ตอนที่ 39 * อึดอัดใจ
“ปอนด์ เดี๋ยว... ปอนด์....” เสียงควิลดังไล่หลังมา ไม่ช้าก็รั้งแขนผมไว้ทันก่อนที่ผมจะถึงรถตัวเองแค่นิดเดียว
“หยุดก่อนดิ จะรีบไปไหน ทำไมต้องรีบร้อนขนาดนี้ด้วย”
“ไว้ค่อยคุยกันได้ไหม ขอร้อง” ผมบอกด้วยน้ำเสียงวิงวอน
“ทำไมอ่ะ ปอนด์หนีใคร ตุลย์เหรอ?” คำถามนั้นทำให้ผมต้องนิ่งอึ้งไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตอบกลับไปด้วยเสียงอ้อมแอ้ม
“เปล่า.... ไม่ใช่.....ไม่ได้หนีมัน” เป็นอีกครั้งที่โกหกและรู้สึกแย่มากจนไม่กล้ามองหน้าเขาตรงๆ
“มึงแน่ใจเหรอ....ว่าไม่ได้หนีกู!!” ผมสะดุ้ง... เมื่อได้ยินคำถามนั้น....แน่นอนว่าประโยคถัดมาไม่ใช่ของควิล น้ำเสียงเข้มกึ่งข่มขู่แบบนั้น ผมจำได้ดีจนไม่จำเป็นต้องเหลือบตาไปมองด้วยซ้ำ
ผมเผลอกลืนน้ำลายทั้งที่ลำคอแห้งผาก หัวใจเต้นตูมตามเมื่อควิลหันไปมองผู้มาใหม่ด้วยสายตาแห่งความสงสัย ส่วนผมสับสนจนทำอะไรไม่ถูกว่าควรจะหนีหรืออยู่เผชิญหน้า แต่ไม่มีเวลาได้คิดหรือตัดสินใจ มันก็เดินมาถึงตัวแล้ว
“ถ้างั้น... มึงควรจะกลับเข้าไปข้างในได้แล้ว” น้ำเสียงและแววตาเสดงความขุ่นเคืองอย่างเห็นได้ชัด ทันทีที่ประโยคนั้นจบลง มันจับแขนผมบีบแน่นแล้วกระชากให้เดินตามไปโดยไม่ถามความสมัครใจเลยสักนิดเดียว
“ปอนด์ ปอนด์” ควิลเรียกด้วยน้ำเสียงแสดงความห่วงใย พร้อมกับเดินตามมาช่วยดึงผมไว้
“ตุลย์ ใจเย็นก่อนได้ไหม นี่มันเรื่องอะไรกัน ปอนด์เค้าไปทำอะไรให้นายไม่พอใจเหรอ” ควิลถาม เหมือนพยายามไกล่เกลี่ย ... ผมว่า เขาคงคิดว่าตุลย์กับผมมีเรื่องมีราวกัน จนตุลย์มันจะลากผมไปให้เพื่อนมันรุมกระทืบแน่เลย...
แต่ความจริงแล้วมันคนละเรื่องกันเลย
“ไม่ใช่เรื่องของมึง มึงไม่ต้องเสือก” มันหันกลับไปตะคอก ดึงแขนที่จับแขนผมไว้ออกแล้วผลักอย่างแรงจนคนตัวเล็กอย่างควิลเซล้มลง
“ควิล...” ผมร้องอย่างตกใจ พยายามจะขยับตัวเข้าไปดู ไอ้ตุลย์มันดึงแขนผมไว้แล้วกระชากกลับ “ไม่ต้องเลย มึงมากะกูนี่...”
“กูไม่ไป มึงทำควิลทำไม...” ผมสะบัดแขนสุดแรงแล้วใช้สองมือผลักอกมันออกอย่างโมโหจัด
“มึงยังมีหน้ามาถามอีกเหรอว่าทำไม กูบอกมึงแล้วใช่ไหมให้รอ ทำไมไม่รอ หนำซ้ำ มึงยังหนีไปกับคนอื่นอีก” มันตวาดกลับชี้นิ้วไปทางควิลที่เริ่มพยายามจะลุกขึ้น
“ทำไม มึงเป็นนายเหนือหัวกูตั้งแต่เมื่อไร กูจำเป็นต้องเชื่อฟังคำพูดมึงทุกคำด้วยเหรอ”
“เออ..กูไม่ใช่เจ้านายมึง แต่กูเป็นผัวมึง จบมั้ย!!”
วินาทีนั้นผมตาค้าง รู้สึกเหมือนถูกตบหน้าฉาดใหญ่ จนชาไปทั้งตัว จะเถียงก็ไม่ได้ และไม่กล้าแม้จะหันไปมองควิล
“จะตามกูมาดีๆ หรือต้องให้กูกระทืบมันก่อน มึงถึงจะฟังกู...” ผมกัดริมฝีปากตัวเองอย่างอัดอั้น ความโกรธเกรี้ยวมันเพิ่มขึ้นมาเป็นริ้วๆ จนอยากตะบันหน้ามันให้ยับ แต่ก็ ไม่กล้าพอจะเสี่ยงท้าทายมันในตอนนี้ ผมกลัวว่าจะพลอยทำให้ควิลซวยไปด้วย...
เป็นอีกครั้งที่ผมยอมเดินตามมันไปถึงรถเก๋งที่จอดอยู่ด้วยความจำใจ มันพยายามไขกุญแจอย่างเร่งร้อนแล้วเหวี่ยงผมเข้าไปในรถ
“มึงจะพากูไปไหน” ผมถามอย่างไม่สบอารมณ์ เมื่อตัวเองถูกยัดเข้าไปในรถ
มันนิ่งไม่ยอมตอบ พยายามดึงเซพตี้เบลท์ขึ้นมาคาดให้ แต่ผมพยายามผลักมือมันออกไป
“ไม่ต้อง!! กูไม่ไปไหนกะมึงทั้งนั้นล่ะ”
“มึงหุบปาก แล้วนั่งเงียบๆ จะดีกว่า มึงไม่รู้หรอกว่า ตอนนี้ กูโมโหขนาดไหน” มันพูดเสียงดุแววตาเหมือนพยายามข่มกลั้นอารมณ์ แล้วไง? ไม่ได้มีมันคนเดียวที่อารมณ์เสีย....
“กูก็โมโหเหมือนกัน มึงพูดแบบนั้นทำไม?”
“หรือมึงจะเถียงว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง”
“ถึงจริง มึงก็ไม่ควรพูด มึงรู้ไหมทำเหี้ยอะไรลงไปเนี่ย” ผมระเบิดอารมณ์จนหน้าแดงก่ำ
“ทำไม? หรือว่ามึงกลัวว่ามันจะรู้?” ผมไม่ได้ตอบ เราได้แต่จ้องตากัน และมันคงเดาคำตอบได้
พลั่ก.... มันทุบกำปั้นลงบนพนักพิงเต็มแรงแล้วสบถ
“ ให้ตายเถอะ นี่กูทำเหี้ยอะไรลงไปเนี่ย พยายามฝึกเล่นกีตาร์ หัดร้องเพลงบ้าๆ นั่นเพื่อไปอะไรกัน มีคนอยากฟังมันตั้งมากมาย แต่มึง..กลับเห็นคนอื่นสำคัญกว่า”
“กูไม่ได้ขอร้องให้มึงทำนี่!!”
“เออ!! กูทำเองทั้งนั้นเลย เข้าใจผิดไปเองว่ามันจะให้มึงประทับใจได้ แต่เปล่า... กูแม่งโคตรงี่เง่าเลย ก็ดี ต่อไปนี้กูจะได้รู้ว่ากูไม่ควรทำอะไรเพื่อมึงอีก... สิ่งที่กูควรทำ คือกลับไปทำอะไรเดิมๆ อย่างที่เคยทำ”
ผมขมวดคิ้วนิดหนึ่งไม่อยากคิดไปถึงอะไรที่เลวร้าย แต่ทั้งสายตาและมือที่ไล้ไปตามข้างแก้มมันทำให้คิดได้ว่ามันหมายถึงอะไร ผมปัดมือมันออก
“หยุด อย่าแม้แต่จะคิด.... กูไม่มีอารมณ์จะทำแบบนั้นตอนนี้หรอกนะ”
“แต่กูมี....” มันพูดพร้อมรอยยิ้มประหลาด แล้วโน้มตัวลงมา
“เฮ้ย!” ผมอุทานอย่างตกใจ เพราะเบาะถูกปรับอย่างกะทันหันจนผมหงายหลังลงไปไม่ทันได้ตั้งตัว เงยหน้าขึ้นมาอีกที ก็พบใบหน้ามันลอยอยู่ใกล้ๆ แล้ว
“ถอยไป.... บอกให้ปล่อยไงวะ” ผมตะโกนพร้อมดิ้นรนผลักไส แต่อีกฝ่ายกดไหล่ผมไว้ไม่ให้ลุก
“กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงกับมันเป็นอะไรกัน แต่จะให้กูปล่อยมึงไปหามัน บอกตรงๆ กูทำไม่ได้”
“กูต้องไปจริงๆ ไม่ว่ามึงจะเอาอะไรมาขู่ก็ไม่มีผลอะไรกับกูอีกแล้ว กูขอจบเรื่องทุกอย่างในวันนี้ มึงอยากเอาเรื่องของกูไปบอกเคลียร์หรือเล่าให้ใครฟังก็ตามใจ บางทีกูแค่ไม่มาที่ร้านนี้อีก หรืออย่างมากกูแค่ลาออกจากมหาลัยไม่ให้ใครตามเจอ แต่กูทนอยู่ในสภาพนี้ต่อไปไม่ไหวจริงๆ”
“สภาพไหน?”
“ถูกทำเหมือนอีตัวแบบนี้” ผมกัดฟันพูดอย่างเจ็บใจ ความอัดอั้นมันเอ่อท้นจนธารน้ำท่วมขอบตา ส่วนอีกฝ่ายชะงักทำหน้าตกใจ...
“เดี๋ยว...กูไม่เคยคิดอย่างนั้นนะ” มันเถียงหน้าเครียด
“ถ้าไม่ใช่แล้วเรียกอะไร ใช้กูเป็นที่รองรับอารมณ์ ขอแค่มึงอยาก จะที่ไหนเมื่อไรก็ได้ มึงไม่เคยถามว่ากูต้องการหรือเปล่า กูเป็นแค่ตัวอะไรสักอย่างที่ทำได้แค่รอ รอให้มึงเบื่อ... รู้ทั้งรู้ว่าสักวันมันต้องมาถึง แล้วมึงจะบังคับให้กูรอไปเพื่ออะไร พยายามทำดีกับกูไปเพื่ออะไร”
“ไม่เอาน่า อย่าร้องไห้ดิ จะให้กูอธิบายไงดี.....มึงถึงจะเข้าใจว่ากูไม่ได้ตั้งใจ ที่กูทำไปทั้งหมด เพราะกูรักมึงต่างหาก”
“มึงโกหก..... เริ่มต้นมึงแค่อยากลองของแปลก ต่อมามึงแค่นึกติดใจ มึงคิดว่ามึงเอาเงินฟาดหัวกูได้ พอไม่ใช่มึงก็ข่มขู่ มึงสนุกที่เห็นกูเป็นลูกไล่ คอยทำตามที่มึงต้องการ เวลาที่มึงเงี่ยนมึงก็มาหา ที่ไหน เมื่อไรก็ได้ มึงอาจจะแค่ขัดใจที่กูไม่ได้อวยมึงเหมือนคนอื่น ท้ายที่สุด มึงเลยรู้สึกท้าทาย มึงแค่อยากทำให้กูยอมสิโรราบให้ แค่นั้นเองที่มึงต้องการ แต่เสียใจนะกูรู้ทัน เพราะอะไรรู้ไหม เพราะกูเป็นผู้ชายเหมือนกับมึงไง อะไรที่มึงเคยทำ กูเองก็เคยทำ กูรู้ดีกว่าเวลากูต้องการอะไรสักอย่าง กูยอมทุ่มเททุกอย่างได้มากแค่ไหน และกูก็รู้ดีว่าเวลาที่กูเบื่อ กูจะหาวิธีเขี่ยมันทิ้งได้ยังไง มึงไม่ต้องมาเสียเวลาทำอะไรให้กูทั้งนั้น กูไม่อยากได้....”
“กูยอมรับนะ ว่าที่ผ่านมากูอาจจะพูดอาจจะทำไม่ดีกับมึง แต่ไม่ว่าจุดเริ่มต้นมันคืออะไร แต่ตอนนี้ทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว กูต้องทำยังไงมึงถึงจะเชื่อว่ากูรักมึงจริงๆ”
“ปล่อยกูสิ... แล้วกูจะเชื่อ ความรักมันไม่ใช่การผูกมัด หรือแม้แต่การข่มขู่ มึงใช้เงินซื้อทุกอย่างในโลกได้ยกเว้นความรัก”
“ถ้ากูให้มึงไป แล้วมึง..จะกลับมารึเปล่า?”
“กูตอบไม่ได้ แต่ถึงมึงจะรั้งกูไว้ยังไง มีแค่กายเท่านั้นที่อยู่ ถ้ามึงต้องการแค่นั้นกูก็ไม่ขัดนะ ถ้ามึงสาบานว่ามันจะเป็นครั้งสุดท้ายที่มึงจะใช้กำลังข่มขืนกู ต่อจากนี้จะไม่มาเจอกันอีก แล้วกูจะยอมให้ดีๆ เลย”
“ข่มขืนเหรอ? ที่ผ่านมากูทำแบบนั้นงั้นเหรอ? กูคิดว่ามึงรู้สึกดีกับมันซะอีก...”
“ก็....บางครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่..” ผมพูดด้วยน้ำเสียงชัดเจนมั่นคง
ที่ผ่านๆ มา ผมได้แต่ปล่อยอารมณ์เป็นใหญ่ รู้สึกยังไงก็ทำไปอย่างนั้น แต่วันนี้ผมมีสติมากพอที่จะหยุดมัน
ในขณะที่ควิลกลับมาเพราะเป็นห่วงผม แต่ผมกลับปิดทุกอย่างเป็นความลับ แล้วพอทุกอย่างเปิดเผยขึ้นมา ตอนนี้เขาจะรู้สึกยังไง คงผิดหวังหรือคิดว่าถูกทรยศ ตราบใดที่ยังไม่ได้ขอโทษ หรืออธิบายอะไรสักอย่างจะให้มีอารมณ์มาพลอดรักอยู่กับตุลย์ได้ยังไงกัน...
“ก็ได้... กูยอมแพ้” แล้วมันก็ขยับตัวถอยออกไปนอกรถ ผมผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอกแล้วก้าวออกไปยืนอยู่นอกรถแล้วปิดประตูลง มันเลื่อนมือมาจับมือผมไว้หลวมๆ ผมไม่ได้ดึงมือหนีและไม่ได้หันไปมอง
“การที่กูปล่อยมึงไปวันนี้ไม่ได้แปลว่ากูตัดใจ แต่กูอยากให้มึงรู้ไว้ ว่ากูแคร์มึงมากกว่าที่มึงคิด กูเลือกปล่อยมึงไปหาคนอื่น ดีกว่าสาบานว่าจะไม่เจอมึงอีก และกูยังทำอะไรได้อีกมากมายขอแค่มึงบอกมา.... กูต้องทำยังไง มึงถึงจะเชื่อว่ากูไม่ได้ ล้อเล่นหรือหลอกลวงมึง ต้องทำยังไง มึงถึงจะรักกู ช่วยบอกกูหน่อยสิ.... ยังมีอะไรอีกไหมที่กูทำได้ แล้วกูยังไม่ได้ทำ”
หัวใจของผมวูบไหวอย่างประหลาด.... เมื่อได้ฟังคำถามนั้น
และคำตอบที่ออกมาคือ.....
“ไม่มี.........”
ผมรู้สึกใจหายที่มันค่อยๆ ปล่อยมือออก ผมไม่กล้าหันไปมองว่ามันทำหน้าแบบไหน ได้แต่ฝืนใจก้าวต่อไปทั้งน้ำตา... เพราะสิ่งที่อยากบอกมันแต่ไม่กล้า.... คือ.....
ไม่มี.........วันไหนที่ไม่รัก....... ตอนนี้สั้นนะ .... แต่ก็รู้สึกดีที่ในที่สุดก็ทุบโหลดองแตกจนได้....
ไม่มีอะไรแก้ตัวนอกจาก ขอโทษที่หายไปนาน
แล้วก็.......คิดถึงทุกคนนะ
**ฝาก mv ฟังละเข้ากะปอนด์ดี
http://www.youtube.com/v/O0eP_uLNR-E