[ปิดจองแล้วค่ะ]My neighbor is a spy คนข้างห้องผมเป็นสายลับ ตอนที่88(จบ) p17 13/1/55
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

โพลล์

ท่านผู้อ่านชอบตัวละครใดมากที่สุด ในเรื่อง"คนข้างห้องผมเป็นสายลับ" (อนุญาตให้เลือกได้แ

หนูฟ่ง : แน่นอนอะ กระรอกน้อยช่างน่ารัก และน่าเหยียบ ในเวลาเดียวกันo_O
รูฟัส : สุดๆ อะ พระเอกอะไรไม่รู้ว มันน่ารัก น่าหยิกแก้มจริงๆ นะเนี่ย (ทั้งกะล่อน ตอแหล หื่น รวมอยู่ในคนคนเดียว!!)
เว่ยเฟิงปิง : เอะอะสะบัดบ๊อบตลอดค่ะ (ไม่มีก็ไว้ซะนะคะ เฟิงขา)
จางซื่อเยี่ยน : ถึงจืดถึงจาง.. ถึงจะซื่อจะบื้อ... แต่ก็รักนะ รักหน่อยเหอะน้า~
อิทธิเดช : หนุ่มหน้าสวย บทไม่มาก (เพราะคนเขียนไม่อวย<<อ้าว) แอบโรคจิตนิดๆ แต่ก็น่าถนอม
วรุต : หนุ่มน้อยหน้ามน โรคจิตไม่แพ้กัน (จับคู่กับอิทธิเดชเลยได้คู่จิตป่วนแห่งปีไป) เอาน่า น้องวรุตก็มีส่วนน่ารักน่าเอ็นดูนะ!!
เว่ยจินหยิน : อวย!! อันนี้คนเขียนอวยค่ะ ฮ่าๆ ไม่รู้จะจิ้มใคร จิ้มให้คุณชายจิ้งจอกสุดที่Loveของดั้นสิฮ้า (โดนคนอ่านถีบ)
เถียนซาน : ผู้ชายแสนอบอุ่น... (คนนี้ไม่ได้อวย แต่เป็นคนอวยคนด้านบนอีกทีนึง..... เอวัง)

ผู้เขียน หัวข้อ: [ปิดจองแล้วค่ะ]My neighbor is a spy คนข้างห้องผมเป็นสายลับ ตอนที่88(จบ) p17 13/1/55  (อ่าน 247193 ครั้ง)

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
บทที่40  เพราะความรู้สึกไม่จำเป็นต้องใช้เหตุผล
   รัสเลอร์ซี๊ดปากด้วยความเจ็บปวด พลางนึกขำตัวเองที่แส่ไปหาเรื่องกับรูฟัสแบบนั้น  โชคยังดีที่โดนแค่หมัดเดียว ตั้งแต่ทำงานกับรูฟัสมาสี่ปี  เขาเพิ่งเห็นเจ้าหมอนี่โมโหมากเป็นครั้งแรกนี่แหละ ตาสองสีนั่นตอนจ้องมาดูน่ากลัวราวกับดวงตาของปิศาจ
   หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มจัดแจงดึงพนักพิงโซฟาให้เอนลงเพื่อใช้เป็นที่นอน เพราะบ้านของราฟาแอลมีคนแวะเวียนมาพักอยู่บ่อยๆ โซฟาแทบทุกตัวของที่นี่จึงแปลงเป็นเตียงได้หมด ดีที่ราฟาแอลนอนไปก่อนแล้ว ไม่งั้นเขาคงต้องถูกถากถางเรื่องรอยช้ำนี่แน่ๆ
   รัสเลอร์โยนหมอนหนุนลงไปบนโซฟา ก่อนจะล้มตัวลง เลิกผ้าห่มขึ้นมาคลุมไว้หลวมๆ และดึงหูฟังไอพอทขึ้นมาเสียบหู ชายหนุ่มเร่งเสียงเพลงดังจนกระทั่งตัวเองยังรู้สึกตกใจ เขาไม่ได้คลั่งเพลงของโมซาร์ทขนาดต้องฟังก่อนนอนทุกคืน เพียงแต่ว่าคืนนี้ เขาไม่อยากได้ยินเสียงบาดใจที่อาจจะดังมาจากห้องด้านบน
   ฟ่ง...
   รัสเลอร์ระบายลมหายใจออกอย่างหนักหน่วง ไม่อยากจะเชื่อเลยว่าคนที่เพิ่งเจอกันได้วันสองวันจะทำให้เขาเป็นบ้าได้ขนาดนี้
   ถึงขนาดยอมถูกต่อย
   ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบแก้มที่บวมปูด หมัดของรูฟัสใช่ว่าเบาเสียเมื่อไหร่ แล้วตัวเขาเองก็ไม่ใช่พวกชอบท้าตีท้าต่อยด้วย วันๆ ก็ได้แต่นั่งอยู่ในแล็บ ประดิษฐ์นั่นประดิษฐ์นี่ เจ้าบ้านั่นก็ต่อยมาได้ไม่ปราณี ก็คิดอยู่ว่าทางนั้นคงเอาเรื่องแน่ๆ
   ก็ฟ่งน่ารักขนาดนั้น
   พอนึกถึงดวงตาสีน้ำตาลกลมๆ ที่มองผ่านแว่นออกมาอย่างสงสัยใคร่รู้แล้วก็อดอมยิ้มไม่ได้ ยิ่งประกอบกับผมยุ่งๆ และหน้าบูดๆ ด้วยแล้ว ยิ่งดูเหมือนกระรอกเข้าไปใหญ่ น่ารักน่าแกล้งอย่างบอกไม่ถูก
   มันคงไม่ใช่รักแรกพบ แต่เป็นรักหลังจากพบกันแล้วต่างหาก
   ท่วงทำนองของ A musical joke ซึ่งฟังมานับครั้งไม่ถ้วน ตอนนี้ช่างเข้ากับอารมณ์จนน่าหมั่นไส้
   ชายหนุ่มชาวเอเชียที่แทบจะไม่สะดุดตาอะไรเลย กลับทำให้คนสองคนคลั่ง
   รัสเลอร์แน่ใจว่าต้องมีอีกหลายคนที่คลั่งในตัวคนคนนี้ แต่คงไม่ได้แสดงออกโจ่งแจ้งแบบรูฟัส
   ก็ฟ่งน่ะดูใสซื่อจนไม่น่าจะทำเรื่องแบบนั้นกับผู้ชายด้วยกันได้นี่นา
   พอนึกไปว่าต้องโดนผู้ชายที่ช่ำชองผ่านสมรภูมิมานับไม่ถ้วนแบบรูฟัสทำนั่นทำนี่แล้วก็อดโมโหไม่ได้
   ดวงตาใสๆ นั่น พออยู่ในอารมณ์แบบนั้นแล้วจะหวานเยิ้มขนาดไหนเชียวนะ...
   รัสเลอร์ขมวดคิ้ว เขาไม่ควรจะคิดเรื่องบ้าๆ แบบนี้กับฟ่ง แต่การห้ามความคิดนั้นยากเย็นพอๆ กับห้ามไม่ให้อะตอมสลายตัวเลยทีเดียว ชายหนุ่มถอนหายใจ เขาเข้าใจดีว่ารูฟัสต้องไม่ยอมง่ายๆ แน่ๆ กับคำถามที่ย้อนกลับมา ถ้าเขาเป็นรูฟัสเขาก็คงไม่ปล่อยฟ่งไปเหมือนกัน เพราะอย่างนั้นเขาถึงได้ยอมถูกต่อย
   ของแบบนี้มันเอาแน่นอนอะไรไม่ได้หรอก
   หัวใจคนเราเปลี่ยนกันได้
   รัสเลอร์เชื่อแบบนั้น อะไรก็ตามที่ยังไม่ได้ทดลองทำ เขาไม่คิดว่ามันจะทำไม่ได้ ต้องได้ทดลองก่อนแล้วถึงจะสรุปผล เรื่องนี้ก็เช่นกัน
   ชายหนุ่มยกมือขึ้นลูบแก้มป้อยๆ อีกครั้ง
   อย่างไรเสียการทดลองรอบหน้าคงต้องหลีกเลี่ยงผลลัพธ์เจ็บตัวแบบนี้ด้วย
---------------------------------------
   รูฟัสหรี่ตามองดูนาฬิกาแขวนผนัง อีกสักพักใหญ่กว่าพระอาทิตย์จะขึ้น เขาก้มลงมองร่างผอมบางในอ้อมกอดที่ยังคงหลับสนิท ทรวงอกสะท้อนขึ้นลงตามจังหวะหายใจอย่างสม่ำเสมอ ไม่อยากจะเชื่อเลยว่านี่เป็นคนคนเดียวกับที่ใช้คำพูดบดขยี้หัวใจของเขาและมอบความสุขให้เมื่อคืน
   หนุ่มตาสองสีถอนหายใจยาว ใช้มือข้างหนึ่งปัดปอยผมสีน้ำตาลที่ปรกหน้าของผู้ที่นอนอยู่ออก  บทสนทนาธรรมดาๆ ที่เกือบจะกลายเป็นเรื่องราวใหญ่โต  เขาแค่อยากให้ฟ่งสนใจเขาบ้าง คิดถึงเขามากกว่าคนอื่นสักหน่อยหนึ่ง แต่คำตอบที่ได้รับกลับมาทำให้เขาแทบทรุดลงไปกองกับพื้น
   ไม่กล้ารัก?!
   ทั้งๆ ที่ยอมกันขนาดนี้ยังบอกว่าไม่กล้ารักอีกหรือ?
   รูฟัสก้มลงมองฟ่งอีกครั้ง พลันนึกถึงช่วงเวลาที่เขาไปขอคืนดีหลังจากมีอะไรกันในครั้งแรก ตอนนั้นฟ่งเองก็พูดออกมาในทำนองนี้เหมือนกัน รูฟัสไม่รู้ว่าความรักก่อนหน้านี้ของฟ่งเลวร้ายขนาดไหน แต่คนคนนี้โทษตัวเองมากเกินไป ปิดตัวเอง จนกระทั่งถึงขั้นนี้แล้ว ก็ยังไม่กล้าที่จะยอมรับออกมา  ฟ่งจะรู้หรือเปล่าว่านี่เป็นการทำร้ายทั้งตัวเองและคนรอบข้าง
   ชายหนุ่มก้มลงจูบหน้าผากของอีกฝ่ายอย่างอาทร  ถึงฟ่งจะพูดจาแบบนั้น แต่ท่าทีที่แสดงออกก็ไม่ได้ดับความหวังเสียทีเดียว ในตอนนั้นสุดท้ายฟ่งก็จูบเขาโดยที่ไม่ได้พูดอะไร เมื่อคืนก็เหมือนกัน
   จูบนับครั้งไม่ถ้วน  เรือนร่างอ่อนไหวที่ยินยอมอย่างไร้การต่อต้าน วงแขนที่โอบแน่น  เสียงกระซิบเรียกชื่อซ้ำแล้วซ้ำเล่า
   แม้จะไม่ได้ยินในสิ่งที่ต้องการ รูฟัสก็ค่อนข้างจะแน่ใจว่า  สำหรับฟ่งแล้วเขาคงมีความสำคัญอยู่มากเหมือนกัน  ถึงจะทำให้ฟ่งพูดคำว่ารักออกมาไม่ได้ในตอนนี้
   ความรู้สึกว่าตัดขาดไม่ได้ก็คือคำว่ารักนั่นแหละ  เพียงแต่ฟ่งยังไม่เข้าใจเท่านั้นเอง
   คงมีสักวันหนึ่งที่เขาจะได้ยินฟ่งเอ่ยมันออกมาจากหัวใจจริงๆ หัวใจดวงน้อยๆ ที่พยายามจะกักขังตัวเองเอาไว้อย่างแน่นหนา เขาจะพยายามเปิดมันออกมาเอง
   ขอแค่ให้อยู่ใกล้ๆ แบบนี้  สักวันหนึ่ง... เขาคงเปิดมันได้สำเร็จ
   รูฟัสก้มลงจูบพวงแก้มอุ่นๆ  สูดกลิ่นหอมอ่อนๆ อันมีอยู่เฉพาะตัวจนพอใจ รั้งร่างบางนั้นเข้ามาแนบชิดยิ่งขึ้น อยากจะใช้ช่วงเวลานี้รับรู้ถึงสัมผัสและความอบอุ่นนี้ให้ได้มากที่สุด ก่อนที่ทางนั้นจะตื่น
   เพราะเขาไม่รู้ว่าเมื่อฟ่งตื่นขึ้นมาแล้ว จะมีปฏิกิริยากับเขาอย่างไร
   ถึงปากจะบอกว่าไม่ถือสา ไม่โกรธ แต่พอตื่นขึ้นมาทีไรก็โมโหทุกทีนี่นา
-----------------------------------------------   
   ฟ่งขยับร่างเมื่อรู้สึกถึงอากาศเย็นที่เข้ามากระทบ เบียดเสียดตัวเองเข้าหาไออุ่น พลางส่งเสียงครางอย่างงัวเงีย
   “หนาว..”
   รูฟัสจัดแจงดึงร่างนั้นเข้ามาแนบตัว และดึงผ้าห่มขึ้นมาอีก เขามองดูฟ่งและอดอมยิ้มไม่ได้ ท่าทางฟ่งจะไม่ชินกับอากาศของที่นี่ แถมตอนนี้เปลือยล่อนจ้อน มีแค่ผ้าห่มคลุมอยู่ ไม่รู้สึกหนาวเลยก็แปลกล่ะ แต่แบบนี้ก็ดีเหมือนกัน ฟ่งจะได้ไม่ดิ้นหนีเขาไปไหน
   “หนาว....” ฟ่งครางอีกครั้ง รูฟัสคิดว่าแค่นี้คงยังไม่อุ่นพอ เขามองดูเรือนร่างที่พยายามจะซุกตัวเข้ามา ท่อนขาที่เริ่มปีนป่าย และใบหน้าที่ดูยังไม่อยากจะตื่นอย่างถึงที่สุด ชายหนุ่มตัดสินใจแกล้งกระซิบเบาๆ ข้างหู
   “ผมทำให้อุ่นกว่านี้เอาไหม?”
   “อืม..” ผู้ถูกถามถึงกับพยักหน้าเสียด้วย ทำเอาอีกฝ่ายกลืนน้ำลายเฮือก เขาพยายามคิดว่าฟ่งคงไม่ได้ตั้งใจจะยั่ว แค่นอนขี้เซาและหนาวเท่านั้น แต่ก็นั่นแหละ ทำตัวน่ารักขนาดนี้จะให้นอนเฉยๆ ไม่ทำอะไรเลยก็คงทรมานกันเกินไป
   เอาสักหน่อย…
   รูฟัสก้มลงไซร้ไปตามซอกคอขาวเนียนนั้น พร้อมกับลูบไล้เรือนร่างอุ่นๆ ใต้ผ้าห่ม ฟ่งส่งเสียงครางอืม เบียดตัวเข้ามาใกล้อีก
   “ยังอุ่นไม่พอหรือครับ?” รูฟัสแกล้งถาม ทั้งๆ ที่รู้อยู่แก่ใจว่าอย่างไรฟ่งคงครางเหมือนเดิมนั่นแหละ เขารั้งตัวฟ่งเข้ามาแน่นขึ้น ตอนแรกตั้งใจจะจูบปาก แต่พอเคลื่อนมือลูบลำตัวก็พบว่ายอดอกของทางนั้นเริ่มเต่งตึง จะเพราะความเย็นหรืออะไรก็สุดแล้วแต่ รูฟัสตัดสินใจเลื่อนจากปากไปที่หน้าอกแทน
   คราวนี้ฟ่งครางเสียงหวาน อุณหภูมิของร่างกายเพิ่มขึ้นจนรู้สึกได้ รูฟัสกลืนน้ำลาย เขาตัดสินใจถามออกไปอีกครั้ง
   “อุ่นพอแล้วยังครับ?”
   ฟ่งใช้ร่างกายแทนคำตอบ เขาแอ่นตัวให้รูฟัสราวกับจงใจให้อีกฝ่ายรู้สึกถึงอารมณ์ที่คุกรุ่นอยู่ภายใน  หนุ่มตาสองสีถึงกับยกมือขึ้นปาดเหงื่อ ถ้าครั้งนี้ฟ่งเกิดโมโหอีกล่ะก็ เขาจะไม่รับผิดคนเดียวแน่
   ชายหนุ่มจูบต่ำลงไปจนถึงยอดอกนั้นอีกครั้ง ดูดคลึงเบาๆ เสียงครางแสนหวานดังขึ้นเป็นระยะๆ  แถมส่วนนั้นของฟ่งดูตื่นตัวมากขึ้นเรื่อยๆ แบบนี้คงหยุดไม่อยู่แล้ว

   ฟ่งสะดุ้งด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีน้ำตาลเบิ่งกว้าง  รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาเต็มที่เพราะความเจ็บปวดทางด้านหลัง พอเงยหน้าขึ้นมาพบว่ารูฟัสกำลังขึ้นคร่อมเหนือตัวเขาอยู่  ท่าทางเคลิ้มจนกู่ไม่กลับ ฟ่งอ้าปากและยกมือขึ้นเพื่อจะบอกให้หยุด แต่ก็ถูกกดลงไปบนเตียง และจูบซ้ำ เสียงลั่นเอียดอาดของเตียงบอกให้รู้ว่าเรื่องราวดำเนินมาไกลขนาดไหนแล้ว ร่างบางครางเสียงพร่า ก่อนจะกระตุกร่างอย่างรุนแรงเมื่อขึ้นถึงจุดสุดยอด
----------------------------------------------------------
   รูฟัสเกาศีรษะแกร่ก มองดูร่างบางที่นอนคว่ำหน้าอยู่ ฟ่งแบะปาก แก้มยังคงแดงปลั่ง
   “ไม่อยากเชื่อเลยว่าคุณจะปลุกผมด้วยวิธีแบบนี้”
   “ผมขอโทษ” รูฟัสคราง เขาไม่ได้ตั้งใจจะทำให้ฟ่งโกรธ แต่ว่าทางนั้นก็ยั่วเหลือเกิน
   “ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ เพราะคุณยั่วผมขนาดนั้น?”
   “ยั่ว? ผมเนี่ยนะ?” ฟ่งถามอย่างแปลกใจ รูฟัสพยักหน้า
   “ก็คุณเบียดเข้ามาหาผม บอกว่าหนาว ผมเลยว่าจะทำให้อุ่นขึ้นสักหน่อย แต่คุณดันแสดงความต้องการออกมา คุณเริ่มก่อนนะ”
   ใบหน้าของฟ่งแดงยิ่งขึ้น เขาหลบสายตารูฟัส “ก็ผมคิดว่าฝันอยู่นี่”
   รูฟัสขมวดคิ้ว เมื่อคืนเขาทำกับฟ่งไปแล้ว ยังจะฝันแบบนั้นอีกเหรอ
   “ฝันเปียกหรือครับ?”
   “ลามก!!” ฟ่งสวนออกมาทันที แต่อีกฝ่ายกลับยิ้มเผล่ จนคนพูดต้องพูดขึ้นอีก
   “เพราะคุณนั่นแหละทำให้ผมฝันแบบนั้น” ฟ่งโพล่งออกมาอย่างโมโห หนุ่มตาสองสียังคงค้างรอยยิ้มบนใบหน้า พลางก้มลงไปใกล้ๆ
   “ฝันอะไรหรือครับ?”
   “ฝันว่าคุณทำต่อ..” ฟ่งหลุดปากพูดออกมา และหน้าแดงจัดขึ้นอีก รูฟัสอดไม่ได้ต้องก้มหน้าลงหอมแก้มแดงๆ นั่นฟอดใหญ่ ฟ่งขยับตัวอย่างตื่นตระหนก
   “แบบนี้ก็ดีแล้วนี่ครับ ไม่เห็นจะมีอะไรไม่น่าพอใจตรงไหน”
   “คุณ!!”
   แก้มแดงๆ นั่นยิ่งแดงปลั่งหนักเข้าไปอีก รูฟัสเอนตัวเข้าไปหาฟ่งใกล้ๆ มองดูใบหน้าสีลูกมะเขือเทศสุกนั้นอย่างรู้สึกสนุก
   “คุณฝันลามกเองนะครับ จะโทษผมฝ่ายเดียวไม่ได้หรอก”
   “ก็คุณทำให้ผมฝันแบบนั้น” ฟ่งยังคงเถียงอย่างไม่ลดละ รูฟัสหัวเราะเบาๆ ก้มหน้าลงไปใกล้เสียจนได้ยินเสียงหายใจ
   “งั้นผมจะทำให้ฝันแบบนั้นบ่อยๆ นะครับ ผมชอบให้คุณลามก”
   “บ้า!!” ฟ่งว่า  พยายามจะหนีใบหน้าที่แนบชิดเข้ามา รูฟัสยิ้มกริ่ม
   “เจ็บรึเปล่าครับ”
   “นิดหน่อย”
   “ใช้เจลดีกว่าสินะครับ คุณชอบแบบธรรมดาหรือว่าแบบอุ่นๆ?”
   ฟ่งอ้าปากค้าง นี่รูฟัสไม่สำนึกผิดสักนิดเชียวรึ ยังมีหน้ามาถามเรื่องแบบนี้ต่ออีก
   “มันมีแบบที่อุ่นด้วยหรือไง?” ร่างบางถามสวน นึกแปลกใจว่าทำไมเขาดันไปสงสัยเรื่องแบบนี้ อีกฝ่ายพยักหน้า
   “ไว้วันหลังจะซื้อมาลองนะครับ” เขาว่าและหอมแก้มแดงๆ นั่นอีกครั้ง
   “ไม่เอา ผมไม่ลองแล้ว!!” ฟ่งโวยวาย พยายามจะผลักรูฟัสออก  ร่างแกร่งหัวเราะและกดมือที่ผลักมาลงกับเตียง
   “งั้นลองแบบไม่ต้องใช้เจลดูไหมครับ?”
   “รูฟัส!!” ฟ่งร้องเสียงหลง พยายามดิ้นเต็มที่ หลังจากดิ้นอยู่พักหนึ่ง พอรู้ตัวว่าหนีไม่รอดแน่ๆ ร่างผอมบางจึงหันมาใช้วิธีเจรจาต่อ
   “ปราณีผมเถอะ วันนี้ผมไม่ไหวแล้ว ขืนคุณทำอีกผมคงนั่งไม่ได้แน่ๆ”
   “งั้นทำวันอื่นได้ไหมครับ?”
   ฟ่งนิ่งอึ้งไปพักหนึ่งก่อนจะพยักหน้าน้อยๆ
   “ไม่ฝืนใจนะครับ?”
   “เปล่า แต่ผม.......ผมอาย” ฟ่งว่า และรีบหันกลับมามองรูฟัสอย่างจริงจัง
   “แต่วันนี้แค่นี้นะ ถ้าทำอีกรอบผมโกรธจริงๆ ด้วย”
   “ครับๆ รักคุณนะครับ” รูฟัสกล่าวอย่างยิ้มแย้มและจูบฟ่งเบาๆ  ร่างบางเงยหน้าขึ้นจูบตอบ และรีบส่งเสียง
   “’ห้ามทำแล้วนะ!!”
   รูฟัสยิ้มแห้งๆ หยุดมือที่เริ่มจะจับโน่นจับนี่เอาไว้ ก่อนจะยอมถอยออกไปแต่โดยดี
   --------------------------------------
   “ไปโดนรูฟัสต่อยมาหรือไง?” ราฟาแอลส่งเสียงทักทันทีที่เห็นหน้าบวมๆ ของรัสเลอร์ และหัวเราะซ้ำเมื่ออีกฝ่ายพยักหน้า
   “นายขำอะไร”
   “เปล๊า” ราฟาแอลพูดเสียงแปร่งแต่ก็หัวเราะออกมาให้ได้ยินอีก
   “เมื่อคืนไม่ยอมลงมานอนข้างล่างดีๆ ล่ะสิ ฉันนึกแล้ว”
   รัสเลอร์ขมวดคิ้วยุ่ง เขาไม่อยากต่อปากต่อคำกับราฟาแอลจึงเปลี่ยนเรื่องพูด
   “รูฟัสรู้จักกับฟ่งได้ยังไงน่ะ คุณส่งข้อมูลไปให้เหรอ?”
   ราฟแอลสั่นศีรษะ และเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ
   “เปล่า ฉันไม่รู้จักเด็กคนนั้น ไม่รู้อะไรเลยนอกจากอยู่ข้างๆ ห้องที่รูฟัสมันเช่าอยู่ที่ไทย  จะว่าไปก็เคยเห็นเจ้ารูฟัสพาเด็กนั่นออกไปทานข้าวอยู่เหมือนกัน”
   รัสเลอร์ทำหน้าย่น “เดี๋ยวนี้ต้องจีบคนข้างห้องก่อนถึงจะทำงานได้หรือไง คิดว่ามีแต่นายที่ทำแบบนั้นเสียอีก”
   ราฟาแอลยักไหล่ “ถ้าน่ารักก็ไม่เห็นเป็นไรเลยนี่ อย่าไปจริงจังมากก็พอ”
   “แต่รูฟัสจริงจังนี่”
   ราฟาแอลพยักหน้าเห็นด้วย และลูบคางอย่างใช้ความคิด
   “นายเองก็รู้สึกเหมือนกันล่ะสิว่ามันเป็นปัญหา ฉันน่ะเคยพูดเรื่องนี้ไปแล้ว แต่เจ้านั่นไม่ฟังหรอก หลงหน้ามืดตามัวขนาดนั้น อีกอย่างเด็กนั่นก็ยังใช้ประโยชน์ได้อยู่ ฉันเลยเฉยๆ”
   “ถ้าจบงานนี้แล้วนายคิดจะทำยังไงต่อ?”
   “ไม่รู้สิ มันเป็นปัญหาของรูฟัส ฉันยุ่งอะไรมากไม่ได้ โตๆ กันแล้วน่าจะจัดการตัวเองได้”
   “งั้นเหรอ ถ้าให้ฟ่งมาทำงานกับฉันนายว่าจะโอเครึเปล่า?”
   ราฟาแอลขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
“หน่วยนายรับคนเข้าทำงานง่ายขนาดนั้นเลย?  ไม่ต้องสงสารรูฟัสมากขนาดนั้นก็ได้ เรายังไม่รู้อะไรมากเกี่ยวกับเด็กคนนั้นเลย  ลองเขียนอะไรแบบนั้นให้พวกมาเฟียได้ ก็คงไม่บริสุทธิ์นักหรอก”
   “อะ อืม..” รัสเลอร์พยักหน้า คงเร็วเกินไปที่จะคิดเรื่องนี้ เขาควรจะทำความรู้จักกับฟ่งให้มากกว่านี้เสียก่อน
   “แล้วนั่น... นายจะไปไหน” รัสเลอร์เอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าราฟาแอลแต่งตัวเรียบร้อย ท่าทางเหมือนจะออกไปข้างนอก
   “ไปเดท” หนุ่มผมสีบลอนด์ตอบ รัสเลอร์ขมวดคิ้ว
   “ตอนนี้เนี่ยนะ กับใคร? เด็กใหม่รึ?”
   “นี่ ราฟี่ ใจคอคุณจะไม่รอดูว่าชุดฉันดีหรือไม่ดีเลยหรือไง”
   เสียงคลาวเดียดังแว่วลงมา เธอสวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อน ทับด้วยแจ๊คเก็ตแบบสั้นสีขาวอีกชั้นหนึ่ง
   “แหม...คุณใส่ชุดไหนก็ดูดีอยู่แล้วล่ะจ้า” ราฟาแอลว่า และหันมาหารัสเลอร์อีกรอบ
   “เอ้อ ลืมบอก วันนี้พวกนายหาข้าวกินกันเองนะ ฉันจะออกไปกับคลาวเดียทั้งวัน”
   “ไปก่อนนะจ้ะรัสเลอร์” คลาวเดียว่าและโบกมือด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม รัสเลอร์อ้าปากค้าง ขณะที่ราฟาแอลหันกลับมาสำทับ
   “ห้ามยุ่งกับครัว โทรสั่งอาหารเอา ให้ลงบัญชีฉันไว้ก็ได้ แล้วก็ห้ามทำอะไรบ้าๆ กับบ้านฉัน ถ้ามีอะไรพังสักอย่างล่ะก็.....นายได้กลายเป็นเป้าซ้อมยิงแน่”
   “รู้แล้วน่า” รัสเลอร์พูดตอบ และรีบโบกมือให้ราฟาแอลออกไปไวๆ ให้ตายสิ เจ้าบ้านี่ยังมีกะใจจะมาเดทตอนนี้อีกรึ? แต่ก็นั่นแหละ ก่อนจะไปทำงานทุกครั้ง ราฟาแอลจะออกไปเดทกับคลาวเดียก่อน เหมือนเป็นการสั่งลากลายๆ
   ก็ไม่รู้ว่าจะรอดกลับมาได้รึเปล่านี่นะ..
   เขาเคยนึกสงสัยว่าทำไมสองคนนี่ไม่แต่งงานกันสักที คงเป็นเพราะราฟาแอลไม่อยากให้คลาวเดียมีภาระกับชีวิตที่เอาแน่เอานอนไม่ได้ของเขา
   แล้วฟ่งล่ะ?
   ถ้าฟ่งอยู่กับรูฟัสก็คงไม่ต่างกันไม่ใช่หรือไง อยู่กับคนที่เอาแน่เอานอนกับชีวิตไม่ได้ ฟ่งจะรู้เรื่องนี้หรือเปล่า มันคงโหดร้ายเกินไปที่ดึงคนที่ไม่รู้อิโหน่อิเหน่เข้ามาแล้วต้องพบเจอกับความเสี่ยงแบบนี้
   ฟ่งจำเป็นต้องมีทางเลือกอื่น
   อย่างน้อยเขาก็เชื่อแบบนั้น แต่ว่าจะหลบหลีกสายตารูฟัสไปได้ยังไงล่ะ?
--------------------------------------
   “นี่รูฟัส แผลที่ไหล่คุณน่ะ ไม่เป็นอะไรจริงๆ เหรอ?” ฟ่งถามอย่างเป็นห่วง และรู้สึกอายนิดๆ เพราะแผลที่ไหล่นั่นเขาเป็นคนทำเอาไว้เองเมื่อคืน รูฟัสมองหน้าฟ่งอย่างแปลกใจ ขณะสวมเสื้อยืดแขนยาวตัวใหญ่
   “ไม่เป็นไรหรอกครับ นิดหน่อยเอง ถ้าเป็นคุณล่ะก็ จะกัดให้ลึกกว่านี้ก็ได้”
   “บ้า! ผมไม่ใช่ผีดูดเลือดนะ” ฟ่งว่า มองดูลำแขนแกร่งที่อยู่ภายใต้แขนเสื้อแล้วนึกถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืน
   “คุณ...เอ้อ..ไม่หนักเหรอเวลาอุ้มผมน่ะ?”
   รูฟัสหัวเราะออกมาทันที
   “คุณน่ะตัวเบากว่าผู้หญิงบางคนเสียอีก”
   “เอ๊ะ!!” ฟ่งอุทาน ทำตาโต รูฟัสรู้ตัวทันทีว่าพูดอะไรผิดจังหวะไปเสียแล้ว เขารีบพูดต่อ “นั่นมันก่อนหน้าที่จะพบคุณนะครับ ตอนนี้ผมมีแค่คุณแล้ว”
   “ผมยังไม่ได้ว่าอะไรคุณสักหน่อย” ฟ่งว่า และหัวเราะออกมา “หน้าคุณตะกี้ตลกดี  เหมือนว่าคุณจะกลัวผมโกรธ”
   รูฟัสกะพริบตาปริบๆ
   “คุณไม่โกรธก็ดีแล้วครับ” เขากล่าว และเดินเข้ามาหาฟ่งซึ่งแต่งตัวเสร็จนานแล้ว
   “คุณน่ะ น่ารักมากเลยนะครับ รู้ตัวรึเปล่า?”
   “ก็มีแต่คุณแหละที่ว่าแบบนั้น”
   รูฟัสย่นคิ้วมองดูใบหน้าใต้แว่นนั่นอีกรอบ
   “คุณวางใจเกินไปแบบนี้แหละครับที่ผมเป็นห่วง”
   ฟ่งทำหน้าแปลกๆ “ผมว่าคุณคิดมากเกินไปนะ ถ้าคุณห่วงผมขนาดนั้น ก็อย่าให้ใครมาลักพาตัวผมไปอีกแล้วกัน”
   รูฟัสหัวเราะแหะๆ  พลางนึกขึ้นได้ “เฟิงปิงเคยทำอะไรคุณหรือเปล่า?”
   ฟ่งสั่นศีรษะ นึกกลัวว่านี่จะไปกระตุ้นต่อมหึงของรูฟัสเข้า  ขืนถ้าบอกว่าโดนทำอะไรไปบ้างสงสัยเขาอาจจะโดนอีกรอบหนึ่ง คราวที่แล้วแค่แสดงความเป็นห่วงสองคนนั่นรูฟัสยังทำเขาอย่างไม่ยั้งมือ
   รูฟัสขมวดคิ้ว ขณะที่คิดว่าฟ่งต้องปิดบังอะไรเขาเรื่องนี้อยู่แน่ๆ เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้น
   “ไม่ได้ตั้งใจจะขัดจังหวะหรอกนะ แต่ฉันจะขึ้นมาถามว่าพวกนายจะกินอะไรกัน”
   รัสเลอร์โผล่หน้าเข้ามา และแทบจะหลับตาลงเมื่อเห็นรอยจ้ำสีชมพูอ่อนๆ หลายรอยตรงซอกคอของฟ่ง ถึงทางนั้นจะเอาผ้าพันคอมาปิดไว้ก็เถอะ เขาถึงบางอ้อทันทีว่าทำไมก่อนหน้านี้ฟ่งถึงพันผ้าพันคอทุกวัน ท่าทางรูฟัสจะทำรอยเอาไว้เยอะ
   “คลาวเดียออกไปข้างนอกกับราฟี่ล่ะสิ” รูฟัสพูดอย่างรู้อยู่ก่อนแล้ว รัสเลอร์พยักหน้า
   “อืม ก็อย่างนั้นแหละ พวกนายจะกินอะไร”
   “อยากทานอะไรครับฟ่ง?” รูฟัสกระซิบถามคนรักขณะก้าวมายืนด้านหลัง ดึงตัวของฟ่งเข้ามากอด และเงยมองรัสเลอร์ ราวกับจะประกาศความเป็นเจ้าของร่างที่ยืนอยู่เบื้องหน้า
   “มีอะไรบ้างล่ะครับ ผมทานอะไรก็ได้” ฟ่งกล่าว รู้สึกขัดเขินที่ถูกรูฟัสกอดต่อหน้าคนอื่น  เขาพยายามจะแกะมือที่เกาะเกี่ยวนั้นออก ก่อนจะเงยมองรัสเลอร์และเบิ่งตากว้างอย่างตกใจ
   “หน้าคุณ?!”
   รัสเลอร์ยกมือขึ้นแตะแก้มที่บวมปูดและยักไหล่
   “นี่น่ะเหรอ ไม่เป็นไรหรอก” เขาว่าและหันไปจ้องตากับรูฟัส  ฟ่งรู้สึกถึงบรรยากาศไม่ชอบมาพากลของคนทั้งคู่ จึงเสนอความคิดขึ้น
   “ผมว่าเราลงไปคุยกันข้างล่างดีกว่านะ”
----------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ดูเหมือนว่ารัสเลอร์จะไปทำอะไรให้รูฟัสไม่ไว้ใจ หลังจากจบมื้อเช้าที่วุ่นวายนิดหน่อย รูฟัสก็ตามขึ้นมาเฝ้าถึงข้างบนห้อง
   “นี่นายไม่มีงานมีการทำหรือไง?” รัสเลอร์กล่าวอย่างรำคาญแกมหมั่นไส้
   “ถ้านายโมโหเรื่องบิสกิต ฉันหยิบมาให้อีกจานแล้วไง” รูฟัสว่าและยื่นจานบิสกิตที่กองจนพูนสูงให้ฟ่ง
   “คิดจะขุนผมเหรอเนี่ย” ฟ่งพูดติดตลก และหยิบบิสกิตในจานไปชิ้นหนึ่ง รูฟัสยิ้มเล็กๆ ขณะที่รัสเลอร์ทำหน้าบูด
   “ฉันไม่ได้รำคาญนายเรื่องนั้น”
   “อ้อ” หนุ่มตาสองสีครางเสียงยาวอย่างยียวน
   “คำว่าน่ารำคาญน่ะฉันควรจะเป็นคนพูดมากกว่า” รูฟัสกล่าว มองหน้ารัสเลอร์อย่างหาเรื่อง
   “ฉันทำงานอยู่นะ นายนั่นแหละที่นั่งอย่างไร้ประโยชน์”
   “ไม่เห็นว่านายจะช่วยอะไรฟ่งตรงไหน?” รูฟัสแย้ง เขม่นมองรัสเลอร์ที่นั่งอยู่ด้านหลังเครื่องคอมพิวเตอร์โน้ตบุ๊กซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเครื่องที่ฟ่งนั่งอยู่
   “คุณสองคนทะเลาะกันเรื่องอะไรเนี่ย?” ฟ่งถามออกมาในที่สุด เขากำลังโอนไฟล์บางส่วนส่งให้รัสเลอร์ทำต่อโดยผ่านระบบบลูทูธ
   “เปล่า” ทั้งสองหนุ่มตอบออกมาเกือบจะพร้อมกัน ฟ่งเหลือบตามองทั้งคู่ผ่านเลนส์แว่นด้วยสายตาไม่เชื่ออย่างที่สุด
   “ถ้าอย่างนั้นก็ช่วยหยุดเถียงกันได้แล้ว ผมไม่มีสมาธิ”
   รูฟัสส่งเสียงเฮอะอย่างไม่พอใจนัก ขณะที่รัสเลอร์หัวเราะออกมานิดหน่อย
   “ขำอะไร?”
   “ขำคนโดนด่า” รัสเลอร์ตอบ รูฟัสเพิ่งรู้ตอนนี้เองว่าเขาควรจะต่อยให้หนักกว่านี้ เอาให้เจ้าหมอนี่พูดไม่ได้ไปเลย
   ฟ่งถอนหายใจยาว วางมือจากงานที่ทำอยู่ และหันไปหาหนุ่มตาสองสี
   “ผมว่าคุณลงไปข้างล่างก่อนดีกว่ามั้ย?”
   “ผมไม่ส่งเสียงแล้วก็ได้ครับ” รูฟัสว่า ทำหน้าละห้อย ฟ่งกะพริบตาปริบๆ
   “ไม่ใช่แบบนั้น คือผมไม่รู้ว่าพวกคุณทะเลาะอะไรกันนะ แต่นั่งอยู่แบบนี้ก็อึดอัดใช่ไหมล่ะ? แล้วเดี๋ยวก็คงเถียงกันอีก ผมไม่ได้ไล่คุณนะ”
   “ผมไม่อยากทิ้งคุณไว้กับเจ้าบ้านี่” รูฟัสสารภาพออกมา ฟ่งยิ้มอย่างอ่อนใจ
   “รัสเลอร์ไม่ทำอะไรผมหรอก ทำงานกันมาตั้งสองวันแล้ว ผมไม่ใช่ผู้หญิงนะครับ”
   รูฟัสหันไปมองรัสเลอร์อย่างไม่ไว้ใจ
   “ให้เจ้านั่นพูดออกมาต่อหน้าคุณสิ ว่าจะไม่ทำอะไร”
   หนุ่มสวมแว่นถอนใจอีกรอบ และหันไปคุยกับรัสเลอร์
   “คุณรัสเลอร์ครับ คุณช่วยสัญญาหน่อยสิครับว่าคุณจะไม่ทำอะไรผม”
   รัสเลอร์เงยหน้าขึ้น นอกจากใบหน้าน่ารักๆ ของฟ่งที่มองมาแล้วไอ้ตาสองสีที่ลุกวาวราวกับดวงตาพญามารก็มองมาด้วย หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มยกมือขึ้นเกาศีรษะ
   “หึงไม่เข้าเรื่องน่ะรูฟัส ฉันสัญญาก็ได้ว่าจะไม่ทำอะไรเกินเลย”
   “เอาหัวนายรับประกันไหมล่ะ?”
   “รูฟัส!!” ฟ่งร้องออกมาอย่างอ่อนใจที่สุด เขามองหน้ารูฟัสราวกับจะถามว่าเป็นอะไรมากรึเปล่า
   “จะหึงก็ให้มันมีเหตุผลหน่อยสิ ผมไม่ชอบคุณที่ทำตัวแบบนี้เลย”
   รูฟัสกะพริบตาปริบๆ มองดูฟ่งด้วยสายตาน่าสงสารเหมือนสุนัขที่ถูกเจ้านายดุ ก่อนจะหันไปถลึงตาใส่รัสเลอร์
   “ถ้าคุณพูดขนาดนั้นล่ะก็ ผมลงไปข้างล่างก็ได้ครับ เดี๋ยวอีกสิบนาทีผมจะแวะกลับมาดูใหม่”
   “ตามใจแล้วกัน” ฟ่งพูดอย่างปลงตก รูฟัสมองดูคนรักอย่างเป็นห่วง แต่ก็ยอมลุกออกไปแต่โดยดี

   รัสเลอร์เกือบจะลืมตัวถอนหายใจออกมา หลังจากที่รูฟัสปิดประตูแล้ว  เขายังนึกสงสัยว่าเจ้าบ้านั่นจะแอบฟังอยู่หลังประตูต่อรึเปล่า ให้ตายสิ พวกสายลับนี่ไม่น่าไว้ใจเลยสักคน
   “ขอโทษนะครับ”
   ฟ่งเอ่ยขึ้นหลังจากกลับมานั่งที่แล้ว เมื่อครู่เขาเดินไปส่งรูฟัสที่หน้าประตู และถูกขอร้องให้จูบลานิดหน่อย นึกไปบางทีรูฟัสก็เหมือนเด็กๆ ขี้อ้อนแต่ก็ขี้หึงด้วย
   “เรื่องอะไรเหรอ?” รัสเลอร์ถาม พยายามเบนสายตาไม่ให้สนใจกับฟ่งมาก ตอนนี้เหลือกันอยู่แค่สองคนแล้ว ในที่สุดเขาก็มีโอกาสได้อยู่กับฟ่งแค่สองต่อสอง
   “ก็เรื่องที่พวกคุณทะเลาะกัน ความจริงแค่เรื่องที่นอนรูฟัสไม่น่าทำขนาดนี้..”
   รัสเลอร์หัวเราะแหะๆ ถ้าฟ่งรู้ว่าเขาถูกต่อยเพราะเรื่องอะไรล่ะก็จะยังพูดกับเขาแบบนี้อยู่รึเปล่านะ
   “ไม่เป็นไรหรอก ไม่ใช่เรื่องใหญ่โตอะไร” ชายหนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มว่า และพยายามตั้งสมาธิสนใจกับงานที่ทำอยู่
   “ผมได้ค่าอัตราเสี่ยงของเสาคำยันต้นที่สามกับสิบหกแล้วล่ะ จะให้พริ๊นต์ออกมาเลยไหม?” ฟ่งว่า อีกฝ่ายพยักหน้า
   “ก็ได้ครับ” รัสเลอร์ตอบ ก่อนจะถามอย่างสงสัย เมื่อพบว่ามีการโอนไฟล์เข้ามาในเรื่องเพิ่มขึ้นอีก
   “แล้วที่ส่งมาให้ผมนี่...”
   “อ๋อ... คือผมจะแยกแปลนห้องที่เป็นทางวงกตให้พวกเขาสักชุดน่ะ เผื่อว่าถ้าจะออกกันทางนั้นจะได้เข้าใจง่ายขึ้น”
   รัสเลอร์มองดูรูปแบบเส้นทางที่เหมือนใยแมลงมุมที่มีเส้นสีขีดแบ่งความแตกต่างแล้วก็นึกปวดใจนิดๆ นี่คือความเป็นห่วงที่ฟ่งมีให้รูฟัสอย่างนั้นหรือ
   “ห่วงรูฟัสมากเลยเหรอ?”
   “ห่วงสิครับ” ฟ่งตอบโดยไม่ทันสังเกตจุดประสงค์ของผู้ถาม รัสเลอร์พยักหน้า เขาอยากรู้ว่าฟ่งมีใจให้รูฟัสขนาดไหน
   “คุณเจอกับรูฟัสได้ยังไง?”
   “เขามาเช่าห้องอยู่ข้างห้องผมน่ะ” ฟ่งตอบขณะพยายามแยกแปลนให้อยู่ในรูปแบบที่คนปกติเข้าใจได้ง่าย
   “ได้ยินว่าเขาพาคุณไปทานข้าวด้วย เขาจีบคุณก่อนเหรอ”
   “เปล่าหรอกครับ”
   ฟ่งหัวเราะแห้งๆ พอนึกไปถึงเรื่องในตอนนั้นแล้วรู้สึกเขินๆ อย่างไรพิกล
   “คือตอนนั้นผมมีปัญหานิดหน่อย แล้วเขาคงเห็นผมเหงาๆ มั้งครับ ก็เลยชวนไปทานข้าว”
   ที่แท้เจ้ารูฟัสใช้ช่วงจังหวะที่หัวใจของฟ่งกำลังอ่อนแอนี่เอง
   “แต่เขาไมได้จีบผมหรอกนะ” ฟ่งรีบปฏิเสธ รัสเลอร์ขมวดคิ้วอย่างแปลกใจ
   “ไม่ได้จีบแล้วทำไมถึงมาอยู่ด้วยกันแบบนี้ล่ะ?”
   “เรื่องมันยาวน่ะครับ” ฟ่งตอบอย่างรู้สึกกระดาก จะว่าไปแล้วมันก็เริ่มต้นมาจากเขาทั้งนั้นแหละ ไอ้เรื่องน่าอายทั้งหมดนี่น่ะ
   “เล่าไม่ได้?”
   “อธิบายลำบากน่ะครับ คืออยู่มาวันหนึ่งรูฟัสเขาก็บอกรักผม แล้วก็เป็นอย่างที่เห็นนี่แหละ”
   “เขาบังคับใจคุณรึเปล่า?”
   “ไม่หรอกครับ”
   “งั้นคุณเต็มใจกับเรื่องนี้?”
   “ก็ไม่เชิง” ฟ่งยกมือขึ้นเกาศีรษะ นี่รัสเลอร์กำลังสอบประวัติเขาอยู่หรือไงนะ
   “ไอ้ไม่เชิงนี่คืออะไรน่ะ”
   “พูดยากน่ะ เอาว่าผมไม่ได้ฝืนใจก็แล้วกัน”
   “แต่ก็ไม่ได้เต็มใจเท่าไหร่สินะ” รัสเลอร์ทวนซ้ำ และถามต่อ
   “คุณชอบรูฟัสรึเปล่า?”
   ฟ่งนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ใบหน้าเริ่มกลายเป็นสีแดงเรื่อ
   “ว่าไงล่ะ ชอบหรือไม่ชอบ หืม?”
   “ผมบอกคุณไม่ได้หรอก” ฟ่งว่า รู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมา ทำไมรัสเลอร์ถึงต้องมาถามเขาเรื่องนี้ด้วยนะ
   “ทำไมล่ะ อายเหรอ?”
   พวงแก้มแดงปลั่งตอบแทนได้ดีกว่าคำพูดเสียอีก รัสเลอร์รู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมา ฟ่งน่ารักจริงๆ นั่นแหละ แค่ถามแบบนี้ก็หน้าแดงแล้ว แต่แปลกจริงๆ ถ้าฟ่งชอบหรือตกลงปลงใจกับรูฟัสแล้วก็น่าจะตอบออกมาได้นี่นา ท่าทางเจ้ารูฟัสจะมั่นใจอยู่ฝ่ายเดียวจริงๆ ชายหนุ่มถือโอกาสรุกต่อ
   “คุณแน่ใจแล้วหรือว่าจะอยู่แบบนี้กับรูฟัสน่ะ?”
   “ไม่รู้สิครับ” ฟ่งว่า และรู้สึกเหมือนตอบคำถามเอาเปรียบรูฟัสไปสักหน่อย
   “แต่เขาดีกับผมมาก บอกรักผมก็หลายหน ผมแน่ใจว่าเขาคงไม่โกหก แต่ก็ไม่มีอะไรมารับประกันเหมือนกันว่ามันจะจริงตลอดไป”
   นี่ถ้ารูฟัสแอบฟังอยู่จะรู้สึกยังไงบ้างนะ
   “ผมคงไม่ใช่แฟนที่ดีเท่าไหร่” ฟ่งพูดต่อและหัวเราะเขินๆ
   “ไม่หรอก” รัสเลอร์ว่า พยายามสะกดใจไม่ให้เต้นแรงไปกับรอยยิ้มเขินอายและแก้มแดงๆ นั่น เขาพูดต่อ “คุณคิดดีแล้วจริงๆ หรือ ที่ว่าจะอยู่กับรูฟัสแบบนี้น่ะ คุณรู้รึเปล่าว่างานที่เขาทำมันอันตราย”
   ฟ่งพยักหน้า “ผมรู้ครับ ผมอยากให้เขาเลิก เขาเองก็บอกว่าจะพยายาม”
   “คุณไม่รู้หรือว่างานที่เขาทำอยู่ใช่ว่าจะเลิกได้ง่ายๆ อะไรจะรับประกันว่าจะไม่มีใครตามล่าตัวเขาหลังจากนั้น ชีวิตคู่ของคุณจะสงบสุขได้ยังไง”
   หนุ่มสวมแว่นหน้าเจื่อนลงไปหน่อยหนึ่ง แต่ก็ยังพูดต่อ “มันก็คงเหมือนกับผมนั่นแหละครับ ผมเองก็ใช่ว่าสามารถอยู่กับเขาแบบเปิดเผยได้อย่างสบายใจ แต่ว่า... ในเมื่อเขาพยายามเพื่อผมมาขนาดนี้ ผมก็คงต้องพยายามเพื่อเขาเหมือนกัน”
   “แล้วถ้ามันเกิดไม่สำเร็จล่ะ”
   ฟ่งเงยหน้าขึ้นมองรัสเลอร์ นัยน์ตาสีน้ำตาลสั่นไหวเล็กน้อย อีกฝ่ายจึงกล่าวสืบต่อ
   “ทำไมถึงต้องเอาชีวิตไปผูกติดกับความไม่แน่นอนแบบนั้น คุณมั่นใจแล้วหรือว่าจะเลือกผู้ชายคนนั้น”
   ฟ่งหน้าแดงวาบขึ้นมาอีก “ไม่รู้สิครับ”
   “งั้นทำไมไม่ลองมองหาทางเลือกอื่นล่ะ”
   คนได้ฟังเงยหน้าขึ้นมองอย่างสงสัยทันที “ทางเลือก?”
   “อืม ทางเลือกอื่น คนอื่นที่ดีกว่า คนดีๆ อย่างคุณยังมีคนให้มองอีกเยอะนะ”
   ฟ่งกะพริบตาปริบๆ ก่อนจะหัวเราะออกมา “คุณหึงรูฟัสเหรอ?”
   รัสเลอร์เกือบจะสำลักน้ำลาย ยังไม่ทันที่เขาจะได้โต้เถียงอะไร ฟ่งก็พูดขึ้นต่อ
   “ผมรู้ว่ารูฟัสเป็นคนมีเสน่ห์ ถ้าคุณจะชอบเขาก็ไม่แปลกหรอก”
   “โธ่... คุณใช้อะไรคิดเนี่ย” รัสเลอร์ครางออกมา ฟ่งมองเขาอย่างแปลกใจ
   “ก็เห็นคุณถามนั่นถามนี่ เหมือนว่าอยากจะให้ผมแยกกับรูฟัส เหมือนว่าคุณกำลังหึงเขาอยู่แต่ไม่กล้าบอกผมตรงๆ คุณรู้จักกับเขามาก่อนผมนี่ครับ แล้วก็ดูจะสนิทกันดี”
   “พระเจ้า!!” รัสเลอร์ครางออกมา ยกมือขึ้นกุมศีรษะ นี่ตกลงฟ่งซื่อหรือซื่อบื้อกันแน่ แต่ก็นั่นแหละ ยิ่งทำให้ดูน่ารักเข้าไปอีก
   “แทนที่จะคิดว่าผมชอบรูฟัส ทำไมไม่คิดว่าผมชอบคุณบ้างล่ะ”
   “ฮ่ะๆ อย่าล้อกันเล่นแบบนั้นสิครับ” ฟ่งพูดกลั้วหัวเราะ ก่อนจะหุบยิ้มลงเมื่อมือของรัสเลอร์จับลงมาที่หัวไหล่
   “ผมชอบคุณนะ”
   “อย่าล้อผมเล่นแบบนี้นะ” ฟ่งว่า พยายามจะขยับตัวถอยห่าง แต่ถูกมือยึดเอาไว้
   “ผมชอบคุณจริงๆ นะ ทั้งๆ ก่อนหน้านี้ผมไม่ได้คิดอะไร แต่พอได้อยู่ใกล้กับคุณแล้ว  คุณทำให้ผมรู้สึกว่า.... คุณน่ารักมาก”
   ฟ่งกลืนน้ำลายลงคอ นึกถึงคำพูดของรูฟัสขึ้นมาทันที
   “คุณคุยรูฟัสเรื่องนี้?”
   “ครับ ผมถึงได้แก้มปูดอยู่อย่างนี้ไงล่ะ”
   “ทำไมคุณหาเรื่องขนาดนั้น” ฟ่งครางออกมา ในที่สุดเขาก็เข้าใจถึงสาเหตุที่ทำให้รูฟัสต่อยรัสเลอร์
   “เพราะผมชอบคุณไงล่ะ” ชายหนุ่มตอบ และฉวยมือฟ่งขึ้นมาจูบ ทำเอาอีกฝ่ายขนลุกเกรียว
   “ถ้าคุณไม่มั่นใจ ทำไมไม่เปิดโอกาสให้คนอื่นบ้างล่ะ”
   “ผมไม่ใช่เกย์นะ” ฟ่งพูด และพยายามดึงมือกลับ พลางนึกว่ารัสเลอร์ต้องเข้าใจอะไรผิดแน่ๆ คนได้ฟังขมวดคิ้ว
   “อย่าเอาเรื่องนี้มาอ้างเลย รอยที่คอคุณมันบอก ว่าคุณมีอารมณ์กับผู้ชาย”
   ฟ่งยกมือขึ้นปิดซอกคออย่างลืมตัว “เห็นเหรอ?”
   “รอยมันชัดขนาดนั้น ปิดไม่หมดหรอก เมื่อคืนมีอะไรกันสินะ”
   “มันเรื่องส่วนตัวของผม!!” ฟ่งโพล่งออกมา รู้สึกหงุดหงิดและอับอายที่ถูกถามเรื่องแบบนี้ รัสเลอร์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้อย่างคุกคาม
   “งั้นพิสูจน์ไหมล่ะ ว่าคุณไม่ได้เป็นเกย์อย่างที่ปากพูด” หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มกล่าว ก่อนจะบดริมฝีปากเข้ามาบนริมฝีปากสีชมพูนั้น ฟ่งเบิ่งตากว้างด้วยความตกใจ พยายามจะผลักไสอีกฝ่ายออก รู้สึกถึงปลายลิ้นที่รุกไล่เข้ามา
   พลั่ก!!
   รัสเลอร์เซถลาออกไป ก่อนที่จะได้ทันตั้งตัวยืนได้ กำปั้นก็ประเคนเข้ามาอีกหนึ่งหมัด
   “ไอ้บ้า!” ฟ่งตะโกนใส่รัสเลอร์และวิ่งออกไปจากห้อง เพราะกลัวจะควบคุมตัวเองต่อไปไม่ได้
   ขืนอยู่ต่อเขาคงได้ซ้อมผู้ชายคนนี้แน่ๆ
---------------------------------------------------
   “โอ้..” รูฟัสส่งเสียงเหมือนจะแปลกใจ แต่ฟ่งดูจะแปลกใจมากกว่า เพราะเขาพบรูฟัสอยู่ห่างออกไปจากประตูห้องไม่เท่าไรนัก คงจะวนเวียนแอบฟังอยู่
   “เป็นอะไรรึเปล่าครับ?” หนุ่มตาสองสีกล่าว ฟ่งหอบหายใจด้วยความโมโห ก่อนจะโผเข้ากอดรูฟัส
   “ผมเกลียดผู้ชาย” ร่างบางว่า รูฟัสมองดูบุคคลในอ้อมกอดและถอนหายใจยาว การกระทำดูขัดกับคำพูดยังไงพิกล
   “อย่าเกลียดผมก็พอครับ” เขาว่า และยกใบหน้านั้นขึ้นมาจูบ  ฟ่งหลับตา ปล่อยให้รูฟัสจูบอยู่อย่างนั้น
   “ร้องไห้หรือครับ?” ชายหนุ่มถาม หลังจากปล่อยริมฝีปากสีชมพูนั้นแล้ว  ฟ่งสั่นศีรษะ ยกมือขึ้นปาดน้ำตาออก
   “เปล่า ผมขยะแขยง”
   “อืม...เจ้านั่นล่วงเกินคุณจริงๆ ด้วยสินะ”
   “ผมไม่ได้ชอบผู้ชาย” ฟ่งว่าและยกมือขึ้นลูบปาก น่าแปลกที่พอเป็นรูฟัสแล้ว กลับไม่รู้สึกรังเกียจอะไรเลย
   “คุณว่าผมเป็นเกย์รึเปล่า?” ร่างบางช้อนตาขึ้นถาม รูฟัสกลืนน้ำลาย ตอบด้วยสีหน้าปั้นยาก
   “ถ้าคุณว่าไม่ใช่ก็ไม่ใช่ครับ”
   “แต่ผมจูบกับคุณแล้วไม่รู้สึกรังเกียจเลยนี่”
   “งั้นจูบอีกสิครับ”
   “ไม่ได้หมายความว่าแบบนั้น!!” ฟ่งพูดและผลักใบหน้าของรูฟัสที่โน้มเข้ามาออก ผู้ชายคนนี้คิดอย่างอื่นไม่เป็นแล้วหรือไงนะ
   “คือผมไม่ได้มีอารมณ์กับผู้ชายทั่วไป แต่ผมมีอารมณ์กับคุณ อย่างนี้เรียกว่าเป็นเกย์รึเปล่า?”
   “คุณพอใจแบบไหนล่ะครับ สำหรับผม จะเรียกว่าอะไรผมไม่สนใจหรอก แค่คุณอยากอยู่กับผมก็พอแล้ว”
   “แต่คนอื่นเข้าใจผิดนี่”
   “ก็ช่างคนอื่นสิครับ คุณน่ะมีแต่ผมก็พอ”
   “ผมไม่อยากถูกผู้ชายจูบอีก”
   “แสดงว่าก่อนหน้าหมอนี่มีคนเคยทำมาแล้วสินะ”
   ฟ่งพยักหน้าแกนๆ อย่างไม่สู้จะยอมรับนัก รูฟัสถอนหายใจ
   “ก็ผมบอกแล้วว่าคุณน่ะน่ารัก คุณก็ไม่ระวังตัวบ้างเลย  ใครๆ ก็อยากฉวยโอกาสกับคุณทั้งนั้น”
   “ใครมันจะไปคิดกันล่ะ ผมน่ารักตรงไหน แถมก่อนหน้านี้ผมไม่เคยโดนแบบนี้เลยนี่ จนกระทั่งคุณเริ่มนี่แหละ” ฟ่งว่า และนึกสงสัยว่าเพราะรูฟัสเขาเลยซวยในเรื่องแบบนี้หรือเปล่า?    คราวนี้รูฟัสยกมือขึ้นเกาศีรษะ
   “เพิ่งโดนหลังจากที่เป็นแฟนกับผมแล้วงั้นหรือครับ ว่าแล้ว”
   “หมายความว่าไง?”
   หนุ่มตาสองสีคลี่ยิ้มละมุน ลูบเรือนผมสีน้ำตาลนั้นอย่างรักใคร่
   “คุณน่ะน่ารัก น่าทะนุถนอม ก่อนหน้านี้ที่ไม่มีใครทำอะไรก็คงเพราะไม่อยากให้คุณแปดเปื้อนมั้งครับ อีกอย่างคุณก็ไม่ได้เปิดเผยให้พวกเขารู้ว่าคุณชอบผู้ชาย”
   “ก็ผมไม่ได้ชอบ”
   “ครับๆ ” รูฟัสรีบตัดบท เพราะเดี๋ยวจะวกเข้าตัวอีก เกิดฟ่งหันมาโทษเขาเรื่องนี้แล้วงองแงเหมือนเมื่อคืนคงน่าปวดหัวพิลึก
   “ยังไงต่อไปก็ระวังๆ ไว้หน่อยนะครับ  อย่าไว้ใจใครมาก”
   “อื้อ...”
-----------------------------------
   รัสเลอร์นั่งคู้ตัวอยู่ในห้อง เขาเงยหน้าขึ้นมาได้นิดหน่อยตอนที่รูฟัสเปิดประตูเข้ามา
   “มาเยาะเย้ยหรือไง?” ชายหนุ่มเอ่ยถามผู้มาใหม่ ซึ่งเดินเข้ามานั่งข้างๆ
   “เปล่า.. ถูกต่อยรึ?”
   “ทั้งถีบทั้งต่อยเลยต่างหาก” ผู้ถูกถามกล่าว พลางลูบแก้มอีกข้างหนึ่งซึ่งบวมปูดขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
   “โดนเตะกล่องดวงใจด้วยล่ะสิ”
   “อืม” รัสเลอร์พูดพลางถอนหายใจ
   “ดุชะมัด ไม่คิดเลยว่าจะเจ็บตัวซ้ำสอง”
   “ช่วยไม่ได้ ก็ไม่ใช้สมองคิดเองนี่” รูฟัสว่า ได้ยินเสียงรัสเลอร์แค่นหัวเราะ
   “น่ารักขนาดนั้น เป็นนายนายจะใช้สมองหรือใช้สัญชาติญาณกันล่ะ”
   “อืม ฉันเข้าใจดีเลยล่ะ” หนุ่มตาสองสีพยักหน้าอย่างยอมรับ ครั้งแรกที่เขามีอะไรกับฟ่ง ก็ทำไปโดยใช้สัญชาติญาณเหมือนกัน หรือจะพูดให้ถูกก็ทุกครั้งที่ทำลงไปนั่นแหละ
   “ฟ่งโมโหมากรึเปล่า?”
   “ก็พอดูอยู่ ถึงกับพูดออกมาว่าเกลียดผู้ชายเลย”
   รัสเลอร์หัวเราะอีกครั้ง “นั่นไม่นับนายสินะ”
   “ถ้ารวมฉันด้วยนายไม่ได้นั่งพูดแบบนี้แน่” รูฟัสว่า รัสเลอร์เลยหันหน้าไปทางอื่นเสีย
   “เจ็บชะมัด” หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มบ่น รูฟัสมองดูแก้มปูดๆ ทั้งสองข้างแล้วก็ไม่รู้ว่าควรจะหัวเราะหรือสงสารดี
   “ดีที่ไม่โดนซ้ำข้างเดียวกันนะเนี่ย” หนุ่มตาสองสีว่า  รัสเลอร์พยักหน้าอย่างเหนื่อยอ่อน
   “ถ้าโดนแบบนั้นสงสัยจะพูดไม่ได้”
   รูฟัสนึกอยากให้ฟ่งต่อยซ้ำข้างเดิมขึ้นมาถนัด
   “นายเคยถูกต่อยบ้างรึเปล่า?” รัสเลอร์ถาม รูฟัสสั่นศีรษะ “ถูกฟ่งต่อยรึ? ไม่เคย”
   “แล้วไปจีบมาอีท่าไหน”
   “ไม่ได้จีบหรอก รู้ตัวอีกทีก็รักไปแล้ว”
   “ง่ายขนาดนั้นเลย?” รูฟัสสั่นศีรษะอีก
   “ฟังจากคำพูดของฟ่งแล้วนายคิดว่าชีวิตรักของฉันราบรื่นนักหรือไง เด็กคนนั้นน่ะดูจะไม่มั่นใจอะไรสักอย่าง”
   “แต่อย่างน้อยเขาก็ไม่ต่อยนายนะ แต่รู้แบบนี้แปลว่าแอบนั่งฟังอยู่ด้านนอกจริงๆ ล่ะสิ”
   “อืม”
   รัสเลอร์ถอนหายใจ เหม่อมองข้ามเครื่องคอมพิวเตอร์ไปยังที่ที่คนอื่นไม่สามารถมองเห็นได้
   “นี่รูฟัส ฟ่งน่ะให้ความสำคัญกับนายมากเลยนะ ถึงกับบอกว่าอยากจะอยู่ด้วย นายน่ะมีปัญญาดูแลเด็กคนนั้นจริงๆ เหรอ?”
   “อืม..”
   “สัญญาได้ไหมว่านายจะทำให้เขามีความสุข”
   “ฉันตั้งใจจะทำแบบนั้นอยู่แล้ว”
   รัสเลอร์ถอนหายใจ มองหน้าเพื่อนร่วมงาน
   “ฉันคงเกลียดนายไปเลยถ้าทำให้ฟ่งรู้สึกแย่”
   “นายจริงจังกับฟ่งมากขนาดนั้นเชียว?”
   ผู้ถูกถามพยักหน้า
   “ไม่จริงจังฉันจะกล้าถูกต่อยสองหนซ้อนแบบนี้เลยเหรอ โอ๊ย เจ็บชะมัด”
   “แล้วคิดจะทำยังไงต่อ ไปขอโทษ?”
   “คงงั้น แต่บอกไว้ก่อนเลยนะว่าฉันยังไม่ถอดใจง่ายๆ หรอก”
   “อยากถูกต่อยซ้ำหรือไง”
   รัสเลอร์ยักไหล่ “ใครจะไปรู้ สักวันฟ่งอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้”
   “ตามใจนาย หน้าใครหน้ามันนี่นา”
-----------------------------------------

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ฟ่งน่ารัก  ใคร ๆ ก็รักฟ่ง  รูฟัสขี้หึงได้สุด ๆ จริง ๆ

ออฟไลน์ Maria_safe

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
ไม่เข็ดจริงๆนะเจ้ารัสเลอร์นี่
ฟ่งยังน่ารักเหมือนเดิม รูฟัสก็หื่นจริงน้อ

bellity

  • บุคคลทั่วไป
ฟ่งนี่อิมเมจกระรอกสินะ

ตื่นคน 55+ นายไม่ได้เป็นเกย์นะฟ่ะ

นายแค่ชอบผู้ชายชื่อลูฟัสเท่านั้นเอง ^^

ปอลิง ชอบเรื่่องนี้มากเลยอ่ะ อัพได้สะใจวัยโจ๋มาก 55+

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
รัสเลอร์โดนกระรอกน้อยซ้อมซะแล้ว 5555
กระรอกน้อยตัวนี้ไม่ใช่เล่นนะ แถมเจ้าของยังดุอีกตะหาก
ถอยตอนนี้ยังทัน(มั้ย)

Crossley

  • บุคคลทั่วไป
กรี๊ดดดด (คลุ่มคลั่ง) อ่านสามวันรวดติด
สนุกมว้ากกกกก
ป.ล. ตอนที่ฝังประทับอยู่ในดวงใจคือตอนที่เฟิงปิงเทไวน์ใส่ฟ่ง  :z1:

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
ตอนนี้ฟ่งน่ารักมาก "เกลียดผู้ชาย"  :laugh: นึกถึงโฆษณานึงที่มีเด็กผู้หญิงพูดกับคุณแม่แบบนี้เลย น่ารักอ่ะ :o8:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
ฟ่งน่ารัก สมน้ำหน้ารัสเลอร์โดนต่อยเลย แต่ขำความคิดฟ่งที่ว่ารัสเลอร์ชอบรูฟัส
คิดสภาพออกเลย

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
ชอบเรื่องนี้มาก ก ก ก ก ก ก กก ก ก ก ก ก



รีบๆมาอัพนะ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






sokoloy

  • บุคคลทั่วไป
พึ่งเข้ามาอ่าน ขอบอกเลยว่าชอบเรื่องนี้อ่ะ :กอด1: :กอด1:

รีบๆมาต่อนะ เป็นกำลังใจให้ :L2:
 
อยากให้ทำเป็นหนังสืออ่ะ  :serius2:

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
 “ผมเกลียดผู้ชาย”   :serius2:

งั้นเอามาทางนี้เลยฟ่ง  :z1:

ออฟไลน์ akiko

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 620
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +45/-2
รออัพอะ อยากอ่านต่อ
ลงนะ เห็นว่าไม่สบายดูแลสุขภาพด้วยน๋า
เค้าเอาเรื่องนี้กับเรื่อง[เรื่องยาว]Stair.ขยับรัก ข้ามขั้น ส่งเมล์ให้เพื่อนๆอ่านด้วยอะ
หวังว่าเพื่อนๆคงชอบ
เพราะเราโฆษณาไว้เยอะว่าสนุก
ถ้าเค้าชอบกันจะเม้นท์มาบอก


 :bye2: :bye2: :bye2:

ออฟไลน์ korn_ken

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 อ่านตามทันจนได้

ไม่หลับไม่นอนกันเลยทีเดียว

ออฟไลน์ korn_ken

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 68
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
อ่านตามทันจนได้

    ไม่หลับไม่นอนกันเลย  ทีเดียว

สนุกมาก.........


รูฟัสหื่นอะ :-[ :-[

     ส่วนฟ่ง   น่า... :L2: :L2:

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
อ่านจบแล้วค่ะ ตามมาให้กำลังใจ

ตอนแรกๆมีแอบท้อเหมือนกัน  :jul3: ยาวเหลือเกิน

งานของคุณละเอียดดีค่ะ เหมาะกับผู้ใหญ่อ่าน  (เด็กบางคนก็อ่านเนอะ) ตอนต้นๆเรื่องมันดำเนินเรื่องช้าไปอ่ะค่ะ บางทีคนที่อ่านไม่เก่งอาจจะถอดใจได้

แต่ไม่ผิดหวังค่ะที่ติดตามมาจนถึงตอนปัจจุบัน ชอบทั้งสองคู่เลย ตอนของ ซื่อเหยียนสารภาพกับว่าที่พ่อตาว่าจะอยู่ไม่ไปไหน บีบหัวใจมาก นึกว่าจะโดนฆ่าซะแล้วอ่ะ  :a5: ดูเป็นคนที่โง่ในเรื่องรัก แสดงออกไม่เป็น แต่ก็ซื่อสัตย์จงรักภักดี เหมือนหมาที่รักเจ้าของแบบไม่มีเงื่อนไขเลย :monkeysad:

ส่วนฟ่งกับรูฟัส ก็ลุ้นจนเหนื่อยใจเลย คลาดกันทั้งทางกายและทางใจ กว่าจะมาถึงจุดนี้ แต่ฟ่งน่ารักดี ดูเป็นคนธรรมดาๆดีค่ะ ส่วนรูฟัสก็หื่นไปหน่อย  :laugh: เหนื่อยแทนฟ่งไม่ใช่อะไร  :m20:

รออ่านตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
**เนื้อหาต่อจากนี้ไม่ใช่ฉบับFinal edit ที่ใช้สำหรับรวมเล่มเหมือนช่วงก่อนหน้าแล้วนะคะ เพราะฉะนั้นเนื้อหาอาจขาดตกบกพร่องไปบ้าง (สำหรับเนื้อหาฉบับสมบูรณ์สามารถหาอ่านได้จากรวมเล่มค่ะ)

บทที่41 การทานอาหารร่วมกันของพี่น้องตระกูลเว่ย
   มื้ออาหารค่ำของตระกูลเว่ยนั้น จะว่าไปแล้วเหมือนงานสัมมนาใหญ่เสียมากกว่า  แม้เว่ยชิงจะบอกว่าไม่อยากให้เอิกเริก แต่การมารวมตัวกันของผู้ทรงอิทธิพลด้านธุรกิจทั้งสี่แห่งเกาะฮ่องกง อันได้แก่ หลี่เจียหลิน เจ้าแม่แห่งวงการธุรกิจด้านอัญมณีและเครื่องประดับ เว่ยฟู่ฉิน เจ้าพ่อธุรกิจส่งออก เว่ยจินหยิน ผู้ทรงอิทธิพลด้านการส่งออกและท่าเรือ เว่ยเฟิงปิง คุณชายน้อยผู้ครอบครองสิทธิอาณาเขตการคุ้มครองธุรกิจกลางคืนและสัมปทานย่านการค้า ก็เพียงพอที่จะกลายเป็นข่าวใหญ่ได้แล้ว นอกจากนี้ยังมีเว่ยจินจิน อัยการชื่อดังซึ่งมีเรื่องซุบซิบเกี่ยวกับที่มาของเธอซึ่งเป็นคนของตระกูลเว่ยด้วย ที่จะขาดไปก็เห็นจะมีแต่เว่ยปิงเซียงที่ยังคงนิทราอยู่และเว่ยซื่อหลิวที่เรียนต่ออยู่ต่างประเทศ
   ขบวนรถของเว่ยเฟิงปิงแล่นเข้ามาในตึก เกือบจะพร้อมกับขบวนรถของเว่ยจินจิน  ซึ่งเป็นเรื่องที่ดีเพราะขบวนรถของเว่ยจินจินนั้นถือว่ามีความยาวน้อยมากเมื่อเทียบกับพี่น้องคนอื่นๆ
   เว่ยจินจินก้าวเท้าลงจากรถสปอร์ตจากัวร์สีดำสนิท หล่อนรวมผมเรียบร้อย สวมชุดสูทลำลองเข้ารูปสีเทาเข้ากับกางเกงขายาวสีเทา ทับเชิ้ตสีขาว แบะปกเล็กน้อย พร้อมด้วยผู้ติดตามอีกสองสามคน ซึ่งคงเป็นคนจากหน่วยดำที่เว่ยชิงหาไว้ให้ หล่อนก้าวเท้าผ่านรถของเว่ยเฟิงปิงโดยไม่แม้แต่จะเหลือบตามอง  ซึ่งนี่เป็นเรื่องปกติของตระกูลนี้อยู่แล้ว พี่น้องเกือบทุกคนแทบจะไม่รู้จักกันเลย เว้นเสียแต่ว่ามีผลประโยชน์ร่วมหรือเป็นคู่แข่งกันเท่านั้น
   เว่ยเฟิงปิงก้าวเท้าลงจากรถซีดานสีดำ พร้อมด้วยขบวนผู้ติดตามราวสิบกว่าคน มุ่งหน้าเข้าสู่สำนักงานใหญ่ของตระกูลเว่ย
   สำนักงานใหญ่ของตระกูลเว่ย เป็นตึกสูงสามสิบหกชั้น สร้างทับที่ตั้งของคฤหาสน์ประจำตระกูลหลังเดิมซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเขตธุรกิจของเกาะฮ่องกง เนื้อที่ราวๆ หกไร่ ประกอบด้วยสำนักงานกลุ่มธุรกิจด้านต่างๆ ราวสองร้อยสำนักงาน  ซึ่งกว่าร้อยละแปดสิบเป็นบริษัทลูกในเครือธุรกิจของตระกูล อีกสิบกว่าเปอร์เซ็นต์เป็นส่วนของผู้ร่วมค้าซึ่งมาอาศัยอิทธิพลของเว่ยชิงในการดำเนินธุรกิจ
   ห้องที่ใช้รับประทานอาหารนั้นตั้งอยู่กลางชั้นบนสุด เป็นห้องทรงกลม ขนาดเนื้อที่ราวๆ ยี่สิบตารางเมตร บุผนังด้วยวัสดุกั้นเสียงอย่างดี แน่นอนว่าเพื่อไม่ให้เรื่องราวในวงสนทนาแพร่งพรายออกไปด้านนอก

   ผู้ติดตามทุกคนไม่ถูกอนุญาตให้เข้าไปในห้องรับประทานอาหารนี้ แม้แต่พนักงานเสิร์ฟเองก็ตาม อาหารทุกอย่างจะถูกเตรียมไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว ดังนั้นจึงเป็นการพบหน้าและเสวนากันเฉพาะคนตระกูลเว่ยอย่างแท้จริง
   จางซื่อเยี่ยนส่งเจ้านายของเขาที่หน้าประตูห้องเช่นเดียวกับผู้ติดตามคนอื่นๆ เขาเดินออกมายังห้องพักขนาดใหญ่ที่ถูกจัดเอาไว้ การประชุมใหญ่ของตระกูลเว่ยนั้น นอกจากจะประชุมคนในตระกูลแล้ว ยังเหมือนการนัดพบของเหล่าผู้ติดตามทั้งหลายด้วย แน่นอนว่ามีหลายคนที่เคยทำงานร่วมกันมาก่อน
   จางซื่อเยี่ยนโบกมือทักทายคนรู้จักบางคน และไปนั่งหลบอยู่มุมห้อง เขาไม่ชอบการเสวนากับคนหมู่มากอย่างนี้ ถึงแม้บางส่วนจะเคยทำงานร่วมกันมาก่อนก็ตาม
   “ไง อาซื่อ มานั่งหลบมุมอีกแล้วหรือ?” ผู้เอ่ยทักทายเป็นคนที่เขาคุ้นหน้าคุ้นตาเป็นอย่างดี เถียนซานเดินเข้ามาและนั่งลงข้างๆ พร้อมกับยื่นแก้วใส่น้ำเปล่าให้
   “วันนี้คุณท่านจัดอาหารให้พวกเราด้วย ท่าทางว่าจะคุยกันยาว” ชายวัยใกล้กลางคนกล่าวสืบต่อ พลางโบกมือให้กับบรรดาลูกน้องที่แวะเวียนเข้ามาทักทายเป็นระยะ จางซื่อเยี่ยนพยักหน้าและรับแก้วนั้นไว้ เถียนซานยกแก้วตัวเองขึ้นมาจิบน้ำอึกหนึ่ง มองหน้าอดีตลูกน้อง ก่อนจะพูดออกมา
   “ไม่เจอกันแวบเดียว ตัดผมล่ะรึ?”
   “อืม” ชายหนุ่มยอมรับ และยกมือขึ้นลูบผมอย่างรู้สึกแปลกๆ
   “คุณชายเจ็ดสั่งให้ตัด?” อีกฝ่ายถามต่อ จางซื่อเยี่ยนถามกลับด้วยสีหน้าแปลกใจ “เปล่า..  ยังไม่มีใครเล่าให้พี่ฟังหรือ?”
เถียนซานส่ายหน้า “ยัง พี่อยากฟังจากปากเธอ เกิดอะไรขึ้นรึ?”
จางซื่อเยี่ยนเงียบไปพักหนึ่ง ก่อนจะพูดตอบ “คุณท่านเป็นคนตัดครับ”
“อ้อ...” คนได้ฟังร้องเสียงยาว ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองอดีตลูกน้อง “เพราะอะไรล่ะ?”
“คือ...” ชายหนุ่มอ้ำๆ อึ้งๆ ด้วยไม่รู้จะตอบคำถามนี้ว่าอย่างไร เถียนซานมองหน้าเขาอยู่สักครู่ แล้วถอนหายใจออกมา
“ได้ยินว่าเธอนอนกับคุณชายเจ็ดแล้ว จริงรึเปล่า?”
จางซื่อเยี่ยนสะดุ้งตัวหน่อยหนึ่ง ก่อนจะพยักหน้าช้าๆ “ครับ”
ความเงียบเกิดขึ้นระหว่างคนทั้งคู่ทันที ท่ามกลางเสียงพูดคุยจ๊อกแจกรอบๆ จนเวลาผ่านไปได้ครู่หนึ่ง เถียนซานจึงพูดต่อ
“ซื่อเยี่ยน... เกิดอะไรขึ้นกันแน่ ปกติเธอไม่ใช่คนแบบนี้...”
จางซื่อเยี่ยนบีบมือแน่น เถียนซานเป็นหนึ่งในคนที่เลี้ยงและดูแลเขามา และเป็นคนที่คอยอบรมสั่งสอนเขาด้วย การที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น คงทำให้เจ้าตัวรู้สึกผิดอย่างไม่ต้องสงสัย
“ผม....” ชายหนุ่มพูดค้าง พยายามนึกหาคำอธิบายให้ผู้ชายที่อายุมากกว่าเขาเป็นยี่สิบปีที่กำลังนั่งอยู่ข้างๆ เถียนซานนั้นนอกจากจะเคยเป็นอดีตหัวหน้าแล้ว ยังเป็นทั้งผู้ดูแล ครูฝึก และเพื่อนอีกด้วย ในบรรดาผู้ที่เกี่ยวข้องกับตระกูลเว่ยทั้งหมด จางซื่อเยี่ยนนับถือผู้ชายคนนี้รองจากเจ้านายใหญ่ของเขาเลยทีเดียว
“มันเป็นความประสงค์ของคุณชายครับ ผมขัดไม่ได้หรอก” ชายหนุ่มตอบออกมา เถียนซานมองหน้าอดีตลูกน้องอีกครั้ง “ขัดไม่ได้ จริงรึ?”
คนถูกถามอึ้งไปอีก เขาเงยหน้าขึ้นมองอดีตเจ้านาย “ผมรู้ว่ามันไม่ควร แต่ผมรักคุณชาย...”
“เพราะอย่างนั้นเลยปฏิเสธไม่ออกสินะ” เถียนซานช่วยต่อให้ จางซื่อเยี่ยนพยักหน้ารับแต่โดยดี ได้ยินเสียงอีกฝ่ายถอนหายใจ
“อาซื่อ พี่รู้ว่าเธอไม่ใช่คนทะเยอะทะยาน แต่ระวังอย่าทำอะไรให้คุณท่านแคลงใจไปมากกว่านี้ล่ะ”
   “ผมไม่ทำแบบนั้นหรอก” จางซื่อเยี่ยนโพล่งขึ้นทันที เถียนซานมองหน้าเขา นัยน์ตาสีหินน้ำตกทอประกายเย็นยะเยียบ
   “คุณท่านเป็นคนใจกว้าง เรื่องครั้งนี้ท่านคงให้อภัย แต่จงระวังอย่าทำให้คุณท่านเสียความมั่นใจในตัวเธอเด็ดขาด เธอรู้ใช่ไหมว่าต้องจงรักภักดีกับใครมากที่สุด”
   “ครับ”
   หัวหน้าหน่วยดำคนปัจจุบันคลี่ยิ้มออกมา ก่อนจะตบไหล่อดีตลูกน้อง “ไปหาอะไรทานกันเถอะ”
-------------------------------------------
   บรรยากาศในห้องอาหาร ณ ชั้นบนสุดของตึกสำนักงานใหญ่ตระกูลเว่ยนั้น ราวกับการเปิดโต๊ะเจรจาธุรกิจมากกว่าเป็นการพูดคุยกันของบรรดาพี่น้อง
   เมื่อเว่ยชิงซึ่งเป็นทั้งพ่อ และผู้นำตระกูลยังไม่เข้ามาในห้อง บรรดาพี่น้องจึงสนทนากันด้วยเรื่องธุรกิจเป็นส่วนใหญ่ แน่นอนว่าคนที่มีเรื่องพูดคุยมากที่สุดคงหนีไม่พ้นลูกชายคนที่สองที่มีชื่อว่าเว่ยจินหยิน
   เว่ยจินหยินนั้นรับผิดชอบธุรกิจของตระกูลมากกว่าหกสิบเปอร์เซ็นต์ ทั้งธุรกิจบนดินและใต้ดิน แน่นอนว่าปัญหาที่เกิดขึ้นจากธุรกิจทั้งหมดนี้ไม่ใช่น้อยๆ เขากำลังพูดคุยกับเว่ยจินจิน น้องสาวคนที่สี่ เรื่องคดีลักลอบนำเข้าสินค้าของบริษัทหนึ่งซึ่งเป็นเครือข่ายของตระกูล ที่กำลังถูกฟ้องร้องดำเนินคดีอยู่ในขณะนี้ โดยมีเว่ยฟู่ฉินนั่งฟังอย่างให้ความสนใจเป็นพิเศษ ดังนั้นเว่ยเฟิงปิงจึงต้องหันมาคุยกับพี่สาวคนโตแทน
   หลี่เจียหลินปีนี้อายุสี่สิบสองแล้ว เธอแต่งงานเป็นสะใภ้ของตระกูลหลี่ไปตั้งแต่ยี่สิบกว่าปีก่อน กระนั้นยังดำรงสถานะของตัวเองในตระกูลเอาไว้อย่างมั่นคง เพราะการแต่งงานของเธอคือการผนวกเอาตระกูลหลี่เข้ามาไว้ในอาณัติของตระกูลเว่ยอย่างถาวรนั่นเอง
   ถึงปีนี้จะอายุสี่สิบสอง แต่หลี่เจียหลินแต่งตัวแบบผู้หญิงสมัยใหม่ ไม่ถึงกับกระชากวัยมาก แต่ก็ไม่ได้ดูโบร่ำโบราณ เหมือนเช่นแนวคิดของเจ้าตัว ถ้านับในบรรดาพี่น้องแล้ว เว่ยเฟิงปิงชอบคุยกับพี่สาวคนโตคนนี้เป็นพิเศษ เพราะเจียหลินเป็นคนที่พูดตรงไปตรงมา ไม่อ้อมค้อมเหมือนพี่ชายคนรองของเขา และไม่ใช่คนเงียบๆ แบบที่เดาอะไรไม่ออกอย่างพี่ชายคนโต ที่สำคัญ ตระกูลหลี่มีธุรกิจหลายอย่างที่ต้องอาศัยความดูแลของเขาด้วย
   เว่ยชิงเดินเข้ามาในห้องอาหารหลังจากนั้นสักพัก เขาอยู่ในชุดเสื้อเชิ้ต ทับด้วยเสื้อคลุมแพรแบบจีนสีเหลืองอ่อน พอเข้ามาถึงเว่ยฟู่ฉินก็เอ่ยทักผู้เป็นบิดาทันที
   “อ้าว คุณพ่อ กำลังรออยู่เลยครับ”
   เว่ยชิงยิ้มกว้างให้ลูกชายคนโตของเขา ก่อนจะใช้ดวงตาสีน้ำครำพิจารณาลูกๆ ที่เหลือทีละคน ต่างคนจึงพากันนั่งเงียบกริบ และก้มลงมองจานอาหาร เพราะไม่มีใครอยากมองดวงตาคู่นั้นมากนัก เว่ยชิงนั้นเลี้ยงดูลูกที่เกิดจากภรรยาหลายคนแตกต่างกันไป แต่สิ่งเดียวที่ลูกๆ รู้สึกเหมือนๆ กันคือ ไม่มีใครชอบพ่อของตัวเองสักคน แต่ทุกคนก็รู้ว่า เว่ยชิงไม่เคยพอใจในตัวลูกคนไหนอย่างจริงจังเลย เว้นแต่ลูกชายคนโตเท่านั้น
   เว่ยฟู่ฉินนั้นเป็นลูกชายหัวแก้วหัวแหวนที่เว่ยชิงรักมากที่สุด ขนาดตระเตรียมจะยกตำแหน่งผู้นำตระกูลให้ตั้งแต่อายุได้สามสิบ จัดการส่งเว่ยจินหยินน้องชายไปเรียนต่อต่างประเทศเพื่อมารับตำแหน่งมือขวาของพี่ชายโดยเฉพาะ แต่ทุกอย่างก็สะดุดเมื่อเว่ยฟู่ฉินปฏิเสธการรับตำแหน่งผู้นำรุ่นต่อไปอย่างเด็ดขาด และหันไปทำธุรกิจของตัวเอง เรื่องนี้ทำให้เว่ยชิงล้มป่วยนับเดือน กระนั้นเขาก็ยังรักและเอ็นดูลูกชายคนโตเหมือนเดิมไม่มีเปลี่ยน
   เมื่อเว่ยฟู่ฉินย้ายไปทำกิจการใหม่ คนเป็นพ่อก็สู้อุตส่าห์ดั้นด้นไปสร้างคฤหาสน์เอาไว้นอกเมือง ใกล้ๆ กับโรงงานของลูกชาย เพื่อจะได้ไปเยี่ยมได้สะดวก เมื่อเว่ยชิงหันไปทุ่มเทเวลาให้กับลูกชายคนโต งานบริหารธุรกิจทั้งหมดของตระกูลจึงตกเป็นภาระของลูกคนรองที่มีชื่อว่าเว่ยจินหยิน
   เว่ยจินหยินปีนี้อายุสามสิบหก ยังไม่แต่งงานหรือมีลูก เขาใช้ชีวิตคลุกคลีกับธุรกิจของตระกูลทั้งใต้ดินและบนดินมาตั้งแต่เริ่มอ่านออกเขียนได้ เว่ยจินหยินเป็นคนมารยาทดี ฝีปากเป็นเลิศ และเป็นนักวางแผนตัวฉกาจทั้งเรื่องธุรกิจและเรื่องอื่นๆ แต่ชื่อเสียงไม่ค่อยดีนัก เนื่องจากเขามักจะใช้กลอุบายต่างๆ ทั้งใต้ดินและบนดินในการเอาชนะคู่แข่งทางธุรกิจ แถมยังมีข่าวลือว่าเจ้าตัวมีงานอดิเรกเกี่ยวกับการทดลองยาพิษ โดยใช้ลูกน้องหรือคนทรยศที่จับได้เป็นหนูทดลอง และการวางยาพิษหรือใช้หน่วยดำให้สังหารผู้บริหารบางคนที่ขัดหูขัดตาตัวเอง เรื่องที่ทำให้ชื่อเสียงของเว่ยจินหยินฉาวโฉ่มากที่สุด คือเรื่องอุบัติเหตุทางรถยนต์ที่เกิดขึ้นกับน้องชายคนที่หกของเขาเมื่อหกปีก่อน จนทำให้กลายเป็นเจ้าชายนิทราอยู่ที่โรงพยาบาล และการยิงถล่มรถของน้องชายคนเล็กอีกสองคนที่เกิดขึ้นในเวลาไล่เลี่ยกัน ทุกคนเชื่อว่าเว่ยจินหยินอยู่เบื้องหลังเรื่องทั้งหมดนี้ จุดประสงค์เพื่อต้องการกำจัดคู่แข่งในการขึ้นครองตำแหน่งผู้นำตระกูลคนต่อไป ดังนั้นเว่ยจินหยินจึงได้รับคำเรียกว่าเป็นผู้ชายที่อำมหิตที่สุดในฮ่องกงโดยที่เจ้าตัวไม่เคยออกมาปฏิเสธเกี่ยวกับข่าวลือดังกล่าว
   เว่ยชิงทรุดตัวลงนั่งเก้าอี้ตรงหัวโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมองบรรดาลูกๆ ของตนอีกครั้ง คนที่ดูจะขัดหูขัดตามากที่สุดคงหนีไม่พ้นลูกชายคนที่เจ็ดที่เพิ่งกลับเข้ามาในตระกูลได้เพียงสองปีเศษ
   เว่ยเฟิงปิงนั้นเกิดและโตที่ต่างประเทศมาโดยตลอด พอมาอยู่ฮ่องกงได้ไม่กี่เดือนก็ทำเรื่องใหญ่โตจนต้องขับออกจากตระกูล เว่ยชิงไม่ชอบใจลูกชายลักเพศคนนี้เท่าไหร่นัก แต่ก็ไม่ถึงกับชิงชังจนไม่อยากมองหน้า ถ้าตัดเรื่องความผิดปกติทางเพศออกไป มันสมองในการคิดและตัดสินใจ ทักษะการเอาตัวรอด และความทะเยอะทะยานแบบไม่ธรรมดาของเว่ยเฟิงปิงนั้น มีค่าเพียงพอที่จะรับกลับเข้ามาเป็นแขนเป็นขาให้กับตระกูลสืบต่อไป
   
“ทานข้าวกันก่อนเถอะ เดี๋ยวจะเย็นเสียหมด” ผู้นำสูงสุดของตระกูลเว่ยคนปัจจุบันกล่าว หลังจากนั่งลงเรียบร้อยแล้ว พวกลูกๆ มองหน้าเขาอยู่พักหนึ่ง และก้มหน้าก้มตาทานอาหารโดยไม่มีใครพูดอะไรอีก ความอึดอัดค่อยๆ ก่อตัวขึ้นอย่างช้าๆ ท่ามกลางเสียงช้อนกระทบจานเบาๆ และยิ่งควบแน่นมากขึ้น เมื่อทุกคนรับประทานอาหารเสร็จ
ห้องทั้งห้องเงียบสนิท เว่ยชิงเงยหน้าขึ้นมองบรรดาลูกๆ ของตนอีกครั้ง
“ยังจำเรื่องโครงการ“Tezcatlipoca(เทซกาลิโพกา) ที่พ่อพูดถึงไปวันก่อนได้รึเปล่า?”
“โครงการยาตัวใหม่ของคุณทวีศักดิ์น่ะหรือครับ?” เว่ยจินหยินพูดตอบขึ้นทันที ผู้เป็นพ่อพยักหน้าหน่อยๆ
“คุณพ่อบอกยกเลิกไปแล้วนี่ครับ” เว่ยเฟิงปิงพูดขึ้นบ้าง คนเป็นพ่อพยักหน้าอีก “พ่อจำได้ ก็พ่อส่งลูกไปบอกยกเลิกเอง”
เว่ยเฟิงปิงถลึงตาใส่ผู้เป็นพ่อครั้งหนึ่ง เว่ยจินจินถามขึ้นบ้าง “คุณทวีศักดิ์นี่ใครกันคะ?”
“เพื่อนเก่าของคุณพ่อน่ะจ้ะ ตอนนี้เป็นคู่ค้าคนหนึ่งของน้องใหญ่ล่ะมั้ง” หลี่เจียหลินช่วยตอบแทนให้ เพราะน้องสาวคนนี้ไม่ได้มาร่วมรับประทานอาหารในครั้งก่อน เลยยังไม่ทราบรายละเอียด เว่ยจินจินหันไปมองพี่ชายคนโต เว่ยฟู่ฉินพยักหน้า
“อืม เขาเป็นเจ้าของบริษัทผลิตยาที่ประเทศไทยน่ะ” พี่ชายคนโตอธิบายต่อ
“ยา? จะผลิตยาอะไรหรือคะ?” เว่ยจินจินถามต่อ หันไปมองผู้เป็นบิดาอย่างไม่ไว้ใจนัก เว่ยชิงยิ้มออกมา
   “ยังไม่รู้เหมือนกัน เพราะทางนั้นแจ้งมาว่าเป็นยาตัวใหม่ คงไม่เข้าข่ายกฎหมายยาเสพติด แต่ก็เป็นยาเสพติดนั่นแหละ”
   เว่ยจินจินพยักหน้า “ดีแล้วล่ะค่ะที่คุณพ่อยกเลิก หนูไม่อยากทำคดีเกี่ยวกับยาเสพติดนักหรอกนะคะ เพราะถ้ามันข้ามชาติจะยิ่งจัดการลำบาก”
   “อืม พ่อเข้าใจ” เว่ยชิงตอบ ก่อนจะพูดต่อ “แต่พ่อได้ยินข่าวมาว่าริเวิลกระโดดเข้าร่วมโครงการนี้แล้ว”
   ห้องทั้งห้องเงียบกริบทันที ไม่มีใครไม่รู้จักชื่อของริเวิล และไม่มีใครไม่รู้ซึ้งถึงความแค้นชนิดที่เรียกได้ว่าคุ้มคลั่งของเว่ยชิงที่มีต่อผู้นำสูงสุดคนหนึ่งของริเวิลที่ใช้ชื่อว่าลี่เหลียน ซึ่งตั้งตัวเป็นปฏิปักษ์ต่อตระกูลเว่ยมาตลอดหลายสิบปี เพราะลี่เหลียนคนนี้ไม่ใช่ใครอื่น เป็นน้องชายต่างมารดาเพียงคนเดียวที่ถูกขับออกไปจากตระกูลเมื่อเกือบห้าสิบปีก่อน เพราะก่อเรื่องอัปยศเอาไว้
   “ได้ยินข่าวมาแล้วเหมือนกันล่ะครับ” เว่ยจินหยินยังคงเป็นแรกที่เอ่ยปากก่อนเช่นเคย เขาพูดด้วยใบหน้ายิ้มแย้มราวกับใส่หน้ากาก ไม่มีใครคาดเดาอารมณ์ของผู้ชายคนนี้ออก แม้แต่คนที่เป็นพ่อแท้ๆ ของเขาเองก็ตาม
   เว่ยชิงส่งเสียงอืมเบาๆ แต่ยังไม่ทันได้พูดอะไรต่อ เว่ยเฟิงปิงก็กล่าวแทรกขึ้น
   “แล้วคุณพ่อจะเอายังไงครับ จะกลับเข้าร่วมประชุมใช่ไหม? ผมจะได้แจ้งทางคุณทวีศักดิ์”
   เว่ยชิงยิ้มกว้างอย่างพอใจให้กับบุตรชายคนเล็กที่เหลืออยู่ของเขา ก่อนจะพูดต่อ “อืม ใช่ พ่อจะให้เรากลับเข้าร่วมประชุม เพียงแต่เราไม่ต้องการยาตัวนั้น พ่อต้องการหัวของไฮท์ที่ริเวิลส่งไปประชุม”
   ความเงียบงันเข้าปกคลุมห้องรับประทานอาหารอีกครั้ง ลูกๆ แต่ละคนต่างหลุบตาลงต่ำ ไม่รู้ว่าคิดอะไรกันบ้าง สุดท้ายเว่ยจินหยินยังคงเป็นผู้ที่เอ่ยปากขึ้นก่อนคนแรก
   “คุณพ่อทราบแล้วหรือครับว่าริเวิลจะส่งใครไป?”
   “เปล่า” เว่ยชิงปฏิเสธ ก่อนจะปรายตามองลูกชายคนรอง “แต่เดี๋ยวลูกคงจะรู้เอง ริเวิลไม่ส่งระดับกระจอกไปร่วมประชุมใหญ่แบบนี้หรอก”
   “ครับ...” เว่ยจินหยินพยักหน้ารับ ขณะที่เว่ยเฟิงปิงพูดแทรกขึ้นต่อ
   “ถ้าคุณพ่อต้องการอย่างนั้น ผมคงต้องขอกำลังคนเพิ่ม อนุญาตให้ผมยืมคนจากหน่วยดำได้หรือเปล่า?”
   เว่ยชิงปรายตามองลูกชายคนเล็ก แล้วยิ้มออกมา “ไม่ต้องหรอก พ่อจะส่งจินหยินไปกับลูกด้วย”
   นัยน์ตาสีดำราวกับสุนัขจิ้งจอกของเว่ยจินหยินไหววูบ พร้อมกันกับกับแก้วตาของเว่ยเฟิงปิงที่หดเล็กลง แม้แต่ดวงตาสีดำสนิทเหมือนท้องฟ้ายามค่ำคืนของเว่ยฟู่ฉินก็ยังพลอยสั่นระริก มีเพียงดวงตาสีน้ำครำของผู้เป็นพ่อเท่านั้นที่ยังคงนิ่งสงบ
   ราวกับพายุร้ายที่ก่อตัวอยู่อย่างเงียบงันในมหาสมุทรใหญ่
   สักพัก เว่ยชิงจึงกล่าวสืบต่อ
   “เสร็จงานนี้พ่อจะพิจารณาเรื่องตำแหน่งผู้สืบทอด”
   เค้าลางของพายุก่อตัวชัดเจนขึ้นทันที เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองผู้เป็นบิดาด้วยดวงตาสีดำที่เต้นระริก ขณะที่เว่ยเฟิงปิงถลึงตามองไปอย่างไม่อยากจะเชื่อ
   ผู้สืบทอด!
   หลังจากการปฏิเสธที่จะรับช่วงต่อของเว่ยฟู่ฉิน เว่ยชิงไม่ยอมเลือกลูกคนไหนขึ้นมาเป็นผู้สืบทอดต่อเลย แม้แต่เว่ยจินหยินที่ทำงานรับใช้มาอย่างยาวนาน ดังนั้น การที่เว่ยเฟิงปิงพยายามทำทุกอย่างเพื่อเอาใจผู้เป็นบิดาตั้งแต่กลับเข้าตระกูลมาเมื่อสองปีก่อน ก็เพราะต้องการเป็นหนึ่งในตัวเลือกของตำแหน่งผู้สืบทอดนี่เอง
   เว่ยเฟิงปิงเกลียดชังบิดาบังเกิดเกล้าของเขามาตั้งแต่ยังเล็ก และความเกลียดชังนั้นยิ่งทวีมากขึ้นเรื่อยๆ จนกลายเป็นความเคียดแค้น ชายหนุ่มตั้งใจว่าจะทำลายล้างทุกสิ่งทุกอย่างที่บิดาของเขาสร้างขึ้นมาเพื่อระบายความเคียดแค้นนี้
   การก้าวขึ้นสู่ตำแหน่งผู้นำและบดขยี้ธุรกิจทุกอย่างตอนที่เว่ยชิงยังมีชีวิตอยู่จึงเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ทำให้เขาทนอยู่ใต้อำนาจของผู้เป็นพ่อมาจนถึงปัจจุบัน

   เว่ยชิงปรายตามองบุตรชายทั้งสองของตนอีกครั้ง ไม่ยากเลยกับการเดาความในใจของบุตรชายคนเล็ก สำหรับคนที่ผ่านโลกมาค่อนศตวรรษ มิหนำซ้ำยังเป็นพ่อแท้ๆ ไหนเลยจะดูไม่ออกว่าภายใต้ดวงตาสีฟ้าใสนั้นคิดอะไรอยู่
   เว่ยเฟิงปิงเคียดแค้นที่ถูกเขาทอดทิ้งไปนาน เรื่องนี้เว่ยชิงรู้ดีมาตลอด แต่เว่ยเฟิงปิงเป็นเลือดเนื้อเชื้อไขคนหนึ่งของเขา แถมยังมีความสามารถที่ไม่อาจมองข้ามได้ แม้จะมีความผิดปกติทางเพศและเคยถูกขับออกจากตระกูลไปครั้งหนึ่ง แต่ก็ได้พิสูจน์ตัวเองแล้วว่ามีค่าพอจะนำมาใช้สอยได้
   เหลือแค่หาโซ่ล่ามดีๆ สักเส้น ล่ามลูกชายที่แสดงอาการพยศคนนี้ให้อยู่หมัด
   จางซื่อเยี่ยนถือเป็นหนึ่งในโซ่เส้นหนึ่งที่เว่ยชิงเลือกเอาไว้
   เขาเป็นหนึ่งในลูกน้องไม่กี่คนที่เว่ยชิงให้ความไว้วางใจเป็นพิเศษ เพราะชุบเลี้ยงมาตั้งแต่ยังเล็กๆ และเป็นคนมีลักษณะนิสัยตรงไปตรงมา ดังนั้นจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับการรับหน้าที่นี้
   เหตุผลสำคัญอีกประการที่ทำให้เว่ยชิงเลือกจางซื่อเยี่ยนให้ไปรับตำแหน่งบอดีการ์ดของเว่ยเฟิงปิงคือความรู้สึกพิเศษที่จางซื่อเยี่ยนมีให้เว่ยเฟิงปิง
   ในวันที่เว่ยเฟิงปิงถูกลงโทษนั้น สมาชิกหน่วยดำอยู่กับพร้อมหน้า เนื่องจากเป็นหน่วยงานหลักที่มีหน้าที่จัดการกับคนทรยศ เมื่อเว่ยชิงมีการสำเร็จโทษสมาชิกคนใดด้วยตนเอง จะเรียกหน่วยนี้เขามาด้วยเสมอ เพื่อตอกย้ำให้ทุกคนในหน่วยยังความจงรักภักดีเอาไว้ให้ถึงที่สุด
   สมาชิกหน่วยดำแต่ละคนถูกฝึกฝนมาอย่างดีในเรื่องการควบคุมจิตใจ ภายใต้ระบบการอบรมที่เข้มงวด สมาชิกทุกคนจะมีความจงรักภักดีสูงสุดต่อผู้นำสูงสุดของตระกูล และผู้นำในลำดับอื่นรองลงมา พร้อมจะปฏิบัติตามคำสั่งโดยไม่ต้องถามเหตุผล ฆ่าได้แม้กระทั่งพี่น้อง
   กระนั้น ในหมู่ดวงตาที่เหมือนกับรูปสลักพวกนั้น กลับมีคู่หนึ่งที่ฉายแววหวั่นไหวออกมาในตอนที่เว่ยเฟิงปิงถูกลงโทษ ดวงตาสีดำราวกับขนกาของจางซื่อเยี่ยน
   เป็นเรื่องหน้าแปลกสำหรับนักฆ่าระดับสูงที่จะมีดวงตาหวั่นไหวเช่นนั้น เว่ยชิงติดใจเรื่องนี้มาโดยตลอด กระทั่งวันที่คัดเลือกตัวผู้ที่จะไปดูแลความปลอดภัยของเว่ยเฟิงปิง ดวงตาของจางซื่อเยี่ยนก็ฉายแววหวั่นไหวออกมาอีกครั้ง และเจ้าตัวก็อาสาทำหน้าที่นี้ด้วยตนเอง เว่ยชิงตัดสินใจเลือกโซ่เส้นนี้ทันที
   เว่ยเฟิงปิงเป็นคนฉลาดและระวังตัวแจ การที่ใครจะเข้าถึงจิตใจนั้นเป็นไปได้ยาก หนำซ้ำยังมีรสนิยมทางเพศที่ผิดปกติซ้ำเข้าไปอีก การส่งคนอย่างจางซื่อเยี่ยนเข้าไปจึงดูน่าสนใจเป็นพิเศษ เว่ยชิงแทบไม่ต้องทำอะไร แค่รอ รอให้เวลาผ่านไปเรื่อยๆ ปล่อยให้จางซื่อเยี่ยนดำเนินบทบาทอย่างอิสระ ตามความรู้สึกและความตั้งใจของเจ้าตัว รอว่าสักวันหนึ่งเว่ยเฟิงปิงจะหลงมาติดกับ
   แล้วเว่ยเฟิงปิงก็ติดกับเข้าจนได้
   กับดักธรรมชาติที่มีชื่อว่าความรัก
   ดังนั้นข่าวที่เว่ยจินหยินนำมาแจ้งจึงไม่สร้างความแปลกใจแต่อย่างไร การไปเยือนในคราวก่อนนั้นเป็นเพียงการทดสอบประสิทธิภาพของโซ่ล่ามว่าหนาแน่นเพียงไร และผลที่ได้ทำให้เว่ยชิงพอใจอยู่ลึกๆ
   เว่ยเฟิงปิงถูกสายโซ่แห่งความรักล่ามไว้จนแน่นหนาแล้ว ไม่ว่าจะรู้ตัวหรือไม่ก็ตาม เว่ยชิงไม่มีความจำเป็นจะต้องระแวงบุตรชายคนนี้อีกแล้ว เนื่องจากจางซื่อเยี่ยนจะเป็นคนจัดการเรื่องทั้งหมดเอง
   เพราะจางซื่อเยี่ยนไม่มีวันทรยศอย่างเด็ดขาด

   ความเงียบงันคงสถานะของมันอยู่ในห้องอาหารอีกพักใหญ่ ท้ายที่สุดยังคงเป็นเว่ยจินหยินที่เอ่ยปากขึ้นมาก่อน
   “ตามความต้องการของคุณพ่อครับ” ชายหนุ่มกล่าว และยิ้มอย่างประจบประแจง ไม่มีใครรู้ว่าเบื้องหลังแว่นตากรอบทองและดวงตาสีดำเหมือนสุนัขจิ้งจอกนั้นซ่อนความรู้สึกใดไว้บ้าง เว่ยจินหยินนั้นเหมือนคนที่แสดงละครอยู่ตลอดเวลา จนดูไม่ออกแล้วว่าส่วนไหนคือการแสดงอารมณ์ที่แท้จริงกันแน่
   เว่ยเฟิงปิงเกลียดขี้หน้าพี่ชายของเขาคนนี้อย่างจริงๆ จังๆ โดยเฉพาะรอยยิ้มเสแสร้งแกล้งทำนั่น เว่ยจินหยินเหมือนจะรู้สึกว่าเขามองอยู่ เลยหันหน้ามา และยิ้มกว้าง
   เว่ยเฟิงปิงทนไม่ได้จริงๆ จึงต้องเอ่ยปากออกไป
   “บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมจะไม่ไปในฐานะลูกน้องของพี่จินหยินเด็ดขาด ผมจะไปในฐานะเดียวกัน”
   ทุกคนหันมามองเขาเป็นตาเดียว ก่อนที่เว่ยจินหยินจะหัวเราะออกมา
   “แน่นอนเฟิงปิง พี่เองก็ไม่อยากได้ลูกน้องไม่ได้เรื่องแบบเธอหรอก”
   เว่ยเฟิงปิงถลึงตาใส่ผู้เป็นพี่ชายทันที เว่ยชิงจึงรีบยกมือขึ้นปรามลูกชายทั้งสอง ก่อนจะพูดขึ้นต่อ
   “มีเวลาอีกสองสัปดาห์ก่อนการประชุม พ่ออยากให้ลูกทำทุกอย่างให้ดีที่สุด”
---------------------------------------------

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   อีกสองสัปดาห์
   ชายวัยกลางคนหยุดยืนตรงหน้าลิฟต์จำนวนกว่าสิบตัว ซึ่งถูกยึดโยงด้วยโครงสร้างที่ผลิตมาจากวัสดุชนิดพิเศษ ออกแบบให้สามารถพาผู้โดยสารขึ้นสู่พื้นดินด้านบนโดยใช้กระแสไฟฟ้าเพียงเล็กน้อย นี่คือส่วนสุดท้ายของห้องประชุมที่เขาทุมทุนสร้างเพื่ออวดนความก้าวหน้าด้านนาโนเทคโนโลยี และเป็นที่เปิดตัวสิงประดิษฐ์ใหม่ที่จะสั่นสะเทือนทุกวงการทั่วโลก
   การทดสอบระบบเป็นไปได้อย่างเรียบร้อยเกือบเก้าสิบเปอร์เซ็นต์แล้ว คงเหลือแต่ห้องทางออกฉุกเฉินนี้ และทางเดินระเบียงอีกไม่กี่ส่วนเท่านั้นที่กำลังทยอยทดสอบกันอยู่
   เขาคิดไม่ผิดจริงๆ ที่ดั้นด้นควานหาตัวสถาปนิกคนนั้นและว่าจ้างให้ออกแบบ อภิวัฒน์เป็นสถาปนิกหนุ่มที่มีงานออกแบบบางอย่างที่แปลกพิสดารเกินกว่าที่สามัญสำนึกของมนุษย์ธรรมดาจะเข้าใจได้ นี่แหละคือสิ่งที่เขาต้องการ
   แม้จะพยายามปกปิดการประชุมนี้ให้ลับที่สุด แต่ทวีศักดิ์ก็พอรู้มาว่ามีหลายองค์กรได้กลิ่นของมันแล้ว ถึงจะยังแสดงตัวออกมาไม่ชัดแต่เขาจะพลาดไม่ได้เด็ดขาด ไม่ว่าอย่างไรการประชุมจะต้องดำเนินต่อไป ขอเพียงแค่กระจายสิ่งประดิษฐ์ใหม่นี้ได้สำเร็จ เขาไม่มีอะไรต้องกลัวอีกแล้ว ห้องประชุมที่ลึกลับซับซ้อนแบบนี้แหละที่จะเป็นการการันตีอย่างดีกว่างานของเขาคราวนี้จะลุล่วงไปได้อย่างสวยงาม
   ถึงจะยังมีจุดติดขัดตรงที่ยังหาตัวสถาปนิกที่เขียนแบบเพื่อจัดการปิดปากไม่พบ และหุ้นส่วนสำคัญอย่างยุทธชัยก็มาถอนตัวในนาทีสุดท้าย แต่ก็ยังได้ริเวิล และตระกูลเว่ยที่กลับลำเข้าร่วมในนาทีสุดท้ายมาแทนที่ เท่านี้ก็คงเพียงพอกับแผนการกระจายที่เตรียมไว้ เหลือแค่จัดการเสี้ยนหนามเล็กๆ น้อยๆ ให้หมดก่อนวันงาน

   “ไม่ยักจะรู้ว่าเดี๋ยวนี้พ่อชอบสร้างห้องลับ”
   เสียงคุ้นหูที่ดังขึ้นทำให้ทวีศักดิ์สะดุ้งโหยง เขาหันกลับไปและพบบุตรชายกำลังมองสำรวจห้องอยู่
   “ลูกเข้ามาได้ยังไง?” ผู้เป็นพ่อถามอย่างสงสัยปนตกใจนิดหน่อย วรุตยักไหล่ ชูนิ้วโป้งให้ผู้เป็นบิดา
“ก็สแกนนิ้วเข้ามาสิพ่อ อุตส่าห์สร้างของดีๆ แบบนี้เอาไว้ ทำไมถึงปิดผมล่ะ”
ทวีศักดิ์หันมามองบุตรชาย ก่อนจะพูดเสียงอ่อน “พ่อคิดว่ายังไม่ถึงเวลาที่ลูกจะเข้ามาที่นี่”
   วรุตทำหน้าแปลกใจ “ทำไมล่ะ?”
   ผู้เป็นพ่อนิ่งไปครู่หนึ่ง ก่อนจะสั่นศีรษะ “ช่างเถอะ ว่าแต่ใครอนุญาตให้ลูกเข้ามา อารัตน์หรือ?”
   “อืม” เด็กหนุ่มพยักหน้า และรีบพูดต่อ “แต่อาเขาไม่ได้อนุญาตให้ผมเข้ามาง่ายๆ นะ ผมขอแกมขู่เขาเอา สุดท้ายเขาคงทนรำคาญผมไม่ไหวเลยให้ผ่านเข้ามาชั่วคราว ผมก็กะว่าจะมาขอผ่านถาวรกับพ่อนี่แหละ”
“อืม ไว้เดี๋ยวพ่อพร้อมให้ลูกเข้ามาเมื่อไหร่จะบอกอีกทีแล้วกัน ตอนนี้ลูกออกไปก่อนดีกว่า”
วรุตขมวดคิ้วทันที “เมื่อไหร่อีกล่ะพ่อ นี่พ่อกะจะทำอะไรไม่ดีอีกแล้วล่ะสิ พ่อไม่บอกผมตอนนี้ อีกหน่อยผมก็ต้องรู้เองอยู่ดีนั่นแหละ”
   ทวีศักดิ์ถอนหายใจ มองหน้าลูกชายพักหนึ่ง “เอาไว้ถึงเวลาก่อนแล้วกัน”
   “ถึงเวลาอะไรอีกล่ะพ่อ” วรุตว่า “ถึงเวลาที่พ่อจัดการปิดปากคนอื่นสนิทแล้วงั้นเหรอ พ่อฆ่าไปกี่คนแล้วล่ะ? คนเขียนแปลนห้องนี้พ่อฆ่าเขาไปหรือยัง? พ่อคิดจะใช้พี่เดชไปฆ่าเขาด้วยสินะ”
   คิ้วของทวีศักดิ์ขมวดเข้าหากันบ้าง “ใครเล่าให้ลูกฟัง เดชรึ?”
   “เปล่า ผมเดาของผมเอง” เด็กหนุ่มตอบ และพูดต่อ “ความจริงพ่อทำอะไร ก็น่าจะบอกให้ผมรู้บ้างนะ ผมจะได้เตรียมตัวถูก เวลาอยู่ต่อหน้าตำรวจ”
“ไม่มีเรื่องแบบนั้นหรอก” ทวีศักดิ์เอ็ดลูกชาย ก่อนจะลดเสียงลง “ที่พ่อทำอยู่นี่ก็เพื่ออนาคตของลูกทั้งนั้น”
วรุตแบะปาก ทำหน้าบูด ยืนอยู่แบบนั้นพักหนึ่ง จึงได้พูดต่อ “งั้นผมขอสิทธิ์ในการผ่านเข้าออกห้องลับนี่แบบทุกเกท ทุกประตูเลย”
“ลูกทำแบบนั้นไม่ได้หรอก” ทวีศักดิ์ค้านทันที “ที่นี่ซับซ้อน พ่อว่าถ้าลูกผ่านได้ทุกประตู ลูกคงหลงทางแน่ๆ “
เด็กหนุ่มขมวดคิ้วอย่างขัดใจ “งั้นเอาไงล่ะ ผมต้องถือแผนที่มั้ย? หรือต้องมีคนนำทาง พ่อจะเอาเรื่องแค่นี้มาห้ามไม่ให้ผมเข้ามาไม่ได้หรอกนะ”
“ไม่ต้องทำขนาดนั้นหรอก” ทวีศักดิ์ตอบ และนิ่งไปพักหนึ่ง “ไปบอกอารัตน์ว่าพ่อนุญาตให้ลูกผ่านได้ในโซนเอแล้วกัน”
“แล้วโซนอื่นล่ะ? ผมขอผ่านทุกประตูแล้วถือแผนที่ดีกว่า”
ทวีศักดิ์มองดูลูกชายอย่างอ่อนใจ “เอาล่ะ ไว้เดี๋ยวพรุ่งนี้พ่อจะให้คนพาลูกเดินดู ลูกจะได้รู้ว่าที่นี่มันซับซ้อนขนาดไหน”
วรุตยิ้มกว้างออกมาทันที “ขอบคุณนะพ่อ งั้นเดี๋ยวผมไปบอกอารัตน์ ขอเดินดูโซนเอก่อนก็ได้”
พูดจบก็เดินออกไปอย่างอารมณ์ดี ทวีศักดิ์มองไล่หลังลูกชาย ก่อนจะถอนหายใจ และยิ้มออกมา
เขาไม่ได้เห็นสีหน้ามีความสุขของวรุตนานเท่าไหร่แล้วนะ แต่เอาเถอะ อีกไม่นานวรุตจะต้องยิ้มอย่างมีความสุขกว่านี้
   อีกไม่นานนักหรอก
--------------------------------------
   เวลาล่วงเลยมาสู่วันที่สาม ฟ่งและรัสเลอร์สามารถแยกแยะระเบียงในส่วนที่จำเป็นทั้งหมด และทำแผนที่ง่ายๆ ไว้ให้รูฟัสกับราฟาแอลได้ก่อนพระอาทิตย์ตก โดยมีพ่อหนุ่มตาสองสีนั่งให้กำลังใจอยู่ข้างๆ หรือจะพูดให้ถูกคือนั่งเฝ้านั่นแหละ เพราะฟ่งเกิดอาการหวาดผวาจนไม่กะใจจะทำงานเมื่ออยู่กับรัสเลอร์สองคน
เรื่องนี้ทำให้หนุ่มนักประดิษฐ์รู้สึกไม่สบายใจเอามากๆ เขาควรจะต้องทำอะไรซักอย่างก่อนจะกลับสำนักงานใหญ่ไป
   “ผมขอคุณกับคุณสักแป๊บได้หรือเปล่า?” รัสเลอร์เอ่ยขึ้นหลังจากที่ทุกคนรับประทานอาหารเย็นเสร็จแล้ว ฟ่งหันมามองเขาด้วยแววตาไม่ค่อยไว้ใจนัก คนถูกมองกะพริบตาปริบๆ
   “ผมแค่อยากจะขอโทษ” หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มกล่าว ฟ่งหันไปมองหน้ารูฟัส หนุ่มตาสองสีพยักหน้าในเชิงว่าไม่เป็นไร ในที่สุดฟ่งก็ยอมเดินออกไปพร้อมรัสเลอร์ โดยที่รูฟัสยังคงอยู่ในห้องอาหาร
   “เพิ่งเห็นเจ้านั่นพูดคำว่าขอโทษนี่แหละ” ราฟาแอลเอ่ยขึ้น เมื่อวานเจ้าตัวแสดงอาการขบขันอย่างออกนอกหน้าเมื่อกลับมาและพบว่ารัสเลอร์แก้มบวมปูดทั้งสองข้าง จนโดนคลาวเดียดุ อย่างไรก็ดีดูเหมือนหนุ่มผมบลอนด์จะไม่แสดงอาการวิตกเกี่ยวกับความรู้สึกของรัสเลอร์ที่มีต่อฟ่งเท่าไหร่นัก เขาคิดว่ามันคงเป็นแค่อาการหลงชั่วครั้งชั่วคราว ซึ่งรูฟัสเองก็หวังให้เป็นแบบนั้น
   “ฉันมีข่าวใหม่มาบอก บางทีแกกับคุณชายเว่ยอาจจะได้เจอกันอีก”
   ประโยคที่ราฟาแอลเอ่ยขึ้นทำให้รูฟัสหันกลับมามองอย่างสนใจ “คุณหมายถึงเฟิงปิงรึ?”
   ผู้ถูกถามพยักหน้าและกล่าวต่อ “หรืออาจจะไม่ใช่ก็ได้ ข่าวบอกมาว่าเว่ยชิงกลับลำตกลงเข้าร่วมประชุมแล้ว แต่ยังไม่รู้ว่าจะส่งใครไปเป็นตัวแทน อาจะเป็นเฟิงปิง หรือจินหยินก็ได้”
   “ผมชอบจินหยินมากกว่า อย่างน้อยเขาก็มีมารยาท” รูฟัสแสดงความเห็นทันที  ราฟาแอลหัวเราะนิดหน่อยแล้วพูดต่อ
   “ความจริงนี่ไม่ใช่ข่าวจากทางตระกูลเว่ยโดยตรงหรอก เรารู้มาว่าริเวิลตอบตกลงเข้าร่วมโปรเจค เลยคิดว่าตระกูลเว่ยน่าจะกลับมาร่วมด้วย รู้ก็รู้อยู่ว่าเว่ยชิงกับริเวิลไม่ถูกกันขนาดไหน”
   “อือ ผมน่ะรู้ซึ้งเลยล่ะ” รูฟัสพูด พลางนึกขนลุกเรื่องที่เขาเกือบถูกริเวิลและตระกูลเว่ยเล่นงานเมื่อครั้งไปช่วยฟ่งที่ฮ่องกง
   “แล้วทางริเวิลส่งใครไปล่ะ?” หนุ่มตาสองสีถามต่อ ราฟาแอลยักไหล่ แล้วยื่นโทรศัพท์มือถือให้เขา
   “ลองอ่านรายละเอียดดู ฉันได้มาตั้งแต่เมื่อวานแล้วล่ะ แต่กลับมาเห็นพวกนายมีเรื่องกันอยู่เลยขึ้นเกียจพูด”
   “อืม” รูฟัสรับโทรศัพท์มือถือมาและเปิดดูข้อความที่ว่า มันเขียนด้วยรหัสลับที่คิดขึ้นภายในองค์กรที่รัสเลอร์ทำงานอยู่ หนุ่มตาสองสีขมวดคิ้วหลายหน ระหว่างอ่าน
   “ตัวเป้งเลยนะเนี่ย เว่ยชิงรู้แล้วรึเปล่าว่าริเวิลส่งพวกนี้ไป โหย...ผมว่านะ เผลอๆ เราจะได้เจอทั้งเฟิงปิงทั้งจินหยินเลยน่ะสิ”
   “แล้วแกคิดว่ามันจะทำให้งานเราง่ายขึ้นหรือยากขึ้นล่ะ” ราฟาแอลถามต่อ เพราะรูฟัสมีประสบการณ์กับทั้งสองกลุ่มมาก่อน จึงน่าจะประเมินสถานการณ์ได้ดีกว่า หนุ่มตาสองสีนิ่งคิดไปพักหนึ่ง
   “ผมว่านะ เว่ยชิงกลับลำเข้าร่วมงานครั้งนี้ คงไม่เพราะอยากได้ของหรอก แต่คงอยากจะกำจัดไฮท์ของริเวิลมากกว่า เพราะฉะนั้นคงส่งมือดีมาเลยล่ะ น่าจะเป็นจินหยิน เขาทำงานเรียบร้อยแถมฉลาดเป็นกรด ที่ผมพูดว่าชอบเขามากกว่าเฟิงปิงน่ะ หมายถึงเรื่องลักษณะภายนอกนะ แต่พูดถึงเรื่องสมองกับฝีมือ เจ้าหมอนี่น่ากลัวสุดๆ เดาไม่ออกเหมือนกันว่าจะมาไม้ไหน ไม่แน่อาจจะวางแผนล่มงานประชุมแบบที่เราคาดไม่ถึงก็ได้”
   ราฟาแอลกะพริบตาปริบๆ แล้วพูดต่อ “เอาล่ะ หวังว่าคุณชายจินหยินอะไรนี่คงไม่ถึงกับวางระเบิดถล่มตึกหรอกนะ เพราะอาจจะทำให้ของที่เราต้องการเสียหาย”
   “โอ๊ย สบายใจเถอะ เขาเป็นจอมวางแผน ไม่ใช่นักทำลายล้างแบบคุณหรอก” รูฟัสได้ทีเหน็บเพื่อนร่วมงาน หนุ่มผมบล็อนด์ถลึงตาใส่ทันที
   “เอาล่ะ เรื่องตระกูลเว่ยกับริเวิลรอข่าวยืนยันอีกทีแล้วกัน ตอนนี้เราสนใจแปลนกันก่อนดีกว่า”
   “อืม” รูฟัสส่งเสียงในคอ และรู้สึกขนลุกเมื่อนึกถึงแบบแปลนที่ว่า
---------------------------------------------------------
   “ผมขอโทษจริงๆ เรื่องเมื่อวานนี้น่ะ” รัสเลอร์พูดขึ้นมา หลังจากที่พยายามเกลี้ยกล่อมจนฟ่งยอมนั่งลงตรงโซฟาข้างๆ เขา ถึงจะรู้สึกว่าห่างไปเสียหน่อย แต่อย่างน้อยฟ่งก็ยอมที่จะนั่งกับเขาล่ะ
   “ผมยอมรับว่าที่ทำลงไปมันเป็นอารมณ์ชั่ววูบ แต่เรื่องที่ผมชอบคุณน่ะเป็นความจริงนะ”
   คิ้วสีน้ำตาลของฟ่งขมวดเข้าหากัน รูปประโยคแบบนี้ดูคุ้นๆ เหมือนเคยได้ยินใครสักคนพูดหลังจากทำเขาโกรธไปแล้ว หนุ่มสวมแว่นถอนหายใจ กับรัสเลอร์เขาคงจะใจอ่อนแบบนั้นไม่ได้เด็ดขาด
   “ผมไม่ได้เป็นเกย์” ฟ่งยังคงยืนกรานปฏิเสธในเรื่องนี้ แม้จะรู้สึกตะหงิดๆ เกี่ยวกับรูฟัสอยู่บ้าง แต่เขามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มีอารมณ์กับผู้ชายทั่วไปแน่นอน แค่เห็นผู้ชายกล้ามล่ำเขาก็ขวัญหนีดีฝ่อแล้ว ได้ยินเสียงรัสเลอร์ครางฮือ
   “เอาเถอะ ผมเชื่อก็ได้ อย่างน้อยผมก็รู้แล้วว่าคุณไม่ใช่คนที่จะขโมยจูบได้ง่ายๆ”
   ฟ่งมองหน้าปูดๆ ของรัสเลอร์ พลางคิดว่าคนคนนี้คงไม่ต้องการคำยืนยันเป็นรอบที่สองรอบที่สามหรอก
   “ถ้าคุณเข้าใจแล้วก็ดี” หนุ่มสวมแว่นว่า และขยับตัวอย่างอึดอัด เขาไม่ชอบเลยที่จะต้องมาคุยกับคนที่เคยทำอะไรกับเขาแบบนั้นแค่สองต่อสอง รูฟัสน่าจะมาอยู่ด้วย
   “ผมรู้ว่าคุณรำคาญ ผมแค่อยากจะบอกว่าผมขอโทษ ผมรับรองว่าจะไม่ทำแบบนั้นอีกแล้ว เพราะงั้น ไม่ต้องเกร็งขนาดนั้นก็ได้”
   ฟ่งแค่นหัวเราะออกมาแทนคำตอบ ทำเอาอีกฝ่ายหน้าเสีย
   “บอกผมสิ ว่าผมต้องทำยังไงคุณถึงจะหายโกรธ? ต้องทำยังไงคุณถึงจะยกโทษให้ ผมเองก็ไม่อยากให้เรื่องมันกลายเป็นแบบนี้หรอกนะ”
   รัสเลอร์พูดอย่างอับจนปัญญา ฟ่งมองเขาด้วยสีหน้าแปลกใจ
   “ไม่อยากให้เรื่องเป็นแบบนี้? ผมเองก็เหมือนกันนั่นแหละ ผมโกรธคุณ โกรธมากด้วย ของแบบนี้ไม่ใช่ว่ามาสั่งแล้วมันจะหายกันง่ายๆ หรอกนะ”
   รัสเลอร์ยกมือขึ้นเกาศีรษะ รู้สึกปวดหัวขึ้นมาถนัด ฟ่งยังไม่หายโกรธจริงๆ ด้วย เพิ่งรู้เหมือนกันว่าฟ่งก็โกรธนานใช่เล่น แถมง้อยากอีกต่างหาก
   “แปลว่าคุณไม่ยอมยกโทษให้ผมสินะ” หนุ่มผมสีน้ำตาลพูดเสียงอ่อย ฟ่งหันมามองเขาอีกครั้ง นิ่งไปพักหนึ่ง
   “เอ่อ... ก็ไม่เชิงอย่างนั้นหรอกนะ” หนุ่มสวมแว่นว่า ความจริงเรื่องที่รัสเลอร์ทำมันก็ไม่น่ายกโทษให้จริงๆ นั่นแหละ แต่จะให้ถือโทษต่อไปก็ยังไงอยู่ ในเมื่อทางนั้นยอมรับผิดขนาดนี้แล้วก็ควรจะยกโทษให้ล่ะนะ
   “คือผมยกโทษให้คุณน่ะได้ แต่จะให้ผมไม่ระแวงคุณเลยมันก็ใช่ที่ ก็คุณเล่นทำแบบนั้นกับผมนี่นา” ฟ่งตอบ รัสเลอร์หัวเราะแหะๆ
   “ขอโทษด้วยแล้วกันนะครับ ผมไม่ได้ตั้งใจจริงๆ “ เขาว่า ฟ่งย่นคิ้ว ทำหน้าบูด สงสัยจะเพราะคำว่าไม่ได้ตั้งใจที่เขาพูดออกไปแน่ๆ รัสเลอร์รีบเปลี่ยนเรื่องทันที
   “งั้นผมขอถามอีกเรื่องนะครับ บอกไว้ก่อนเลยนะว่าผมไม่ได้ถามเพราะมีจุดประสงค์แอบแฝงอะไร คือ ผมจะถามว่า คุณสนใจจะไปทำงานร่วมกับผมรึเปล่า”
   ฟ่งเขม่นมองรัสเลอร์ทันที นี่น่ะรึไม่มีจุดประสงค์แอบแฝง คนถูกมองหัวเราะอีก
   “จริงๆ นะ คือหน่วยงานของผมเป็นหน่วยงานใหญ่ ผมเห็นว่าคุณมีความสามารถพร้อม น่าจะทำงานด้วยกันได้”
   “หน่วยงานคุณทำงานแบบไหนน่ะ?” ฟ่งถามออกมาในที่สุด รัสเลอร์เลยได้ทีรีบอธิบายต่อ
   “ทำหลายด้านครับ มีทั้งด้านความมั่นคง ด้านเศรษฐกิจ เอ่อ.. เข้าประเด็นดีกว่า เราต้องการพวกสถาปนิกเก่งๆ แบบคุณด้วยนะ ผมว่าคุณน่ะเหมาะเลย”
   ฟ่งย่นคิ้วอีกรอบ “ไม่เอาดีกว่า ผมไม่อยากเป็นสายลับ”
   “ไม่ใช่นะครับ” รัสเลอร์รีบพูดแก้ “เราไม่ได้ทำงานแบบนั้น…”
   “แต่รูฟัสเป็นเพื่อนร่วมงานคุณนี่ เขาเป็นสายลับนะ” ฟ่งแย้งทันที รัสเลอร์พยักหน้ายอมรับ และพยายามหาคำอธิบาย
   “คือ เราทำงานกับพวกสายลับเหมือนกัน แต่พวกนั้นทำงานภาคสนาม ส่วนเราทำงานภาคปฏิบัติ เข้าใจนะครับ คุณไม่ต้องออกไปขโมยอะไรหรือคอยวิ่งหลบลูกกระสุนหรอก ก็แค่ทำงานวางแผนในห้องแล็บแค่นั้นเอง”
   ฟ่งมองหน้ารัสเลอร์อย่างไม่เชื่อถือสุดๆ
   “เชื่อผมเถอะนะครับ” รัสเลอร์พูดต่อ ฟ่งเริ่มรู้สึกว่าหมอนี่พูดคล้ายรูฟัสเข้าไปทุกที ไม่เอาล่ะ แค่รูฟัสคนเดียวเขาก็ปวดหัวแทบตายแล้ว คนพวกนี้เชื่อถือได้ตรงไหนกัน
   “ไม่เอาหรอก ผมไม่อยากเป็นจารชนข้ามชาติ” ฟ่งว่า ได้ยินเสียงรัสเลอร์ครางฮืออีกรอบ
   “แล้วที่ว่าจะอยู่กับรูฟัสล่ะ?”
   ฟ่งหันมามองหน้ารัสเลอร์อย่างงงๆ “อือ ทำไมหรือ?”
   “คุณอยู่กับเขาก็เหมือนมาทำงานพวกนี้แล้วล่ะ” รัสเลอร์ตอบ ฟ่งมุ่นคิ้วเข้าหากัน
   “ผมไม่ทำงานพวกนี้หรอก เราคุยกันแล้ว ผมอยากให้เขาหันกลับมาใช้ชีวิตแบบคนธรรมดาทั่วไป”
   หนุ่มผมสีน้ำตาลเข้มหัวเราะขึ้นทันที จนคนพูดต้องหันไปมองอย่างเคืองๆ
   “ขอโทษทีนะ คือมันอดขำไม่ได้ คุณไม่รู้จริงๆ หรือว่างานที่รูฟัสทำนะ ไม่ได้เลิกกันได้ง่ายๆ หรอกนะ”
   “ทำไมล่ะ?” ฟ่งถามอย่างสงสัย รัสเลอร์จึงอธิบายต่อ “คุณไม่รู้หรือครับ ว่ารูฟัสมีศัตรูมาก ที่คุณถูกจับไปฮ่องกงก็เพราะเขาไม่ใช่หรือไง? คุณคิดว่าถ้าเขาเลิกทำอาชีพนี้ คนที่เคยถูกล้วงความลับจะไม่ควานหาตัวเขางั้นหรือ? แล้วคนที่คิดว่าเขารู้ความลับของฝ่ายตรงข้าม จะไม่อยากได้ตัวเขาหรือ? คุณคิดว่าคุณจะทนใช้ชีวิตกับคนที่ถูกตามล่าตัวแบบนี้ได้หรือไง?”
   ฟ่งนิ่งอึ้งไปพักหนึ่ง ถูกของรัสเลอร์ ถึงเขาจะไม่รู้ว่ารูฟัสมีศัตรูเยอะขนาดไหน แต่เรื่องที่ฮ่องกงก็พอจะยืนยันได้ว่าชีวิตเขาหลังจากนี้อาจจะไม่ปลอดภัย ถึงอย่างนั้น...
   “ผมรู้” ฟ่งกล่าวและขบริมฝีปาก “แต่ผมอยากอยู่กับเขา”
   คราวนี้รัสเลอร์อึ้งไปบ้าง นี่ถ้าไม่ติดว่าฟ่งเกือบจะซ้อมเขาไปแล้วหนหนึ่ง แถมเขาเองก็เพิ่งจะขอโทษมาหมาดๆ เขาคงจับฟ่งจูบอีกหนไปแล้วล่ะ คนอะไร เขินได้น่ารักเป็นบ้า ไม่รู้โชคดีหรือไม่ดีกันแน่ที่รูฟัสไม่ได้มาเห็นตอนนี้
   “งั้นไม่สนใจจะมาทำงานกับผมรึครับ ไม่ต้องลงสนามแบบพวกรูฟัส แต่ก็ช่วยเขาได้นะ”
   รัสเลอร์พยายามหลอกล่อ ฟ่งมองผู้ชายตรงหน้า แล้วขมวดคิ้วอีก
   “ไม่เอา ยังไงผมก็จะให้รูฟัสเลิกให้ได้ ซ่อนตัวเงียบๆ คงไม่มีใครหาเจอหรอก”
   รัสเลอร์อดยิ้มออกมาไม่ได้กับความคิดของฟ่ง
   “เอาเถอะๆ ไว้คุณเปลี่ยนใจอยากใช้ชีวิตโลดโผนเมื่อไหร่ อย่าลืมมาสมัครงานกับผมนะ”
   ฟ่งหน้านิ่วทันที “ผมคงต้องคิดหนักเลยล่ะ” เขาว่า ก่อนจะลุกขึ้น
   “ถ้าไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ผมไปนะ”
   “ดะ...เดี๋ยวสิครับ” รัสเลอร์พูด และรีบคว้ามือของฟ่งเอาไว้ หนุ่มสวมแว่นหันมาจ้องเขาเขม็ง จนคนจับต้องรีบคลายมือออก
   “คือ.. ผมแค่จะบอกว่า แว่นคุณเบี้ยวนะ”
   ฟ่งยกมือขึ้นจับแว่น ขมวดคิ้วมองคนตรงหน้า แล้วหันหลังกลับ เดินงุดๆ ออกไป รัสเลอร์ยกมือขึ้นเกาศีรษะอย่างอับจนปัญญา ก่อนจะเดินตามออกไป
-------------------------------------------

pattybluet

  • บุคคลทั่วไป
สมกับเป็นผู้นำของตระกูลจริงๆ หลอกใช้ความรู้สึกของคนเป็นเครื่องมือ :เฮ้อ:
แต่ชักจะสนใจพี่ชายคนโตของตระกูลซะแล้วซิ o18
งานประชุมที่เมืองไทย สงสัยจะเป็นที่รวมบุคคลอันตรายเอาไว้ด้วยกันแน่ๆ  o13

ออฟไลน์ silverspoon

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2426
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +275/-12
ความรักทำให้คนมีจุดอ่อนสินะ

ทั้งเฟิงปิง และรูฟัสเลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

จะรีบลงไปไหนคะคุณน้องขา  เจ้วิ่งตามอ่านไม่ทันแล้ว


ออฟไลน์ NY_JK

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 639
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
แปะไว้ก่อนได้ไหม เยอะเกิน อ่านยังไม่หมดเลย

butterfly_bee

  • บุคคลทั่วไป
อ่านแล้วสงสารเว่ยเฟิงปิงกับซื่อเยี่ยน
โดนเอาความรักมาใช้เป็นเครื่องมือ  :z3:

ออฟไลน์ litlittledragon

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1938
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +304/-1
ในเรื่องนี้คนที่คิดการณ์ไกลที่สุดคงเป็นเว่ยชิง แต่เล่นกับความรู้สึกของคนไม่ง่ายนักหรอก
อาจมีอะไรผิดแผนได้ง่ายๆ ซื่อเยียนสุดท้ายอาจจะซื่อสัตย์กับเว่ยเฟิงปิงมากกว่าก็ได้ ที่คิดว่าเป็น
โซ่ล่ามไว้ อาจหลุดไปทั้งยวงก็ได้ จะรอดู

ส่วนทวีศักด์นี่ ไม่รู้หรือไงว่าเว่ยกับริเวิลไม่ถูกกัน ชักศึกเข้าบ้านชัดๆ

แล้วสุดท้ายฟ่งจะส่งใบสมัครงานหรือเปล่า หรือรูฟัสจะช่วยส่งใบสมัครให้แทน

JipPy

  • บุคคลทั่วไป
โอ๋ววววว



อ่านจบตอนนี้



ก็อยากให้มาต่อทันทีเลย

ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
ยังเหลืออีกขั้วนึงที่ยังไม่เปิดตัวเป็นที่ชัดเจน ก็คือ ริเวิล
รูฟัสต้องไปปฏิบัติภารกิจนี้ แล้วฟ่งล่ะ จะอยู่กับใคร

ออฟไลน์ melody.19

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 52
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
เพิ่งเข้ามาอ่านคะ ชอบมากค่ะ ตอนแรกเห็นชื่อเรื่องน่าจะรักใสๆ แต่อ่านแล้วให้หลายอารมณ์มาก ตอนนี้อ่านถึงอาซื่อเข้าโรงพยาบาล อ่า  ชอบความรักของอาซื่อที่มีต่อเฟิ่งปิงจังคะ >< แล้วก็ชอบยาวๆแบบนี้ชอบมากๆด้วย จะเม้นบ่อยๆนะคะ ขอบคุณมากๆด้วยคะ

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
สนุกมากกกกกกกก  อ่านกันตาแห้งเลยทีเดียว
มายาวๆ แบบสะใจ แล้วก็เม้มไม่ถูก หลายตอนหลายอารมณ์มากค่ะ
ขอบคุณนะคะ  :L2:

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
ยังม่ะมาอีกหย๋อ พึ่งเห็นว่าคนเขียนเป็นคนเดียวกันกับเรื่อง รักข้ามรุ่น น้องนพ-พี่ไพ
สนุกทุกเรื่องเลยค่ะ  o13


ออฟไลน์ iforgive

  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6805
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +844/-80
เมื่อไหร่จะมาต่อ   :monkeysad:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด