[Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " รักแบบเป้ (ป.ปลาคนสุดท้อง)(จบ) " 16/10/54 P.3-P.4  (อ่าน 61838 ครั้ง)

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
Re: [Short Story] by JUPJIB <V.2> " โอ้ใจเอย " 01/06/54
«ตอบ #30 เมื่อ02-06-2011 03:46:12 »

ผมเดินเข้าไปที่สวน ตรงไปยังที่ประจำที่ผมมักจะมานั่งเล่นกับโชยะ ผมคิด คิด และคิด สี่ชั่วโมงที่ผ่านมาทำให้ผมใจเย็นลงได้บ้างแล้ว แต่จะได้พูดกันหรือไม่ก็อยู่ที่ว่าโชยะยังคงอยู่หรือไม่ มองหาไปทั่วสวน แต่ไม่มีแม้แต่เงาของโชยะ ก็แน่ล่ะ ตั้ง 4 ชั่วโมง ใครจะมาอยู่รอ....

"ไคล์"

เสียงเรียกชื่ออันคุ้นเคยดังขึ้นเบื้องหลังผม

"ยังอยู่อีกเหรอ"

ผมถามห้วนๆราวกับไม่ได้หวั่นไหวอะไรกับการปรากฏตัวของโชยะ ทั้งๆที่ความจริง ไม่ใช่เลย

"ฉันบอกเสมอไม่ใช่เหรอว่า รอไคล์น่ะ นานแค่ไหนก็รอได้"

ผมหลับตาลง สูดหายใจเข้าลึกๆเพื่อรวบรวมความเข้มแข็งไว้

"มีอะไรก็พูดมาสิ"

จะได้จบๆกันไปเสียที ผมพูดในใจ

"ขอโทษนะไคล์"

โชยะพูดเบาๆ

"ขอโทษเรื่องอะไรล่ะ เรื่องที่โกหกว่าไม่มีโทรศัพท์ เรื่องที่โกหกว่าชื่อโชยะ เรื่องที่โกหกว่าเมื่ออาทิตย์ก่อนเป็นวันเกิด เรื่องที่เรียกชื่อสลับกับคนอื่น เรื่องที่หลอกลวงกันไม่เคยจริงใจด้วย หรือว่าเรื่องที่มาขอเลิกวันนี้?"

ผมสูดหายใจเข้าและเริ่มพูดต่อ

"แค่ ‘ขอโทษ’ คำเดียวมันไม่ง่ายไปหน่อยเหรอ แต่เอาเถอะ ไม่ว่าเรื่องอะไรฉันก็อโหสิให้แล้วกัน จากนี้ช่วยหายไปจากชีวิตฉันเลยก็พอ"

ผมพูดจบก็หันหลังกลับทันที เป็นอย่างนี้แหละดีแล้ว แต่ก่อนที่ผมจะได้ออกเดินกลับมีวงแขนแข็งแรงมาโอบรอบตัวผมไว้แน่น

"ปล่อย ทำอะไรของนายน่ะ"

ผมพยายามแกะมือโชยะออก ก็อย่างที่บอกไงครับ โชยะไม่เคยกอดผม แล้ววันนี้มันบ้าอะไรกันเนี่ย

"ฉันขอโทษ เรื่องที่เคยโกหกทั้งหมด เรื่องที่เรียกชื่อผิดไป แต่ฉันไม่ยอมเลิกกับไคล์หรอกนะ ไม่มีทาง"

โชยะเอาคางมาเกยบนหัวผมแล้วพูดต่อ

"แค่ ‘ขอโทษ’ มันฟังดูง่ายอย่างที่ไคล์ว่าจริงๆ แต่ต่อไปฉันจะพยายามทำตัวดีๆชดใช้ความผิดนะ"

ผมพยายามดิ้นให้หลุด แต่โชยะยิ่งเพิ่มแรงกอดเอาไว้

"ปล่อยนะ จะมาหลอกอะไรกันอีก"

"ไม่หลอกแล้ว จากนี้จะไม่โกหกไคล์แล้วล่ะ"

ผมหยุดดิ้นเมื่อรู้สึกเหนื่อย โชยะก็ปล่อยผม แล้วจับผมให้หันไปเผชิญหน้าด้วย

"ขอโทษที่ทำให้ร้องไห้"

โชยะว่าแล้วกอดผมไว้อีกครั้ง ผมไม่รู้ตัวสักนิดว่าน้ำตาไหลออกมา จนเมื่อโชยะพูดแล้วเสื้อตรงอกของโชยะเปียกผมถึงได้รู้ว่ามันเปียกเพราะน้ำตาของผมเอง ผมไม่อยากยกโทษให้โชยะ ไม่อาจจะรู้สึกเชื่อใจโชยะได้อีก แต่ผมก็ไม่สามารถหนีออกไปจากอ้อมกอดนี้ได้เช่นกัน
ผมร้องไห้อยู่นาน และโชยะก็กอดผมอยู่อย่างนั้น

"นี่โทรศัพท์ของฉัน"

โชยะพาผมมานั่งเมื่อผมเริ่มสงบลงแล้ว และยื่นโทรศัพท์มือถือให้ผม

"แลกกัน"

เขาว่า แต่ผมก็ยังนิ่ง ที่เขาไม่ให้เบอร์ผมตอนนั้นเพราะแลกกับคนอื่นแบบนี้รึเปล่านะ

"ฉันไม่เคยทำแบบนี้กับใครหรอก เพื่อนฉันบอกว่าทำแบบนี้แล้วไคล์อาจจะเชื่อใจฉันมากขึ้น ฉันอยากให้ไคล์รู้ว่าฉันจริงใจ"

"งั้นทำไมต้องโกหก"

ผมถามสวนออกไปทันที โชยะถอนหายใจออกมา

"ฉันยอมรับว่าเห็นครั้งแรกแค่นึกสนุก...แต่พอมาคบกับไคล์แล้วถึงได้รู้ว่าไคล์ไม่เหมือนอย่างที่คิดไว้สักนิด"

ผมขยับตัวกับคำพูดที่ผมไม่ค่อยชอบนัก

"ในทางที่ดีนะไคล์"

โชยะรีบแทรกขึ้นมา

"วันแรกที่พบกันเป็นวันเกิดฉัน เป็นวันที่พ่อแม่หย่ากันอย่างถูกต้องตามกฏหมาย เลือกวันดีไหมล่ะ...แล้วคนที่ฉันคบด้วยก็กำลังนอกใจฉัน เรื่องพวกนี้ไม่ทำให้ฉันเสียใจหรอกนะ แต่มันทำให้รู้สึกแย่และรู้สึกว่าไว้ใจใครไม่ได้ ไม่อยากผูกพันกับใคร...แต่พอฉันโทรไปหาไคล์ครั้งแรก ฉันพอจะเดาได้ว่าไคล์พูดไม่เก่ง แต่ฉันก็คิดว่าไคล์ตั้งใจฟังฉันอย่างจริงจัง แต่เพราะคุยทางโทรศัพท์ฉันเลยไม่แน่ใจ จากนั้นฉันเลยนัดเจอไคล์ และฉันก็รู้ว่าฉันคิดถูก...ไคล์สนใจฟังฉันเสมอ ทั้งๆที่ความจริงไคล์ไม่ต้องทำแบบนั้นก็ได้...ฉันรู้สึกว่าได้รับการใส่ใจ...รู้สึกดีที่ได้อยู่ใกล้ๆไคล์ ฉันเลยขอคบกับไคล์ ที่ไคล์ตกลง ฉันดีใจมาก ถึงจะกังวลเรื่องที่โกหกไคล์...แต่...ฉันคิดเอาเองว่าเป็นแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว เราดูมีความสุขกันทั้งคู่...จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วฉันพอเดาได้ว่าไคล์กำลังไม่ค่อยมีเงินใช้ ฉันอยากกินข้าวด้วยแต่ไม่อยากให้ไคล์ต้องจ่ายเลยโกหกไป แต่ไคล์กลับซื้อของให้ฉัน ซื้อเค้กให้ฉัน ฉันรู้ว่าไคล์ไม่ค่อยมีเงิน แต่ไคล์ก็ยังให้ความสำคัญกับฉัน แล้วฉันล่ะ ฉันเอาแต่โกหกเท่านั้นเอง ตอนนั้นฉันรู้สึกผิดมาก"

เพราะงั้นเขาถึงได้เงียบไปเหรอ ไม่ใช่เพราะผมทำอะไรผิด หรือเพราะเขาเบื่อผมหรอกเหรอ

"ตอนที่เรียกชื่อผิด ฉันกำลังคิดว่าอยากจะบอกความจริงกับไคล์ แต่จะบอกยังไงดี แล้วจะบอกเรื่องอากิดีไหม ปากเจ้ากรรมมันดันเอ่ยชื่ออกมาเสียนี่"

ผมพยักหน้ารับ โชยะเลื่อนมือมากุมมือผมไว้

"ฉันน่ะเลิกกับอากิไปตั้งแต่วันที่เจอไคล์แล้ว แต่ดูเหมือนอากิจะไม่รู้ตัวว่าโดนบอกเลิก คิดว่าฉันแค่โกรธเท่านั้น ความจริงฉันเองก็ไม่ได้มีแค่อากิคนเดียวเท่านั้นหรอกนะ"

ผมก็พอจะเข้าใจอยู่หรอก ว่าโชยะน่ะชอบพูดอะไรอ้อมๆ

"อาทิตย์นี้ฉันตระเวนบอกเลิกทุกคน พูดอย่างที่ไม่เคยพูดมาก่อน รวมทั้งอากิด้วย"

แต่ดูเหมือนอีกฝ่ายจะไม่เข้าใจงั้นสิ

"วันนี้ฉันคิดไว้อยู่แล้วว่าอากิต้องมา แต่การมาของไคล์เนี่ย ไม่ได้คิดไว้เลย"

"แถมยังไปเห็นนายทำอะไรกับอากิของนายด้วย"

"ไม่ใช่เห็นฉันทำ ต้องบอกว่าเห็นอากิทำต่างหาก แล้วอากิก็ไม่ใช่ของฉัน ไคล์ต่างหากที่เป็นของฉัน"

ผมทำหน้ามุ่ยไม่พอใจ

"แต่นายไม่ได้ว่าอะไรนี่"

"ฉันกำลังตกใจที่เขาทำอะไรกลางที่สาธารณะอย่างนั้น แถมเพื่อนฉันก็ยืนอยู่ พอรู้สึกตัวกำลังจะต่อว่าเขา ไคล์ก็มายืนอยู่ตรงหน้าแล้ว"

ผมพยักหน้ารับ

"ตอนนี้ฉันเลิกกับอากิ ไม่มีใครอีกแล้ว มีแต่ไคล์ ฉันรักไคล์นะ"

ผมงงกับการบอกรักแบบไม่ทันให้ตั้งตัวของโชยะ

"ฉันคิดว่าถ้าเคลียร์ตัวเองได้หมดแล้วจะมาหาไคล์ แต่ไคล์ก็ไปหาฉันเสียก่อน"

ผมผิดงั้นสิ

"ฉันรักไคล์นะ"

โชยะย้ำอีกรอบ ผมกำลังจะใจอ่อน ผมอยากจะโกรธเขาให้มากกว่านี้จัง แต่ผมเองก็คิดแบบเดียวกัน ผมเองก็คิดว่าทุกสิ่งดีอยู่แล้ว

"รักฉันจริงๆเหรอ"

"อืม"

"ไม่โกหกอีกนะ"

"สัญญา"

"ถ้ามีคราวหน้าฉันอาละวาดแน่"

"ได้อยู่แล้ว"

โชยะพูดจบก็โน้มตัวแนบริมฝีปากลงมา คราวนี้โชยะรุกอย่างช้าๆ อ่อนหวาน แต่ก็ยังไม่วายบังคับนิดๆให้ผมเผยอปากรับ ยอมให้โชยะได้ส่งลิ้นร้อนๆเข้ามาสำรวจและตักตวงความหอมหวานได้เต็มที่...

"อืม"

 เสียงครางเบา ๆลอดออกมาจากลำคอโดยที่ผมไม่รู้ตัว โชยะถอนริมฝีปากออกให้ผมได้พักหายใจแล้วยิ้มใส่ตาผมก่อนจะแนบริมฝีปากลงมาอีก ความอ่อนหวานที่ได้รับ ทำเอาผมเคลิ้มจนคิดอะไรไม่ออก ถึงจะรู้สึกวาบหวามและรับสัมผัสเย็นๆบนผิวหนังใต้เสื้อที่ใส่ ก็ไม่ได้รู้เลยว่าโชยะสอดมือเข้าไปลูบไล้ผิวจนถ้วนทั่ว จนเมื่อมือของโชยะสัมผัสเข้ากับยอดอกและหยุดหยอกล้ออยู่ตรงนั้น

"อือ..."

โชยะถอนริมฝีปากออกและเคลื่อนลงมาขบเม้มที่ซอกคอ

"พะ...พอเถอะ"

ผมพูดอย่างยากลำบาก

"นี่มันข้างนอกนะ"

ผมพูดเบาๆ โชยะยอมถอยแต่โดยดีแต่ยังไม่วายทำหน้าเสียดาย ผมรวบรวมสติที่หายไปให้กลับคืนมา และจัดเสื้อผ้าให้เข้าที่เข้าทาง แล้วลุกขึ้นยืน

"กลับกันเถอะ"

ผมพูดแล้วโชยะก็ลุกขึ้นบ้าง ผมเพิ่งนึกได้ว่าโชยะจูบผมเมื่อเย็นนี้ บังคับจูบด้วย

"ก็ไคล์ถอดสร้อยทำไมล่ะ"

โชยะพูดง่ายๆเมื่อผมถาม

"ฉันซื้อให้ไคล์ ไคล์ซื้อให้ฉัน ถือว่าเป็นของหมั้น หมั้นไว้ก่อน"

โชยะพูดยิ้มๆ

"ห้ามทิ้งอีกล่ะ"

เขาว่าแล้วเอาข้อมือที่ใส่สร้อยที่ผมซื้อให้มาชนกับมือผม สร้อยกลับมาอยู่บนแขนผมตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้

"ไคล์ไม่ถามเรื่องอื่นๆของฉันเหรอ ชื่อก็ไม่ถาม"

โชยะพูดขึ้นมา

"ช่างเถอะ เราค่อยๆทำความรู้จักกันไปก็ได้ วันเดียวเราคงรู้จักกันได้ไม่หมดหรอก"

ผมพูดแล้วยิ้มให้โชยะ โชยะหอมแก้มผมก่อนจะออกเดินโดยที่จูงมือผมไปด้วย คนอื่นจะมองยังไงไม่รู้ที่ผู้ชายสองคนเดินจูงมือกัน แต่ดูโชยะจะไม่สนใจสักนิด แล้วผมจะสนทำไม ผมกระชับมือโชยะแน่นขึ้น คอยดูนะผมจะไม่ปล่อยมือคู่นี้ไปตลอดชีวิตเลย เตรียมใจไว้เถอะโชยะ


END

แถม...

ขณะนั้นเองในความคิดของโชยะ (กลับถึงบ้านเมื่อไหร่อย่าหวังว่าจะปล่อยง่ายๆแบบเมื่อกี้นะ จะกอดให้คุ้มกับที่อดทนมานานเลยล่ะ รวมที่ให้นั่งคอยตั้ง 4 ชั่วโมงวันนี้ด้วย)
แล้วใครต้องเตรียมใจกันแน่ล่ะเนี่ย

Muzik

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจังเลย แต่ก็อยากให้เป็นเรื่องยาวนะคะ

ออฟไลน์ •ผั๑`|nกุ้va’ด•

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1279
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +111/-69
><,,, เรื่องก็น่ารักอีกแร้ว

ออฟไลน์ fuku

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4479
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +462/-20
โชยะหื่น



ไคล์น่ารักน่าสงสารดีแฮะ

ออฟไลน์ หมวยลำเค็ญ

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 863
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +137/-1
แอบหดหู่เน๊อะ แฮปปี้แอนดิ้งแล้วจริงๆนะ  :เฮ้อ:

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อ่านแล้วมาม่าแบบเบาๆกำลังดี จบแบบที่ชอบ มาต่อเรื่องอื่นๆอีกนะคะ

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
น่ารักอีกแล้ว เรื่องนี้
อยากอ่านอีกจังเลย :haun4:

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
 :-[

น่ารักๆๆปนมาม่าเล็กๆ

lasom

  • บุคคลทั่วไป
เขิลอ่ะ :-[

ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
นึกว่าจะเศร้าซะแล้ว

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






bow55

  • บุคคลทั่วไป
แต่ละเรื่องสนุกมากค่ะ

ชอบอ่ะ มาอีกเยอะๆนะ อิอิ

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
**ถ้าจิ๊บสะกดผิดหรือใครอ่านแล้วภาษาตรงไหนมันดูขัดๆหรือไม่รู้เรื่องก็โพสบอกหน่อยนะคะ ขอบคุณค่ะ**

ขอบคุณพี่หยีที่ตรวจเบื้องต้นให้ค่ะ อิอิ

ผิลพลาดตรงไหนขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยค่ะ




Title : เรื่องสั้น(ไม่)ขยันเขียน:TEARS's Dairy

Chapter : ตอนเดียวจบ




ผมเคยบอกว่าพี่ชายของผมโง่ แต่ความจริง คนที่โง่คงเป็นผมเอง

โง่ที่รักคนที่เขาไม่ได้รักผม

โง่ที่รักคนที่เขามีคนที่รักอยู่แล้ว

โง่ที่ยอมเจ็บไม่ยอมตัดใจ

ที่ผมยอมโง่ทุกวันนี้ หลายๆคนอาจจะไม่เข้าใจ แต่ผมรักของผมมากจริงๆ รักมากจนยอมโง่ ยอมตาบอด เรื่องของผมจะจบลงยังไง ไม่บอกผมก็รู้ ในที่สุดเราคงต้องเลิกกัน ไม่ว่าจะเพราะผมหรือเพราะเขา เรื่องของเราต้องจบลงแบบนั้นแน่นอน ก็มันไม่ได้มีอนาคตตั้งแต่แรกแล้วนี่ความสัมพันธ์แบบนี้

ทั้งๆที่รู้ตอนจบ ที่ไม่ว่ายังไงผมก็ต้องเจ็บ แต่ผมก็ยังเดินเข้าไปหามัน ไม่รู้สิ นอกจากผมจะโง่แล้วยังบ้าด้วยมั้ง

...........................................


เธียร์นั่งชันเข่าแล้วหันมาพิจารณาร่างของคนที่นอนอยู่ข้างๆ ร่างกำยำที่บัดนี้เปลือยเปล่ามีเพียงผ้าห่มที่ปกปิดขึ้นมาจนถึงช่วงเอว เจ้าของร่างนอนหายใจด้วยจังหวะสม่ำเสมออันเป็นการบอกว่าไปเข้าสู่ห้วงนิทราไปแล้ว

วายะ เป็นเพื่อนสนิทกับเขามาตั้งแต่เขาเริ่มเข้าเรียนที่โรงเรียนมัธยม นี่ก็เข้าปีที่หกแล้วที่สนิทกันมา

ร่างบางไล้มือไปตามใบหน้าของเพื่อนที่นอนอยู่ วายะหน้าตาดี หุ่นก็ดี และคุยได้กับทุกคน ก็เลยออกจะดัง มีสาวๆมารุมชอบเยอะ จะว่าไปไม่ใช่แค่สาวๆหรอก ผู้ชายเองก็ด้วย คิดมาถึงตรงนี้เธียร์ก็ยิ้มและหัวเราะขื่นๆให้กับตัวเองเบาๆ

ใช่สิ และผู้ชายที่ว่านั่นน่ะก็รวมเขาเข้าไปด้วยอีกคน เธียร์ขยับตัว เมื่อเริ่มรู้สึกว่าน้ำตากำลังจะไหล ร่างข้างๆขยับอย่างงัวเงียเหมือนรู้สึกถึงการเคลื่อนไหวใกล้ๆตัว

วายะปรือตาขึ้นมามองร่างที่นั่งอยู่ข้างๆด้วยท่าทางแปลกใจ แต่เพราะว่าง่วงนอนมากกว่า จึงไม่ได้ถามอะไร วายะจึงดึงตัวคนที่นั่งอยู่ให้ล้มตัวลงมานอน ดึงกระชับเข้ามาในอ้อมกอดตน

“นอนได้แล้วน่า”

ว่าแล้วก็หลับตาลงอีกครั้ง กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นอีกนิด แล้วไม่นานเขาก็หลับไปอีกครั้ง วายะหลับไปโดยไม่รู้เลยว่า คนในอ้อมกอดสะอื้นเบาๆกับความใส่ใจ ความอบอุ่นที่ได้รับ
ร้องไห้เบาๆ จนหลับไปในที่สุด

...........................................

“ฉันชอบไคล์ล่ะ”

อยู่ๆวายะก็พูดขึ้นมาในขณะที่นั่งเรียนหนังสืออยู่ เธียร์หันไปมองเพื่อนอย่างไม่เชื่อสายตา

ชอบไคล์เนี่ยนะ

เธียร์งงกับสิ่งที่ได้ยิน วายะกับไคล์รู้จักกันมาตั้งแต่ที่วายะรู้จักเธียร์นั่นล่ะ แต่ว่าไคล์ที่ไม่ค่อยสุงสิงกับเพื่อนไม่ได้สนิทกับวายะอย่างที่เธียร์สนิทด้วย ไคล์รับรู้ว่าวายะเป็นเพื่อนสนิทของเธียร์ก็เท่านั้น รู้จักกันมาตั้งนานแล้ววันนี้วายะเกิดบ้าอะไรขึ้นมาถึงได้มาบอกว่าชอบพี่ชายฝาแฝดของเขากันล่ะ

“ฉันเพิ่งรู้สึกตัวเมื่อไม่นานมานี้เอง เลยคิดว่ายังไงก็ต้องบอกนาย นายช่วยเชียร์ชั้นด้วยนะ”

วายะพูดเขินๆพลางตบไหลเธียร์เบาๆ เธียร์มองท่าทางของเพื่อนแล้วรู้สึกได้ว่า ไม่ได้พูดเล่น เลยได้แต่นั่งอึ้ง วายะชอบไคล์เหรอ จริงเหรอ

“ทำไมเงียบไปล่ะ รับไม่ได้เหรอ”

วายะพูดด้วยน้ำเสียงที่เข้มขึ้นตามนิสัย เพราะเริ่มรู้สึกไม่ไว้วางใจ

เธียร์หัวเราะเบาๆ

“จะบ้าเหรอ”

แทนคำตอบที่ว่ารับได้ แล้วก็หัวเราะเบาๆอีกทีโดยที่ไม่ได้หันไปมองหน้าเพื่อนอีก เธียร์ไม่กล้าสบตาวายะตอนนี้ กลัวว่าคนข้างๆจะรู้ถึงความอ่อนไหวของตน

“อย่าหัวเราะสิ คนยิ่งเขินๆ”

วายะบ่นอุบอิบ แต่น้ำเสียงสดชื่นขึ้นเมื่อรู้ว่าเธียร์ไม่ได้ว่าอะไร แล้วหันไปสนใจอาจรย์ต่อ

นั่นสินะ ไคล์น่ะถึงจะบอกว่าไม่ค่อยสุงสิงกับใครแต่ก็มีคนชอบเยอะ ทั้งชายหญิง ต่างจากเธียร์ที่ผู้ชายก็คิดว่าเป็นเพื่อน ผู้หญิงก็คิดว่าเป็นเพื่อน (เชิงของเล่น)

ไคล์มีแฟนมาแล้วหลายคน ถึงจะไม่เห็นคบใครนานสักที แต่ก็ยังได้ชื่อว่ามี ต่างจากเขาที่ไม่เคยมีแฟนแม้แต่คนเดียว ก็แน่ล่ะ มัวแต่เอาเวลามาติดอยู่กับวายะ จะมีใครที่ไหนสนใจ แล้วก็คงเป็นเพราะเขาไม่มีเสน่ห์เองด้วยมั้ง วายะเองก็ติดอยู่กับเธียร์อย่างที่เพื่อนสนิทเขาอยู่ด้วยกัน ก็เห็นมีแฟนไม่ขาดสาย แต่วายะจะมีแฟนกี่คนก็ยังทำปกติกับเขา ไม่เคยห่างไป

“เฮ้อ...”

เธียร์ถอนหายใจเบาๆ เขาจะทำยังไงดี เขาอยากให้พี่คบกับวายะอยู่หรอกนะ เพราะวายะเองก็เป็นคนดี แต่เขาจะสามารถเชียร์วายะให้พี่ได้เหรอ ถ้าสองคนคบกันเขาจะสามารถยินดีได้เหรอ เขาจะทำได้จริงหรือในเมื่อ เขารักวายะ รักมาตลอดตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ แล้วต้องทำยังไงดีล่ะ

...............................................................................


“เธียร์...”

เสียงวายะที่ขึ้นต้นด้วยประโยคออดอ้อน

“ได้ข่าวว่าไคล์เลิกกับแฟนแล้วเหรอ”

คนตัวโตกว่าทำท่ากระแซะๆเข้ามา เธียร์ก็อดที่จะขำไม่ได้ที่เห็นท่าทางอย่างนั้น

“ช่วยถามให้หน่อยสิ”

เธียร์มองหน้าเพื่อนแล้วถอนหายใจ

“เรื่องแบบนี้ต้องถามเองนะ ไม่งั้นก็ไม่มีความหมายหรอก”

“น่านะ ไม่ได้ให้สารภาพหรอกนะ แค่เกริ่นๆเรื่องของฉันก็พอ นะนะ นะนะเธียร์นะ”

ใครมาเห็นวายะตอนนี้คงจะขำมากกว่าเอ็นดู คนตัวสูงๆหน้าเข้มๆมาทำท่าอ้อนแบบเด็กๆแบบนี้

“อือ จะลองพูดให้นิดนึงแล้วกัน”

ในที่สุดเธียร์ก็ทนลูกอ้อนไม่ไหว ต้องรับคำในที่สุด แล้วเย็นนั้นก็เหมือนปกติ เธียร์เดินตามไคล์กลับบ้าน กำลังคิดรวบรวมประโยคจะบอกเรื่องวายะ เอานะ เขาต้องพยายาม ถึงเขาจะเจ็บ แต่มันอาจจะเป็นความสุขของคนที่เขารักทั้งสองคนก็ได้

“ไคล์...”

“เธียร์...”

ทั้งสองคนพูดขึ้นมาพร้อมกัน ต่างฝ่ายต่างเงียบให้อีกฝ่ายพูดก่อน แต่ก็ไม่มีใครพูด ในที่สุด ไคล์ก็เป็นฝ่ายพูดขึ้นมาก่อน

“ฉันมีแฟนใหม่แล้วนะ”

ไคล์พูดด้วยสีหน้ายิ้มๆ เธียร์มองหน้าพี่ชายที่พูดไปยิ้มไปแถมเขินนิดๆด้วยความประหลาดใจ ใช่ว่าไคล์ไม่เคยมีแฟน แต่ว่าไม่มีคนไหนที่ไคล์บอกเขาแบบนี้ ส่วนใหญ่เขาจะรู้เอาเองทั้งนั้น ยังไม่พอ ยังท่าทางของไคล์อีก เธียร์ชักอยากรู้ซะแล้วสิว่าผู้หญิงที่ไหนนะที่ทำให้ไคล์เป็นได้ถึงขนาดนี้

“ชื่อ โชยะล่ะ”

ไคล์พูด เธียร์ได้แต่อึ้งๆ ผู้หญิงอะไรชื่อโชยะ รึว่า อย่าบอกนะว่า

“เป็นผู้ชาย”

เธียร์ได้แต่อึ้งไป แฟนไคล์เป็นผู้ชายเหรอ

“แล้วเมื่อกี้เธียร์จะพูดอะไรเหรอ”

“เปล่านี่ ไม่มีอะไร”

เธียร์คิดว่าในเมื่อพี่ชายเขายังไม่ว่าง แถมดูท่าของไคล์ก็แปลกๆ เลยไม่พูดเรื่องของวายะก่อนดีกว่า ถึงจะดูเห็นแก่ตัวไปหน่อยก็เถอะ ที่เก็บเรื่องนี้ไว้

.......................................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2011 20:37:46 โดย JUPJIB »

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
“คือว่า ไคล์เขามีแฟนใหม่แล้วน่ะ”

เธียร์บอกเพื่อนที่รอฟังผลอย่างใจจดใจจ่อ ด้วยความรู้สึกผิด

“ฉันเลยไม่ได้บอกไคล์น่ะ นายคงไม่ว่าใช่ไหมวายะ”

วายะพยักหน้าเข้าใจ ถ้าบอกไปคงมองหน้ากันยากขึ้น ไม่บอกแหละดีแล้ว วายะส่ายหน้าระอาตัวเองที่ช้าไป ทั้งๆที่เขาเพิ่งรู้เมื่อวานนี้เองว่าไคล์เลิกกับแฟนสาวแล้ว เลยขอร้อง (แกมบังคับ) ให้เธียร์ช่วยไปบอกให้ แต่มันก็ยังช้าไปอยู่ดี

“เอาน่า”

เธียร์เดินเข้ามาตบบ่าเพื่อนให้กำลังใจ

“ไม่นานก็เลิกแล้ว เชื่อสิ ไคล์น่ะ”

เธียร์พูดทั้งๆที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจเพราะท่าทางของไคล์แปลกไป แต่ตามสถิติไม่เคยเกินสองอาทิตย์ ถ้าไม่มีแฟน ไคล์ไม่เคยปฏิเสธคนที่มาขอคบด้วย ถ้าหากว่าวายะเข้าไปสารภาพ ไคล์ก็คงตกลงด้วยเช่นกัน

“เอาเป็นว่าวันนี้ไปดื่มละกัน เดี๋ยวชั้นเลี้ยงเอง”

เธียร์ว่าพลางดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น วายะค่อยๆลุกขึ้นตามแรงดึงของเธียร์อย่างคนไม่ค่อยมีกระจิตกระใจ ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้ว่าไคล์ไม่เคยคบใครนาน แต่อะไรบางอย่างบอกเขาว่า คราวนี้อาจจะไม่เป็นอย่างนั้น

.......................................................

“เฮ้ยๆ เบาๆเพื่อนเบาๆ”

เธียร์ร้องบอกวายะที่ดื่มเอาดื่มเอา แต่ไม่ว่าจะห้ามยังไงร่างสูงก็ไม่สนใจสักนิด

“ฉันอกหัก ต้องดื่มสิ เอ้า นายก็มาดื่มด้วยกันสิ”

วายะว่า พลางส่งแก้วให้เธียร์ เธียร์ได้แต่ส่ายหน้า และมองดูวายะดื่มต่อ เธียร์ทำผิดรึเปล่านะที่ไม่ได้บอกไคล์เรื่องนี้ ที่ไม่บอกเพราะกลัวว่าวายะต้องเสียใจ กลัวว่าสองคนจะมองหน้ากันไม่ติด หรือว่าเป็นความเป็นแก่ตัวของเขาเองกันแน่นะ

เวลาผ่านไปหลายชั่วโมง กว่าที่วายะจะยอมสงบลง ที่เรียกว่าสงบนี้ต้องเรียกว่าเมาไปแล้วมากกว่า เธียร์ประคองเพื่อนที่ตัวใหญ่กว่าตนมากมายออกจากร้านด้วยความยากลำบาก ยัดเพื่อนใส่แท็กซี่และตรงไปที่บ้านตน คนเมาไม่ได้หลับ เอาแต่พร่ำเพ้อ เรียกไคล์ๆไม่หยุดปาก ยิ่งสร้างความเจ็บปวดให้ร่างบางมากขึ้น อยากจะทิ้งไว้ให้หายเจ็บใจเล่นแต่ก็ทำไม่ได้

เมื่อมาถึงบ้าน เธียร์มองเข้าไปยังส่วนของไคล์และเห็นไฟปิด ไคล์คงนอนไปแล้ว ก็แน่ล่ะ นี้มันตีสามแล้ว ร่างบางประคองเพื่อนที่เมามายเข้าไปในบ้าน และปล่อยไว้ที่โชฟา อยากจะพาขึ้นไปนอนบนห้องอยู่หรอก แต่คงไม่ไหว จะเรียกไคล์มาช่วยก็ไม่ได้ ถอดรองเท้าถุงเท้า และแก้เข็มขัดพอให้วายะสบายตัว แล้วเธียร์ก็เปลี่ยนเสื้อผ้าตัวเองให้สบายขึ้นก่อนจะกลับมาจัดการกับเพื่อนตัวโตของตัวเองต่อ ผ้าขนหนูชุบน้ำถูกนำมาเช็ดตามส่วนต่างๆให้วายะสบายตัวขึ้น และนั่นทำให้วายะรู้สึกตัว ร่างสูงก็ปรือตามองก่อนจะจับข้อมือเธียร์ไว้แน่น

“ไคล์”

วายะเรียกชื่อแล้วดึงเธียร์เข้าไปหา เธียร์พยายามดิ้นขลุกขลักให้พ้นแต่กลายเป็นว่าทำให้วายะสามารถเปลี่ยนให้ร่างเธียร์ลงไปอยู่ภายใต้ร่างสูงได้อย่างง่ายดาย

“วา...อุ๊บ”

ก่อนที่เธียร์จะได้โวยวายเตือนสตินั้น วายะก็ก้มลงมาแนบริมฝีปากปิดเสียงเสียก่อน ลิ้นหนาเข้ารุกรานริมฝีปากอย่างรีบร้อน แต่ก็แฝงไปด้วยความอ่อนโยน เธียร์มึนงงกับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่ก็ยังตอบสนองไปตามสัญชาตญาณ ลิ้นบางค่อยๆเกี่ยวกระหวัดรับการรุกรานอย่างว่าง่าย
รสชาติของเหล้ายังอบอวลอยู่ในลมหายใจของวายะ และถ่ายทอดมาถึงเธียร์ เธียร์ไม่รู้ว่าสิ่งที่ทำให้ตนมึนงงเป็นเพราะว่ากลิ่นแอลกอฮอล์เหล่านั้น หรือเพราะรสจูบของวายะกันแน่

วายะถอนริมฝีปากออกและมองหน้าที่หอบหายใจของเธียร์แล้วยิ้ม สองมือหนาประคองสองแก้มของเธียร์ไว้อย่างทะนุถนอม ก้มลงสูดดมแก้มแดงๆด้วยความเสน่หา จากนั้นก็เคลื่อนต่ำลงมายังลำคอ กดริมฝีปากแรงๆตรงแอ่งชีพจรที่วายะรับรู้ได้ถึงการเต้นเป็นจังหวะของมัน มือหนาสอดเข้าไปภายในเสื้อตัวบาง ลูบไล้ฝ่ามือไปทั่วเรือนกาย

“อือ...อย่า”

อาการร้องประท้วงเล็กๆจากเธียร์ไม่ได้ทำให้สติของวายะกลับคืนมา ไม่นานเสื้อก็ถูกถอดออกอย่างง่ายดาย เธียร์ไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากรสสัมผัสของวายะ ไม่รู้ว่าตัวเองไม่มีอะไรปกปิดร่างกายตอนไหน ไม่รู้ตัวว่าที่ๆตัวเองอยู่คือห้องรับแขก บนโซฟา

“อึก...เจ็บ”

เธียร์ส่งเสียงเล็กประท้วงเมื่อร่างสูงถาโถมเข้าใส่โดยไม่ได้เตรียมพร้อมอะไร วายะชะงักไปกับสัมผัสคับแน่น ด้วยความไม่เคยเป็นคนแรกของใครทำให้ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง แต่จะให้ถอยหลังตอนนี้ก็ไม่ได้เสียแล้ว ร่างสูงค่อยดันตัวเข้าไป ขยับช้าๆและเร็วขึ้นเมื่อร่างข้างใต้ตอบสนอง

“อึก...อือ”

วายะค่อยๆเร่งจังหวะในขณะที่มือก็ขยับตรงส่วนอ่อนไหวให้ร่างบางไปด้วย

“อา...วายะ...วายะ...ไม่ไหวแล้ว”

เธียร์บอกเสียงพร่า ร่างสูงจึงยิ่งเคลื่อนไหวเร็วขึ้น การเคลื่อนไหวที่หนักแน่น แต่อ่อนโยน ไม่นาน ร่างบางก็ปลดปล่อยออกมา พร้อมๆกับที่รับรู้ถึงสายธารร้อนที่ได้รับการปลดปล่อยภายในตัวเขาเช่นกัน

เธียร์กอดวายะไว้แน่นราวกับกลัวว่าวายะจะหายไปไหนและอีกฝ่ายก็กอดเขาตอบด้วยเช่นกัน วายะกอดเธียร์เอาไว้อย่างทะนุถนอนแต่ก็กระชับแน่น กอดราวกับเธียร์เป็นคนรักคนสำคัญ
แต่เธียร์ก็รู้ดีว่า มันไม่ใช่เขา คนที่วายะรัก และกอดไว้ คือไคล์ต่างหาก

เธียร์ซบหน้าลงกับบ่าของวายะที่ทับอยู่ ไม่นานก็รับรู้ว่าร่างสูงหลับไปแล้ว เขาพยายามดันตัววายะออกห่าง ส่วนที่ยังคงเชื่อมต่อถึงกันค่อยๆถอยออกไปพร้อมกับความเจ็บ ไม่ต้องก้มลงไปมองก็รู้ดีว่า นอกจากหลักฐานแห่งความสุขของวายะแล้ว ยังต้องมีเลือดของเธียร์ปนออกมาด้วยแน่ๆ ร่างบางพยุงตัวเองลุกขึ้นอย่างยากลำบาก แต่ไม่นานก็ตั้งหลักได้ เขาอาบน้ำชำระร่างกายตัวเอง แล้วจึงมาจัดการที่ร่างวายะ แต่งตัวให้เพื่อนให้เหมือนเดิมราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น พอดูว่าอะไรๆเรียบร้อยเข้าที่เข้าทางแล้วเธียร์หลับไปด้วยความอ่อนเพลีย

............................................

“โอ้ย...ปวดหัวชิบ”

วายะบ่นกับตัวเอง เอามือทุบหัวพยายามขับไล่อาการตึบๆออกไป ประคองตัวลุกขึ้นอย่างยากลำบาก ในที่สุดก็นั่งได้ กลิ่นกาแฟหอมฉุยลอยมาแตะจมูก พร้อมกับที่ถ้วยกาแฟถูกวางลงตรงหน้า

   “สม”

เสียงเล็กๆพูดอย่างโกรธๆ มองหน้าเขาค้อนๆ แล้วเดินกลับไปทางห้องครัว วายะอดอมยิ้มออกมาไม่ได้ กับกิริยาเหล่านั้น ร่างสูงยกกาแฟขึ้นดื่ม แล้วก็ยิ่งยิ้มเข้าไปอีก เมื่อมันเป็นรสชาติแบบที่ชอบ

   “เอ้า นั่งบ้ายิ้มอะไรอยู่ได้ ไปล้างหน้าล้างตาสิ ไป๊”

คนในครัว ชะโงกหน้าออกมาโวยวาย เมื่อเห็นเขาไม่ขยับไปไหน พูดเสร็จก็หายเข้าไปในครัวต่อ วายะขยับลุกขึ้นและตรงไปทางห้องน้ำของบ้านที่ชั้นสอง เขามาที่นี่บ่อยจนจะเป็นบ้านเขาไปอยู่แล้ว วายะหยิบผ้าเช็ดตัวแล้วเดินเข้าไปในห้องน้ำ ตอนแรกว่าจะแค่ล้างหน้า แต่เปลี่ยนใจ อาบน้ำเลยดีกว่าเผื่ออาการจะดีขึ้น

..............

   “อ่า...หิวข้าวจังเลยเธียร์”

วายะเดินตรงมานั่งลงที่ประจำของตนซึ่งมีจานข้าววางอยู่

“อย่ามาทำเป็นพูด ล้างหน้านี่ นานขนาดนี้เลยเหรอ”

เธียร์โวยวายเล็กน้อยเพราะนั่งรอกินข้าวตั้งนาน และเริ่มลงมือกินข้าว

“โทษที คิดว่าอาบน้ำแล้วน่าจะดีขึ้นน่ะเลยอาบน้ำซะเลย”

วายะตอบพร้อมกับลงมือกินข้าวเช่นกัน ระหว่างกินข้าว ทั้งคู่ยังพูดคุยเหมือนปกติทุกอย่าง เธียร์ลอบมองหน้าวายะหลายครั้ง แต่ก็ไม่มีอะไรผิดปกติจริงๆ ไอ้จะถามตรงๆก็ไม่กล้า ความจริงเขาน่าจะดีใจสิที่วายะจำเรื่องเมื่อคืนไม่ได้  แต่ก็แอบคิดเล็กๆว่าหากวายะจำได้อาจจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปบ้าง อะไรที่ว่าจะเปลี่ยนไปยังไงล่ะ

“เฮ้อ...”

คิดมาถึงตรงนี้เธียร์ก็ต้องถอนหายใจออกมาเบาๆ เขาอยากให้อะไรมันเปลี่ยนล่ะ นอนด้วยกันแค่ครั้งเดียวคงไม่ได้ทำให้วายะเปลี่ยนใจจากไคล์มาชอบเขาได้หรอก แล้วเมื่อคืนก็รู้อยู่แล้วว่าวายะคิดว่าเขาเป็นไคล์ วายะลืมไปแบบนี้ก็ดีอยู่แล้ว

   “นายเป็นอะไรรึเปล่าน่ะ”

วายะถามขึ้นเมื่อเห็นเพื่อนไม่พูดไม่จาไม่กินข้าว ไม่ฟังที่เขาพูด

“อะ...เปล่านี่”

เธียร์ว่าแล้วกินข้าวต่อ แต่วายะก็ยังอดสงสัยไม่ได้ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่

   “เมื่อคืน...มีอะไรรึเปล่า”

   วายะถามเรื่อยๆไม่ได้คิดอะไร แต่เธียร์กลับสะดุ้งสุดตัวโดนถามเรื่องนี้เข้า

   “มะ...ไม่มีอะไรนี่”

เธียร์ตอบเสียงตะกุกตะกัก วายะเห็นท่าทางของเพื่อนแล้วดูก็รู้ว่าต้องมีเรื่องอะไรแน่จึงถามอีกครั้ง

“มีอะไรรึเปล่า”

เสียงที่เข้มและจริงจังขึ้นทำให้เธียร์รู้ว่าวายะเริ่มสงสัยแล้ว

   “คือ...คือว่า...”

เธียร์อยากจะเลี่ยงเพื่อเปลี่ยนเรื่อง แต่สายตาที่มองตรงมานั้นบ่งบอกว่า ไม่มีทางเลยที่เขาจะทำแบบนั้นได้ ในขณะที่กำลังอึกอักหาทางออกไม่ได้นั้น เสียงเคาะประตูข้างก็ดังขึ้นมาพอดี
   
“เอ่อ...สงสัยไคล์มาน่ะ”
   
เธียร์ว่าแล้วรีบลุกขึ้นเพื่อนหนีสถานการณ์  แต่ก่อนจะเดินไปเปิดประตูก็นึกขึ้นได้ว่าวายะกำลังเสียใจเรื่องไคล์
   
“เอ่อ...นายโอเคไหม ถ้าไงเดี๋ยวให้ไคล์กลับไปก่อนก็ได้นะ”

   “ไม่เป็นไร”

   วายะตอบกลับด้วยน้ำเสียงหนักแน่น เธียร์มองวายะแล้วต้องถอนหายใจ เหมือนจะรู้สึกเจ็บในอก ไม่รู้ว่าเพราะเจ็บแทนวายะ หรือว่าเจ็บที่เห็นท่าทางลำบากใจของวายะที่ต้องเจอไคล์วายะเข้มแข็งเสมอไม่ว่าเจอเรื่องอะไร แค่นี้ถือว่าเล็กน้อยล่ะมั้ง แต่แววตาของวายะมันบอกว่ายังรู้สึกอยู่ ไม่ว่ายังไงก็ยังรักสินะ

   “เธียร์ ยืมหนังสือคณิตหน่อยสิ”

   ไคล์ยิ้มแล้วบอกจุดประสงค์การมา

   “อือ  เข้ามาก่อนสิ”

   เธียร์ว่าพลางเดินนำเข้าบ้าน

   “อ้าว สวัสดีวายะ”

   ไคล์ยิ้มให้วายะ

   “วันนี้ก็มาค้างเหรอ”

   วายะยิ้มให้ไคล์

เธียร์แทบจะทนมองต่อไม่ได้เลยขอตัวขึ้นไปเอาหนังสือให้ไคล์ แต่เมื่อขึ้นมาถึงข้างบน แทนที่จะหยิบหนังสือทันทีก็กลับไปนั่งบนเตียงอย่างคนอ่อนแรงแทน เขาไม่รู้ว่าจะลงไปแล้วทำหน้าเป็นปกติได้รึเปล่า

.............................................................................................

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
“เธียร์”

ไคล์เรียกเมื่อเข้ามายืนอยู่ข้างๆแต่เธียร์ดูจะไม่รู้ตัวเลยสักนิด

“เธียร์... เธียร์!!”
   
เสียงที่ดังขึ้นทำให้เธียร์รู้สึกตัวและหันมาตามเสียงเรียก

   “อะไรกัน อะไรกัน เรียกไม่ได้ยินนี่ใจลอยไปถึงไหนน้อ”

   ไคล์ว่าแล้วลงนั่งข้างๆอย่างคนนึกสนุก

   “ก็ไม่ได้...”

   “อย่ามาโกหกน่า”

   ไคล์รีบแย้งเมื่อเห็นว่าเธียร์ตั้งท่าจะแก้ตัว

   “ไปถึงเจ้าของรอยตรงนี้รึเปล่าน้า”

   ไคล์ว่าพลางจิ้มนิ้วมือลงตรงลำคอด้านซ้ายเธียร์รีบตะบบมือขึ้นที่ลำคอทันที เมื่อเช้าส่องกระจกก็ไม่เห็นแท้ๆหรือเราไม่ได้ส่องนะ

   “เออ...คือ”

   เธียร์ไม่รู้จะอธิบายยังไงไคล์ก็โบกมือเป็นเชิงว่าไม่ต้องอธิบายหรอก แล้วเดินไปหยิบหนังสือเลยเอง

   “ไปล่ะ”

   ว่าแล้วเดินออกไปจากห้อง

   “เฮ้ย ไคล์ รอด้วยสิ”

   เธียร์รีบเดินตามไคล์ลงมาด้วยกลัวว่าไคล์จะพูดเรื่องรอยนี้กับวายะ แต่เมื่อลงข้างล่าง ก็เห็นแต่ร่างสูงนั่งดูโทรทัศน์อยู่เท่านั้น

   “ไคล์ล่ะ”

   “กลับไปแล้วนี่”

   วายะตอบแล้วกลับไปสนใจโทรทัศน์ต่อ

.......................................................................


   “นี่ๆ ดูพี่วายะสิ เท่ห์ชะมัดเลยเนอะ”

   “นั่นสิ คนอะไรเท่ห์สุดๆ”

   “อยากไปสารภาพรักจัง”

   “นั่นสิๆ ถึงโดนปฏิเสธก็ขอให้ได้จูบด้วยสักครั้งก็ยังดี”

   “ถ้าได้มากกว่านั้นยิ่งดีใหญ่เลยเนอะ”

   แล้วสองสาวก็หัวเราะคิกคักกับเรื่องที่พูด ไม่ได้สนใจเลยว่ารอบตัวยังมีคนอีกมากมายที่ได้ยิน แถมหนึ่งในนั้นก็เป็นคนรู้จักวายะอย่างเธียร์ด้วย

   “ขอแค่สักครั้งก็ยังดีงั้นเหรอ”

   เธียร์คิดพลางมองไปยังสนามบาส วายะกำลังเลี้ยงลูกเข้าใต้แป้นบาสและชูทลงไป พร้อมๆกับที่กรรมการเป่านกหวีดหมดเวลาพอดี

   ผ่านมาสองอาทิตย์แล้วหลังจากเรื่องเมื่อวันนั้น วันนั้นหลังจากที่วายะตื่นขึ้นมา ก็ถามโน่นถามนี่นิดหน่อยตามประสา แต่พอเธียร์ซึ่งเตรียมคำโกหกไว้หมดแล้วตอบไป วายะก็ไม่ได้สงสัยอะไรอีก ทั้งสองยังคงทำตัวตามปกติ จะพูดให้ถูกคือ พยายามมากกว่า

   เพราะหลังจากวันนั้น พอวายะเข้าใกล้เธียร์ทีไร เธียร์เป็นต้องหน้าแดงขึ้นมาทุกที เธียร์ก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ส่วนทางวายะเองก็ดูเหมือนจะเงียบๆไปกับเธียร์ ไม่ค่อยจ้อเหมือนเก่า มักจะนั่งเงียบๆเหมือนคิดอะไรอยู่ แต่ไม่ว่ายังไงก็ยังลากเธียร์ไปไหนมาไหนด้วยเหมือนเดิม อย่างวันนี้ก็ลากเธียร์มาดูแข่งบาส ทั้งๆที่เธียร์ปฏิเสธไปแล้ว ก็ยังบังคับพามาจนได้

   “เบื่อรึเปล่า”

   วายะที่วิ่งมาทางเธียร์ทันทีที่การแข่งขันจบลงถามขึ้น เธียร์ยิ้มบางๆตอบกลับเพื่อนไป แล้วส่ายหน้า ใครจะไปเบื่อเล่า ได้นั่งดูคนที่ชอบแข่งบาสน่ะ ได้มองวายะเท่าที่อยากจะมอง ไม่ต้องกลัวว่าใครจะสงสัย ไม่ต้องกลัวว่าวายะจะรับรู้ “งั้นรอแป๊ปนะ เดี๋ยวไปรวมก่อน”

   แล้ววายะก็วิ่งกลับไป คงโดนโค้ชดุแน่ๆที่วิ่งมาหาเขาแบบนี้  พอเห็นว่าวายะโดนดุจริงๆเธียร์ก็อดหัวเราะออกมาเบาๆไม่ได้

   “เอ่อ เป็นเพื่อนกับพี่วายะเหรอคะ”

   หนึ่งในสองสาวที่พูดถึงวายะเมื่อกี้เดินมาถามเธียร์

   “ครับ”

   เธียร์ตอบรับไปและยิ้มให้ สองสาวเลยชวนคุยโน่นคุยนี่ ที่จริงก็คุยเรื่องวายะนั่นล่ะ

   “เธียร์”

   เสียงเข้มๆที่ดังขึ้นข้างๆทำให้ทั้งสามคนหยุดการพูดคุยไว้

“ไปกันรึยัง”

เธียร์พยักหน้าแล้วลุกขึ้น

“ไปก่อนน.....เฮ้ย”

เธียร์ที่กำลังหันไปลาสองสาว แต่ยังไม่ทันพูดจบดีก็โดนวายะฉุด ดึง ลาก กระชากออกมาซะก่อน ส่วนสองสาวที่เห็นแบบนั้นแทนที่จะโกรธอาการไม่มีมารยาทของวายะ ดันกรี๊ดกร๊าดเข้าไปอีก เป็นอะไรกันมากรึเปล่าล่ะนั่น เฮ้อ...มันอะไรกันนักกันหนานะ

“นี่ เบาๆหน่อยสิ เจ็บนะ”

เธียร์โวยวายใส่วายะที่กำแขนเขาซะแน่น แถมลากเอาลากเอา เดินก็เร็ว ไม่ได้คิดเลยรึไงนะว่าขานักกีฬาชมรมบาสอย่างตัวเอง กับขาคนธรรมดาชมรมกลับบ้านอย่างเขาน่ะมันต่างกัน

“นี่ มันเจ็บ!!”

เสียงที่ดังขึ้นเหมือนเรียกสติวายะกลับมา ร่างสูงหันมามองเธียร์ที่หายใจหอบเพราะต้องเดินตามให้ทันวายะ ข้อมือแดงจากการโดนจับอย่างแรง

“โทษที”

มองแล้วเสยผมอย่างลำบากใจ

 “เป็นอะไรของนาย”

 “ไม่รู้สิ  โทษทีแล้วกันนะ”

วายะตอบแล้วออกเดินช้าๆ

“นี่ ไปดื่มกันไหม”

วายะพูดขึ้นมาลอยๆ

“ยังไงพรุ่งนี้ก็หยุดนี่”

“อือ ไปก็ไป”

...........................

   “ฮื่อ...นี่มันอะไรกัน!!!”

เธียร์ลืมตาขึ้นมาแล้วต้องตกใจกับสภาพเปลือยเปล่าของตัวเอง แถมข้างๆยังมีวายะที่นอนอยู่ในสภาพไม่ต่างกัน ร่างสูงที่รับรู้ถึงการเคลื่อนไหวข้างกายก็ลืมตาขึ้นมามองเธียร์ที่ตื่นมาโวยวายด้วยสายตาไม่เข้าใจ
   
“ตื่นแล้วเหรอ”ขยี้ตาพลางยันตัวลุกขึ้น

   “นี่ เมื่อคืน....”

   “ฮื่อ นายน่ารักจัง”

   วายะตอบทันทีทำเอาเธียร์ได้แต่อึ้งไป น่ารักเหรอ บ้าน่า

   “เมื่อคืนมัน...มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่”

   “อะไรกัน จำไม่ได้เหรอ”

   ไม่รู้ว่าคิดไปเองรึเปล่าแต่เหมือนวายะจะอารมณ์เสียไปไม่รู้ว่าทำไม

“เมื่อคืนเราไปดื่ม”

“รู้แล้ว แล้วจากนั้นล่ะ”

“ฉันเมา นายเมา ฉันชวนนายขึ้นเตียง นายตกลง จบ”

วายะพูดแล้วล้มตัวนอนอีกที แต่คราวนี้หันหลังให้เธียร์เป็นการปิดฉากการพูดคุย  เธียร์ไม่ค่อยอยากจะเชื่อ แต่ความรู้สึกเหมือนกับว่ายังมีสิ่งแปลกปลอมอยู่ในส่วนลึกของร่างกายนี่มันอะไรกัน  ยิ่งเมื่อยืนขึ้นแล้วของเหลวขุ่นที่ไหลลงมาตามขาก็เป็นหลักฐานยืนยันได้ในทันทีว่า วายะไม่ได้โกหก วันนั้นที่ทำตอนที่วายะเมาไม่ได้สติยังไม่เป็นมากขนาดนี้เลย เมื่อคืน คงไม่ใช่ครั้งเดียวสินะ

“ทำไม...”

เธียร์ถามร่างที่หันหลังให้อย่างไม่เข้าใจ

“ทำไมถึงได้...ทำไมถึงได้ทำ...”

เมื่อโดนถามด้วยน้ำเสียงตัดพ้อ สั่นๆ เหมือนคนถามจะร้องไห้ วายะเลยลุกขึ้นมาอีกครั้ง
   
“นี่จำไม่ได้จริงๆสินะ”

   น้ำเสียงและท่าทางบอกว่าคนตรงหน้ากำลังไม่พอใจอย่างมาก เธียร์ได้แต่เงียบแทนคำตอบ

   “ก็รู้สึกดีไม่ใช่เหรอ เรื่องที่เกิดขึ้นน่ะ”

   วายะพูดพลางเสตาไปด้านอื่น เพราะโมโหอยู่ เลยอยากพูดอะไรให้เธียร์รู้สึกบ้าง แต่ร่างบางก็ยังเงียบ ไม่มีเสียงตอบ มือหนาจึงเคลื่อนไปฉุดร่างคนที่ยืนอยู่ให้ล้มลงมาบนเตียงอีกครั้ง

   “จำไม่ได้ งั้นจะรื้อฟื้นความจำให้ละกันนะ ว่าเมื่อคืนน่ะมันดีแค่ไหน”

   วายะว่าพลางก้มลงกัดยังลำคอขาวทันที

   “โอ๊ย...”

   เธียร์เพิ่งได้สติจากความเจ็บที่โดนกัด

   “ปะ...ปล่อยนะวายะ โอ๊ย...อย่า...เจ็บ”

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
เธียร์พยายามผลักร่างของวายะให้พ้นจากร่างตน แต่วายะไม่มีท่าทางว่าจะขยับตามแรงผลักสักนิด ริมฝีปากยังคงเคลื่อนต่ำลงไปเรื่อยๆถึงจะพยายามใช้มือดันใบหน้าให้ออกห่างจากร่างกายตน ก็ไม่ได้ทำให้อีกฝ่ายสะทกสะท้านเลย ฝ่ายวายะที่ปล่อยให้ร่างเล็กกว่า ทั้งทุบ ทั้งดันอยู่นานก็เริ่มรำคาญ จึงใช้มือตรึงมืออีกฝ่ายไว้
   
“ไม่เอานะวายะ หยุด”

   เมื่อไม่สามารถใช้มือต่อต้านได้ ขาสองข้างเองก็โดนกดทับไว้ จึงได้แต่ร้องห้ามเท่านั้น

   ร่างสูงเคลื่อนริมฝีปากต่ำลงมาจนกระทั่งถึงยอดอกสีสวย

   “อะ...วายะ...อย่า”

ลิ้นที่โลมเลียยอดอกอย่างชำนาญทำเอาเธียร์ผวาไปทั้งร่าง ยิ่งโดนกระตุ้นก็ยิ่งรู้สึกถึงความแข็งตึงของยอดอกพร้อมๆกับที่ส่วนล่างของตนเริ่มขยายตัวขึ้นช้าๆ

   “อือ...อย่า”

   มือข้างนึงคลายข้อมือให้เธียร์เป็นอิสระแล้วย้ายมากอบกุมส่วนที่กำลังขยายตัวของเธียร์แทน ร่างบางไม่ได้ดิ้นรนขัดขืนอีกต่อไป ที่ทำก็มีเพียงดึงปกคอเสื้อของวายะไว้เท่านั้น

   “หึ   รู้สึกดีสิท่า”

   วายะพูดด้วยน้ำเสียงราวกับกำลังเยาะเย้ย ประชดประชัน แต่ก็ไม่ได้ทำให้เธียร์ได้สติสนใจฟังสักนิด

   “ถ้าเข้าไปตรงนี้จะยิ่งดีนะ”

   พูดพร้อมกับสอดนิ้วเข้าไปยังจุดซ่อนเร้น และขยับเข้าออก

   “อะ...อืม...”

   “ยังค้างอยู่เลยนะ ต้องเอาออกด้วยนะ ตรงนี้น่ะ”

   “อะ...อย่า”

   “แต่อย่างงี้ก็ดี”

   วายะว่าพลางถอนนิ้วออกและพลิกตัวร่างบางให้คว่ำหน้าลง สะโพกของเธียร์ถูกยกให้ลอยขึ้นแก่นกายร้อนระอุที่ขยายตัวเต็มที่แทรกเข้าไปอย่างแรงครั้งเดียวจนสุด

   “อึก...อึก...”

   เสียงร้องที่เจ้าของพยายามกัดผ้าปูที่นอนเพื่อกลั้นไว้หลุดออกมาเมื่อรู้สึกเจ็บจากการรุกรานครั้งนี้ ถึงจะไม่มากอย่างที่คิดแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่ดี คนรุกรานไม่ได้สนใจร่างข้างใต้ตนเลยเลย ความโมโหดูจะมีอำนาจเหนือกว่า การที่ร่างบอบบางตรงหน้าเจ็บปวดบ้างดูจะทำให้วายะพอใจเป็นอย่างมาก

   “อย่า อะ...อึก...”
   เธียร์ที่พยายามเปิดปากห้าม ก็พูดออกมาแทบจะไม่เป็นคำเมื่อวายะเริ่มขยับกาย มือหนาอ้อมไปทางด้านหน้ากอบกุมแก่นกายของร่างข้างใต้ไว้อีกครั้ง แต่ครั้งนี้ไม่ใช่เพียงกอบกุมไว้เฉยๆวายะขยับขึ้นลงและคลึงยังส่วนปลายไปด้วยเพื่อกระตุ้นอารมณ์อีกฝ่ายให้มากขึ้น

   “อึก...อือ...อึก ”

   เมื่อร่างกายเริ่มชิน ก็ปฏิเสธไม่ได้สักนิดว่ารู้สึกดี สะโพกที่ถูกยกขึ้นขยับตามจังหวะที่อีกฝ่ายนำไปอย่างเป็นธรรมชาติ เธียร์ลืมความอาย หรือเหตุผลใดๆทั้งสิ้นสองมือจิกทึ้งผ้าปูที่นอนแน่น ใบหน้าแหงนขึ้นเพื่อสูดเอาอากาศให้หายใจได้เต็มที่ เรียวปากที่ตั้งใจจะปิดเสียงตัวเองไว้ก็เผลอส่งเสียงออกมาด้วยความรัญจวน

   “อะ...อา...วายะ...วายะ...อะ”

   ชื่อของอีกฝ่ายถูกเอ่ยออกมาซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับเพ้อ วายะเองพอได้ยินคนตรงหน้าเรียกตนเองด้วยน้ำเสียงสั่นพร่าก็เริ่มลืมความโกรธที่มีไป ร่างสูงขยับกายเร็วและแรงขึ้น ไม่ใช่เพื่อให้อีกฝ่ายเจ็บปวด แต่เพื่อให้รู้สึกมากขึ้น รู้สึกถึงตัวตนของเขามากขึ้น มือหนายังคงขยับกำรูดแก่นกายของร่างบางตามจังหวะการขยับของสะโพก

   “อะ...วายะ...พอ...ไม่ไหว...อะ...อะ”

   เธียร์ร้องบอกพร้อมกับที่ช่องทางด้านหลังบีบรัดแน่นขึ้นตามอารมณ์ที่ใกล้จะไปถึงจุดสิ้นสุดจังหวะขยับที่กระชับถี่เร็วขึ้นทำให้ร่างบางไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

   “อะ...อะ...อา...วายะวายะวา..ยะ...”
   
ร่างบางกรีดร้องเรียกชื่ออีกฝ่ายพร้อมๆกับที่ หยาดหยดแห่งความรัญจวนพรั่งพรูออกมาจนสิ้น  ส่วนลึกของร่างกายตอบรับเป็นจังหวะ วายะแทรกกายจนสุดอีกครั้ง  ของเหลวร้อนระอุถูกปลดปล่อยภายในช่องทางลึก ร่างข้างใต้ทรุดลงทันทีที่ร่างสูงปล่อยมือจากสะโพกบาง สติค่อยๆพร่าเลือน จนเหมือนจะคล้อยหลับไป แต่แล้วอยู่ๆ เธียร์รู้สึกเหมือนตัวเองถูกยกให้ลอยขึ้น อ้อมแขนแข็งแรงและอบอุ่นทำให้ซุกหน้าเข้าหาอย่างลืมตัว
   
“อย่าเพิ่งหลับนะ หลับแบบนี้ไม่สบายตัวหรอก”

   เสียงทุ้มๆฟังสบายหู แต่เนื้อความไม่ได้เข้าหัวเลยสักนิด ไม่รู้ตัวว่าถูกวางลงในอ่างอาบน้ำเมื่อไหร่มารู้สึกตัวกระแสน้ำเย็นๆก็รินรดโดนตัวแล้ว นิ้วแกร่งสอดเข้าทำความสะอาดในส่วนเร้นลับให้เขาอย่างชำนาญ ทั้งๆที่รู้ดีว่าสภาพตัวเองตอนนี้น่าอายแค่ไหน แต่เธียร์ก็ทำอะไรไม่ได้ ความเหนื่อยล้าของร่างกายและจิตใจทำให้เขา ไม่มีแรงทำอะไรทั้งนั้น สมองก็ไม่ทำงาน ที่ทำได้ก็เพียงแค่ปรือตามองอย่างคนครึ่งหลับครึ่งตื่นเท่านั้น

   “นี่มันหมายความว่ายังไง ฮึ โชยะ”

   ไคล์โยนถุงที่มีช็อกโกแล็ตเต็มถุงตรงหน้าโชยะ คนที่นั่งดูทีวีอยู่หันมามองด้วยสายตาไม่เข้าใจว่าไคล์โวยวายเรื่องอะไร
   
“ที่ว่าหมายความว่าไงนี่เรื่องอะไรเหรอ”

   โชยะถามกลับ เพราะไม่เข้าใจจริงๆ แต่สำหรับไคล์แล้ว นั่นเป็นเหมือนการเพิ่มอารมณ์โกรธมากขึ้นไปอีก
   
“ทำ...ไม...นาย...ถึง...รับ...ของ...พวก...นี้...มา...”

   ไคล์ถามเสียงเข้ม ช้าๆ ชัดๆ ตอนนี้เองที่โชยะเพิ่งเข้าใจว่าไคล์โกรธเรื่องอะไร

   “ไม่เอาน่าไคล์ ก็แค่ของที่พวกผู้หญิงเดินแจกในห้องเรียนตามมารยาทเท่านั้นล่ะ ไม่มีอะไรหรอก”
   
โชยะพยายามอธิบาย แต่ดูเหมือนจะไม่ได้ผล เพราะไคล์ยังยืนนิ่ง เม้มปากแน่น ตามองไปทางอื่นไม่หันมาสบกับโชยะ เดินแจกตามห้องบ้าอะไร ของเดินแจกตามห้องเขาก็ใช้ของไม่แพงสิ นี่มีแต่ของดีๆทั้งนั้น โชยะไม่เข้าใจอีกแล้วว่าทำไมไคล์ถึงโกรธ ก็มันไม่มีอะไรจริงๆนี่นา แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยปากถาม ไคล์ก็หันหลังเดินหนีไปเสียแล้ว

   “ไคล์เดี๋ยว เฮ้ย”

   โชยะร้องตกใจเมื่อเดินตามไคล์ไป แต่เจอไคล์ปิดประตูห้องใส่หน้าแทน

   “ไคล์ เป็นอะไร ออกมคุยกันให้รู้เรื่องก่อนสิ ไคล์ ไคล์”

โชยะทุบประตูหน้าห้องพลางส่งเสียงเรียก...แต่...ไม่มีเสียงตอบรับใดๆออกมา เอาไว้ให้ใจเย็นก่อนแล้วกัน โชยะคิดเมื่อรู้สึกอ่อนใจ พรุ่งนี้วันวาเลนไทน์แท้ๆ ทำไมต้องมาทะเลาะกันด้วยนะ เฮ้อออออออออออออ

........................................................

   
“อ้าวไคล์ ทำไมนั่งหน้ามุ่ยอย่างนั้นล่ะ”

   เธียร์ถามด้วยความเป็นห่วงเมื่อพี่ชายมานั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับอยู่ที่ห้องรับแขกของตน

   “แล้ววันนี้ไม่ไปเดทเหรอ โชยะไปไหนแล้วล่ะ”

   พอเธียร์ถามถึงคนรักของพี่ชาย เจ้าตัวก็ล้มตัวนอนลงบนโซฟาทันที

   “คนอย่างนั้นน่ะ เลิกกันแล้วล่ะ”

   ไคล์พูดงอนๆ เธียร์ก็อดยิ้มไม่ได้ที่พี่ชายทำตัวเหมือนเด็กแบบนี้ นานๆจะเห็นสักที

   “ไม่เอาน่า”

   “บางทีฉันก็รู้สึกว่าการไม่รู้อะไรเลยนี่ทรมานใจชะมัด”

   ไคล์พูดเบาๆ เขาแทบไม่รู้เรื่องของโชยะเลย ถึงแม้จะรู้มากขึ้นกว่าแต่ก่อนแต่เพราะเขาเอ่ยปากเองว่าค่อยๆเรียนรู้กันไปก็ได้ โชยะเลยไม่ค่อยบอกอะไร ตัวไคล์เองก็อยากที่จะรู้เองมากกว่าให้เจ้าตัวเขาบอก

   เธียร์มองพี่ชายแล้วส่ายหน้า

   “ฉันว่าบางทีไม่ค่อยรู้ก็ดีนะ”

   เธียร์พูดแล้วนึกถึงเรื่องของตัวเอง เพราะคบกันมานาน เพราะสนิทกันมาก มันก็ช่วยไม่ได้ที่จะเข้าใจความคิดส่วนใหญ่ของกัน หลังจากที่มีอะไรกันครั้งที่สองแล้ว จากนั้นมาเขาและวายะก็กลายสภาพมาเป็นคู่นอนกันไปโดยปริยาย ถึงวายะจะไม่ได้พูดตรงๆ แต่การที่ยังลากเขาขึ้นเตียง ถ้าไม่บอกว่าเป็นคู่นอน แล้วมันอะไร แม้วายะจะอ่อนโยนด้วยเสมอ มากกว่าตอนที่ยังไม่มีอะไรกัน แต่ก็โดนตีตัวออกห่าง วายะไม่ชวนเขาไปเล่นบาส หรือฟุตบอลตอนพักเที่ยงหรือตอนเย็นอีกแล้ว ถึงจะมานั่งกินข้าวด้วยก็เถอะ เมื่อก่อนมีเขาอยู่ในทีมเสมอ แต่เดี๋ยวนี้เขาทำได้เพียงนั่งดูเท่านั้น เธียร์ไม่เข้าใจ ความห่างเหินพวกนี้คืออะไร เรื่องที่กอดเขาก็เหมือนกัน ถ้าถามว่าทำทำไม วายะก็จะโมโหฟึดฟัด แล้วก็ว่าก็อยากกอด วายะไม่พูด แต่เธียร์ก็รู้ว่าวายะกำลังใช้เขาเป็นตัวแทนของไคล์ พอคิดมาถึงตรงนี้น้ำตาก็ชักจะไหล
   
“แล้วจะไปไหนล่ะวันนี้”

   ไคล์ถามเพราะชุดที่น้องชายแต่ง
   
“อือ ไม่รู้สิ วายะไม่ได้บอกน่ะ บอกให้รอ...เดี๋ยวมารับก็เท่านั้นเอง”

   “หืมมมมมมมมมม ไปเดทเหรอ”

   ไคล์หันมาแซวเธียร์ที่รีบปฏิเสธเป็นพัลวัน

   “ไม่ใช่หรอก ธุระน่ะธุระ”

   ไคล์มองอย่างรู้ทัน ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเธียร์คิดยังไงกับเพื่อนสนิทตัวเอง วายะก็ดูจะชอบเธียร์นะ แถมหลังๆเขาเห็นรอยคิสมาร์กบนตัวเธียร์บ่อยๆ วายะก็มาค้างที่บ้านเธียร์บ่อยขึ้น ตอนนี้ต้องเลิฟๆกันอยู่แน่ๆ

   “เชอะ เรารึต้องแกร่วอยู่บ้าน”

   พูดจบเสียงโทรศัพท์มือถือของไคล์ก็ดังขึ้นทันที ไคล์ไม่สนใจจะรับมัน เสียงเรียกเข้าที่ตั้งไว้เป็นแบบเฉพาะทำให้รู้ว่าใครโทรมา เธียร์มองหน้าพี่แล้วหยิบมารับแทน

   “ฮัลโหล”

   “ไคล์ อีกสามสิบนาทีฉันไปรับนะ”

   “อือ”

   “งั้นไว้เจอกันนะ แค่นี้นะ” แล้วก็วางไป

   ไม่แปลกที่โชยะแยกเสียงไคล์กับเธียร์ไม่ออก เพราะเสียงสองคนเหมือนกันมาก ยิ่งในโทรศัพท์ยิ่งเหมือน ไม่ใช่แค่เสียงเท่านั้น หน้าตายังเหมือนกันอีก ก็แฝดกันนี่นะ ถ้าทำผมทรงเดียวกันนะ แต่ไคล์มักจะหวีผมเรียบร้อย ในขณะที่เธียร์ชอบทำให้ชี้ๆมากกว่า แล้วเธียร์ก็สูงกว่าไคล์เล็กน้อย

   “เขาบอกว่าอีกสามสิบนาทีจะมารับ ไปแต่งตัวสิ”

   “เชอะ...อ่ะ...จริงสิ”

   ไคล์กระเด้งตัวลุกจากการนอนยาวบนโซฟา ทำเสียงเหมือนนึกอะไรได้

   “มาเล่นสลับตัวกันไหม”

   ไคล์อมยิ้มกับแผนการของตน

   “นะนะ วันเดียวเอง”

   เธียร์นึกถึงว่า วายะกำลังชอบไคล์อยู่ เพราะงั้นถ้าได้อยู่กับไคล์คงจะดีใจกว่าแน่ๆ

   “ก็ได้”

   จากนั้นทั้งสองก็เริ่มการทำตัวเป็นอีกคนทันที

   “แต่ว่าฉันสูงกว่าไคล์นี่”

   “ไม่เป็นไร ถ้าเราไม่ยืนเทียบกันก็ไม่รู้หรอก”

   แล้วเสียงออดหน้าประตูบ้านไคล์ก็ดังขึ้น ไคล์แอบอยู่ตอนที่โชยะเข้ามาและเดินออกไปพร้อมกับเธียร์

   “เชอะ แยกก็ไม่ออก”

   ไคล์บ่นอุบอิบ ถึงโชยะจะไม่เคยเจอเธียร์ก็เถอะ แต่แค่แฟนตัวเองก็จำไม่ได้นี่ ไคล์บ่นแล้วเดินไปทางบ้านเธียร์รอวายะมารับ

............................................

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
“จะไปไหนกันดีล่ะ”

   โชยะถามเธียร์ที่ปลอมเป็นไคล์ เธียร์มองแฟนพี่ชายอย่างขอลุแก่โทษ เขาอยากให้วายะสมหวังบ้างก็เท่านั้น

   “ไม่รู้หรอกนะว่าเล่นอะไรกัน แต่ว่าถ้าต้องมาทำหน้าอย่างนั้นก็อย่าทำตั้งแต่แรกสิ”

   โชยะพูดแล้วส่ายหน้าระอา ส่วนเธียร์มองแฟนพี่ชายอย่างตกใจ โชยะพูดเหมือนรู้

   “แล้วนี่ไคล์ไปไหนล่ะ แอบตามมารึเปล่า”

   โชยะว่าแล้วหันหลังไปมองหา

   “รู้เหรอ”

   วายะถามอย่างหวาดหวั่น นี่เขาทำอะไรให้โชยะจับได้กันนะ

“รู้ตั้งแต่เห็นที่บ้านแล้วล่ะ เธียร์สินะ”
เธียร์พยักหน้าอย่างรู้สึกผิด

“ยินดีที่ได้เจอกัน แต่ว่าเจอกันแบบนี้แปลกๆอยู่นะ”

โชยะพูดยิ้มๆเมื่อเห็นคนตรงหน้าหน้าเสียไป

เขารู้ว่าคนต้นคิดคงเป็นคนของเขาแน่ๆ

“แล้วนี่ไคล์ล่ะ”

“ไปแทนนัดของฉันน่ะ”

โชยะส่ายหน้าระอา คนพี่ก็คิดได้ คนน้องก็ยอมทำตาม ไม่รู้คู่นัดทางโน่นจะว่าไง

“แล้วไปที่ไหนล่ะ”

พอเธียร์บอกสถานที่โชยะก็พาไปที่เดียวกันทันที

.........................................

   ไคล์มาธุระที่เธียร์ว่าแทน แต่ดูยังไงก็ไม่เห็นมีธุระสักนิด นี่มันเดทชัดๆ ตอนที่วายะมารับ พอเปิดประตู วายะก็ยืนนิ่งไปจนไคล์นึกว่าจะจับได้ซะแล้ว แต่วายะก็ไม่ได้ว่าอะไร พูดคุยและทำตัว แบบปกติ...ปกติรึเปล่านะ ไม่รู้สิ ไม่ค่อยสนิทกันเท่าไหร่ เธียร์ก็ไม่โทรมาสักที

เสียงเปิดประตูร้านดังขึ้น โชยะกับเธียร์เดินเข้ามา โชยะใช้มือข้างซ้ายโอบเอวเธียร์แล้วพาไปนั่ง ไคล์มองภาพตรงตรงหน้าอย่างไม่สบอารมณ์ ปกติโชยะไม่ทำบ่อยๆหรอก แต่ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยทำ ไม่อยากมอง ไคล์เลยเบือนหน้าหนีไปอีกทาง แต่แล้วก็เหลือบไปเห็นสายตาของวายะที่กำลังมองไปนั้น โกรธอยู่แน่ๆ

“วายะ รู้เหรอ”

ไคล์ถามเบาๆด้วยความไม่แน่ใจ

“อือ”

ตอบเรียบๆ ไคล์เลยถอนหายใจออกมา

“ขอโทษนะ เพราะฉันแท้ๆ เลยไม่ได้มาเดทกับเธียร์เลย”

“ช่างเถอะ มันอยู่ที่เจ้าตัว”

วายะพูดจบก็หันไปมองโต๊ะโน้นอีกที

ทางด้านเธียร์ที่เห็นวายะมองมาด้วยสายตาไม่พอใจ ก็เอาแต่คิดว่าวายะคงนึกว่าเขาเป็นไคล์ เลยไม่พอใจที่เห็นไคล์อยู่กับแฟน
   
“กินอะไรดีล่ะ เดี๋ยวสั่งแล้วค่อยเข้าไปทักแล้วกัน”

   เธียร์พยักหน้าให้โชยะ  โชยะมองไปทางโต๊ะที่ไคล์กับวายะนั่งอยู่ ก็ปะทะสายตาเข้ากับวายะที่มองอยู่เต็มๆ ท่าทางที่บ่งบอกว่าไม่พอใจมากทำให้โชยะรู้ว่าฝั่งโน้นเองก็รู้ตัวเหมือนกัน
   
“ผู้ชายคนนั้นใคร”
   
วายะพูดขึ้นเมื่อเห็นทั้งสองลุกขึ้นและคงเดินมาทัก

   “แฟนฉันน่ะ”

   ไคล์อ้อมแอ้มตอบ โชยะกับเธียร์เดินมาถึงโต๊ะ และทักทายตามมารยาท แต่วายะกลับชวนให้นั่งด้วยกันซะนี่ โชยะก็ไม่ปฏิเสธเหมือนกัน พยายามกันตัวเธียร์ไว้ไม่ให้บอกไคล์ว่าแผนแตกแล้ว
วายะเองก็กันท่าไคล์ ทั้งสองเลยไม่มีโอกาสจะพูดให้อีกคนฟัง โชยะเอาใจเธียร์ตลอดเวลา มากกว่าที่ทำให้ไคล์อีก แล้วอยู่ๆก็ถามขึ้นมาว่า

   “เมื่อวานโกรธอะไรน่ะ ก็แค่ช็อกโกแล็ต”

   เธียร์ที่ไม่รู้เรื่องอะไรด้วยได้แต่เงียบ และมองบรรยากาศมาคุบนโต๊ะอย่างหวาดหวั่นโชยะก็โกรธน่าดู ไคล์ก็พอกัน แล้วไหนจะวายะอีก โอย อยากหายตัวไปจากตรงนี้พอชักทนไม่ไหวเลยขอตัวไปห้องน้ำภาวนาให้ไคล์ตามเข้ามาที แต่ก็ไม่มีวี่แวว
   
พอออกมาจากห้องน้ำอีกที โชยะกับไคล์ก็หายไปแล้ว วายะที่เหลืออยู่บนโต๊ะก็นั่งทำหน้าไม่พอใจสุดๆอยู่

   “พวกนายเล่นอะไรกัน”
   ประโยคแรกที่ออกมาจากปากทำเอาเธียร์จ๋อยไปทันที  วายะลุกขึ้นแล้วดึงเธียร์ให้เดินตามออกมา
   
“แล้วผมนี่อะไร”

   วายะว่าพลางขยี้หัวให้ผมที่เรียบกลับมายุ่งอย่างเคย

   “นี่คงคิดอะไรบ้าๆอย่างอยากให้ฉันได้เดทกับไคล์อะไรทำนองนี้ล่ะสิ”

   พูดอย่างรู้ทัน เธียร์ก้มหน้าเดินตามวายะไป ไม่กล้าเถียงสักนิด เขาก็คิดอย่างนั้นจริงๆ และคิดว่าหากว่าไคล์ได้มาอยู่กับวายะสักวันอาจจะชอบวายะขึ้นมาก็ได้

   “นายนี่มัน....น่าโมโหชะมัด”

   วายะว่าแล้วเร่งฝีเท้าเดินเร็วขึ้นอีก

.......................................
   
   วายะพาเธียร์มาที่บ้านตัวเองและลากเข้าห้องทันที ร่างบางถูกเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างแรง
   
“เลิกคิดเลิกทำอะไรบ้าๆสักทีจะได้ไหม”

   วายะบ่นแล้วถอดเสื้อตัวเองออก เธียร์ร่นถอยหลังเมื่อร่างสูงขึ้นเตียงมาอีกคน

   “แล้วเลิกทำท่าอย่างนั้นสักทีได้ไหม ทำเหมือนฉันกำลังจะข่มขืนนายงั้นล่ะ”

   เธียร์คิดในใจว่าแล้วมันไม่ใช่รึไง

   “นายตกลงคบกันเองนะแล้วมาทำท่าทางแบบนั้นหมายความว่าไง”

   ตกลงคบ...เมื่อไหร่หว่า ไม่เห็นจำได้
   วายะฉวยจังหวะที่เธียร์เผลอคว้าข้อเท้าเอาไว้แล้วกระชากแรงๆให้ร่างบางมาอยู่ใต้ร่างของตนทันที

   “ฉันโกรธนะวันนี้น่ะอย่าให้เกิดเรื่องแบบนี้อีก ไม่งั้น นายเจอดีแน่ๆ”

   วายะขู่ฟ่อ มือก็ถอดเสื้อไปด้วย

   “นี่เดี๋ยวสิ เราคบกันเมื่อไหร่ฉันจำไม่เห็นได้”

   “ช่างเถอะ เงียบๆไปก็พอ”

   กางเกงหลุดออกไปแล้ว

   “วันนี้วันวาเลนไทน์ แต่นายทำฉันโกรธ ก็รับการลงโทษไปแล้วกันนะ”

   แล้ววายะก็เริ่ม “ลงโทษ” เธียร์ทันที ตั้งแต่บ่าย...ยันเย็น...ไม่ให้ร่างบางได้พักบ้างเลยเธียร์แทบไม่มีเรี่ยวแรง ตอนเย็น วายะอุ้มเธียร์ไปอาบน้ำ ยกข้าวมาให้กิน แล้วจบลงด้วยการลงโทษต่อ
เธียร์ที่แสนเหนื่อยล้าได้แต่บ่นในใจว่า “ให้ตาย มันไปเอาเรี่ยวแรงมาจากที่ไหนกันนะ”

.................................................

   วายะลุกขึ้นกลางดึกหลังจากที่จัดการลงโทษอีกฝ่ายจนหนำใจ มองร่างที่หลับสนิทเพราะความเหนื่อยล้าอย่างเอ็นดู เขารู้มานานแล้วว่าเธียร์หัวช้า แต่ไม่นึกว่าจะซื่อบื้อได้ขนาดนี้ วายะมั่นใจว่าตัวเองแสดงออกชัดเจนมากว่าเธียร์เป็นคนสำคัญ ตั้งแต่เขารู้ตัวเองก็ทำแบบนั้นมาตลอด คนรอบข้างดูเหมือนจะรู้กันหมด เหลือแต่เจ้าตัวเท่านั้น เขาคงผิดเองที่ไปบอกว่าชอบไคล์ ตอนนั้นวายะคิดจริงๆว่าตนชอบไคล์ จนวันที่กินเหล้าเมา เมื่อตื่นขึ้นมาและได้เจอไคล์ เขาก็บอกตัวเองได้ในทันทีว่าไม่ได้ชอบไคล์ คนที่เขาชอบคือเธียร์ต่างหาก ที่คิดว่าตัวเองชอบไคล์ เพราะคิดว่าไคล์เป็นเธียร์ เธียร์ในแบบที่ไม่ใช่เพื่อนกัน จะว่าไงดีล่ะ คงชอบเธียร์แต่ไม่อยากเสียเพื่อนสนิทไปละมั้ง แต่พอได้คุยกับไคล์หลังจากที่คิดว่าชอบ ก็รู้ได้ว่าไม่ใช่ และไคล์กับเธียร์ไม่เหมือนกัน สองคนอาจจะไม่รู้ แต่ถึงหน้าตาจะเหมือนกันแค่ไหน บุคลิกและการแสดงออกอื่นๆไม่เหมือนกันสักนิด ตอนนี้ก็อยู่ที่เธียร์ล่ะนะว่าจะรู้ตัวเมื่อไหร่
   
“เฮ้อ...”

   ถอนหายใจเมื่อคิดว่าอาจจะคิดไม่ออกไปตลอดชีวิตเลยก็ได้ใครจะรู้ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะทำไงดีล่ะ ทั้งๆที่วันที่เธียร์เมา เขารวบรวมความกล้าสารภาพออกไป และร่างบางก็ตอบรับรักเขาแล้วแท้ๆ แล้วไหงมันเป็นแบบนี้ไปได้ล่ะเนี่ย ไอ้จะบอกเจ้าตัวไปตามความจริงก็ไม่อยากจะบอก เรื่องแบบนี้ดันลืมซะได้ ถึงจะเมาก็เถอะ แต่ก็โกรธอยู่ดี แล้วอีกอย่าง ถ้าได้ฟังความในใจของเธียร์อีกครั้งตอนที่เธียร์ไม่เมาคงจะดีไม่น้อย
   
“จะมีวันนั้นไหมเนี่ย”

   พูดแล้วก้มลงจูบขมับร่างบางเบาๆ

   “ฉันรักนายนะ เมื่อไหร่จะรู้ตัวสักที”

..........................................
   
 “พักนี้ไม่ค่อยเห็นออกไปไหนกับโชยะเลย”

เธียร์ถามเมื่อพี่ชายเอาแต่มาขลุกอยู่ที่บ้านตน

“เลิกกันแล้วน่ะสิ”

ฝ่ายนั้นตอบสบายๆราวกับว่าเป็นเรื่องเล็ก เธียร์หันไปมองอย่างไม่เชื่อ แต่ไคล์ก็ดูทีวีโดยที่ไม่ได้แสดงท่าทีอะไรออกมาเลย

“ทะเลาะกันเหรอ”

ถามเพราะเป็นห่วงพี่ชาย แต่อีกฝ่ายกลับทำท่าราวไม่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญอะไร

“จากกันด้วยดีต่างหาก คิดว่าที่จริงฉันชอบคนอื่นแล้วน่ะ”
“ใครเหรอ”

“วายะไงล่ะ”

พอไคล์พูดจบ เธียร์ก็หน้าถอดสีทันที วายะงั้นเหรอ ไคล์ชอบวายะ

“เธียร์ เธียร์”

ไคล์ส่งเสียงเรียกเมื่อเห็นว่าน้องชายเงียบไป

“เอ่อ...อะไรนะ”

“ไม่ได้ฟังเหรอ”

“ขอโทษที ยังไงจะช่วยเชียร์นะ”

เธียร์พูดแล้วยิ้มออกมา ไคล์ชอบวายะ วายะก็ชอบไคล์ แบบนี้ก็ลงตัวแล้วสินะ คนที่เขารักสองคนจะมีความสุข เขาต้องดีใจสิ แล้วทำไมน้ำตามันจะไหลแบบนี้ล่ะ

“ฉันรู้นะว่าเธียร์ก็ชอบวายะน่ะ”

ไคล์พูดตรงๆจนคนฟังสะดุ้ง

“จะว่าฉันนิสัยไม่ดีก็ได้นะ แต่เพราะชอบไปแล้วเลยไม่รู้ต้องทำไง”

ไคล์พูดด้วยสีหน้าเศร้าๆจนเธียร์ต้องรีบเข้าไปปลอบ

“ไม่เป็นไรหรอกน่า อย่าคิดมากสิ เรื่องของหัวใจน่ะ จะไปบังคับมันได้ไง”

“งั้นเราสองคนมาพยายามด้วยกันนะ”

ไคล์จับมือเธียร์ไว้ และพูดด้วยสายตามุ่งมั่น ในขณะที่เธียร์ได้แต่พูดในใจว่า อย่างเขาพยายามไปก็ไม่ได้อะไรขึ้นมาหรอก ก็วายะน่ะ ชอบไคล์นี่นา คงหมดเวลาของตัวแทนอย่างเขาแล้วแน่ๆ

...................................

   จากนั้นมา เมื่อวายะมาที่บ้านไคล์จะอยู่ด้วยเสมอ วายะเองก็ไม่เข้าใจว่าไคล์กำลังทำอะไรอยู่ ท่าทางที่เอาอกเอาใจเขาเกินกว่าเหตุ แถมเมื่อไคล์มาอยู่ใกล้ๆแบบนี้ เธียร์ก็ยิ่งถอยห่างเขาไปมากขึ้นทุกที นี่มันเรื่องอะไรกัน ปวดหัวซะจริง
   
“วายะ อันนี้อร่อยไหม”

   ไคล์ถามพลางยื่นหน้ามาใกล้ๆ

   “อืม ก็ดี”

   ตอบอย่างเสียไม่ได้แล้วหันไปมองเธียร์ที่นั่งก้มหน้ากินข้าวโดยไม่พูดอะไร พักนี้เธียร์ไม่ค่อยยอมสบตาเขาเท่าไหร่ แถมตอนอยู่ที่โรงเรียนยังเหมือนหลบหน้าเขายังไงไม่รู้

   “วันนี้วายะก็มาค้างที่นี่เหรอ”

   ไคล์ถามเสียงหวาน วายะที่ไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้นกับไคล์ก็พยักหน้าแทนคำตอบ
   
“ดีจัง งั้นฉันมานอนด้วยได้ไหม”
   
วายะไม่ตอบ ถ้าถามน่ะ ตอนนี้เขาอยากอยู่กับเธียร์สองคนมากกว่า ถ้าเป็นไคล์ปกติเขาก็ไม่ว่าอะไรหรอก แต่ไคล์ตอนนี้น่ะ...ไม่ไหวๆ
   
“ได้ไหมเธียร์”
   
เมื่อวายะไม่ตอบ ไคล์เลยหันมาถามน้องชายแทน เธียร์พยักหน้าในขณะที่ยังก้มหน้ากินข้าวเหมือนเดิม
   
ตอนที่ไคล์บอกให้พยายามด้วยกัน เขาเป็นคนบอกเองว่าจะหลีกทางให้ เพราะงั้น ตอนนี้เขาจะพูดอะไรได้
.....................

   ไคล์มาสารภาพรัก...นี่มันเรื่องบ้าอะไรกัน วายะแทบไม่เชื่อหูตัวเอง เขาไม่อยากจะเชื่อว่าไคล์ชอบเขา เป็นไปไม่ได้ หรือว่าเธียร์แกล้งเขาอีก วายะเพ่งมองร่างตรงหน้าว่าเป็นเธียร์ปลอมตัวมากรึเปล่า แต่...ดูยังไงก็ไคล์ชัดๆ
   
“คือว่า...”
   
วายะพยายามคิดหาคำพูดดีๆซักคำ เสียงกุกกักที่ดังมาห่างไปไม่มาก ทำให้ทั้งคู่ต้องหันไปมอง ร่างที่หันหลังวิ่งหนีไวไวนั่นไม่บอกก็รู้ว่าเป็นใคร
   
“นายเล่นอะไรน่ะ”
   
วายะถาม แล้วยิ่งพอหันไปเห็นรอยยิ้มของไคล์ก็ยิ่งต้องการคำตอบมากขึ้นไปอีก

..........................

ออฟไลน์ JUPJIB

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +218/-0
   เธียร์ล้มตัวลงบนที่นอน พยายามเช็ดน้ำตาให้หมด เมื่อถึงเวลาที่ต้องแสดงความยินดีกับคนที่เขารักทั้งสองคนจะต้องทำด้วยใจจริง แค่ตอนนี้เท่านั้นที่ขอร้องไห้ก่อน พยายามคิดว่าต้องทำใจให้ได้ แต่แล้ว ภาพที่ทั้งคู่กอดกัน ร่างที่วายะกอดเป็นไคล์ไม่ใช่ตน ก็โผล่ขึ้นมาในความคิด ไม่เอานะ เรื่องแบบนั้น เธียร์สะอื้นร้องไห้
   
เสียงขึ้นบันได้มาด้วยความรีบเร่ง และตามด้วยเสียงเคาะประตูห้องสนั่นหวั่นไหว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าคนที่ไม่เกรงใจชาวบ้านนี้เป็นใคร คงรีบมาบอกข่าวดีให้เขารู้ แต่ตอนนี้เธียร์ยังไม่อยากฟังอะไรทั้งนั้น
   
“เธียร์”
   
เสียงข้างนอกตะโกนเรียกอย่างร้อนใจ แต่ข้างในก็ยังเงียบ
   
“เปิดประตูนะ ฉันรู้ว่านายอยู่ข้างใน”
   
เสียงวายะไม่ค่อยพอใจ แต่เธียร์ก็ยังนิ่งเฉย เขายังแสดงความยินดีตอนนี้ไม่ได้หรอก
   
ปึง...ปึง
   
เสียงประตูถูกเตะจากข้างนอกทำเอาเธียร์ตกใจ เพราะไม่คิดว่าวายะจะทำขนาดนี้
   
“นายจะเปิดหรือจะให้พังเข้าไป”

   เสียงที่ถามเข้ามาอย่างเหลืออดทำให้เธียร์ต้องรีบลงจากเตียงไปเปิดประตูให้ วายะทำจริงแน่ น้ำเสียงของเจ้าตัวบอกมาอย่างนั้น

   “นายจะบ้า เฮ้ย”

   ยังไม่ได้ต่อว่าจนจบ ร่างสูงก็โถมตัวมากอดเธียร์ไว้แน่น

   “ถ้าปกติดีก็ช่วยเปิดเร็วๆหน่อยสิ”

   วายะพูดเสียงสั่น ไม่คิดว่าเธียร์จะทำอะไรบ้าๆหรอก แต่มันก็อดห่วงไม่ได้

   “นาย ร้องไห้เหรอ”
   
วายะถามเมื่อรู้สึกได้ถึงแรงสะอื้นจากคนในอ้อมกอด เธียร์ได้แต่ก้มหน้าซ่อนน้ำตาเมื่อโดนดันตัวออกช้าๆ

   “เฮ้อ...ถึงมันจะดูน่ารักดีก็เถอะนะ”
   
วายะพูดเบาๆเหมือนพูดกับตัวเอง แล้วก้มลงเช็ดน้ำตาให้อีกฝ่าย

   “หยุดร้องเถอะนะ”

   ว่าแล้วรวบเธียร์มากอดอีกที เธียร์เองก็อยากจะหยุดหรอก แต่มันยากนี่ พอคิดว่าวายะกับไคล์จะลงเอยกันมันก็

จริงสิ ไคล์ ถ้าไคล์มาเห็นล่ะก็ ไม่ดีแน่ คิดดังนั้นจึงรีบผละออกทันที โดยที่วายะยังไม่ทันได้ตั้งตัว

“เดี๋ยวไคล์มาเห็นจะเข้าใจผิดเอานะ”

พูดแล้วก็ยกแขนปาดน้ำตา พยายามห้ามตัวเองไม่ให้ร้องไห้

วายะส่ายหัวอย่างอ่อนใจ ลากเธียร์เข้ามาในห้องแล้วปิดประตู จับร่างบางนั่งลงบนเก้าอี้ แล้วย่อตัวลงจนหน้าอยู่ระดับเดียวกัน

“เอาล่ะ มองหน้าฉันสิ”

เธียร์ที่เอาแต่ก้มหน้า เงยหน้าขึ้นตามที่วายะบอก

“ฟังนะ ฉันอยากให้นายคิดได้เอง แต่ดูเหมือนนายจะนึกไม่ออกจริงไหม”

เธียร์สูดลมหายใจเข้าลึกๆ พยายามกลั้นสะอื้น ไม่เข้าใจว่าวายะพูดอะไร

“ฉันรักนาย รักจริงๆ ไม่ใช่ตัวแทนอะไรทั้งนั้น ใครๆก็รู้ ไคล์ก็รู้”

“...”
   
เธียร์อ้าปากค้าง ตกใจกับสิ่งที่ได้ยิน ฝ่ายคนพูดยืดตัวตรงอีกครั้งลูบหน้าด้วยความเขิน
   
“ฉันเคยบอกนายไปแล้วครั้งหนึ่ง”
   
“ไม่เห็นเคยได้ยิน”
   
เธียร์เถียง

“อ่า นั่นสิ เพราะนายจำไม่ได้นี่ล่ะที่ทำให้ฉันอารมณ์เสียที่สุด”

“แล้วมันวันไหนกันเล่า”

“ก็วันที่นายเมาไง”

เธียร์พยายามนึกเหตุการณ์หลังออกมาจากร้านเหล้า แต่ก็นึกอะไรไม่ออก

“แล้วทำไมนายไม่บอกอีกเล่า”

“นายลืม ฉันก็ต้องโกรธเป็นธรรมดา”
   
“ทำเป็นพูดดีตัวเองก็จำไม่ได้แท้ๆ”

   เธียร์ลุกขึ้นจากเก้าอี้ พูดอย่างไม่ยอมแพ้

   “จำอะไรไม่ได้”

   วายะเองก็ไม่ยอมเหมือนกัน

   “วันนั้นนายเองก็จำไม่ได้เหมือนกันแหละมาว่าเขา”

   “วันไหนไม่ทราบ”

   “ก็วันที่นายเมาเพราะรู้ว่าไคล์มีแฟนแล้วไง”

   “จำอะไรไม่ได้”

   “โธ่เว้ย ตัวเองเป็นคนกดคนอื่นบนโซฟาแท้ๆ โซฟานะไม่ใช่เตียง”

   วายะยิ้มขำกับคำพูดอย่างลืมตัวของเธียร์ พูดออกมาจนได้ ทำไมเขาจะจำเรื่องวันนั้นไม่ได้ แต่ตอนแรกยังมึนๆมันเลยนึกไม่ออก พอได้กลับไปนอนเต็มอิ่มที่บ้านก็นึกออกแล้ว แต่เมื่อเธียร์ไม่พูดอะไร เขาก็เลยไม่พูดเหมือนกัน คิดว่าเดี๋ยวเธียร์ทนไม่ไหวก็พูดขึ้นมาเอง แต่เธียร์ก็ไม่พูด เขาเลยเริ่มเองใหม่ซะเลย ก็กลายเป็นว่าเธียร์จำไม่ได้ซะอีก

   “นายยิ้มอะไรน่ะ”

   เธียร์ถาม หงุดหงิดที่มาโดนว่า

   “ยิ้มเพราะว่าไม่ใช่ว่าจำไม่ได้น่ะสิ”

   วายะพูด ส่งสายตาเจ้าเล่ห์ จนเธียร์เริ่มนึกออกว่าตัวเองพูดอะไรออกไป ใบหน้าร้อนผ่าวขึ้นมาทันทีเมื่อรู้ว่าได้พูดเรื่องน่าอายออกไปซะแล้ว

   “ฉันจะทำให้ดูก็ได้นะ ยืนยันว่ายังไม่ลืม”

   ว่าแล้วก็ฉุดมือร่างบางไปที่เตียง

   “ผิดที่ไปหน่อยคงไม่เป็นไรนะ”

   เธียร์ได้แต่อ้าปากค้างกับสิ่งที่ได้ยิน วายะทำไมเป็นคนพูดอะไรได้หน้าไม่อายขนาดนี้ล่ะ อ่ะ ไม่ใช่เวลามาคิดเรื่องนี้

   “หยุดก่อนนะ”

   พยายามดันร่างสูงออก แต่วายะก็ไม่ปล่อย

   “เชื่อแล้วๆ ปล่อยเถอะ”

   “เชื่อเหรอ เชื่อง่ายจัง”

   วายะว่าพลางซุกใบหน้าลงสูดกลิ่นหอมที่ซอกคอขาว

   “ถ้าเชื่อแล้วก็ให้รางวัลฉันหน่อยแล้วกันนะที่จำได้”

   “อ่ะ...ไม่เอานะ”

   วายะเงยหน้าขึ้นมายิ้มใส่ตาคนที่ดันอกเขาอยู่ พอเห็นว่าร่างบางกำลังจะอ้าปากพูดอะไรสักอย่างก็ก้มลงแนบริมฝีปากปิดเสียงนั้นไว้ก่อน ลิ้นร้อนเข้ารุกรานชิมความหวานภายในเรียวปากบางเกี่ยวกระหวัดให้ร่างบางตอบรับซึ่งทำได้ไม่ยากนัก

   “อือ...อืม”

   เสียงหวานดังจากลำคอ เสื้อถูกถอดออกไปเมื่อวายะละริมฝีออก เธียร์ไม่มีแรงร้องห้ามต้องหายใจเข้าปอดเต็มที่ เขาแทบไม่มีสติเหลืออยู่ มือหนาลูบไล้ไปทั่วผิวกาย ต่ำลงไปเรื่อยๆจนถึงขอบกางเกง กระดุมถูกปลดออก แล้วกางเกงก็หลุดออกจากตัวเขาอย่างง่ายดาย

   “อ่ะ...อย่า”

   วายะส่งมือเข้ากอบกุมกลางลำตัวของเธียร์ทันที รูดรั้งเป็นจังหวะในขณะที่ก้มลงครอบครองริมฝีปากบางอีกครั้ง

   “อือ...อา”

   มือที่เคยผลักไสกลับหยุดนิ่งจับเสื้อของวายะไว้แน่น ร่างสูงถอนริมฝีปากออกและฝังจมูกลงที่ซอกคอขาว สูดกลิ่นหอมหวานจนเต็มปอด ก่อนที่จะเม้มริมฝีปากฝากร่องรอยเอาไว้

   “อา...วายะ วายะ”

   เสียงที่เปล่งเรียกแหบพร่าและสั่นน้อยๆ วายะยิ้มกับชื่อที่อีกฝ่ายเรียก ไม่มีชื่อใครนอกจากเขา ไม่มีไม่ว่าเมื่อไหร่ เมื่อก่อน ตอนนี้ หรือว่าจากนี้ไป มือที่ขยับอยู่ก็เพิ่มจังหวะขึ้นราวกับจะให้รางวัล

   “อ่ะ...อ่ะ ไม่ไหว ไม่ไหวแล้ว...อ่ะ”

   ของเหลวถูกปล่อยออกมา เปรอะทั่วตัวของทั้งคู่ แต่ดูเหมือนจะไม่มีใครสนใจหรือคิดว่ามันสกปรก ร่างสูงไล่ริมฝีปากต่ำลงมาเรื่อยจนมาถึงยอดอกสีสวยที่บัดนี้ตั้งชันราวกับรอคอย ลิ้นสากแตะชิมและขบเม้มแรง

“อ่ะ...พอเถอะ”

เสียงที่ร้องห้ามยังปนอาการหอบน้อยๆ ถึงไม่ได้ทำอะไรเลยแต่เธียร์ก็รู้สึกเหนื่อยหอบ และวายะก็ไม่ปล่อยให้เขาได้พัก แก่นกลางลำตัวที่เพิ่งได้รับการปลดปล่อยไปเริ่มขยายตัวขึ้นมาอีกครั้ง และไม่ได้มีแต่เธียร์เท่านั้นที่สังเกตเห็น วายะก้มลงไปและครอบครองมันไว้ด้วยเรียวปาก

“อา...อย่า...อย่าทำ”

ถึงจะร้องห้ามแต่ก็ไม่ได้รับความสนใจ มือหนาเคลื่อนตัวไปด้านหลังและแทรกเข้าไปเพื่อสร้างความคุ้นเคย นิ้วแรกผ่านเข้าไปและเริ่มขยับ เมื่อช่องทางเริ่มคุ้นเคยมากขึ้นนิ้วที่สองและสามก็เพิ่มเข้ามา

“อ่ะ...วายะ พอ พอเถอะ”

ถึงแม้จะร้องห้ามแต่ก็พูดได้ยากว่ารู้สึกไม่ดี เมื่อถูกกระตุ้นทั้งทางด้านหน้าและด้านหลัง เธียร์ก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไป

“วายะ...พอ...พอ...อ่ะ...อ๊า”

เธียร์ไปถึงจุดหมายอีกครั้ง ของเหลวที่ถูกปล่อยออกมาถูกวายะกลืนลงไปจนหมด

“นาย...กิน...ไม่ได้นะ”

พูดปนหอบหายใจ

“ทำไม ของนายหวานดีออก”

พูดแล้วก็ขยับมาแนบริมฝีปากลงมาอีกครั้ง ช่วงชิงลมหายใจของเธียร์ไปพร้อมๆกับสติ และกระซิบที่ริมหูว่า

“นายก็ทำด้วยสิ”

อยากปฏิเสธอยู่หรอก แต่ก็รู้สึกว่าตัวเองเอาเปรียบ เธียร์จึงเลื่อนตัวลงช้าๆไปหยุดที่ตรงกลางลำตัวของอีกฝ่าย หยุด หยุด และหยุด คงจะนานไปหน่อยวายะเลยหัวเราะขึ้นมาอย่างขำๆแกมเอ็นดู

“ไม่ขำนะ ใครจะไปรู้ดีเหมือนนายเล่า”

“นั่นสินะ”

วายะพูดแต่ยังไม่หยุดขำ เธียร์ส่งสายตาไปค้อนๆ

“ก็บอกมาสิหรือจะให้ฉันไปเรียนจากคนอื่น”

วายะยิ้มกับการประชดประชัน

“ก่อนอื่นก็ถอดกางเกง”

เธียร์ทำตาม พอกางเกงถูกถอดออก ความแข็งขืนของวายะก็ปรากฏแก่สายตาทันที ไม่ใช่ไม่เคยเห็น แต่ไม่เคยเห็นแบบใกล้ๆแบบนี้

“ที่นี้ก็ใช้ลิ้น”

เธียร์สูดหายใจเข้าลึกๆแล้วทำตาม

“ริมฝีปากนายด้วยสิ”
   
ไม่นานวายะก็ไม่สอนอีก เธียร์เริ่มเรียนรู้ด้วยตนเองได้ มันก็ไม่ได้แย่นะในความคิดเธียร์ เสียงครางต่ำที่ออกมาจากลำคอของร่างสูง ก็แสดงให้เห็นว่าเธียร์ก็ทำให้วายะพอใจได้เหมือนกัน
   
“นายก็เก่งนี่”
   
วายะว่าแล้วดึงตัวเธียร์ขึ้นมา เธียร์ลุกตามแรงฉุดอย่างสงสัย วายะถอดเสื้อตนออกแล้วเหวี่ยงไปข้างเตียง
   
“ทำไมล่ะ นายจะไปอยู่แล้วไม่ใช่เหรอ”
   
“แต่ฉันอยากถึงในตัวนาย”
   
ว่าแล้วก็สลับตำแหน่งให้เธียร์ลงมานอนใต้ร่างตน มือกระตุ้นกลางลำตัวร่างบางอีกครั้ง ปากก็แนบลงมาพร้อมกับลิ้นหนาที่รุกรานเข้ามาทันที
   
“อึก...อือ...อือ”
   
วายะจับขาขาวแยกออกจากกัน ค่อยๆสอดแทรกแก่นกายร้อนเข้าภายใน และเริ่มขยับ
เธียร์ขยับตามจังหวะนั้นอย่างว่าง่าย มือจับบ่าวายะไว้แน่น
   
“ฉันรักนายนะ รักนาย”
   
วายะกระซิบเบาๆการสอดแทรกประสานส่งเสียงน่าละอายไปทั่วห้อง แต่ก็ดังน้อยกว่าเสียงที่ผ่านลำคอเรียวออกมา เธียร์ไม่เข้าใจสิ่งที่วายะบอก ไม่รู้ว่าวายะพูดอะไร ที่ได้ยินมีเพียงคำเดียวเท่านั้น คือคำว่ารัก และดูเหมือนมันจะยิ่งทำให้เธียร์รู้สึกร่วมไปกับร่างสูงมากยิ่งขึ้น ยิ่งวายะเร่งจังหวะ มือที่กำบ่าไว้ก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นอีก
   
“วายะ...จะไป...อ่ะ....อา”
   
ส่วนกลางลำตัวที่โดนเสียดสีทุกครั้งที่ร่างสูงขยับก็ปล่อยของเหลวของมาอีกครั้ง ช่องทางด้านหลังที่บีบรัดแน่นขึ้นเรียกร้องให้สิ่งที่สอดแทรกภายในปลดปล่อยออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน ของเหลวร้อนๆถูกฉีดพ่นสู่ภายในจนเอ่อล้น
   
วายะฟุบตัวลงทับร่างบางแต่ก็ไม่นานเพราะกลัวอีกฝ่ายจะอึดอัด ขยับกายลุกและลงนอนข้างร่างบาง เธียร์รับรู้การเคลื่อนไหวเหล่านี้ และเข้าใจจุดประสงค์ของวายะ วายะเป็นแบบนี้เสมอ อ่อนโยนกับเขาเสมอ ไม่ว่าตอนไหน ทำไมเขาไม่คิดมาก่อนนะ คิดไปก็เริ่มง่วงเริ่มเคลิ้มหลับด้วยความเพลีย แต่มือหนาที่ลูบไล้ตามลำตัวอีกครั้งก็ปลุกสติเขาขึ้นมาได้
   
“อ่ะ...พอน่า”
   
วายะไม่ตอบแต่ไม่หยุดมือ ก่อนที่เธียร์จะคล้อยตาม ภาพของไคล์ก็ลอยเข้าหัวมา เขาลุกขึ้นทันที เข้าห้องน้ำจัดการทำความสะอาดร่างกายตน และแต่งตัวไปยังส่วนของบ้านไคล์ทันที
   
“ไคล์ๆ เปิดประหน่อย ฉันเอง”
   
เคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบรับ จนอดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ กำลังจะกลับไปเอากุญแจสำรองที่บ้านตนอยู่พอดีประตูก็เปิดออก
   
เธียร์มองสภาพไคล์ที่ออกมาเปิดประตูมึนๆ ถ้าเจอไคล์ที่ร้องไห้อยู่ก็ไม่น่าแปลกเท่าไหร่ แต่ไคล์ในสภาพเสื้อผ้ายับยู่ กระดุมติดไม่เรียบร้อย ริมฝีปากชื้นและบวมเจ่อ ตามลำคอและผิวตรงที่มองเห็นได้เต็มไปด้วยรอยคิสมาร์ก ใบหน้าแดงก่ำ ไม่ต่างจากเธียร์ที่รู้สึกอายเมื่อเจอสภาพไคล์เข้า กำลังจะอ้าปากถาม มือหนาก็มาฉุดร่างเขาออกจากตรงนั้นซะก่อน
   
“ขอโทษที่รบกวน”
   
วายะพูดยิ้มๆ เธียร์เดินตามแรงมือวายะด้วยสติหลุดลอย ยังไม่เข้าใจว่าเกิดอะไรขึ้น ไม่รู้ตัวว่าโดนจับนั่งที่โซฟาเมื่อไหร่ด้วยซ้ำ วายะหายไปในห้องครัว และกลับออกมาอีกครั้งพร้อมน้ำหนึ่งแก้วส่งให้ เธียร์รับมาดื่มกล่าวขอบคุณเบาๆแต่ในสมอง (น้อยๆ) ยังนึกเรื่องไคล์อยู่
   
“ไคล์...กับใคร”

   เหมือนพูดกับตัวเองแต่ร่างสูงก็ตอบให้แทน

   “ก็โชยะแฟนเขาไง”

   เธียร์มองวายะพยายามจะบอกว่าเลิกกันแล้ว แต่วายะกลับพูดต่อซะก่อน

   “โชยะแค่ต้องไปต่างประเทศสองอาทิตย์เท่านั้นเอง”

   “แต่ไคล์บอกว่าชอบนาย”

   เถียงทันควัน แต่ก็โดนย้อนทันทีเหมือนกัน

   “อย่าบ้าน่า ไคล์เขาเห็นว่าเราสองคนไม่ไปไหนสักทีถึงได้วางแผนแบบนั้นขึ้นมาให้นายรู้ว่าฉันรักใคร เลือกใครก็เท่านั้นแหละ”

   “หมายความว่าไง”

   “พูดไป นายจะเข้าใจไหมนี่”

   วายะมองหน้างงๆของเธียร์อย่างอ่อนใจ แต่ก็คิดวิธีให้เธียร์เลิกสงสัยได้ ร่างสูงค่อยๆกดอีกฝ่ายลงกับโซฟา

   “นายจะทำอะไรน่ะ”

   เธียร์ที่เพิ่งได้สติตอนที่หลังแนบเบาะไปแล้วเรียบร้อยร้องโวยวาย

   “ก็รำลึกไง สถานที่จริงด้วยนะไม่ดีเหรอ”

   รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ที่ส่งมาทำเอาเธียร์รู้สึกร้อนๆหนาวๆ

   “ไม่ดะอุ๊บ”

   ยังไม่ทันได้ตอบริมฝีปากก็แนบลงมาซะก่อนแล้ว แล้วทั้งห้องก็เต็มไปด้วยเสียงหวานๆของเธียร์อีกพักใหญ่
   
   ***ด้านไคล์ก็เดินกลับเข้ามาหาคนในบ้านที่หงุดหงิดเพราะถูกขัดจังหวะ

   “เธียร์นะออกมายังงั้นได้ไงนะ”

   บ่นเบาๆกับสภาพของน้องชาย

   “ยังไง”

   “ก็ปากแดงขนาดนั้น แถมรอยที่คออีก เห็นแล้วอายแทน”

   หน้าแดงๆของไคล์ก็เพราะเห็นรอยพวกนั้นแหละ แต่เมื่อกี้เจ้าตัวเขาก็หน้าแดงๆเหมือนกัน คงรู้ตัวอยู่มั้ง ไคล์คิดต่อในใจ โชยะยิ้มกับคำบ่นของไคล์แล้วลากเจ้าตัวไปส่องกระจก ไคล์หน้าแดงขึ้นมาอีกที อ่างั้นที่เธียร์หน้าแดงเมื่อกี้ก็เพราะสภาพเขาน่ะสิ...


END   

จบแล้วฮับ

ออฟไลน์ prettypearl

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 231
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-1
สองพี่น้องชื่อเศร๊าเศร้า  เคยอ่านเมื่อนานมาแล้วค่ะ  น่ารักทั้งคู่!!  :กอด1:

อ่านแล้ว หมั่นไส้วายะอย่างแรง  ทำน้องเธียร์เสียใจ  อ่านแล้วบีบๆหัวใจแทนน้องกันเลยทีเดียว :m31:

ขอบคุณมากๆนะค้รา

ออฟไลน์ roseen

  • เก็บความทรงจำที่ดีๆของวันวาน เพราะมันคือกำลังใจของวันนี้
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8646
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +947/-16

ออฟไลน์ puchi

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 762
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-5
สองพี่น้อง น่ารักทั้งสองคู่เลย

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
อ่านสองเรื่องนี้ แล้วอดยิ้มไม่ได้ ต่างคนต่างวางแผน สุดท้ายก็จบลงด้วยดี
เป็นกำลังใจให้ จิ๊บนะครับ + ให้ทู้โน้นแล้ว งั้นทู้นี้ ก็ เอา  :กอด1: แทนละกัน

ออฟไลน์ reborn23

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 369
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-3
 :pighaun:
วายะแกจะหื่นไปไหน

น่ารักเกือบทั้งหมด ยกเว้น คู่เธียร์  เรียกว่า หื่น  แทน  :haun4:

ออฟไลน์ love2y

  • (′~‵)
  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2059
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +502/-11
เคยเรื่องนี้มาแล้วเหมือนกัน ยังคิดเหมือนเดิม อยากให้เป็นเรื่องสั้นขนาดยาวววววววววววววววว อิอิ


ปล.
วายะบ่นอุบอิบ แต่น้ำเสียงสดชื่นขึ้นเมื่อรู้ว่าเธียร์ไม่ได้ว่าอะไร แล้วหันไปสนใจอาจรย์ต่อ
วายะ(น่าจะเป็นเธียร์นะ)ถามอย่างหวาดหวั่น นี่เขาทำอะไรให้โชยะจับได้กันนะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 08-06-2011 22:49:48 โดย love2y »

ออฟไลน์ Ryojung

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 437
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +110/-1
อ๊ายยยย น่ารักจังเลยค่ะ น่ารักทั้งคู่เลย อิอิ วายะก็เท่จังเลยยยย

ออฟไลน์ LalaBam

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2864
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +227/-2
น่ารักทั้ง 2 คู่เลย
 :o8:

babyfaibossy

  • บุคคลทั่วไป
น่ารักจังเลย สนุกมากค่ะ

ออฟไลน์ Cherry Red

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 882
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +232/-0
เป็นเรื่องสั้นที่มีหลากหลายอารมณ์ และ passionate มาก ๆ ค่ะ
ทั้งหวานซึ้ง น่ารัก วาบหวาม เจ็บปวด บีบคั้นความรู้สึก แต่สุดท้ายก็ happy ( ดีจัง~) 
แต่ละเรื่องทำให้คนอ่านมีความรู้สึกร่วมได้ดีจริง ๆ มีเสน่ห์จริง ๆ ค่ะ.... 

ออฟไลน์ RinNam

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 178
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
เป็นเรื่องเบาๆ มีปวดใจเล็กๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องเบาๆอ่านสบายๆ
น่ารักมากๆค่ะ
 :pig4: :L1: :L2:

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
เรื่องแรกน่ารักมากค่ะ ให้อารมณ์เหมือนดู music video เลยอะ  :-[

เรื่องที่สองของฝาแฝด ถูกคนที่ตัวเองรักทำให้เสียใจในตอนแรกทั้งคู่เลย น่าสงสาร  :m15: แต่สุดท้ายก็ได้ความรักตอบกลับมาเนาะ   :กอด1:

ขอบคุณคุณ JUBJIB มากๆ เลยนะคะ เรื่องสั้นน่ารักมากกกกกกกกกกก     :pig4:  :L1:  :pig4:

chae

  • บุคคลทั่วไป
อยากอ่านของโชยะด้วยอ่า ><
อยากเห็นโชยะ โหดดดด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด