[Story] คนแรกของหัวใจฯ (สิ่งสุดท้ายของมิตรภาพ กับการยุติบทบาทของนายเต้)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Story] คนแรกของหัวใจฯ (สิ่งสุดท้ายของมิตรภาพ กับการยุติบทบาทของนายเต้)  (อ่าน 77033 ครั้ง)

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

ความรักในวัยเด็ก

กับสัญญาที่มีให้กัน เป็นต้นเหตุของเรื่องราวมากมาย

กว่าจะพบรักแท้ เล่นเอาเหนื่อยเช่นกัน

บททดสอบเล็กๆ ที่ยากจะผ่านไปได้

เป็นกำลังใจหน่อยแล้วกันครับ

..........


ชื่อคนแต่งจะรกบอร์ดไปหรือเปล่าครับ แหะๆ  :m21:

เป็นนิยายที่เขียนขึ้นโดยอ้างอิงจากชีวิตจริงของผมเองนะคร้าบบบ (80%) :m23:

ติชมได้ครับ o14
Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 18-08-2008 15:01:48 โดย นายเต้ »

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 1 ปฐมบทของความรัก

“สวัสดีครับ ผมชื่อ เด็กชายเชษฐวัทน์ ครับ ชื่อเล่น เกม ครับ” เสียงของเด็กชายคนหนึ่ง ซึ่งก็คือผมนี่แหล่ะ กล่าวทักทายกับเพื่อนใหม่ของการเข้าเรียนชั้น ป.1 ของผม แล้วทุกคนก็รายงานตัวกันจนเกือบครบ

“สวัสดีครับ ผมชื่อ เด็กชายเศรษฐ์พล ครับ ชื่อเล่น เต๊บ ครับ” เสียงใสๆ ของเด็กชายคนหนึ่งดังขึ้น ดึงดูดให้ผมในขณะนั้นยุติการคุยกับเพื่อนใหม่หันไปตั้งใจฟัง เต๊บ เป็นเด็กผู้ชายตัวสูงแต่ไม่เก้งก้าง ดูตี๋ๆ ขาวๆ เป็นลูกตำรวจ

“สวัสดีครับ ผมชื่อ เด็กชายเจษฎา ครับ ชื่อเล่น กุ๊น ครับ” เด็กผู้ชายอีกคนที่ดูน่ารักไม่แพ้เต๊บ กุ๊นเป็นคนตัวเล็กๆ แต่ยังสูงกว่าผมอยู่ ไม่ตี๋ แต่ขาวครับ เป็นเพื่อนคนแรกของผมเลยก็ว่าได้ครับ

“เกม ไปเล่นฟุตบอลกันป๊ะ” กุ๊นชวนผมไปเล่นฟุตบอลครับ

“ไม่เอาอ่ะ เราไม่ชอบ ขอนั่งดูเฉยๆได้เปล่า” ผมตอบกลับไป ผมไม่ค่อยชอบเล่นฟุตบอลเท่าไหร่ แต่ถ้าให้ผมนั่งดูอยู่ข้างสนามน่ะเป็นของชอบเลยครับ

“ตามใจนะ” แล้วกุ๊นก็วิ่งลงไปเตะบอลกับเพื่อนๆ

“เต๊บนั่งด้วยได้เปล่า” เต๊บนั่นเองครับ เดินมานั่งลงข้างๆผม

“นายไม่ไปเตะบอลกับเพื่อนๆเหรอเต๊บ” ผมถามเพื่อนใหม่ที่มานั่งลงข้าง

“เราไม่แข็งแรงนะ เล่นกลางแดดไม่ได้หรอก แล้วเกมหล่ะ ทำไมไม่ไปเตะหล่ะ” เต๊บถามผม

“เราไม่ชอบอ่ะ ขอแค่นั่งดูเฉยๆพอ” ผมพูดพลางหันกลับไปเชียร์กุ๊นต่อ

“ระวังโดนคนอื่นล้อว่าเป็นตุ๊ดนะ ไม่เล่นบอลอ่ะ” เต๊บพูดขึ้น

“ไม่สนใจอ่ะ จะว่าอะไรก็ว่า เราไม่สนหรอก” แล้วผมก็ลุกขึ้นเดินออกจากตรงนั้นไป

“เดี๋ยวเกม โกรธเราเหรอ ขอโทษนะ” เต๊บเดินตามมาขอโทษผม

“เปล่า แค่เราไม่ชอบคนที่ตัดสินคนอื่นแค่ภายนอกอ่ะ” (ความคิดของเด็กนะเนี่ยะ) ผมกล่าวไป พร้อมกับสัญญาณเตือนให้เข้าเรียนตอนบ่ายดังขึ้น

“เต๊บขอโทษนะ อย่าโกรธนะ” เต๊บยื่นนิ้วก้อยมาให้ผม

“อือ...” ผมยื่นนิ้วก้อยตอบกลับไป

“ทำไรอะ” เสียงกุ๊นดังขึ้น พร้อมกับเดินเข้ามาดึงมือผมเดินกลับห้อง

“เกมโดนไอเต๊บทำอะไรหรือเปล่า เราเห็นเหมือนเกมกับมันทะเลาะกันอะ” กุ๊นถามผม

“เปล่าๆ เราไม่ได้ทะเลาะกับเต๊บ” ผมพูดตอบไปพร้มกับเดินเข้าชั้นเรียนไป

จนเลิกเรียน

“เกม กลับบ้านยังงัยอ่ะ” เต๊บถามผมขึ้น

“เดินกลับอะ พี่สาวกลับก่อนแล้ว” ผมตอบกลับไป

“งั้นเด๋วเต๊บปั่นจักรยานไปส่ง เอาป๊ะ” เต๊บพูดพลางเอามือตบๆที่ที่นั่งของคนซ้อนท้าย

“ไม่เป็นไร เด๋วเราไปส่งเกมเอง” กุ๊นเองครับ อะไรว่ะเนี่ยะ

“บ้านนายไปอีกทางนี่กุ๊น” ผมพูดกับกุ๊น

“ก็เราจะไปส่งอะ” ตามประสาเด็กครับ อยากเอาชนะ

“ไอ้กุ๊นกลับบ้านได้แล้ว” เสียงผู้หญิงคนหนึ่งดังขึ้น พี่สาวของกุ๊นน่ะเองครับ

“กุ๊นกลับเถอะ เดี๋ยวเราให้เต๊บไปส่งก็ได้” แล้วก็เป็นไปตามที่ผมกล่าว กุ๊นยอมให้ผมกลับกับเต๊บ

“กุ๊นเขาเกลียดเต๊บเหรอ เห็นกุ๊นเขาไม่เห็นพูดดีกับเต๊บเลย” นายเต๊บกล่าวขึ้น

“ไม่หรอกมั้งเต๊บ” ผมกล่าวขึ้นก่อนที่จะให้ความสนใจกับขบวนรถไฟที่ผ่านมาพอดี

“เกมเคยนั่งรถไฟป๊ะ” เต๊บถามผม

“ไม่เคยอะ” ผมพูด

“เดี๋ยวถ้าโตขึ้น เต๊บจะพาเกมนั่งรถไฟ เอาป๊ะ” ผมเต๊บพูด

“เอาๆๆๆๆ” ตามประสาเด็กน้อยนะครับ อยากเล่นไปหมด

แล้วเต๊บก็ปั่นจักรยานมาส่งผมถึงบ้าน

“เต๊บจะกลับเลยป๊ะ เราว่ามาทำการบ้านด้วยกันเถอะ จะได้สนุกๆ” ผมเอ่ยชวนเพื่อนใหม่ของผมด้วยไมตรีจิต

“ก็ดีเหมือนกัน” แล้วผมก็พาเต๊บไปไหว้พ่อกับแม่ และปู่กับย่าผม ก่อนที่จะพากันมานอนทำการบ้านที่ลานหน้าบ้าน

“ขอนี้ทำไงอ่ะเกม” นายเต๊บถามผมในข้อที่ไม่รู้ ผมก็ตอบไปถ้าไม่ได้ก็ให้แม่ช่วย กว่าจะเสร็จก็เกือบจะค่ำแล้ว

“เดี๋ยวเต๊บกลับก่อนนะ เดี๋ยวค่ำก่อน” แล้วเต๊บก็เดินไปลาพ่อ แม่ ปู่และย่าผม ก่อนปั่นจักรยานออกจากบ้านผมไป

“พรุ่งนี้เจอกันนะเต๊บ” ผมพูดพลางโบกมือลาเพื่อนใหม่ของผม

“ไปอาบน้ำซะเกม แล้วมาช่วยแม่ทำกับข้าว” แม่สั่งผมก่อนที่ผมจะวิ่งเข้าไปอาบน้ำ แล้วออกมาช่วยแม่ทำกับข้าว การรับประทานอาหารค่ำนั้น พ่อ แม่ ปู่และย่าผมซักผมเรื่องการไปโรงเรียนวันแรกของผมอย่างสนุกสนาน ก่อนที่ผมจะทานข้าวเสร็จแล้วเข้านอน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้ตื่นเช้า ไปโรงเรียนกับพี่สาว ไปเล่นกับเต๊บ เพื่อนใหม่ที่ผมชอบครับ

.........

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
หุหุ คนแรก  :m4:  :m4:  :m4:  :m4:
อืม รู้จักกันตั้งแต่ ป.1 เลยรึนี่  :m1:  :m1:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อ่า ได้อ่านอีกเรื่องแล้ว

เปิดตัวมาตื่นเต้นน่าติดตาจริงๆ

ท่าทางเมฆจะก่อเค้ามาแต่เริ่ม

กุ๊นคิดอะไรอยู่หนอ

 :m27: :m27: :m27: :m27: :m27:


ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
มาเป็นกำลังใจให้ครับ

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 2 Puppy Love (แฟนฉัน)

“หวัดดีเกม...” เสียงกุ๊นตะโกนขึ้น “วันนี้มาเช้าจังนะ” กุ๊นวิ่งเอากระเป๋าไปไว้ที่นั่งของตัวเอง ก่อนวิ่งออกมาที่ลานหน้าห้องเรียนที่ผมนั่งดูเพื่อนเล่นกระโดดยาง

“ก็ตื่นเช้าอะ เลยมาเร็ว กุ๊นหล่ะทำไมมาช้าจัง” ผมถามกุ๊นต่อ

“ก็มันยังง่วงนอนอยู่อ่ะ เลยโดนแม่เอ็ดซะยกใหญ่เลย” กุ๊นพูดจบก็วิ่งออกไปวิ่งเล่นกับเพื่อน

“มาเช้าจังเลยนะเกม” เสียงใสๆ ของเต๊บดังขึ้นข้างหลังผม

“อ้าว... เต๊บ มาตอนไหน ไม่ยักเห็น” ผมกล่าวทักทายเต๊บ

“มัวคุยกับกุ๊นอยู่หล่ะสิเลยไม่ทันมองว่าเต๊บมาหรือยัง” เต๊บพูดแบบงอนๆ

“เหรอ... อืมมม... ขอโทษล่ะกัน” ผมพูดพลางยื่นนิ้วก้อยไปทางเต๊บ

“อื้ออ...” เต๊บยื่นตอบ

“เกม... เต๊บ... นั่งทำอะไร ไปเล่นก่อนเข้าแถวเหอะ” เสียงกุ๊นตะโกนกลับมา

“ไม่หล่ะ เด๋วเหงื่อออก นายเล่นไปเหอะ” เต๊บตะโกนกลับ

“เราเหมือนกัน” ผมตะโกนกลับไปด้วยเช่นกัน


...พักเที่ยง...

“เกมกินข้าวป๊ะ” กุ๊นชวนผม

“เต๊บ... กินข้าว” แล้วกุ๊นก็หันไปชวนเต๊บ ระยะหลังนี้ดูเต๊บกับกุ๊นสนิทกันกว่าเดิม อาจเพราะสองคนมีนิสัยคล้ายๆกันนะครับ เลยดูสนิทกัน ผมเลยพลอยดีใจไม่ต้องคอยมานั่งลำบากใจแบบเก่าอีก

“นี่ๆๆๆ เกม” กุ๊นสะกิดผมพร้อมชี้มือให้ผมดูอะไรบางอย่าง

“เห็นเด็กผู้หญิงคนนั้นเปล่า...” อ้อ! เด็กผู้หญิงนี่เอง

“อืมม... ทำไมเหรอ” ผมหันกลับไปกินข้าวต่อ

“เปล่าไม่มีอะไร แค่เราชอบน่ะ” กุ๊นพูดพลางกินข้าวต่อ เด็กผู้หญิงที่กุ๊นชี้ให้ผมดูนั้นชื่อ เจน เป็นเพื่อนข้างๆห้องผม และเป็นญาติห่างๆกับผมด้วย

“เหรอ” ผมพูด

“อื้ออ น่ารักดี เหมือนตุ๊กตาเลย... แล้วนายอะเต๊บ ไม่ชอบใครบ้างเหรอ” กุ๊นหันไปทางเต๊บ พอเต๊บได้ยินคำของกุ๊นก็หันหน้ามาทางผม

“อื้อ... ก็มีอยู่คนหนึ่ง ไม่รู้เขารู้หรือเปล่า” เต๊บพูดแล้วก็ยิ้มให้ผม ผมก็ยิ้มตอบครับ

“ไม่เห็นเล่าให้ฟังเลย... เนอะเกม” กุ๊นพูดแล้วหาแนวร่วม

“นั่นดิ” ผมพูด

“ก็แค่แอบชอบอะ” เต๊บพูดแถมแก้มนี่แดงระเรื่อเชียว น่ารักมากกกกก

“อือออ” แล้วการสนทนาก็ยุติลง เพื่อที่เราทั้งสามจะรีบกินข้าวให้เสร็จก่อนไปเล่นเกมกัน เพราะมีเวลานิดเดียวก็เข้าชั้นเรียนแล้ว

“นี่เกม... วันนี้เต๊บไปส่งอีกน่ะ” เต๊บพูดขึ้นระหว่างทำงานที่คุณครูมอบหมายให้ทำในชั่วโมง

“ไม่รู้อะ เราต้องบอกพี่สาวก่อน” ผมยังไม่ตกลงครับเพราะไม่รู้พี่สาวจะว่ายังงัย

“งั้นเดี๋ยวเราไปส่งด้วย เราอยากไปเล่นที่บ้านเกมอะ” กุ๊นพูดขึ้น ผมกับเต๊บนั่งโต๊ะเดียวกัน ส่วนกุ๊นนั่งข้างหน้าผม เพื่อนคงจะจำได้สมัยประถมโต๊ะนักเรียนจะเป็นแบบโต๊ะคู่ ไม่ใช่โต๊ะเดี่ยวแบบมัธยม

“อืมมมม ก็ได้” ผมตอบตกลง

“แล้ววันต่อไปก็ไปบ้านแก... ไอ้เต๊บ” กุ๊นพูดพลางหันไปทางเต๊บ

“แล้วค่อยไปบ้านกู” กุ๊นพูด

“เออๆๆ ก็ดี” สองคนเนี่ยะคุยด้วยภาษาพ่อขุนจริงๆ แต่ถ้าทั้งสองหันมาคุยกับผมเมื่อไหร่จะพูดเพราะมากครับ แปลกดี

“หวังว่าพ่อเมิงคงไม่จับกูเข้าคุกนะ” ความคิดเด็กๆครับกลัวตำรวจกันทั้งนั้น ซึ่งรวมถึงผมด้วย แต่หลังจากที่ผมรู้จักกับคุณพ่อของเต๊บแล้ว ความรู้สึกกลัวก็หมดไปเลยครับ


...เลิกเรียน...

เราทั้งสามคนก็ยกโขยงกันไปบ้านผม กุ๊นมาบ้านผมครั้งแรกเลยดูตื่นเต้นวิ่งไปไหว้ปู่กับย่าผม พ่อกับแม่ผมด้วย รวมทั้งผมและเต๊บด้วย

“งั้นมาทำการบ้านกันมั้ย จะได้ไม่ต้องเสียเวลา” ผมพูดขึ้น แล้วเราก็พากันทำการบ้าน ซึ่งก็ทำไปเล่นไป โดยเฉพาะกุ๊นกับเต๊บมักจะเล่นกันตลอดจนผมได้ว่าถึงยอกเลิกเล่นมาทำการบ้านต่อ ซักพักกุ๊นก็ขอตัวกลับก่อนเพราะกลัวมันค่ำ เต๊บเลยกลับด้วยเพราะกลับทางเดียวกัน

“พรุ่งนี้เจอกันเกม” ทั้งเต๊บและกุ๊นพูดขึ้นพร้อมกัน

“อื้อ” แล้วผมก็เดินเข้าบ้านเพื่อทำการบ้านให้เสร็จจะได้ทำงานบ้านต่อ

“เอ๊ะ... สมุดของเต๊บนี่หน่า” ผมพูดพลางเปิดดูข้างในสมุด ซึ่งเป็นสมุดเขียนเล่นทั่วไป

‘...เต๊บชอบเกมจังเลย...’ เป็นหนึ่งข้อความที่เต๊บเขียนไว้ในหน้าๆ หนึ่งของสมุด ทำเอาผมหน้าร้อนผ่าวเลย (แก่แดดจังเว้ย...) ก็ไม่เข้าใจความรู้สึกตอนนั้นหรอก รู้เพียงว่าดีจังที่มีเพื่อนแบบเต๊บ

‘...เกมก็ชอบเต๊บนะ...’ ผมเขียนตอบลงไปใต้ข้อความนั้น ตอนนั้นที่เขียนแค่รู้สึกดีที่มีเพื่อนที่รักเราและเราก็รักเพื่อนเท่านั้นเองครับ แล้วผมก็ต้องรีบทำการบ้านให้เสร็จเร็วๆ เพื่อที่จะไปทำงานบ้านต่อ

..........

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 3 ความรู้สึกดีๆ

เช้าวันนี้ผมยื่นสมุดเล่มที่เต๊บลืมไว้ที่บ้านผม เต๊บรับไปด้วยสีหน้างงๆ ก่อนที่จะหน้าแดงขึ้นมา สงสัยจะนึกอะไรได้ว่าเขียนอะไรไว้ข้างใน

“เต๊บลืมไว้เมื่อวานอะ” ผมพูดพลางยิ้มให้เต๊บไป ผมสังเกตเห็นเต๊บหน้าแดงมากขึ้นกว่าเดิม พลางหันมาทางผมด้วยสีหน้าที่แดงมากกว่าเดิม สงสัยจะอ่านเจอข้อความที่ผมเขียนไว้ เหอๆๆ

“เกมพูดจริงเหรอ” เต๊บถามผมขึ้น

“อะไร” ผมถามกลับด้วยความสงสัย

“ก็เนี่ยะ...” เต๊บพูดพลางยื่นสมุดเล่มนั้นให้ผมดู

“อ๋อ... ใช่สิ... เต๊บเป็นเพื่อนที่ดีจะตาย” ผมพูดกับเต๊บ ดูเหมือนสีหน้าเขาจะแดงกว่าเดิมซะอีก

“ทำไรอะ ไปเก็บขยะ” เสียงกุ๊นพูดขึ้น

“ชอบเกมก็ไม่บอกเรา” กุ๊นพูดต่อ ทำเอาหน้าเต๊บแดงขึ้นกว่าเดิมอีก

“แต่เกมเป็นเจ้าสาวให้นายไม่ได้หรอกนะเต๊บ” กุ๊นกล่าวต่อ

“ทำไมอะ” ดูมัน ยังอุตส่าห์ถามต่อ ผมก็ได้แต่ยืนฟังสองคนนั้นคุยกัน ไม่รู้เรื่องเอาซะเลย (ผมนะ) ไม่รู้เขาพูดอะไรกันเข้าใจยากชะมัด

“ก็เพราะเกมเป็นผู้ชายนะสิ เพราะฉะนั้นนายกับเกมจึงได้แค่ชอบกันเท่านั้น” กุ๊นสรุปต่อให้เต๊บฟัง แล้วหลังจากนั้นพวกเราทั้งสามก็เดินไปเข้าแถว และเรียนทั้งวันต่อไป…

.........

“คิดอะไรอยู่เหรอเกม” เสียงกุ๊นดังขึ้นข้างหลังผม

“คิดถึงเรื่องเมื่อตอนประถมอะ กุ๊นจำเต๊บได้เปล่า” ผมกล่าวขึ้น

“เต๊บลูกตำรวจนะเหรอ... จำได้สิ” กุ๊นพูดพลางมองหน้าผม กุ๊นตัวสูงขึ้นมากในตอนนี้ ไม่อยากเชื่อว่าจะเป็นแค่เด็กม.ต้น แต่ตัวสูงเป็นบ้า

“ไม่รู้มันจะเป็นยังงัยบ้างเนอะ” กุ๊นพูดต่อแล้วก็หันไปทางอื่น

“เฮ้ออออออ... คิดถึงตอนเด็กๆแล้วตลกเป็นบ้าเลย” ผมพูดพลางหันไปทางกุ๊น

“อย่ามองแบบนั้นนะ เรื่องเก่าๆมันผ่านไปแล้วอย่าไปนึกถึงมันเลย” กุ๊นพูดดักคอผมเพราะเรื่องสมัยประถมมีแต่เรื่องฮาๆ เรื่องเปิ่นๆของนายกุ๊นเนี่ยะเป็นที่หนึ่งครับ

“555+” ผมหัวเราะ “แล้วตอนนี้ยังคิดเหมือนเดิมป๊ะกับเจนอะ” ผมพูดพลางมองหน้ามันอีกที

“ไม่แล้วหล่ะ แหม... ตอนนั้นยังเด็กอยู่นะเกม... ตอนนี้นะเราแอบชอบคนๆหนึ่งอยู่ ไม่รู้เขาจะรู้ตัวหรือเปล่า” กุ๊นพูดพลางหันหน้ามาทางผม แล้วก็ยิ้มให้ผม

“เหรอ... ใครช่างเป็นบุคคลที่โชคร้ายขนาดนั้นว่ะ” ผมพูดพลางหัวเราะ แล้วก็หัวเราะแทบเหนื่อยเพราะกุ๊นแกล้งผมคืนด้วยการจี้เอวผม ทรมานมากเพราะผมเป็นบ้าจี้สุดๆ

“พอแล้วกุ๊น...” ผมยื่นมือไปดึงที่หูกุ๊น เพราะเป็นจุดเดียวที่ผมจะหยุดมันได้เพราะหูมันยานครับ 555+

“เจ๊บนะ” มันเลยหยุดจี้เอวผม แล้วเราก็เดินขึ้นห้องเรียนต่อ...


............

“วันนี้ไปบ้านเต๊บใช่ป๊ะ” กุ๊นพูดขึ้น พวกเราสามคนทำแบบนี้มาตลอดเวลาจนจอนนี้ขึ้น ป.3แล้วก็ยังคงแวะเวียนไปทำการบ้าน พ่อแม่ของแต่ละคนก็ยินดีมากที่พวกผมพากันทำการบ้านและแวะเวียนไปบ้านคนนั้นคนนี้ โดยเฉพาะบ้านของกุ๊นจะดีใจเป็นพิเศษที่ลูกชายเลิกเล่นหันมาทำการบ้านกับเพื่อนๆได้

“สวัสดีครับคุณพ่อคุณแม่” ผมกับกุ๊นกล่าวขึ้นพร้อมกัน

“จ้า... มากันแล้วเหรอ ดีจ๊ะ กินขนมกันก่อนมั้ย” คุณแม่ของเต๊บกล่าวขึ้นด้วยไมตรีจิต

“พ่อมีอะไรจะพูดกับเด็กๆพอดีนะ คือ พ่อต้องย้ายไปเป็นตำรวจที่สระบุรีเดือนมีนาคมนะ” คุณพ่อของเต๊บกล่าวขึ้น ผมกับกุ๊นเลยมองหน้ากันแล้วก็หันไปมองหน้าเต๊บ พวกเราสามคนเลยเดินออกไปที่หน้าบ้าน

“นี่แกจะย้ายที่เรียนตามพ่อแกเหรอเนี่ยะ” กุ๊นพูดขึ้น

“ก็คงเป็นอย่างนั้นนะ กูไม่มีญาติอยู่ที่นี่นี่นา” เต๊บพูดขึ้น

“...” ผมยังคงเงียบอยู่ไม่อยากพูดอะไรเลย

“เงียบทำไมอะเกม” กุ๊นถามผม

“เปล่าแค่ตกใจนิดหน่อยอะ” ผมพูด

“เรายังคงเป็นเพื่อนกันเหมือนเดิมนะเกม ยังเขียนจดหมายหากันได้” เต๊บกล่าวขึ้น

“เอาเหอะ... กว่าแกจะไปก็ตั้งอีก 4 เดือน เวลาที่เหลืออย่าทำให้เสร้าเลย” กุ๊นพูดขึ้น ซึ่งหลังจากนั้นพวกเราก็ตั้งใจทำการบ้านให้เสร็จ เพื่อจะได้เล่นวีดีโอเกม ซึ่งผมเป็นคนนั่งดูมากกว่า เพราะเล่นทีไรก็แพ้สองคนนั่นทุกที เลยขอนั่งดูดีก่าจะได้สนุก

หลังจากวันนั้นพวกเราทั้งสามคนใช้เวลาอยู่ด้วยกัน ไปไหนไปด้วยกัน กินข้าวด้วยกัน ทำการบ้านด้วยกัน เพื่อใช้เวลาทั้งหมดให้คุ้มค่ามากที่สุด เต๊บจะเป็นห่วงผมมากกว่าเพราะนอกจากเต๊บกับกุ้นแล้ว ผมแทบจะไม่ได้ไปไหนกับใครเลย แล้วถ้าไม่มีเต๊บก็เหลือแค่กุ๊นที่ผมต้องไปไหนไปด้วย ถ้าเกิดกุ๊นไม่มาโรงเรียนผมจะเป็นอย่างไร

“เวอร์น่าเต๊บ เราโตแล้วนะ จะ 10 ขวบอยู่แล้ว วันไหนกุ๊นไม่อยู่เราก็ไปกับคนอื่นได้น่า เป็นห่วงไม่เข้าเรื่อง” ผมกล่าว

“เกม... ไอ้เต๊บมันอุตส่าห์เป็นห่วงนะ” กุ๊นแย้งขึ้น “แต่นายไม่ต้องห่วงน่า เราไม่แยกจากเกมแน่นอน” กุ๊นหันไปพูดกับเต๊บ

“อ่า... ก็เราไม่อยากให้เต๊บเป็นห่วงนี่นา” ผมพูดขึ้น

แล้วการปิดเทอมก็เข้ามาถึง เดือนมีนาคม 2535 เต๊บต้องเดินทางย้ายตามครอบครัวไปที่ จ.สระบุรี ผมกับกุ๊นก็มาส่งเต๊บที่บ้านพักตำรวจซึ่งเพื่อนๆที่สนิทกับเต๊บก็มาด้วย รวมทั้งคุณพ่อคุณแม่ของผมและกุ๊นก็ตามมาสมทบด้วย

“โชคดีนะเต๊บ อย่าลืมเขียนจดหมายมาหากูกับเกมบ้างนะ” กุ๊นพูดขึ้น

“อย่าห่วงน่า กูเขียนมาแน่” เต๊บพูดขึ้นพลางหันมาทางผมแล้วพูดว่า

“เกมดูแลตัวเองดีๆนะ เด๋วเต๊บเขียนจดหมายมาหาแน่นนอน” เต๊บพูดจบก็ดึงผมเข้าไปกอด ซึ่งกุ๊นก็เลยเดินเข้ามากอดด้วย เราสามคนร้องไห้ด้วยกันจนคุณพ่อและคุณแม่ของเต๊บเดินเข้ามาปลอบพวกเรา

“ถ้าพ่อกับแม่มีโอกาสมาที่อุบลฯ จะพาเต๊บมาเยี่ยมนะจ๊ะ” แม่ของเต๊บกล่าวปลอบพวกเรา ท่านทั้งสองคงเข้าใจดีว่าพวกเราสามคนสนิมกันมาก

“โชคดีนะจ่า” คุณพ่อของกุ๊นกล่าวขึ้นหลังจากที่ได้เวลาเดินทางของครอบครัวนี้แล้ว

“โชคดีนะเต๊บ...” ผมกับกุ๊นกล่าวขึ้นพลางโบกมือลากัน

“อย่าลืมสัญญาที่แกให้กับฉันนะไอ้กุ๊น ถ้ากูรู้ว่ามึงผิดสัญญาเมื่อไหร่กูเอามึงตายแน่” เต๊บพูดพลางเดินขึ้นรถ แล้วรถของครอบครัวนี้ก็เคลื่อนตัวออกไปจนลับสายตาของทุกๆ คนที่มาส่ง

“กูไม่ลืมสัญญาหรอกไอ้เต๊บ...” กุ๊นกล่าวขึ้นเบาๆ หลังจากนั้นทุกคนจึงแยกย้ายกลับบ้านของตัวเอง ส่วนเกมตกลงกับผมว่าจะไปเล่นกับผมที่บ้านทุกอาทิตย์ เพราะมาทุกวันคงไม่ได้ ต้องช่วยงานของครอบครัวเหมือนกัน

...............

“เหม่ออีกแล้วนะเกม” กุ๊นพูดขึ้นขณะที่เรากำลังอ่านหนังสือในห้องสมุด

“อื้อ... โทดที... กำลังนึกถึงเรื่องสมัยประถมอะ” ผมกล่าวพลางก้มลงไปงานแบบฝึกหัดต่อ

“เรื่องไอ้เต๊บอีกแล้วเหรอ...” กุ๊นพูดพลางทำหน้าบึ้ง

“แล้วไหงต้องทำหน้าแบบนั้นด้วยหล่ะกุ๊น...” ผมถามอาการของกุ๊นที่ทำหน้าบึ้งใส่ผม

“เปล่า...” กุ๊นพูดจบก็ก้มหน้าอ่านหนังสือต่อไป

“กุ๊นยังไม่ลืมเรื่องที่สัญญากับไอ้เต๊บหรอกน่ะ เกม... ไม่ต้องห่วง” กุ๊นพูดต่อแต่ยังคงก้มหน้าอ่านหนังสือเหมือนเดิม

“อืมม...” ผมไม่รู้จะว่ายังงัย ก็กุ๊นทำหน้าแบบนั้นนะครับ หน้างอนๆ แก้มป่องๆ น่ารักเป็นบ้า

“เฮ้ย!...” กุ๊นอุทานหลังจากที่ผมยื่นมือไปดึงหูเขา

“เล่นไรเนี่ยะ... จั๊กจี้นะเกม” กุ๊นกล่าวพลางเอามือไปลูบหูตัวเอง

“หายงอนยัง งอนเรื่องไรเนี่ยะ” ผมยิ้มให้กุ๊น “จะ 15 แล้วนะงอนเป็นเด็กๆ” ผมพูดต่อ

“กุ๊นไม่ใช่เด็กแล้วนะเกม กุ๊นโตแล้ว สูงกว่าเกมอีก กุ๊นจะงอนเกมเพื่อให้เกมสนใจกุ๊นบ้าง ไม่ได้เลยเหรอ” กุ๊นพูดจบพลางเก็บหนังสือแล้วลุกออกจากห้องสมุดไป ทำเอาผมงงไปเลยครับ

“เฮ้ย! ...” ผมอุทานพลางวิ่งตามกุ๊นออกไป

“เดี๋ยวก่อนกุ๊น...” ผมวิ่งไปจับแขนเสื้อกุ้น แต่กุ๊นสะบัดมือผมจนหนังสือของกุ๊นร่วง ผมก็ร่วงลงไปกองที่พื้นตามแรงสะบัดของกุ๊น

“โอ๊ย...” ผมร้องเบาๆ เพราะรู้สึกเจ็บที่หัวเข่า ปรากฏว่าหัวเขาผมถลอกนั่นเองครับ

“เป็นอะไรมั้ยเกม...” กุ๊นเข้ามาพยุงผมลุกขึ้นพลางเดินไปเก็บหนังสือแล้วพาผมไปห้องพยาบาล ซึ่งอาจารย์ก็ให้กุ๊นทำแผลให้ผม

“เจ็บมากมั้ย... กุ๊นขอโทษนะ” กุ๊นพูดพลางเอาผ้ามาเช็ดแผลแล้วก็ทายา

“เฮ่ๆๆๆ... เบาๆ ดิ เจ็บน่ะ” ผมร้องเพราะแสบแผล

“แล้วนี่กุ๊นหายงอนเกมยังอะ” ผมถามกุ๊นต่อหลังจากที่เขาทำแผลให้ผมเรียบร้อยแล้ว

“...” กุ๊นพยักแทนการตอบ

“แล้วกุ๊นเป็นอะไร ทำไมถึงโกรธเกมหล่ะ” ผมถามต่อด้วยความสงสัย

“ซักวันเกมจะเข้าใจว่าทำไม” กุ๊นพูดขึ้นด้วยถ้อยคำที่จริงจัง

..........

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
รึกุ๊นจะชอบเกม  :m28:

รอลุ้นต่อจ๊ะ  :m18: :m18:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ zandwizz

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2245
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-7
 :impress:

เพิ่งเข้ามาอ่านครับ

รออ่านต่อไปครับ

 o15

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
.........

บทที่ 4 ความรู้สึกดีๆ ที่เริ่มก่อตัวมากขึ้น

อีกไม่กี่วันจะเป็นวันแข่งขันกีฬาภายในของโรงเรียนผม ซึ่งจะมีคนมากมายเข้ามาชม ผมไม่ได้เป็นนักกีฬากับเขาหรอก เพราะยังเด็กอยู่ (เหอๆ เกี่ยวกันมั้ยเนี่ยะ) ที่จริงรุ่นพี่ในคณะสีของผมเขาไม่ยอมให้ผมลง ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ผมเลยได้แต่นั่งดูเพื่อนๆ ซ้อมกันอย่างแข่งขัน รวมถึงกุ๊นด้วย ผมอยู่สีเขียว ส่วนกุ๊นอยู่สีน้ำเงิน โรงเรียนผมมีอยู่ 4 สี คือ แดง เหลือง น้ำเงิน เขียว กุ๊นไม่ค่อยชอบเท่าไหร่ที่ผมไม่ได้อยู่สีเดียวกันกับเขา เพราะอะไรผมก็ไม่รู้ แต่ที่ผมรู้จากเพื่อนๆ คือ กุ๊นไม่ชอบรุ่นพี่คนหนึ่งที่ชอบเข้ามาคุย เข้ามาตีสนิทกับผม (กรูโตแล้วว้อย) ผมก็งงๆ แต่ก็ไม่ได้ว่าอะไร ผมจึงมักจะไปช่วยงานสีน้ำเงินบ้าง แต่เป็นบางครั้งเท่านั้น เพราะเพื่อนๆ ที่อยู่สีเขียวมักจะแซวผม (ที่จริงก็จิกเล็กๆ แหละครับ)

“นี่เกมไม่เล่นอะไรเลยเหรอ” กุ๊นถามผมขึ้นขณะอ่านหนังสือในห้องสมุด

“...” ผมส่ายหน้า “เราเป็นรองประธานสีฝ่ายการเงินหน่ะ เลยไม่ได้เล่น” ผมพูดพลางยิ้มแล้วหันกลับไปอ่านหนังสือ

“เดี๋ยวก็ไม่แข็งแรงหรอก” กุ๊นพูดพลางล้มตัวลงนอนบนตักผม ซึ่งผมก็ไม่ได้ว่าอะไร เพื่อนกันนิ และกุ๊นก็ทำแบบนี้มาตั้งแต่ประถม จนถือเป็นเรื่องธรรมดาไปซะแล้ว

“นี่ๆ หนักนา...” ผมเขย่าตัวกุ๊น ซึ่งก็ไร้การตอบสนองใดๆ ทั้งสิ้น ผมกับกุ๊นมักมานั่งหลบมุมในห้องสมุดตรงนี้ประจำ ถือว่าเป็นมุมโปรด เพราะปลอดจากผู้คน ไม่ค่อยมีคนเดินมาถึงตรงนี้ อาจด้วยเป็นมุมในสุดของห้อง เลยไม่ค่อยมีคนเข้ามา และทุกครั้งที่มาอยู่มุมนี้กุ๊นก็มักจะแอบงีบบนตักผมประจำ ซึ่งผมก็ปล่อยให้กุ๊นนอน ส่วนผมก็อ่านหนังสือที่หามาไปเรื่อยๆ จนกว่ากุ๊นจะตื่น มีอยู่ครั้งหนึ่งผมแกล้งกุ๊นด้วยการเอาสีเมจิกมาเขียนหน้ากุ๊น แต่ไม่ได้เขียนซะน่าเกลียด แค่วาดแค่เติมหนวดให้กุ๊นเท่านั้น ซึ่งหลังจากตื่นนอนกว่าเขาจะรู้ตัวก็ผ่านไปเกือบ 2 ชั่วโมง พอรู้ตัวแทนที่มันจะอาย กลับสนุกไม่ยอมไปล้างออก ซึ่งกุ๊นมักจะอ้างว่า ... ‘สวยไมวะ แฟนกูปลูกหนวดกูนะโว้ย’... โห ฮาไปทั้งห้องเลยครับ แต่ครั้งนี้ผมไม่แกล้งมันหรอก สงสารมัน (เหอๆ) แต่ก็แอบๆ เหล่มองหน้ามัน ตังแต่เป็นเพื่อนกับกุ๊นมาเกือบ 10 ปี ผมเพิ่งจะมีโอกาสมองหน้ากุ๊นแบบพินิจพิเคราะห์ก็ครั้งนี้แหละ กุ๊นเป็นเด็กผู้ชายที่จัดได้ว่าหน้าตาดีคนหนึ่ง เป็นนักกีฬาอีกต่างหาก สูงเกินเด็กอายุ 14 อืมมม เพื่อนเราก็ดูหล่อดีนี่หว่า ระหว่างที่ผมมองดูหน้ากุ๊นนั้น มือผมก็เอื้อมไปลูปหน้ากุ๊นเล่น เพื่อนๆ คงเคยเห็นคนนอนนะครับ เวลาที่เราเอามือไปแหย่เนี่ยะ ตลกมากๆ (มันจะกัดไหมเนี่ยะ) ผมเขี่ยผมกุ๊นอยู่นานจนกุ๊นคงรู้สึกตัวเลยจับมือผมไว้ ทำเอาผมตกใจ (มันรู้ตัวด้วย) มันดึงมือผมไปไว้ที่คอมัน

“มือเกมนี่อุ่นดีจัง” กุ๊นพูดพลางดึงมือผมไปหอม “หอมดีอีกต่างหาก”

“ไอ้บ้า” ผมชักมือกลับ พลางเขกหัวมันทีนึง (เบาๆ)

“โห แค่นี้เล่นหัว” แล้วมันก็ดึงตัวผมเข้าไปกอด (ขณะที่มันยังหนุนตักผมอยู่)

“ตัวก็หอมด้วย” ไอ้บ้าเล่นไรเนี่ยะ

“พอแล้ว จั๊กจี๋นะ” ผมมันบ้าจี้อยู่แล้วครับ เลยดิ้นใหญ่ แต่ผมรู้จุดอ่อนมันอยู่แล้วว่าเป็นที่ไหน 1 2 3... แล้วมือผมก็ไปถึงจุดสำคัญของกุ๊น นั่นคือ หู นั่นเอง

“ยอมแล้วๆๆๆๆๆ” กุ๊นเป็นฝ่ายร้องบ้าง

“นี่ๆๆๆๆๆๆ” ผมยังดึงหูมันครับ อยากแกล้งกูดีนัก หึหึหึหึ

“...” กุ๊นเงียบ ปล่อยให้ผมเล่นหูมันต่อไป “สนุกพอยัง” มันหน้าบึ้งเฉยเลย

“...” ผมปล่อยมือออกจากหูทั้งสองข้างของกุ๊น “โกรธเหรอ” ผมถามกุ๊น

“...” เงียบ ไร้ซึ่งการตอบสนอง ไรว้า...

“นี่แนะ” ยังไม่ทันที่ผมตั้งตัว กุ๊นก็จี้เอวผมต่อ จนผมล้มลงนอนกลิ้งไปมาทรมาณสุดยอด เพื่อนๆ คนไหนบ้าจี้คงเข้าใจความรู้สึกผมนะ

“...” ต่างฝ่ายต่างเงียบเมื่อกุ๊นล้มลงมาทับผม หน้าของกุ๊นอยู่ห่างจากหน้าผมไม่ถึงคืบ

“...” เหอๆๆๆ

“(เสียงตามสายของฝ่ายประชาสัมพันธ์)... ประกาศ... ขอให้นายเจษฎา มาพบเพื่อนๆ ที่สนามฟุตบอลด้วย เพื่อนๆ รอซ้อมอยู่ มัวไปจู๋จี๋กับแฟนที่ไหนวะ มาด่วน และขอให้นายเชษฐวัทน์ มาพบประธานสีเขียวที่ตึกวิทยาศาสตร์ด่วนด้วย... โปรดฟังอีกครั้ง (ขออิงกระแสนิดนึง 55+)... ขอให้นายเจษฎา มาพบเพื่อนๆ ที่สนามฟุตบอลด้วย เพื่อนๆ รอซ้อมอยู่ ด่วน และขอให้นายเชษฐวัทน์ มาพบประธานสีเขียวที่ตึกวิทยาศาสตร์ หายไปสองคนแบบนี้น่าสงสัยนะ จบประกาศ...” เล่นกูแล้วไหมหล่ะไอ้ต้นเพื่อนตัวแสบ ประกาศออกทางหอกระจายเสียงขนาดนั้น

“ลุกดิ... หนักนะนี่” ผมพูดพลางลุกเก็บหนังสือไปเข้าที่ (แอบเขินนิดๆ)

“เกม” กุ๊นเรียกผม “ขอโทษนะที่เล่นแบบนั้น” กุ๊นขอโทษผม

“ไม่เป็นไร” ผมพูดจบก็เอื้อมมือไปจับหูมันอีก

“มีเกมเท่านั้นนะที่จับหูกุ๊นได้” กุ๊นพูดพลางเดินออกจากห้องสมุดไป พูดแปลกๆ ไอ้นี่ ว่าแล้วผมก็วิ่งไปพบประธานสี พี่ต่อ อยู่ม. 5 หล่อมาก แต่ผมไม่ได้คิดอารายกับพี่เขานา (แต่พี่เขาคิดอะไรกับผมหรือเปล่า ไม่รู้ เหอๆๆ) ซึ่งก็ไม่พ้นเป็นการประชุมคณะกรรมการสีเรื่องของงานกีฬาที่จะจัดขึ้นอีก 2 วันข้างหน้า ผมก็ต้องแจกแจงเรื่องการใช้เงินให้คณะกรรมการฝ่ายต่างๆ จนครบ พี่ต่อเป็นประธานคณะกรรมการการจัดงานฝ่ายนักเรียนด้วย ทำให้สีเรารับบทหนักที่สุด

“เข้าใจแล้ว ก็ขอจบการประชุมแล้วกัน แยกย้ายกันไปทำหน้าที่ตัวเองที่ได้รับมอบหมาย” พี่ต่อสั่งงานกับคณะกรรมการฝ่ายต่างๆ รวมถึงผมที่เป็นรองประธานฝ่ายการเงินด้วย แปลกอยู่อย่างหนึ่ง ฝ่ายต่างๆ คนที่คุมก็เป็นแค่กรรมการสีเท่านั้น มีผมเป็นรองประธานอยู่คนเดียว ผมก็ถามคนอื่นนะ แต่ก็ไม่มีใครตอบผมได้ซักคน

“เกม เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปตลาดเจริญสีกับพี่นะ หาเพื่อนมาซัก 2-3 คนด้วย” พี่ต่อหันมาคุยกับผม

“ครับ” ผมรับคำ “แล้วพี่ต่อลิสต์รายการที่ต้องซื้อยังครับ” ผมถามพี่เขาต่อ

“อือ เรียบร้อยแล้วหละ เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะ” พี่ต่อพูดพลางยิ้มให้ผมแล้วเดินออกจากตรงนั้นไป

“มีคนหล่อคอยเทคแคร์เนี่ยะ คงไม่เหนื่อยหรอกมั้ง” เสียงกุ๊นดังขึ้นจากข้างหลัง

“อะน้ำ” กุ๊นพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้ผม

“ขอบคุณครับ” ผมพูดพลางรับแก้วน้ำมาดื่ม

“แล้วนี่กุ๊นซ้อมเสร็จแล้วเหรอ” ผมถามกุ๊นต่อ

“อือ... วันนี้แค่ซ้อมนิดหน่อย เพราะพี่เขาอยากให้ออมแรงไว้ตัดเชือกกับสีเหลืองวันพรุ่งนี้นะ ถ้าชนะก็จะมีคะแนนสูงกว่าสีแดง แล้วก็จะเข้าไปชิงกับสีของเกมอะ” กุ๊นพูดต่อพลางพากันเดินออกจากตรงนั้นเพื่อกลับบ้าน

“เดี๋ยวกุ๊นไปส่งอีก” กุ๊นพูดพลางติดเครื่องมอเตอร์ไซท์คู่กายเขา ซึ่งแทบจะไม่เหลือเค้าเดิมเลย

“อืมม” ผมพูดพลางขึ้นนั่ง

“เกาะดีๆ นะ... เด๋วตก” กุ๊นพูดพลางดึงมือผมไปกอดเอวเขา

“ไปหละนะ” กุ๊นพูดอีกทีก่อนที่จะออกตัวไป จนมาถึงบ้านผมซึ่งมันก็ 5 โมงเย็นแล้ว ทางบ้านผมก็เข้าใจที่ผมกลับค่ำเพราะมีกิจกรรม ขอแต่อย่าเสียงานบ้านที่รับผิดชอบเป็นพอ

“ว่าไงไอ้ตัวเล็ก” กุ๊นพูดพลางเดินเข้าไปกอดน้องผม ซึ่งอายุ 7 ขวบแล้ว น้องผมกับกุ๊นค่อนข้างจะสนิทกัน (เข้าใจเข้าทางน้องนะ) น้องผมชอบที่จะเล่นกับกุ๊นเพราะกุ๊นค่อนข้างจะตามใจน้องผม เหตุผลง่ายๆ เพราะกุ๊นเป็นลูกชายคนสุดท้องคนครอบครัวเลยไม่มีน้อง พอครอบครัวผมมีน้อง กุ๊นเลยสนิทกับน้องผมมาก เล่นกันอยู่ซักพักกุ๊นก็ขอตัวกลับบ้าน ผมจึงทำงานบ้านที่ได้รับมอบหมายต่อ...

วันงานกีฬาสีภายใน...

วันนี้เป็นวันงานการแข่งขันกีฬาสีภายในของโรงเรียนผม แต่ละสีต่างตกแต่งแสตนด์เชียร์ของตัวเอง ดูยิ่งใหญ่เป็นบ้า ซึ่งสีผมภายใต้การนำของพี่ต่อก็ไม่น้อยหน้า การเดินขบวนเริ่มตั้งแต่ถนนใหญ่เพื่อรณรงค์การต่อต้านยาเสพติดและเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ด้วย เพราะการจัดงานครั้งนี้จัดขึ้นหลังวันที่ 12 ประมาณ 2 อาทิตย์ ผมได้รับหน้าที่กล่าวเทิดพระคุณแม่ (เจ๋งเปล่า) มีคนบอกว่าวันนั้นนักเรียนหลายคนร้องไห้เพราะบทความเทิดพระคุณแม่ ซึ่งกุ๊นก็ยังบอกผมว่า... “ขนลุกเลยอะเกม” ... เหอๆ แล้วงานกีฬาก็ดำเนินไปอย่างปกติ

“ต่อไป... จะเป็นการแข่งขันฟุตบอลนัดชิงชนะเลิศ ระหว่าง สีน้ำเงินและสีเขียว” เสียงประกาศจากกองอำนวยการ เสียงเชียร์ก็ดังกระหึ่มขึ้น ผมจึงเดินไปนั่งดูที่บริเวณระหว่างแสตนด์เชียร์ของสีน้ำเงินกับสีผม วันนี้กุ๊นเล่นได้ค่อยข้างดี กุ๊นมักจะหันมาโบกไม้โบกมือให้ผม แน่นอนก็จะมีเสียงโห่จากทั้งสีน้ำเงินและสีผม เหอๆๆ ก็มีแต่เพื่อนผมเท่านั้นครับ

“นั่งด้วยคนนะครับ” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไรเขาก็นั่งลง

“ผมตงครับ” เขาแนะนำตัวกับผม ซึ่งผมก็แนะนำตัวไปเช่นกัน คนที่ชื่อตงเนี่ยะมาจากโรงเรียนในตัวอำเภอ (น่ารักด้วย หุหุ) ผมเพิ่งสังเกตว่ามีเพื่อนเขา 3-4 คนนั่งอยู่ข้างหลังผม ผมก็ไม่ได้สนใจเพราะก็ไม่ได้น่ากลัวอะไร ผมก็คุยกับเขาเรื่อยๆ คุยถูกคอซะด้วย จนได้รู้ว่าเขาอายุมากกว่าผม 1 ปี อยู่ชั้นม.3 ของโรงเรียนดังกล่าว

“สีน้ำเงินนำสีเขียว 1 ประตูต่อ 0” แล้วเสียงเชียร์ของสีน้ำเงินก็ดังขึ้น ผมจึงหันไปมองสีผม ก็ดูไม่เสียใจเลยนี่หว่า กลับสนุกสนานกันซะงั้น ซักพักผมก็เห็นกุ๊นวิ่งไปคุยกับเพื่อนที่ข้างสนามตรงแสตนด์เชียร์สีผม คุยอะไรกันไม่รู้ดูเครียดๆ กุ๊นคุยกับเพื่อนผมซักพักพลางหันและชี้มาทางผม แล้วกุ๊นก็วิ่งเข้าไปในสนามต่อ

“เกม... แป๊บนึง” ต้นเดินเข้ามาตรงที่ผมนั่งแล้วดึงผมลุกจากตรงนั้น ไม่ถึงนาทีกลุ่มนักฟุตบอลในสนามประมาณ 5-6 คน นำโดยกุ๊นก็วิ่งออกจากสนามตรงไปยังตรงที่กลุ่มของตงนั่งอยู่ ไม่ทันที่ผมจะพูดอะไร ทุกอย่างก็ชุลมุนไปหมด ต้นจึงรีบดึงผมออกจากบริเวณนั้นโดยด่วน ซักพักพี่ต่อก็วิ่งสวนผมพร้อมพี่ๆ คณะกรรมการจัดงานไปยังที่เกิดเหตุ... ผมได้ยินแต่ประกาศจากกองอำนวยการให้นักเรียนอยู่ในความสงบ ก่อนที่คณะอาจารย์ฝ่ายปกครองจะวิ่งไประงับเหตุ...

..........

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 5 ความรู้สึกที่มากกว่าเพื่อน: บทที่สองของความรัก

เหตุการณ์วันงานกีฬาสีทำให้กุ๊นและเพื่อนๆ โดนพักการเรียน 5 วัน และสีน้ำเงินก็ถูกปรับแพ้ฟุตบอลทันที สีผมเลยได้แชมป์ฟุตบอลไป แต่ก็ฉลองให้สีน้ำเงินเหมือนเดิม ส่วนพี่ต่อก็โดนเรียกเข้าพบผู้อำนวยการ แต่ก็ไม่ได้โดนลงโทษอะไร เพราะเป็นเหตุสุดวิสัย แต่เรื่องนี้ทำให้ห้องของพวกผมโดนปรับคะแนนเกือบ 30 คะแนน จนแทบจะเรียกว่าไม่มีโอกาสคว้ารางวัลห้องเรียนดีเด่นเลย แต่ก็ไม่มีใครโกรธกุ๊นกับเพื่อนที่ก่อเหตุเลย กลับสนับสนุนกันซะงั้น...

“จะทำอะไร ทำไมไม่คิดก่อน ใจร้อนไปไหนเนี่ยะ” ผมว่ากุ๊นหลังจากที่โดนพักการเรียนและกลับมาเรียนเรียบร้อยแล้ว

“ก็ตอนนั้นคิดแค่ว่ามันมายุ่งกับเกม และมีพี่บางคนไม่ชอบหน้าไอ้กลุ่มนี้ด้วย ก็เลย...” กุ๊นพูดพลางก้มหน้าสำนึกผิด

“แล้วเจ็บมั้ยเนี่ยะ ยังช้ำๆ อยู่เลย” ผมพูดขึ้นพลางเอื้อมมือไปจับตรงรอยฟกช้ำบนใบหน้ากุ๊น

“แค่เกมเป็นห่วงกุ๊น แค่นี้ก็หายแล้ว” กุ๊นพูดซะหวานเชียว เขินนะเนี่ยะ

“เว่อร์ๆ เพื่อนกันก็ต้องห่วงกันดิ” ผมพูดพลางเดินไปหยิบสมุดมาให้เกม

“นี่เป็นบทเรียนที่เราจดตลอด 5 วันที่กุ๊นไม่ได้มาเรียน เอาไปจดไว้อ่านสอบหละกัน” ผมพูดขึ้นก่อนจะเดินกลับไปนั่งที่เดิม เพราะเพื่อนๆ เริ่มทยอยเข้ามาในห้องมากขึ้น

“ทำอะไรกันนะสองคนนี่” ไอ้ต้นเพื่อนตัวแสบพูดขึ้น

“ไอ้เหี้ยเด๋วปั๊ดเหนี่ยวเลย" ผมพูดขึ้น

“โห ตั้งแต่วิ่งเข้าไปแยกพวกหมาบ้านั่นออกจากกลุ่ม เกมดูเปลี่ยนไปนะ” ก้องพูด ก่อนที่เพื่อนๆ ในห้องจะหัวเราะขึ้น

“เปลี่ยนไงวะก้อง” ต้นพูดขึ้นเสริมก้อง

“ก็ดูเข้ากันดี๊ดีๆ ไงวะ” ก้องพูดขึ้นอีกครั้ง คราวนี้เพื่อนๆ ยิ่งแซวผมเข้าไปใหญ่เลยครับ ส่วนไอ้ตัวต้นเรื่องก็หัวเราะไปกับเขาซะงั้น จะบ้าตาย

“หยุดเสียงดังได้แล้วไอ้ลิงพวกนี้นี่” อาจารย์เดินเข้ามาสอน พวกเพื่อนๆ จึงเข้าประจำที่ของตัวเอง ก่อนการเรียนการสอนจะเริ่มขึ้น...

…….
ผ่านมาแล้วเกือบสามปีแล้วที่ผมและกุ๊นขาดการติดต่อจากเต๊บ ด้วยสาเหตุอะไรไม่แน่ใจ แต่จดหมายของผมและกุ๊นที่ส่งหาเต๊บล้วนถูกตีกลับ จนผมและกุ๊นจนปัญญาที่จะติดต่อเต๊บแล้ว

“เจ็บมากมั้ย” ผมถามอาการของกุ๊น เพราะแผลที่เกิดจากการชกต่อยวันนั้นมันยังปรากฏอยู่

“...” มันส่ายหัว เพื่อให้ผมไม่ต้องเป็นห่วงมัน

“ไม่ต้องมาปฏิเสธเลย เมื่อวันนั้นยังร้องอยู่เลยตอนที่เกมทายาให้อะ” ผมพูด กุ๊นจึงยกมือมาขยี้หัวผม

‘รู้สึกดีจัง’ ผมคิดในใจ ‘อ๊ะ... เราคิดอะไรเนี่ยะ’ ผมคิดพลางปัดมือกุ๊นออก

“เจ็บน่ะ” ผมพูดเพื่อไม่ให้กุ๊นเข้าใจผิดที่ผมปัดมือเขาออก

“ขอโทษ...” แล้วเราทั้งสองก็เดินเข้าชั้นเรียนไป...

“นี่เกม... หลังเลิกเรียนนี้เกมรีบกลับบ้านเปล่า กุ๊นมีเรื่องจะคุยด้วย” กุ๊นถามผมขณะรอเรียน

“...” ผมส่ายหัวเป็นเชิงตอบว่าไม่รีบกลับ

“พวกเมิงจะพากันไปไหนว่ะ... ฮั่นแน่... ไอ้กุ๊นมึงคิดจะ...ไอ้เกมเหรอว่ะ” เพื่อนในห้องแซวกุ๊น

“ไอ้เหี้ย...พวกเมิงนี่คิดอกุศลเป็นบ้า... เด๋วเหอะเมิง” ว่าแล้วกุ๊นก็วิ่งเข้าไปเตะก้นคนที่พูด จนอาจารย์เข้ามาทุกคนถึงเลิกเล่นกัน

“เสียงดังไปถึงห้องพักครูเลยนะ... ไอ้ลิงพวกนี้นิ นั่งลง...” อาจารย์พูดพลางมองไปที่กลุ่มของกุ๊น “...วันนี้ครูมีเรื่องจะบอก” อาจารย์กล่าวต่อหลังจากดุเสร็จ

“วันนี้มีเพื่อนใหม่ที่จะเข้ามาเรียนที่ห้องพวกเธอ... เชิญจ๊ะ” อาจารย์พูดเสร็จก็มีเด็กผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามา

“สวัสดีครับ ผมชื่อ กษณวรรต ครับ ชื่อเล่น เต้ ครับ” เด็กคนนั้นแนะนำตัว แล้วอาจารย์ก็ให้เขาเดินไปนั่งข้างๆ เพื่อนคนหนึ่งใกล้ๆ ผม

“เฮ้ย... เต้” ผมอุทานขึ้น เนื่องจากไม่คิดว่าจะเจอเพื่อนเก่าสมัยประถม เต้ย้ายโรงเรียนหลังจากเต๊บ 1 ปี

“ทำไมกลับมาอีกเนี่ยะ” ผมถามและจับใจความได้ว่า เต้ย้ายกลับมาอยู่กับย่าที่ไม่มีใครอยู่ด้วยแล้ว เลยได้มาเรียนมัธยมที่นี่ โชคดีจังที่ได้พบเพื่อนเก่า ซึ่งหลังจากนั้นเพื่อนๆ ที่ไม่ได้รู้จักเต้มาก่อนและที่รู้จักเต้แล้วก็มาทำความรู้จักกันใหม่ จนอาจารย์กลับเข้ามาอีกครั้งเพื่อเริ่มเรียน...

.........

หลังเลิกเรียน

“...” หายไปไหนของเขานะ นัดเรามาแท้ๆ กับไม่เห็นหัว ผมมาตามนัดแล้วยังไม่เห็นกุ๊นเลย

“รอนานมั้ย” เสียงกุ๊นดังขึ้นด้านหลังผม

“...” ผมส่ายหน้าพลางพูดว่า “ไม่นานหรอก... แล้วกุ๊นมีอะไรเหรอ”

“...” กุ๊นยื่นบางอย่างให้ผม

“อะไร!” ผมถาม

“เปิดดูดิ” กุ๊นพูด “กุ๊นตั้งใจซื้อให้เกม”

“เฮ้ย....” แหวนเงินแท้ครับ “เราไม่กล้ารับเอาไว้หรอก” ผมพูดพลางยืนคืนกุ๊น

“กุ๊นอยากให้เกมจริงๆ นะ...” กุ๊นทำหน้าเศร้า

“ให้ในโอกาสอะไร” ผมถามต่อเพื่อไม่ให้กุ๊นทำหน้าแบบนั้น

“ก่อนกุ๊นบอก.... เกมตอบคำถามกุ๊ยสักข้อได้มั้ย” กุ๊นถามพลางมองหน้าผม

“...” ผมพยักหน้า

“เกมคิดถึงไอ้เต๊บมากมั้ย” กุ๊นถามผมเกี่ยวกับเต๊บ

“คิดถึงดิ...” ผมตอบ

“...” กุ๊นเงียบพลางเหม่อมองออกไปข้างหน้าซึ่งเป็นสายน้ำ 2 สายที่ทอดมาบรรจบกัน

“เกมชอบไอ้เต๊บใช่มั้ย...” กุ๊นถามผมต่อ

“...” ผมพยักหน้า “ชอบ... เต๊บเป็นเพื่อนที่คอยช่วยเกมทุกเรื่อง ไม่ให้ชอบได้ไง” ผมพูดพลางมองหน้ากุ๊นที่ขณะนั้น กุ๊นทำหน้าเหมือนกำลังเจ็บปวดอะไรซักอย่างกับสายนำ 2 สายที่บรรจบกันแต่สีของน้ำกลับไม่ผสมเข้าด้วยกัน ยังคงเป็น 2 สีอยู่

“ทั้งๆ ที่มันไม่ติดต่อเกมแล้ว... ก็ยังชอบมันอยู่อย่างนั้นเหรอ” กุ๊นพูด เหมือนกับพูดกับสายน้ำมากกว่าพูดกับผม

“กุ๊นจะพูดอะไร....” ผมพูดขึ้น เพราะผมไม่อยากให้กุ๊นทำหน้าแบบนั้นอีก เหมือนกับว่าผมเป็นคนทำให้กุ๊นเป็นแบบนั้น

“กุ๊นชอบเกม... กุ๊นรักเกม... ไม่ได้ชอบ ไม่ได้รักแบบเพื่อน...” เกมพูดพลางหันมามองหน้าผม “...กุ๊นรักเกมนะ เกมเข้าใจเปล่า” กุ๊นถามผมต่อ

“...” เป็นผมบ้างที่ต้องมองออกไปที่แม่น้ำที่กำลังไหลเอื่อยๆ อยู่เบื้องหน้า ผมยังคงอึ้งกับคำพูดของกุ๊นอยู่ รักผมงั้นเหรอ คนหล่อๆ อย่างกุ๊น คนที่ผมคิดว่านี่คือเพื่อนที่ผมรักมากที่สุดคนหนึ่งเนียะนะ

“แต่กุ๊นรู้ดี... ว่ามันคงเป็นไปไม่ได้ กุ๊น... คนที่เกมไว้ไจมากที่สุด กับมาคิดกับเพื่อนเกินเพื่อน...” กุ๊นพูดพลางหันหน้าออกไปยังท้องน้ำ “...ยังไงเต๊บก็เป็นคนที่เกมคิดถึง... กุ๊นขอโทษที่พูดแบบนั้นออกไปนะ” 

“...” ผมยังคงเงียบเหมือนเดิม ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไม เขิน หรืออะไร ถ้าพูดตรงๆ ผมก็รักกุ๊นเหมือนกัน แต่... ผมไม่รู้ว่ามันเป็นรักในความหมายใด เพื่อนหรือ... แฟน

“กุ๊นขอโทษนะ... กุ๊นไม่กวนเกมแล้ว” กุ๊นพูดพลางลุกขึ้น แต่ผมเอื้อมมือไปดึงให้กุ๊นนั่งลงเหมือนเดิม กุ๊นทำหน้าแปลกใจ อย่าว่าแต่กุ๊นเลย ผมยังแปลกใจตัวเองเลย

“กุ๊นให้เวลาเกมได้มั้ย” ผมพูดพลางมองหน้ากุ๊น “เกมไม่รู้ว่า ณ ขณะนี้เกมรักกุ๊นในความหมายแบบไหน แต่ที่รู้คนละความหมายกับเต๊บ...” ผมพูดต่อพลางมองออกไปที่แม่น้ำ แต่มือผมยังคงจับมือกุ๊นอยู่ “...เกมขอเวลาเพื่อให้เหมือนกับแม่น้ำ 2 สายนั้นที่ยอมรวมสีเป็นหนึ่งเดียว... ได้มั้ย” ผมหันมามองหน้ากุ๊นอีกครั้ง ใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้มที่ดูยังไงก็น่ารักอยู่เสมอ

“...” กุ๊นดึงผมเข้าไปกอด “กุ๊นจะรอเวลาที่เกมแน่ใจ ว่าเกมคิดยังไง”

“พอได้แล้ว ไม่อายหรือไงกอดคนอื่นเนียะ” ผมพูดแก้เขิน

“กุ๊นก็กอดเกมเหมือนทุกที ไม่เห็นต้องอายเลย” กุ๊นพูดพลางทำหน้าทะเล้นเหมือนเดิม

“สัญญากับเกมได้มั้ยว่าจะทำหน้าแบบนี้ให้เกมเห็นตลอด เกมไม่อยากเห็นหน้ากุ๊นที่เจ็บปวดแบบเมื่อกี๊อีก” ผมพูดพลางจ้องหน้ากุ๊น

“กุ๊นสัญญาครับ” กุ๊นพูดพลางลุกขึ้นพลางตะโกนว่า “ผมข้อสัญญากับแม่นำทั้งสองสาย ผมจะรักและซื่อตรงกับเกมตลอดไป...”

“เวอร์แล้ว... เดี๋ยวคนได้ยินอายนา...” ผมพูดพลางมองออกไปยังแม่น้ำที่รู้สึกว่าจะไหลเร็วขึ้น เหมือนกับหัวใจของผมพองโตขึ้นอีกครั้ง

“ทีนี้เกมจะยอมรับแหวนของกุ๊นได้หรือยังครับ” กุ๊นพูดขึ้นพลางมองไปที่กล่องแหวน “อ้าว... หายไปไหนอะ” กุ๊นพูดขึ้นพลางมองดูรอบๆ “อะนะ... แอบใส่ตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย” กุ๊นพูดขึ้นทันทีที่มองเห็นแหวนวงนั้นที่นิ้วผม

“ก็...” ผมอายจังที่แอบใส่แหวนวงนี้ “เห็นว่ามันพอดีกับนิ้วก็เลย... ใส่” ผมยิ้มแหยๆ

“แอบจิ๊กหัวใจเค้าไปนานแล้ว ยังแอบจิ๊กแหวนเราอีกนะคนเรา” กุ๊นพูดพลางทำหน้าน่ารักสุดๆ แล้วกุ๊นก็ดึงแหวนออกจากนิ้วผม อ้าว.... ไหนว่าให้วะ

“...” กุ๊นบรรจงสวมแหวนให้ผมที่นิ้วนางข้างซ้ายใหม่ “ขอจองไว้ก่อนเลย พร้อมเมื่อไรเด๋วให้พ่อไปขอ” ดูมันพูด

“บ้า” ผมด่ามันพลางหันไปยิ้มทางอื่น ขนาดว่ายังไม่ตกลงเป็นแฟนกันอย่างเป็นทางการนะเนี่ยะ

“เกมขอเปลี่ยนเป็นนิ้วนางข้างขวาแทนได้เปล่า” ผมพูด เกมก็พยักหน้า คงเข้าใจความหมายของผม

“เราเป็นแฟนกันแล้วนะ แม้จะยังไม่เป็นทางการก็เถอะ” กุ๊นพูดไปยิ้มไป จะยิ้มอะไรหนักหนาเนี่ย

“ให้เวลาเกมหน่อยแล้วกัน” ผมพูดพลางหันออกไปมองแม่น้ำเบื้องหน้าอีกครั้ง หวังว่าชีวิตของผมคงดำเนินไปอย่างราบเรียบเหมือนดังสายน้ำที่ไม่มีวันไหลย้อนกลับนะ... หนักใจจริงๆ

..........

ออฟไลน์ ~NeMeSiS_PURE~

  • 행 복 하 길 바 래 ...
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2009
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +196/-2
พี่เต้  ผมงง  o2
ใช่เรื่องเดียวกับที่บอร์ดปาล์มปะ

งง งง

*-----*-----*-----*-----*-----*

ไปดีกว่าปวดหัว

subaru

  • บุคคลทั่วไป
 :m18:,มาต่อเรื่อย ๆ เลยนะคะคุณเต้ กำลังตามหาเรื่องนี้อยู่ ขอบคุณมากนะคะที่เอามาลงใหม่
ขอบคุณมาก ๆ คะ :a11:

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
สาบานรัก  :a2:  :a2:
สายน้ำโขง ขอจงช่วยเป็นพยาน  :m1:  :m1:  :m1:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

jammy

  • บุคคลทั่วไป

MamyPoko

  • บุคคลทั่วไป
 o22 :m11: :m4: เรื่องใหม่เข้ามาเจิม   เอ้ย! มาดันครับ

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
เมื่อไม่แน่ใจตัวเอง การไม่ควรกระทำการใดๆลงไป
เพราะอาจทำร้ายน้ำใจกันและกันได้
 :a3: :a3: :a3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 6 การเริ่มต้นของความรักอีกครั้ง

แม้ว่ากุ๊นจะสารภาพรักกับผมแล้วก็ตาม แต่เวลาอยู่ด้วยกันผมกับกุ๊นก็ยังทำตัวเหมือนเดิม เพื่อนๆ ก็คุ้นเคยกับการที่กุ๊นกอดผม เพราะกุ๊นก็ทำแบบนี้ประจำจนเป็นเรื่องปกติสำหรับเพื่อนๆ ไปแล้ว แต่ก็มักมีเรื่องแซวๆ กันเล่นบ้าง เช่น...

“เกม... ไอ้กุ๊นบอกชอบแกว่ะ” เสียงเพื่อนอีกโต๊ะนึงตะโกนมา ซึ่งเพื่อนๆ ก็พากันหัวเราะมากกว่า เพราะชินกับอะไรเทือกๆ นี้แล้ว

“งั้นบอกกุ๊นด้วยว่าเกมก็ชอบกุ๊นเหมือนกัน” เพื่อนที่นั่งโต๊ะเดียวกับผมตะโกนกลับไปซะงั้น เล่นอะไรวะพวกนี้นี่...

ตอนนี้เป็นช่วงเทอม 2 ของม.2 กุ๊นย้ายที่นั่งมานั่งกับผม ที่จริงอาจารย์เขาให้จับฉลากนะครับว่าใครจะนั่งกับใคร แต่กุ๊นมันเตรียมกับเพื่อนไว้แล้วว่า ถ้าใครจับได้นั่งกับผม จะต้องสลับที่กับมันทันที

“ก็อยากนั่งกับแฟนตัวเองนะ” มันพูดกับผม เวอร์จริงๆ นายคนนี้ ผมมักจะไปกับกลุ่มผม กลุ่มของพวกเรามักจะชอบหลบผู้คนไปอยู่ริมแม่น้ำ ซุ้มที่พวกเราทำไว้ ชอบหาอะไรไปนั่งกินกัน ในกลุ่มผมจะมีกันอยู่ 5 คน ก็มีผม กุ๊น เก๋ เปิ้ล และก้อ ซึ่งค่อนข้างสนิท แต่กุ๊นเขาก็จะมีกลุ่มไว้เล่นฟุตบอล แต่จริงๆ แล้วเพื่อนๆ ทั้งห้องค่อนข้างจะสนิทกันทุกคน ช่วยเหลือกันทุกอย่าง เรื่องที่ผมและกุ๊นคบกันนั้นจะรู้เฉพาะ 5 คนที่สนิทจริงๆ นี่แหล่ะ ส่วนเพื่อนคนอื่นๆ นั้นจะไม่รู้อะไรมาก แค่แซวๆ เล่นเท่านั้น ส่วนเต้นั้นเข้าก็มีกลุ่มเขาเหมือนกัน ที่จริงกลุ่มผมกับกลุ่มของเต้ค่อนข้างจะสนิทกัน แต่ด้วยทำกิจกรรมต่างกัน กลุ่มของเต้เขาจะเป็นกลุ่มบริหารห้อง ส่วนกลุ่มผมจะออกไปทางกิจกรรม แต่ที่เหมือนกันทั้งสองกลุ่มคือ เรียนเก่งครับ (เหอๆๆ)

“ไงเต้” กุ๊นทักเต้ตอนที่เข้ามาในห้อง

“อืมม...” เต้พูด “แล้วเกมอะ” เต้ถามกุ๊นต่อ

“อยู่นี่ มีไร” ผมพูดขณะที่ค้นหาของอยู่ใต้โต๊ะ

“นั่นแกหาอะไรวะ” เต้ถามผม

“ยางลบหล่นนะ” ผมตอบพลางลุกขึ้นเพราะหาเจอแล้ว

“นี่เต้ พี่ต้าร์เรียนมหาลัยแล้วใช่เปล่า” ผมถามถึงพี่ต้าร์พี่ชายของเต้

“อืมม” เต้กล่าว “เรียนรัฐศาสตร์อะไรนี่แหล่ะ… เด๋วเราไปหาอาจารย์ก่อนนะ” เต้พูดแล้วก็เดินออกจากห้องไป เต้เป็นรองหัวหน้าห้องนี่นา

“ไปกินข้าวกัน ก่อนเข้าแถว” กุ๊นชวนผม ก่อนที่เราจะเดินลงไปโรงอาหาร แล้วค่อนไปเข้าแถวเคารพธงชาติ...

..........

พักเที่ยง...

“นี่... ฉันรู้ว่าแกสองคนคบกันนะ แต่ไม่ต้องประเจิดประเจ้อขนาดนั้นก็ได้” เปิ้ลแหวใส่ผม

“ก็คนเขารักกันอะ” กุ๊นพูด

“ย่ะ” เปิ้ลพูดพลางนั่งลง

“แล้วก้ออะ” ผมถามหาก้อ

“กำลังมา” เปิ้ลพูด เปิ้ลเป็นสาวห้าวถึงไหนถึงกัน ด่าไฟแล็บ แต่เรียนเก่งมาก ขับทำนองเสนาะได้เพราะอีกด้วย ส่วนเก๋เนี่ยะเป็นสาวหวานเก่งกีฬา (สลับกันมั้ยสองคนเนี่ยะ) โดนเฉพาะวิ่ง 100 เมตร เรียนเก่ง ส่วนก้อเป็นชายหนุ่มที่เข้าขั้นหล่อ ตัวเล็กแต่ไม่มาก เรียนเก่ง โดยเฉพาะคณิตศาสตร์ ส่วนผมก็ปานกลางครับ มักจะแย่งตำแหน่งขับทำนองเสนาะกับเปิ้ลประจำ กุ๊นแย่ที่สุดในกลุ่ม แต่ก็เรียนใช้ได้ทีเดียว

“โทดที” ก้อพูดพลางนั่งลง

“ทำไรอยู่วะ” กุ๊นพูด สองคนนี้ข้นข้างสนิทกันเพราะบ้านใกล้กัน

“อาจารย์เรียกนะ” ก้อพูด สงสัยอาจารย์จะเรียกเข้าหาเรื่องไปแข่งขันตอบปัญหาคณิตศาสตร์และวิทยาศาสตร์ คนเก่งก็งี้แหล่ะ

“เฮ้ย... จะสวีทกันไปแล้วเพื่อน” กลุ่มของเต้เข้ามาสมทบ ไอ้ก้องเพื่อนตัวแสบพูดขึ้น

“ไอ้ห่า ก็ให้กูสวีทกันหน่อยดิวะ” กุ๊นพูด

“นี่” ผมหันหน้าไปเตือนกุ๊น กุ๊นจึงเงียบไป

“เฮ้ย... ไอ้กุ๊นกลัวแฟนว่ะ 555+” ต้นพูดขึ้น

“แล้วต้นหล่ะจ๊ะ” ตาล สาวสวยประจำกลุ่มเต้พูดขึ้น ทำให้พวกเราหัวเราะกัน

“นี่ก้อ เด๋วตอนเย็นเจอกันที่ห้องวิทย์ 1นะ” ว่านพูดขึ้น

“เมิงจะพากันไปทำไรว่ะ” ก้องพูด

“ทำแป๊ะมึงไง” ว่านพูดขึ้น “อาจารย์นัดกูสองคนว้อย” ก่อนที่ก้องกับต้นจะโดนรุม เต้ก็พาเพื่อนไปสั่งข้าว ก่อนที่จะพากันนั่งกินด้วยกัน ก่อนที่จะขึ้นเรียนภาคบ่ายต่อไป...

..........

หลังเลิกเรียน

“พรุ่งนี้ลอยกระทง เกมไปกับกุ๊นนะ” กุ๊นเอ่ยปากชวนผมไปลอยกระทงด้วยกัน ซึ่งมีรึผมจาปฏิเสธ รอคำชวนตั้งนาน

“ไปดิ... แต่กุ๊นต้องมารับเกมนะ” ผมตอบตกลงกุ๊น ซึ่งตกลงกันว่าในกลุ่มเราจะไปลอยกระทงด้วยกัน ซึ่งก็คือท่าน้ำหลังโรงเรียนเรานี่แหละ

“แล้วเกมทำอะไรอะ” กุ๊นชะโงกหน้ามาดูสมุดที่ผมกำลังเขียนอยู่

“บันทึกส่วนตัว” ผมเน้นคำพูดตรงคำว่าส่วนตัว กุ๊นดูชะงักไปและกลับไปนั่งที่ตัวเองด้วยหน้าตาบึ้งๆ

“...” กุ๊นเงียบและพลางหยิบสมุดออกมาทำท่าเขียน

“กุ๊นทำอะไร” ผมถามด้วยความสงสัย

“เรื่องส่วนตัว” เอาแล้วไง โกรธเหรอวะเนี่ยะ...

“โกรธเกมหรอ” ผมพูดพลางยื่นหน้าเข้าไปใกล้ๆ “อย่าโกรธเลยนะๆๆๆๆๆ”

“...” ไร้การตอบสนอง เอาไงดีว่ะ

“...” ผมยื่นสมุดบันทึกนั้นให้กุ๊น “ไม่ส่วนตัวแล้ว... หายโกรธนะ”

“...” เงียบอีก เอาไงดีวะ

“...” ผมยื่นมือไปดึงหูกุ๊น “หายโกรธนะๆๆๆๆ... เกมขอโทษครับ” ผมพูดพลางยิ้มงามๆ ให้

“...” กุ๊นยิ้มพลางเอามือไปจับมือผมที่ยังคงจับหูเขาอยู่ “กุ๊นไม่โกรธอะไรซักหน่อยครับ” เขาพูดพลางดึงมือไปจูบ เล่นไรเนี่ยะ เขินนะ…

“บ้า” ผมพูดพลางชักมือกลับ แล้วนั่งเขียนบันทึกต่อ

“แล้วเกมเขียนบันทึกอะไรอะ” กุ๊นถามผมต่อ

“ก็บันทึกเรื่องต่างๆ ที่เกิดขึ้นในแต่ละวันไง ส่วนใหญ่ก็เกี่ยวกับกุ๊นและเกมแหล่ะ” ผมพูดพลางเงยหน้าขึ้นมามองกุ๊น “เผื่อวันหนึ่งกุ๊นทิ้งเกมไปจะได้เก็บไว้เป็นความทรงจำ”

ไม่มีวัน กุ๊นไม่มีทางทิ้งเกมเด็ดขาด ยังงัยกุ๊นก็จะรักเกมตลอดไป... แม้เกมจะไม่รักกุ๊นแล้วก็ตาม” กุ๊นพูดพลางมองหน้าผมด้วยสีหน้าที่จริงจัง

“เกมก็เหมือนกัน” ผมพูดพลางเก็บสมุดและหยิบการบ้านขึ้นมาทำต่อ กุ๊นก็ทำเช่นเดียวกัน ผมและกุ๊นนั่งทำการบ้านจนถึงเกือบ 5 โมงเย็น กุ๊นจึงไปส่งผมที่บ้าน

“ไม่มีใครอยู่...” ผมพูดพลางยื่นแก้วน้ำให้กุ๊น “เด๋วเกมไปกวาดบ้านก่อนนะ กุ๊นไปรอบนห้องก่อนก็ได้ เด๋วทำงานบ้านเสร็จจะตามไป” ผมพูดก่อนจะหันหลังเข้าครัว กุ๊นจึงถือกระเป๋าผมขึ้นไปบนห้องผม...

กว่าผมจะทำทุกอย่างเสร็จก็เกือบชั่วโมง เนื่องจากต้องทำกับข้าวเตรียมไว้ให้พ่อ แม่ พี่สาวและน้องชายด้วย พอเสร็จทุกอย่างจึงตามกุ๊นขึ้นไปบนห้อง

“...” ผมเปิดประตูเข้าไป ปรากฏว่ากุ๊นนอนหลับอยู่ สบายจริงๆ

“หน้าตาตอนหลับอย่างกับเด็กๆ ไอ้เด็กโข่งเอ๊ย” ผมพูดพลางยื่นมือไปดึงหูมันเล่น ดูมันจะไม่รู้สึกตัวเอาซะเลย ผมจึงปล่อยให้กุ๊นนอนแล้วจึงลงไปอาบน้ำและเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนที่พ่อและแม่ผมจะกลับมาจากสวน และน้องชายผมกลับมาจากไปซนข้างนอก

“ก๊อตไปอาบน้ำกับพ่อก่อนค่อยมาดูการ์ตูน” ผมเอ็ดน้องชายแสนซนของผม ก่อนที่จะไปจัดข้าวเป็นสำรับเตรียมไว้ ซักพักพี่สาวผมก็กลับมาจากเรียน ผมจึงขึ้นไปดูกุ๊น

“ตื่นแล้วเหรอ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นกุ๊นค้นอะไรต่อมิอะไรมาดู มันเป็นอัลบั้มภาพของผมนะครับ

“เกมไมไม่ปลุกอะ” กุ๊นพูดแต่ก็ยังคงมองดูรูปพลางยิ้ม

“ยิ้มไรอะ” ผมท้วงมัน

“เปล่า” มันพูดพลางปิดอัลบัมแล้วเดินมานอนบนที่นอนผมต่อ

“หิวมั้ย เด๋วลงไปกินด้วยกัน” ผมพูดพลางเปิดกระเป๋าเอาสมุดการบ้านออกมาวางไว้บนโต๊ะ

“อืม...” กุ๊นพยักหน้า เราทั้งสองจึงเดินลงไปกินข้าวกัน ซึ่งผมก็บอกกับพ่อแม่ผมรู้แล้วว่ากุ๊นจะมาค้างด้วย เนื่องจากการบ้านมันค่อนข้างยากเลยมาทำด้วยกัน พอกินเสร็จผมก็หยิบผ้าขนหนูให้กุ๊นไปอาบน้ำ ส่วนผมก็เก็บกวาดโต๊ะกินข้าว พ่อแม่ผมดูทีวีกับน้องชาย ส่วนพี่สาวก็ขึ้นห้องตัวเองไป พอเก็บกวาดเสร็จผมก็เดินขึ้นห้องไปจัดที่นอน และเตรียมสมุดการบ้าน กุ๊นอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมาทำการบ้าน ไม่ได้ทำอะไรนอกเหนือจากนี้นะ เพราะพี่สาวผมอยู่ห้องข้างๆ

“เกมตอนเด็กๆ นี่ตลกดีเนอะ” กุ๊นพูดขึ้นขณะที่ช่วยกันทำการบ้าน

“ตลกอย่างไรไม่ทราบ” ผมพูดแต่หน้าก็ยังคงมองที่สมุด

“ก็...” กุ๊นพูดพลางยื่นหน้ามาพูดข้างหูผมว่า “...น่ารักนะ” กุ๊นพุดจบก็ขโมยหอมแก้มผม

“เฮ้ย...” ตกใจดิครับ “...ทำอะไรนะ” ผมพูดด้วยเสียงเบาๆ

“ก็หอมแก้มแฟนตัวเองนะ” กุ๊นพูดเสียงเบาๆ เช่นกัน ไอ้บ้าเล่นไรไม่รู้ อายนะเฟ้ย...

“ไอ้บ้า” ผมพูดพลางดึงหูมัน

“โอ๊ย...” กุ๊นร้องเบาๆ ก่อนที่มันจะหัวเราะผม

“หยุด... ทำการบ้าน ดึกแล่ว” ผมพูดก่อนจะก้มหน้าลงไปทำการบ้านต่อจนเสร็จ...

“เสร็จแล้ว” กุ๊นพูดขึ้นพลางหันไปดูนาฬิกา “นี่มันจะ 5 ทุ้มแล้วอะ ง่วงชะมัด”

“อืมมม… เด๋วเกมไปเอาน้ำมากินนะ” ผมพูดพลางลุกขึ้นเดินลงไปข้างล่าง ซึ่งพ่อกับแม่ผมหลับแล้ว ผมจึงต้องทำให้เงียบที่สุด...

“อื้อ...” ผมยื่นแก้วน้ำให้กุ๊นก่อนจะขึ้นเตียงนอน “ปิดไฟด้วย” ผมบอกมัน

“คร้าบบบบบ” กุ๊นพูดพลางเดินไปปิดไฟ แล้วก็ขึ้นมานอนบนเตียงข้างผม

“กุ๊นขอกอดได้เปล่า” กุ๊นกระซิบผมภายใต้ความมืด

“ได้สิ” ผมพูดพลางขยับเข้าไปกอดมันเช่นกัน เหอๆๆ

“เกมตัวหอมจัง” กุ๊นพูดพลางกอดผมให้กระชับขึ้น ก่อนที่เราจะหลับไปในอ้อมกอดซึ่งกันและกัน...

.........

เช้ามืด

ผมตื่นมาตอนตี 4 ครึ่ง เพื่อที่จะลุกขึ้นมานึ่งข้าว ทำความสะอาดบ้านและไปจ่ายตลาด พี่สาวผมก็ตื่นมาเพื่ออาบน้ำเพื่อเตรียมตัวไปเรียน พี่สาวผมเรียนวิทยาลัยอาชีวศึกษาประจำจังหวัดครับ (มีเรียนวันเสาร์ด้วย)

“ตัวจะเอาอะไรมั้ย เด๋วเขาไปตลาด” ผมถามพี่สาวผม

“อืมม... เขาเอาน้ำเต้าหู้กับปาท่องโก๋แล้วกัน” พี่สาวผมพูดพลางขึ้นไปแต่งตัวก่อนที่ผมจะไปตลาดเพื่อซื้อของมาทำกับข้าวสำหรับเช้านี้

ผมกลับมาจากตลาดและทำกับข้าวไว้ให้เสร็จ ก่อนที่พี่สาวผมจะออกจากบ้านก็ตี 5 ครึ่งแล้ว พ่อกับแม่ผมลุกขึ้นไปสวน ผมจึงเตรียมกับข้าวจนเสร็จและขึ้นไปบนห้องซึ่งกุ๊นยังคงนอนอย่างสบายอยู่

“...” ผมก้มลงไปหอมแก้มมันทีนึง

“อือ...” กุ๊นขยับตัวก่อนจะค่อยๆ ลืมตาขึ้นมามองหน้าผม

“เกมตื่นแล้วเหรอ” กุ๊นพูดพลางขยี้ตาตัวเอง

“อือ... กุ๊นนอนต่อก็ได้นะ ยังไม่ 6 โมงเลย” ผมพูดพลางห่มผ้าห่มให้มัน

“...” กุ๊นดึงผมลงไปกอด “หนาว” มันพูดพลางพลิกตัวขึ้นมาอยู่ข้างบน

“ทำไร” ผมพูด

“...” กุ๊นก้มลงมาจูบผม ขอยอมรับเลยนะครับว่าเป็นจูบแรกของผมด้วย

“...” กุ๊นถอนปากออกมาแล้วพลิกตัวลงไปนอนข้างๆ ผม และดึงผมเข้าไปกอด

“ขอโทษครับที่จูบโดยพละการ” กุ๊นพูดพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นกว่าเดิม

“ตื่นแล้วก็ไปล้างหน้าแล้วกลับบ้านได้แล้ว เดี๋ยวแม่ก็เป็นห่วงหรอก” ผมพูด

“กุ๊นบอกแม่ไว้แล้วว่าจะมานอนบ้านเกม 2 วันเพื่อทำการบ้าน” มันพูดพลางกอดผมแน่นกว่าเดิม ก่อนที่จะลุกขึ้นเพื่อกุ๊นจะไปล้างหน้าและอาบน้ำด้วย ซึ่งผมก็เก็บผ้าห่มก่อนที่จะลงไปข้างล่างเพื่อกวาดใบไม้หน้าบ้าน เกือบ 7 โมงเช้าแล้ว ผู้คนยังคงผ่านไปมา บางคนก็พาวัว ควายออกไปเลี้ยง บ้างก็ไปตลาด บ้างก็กลับจากสวน ทุกคนต่างก็ดำเนินชีวิตของตัวเองไป

“แล้วนี่ไม่ปลุกก๊อตเหรอเกม” กุ๊นพูดขึ้นหลังจากแต่งตัวแล้วลงมาช่วยผมกวาดใบไม้

“วันหยุดให้มันนอนต่อเหอะ” ผมพูดพลางกวาดใบไม้ต่อ

“กุ๊นหิวมั้ย มีน้ำเต้าหู้ในตู้นะ” ผมพูด

“ไม่อะ รอกินพร้อมคุณพ่อกับคุณแม่ดีกว่า” มันพูดพลางเอาขยะไปเท

8 โมงเช้า พ่อกับแม่ผมกลับมาจากสวน แม่ได้เห็ดโคลนกลับมาด้วย เช้านี้เลยมีแกงเห็ดโคลนกินด้วย พ่อไปปลุกเจ้าก๊อต แม่ทำแกงเห็ดโคลน ส่วนผมและกุ๊นเตรียมสำรับ เกือบ 9 โมงเช้าจึงกินข้าวเสร็จ พ่อผมออกไปข้างนอกเพื่อไปว่าจ้างผู้คนไปเกี่ยวข้าว ซึ่งอีกประมาณอาทิตย์หน้าก็ได้เกี่ยวแล้ว ส่วนแม่ผมก็จัดเตรียมข้าวของที่จะใช้ในการเกี่ยวข้าว เจ้าก๊อตเล่นสนุกกับกุ๊นอยู่หน้าบ้าน ส่วนผมจัดการกับถ้วยชาม พลางคิดในใจว่า ‘ถ้ากุ๊นเป็นหนึ่งในครอบครัวเราก็คงดี แต่กุ๊นเป็นผู้ชาย คงเป็นไปไม่ได้หรอก’ ผมคิดพลางส่ายหัว แล้วจึงก้มจัดการถ้วยชามต่อไป ก่อนที่พ่อและแม่ผมจะออกไปที่ท้องนาเพื่อดูข้าวที่จะเริ่มเกี่ยวอาทิตย์หน้า

“เดี๋ยวกุ๊นกลับไปเอาเสื้อผ้าก่อนนะ... เด๋วพี่กลับมานะเจ้าตัวเล็ก” กุ๊นพูดพลางสตาร์ทรถมอ’ไซต์ออกไป ส่วนเจ้าก๊อตก็ดูทีวีต่อ

“ไม่มีการบ้านเหรอก๊อต” ผมพูดกับเจ้าก๊อตเรื่องการบ้าน ก๊อตอายุจะ 8 ขวบแล้ว อยู่ ป.2 ซนเป็นที่หนึ่ง

“ไม่มี คุณคูไม่ได้ให้” เจ้าก๊อตพูดขณะสนใจทีวีอยู่ ผมไม่ว่าอะไรพลางเดินออกไปเตรียมตัวซักเสื้อผ้าทั้งของพ่อแม่ ของเจ้าก๊อตและของตัวเอง กว่าจะซักเสร็จเล่นเอาเหนื่อย

เกือบเที่ยงกุ๊นจึงมาหาผม ผมจึงเตรียมกับข้าวเพื่อกินกัน เจ้าก๊อตกินเสร็จก็วิ่งออกไปเล่นกับเพื่อนแถวๆ นั้น ส่วนผมและกฎก็ขึ้นไปทำการบ้านบนห้องต่อ...

“เกม ข้อนี้ทำไงอะ” กุ๊นถามผมขณะที่เรานั่งทำการบ้านกัน ซึ่งเราทั้งสองก็ช่วยเหลือในส่วนที่ตัวเองได้ กว่าจะทำการบ้านเสร็จก็ปาเข้าเกือบจะบ่ายสอง พ่อกับแม่ผมกลับมาจากท้องนา กินข้าวเสร็จพ่อผมก็ไปบ้านญาติต่อ ส่วนแม่ผมก็เดินไปคุยกับเพื่อนบ้าน ตามประสาแม่บ้านๆ นะครับ

“เดี๋ยวเราไปเอาใบตองมาทำกระทงดีกว่านะ” ผมเอ่ยปากชวนกุ๊น พวกเราจึงพากันไปเอาใบตองมาทำกระทงกัน เอามาค่อยข้างเยอะ เพราะเผื่อพวกเพื่อนๆ ด้วย พอได้ตามที่ต้องการจึงพากันกลับซึ่งเพื่อนๆ ก็พากันมารอกันเต็มลานหน้าบ้านผม รวมทั้งกลุ่มของเต้ด้วย กว่าจะทำเสร็จก็เกือบ 6 โมง กระทงของเต้ดูสวยกว่าเพื่อนเพราะกลีบกระทงทำจากกาบต้นพลับพลึง ส่วนของผมใหญ่กว่าของคนอื่นเพราะต้องลอยกับกุ๊น (ลอยอันเดียวกันครับ เหอๆ) แล้วทุกคนก็กลับไปอาบน้ำ แล้วค่อยออกไปลอยกันตอนทุ่มหนึ่ง ซึ่งระหว่างนั้นผมก็เตรียมกับข้าวไว้ให้บ้านผม แล้วค่อยอาบน้ำแล้วออกมารอเพื่อนๆ จึงพากันออกไป ซึ่งในตอนนั้นตรงท่าน้ำหลังโรงเรียนพวกผม บริเวณสำหรับลอยกระทงพวกผมคนค่อยข้างเยอะ...

“...” พวกเราพากันอธิษฐาน แล้วจึงปล่อยกระทงออกไป เมื่อกระทงพวกเราลอยลงสู่ท้องน้ำ ได้รับคำชมจากคนรอบๆ ข้างว่ากระทงสวยดีโดยเฉพาะกระทงของเต้ เพราะกลีบกระทงที่ทำจากกาบพลับพลึง เมือต้องแสงเทียนแล้วทำให้กระทงดูสวยมาก เหมือนโคมไฟที่ลอยไปในอากาศ

“เกมอธิษฐานว่าอะไรเหรอ” กุ๊นถามผม

“ถ้าบอกเขาจะเรียกว่าอธิษฐานเหรอ” ผมพูด

“อ่ะนะ... ส่วนกุ๊นอธิษฐานว่า ขอให้เราสองคนอยู่ด้วยกันนานๆ และขอให้เกมรักกุ๊นมากๆ” กุ๊นพูดพลางหันมายิ้มให้ผมแล้วจึงยื่นมามาจับมือผม

“เกมก็อธิษฐานแบบนั้นเหมือนกัน” ผมกระชับมือจับกับกุ๊นให้แน่นนกว่าเดิม พลางยิ้มให้กุ๊น เราต่างยิ้มให้กันภายใต้แสงจันทร์วันเพ็ญที่เป็นพยานให้เรา...

“ซึ้งกันจังนะ” ก้อพูดขึ้น

“ใช่ๆๆๆ” ก้องพูดขึ้นตาม มันจาอะไรนักหนาว่ะไอ้พวกนี้นี่

“...” ผมกับกุ๊นยิ้มต่อ ก่อนที่เราจะพากันเดินทางกลับ

“มีความสุขจัง” กุ๊นพูดขึ้นขณะที่เราขึ้นมาอยู่บนห้องแล้ว ก่อนที่จะลงไปทานข้าว เพราะต่างคนก็หิวเนื่องจากเกือบ 3 ทุ่มแล้ว จากนั้นจึงพากันขึ้นมาทำการบ้านชิ้นสุดท้าย กว่าจะเสร็จก็ 5 ทุ่ม พี่สาวผมไม่ได้กลับบ้าน เพราะต้องทำกิจกรรมกับทางวิทยาลัย กุ๊นเลยร้องเพลงๆ หนึ่งให้ผมฟังภายใต้ความมืดและอ้อมกอดที่แสนจะอบอุ่นของกันและกัน


“จากวันที่พบกัน จากวันที่พบเธอ ฉันยังจำยังตื้นตัน...
เธอรับฉันไว้ในใจ เธอให้ความผูกพัน ที่ฉันไม่เคยได้จากใคร

ไม่เคยจะนึกเลย ไม่เคยจะฝันไกล ว่ามีใครที่รักจริง
เมื่อเธอเป็นคนที่แสนดี และเธอก็เป็นเหมือนสิ่ง อยากขอพูดความจริงจากใจ...

ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักจะดีกับเธอ ขอให้เธอได้รู้ไว้
ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักเธอตลอดไป ทั้งหัวใจฉันให้เธอ....

ขอบคุณที่ค้ำจุน ขอบคุณที่ค้ำใจ ให้ฉันมีวันที่สวยงาม
ขอบคุณจริงๆ ที่รักกัน ขอบคุณที่เธอไม่มองข้าม อยากย้ำความรู้สึกจากใจ...

ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักจะดีกับเธอ ขอให้เธอได้รู้ไว้
ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักเธอตลอดไป ทั้งหัวใจฉันให้เธอ....

ยืนยันจากใจ สิ่งใดเธอต้องการ แม้จะเหนื่อยฉันไม่หวั่น ทำได้เพื่อเธอ
ตอบแทนที่เธอให้ความรัก ตอบแทนที่ดีเสมอ จะไม่ทำให้เธอ ต้องผิดหวัง...

ขอบคุณจริงๆ ที่รักกัน ขอบคุณที่เธอไม่มองข้าม อยากย้ำความรู้สึกจากใจ...

ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักจะดีกับเธอ ขอให้เธอได้รู้ไว้
ฉันจะอยู่เป็นคนของเธอ จะรักเธอตลอดไป ทั้งหัวใจฉันให้เธอ....”



กุ๊นร้องจนจบ ทำเอาผมร้องไห้เลยครับ วันนี้ผมแน่ใจตัวเองแล้วว่ารักผู้ชายคนนี้หมดหัวใจเลย ผมซึ้งกับบทเพลงเพลงนี้มากๆ กุ๊นจึงร้องให้ผมฟังอีกรอบ ผมกอดกุ๊นแน่นกว่าเดิม ผมจะไม่มีวันปล่อยคนๆ นี้จากมือผมแน่ ‘ผมรักผู้ชายคนนี้จนหมดหัวใจซะแล้ว’

“กุ๊นรักเกมนะครับ กุ๊นจะอยู่เป็นคนของเกม จะรักจะดีกับเกม ขอให้เกมได้รู้ไว้ กุ๊นจะอยู่เป็นคนของเกม จะรักเกมตลอดไป ทั้งหัวใจของกุ๊นให้เกมคนเดียว” กุ๊นพูดซึ้งมาก ผมได้แต่ร้องไห้เบาๆ ในอ้อมกอดของกุ๊น

“เกมก็รักกุ๊นนะ รักมากๆ ด้วย” ผมบอกกับกุ๊น ซึ่งถือเป็นคำบอกรักกับกุ๊นเป็นครั้งแรกตั้งแต่กุ๊นสารภาพรักกับผม

“เกมพูดจริงเหรอ กุ๊นไม่ได้หูฝาดนะ” กุ๊นพูดอีกครั้งจะดึงผมเข้าไปหอมแก้ม และกอดผมกระชับกว่าเดิม ก่อนที่จะร้องเพลงนั้นให้ผมฟังอีก ก่อนที่เราจะหลับไปในอ้อมกอดที่แสนอบอุ่นของกันและกัน ในฤดูหนาวที่แสนเหน็บหนาว เพลงนั้นยังคงดังก้องให้หูผมจนถึงทุกวันนี้...

..........
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-09-2007 03:33:24 โดย naitae.ks »

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 7 เรื่องเศร้าๆ

..........

หลังจากผ่านวันลอยกระทง ทุกอย่างมันตอกย้ำให้ผมมีความรู้สึกพิเศษกับกุ๊นมากๆ จะเรียกว่า “รัก” เลยก็ว่าได้ ดูกุ๊นเขาจะดีใจเป็นพิเศษที่ผมตอบรับความรู้สึกเขาได้ แต่ถึงแม้ผมจะรู้สึกรักกุ๊นมากแค่ไหน แต่การกระทำของเราทั้งสองยังคงเหมือนเดิมทุกอย่าง ผมไม่อยากให้ใครรู้ทั้งนั้นครับ (ยกเว้นเพื่อนๆ ในกลุ่ม)...

อีกไม่กี่วันจะเป็นช่วงงานงิ้วประจำปีของหมู่บ้านผม 3 วัน 3 คืน แน่นอนต้องมีคณะงิ้วมาทำการแสดง ผมก็ชอบดูนะ แม้จะฟังไม่ค่อยรู้เรื่องเท่าไหร่ แต่ก็สนุกดี เห็นอาม่า อาซิ่มหัวเราะก็สนุกดี นอกจากการแสดงอุปรากรจีนแล้ว ยังมีการฉายหนังกลางแปลงด้วย กลุ่มพวกผมตกลงกันจะไปดูหนังในวันที่สอง ผมจำไม่ได้ว่าหนังชื่อเรื่องว่าอะไร จำได้แค่ว่า หนุ่มศรราม แสดงคู่กับ นิ้ง กุลสตรี โดยมี อนันต์ บุญนาค เป็นพี่ชายปัญญาอ่อนของหนุ่มอะครับ...

“เด๋วกุ๊นไปรับนะ” กุ๊นพูดกับผมในตอนเที่ยงของวันสุดสัปดาห์

“อืมม” ผมรับคำพลางทานข้าวต่อ

“เด๋วเราไปรับเก๋กับเปิ้ลเอง” ก้อเอ่ยขึ้น

“เราไม่รับปากนะว่าจะไปด้วยได้มั้ย” เปิ้ลพูด “ขี้เกียจอะ แถมต้องอ่านหนังสืออีก”

“จะขยันมากเกินไปแล้ว” ผมพูด

“ฉันไม่ได้เก่งเหมือนเธอนี่จ๊ะ” เปิ้ลพูด แล้วเราก็พากันทานข้าวเที่ยง แล้วยกพลไปยังห้องสมุดต่อ แล้วขึ้นเรียนภาคบ่าย...

คืนวันเสาร์ที่ 29 พฤศจิกายน

“คุณพ่อคุณแม่ครับ ผมขออนุญาตพาเกมไปดูหนังนะครับ” กุ๊นพูดกับพ่อและแม่ผม

“อย่าพากันกลับดึกหล่ะ” แม่ผมพูด ก่อนที่พวกผมจะออกจาบ้านไปราวๆ 2 ทุ่ม ผมและกุ๊นพากันไปรอเพื่อนๆ ที่หน้าทางเข้า

“เด๋วคืนนี้กุ๊นไปนอนด้วยนะ กลับดึกๆ น่ากลัว” กุ๊นพูดพลางกระชับมือที่กุมมือผมอยู่

“หนาวมั้ย” กุ๊นถามผมต่อ ก่อนที่จะเอาผ้าห่มผืนเล็กๆ ที่ติดตัวมาด้วยคลุมไหล่ให้ผม

“ขอบคุณครับ” ผมพูดพลางยิ้ม

“สวีทกันพอหรือยัง” เสียงเก๋นั่นเองครับแซวผมกับกุณ

“มาครบแล้วใช่เปล่าเด๋วเข้าไปเลยแล้วกัน” กุ๊นพูดขึ้นกับทุกๆ คน แต่มือเขายังคงจับมือผมเหมือนเดิม

“พวกนายเข้าไปก่อนนะ เด๋วเรากลับบ้านแป๊บนึง” ก้อพูดขึ้น

“อืมม... พวกเรานั่งอยู่ใกล้รถฉายนะ” เก๋พูด จากนั้นเข้าไปปูเสื่อและพากันนั่ง เก๋และเปิ้ลเดินไปซื้อของกิน ผมกับเกมจึงนั่งอยู่สองคน

“เกมมานั่งตรงนี้” กุ๊นจัดแจงที่ให้ผม ตกลงผมนั่งข้างหน้ากุ๊น โดยมีกุ๊นนั่งกอดผมอยู่ (นึกภาพออกป๊ะ แต่ไม่ได้นั่งตักนะ)

“แหม... จะนั่งห่างกันหน่อยไม่ได้นะ” เปิ้ลพูดขึ้นก่อนที่จะนั่งลง และนั่งรอดูหนัง ในขณะนี้เขากำลังฉายหนังตัวอย่างอยู่

“ทำไมก้อช้าจังน้า” ผมบ่นขึ้น ก่อนที่กุ๊นจะดึงผมให้เข้าไปใกล้กว่าเดิม จนนั่งติดกัน พวกเรานั่งดูซักพักหนังเรื่องที่เรามาดูก็เริ่มฉาย หนังฉายได้ไม่นานเสียงประกาศจากรถฉายหนังก็ดังขึ้น...

“ประกาศ... ขอให้เด็กชายเจษฎา มาพบญาติที่ข้างรถฉายด้วย...” เขาประกาศอยู่สองรอบ

“ชื่อกุ๊นนี่” ผมพูดพลางขยับตัว

“มีอะไรนะ” กุ๊นพูดขึ้นก่อนที่จะลุกเดินออกไปยังที่ญาติมารอพบ...

“เดี๋ยวเรากลับมานะ” กุ๊นเดินกลับมาบอกพวกผม ยังไม่ทันที่ผมจะถามอะไร กุ๊นก็เดินออกจากบริเวณนั้นไป

“เกิดเรื่องใหญ่แล้ว” ก้อเดินเข้ามานั่งบนเสื่อ

“อะไร?” ผมถามขึ้น

“คือว่า...” ก้อพูดพลางเว้นวรรคคำพูด และกล่าวต่อไปว่า”...คุณพ่อของกุ๊นเสีย”

“อะไรนะ” ผมอุทานขึ้นพลางมองออกไปด้านนอก กุ๊นคงกลับไปถึงบ้านแล้วมั้ง

“ตอนนี้อย่าเพิ่งพูดอะไรเลย และอย่าเพิ่งถามกุ๊นนะ” ก้อพูด “เด๋วฉันกลับบ้านก่อน แล้วจะตามมาอีก” ก้อพูดก่อนที่จะเดินออกไป

“รออยู่นี่แหล่ะ” เปิ้ลพูดขึ้นเมื่อเห็นว่าผมอยากเดินตามก้อไป ก็คนมันเป็นห่วงกุ๊นอะ

“กุ๊นบอกว่าเดี๋ยวกลับมา มันก็จะกลับมาน่า” เปิ้ลพูดต่อ

“อืมม” ผมพูดพลางมองออกไปที่จอหนัง ซึ่งผมดูไม่รู้เรื่องแล้ว ใจมันห่วงคนนั้นอยู่...

“...” ประมาณครึ่งชั่วโมงกุ๊นก็กลับมาดูหนังอีกครั้ง ดูหน้าตาไม่เศร้าอะไร แต่ก็ไม่ได้คุยอะไรเช่นกัน กุ๊นนั่งตรงเดิมและกอดผมไว้ ดูตัวสั่นๆ กุ๊นซบที่แผ่นหลังผม รู้เลยครับว่าเขากำลังร้องไห้อยู่ หลังผมเปียกหมดแล้ว (กุ๊นเป็นคนที่ดูภายนอกเข้มแข็ง แต่อ่อนไหวง่ายมาก)

“...” ผมยื่นมือไปลูบหัวกุ๊นเป็นเชิงปลอบใจ เก๋ เปิ้ลและก้อก็มองมาแล้วยื่นมือมาตบไหล่กุ๊นเบาๆ แต่ก็ไม่พูดอะไรปล่อยให้กุ๊นร้องไห้อยู่อย่างนั้น

“เดี๋ยวเรากลับก่อนนะ พวกนายไม่ต้องห่วง” ผมพูดขึ้นพลางดึงกุ๊นลุกขึ้นแล้วกลับไปบ้านผม

“กุ๊นจะกลับบ้านมั้ย” ผมถามกุ๊นเมื่อออกมาข้างนอกแล้ว

“...” กุ๊นส่ายหน้า “กุ๊นจะไปนอนกับเกม” กุ๊นพูดเสร็จก็ขับมอไซต์ตรงไปบ้านผมทันที ตอนนี้ยังไม่ถึง 4 ทุ่มด้วยซ้ำ พ่อกับแม่ผมเลยยังไม่นอน

“อ้าว... ไม่กลับบ้านเหรอกุ๊น... พ่อเสียใจด้วยนะ” พ่อผมพูดขึ้น

“ครับ... ผมอยากมานอนที่นี่ครับ ไม่อยากกลับไปเห็น...” กุ๊นพูดน้ำตาเขาก็ไหลออกมา “เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมค่อยกลับครับ”

“อือ... พาเพื่อนไปนอนซะ” พ่อบอกผม ก่อนที่ผมและกุ๊นจะเดินขึ้นไปบนห้องนอน...

“...” นอนกอดผมภายใต้ความมืดและความเหน็บหนาว

“กุ๊น...” ผมพูดขณะที่ยังกอดเขาอยู่ “กุ๊นยังมีเกมนะ”

“ครับผม” กุ๊นพูดขึ้น แม้เสียงยังสั่นๆ แต่ผมก็รู้ว่าเขารู้สึกดีแค่ไหนที่ผมพูดแบบนั้นออกไป ก่อนที่กุ๊นจะร้องไห้ออกมา นานแค่ไหนที่ผมไม่ได้เห็นผู้ชายคนนี้ร้องไห้ ผู้ชายที่เข้มแข็งอย่างกุ๊น กุ๊นยังคงร้องไห้เบาๆ ในอ้อมกอดของผม

“กุ๊นรักเกมนะ...” กุ๊นพูดขณะยังร้องไห้อยู่

“ร้องไห้ขี้มูกโป่งยังมาทำพูด” ผมพูด

“ก็กุ๊นรักเกมจริงๆ นี่นา กุ๊นกลัวจะ...” กุ๊นพูดไม่ทันจบผมก็เอามือปิดปากุ๊นไว้ เพราะผมรู้ว่าเขาจะพูดอะไร

“อย่าพูดอย่างนั้นนะ” ผมพูดพลางยื่นหน้าไปหอมแก้มกุ๊น

“...” กุ๊นหยุดร้องไห้ครับ สงสัยจะเขินจัด

“เด๋วกุ๊นก็เก็บอารมณ์ไม่ได้หรอก” กุ๊นพูดพลางหอมแก้มผม ก่อนที่เราทั้งสองจะหลับไปด้วยกันในค่ำคืนที่แสนเศร้า เหน็บหนาวจนใจสั่น ผมสัญญาว่าจะรักผู้ชายคนนี้ตลอดไปไม่เปลี่ยนแปลง...

งานศพของพ่อกุ๊นสวดอภิธรรมศพอยู่ 3 วัน วันที่สามถึงจะเคลื่อนศพเข้าวัดเพื่อทำฌาปนกิจ ตลอดเวลา 3 วันผมก็มาช่วยงานที่บ้านกุ๊นตลอด ผมค่อยข้างสนิทกับพี่ชายของกุ๊นกว่าพี่คนอื่นๆ ของกุ๊น สำหรับคุณแม่ของกุ๊นนั้น ผมสนิทกับท่านมานานแล้ว ตั้งแต่สมัยประถมเลยก็ว่าได้ เพราะฉะนั้นท่านจึงดีใจมากที่ผมมาช่วยงานศพครั้งนี้

พอเข้าวันที่ 3 ซึ่งเป็นวันฌาปนกิจศพคุณพ่อของกุ๊น ผมและเพื่อนๆ ในห้องรวมถึงอาจารย์ที่ปรึกษาห้องผมก็มาร่วมในงานนี้ด้วย กุ๊นต้องบวชพราหมณ์เพื่ออุทิศต่อคุณพ่อของเขา ส่วนพี่ชายของกุ๊นถึงบวชหน้าไฟ ถึงเวลาที่เคลื่อนศพมาที่วัด กุ๊นในชุดขาวดูสุขุมมาก โกนศีรษะและคิ้ว นี่ถ้ากุ๊นบวชผ้าเหลืองคงดูสุขุมมากกว่านี้

“...” กุ๊นมองเข้ามาที่ศาลาพอมองเห็นผมก็ยิ้มให้ผม เวอร์ซะหมอนี่...

จากนั้นเมื่อเคลื่อนศพรอบเมรุครบสามรอบก็ทำการเคลื่อนศพขึ้นไปตั้งบนเมรุ ก่อนที่พระจะสวดมนต์ และเล่าประวัติผู้ตายอย่างย่อๆ บรรยากาศเต็มไปด้วยความโศกเศร้า ผมต้องไปนั่งข้างๆ คูณแม่ของกุ๊นเพื่อคอยปลอบประโลม และคอยยกยาดมให้คุณแม่ เมื่อพิธีต่างๆ เสร็จสิ้นก็ถึงเวลาเคลื่อนศพเข้าสูเชิงตะกอน คุณแม่ของกุ๊นเป็นลมล้มพับหลายรอบ ญาติๆ ต่างทยอยขึ้นวางดอกไม้จันทน์ ผมและเพื่อนๆ ขึ้นไปด้วยเช่นกัน ก่อนที่จะลงมารอกันข้างล่าง...

“ขอบใจนะที่มา” กุ๊นพูดขึ้น หลังจากเดินมายืนข้างๆ ผม

“ต้องมาอยู่แล้วสิ” ผมพูดพลางหันไปมองกุ๊น

“มองอะไร... อายนะเนี่ยะ” กุ๊นยิ้มแล้วหน้าก็แดงขึ้น

“อายอะไร เกมแค่มองคนหัวเหม่งแค่นั้นเองอะ น่ารักดีน่ะ 55+” ผมพูดเบาๆ เด๋วคุยอื่นว่าหัวเราะในงานศพ

ผมและเพื่อนอยู่ช่วยงานต่อ ส่วนอาจารย์ขอตัวกลับไปที่โรงเรียนก่อน พวกผมช่วยกับเก็บสถานที่ให้เรียบร้อย เมื่อเสร็จแล้วจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน...

“แม่ขอบใจพวกหนูๆ มากนะจ๊ะ” คุณแม่ของกุ๊นพูดขึ้น ดูท่านคงจะทำใจได้บ้างแล้วหล่ะ

“เดี๋ยวเกมอยู่คุยกับแม่หน่อยนะจ๊ะ” คุณแม่ของกุ๊นหันมาพูดและยิ้มให้ผม

“อยู่โรงเรียนแม่ฝากดูกุ๊นมันหน่อยนะ แม่ห่วงมันมากเลย ยิ่งพ่อกุ๊นมาเสียแม่ยิ่งห่วงมันไปใหญ่” คุณแม่ของกุ๊นพูดกับ

“ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ ผมจะดูแลกุ๊นให้เอง ไม่ไห้ออกนอกลู่นอกทางอย่างแน่นอนครับ” ผมรับคำคุณแม่

“เห็นเกมมั่นใจแม่ก็หายห่วงแล้ว” คุณแม่ของกุ๊นพูดก่อนที่จะผมจะลาท่านกลับบ้าน ก่อนที่จะเปลี่ยนเสื้อผ้าเพื่อที่จะไปช่วยงานที่บ้านของกุ๊นต่อ...

“ขอบใจจ๊ะ” คุณแม่ของกุ๊นพูดกับผมขณะที่ผมช่วยงานจนเสร็จ เกือบ 6 โมงเย็นแล้วท่านจึงบอกให้กุ๊นไปส่งผมที่บ้าน

“แม่เดี๋ยวกุ๊นนอนที่บ้านเกมนะ จะให้เกมติวหนังสือให้” กุ๊นขออนุญาตคุณแม่ก่อนที่จะขับมอไซต์ออกจากบ้านมาที่บ้านผม...

“กุ๊นไปรอบนห้องก่อนนะ เดี๋ยวเกมทำงานบ้านก่อน” ผมบอกกุ๊นก่อนที่ผมจะทำงานบ้านและหุงข้าว เตรียมอาหารไว้รอทุกคน “ไปอาบน้ำเจ้าก๊อต” ผมไล่น้องชายไปอาบน้ำซึ่งมันก็ทำตาม ราวๆ ทุ่มหนึ่งพ่อกับแม่ผมก็กลับมาจากทุ่งนา ส่วนพี่สาวผมไม่กลับบ้านเพราะทำงานที่วิทยาลัยอยู่ จากนั้นผมก็ชวนกุ๊นลงมาทานข้าวด้วยกัน...

“พรุ่งนี้กุ๊นจะไปโรงเรียนมั้ย” ผมถามกุ๊นเมื่อเราทั้งสองขึ้นมาอยู่บนห้องเรียบร้อยแล้ว

“ไป...” กุ๊นพูด “...แต่คงกลับราวๆ บ่าย 2 เพราะต้องไปเก็บกระดูกพ่ออะ”

“อืมม” ผมพูดพลางหยิบหนังสือออกมา

“ทำไร” กุ๊นทำหน้าสงสัย

“อ้าว... ก็กุ๊นบอกเองว่าจะให้เกมติวหนังสือให้อะ” ผมพูด

“อย่าเพิ่งดิ...” กุ๊นพูดพลางเดินมานั่งข้างๆ ผมแล้วยื่นหน้ามาหอมแก้ม

“ไอ้บ้า... ทำไรเนี่ยะ” ผมว่ามัน

“เอ๊า... หอมแก้มแฟนตัวเองไม่ได้เหรอไง” กุ๊นพูดพร้อมกับทำหน้าทะเล้น

“เมื่อวันก่อนยังร้องไห้ขี้มูกโป่งเป็นเด็กๆ อยู่เลย ไอ้หัวโล้นเอ๊ย” ผมล้อมัน

“นี่แนะ ล้อกุ๊นเหรอ” กุ๊นพูดพลางยื่นมือมาจี้เอวผม

“หยุดๆๆๆๆๆๆๆ” ผมห้ามมันแต่มันยังจี้ผมอยู่

“...” ผมใช้มุกเดิมคือยื่นมือไปจับหูมัน

“...” กุ๊นเลิกจี้เอวผมก่อนที่จะกอดผมแน่นขึ้นกว่าเดิม

“ปล่อยได้แล้ว...” ผมพูดขึ้น แต่แทนที่กุ๊นจะฟังผมกลับกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“...” ไม่แค่กอด กุ๊นค่อยๆ ประทับริมฝีปากลงมาที่ปากผมเบาๆ ลิ้นของกุ๊นพยายามเข้ามาในปากผม ไอ้ผมไม่เคยก็เลยเกร็งไม่ยอมเปิดปาก แต่พอนานเข้ากุ๊นก็สามารถแทรกลิ้นเขาเข้ามาได้ เราจูบกันอยู่นานก่อนที่กุ๊นจะถอนปากออก...

“...ทำบ้าอะไร...” ผมพูดติดเขินๆ หน้าผมคงแดงเป็นลูกตำลึงแน่ๆ

“ช่วยกุ๊นหน่อยนะ...” กุ๊นพูดพลางจับมือผมไปวางตรงหน้าขาของเขา เหอๆ

“...” ทุกอย่างจบลง หลังจากผมช่วยกุ๊นและกุ๊นก็ช่วยผม (แค่ภายนอกนะ แก่แดดเป็นบ้าเลย)

“เกมโกรธกุ๊นมั้ย... กุ๊นขอโทษที่ทำแบบนี้นะ” กุ๊นพูดพลางก้มหน้าเหมือนสำนึกผิด

“ถ้าเกมโกรธ เกมคงไม่ยอมให้ทำหรอกน่า” ผมพูด (เหอๆๆ)

“...” กุ๊นพูด ก่อนที่จะกอดผม หลังจากนั้นจึงสลับกันไปเข้าห้องน้ำเพื่อล้างตัว ดีหน่อยที่ยังไม่ได้อาบน้ำทั้งคู่ ไม่อย่างนั้นมีหวังพ่อกับแม่ผมจับได้แน่...

“กุ๊นหลับยัง” ผมพูดขึ้นท่ามกลางความมืดและอากาศที่แสนจะเหน็บหนาว

“อืออ... มีอะไร” กุ๊นพูด

“เปล่านึกว่ากุ๊นหลับแล้ว” ผมพูดพลางกระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้น

“จะลักหลับกุ๊นเหรอ” กุ๊นพลางหัวเราะให้คอ

“บ้า...” ผมพูดพลางเขกหัวกุ๊นทีหนึ่ง ก่อนที่เราจะกอดกันจนหลับไปในค่ำคืนที่เหน็บหนาวอีกครั้ง เพื่อที่จะเก็บแรงเผชิญกับโลกในวันพรุ่งนี้...

ที่โรงเรียน...

“การบ้านเสร็จยังเกม” เสียงเต้ทักผมขึ้น

“อืออ... อ๊ะฝากส่งด้วย นี่ของเรานี่ของกุ๊น” ผมพูดพลางยื่นสมุดการบ้านให้เต้

“ไปกินข้าวป๊ะ” กุ๊นชวนผมไปกินข้าว ตอนนั้นก็ราวๆ 7 โมงเช้าได้ คนยังไม่เยอะเท่าไหร่

“เกมว่ากุ๊นกลับบ้านก็ได้นะ เดี๋ยวเกมลาอาจารย์ให้” ผมพูดเพื่อให้กุ๊นกลับไปเตรียมตัว

“อือ... เที่ยงก่อนล่ะกัน” กุ๊นพูดก่อนที่เพื่อนๆ จะมาสมทบและกินขนม จากนั้นเราก็พากันไปนั่งรอบริเวณเข้าแถว และช่วยกันเก็บขยะแถวๆ นั้น ก่อนที่จะถึงเวลาเข้าแถวเคารพธงชาติ...

“คาบนี้อาจารย์งดสอนนะ ให้พวกเราอ่านหนังสือ เดี๋ยวก่อนหมดชั่วโมงอาจารย์จะมาเทสต์ย่อย” อาจารย์สอนภาษาไทยเข้ามาสั่งงานแล้วก็เดินไปยังห้องตัวเองเพื่อทำงานต่อไป...

“อ่านเสร็จยังกุ๊น” ผมถามกุ๊น

“อือ... อ่านเสร็จแล้ว ง่ายนิดเดียว” กุ๊นพูดพลางจับมือผมใต้โต๊ะ เหอๆ

“อือ...” ผมหันกลับไปอ่านเพื่อทำความเข้าใจอีกรอบ หลังจากนั้นอาจารย์ก็เข้ามาสอบย่อย แล้วเรียนวิชาอื่นต่อไปจนเที่ยง

“เดี๋ยวกุ๊นกลับมารับนะ รอที่สวนวิทยาศาสตร์นะ” กุ๊นสั่งผมก่อนที่จะขับมอไซต์ออกนอกบริเวณโรงเรียนไป จากนั้นผมจึงไปทานข้าวกับเพื่อนๆ แล้วขึ้นเรียนภาคบ่ายต่อไป...

หลังเลิกเรียน

“รอนานมั้ย” กุ๊นพูดขึ้นขณะที่ผมนั่งรอเขาที่สวนวิทยาศาสตร์

“...” ผมส่ายหัว “เพิ่งเลิกเรียน” ผมกล่าวออกไป

“งั้นกลับกัน” กุ๊นพูดจบผมก็ขึ้นซ้อนท้ายมอไซต์ กุ๊นแวะที่บ้านตัวเอง ผมจึงลงไปสวัสดีคุณแม่ของกุ๊น ซึ่งสีหน้าของท่านดีขึ้นกว่าเดิมมาก ท่านคงทำใจได้มากขึ้นกว่าเดิม

“เดี๋ยวเย็นๆ ผมกลับนะแม่ ไปทำการบ้านกับเกมก่อน” แล้วผมและกุ๊นก็มาถึงบ้านผม แล้วก็พากันทำการบ้านและอ่านหนังสือ ซึ่งผมก็เป็นคนติวให้กุ๊น ราวๆ 6 โมงเย็นกุ๊นก็ขอตัวกลับบ้าน ส่วนผมก็ทำงานบ้านต่อไป

ฤดูหนาวปีนี้ช่างหนาวจับใจจริงๆ เรื่องร้ายๆ ต่างๆ ก็ผ่านเข้ามาในชีวิตของคนหลายคน ทำให้ผมนึกหวั่นในใจน้อยๆ ว่าอีกไม่นานคงเกิดขึ้นกับผมแน่ นี่แหล่ะที่เขาเรียกว่าชีวิต

..........

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
..........

บทที่ 8 รักเอย

การคบกันเป็นแฟนระหว่างกุ๊นกับผม ดำเนินไปในกรอบของความถูกต้องเสมอ เพราะผมและกุ๊นต่างก็รู้ว่า ระหว่างผมและเขาไม่มีทางที่สังคมชนบทในขณะนั้นจะยอมรับเรื่องแบบนี้ได้ คำว่าเกย์ในสมัยนั้นไม่มีใครรู้จักหรอกครับ มีแต่คำว่า กะเทย ตุ๊ด เพราะฉะนั้นผมและกุ๊นจึงคบกันในกรอบที่จะมีคนรู้น้อยที่สุด...

ผมและกุ๊นคบกันมาได้เกือบ 2 ปี นับตั้งแต่ต้นเทอมสองตอน ม.2 จนตอนนี้เราทั้งสองกำลังจะเลื่อนชั้นขึ้นในระดับมัธยมศึกษาตอนปลาย เพื่อนๆ ในกลุ่มผมต่างกระจัดกระจายไปคนละทิศละทาง ก้อ สามารถสอบเข้าเรียนที่โรงเรียนประจำจังหวัดที่มีชื่อเสียงมากที่สุด (เบญจมะมหาราช)  เปิ้ล สอบเข้าเรียนที่วิทยาลัยอาชีวศึกษาประจำจังหวัด ส่วนเก๋ลงไปเรียนต่อที่กรุงเทพ ตอนแรกๆ กุ๊นพยายามคะยั้นคะยอให้ผมไปสอบวิทยาลัยเทคนิคประจำจังหวัด แต่ผมไม่เอาด้วย เพราะผมไม่ชอบสายช่าง แต่อยากเรียนสายสามัญแผนวิทย์-คณิต มากกว่า กุ๊นเลยไปสอบวิทยาลัยเทคนิค ส่วนผมสอบที่โรงเรียนประจำจังหวัดอีกที่หนึ่งที่มีชื่อเสียงรองลงมา (นารีนุกูล) ซึ่ง 2 สถาบันนี้อยู่ตรงข้ามกัน ผลคือ สอบไม่ติดทั้งสอง กุ๊นไม่เท่าไหร่เพราะมันดูจะดีใจที่ผมสอบไม่ติด ส่วนผมเสียใจนิดหน่อย เพราะเขาต้องการ 50 คน แต่ผมดั๊นสอบได้ที่ 59 จาก 700 กว่าคน ซึ่งมันน่าเสียดายพอควร เพราะฉะนั้นผมและกุ๊นจึงตัดสินใจกลับมาเรียนที่โรงเรียนเดิมที่เพิ่งจบม.ต้นมาหมาดๆ เหอๆ...

“กุ๊นดีใจนะที่ในที่สุดเราก็ต้องเรียนที่เดิมด้วยกันอีกครั้ง” กุ๊นพูดขณะที่เรากำลังรายงานตัวเข้าเรียนที่โรงเรียนเดิมอีกครั้ง

“ทำไมเธอไม่ไปสอบกับนายก้อ เบญจมะฯ เขารับตั้ง เกือบ 100 คน ถ้าเธอไปสอบที่นั้นก็สบายไปแล้ว” อาจารย์หลายๆ คนต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกัน

“แหม... อาจารย์ ถ้าผมสอบติดที่นั่น ผมก็ไม่ได้กลับมาเห็นหน้าอาจารย์อีกนะสิ” ผมพูดเอาใจอาจารย์ๆ เขานะครับทำไงได้ครับไอ้ผมมันเด็กเส้นในโรงเรียนอะครับไม่เคยโดนทำโทษเลย 55+

ผมและกุ๊นได้เรียนห้องเดียวกันอีกครั้งในชั้น ม.4/1 ซึ่งถือว่าเป็นห้องคิง เพื่อนเก่าๆ ของผมหลายคนต่างก็ต่อกันที่นี่ โดนเฉพาะกลุ่มของเต้ เรียนที่นี่ยกฝูงเลยครับ ที่ผมรู้ไม่มีใครคิดจะไปต่อในเมือง เหตุผลง่ายๆ ขี้เกียจนั่งรถ เจริญแท้เพื่อกู...

วันแรกของการเปิดเรียนคือการปฐมนิเทศนักเรียนใหม่ ซึ่งตอนนั้นผมยังไม่รู้หรอกว่าเพื่อนหน้าใหม่แต่ละคนนั้นอยู่ห้องเดียวกันกับผมหรือเปล่า เพราะฉะนั้นผมจึงคุยอยู่กับกลุ่มเพื่อนเก่ามากกว่า...

“หวัดดีเกม เรานั่งด้วยคนนะ” เสียงเพื่อนคนหนึ่งทักทายผมขึ้น ยุทธนั่นเองครับ ยุทธเป็นเพื่อนต่างห้องสมัย ม.ต้น ยุทธอยู่อีกห้อง แต่เราก็รู้จักกันเนื่องจากต้องทำกิจกรรมร่วมกันหลายๆ อย่าง แน่นอนว่าถ้ามียุทธต้องมีหนุ่มตี๋หน้าหล่ออีกคนแน่นอน (สองคนนี่ไม่ได้เป็นแฟนกันนะครับ ชายแท้ครับ) นั่นคือ หมิง ยุทธเป็นผู้ชายที่หน้าตาพอใช้ได้ รูปร่างสันทัด นิสัยดีมากๆ ส่วน หมิง นั้นเป็นผู้ชายที่หล่อ ขาว ตี๋ (ไม่มีเชื้อจีนเลยแม้แต่นิดส์) นิสัยดีพอควร รักเพื่อน ฉะนั้นตอนนี้ก็มีเพื่อนในกลุ่มแล้ว 4 คน แม้จะน้อย อย่างน้อยก็ไม่เหงานะครับ

“อ้าวๆ เงียบได้แล้วพวกลิง เด๋วท่าน ผอ. จะขึ้นมากล่าวปฐมนิเทศนักเรียนใหม่” เสียงอาจารย์ฝ่ายปกครองดังขึ้น ทำให้เสียงของนักเรียนเงียบลงทันที แล้วห้องประชุมก็กลายเป็นสถานที่ที่น่าเบื่อที่สุด พอพักเที่ยงพวกเราก็พากันไปทานข้าวกัน โดยมีกลุ่มของเต้อยู่ในโรงอาหารแล้ว (พวกผมไปช้าอะครับ)

“เออนี่ พวกนายจะกินอะไรอะ” กุ๊นพูดขึ้น “เด๋ววันนี้ป๋าเลี้ยงเอง” โหใจป้ำเว้ย

“เฮ้ย พูดแล้วห้ามคืนคำนะเว้ยไอ้กุ๊น” หมิงพูดขึ้น

“เออนะ บอกว่าเลี้ยงก็เลี้ยงดิวะ” กุ๊นพูด ก่อนที่จะเดินไปซื้อกับหมิงสองคน

“ไม่คุยอะไรบ้างอะยุทธ” ผมหันไปคุยกับยุทธ ที่ขณะนี้กำลังนั่งยิ้มอยู่

“เราพูดไม่ค่อยเก่งนี่หน่า เกมก็รู้อะ” ยุทธพูด ใช่ครับ ยุทธเป็นคนที่พูดไม่เก่งเลย ผิดกับ หมิง ที่พูดเก่งพอควร ผมคุยกับยุทธหลายเรื่อง ก่อนที่สองคนนั้นจะถืออะไรมาเยอะแยะ เราทั้งสี่นั่งกินข้าวกันจนอิ่ม ก่อนที่จะขึ้นไปปฐมนิเทศแยกตามห้อง...

“สวัสดีจ๊ะ ครูชื่อ .....” อาจารย์ท่านหนึ่งพูดขึ้น เมื่อนักเรียนทุกคนมากันครบ “และนี่อาจารย์... ครูสองคนจะเป็นที่ปรึกษาของพวกเธอนะจ๊ะ ทุกคนรู้จักครูแล้ว ทีนี้ถึงทีที่พวกเธอจะแนะนำตัวแล้วนะ เริ่มต้นที่เธอก่อน เจษฎา...” อาจารย์แกหันมาที่กุ๊น กุ๊นจึงลุกขึ้นแนะนำตัวเองให้เพื่อนๆ รู้จัก จากนั้นจึงเป็นผม ทุกคนแนะนำกันไปเรื่อยๆ จนถึง...

“สวัสดีครับ ผมชื่อ นายอติยะ ชื่อเล่น ตง ครับ มาจากโรงเรียน.... ครับ” คนที่แนะนำตัวเองว่าชื่อตงลุกขึ้นรายงานตัว แล้วเขาก็หันมายิ้มให้ผม ผมจำเขาได้ดีครับ แม้เหตุการณ์จะผ่านมาเป็นปีแล้ว

“นั่นมันไอ้ตงนี่หว่า มันอายุมากกว่าเรานะ มันคิดไงอยู่เนี่ยะ” กุ๊นพูดขึ้นพร้อมทำสีหน้าไม่พอใจ

“อือ...” ผมพยักหน้าก่อนที่จะฟังเพื่อนแนะนำตัว

จากนั้นเมื่อทำการแนะนำตัวให้เพื่อนๆ รู้จักกันแล้ว อาจารย์ก็ปล่อยให้พวกผมทำความรู้จักกันให้มากขึ้น แน่นอนต้องเสียงดังแน่ๆ ครับ

“หวัดดีครับ... พบกันอีกแล้วนะ ผมตงครับ” ตงเข้ามาคุยกับผม

“อือ... ยินดีที่ได้รู้จักอีกครั้งครับพี่ตง” ผมพูดไปตามมารยาทครับ เพราะเขาอายุมากกว่าผม

“เฮ้ย... ไม่ต้องเรียกพี่หรอก เรียกตงเฉยๆ ก็ได้ครับ” ตงพูดพร้อมหัวเราะ ตงเป็นคนที่หน้าตาค่อนข้างดี ผิวคล้ำ (นึกถึงพี่ป๋อ ณัฐวุฒิ เอาไว้ครับ) นิสัยดีพอควร

“แกมาเรียนนี่ได้ไงวะ” กุ๊นพูดแทรกขึ้นหลังจากเดินกลับมาจากไปทำความรู้จักกับเพื่อนใหม่ (มันไปรู้จักกันตอนไหนวะ)

“ก็ขับมอไซต์มาเรียนดิวะไอ้นี่ ถามแปลกๆ” ตงพูด

“ไอ้นี่ ไม่ได้หมายความว่าอย่างนั้น” กุ๊นลุกขึ้นตบหัวตง

“เจ็บนะไอ้นี่...” ตงพูด “ก็มาตามหาหัวใจนะ...” ตงพูดพลางหันหน้ามาทางผม แล้วยิ้มหวานสุดๆ

“ไอ้ตง...” กุ๊นพูดเสียงเข้ม “เรื่องนี้กูคุยกับมึงแล้วนะ ห้ามคิดไปไกล” กุ๊นกล่าวต่อ

“นี่ๆๆๆๆ... เรางงไปหมดแล้ว นี่กุ๊นกับพี่ตง เอ๊ย ตง ไปรู้จักกันตอนไหน” ผมพูดแทรกขึ้น

“ก็หลังจากวันที่ต่อยกัน 1 อาทิตย์” แล้วกุ๊นก็เล่าให้ฟังว่าไปเจอและสนิทกันยังงัย ผมเอ๋อไปเลยครับเพราะกุ๊นไม่ได้เล่าให้ผมฟัง กุ๊นก็บอกว่าตอนนั้นยังไม่ได้ตกลงกับผมว่าจะเป็นแฟนกัน เลยไม่ได้เล่า ก็ลืมไปเลย จนตงมาเรียนที่นี่แหล่ะครับผมถึงรู้

“แล้วตงหยุดเรียน 1 ปีเลยเหรอ ไมอะ” ผมถามด้วยความสงสัย

“ก็เราหยุดเพื่อไปหาประสบการณ์การทำงาน พอรู้สึกไม่ไหวเลยกลับมาเรียน” ตงตอบ หลังจากนั้นตงก็เข้ามาเป็น 1 ในสมาชิกกลุ่มใหม่ของผม 5 คนแล้ว มีแต่ผู้ชายทั้งนั้น

“หวัดดี เรา นิ นะ” ผู้หญิงที่ชื่อนิเดินเข้ามาทำความรู้จักกับกลุ่มผม นิเป็นผู้หญิงตัวเล็กๆ เรียนเก่ง ร้องเพลงเพราะ (โดยเฉพาะหมอลำ)

“เราชื่อ แข นะ” แขพูดขึ้น ที่จริงผม กุ๊น หมิงและยุทธก็รู้จักแขเพราะจบม.ต้นมาด้วยกัน เพียงแต่อยู่คนละห้อง แขเป็นผู้หญิงน่ารักคนหนึ่ง เรียนเก่ง รักเพื่อนถึงไหนถึงกัน

“เรา นุช นะ” สมาชิกคนสุดท้ายในกลุ่มผมเป็นผู้หญิงครับ เธอเป็นผู้หญิงร่างสูง เรียนเก่ง นิสัยดี (ไม่รู้คัดมาหรือเปล่า กลุ่มผมถึงมีแต่คนนิสัยดีๆ กันทั้งนั้น) หลังจากนั้นพวกเราก็กลายเป็นเพื่อนสนิทกันทั้งกลุ่ม โดยมีผมเป็นหัวหน้ากลุ่ม แถมผมยังได้เป็นหัวหน้าห้องอีกด้วย...

“เพื่อนๆ ตายแน่” เต้แซวผม คงเพราะผมมีชื่อเสียงขึ้นชื่อลือชาว่าเป็นคนประหยัดนะครับ เพราะฉะนั้น ผมจึงควบตำแหน่งเหรัญญิกประจำห้องไปด้วย เหอๆ

“เกม น่ากลัวขนาดนั้นเลยเหรอเต้” เสียงผู้ชายคนหนึ่งพูดขึ้น นั่นก็คือเก่งนั่นเองครับ เก่งเป็นคู่หูเต้นั่นแหล่ะครับ (กลับไปอ่านสะดุดรักนะครับ)

“อย่าไปฟังเต้น่ะเก่ง ไอ้นี่มันขี้โม้” 55+ ผมเผาเพื่อนซะแล้ว…

....................

“เกมรีบกลับมั้ย” กุ๊นถามผมหลังจากเลิกกิจกรรมการปฐมนิเทศทั้งหมด

“ไม่อะ” ผมพูดขึ้น “ทำไมเหรอ”

“ก็พวกเราจะไปฉลองกันไง ในฐานะที่เราได้เป็นเพื่อนกัน” หมิงพูดขึ้น

“อืม... ก็ดี” ผมตอบตกลง จากนั้น ผม กุ๊น หมิง ตง ยุทธ แข นิ และนุช ก็พากันไปฉลองที่ท่าน้ำสันเขื่อนที่กั้นแม่น้ำมูลกัน โดยเราเลือกแพตัวท้ายสุดในการฉลอง (ไม่มีแอลกอฮอล์แน่นอนครับ) หลังจากนั้นก็ต่างพากันลงเล่นน้ำกัน มีผมและตงไม่ได้ลงเล่นแต่ก็นั่งหย่อนขาตรงแพนั่นแหล่ะครับ

“นี่พี่ตง เอ๊ย ตง คิดยังงัยถึงมาเรียนที่นี่หล่ะ” ผมคุยกับตง ในขณะที่คนอื่นลงเล่นน้ำ

“ก็อย่างที่บอกอะ... ตามหาหัวใจ” ตงพูดและหันมามองหน้าผม

“ตามหาหัวใจ?... กับใครหล่ะ” ผมพูดพลางหันหน้าออกไปมองดูเพื่อนๆ ที่กำลังเล่นน้ำ

“เกมลงมาเล่นน้ำด้วยกัน” ยุทธตะโกนเรียกผม

“ตามสบาย” ผมตะโกนกลับออกไป

“ยังไม่ตอบเลยนิว่า กับใคร” ผมหันกลับไปถามต่อ

“ไม่รู้” นายตงพูดสั้นๆ ก่อนจะวักน้ำใส่ผม แล้วเขาก็หัวเราะกระโดดลงไปเล่นน้ำกับเพื่อนๆ

“สนิทกันเร็วจังนะ” กุ๊นพูดขึ้นหลังจากว่ายน้ำเข้าฝั่งมาหาผม

“หึงเขาหล่ะจิ หุหุ” ผมหยอกมันครับ

“หึงดิ แฟนทั้งคน” กุ๊นพูด ไม่อายคนอื่นเล้ยยย

“อ่ะนะ... อย่าคิดมากน่า กุ๊นไม่เชื่อใจเกมเหรอ” ผมพูดแกมน้ำเสียงน้อยใจ

“ไม่ใช่อย่างนั้น กุ๊นเชื่อใจเกมนะ แต่ไอ้ตงนะ กุ๊นไม่ไว้ใจ” กุ๊นพูด

“ไม่มีอะไรหรอก ถ้าตงเขาชอบเราจริง กุ๊นก็ต้องงลำบากหน่อยนะ” ผมพูดพลางยิ้ม

“ทำไมอะ?” กุ๊นพูดพร้อมหน้าตาที่สงสัย

“ก็กุ๊นต้องทำให้เกมรักมากกว่าเดิมไง ต้องทำให้เกมแน่ใจมากยิ่งขึ้นๆๆๆ เรื่อยๆๆๆๆ และมากกว่าเดิมหลายๆ เท่าด้วย” ผมพูดพลางทำมือกว้างๆ เพื่อให้มันเข้าใจความหมายของผม ขณะที่ผมวาดมืออกไปอย่างไม่ทันระวังตัว กุ๊นก็ดึงผมลงไปในน้ำทันทีครับ เพื่อนๆ ต่างโห่กันอย่างดีใจที่กุ๊นทำให้ผมลงน้ำได้สำเร็จ พวกนี้นี่...

ผมก็เล่นแป๊บนึงครับ ว่ายๆ วนๆ อยู่ใกล้แพนั่นแหล่ะ เพราะผมว่ายน้ำไม่ค่อยแข็งแรงเท่าไหร่ ไม่นานผมก็ขึ้นไปนั่งบนแพอีกครั้ง และถอดเสื้อนักเรียนโชว์หุ้นขี้ก้างให้คนอื่นเห็น เพื่อบิดน้ำออกจากเสื้อแล้วค่อยสวมกลับเข้าไปใหม่

“มองอะไรว่ะ” ผมพูดกับเพื่อนๆ ที่หันมามองผมเป็นตาเดียวกัน ชักเขินๆ แฮะ

“เกมขาวมากวะ” หมิงพูดขึ้น

“อ้าวพวกนี้ อ่านกินเรานี่หว่า 55+” ผมพูดก่อนที่เพื่อนๆ จะพากันหัวเราะ

“...” ตงว่ายน้ำกลับเข้ามาที่แพ และทำเช่นเดียวกับผมก่อนที่จะมานั่งดูคนอื่นๆ ว่ายน้ำเข้าไปที่แก่ง

“ข้ามไปดูเขื่อนมั้ย” ตงชวนผมข้าวแก่งไปดูเขื่อนที่อยู่ตรงข้าม

“ก็ดี เรายังไม่เคยเห็นเลย” ผมกับตงจึงพากันค่อยๆ เดินลัดแก่งโขดหินเพื่อข้ามไปดูเขื่อน โดยที่คนอื่นยังเล่นน้ำ ผมชวนคนอื่น แต่เขาพากันขี้เกียจ แม้กระทั่งกุ๊น...

“โห... ลมเย็นดีจัง” ผมพูดเมื่อข้ามมาถึงสันเขื่อน ลมเย็นมาก

“เกมเป็นแฟนกับกุ๊นเหรอ” ตงพูดขึ้น ทำเอาผมสะดุ้งเลยครับ

“เอ่อ...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร เหงื่อแตกเลยเรา

“ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้น กุ๊นมันบอกเราหมดแล้วหล่ะ เพียงแต่อยากได้ยินจากปากเกมเอง” ตงพูดต่อ

“อือ... ใช่ แต่ตงอย่าบอกคนอื่นนะ เดี๋ยวเขารังเกียจเรา” ผมพูด

“ไม่หรอก เกมไม่บอกคนอื่น เราก็ไม่บอก แต่ถึงเกมบอกไป เพื่อนๆ เขาก็ไม่ได้ว่าอะไรหรอก สมัยนี้แล้ว” ตงพูด แต่ดูนัยน์ตาเขาเศร้าๆ ยังงัยไม่รู้

“อืม... ไว้พร้อมค่อยบอกดีกว่า” ผมพูดขึ้นก่อนที่จะชวนตงข้ามกลับไปหาเพื่อนๆ จากนั้นเราก็ต่างแยกย้ายกันกลับบ้าน โดยที่พวกเราทั้งหมดไปส่งนุช เพราะนุชเขาอยู่หมู่บ้านที่ไกลออกไปอีก แล้วกุ๊นก็แวะเปลี่ยนเสื้อผ้า และไปส่งผมที่บ้าน

“กุ๊นไปรอบนห้องนะ” ผมพูดพลางหยิบผ้าเช็ดตัวเข้าห้องน้ำ ก่อนที่จะแตกตัวและทำงานบ้านจนเสร็จ แล้วขึ้นไปหากุ๊นบนห้อง

“โห... ท่าจะเหนื่อยนะเนี่ยะ” ผมพูดขึ้นเมื่อเห็นกุ๊นนอนหลับบนเตียงผม ท่านอนน่ารักซะ

“...ตัวอุ่นๆ แฮะ” ผมเอามือไปจับที่หน้าผากกุ๊น รู้สึกได้ว่าตัวอุ่น สงสัยจะไม่สบาย ก็เล่นน้ำกลางแดดซะขนาดนั้นนี่นะ

“กุ๊น...” ผมปลุกกุ๊น ที่จริงก็ไม่อยากปลุกหรอก แต่ต้องปลุกเพื่อให้มากินข้าวต้มที่ผมทำ และให้ทานยาต่อ ก่อนที่กุ๊นจะล้มตัวลงนอนอีก

“เกมไปบอกแม่กุ๊นแล้วนะว่ากุ๊นจะค้างที่นี่ บอกแม่กุ๊นแล้วหล่ะว่าไม่ต้องเป็นห่วง เพราะกุ๊นคงเป็นไข้แดด กินยาเดี๋ยวก็หาย” ผมพูดพลางหยิบเสื้อและกางเกงนักเรียนของกุ๊นขึ้นแขวน รวมถึงกระเป๋าของกุ๊นที่ผมถือมาจากบ้านเขาด้วย

“น่ารักจังเลยแฟนเรา” กุ๊นพูดพลางดึงแขนผมให้ผมนั่งลงข้างๆ ก่อนที่กุ๊นจะหนุนตักและดึงหน้าผมลงไปหอมแก้ม

“เหอๆ” ผมหัวเราะก่อนจะเล่นผมของกุ๊น

“เกมทำแบบนี้แล้วกุ๊นมีความสุขจัง” กุ๊นพูดพร้อมกับดึงมือผมไปไว้ที่หน้าอก ก่อนที่กุ๊นจะหลับไปเพราะฤทธิ์ไข้และฤทธิ์ยา...

“เพื่อนเราเป็นไงบ้างหละ” แม่ผมถามถึงอาการกุ๊น

“กุ๊นหลับแล้วหล่ะแม่” ผมพูดก่อนที่จะจัดสำรับกับข้าวมาให้ครอบครัวผมทาน พี่สาวผมเรียน ปวส. แล้ว ส่วนเจ้าก๊อตน้องชายผมก็อยู่ ป.3

หลังจากกินข้าวและจัดการกับถ้วยชาม ผมก็ขึ้นห้องไปดูกุ๊น อาการกุ๊นไม่ได้มากกว่าเดิม ทำให้ผมสบายใจหน่อย ผมจึงเช็ดตัวให้เขาก่อนจะห่มผ้าให้ แล้วผมก็ล้มตัวนอนลงข้างๆ กุ๊น แล้วก็หลับไปด้วยกันจนถึงเช้าครับ.......

..........

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
ขอขอบคุณสำหรับทุกๆ กำลังใจมากๆ นะครับ

ผมรู้สึกดีใจที่ได้รับการต้อนรับจากบอร์ดนี้จังเลยครับ  o14

ผมจะไม่ว่างหลายวัน เลยมาลงให้อ่านหลายตอนนิดนึง

อย่าแปลกใจเลยว่าทำไมผมถึงมาลงให้อ่านดึกดื่นขนาดนี้

ก็นี่แหละครับ ผมทำรายงานตั้ง 5 เล่ม ส่ง 2 ตุลา ทุกเล่ม เหนื่อยมากๆ  :m8:

อาทิตย์หน้าสอบทั้งอาทิตย์ คาบเกี่ยวไปถึงอาทิตย์ต่อไป คงราวๆ วันเสาร์และอาทตย์หน้า (6,7 ตุลาคม) ถึงจะได้แวะเข้ามาอีกครั้ง

ขอโทษไว้ล่วงหน้านะครับที่อาจจะทำให้รอนานไปหน่อย

สุดท้ายก็ขอขอบคุณสำหรับกำลังใจทุกๆ กำลังอีกครั้งนะครับ

ขอบคุณครับ

จากนายเต้ขี้เหร่อเองคร้าบบบบบ  :m9:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
ว่าทำไมลงยาวที่เเท้ก็หยุดยาวนี่เองเเหะๆ แล้วมาต่อนะครับ :a9:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
ได้อ่านสามตอนรวดเลย ขอบคุณมากค่ะ  o15  o15
เรื่องนี้ดูเรียบ ๆ เนอะ แต่ก็อบอุ่นดี  :m13:

subaru

  • บุคคลทั่วไป
 :m18:อีกหนึ่งกำลังใจคะ ว่าง ๆ ก็มาลงเพิ่มนะคะรออยู่คะ :a11:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
อ่านแล้วมัน ลื่นไหลดีแหะ
ดูกุ๊นจะมีอะไรมาให้ตื่นเต้นเรื่อยๆเลยแหะ
แต่อย่าตื่นเต้นมากไปนะ ไม่ดี
 :m26: :m26: :m26:

naitae.ks

  • บุคคลทั่วไป
บทที่ 9 ลางร้าย

..........

หลังจากที่ผมได้เพื่อนใหม่และเรียนด้วยกันจนขึ้นเทอมสอง กลุ่มของผมเป็นกลุ่มที่ทรงอิทธิพลที่สุด (เรื่องดีๆ นะ) กลุ่มพวกผมมักเป็นที่จับจ้องจากกลุ่มอื่นๆ ทั้งในห้องตัวเองและต่างห้อง เนื่องจากกลุ่มผมรวมคนเก่งเอาไว้ทั้งหมด ตั้งแต่คนที่เรียนเก่งที่สุดเรียงลำดับลงไปจนครบทุกคนนะครับ กิจกรรมเด่นที่พวกเราทำกันมากที่สุด คือ อ่านหนังสือหลังเลิกเรียน แต่ไม่ได้เครียดนะครับ แค่สนุกๆ เท่านั้น และมักยกโขยงกันไปท่าน้ำหลังโรงเรียนทุกครั้งที่ว่างกัน

“เกม... มีคนฝากของมาให้” เพื่อนในห้องผมคนหนึ่งพูด พลางยื่นห่ออะไรซักอย่างให้ผม

“ใครเหรอโต้ง” ผมถามเพื่อนคนนั้น

“ไม่รู้ เปิดดูเอง” มันพูดและยิ้มเล็กๆ ก่อนจะเดินกลับที่โต๊ะตัวเอง

“เปิดดูดิ” นิ้งพูดขึ้น

“ไม่เอาอะ กลัว” ผมพูดพลางเอากล่องดังกล่าววางไว้ที่โต๊ะ

“อะไร?... ให้กุ๊นเหรอ” กุ๊นพูดหลังจากเดินเข้าห้องมา

“เปล่า... มีคนฝากมาให้เกมนะ” ผมพูดพลางจับกล่องนั้นพลิกไปมา

“มานี่เดี๋ยวเปิดให้” กุ๊นพูดพลางหยิบกล่องนั้นไปเปิด

“อืมม... มีช็อกโกแล็ต และการ์ด” กุ๊นพูดพลางหยิบการ์ดนั้นไปอ่าน

“...” กุ๊นเงียบ พลางมองหน้าผมและหัวเราะออกมา “555+”

“อะไร?” ผมเริ่มงงแล้วครับ

“มีคนแอบชอบเกมด้วย” กุ๊นพูดพลางยื่นการ์ดให้ผมอ่าน

   ‘พี่ชอบน้องเกมนะครับ ขอโทษด้วยนะครับที่แซวไปวันนั้น
   ช่วยรับขนมไว้ด้วยนะครับ ถือว่าเป็นของไถ่โทษนะครับ...
                  พี่โจ้’

“เฮ้ย...” ผมอุทานพลางหันกลับไปมองโต้ง (ก็พี่โจ้กับโต้งเป็นพี่น้องกันอะครับ)

“เพื่อนเรานี่เสน่ห์แรงไม่เบาเว้ย” หมิงล้อผมขึ้น

“ไม่ตลกนะหมิง” ผมพูดขึ้น ก่อนจะเอาขนมให้พวกผู้หญิงกิน ทำไงได้ครับ ไอ้ผมไม่ชอบช็อกโกแล็ตอะครับ

หลังจากนั้นทุกๆ วัน ที่โต๊ะผมมักจะมีขนมมาวางตลอด เพื่อนๆ เลยพลอยไปอานิสงค์ไปตามๆ กัน แรกๆ ผมก็ไม่ชอบเท่าไหร่ แต่พอนานๆ เข้าก็ชินไป เพราะไม่รู้จะทำยังงัย ก็เลยปล่อยไปเลยตามเลย

“นี่กุ๊นจะไม่พูดอะไรเลยเหรอ” ผมพูดกับกุ๊นถึงเรื่องพี่โจ้

“...” กุ๊นส่ายหน้า “กุ๊นเชื่อใจเกมซะอย่าง ใครจะมาจีบก็ช่างมันดิ” หวานซะ

“อืมม...” ผมไม่รู้จะพูดอะไร ก็มันอายไปซะแล้วววว…

แล้วก็ผ่านปีใหม่มาได้ กลุ่มของพวกผมยิ่งสนิทกันมากขึ้น โดยเฉพาะผมกับตง แทบจะเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันเลยทีเดียว ไม่ติดว่าผมเป็นแฟนกับกุ๊น ผมคงเป็นแฟนกับตงไปแล้วหล่ะ เหอๆๆ ก็ตงเขาเป็นคนดีขนาดนั้นอะ เทคแคร์ผมทุกอย่าง หุหุ...

วันนี้เป็นวันที่ 14 กุมพาพันธ์ ที่โต๊ะผมจึงเต็มไปด้วยดอกกุหลาบ การ์ดและขนม ไม่รู้มาจากไหนบ้าง ของใครบ้าง

“โหเกม... แฟนคลับนายนี่เยอะเป็นบ้าวะ” หมิงพูดขึ้น

“แต่ของยุทธก็ใช่ย่อยนะ” ผมพูดพลางมองไปที่โต๊ะของยุทธที่ดูไม่ต่างจากโต๊ะของผมเลย

“เฮ้ย... นี่มัน...” กุ๊นพูดขึ้นหลังจากเห็นของบนโต๊ะผม

“แฟนเรามีคนแอบชอบขนาดนี้เหรอวะ...” กุ๊นกระซิบกับผม “...อย่างนี้มันต้องป้องกันซะแล้ว” กุ๊นกระซิบต่อพลางยกมือขึ้นเกาคางตัวเอง

“บ้า” ผมพูดพลางกระทุ้งศอกเข้าที่ท้องกุ๊น

“โอ๊ะ... เจ็บนา” กุ๊นพูดพลางนั่งลงที่เก้าอี้ และหยิบขนมที่โต๊ะผมมากิน

   ‘ผมแอบชอบพี่เกมมานานแล้ว พี่เกมมีแฟนยังครับ... น้องโต๊ะ’
   ‘พี่เกมน่ารักจังเลยค่ะ... น้องแจง’
    ‘พี่เกมเรียนเก่งจังเลยนะครับ รักพี่เกมครับ
   และอื่นๆ อีกมากมาย

“555+... อันสุดท้ายนี่ตลกชะมัด” กุ๊นหัวเราะขึ้น พลางอ่านข้อความนั้นขึ้น

   ‘พี่เกมกับพี่กุ๊นเป็นแฟนกันหรือเปล่าค่ะ... เป็นกำลังใจนะค่ะ... น้องน้ำ’

“555+” กุ๊นหัวเราะ พลางยื่นให้คนอื่นอ่าน

“กูก็สงสัยเหมือนน้องเขาวะ” หมิงพูดขึ้น พลางยื่นการ์ดนั้นให้ผม

“เหอๆ” ผมหัวเราะ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร ก่อนที่จะเดินลงไปเข้าแถวเคารพธงชาติ...

“เฮ้ย...” ผมอุทานขึ้นด้วยความตกใจ ก็อะไรซะอีกหล่ะครับ ก็ขนมที่โต๊ะผมและโต๊ะกุ๊นมีเพิ่มมากขึ้นกว่าเดิมนะสิครับ

“มีแต่ของไอ้กุ๊น” หมิงพูด ก่อนที่จะเดินไปนั่งที่โต๊ะตัวเอง

“เสน่ห์แรงไม่เบานะนี่” ผมแซวกุ๊นไป แต่ดูหน้าเขาจะไม่สนุกตามผมเลย

“มีอะไร” ผมถามกุ๊น

“ไม่มีอะไร” กุ๊นพูด ก่อนที่จะเก็บขนมและการ์ดที่เปิดอ่านยัดเข้าไปใต้โต๊ะ

“...” ผมมองด้วยความสงสัย แต่ก็ไม่ได้พูดอะไร และไม่ได้ใส่ใจด้วย....

ปลายเดือนกุมพาพันธ์...

“อ๊ะ... ของขวัญ” ผมยื่นกล่องของขวัญให้กุ๊นไป หลังจากสอบเสร็จในวันสุดท้าย

“อะไร?” กุ๊นถามผมด้วยความสงสัย

“อ้าว... วันนี้วันที่เท่าไหร่” ผมถามมันกลับ

“28 กุมพา... ทำไม” มันถามผมต่อ

“ไอ้บ้า... วันนั้นเกิดกุ๊นไง อย่าบอกนะว่าจำวันเกิดตัวเองไม่ได้” ผมด่ามันซะ

“อ๋อ... จำได้แหล่ะ เหอๆๆ” ผมพูดพลางยิ้มแหยๆ “เปลี่ยนเป็นอย่างอื่นได้ป๊ะ”

“จะเอาอะไรหล่ะ” ผมถามขึ้น

“ก็...” ผมพูดพลางยิ้มอย่างมีเลศนัย

“ห้ามคิดลามกเลยนะกุ๊น... เรื่องนั้นนะมันยังไม่ถึงเวลา” ผมพูดักคอมันก่อน

“เกมอะ... เวลาๆๆๆๆๆ แล้วเมื่อไหร่หล่ะ” มันพูดด้วยความน้อยใจ

“เหอๆๆๆ เมื่อไหร่ก็เมื่อนั้นแหล่ะ” ผมพูดพลางลุกเดินออกจากบริเวณนั้น

“ก็ได้ๆๆ” กุ๊นพูดพลางวิ่งตามผมออกมา....

แล้วช่วงเวลาการปิดเทอมภาคฤดูร้อนก็เข้ามาเยือน ผมก็อยู่ช่วยงานทางบ้านตลอด ส่วนกุ๊นก็ลงไปทำงานที่กรุงเทพ ตลอด 2 เดือนผมและกุ๊นเลยไม่ได้เจอกันเลย ทำให้ผมคิดถึงกุ๊นมากขึ้นกว่าเดิม

“มันจะคิดถึงเรามั้ยน้า....” ผมบ่นกับตัวเองทุกครั้งที่คิดถึงกุ๊น ตลอด 2 เดือน ตงจะมาช่วยงานผมเกือบทุกวัน โดนตงจะมาคุย มาเล่นกับผมจนเรียกแม่ผมว่าแม่ได้อย่างสนิทปาก วันสงกรานต์ก็ได้ตงนี่แหล่ะพาผมเที่ยว ช่วงปิดเทอมเลยไม่เหงา

“เกม... จบ ม.6 แล้วเกมจะเรียนต่อที่ไหน” ตงถามผมขณะที่นั่งแช่เท้าในแม่น้ำมูลที่เขื่อน

“อืมม... กะว่าจะต่อที่ ม.อุบล นี่แหล่ะตง ไม่อยากไปไกลๆ บ้านนะ” ผมตอบตงไป

“แล้วตงหล่ะ” ผมถามตงกลับ

“อืมมม.... เรียนต่อกับเกมนี่แหล่ะ” ตงพูดแล้วก็หันมายิ้มหวานให้ผม

“จะมาเรียนตามเกมทำไมเนี่ยะ” ผมพูดขึ้นพลางหันไปทางอื่น มองดูเด็กๆ เล่นน้ำ

“เกมไม่รู้จริงเหรอ” ตงพูดขึ้นพลางจับมือผม

“อะ... อะไร” ผมพูดขึ้น

“...” ตงปล่อยมือผมและมองออกไปข้างหน้า “สารภาพตรงๆ เลยนะ ตงชอบเกม ชอบตั้งแต่งานกีฬาสีวันนั้นแล้ว จำตอนที่เกมถามเราได้เปล่าว่าทำไมเราถึงหยุดเรียน 1 ปี แล้วเลือกมาเรียนที่นี่” ตงพูดต่อ

“...” ผมพยักหน้า

“...และเราก็บอกว่า มาตามหาหัวใจ” ต่อพูด “ซึ่งก็หมายถึง...”

“....” ผมเงียบครับ และก็ภาวนาในใจว่า อย่าเป็นกูเล้ยยยยย

“เกม” ตงพูดขึ้น ทำเอาพูดตกใจพอควร “เราชอบเกม” ตงพูดพร้อมกับมองหน้าผม

“...” อึดอัดเป็นบ้า ผมไม่รู้จะพูดอะไรทั้งนั้น

“แต่ตงรู้... ว่าเกมชอบกุ๊น เราจึงเป็นได้แค่เพื่อน... แค่เพื่อนเราก็ดีใจแล้ว” ตงพูด

“...” ไม่มีเสียงเอื้อนเอ่ยจากปากผมใดๆ ทั้งสิ้น พูดอะไรไม่ออกครับ

“เราขอโทษแล้วกัน” ตงพูดขึ้น

“อืม... ไม่เป็นไรหรอก เราก็... ไม่รู้จะพูดยังงัยดี แต่ก็ขอบใจนะที่ชอบเรา แต่ยังงัยตงก็เป็นเพื่อนที่ดีๆ ที่สุดคนหนึ่งของเรา ขอบใจนะ” ผมพูดขึ้นหลังจากเงียบไปนาน แล้วตงก็ไปส่งผมที่บ้าน เหตุการณ์นี้ทำเอาผมนอนไม่หลับเลยครับ เฮ้อ.......

แล้วก็ได้เวลาเปิดเทอม ผมและเพื่อนๆ พากันขึ้น ม.5 แล้วครับ เย้ๆๆๆๆ ดีใจจัง

“อ๊ะ... ของขวัญ อาจจะช้าไปหน่อย แต่ก็สุขสันต์วันเกิดครับ” กุ๊นยื่นกล่องของขวัญให้ผม หลังจากที่กุ๊นมารับผมที่บ่านเพื่อจะไปโรงเรียน

“จำได้ด้วยเหรอว่าเกมเกิดวันไหน” ผมถามกุ๊น

“จำได้ดิ 25 เมษายน วันเกิดแฟนตัวเอง จำได้ขึ้นใจเลย” กุ๊นพูดขึ้น เขินนะเนี่ยะ

“เหอๆๆ” ผมหัวเราะพลางแกะกล่องนั้นดู

“...” มันเป็นสร้อยคอทองคำหนักราวๆ 1 สลึงได้ “เกินไปเปล่าอะกุ๊น”

“ไม่หรอก กุ๊นเต็มใจให้นะ” กุ๊นพูดพลางดึงผมเข้าไปกอด

“ขอบคุณครับ” ผมพูดพลางหอมแก้มมัน

“อ่า... อยากได้มากกว่านั้นอะ” ทะลึ่งอีกแล่ะไอ้นี่ ได้คืบจาเอาศอก

“ทะลึ่ง” ผมพูดพลางเขกหัวมันทีนึง

“เจ็บนะ” กุ๊นพูดก่อนที่จะพาผมออกจากบ้านเพื่อไปโรงเรียน

“กุ๊น... จบ ม.6 เกมจะต่อที่ม.อุบลนะ กุ๊นจะเรียนต่อที่ไหน” ผมถามกุ๊นขณะเดินทางไปโรงเรียน

“กุ๊นก็ต้องไปเรียนกับเกมสิ แฟนกันก็ต้องเรียนด้วยกันสิ” กุ๊นพูดขึ้น

“สัญญาแล้วนะ” ผมพูด

“ครับผม” กุ๊นพูด ก่อนที่จะมาถึงโรงเรียน


“เกิดเรื่องใหญ่แล้วเกม...” เสียงหมิงพูดขึ้นเมื่อผมเดินเข้ามาในห้องในเช้าของวันที่ 20 กรกฎาคม

“เรื่องอะไร” ผมถามหมิง

“คือ... เก่งเสียแล้ว” หมิงพูดขึ้น

“เฮ้ย... อย่าล้อเล่นนะหมิง” ผมพูดขึ้นด้วยความตกใจ

“ไม่ได้ล้อเล่น เก่งเสียด้วยอุบัติเหตุเมื่อคืนราวๆ 4 ทุ่ม” หมิงพูดต่อ

“เต้หล่ะ...” ผมถามหาเต้ทันทีที่แน่ใจว่าหมิงไม่ได้พูดเล่น

“คงไม่มาหรอก คงอยู่ทีบ้านเก่งนะ” หมิงพูด แล้วผมจึงวิ่งไปที่ห้องพักอาจารย์

“อาจารย์ครับ วันนี้พวกผมขอลาครึ่งวันนะครับ” ผมไปขออนุญาตอาจารย์

“ทั้งหมดเลยเหรอ” อาจารย์ถาม

“ใช่ครับ” ผมตอบไป

“งั้นอาจารย์ให้พวกเธอลาทั้งวันเลยแล้วกัน เดี๋ยวอาจารย์ตามไปนะ” หลังจากที่อาจารย์อนุญาตแล้ว พวกผมจึงพากันไปงานศพของเก่งทันที...

“เมื่อวานยังคุยกันอยู่เลยนะเก่ง” ผมพูดขึ้นขณะที่จุดธูปไหว้ศพ

“ทำใจดีๆ นะเต้” ผมเข้าไปปลอบเต้ ที่ตอนนี้ดูโทรมมากๆ

“...” เต้ยิ้มให้ผม ดวงตาที่ผ่านการร้องไห้มามาก ทำให้ผมสงสารเพื่อนคนนี้มาก หลังจากนั้นผมก็ให้นิและว่านมานั่งเป็นเพื่อนเต้ แล้วพวกผมก็เข้าไปช่วยงานที่ครัว

“ขอบใจนะจ๊ะ” แม่ของเก่งพูดกับพวกผม ดูท่านโทรมมาก คงจะร้องผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก

“น้องเก่งไม่น่าจากไปเร็วขนาดนี้เลย ฮือๆๆ” แม่ของเก่งร้องไห้ขึ้น ผมจึงเดินเข้าไปปลอบโยนท่าน

“ปลงซะเถอะคุณ” เสียงพ่อของเก่งเอ่ยขึ้น ผมจึงลุกขึ้นไปช่วยเพื่อนๆ ต่อ

“น้องครับ...” เสียงผู้ชายคนหนึ่งดังขึ้น “...น้องคนนั้นเป็นใครเหรอ”

“เพื่อนสนิทเก่งนะครับ” ผมพูดขึ้น พลางมองดูหน้าคนข้างหน้าที่ใส่แว่นตาดำ เหมือนจะอำพรางตัวเอง “พี่สงสัยอะไรหรือเปล่าครับ” ผมถามต่อ

“ไม่มีอะไรครับ... พี่เป็นพี่ชายของเก่งนะครับ” ผู้ชายคนนั้นพูดขึ้น

“ครับ” ผมพูดก่อนที่จะเดินออกไป

“เดี๋ยวก่อนครับ” พี่ชายของเก่งพูดขึ้นอีก

“ครับ?” ผมพูด

“น้องคนนั้นเป็นแค่เพื่อนสนิทไอ้เก่งจริงๆ นะ” พี่ชายเก่งพูดขึ้น

“แล้วพี่คิดว่าเขาเป็นอะไรกันหล่ะครับ” ผมพูดด้วยอารมณ์โมโหนิดหน่อย (เย็นไว้ๆ เกม)

“เปล่าครับ... พี่ชื่อกฎนะครับ ไม่กวนแล้วครับ” พี่เขาพูดพลางเดินไปที่โต๊ะที่แม่เขานั่งอยู่ ผมจึงเดินเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนเต้ต่อ...


หลังจากงานศพเก่งผ่านไป ดูเต้จะเงียบๆ ไป ทำให้เพื่อนๆ จะห่วงเต้มากเลยไม่ยอมให้เต้เขาอยู่คนเดียว เพราะทุกคนในห้องรู้ดีว่า เต้และเก่งไม่ได้เป็นเพื่อนธรรมดาๆ กัน

“ไม่ต้องห่วงน่า เราไม่คิดสั้นหรอก” เต้พูดกับเพื่อนๆ แต่ทุกคนก็ไม่ไว้ใจ ยังคงอยู่เป็นเพื่อนเต้อยู่ตลอด โดยจะมีก้องและว่านเป็นคนพาเต้กลับบ้าน และไปรับที่บ้านทุกวัน

“เฮ้อ... สงสารเต้จริงๆ” ผมพูดกับกุ๊น

“อืม...” กุ๊นพยักหน้า “เกม... เย็นนี้กุ๊นไม่ได้ไปส่งนะ คือ... กุ๊น... ต้องไปซ้อมบอลกับไอ้โต้งที่โรงเรียนที่บ้านมันอะ” กุ๊นพูดต่อ

“อือ... ไม่เป็นไร” ผมพูดก่อนที่จะก้มไปอ่านหนังสือ “เดี๋ยวกลับกับนิก็ได้” ผมพูดต่อ

“อือ...” กุ๊นพูด “งั้นเดี๋ยวกุ๊นขอตัวก่อนนะ” กุ๊นพูดพลางลุกขึ้นและวิ่งออกไป

“เดี๋ยว...” ผมเรียกไม่ทันแล้ว เพราะกุ๊นทำหนังสือตก “ไม่รอบคอบซะเลย” ผมพูดพลางก้มลงไปหยิบหนังสือเล่มนั้นขึ้น และมีซองสีชมพูซองหนึ่งหล่นจากหนังสือ

“อะไร...” ผมคิดในใจ และก้มลงไปหยิบ และเปิดออกดู


‘นี่เป็นการ์ดใบที่ 6 แล้วที่เจนส่งให้กุ๊น “เราชอบกุ๊นนะ” บอกทุกครั้งที่ให้การ์ดไปกุ๊นคงไม่เบื่อนะ เจนดีใจนะที่กุ๊นก็ชอบเจนเหมือนกัน เจนจะรอที่เดิมนะ... Jane’


เหมือนมีอะไรหนักๆ มาตีที่หัวผม มันดูเงียบ มึน งงกับข้อความที่อยู่ในการ์ดแผ่นนั้น

“นี่มันอะไรกัน” ผมพูดกับตัวเองเบาๆ ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมา เหมือนโลกทั้งโลกมันหยุดอยู่ตรงนั้นนานมาก ผมไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้นแล้ว...

“เกม...” เสียงกุ๊นดังขึ้น ผมรีบเก็บการ์ดใส่ในหนังสือกุ๊นตามเดิม และรีบเช็ดน้ำตาก่อนที่กุ๊นจะวิ่งมาถึง

“กุ๊นลืมหนังสืออะ... เดี๋ยวพรุ่งนี้เจอกันนะ เพื่อนเขารออยู่ ไปนะ” กุ๊นพูดเสร็จก็วิ่งออกไป โดยมีกระดาษอีกแผ่นร่วงลงมาจากหนังสือของกุ๊นอีกครั้ง เป็นกระดาษที่ถูกเขียนโดยลายมือของกุ๊น

‘กุ๊นดีใจจัง ที่เจนชอบกุ๊น กุ๊นแอบชอบเจนมาตั้งแต่ประถมแล้วนะ ดีใจมากๆ ... Koon’

เป็นกระดาษเขียนจดหมายที่เขียนง่าย แต่เต็มไปด้วยความรู้สึกดีๆ ที่กุ๊นมีให้กับเจน ผมยิ่งร้องไห้หนักกว่าเดิม

“...” ผมร้องไห้กับตัวเองเบาๆ อยู่นานพอควร จนเย็นแล้ว ทุกคนกลับบ้านหมดแล้ว ผมไม่มีเรียวแรงพอที่จะทำอะไรทั้งนั้น

เจ็บจัง....

..........

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด