ตอนที่ 35 กระต่ายง่าว...
การสอบวันแรกผ่านไปแล้ว.... ผมก็ทำได้บ้างไม่ได้ตามอัตภาพ แต่ก็รู้สึกได้ว่าตัวเองขาดเรียนเยอะพอควรเลย เพราะตอบทำข้อสอบถึงนึกถามตัวเองว่า นี่อาจารย์เคยสอนอะไรพวกนี้ด้วยเหรอ ส่วนเมื่อวานนี้ถามว่าอ่านหนังสือบ้างไหม แน่นอนว่าอ่านสิ แต่ไม่ใช่เพราะผมเชื่อฟังไอ้ตุลย์ ไม่ได้อ่านเพราะขยัน เพียงแค่อ่านเพราะผมนอนไม่หลับแค่นั้นเองก็หลังจากมันกลับไป...ผมก็เอาแต่คิดเรื่องของมันซ้ำไปมา....
“วอก.... กูรักมึงนะ” เสียงของมันกระซิบอยู่ข้างหู
แต่เมื่อมันกลับไปยืนตรงหน้าเหมือนรอคอยบางอยย่าง สิ่งที่ผมตอบกลับไปมีเพียงแววตาของความสับสน ซึ่งแม้แต่ผมเองก็ยังไม่เข้าใจว่า ผมกำลังกลัวอะไรกัน
ระหว่างการเริ่มต้น..... หรือการสิ้นสุด.....
อะไรที่ยังทำให้ผมลังเล...ยังมึนงง อยู่แบบนี้....
“ยังไม่ต้องตอบก็ได้... ถ้ามึงยังไม่พร้อม คิดให้ดีซะก่อนจะพูดเถอะ เพราะตัวกูอยากฟังข่าวดีมากกว่าข่าวร้าย...ถ้ามึงบอกข่าวร้ายกูตอนนี้ กูจะอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านมันก็เหมือนกูอยู่ในนรก....”
‘ไรวะ! ข่าวดีข่าวร้ายอะไรอีก อย่ามาพูดให้ยากได้ไหมคนกะลังมึน...
“ไว้เจอกันหลังสอบนะ.... ถึงตอนนั้น...กูมีอะไรจะเซอร์ไพรส์มึงด้วย”
“อะไร?” นั่นคือคำแรกที่ผมเอ่ยหลังจากหายสตั๊นแล้ว....
“อ้าว.....มึงไม่รู้เหรอ?” อีกแล้ว.... มุกนี้อีกแล้วนะ... ผมหน้ามุ่ยนึกรำคาญประโยคติดปากของมันเต็มที...
“รู้อะไร....” ก็ได้...เอากะมันหน่อยดูซิจะมาไม้ไหนอีก....
“รู้ว่า.....ถ้ากูบอก.....มันก็ไม่เรียก.....เซอร์ไพรส์อะดิ หึหึ” แล้วมันก็หัวเราะสะใจที่ได้แกล้งผมได้สำเร็จอีกครั้ง พอมันกลับไป...ผมอ่านหนังสือทั้งคืนจนหลับไปคากองชีท หากแต่ว่าสิ่งที่อ่านไปนั้นอาจจะเข้าสมองเพียงแค่สักสี่ส่วนในสิบ เพราะโชคร้ายที่มันไม่สามารถออสโมซิสเข้าหัวผมยามหลับได้เลย ส่วนตอนที่ตื่นนั้น ก็ใช่ว่าจะมีสมาธิเสียเมื่อไร นั่นเป็นเพราะระเบิดลูกย่อมที่มันทิ้งไว้แท้ๆ... ทำเป็นห้ามนั่นห้ามนี่เพราะกลัวตัวเองอ่านหนังสือไม่มีสมาธิ แต่ทีผมจะเป็นยังไง มันคิดซะที่ไหน... ไอ้คนเห็นแก่ตัว....
สรุปว่า..ถ้าผมสอบตก มันนั่นแหละที่ต้องรับผิดชอบ .....
เย็นแล้วผมพาตัวเองมาที่หน้าชมรมดนตรี แต่ห้องคล้องกุญแจไว้ รวมถึงบริเวณรอบๆ ก็เงียบไปหมด ผมโทรหาเคลียร์ทันทีเมื่อรู้สึกว่าแปลกกว่าปกติ
“อ๋อ....ก็ตอนนี้เข้าช่วงสอบแล้วไง ส่วนใหญ่ก็จะงดทำกิจกรรมชมรมเพื่อเตรียมตัวสอบ ชมรมดนตรีก็ปิดด้วย โทษทีที่ไม่ได้บอก เพราะเคลียร์คิดว่าปอนด์ ยังเจ็บอยู่ไง”
“อ๋อ...ดีขึ้นแล้วแหละ”
“หายไวจัง... ดีละ ว่าแต่แล้วปอนด์น่ะ ไม่อ่านหนังสือบ้างหรือไง”
“อ่านสิ แต่คิดว่าแวะมาแป๊บนึงไง” ผมรีบแก้ตัว ทั้งที่ความจริง ผมไม่อยากกลับไปอยู่ที่ห้องคนเดียวไวนักเท่านั้นเอง..
“ขยันเนอะ แต่ไว้ก่อนดีกว่า เรื่องเรียนต้องมาก่อน ว่าแต่ปิดเทอมสองอาทิตย์ จะกลับบ้านหรือเปล่า”
พูดถึงกลับบ้าน... ก็ไม่ได้กลับมาเป็นเดือนๆ แล้วนะเนี่ย
“คิดว่ากลับนะแต่คงไปแค่สองสามวันแหละ เพราะต้องทำงานด้วย”
“อือ... ก็ไว้ปิดเทอมถ้าว่าง ค่อยมาซ้อมก็ได้ ไว้ตอนนั้นจะเปิดขมรมรอตั้งแต่สี่โมงเช้ายันเที่ยงคืนเลย อย่าบ่นแล้วกัน”
“ฮ่าๆ ไม่บ่นหรอก ถ้าอยู่กะเคลียร์นะ”
“หึ...จะจริงเร้อ....” เสียงนั้นมีแววหยอกล้ออยู่ในที เหมือนคนพูดไม่เชื่อใจ ผมไม่ได้ตอบเพียงแค่ส่งเสียงหัวเราะเบาๆ เท่านั้น......
จริง.... ผมควรตอบแบบนั้นไม่ใช่เหรอ....
นอกจากเรื่องสอบที่ผมไม่ได้สนใจนัก อีกเรื่องที่ลืมไปคือรายงานที่ต้องทำ ยังจำกันได้ไหมงานที่ผมไปช่วยจิ๊บหาที่ห้องสมุดแล้วโดนไอ้ตุลย์ขัดขาจนล้มไง ก็งานมันอยู่กับจุ๊บจิ๊บ และผมก็ลืมถามถึงไปเลย พอเราเจอกันในห้องสอบ จิ๊บก็บอกว่าไม่ได้เอามา แต่ผมไม่ต้องเป็นห่วง เพราะจิ๊บช่วยพิมพ์ให้แล้ว พอผมบอกเกรงใจ จิ๊บก็บอกว่า ไว้สอบเสร็จพาไปเลี้ยงขอบคุณสักดริ๊งค์ก็พอแล้ว....เฮ้อ.... ไม่ค่อยเลยนะจิ๊บ....
ถึงไอ้ตุลย์จะบอกว่า ไว้เจอกันหลังสอบก็เถอะ แต่ใช่ว่าเราจะไม่เจอกันซะเลยทีเดียว เพราะถ้ามีวิชาที่สอบต่เนื่องกัน ผมก็นั่งรอที่คณะนั่นแหละไม่ได้ไปไหน เนื่องด้วยเราเรียนคณะเดียวกันมันก็เลยต้องเจอกันอยู่แล้วใช่ไหม แต่ก็ไม่เจอหรอก เพราะพอสายตาเหลือบเห็นมันเดินมาแต่ไกล ร่างกายของผมก็ขยับไปเอง รู้ตัวอีกทีก็แอบอยู่ข้างเสาซะแล้ว...
ไม่ได้กลัว ไม่ได้ป๊อด แต่ที่หลบหน้าก็เพราะไม่มีธุระอะไรจะคุยกัน แค่นั้นเอง...
“ปอนด์” เฮือก..... เสียงเรียกเล็กๆ ทำให้สะดุ้ง หันไปมองคนตัวเล็กที่ถือวิสาสะแตะแขนผมเบาๆ ด้วย
“อ้าว.... แจ๋ม...”
“โทษจ้ะ ฉันชื่อแจ๊มป์” เสียงเธอกัดฟันบอกอย่างไม่พอใจ อ้าวเหรอ? งั้นก็จำผิดมาตลอดเลยใช่ไหมเนี่ย
“ขอโทษนะ พอดีไม่ค่อยถนัดการจำชื่อ”
“ผู้หญิง...” เธอต่อด้วยหน้าตากวนๆ
“ฮะ....” ผมส่งเสียงในลำคอ อย่างไม่เข้าใจ
“ก็จำชื่อผู้หญิงไม่ค่อยได้ แต่ชื่อผู้ชายเนี่ยเป๊ะไง ใช่มะ”
เหอะ! ไม่ต้องมากระแนะกระแหนแบบนั้นก็ได้ ไม่ได้สนิทสนมกันขนาดจะหยอกเรื่องแบบนี้ได้ซะหน่อย
กะอีแค่หน้าแตกเพราะเลือกมาอ่อยผิดคนเพราะไม่รู้ว่าผมเป็นเกย์ แล้วโดนผมเมิน ก็ไม่เห็นต้องเจ้าคิดเจ้าแค้นตามมากัดได้ทุกสถานการณ์แบบนี้ก็ได้มั้ง บอกตรงๆ ว่ารำคาญ...
“แล้วมีธุระอะไรป่ะ ไม่มีก็ขอตัว” ผมถามไป ไม่ใคร่อยากจะเสวนาด้วยหากไม่มีกิจจำเป็น
“ยังมีหน้ามาถาม... รายงานน่ะรายงาน ฉันรู้นะที่หลบหน้าเพราะยังไม่ได้เริ่มทำใช่ไหม?” รู้ดีเกินไปแล้วมั้งเนี่ย... แต่ได้ข่าวว่ามั่วเพราะคนที่หลบน่ะมันคนอื่นไม่ใช่หล่อนเลยเหอะ....สำคัญตัวผิดไปแล้วเจ๊
“ทำแล้ว” ผมเถียง หมายถึงจิ๊บอ่ะนะ ไม่ใช่ผม “ใกล้เสร็จแล้ว เสร็จเมื่อไรเดี๋ยวส่งไปเอง”
“แน่ใจนะ หวังว่าจะไม่เบี้ยว ขอร้อง อย่าเบี้ยวอย่าเลท รู้ไหมเนี่ยว่าคนรวมงานมันเหนื่อยมันต้องใช้เวลา แล้วก่อนส่งงาน พิสูจน์อักษรมาด้วย ไม่ได้มีสี่เศียรแปดกรจะได้แก้ปัญหาอะไรทุกอย่างได้หมด เข้าใจ๊” เธอสั่งยาวยืด มันน่าจับไปมัดติดกับไอ้กระต่ายตัวผู้ตัวนั้นนัก เผด็จการชอบสั่งเหมือนกันเป๊ะ
“อ้ะนี่..... เมลล์เรา เสร็จงานแล้วส่งมาเมลล์นี้อย่าผิด” แจ๋ม เอ๊ยแจ๊มป์ ยื่นเศษกระดาษให้ “อ้อ เอาเบอร์นายมาเลย เผื่อนายเบี้ยวจะได้โทรทวงได้....”
แหม...อะไรนักเนี่ย
“เร็วสิ” เธอเร่งอีก ยกมือถือขึ้นมารอกด
“08” ผมเริ่มต้นด้วยน้ำเสียงที่แสดงว่าไม่เต็มใจจะให้อย่างสุดฤทธิ์ ถ้าไม่คิดว่าหล่อนจะต้องกระแนะกระแหนไม่จบไม่สิ้นว่าผมเป็นพวกกาฝาก ปลิง ปลวก... บลาๆ จะบอกไปแล้วว่า โทรมาก็ไม่มีประโยชน์ ผมไม่ได้ทำเองซะหน่อย
“08x ....xxx โอ๊ะ!” ยังไม่ทันจะบอกครบ ก็มีบางอย่างที่ฟาดลงมาที่หัวดังป้าบ.... จนหน้าคะมำ
ผมยกมือขึ้นลูบหัวตัวเองแล้วหันไปข้างหลังทันที ไอ้ตัวอันตรายที่เข้าใกล้ไม่ได้ ชอบทำให้เสียตัว เอ๊ยไม่ใช่ เจ็บตัวตลอด มันยืนเก๊ก เอามือซ้ายล้วงกระเป๋าทำหน้ากวนส้นตีนใส่
ไอ้สัดตุลย์ ตบหัวกูทำซากอ้อยอะไรเนี่ย...
“ทำไรอยู่....แอบๆ ซ่อนๆ กลัวใครเห็นเหรอ?”
“ชิ....ใครซ่อน กูยืนคุยธุระอยู่ต่างหาก...” ผมตอบแล้วหันไปมองแจ๋ม เธอทำตาเป็นไข่ห่านเมื่อหันไปเห็นไอ้เถื่อนข้างๆ
“แล้วนี่อะไร...” มันถามน้ำเสียงห้วนๆ จับมือผมแล้วหยิบเศษกระดาษที่จดเมลล์ของแจ๋มไว้(แจ๊มป์ มันเรียกยาก หล่อนชื่อแจ๋มเหมือนเดิมแหละดีแล้ว) ขึ้นมาดูอย่างไร้มารยาท
“อ้อ.. แลกเมลล์ แลกเฟสท่าทางจะธุระสำคัญ” อะไรนี่มึงจิ้นไปไหนเนี่ยไอ้กร๊วก.... กูเป็นเกย์ จะเอาเฟสยัยนี่ไปทำเหง้าขิงอะไร ผมส่ายหน้าอย่างเอือมๆ ที่คนมาใหม่คาดเอาอะไรไปไกลลิบลิ่วทั้งๆ ที่ไม่ใช่เลย
“แค่ทำงานกลุ่มด้วยกันก็เลยต้องเอาเมลล์ไว้ส่งงานต่างหาก” ผมบอกไอ้ตุลย์
“อ๋อ....เหรอ?” มันทำเสียงยานอย่างล้อเลียน...
“ไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า ปอนด์จะสนิทกับ..ตุลย์ด้วย...” ผมหันไปมองยัยแจ๋มที่เห็นปกติชอบพูดจาเหน็บแนม จิกกัดผมเป็นประจำที่ไม่ช่วยงานกลุ่ม กับเรื่องที่เป็นเกย์ เพื่อลบความอายที่หว่านเสน่ห์ไม่สำเร็จ มาตอนนี้กลับทำเสียงหวานใส่ เกิดจะมาญาติดีอะไรกะทันหัน คงไม่ใช่หลงใหลในความดิบเถื่อนหรอกนะ..
“สวัสดีค่ะตุลย์ แจ๊มป์ค่ะ” เธอแนะนำตัวพร้อมส่งยิ้มหวานไปให้กระต่ายป่าตัวเป็นๆ ที่เพิ่งหลุดออกมาจากสถาบันบำบัดจิตข้างๆ นี่อีกต่างหาก หน้าด้าน... มันไม่ได้ถามซะหน่อยหันไปบอกเฉย...
“อ้อ หวัดดีคับ” ตุลย์มันตอบรับพยักหน้าเออออไป แล้วก็ยิ้มนิดๆ ไอ้นี่อีกตัว ใจง่าย ไม่รู้จักกันสักหน่อยยิ้มให้เค้าแล้ว...
“นี่... จะเอาไหมเบอร์” ผมตะคอกถามขัดจังหวะคนทั้งคู่อย่างจงใจ... ไม่รู้เป็นอะไรเกิดหงุดหงิดขึ้นมาอีก เลยกะจะบอกให้มันจบๆ แล้วจะได้ปล่อยให้คนใจง่ายสองคนสวีทกันได้ตามใจ
“ฮะ....เอาสิ” แจ๋มเลิกมองตุลย์ แล้วก้มลงไปที่โทรศัพท์อีก
“08” ผมทำหน้าหงิกขณะบอกเบอร์ซ้ำอีกครั้ง
“087 –xxx-xxxx” ไอ้ตุลย์มันพูดแทรกขึ้นมา “อย่าเอาเบอร์มันไปเลย มันเป็นเกย์ เอาเบอร์ผมไปแทนละกัน”
ผมกับแจ๋มหันไปมองหน้ามันเป็นสายตาเดียว ด้วยแววตาคนละแบบ
แจ๋มยิ้มปนกลั้นหัวเราะ ในขณะที่ผมโกรธจนเลือดขึ้นหน้า...
ไม่ต้องบอกเค้าก็รู้อยู่แล้วว่ากูเป็น... ก็เพราะกูเป็นเกย์ไง กูเลยให้เบอร์ผู้หญิงได้โดยไม่ต้องคิดอะไร
แต่ที่มึงให้เบอร์เค้าไปเนี่ยมึงคิดบ้างไหม.... ว่าเค้าจะคิดยังไง
ให้เพราะมึงไม่ใช่เกย์และสานต่อได้ใช่หรือเปล่า ที่ต้องการจะสื่อ
ไอ้กระต่ายจ๊าดง่าววววววว
::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::::
เอิ่ม... หึงใช่ป่ะเนี่ยปอนด์
ส่วนกระต่าย..... รู้ว่าหึงเหมือนกัน แต่ไม่ต้องกันซีนด้วยการเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงแทนได้ไหม