†ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: †ღ♥ Łove Âccident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ ♥ღ†(นายนิค&คุณกาย) ตอนพิเศษ Happy Valentine's Day  (อ่าน 520122 ครั้ง)

satan666

  • บุคคลทั่วไป


ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้



1.ห้ามมิให้ละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย, ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้งสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกเล้าฯ ในเรื่องการเมือง เชื้อชาติ  เผ่าพันธุ์  ศาสนา และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงการตั้งชื่อเรื่องด้วยคำหยาบ คำไม่สุภาพ  ล่อแหลม และชี้เป้าให้เล้าฯ ถูกเพ่งเล็ง จากทางราชการ

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าตัวไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6. การพูดคุยโต้ตอบระหว่างคนเขียนและคนอ่านนอกเรื่องนิยาย  ทำได้  แต่อย่าให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรตอบเพียงคอมเม้นต์เดียวก็พอแล้ว  โดยสามารถใช้ปุ่ม Insearch qoute  ได้    ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และลงลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วยนะครับ เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน

7. การกดบวกให้เป็ดเหลือง
      7.1 นิยาย 1 ตอน  จะให้ขึ้น Top list แค่ 1 Reply เท่านั้น ถ้าขึ้นเกิน จะลบคะแนนออก เหลือเฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด
      7.2 นิยาย 1 เรื่อง จะให้ขึ้น Top list ไม่เกิน 3 Reply ถ้าเกิน จะลบคะแนนออก ให้เหลือ เฉพาะ Reply ที่มีคะแนนสูงสุด ลงมาตามลำดับ
      7.3 Post ในห้องอื่น ๆ ก็จะใช้ หลักการเดียวกันนี้ เช่นกัน ยกเว้น
            - 1 Reply ที่เกินมานั้น โมฯทั้งหลาย พิจารณาดูแล้วว่า ไม่เป็นการปั่นโหวต และเป็น Reply ที่น่าสนใจและเป็นที่ชื่นชอบจริง ๆ


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ
การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


+++++++++++++++++






-----------------------------------------------------------------------------------------------



สวัสดีค่ะทุกคน ก็เอานิยายที่แต่งเองมาฝากค่ะ ด้อมๆมองๆมาได้สักพักแล้ว ก็เลยตัดสินใจเอาเรื่องมาลงบ้าง ฮี่ๆ  :m23:

ยังไงก็ฝากติดตามด้วยนะคะ ยังงงๆกับการโพสอยู่ เหอๆ  :m13:  :m1:



+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++





Chapter 1 เหตุเกิดเพราะเมา  


   
   ผมลืมตาตื่นขึ้นมาในเช้าวันใหม่ ด้วยความตื่นตกใจ ตกใจที่ตัวเองนอนตัวเปล่าเล่าเปลือยอยู่บนเตียงที่ไม่ใช่เตียงผม ตกใจที่ได้รับรู้ว่าตัวเองนอนอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้ที่ไม่ใช่ห้องนอนของผม แล้วยิ่งตกใจหนักเข้าไปอีก เมื่อพบว่าตามเนื้อตามตัวของผมเต็มไปด้วยรอยคิสมาร์กทั่วตัวไปหมด รู้สึกปวดหัวจี๊ดขึ้นมาจากผลของการดื่มเหล้ามาเมื่อคืน ผมจำไม่ได้ว่าเมื่อคืนดื่มไปมากแค่ไหน แต่น่าจะเยอะพอควรเมื่อดูจากอาการที่ส่งผลมาถึงเช้านี้

   ผมยันตัวลุกขึ้นนั่ง ความรู้สึกปวดแปล๊บแล่นจี๊ดอย่างหนักหน่วงที่บริเวณบั้นท้าย ทำให้ผมต้องเบิกตากว้างอย่างตกใจ ความรู้สึกหวั่นวิตกกับความคิดพิลึกที่แวบเข้ามาในสมอง ทำให้ผมต้องส่ายหัวไปมา พร้อมทั้งบอกกับตัวเองในใจว่า ไม่มีทางเด็ดขาด! 

   ทั้งๆที่ในใจร่ำร้องว่าไม่ใช่ แต่ความคิดของผมกลับแล่นฉิวไปถึงไหนต่อไหนแล้ว ภาวนาต่อสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอให้มันไม่เป็นอย่างที่คิด ถึงแม้ว่าความเป็นจริงมันจะฟ้องให้เห็นอยู่หลัดๆก็ตาม

   นึกย้อนความทรงจำกลับไปเมื่อคืนวาน ตอนห้าทุ่มจำได้ว่าผมยังอยู่ที่บริษัทอยู่เลย ยังยุ่งอยู่กับเอกสารต่างๆบนโต๊ะที่เลขานำมาให้ได้สักพัก เจ้าเรโอเพื่อนรักของผมมันก็โทรมา รบเร้าอ้อนวอนให้ผมไปดื่มเป็นเพื่อน ด้วยข้ออ้างที่ว่า ผมควรไปเปิดหูเปิดตาหาสีสันมาเติมแต่งให้กับชีวิตที่น่าเบื่อซะบ้าง มันหาว่าผมเป็นมนุษย์งาน เป็นหุ่นยนต์เครื่องจักรกินน้ำมันแทนข้าว วันๆเอาแต่ทำงาน ชีวิตมีแต่งานๆงาน แล้วมันก็บ่นอีกสารพัดจนผมต้องยอมตกลงไปกับมัน

   มันขับรถมารับผมที่หน้าบริษัทอย่างกระตือรือร้น ยิ้มร่าไม่หยุด พอผมถามว่ามันเป็นอะไร มันก็เอาแต่หันมายิ้ม ผมรู้สึกสังหรณ์ใจกับรอยยิ้มนั่น จึงถามมันออกไปว่า เราจะไปดื่มกันที่ไหน? มันก็เงียบไม่ยอมบอก ผมจึงลองเดาจากนิสัยและท่าทางของมัน ถามมันว่าใช่บาร์เกย์หรือเปล่า? คราวนี้มันพยักหน้าเป็นคำตอบพลางยิ้มแหยๆให้ผม ความคิดมันทำไมผมจะเดาไม่ได้ ผมคบกับมันมาเกือบสิบปี รู้แกวมันอย่างหมดไส้หมดพุง

   พอผมรู้ว่ามันจะพาผมไปดื่มที่บาร์เกย์ ผมก็รีบปฏิเสธไม่ไปกับมันทันที บอกให้มันหยุดรถแล้วปล่อยผมลง  แต่มันก็ไม่ยอม มันอ้างว่า ผมรับปากจะไปดื่มกับมันแล้ว พูดห้ามคืนคำสิ บอกให้ผมซื่อสัตย์ต่อคำพูด เท่านั้นแหละ ผมจึงต้องยอมจำใจไปกับมัน เพราะผมเป็นคนรักษาคำพูด เมื่อลั่นวาจาออกไปแล้วไม่คิดคืนคำ มันเองก็รู้จักนิสัยของผมดี ถึงได้ยกเหตุผลนี้ขึ้นมาอ้าง

   เมื่อมาถึงบาร์เกย์แห่งหนึ่งแถวย่านสีลม ผมก็รู้สึกอยากจะนั่งรากงอกอยู่บนเบาะรถของเจ้าเรโอซะให้ได้ แต่ก็กลับถูกเจ้าเพื่อนเลวลากเข้าไปจนได้ สถานเริงรมย์ที่ไม่ว่ามองไปทางไหน ก็มีแต่ผู้ชายกับผู้ชาย มันทำให้ผมรู้สึกพะอืดพะอมกลืนไม่เข้าคายไม่ออกซะให้ได้ อยากจะหันหลังกลับเปิดตูดหนีให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราะเจ้าเรโอมันคอยดันหลังผมเอาไว้

   เมื่อเข้าไป ผมรับรู้ได้ถึงสายตาหลากหลายคู่จ้องมายังผม มีทั้งสายตาสนใจใคร่รู้ สายตาแทะโลม และสายตาหื่นกาม ผมคิดว่าตัวเองหน้าจะคุ้นเคยกับการตกเป็นเป้าสายตาแล้วนะ แต่ทำไมวันนี้กลับรู้สึกขนลุกเกรียวอย่างบอกไม่ถูก คงเป็นเพราะมโนจิตสำนึกของผมร่ำร้องว่าคนทั้งหมดที่นี่มันเป็นเกย์! ล่ะมั้ง ถึงทำให้ผมรู้สึกกดดันอย่างบอกไม่ถูก

   ผมหันไปมองเจ้าเพื่อนสุดที่รักที่เดินอยู่ข้างๆ อย่างอ้อนวอน แต่มันกลับยิ้มร่ามาให้อย่างไม่สะทกสะท้าน แถมยังกระซิบใกล้หูผมว่า หน้าตาแบบผมสเป็คเกย์มันเลยชวนผมมา เผื่อผมจะเป็นที่ดึงดูดให้เกย์หน้าตาดีเข้ามาทักทาย แล้วมันจะได้ผลพลอยได้จากผมกลับไปเสวยสุขคืนนี้

   ก็รู้ๆอยู่ว่าเพื่อนผมคนนี้มันเป็นไบ ได้ทั้งหญิงทั้งชาย เป็นเพลย์บอยตัวยง หน้าตามันใช่ว่าจะแย่ หล่อระดับนายแบบเสียด้วยซ้ำ และแหล่งที่มาของความหล่อของมันก็คือ การมีแม่เป็นคนไทย และ พ่อเป็นชาวอิตาลี มันจึงกลายเป็นส่วนผสมที่ลงตัวระหว่างสองเชื้อชาติโดยสมบรูณ์

   ทั้งๆที่มันมาคนเดียว ก็สามารถหาเหยื่อได้เป็นพรวนมากินเล่นอยู่แล้ว โดยที่ไม่ต้องมุพยายาม เหยื่อก็มาติดเบ็ดอย่างยินยอมพร้อมใจ ทำไมมันจะต้องลากผมมาเอี่ยวด้วยล่ะ แต่พอผมถามไป มันกลับตอบแบบไม่แยแสว่า มีคนหล่อสองคนมาด้วยกัน เหยื่อย่อมมาติดกับเยอะขึ้นเป็นสองเท่า ผมล่ะอยากเจาะกะโหลกมันมาล้างสมองให้รู้แล้วรู้รอดเลย อยากรู้นักมันใช้อะไรคิด ถึงได้ออกมาพิลึกลั่นถึงเพียงนี้

   พวกเรานั่งดื่มกันอยู่ที่หน้าบาร์ได้สักพัก พวกผมก็ถูกชักชวนให้ไปนั่งที่โต๊ะหนึ่งที่มีแต่พวกหน้าตาดีๆรวมกันอยู่ เจ้าเรโอมันก็รีบตกปากรับคำหูตาแพรวพราวทันที แต่ผมปฏิเสธ ใครจะไปล่ะ บรื่อ~  ผมบอกกับเจ้าเรโอว่าจะนั่งดื่มอยู่ตรงนี้คนเดียว มันจะไปไหนก็ตามสบาย มันเห็นท่าทางเบื่อหน่ายระคนหงุดหงิดของผมก็ไม่รบเร้าอีกต่อไป จึงยอมไปคนเดียวตามคำชวน

   ระหว่างที่ผมนั่งดื่มอยู่คนเดียว มีผู้คนมากมายเข้ามาคุยกับผมทำนองเกรี้ยวพาราสีเชิญชวนผม อย่างไม่ขาดสาย แต่ผมก็ไม่ยอมคุยกับใครสักคน เอาแต่นั่งดื่มอย่างเดียวเพื่อลดความกดดัน และเพื่อให้ลืมสายตาแทะโลมจากคนรอบข้างที่ต่างมองผมด้วยสายตาที่ผมคิดว่ามันชวนอ้วกสุดๆ

   สักพักผมเริ่มทนไม่ไหว สงสัยจะดื่มมากเกินไป กอปรกับเสียงเพลงที่ดังอึกกะทึกหนวกหู ทำให้ผมเริ่มจะมึนๆ เวียนหัวคลื่นไส้ อยากจะอาเจียนขึ้นมาจริงๆ ผมจึงลุกขึ้น เดินไปห้องน้ำ ระหว่างที่เดินเบียดฝูงชนที่กำลังเต้นกันสุดเหวี่ยง ผมต้องกัดฟันกรอดกลั้นหายใจแล้วรีบเดินผ่านไปให้เร็วที่สุด เพราะเวลาผมเดินผ่าน ผู้คนเหล่านั้นก็จะมองผมด้วยสายตาหยาดเหยิ้ม ไม่ก็แกล้งเดินมาเบียดเสียดชิดใกล้ หรือที่หนักสุดเห็นจะเป็น... การเข้ามาตระคลุบน้องชายของผมอย่างเต็มไม้เต็มมือ หรือบีบก้นผม ผมล่ะขนหัวลุก สยดสยองมากๆ แทบอยากจะปล่อยอ้วกให้ทะลักตรงนั้นให้รู้แล้วรู้รอด ผมสาบานกับตัวเองเลยว่า จะไม่มาเหยียบที่แบบนี้อีกเป็นอันขาด!

    ผมรีบสาวเท้าไปยังห้องน้ำให้ด่วนที่สุด เพราะรู้สึกว่าตอนนี้ไม่ไหวแล้ว ทุกอย่างที่อยู่ในท้องผมเตรียมจะคะย่อนออกมาทางปากอยู่รอมร่อ ผมผลักประตูห้องน้ำเข้าไปอย่างเร่งด่วน จึงไม่ทันสังเกตเห็นคนที่เดินสวนออกมา ร่างของผมปะทะกับชายคนนั้นอย่างแรง ด้วยความจุกจากแรงกระแทก ทำให้อ้วกที่ผมพยายามกลั้นไว้ ทะลักทะลายออกมาหมด รดเต็มเสื้อผ้าของชายคนนั้น ภาพเบื้องหน้าของผมเลือนราง... สติของผมเริ่มจะดับวูบ อาการวิงเวียนปวดเศียรเวียนเกล้ายิ่งนักขึ้น แว่วได้ยินเสียงชายคนนั้นสบถอย่างหัวเสีย จากนั้นผมก็ไม่รับรู้อะไรอีกเลย...

   เหตุการณ์ต่อจากนั้นก็จำไม่ได้อีกเลย... มันเกิดอะไรขึ้นกับผมกันแน่?!!!

   แอ๊ด...!!

   คำตอบของคำถามปรากฏขึ้นแทบจะในทันที ชายร่างสูงเดินออกมาจากห้องน้ำภายในห้อง ในสภาพที่เปลือยเปล่าไร้อาภรณ์ใดปกปิด ผมช็อกอ้าปากค้างทันที

   “ไง ตื่นแล้วเหรอครับ? เมื่อคืนคุณร้อนแรงมากเลยนะครับ ที่รัก” ชายหนุ่มส่งยิ้มหวานมาให้ผม ผมยังคงอึ้งอยู่อย่างนั้น สมองงุนงงสับสนไปหมด นี่มันอะไรกัน!? ไอ้หมอนี่มันเป็นใคร!!?

   “หนะ นายเป็นใครน่ะ!” ผมถามออกไป จิตใจสับสนงุนงงไปหมด

   ชายหนุ่มต่างชาติ ผมสีบรอนด์ทอง นัยน์ตาสีมรกต ร่างสูงโปร่ง เรียกว่าสูงมากเลยแหละ สักประมาณ 190 ซ.ม เห็นจะได้ รูปร่างสมส่วนมีมัดกล้ามสวยงาม บ่งบอกว่าเจ้าตัวนั้น เป็นคนเอาใจใส่กับรูปร่างเป็นอย่างดี ผิวสีแทนอ่อนๆ ที่มีหยดน้ำเกาะแพรวพราว ทำให้ชายหนุ่มดูดีมีเสน่ห์มากขึ้น ชนิดที่ว่าถ้าผมเป็นผู้หญิงผมอาจหลงรักเลยก็ได้ 

   ผมไล่สายตาลงไปเรื่อยๆ จนกระทั่งไปหยุดอยู่ที่น้องชายอันใหญ่โตของหมอนั่น ผมกลืนน้ำลายเอื้อก! ถึงจะรู้ว่าเป็นขนาดปกติของคนต่างชาติก็เถอะ แต่มาเห็นแบบนี้ ผมก็รู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออกไปเลย ถ้าสิ่งที่ผมคิดเป็นความจริง... ผมคงลมจับทันที

   “นี่คุณจำเรื่องระหว่างเราเมื่อคืนไม่ได้เลยหรือครับ?” หนุ่มฝรั่งสาวเท้าเข้ามาหาผม ด้วยร่างกายเปลือยๆ อย่างไม่อายฟ้าอายดิน

   ผมสะดุ้งตกใจ เมื่อเขานั่งลงบนเตียงข้างๆผม แล้วยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ผมรีบกระเถิบตัวหนีทันที มองเห็นสายตาตัดพ้อที่ชายหนุ่มส่งมาให้ แต่ผมแสร้งไม่สนใจ ผมอยากจะรีบหนีออกไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ผมมองหน้าเขาแล้วเอ่ยถามในสิ่งที่ผมอยากรู้แต่อีกใจนึงก็ไม่อยากออกไป

   “ผมมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง? แล้ว... เรา... เรา...”  ผมอยากจะถามคำถามที่ตรงประเด็ดมากที่สุด ว่า เรามีอะไรเกินเลยกันรึเปล่า? แต่ผมกลับพูดไม่ออก...

   ชายหนุ่มยิ้มกริ่มส่งสายตาหวานเหยิ้มมาให้ผม “งั้นผมจะเล่าให้ฟังนะครับ”





+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++








Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 02-10-2011 00:15:18 โดย pixie_pansy »

ออฟไลน์ Ex'ecuzě

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1016
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +108/-1
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #1 เมื่อ06-10-2007 22:56:16 »

น่าติดตาม ๆ
จารอตอนต่อปายนะคับ  :m4:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #2 เมื่อ06-10-2007 23:10:34 »




เรื่องนี้จะเป็นการเล่าสลับกันของตัวเอก2คนนะคะ

สำหรับตอนนี้ โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่านด้วยค่ะ :m26:



         _____________________________________




   ผมบินจากนิวยอร์กเพื่อมาถ่ายแบบที่เมืองไทย พึ่งมาถึงกรุงเทพได้ไม่นาน เพื่อนในกองถ่ายก็ชวนไปบาร์เกย์ กินดื่มได้สักพัก ผมก็เดินไปเข้าห้องน้ำ พอทำธุระอะไรเสร็จเรียบร้อยกำลังจะเดินออกไป ก็เจอแจ็คพ็อตเข้าให้ ผมเดินชนปะทะเข้ากับคนที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาพอดี แต่แจ็คพ็อตสุดซวยไม่ใช่แค่โดนชนเท่านั้น แต่มีอ้วกแถมมาด้วย!!

   ตอนนั้นผมโมโหมาก ทั้งเหม็นทั้งสกปรก อยากจะขยี้ไอ้ขี้เมาที่ดันมาอ้วกใส่ผมให้แหลกคามือ ถ้าไม่ติดตรงที่มันดันสลบเหมือดไปซะก่อน ผมไม่อยากทำร้ายคนไม่มีทางสู้ ก็เลยพยายามข่มอารมณ์เอาไว้

   ผมพยุงร่างคนหมดสติขึ้นมา แล้วมองหน้าเขาให้ชัดๆ ผมตกตลึงทันที ตอนแรกผมก็นึกว่าไอ้ขี้เมานี่คงจะเป็น พวกชายแก่ติดเหล้าเมาหัวราน้ำธรรมดาๆ แต่ที่ไหนได้กับเป็นชายหนุ่มหน้าตาดี เรียกว่าหล่อเหลาเลยก็ว่าได้ บุคลิกการแต่งตัวก็ดูดีมีฐานะ ไม่ใช่กุ๊ยอย่างที่ผมคิดไว้ในตอนแรก

   ความโกรธในจิตใจเริ่มมลายหายไป เมื่อมาคิดดูว่า ชายคนนี้อาจไม่ได้ตั้งใจที่จะอ้วกรดใส่ผมก็ได้ บางทีเขาอาจจะรีบมาห้องน้ำเพราะรู้สึกคลื่นไส้ แต่ดันมาชนกับผมเข้าซะก่อน ความจุกจากแรงปะทะ คงจะทำให้สิ่งที่เขาอัดอั้นเอาไว้พุ่งทะลักออกมาก็เป็นได้   
   
   เมื่อคิดได้ดังนั้น ผมจึงอุ้มร่างชายคนนั้นไว้ในอ้อมแขน มันไม่หนักอย่างที่ผมคิดไว้หรืออาจเป็นเพราะร่างกายผมแข็งแรงก็ได้ ชายที่อยู่ในอ้อมแขนผมมีความสูงประมาณ 175 ซม. ซึ่งเป็นความสูงระดับคนเอเชีย ไม่ถือว่าต่ำกว่าเกณฑ์  สูงประมาณนี้ คงจะหนักสักประมาณ 60 กก. เห็นจะได้

   ผมอุ้มร่างอันไร้สติ ออกจากห้องน้ำ แล้วเดินไปที่โต๊ะที่พวกเพื่อนของผมนั่งกันอยู่ พวกมันพากันงงกับสภาพอันเละเทะของผม แต่ที่พวกมันแปลกใจยิ่งกว่าเห็นจะเป็นคนที่ผมพามาด้วย พวกมันสนใจคนที่ผมอุ้มมาเป็นอย่างมาก ก็แหงล่ะสิจะไม่ให้พวกมันสนใจได้ยังไง ก็หน้าตาดีออกอย่างงี้นี่!

   หน้าตาของชายหนุ่มในอ้อมแขนผม องค์ประกอบทุกอย่างล้วนดูดีไปเสียหมด ทั้งจมูกโด่งเป็นสันสวยงาม ขนตางอนยาว ริมฝีปากแดงระเรื่อ ผิวขาวเนียนละเอียดน่าสัมผัส เป็นชายที่น่าออกแนวหวานนิดๆ ไม่ถึงกับเหมือนผู้หญิง เพราะมีเค้าโครงเป็นชายมากกว่า คงเรียกได้ว่าเป็นชายงามเห็นจะได้ และหน้าตาแบบนี้แหละสเป็คเกย์สุดๆ โดยเฉพาะกับเกย์ที่เป็นคิง

   ผมมองเขม่นพวกเพื่อนๆผม ที่ดูจะสนใจชายหนุ่มคนนี้อย่างเกินหน้าเกินตา ตอนนั้นผมทำท่าราวกับแม่หมาหวงลูกอย่างไรอย่างนั้นเลย ผมบอกลาเพื่อน ขอตัวกลับก่อน แล้วเดินออกจากร้านไป

   ผมพาชายหนุ่มมาที่โรงแรมที่ผมใช้พักอยู่กับทางโมเดลลิ่งที่ผมสังกัด เพราะผมไม่รู้จะพาเขาไปส่งที่ไหน อีกอย่างผมไม่ค่อยถนัดเรื่องเส้นทางในกรุงเทพฯสักเท่าไหร่ ถึงจะมาที่นี่ค่อนข้างบ่อยก็เถอะ

   เมื่อมาถึงห้องพักของผม ผมก็วางร่างเขาลงบนที่นอน ก่อนจะเข้าห้องน้ำจัดการกับสภาพตัวเองให้สะอาดสะอ้าน

   ผมออกมาจากห้องน้ำ หลังจัดการทุกอย่างเสร็จ เหลือบมองร่างที่นอนหลับใหลอยู่บนเตียง แล้วเดินเข้าไปหา

   เสื้อผ้าที่ชายหนุ่มใส่ ก็เปื้อนอ้วกเหมือนกัน ผมเพิ่งจะสังเกตเห็น จึงรีบถอดเสื้อผ้าออกให้ จนเหลือแค่ชั้นในเพียงตัวเดียว

   ผมเดินกลับไปยังห้องน้ำอีกครั้ง หยิบผ้าขนหนูผืนเล็กที่ทางโรงแรมเตรียมไว้ให้มาชุบน้ำแล้วบิดมาดๆ เพื่อจะนำมาเช็ดตัวทำความสะอาดร่างกายให้เขา

   ผมเอาผ้าเปียกเช็ดหน้าเช็ดตา แล้วไล่ลงไปเช็ดตามตัว เมื่อผมเช็ดลำตัวท่อนบนของเขาเสร็จ ผมก็เกิดการลังเลใจ ว่าจะเช็ดทำความสะอาดสิ่งใต้ร่มผ้าของเขาให้ดีไหม

   ใจจริงผมก็ไม่อยากจะทำการล่วงละเมิดต่อตัวเขา แต่ผมกลัวว่าถ้าไม่จัดการทำความสะอาด  เขาจะรู้สึกอึดอัดไม่สบายตัว จึงจัดการถอดปราการชิ้นสุดท้ายของชายหนุ่มออกทันที

   ผมจับจ้อง มองแก่นกายขนาดไม่เล็กไม่ใหญ่แต่กำลังดีของชายหนุ่มอย่างไม่อาจละสายตา แล้วจัดการเอาผ้าขนหนูโปะลงไป ผมค่อยๆใช้ผ้าเช็ดทำความสะอาดเจ้าหนูของเขาให้อย่างทะนุถนอม

   ขณะที่ผมกำลังเช็ดลูบไล้ทำความสะอาดมัน อยู่ๆเจ้าหนูของชายหนุ่มก็ตื่นตัวขึ้น มันค่อยๆชูคอขึ้นชี้ฟ้าอย่างช้าๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะมันถูกความเย็นหรือมันตื่นตัวจากสัมผัสของผมกันแน่ แต่ไม่ว่าจะเป็นอย่างไร ผมก็ตัดสินใจแล้วว่าจะปลดเปลื้องอารมณ์ให้ชายหนุ่ม ผมอยากจะให้เขานอนหลับสบาย ไม่ต้องทนอัดอั้นให้ร่างกายอึดอัด

   ผมวางผ้าขนหนูลง แล้วใช้มือรวบกำแท่งเนื้อนั้นไว้แน่น จัดการใช้มือรูดขึ้นลงตามความยาวของลำตัวอย่างเนิบช้าแต่เน้นๆ แก่นกายของชายหนุ่มค่อยๆขยายพองโตขึ้นจนเครียดเขม็ง ปึ๋งปั๋งเต็มไม้เต็มมือผม ผมจึงดำเนินการบีบมันแน่นแล้วเร่งความเร็วเพิ่มขึ้นอีก

   “อะ อืมมม...” เสียงครางเบาๆของชายหนุ่ม ทำให้ผมต้องเงยหน้าขึ้นมอง เขาลืมตามองผมด้วยดวงตาปรือๆ สงสัยฤทธิ์แอลกอฮอล์จะยังไม่หมด

   “ผมจะช่วยให้คุณปลดปล่อยนะครับ” ผมบอกเขาแล้วส่งยิ้มให้ ก่อนที่จะก้มลงไป กลืนกินแท่งเนื้อนั้นไว้ในปาก ผมใช้ปากอมแล้วขยับรูดขึ้นลงตามความยาว ลิ้นพันเกี่ยววนเวียนที่ปลายยอดที่เริ่มจะมีน้ำเหยิ้มออกมาหน่อยๆ

   ผมดูดเน้นที่หัวยอด ใช้ฟันขบเบาๆ แล้วอมใส่ปากอีกครั้ง จนเกือบมิดด้าม จากนั้นผมก็จัดการผงกหัวขึ้นลงอย่างรุนแรงและรวดเร็ว ปากและลิ้นก็ทำการดูดลัดแก่นกายนั้นไว้อย่างเมามัน

   “อ้ะ! อื้อออ!!!...” ชายหนุ่มครางร่างกายบิดเล้า แผ่นหลังกระตุก กระดกสะโพกขึ้นรับกับจังหวะการใช้ปากของผม สะโพกเขาที่กระดกขึ้นลงนั้น มันช่างยั่วยวนผมซะเหลือเกิน

   บางทีผมอาจจะคิดผิดก็ได้ ที่อาสาช่วยชายหนุ่มปลดเปลื้องอารมณ์เพศ เพราะตัวผมเองก็ดันเกิดอารมณ์ด้วยเหมือนกัน เจ้าตัวน้อยในกางเกงของผม มันพองโตตื่นตัวเต็มที่ จนจะทะลุทะลวงเนื้อผ้าออกมาอยู่แล้ว!!

   แผ่นหลังชายหนุ่มกระตุกขึ้น แล้วกระเด้งสะโพกเข้าหาผมเต็มแรง เรือนกายของเขาที่คับแน่นในปากผมกระตุกสั่นระริก และแล้วของเหลวอุ่นๆก็ไหลทะลักเข้าเต็มปากผม ผมจึงรีบดูดกลืนลงคอจนหมด รสชาติน้ำรักของชายหนุ่มมันหวานเหลือเกิน จนผมชักติดใจ ผมจัดการเลียทำความสะอาดแท่งเนื้อนั้นจนหมดทุกหยาดหยด แล้วใช้ผ้าขนหนูมาเช็ดทำความสะอาดต่อ

   ผมยันตัวขึ้นมองหน้าชายหนุ่ม หน้าเขาขึ้นสีเรื่อหายใจหอบเบาๆดวงตาสีนิลปรือมองผม มันดูแล้วเซ็กซี่เย้ายวนใจผมเหลือเกิน ผมจึงก้มลงไปประกบจูบปากเขาอย่างอดใจไม่ไหว

   ชายหนุ่มเผยอปากรับลิ้นของผมที่สอดแทรกเข้ามาอย่างเป็นธรรมชาติ แล้วจูบตอบผมอย่างดูดดื่ม ลิ้นของเราสองคนพันเกี่ยวกวัดหยอกล้อกันอย่างเมามัน อารมณ์ผมเริ่มปะทุจนยับยั้งไม่ได้ เผลอจูบเขาอย่างรุนแรงเร่าร้อน ผมพยายามตั้งสติ ควบคุมตัวเองจนตัวเกร็ง แล้วค่อยๆถอนจูบออกด้วยความยากลำบาก

   ยังไม่ทันที่ริมฝีปากผมจะผละออกห่างจากปากเขาได้ไกล ชายหนุ่มก็ยกแขนขึ้นโอบรอบคอผม พลางดันหัวผมมาประกบปากจูบอีกครั้ง อย่างดูดดื่ม คราวนี้ผมไม่สามารถที่จะยับยั้งอารมณ์ได้อีกแล้ว คงต้องปล่อยให้เลยตามเลย...

   ผมถอนจูบออก หันมาซุกไซร้ซอกคอขาวของชายหนุ่มแทน แล้วดูดเม้มผิวขาวเนียนจนเป็นจ้ำๆสีแดง กลิ่นกายหอมอ่อนๆเฉพาะตัวของเขานั้น ทำเอาผมถึงกับเคลิบเคลิ้ม อยากสัมผัสเล้าโลมต่อไปเรื่อยไม่ยอมห่าง ผมไล่ปากไปที่หน้าอกขาวดูดเม้มจนเป็นรอยแดงไปทั่ว เหลือบมองหัวนมสีชมพูทั้งสองข้างแล้วอดไม่ได้ที่จะดูดกลืนกินมันไว้ในปาก ผมดูดปลายยอดหัวนมแล้วขบกัดเบา แล้วใช้ลิ้นไล้วนไปรอบๆราวนม ผมทำอย่างนี้ไปมาสลับกันทั้งสองข้าง

   ชายหนุ่มบิดเร้าตัวไปมาอย่างเสียวซ่าน สองมือคอยจะผลักไสผมออกไป แต่ผมไม่สามารถทำได้แล้ว ผมไม่สามารถหยุดได้แล้ว!

   รูปร่างของชายหนุ่มดูดีสมส่วน แม้จะผอมไปหน่อย แต่ก็มีกล้ามเนื้อขึ้นตามประสาผู้ชาย ทีพอดูดี ไม่บอบบางและไม่ถึงกับบึกบึน

   ตอนนี้เจ้าหนูในกางเกงของผม มันร่ำร้องอยากจะออกมาข้างนอกอย่างเต็มที่แล้ว จนผมเริ่มอึดอัด ผมจึงหันมาถอดเสื้อผ้าทุกชิ้นออกจากร่างกายตนบ้าง

   ชายหนุ่มมองร่างกายอันเปลือยเปล่าของผมด้วยสายตาเบลอๆแล้วยิ้มหวานให้ผม ผมจึงก้มลงไปจูบอย่างดูดดื่มเป็นรางวัลให้เขา แล้วก็เริ่มเล้าโลมร่างกายเขาต่อ จนปรากฏร่องรอยที่ผมทำไว้จนทั่วแทบทั้งตัว

   เจ้าตัวน้อยของผมเริ่มจะไม่ไหวแล้ว มันอยากจะมุดเข้าสำรวจโพรงถ้ำเต็มทีแล้ว ผมจึงแยกขาของชายหนุ่มออก แล้วจับขาทั้งสองข้างขึ้นพาดบ่า ยันตัวขึ้น แล้วจับสะโพกของเขารั้งเข้ามาหา ให้ช่องทางของเขาตรงกับหัวจรวดของผม

   ผมค่อยๆดันแท่งเนื้ออันใหญ่โตของผมเข้าไปภายในอย่างช้าๆ ช่องทางของชายหนุ่มเล็กแคบมาก ผมรู้เลยว่านี่ต้องเป็นครั้งแรกของเขาแน่ แต่ผมไม่อาจหยุดทุกอย่างได้แล้ว! ยังเข้าไปได้ไม่ถึงครึ่ง ชายหนุ่มก็เริ่มดิ้นร้องโวยวายให้เอาออก

   “โอ๊ย! เจ็บ...อะ ออกไปนะ ออกไป” ตาของชายหนุ่มแดงก่ำเหมือนจะร้องให้ ใบหน้านิ่วด้วยความเจ็บปวด ขบริมฝีปากแรงจนห้อเลือด สองมือกำยึดผ้าปูที่นอนจนเกร็งแน่น ช่องทางคับแคบเริ่มบีบตัวพยายามจะผลักใสผมออกไป สิ่งเหล่านี้มันทำให้ผมหน้าเสีย รู้สึกสูญเสียความมั่นใจนิดหน่อย

   ผมก้มลงไปจูบปากปลอบประโลมชายหนุ่ม เพื่อให้เขาหายเกร็ง เขาจูบตอบผมอย่างเร้าร้อนจนร่างกายผมสั่นระริก อารมณ์พุ่งสูงขึ้นจนฉุดไม่อยู่ ผมจึงดันแก่นกายที่เข้าไปได้เพียงครึ่งดันเข้าไปทีเดียวจนสุดลำอย่างรุนแรง ร่างกายของเขากระตุกอย่างแรง ส่งเสียงร้องในลำคอขณะที่ผมกำลังจูบอยู่

   ผมแช่ความเป็นชายค้างไว้ในร่างชายหนุ่มเพื่อให้เขาปรับตัวตามขนาดของผม แต่ด้วยช่องทางที่แสนจะคับแน่นและร้อนระอุทำให้ผมอดทนได้ไม่นาน ก็เริ่มขยับสะโพกเข้าออกร่างของชายหนุ่มอย่างช้าๆ

   ชายหนุ่มเริ่มดิ้นไปมาด้วยความเจ็บปวด พยายามจะดันตัวออกห่างจากผม ผมจึงจับสะโพกเขารั้งไว้แน่นไม่ให้ขยับ แล้วเลื่อนตัวลงมาพรมจูบทั่วใบหน้าเขาเพื่อปลุกปลอบ การขยับเขยื้อนสะโพกเข้าออกผมยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ

   ผมเร่งจังหวะการเข้าออกเร็วขึ้น เมื่อได้ยินชายหนุ่มเริ่มร้องครางออกมาด้วยความสุขสม สะโพกของเขาเริ่มขยับตามการเข้าออกของแก่นกายผม ร้องครางกระเส่าเสียงหวาน ผมจึงขย่มสะโพกแรงขึ้นถี่ขึ้นตามแรงอารมณ์ที่พุ่งสูง

   โพรงถ้ำอันแสนคับแน่นร้อนระอุตอดรับลำกายผม จนรู้สึกเสียวไปทั่วสัพพางกาย ความร้อนอัดแน่นจุกที่ท้องน้อยของผม จนต้องส่งเสียงครางต่ำๆออกมาอย่างสุขสม

   ผมขย่มสะโพกเข้าออกรัวแรงอัดเข้าหาร่างชายหนุ่ม จนศีรษะเขาสั่นคลอน เขาเริ่มกรีดร้องอย่างทนไม่ไหว แต่ผมก็ยังไม่ยอมหยุด ผมรู้สึกดีมากกับการที่ได้เข้ามาอยู่ในร่างชายหนุ่ม จนไม่อยากจะถอนกายออก ผมก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร ที่ผ่านมามีเซ็กซ์กับใครก็ไม่เคยรู้สึกเอิบอิ่มเท่าครั้งนี้มาก่อน ร่างกายของเขามันทำให้ผมรู้สึกเป็นสุขอย่างมาก จนแทบล้นทะลัก

   ผมขยับเข้าออกเรื่อยๆ จนกระทั่งรู้สึกว่าชายหนุ่มจวนจะหมดสติ จึงได้หยุด ดันตัวออกจนเกือบสุดแล้วกระแทกกับเข้าไปใหม่อย่างรวดเร็วรุนแรงครั้งสุดท้าย ผมปล่อยเสียงครางออกมาอย่างสุขสม เมื่อของเหลวอุ่นร้อนที่อัดแน่นในลำกายถูกปลดปล่อยออกมาจนหมดก๊อก ไหลทะลักเต็มช่องทางภายใน ผมค้างเอาไว้อย่างนั้น นอนฟุบบอย่างเหนื่อยหอบบนร่างชายหนุ่ม จนกระทั่งลำกายอันแข็งแกร่งของผมเริ่มหดตัวอ่อนเปลี้ย จึงถอนกายออกมาจากถ้ำแคบ

   ผมขยับตัวลงนอนข้างๆชายหนุ่ม แล้วดึงเขาเข้ากอดแน่น หน้าท้องผมชุ่มฉ่ำไปด้วยน้ำแห่งความสุขที่เขาได้ปลดปล่อยออกมาจากการร่วมรักกันเมื่อสักครู่ แต่ผมก็ไม่ได้นึกรังเกียจแต่อย่างใด กลับรู้สึกดีด้วยซ้ำ ที่รู้ว่าเขารู้สึกสุขสมเหมือนกับผมจนต้องปลดปล่อยออกมา

   ผมคิดว่า ผมเป็นชายคนแรกของชายหนุ่มแน่นอน ไม่รู้ทำไมผมถึงได้รู้สึกดีใจก็ไม่รู้ที่มันเป็นแบบนี้ ผมอาจจะผิดที่ปล้ำเขาตอนกำลังเมา แต่มันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ถ้าเขาขอให้ผมรับผิดชอบในตัวเขา ผมก็ยินดีโดยไม่บ่ายเบี่ยงเลย เพราะผมรู้สึกชอบชายคนนี้ขึ้นมาแล้วสิ...




            -----------จบตอน----------



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:12:37 โดย pixie_pansy »

JaeTae

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #3 เมื่อ06-10-2007 23:33:44 »




แล้วมาต่ออีกน้า อยากอ่านจัง กะ ชาวต่างชาติเนี่ย  :m3:

ออฟไลน์ ที่ปรึกษาไอทีขั้นต้น

  • Administrator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 6853
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1320/-22
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #4 เมื่อ06-10-2007 23:48:29 »

โอ่ ความเมานำพาสิ่งต่างๆมาโดยไม่รู้ตัว
 :m25: :m25: :m25:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #5 เมื่อ07-10-2007 00:25:14 »

ขอบคุณ  o1 คุณ EnvyElric คุณJaeTae คุณ blueBoYhUb ค่ะ ที่มาติดตาม  :m1:

ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ  o15

มาต่อให้อีกค่ะ เพราะพรุ่งนี้ไม่อยู่บ้าน จะออกไปเที่ยว  :m18:

-----------------------------------------------------------------------------------------------



Chapter2: รับไม่ได้!! อย่าได้เจอกันอีกเลย!




   ความจริงที่ผมได้รับรู้  มันทำให้ผมช็อกมาก   แทนที่ผมจะอายหน้าแดงกับเรื่องแบบนี้  แต่ผมกลับหน้าซีดเผือดแทบหยุดหายใจ

   ตอนนี้ผมอยากจะตายสักร้อยหน  ผมไม่น่าอยากรู้เรื่องนี้เลย ถ้าเรื่องมันเลวร้ายถึงเพียงนี้สู้ไม่รู้ตั้งแต่แรกยังจะดีกว่า

   ความจริงที่เกิดขึ้น  เรื่องที่น่าอับอายแบบนี้  มันเป็นความอัปยศอดสูที่สุดสำหรับลูกผู้ชายอย่างผม!!

   “เป็นอะไรหรือเปล่าครับ ? สีหน้าคุณดูไม่ดีเลย...” หนุ่มฝรั่งยกมืออังหน้าผากผมส่วนมืออีกข้างกุมมือผมไว้   นัยน์ตาสีมรกตมองผมอย่างห่วงใย

   “อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ ! ไปให้พ้น!! “ ผมตวาดลั่นผลักชายหนุ่มออกอย่างแรงจนเขาตกใจ
   “ทำไมล่ะครับ ? เมื่อคืนผมสัมผัสตัวคุณยิ่งกว่านี้อีก...” ชายหนุ่มว่า

   “หุบปาก!! ฉันไม่อยากฟัง ! ฉันจำไม่ได้และก็ไม่อยากฟังด้วย”

   หนุ่มฝรั่งหน้าเสียแววตาตัดพ้อเจ็บปวด

   “ผมจะรับผิดชอบตัวคุณเองครับ  เพราะฉะนั้นคุณไม่ต้องกลัว  ในสิ่งที่คุณสูญเสีย  ผมผิดเองที่ไม่ยอมหักห้ามใจตัวเอง  ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเป็นครั้งแรกของคุณ  เพื่อไม่ให้คุณเข้าใจผิดว่าผมหลอกฟันคุณฟรีๆ   ผมจะรับผิดชอบในตัวคุณทุกอย่างนะครับ...” คำพูดของเขาและสีหน้ารู้สึกผิดของเขา มันตอกย้ำจิตใจผมทุกรายละเอียด  มันเหมือนกับมีดที่กรีดแทงบาดแผลซ้ำแล้วซ้ำเล่าไม่มีวันจางหาย  ผมอยากจะปิดหูปิดตาปิดการรับรู้ทุกอย่างซะเดี๋ยวนี้เลยถ้าหากเป็นไปได้

   “ฉันไม่ได้หมายความถึงเรื่องนั้น!! อย่าได้เข้าใจผิด ! ฉันไม่เคยพิศวาสอะไรกับเรื่องพันธุ์นี้เลย  ไม่แม้แต่จะคิด  เพราะฉะนั้น  จบมันซะตรงนี้เถอะ ! “หนุ่มฝรั่งถึงกับอึ้งในคำพูดของผม  สีหน้าแววตาบ่งบอกถึงความสะเทือนใจอย่างถึงที่สุด

   แต่ผมไม่แคร์หรอก  ผมยอมเป็นคนเลือดเย็นดีกว่า  ถ้าจะทำให้ผมตัดขาดจากเรื่องที่เกิดขึ้นอย่างถาวรได้

   “คุณหมายความว่าอย่างไรครับ ? ผมไม่เข้าใจ..” เขาถามผมเสียงเบาเหมือนกับต้องการคำตอบที่ดีกว่านี้จากผม

   “ฉันบอกจบก็คือจบ! ฉันไม่ต้องการจะสานต่อ  ถือว่าเรื่องเมื่อคืนไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อนละกัน  เพราะฉันเองก็จำไม่ได้อยู่แล้ว และไม่คิดอยากรื้อฟื้นด้วย ! เพราะฉะนั้น  นับแต่นี้ต่อไปถือว่าเราไม่รู้จักกันมาก่อน ระหว่างเรามันเป็นอุบัติเหตุเท่านั้น   ฉันจะทำเป็นไม่สนใจ  แต่นี้ต่อไปอย่าได้เจอกันอีกเลย”ผมลุกจากเตียงเดินอย่างทุลักทุเลเข้าห้องน้ำไป  โดยไม่สนใจชายหนุ่มที่นั่งเงียบอยู่บนเตียงสักนิด...

                 เมื่อผมเดินออกมาจากห้องน้ำหลังจากที่ขัดถูตัวอย่างเอาเป็นเอาตายร่วมชั่วโมง ก็พบว่าหนุ่มฝรั่งคนนั้นยังคงนั่งอยู่บนเตียงเช่นเดิม แต่สีหน้าของเขาไม่ได้มีแววเจ็บปวดเหมือนตอนก่อนหน้านี้เลย 

   นัยน์ตาสีมรกต จับจ้องมาที่ผมเขม็งแข็งกร้าว สีหน้าดุดันเหี้ยมเกรียม จนผมตกใจ ผมแสร้งทำเป็นใจดีสู้เสือ กระชับผ้าเช็ดตัวที่พันอยู่รอบเอวแน่น       

   “เสื้อผ้าของฉันล่ะ”  ผมเดินเข้าไปถามชายหนุ่มอย่างหงุดหงิด

   “ผมส่งไปซักรีด เดี๋ยวพนักงานก็เอามาส่งให้”  เขาตอบผมเสียงห้วนๆ นัยน์ตาดุดันจ้องผมเขม็ง แล้วจู่ๆชายหนุ่มก็ลุกพรวดขึ้นจากเตียงทั้งร่างกายเปลือยเปล่าอย่างไม่มียางอายจนผมสะดุ้งเฮือก! รีบกระเถิบหนีถอยหลังอย่างรวดเร็ว

   “ที่คุณปฏิเสธผม เป็นเพราะคุณมีคนรักอยู่แล้วใช่ไหม!? ” หนุ่มฝรั่งถามผมอย่างคาดคั้น อะไรของเขากัน นี่ยังไม่เลิกตอแยผมอีก ทั้งๆที่ผมก็ยื่นคำขาดไปก่อนหน้านี้แล้วแท้ๆ มันหน้าหงุดหงิดชะมัด…

   “ฉันจะมีหรือไม่มี แล้วมันเกี่ยวอะไรกับนาย” ผมตอบเสียงเย็น รู้สึกปวดหัวหนึบๆ สงสัยอาการเมาค้างจากฤทธิ์แอลกอฮอล์จะยังไม่หมดไป

   “ผมอยากรู้นัก... ว่าไอ้ผู้ชายหน้าไหนที่เป็นแฟนคุณ ถึงได้ปล่อยคุณทิ้งไว้ที่บาร์เกย์ในสภาพเมามายแบบนั้นคนเดียว!”  หา? มันว่าอะไรนะ... แฟน? ผู้ชาย...!  นี่...มัน... คิดว่าผมเป็นเกย์หรือนี่!!?  พระเจ้า!!!

   “นี่! นาย...” ขณะที่ผมกำลังจะพูดแก้ต่างให้กับตัวเอง ก็ต้องหยุดคำพูดลง เมื่อคิดได้ว่า ถ้าบอกว่าตัวเองไม่ได้เป็นเกย์ และไม่ได้มีแฟนเป็นผู้ชาย ไอ้หมอนี่มันอาจจะยิ่งได้ใจ ตามราวีผมต่อ แต่ถ้ายอมรับว่ามีแฟนเป็นผู้ชายจริงๆ บางทีมันอาจจะเลิกยุ่งกับผมอีกก็ได้ แล้วมันคุ้มที่จะลองเสี่ยงไหม?

   “เหอะ แล้วนายจะมาจุ้นจ้านอะไรกับชีวิตฉันล่ะ? ในเมื่อเราไม่เคยรู้จักกัน” ผมไม่คิดจะเลือกสักทาง เพราะมันเสี่ยงเกินไป แถมยังรู้สึกลำบากใจต่อตนเองด้วย

   “ผมมันไม่ดีตรงไหน? ทำไมคุณถึงไม่เลือกผมแล้วเลิกกับไอ้หมอนั่น!!?” ไปกันใหญ่แล้ว... ชักรำคาญแล้วนะ!!

   “ก็เพราะ... ฉันรังเกียจ ขยะแขยง! พอใจรึยัง!!” ผมพูดออกไปด้วยความเดือดดาลถึงขีดสุด ถึงคำพูดของผมจะเป็นจริงเพียงนิดหน่อยก็เถอะ

   ชายหนุ่มหน้าแดงด้วยความโกรธ มองผมด้วยสายตาเกรี้ยวกราดดุดัน แล้วเดินเข้ากระชั้นชิดผมยิ่งขึ้น จนผมต้องก้าวถอยหนีอย่างลนลาน

   “เหอะ! คุณคิดว่าผมพิศวาสคุณนักรึไง ถึงได้ทำท่ามากเล่นตัวแบบนี้ ขอบอกเอาไว้เลย คุณมันก็ไม่ต่างอะไรกับพวกหากินตามบาร์หรอก ชอบมาอ่อยเหยื่อทำเป็นเมา เพื่อหาคู่นอน... ” ผมทนฟังไอ้บ้านี่พล่ามไปกว่านี้ไม่ได้แล้ว!! ผมสวนหมัดต่อยปากมันไปเต็มแรง จนหมอนั่นหน้าหัน ปากแตกเลือดไหลซิบๆอยู่ตรงมุมปาก 

   “ไอ้นรก!!” นี่คือคำๆเดียวที่กลั่นออกมาจากความรู้สึกผม ผมไม่เคยรู้สึกรังเกียจใครเท่านี้มาก่อน เพราะคำพูดเหยียดหยามของหมอนี่มันทุเรศยิ่งกว่าการล่วงเกินผมเสียอีก...




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:14:21 โดย pixie_pansy »

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #6 เมื่อ07-10-2007 00:33:05 »



หมับ!! จู่ๆหมอนั่นก็กระชากต้นแขนทั้งสองข้างของผมดึงร่างผมเข้าหา แล้วบดจูบขยี้ริมฝีปากผมอย่างรุนแรง กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งเต็มปากผม ลิ้นร้อนๆของหมอนั่นพัวพันอยู่ในปากผมอย่างดุดัน

   ผมพยายามขัดขืนผลักไสอย่างเอาเป็นเอาตาย ทั้งทุบทั้งถีบหมอนั่นอย่างรุนแรง แต่ดูเหมือนชายหนุ่มจะนิยมความซาดิสม์ ถึงได้ไม่สะดุ้งสะเทือนเลยสักนิด วงแขนแกร่งโอบรัดร่างผมแนบแน่น จนร่างกายผมสัมผัสกับแผ่นอกแกร่งและหน้าท้องแบนราบของเขาอย่างแนบสนิท

   มือข้างหนึ่งของเขากดศีรษะที่พยายามขัดขืนของผมไว้ จูบที่หนักหน่วงและยาวนานของชายหนุ่มมันทำให้ผมแทบขาดอากาศหายใจตาย ผมรู้สึกตัวเบาหวิวสมองขาวโพลน... ความวาบหวิวที่ส่งผ่านปลายลิ้นร้อนมันทำให้ผมรู้สึกไร้สิ้นเรี่ยวแรง ร่างกายอ่อนระทวยทรยศต่อความขัดแย้งขัดขืนในจิตใจผมโดยสิ้นเชิง...

   ในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนริมฝีปากออก ผมหอบหายใจแรงเหมือนคนขาดอากาศหายใจ ร่างทรุดลงไปกองกับพื้นทันที หนุ่มฝรั่งเหมือนเพิ่งรู้สึกตัวรีบก้มลงมาประคองผมไว้อย่างลนลาน 

   ผมขืนตัวไว้ไม่รับการช่วยเหลือจากเขา แล้วผลักไสปัดป้องมือของชายหนุ่มออกห่างจากตัวอย่างไร้เยื่อใย ก้มหน้าก้มตาด้วยความคับแค้นใจ

   หนุ่มฝรั่งทรุดกายลงโอบกอดผมไว้ โดยไม่สนใจการขัดขืนที่ไร้เรี่ยวแรงของผม ริมฝีปากปากกดเน้นที่บริเวณขมับผมหลายครา จากนั้นกระซิบที่ข้างหูผมด้วยน้ำเสียงโศกเศร้าเสียใจว่า

   “ผมขอโทษ...” คำๆนี้วนเวียนอยู่ที่ข้างหูผมหลายครั้งหลายครา แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกดีแม้สักนิดในตอนนี้ ผมรู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน...

   ขณะที่ริมฝีปากของชายหนุ่มเคลื่อนย้ายผ่านข้างแก้มอย่างอ่อนโยน จนกระทั่งจรดลง บนริมฝีปากผมอีกครั้ง พลันเสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นมาจากเบื้องนอกห้อง พร้อมกับเสียงชายแก่ดังแว่วมา

   “ผมนำเสื้อผ้าที่ซักรีดแล้วมาส่งครับ!!”

   หนุ่มฝรั่งหยุดชะงักการกระทำด้วยความหงุดหงิดใจ ลุกขึ้นรีบหยิบชุดคลุมมาสวมใส่ปกปิดความเปลือยเปล่าของร่างกาย หันมองคนที่ยังนั่งนิ่งอยู่ที่พื้นห้อง ถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง แล้วหักใจเดินไปเปิดประตูห้องเพื่อรับเสื้อผ้ามาจากพนักงานที่รออยู่

   ผมจ้องมองพื้นพรมสีครีมที่นั่งอยู่อย่างเหม่อลอย รู้สึกเจ็บแปลบที่ข้อมือซ้ายอย่างไม่ทราบสาเหตุ มือขวาลูบคลำรอยแผลเป็นจางๆที่ข้อมืออย่างหดหู่ ทำไมตอนนั้นถึงไม่ตายนะ...?
            
   ได้ยินเสียงประตูปิดเบาๆ จากเบื้องหลัง พร้อมกับเสียงฝีเท้าที่เดินตรงเข้ามาหา แต่ผมก็ยังคงนั่งนิ่งอยู่แบบนั้นเหมือนเดิม

   สัมผัสไออุ่นที่โอบกอดผมจากข้างหลัง ทำให้ผมสะดุ้งเฮือก! ตื่นจากภวังค์ทันที ริมฝีปากร้อนและจมูกโด่งเป็นสันของชายหนุ่มจรดไล้คลอเคลียอยู่ที่บริเวณลำคอและลานไหล่ของผม สร้างความเสียวกระสันให้กับผมอย่างไม่ทราบสาเหตุ พานให้รู้สึกหงุดหงิดตัวเองมากยิ่งขึ้น

   “เสื้อผ้าฉันล่ะ?” ผมถามเสียงเย็นชา จนชายหนุ่มหยุดชะงัก เงยหน้ามองผมแววตาเจ็บปวดน้อยใจ

   ผมไม่สนใจ ขืนตัวออกจากวงแขนของเขา เหลือบเห็นบนเตียงมีถุงเสื้อผ้าอยู่จึงรีบคว้าเดินเข้าห้องน้ำทันที รู้สึกได้ถึงสายตาของเขาที่มองตามหลังผม จนกระทั่งประตูห้องน้ำปิดลง...

   ผมรีบแต่งตัวให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ อยากออกไปจากที่นี่ไวๆ ผมอยากจะหนีไปจากที่นี่!ไม่อาจทนอยู่ต่อไปได้อีก ไม่อยากปะทะสู้หน้าไอ้หมอนั่นนานๆ เพราะว่าผมกลัว... ความรู้สึกบางอย่างที่ผมไม่เข้าใจ มันบอกผมว่าหมอนั่นอันตราย...

   ผมสูดหายใจเข้าลึกๆให้เต็มปอด แล้วตัดสินใจเปิดประตูห้องน้ำออก มองซ้ายมองขวาอย่างระแวดระวัง แล้วผมก็หันไปพบกระเป๋าสตางค์กับโทรศัพท์มือถือรวมทั้งกุญแจรถของผมวางอยู่บนโต๊ะหัวเตียง ผมจึงรีบคว้าหมับทันทีอย่างรวดเร็ว แล้วยัดทุกอย่างลงในกระเป๋ากางเกง หันมองรอบๆห้องอย่างหวาดผวา จนกระทั่งเห็นหมอนั่นอยู่ที่ริมระเบียงห้อง หนุ่มฝรั่งกำลังหันหลังคุยโทรศัพท์ให้ผมอยู่ที่ระเบียงข้างนอก โดยกั้นปิดไว้ด้วยกระจกใสบานเลื่อน  ผมจึงรีบฉวยโอกาสตอนหมอนั่นยังไม่รู้ตัว เผ่นออกจากห้องไปในทันที!



   

            - - - - - - - - - - - - - - - - - -




   หลังจากคุยโทรศัพท์เสร็จ ผมก็เข้ามาในห้อง มองประตูห้องน้ำที่ยังคงปิดสนิทอยู่ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ทำไมแต่งตัวนานจัง... ผมไปคุยโทรศัพท์ตั้งนาน มันน่าจะเสร็จแล้วนะ พลันความคิดบางอย่างก็แล่นเข้าสู่สมองผมอย่างรวดเร็ว หรือว่า?!!!

   เร็วเท่าความคิด ผมรีบเปิดประตูห้องน้ำเข้าไปทันที และต้องพบกับความว่างเปล่า...อย่างที่คิด ผมกลับมาดูที่ห้องนอน ปรากฏว่าของทุกอย่างบนโต๊ะหัวเตียงอันตรธานหายไปหมด!

   แล้วความตกตะลึงก็ค่อยๆเปลี่ยนเป็นเสียงหัวเราะในที่สุด หัวเราเยาะในความน่าสมเพชของตัวเอง...

   เขาคงจะกลัวผมมากถึงได้รีบหนีไปแบบนั้น ก็สมควรแล้วล่ะ! ผมมันไม่ดีเอง ช่วยเขาไว้ แล้วยังไปทำไม่ดีซ้ำเติมเขาอีก เอาเปรียบเขาตอนที่เขากำลังเมาไม่ได้สติ ไม่ยอมหักห้ามใจตัวเอง ทั้งที่ถ้าผมพยายามมันก็ทำได้แท้ๆ คิดแล้ว ผมนี่มันแย่ที่สุด...

   ไม่เคยมีครั้งไหนที่ผมทำอะไรลงไปแล้วจะรู้สึกผิดมากเท่ากับครั้งนี้ ไม่อยากจะเชื่อตัวเองจริงๆ

   ป่านนี้ไม่รู้ชายหนุ่มคนนั้นจะเป็นยังไงบ้าง จะกลับบ้านได้โดยปลอดภัยรึเปล่า? ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วงด้วยความรู้สึกสะท้อนใจ แม้แต่ชื่อของเขาก็ยังไม่รู้เลย...

   อีกไม่กี่ชั่วโมงผมก็จะต้องขึ้นเครื่องไปภูเก็ตแล้ว ผมมาเมืองไทยครั้งนี้ก็เพื่อมาถ่ายแฟชั่นรับฤดูร้อนร่วมกับนายแบบนางแบบในโมเดลลิ่งที่ผมสังกัดอยู่

   คิดแล้วก็น่าอเนจอนาถใจ เมื่อคืนผมรู้สึกมีความสุขมาก แต่มันก็เป็นเพียงความสุขแค่ชั่วข้ามคืนเท่านั้น ในตอนนี้ผมต้องกลับสู่โลกแห่งความเป็นจริงแล้ว เก็บของเตรียมตัวออกเดินทาง คงอีกนานกว่าผมจะได้มาที่นี่อีก เพราะหลังจากถ่ายแฟชั่นชุดนี้ผมก็ต้องบินไปปารีสต่อเพื่อไปเดินแบบให้กับห้องเสื้อของที่นั่น แล้วยังมีคิวงานต่ออีกมากมาย ผมคิดว่าถึงผมจะได้มาเมืองไทยอีกครั้ง ก็คงจะไม่มีวันได้พบกับชายหนุ่มคนนั้นอีก ผมคงต้องตัดใจจากเขา คิดซะว่ามันเป็นเพียงความทรงจำที่ดีที่ผ่านเข้ามาในชีวิตก็พอ... 




            - - - - - - - - - - - - - - - -



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:16:44 โดย pixie_pansy »

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #7 เมื่อ07-10-2007 00:43:48 »

โอ้มายก๊อตตตตตต :m10: :m10: :m10: ชอบครับมาต่ออีกนะอิๆ  :m21: :m21: :m21:

ออฟไลน์ uknowvry

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +284/-6
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #8 เมื่อ07-10-2007 01:10:24 »

มาตามอ่านคร้าบบบบ

youngest

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #9 เมื่อ07-10-2007 12:51:55 »

นั่นแน่คุณSatan666 ..เจอกันอีกแล้วนะค่ะ...เจอกันที่บอร์เด็กดี-พี่เคท ...
ยังติดตามอ่านอยู่นะค่ะ  เข้าไปดูแต่ยังไม่เห็นตอนใหม่ที่แท้มาอยู่ที่บอร์ดนี้นี่เอง...ยังไงก็ยังตามอ่าน
อยู่นะค่ะ... :m13:

สำหรับท่านผู้อ่านทุกท่านค่ะ...ขอเชียร์เรื่องนี้ค่ะ..ติดตามอ่านได้เลย เขียนได้สนุกมากๆ  ไม่เสียเวลาในการอ่านแน่นอน...มีแต่เวลาของท่านจะไม่พออ่านมากกว่า..น่าติดตามมาก(เสียดายที่ยังไม่จบ)


ปล.ไม่ได้เป็นหน้าม้าเชียร์นะค่ะ...แต่เดี๋ยวท่านก็จะรู้ว่า เรื่องนี้ก็จะเป็นอีกเรื่องหนึ่งที่ท่านจะประทับใจเลยเชียวแหละ :m3:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
« ตอบ #9 เมื่อ: 07-10-2007 12:51:55 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #10 เมื่อ07-10-2007 13:34:10 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

ออฟไลน์ Simply Blue

  • เป็ดนักโพสมือดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1107
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +120/-3
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #11 เมื่อ07-10-2007 15:32:50 »

น่าจะสนุกนะ  มารอติดตามจ้า

แล้วจะได้เจอกันอย่างงัยละนี่ ไปกันคนละทิศละทาง เหอะ เหอะ

ออฟไลน์ THIP

  • Global Moderator
  • เป็ดApollo
  • *
  • กระทู้: 7674
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +986/-10
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #12 เมื่อ07-10-2007 16:40:04 »

น่าสนุก ๆ  :m4:  :m4:  :m4: ออกแนวหนังไทยนิด ๆ คอยอ่านต่อไป  :a1:  :a1:  :a1:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #13 เมื่อ07-10-2007 17:34:59 »

 :try2:
เคยเข้าบาร์เกย์แค่ครั้งเดียวสิบปีที่แล้วมั้งงงง สภาพตามที่บรรยายเลยยยย ไม่รู้มือใคร ๆ มั่วไปหมด
บอกตรง ๆ ไม่ชอบเลยยยยทั้ง ๆ ที่ผมก็เป็นเกย์นะ... จนเดี๋ยวนี้ไม่เคยเข้าอีกเลยยยย ... น่ากลัวอ่ะ  o22
กลุ้มใจแทนนนนน จะมีโอกาสได้เจอกันอีกไหมนะ...แล้วรอยแผลเป็นเกิดจากอะไร....
มีเรื่องให้ชวนติดตามมมมมม จะลงเอยกันยังไงนะ.....รีบมาต่อนะครับบบบบบ รอรอรอร :m7:
 :bye2:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #14 เมื่อ08-10-2007 19:39:52 »




มาต่อแล้ววันนี้
คุณnartch มันก็เป็นเรื่องปกติไปแล้วล่ะที่จะเจออะไรแบบนั้นที่บาร์เกย์  :m10:
คุณ THIP จะว่าไปก็เหมือนหนังไทยจริงๆแฮะ เพิ่งรู้ตัวว่าเรื่องที่แต่งอย่างกับละคร  :try2:
คุณ LoVeMoDe คุณ ken_krub คุณ Uknowvry ยินดีต้อนรับ และขอบคุณที่คอยติดตามนะคะ  :m1:
คุณ youngest ขอบคุณมากค่ะ ที่ช่วยโปรโมท ฮี่ๆ  :m23: เล่นชมซะตัวแทบลอยแน่ะ  :m2:  :laugh:



----------------------------------------------------------------------------------------------------




    หลังจากหลบหนีออกมา ผมก็ตรงมายังบริษัททันที เพราะว่าตอนนี้เก้าโมงครึ่งแล้ว สายมากแล้ว ปรกติเวลาเข้างานของผมคือเจ็ดโมงเช้า ซึ่งเป็นเวลาที่ผมกำหนดเอาเอง ความจริงตำแหน่งประธานบริษัทอย่างผมจะมาทำงานกี่โมงก็ได้และแต่ความต้องการ แต่ผมไม่ใช่คนเหลาะแหละแบบนั้น สำหรับผมหน้าที่ต้องนำหน้ามาก่อนความสุขความสบายส่วนตนเสมอ ผมจึงตั้งกฎสำหรับตัวผมเอาไว้ เพื่อเป็นตัวอย่างที่ดีแก่ลูกจ้างในปกครองของผม ในฐานะประธานบริษัท ผมต้องมาทำงานก่อนคนในบริษัทของตน

   แต่วันนี้ทุกอย่างไม่เหมือนเดิมและไม่สามารถทำได้ ถึงในหลักความเป็นจริงผมจะไม่ผิดอะไร แต่ผมก็ยังรู้สึกไม่พอใจตัวเองอยู่ดี พนักงานในบริษัทต่างยกมือไหว้ผมเมื่อเห็นผมเดินเข้ามา บางคนมองผมอย่างแปลกใจ แต่ผมทำเป็นไม่สนใจพลางเดินเข้าลิฟต์ส่วนตัวไป

   ลิฟต์พาผมขึ้นไปยังชั้นบนสุด ที่เป็นชั้นทำงานส่วนตัวของผม ผมเดินเร็วๆออกจากตัวลิฟต์เดินตรงเข้าไปในห้องทำงานทันที ท่ามกลางสายตาของเลขาส่วนตัวผมที่มองตามอย่างงุนงง

   พอเข้าห้องนั่งประจำที่ปุ๊บ ผมก็กดสายตรงถึงเลขาหน้าห้องทันที

   “คุณสุภวรรณมัวทำอะไรอยู่ เข้ามาแจ้งตารางงานของผมในวันนี้ได้แล้ว!”   

   [“ค่ะ...ค่ะ! ท่านประธาน จะ...จะไปเดี๋ยวนี้ค่ะ!”] เลขาของผมรับคำน้ำเสียงตะกุกตะกัก หลังจากนั้นไม่ถึงหนึ่งนาทีเธอก็เข้ามาพร้อมกับสมุดตารางงานทันที 

   ผมนั่งพิงพนักเก้าอี้สองมือวางบนที่ท้าวแขน มองเลขาส่วนตัวด้วยความหงุดหงิด ผมรู้ว่าเลขาของผมไม่ได้ทำอะไรผิด แต่วันนี้ผมอารมณ์ไม่ดี มองอะไรก็ขวางหูขวางตาน่าหงุดหงิดรำคาญไปเสียหมด เป็นเพราะไอ้หมอนั่นแท้ๆ!!

   เลขาสาวมองผมอย่างกล้าๆกลัวๆ ไม่ยอมอ่านตารางงานให้ผมฟังสักที จนผมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาจริงๆ 

   “ว่ามาสิ ตารางงานวันนี้มีอะไร?!!” ผมเร่ง จ้องมองเธอเขม็ง

   “...ค่ะๆ ท่านประธาน ช่วงเวลานี้ยังไม่มีอะไร นอกจากเซนต์เอกสารที่รอการอนุมัติ 11โมง มีนัดรับประทานอาหารกับลูกค้าจากประเทศญี่ปุ่น คุณมัตสึโมโต้ ทาคาโอะ บ่ายโมง เจรจาธุรกิจอสังหาริมทรัพย์กับบริษัทซีซีเค... บ่ายสองโมงครึ่ง มีประชุมสัมมนากับพวกผู้จัดการการโรงแรมในเครือบริษัท ห้าโมงเย็น รับประธานอาหารกับคุณหญิงสุรีย์รัตน์ หนึ่งทุ่ม ไปงานเลี้ยงครบรอบ30ปี บริษัททีแอนด์เอน.... สำหรับวันนี้มีเท่านี้ค่ะบอส ”  ตารางงานที่แน่นเอี๊ยดทำให้ผมต้องถอนหายใจอย่างหนักหน่วง

   อารมณ์ของผมตอนนี้ไม่พร้อมจะไปนัดพบกับใครทั้งสิ้น ขืนไปมีหวังทุกอย่างร่มหมดแน่ อารมณ์ครุกรุนคับแน่นในอกผมจนแทบระเบิด ยิ่งเห็นภาพใบหน้าหมอนั่นลอยวนเวียนในหัว ผมยิ่งจะเป็นบ้าตาย

   “ยกเลิกนัดในวันนี้ให้หมด เลื่อนเป็นวันอื่นแทน”  ผมตัดสินใจบอกกับเลขาสาวไป

   “แต่ท่านคะ ตารางงานของท่านทุกๆวันก็แน่นอยู่แล้ว ถ้าเปลี่ยนเป็นวันอื่น...” เลขาสาวแย้ง แต่เมื่อเธอสบตากับสายตาเย็นชาของผม เธอก็หยุดคำพูดไปในทันที

   “ไปจัดการซะ! แล้วเรื่องการประชุมกับบรรดาผู้จัดการโรงแรมในเครือ ให้จัดการประชุมที่นี่แทน ออกไปได้แล้ว...”

   “ค่ะท่านประธาน...” เลขาสาวรับคำแล้วผลุนผันออกไปจากห้องทำงานผมอย่างรวดเร็ว

   ผมมองตามประตูที่ปิดลง สองมือยกขยี้หัวอย่างหงุดหงิดใจ

   “โอ๊ย!! ออกไปจากหัวฉันนะไอ้บ้า!!”  ผมดึงถึงหัวตัวเองราวกับนักธุรกิจเครียดเรื่องหุ้นตก ถ้าหากการแพทย์สมัยนี้ก้าวหน้าจนสามารถล้างสมองคนได้ ผมก็ยินดีไปทำโดยเร็วที่สุด!

   ในขณะที่ผมกำลังงุ่นง่านกับตัวเองอยู่นั้น เสียงเคาะประตูก็ดังขึ้นจากเบื้องนอก ผมรีบสลัดความคิดฟุ้งซ่านทุกอย่างทิ้ง รีบทำผมที่ยุ่งเหยิงให้เรียบร้อย จัดเสื้อสูทและเนคไทต์ที่สวมใส่อยู่ให้เข้ารูปเข้าทรงดูดี ก่อนจะเอ่ยอนุญาตแขกจากเบื้องนอก

   “เชิญ!”

   ประตูเปิดออก พร้อมๆกับบุคคลที่ผมไม่อยากเห็นหน้าที่สุดเดินเข้ามา ไอ้เรโอเพื่อนรักที่น่าหมั่นไส้เหลือเกินสำหรับผม ยิ้มหน้าบานเดินเข้ามาอย่างไม่ทุกข์ร้อนใดๆ

   “ไง! เห็นเลขานายบอกว่านายเพิ่งมาทำงานนี่หว่า เป็นไปได้ไงเนี่ย!! คนที่เคร่งครัดต่อตนเองเสมออย่างนาย” คำทักทายของมัน ทำให้ผมอารมณ์ไม่ดียิ่งกว่าเดิม เห็นหน้ามันแล้วอยากจะตั้นให้หน้าหงาย เป็นเพราะมันเมื่อคืนนี้ผมถึงได้ซวย! ยังมีหน้ามาทำระรื่นใส่ผมอีก

    “ไม่ต้องมาพล่ามมากเลย แกมาหาฉันมีธุระอะไร?” ผมถามออกไปอย่างหงุดหงิด

   “โหย... เพื่อนรักมาหาทั้งที จำเป็นต้องมีธุระด้วยเหรอวะ”

   “จำเป็นสิ! เพราะนี่มันเวลางานของฉัน ถ้าแกไม่มีธุระอะไรก็กลับไปซะ” มันทำหน้าหงิกงอทันทีที่ได้ยินคำพูดตัดรอนจากผม

   “อูย...หนาว อย่าพูดจาเย็นชานักสิเพื่อน แกเป็นอะไรวะวันนี้ ดูอารมณ์ไม่ค่อยดี...” มันแสร้งทำท่ากอดอกตัวสั่นเมื่อสบกับสายตาเย็นชาของผมพลางเดินเข้ามานั่งลงบนเก้าอี้บุนวมตรงข้ามโต๊ะทำงานผม

   “ก็เออน่ะสิ! อารมณ์ไม่ดีโว้ย!! รีบๆไปให้พ้นหน้าเลยไป เกะกะสายตา...” ผมพูดอย่างรำคาญเห็นหน้าตาออกฝรั่งของเจ้าเรโอทีไรพานให้นึกถึงหน้าไอ้ฝรั่งหื่นกามนั่นทุกที

   “ทำไมกายใจร้ายกับเรโอแบบนี้ล่ะ ไม่น่ารักเลย... เดี๋ยวก็หาแฟนไม่ได้หรอกทำตัวแบบนี้” มาอีกแล้ว... คำเรียกชื่อแทนตัวแบบนี้... เห็นท่าวันนี้มันคงไม่ยอมไปง่ายๆ ผมถอนหายใจออกมาอย่างหนักหน่วง มองมันด้วยสายตารำคาญเป็นที่สุด

   “มันเรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับแก” ผมบอกไปโดยไม่มองหน้ามัน ก้มหน้าก้มตาเซ็นต์เอกสารบนโต๊ะต่อไป

   ปึง!!!  จู่ๆ นิตยสารเล่มหนึ่งก็ลงมากระแทกทับเอกสารที่ผมกำลังอ่านเพื่อทำการอนุมัติอย่างแรง ด้วยฝีมือของเรโอเพื่อนจอมก่อกวน

   ผมเงยหน้ามองมันอย่างฉับพลันด้วยสายตาแข็งกร้าวทันที! ผมโมโหจริงๆแล้วนะ!!

   “แหะๆ โทษทีนะ แต่แกช่วยฟังฉันพูดหน่อยเถอะ ฉันมีเรื่องจะเล่าให้แกฟังอ่ะ ถ้าไม่ได้เล่าฉันคงตายแน่เลย มันคันปากไปหมดแล้ว! นะนะ” มันทำตาอ้อนวอนกระเง้ากระงอด จนผมรู้สึกว่าถ้าไม่ฟังเรื่องที่มันเล่าวันนี้มันคงไม่ยอมไปไหนอีก ผมผ่อนลมหายใจยาว วางปากกาในมือลง แล้วเอนหลังลงพิงพนักเก้าอี้ กอดอกมองหน้ามันนิ่ง

   “มีอะไรก็ว่ามา” เจ้าเรโอทำหน้าดีใจจนออกนอกหน้าทันทีที่ผมอนุญาตและยอมรับฟังมัน

   “นี่! เรื่องที่ฉันจะเล่าก็คือนี่!” มันชี้นิ้วไปที่หน้าปกนิตยสารที่มันวางบนโต๊ะผม และผมเพิ่งจะสังเกตว่าตอนมันเข้ามามันถือนิตยสารติดมือมาด้วย

   ผมเหลือบมองหน้าปกนิตยสารนั่นอย่างไม่ใส่ใจ แล้วหันไปมองหน้ามันเป็นเชิงถาม

   “อะไร? รีบๆเล่ามาอย่าอ้อมค้อม”

   “นี่ไง! กลุ่มนายแบบบนหน้าปกนี่ เมื่อคืนฉันได้เจอพวกเขาที่ร้านที่ฉันพาแกไปดื่มอ่ะ สุดยอดเลย หน้าตาดีกันทั้งนั้น!” ผมมองท่าทางตื่นเต้นของมันด้วยสายตาไร้ความรู้สึก

   “แล้วไง?” ผมถามอย่างไม่ใส่ใจ

   “คือ... ที่ฉันจะบอกก็คือ หนึ่งในกลุ่มนี้ มีคนที่ฉันหมายปองอยู่ด้วย อยากจะลองมีเซ็กส์กับเขามานานแล้ว” มันพูดพลางเปิดนิตยสารให้ผมดูรูปของคนที่มันหมายปอง

   หนุ่มน้อยหน้าละอ่อนคนหนึ่งอยู่บนหน้าทางขวามือ หน้าตาคมคายดูดี เปลือยท่อนบนโชว์หุ่นสมส่วน ผมสีดำสนิทเปียกชื้นมีหยดน้ำเกาะแพรวพราวดูเซ็กซี่ แต่สำหรับผมมันก็แค่ฝรั่งคนหนึ่ง ไม่เห็นจะมีอะไรหน้าตื่นเต้นแบบที่เจ้าเรโอมันกำลังเป็นอยู่เลย

   “และเมื่อคืนฉันก็ได้นอนกับเขาอย่างสมปรารถนามาแล้วด้วย! แต่มีอีกคนที่ฉันก็หมายตาเอาไว้ด้วย แต่หน้าเสียดายที่เมื่อคืนไม่เห็นเขา นี่ไงคนนี้!” แล้วมันก็ชี้มือมาทางหน้าด้านซ้ายมือ ผมกวาดสายตามองตามมือมัน แล้วก็ต้องตกใจจนแทบตกเก้าอี้ทันทีที่ได้เห็นคนในรูป!!

   “เฮ้ย!!!” ผมอุทานออกมาด้วยความตกใจ ก็จะไม่ให้ตกใจได้ไงกันล่ะ ในเมื่อคนในรูปเป็นไอ้เกย์ฝรั่งคนเมื่อเช้านี้!!!





               _______จบตอน______




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:18:38 โดย pixie_pansy »

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #15 เมื่อ08-10-2007 20:00:51 »

 o9
สั้นจังเลยยยยยยยยยยย :m7:
ยังไม่เห็นวี่แววจะได้เจอกันเลยยยย จะทำไงให้รักกันได้อ่ะ....
เบื่ออีตาเพื่อนหื่นกามนี่จิง...น่าจะเตะให้ตกเก้าอี้....ทำเพื่อนเสียตัวจะรู้ไม๊เนี่ยยยยยย :m16:
แหม...แต่เรื่องแนวนี้ม่ายค่อยชอบเลยยยย ที่ทำให้ผู้ชายกลายเป็นเกย์แบบไม่เต็มใจเงี้ยยยยย
สงสารเค้าอ่ะ....ชีวิตมันเปลี่ยนแปลง...ยิ่งเป็นนักธุรกิจหย่ายยยยแบบนี้ด้วย....แย่สิ  :m26:
ไงก็ติดตามกันต่อ...รอนะครับบบบบ.... :bye2:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #16 เมื่อ08-10-2007 21:07:29 »

พาเพื่อนไปเสียตัวเเท้ๆยังมาทำระรื่นอีก :m16:   2คนนี้อยู่คนละโลกกันเลยอะเเล้วจะเจอกันได้ไงเนี่ย :m18:

ออฟไลน์ Poes

  • คนแรกของหัวใจ คนสุดท้ายของชีวิต
  • Administrator
  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 11342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2405/-22
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #17 เมื่อ09-10-2007 06:15:37 »

ชอบเรื่องนี้พระเอกออกแนวโหดนิดๆ  :m3: :m3: รออ่านต่อนะ

ออฟไลน์ Ferfa

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1481
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-2
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #18 เมื่อ09-10-2007 15:14:05 »

เข้ามาจิ้มตูดพี่หนึ่ง อิอิ  :a11:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #19 เมื่อ09-10-2007 17:11:14 »

มารอเป็นกำลังใจให้ครับ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
« ตอบ #19 เมื่อ: 09-10-2007 17:11:14 »





@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #20 เมื่อ09-10-2007 21:49:02 »

พึ่งได้อ่านจ้า มาตามอ่านอีกหนึ่งคน  :m3: :m3: :m3:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #21 เมื่อ09-10-2007 22:25:41 »

คุณ nartch -- แฮะๆ ลงยาวๆ เดี๋ยวจะอ่านมะทันกันน่ะ อย่าเกลียดคุณเพื่อนเค้าเลย ตัวเด่นเลยนะนั่น หุหุ
คุณ jammy -- คนเค้าทำไปโดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าเพื่อนจะเสียตัวนี่  :m29: ถึงอยู่กันคนละโลก แต่ความรักมันก็อยู่ในโลกใบเดียวกันน๊า :m3:
คุณ Poes และ คุณ ken_krub  -- ติดตามต่อเลยจ้า
คุณ Ferfa คุณ PeaZa -- ยินดีต้อนรับค่ะ



---------------------------------------------------------------------------------------------------



Chapter:3  วันที่วุ่นวายวันหนึ่ง



   
   เรโอมองผมตาปริบๆกับอาการตกใจราวกับเห็นผีของผม ผมจ้องมองภาพคนบนหน้ากระดาดเขม็ง หายใจหอบอย่างกับคนวิ่งร้อยเมตร มือทั้งสองยึดจับที่ท้าวแขนแน่นเหมือนกับกลัวจะร่วงตกจากเก้าอี้

   “แกเป็นอะไรของแกวะกาย?!! วันนี้แกดูผิดปรกติไปนะ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?” ไอ้เรโอขมวดคิ้วมุ่นมองผมอย่างสงสัย แต่ผมยังคงจ้องมองบุคคลในรูปนิ่งราวกับวิญญาณได้หลุดออกจากร่างไปแล้ว...

   “เฮ้ย!! ไอ้กาย!!!” ผมสะดุ้งโหยง!ทันที เมื่อเจ้าเรโอตะโกนใส่หูผมเสียงดัง ปลุกผมจากภวังค์ความคิดทั้งปวง

   “อะ...อะไรวะ! เสียงดังทำไม?!”

   “ก็ถามแล้วไม่ตอบนี่หว่า? เอาแต่ทำหน้าอย่างกับคนถูกผีเข้าอยู่ได้” ถ้าผมถูกผีเข้าอย่างที่มันว่าก็ดีน่ะสิ จะได้ไม่ต้องรับรู้อะไร ผมลูบหน้าลูบตาตัวเองเป็นการปลอบขวัญ แล้วรีบปิดนิตยสารเล่มนั้นทันที เพราะไม่อาจทนเห็นหน้าไอ้หมอนั่นอีกต่อไป

   ผมเหลือบมองเรโอก็พบว่ามันกำลังมองหน้าผมอย่างฉงนสงสัยสลับกับมองนิตยสารบนโต๊ะทำงาน ผมเกิดอาการตื่นตัวทันที หรือว่าเรโอมันจะรู้แล้ว!! ไม่หรอกๆไม่มีทาง ผมวิตกจริตเกินไปแล้ว เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อคืนจะไม่มีใครรู้ได้นอกจากผมกับเจ้าฝรั่งนั่นเท่านั้น! 

   “มองอะไรวะ หลงรักฉันแล้วรึไง?” ผมแสร้งถามเพื่อขัดความคิดของมัน ถึงจะไม่รู้ว่ามันคิดอะไรอยู่ก็เถอะ!

   “เหอะ! ถ้าได้หน้าตาแบบแกเป็นแฟนก็ดีน่ะสิ แต่ถ้าให้เอาแกเป็นแฟนฉันไม่เอาด้วยหรอก โหดอย่างกับอะไรดี... มีหวังได้ตายก่อนจะทันได้คบ” คำพูดหมาๆของมันทำให้ผมหมั่นไส้ ดูมันพูดทำอย่างกับตัวเองประเสริฐเลิศเลออย่างไรอย่างนั้น ผมจึงเอาคืนมันด้วยการเอานิตยสารที่มันภูมิใจนักหนาฟาดกระบาลมันทันที

   “โอ๊ย! ไอ้บ้า! ฟาดมาได้ นี่มันกระบาลคนนะไม่ใช่กระบาลสัตว์!” มันลูบคลำหัวป้อยๆแล้วรีบดึงนิตยสารออกจากมือผมโดยไวเมื่อเห็นว่าผมเงื้อมือจะฟาดมันอีกครั้ง

   “แล้วใครใช้ให้พูดจาหมาๆวะ หมดธุระแล้วใช้ไหม จะไปไหนก็ไป ฉันมีงานต้องสะสางต่อ ไม่ว่างมาพูดจาไร้สาระกับแกหรอก”

   “เพื่อนกันประสาอะไรวะ ไล่เพื่อนอย่างกับหมูกับหมา อุส่าเป็นห่วงเลยแวะมา แต่ความห่วงใยที่มี เพื่อนกลับไม่เหลียวแล ไม่เห็นคุณค่า...” มันบ่นยืดยาวด้วยความน้อยเนื้อต่ำใจ จนผมนึกสงสารมัน

   “พอๆ หยุดๆ ไม่ไปก็ไม่ไป ฉันไม่ไล่แกแล้ว จะอยู่ต่อไปก็เชิญ แต่กรุณาอย่ารบกวนการทำงานของคนอื่นเขา” ผมบอกออกไปอย่างเหนื่อยหน่าย จับปากกาขึ้นมาเซ็นต์เอกสารบนโต๊ะต่อไป

   “ก็ได้เพื่อน ฉันไม่อยู่นานหรอก เดี๋ยวจะไปดูร้านแล้ว แต่ก่อนจะไปขอถามแกสักสองสามอย่างสิ” ผมเงยหน้ามองมันทำที พลางชั่งใจคิดว่ามันจะถามอะไรผม 

   “จะถามอะไรก็ว่ามา”

   “เมื่อคืนแกกลับบ้านยังไงวะ? ในเมื่อแกมารถฉันไม่ได้เอารถแกมาด้วย” คำถามของมันทำให้ผมนิ่งงันชั่ววูบ ก่อนจะตอบออกไปโดยไม่ต้องคิดอะไรมากมาย

   “แท็กซี่” ผมบอกหน้าตาย แม้จะเป็นคำโกหกก็ตาย แต่มันก็เป็นความจริงอยู่กึ่งหนึ่ง เพราะผมนั่งแท็กซี่มาบริษัทเมื่อเช้า

   “งั้นเหรอ... ไอ้เรารึก็เป็นห่วง จะกลับก็ไม่มีมาบอกลากันบ้างเลย ปล่อยให้เพื่อนกระวนกระวายใจนึกว่าแกโดนเกย์แถวนั้นฉุดไปซะอีก...” คำจี้ใจดำโดยที่ไม่ได้ตั้งใจของไอ้เรโอ ทำให้ผมสำลักน้ำลายทันที

   “…แค่กๆๆ พูดอะไรของแกวะ ความคิดแกนี่ไม่เคยมีเรื่องสร้างสรรค์เลยนะ ไอ้บ้า!” ผมว่าสวนกลับไปด้วยความร้อนใจ ไอ้นี่เซ้นท์มันสุดยอดเลย สงสัยผมคงประมาทมันไม่ได้อีกต่อไป

   “ก็ดีแล้วที่ไม่ได้เป็นอย่างที่คิด วันนี้ฉันก็เลยมาหาแกเพื่อดูให้แน่ใจไง”

   “อืมม์ แล้วมีอะไรจะถามฉันอีก” ผมรู้สึกโล่งใจอย่างไรไม่รู้ ที่มันไม่ถามซักไซ้ไล่เรียงผมต่อเกี่ยวกับเรื่องเมื่อคืน 

   “ฉันจะถามแกว่าพรุ่งนี้พอจะว่างรึป่าว? มามกับแดดฉันเพิ่งจะกลับจากอิตาลี่เมื่อเช้านี้ พวกท่านอยากเจอแกน่ะ”

   “ถ้าพรุ่งนี้ไม่ว่างหรอก ตารางงานฉันแน่นมากแทบจะไม่มีเวลาขยับตัวไปไหนเลย แต่ถ้าวันนี้ก็พอจะว่างอยู่หรอก”

   “จริงเหรอ?! เมื่อไหร่ล่ะ ฉันจะได้มารับ ”

   ผมยกแขนขึ้นมาดูเวลาบนหน้าปัดนาฬิกาข้อมือที่สวมใส่อยู่ พลางหันไปตรวจเช็คแฟ้มเอกสารที่เหลือบนโต๊ะ

   “คงสักประมาณเที่ยงๆแหละ แล้วก็ต้องกลับมาประชุมที่บริษัทต่อตอนบ่ายสองโมงครึ่ง ”

   “เออดี! งั้นตอนเที่ยงฉันจะมารับนายไปกินข้าวที่ร้านฉันละกัน เอาล่ะ! คำถามสุดท้ายแล้ว...” มันทำสีหน้าจริงจังขึ้น มองผมแน่วนิ่ง จนผมชักเกร็งหนาวๆร้อนๆขึ้นมา

   “อะ...อะไร?” ผมกลืนน้ำลายอย่างฝืดเคือง รอลุ้นกับคำถามของมัน

   “เลขานายน่ารักดีว่ะ! ฉันเพิ่งจะสังเกตเห็นความน่ารักก็วันนี้ นายว่าฉันจะจีบเธอติดไหมวะ?” ผมยกกำปั้นขึ้นมะเหง็กมันหนึ่งทีทันทีกับคำถามงี่เง่าของมัน โทษฐานทำให้ผมใจหายใจคว่ำ หายใจไม่ทั่วท้อง

   “เฮ้ย! แกเห็นหัวฉันเป็นอะไรวะ! ชอบทารุณฉันอยู่เรื่อย... ฉันถามเพราะอยากได้คำตอบไม่ได้อยากได้มะเหง็กโว้ยยย”

   “แกอยากถามเรื่องงี่เง่าเองนี่หว่า? แล้วห้ามมายุ่งกับคนของฉันนะ ฉันไม่อยากให้ลูกจ้างใต้ปกครองของฉันต้องมัวหมองเพราะแก” ผมรีบพูดดักคอมัน เพราะผมรู้นิสัยมันดี ถึงจะถูกใจใครก็เป็นเพียงแค่ชั่ววูบเป็นพักๆไป ไม่เคยคบใครได้นานๆเลยสักหน จนผมรู้สึกระอา ไม่รู้จะพูดยังไงกับมันแล้ว กับนิสัยที่แก้ยังไงก็ไม่หายของมัน

   “โห่! ไอ้หมาหวงก้าง... ไม่เอาก็ได้วะ เป็นเพราะเห็นแก่นายนะเนี่ย เลยยอมตัดใจ”

   “ดีแล้ว! หมดเรื่องจะคุยแล้วใช่ไหม ฉันจะได้ทำงานต่อ”

   “เออๆ งั้นฉันไปก่อนล่ะ เดี๋ยวตอนเที่ยงจะมารับ ตั้งใจทำงานล่ะ!”

   แล้วเจ้าเพื่อนจอมก่อกวนของผมก็จากไปจนได้ ผมถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก ดีใจที่มันไปได้สักที เพราะขืนมันอยู่ต่อมันคงถามนู่นถามนี่ต่อไม่หยุด เผลอๆความลับของผมอาจแตกได้ ถ้าเกิดมันสะกิดใจขึ้นมากับอาการที่ผมแสดงออกมาตอนดูนิตยสารเล่มนั้น

   ผมหัวเราะอย่างขื่นๆ หันมาจดจ่ออยู่กับแฟ้มเอกสารบนโต๊ะต่อ แต่แล้วสายตาผมก็เหลือบไปเห็น สิ่งที่ผมไม่อยากจะเห็นมากที่สุดในเวลานี้ นิตยสารของไอ้เจ้าเรโอ!!






 



« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:20:58 โดย pixie_pansy »

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #22 เมื่อ09-10-2007 22:34:16 »

             มันคงจะลืมหยิบกลับไปด้วย ถึงได้ยังวางอยู่บนโต๊ะทำงานผมแบบนี้ ผมหยิบนิตยสารเล่มนั้นมาเปิดดู โดยไม่รู้ว่าอะไรมาดลใจ อาจจะเป็นความสงสัยใคร่รู้ของผมก็ได้ ผมแค่สงสัยว่าทำไมไอ้ฝรั่งนั่นถึงได้มาอยู่ในนิตยสารเล่มนี้ได้เท่านั้น

   นิตยสารเล่มนี้ลงเกี่ยวกับแฟชั่นยีน แต่ผมคิดว่ามันโชว์หุ่นโชว์กล้ามเสียมากกว่า เพราะท่อนล่างใส่แต่กางเกนยีนท่อนบนก็เปลือยกันทุกคน แต่ดูเหมือนภาพของหมอนั่นจะมีเยอะกว่าใครๆเพื่อน เพราะมีภาพหมอนั่นหลายหน้ามาก บ้างก็ถ่ายคู่บ้างก็ถ่ายหมู่ แต่ภาพเดี่ยวๆของหมอนั่นก็ยังมีเยอะกว่าใครอยู่ดี สงสัยจะเป็นตัวเด่นของแฟชั่นเซทนี้ 

   มองหน้าหมอนั่นในรูปสักพัก ความคิดแผลงๆบางอย่างก็แวบขึ้นมาในห้วงสมอง ผมจึงหยิบปากกาขึ้นมาไว้ในมือ ส่งยิ้มเหี้ยมเกรียมให้กับคนในรูป แล้วลงมือบรรจงแต่งแต้มวาดเติมเขี้ยวฟันบนริมฝีปากหมอนั่น วาดเขาบนหัว แต้มสิวทั่วใบหน้าหล่อๆของมัน จนไม่เหลือเค้าเดิมอีกเลย แถมผมยังพลิกหน้าเปิดไปวาดทุกๆหน้าที่มีหมอนั่นปรากฏอยู่แบบให้อุบาทสุดๆ จนกระทั่งหมดทั้งเล่มด้วยความสะใจ

   “เหอะ! เป็นไงล่ะ หน้าตาดีกว่าเดิมอีกแน่ะ!” ผมพูดกับคนในรูปด้วยความภาคภูมิใจในฝีมือศิลปะที่แสนสร้างสรรค์ที่สุดสำหรับผม  แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นชื่อของหนุ่มฝรั่งคนนี้ที่มุมล่างสุดของหน้ากระดาษ

   “นิโคลัส แม็คเวลงั้นเหรอ... หวังว่าชาตินี้คงไม่เจอกันอีก ลาก่อน ตลอดกาล... ”

   ผมปิดนิตยสารเล่มนั้นโดยแรง แล้วจัดการโยนมันลงไปในถังขยะอย่างไม่แยแสเหลียวมองอีก หลังจากได้ผ่อนคลายความหงุดหงิดออกจากใจ จนรู้สึกดีขึ้นบ้าง ผมก็หันมาตั้งหน้าตั้งตาลุยงานที่คั่งค้างต่อทันที




               -------------------------------------------



   
            “เฮ้ย! แกเป็นอะไรวะนิค ตั้งแต่ขึ้นเครื่องมาก็เอาแต่นั่งเงียบตลอด ไม่สบายรึเปล่า?” เพื่อนนายแบบที่นั่งข้างๆผมถามผมอย่างห่วงใย ผมเหลือบตามองมันแวบหนึ่งก่อนจะหันไปมองท้องฟ้าและหมู่เมฆนอกหน้าต่างต่อเหมือนเดิม

   “ฉันไม่เป็นไร ขอบใจนะที่เป็นห่วง ฉันแค่รู้สึกเหนื่อยๆเท่านั้นแหละ” ผมบอกมันไปเพื่อไม่ให้มันกังวลอีก พลางมองหมู่เมฆเบื้องนอกอย่างเหม่อลอย จนถึงตอนนี้ผมยังไม่สามารถลบภาพใบหน้าของเขาคนนั้นออกไปจากห้วงสมองได้ ภาพใบหน้าชายหนุ่มที่ออกแนวหวานยังคงติดตาผมไม่จางหาย มันทำให้ผมรู้สึกสะท้อนใจขึ้นมาทุกครั้งที่นึกถึงเขา 

ถ้าเราได้เจอกันในเหตุการณ์อื่นที่ไม่ใช่ในแบบเมื่อคืน อะไรๆมันจะเปลี่ยนไปในทิศทางที่ดีขึ้นรึเปล่าหนอ  เขาอาจจะไม่ได้โกรธเกลียดผมอย่างที่เป็นอยู่ตอนนี้ก็ได้... ไม่สิ ถ้าผมไม่ได้ปล้ำเขาเมื่อคืน ทุกสิ่งทุกอย่างมันคงจะดีขึ้นกว่านี้เยอะ มันเป็นเพราะผมไม่ดีเอง ที่เป็นคนทำให้ทุกอย่างเลวร้ายลง แล้วมานั่งสำนึกเสียใจอยู่แบบนี้ เมื่อสายไป...

   “สงสัยแกจะเหนื่อยจริงๆ แฮะงานนี้ ไอ้ฉันก็นึกว่าแกเป็นมนุษย์เหล็กอึดทนทาน เห็นรับงานนี้เป็นงานที่สามติดต่อกันยังไม่ได้พักเลยนี่ แถมเสร็จจากงานนี้ยังมีคิวเดินแบบที่ปารีสอีก ฉันล่ะเหนื่อยแทนแกจริงๆ”

   “หึ! แค่นี้จิ๊บจ๊อยน่า... ฉันไม่ตายง่ายๆหรอกริคาโด้ มือชั้นนี้แล้ว” ผมหันไปพูดกับมันด้วยน้ำเสียงร่าเริงและเชื่อมั่นในตัวเองในแบบฉบับของผม ขืนมัวแต่นั่งซึมคิดฟุ้งซ่านใจลอย การงานอาชีพที่มีการแข่งขันกันสูงอย่างผมคงหลุดลอยไปโดยไม่สามารถคว้ากลับมาได้อีก  ซึ่งมันก็ไม่ใช่ง่ายๆเลย กว่าผมจะมายืนอยู่ที่จุดๆนี้ได้

   การเป็นนายแบบอันดับหนึ่งของโมเดลลิ่งมันก็ต้องเหนื่อยเป็นธรรมดาอยู่แล้ว แถมตอนนี้ผมกำลังเป็นที่จับตามองอยู่ในฐานะนายแบบหน้าใหม่ไฟแรงของวงการ จึงเป็นผลทำให้คิวงานของผมรัดแน่นจนไม่มีเวลาได้หายใจหายคอ ซึ่งผมก็ได้ทำใจเอาไว้แล้ว ถึงขนาดต้องดอร์ปเรียนมหาลัยเอาไว้ก่อนหนึ่งปี เพื่อมาทำในสิ่งที่ผมใฝ่ฝัน
 
   “ฉันเชื่อแกว่ะนิค ถ้าเป็นฉันคงไม่รอดหรอก ไม่ได้อึดเท่าแกนี่หว่า” เจ้าเพื่อนร่วมอาชีพตบไหล่ผมอย่างแรงจนผมรู้สึกเจ็บ แต่ว่ามันดูเหมือนจะไม่สนใจนัก คงคิดว่าผิวหนังของผมทำจากเหล็กกล้ากระมัง

   “มันเจ็บนะโว้ย! ฟาดมาได้! ฉันมันก็คนนะไม่ใช่วัวใช่ควาย” ผมหันไปต่อว่ามันอย่างฉุนๆ

   “เออลืมไปว่ะ... โทษทีเพื่อน” มันยิ้มแหยๆ มือก็บีบนวดไหล่ผมให้อย่างปะจบประแจง

   “เหอะ! ฉันจะนอนแล้ว ห้ามชวนคุยอีก ยิ่งเพลียๆอยู่ จำไว้อย่าปลุกจนกว่าฉันจะตื่นเอง เข้าใจ๊!” ผมหันไปสั่งกำชับมัน เมื่อเห็นเพื่อนพยักหน้ารับคำผมจึงเอนหลังพิงพนักเก้าอี้ หยิบที่ปิดตาขึ้นมาสวม แล้วปล่อยตัวเองเข้าสู่ห้วงนิทรา...



     
            -------------------------------------------




   พอเที่ยงเรโอก็มารับผมตรงเวลาเป๊ะ!  มันถามหาหนังสือที่มันลืมเอาไว้ แต่ผมแสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง บอกว่าไม่เห็นนิตยสารเล่มนั้นอยู่ในห้องทำงานผม ไอ้เรโอมันก็ทำหน้างงๆ พลางบ่นอยู่คนเดียวว่าเอาไปลืมไว้ที่ไหน  ผมก็ตีหน้าซื่อไว้ก่อน ถ้าเกิดมันเห็นหนังสือของมันที่ผมได้แต่งแต้มงานศิลปะเอาไว้ มันอาจจะคลั่งจัดจนมาฆ่าผมได้ ก็คนที่มันเล็งไว้ถูกผมละเลงซะเละเลยนี่นา! ฉะนั้นผมจึงได้แต่หัวเราะอยู่ในใจคนเดียวเท่านั้น

   ผมนั่งรถมันออกจากบริษัท ประมาณยี่สิบนาที ก็มาถึงร้านอาหารอิตาเลี่ยนซึ่งเป็นกิจการของครอบครัวเจ้าเรโอ กิจการร้านอาหารของครอบครัวนี้มีหลายสาขาทั่วโลก แค่นับในประเทศไทยก็มีอยู่สามสาขาแล้ว และที่มันพาผมมา คือสาขาใหญ่ที่สุดในประเทศไทย ซึ่งปกติผมก็มักจะแวะมาอุดหนุนที่นี่อยู่บ่อยๆ

   พอเข้ามาในร้าน เรโอก็พาผมขึ้นไปยังชั้นสองของร้านที่เป็นที่สำหรับโต๊ะนั่งพิเศษ ภายในร้านตกแต่งอย่างหรูหราคลาสสิก มีต้นไม้ให้ความร่มรื่นเย็นตาอยู่เป็นจุดๆภายในร้าน บรรยากาศชวนให้รู้สึกดื่มด่ำเป็นที่สุด

   คุณพ่อคุณแม่ของเรโอมานั่งรอพวกเราที่โต๊ะอยู่ก่อนแล้ว ผมยกมือไหว้พวกท่านแล้วนั่งลงร่วมโต๊ะอาหารกับพวกเขา  พวกท่านถามไถ่สารทุกข์สุขดิบผมเป็นการใหญ่ จนผมตอบแทบไม่ทัน

   ผมรู้จักกับเรโอตอนผมเรียนไฮสคูลอยู่ที่อังกฤษ ความจริงตอนเรียนอยู่ผมไม่ค่อยสนิทกับใครเป็นคนค่อนข้างเก็บตัว ชอบอยู่คนเดียว  แต่แล้ววันหนึ่งเรโอคนที่ผมจำไม่ได้เลยว่าอยู่ห้องเดียวกันก็เข้ามาทักทำตัวสนิทสนมด้วยจนผมสนิทกับมันไปจริงๆและนับมันเป็นเพื่อนสนิท แล้วผมก็มารู้ทีหลังว่าความจริงแล้วมันน่ะเข้ามาจีบผม ซึ่งตอนนั้นผมก็ไม่รู้ตัวหรอก มารู้ตัวทีหลังตอนที่มันมาสารภาพรัก ตอนนั้นผมตกใจมาก เพิ่งรู้ว่าเพื่อนสนิทของตัวเองมีรสนิยมแบบนี้ และผมก็ปฏิเสธมันแทบจะในทันทีโดยไม่ต้องคิดเลย มันซึมอยู่สามวันก็กลับมาเป็นเหมือนเดิม มาบอกกับผมว่ามันกับผมจะเป็นเพื่อนสนิทกันเหมือนเดิม  ผมก็ตอบตกลงไปอย่างงงๆ

   การที่ผมสนิทกับมันทำให้ผมสนิทกับครอบครัวมันไปด้วย  ครอบครัวอัลโทเน่ทุกคนต้อนรับผมอย่างเป็นกันเองเหมือนเป็นครอบครัวเดียวกัน พ่อกับแม่เรโอเอ็นดูผมมากพวกท่านมักจะเอาผมไปเปรียบเทียบกับเจ้าเรโอแล้วสั่งสอนมันให้เอาเยี่ยงอย่างผมบ้าง ซึ่งเจ้าเรโอก็ทำหน้าเบื่อหน่ายทุกครั้งไป

   ผมนั่งรับประทานอาหารพูดคุยกับพวกท่านไปอย่างสนิทสนม เพราะพวกท่านไปควบคุมกิจการร้านอาหารในต่างประเทศนานๆจึงได้เจอพวกท่านที ทำให้ต้องมีเรื่องพูดคุยกันมากด้วยความคิดถึง คิดๆดูแล้ว ผมชักไม่แน่ใจว่าเรโอหรือผมกันแน่ที่เป็นลูกของพวกท่าน

   จนกระทั่งบ่ายสองโมง ผมก็ขอตัวกลับบริษัท เพราะใกล้จะถึงเวลาประชุมบริษัทแล้ว เจ้าเรโอจึงทำหน้าที่เป็นสารถีมาส่งผมที่บริษัทอย่างขยันขันแข็ง

    มาถึงบริษัทผมก็ตรงเข้าห้องประชุมทันที ส่วนเจ้าเรโอก็ขับรถกลับไปดูแลร้าน  ผมเข้ามาในห้องประชุมตรงเวลาพอดีตามกำหนด พวกผู้จัดการโรงแรมก็มารอผมอยู่ก่อนแล้ว ผมนั่งประจำที่ตรงหัวโต๊ะ เป็นประธานในที่ประชุม ผมกวาดตามองผู้ร่วมประชุมทุกคนนิ่งๆ  แล้วสายตาผมก็มองไปเห็นที่นั่งว่างอยู่ที่หนึ่งในห้องประชุม ซึ่งแสดงว่าผู้ร่วมประชุมยังมาไม่ครบ

   ผมอารมณ์เสียขึ้นมาทันที เพราะผมถือเรื่องการตรงเวลาในที่ประชุมๆมาก ผู้ใต้บัญชาของผมทุกคนล้วนรู้ดี




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:22:54 โดย pixie_pansy »

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #23 เมื่อ09-10-2007 23:20:44 »

อยากให้เจอกันเร็วๆจังเลย :m21:

satan666

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #24 เมื่อ10-10-2007 15:30:40 »





“คุณพงษ์ศักดิ์ไปไหน? ทำไมยังไม่มาอีก” ผมถามเสียงเย็น จนคนในห้องประชุมทุกคนนั่งตัวเกร็ง ต่างมองหน้ากันไปมา ไม่มีใครตอบคำถามผมได้สักคน  ผมจึงลุกขึ้นจากที่นั่งทันทีด้วยความโมโห

   “ถ้าคนในที่ประชุมยังไม่ครบ การประชุมก็ไม่สามารถเริ่มได้ ถ้าครบทุกคนแล้วไปแจ้งต่อผมด้วย!” ผมพูดเสียงเฉียบขาดอย่างหงุดหงิด แล้วเดินออกจากที่ประชุมไป ท่ามกลางสายตาหวาดหวั่นของบรรดาคนในห้องประชุมทุกคน

   ระหว่างที่ผมเปิดประตูห้องประชุมออกไป ผมก็เจอกับคนมาสายที่ทุกๆคนต่างรอคอย นายพงษ์ศักดิ์ ทองสุข กรรมการผู้จัดการโรงแรมในเครือบริษัท

   “ขะ...ขอโทษที่มาสายครับท่านประธาน พอดีผมลืมเอกสารการประชุม....” 

   “ผมไม่ต้องการฟังคำแก้ตัว!” ผมพูดสวนขึ้นก่อนที่ชายแก่รุ่นพ่อผมจะทนได้แก้ตัวจบ “ลืมเอกสารงั้นหรือ... ถ้าคุณมีความละเอียดรอบคอบกว่านี้ เรื่องแบบนี้ก็จะไม่มีทางเกิดขึ้น! หรือคุณจะอายุมากเกินจนเลอะเลือนหลงลืมอะไรง่ายๆ ถ้าเป็นเช่นนั้น ผมคงต้องทบทวนเรื่องความเหมาะสมในตำแหน่งของคุณแล้วล่ะ”

   “ขะ ขอโทษครับท่าน ครั้งหน้าผมจะละเอียดรอบคอบมากกว่านี้...” เขารีบก้มหัวปะหลกๆขอโทษผมใหญ่ จนผมยิ่งมองยิ่งหงุดหงิดรำคาญ

   “ไม่ใช่แค่ครั้งหน้าเท่านั้น แต่ครั้งต่อๆไปด้วย เข้าใจไหมครับ” ผมบอกเสียงเย็นจ้องมองชายแก่ด้วยสายตาดุๆจริงจัง

   “คะ...ครับท่านประธาน” เมื่อเห็นเขารับปากผมจึงหลีกทางให้เขาเข้าห้องประชุมไป แล้วผมก็เดินตามหลังเข้าห้องประชุมไป

   การประชุมดำเนินไปอย่างเคร่งเครียด เพราะอารมณ์ผมยังไม่ดีขึ้นสักเท่าไหร่ นโยบายต่างๆที่คนในที่ประชุมนำมาเสนอต่อผม ถูกผมซักไซ้อย่างละเอียดยิบ จนคนนำเสนอนั่งตัวเกร็งเพราะกลัวจะพูดอะไรผิดพลาดเป็นที่ขัดใจผม

   จนกระทั่งการประชุมสิ้นสุดลงโดยที่โครงการต่างๆที่บรรดาผู้จัดการโรงแรมในเครือบริษัทผมไม่มีใครผ่านการอนุมัติจากผมสักคน เพราะแต่ละโครงการยังไม่มีน้ำหนักและความสมบูรณ์เพียงพอให้ได้รับการอนุมัติ

   เพราะฉะนั้นการประชุมรอบสองในครั้งหน้าจึงได้มีขึ้นอีก และคงจะมีครั้งต่อๆไปจนกว่าจะได้ข้อสรุปที่ดี

   วันนี้ทั้งวันผมนั่งจมอยู่กับแฟ้มเอกสารต่างๆที่มีเข้ามาเรื่อยๆจากฝ่ายต่างๆไม่หยุดหย่อน  จนผมแทบไม่มีเวลาได้หยุดพัก นี่ขนาดเลื่อนนัดของวันนี้แทบทั้งหมดแล้วนะ ความยุ่งที่ผมเคยชินทุกวันก็ยังไม่หมดไปอีก

การเกิดมาบนกองเงินกองทองอย่างผมถึงจะเป็นที่อิจฉาของใครหลายๆคน แต่ไม่ใช่สำหรับผม ใช่ว่าเกิดมารวยจะได้มีแต่ชีวิตที่สุขสบายเท่านั้น  ชีวิตผมตลอดมาตั้งแต่เกิดจนถึงปัจจุบันนี้ล้วนถูกกำหนดวาดกรอบเอาไว้ทั้งหมด โดยมีความกตัญญูต่อผู้ให้กำเนิดและชื่อเสียงวงศ์ตระกูลค้ำคอเอาไว้อย่างยากที่จะหลีกเลี่ยง เหมือนชีวิตถูกตีกรอบบางๆเอาไว้ แต่ทว่ามันแข็งแกร่งกว่าที่เห็นด้วยตาเปล่าจนยากจะฝ่าทำลายออกไปได้ อิสรภาพในการตัดสินใจเรื่องอนาคตหรือความใฝ่ฝันถูกตัดขาดก่อนที่จะทันได้คิด มีแต่ต้องเดินตามเส้นทางเพียงสายเดียวที่พ่อผมได้กำหนดเอาไว้ ในฐานะที่ผมเป็นทายาทสืบทอดกิจการทั้งหมดของตระกูลเท่านั้น

จริงๆแล้วผมรู้สึกน้อยใจในชาติกำเนิดของตัวเองเสียด้วยซ้ำไป การมีชีวิตที่ธรรมดาพอมีพอกินแต่มีความสุขเป็นสิ่งที่ผมใฝ่ฝันและอยากลองสัมผัสดูสักครั้ง แต่มันก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลย อยากจะมีพี่น้องหลายๆคน เพื่อที่จะปัดภาระบ่นบ่าให้เบาลงบ้าง แต่พระเจ้าคงจะไม่เห็นใจผม ถึงได้ให้ผมเกิดมาเป็นลูกชายคนโตเพียงคนเดียว ถึงแม้ว่าผมจะมีพี่สาวอยู่คนหนึ่งก็ตาม แต่ผมกับพี่ก็ไม่ได้เจอกันนานแล้วนอกจากพูดคุยกันทางโทรศัพท์เท่านั้น

แต่จะโทษว่าพี่ก็ไม่ได้ ที่ต้องโทษคือพ่อแม่ของพวกเราต่างหาก ที่พรากเราพี่น้องออกจากกัน ทำให้ความหวังทั้งหมดของพ่อตกมาอยู่ที่ผมแต่เพียงผู้เดียว ตั้งแต่จำความได้ครอบครัวที่ ’แสนอบอุ่น’ ไม่เคยมีบัญญัติไว้ในชีวิตผมเลยสักครั้ง มีแต่ความหมางเมินเท่านั้นที่ผมได้สัมผัสจนชาชิน

ผมวางมือจากงานทั้งหมดตอนสี่ทุ่มครึ่งเพราะเห็นว่าดึกมากแล้ว ถึงเวลาที่จะกลับบ้านไปพักผ่อนเสียที แต่ผมก็ยังไม่วายหยิบแฟ้มเอกสารที่ยังไม่ได้ตรวจตราติดมือออกจากบริษัทไปด้วย เพราะความบ้างานติดเป็นนิสัย  ผมถึงไม่ชอบทำอะไรค้างคาจนเป็นที่ขัดใจตัวเอง มีความสมบูรณ์แบบเท่านั้นที่ทำให้ผมเกิดความสบายใจได้

ผมขับรถกลับคอนโดส่วนตัวของผมที่อยู่ไม่ไกลจากบริษัทเท่าไหร่ ความจริงแล้วบ้านของผมก็มีอยู่หรอก แต่บ้านของผมก็เป็นบ้านของพ่อด้วยเหมือนกัน ผมถึงไม่อยากกลับไปที่บ้านใหญ่นัก อีกอย่างพักอยู่ที่นี่ก็สะดวกกว่าตั้งเยอะ เพราะใกล้ที่ทำงาน ไม่ต้องขับรถไกลให้หงุดหงิดกับการจราจรที่คับคั่งในทุกๆเช้าของกรุงเทพมหานครฯ

ผมเดินขึ้นลิฟต์ไปยังชั้นสูงสุดของคอนโดที่เป็นที่พักของผมทั้งชั้น รวมทั้งชั้นดาดฟ้าที่มีสวนร่มรื่นและสระว่ายน้ำด้วย คอนโดของผมนี้ เปิดให้บรรดาลูกท่านหลานเธอตระกูลร่ำรวยต่างๆมาซื้ออยู่ด้วย ตลอดจนดารานักร้องนักแสดงโด่งดังทั้งหลาย เพราะที่นี่มีเครดิตเรื่องระบบรักษาความปลอดภัยที่ดีเยี่ยม จนเป็นที่น่าไว้วางใจ ให้บรรดาเศรษฐีกระเป๋าหนักทั้งหลาย มาทุ่มซื้อเพื่อเป็นที่พักอาศัยส่วนตัวกัน

ผมวางแฟ้มเอกสารที่ขนมาจากบริษัทไว้บนโต๊ะเตี้ยหน้าโซฟาใหญ่ในห้องพัก แล้วเดินเข้าห้องน้ำไปเพื่ออาบน้ำชำระล้างร่างกายและความเหนื่อยล้า

ผมมองร่างเปลือยของตัวเองในกระจกเงาบานใหญ่ในห้องน้ำ ร่องรอยหลักฐานบนร่างกายยังคงไม่เลือนหายไปจากผิวกายผม มันเป็นการตอกย้ำผมเหลือเกินว่าทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริง ความจริงที่ว่าร่างกายนี้เคยถูกคนเพศเดียวกันล่วงเกินมาก่อน ถึงผมจะจำไม่ได้ว่าความรู้สึกในตอนนั้นมันเป็นยังไง แต่มันก็ได้เกิดขึ้นกับผมแล้ว และไม่สามารถกลับไปแก้ไขอะไรได้อีก

ถึงผมจะรู้สึกแย่มากๆ กับเรื่องแบบนี้ และไม่อาจยอมรับมัน แต่จะทำยังไงได้ล่ะ ถึงผมจะโทษไอ้เกย์นั้นแบบเต็มประตู แต่ผมก็มีส่วนผิดอยู่เหมือนกัน ที่ไม่ยอมดื่มเพลาๆปล่อยให้ตัวเองเมาไม่ได้สติจนเกิดเรื่องขึ้น

ผมได้แต่มองร่างตัวเองในกระจกอย่างแค้นเคือง แล้วเดินไปอาบน้ำขัดถูตัวเองให้สะอาดหมดจดอีกครั้ง เพื่อให้ตัวเองรู้สึกสบายใจกว่าเดิม

กว่าผมจะได้นอนในคืนนี้ เวลาก็ล่วงเลยไปเกือบเที่ยงคืนแล้ว นั้นเป็นเพราะผมทำงานเพลินจนลืมเวลานั่นเอง ผมหัวเราะขำตัวเองอย่างเซ็งกับชีวิต ทำไมผมจะต้องทุ่มเทถึงขนาดนี้ด้วยนะ ทั้งๆที่มันเป็นเวลาส่วนตัวแท้ๆ... 






         ---------------------------------------------------






« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 29-11-2009 13:24:00 โดย pixie_pansy »

ออฟไลน์ LonelyBoiZ

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 309
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-2
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #25 เมื่อ10-10-2007 15:32:15 »

 :a6:  รออยู่นะคับ อิอิ  :a6:

@^_^@PeaZa@^_^@

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #26 เมื่อ10-10-2007 16:07:27 »

สงสารคนบ้างาน  :m8: :m8: :m8:

jammy

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #27 เมื่อ10-10-2007 16:51:21 »

ขอรอด้วยโคนนนนนนนนนนน :a1:

nartch

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #28 เมื่อ10-10-2007 16:55:59 »

 :try2:
จะมีชีวิตมาบรรจบกันได้ยังไงเนี่ยยยยย ... ดูห่างไกลกันเหลือเกินนนนนระหว่างกายกับนิค...
คงต้องพึ่งไสยศาสตร์..... :a1:
นายกายเองก็ผู้ชายซะขนาดนั้นนนนน จะให้เป็นนายเอกก็ดูจะยังไง ๆ ....สงสารชีวิตที่เปลี่ยนไป
นิคคงเหนื่อยแน่กว่าจะทำให้กายเห็นใจได้..... :เฮ้อ:
ตามกันต่อไปดีกว่า...post คราวนี้ยาววววววววถูกใจเชียวววว..... :m4:
 :catrun:

ken_krub

  • บุคคลทั่วไป
Re: Love Accident!! วุ่นรัก พิทักษ์ใจ
«ตอบ #29 เมื่อ10-10-2007 19:33:35 »

เป็นกำลังใจให้ครับ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด