใส่คู่กับกางเกงยีนส์สีเข้มและรองเท้าคัทชูหนังสีดำ อื้อหือ...แฟนผมน่ากินชิบเป๋ง
“ฟี่” ณัฐเดินเข้ามาหาผมแบบไม่ทันให้ตั้งตัวในระยะแนบชิดจนผมเผลออายไปแว้บหนึ่ง
“อะ..อะไรเหรอ” วันนี้ณัฐมันหล่อจริงๆนะครับ ผมชักจะหายใจไม่ค่อยทั่วท้องแล้วสิ..
“น่ารักจัง” ผึง! เหมือนถูกธนูปักลงกลางหน้าผากเลยครับ ผมร้อนฉ่าที่หน้าขึ้นมาแบบห้ามไม่ได้ ถ้าคุณถูกผู้ชายที่หล่อสุดๆมาพูดแบบนี้กับคุณตรงหน้า โดยที่เขาดึงตัวของคุณให้ไปแนบชิดกับตัวเขาด้วย แถมยังทำตาเล็กตาน้อยตอนพูดอีก
เป็นคุณจะทนได้ไหมครับ?
“ฮื้อ พูดแบบนี้อีกละ อาผึ้งก็คนนึงแล้ว” ผมพูดแล้วจะหันไปค้อนใส่อาผึ้ง แต่ก็หาไม่เจอครับ นี่อาผมอันตรธานหายไปตอนไหนละเนี่ย
“ก็น่ารักจริงๆนะครับ ฟี่เหมาะกับสีอ่อนๆหวานๆแบบนี้ที่สุดเลย”
“อือ รู้แล้วแหละ ออกไปกันได้หรือยัง” ผมรีบตัดบทก่อนที่มันจะเลยเถิดไปกว่านี้ครับ เพราะณัฐยิ่งเป็นพวกเครื่องฟิตสตาร์ทติดง่ายเสียด้วย...
“หึหึ ไปก็ไป”
ณัฐจูงมือผมเดินออกไปจากบ้านพักชายทะเล ผมยังอดไม่ได้ที่จะมองไปรอบด้านอย่างตื่นตาตื่นใจ รีสอร์ทนี้สวยมากเสียจนผมอยากจะติดเกาะไปสักสามปี แน่นอนว่าอภินันทนาการนี้มาจากอาผึ้งของผมที่ให้เหตุผลว่างานแต่งของหลานฉันจะต้องดีที่สุด

ใช่ครับ...งานแต่งงานของผม...กับณัฐ

มันไม่ใช่งานที่จะมีพิธีและการจดทะเบียนสมรสตามกฎหมายไทยหรอกนะครับ ก็แค่การทำพิธีกับบาทหลวง(ที่สนิทกับครอบครัวของอาผึ้งมาเป็นสิบปี เป็นคุณลุงบาทหลวงหน้าตาใจดีเชียวครับ) และงานเลี้ยงภายในหมู่คนสนิทนิดหน่อย ซึ่งอาผึ้งเลือกจองสถานที่ของรีสอร์ทนี้ไว้ ผมพยายามจะถามอาว่าค่าใช้จ่ายเท่าไร แต่อาก็บอกกับผมว่า ‘ถ้าฟี่จะช่วยจ่าย คงต้องทำงานใช้หนี้อาไปอีกสิบปีแหละ’ เพียงเท่านั้นผมก็เลยคิดว่าไม่ต้องรู้จะดีกว่า

ผมรู้สึกเขินนิดหนึ่งตอนที่ณัฐเดินจูงมือผมออกไปเจอกับผู้คน บรรดาเพื่อนของผมและเพื่อนของเขาจ้องมองมาที่เราเป็นตาเดียว ผมเห็นเชอรี่นั่งอยู่คู่กับอาผึ้ง ผมได้สบตากับเม้งที่มองมายิ้มๆ แล้วผมก็โดนณัฐหยิกมือครับ...ไอ้ขี้หึงเอ๊ย..

เราสองคนตกลงกันว่าจะเดินคู่กันไปหาบาทหลวง จะไม่มีฝ่ายใดที่จะยืนรออีกฝ่ายหนึ่งที่ปลายทาง ผมไม่ใช่ผู้หญิงที่จะต้องมาเคร่งครัดเรื่องขนบธรรมเนียม เราสองคนแค่อยากจะเดินเคียงข้างกันไปก็เท่านั้น
หัวสมองของผมอื้ออึงไปหมด บาทหลวงถามอะไรมาผมก็ไม่ได้ยิน ได้แต่ตอบอืออาไปตามเรื่อง จวบจนตอนที่ณัฐกำลังจะสวมแหวนให้ผมนั่นแหละ ผมถึงได้รู้สึกว่าน้ำตาของผมร่วงเผาะๆเสียแล้ว
“ผมจะรักคุณไปจนชั่วชีวิต...ของเราทั้งคู่นะครับ” คำสาบานที่หวานที่สุดที่ผมเคยได้ยินพร้อมกับแหวนทองคำขาวที่ไม่มีอะไรประดับนอกจากตัวเรือนสีขาวบริสุทธิ์ถูกสวมเข้าที่นิ้วนางของผมช้าๆ พอณัฐสวมเสร็จ ผมก็หยิบแหวนมาสวมให้ณัฐบ้าง แหวนทองคำขาวที่เหมือนกันเป๊ะยกเว้นขนาดจะเป็นเครื่องยืนยันว่าเราเป็นของกันและกัน ณัฐใช้นิ้วเช็ดน้ำตาของผมเบาๆ น่าแปลกที่พอได้สวมแหวนแล้ว จิตใจของผมก็สงบนิ่งขึ้นมาก
”จูบคู่ชีวิตของคุณได้เลยครับ” ผมจับใจความประโยคสุดท้ายที่บาทหลวงพูดได้เพียงเท่านั้น เพราะสิ่งสุดท้ายที่ติดตรึงใจผมที่สุดคือสัมผัสอ่อนโยนจากริมฝีปากของณัฐกำลังถ่ายทอดมาสู่ผม ผมได้ยินเสียงกิ๊วก๊าวเบาๆ เสียงสะอื้นที่น่าจะเป็นของอาผึ้ง และเสียงปรบมือเปาะแปะ

เสร็จจากพิธีผมเดินไปหาพ่อแม่ของณัฐ แม่กับพ่อมีสีหน้าที่สงบนิ่ง ผมรู้นักว่าเรื่องของเราคงไม่ใช่สิ่งที่ท่านจะปรับใจได้ในเร็ววัน แต่ผมก็ยังคิดว่ามีสิ่งที่ผมควรจะทำ
“แม่ครับ ผมจะรักณัฐให้มากที่สุด และจะดูแลเขาให้ดี สมกับที่เขาเป็นลูกชายที่แม่และพ่อรักมากนะครับ” พอผมพูดจบผมก็ก้มลงกราบแทบเท้าของพ่อและแม่ ผมรับรู้ได้ว่ารอบตัวมีเสียงฮือฮา มือของณัฐที่แตะมาที่ไหล่ผม และอีกมือหนึ่งที่ลูบหัวผมเบาๆก่อนจะจับให้ผมเงยหน้าขึ้น
“ดูแลกันให้ดีนะลูก” ประโยคเดียวที่แม่พูดออกมาพร้อมรอยยิ้มอ่อนโยนปนคราบน้ำตา พ่อยิ้มให้ผมเรียบๆและไม่ได้พูดอะไร แต่แค่นั้นก็มากเพียงพอที่คนอย่างผมจะได้รับแล้ว


“ฟี่ ขอบคุณมากนะ” ณัฐพูดกับผมในคืนนั้น คืน...เอ่อ...ส่งตัว....
“เรื่องอะไร?”
“เรื่องพ่อกับแม่ไง”
“หือ? ต้องขอบคุณทำไมกัน มันเป็นเรื่องที่ต้องทำนี่นะ...” ผมพูดเขินๆ มันก็น่าเขินหรอกนะ เพราะปรกติผมเป็นคนที่ไม่ค่อยทำอะไรแบบนั้นสักเท่าไร
“ณัฐขอบคุณที่ฟี่ยอมทำเพื่อณัฐ ทำทุกอย่างเพื่อณัฐ ณัฐสัญญานะฟี่ ว่าจะทำตัวให้สมกับความรักที่ฟี่มีให้ กว่าที่เราจะผ่านมาถึงจุดนี้ได้มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่นับจากนี้จะมีแค่เราสองคน จะเป็นเรื่องของเราสองคนนับจากนี้และตลอดไป ณัฐจะไม่มีทางลืมความรู้สึกในวันแรกที่เราคบกัน จะไม่มีทางลืมว่าณัฐรักฟี่แค่ไหน และจะจำเอาไว้ว่าหัวใจของณัฐมีไว้เพื่อใคร”
ผมชอบจังเลย...ที่ณัฐบอกว่านับจากนี้ไปจะเป็นเรื่องของ ‘เราสองคน’ ในที่สุดผมก็ได้รู้สึกว่าเป็นส่วนหนึ่งของชีวิตเขาจริงๆสักที ถ้าหากว่าการที่ได้รักใครสักคนอย่างสุดหัวใจแบบนี้จะทำให้ผมรู้สึกเหมือนว่าชีวิตมีคุณค่า ได้รู้สึกว่าเราเป็นคนสำคัญของใครสักคน ผมคงจะรักตัวเองให้มากกว่านี้ แต่ในเมื่อวันเวลาไม่สามารถย้อนคืนมาได้ ณัฐไม่สามารถแก้ไขอดีตของเขาได้ ผมไม่สามารถแก้ไขอดีตของผมได้ เราสองคนจึงเลือกที่จะเดินหน้าต่อไปและทำวันปัจจุบันให้ดีที่สุดก็พอ...
 

กลับมา ณ ปัจจุบัน
ทั้งที่เมื่อกี้ผมกำลังคิดเรื่องหวานๆของผมและณัฐตอนวันแต่งงานอยู่ดีๆ และวันนี้ก็ครบรอบที่เราแต่งงานกันมาเก้าปีแล้ว แต่ไอ้ภาพตรงหน้านี่สิ ทำให้ผมหงุดหงิดเสียเหลือเกิน...
“พี่ณัฐใช่ไหมคะ พวกหนูเป็นแฟนคลับของที่ร้านพี่เลยนะ หนูอ่ะ ไปซื้อกาแฟร้านพี่ทุกอาทิตย์เลยนะคะ” เสียงชะนีสาวนับได้หลายตนกำลังเจื้อยแจ้วอยู่รอบๆตัวชายหนุ่มที่สั่งให้ผมนั่งรอเขาที่โต๊ะ
สำหรับ ‘ณัฐ’ ในวัย 35 ปีคงจะต้องนิยามว่าเป็นชายวัยทำงานที่กำลังน่ากินเป็นที่สุด เค้าโครงหน้าที่เป็นผู้ใหญ่ และร่างกายที่แข็งแรงสมบูรณ์ กอปรกับการที่ออกมาเปิดร้านกาแฟของตัวเองอย่างเป็นเรื่องราวและมีชื่อเสียงพอสมควรในเรื่องของรสชาติและคนขายรูปหล่อ ก็คงจะเพียงพอให้ผู้หญิงหลายๆคนมาโปรยขนมจีบเป็นประจำ

แต่สำหรับผม คนที่ได้ชื่อว่าเป็นคู่ชีวิตของเขามาเก้าปี คนที่ตอนนี้มาฉลองครบรอบแต่งงานบนเกาะเดิมที่เราเคยจัดงานแต่งงานเมื่อคราวนั้น คนที่รู้จักมักคุ้นกับพนักงานหน้าเก่าๆของรีสอร์ทนี้หลายคน คนที่กำลังนั่งเข็ดเขี้ยวเคี้ยวฟันว่าจะจัดการชะนีเด็กพวกนั้นยังไงดี...
“เอ่อ...คุณฟี่คะ ผู้จัดการให้นำของหวานมาเสิร์ฟค่ะ” ผมหันไปมองพนักงานประจำร้านอาหารชื่อคุณไพลินที่เคยคุ้นกันประจำแบบงงๆ
“ผมไม่ได้สั่งนะครับ”
“ค่ะ...แต่ว่าผู้จัดการบอกว่าคุณฟี่ชอบช็อกโกแลตมูส...บางทีถ้าทานแล้วอาจจะอารมณ์ดีขึ้น...” ผมเกือบจะหลุดขำออกมาเมื่อได้ยินคำอธิบายอึกอักจากปากคุณไพลิน อะไรกัน นี่ผมดูเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ไม่ได้ขนาดนั้น? ผมหันไปมองณัฐที่สองมือยังถือจานอาหารจากไลน์บุฟเฟต์และรอบกายมีผู้หญิงพวกนั้นห้อมล้อมจนเดินไปไหนไม่ได้...
“งั้นก็ฝากไปขอบคุณผู้จัดการด้วยนะครับ ผมขอไปจัดการธุระก่อน แล้วถึงจะกลับมาทาน” ผมยิ้มให้พนักงานคนนั้นแล้วเดินตรงรี่ไปหาสุดที่รักของผม พอเจ้าตัวดีเห็นผมเดินไปหาก็ทำหน้าเศร้าสร้อยกระดิกหางดิ๊กๆเหมือนหมารอเจ้าของ
“ขอโทษนะครับน้อง” ผมพูดเสียงดังระดับที่จะได้ยินแค่ผม ณัฐ และผู้หญิงพวกนั้น เจ้าหล่อนทั้งหลายหันมามองหน้าผมอย่างแปลกใจแต่ภายในยังแฝงไว้ด้วยอารมณ์ประมาณว่า ‘แกเป็นใครยะ?’
“ช่วยหลีกทางให้กับผู้ชายคนนี้ได้ไหมครับ? ไม่ต้องทำหน้างง สุดหล่อคนที่น้องกำลังเอาหน้าอกไปถูแขนเขานั่นแหละ” ผมพูดไปพร้อมกับรอยยิ้มใสซื่อ(?)
“ไม่ทราบว่าคุณจะเข้ามายุ่งอะไรด้วยคะ พวกชั้นก็ไม่ได้ไปคุยกับเขาบนหัวคุณนี่” ชะนีเด็กคนที่เอานมถูแขนณัฐของผมหันมาถามเสียงจิก ผมรู้สึกได้ว่าเส้นความอดทนของผมเริ่มน้อยลงเป็นจำนวนแปรผกผันกับอารมณ์ของผมที่เริ่มพุ่งทะยานทะลุจุดเดือด
“ต้องยุ่งสิครับ เพราะผมอยากจะเตือนคุณด้วยความหวังดี เพราะไม่ว่าคุณจะยั่วยวนเขายังไง เขาก็ไม่มีทางรู้สึกอะไรกับเด็กอย่างคุณคุณหรอก”
“อ๊ะ แกอวดดีมาจากไหนเนี่ย รู้มั้ยว่าชั้นลูกใคร!” เสียงชะนีเด็กเริ่มแหลมมากขึ้น แต่เหมือนกับว่าเพื่อนคนอื่นๆของเด็กนี้จะเริ่มอายจึงไม่กล้าเถียงอะไรกลับได้แต่ยืนเป็นลูกคู่เฉยๆ
“ผมไม่รู้หรอกครับว่าน้องลูกใคร แต่ที่แน่ๆถ้าพ่อแม่น้องรู้ว่าน้องทำตัวต่ำทรามมายุ่งกับคนรักของคนอื่นแบบนี้เขาต้องไม่ปลื้มแน่เลย” ผมพูดหน้าตาเฉยและรอดูฟีดแบ็กจากชะนีเด็ก ได้ผลครับ หล่อนเริ่มทำหน้าตาตกใจและหันไปมองณัฐที่ยักไหล่ยียวน
“อ๊ะ นี่...นี่ๆๆๆๆๆ คุณเป็นเกย์งั้นเหรอ! ชั้นจะเอาไปแฉ ชั้นจะเอาไปป่าวประกาศให้ทั่วเลยว่าเจ้าของร้านกาแฟมีชื่อเป็นเก๊ย์!!” ท้ายประโยคเจ้าหล่อนเร่งเสียงเสียสูงปรี๊ดจนผมกลัวว่าณัฐของผมจะหูหนวก
“เหอะ เขารู้กันหมดแล้วครับน้อง ผมก็เพิ่งจะเห็นชะนีอย่างน้องเนี่ยแหละเป็นคนแรกที่กล้าเข้ามาอ่อยแฟนผมได้ขนาดนี้ ขอโทษนะครับ อย่างน้องคงไม่มีปัญญาทำให้เขารู้สึกอะไรได้หรอก คนที่จะทำให้เขารู้สึกอะไรได้น่ะมันมีแต่ผมเท่านั้น เพราะฉะนั้นช่วยเอานมของน้องไปอ่อยแฟนคนอื่นเถอะ” ผมเริ่มของขึ้นและด่าชะนีเด็กไปเป็นชุด ไม่น่าเชื่อว่าเด็กนี่จะทำผมเลือดขึ้นหน้าได้ขนาดนี้ ที่ผ่านมาผมไม่เคยแสดงอาการแบบนี้กับผู้หญิงคนไหนเลยนะครับ เพราะผมเองก็ชอบผู้หญิงสวยๆ ใครกันละจะไม่ชอบของสวยๆงามๆ แต่กับคนที่นิสัยต่ำแบบนี้ผมไม่ไหวจะเคลียร์จริงๆครับ
“ฮึ้ยยย อีตุ๊ด! หน้าด้านน่ารังเกียจ แก๊!” ชะนีเด็กคงไม่สามารถทำอะไรได้นอกจากพ่นคำผรุสวาทออกมาใส่ผม เพราะตอนนี้คุณสุวิทย์ผู้จัดการรีสอร์ทก็ได้เข้ามาจัดการสงบศึกพร้อมกับเตือนสาวๆเหล่านั้นว่าถ้าไม่สามารถรักษาความสงบไว้ได้ก็ให้ย้ายไปพักที่อื่น

“ฮึ้ย! ไม่ต้องมาโดน” ผมยื่นแขนไปผลักไอ้คนที่เดินตามนัวเนียผมมาด้านหลัง พ่อตัวแสบที่ทำสีหน้าระรื่นเหมือนได้ดูละครฉากใหญ่ไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรกับความหงุดหงิดของผมสักนิด
“ฟี่น่ารักจัง” เหมือนว่าจะยังไม่สำนึก ยังยื่นหน้ามาหอมซอกคอผมโดยไม่อายสายตาผู้คนที่เขามองมาแบบยิ้มๆ ทำไมผมจะไม่รู้ว่าไอ้หมอนี่มันอยากจะทำให้ผมหึง มันอยากให้ผมอาละวาด ไอ้ปิศาจร้าย...
“อ๊ะ...อย่าเพิ่งมากวน คุณพีร์โทรมา” ผมดันณัฐออกห่างแล้วแสร้งทำเป็นหยิบโทรศัพท์มือถือออกมาเพื่อจะกดรับ
“มันโทรมาทำไม” จากเสียงออดอ้อนเปลี่ยนเป็นแข็งทื่อทันทีที่ได้ยินไม้เด็ดของผม คุณพีร์ผู้เป็นลูกค้ารายใหญ่ของผมและเป็นคนที่มักจะเวียนมาขายขนมจีบให้ผมเวลาที่ณัฐเผลอ
“ไม่รู้สิ ขอไปคุยด้านนอกแล้วกัน” ผมทำเป็นไม่สนใจครับ หมั่นไส้มัน แกล้งผมดีนัก
“ไม่ต้อง ไม่ให้คุย เอาโทรศัพท์มา นี่เรามาฮันนีมูนกันนะที่รัก จะมัวไปคุยโทรศัพท์กับคนอื่นได้ยังไงกัน” สองประโยคสุดท้ายไอ้บ้านี่มันพูดออกมาอย่างดังเลยครับ แขกคนอื่นๆรวมทั้งพนักหงานหันมามองกันหมดเลย ผมละแทบอยากจะมุดดินหนี ทำไมนะ ผมถึงสู้ณัฐไม่ได้สักที
“ไอ้บ้า! ไป กลับห้องเลย ไม่ต้องกินแล้วข้าวน่ะ” ผมกระซิบด่าแล้วรีบเดินหนีกลับห้อง ได้ยินแค่เสียงณัฐหันไปสั่งมื้อเช้าเป็นรูมเซอร์วิสแล้วก็รีบดิ่งกลับห้องเลย อายจนหน้าชาแล้วครับ


“ฟี่ครับ~” เสียงสดใสดังขึ้นหลังจากเสียงปิดประตู ผมเร่งเสียงเพลงในไอพอดให้ดังขึ้นอีกแล้วนั่งกระดิกเท้าอย่างเพลิดเพลิน ที่นี่มันสวยจริงๆนะครับ อย่างกับอยู่บนสวรรค์แน่ะ
“โกรธณัฐเหรอ หือ?  เร่งเสียงเพลงซะดังอีกแล้ว ไม่เอานะเดี๋ยวหูหนวก” จู่ๆณัฐก็กระชากหูฟังออกไปจากหูผมครับ และแทนที่หูฟังก็เป็นลิ้นอุ่นๆที่แตะเลียลงมาแทน
“อ๊า! ไอ้บ้านี่ ทำอะไรกลางวันแสกๆ” ผมดีดตัวหนีแล้วลุกมายืนกุมหูหอบแฮ่กห่างจากณัฐไปสองเมตร
“อ้าว ยังจะมาถามอีก ตรงดิ่งกลับห้องมาแบบนี้ไม่ได้แปลว่าอยากจะทำอะไรงั้นเหรอ”
“ไม่ใช่เฟ้ย คิดอะไรก็เป็นเรื่องบนเตียงไปหมดเลยนะ”
“ถ้าฟี่ไม่ชอบบนเตียงงั้นก็ไปลองในอ่างจากุซซี่ก็ได้นะ”
“อ๊ากกก ไอ้บ้า!!!”
ผมคงได้ตะโกนด่าณัฐอีกไม่กี่คำหรอกครับ เพราะพอรูมเซอร์วิสมาส่ง ณัฐก็หันมาสนใจผมเต็มที่ ก่อนจะกระซิบข้างหูผมด้วยประโยคที่ทำให้ผมใจอ่อนจนได้

“ก็ณัฐรักฟี่นี่นา อยู่ใกล้ฟี่เท่าไร ใกล้ชิดเท่าไรก็ไม่พอสักที ณัฐอยากกินฟี่ไปจนแก่ตายเลยนะ”

อา...แล้วผมก็พลาดอีกแล้วครับ เรียบร้อยโรงเรียนณัฐ....

--------------------- The End ---------------------

ปล.แวะมาแก้คำผิดและปรับเปลี่ยนบางจุดค่ะ
ปล2.และก็จะยอกว่ากำลังคิดตอนพิเศษอยู่นะคะ
ปล3.ขอบคุณทุกคนที่ติดตามอ่านมาตั้งแต่แรก และทุกคนที่เพิ่งจะมาติดตามอ่านทีหลัง ขอบคุณสำหรับทุกคำติชมและกำลังใจนะคะ ขอบคุณมากๆอีกครั้งค่ะ -/\-

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2011 12:11:32 โดย บีบีจัง »

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ช่องว่าง ตอนที่ 26 [จบสักที -..-]
« ตอบ #309 เมื่อ: 31-08-2011 17:31:08 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
จิ้มตอนจบครับ รอตอนพิเศษนะครับ ^^

ออฟไลน์ wan_sugi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 587
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-2
+1+เป็ด ให้กับงานแต่งที่ใครๆก็ฝันถึง
อยากบวกให้มากกว่านี้กับเก้าปีที่มีกันและกันอยู่
เป็นตอนจบที่น่ารักมากคะ :L2:

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
เก้าปี จะว่านานก็นาน จะว่าไม่นานก็ไม่นาน

yayee2

  • บุคคลทั่วไป
ถูกใจให้เป็ดไป
จบแบบมีความสุขและยินดีไปกับฟี่-ณัฐ :L2:
แต่งงานและอยู่กันมาแล้วเก้าปี หวังว่าทั้งคู่จะต้องอยู่ด้วยกันอีกตลอดๆไป
 :กอด1:น้องบีพร้อมกับคำว่าขอบคุณ สำหรับความเพลิดเพลินที่มีให้มาโดยตลอด

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
อายแทนค่ะ  :-[
จบหวานนนนนนมาก เกินหน้าเกินตาอ่ะ  อิจฉาๆๆๆๆๆ  :m1: :m1:

ออฟไลน์ Forget_Me_Not

  • ความศรัทธา ความหวัง และรักแท้ ™
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 282
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +81/-13
 :-[  จบแบบหวานมากจร้า

 :3123: ขอบคุณคนเขียนมากๆเลยจร้า

DexTunG

  • บุคคลทั่วไป

stupidchild

  • บุคคลทั่วไป
น่ารัักไม่เสื่อมคลาย ชอบบบบบบบบบ ฟี่ก็แรงเป็นนะ 55

ขอตอนพิเศษษษษษษษษษษษษ

Akamei

  • บุคคลทั่วไป
5555555555555555

อ้างถึง
“ก็ณัฐรักฟี่นี่นา อยู่ใกล้ฟี่เท่าไร ใกล้ชิดเท่าไรก็ไม่พอสักที ณัฐอยากกินฟี่ไปจนแก่ตายเลยนะ”

ถ้ากินฟี่ทุกวันอาจจะไม่ได้แก่ตายนะณัฐ???
>/////////<

+1 สำหรับตอนจบน่ารัก น่าเอ็นดู ของฟี่ค่ะ
ยิ้มแก้มปริเลย  ย ย

รอตอนพิเศษค่ะ

ออฟไลน์ rellachulla

  • iiRita♥World Behind My Wall♥
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1606
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +222/-8
เค้าก้อรอตอนพิเศษอีกคน
แห่ะๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ SoN

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2965
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +123/-15

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป


ตอนพิเศษกำลังเขียนค่ะ บีจัดมาแบบเต็มที่เลย o13

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
รักกันหวานมาเก้าปี เค้าขอดูความหวานนั่นบ้างสิ
โฮวววววววววว อยากอ่านอ่ะ

ออฟไลน์ ordkrub

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4157
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +341/-12
ขอบคุณสำหรับเรื่องน่ารักครับ
อย่าลืมคนอ่านนะ

บีบีจัง

  • บุคคลทั่วไป
ช่องว่าง [Special]
«ตอบ #324 เมื่อ01-09-2011 17:43:26 »

:: คำเตือน ::

ทำใจก่อนอ่านค่ะ ไม่ใช่ NC หรอกนะคะบอกไว้ก่อน = ='


*********************************************************************************************



ผมเกลียดหน้าฝน...
เกลียดเวลาที่ฝนพรำ
เกลียดเวลาที่เห็นน้ำฝนไหลลงมาตามหน้าต่าง
เกลียดฟ้าที่ขมุกขมัว
เกลียดเวลาที่ฝนตกแล้วทำให้ความเหงาทวีอานุภาพมากขึ้น...

การที่ต้องอยู่คนเดียวในวันฝนตกแบบนี้ช่างเป็นอะไรที่ทรมานสุดๆ ซักผ้าก็แล้ว ทำกับข้าวก็แล้ว ทำความสะอาดบ้านก็แล้ว แต่ผมยังรู้สึกว่างเกินไปอยู่ดี...
คิดถึงณัฐจังเลย...
ฮึก...น้ำตามันจะเล็ด แต่ผมไม่ร้องไห้หรอก เพราะการคิดถึงจะต้องทำให้เรามีพลัง ไม่ใช่ทำให้เราเศร้า...

คุณเคยเป็นไหม บางครั้งที่สภาพดินฟ้าอากาศจะส่งผลกับสภาพจิตใจของคุณ อากาศดี คุณก็อารมณ์ดี อากาศหม่นหมอง คุณก็ซึมเศร้า การที่ฝนตกเหมือนฟ้ารั่วตลอดวันเสาร์อาทิตย์นี้ทำให้ผมหดหู่ขั้นติดลบ เมื่อวานวันเสาร์ วันนี้วันอาทิตย์ ผมไม่ได้ไปไหนเลย แถมณัฐก็ไม่ได้มาหาเพราะว่าติดเรียน ณ ตอนนี้ผมจึงมีเพื่อนอยู่เพียงหนึ่งเดียว...

ก็คือโลกไซเบอร์...

ขอบคุณมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่ทำให้ผมมีเฟซบุ๊คเอาไว้เล่นในยามที่ไม่มีอะไรจะทำ การได้เห็นเพื่อนอัพเดทสถานะก็ทำให้เราได้รู้ความเป็นไปของเพื่อนได้ไม่น้อย อ้อ! ลืมบอกไป ตอนนี้ผมกับณัฐใช้เฟซบุ๊คอันเดียวกันแล้วนะครับ เป็นความคิดของณัฐนั่นแหละ

แต่การเล่นเฟซบุ๊คมันก็เป็นเหมือนดาบสองคม และยิ่งเป็นคนที่มีนิสัยพื้นฐานอยู่บนความวิตกจริตแบบผมด้วยแล้ว... ก็มักจะชอบสอดรู้สอดเห็นจนทำให้ตัวเองเสียใจเล่นๆ...

ผมก็แค่เข้าไปเปิดดูเฟซบุ๊คของแฟนเก่าณัฐ... หรือคนที่เป็นแม่ของลูกเขาแหละครับ...

ไหนลองบอกผมสิว่ามีใครบ้างที่สนิทกับแฟนเก่าของแฟนเรา มันก็คงจะมีบ้างสินะ แต่ไม่ใช่ผมแน่นอน... บางทีผมก็รู้สึกรังเกียจความคิดของผมที่มีต่อผู้หญิงคนนั้น ดูเหมือนว่าเธอทำอะไรผมก็รู้สึกว่ามันไม่เข้าตาไปเสียหมด แต่ถ้าเราจะปล่อยให้ตัวเองตกเป็นทาสของอารมณ์...มันก็คงไม่ดีใช่ไหมครับ..เราต้องรักษาภาพพจน์เอาไว้...

ผมไม่ได้เป็น Friend list ของเธอคนนั้น แต่ดูเหมือนว่าเธอจะไม่ได้ตั้งค่า Privacy เอาไว้แน่นหนานัก ผมจึงสามารถเข้าไปดู Wall และ Photo ของเธอได้ สถานะของเธอไม่ค่อยได้อัพเดทนัก เดือนหนึ่งอัพเดทสักสอง-สามครั้งเท่านั้นเอง ผมเกือบจะคลิกออกไปจากหน้าโพรไฟล์ของเธอแล้ว แต่เหมือนมีมือลึกลับดึงมือผมให้ไปคลิกดูอัลบั้มรูปของเธอซะอย่างนั้น...

สำหรับคนที่มีอัลบั้มรูปในเฟซบุ๊คไม่เยอะ มีการอัพเดทสถานะน้อย เพราะฉะนั้นเวลาที่มีอะไรเปลี่ยนไปหรือมีการอัพเดทก็จะสังเกตได้ง่ายๆ เหมือนกับที่ตอนนี้สายตาของผมไปสะดุดกับอัลบั้มรูปที่เธอเพิ่งอัพขึ้นไปใหม่...

ชื่ออัลบั้มคือ ดรีมเวิล์ด 3/7/2011

เหอะ...ขนาดคำว่าดรีมเวิลด์ยังสะกดผิดเลยแม่คุณ แต่ช่างเหอะ ไม่ใช่เรื่องที่ผมจะมาใส่ใจ รูปโชว์เป็นหน้าอัลบั้มต่างหากที่ดึงดูดใจผมมากกว่า ในรูปที่ถ่ายเอียงๆมีคนสองคนอยู่ในรูปนั้น คนหนึ่งคือเธอ และอีกคนหนึ่งที่ตกขอบรูปไปครึ่งตัว คนที่ผมเห็นแค่เสี้ยวหน้าครึ่งเดียวก็จำได้ทันที คนที่เมื่อวันก่อนยังกอดผมและกระซิบคำว่ารักข้างหูผม...

ทำไมณัฐถึงไปถ่ายรูปกับหล่อนได้...

ผมเลื่อนไปดูรูปอื่นๆ บางรูปก็เป็นรูปณัฐกับลูก บางรูปก็เป็นรูปหล่อนกับลูก บางรูปก็เป็นของทั้งสามคน มือผมเริ่มสั่นเทาขึ้นทีละน้อย อย่างนี้สินะที่เขาเรียกว่าหาเรื่องใส่ตัว สมองผมอื้ออึงคิดอะไรไม่ออก ไปเที่ยวดรีมเวิลด์กันสามคนพ่อแม่ลูกงั้นเหรอ? พ่อแม่ลูกเนี่ยนะ... มันดีมากใช่ไหม? มันดูเป็นครอบครัวมากเลยสินะ... ผมกลับไปที่รูปแรกอีกครั้ง มีสองรูปที่ทิ่มแทงใจผมที่สุด คือรูปที่ณัฐถ่ายคู่กับหล่อน และรูปที่ถ่ายกันสามคน ผมรู้ได้ทันทีว่ารูปที่ณัฐคู่กับหล่อนคงเป็นฝีมือลูกชาย ถ้าไม่ติดว่านั่นคือเด็กที่อายุเพียงห้าขวบ ผมคงจะตบกะโหลกให้ทิ่ม (ณ จุดนี้ผมจะไม่ขอรักษาภาพพจน์อีกแล้วนะครับ...)

ผมเริ่มคิดทบทวน บางทีมันอาจเป็นรูปที่ถ่ายมานานแล้วแต่หล่อนคงเพิ่งจะอัพรูป วันที่ในชื่ออัลบั้มก็บอกว่า 3/7/2011   ถ้าหากเป็นการเขียนวันที่แบบอังกฤษ ก็จะเรียงแบบ วัน/เดือน/ปี ซึ่งก็จะหมายความว่ามันคือวันที่ 3 เดือน 7 ปี 2554 แต่ถ้าหากว่าเป็นการเขียนวันที่แบบอเมริกัน คือ เดือน/วัน/ปี ก็จะหมายถึง วันที่ 7 เดือน 3 ปี 2554 แต่ผมคิดว่าอย่างหล่อนคงไม่รู้จักการเรียงวันที่แบบอังกฤษหรืออเมริกันหรอก เพราะงั้นมันน่าจะเป็นแบบ วัน/เดือน/ปี ตามที่คนไทยคุ้นเคยแน่นอน(ต้องขอโทษไว้ตรงนี้ด้วยนะครับถ้าวาจาของผมจะเหมือนกับการดูถูกเธอ...)

ในขณะที่ผมกำลังหาข้อสรุปให้ตัวเองเรื่องวันที่นั้น ผมก็เหลือบเห็นกางเกงตัวที่ณัฐใส่ในรูป ผมจำได้ว่าณัฐซื้อกางเกงตัวนั้นเมื่อเดือนห้าหรือเดือนหกนี่เอง เพราะฉะนั้น กางเกงตัวที่ซื้อในเดือนห้าหรือเดือนหก ไม่มีทางไปอยู่ในรูปภาพที่ถ่ายในเดือนสามแน่นอน มันคือวันที่ 3 เดือน 7 ปี 2554 แน่นอนครับ...

ตอนนี้เดือนแปด...เหตุการณ์นั้นผ่านมาได้เดือนนึง ซึ่งผมไม่ได้รู้เรื่องอะไรเลยว่ามันเกิดขึ้นได้ยังไง เหตุการณ์นั้นเกิดขึ้นได้ยังไงและเมื่อไร ผมคิดหัวแทบแตกว่าวันนั้นคือวันอะไร ปฏิทินถูกผมเปิดแรงจนแทบจะขาด วันที่ 3/7/2011 คือวันอาทิตย์... วันที่ณัฐต้องมีเรียน แต่วันนั้น...มันเป็นวันอะไรนะ...วัน...ผมนึกออกแล้ว...มันคือวันเลือกตั้ง ณัฐไม่มีเรียน และเป็นวันหยุดที่ผมรอคอยตั้งนานที่จะได้ใช้เวลาด้วยกันทั้งวัน...

ผมนึกย้อนไปถึงวันที่ 1/7/2011 วันนั้นคือวันศุกร์ วันที่ณัฐมาบอกผมหน้าเศร้าว่าแม่เขาให้ไปช่วยอาย้ายบ้าน ผมใจหายไปแว่บหนึ่งแล้วเขาก็พูดต่อ
“แม่มาถามว่าวันอาทิตย์ณัฐว่างไหม ณัฐก็ไม่ได้คิดอะไรเลยตอบไปว่าว่าง” พอฟังแล้วผมก็จี๊ด... วันที่เราวางแผนว่าจะไปเที่ยวกัน เขากลับบอกแม่เขาว่า ‘ว่าง’ ทั้งที่ผมรอคอยวันนี้มานาน เขากลับทำเหมือนว่ามันไม่สำคัญ...
“ทำไมณัฐถึงพูดแบบนั้น” ผมถามเขาแบบนั้น แล้วผมก็โมโห เราทะเลาะกัน... หรือจะบอกให้ถูกว่าผมโวยวายใส่เขา ณัฐเองก็ขอโทษและอธิบายผมสารพัด จนสุดท้ายผมก็ยอม...ยอมทั้งที่เสียความรู้สึกเหลือเกิน แต่ยังไงก็เป็นเพราะแม่เขาขอร้องนี่นะ...

พอวันอาทิตย์ที่ 3/7/2011 ผมก็นอนตื่นสายๆ เพราะว่าไม่อยากจะใช้เวลาอยู่คนเดียวในวันหยุดแบบนี้ จนผมตื่นมาตอนเที่ยง เขาก็โทรมาหาผม บอกว่ายังไม่ได้ออกไปเลย รอแม่อยู่ ผมก็ไม่ได้ว่าอะไร ไม่ได้โทรหาเขาสักครั้งเพราะคิดว่าเขาต้องกำลังยุ่ง ไม่อยากโทรไปรบกวน บ่ายสองก็แล้ว บ่ายสามก็แล้ว จนบ่ายสี่โมงเย็นเขาก็โผล่หน้ามาหาผมและกอดผมพร้อมกับบ่นว่าคิดถึงไม่ขาดปาก ผมเองก็ดีใจที่เขามาจนลืมเรื่องความโกรธไปจนหมด...


จนวันนี้...
ตอนที่ผมนั่งตัวชาบนเก้าอี้คนเดียว มือเลื่อนดูรูปซ้ำแล้วซ้ำอีก ผมดูรูปหนึ่ง ก็เหมือนเอาตะปูตอกบนหัวใจผมอันหนึ่ง ใจของผมคงจะพรุนไปหมดแล้ว ทำไมกันนะ นี่ผมโดนหลอกงั้นเหรอ? ผมถูกผู้ชายคนที่ผมแสนเชื่อใจโกหกงั้นเหรอ วันเวลาที่ผ่านมาหลังจากวันนั้นเขาอยู่มาได้ยังไงโดยที่มีเรื่องปิดผมอยู่แบบนี้ ผมเองไม่เคยจะมีอะไรปิดบังเขา แต่เขากลับบอกรักผม กอดผม จูบผม ทั้งๆที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ผมเคยไว้ใจณัฐที่สุด
ผมเคยมั่นใจที่สุดว่าณัฐไม่มีทางนอกใจผม
ผมเคยภูมิใจว่าณัฐไม่มีทางโกหกผมแน่นอน
ผมคิดว่าเขารักผมที่สุด...
แต่นี่...เขากำลังเลือกที่จะไปจากผมงั้นเหรอ...

“ฮึก... ทำไมถึงทำแบบนี้กับฟี่...” ผมนั่งยกขึ้นมาและซุกหน้ากับเข่าตัวเอง น้ำตาไหลออกมาแบบห้ามไม่อยู่ ผมอยากจะถามเขาเสียตอนนี้ อยากจะขอคำอธิบาย แต่เพราะผมไม่อยากรบกวนเขา ผมทำทุกอย่างก็คิดถึงเขาเสมอ ไม่เคยอยากให้เขามาลำบากเพราะผม ผมรักเขาจนสุดหัวใจ แต่นี่คือสิ่งที่เขาตอบแทนกับผมใช่ไหม?

โดยที่สติผมขาดๆเกินๆ ผมก็โพสสเตตัสบนเฟซบุ๊คของเราว่า ‘ดรีมเวิลด์ 3/7/2011 สนุกไหม?’ ถ้าณัฐเห็นแบบนี้แล้ว จะทำยังไงนะ...

ผมลุกจากเก้าอี้และไปซุกอยู่ที่โซฟา ผมพยายามจะหยุดร้องไห้ พยายามจะไม่สะอื้น แต่มันก็ยากเหมือนกับห้ามไม่ให้ฝนตก ความเสียใจของผมมันคงมากเกินไป หากผมไม่เคยคาดหวัง หากผมเผื่อใจไว้ ผมก็คงจะไม่ต้องเสียใจแบบนี้ หากผมไม่โง่ หากผมหัดโทรตามจิกเขา มันคงไม่เกิดเรื่องแบบนี้... แล้วจะให้ผมทำยังไงได้ ผมรักเขาจนเชื่อใจเขาเสียขนาดนี้...

ผมน่าจะขาดใจตายไปเลย จะได้ไม่ต้องมารับรู้เรื่องอะไรอีก...


TRrrr… TRrrr…
เสียงโทรศัพท์ปลุกผมจากฝันร้าย ผมลืมตาขึ้นและรับรู้ได้ว่าเรื่องทุกอย่างที่เกิดขึ้นมันเป็นเรื่องจริง ผมยังอยู่ ยังไม่ตาย และเบอร์ที่โทรเข้ามาก็คือเบอร์ของคนที่ทำผมเจ็บสุดหัวใจ...
“ฮัลโหล”
/ฟี่ ทำอะไรอยู่ กินข้าวหรือยังครับ/ เสียงณัฐสดใส... ผมรับรู้ทันทีว่าเขาคงยังไม่เห็นสเตตัสของผม...
“กินแล้วสิ” ผมพยายามทำเสียงให้เหมือนปรกติ หากเขาจะหลอกผม ผมก็จะให้ความร่วมมือกับเขาให้ถึงที่สุด อยากทำอะไรกับผมก็เอาเถอะ...ที่รัก...
/ฮื้อ...ทำไมเสียงเหนื่อยๆ ไม่สบายหรือเปล่าฟี่/
“เปล่า...” ไม่ใช่หรอกณัฐ ฟี่ไม่ได้ป่วย แต่กำลังจะขาดใจตายอยู่แล้ว..
/ไม่จริงหรอก ปรกติฟี่ไม่มีน้ำเสียงแบบนี้/
“...งือ...ฟี่ปวดหัวนิดหน่อย...แต่เดี๋ยวก็หาย”
/ไม่สบายมากหรือเปล่า ทำไมไม่โทรหาณัฐละ/
“ไม่เป็นอะไรมากหรอก จะต้องโทรไปกวนณัฐทำไมละ”
/อย่าพูดแบบนั้นสิฟี่ ณัฐไม่เคยคิดแบบนั้นเลยนะ/
ในใจผมตอนนี้มันมีแต่คำว่า ‘ไม่อยากฟัง’ ผมไม่อยากฟังอะไรจากปากเขาอีก อะไรจริง อะไรไม่จริง ผมหมดสติสัมปชัญญะที่จะมาทบทวนแล้ว
“ณัฐ ฟี่อยากนอน ขอวางสายก่อนนะ ตั้งใจเรียนด้วยละ...” ผมคิดว่าผมควรจะวางก่อนที่ผมจะกลั้นร้องไห้ไม่ไหว ผมไม่รอณัฐพูดตอบกลับแล้วชิงวางสายทันที น้ำตาผมไหลอีกแล้ว สิ่งเดียวที่จะทำให้ผมหยุดคิด หยุดเศร้า วิธีที่ผมใช้เสมอก็คือการหลับ... เพราะผมจะได้ไม่ต้องรับรู้อะไรอีก...


TRrrr… TRrrr…

โทรศัพท์ผมดังอีกครั้ง ผมดูนาฬิกา บ่ายสามโมง ณัฐโทรมาอีกแล้ว เพิ่งจะวางสายได้แค่ชั่วโมงกว่าๆ... สัญชาตญาณของผมรับรู้ได้ว่าการที่ณัฐโทรมาคราวนี้ บางที... เขาอาจจะเห็นสเตตัสที่ผมโพสแล้วก็เป็นได้...
“...” ผมรับสาย แต่ไม่ได้พูดอะไร
/...ฮัลโหล...ฟี่../
“อือ...”
/เป็นอะไร... มีอะไรหรือเปล่า/ ชัวร์เลยครับ ณัฐเห็นแล้วแน่ๆ และก็คงรู้ด้วยว่าผมหมายถึงอะไร แต่ทำไมเขาถึงไม่พูดออกมาตรงๆ เพราะเขาเองก็ยังไม่แน่ใจงั้นเหรอ เผื่อว่าถ้าผมไม่ได้คิดเรื่องเดียวกับเขา เขาก็คงจะไม่ยอมให้เรื่องนั้นเปิดเผยออกมาสินะ..
“ไม่เป็นอะไรหรอก แค่เหนื่อยๆ เพลียๆ”
/...แล้วที่โพสในเฟซบุ๊คน่ะ หมายความว่ายังไง/ เหอะ ผมรู้สึกจี๊ดเลยครับ ยังกล้ามาถามผมกลับใช่ไหม ไม่คิดจะบอกออกมาเองเลยใช่ไหม
“ณัฐลองถามตัวเองเถอะ น่าจะรู้ดีอยู่แก่ใจนะ” ผมไม่สามารถที่จะคุมน้ำเสียงตัวเองให้คงที่ได้แล้วครับ จริงๆแล้วผมเป็นคนที่อารมณ์ร้อนค่อนข้างมาก แต่เพราะตามปรกติไม่ค่อยที่จะมีใครมาทำให้ผมโมโห ผมจึงไม่ค่อยได้ระเบิดอารมณ์สักเท่าไร 
/ฟี่ไปเห็นอะไรมา ไปเจออะไรมาใช่มั้ย/ น้ำเสียงของณัฐเริ่มร้อนรนขึ้นทุกทีครับ แต่ผมกลับรู้สึกสะใจที่ทำให้เขาเป็นแบบนั้นได้
“ก็แล้วณัฐไปทำอะไรมาล่ะ บอกแล้วไงให้ถามตัวเองดู ทำอะไรมาอย่าคิดว่าฟี่ไม่รู้นะ!” ผมคิดว่าตั้งแต่ที่เราคบกันมาเกือบปี นี่คงเป็นครั้งแรกที่ผมตวาดและขึ้นเสียงใส่ณัฐ ก็ดีแล้ว ผมอยากจะให้เขารับรู้ได้เหมือนกันว่าการยอมของผมมันมีลิมิต
/ฟี่... ฟังณัฐก่อนได้ไหม ให้ณัฐอธิบายก่อนนะ/ ผมหูอื้อไปหมดแล้วครับ คำอธิบง-อธิบายอะไรผมไม่อยากฟังทั้งนั้น
“ไม่ต้องอธิบายอะไรหรอกณัฐ ณัฐอยากจะทำอะไรก็ทำไป อยากจะไปไหนกับใครก็ไป ไม่ต้องมานึกถึงความรู้สึกฟี่หรอก!”
/ฟี่..จะให้ณัฐไม่แคร์ฟี่ได้ยังไง ขอร้องเถอะ ฟังณัฐหน่อยนะ/
“ถ้าณัฐแคร์ฟี่จริง ห่วงความรู้สึกฟี่จริง ทำไมณัฐไม่คิดก่อนทำ ทำไมณัฐไม่คิดก่อนที่จะปิดบังอะไรฟี่ ไม่ต้องแล้วแหละณัฐ ไม่ต้องมายุ่งกับฟี่! ถ้าณัฐอยากจะไปนักก็ไปเถอะ ปล่อยฟี่ไว้อย่างนี้แหละ” ฮึก... ผมกลั้นน้ำตาไม่อยู่แล้ว บุญเท่าไรแล้วที่ผมไม่ฟูมฟายออกมา...
/ฟี่ เดี๋ยวณัฐไปหานะ รอณัฐก่อนนะ/ สุดท้ายเขาก็ตัดบทผมเอาดื้อๆ ไม่เอาด้วยหรอก ผมไม่อยากเจอเขา ไม่อยากเห็นหน้า ไม่อยากฟังคำที่เขาจะพูดกับผม ไม่อยากรู้ว่าเขาจะบอกอะไร
ผมกลัวว่าสิ่งที่เขาจะบอกกับผมคือขอเลิก
กลัวเขาจะมาบอกผมว่าเขาจะกลับไปหาครอบครัว
กลัวว่าผมจะต้องทนอยู่คนเดียวโดยที่ไม่มีณัฐ...
ผมไม่มีทางทนได้แน่นอน..

“ถ้าณัฐมา ฟี่ก็จะไป...”
/โธ่ฟี่..ขอร้องละ ณัฐกำลังไป รอนะฟี่ รอนะ/ ผมเจ็บปวดมากขึ้นเมื่อได้ยินเสียงณัฐเหมือนสะอื้น ผมทำณัฐร้องไห้ ทำณัฐเสียใจ แล้วยังทำให้เขาต้องทิ้งการเรียนมาหาผม ทำไมผมถึงได้เฮงซวยแบบนี้นะ ตัวเองเสียใจคนเดียวก็พอแล้วจะต้องดึงคนอื่นมาอีกทำไม
/ฟี่ ตอบณัฐสิ รอณัฐนะ รอก่อน อย่าไปไหนนะ/
ผมไม่ได้ตอบณัฐไปหรอกครับ ผมกดสายทิ้งแล้วก็นั่งน้ำตาไหลอยู่คนเดียว สมองผมมันย้ำอยู่แต่เรื่องแย่ๆทำนองว่า...

ณัฐจะต้องมาบอกเลิกผม
เขาจะต้องทิ้งผมไป
ทำไมเขาถึงโกหกผม
ทำไมเขาถึงใช้ชีวิตต่อมาจากวันนั้นได้หน้าตาเฉยทั้งที่มีเรื่องปิดบังผม
ทำไม ’เธอคนนั้น’ ถึงต้องอัพรูปเซ็ตนั้นขึ้น อัพเพื่ออะไร เพื่อจะป่าวประกาศว่าหล่อนไปเที่ยวกับลูกและสามีงั้นเหรอ ถ้าหากมีคนอื่นถามถึงณัฐ หล่อนคงจะบอกว่าเขาเป็นพ่อของลูกสินะ คงจะอ้างได้หน้าตาเฉยสินะ
ทำไม... ผมถึงต้องถูกทำแบบนี้ด้วย... ผมรักณัฐขนาดนี้ แต่ทำไมณัฐถึงเลือกทำสิ่งที่จะทำให้ผมเสียใจ...


ผมลุกจากโซฟาแล้วเดินขึ้นไปบนห้องนอน ผมขนเสื้อผ้าของณัฐออกมาจากตู้ หากว่าเขามาจะได้ไม่ต้องเสียเวลา เขาจะได้เอาเสื้อผ้าไปได้เลย
ผมเก็บรูปของเขาออกจากทุกๆที่ในบ้าน ผมเก็บหนังสือการ์ตูนของเขา ข้าวของๆเขาใส่ถุงให้
ผมเก็บรูปที่เราถ่ายคู่กันมาแล้วฉีกทิ้ง รูปคู่กันที่ณัฐบอกว่าอยากได้ใบเล็กมาใส่ไว้ในกระเป๋าเงิน ผมก็ไปอัดมาให้ แต่ตอนนี้เขาคงไม่ต้องการอีกแล้ว โน้ตลายมือณัฐที่แปะไว้หน้าตู้เย็นคงจะทำให้ผมแสลงใจในภายหลัง แต่เขาอุตส่าห์เขียนให้ผม เพราะงั้นผมก็จะเอามันคืนให้ณัฐไป
อย่าได้เหลืออะไรให้นึกถึงกันอีกเลย...


ผ่านไปเกือบชั่วโมงผมก็ได้ยินเสียงคนไขประตูบ้านผมแล้วปิดเสียงดังมาก เสียงณัฐเรียกชื่อผมมาจากชั้นล่าง ผมหิ้วของของเขาแล้วเดินออกมาจากห้องนอน ณัฐเปียกซ่กเพราะฝนตก หากเป็นเมื่อก่อน ผมคงรีบเอาผ้าขนหนูแห้งๆมาเช็ดผมให้เขา แต่แค่มองหน้าเขาผมก็จะสติแตกอยู่แล้ว ครั้งนี้มันเจ็บยิ่งกว่าครั้งไหน ผมรู้แล้วว่าทำไมเวลาคนที่เรารักทำให้เราเสียใจ มันถึงเจ็บเจียนตาย...

ก็เพราะว่าเรารักเขามากน่ะสิ การที่เรารักใครมาก คาดหวังมาก เวลาผิดหวังมันก็จะมากทวีคูณไปด้วย

ณัฐโยนกระเป๋าลงบนโซฟาแล้วเดินดิ่งมาหาผม เพียงชั่วแวบเดียวผมก็เข้าไปอยู่ในอ้อมกอดเขาแล้วถูกอุ้มลงมาจากบันไดเรียบร้อย ผมดิ้นรนออกจากอ้อมกอดของเขา ความรู้สึกของผมคือไม่อยากให้เขามาถูกตัวผมสักนิด แต่ณัฐก็กอดผมเอาไว้แน่นจนแทบหายใจไม่ออก
“ฟี่ ฟังณัฐก่อน ให้ณัฐพูดก่อนเถอะนะ”
“ไม่ต้องหรอกณัฐ ไม่ต้องพูดอะไรแล้ว”
“ทำไมละฟี่ จะให้โอกาสณัฐสักครั้งได้ไหม ขอให้ณัฐได้อธิบายสักนิดได้ไหม” ณัฐพูดไปตาก็แดงก่ำ ผมที่เจ็บปวดใจอยู่แล้ว พอมาเห็นเขาร้องไห้ก็ยิ่งปวดร้าวมากขึ้น... ทำไมผมถึงมีจิตใจอ่อนแอแบบนี้นะ...
“ไม่...” ผมส่ายหัวและดันเขาออก น้ำตาผมก็ไหล น้ำตาเขาก็ไหล ณัฐสะอื้นเบาๆ ผมรับรู้ได้เพราะเขากอดผมไว้แน่นและซุกหน้ากับซอกคอของผม ณัฐจูบที่ซอกคอของผมเหมือนพยายามที่จะปลอบประโลม แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่ผมต้องการสักนิด
“ณัฐ...อยากจะไปจากฟี่ก็ไปเถอะนะ ฟี่อยู่ได้ ไม่ต้องเป็นห่วงฟี่หรอก”
“ไม่ใช่นะฟี่ ไม่ใช่เลย ณัฐมีเหตุผล ณัฐมีคำอธิบาย ได้โปรดเถอะฟี่ อย่าผลักไสณัฐไปจากฟี่เลย”
“แล้วทำไมณัฐถึงทำแบบนั้น ถ้าไม่อยากไปจากฟี่แล้วโกหกฟี่ทำไม ณัฐรู้ไหมว่าฟี่ยังจำวันนั้นได้ดี ณัฐบอกฟี่ว่าจะไปไหน ณัฐใส่ชุดอะไร ณัฐกลับมาแล้วมากอดฟี่ทันทีที่เห็นหน้าฟี่ก็จำได้ ณัฐหลอกฟี่ไปแล้วยังกลับมาทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นได้ยังไง!!”
“ฟี่..ณัฐก็เจ็บปวดเหมือนกันนะ ณัฐเจ็บเหมือนกันที่มีเรื่องปิดบังฟี่ ไม่ใช่ว่าณัฐไม่คิดจะบอก ณัฐอยากจะบอกฟี่ทุกครั้งที่มีโอกาส แต่เพราะว่าเวลาที่อยู่ด้วยกันมันมีความสุขมาก และณัฐก็รู้ว่าฟี่จะเจ็บปวดแค่ไหนถ้าได้รู้ ณัฐถึงได้พูดไม่ออกสักที”
“แล้วฟี่มารู้ทีหลังแบบนี้มันเจ็บน้อยกว่ากันมั้ยยยย!!” ผมตะโกนจนแสบคอไปหมดแล้ว แต่นั่นมันก็ยังไม่สาแก่ใจในการระบายอารมณ์ ถ้าผมไม่ตะโกน และนั่งทำท่านิ่งๆ ผมคงอกแตกตาย
“ไม่...” ณัฐพูดเสียงเศร้าแล้วก้มหน้าไป ผมก็เริ่มรู้สึกปวดหัวจี๊ดจนอยากจะเอาหัวโขกกำแพงให้ตายซะ เครียดจะเป็นบ้าแล้วร่างกายยังจะมาป่วยอีก
“ฟี่จะกลับบ้าน” พอผมพูดแบบนั้น ณัฐก็เงยหน้ามามองผมเขม็งแล้วส่ายหัว
“บ้านฟี่อยู่นี่ไง”
“จะกลับบ้านอาผึ้ง ไม่อยากอยู่ที่นี่”
“ไม่ต้องไป อยู่ที่นี่แหละ”
“บอกว่าไม่อยากอยู่ เข้าใจไหมว่าไม่อยากอยู่เลยสักวินาทีเดียว!” ผมตวาดใส่ณัฐ เขาทำหน้าตกใจจนผมรู้สึกผิด แต่อารมณ์โกรธที่เข้ามาครอบงำก็ทำให้ผมไม่สนอะไรทั้งสิ้น
“งั้นฟี่ก็ไปเถอะ... ณัฐคงรั้งฟี่ไว้ไม่ได้หรอก ณัฐคงไม่มีสิทธิ์จะรั้งฟี่แล้วสินะ...แต่ขอให้ฟี่จำไว้อย่างหนึ่ง ต่อให้ณัฐไม่มีฟี่ ไม่มีใครเลย... ณัฐก็ไม่มีทางกลับไปหาเขาอีก” พอณัฐพูดแบบนั้นก็ทำให้ผมที่กำลังจะหันหลังกลับไปเก็บเสื้อผ้าต้องชะงักไปแวบหนึ่ง เพียงแวบเดียวเท่านั้นผมก็เดินต่อไป ผมเดินขึ้นบันไดไปได้แค่ครึ่งทางก็...
“ฟี่...” น้ำเสียงเศร้าสร้อยพร้อมกับแรงกอดจากด้านหลัง นี่มันกะจะให้ตกบันไดตายทั้งคู่เลยใช่ไหม...
“...”
“ฟังณัฐก่อนนะ ขอแค่ฟังณัฐก่อน ถ้าฟี่คิดว่าคำอธิบายของณัฐมันยังไม่ดีพอแล้วฟี่ยืนยันที่จะไป ณัฐก็จะไม่รั้งไว้” ผมหันไปมองหน้าณัฐ สมองประมวลผลว่าควรจะทำอย่างไรดี ผมคิดว่าตอนนี้ผมรู้สึกใจเย็นขึ้นมาก เหมือนว่าพอได้ตะโกนแล้วมันก็โล่งขึ้นมากกว่าตอนแรกที่รู้เรื่องใหม่ๆ สมองผมเองก็พร้อมที่จะรับฟังมากขึ้น บวกกับพอเห็นหน้าณัฐ... ผมเชื่อใจเขามาตลอด รู้จักเขามาก็นาน ณัฐเองก็บอกว่าเขามีคำอธิบาย แล้วทำไมผมถึงได้ปล่อยให้อารมณ์โมโหมาครอบงำขนาดนี้นะ ผมถามตัวเองว่าต้องการแน่เหรอที่จะเลิกกัน ผมยอมแน่เหรอที่จะอยู่โดยไม่มีณัฐ ที่ผมไม่อยากฟังณัฐพูด ก็เพราะกลัวว่าเขาจะมาขอเลิกนี่นา แต่ตามจริงแล้วมันก็ไม่ใช่อย่างที่ผมคิด เขาแสดงออกว่าเขารักผมมาก...ขนาดนั้น...

“ก็พูดมาสิ...” ผมหันหลังกลับแล้วเดินไปนั่งที่โซฟา ณัฐเองก็แทบจะดึงผมไปนั่งตักอยู่แล้ว ผมจึงต้องถลึงตาใส่เขาเพื่อจะได้รู้ว่าผมรับฟังแต่ไม่ได้หมายความว่าจะยกโทษให้หรอกนะ...
“แม่ของเขาโทรมาหาแม่ณัฐ” จู่ๆพ่อคุณก็เปิดประเด็นมาแบบไม่ให้ตั้งตัวเลยครับ
“โทรหาแม่ณัฐ โทรมาทำไม?” ผมขมวดคิ้ว แต่ไหนแต่ไรที่ได้ยินเรื่องแม่ของผู้หญิงคนนั้น ช่างเป็นแม่ที่ยุ่มย่ามวุ่นวายไม่สิ้นสุดเลยแหละครับ
“โทรมาถาม ว่าทำไมณัฐไม่ไปหาลูกบ้าง” จี๊ดดดดดดดดดดดดด.....พุ่งปรี๊ดเลยครับ ผมหงุดหงิดกับคุณแม่ท่านนี้มานานแล้ว ใจคอนี่จะปิดหูปิดตาไม่รับรู้บ้างหรือไรว่าลูกเขาเลิกกันนานแล้ว
“พอแม่เขาโทรมาอย่างนั้น แม่ณัฐก็เลยตกปากรับคำไป ณัฐเองก็ปฏิเสธไม่ออก เพราะว่าแม่ณัฐสัญญาไปแล้ว” ถึงตรงนี้ผมก็นึกถึงรูปเซ็ตนั้นครับ อารมณ์ผมเริ่มมาคุอีก ผมเลยสะบัดหัวแรงๆเพื่อไล่ภาพพวกนั้นออกไปก่อนที่ผมจะสติแตกอีกรอบ
“ณัฐไปแค่สองชั่วโมงเองนะฟี่... รีบไปแล้วก็รีบกลับ”
“วันนั้นคุยอะไรกันบ้าง” ผมถามเสียงต่ำ ไม่ได้จะหาเรื่องหรืออะไร แต่ก็แค่อยากรู้...
“ก็แค่ถามเรื่องยายเขา เห็นว่ายายเขาไม่สบาย ส่วนมากไม่ค่อยได้คุยกันหรอก”
ผมฟังแล้วก็เงียบ คุณคิดว่าในเวลาแค่สองชั่วโมงนั้นมันนานไหม? สำหรับคนรักกัน เวลาสองชั่วโมงเหมือนจะแสนสั้น แต่หากต้องอยู่กับคนที่เราไม่ได้รัก สองชั่วโมงนั้นก็ดูเหมือนจะยาวนาน... ผมยังมีสิ่งที่อยากถามเต็มไปหมด...
“อยากกลับไปอยู่กับลูกไหม” คำถามที่ผมถามเองเรียกน้ำตาให้มาคลอได้เป็นอย่างดี สักพักมันก็ไหลเอ่อออกมา ณัฐแตะปลายนิ้วเช็ดน้ำตาให้ผมแล้วพูดเสียงเบา
“ฟี่จะให้ณัฐกลับไปเพื่ออะไร ทุกอย่างมันไม่มีทางที่จะเหมือนเดิม ตรงนั้นมันไม่มีที่สำหรับณัฐอีกแล้ว ที่ของณัฐอยู่ตรงนี้” เขาเอานิ้วจิ้มมาที่อกข้างซ้ายของผม ผมหลับตาลงแล้วสูดหายใจเข้าลึกๆ
“ณัฐไม่มีเรื่องอะไรที่ปิดบังฟี่แล้วใช่ไหม? ”
“ไม่มีแล้ว แต่ถ้าฟี่จะไม่เชื่อก็ไม่เป็นไร”
ณัฐพูดอย่างนั้น.. แต่..
ผมเชื่อ...
ผมยังคงเชื่อมั่นว่าณัฐไม่ใช่คนชอบโกหก แต่ถึงแม้คำโกหกของณัฐจะเป็น White lies มันก็สร้างความเจ็บปวดได้ไม่น้อยเมื่อรู้ความจริง แม้ตอนนี้ผมจะไม่โวยวาย ไม่อาละวาด ไม่ฉุนเฉียว แต่ความรู้สึกของผมมันก็ไม่ได้จะกลับมาดีเหมือนเดิม ผมยังจำความเจ็บปวดตอนที่เห็นรูปพวกนั้นได้ไม่ลืม และคนที่สร้างปัญหานี้ขึ้นก็สมควรที่จะต้องชดใช้

“ณัฐรู้ใช่ไหมว่าความรู้สึกของฟี่จะไม่มีทางเหมือนเดิม ไม่ว่าผ่านไปนานเท่าไรฟี่ก็จะยังจำได้ว่าณัฐเคยโกหกฟี่ไว้ ฟี่ไม่โกรธที่ณัฐไป แต่ฟี่โกรธที่ณัฐปิดบัง ฟี่รู้สึกเหมือนว่าเป็นไอ้โง่ให้ณัฐหลอก เพราะฉะนั้นฟี่คงไม่สามารถที่จะปรับความรู้สึกกลับมาได้เหมือนเดิมทันที ทีนี้ก็จะเป็นปัญหาของณัฐที่จะต้องเยียวยาความรู้สึกของฟี่ด้วยตัวณัฐเอง”
“อืม” เขาพยักหน้าแล้วก็สวมกอดผม
“ฟี่กอดณัฐหน่อยได้ไหม”
ผมลังเลใจเมื่อได้ยินคำขอนั้น ผมยังรู้สึกตึงๆ ความเสียใจมันมีมากเหลือเกิน แต่บางสิ่งที่เรียกว่าโหยหาก็มากไม่แพ้กัน ความเคยชินที่ได้สัมผัสกันมันยังฝังแน่นในสมองของผม ผมยกแขนขึ้นแล้วโอบรอบแผ่นหลังของณัฐ
“จำไว้นะณัฐ จำความเสียใจของฟี่เอาไว้ จำไว้ว่าฟี่เคยเสียใจกับการตัดสินใจของณัฐแค่ไหน ความไม่มั่นใจของณัฐ ความลังเลของณัฐมันทำให้ฟี่เจ็บ มันทำให้คนที่ณัฐบอกว่ารักมากต้องเสียใจ หากว่ามันต้องมีครั้งต่อไป เราจะไม่มีทางกลับไปเหมือนเดิมได้อีก” ผมขอภาวนาว่าอย่าให้มีเหตุการณ์แบบนี้อีกเลย...
“ถ้าสถานการณ์ของเราสองคนสลับกัน ถ้าณัฐต้องตกอยู่ในสถานการณ์ของฟี่ ณัฐก็คงเสียใจไม่แพ้กัน ถ้าเป็นณัฐก็คงไม่อยากเจอเรื่องแบบนี้ ณัฐขอโทษนะ ณัฐขอร้องฟี่ว่าอย่าจำเรื่องนี้ได้ไหม ลืมมันไปได้ไหม ขอโอกาสให้ณัฐ...”
“ฟี่ไม่ลืมหรอกณัฐ ไม่มีทางลืม แต่ฟี่จะไม่ยอมปล่อยให้มันมาทำร้ายจิตใจฟี่อีก”
“แค่นั้นก็ยังดี” ณัฐยิ้มเศร้า มันยังคงต้องใช้เวลาที่จะปรับความรู้สึกให้คงที่ ผมคิดว่าผมยังคงต้องเศร้าสร้อยไปพักหนึ่ง แต่ผมก็เชื่อว่าสักวันมันจะต้องดีขึ้น เพราะว่าการที่ผมได้กอดเขาแบบนี้ การที่เราสองคนได้ใกล้ชิดกัน มันเป็นเหมือนยาที่ค่อยสมานแผลใจ และต้องไม่ลืมสิ่งสำคัญว่าเรารักกันมากแค่ไหน อย่าปล่อยให้อารมณ์ชั่ววูบมาทำลายความรักลงไป...เรื่องความรักเป็นเรื่องของคนสองคน ถ้าเราเชื่อใจกัน ก็จะต้องผ่านปัญหาไปได้แน่นอน...

ปล.ตอนนี้ผมเกลียดมาร์ค ซัคเคอร์เบิร์กที่สุดเลยครับ...

------------------------ The End ------------------------

แจ้งค่ะ :: เหตุการณ์ในตอนนี้เป็นเหตุการณ์ตอนที่เขาคบกันใหม่ๆนะคะ ไม่ได้เกิดหลังจากแต่งงานแล้ว  :L1:

ปล.เชื่อไหมคะ ว่านั่งพิมพ์ตอนนี้ไป บีก็เหมือนใจจะขาดไปด้วย ตอนพิเศษตอนนี้เป็นตอนเดียวที่กินพลังใจบีมากที่สุด ยิ่งเขียนก็ยิ่งหดหู่ สงสารฟี่ค่ะ สงสารมาก แต่เพราะความที่อยากจะให้ทุกคนได้รับรู้ว่าโลกนี้ไม่ได้สวยงามเสมอไป หากคุณเป็นคนที่มีความสุขมาก มันก็ต้องมีคนที่เจอแต่เรื่องให้ช้ำใจเสมอ ณัฐอาจจะทำผิด แต่ทุกคนย่อมมีเหตุผลของตัวเอง ฟี่อาจจะอ่อนแอ แต่ในความอ่อนแอนั้นก็แฝงไปด้วยความเข้มแข็ง

ทั้งนี้ทั้งนั้น บีแค่อยากจะนำเสนอความรักในแง่มุมที่หลากหลายค่ะ เพื่อที่จะได้เป็นภูมิต้านทานให้หัวใจของเรามากขึ้น
  :L2:



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-09-2011 12:18:52 โดย บีบีจัง »

ออฟไลน์ -~iK@iZ_KunG~-

  • Tomorrow Never Die!!!
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-2
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนพิเศษค่ะ <3
«ตอบ #325 เมื่อ01-09-2011 18:06:05 »

มาจิ้มๆ ตอนพิเศษครับ ^^

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนพิเศษค่ะ <3
«ตอบ #326 เมื่อ01-09-2011 18:29:46 »

9ปี ที่ไม่ธรรมดา

ณัฐ บางทีนายก็น่ากระทืบนะ
ในสังคมไม่ได้อยู่กันสองคน  แต่คนที่สำคัญที่สุด ก็ต้องได้รับการปฏิบัติที่ดีที่สุด
รักแต่ไม่เชื่อใจเจ็บทั้งสองฝ่ายนะ

ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนพิเศษค่ะ <3
«ตอบ #327 เมื่อ01-09-2011 22:44:12 »

เข้าใจนะว่า ธรรมชาติของฟี่ คือเป็นคนชอบคิดมาก คิดเล็กคิดน้อยอยู่แล้ว  :เฮ้อ:

แต่เวลาคบกับใคร ก็อยากให้เชื่อใจกันบ้าง ปล่อยวางบ้างอะไรบ้าง

ณัฐก็คงรู้ไง ว่าฟี่มันชอบคิดมาก เลยไม่ได้บอกออกไป
แต่ก็จริงอีกแหละ รู้ทีหลัง มันมักจะเจ็บกว่าเดิม  เลยกลายเป็นทำร้ายเพราะหวังดีไปซะงั้น  :z3:
คุยกัน ปรับความเข้าใจกัน แล้วผ่านมันไปให้ได้  ชีวิตรักจะแน่นแฟ้นกว่าเดิมค่ะ  :กอด1:

จะรออ่านผลงานต่อๆไปนะคะคุณบี   :L2:

ออฟไลน์ Horizon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1731
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +300/-22
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนพิเศษค่ะ <3
«ตอบ #328 เมื่อ01-09-2011 23:00:58 »

ขอบคุณสำหรับเรื่องราวดีๆ
ขอบคุณสำหรับตอนพิเศษ
รอตอนพิเศษ 2
+1

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: The Space [ช่องว่าง] ตอนพิเศษค่ะ <3
«ตอบ #329 เมื่อ01-09-2011 23:02:42 »

สมกับตอนพิเศษจริงๆค่ะ อ่านแล้วจี๊ด จับใจเลย
ความเชื่อใจสร้างขึ้นใหม่ได้อยากจริงๆค่ะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด