The Eden School.... Special #9 : Story of Lee Chang (4 ก.ค. 54)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: The Eden School.... Special #9 : Story of Lee Chang (4 ก.ค. 54)  (อ่าน 108163 ครั้ง)

ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #30 เมื่อ25-06-2011 15:37:55 »

 :z1:

ติวไรกันหว่า

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #31 เมื่อ25-06-2011 15:40:33 »

งานนี้ จะแก้สมการกัน xyz ขนาดไหนเนี่ย  อย่าสอนกันหนักหน่วงมากนะคะ สงสารเด็กบ้างไรบ้างนะ  :z1:  :z1:

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #32 เมื่อ25-06-2011 19:22:08 »

จะเป็นอย่างนั้นแน่เหรอ  :-[
แต่คราวนี้มอเฟียสรุกได้ถูกทางจริง ๆ นะ o13

LadyOneStar

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Eden School.... Chp.5-6 (25 มิ.ย. 54)
«ตอบ #33 เมื่อ26-06-2011 00:33:25 »

ง่า ยูยะไม่รอดแน่ๆเลยอ่ะ

อิอิ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 26-06-2011 20:19:50 โดย LadyOneStar »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.7 (26/06/54)
«ตอบ #34 เมื่อ26-06-2011 11:34:29 »


Chp.7


ทั้ง ๆ ที่เตรียมใจมาแล้ว แต่ทำไมเวลามายืนอยู่หน้าห้องชายคนนี้ทีไร มันต้องกลัวจนตัวสั่นเสียทุกครั้งไปสิน่า

…จะกลับดีไหมนะ…เอ…อย่าดีกว่า ขืนหนีกลับ มีหวังคืนนี้พี่แกบุกเข้าห้องอีกแน่ …เฮ่อ…

หลังจากที่เถียงกับตัวเองได้สักพักแล้ว ยูยะจึงตัดสินใจเคาะประตูห้อง ที่ไม่คิดอยากจะย่างกรายเข้าไปอีกเบา ๆ

“นาโอกิหรือ เข้ามาสิ”

เสียงเรียกออกมาจากในห้อง ทั้ง ๆ ที่ยูยะยังไม่ทันได้พูดอะไรด้วยซ้ำ ดังขึ้น เด็กหนุ่มถอนหายใจอีกครั้ง ก่อนที่จะตัดสินใจผลักประตูห้องเข้าไป มอร์เฟียซซึ่งกำลังนั่งทำงานอยู่บนโต๊ะ เงยหน้าขึ้นมายิ้มรับ ก่อนจะดุเบา ๆ เมื่อเห็นเด็กหนุ่มทำท่าจะเปิดประตูแง้มไว้น้อย ๆ

“ปิดด้วยสิ แล้วก็ล็อกด้วยล่ะ จะได้ไม่มีใครพรวดพราดเข้ามาทีหลัง”

ยูยะมองตาอีกฝ่ายปริบ ๆ อยากจะเถียงอยู่หรอกว่าถึงต่อให้เปิดโล่ง อ้าซ่า ก็ไม่มีใครกล้าเฉียดกรายเข้ามาในห้องนี้หรอก ถ้าคนนั้นไม่มีธุระจำเป็นอะไรจริง ๆ ล่ะก็นะ…

แต่เด็กหนุ่มก็จัดการปิดห้องตามคำสั่งอย่างขัดไม่ได้อยู่ดี เขาเดินเกร็งๆ มานั่งที่เก้าอี้หน้าโต๊ะทำงานของชายหนุ่ม จากนั้นจึงหยิบหนังสือคณิตศาสตร์ที่เตรียมมาขึ้นมาวางบนโต๊ะ พลางเหลือบมองคนตรงหน้าด้วยแววตาหวาดหวั่น

มอร์เฟียซค่อย ๆ ลุกขึ้นจากเก้าอี้ของเขา ก่อนจะเดินอ้อมมายืนอยู่ข้างหลังเก้าอี้ของอีกฝ่าย พลางโอบกอดจากเบื้องหลังอย่างอ่อนโยน

“ไหน ลองบอกสิว่า เธอไม่เข้าใจเรื่องไหนบ้าง ฉันจะช่วยสอนให้ตั้งแต่ต้นเลย”

ยูยะยิ่งนั่งตัวแข็งทื่อเข้าไปใหญ่ ชายหนุ่มเห็นเช่นนั้นจึงหัวเราะในลำคอเบา ๆ เขาคลายอ้อมกอดออกช้า ๆ จนเด็กหนุ่มเผลอถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก ทว่า ยังไม่ทันไร ร่างสูง ก็อ้อมมาจับร่างของอีกฝ่ายอุ้มขึ้นจากเก้าอี้ เอาพาดบ่าไป อีกมือหนึ่งก็เอื้อมไปหยิบตำราเรียน เอกสาร แล้วก็ดินสอ ตรงไปที่โซฟา จากนั้นจึงจัดแจงให้ร่างเล็กนั่งข้างบนตักเขา โดยที่มือใหญ่โอบเอวบางนั้นไว้หลวม ๆ กันไม่ให้เด็กหนุ่มลุกหนีไปได้

“เอาล่ะ เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา เรามาเริ่มเรียนกันเลยดีกว่า”

ยูยะอยากจะร้องตะโกนถามออกไปว่า ทำไมต้องมานั่งเรียนท่านี้ด้วย หากแต่เมื่อสบกับนัยน์ตาสีเขียวคมกริบคู่นั้น ก็ทำให้เจ้าตัวไม่กล้าเสี่ยงถามออกไป จึงจำใจพยักหน้ารับค่อย ๆ พร้อมกับหยิบตำราเรียนที่อีกฝ่ายส่งมาให้อย่างไม่เต็มใจนัก

“อืม…นั่นล่ะ เอา Y มาแทนค่าตรงนี้ ใช่แล้วนาโอกิ เธอก็ทำได้นี่นา”

มอร์เฟียซเอ่ยปากชมเมื่อลูกศิษย์(สุดที่รัก) ของเขาจัดการแก้โจทย์ปัญหาที่เขาตั้งให้จนสำเร็จ ยูยะก้มหน้าลอบยิ้มน้อย ๆ อยากจะบอกว่า ที่เขาทำได้คงเพราะเจ้าน้ำเสียงกระซิบนุ่ม ๆ ที่ข้างหู แล้วก็ท่าทางอ่อนโยนเวลาสอน ที่ต่างจากปกตินั่นล่ะ หากชายหนุ่มเป็นแบบนี้ตลอดไป เขาคงจะเป็นที่รักของนักเรียนทุกคนได้ไม่ยากนักหรอก

“หือ? มีอะไรหรือนาโอกิ คิดอะไรอยู่”

มอร์เฟียซถามขึ้นหลังจากที่เห็นว่าอยู่ดี ๆ เด็กหนุ่มก็นิ่งไปเสียเฉย ๆ

“อะ..เอ่อ คือ เปล่าครับ”

ยูยะรีบปฏิเสธทันทีไม่อยากให้อีกฝ่ายรู้หรอก ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ยามนี้

ทว่า ใบหน้าแดงระเรื่อนิด ๆ ก็ทำให้ชายหนุ่มมั่นใจว่า เด็กหนุ่มต้องกำลังคิดถึงเรื่องของเขาอยู่แน่นอน

“อืม…วันนี้พอแค่นี้แล้วกัน ...เวลาเหลืออีกตั้งเยอะ เธอว่าเราควรจะใช้ทำอะไรฆ่าเวลากันดีล่ะ”

น้ำเสียงและแววตาเจ้าเล่ห์ที่จ้องมองมา ทำเอายูยะเสียวสันหลังวูบ เด็กหนุ่มรีบบอกออกไปเสียงสั่น

“เอ่อ…ใช้ทบทวนบทเรียนที่เรียนมา ก็ได้นี่ครับ”

มอร์เฟียซพยักหน้ารับอย่างเห็นด้วย ทว่า…

“อืม แต่ฉันอยากจะทบทวนบทเรียนเมื่อคืนมากกว่านี่นา”

พูดจบก็จัดการจับร่างเล็กบนตัก กดลงกับโซฟา พร้อมกับตัวเองที่พลิกร่างขึ้นคร่อมตามไปโดยเร็วทันที

“รู้ไหม ทำไมฉันถึงรับวิชาคณิตศาสตร์ของอาจารย์ฟาเรียสมาสอน ทั้ง ๆ ที่นั่นก็เท่ากับเป็นการเพิ่มงานให้ฉันยุ่งยากมากขึ้นกว่าเดิม…”

ยูยะใจเต้นตึก ๆ เมื่อใบหน้าคมเข้มโน้มลงมาจนเกือบชิดกับใบหน้าของเขา

“…ก็เพราะว่าฉันอยากเจอหน้าเธอให้มากขึ้นน่ะสิ เรื่องเรียนพิเศษนี่ก็เหมือนกัน ไม่ใช่แต่ต้องการให้คะแนนเธอดีขึ้นอย่างเดียวหรอกนะ นาโอกิฉันยอมรับอย่างไม่อายเลยว่า เพราะฉันอยากอยู่กับเธอสองต่อสองให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้”

ยูยะเริ่มรู้สึกเหมือนกับหัวใจถูกบีบคั้นอย่างหนัก เขากำลังต่อสู้กับจิตใจของตัวเองที่จะไม่พยายามโอบแขนกอดรัดคนตรงหน้าด้วยความซาบซึ้ง หากแต่เมื่อริมฝีปากอุ่น ๆ ประกบแนบลงมาอย่างอ่อนโยน ก็ทำให้ในสมองของเด็กหนุ่มว่างเปล่าไปหมด

“…อา…มอร์เฟียซ…ผมอยากได้จูบของคุณอีกครั้ง…ได้ไหมครับ”

เด็กหนุ่มครางร้องขอ เมื่อริมฝีปากร้อนชื้นเลื่อนไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนของเขาแทน

เหมือนดังเป็นเสียงสวรรค์ มอร์เฟียซ คาเตอร์ รีบบรรจงมอบจุมพิตที่แสนอ่อนหวานและเร่าร้อนในเวลาเดียวกัน ให้กับเด็กหนุ่มอย่างเต็มใจมากที่สุด

“อื้ม….อืม….อา….”

เป็นเวลาเนิ่นนานทีเดียว กว่าที่มอร์เฟียซจะจัดการถอนริมฝีปากออกมา ชายหนุ่มมองร่างเล็กที่นอนหายใจหอบ ๆ ดวงตาปรือ ๆ ก่อนที่น้ำเสียงทุ้มนุ่มจะกระซิบข้าง ๆ หูอย่างเว้าวอน

“นาโอกิ … ถ้าฉันจะขอมากกว่านี้ เธอจะอนุญาตไหม”

ยูยะหน้าแดงระเรื่อ เข้าใจความหมายนั้นเป็นอย่างดี ก่อนจะพยักหน้ารับนิด ๆ อย่างเอียงอายแทนคำตอบ

“อา…ขอบใจมากนาโอกิ … ขอบใจ…”

ชายหนุ่มมีสีหน้ายินดีเหลือที่จะกล่าว ทว่า ก่อนที่เขาจะเริ่มต้นลงมือทำอะไรต่อไปนั้น เสียงเคาะประตูเบา ๆ ก็ดังขัดจังหวะขึ้นมาเสียก่อน

“ก๊อก ๆ”

มอร์เฟียซ คาเตอร์เหลือบมองไปที่ประตูอย่างไม่ค่อยจะสบอารมณ์นัก แต่ก็ไม่ได้คิดจะลุกไปเปิดมันแต่อย่างใด เขาหันมาให้ความสนใจกับการปลดเปลื้องเสื้อผ้าของร่างเล็กข้างใต้ต่อ แต่แล้ว เสียงประตูเจ้ากรรมก็ดังขัดขึ้นมาอีกครั้ง ซึ่งคราวนี้ไม่ใช่เสียงเคาะธรรมดา หากแต่ว่ามันกลายเป็นเสียงทุบประตูแทนทีเดียว

“ปัง! ๆ ๆ”

เสียงทุบประตูรัว ๆ ทำเอายูยะสะดุ้งจากภวังค์วาบหวามก่อนหน้านั้น เด็กหนุ่มเหลือบไปมองมอร์เฟียซสลับกับประตูห้อง ด้วยใบหน้าซีดเผือด

... ใครกันที่กล้าท้าทายนรก โดยการทุบประตูห้องของมอร์เฟียซ คาเตอร์แบบนี้ …

“เอ่อ…มอร์เฟียซ คือ ผมว่า….”

ยูยะพยายามดันร่างสูงให้ลุกขึ้นจากร่างของเขา มอร์เฟียซ มองร่างเล็ก ๆ ข้างใต้ด้วยความเสียดาย หลังจากนี้ ถึงเขาลองขอเด็กหนุ่มดูอีกครั้ง ก็จะได้รับคำตอบเหมือนเดิมหรือเปล่าก็ไม่รู้

ชายหนุ่ม ค่อย ๆ ลุกขึ้นเดินไปยังประตูห้องด้วยสีหน้าที่บอกบุญไม่รับสุด ๆ เขาชำเลืองมาทางยูยะแวบหนึ่ง เมื่อเห็นว่าเด็กหนุ่มแต่งกายเรียบร้อยดีแล้ว เจ้าตัวจึงจัดการเปิดประตูที่ใครบางคนกำลังใช้กริยา ที่เขาเรียกว่าแสนจะไร้มารยาท ทุบรัวอยู่ดังลั่น

“ทำอะไรอยู่วะ ไม่ยอมเปิด…อะ…อ้าว มอร์เฟียซ มาเปิดแล้วเหรอ”

ชายหนุ่มผมดำยาวถึงกลางหลัง ในชุดสูทสีเทาซึ่งถูกคลุมด้วยเสื้อคลุมสีขาวที่มองผ่าน ๆ คล้ายกับหมอหรือนักวิจัยตามห้องแลป เจ้าตัวชะงักมือที่กำลังทุบประตูอยู่ ใบหน้าคมเข้ม ที่ค่อนข้างจะออกไปทางสวย ยิ้มแย้มให้กับคนที่ยอมออกมาเปิดประตูให้เขา นัยน์ตาสีเทาคมกริบกวาดมองเข้าไปภายในห้องจนทั่วโดยอัตโนมัติ แล้วก็มาสะดุดอยู่ที่เด็กหนุ่มผมดำบนโซฟานั่นเอง

“โอ๊ะ! โอ๋ รู้แล้วว่าทำไมถึงมาเปิดห้องช้า กำลังติวกันดุเดือดอยู่ละสิท่า หึ ๆ”

น้ำเสียงกระเซ้านั่น ทำให้คนที่ระดับความอดทนต่ำ ชักจะเริ่มฟิวส์ขาด หากแต่เจ้าตัวกลับพยายามสูดลมหายใจลึก ๆ ก่อนจะตั้งสติ และเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเยียบเย็นสุดขั้ว

“นายมีธุระอะไร ลี ชาง ถึงมาหาฉันที่ห้องแบบนี้…”

ทว่า ชายหนุ่มอีกคนไม่ได้แสดงอาการวิตก หวาดหวั่น อะไรเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกับเหยียดยิ้มอย่างกวน ๆ ให้กับคนตรงหน้าอีกต่างหาก

“อะไรกัน… มอร์เฟียซ เพื่อนฝูงไม่ได้เจอกันตั้งนาน อยากจะแวะมาเยี่ยมเยียนบ้างไม่ได้หรือไง ไม่เห็นต้องมีเรื่องธุระอะไรนั่นเลยนี่นา”

คนพูดแกล้งพูดด้วยน้ำเสียงยานคาง กวนประสาท ก่อนจะผลักอกคนตรงหน้าไปให้พ้นทางเบา ๆ แล้วจึงเดินก้าวฉับ ๆ ตรงไปยังที่ยูยะอยู่ทันที

“ฮะ…เฮ้ย ชาง! เจ้าบ้าจะทำอะไรวะ!!” อาจารย์หนุ่มรีบปราดเข้าไปกระชากคอเพื่อนสนิทไปให้พ้นทาง เมื่ออยู่ดี ๆ ชางก็เดินเข้าไปจับคางของยูยะเชยขึ้น พร้อมกับชะโงกหน้าเข้าไปใกล้ ๆ อย่างน่าหวาดเสียว

“อะไรกัน … มอร์เฟียซ คนแค่อยากดูหน้าของนักเรียนที่กล้าเข้ามานั่งในห้องทำงานนายสองต่อสอง ชัด ๆ เท่านั้นเอง แล้วไอ้ท่าทางที่ห้ามแตะต้องนี่มันหมายความว่ายังไง หึงหรือยังไงวะ”

คำพูดตรง ๆ ลุ่น ๆ ของชาง ทำเอาทั้งยูยะ และมอร์เฟียซ หน้าแดงวาบขึ้นมาพร้อมกัน โดยเฉพาะยูยะ เด็กหนุ่มแทบอยากจะแทรกแผ่นดินหนีไปเสียตอนนี้เลยด้วยซ้ำ

“อะ..อาจารย์ครับ ผมขอตัวกลับก่อนได้ไหมครับ”

ยูยะเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก ก้มลงหยิบหนังสือเรียนที่ตกอยู่ใกล้ ๆ โซฟาขึ้นมาถือไว้ เจ้าสมกง สมการ ที่เรียนมาเมื่อครู่มันอันตรธานหายไปจากสมองจนหมดสิ้น ไม่ได้หลงเหลืออยู่แล้วตอนนี้

และขณะที่ยูยะกำลังก้มตัวนิด ๆ เดินผ่านชายหนุ่มทั้งสอง ลี ชาง ก็รีบคว้าข้อมืออีกฝ่ายไว้ทันที โดยที่มอร์เฟียซ จ้องมองมาตาเขียวปั้ด แต่ไม่ได้แสดงอาการโวยวายอะไรออกไปอีกเหมือนเมื่อสักครู่

“อ้าว จะกลับแล้วงั้นหรือ ยังไงก็ให้ฉันไปส่งเธอดีไหม ฉันกะว่าจะแวะไปเยี่ยมเหม่ยหลิงที่หอหญิงอยู่พอดีเลยด้วย”

“อะ...เอ๋ รู้จักเหม่ยหลิงด้วยหรือครับ”

ยูยะถามด้วยความประหลาดใจ ก่อนจะทบทวนชื่อที่เขาได้ยินมาเมื่อสักครู่

“ลี ชาง อ๊ะ! คุณคือดอกเตอร์ลี พี่ชายของเหม่ยหลิงนั่นเองใช่ไหมครับ”

เด็กหนุ่มมีสีหน้าตื่นเต้น เมื่อได้เห็นพี่ชายของเพื่อนสาวที่หล่อนมักจะคุยนักคุยหนาว่า เขาเป็นดอกเตอร์อัจฉริยะประจำแผนกวิจัยและค้นคว้าทางวิทยาศาสตร์ของสถาบันอีเดนแห่งนี้

“ใช่แล้วล่ะ แล้วเธอก็คือ นาโอกิ ยูยะ หนุ่มน้อยจากญี่ปุ่นที่เป็นอัจฉริยะทางด้านดนตรีใช่ไหม”

เด็กหนุ่มพยักหน้ารับอาย ๆ รู้สึกเขินเมื่อมีคนเรียกเขาว่าเป็นอัจฉริยะ ก่อนจะเผลอยิ้มตอบโดยอัตโนมัติ เมื่อเห็นชางส่งยิ้มมาให้เขา

มอร์เฟียซเริ่มชักจะทนไม่ไหว กับสีหน้ายิ้มแย้มที่เหมือนจะเป็นการหว่านเสน่ห์ให้กับลูกศิษย์สุดที่รักของเขา มิหนำซ้ำเด็กหนุ่มก็ยังยิ้มตอบให้อีก มองดูแล้วมันชวนให้ต่อมหาเรื่องทำงานเสียเหลือเกิน

“แล้วตกลงที่นายมาหาฉันถึงที่ห้องนี่ แค่อยากมาเห็นหน้าฉันเท่านั้นเองหรือไงหา ชาง!”

เสียงห้วน ๆ ที่ขัดขึ้นมาทำให้ ชางชะงัก ก่อนจะหันมาทางเพื่อนสนิท โดยที่มือข้างนั้นยังคงเกาะกุมข้อมือเล็ก ๆ ของยูยะไม่ยอมปล่อย

…ไอ้บ้าเอ๊ย! ปล่อยได้แล้วโว้ย! มือน่ะ!! …

ชายหนุ่มจงใจส่งสายตาราวกับจะกินเลือดกินเนื้อไปให้อีกฝ่ายเต็มๆ ขนาดยูยะยังอดสยองแทนไม่ได้เมื่อเหลือบขึ้นไปเห็นสายตาคู่นั้น โดยบังเอิญ

แต่ว่าสำหรับคนที่คบกันมาเกือบสิบปี ก็ย่อมจะชินชากับสายตาแบบนั้น และยิ่งเป็นคนประเภทเดียวกันด้วยแล้วมันก็เหมือนกับว่ากำลังส่องกระจกอยู่นั่นล่ะ

“ไม่หรอก มอร์เฟียซ เรามีเรื่องต้องคุยกันอีกยาวแน่ แต่ตอนนี้ฉันขอตัวไปส่งหนุ่มน้อยคนนี้ก่อนนะ เด็กน่ารัก ๆ แบบนี้ขืนปล่อยให้เดินกลับมืด ๆ คนเดียวมันอันตรายจะตายไป จริงไหม ยูยะ...”

น้ำเสียงท้ายประโยคหยอดคำหวาน แถมยังสรรพนามที่เรียกชื่อนั่นอีก มันฟังดูน่าหมั่นไส้เสียจน อยากจะกระชากคอคนพูดมาอัดสักเปรี้ยง

“ไม่จำเป็นหรอก ลี ชาง ฉันนัดนาโอกิมาเรียน ฉันก็ต้องมีหน้าที่รับผิดชอบความปลอดภัยของเขาด้วยตัวเองอยู่แล้ว”

กล่าวจบเจ้าตัวก็จัดการดึงร่างเล็กเข้ามาหา พลางโอบไหล่อีกฝ่ายอย่างประกาศความเป็นเจ้าของเต็มที่ โชคดีที่ชางปล่อยมือที่จับแขนของเด็กหนุ่มก่อนหน้านั้นพอดี มิเช่นนั้นแรงฉุดที่ดูจะเป็นกระชากนั่น คงจะทำให้ยูยะเจ็บแทบตายเลยทีเดียว

“เอ่อ ...คือผมว่า ผมไปคนเดียวก็ได้ครับ ไม่ต้องให้ใครไปส่งหรอก”

เสียงเล็ก ๆ แย้งขึ้นเบา ๆ หากแต่ก็ต้องหุบปากเงียบ เมื่อสบกับนัยน์ตาสีเขียวเอาเรื่องคู่นั้น

ยูยะรีบก้มหน้าหลบสายตา ไม่อยากจะคิดว่าคนตรงหน้า ‘หึง’ ตน แต่มองยังไงมันก็เป็นอย่างอื่นเสียไม่ได้

“ถ้าอย่างนั้นพวกเราก็ไปด้วยกันทั้งหมดนี่เลยก็ได้ จริงไหมยูยะ”

ชางเสนอความเห็น เด็กหนุ่มรีบพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วย เพราะสถานการณ์ที่มอร์เฟียซโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงแบบนี้ เขาก็ไม่ค่อยไว้วางใจในความปลอดภัยของตัวเองเสียเท่าไรนักหรอก

มือใหญ่ที่โอบไหล่หลวม ๆ บีบที่ต้นแขนของเด็กหนุ่มแรง ๆ ด้วยความไม่พอใจ

“อะ...โอ๊ย...มอร์เฟียซ ผมเจ็บแขน”

เด็กหนุ่มร้องครางขึ้นมาเบา ๆ น้ำตาคลอเบ้าด้วยความเจ็บปวด

มอร์เฟียซ คาเตอร์ ยอมรับว่ายามนี้ เขารู้สึกโมโหมากอย่างบอกไม่ถูก เขาไม่ต้องการเห็นยูยะไปพูด หรือ ยิ้มให้กับผู้ชายคนไหนนอกจากเขาคนเดียวเท่านั้น

ลี ชาง เห็นว่าเรื่องราวดูท่าจะบานปลายเข้าไปใหญ่ จึงตัดสินใจเลิกแหย่ทันที เขาเดินมาตบบ่าเพื่อนสนิท พร้อมกับกระซิบเบา ๆ ที่ข้างหู

“โทษทีว่ะเพื่อน แค่แหย่เล่นนิดหน่อย อย่าไปพาลเอากับเด็กนี่เลยนะน่าสงสารออก จะร้องไห้อยู่รอมร่อแล้วเห็นไหม..”

ก็นั่นล่ะ ถึงทำให้อาจารย์หนุ่มได้สติ เขาก้มลงพิจารณาใบหน้าหวาน ๆ ซึ่งมีสีหน้าซีดเผือดด้วยความหวาดกลัว นัยน์ตาสีดำก็มีน้ำใส ๆ คลออยู่ทั่ว จนน่าสงสาร

“นาโอกิ”

เสียงเรียกชื่อนั้น ทำให้ยูยะสะดุ้งเฮือกด้วยความกลัว มอร์เฟียซเริ่มคิดได้ว่าเขาไม่น่าจะโมโหจนลืมตัวขนาดนี้

… ที่โมโห ก็เพราะว่า หึง และที่หึง ก็เพราะว่ารัก นาโอกิ ยูยะ เธอจะเข้าใจฉันบ้างไหมนะ…

“เจ็บมากไหม”

ชายหนุ่มจัดการถลกแขนเสื้อของอีกฝ่ายขึ้นมาดู ก็พบว่ามันแดงจ้ำเป็นรอยนิ้วมืออย่างเห็นได้ชัด

“นาโอกิ ฉันขอโทษ…”

น้ำเสียงสำนึกผิดที่แฝงไปด้วยความเจ็บปวดนั้น ทำให้ยูยะเงยหน้าขึ้นจ้องมองอีกฝ่ายเต็มตาเป็นครั้งแรก

“มะ..ไม่เป็นไรครับ”

ยูยะตอบเสียงแผ่ว …ก็โกรธอยู่บ้างหรอกนะ แต่ก็ไม่อยากเห็นคนตรงหน้าทำสีหน้าเหมือนกับจะเจ็บปวดแทนแบบนี้นี่นา

และโดยที่ไม่สนใจว่ามีบุคคลที่ 3 อยู่ด้วย ณ ที่นั้น อาจารย์หนุ่มก็โน้มศีรษะลงไปจุมพิตที่รอยฝ่ามือนั้นแผ่วเบา ก่อนจะช้อนร่างเล็ก ขึ้นมาอุ้มแนบอก

“ดะ...เดี๋ยวก่อน ..มอร์เฟียซ....เอ่อ อาจารย์จะทำอะไรน่ะ”

ยูยะละล่ำละลักถามด้วยความตกใจ ขณะที่ชาง มองภาพตรงหน้าด้วยความทึ่งจัด

… เจ๋งจริง ๆ เลย เคธี่ เป็นอย่างที่คุณบอกไม่มีผิด ถ้าไม่มาเห็นด้วยตาตัวเอง จะไม่เชื่อเลยนะเนี่ย…

“อย่าดิ้นสิ นาโอกิ ฉันก็จะไปส่งเธอที่หอยังไงล่ะ”

ยูยะยิ่งหน้าแดงหนักเข้าไปใหญ่ เมื่อหันไปสบสายตาของชาง ที่มองมาทางพวกเขายิ้ม ๆ

“ผะ…ผม ไม่ได้เจ็บขาสักหน่อย ..ผมเดินเองได้น่า คุณ …เอ่ออาจารย์ปล่อยผมลงเถอะ”

“ไม่!”

มอร์เฟียซ คาเตอร์ ตอบปฏิเสธอย่างหนักแน่นก่อนจะยื่นคำขาด

“ถ้าเธอไม่ให้ฉันอุ้มไปส่งที่หอ คืนนี้ก็นอนค้างที่นี่กับฉัน เลือกเอาแล้วกัน”

เท่านั้นเอง ยูยะก็เงียบกริบ และไม่คิดจะโต้แย้งอะไรอีกต่อไป ลี ชาง ซึ่งเดินตามหลังคนทั้งคู่อยู่ห่าง ๆ หัวเราะเบา ๆ ในลำคอ หากแต่ความเงียบยามราตรี ก็ทำให้เด็กหนุ่มได้ยินเสียงหัวเราะนั้นอย่างถนัดชัดเจน

ร่างเล็กในอ้อมแขน ซุกหน้าเบียดชิดกับอกของชายหนุ่มด้วยความเขินอาย มอร์เฟียซ คาเตอร์ มองภาพ ๆ นั้นด้วยความเอ็นดู ก่อนจะกล่าวขึ้นมาอย่างลอย ๆ โดยไม่หันไปมองหน้าคู่สนทนาที่เดินตามมาข้างหลังแม้แต่น้อย

“ถ้าฉันเดาไม่ผิด นายได้รับการติดต่อเรื่องนี้ จากเคธี่ ใช่ไหม ชาง”

ลี ชาง ยักไหล่ นิด ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

“หึ ๆ ใช่แล้ว ถ้าฉันเป็นเขา ก็คงไม่คิดเก็บของสนุก ๆ แบบนี้ ไว้ดูเองคนเดียวหรอกน่า”

“ยุ่งเรื่องส่วนตัวของชาวบ้านนี่นะสนุก”

มอร์เฟียซประชด โดยที่ยูยะพยายามจะจับใจความสำคัญในการสนทนาเหล่านั้น แล้วก็ต้องพบกับความจริงที่ว่า ในตอนนี้เรื่องของพวกเขามีคนอื่นรับรู้ด้วยแล้วถึงสองคน ซึ่งก็คือ เคธี่ มิลเลอร์ อาจารย์ประจำห้องพยาบาล แล้วก็ ดร.ลี ชาง พี่ชายของเพื่อนร่วมชั้นของเขาเอง

“นาโอกิ?” ชายหนุ่มเรียกชื่อเด็กหนุ่มด้วยความประหลาดใจ เมื่อรู้สึกถึงแรงเล็บที่จิกลงไปที่หัวไหล่ของเขาเบา ๆ ก้มหน้าลงมองก็พบว่า บัดนี้ใบหน้าของร่างในอ้อมแขนกำลังซีดเผือดลงทุกขณะ เพียงแค่นั้นมอร์เฟียซก็เข้าใจในทันที โดยไม่ต้องอธิบาย

“ไม่เป็นไรหรอกนะ นาโอกิ ไม่ต้องห่วง ถึงยังไง ทั้งสองคนก็เป็นเพื่อนฉัน พวกเขาไม่เอาเรื่องของเธอกับฉันไปพูดให้คนอื่นๆ รู้หรอก สบายใจเถอะ”

หากแต่ ร่างเล็กยังคงสั่นเทานิด ๆ จนชายหนุ่มต้องทอดถอนหายใจ พลางหันไปหาอีกคน ซึ่งเร่งฝีเท้าเดินเข้ามาขนาบข้างใกล้ ๆ

“ยูยะ ไม่ต้องห่วงหรอกนะ ฉันสัญญาว่าเราจะรู้กันแค่ฉันแล้วก็เคธี่และรับรองว่าจะไม่บอกคนอื่น แม้แต่กระทั่งเหม่ยหลิง น้องสาวแท้ ๆ ของฉันเองก็ตาม!”

คำยืนยันหนักแน่น ทำให้ยูยะเงยหน้าขึ้นมามองคนทั้งคู่ ด้วยแววตาที่คลายความกังวลลงไปได้บ้าง สีหน้าแบบนั้น ทำให้มอร์เฟียซอยากจะก้มลงจูบปลอบขวัญ คนในอ้อมแขนเสียเหลือเกิน หากไม่ติดว่ามีส่วนเกินตามมาด้วยแบบนี้

“เอ่อ…คุณกับมิสเคธี่ ...ระ...รู้ ถึงขนาดไหน..กัน”

น้ำเสียงเล็ก ๆ ถามขึ้นอย่างตะกุกตะกัก

“ก็…” ชาง ค้างไว้แค่นั้น ในใจคิดว่าจะพูดดี ไม่พูดดี แต่เมื่อสบกับสายตาคมกริบของอีกคนที่มองมา เจ้าตัวก็ต้องยิ้มแหย ๆ

... มองแบบนี้ ถึงขั้นฆ่าคนได้เลยนี่หว่า เอาวะ อย่าเพิ่งหาเรื่องใส่ตัวเลยก็แล้วกัน …

“…กำลังเริ่มคบหา ดูใจ กันอยู่ไม่ใช่หรือยังไงพวกเธอน่ะ”

ชายหนุ่มเลี่ยงตอบ ที่คิดว่ามันน่าจะเป็นคำตอบที่ดีที่สุด

“มะ…ไม่ นะครับ ไม่ได้เป็นอย่างที่คุณคิด!”

ยูยะรีบปฏิเสธ ผลก็คือคนที่กำลังอุ้มเขาอยู่หยุดชะงัก สายตาคมกริบนั้นตวัดกลับมามองร่างเล็กในอ้อมแขนแทนทันที

“กะ...ก็ ไม่ได้คบกันจริง ๆ นี่นา...คือ”

เด็กหนุ่มแก้ตัวเสียงสั่น พยายามหลบสายตาคู่นั้นเต็มที่

“…เราไม่ได้คบกันอยู่”

น้ำเสียงเย็นเยียบเอ่ยขึ้นหลังจากนิ่งไปสักพัก

“คนอย่างฉัน ไม่มีใครเขาคิดอยากจะเข้ามาใกล้นักหรอก ถึงจะมีมันก็เป็นเพียงแค่ความพอใจชั่ววูบของทั้งสองฝ่าย …ก็แค่นั้น”

หลังจากนั้น ทั้งยูยะ และมอร์เฟียซ ก็ไม่มีใครพูดอะไรออกมาอีกเลยแม้ชางพยายามจะหาเรื่องมาชวนคุย แต่ทั้งสองคนก็เอาแต่ฟังเงียบ ๆ บางทีก็มีพยักหน้ารับบ้าง แต่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรมากไปกว่านั้น

และเมื่อมาถึงหอ อาจารย์หนุ่มก็ค่อย ๆ วางร่างในอ้อมแขนลงอย่างนุ่มนวล หากแต่ เขาก็ไม่ได้กล่าวอะไรกับอีกฝ่ายเลยแม้แต่น้อย ยูยะเองก็เช่นกัน เด็กหนุ่มก้มศีรษะโค้งให้ทั้งสองคนนิดหนึ่ง ก่อนจะวิ่งกลับเข้าหอไปโดยไม่หันกลับมามองด้านหลังอีกเลย

‘มันก็เป็นเพียงแค่ความพอใจชั่ววูบของทั้งสองฝ่าย …ก็แค่นั้น’

คำพูดนั้น ยังคงวนเวียนอยู่ในสมองของเด็กหนุ่มไม่ยอมจางหายไป

…เจ็บ…มันเจ็บที่หัวใจเหลือเกิน… ทำไมนะ แค่คำพูดเพียงไม่กี่ประโยคของเขา ทำให้เราเจ็บได้ถึงขนาดนี้ มันเพราะอะไรกัน…

น้ำตาเริ่มเอ่อขึ้นมาคลอเบ้า ยูยะกลืนก้อนสะอื้นลงในลำคอ ก่อนจะก้มหน้าเดินผ่านเพื่อน ๆ ที่ทำท่าว่าจะเข้ามาทักเขา เมื่อเห็นตัว

“ขอโทษนะ ทุกคน แต่ฉันรู้สึกเพลีย อยากจะพักผ่อนน่ะ”

เด็กหนุ่มกล่าวตัดบทขึ้นเบา ๆ พร้อมกับเร่งฝีเท้าเดินจากไป ทิ้งให้คนอื่น ๆ มองตากันปริบ ๆ ด้วยความสงสัย

“ปึง!”

เสียงปิดประตูดังขึ้น โดยที่ร่างบางซึ่งเข้ามาในห้องยืนนิ่งอยู่ตรงประตู ก่อนจะทรุดลงนั่งกับพื้น น้ำตาไหลรินอาบแก้มทั้งสองข้างอย่างเงียบ ๆ

…นี่เราเป็นอะไรไป ทำไมต้องเสียใจ ทำไมต้องร้องไห้ขนาดนี้ ด้วยเล่า …

“เขาไม่มีความสำคัญอะไรกับเราถึงขนาดนั้นหรอก ยูยะ เลิกร้องไห้เรื่องเขาเสียทีเถิด!”

เด็กหนุ่มกล่าวกับตัวเองด้วยความเจ็บปวด ก่อนจะทิ้งตัวลงกับที่นอน และหลับลงในไม่ช้า ด้วยความอ่อนเพลีย ทั้งร่างกายและจิตใจ



--- TBC ---


...กำลังหวานกันได้ที่ กลายเป็นแอบมีมาม่าผสมซะงั้น หุ ๆ  ตอนหน้าจบแล้วค่ะ อาจจะคิดว่าจบไวจัง แต่เรื่องนี้ยังดำเนินเหตุการณ์ไปเรื่อย ๆ ผ่านตอนพิเศษในแต่ละคู่ค่ะ  เรื่องนี้มีวัตถุดิบให้เขียนอยู่หลายคู่ เลยกลายเป็นว่าจำนวนตอนพิเศษเยอะพอ ๆ กับเรื่องหลักเลยทีเดียว --

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
«ตอบ #35 เมื่อ26-06-2011 19:02:12 »

เข้าใจผิดกันอยู่     :กอด1: :กอด1:



ออฟไลน์ TanyaPuech

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4342
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +531/-23
Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
«ตอบ #36 เมื่อ26-06-2011 19:27:52 »

 :o12:

มาม่าๆๆ

LadyOneStar

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
«ตอบ #37 เมื่อ26-06-2011 20:26:39 »

กดไลท์หลายๆที่
เพื่อจะมีพิเศษหลายๆตอน
อิอิ

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
«ตอบ #38 เมื่อ26-06-2011 20:35:39 »

มอเฟียสทำเรื่องแล้วมั้ยล่ะ...ยูยะก็ใจเย็น ๆ นะ(หวังว่าตกดึกจะมีผีผ้าห่มมานอนด้วย ตอนเช้าจะได้ปรับความเข้าใจกัน)

ออฟไลน์ Lemon_Tea

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +71/-2
Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
«ตอบ #39 เมื่อ26-06-2011 21:43:12 »

ปัดโธ่ มอร์เฟียซ เดี่ยวเจอเขวี้ยงดีมั้ย  :m16:
พูดอะไรออกมารู้ตัวมั้งป่ะ
แอบลอบเข้าหอมาเคลียร์ด่วน

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
« ตอบ #39 เมื่อ: 26-06-2011 21:43:12 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.8 [END]
«ตอบ #40 เมื่อ27-06-2011 11:37:32 »



Chp.8 (END)



วันเสาร์…

นักเรียนชั้น ม. 5 / Z มีเรียนเฉพาะช่วงเช้า ซึ่งก็คือวิชาคณิตศาสตร์ ต่อด้วยประวัติศาสตร์โลก ซึ่งนั่นก็เท่ากับว่าพวกเขาจะได้เจอหน้ามอร์เฟียซ คาเตอร์ติด ๆ กันตลอดครึ่งวันเช้าเลยทีเดียว

“ฉันไม่ไปเรียนนะวันนี้” ยูยะเอ่ยขึ้นเรียบ ๆ ในขณะที่กำลังทานข้าวเช้าร่วมกับเพื่อน ๆ ทุกคนที่หอ

จิมมี่ซึ่งเตรียมตั้งท่าจะซักถามถึงเหตุผลเต็มที่นิ่งเงียบไปทันที เมื่อเห็นสายตาคมกริบตวัดมายังเขา ที่น้อยครั้งนักที่เจ้าตัวจะได้เห็นสายตาแบบนี้จากเพื่อนสนิท

“บอกคาเตอร์ว่าฉันเป็นอะไรก็ได้ หรือจะบอกว่าฉันไม่อยากเห็นหน้าเขาก็ได้นะ แล้วแต่นาย”

ยูยะกล่าวทิ้งท้ายกับจิมมี่ ก่อนจะหยิบถาดอาหารไปเก็บ แล้วเดินกลับขึ้นห้องไปโดยไม่ได้สนใจสายตานับสิบคู่ของเพื่อน ๆ ที่ได้แต่มองตามไปด้วยความสงสัย แต่ที่รู้ ๆ พวกเขาคงไม่มีใครกล้าบอกกับอาจารย์หนุ่ม ตามที่เด็กหนุ่มฝากข้อความไว้ประโยคหลังสุดนั่นแน่

ยูยะกลับมานั่งพักเงียบ ๆ ในห้องครู่ใหญ่ ดวงตาทั้งคู่ยังคงแดงช้ำจากการร้องไห้อย่างหนักเมื่อคืน ก่อนจะเดินตรงเข้าไปเปิดลิ้นชักโต๊ะทำงานของตน หยิบฮาร์โมนิกาอันเล็ก ซึ่งเป็นเครื่องดนตรีชิ้นเดียวที่เขาพกมาด้วยจากญี่ปุ่น เด็กหนุ่มเริ่มเป่าเบา ๆ ในตอนแรก จากนั้นจึงเริ่มต้นบรรเลงเป็นบทเพลงที่ออกมาจากความรู้สึกของเขาในยามนี้

“เสียงฮาร์โมนิกาของยูยะนี่นา…”

คนอื่น ๆ ที่ขึ้นมาเปลี่ยนเสื้อผ้าเตรียมไปเรียน เงี่ยหูฟังเสียงเพลงไพเราะที่ดังขึ้นมาจากห้องริมสุดของทางเดิน หากแต่เมื่อฟังแล้ว ทุกคนก็ล้วนแต่มีคำถามอยู่ภายในใจแทบทั้งสิ้น

…เพราะ…แต่เศร้ายังไงก็ไม่รู้สิ…

นั่นคือความรู้สึกของทุกคนที่ได้ยินเสียงเพลงในยามนี้ ทว่าสักพัก ทุกคนก็ต้องสะดุ้งสุดตัว เมื่อมีเสียงดังคล้ายกับอะไรบางอย่างแตกกระจาย หลังจากที่เสียงเพลงขาดตอนไปเสียเฉย ๆ และนั่นก็เป็นเหตุที่ทำให้ขาทุกคู่ พร้อมใจกันวิ่งมายืนหยุดอยู่หน้าประตูห้องริมสุด โดยที่จิมมี่ซึ่งมาถึงก่อนเป็นคนแรก กำลังทุบประตูห้องรัวด้วยความตกใจ

“ยูยะ!! เกิดอะไรขึ้น!! เป็นอะไรไป! เปิดประตูหน่อยสิ!!”

“…ไม่มีอะไร จิมมี่….นายไปเรียนเถอะ ไม่ต้องสนใจฉัน…ไปซะ! ฉันอยากอยู่คนเดียวเงียบ ๆ!!”

น้ำเสียงขาดเป็นห้วง ๆ นั้น ทำให้ทุกคนหันมามองตากันอย่างมีความหมาย ก่อนจะตัดสินใจช่วยกันพังประตูห้องเข้าไป โดยไม่สนใจคำทักท้วงของเจ้าของห้องเลยสักนิด

ภาพเบื้องหน้าที่ทุกคนเห็น ทำให้พวกเขาเหล่านั้นอยู่ในอาการตกตะลึงเป็นที่สุด

นาโอกิ ยูยะ กำลังยืนหอบพิงกระจกหน้าต่าง ที่บัดนี้แตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ มือข้างที่กำฮาร์โมนิกา มีเลือดอาบไหลลงมาอย่างน่ากลัว

“ยะ…ยูยะ…เกิดอะไรขึ้นน่ะ”

จิมมี่อ้าปากถามตะกุกตะกักเสียงสั่น ยังคงไม่หายตกใจกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

“บ้าน่าจิมมี่! มัวถามอะไรไร้สาระอยู่ได้! รีบพานาโอกิไปห้องพยาบาลเร็วเข้าสิ!”

มิเชลซึ่งตั้งสติได้คนแรก รีบร้องตะโกนบอกคนอื่น ๆ ทันที จิมมี่รีบวิ่งไปหายูยะ แกะฮาร์โมนิกาที่มือข้างนั้นออกอย่างยากลำบาก เพราะเจ้าตัวกำมันไว้แน่นไม่ยอมปล่อย จากนั้นจึงพยายามที่จะดึงตัวเขาไปด้วยกัน หากแต่เด็กหนุ่มกลับยืนขาแข็ง ไม่ยอมร่วมมือด้วยแม้แต่น้อย

“…ฉันไม่เป็นอะไร แผลแค่นี้เดี๋ยวก็หาย พวกนายไปเรียนกันเถอะเดี๋ยวก็สายหรอก…”

ใบหน้าซีดเผือดนั้น พยายามกัดฟันพูดให้เป็นปกติ หากแต่บรรดาเพื่อน ๆ ที่ฟังอยู่ถึงกับฉุนกึกอย่างไม่มีเหตุผล

“เจ้าบ้า! เลือดไหลจ๊อกเป็นน้ำแบบนี้ยังบอกว่าไม่เป็นอะไรอีก! มานี่เลย เร็วเข้า!”

จิมมี่ตวาดลั่น จัดการกึ่งดึง กึ่งกระชากร่างเล็กให้เดินไปด้วยกัน หากแต่เมื่อก้าวไปได้เพียง 2 – 3 ก้าว ยูยะก็ทรุดฮวบลงกับพื้นอย่างหมดแรง

“เฮ้ย! ยูยะ เจ้าบ้า! เป็นยังไงบ้าง!”

จิมมี่เขย่าร่างเล็ก ๆ นั่นอย่างลืมตัว ทำเอาราฟาเอลซึ่งยืนอยู่ด้วยชักจะหัวเสียขึ้นมาตงิด ๆ เขาตรงเข้าไปแบกร่างของเด็กหนุ่มซึ่งอ่อนแรงขยับไปไหนไม่ไหว ขึ้นมาพาดบ่า ก่อนจะจ้ำพรวด ๆ ออกไปทันที โดยที่มีคนอื่น ๆ พากันวิ่งตามไปติด ๆ

“เดี๋ยวราฟาเอล ห้ามเลือดก่อน!”

มิเชลซึ่งวิ่งกวดมาคว้าผ้าเช็ดหน้ามากดที่บาดแผลของเด็กหนุ่ม ซึ่งเขาสำรวจแล้วว่ามันไม่มีเศษแก้วบาด หรือตำอยู่ ก่อนจะพันที่บาดแผลนั่นไว้แน่น ๆ อีกครั้ง

“เลือดออกมากเลย จะเป็นอะไรหรือเปล่าก็ไม่รู้”

ราฟาเอลบ่น ขณะที่รีบเร่งฝีเท้าเข้าไปอีกจนเกือบจะกลายเป็นวิ่ง

“ไม่โดนเส้นเลือดใหญ่ ... แต่ไม่แน่ใจว่าจะโดนเส้นประสาทส่วนไหนบ้าง …นาโอกินะนาโอกิ เกิดบ้าอะไรขึ้นมา นายเป็นนักดนตรีนะ”

มิเชลซึ่งเดินขนาบข้างบ่นขึ้นมาบ้างด้วยสีหน้าเป็นกังวล ส่วนจิมมี่นั้น เอาแต่เรียกชื่อของเพื่อนสนิทตลอดทางด้วยความเป็นห่วงอย่างยิ่ง

ยูยะซึ่งบัดนี้มีใบหน้าซีดเซียวไร้สีเลือด หากแต่เด็กหนุ่มก็ยังคงพอรับรู้ถึงเหตุการณ์รอบข้างได้อยู่ เจ้าตัวหัวเราะเสียงแหบแห้ง กับคำพูดของเพื่อนร่วมชั้น เชื้อสายฝรั่งเศส

“ดนตรีที่ใช้มือเล่นข้างเดียวก็ยังมีนี่นา…”

“หุบปากไปเลยนะเจ้าบ้า!!”

ทั้งราฟาเอล มิเชล และจิมมี่ตวาดขึ้นมาแทบพร้อมกัน ก็เข้าใจว่าเด็กหนุ่มแปลก ๆ ไปตั้งแต่เมื่อวาน แต่ถ้าพวกเขารู้ล่วงหน้าว่าเหตุการณ์มันจะกลายเป็นแบบนี้ล่ะก็ ต่อให้ต้องถึงขั้นบังคับขู่เข็น ก็ต้องเค้นเอาสาเหตุที่มันทำให้ร่างเล็ก ๆ นั่นเปลี่ยนไปให้จงได้

“มิสเคธี่ครับ!! มิสเคธี่!! เกิดเรื่องใหญ่แล้วครับ!!”

เสียงจิมมี่ตะโกนขึ้นมาก่อนที่เขาจะถึงตัวห้องพยาบาล ซึ่งก็ทำเอาลี ชาง ที่กำลังนั่งจิบน้ำชาคุยกันอยู่ กับ เคธี่ มิลเลอร์ ถึงกับสะดุ้งโหยง

และเมื่อเห็นพวกเด็ก ๆ ที่มีสีหน้าแตกตื่น พร้อมกับร่างของนาโอกิ ยูยะ ในชุดไปรเวท ซึ่งที่ฝ่ามือยังมีเลือดไหลซึมออกมาอยู่ตลอดนั้น ทั้งสองคนก็ถึงกับตกตะลึง ก่อนจะรีบช่วยกันไปรับร่างของเด็กหนุ่มมาไว้ที่เตียงโดยทันที

“อะไรกัน! นี่มันเกิดอะไรขึ้น มีใครบอกฉันบ้างได้ไหม!”

เคธี่ ถามเสียงลั่น ขณะที่กำลังวิ่งเตรียมเครื่องมือเย็บบาดแผลฉุกละหุก

“..อุบัติเหตุนิดหน่อยครับ ….มิสเคธี่”

เสียงแผ่วเบา ดังขึ้นมาจากร่างเล็ก ๆ บนเตียง จิมมี่กัดฟันกรอดด้วยความโมโห หากแต่มิเชลก็สะกิดไหล่ของเด็กหนุ่มผมแดงเบา ๆ พร้อมกับสั่นศีรษะนิด ๆ เป็นการไม่ให้เขาพูดออกไป

“จะบ้าหรือยังไง ขืนบอกว่านาโอกิ จงใจทำตัวเองให้บาดเจ็บ อาจารย์ก็ต้องซักไซ้ถึงเหตุผล แล้วถ้าหมอนั่นยืนกรานไม่ยอมตอบ เรื่องมันก็ต้องบานปลายขึ้นไปเรื่อย ๆ จนอาจถึงขั้นโดนทำทัณฑ์บนก็ได้นะ”

เด็กหนุ่มกระซิบเบา ๆ ซึ่งจิมมี่ก็เข้าใจในเหตุผลนั้นแต่โดยดี แม้ออกจะเคือง ๆ อยู่บ้าง ที่ดูเหมือน คนซึ่งนอนเจ็บอยู่บนเตียง จะมีทีท่าเหมือนกับไม่ทุกข์ไม่ร้อนต่อเรื่องที่เกิดขึ้นอยู่ก็ตาม

“เอาล่ะ! พวกเธอไปเข้าห้องเรียนกันได้แล้ว ชั่วโมงเรียนเริ่มแล้วไม่ใช่หรือไง”

เคธี่ ไล่เด็ก ๆ ให้ออกไปในขณะที่เธอหันไปสั่งให้ชางช่วยเตรียมอุปกรณ์ในการเย็บบาดแผลของเด็กหนุ่ม

เมื่อเห็นพวกเขายังคงยืนลังเล ไม่ยอมไป หญิงสาวจึงถอนหายใจ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อ่อนโยน

“วางใจเถอะ เพื่อนเธอไม่เป็นอะไรมากหรอก เดี๋ยวฉันเย็บแผลให้ แล้วนอนพักซะ ก็ค่อยยังชั่วแล้วล่ะ”

แทบทุกคนยิ้มขึ้นได้อย่างโล่งอก ก่อนจะพากันกล่าวขอบคุณ แล้วเดินออกจากห้องพยาบาล ตรงไปที่ห้องเรียนของพวกเขาต่อไป

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Chp.7 (26 มิ.ย. 54)
«ตอบ #41 เมื่อ27-06-2011 11:38:15 »


“อ้าวเฮ้ย! ฉันลืมเอาหนังสือเรียนมาว่ะ”

นักเรียนชายคนหนึ่งเอ่ยขึ้นอย่างนึกได้ คนอื่น ๆ รีบสำรวจตนเอง บางคนยังแต่งกายไม่เรียบร้อย ไม่ได้ใส่เสื้อนอกมา ซ้ำร้ายบางคนยังนุ่งแค่กางเกงขาสั้น กับเสื้อเชิ้ตข้างในเท่านั้นก็มี

“กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้ากันก่อนดีไหม” อีกคนหนึ่งเสนอ

“แต่นี่มันเข้าเรียนแล้วนะ…คาเตอร์จะไม่ว่าอะไรงั้นเหรอ”

ทุกคนหันมามองตากันปริบ ๆ ก่อนที่มิเชลจะตัดสินใจโพล่งขึ้นดัง ๆ อย่างรำคาญใจ

“ก็เข้ากันมันไปสภาพนี้นั่นล่ะ คาเตอร์คงไม่ว่าอะไรหรอก ก็มันเหตุสุดวิสัยจริง ๆ นี่นา แล้วก็…มานี่สิ ราฟาเอล!”

เด็กหนุ่มกวักมือเรียกคนที่ยืนอยู่ไกล ๆ ให้เข้ามาหาเขา

“หมอนี่แหละเป็นหลักฐานอย่างดีที่แสดงว่าเรามาสาย เลือดนาโอกิเปื้อนเสื้อโชกออกแบบนี้ ยังไงคาเตอร์ก็คงไม่หาว่าพวกเรารวมหัวกันโกหกหรอกน่า”

ทุกคนพยักหน้าหงึก ๆ เห็นด้วยพร้อมกัน ก่อนจะตัดสินใจเคลื่อนพลตรงไปยังห้องเรียนทันที



มอร์เฟียซ คาเตอร์ กำลังหงุดหงิดเป็นอย่างมาก เมื่อเข้ามาถึงห้องเรียนแล้ว กลับไม่พบเด็กนักเรียนชายเลยสักคน นอกจากพวกนักเรียนหญิงที่ทำหน้างุนงง สงสัย ที่พวกเพื่อน ๆ ผู้ชายหายกันไปหมด เช่นกัน

“หายไปไหนกันหมดนะ!” เสียงบ่นพึมพำอย่างไม่ค่อยสบอารมณ์ พร้อมกับคิดในใจว่า หากไม่มีเหตุผลดีพอ วันนี้แหละ เขาจะตัดคะแนนเด็กห้อง Z ห้องนี้แบบไม่ให้ผุดไม่ให้เกิดเลยทีเดียว

… เด็กนั่นก็หายไปด้วยสินะ …

มอร์เฟียซ หวนคิดถึงใบหน้าหวานๆ ของเด็กหนุ่มคนสำคัญของเขา เมื่อคืนนี้ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นออกไปสักนิด หากแต่ความน้อยใจที่เห็นอีกฝ่ายพยายามปฏิเสธตัวเขาเต็มที่นั้น มันทำให้เผลอหลุดปากออกไป จนคำพูดนั้นย้อนกลับมาเล่นงานหัวใจของตัวเขาเองให้เจ็บปวดทั้งคืน จนแทบจะข่มตาหลับไม่ลง

เด็กนั่นจะเป็นแบบเราไหมนะ…จะรู้สึกเจ็บปวดกับคำพูดนั้น เหมือนกันไหม ...ไม่สิ นาโอกิ ยูยะ ...เธอคงไม่แคร์อะไรเลยใช่ไหม ทุกเรื่องที่มันเกี่ยวกับฉัน มันคงจะไม่สำคัญกับตัวของเธอเลยสินะ

ชายหนุ่มคิดในใจอย่างเศร้า ๆ ก่อนจะเปิดตำราเรียน พร้อมกับเริ่มอธิบายเนื้อหาให้นักเรียนที่อยู่ในชั้นฟังโดยไม่คิดจะรอคนอื่น ๆ ที่เหลือ ทว่า…

“อาจารย์ครับ ขออนุญาตเข้าห้องครับ!!”

เสียงหลายเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน และเมื่อมอร์เฟียซ เหลือบไปมองสภาพของนักเรียนที่มาเข้าชั้นสายในวิชาเขา ก็ทำให้อาจารย์หนุ่มต้องขมวดคิ้วยุ่ง กับสภาพการแต่งกาย ที่ไม่ค่อยจะเรียบร้อยนั่นนัก

“พวกเธอไปทำอะไรกันมาน่ะ แล้วทำไมมาในสภาพแบบนี้”

เจ้าตัวถามพร้อมกับไล่สายตาไปทั่วอย่างรวดเร็ว

“นาโอกิ ไปไหน!”

ทุกคนทำท่าอึกอัก ตอนแรกพวกเขาคิดว่าคงจะพูดออกไปง่าย ๆ หากแต่ ต่อหน้าฝ่ายปกครองอย่าง มอร์เฟียซ คาเตอร์ จะให้พูดออกไปยังไงว่าอยู่ดี ๆ ยูยะ ก็เอามือฟาดกระจกหน้าต่างห้องตัวเองแตกน่ะ พวกเขายังไม่อยากจะให้เพื่อนต้องเดือดร้อนมากไปกว่านี้หรอกนะ

“เอ่อ…อ่า …มิเชล นายพูดสิ”

ราฟาเอล โบ้ยมาทางเด็กหนุ่มผมทอง ที่ยืนอึกอักหาคำพูดดี ๆ มาอธิบายอยู่ คาเตอร์ตวัดสายตามมายังทั้งสองคน แล้วก็มาสะดุดที่ราฟาเอล

“คามิโอ! ไหนเธอช่วยหันหลังให้ฉันดูชัด ๆ หน่อยสิ”

ราฟาเอลสะดุ้งโหยง ก่อนจะตัดสินใจหันหลังให้ชายหนุ่มดูช้า ๆ

“เป็นอะไรไปน่ะ คามิโอ! บาดเจ็บงั้นหรือ! ไปห้องพยาบาลมาหรือยังน่ะ!”

แม้จะอยู่ในอารมณ์หงุดหงิด หากแต่ความปลอดภัยของบรรดาลูกศิษย์ ก็ต้องมาก่อนเป็นอันดับแรก น้ำเสียงที่แสดงความเป็นห่วงเป็นใยจากใจจริงนั้น ทำให้ทุกคนหันมามองหน้ากันอย่างสำนึกผิด ที่ดันหลงคิดว่า คนอย่างคาเตอร์ คงไม่สนใจ หรือ ห่วงใย พวกเขา นอกจากหน้าที่สอนของตนเท่านั้น

ราฟาเอลหันกลับมาเผชิญหน้ากับชายหนุ่มอีกครั้ง ก่อนจะตอบเสียงอ่อย ๆ

“ไม่ใช่เลือดของผมหรอกครับอาจารย์…เลือดของนาโอกิเขาน่ะครับ”

เหมือนดังมีใครเอาไม้มาทุบแรง ๆ ที่ศีรษะ มอร์เฟียซ คาเตอร์ ยืนตะลึงค้างไปสักพัก หัวสมองว่างเปล่าไปหมด ก่อนที่จะถามขึ้นด้วยน้ำเสียงเบาหวิว อย่างที่เขาเองก็แทบจะไม่รู้สึกตัว

“นา...โอกิ เป็นอะไรไป..”

“กระจกบาดน่ะครับ ตอนนี้ อยู่ห้องพยาบาล”

มิเชลเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้น มอร์เฟียซสูดลมหายใจลึก ๆ พยายามตั้งสติของตนให้เข้มแข็งไว้ ก่อนจะหันไปสั่งคนอื่น ๆ ด้วยน้ำเสียงที่พยายามบังคับให้เป็นปกติ

“พวกเธอ...กลับไปเปลี่ยนเสื้อผ้าให้เรียบร้อยก่อน แล้วมานั่งรอฉันในห้องเรียน อ่านทบทวนไปก่อนล่วงหน้าได้เลย ฉันจะไปดูอาการนาโอกิที่ห้องพยาบาลสักหน่อย…”

หากทุกคนจะเห็นว่าท่าทางของชายหนุ่มแปลกไป แต่ก็ไม่มีใครสักคนที่จะกล้าพอที่จะถาม พวกเขาพยักหน้ารับคำสั่งนั้นง่าย ๆ พร้อมกับปฏิบัติตามทันที โดยที่นักเรียนหญิงที่เหลือ ต่างลุกจากโต๊ะ วิ่งตามพวกผู้ชายออกไปด้วย เพื่อต้องการทราบเรื่องทั้งหมด ซึ่งมอร์เฟียซเองก็ไม่ว่าอะไรพวกเธอเหล่านั้น เพราะหัวใจของเขาตอนนี้มันลอยไปอยู่ที่ห้องพยาบาลเรียบร้อยแล้ว ทั้ง ๆ ที่ร่างกายยังเดินไปไม่ถึงก็เถอะ

“นาโอกิ! เป็นยังไงบ้างน่ะ!!”

ร่างสูงที่วิ่งพรวดเข้ามา ทำให้คนทั้งสามในห้องพยาบาลชะงัก โดยเฉพาะเด็กหนุ่มที่นอนพักอยู่บนเตียง ถึงกับเบือนหน้าหนีไปอีกทาง

“มอร์เฟียซ! ใจเย็น ๆ ค่ะ นาโอกิ แค่เป็นแผลที่มือเท่านั้น..”

เคธี่ต้องรีบวิ่งไปกันร่างที่ทำท่าจะถลาเข้ามาด้วยความตระหนก ชายหนุ่มมองร่างเล็ก ๆ ที่บัดนี้กำลังหลับตาลง เพื่อจะไม่ต้องพบหน้าของเขา แล้วก็ใจหายวูบ

“ลูอิส บอกผมว่า เขาถูกกระจกบาด…”

น้ำเสียงนั้นเอ่ยขึ้นอย่างแหบแห้ง นัยน์ตาฉายแววกังวลอย่างไม่มีปิดบัง

“ใช่ค่ะ เย็บ 12 เข็ม แต่ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงนักหรอกค่ะ คุณกลับไปสอนต่อเถอะ”

เคธี่ออกปากไล่ ก่อนจะหันไปพยักหน้าให้กับชาง จากนั้นดอกเตอร์หนุ่มจึงเดินตรงไปฉุดแขนของอีกฝ่ายออกไป โดยที่เจ้าตัวไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

“นาโอกิ เขาไปแล้วล่ะจ้ะ…ลืมตาขึ้นได้แล้วนะ”

น้ำเสียงหวาน ๆ เอ่ยขึ้นเบา ๆ ยูยะค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขนตาหนาเป็นแพนั่นชุ่มชื้นน้อย ๆ ไปด้วยน้ำตา ที่เจ้าตัวพยายามระงับไม่ให้มันไหลออกมาเต็มที่

“เกลียดเขาจนไม่อยากมองหน้าเชียวงั้นหรือจ๊ะ นาโอกิ”

น้ำเสียงนั้นถามอย่างอ่อนโยน มันอ่อนโยนเสียจนยูยะไม่อาจกลั้นน้ำตาของตนไว้ได้อีก ต่อไป

“ผะ..ผมเกลียดตัวเองมากกว่า” เด็กหนุ่มสะอื้นตอบ

“เกลียดตัวเองที่คอยแต่จะคิดถึงแต่เรื่องเขาตลอดเวลา …เกลียดที่ต้องแคร์กับคำพูดของเขา ทั้ง ๆ ที่ ไม่น่าจะต้องสนใจ ….เกลียด….”

“นาโอกิ…” เคธี่ลูบเส้นผมดำสนิทนั้นแผ่วเบาอย่างเอ็นดู

“รักเขาแล้วใช่ไหมล่ะจ๊ะ..”

เด็กหนุ่มชะงัก หลุบตาลงนิด ๆ ไม่ยอมมองหน้าอีกฝ่ายตรง ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเจ็บปวด

“จะมีประโยชน์อะไรล่ะครับ มิสเคธี่ ในเมื่อเขาบอกกับผมว่า ..ระหว่างเรา มันเป็นแค่ความพอใจชั่ววูบเท่านั้น …”

เคธี่ถอนหายใจแรง ๆ กับคำพูดของอีกฝ่าย เรื่องที่ลี ชาง กำลังคุยกับเธอ ก่อนที่ยูยะจะมา ก็คือเรื่องที่เด็กหนุ่ม กำลังเข้าใจผิดอยู่ขณะนี้แหละ ซึ่งทั้งชาง และเธอสรุปตรงกันว่า ที่มอร์เฟียซ คาเตอร์ พูดออกไปเช่นนั้น ก็เพราะกำลังอยู่ในอาการน้อยใจอย่างหนักนั่นเอง

“ถ้าฉันจะบอกว่าสิ่งที่เธอได้ยินเมื่อคืน เกิดจากความปากไม่ตรงกับใจอย่างไม่น่าอภัยที่สุดของฉันเอง เธอจะเชื่อไหม นาโอกิ ยูยะ”

น้ำเสียงนุ่ม ๆ ที่ขัดขึ้นระหว่างการสนทนา ทำให้ทั้งเคธี่ และยูยะ หันไปทางประตูพร้อมกัน มอร์เฟียซ คาเตอร์ ยืนอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้ แต่ที่แน่ ๆ ชายหนุ่มกำลังมีสีหน้าปลื้มปิติ ยินดี อย่างไม่เคยมีมาก่อนเลยในชีวิต

“มอร์เฟียซ! มาได้ยังไงคะ แล้วชาง...”

หญิงสาวชะเง้อหาเพื่อนชายอีกคนที่น่าจะอยู่ด้วย หากแต่มอร์เฟียซกลับหัวเราะในลำคอเบา ๆ

“เจ้าบ้านั่นน่ะเหรอ พยายามจับผมกลับเข้าห้องเรียน เลยชกมันคว่ำเสียแถวนั้นน่ะแหละ”

“โธ่..ชาง” เคธี่อุทานอย่างสงสารชายอีกคน แต่เธอก็อดหัวเราะเบา ๆ ไม่ได้

“อาจารย์…มายืนอยู่ตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่”

ยูยะถามด้วยใบหน้าซีดเผือด น้ำเสียงตะกุกตะกัก โดยอัตโนมัติ

“ก็นานพอ ที่จะฟังคำบอกรักจากเธอนั่นล่ะ นาโอกิ”

มอร์เฟียซเอ่ยด้วยน้ำเสียงนุ่มนวล ก่อนจะเดินตรงมายืนใกล้ ๆ เตียงที่เด็กหนุ่มนอนอยู่

“บ้าน่ะสิ!…ผะ..ผม ไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย…ผม เกลียดอาจารย์ มากต่างหาก”

ทว่า คำพูดเหล่านั้น กลับไม่ได้กระทบกระเทือนหัวใจของมอร์เฟียซในยามนี้แม้แต่น้อย เขายังคงยิ้มแย้มแจ่มใส เสียจนน่าหมั่นไส้ในความคิดของเด็กหนุ่ม

“ตอนนี้คำพูดของเธอมันทำร้ายจิตใจฉันเหมือนเมื่อคืนนี้ไม่ได้แล้วล่ะนาโอกิ”

ชายหนุ่มจัดการลากเก้าอี้แถวนั้นมานั่งใกล้เตียง พร้อมกับลูบศีรษะ อีกฝ่ายเล่นอย่างรักใคร่ เอ็นดู

“รู้ไหมว่าเมื่อคืนฉันน้อยใจขนาดไหน ที่เธอทำเหมือนว่าฉันไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเธอเลยสักนิด มันทำให้ฉันช็อก ช็อกจนต้องพูดอะไรบ้า ๆ ออกไปแบบนั้น ทั้ง ๆ ที่มันไม่ได้เป็นความจริงเลยแม้แต่น้อย”

และโดยไม่สนว่าจะมีใครนอกจากพวกเขาอยู่ในห้องพยาบาลอีกหรือไม่ ชายหนุ่มโน้มใบหน้าลงจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นอย่างอ่อนโยน

“อาจารย์…ไม่ได้แค่ต้องการเฉพาะร่างกายของผมอย่างนั้นหรือครับ”

ยูยะถามด้วยน้ำเสียงเบาหวิว นัยน์ตาสีดำสบตากับอีกฝ่ายอย่างไม่มั่นใจนัก

“เด็กบ้า! ถ้าต้องการแค่นั้น ฉันไม่คอยมาแคร์ มาห่วงเธอแบบนี้หรอกนะ นาโอกิ! ฉัน…”

มอร์เฟียซหยุดชะงักแค่นั้น ก่อนจะชำเลืองไปมองเคธี่ซึ่งทำท่าไม่รู้ไม่ชี้ เดินเก็บข้าวของไปมาอยู่แถวนั้น ชายหนุ่มกระแอมเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ

“เอ่อ...เคธี่ คุณช่วยไปดูอาการของชางหน่อยได้ไหม ผมคิดว่าเขาต้องการหมอนะตอนนี้”

หญิงสาวถอนหายใจออกมาเบา ๆ ก่อนจะเอ่ยขึ้นอย่างไม่ค่อยเต็มใจ

“ก็ได้ค่ะมอร์เฟียซ อ้อ แล้วพวกเด็ก ๆ ล่ะ จะทำยังไง”

มอร์เฟียซ คาร์เตอร์ ทำท่าคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเจ้าเล่ห์

“ก็คุณ หรือ ชาง ช่วยสอนแทนผมก็ได้นี่นา ถ้าไม่เพราะพวกคุณทั้งคู่เข้ามายุ่ง ทั้งผม ทั้งนาโอกิ ก็ไม่วุ่นวายกันถึงขนาดนี้หรอก”

เสียงหัวเราะใส ๆ ดังขึ้นจากเคธี่ มิลเลอร์ทันที ที่ชายหนุ่มพูดจบ

“โอเค ๆ มอร์เฟียซ เป็นความผิดของฉันก็ได้ แต่อย่าลืมล่ะ ว่าใครทำให้พ่อหนุ่มน้อยที่นอนอยู่นั่น ยอมสารภาพความรู้สึกออกมากัน หือ?”

“เอาไว้ผมจะตอบแทนคุณทีหลังนะ เคธี่ ตอนนี้พวกผมขออยู่กันตามลำพังสักพักได้ไหม…”

ชายหนุ่มบอกยิ้ม ๆ ซึ่ง เคธี่ก็ยักไหล่นิด ๆ ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจห้องพยาบาลมาจากลิ้นชักโต๊ะทำงานของเธอ

“ฉันจะล็อกห้องให้แล้วกันนะมอร์เฟียซ อ้อ อย่าทำอะไรหักโหมนักล่ะ นาโอกิ ยังเป็นคนเจ็บอยู่”

ยูยะหน้าแดงวาบ กับคำพูดทิ้งท้ายของอาจารย์สาวประจำห้องพยาบาล เด็กหนุ่มหันไปสบกับนัยน์ตายิ้มพรายของชายหนุ่มข้าง ๆ ก็ยิ่งทำให้ใจเขาเต้นแรงเข้าไปใหญ่

“เอาล่ะ ไม่มีใครมาเป็นก้างขวางคอแล้ว นาโอกิ ไหนลองพูดสิ่งที่เธอคิดกับฉันจริง ๆ มาให้ฟังหน่อยสิ”

น้ำเสียงนั้นค่อนข้างจะเป็นการบังคับขู่เข็ญอยู่พอสมควร ยูยะคิดในใจอย่างหมั่นไส้

...คนบ้า! จะพูดจา ขอร้องให้มันอ่อนโยนกว่านี้ไม่ได้เลยอย่างนั้นหรือไง เอะอะก็ชอบใช้กำลังบังคับกันเสียทุกที ฉันไม่ใช่ทาสนายนะ มอร์เฟียซ คาเตอร์! ...

มอร์เฟียซหัวเราะเบา ๆ กับสีหน้างอน ๆ นั้น เห็นแล้วมันทำให้ชายหนุ่มอดใจไม่ไหว เลยก้มลงหอมแก้มเนียนนุ่มนั้นแรง ๆ ฟอดใหญ่จนยูยะสะดุ้ง

“ทำอะไรน่ะ…อืม” เมื่อริมฝีปากบางเผยอออกมาเตรียมต่อว่าเขา ชายหนุ่มซึ่งรอโอกาสอยู่แล้ว ก็รีบประกบริมฝีปากลงไปทาบทับทันที ก่อนจะทำการสอดลิ้นเข้าไปสำรวจภายในปากของอีกฝ่าย โดยที่เด็กหนุ่ม ซึ่งกำลังตกใจที่ถูกจู่โจมในตอนแรก ค่อย ๆ เคลิ้มตามในรสสัมผัสที่ชายหนุ่มมอบให้ จนเผลอร่วมมือตอบสนองแต่โดยดีในเวลาต่อมา

“อืม….มอร์เฟียซ…อา…ได้โปรด…ช่วยผมด้วย”

ยูยะครางกระเส่า เมื่อร่างทั้งร่างถูกกระตุ้นด้วยอารมณ์พิศวาส ที่อีกฝ่ายมอบให้ เด็กหนุ่มแอ่นกายขึ้นเต็มที่ เมื่อริมฝีปากเร่าร้อน ย้ายมาไล้เลียอยู่ที่แก่นกายของตน

“อา…มอร์เฟียซ …อะ...อ๊า”

ยูยะบิดกายไปมา เมื่อมือใหญ่ข้างหนึ่งของชายหนุ่มจัดการรูดแก่นกายของเขาขึ้นลง สลับกับการเค้นคลึงตรงจุดที่อ่อนไหวที่สุด

มอร์เฟียซหัวเราะในลำคอเบา ๆ กับปฏิกิริยาตอบสนองเช่นนั้นของเด็กหนุ่ม ก่อนจะเลื่อนใบหน้าขึ้นมาขบเม้มกับยอดอกสีชมพูเข้ม ข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างที่ยังว่างอยู่ ก็ช่วยบีบเค้นให้ความสุขกับยอดอกอีกข้างเท่า ๆ กัน

ยูยะครางเรียกชื่อของอีกฝ่ายดังลั่น เมื่อฝ่ามือใหญ่ที่อยู่เบื้องล่าง เร่งจังหวะรูดขึ้นรูดลง เร็วขึ้น ๆ ทุกที

“อา..มอร์เฟียซ ผะ…ผม ทนไม่ไหวแล้ว.. อ๊า!!”

ความต้องการของยูยะถูกปลดปล่อยออกมาจนชุ่มโชกทั่วมือของชายหนุ่ม เด็กหนุ่มนอนหายใจหอบแรง ๆ ใบหน้าและทั่วทั้งกายแดงระเรื่อไปทั่วมอร์เฟียซก้มลงมองเนื้อตัวเปล่าเปลือยน่าหลงไหล ของอีกฝ่ายด้วยดวงตายิ้มพรายอย่างเจ้าเล่ห์…

… ยังก่อน..เขายังไม่สนองตอบเต็มรูปแบบให้กับเด็กหนุ่มตอนนี้หรอก รอให้แผลที่มือของอีกฝ่ายหายดีก่อนแล้วกัน แล้วถึงตอนนั้น หึ ๆ …

ชายหนุ่มคิดอย่างครึ้มอกครึ้มใจ ก่อนจะช่วยจัดการทำความสะอาดให้ร่างเล็ก ๆ ด้วยวิธีที่ทำให้คนที่นอนหายใจหอบ ๆ นั่น ต้องสะดุ้งเฮือกขึ้นมาอีกครั้ง ก่อนจะบิดกายด้วยความเสียวซ่านรันจวนสุดขีด

“อ๊ะ….ดะ…เดี๋ยว…มอร์เฟียซ…มะ..ไม่”

มอร์เฟียซเงยหน้าขึ้นมาจากหว่างขาของเด็กหนุ่ม ก่อนจะตวัดลิ้นไล้เลียสิ่งนั้นอย่างยั่วเย้า

“อยากให้หยุดงั้นหรือ …นาโอกิ”

“มะ…ไม่…มอร์เฟียซ ..ผมต้องการ..อะ…อีก..อา”

เด็กหนุ่มตอบรับอย่างเอียงอาย ก่อนจะครางด้วยน้ำเสียงกระเส่า เมื่อชายหนุ่มเริ่มลงมือจัดการทำความสะอาดร่างกายของเขาจนทั่วอีกครั้ง

“น่ารักจริง ๆ เด็กน้อยของฉัน”

มอร์เฟียซจุมพิตริมฝีปากบางนั่นอย่างดูดดื่มเป็นครั้งสุดท้าย ก่อนจะช่วยจัดการแต่งกายให้ร่างเล็ก ๆ นั่นจนเสร็จเรียบร้อย

“คืนนี้ไปค้างที่ห้องฉันไหม นาโอกิ”

น้ำเสียงทุ้มนุ่มหู กระซิบอย่างอ่อนโยน โดยที่เรียวลิ้นอุ่นชื้น ก็ไล้เลียเข้าไปในร่องหูนั้น จนเด็กหนุ่มรู้สึกจั๊กกะจี้

“มะ…ไม่เอาดีกว่าครับ” ยูยะรีบปฏิเสธเสียงสั่น ก่อนจะพยายามขยับหนีอีกฝ่ายอย่างเต็มที่ เพราะดูเหมือนว่าร่างกายของเขากำลังจะเริ่มมีปฏิกิริยาสนองตอบรับการกระทำนั้นขึ้นมาอีกครั้ง

“หึ ๆ ก็ได้ วันนี้จะยอมให้สักครั้ง ฐานที่เธอทำตัวน่ารัก…”

มอร์เฟียซจูบที่ขมับของยูยะเบา ๆ ก่อนจะยันกายลุกขึ้น โดยที่เด็กหนุ่มเผลอจับที่แขนเสื้อของอีกฝ่ายทันที

“จะไปแล้วหรือครับ….เอ่อ…”

ชายหนุ่มหันมายิ้มให้อย่างอ่อนโยน ในขณะที่ยูยะรีบปล่อยมือ พร้อมกับหลบสายตาด้วยความเขินอาย

“จริงสินะ ฉันยังไม่ได้ยินคำบอกรักของเธอเลยนี่นา…”

เจ้าตัวเลื่อนเก้าอี้เข้ามานั่งข้าง ๆ อีกครั้ง พลางจ้องหน้าร่างเล็กอย่างไม่ยอมวางตา

“คุณก็ไม่เคยบอกเหมือนกัน นั่นล่ะ”

ยูยะบ่นอุบอิบ ซึ่งมอร์เฟียซก็ได้ยินอย่างชัดเจน เขาหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงกระซิบที่ข้าง ๆ หู

“…I love you, Naoki …Remember it ,you belong only to me…”

ยูยะหน้าแดงวาบ ก่อนจะกระซิบตอบกลับไปอย่างแผ่วเบา

“Um…I love you too, Morpheus ….”




+++ End +++


สำหรับเรื่องนี้ มีจำนวนหน้าของตอนพิเศษ เท่ากับครึ่ง ๆ ของเนื้อเรื่องหลัก 8 ตอนเลยค่ะ
ส่วนตอนพิเศษ จะทยอยลงมาให้อ่านแล้วกันนะคะ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2011 11:41:13 โดย Xenon »

ออฟไลน์ EunJin

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1313
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +114/-2
Re: The Eden School.... Chp.8 (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #42 เมื่อ27-06-2011 12:33:22 »

โอ้ยยยย กว่าจะเข้าใจกันได้นะคะ หุหุหุ มอร์เฟียร์ซเจ้าเล่ห์จริงๆๆ

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Chp.8 (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #43 เมื่อ27-06-2011 12:52:08 »

 :-[ :-[

รอตอนพิเศษ


+1  จ้า

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Eden School.... Chp.8 (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #44 เมื่อ27-06-2011 16:15:26 »

รอตอนพิเศษอย่างใจจดใจจ่อเลยค่ะ
แต่จบได้หวานมาก ๆ ถึงจะแอบหมั่นไส้มอร์เฟียสนิดหน่อยก็เถอะ

ตอนพิเศษขอคู่หลักซักสองถึงสามตอนนะคะ แล้วก็ชางกับใครก็ได้ มิเชล จิมมี่ อืม...นอกนั้นก็แล้วแต่คนเขียนค่ะ

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The Eden School.... Chp.8 (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #45 เมื่อ27-06-2011 17:22:30 »

ทำเอาใจหายใจคว่ำเหมือนกันนะคู่นี้ แต่ดีแล้วที่ปรับความเข้าใจกันไว้

รอตอนพิเศษนะคะ

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: The Eden School.... Chp.8 (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #46 เมื่อ27-06-2011 19:58:17 »

เข้ามาตามอ่านเพราะชอบเรื่องสั้นๆ ค่ะ ^^

อาจารย์เก็บมาตั้งนาน...เก็กแตกเอาตอนเด็กเล่นดนตรี ฮาาา
เด็กน้อยน่ารัก ไร้เดียงสาอ่า...อาจารย์ยังมาขี้แกล้งอีก เฮ้ออออ

ลุ้นกับความน้อยใจของอาจารย์กะลูกศิษย์...สุดท้ายก็ได้กันด้วยดี ฮี่ๆ ^^

รอตอนต่อของหลายๆ คู่ค่ะ แอบลุ้นว่าเราจะจับคู่ถูกมั้ย อิอิ

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #47 เมื่อ27-06-2011 20:30:19 »


เอาของคู่หลักมาให้อ่านก่อนนะคะ อีตามอร์เฟียซนี่เป็นเมะขี้หึงมาก ๆ อีกคน เท่าที่ปัดเขียนมาเลยน่ะค่ะ-- (ชอบเขียนฝ่ายรุกหึงหวงแบบนี้น่ะค่ะ เร้าใจ(ตัวเอง)ดี ฮ่าๆ)

มาอ่านตอนพิเศษของมอร์เฟียซกับหนูยูยะกันก่อนดีกว่าค่ะ ไว้สักพัก จะหยิบคู่อื่น ๆ มาลงให้อ่านนะคะ ~

..
..

Special #1 : Happy Birthday, Morpheus.



       “ยูยะ ๆ มีโทรศัพท์ถึงนายน่ะ”

        เสียงตะโกนเรียกดังลั่นจากชั้นล่างของจิมมี่ ทำเอานาโอกิ  ยูยะ ซึ่งกำลังนอนอ่านหนังสืออยู่บนเตียงสะดุ้ง ก่อนจะรีบวิ่งลงมาจากชั้น 2 เพื่อมารับโทรศัพท์โดยเร็ว

       “เสียงดังใช้ได้เลยจิมมี่  ขอบใจนะ”  เด็กหนุ่มกล่าวขอบใจอีกฝ่ายยิ้ม ๆ ซึ่งจิมมี่ก็โบกมือเบา ๆ  แทนคำว่าไม่เป็นไร ก่อนจะเดินไปนั่งรวมกับเพื่อน ๆ คนอื่น ๆ ในห้องพักผ่อน

       “สวัสดีครับ นาโอกิพูดครับ”

        “…ยูยะเหรอ  นี่ฉันเองนะ” 

     เสียงร่าเริงดังมาตามสายโทรศัพท์  ยูยะขมวดคิ้วนิดหนึ่ง ก่อนจะร้องอ๋อเสียงดัง

       “ดอกเตอร์ลีหรอกหรือครับ  มีอะไรครับเนี่ยถึงโทรมาได้” เด็กหนุ่มถามด้วยความสงสัย หากแต่เสียงหัวเราะเบา ๆ กลับดังขึ้นมาตามสายแทนคำตอบ

        “ก็คิดถึงน่ะสิ ยูยะ ถึงได้โทรมา  จะไปหาก็กลัวมอร์เฟียซมันอัดเอา”

       ยูยะะหน้าแดงนิด ๆ  ลี ชาง เป็นอีกคนหนึ่ง ที่รู้ถึงความสัมพันธ์ระหว่างเขาและ มอร์เฟียซ คาเตอร์  อาจารย์ฝ่ายปกครองระดับมัธยมปลายประจำสถาบันอีเดน และยังเป็นอาจารย์ประจำวิชาประวัติศาสตร์โลกของห้องเขาอีกด้วย

       “ก็ถ้าดอกเตอร์ไม่คอยไปแหย่เขา  เขาก็ไม่ทำอะไรคุณหรอกครับ …แล้วตกลงว่าที่โทรมานี่คิดถึงอย่างเดียวงั้นหรือครับ”

       ยูยะถามกลับด้วยน้ำเสียงร่าเริงไม่แพ้กัน  ลี  ชาง เป็นคนอารมณ์ดี คุยสนุก และมักจะทำให้เขามีเรื่องหัวเราะเสมอ  หากไม่นับเรื่องที่เจ้าตัวชอบใช้เขาเป็นตัวแหย่ให้มอร์เฟียซโกรธเอาบ่อย ๆ ล่ะก็

       “หึ ๆ ก็ไม่เชิงหรอกยูยะ  ชั้นแค่อยากจะชวนเธอไปช่วยเลือกของขวัญวันเกิดในวันเสาร์พรุ่งนี้หน่อยน่ะ ว่างหรือเปล่าล่ะ?”

       “ก็ว่างอยู่หรอกครับ… ว่าแต่วันเกิดของใครหรือครับ”  ยูยะถามไปด้วยความสงสัยนิด ๆ

       เสียงตามสายนั้นเงียบไปพักใหญ่ ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงหวั่น ๆ

       “….ยูยะ…อย่าบอกนะว่าเธอไม่รู้…ซวยล่ะสิ” 

       “เอ๋…เกี่ยวอะไรกับผมด้วยงั้นหรือครับ”  เจ้าตัวยิ่งงงหนักไปกันใหญ่ วันเกิดของใครกันที่ถ้าเขาไม่รู้ แล้วต้องเดือดร้อนขนาดนั้น

       “มอร์เฟียซ ไม่ได้บอกอะไรเธอเลยงั้นหรือ”  น้ำเสียงนั้นถามด้วยความสงสัย  หากแต่ยูยะซึ่งไม่เข้าใจในคำถามนั้น กำลังใช้ความคิดเต็มที่….และแล้ว

       “อ๋อ…ผมพอจะเข้าใจอะไรบ้างแล้วล่ะครับดอกเตอร์”  เด็กหนุ่มถอนหายใจหนัก เสียจนปลายสายอีกฝ่ายได้ยิน

       “…คือเมื่อวานอยู่ดี ๆ มอร์เฟียซเขาก็ถามผมขึ้นมาว่า  รู้ไหมว่าวันที่ 29  สิงหาคม  ที่จะถึงนี่มันวันอะไร  ผมก็ตอบไปง่าย ๆ ว่าวันอาทิตย์  เขาก็ทำหน้ายุ่ง ๆ ใส่ แล้วเขาก็ซักผมอีก  ผมเลยบอกไปว่าไม่รู้  เท่านั้นแหละครับดอกเตอร์  ไม่ยอมพูดกับผมอีกเลย  …มิน่าล่ะ  วันเกิดเองหรอกหรือนี่”

       “จะว่าไปแล้วก็น่าสงสารมอร์เฟียซเขานะ ยูยะ  เขาคงอยากให้เธอสนใจเรื่องราวของตัวเขาให้มากกว่านี้นั่นล่ะ ถึงได้จงใจถามออกไปแบบนั้น” ชางพูดมาตามสายอย่างเห็นใจเพื่อนสนิท

       “…ก็แหม  แล้วทำไมไม่บอกออกมาตามตรงเล่าครับ” ยูยะแก้ตัวเบา ๆ ก็จริงอยู่ที่ถึงแม้ตอนนี้เขาจะคบกับมอร์เฟียซในฐานะคนรักมาเกือบเดือนแล้วก็ตาม  แต่ทว่า เรื่องส่วนตัวของชายหนุ่มนั้น ยูยะกลับไม่รู้เรื่องอะไรเลยสักนิดเดียว

       “เป็นเธอ เธอจะพูดหรือเปล่าล่ะยูยะ  บอกให้อีกฝ่ายรู้ว่าวันเกิดเธอใกล้จะถึงแล้วนะ แล้วให้เขาไปเตรียมหาของขวัญมาให้เธอน่ะ”

       ยูยะเงียบไป ก่อนจะตอบเสียงอ่อย  “คนอื่นผมไม่รู้…แต่ถ้าเป็นผมคงไม่กล้าหรอกครับ  ของขวัญวันเกิดที่เหมือนบังคับเอาจากอีกฝ่ายแบบนั้น”

       “ก็นั่นล่ะ มอร์เฟียซ ก็คงคิดแบบนั้น เลยไม่กล้าบอก  แต่วันเกิดของเขาก็ใกล้จะถึงแล้วทุกที แต่เธอยังทำตัวเหมือนไม่รู้เรื่องอะไรเลยแบบนี้ เขาก็คงจะทนไม่ไหว เลยต้องเกริ่น ๆ ออกมาบ้างนั่นล่ะ”

       ยูยะหน้าจ๋อย ก่อนจะพูดไปด้วยน้ำเสียงที่สำนึกผิดเต็มที่  เพราะความจริงแล้ว หากเขาสนใจจะถามจริง ๆ ทั้ง เคธี่ และ ชาง ก็ต้องรู้อยู่แล้ว …

       “ตอนนั้นที่เขาถามผมไม่รู้เลยจริง ๆ แล้วก็ตอบออกไปโดยไม่ทันคิดเอะใจ …มอร์เฟียซคงโกรธผมมากแน่เลย”

       “ไม่หรอกน่ายูยะ”  อีกฝ่ายรีบปลอบทันที  “หมอนั่นก็แค่งอนเท่านั้นล่ะ  เอางี้สิ  พรุ่งนี้เธอก็ไปเลือกซื้อของขวัญให้เขาพร้อมกับฉันเสียเลยดีไหม”

       “ครับ!  ผมไปแน่ ว่าแต่กี่โมงดีครับ!”   ยูยะรีบตอบรับด้วยน้ำเสียงกระตือรือร้น

       “เอาเป็นว่าหลังเลิกเรียนครึ่งวันเช้า  เจอกันที่หน้าศูนย์การค้าโซน D  แล้วกันนะ  แถวนั้นมีของที่น่าจะถูกสเป็ก ของมอร์เฟียซอยู่มากพอเหมือนกัน”

       “ครับ ดอกเตอร์ พรุ่งนี้เจอกัน”

       ยูยะวางสายโทรศัพท์แล้วถอนหายใจยาว  ก่อนจะเอ่ยพึมพำปลอบใจกับตัวเองเบา ๆ

       “…ถึงจะรู้ช้าไปหน่อย แต่ถ้าให้ของขวัญแล้วก็คงไม่โกรธหรอกมั้ง..”

        แล้วเจ้าตัวก็รีบวิ่งกลับขึ้นห้อง เพื่อไปสำรวจดูจำนวนเงินเก็บที่เหลืออยู่ในขณะนี้

        “อืม…100 เหรียญเองงั้นหรือ …จะซื้ออะไรได้มั่งนะ”

       เด็กหนุ่มเอนกายพิงผนังห้องอย่างครุ่นคิด  ก่อนจะถอนหายใจเบา ๆ  เกิดมาก็เพิ่งรู้สึกเครียดเรื่องเลือกซื้อของขวัญวันเกิดให้ผู้ชายเป็นครั้งแรกนี่ล่ะนะ  หากเป็นแค่เพื่อนกันธรรมดา ก็คงไม่แคล้ว ถุงเท้า  ปากกา  ซีดี หรืออะไรก็ได้ทั่วไปง่าย ๆ

     …แต่สำหรับคนสำคัญแบบนี้ ขืนให้ของพวกนั้นไป มันก็ไม่น่าประทับใจน่ะสิ…



       เช้าวันเสาร์  หลังจากที่ทุกคนเรียนวิชาคณิตศาสตร์ซึ่งสอนโดยอาจารย์ฟาเรียส ที่ตอนนี้กลับมาสอนเหมือนเดิมตามปกติเสร็จสิ้นลง พวกเขาต่างก็รีบหยิบตำราวิชาประวัติศาสตร์โลกขึ้นมาเตรียมเรียนต่อทันที

       “ยูยะ..เลิกเรียนแล้วไปหาอะไรกินกันแถว โซน F ดีไหม   พวกมิเชล กับ ราฟาเอลก็ไปด้วย”   จิมมี่กระซิบถามเบา ๆ เมื่อเห็นมอร์เฟียซ  คาเตอร์ กำลังเดินเข้ามาในห้องเพื่อเตรียมทำการสอน

       ตั้งแต่เกิดเหตุการณ์ที่เขาทำร้ายตัวเองเมื่อเดือนก่อน  ยูยะก็เริ่มสนิทกับทุกคนในห้องมากขึ้นกว่าเดิม  เพราะเขาซาบซึ้งในน้ำใจ และความห่วงใยที่เพื่อน ๆ ทุกคนมีให้ต่อเขา  และตอนนี้ นอกจากจิมมี่แล้ว เขามีเพื่อนซี้อีกสองคนที่เพิ่มมาด้วย นั่นก็คือ  ราฟาเอล กับมิเชลนั่นเอง

       “โทษทีนะจิมมี่ …วันนี้ขอผ่าน เผอิญมีนัด”  ยูยะกระซิบตอบ ชำเลืองมองทางหน้าห้องเป็นระยะ เพราะกลัวจะโดนว๊ากใส่เอาอีก ในฐานะที่แอบคุยกันโดยไม่สนใจการเรียน

       “เดท?”  จิมมี่กระซิบถาม  ซึ่งผลก็คือ ศอกเล็ก ๆ กระทุ้งเข้าให้ที่สีข้างเบา ๆ แต่ก็เล่นเอาจุกเหมือนกัน

       “บ้า!…ไปซื้อของกับดอกเตอร์ลีต่างหากเล่า  เลิกถามได้แล้ว  คาเตอร์ มองมาแล้วเห็นไหม”

       เด็กหนุ่มตัดบท ก่อนจะเก๊กท่าทำเป็นสนใจเรียนเต็มที่   อาจารย์หนุ่มหรี่ตาลงเล็กน้อยด้วยความสงสัย   ก่อนจะสั่นศีรษะเบา ๆ พลางหันไปสนใจกับการสอนของเขาต่อไป

       “เอาล่ะวันนี้พอแค่นี้…เลิกเรียนได้”  มอร์เฟียซจัดการปิดตำรา  พร้อมกับชำเลืองมองไปยังร่างเล็ก ๆ ที่เตรียมเก็บของอย่างกระตือรือร้น แล้วก็ถอนหายใจเบา ๆ  เมื่ออีกฝ่ายรีบจ้ำอ้าวออกจากห้อง  แต่ก็ยังดีที่อย่างน้อยก็ยังหันมามองหน้า  พลางโค้งให้กับเขานิด ๆ ก่อนออกไป

       “ยูยะจะรีบไปไหนกัน”  มิเชลถามเบา ๆ ขณะที่พวกเขาและจิมมี่กำลังเดินโค้งศีรษะ ผ่านมอร์เฟียซ  คาเตอร์ที่ยังคงนั่งอยู่ไม่ยอมกลับห้องพัก

       “ไปออกเดทกับดอกเตอร์ลีน่ะสิ”  จิมมี่ตอบร่าเริงอย่างไม่คิดจะยั้งเสียง และคำพูดนั้นก็ทำให้คนที่กำลังนั่งเหม่อ ๆ  อยู่บนเก้าอี้ ชะงักพร้อมกับหันขวับมาทางคนทั้งสองทันที

       ….ซวยแล้วสิ  ไอ้บ้าจิมมี่ปากเสียชะมัด ….

       มิเชลคิดในใจอย่างขยาด ก่อนจะแกล้งทำเป็นพูดจากลบเกลื่อน

       “ฮ่า ๆ นายล่ะก็  ชอบพูดเล่นเรื่อยเลยนะจิมมี่”

       แต่ว่าน่าเสียดายที่จิมมี่ไม่ค่อยจะเข้าใจเจตนาของอีกฝ่ายนัก จึงไม่ยอมรับมุกที่ส่งมาให้

       “พูดเล่นอะไร  ก็ยูยะบอกเองว่าจะไปซื้อของกับดอกเตอร์ลี  เมื่อวานก็เห็นโทรศัพท์คุยกันอยู่ตั้งนาน ฉันชำเลืองไปดูก็เห็นคุยกันถูกคอดีออก  ดูท่าหมอนั่นจะชอบดอกเตอร์มากพอดูเลยนะ”

       จิมมี่พูดอย่างไม่คิดอะไร แต่มิเชลกลับกุมขมับถอนหายใจเบา ๆ เมื่อมอร์เฟียซ คาเตอร์ ลุกจากเก้าอี้พรวด  พร้อมกับเดินลงส้นแรง ๆ ผ่านคนทั้งคู่ออกไปอย่างฉุนเฉียว

       “เอ๋  คาร์เตอร์เขาเป็นอะไรไปน่ะ มิเชล”  จิมมี่ถามด้วยความงุนงง ปนตกใจ

      “…จะไปรู้เรอะ  แต่ที่แน่ ๆ ช่วยสวดมนต์อ้อนวอนให้ยูยะรอดพ้น ดีกว่านะ”

       มิเชลเอ่ยเสียงสะบัด ๆ ด้วยความรำคาญใจ  จิมมี่นะจิมมี่ เสียแรงเป็นเพื่อนสนิทกันแท้ ๆ แต่ดูแค่นี้ยังไม่รู้เรื่อง  ขนาดเขาที่เพิ่งจะมารวมกลุ่มคลุกคลีกับยูยะไม่เท่าไร ยังพอจะมองออกเลยว่าอะไรเป็นอะไร

       มิเชล ถอนหายใจเบา ๆ  เขาก็พอจะรู้ตื้นลึกหนาบางอยู่บ้าง ในเรื่องความสัมพันธ์ของนาโอกิ ยูยะ และมอร์เฟียซ  คาเตอร์  …ด้านยูยะ ไม่ต้องพูดถึง  เด็กหนุ่มซ่อนสีหน้า และแววตา จากสายตาของนักแสดงระดับอัจฉริยะอย่างเขาไม่พ้นหรอก   ต่อให้คาเตอร์เองก็เถอะ  เจ้าโป๊กเกอร์เฟกนั่น แม้จะอ่านยากขนาดไหน  แต่ยามอยู่ต่อหน้ายูยะ สายตาของอีกฝ่ายก็อ่อนโยนลงจนเขาจับได้อยู่ดีนั่นล่ะ

       …แต่ในเมื่อเรื่องนี้มันเป็นความพอใจ แถมยังเป็นเรื่องส่วนตัวของเพื่อนสนิท   มิเชลเองก็ไม่คิดจะบอกใครออกไปหรอก  โดยเฉพาะเจ้าหัวแดงจอมซื่อบื้อใกล้ ๆ นี้ด้วยแล้ว  หมอนี่คงโวยวาย หรือไม่ก็พาลช็อกไปเลยก็ได้ หากรู้เรื่องนี้เข้าล่ะก็

       แล้วเจ้าตัวก็เหล่ตามาทางคนข้าง ๆ พร้อมกับถอนหายใจเฮือกใหญ่  ทำเอาจิมมี่ต้องวิ่งตามถามเซ้าซี้ตลอดเวลา ว่ามันเกิดอะไรขึ้นกันแน่  เล่นเอาเด็กหนุ่มหงุดหงิดไปตลอดทั้งวันทีเดียว




« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-06-2011 20:39:58 โดย Xenon »

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #48 เมื่อ27-06-2011 20:31:30 »



    6.00 PM

       ยูยะกลับมาจากการเลือกซื้อของขวัญอย่างอารมณ์ดี  เขาหอบถุงกระดาษใบใหญ่ในมือด้วยความทะนุถนอม พร้อมกับเดินฮัมเพลงไป ยิ้มแย้มไปตลอด  จนกระทั่งถึงทางเข้าหอพัก

       “อุ๊บ!”  เด็กหนุ่มสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ  เมื่ออยู่ดี ๆ ก็มีมือใหญ่มาตะปบปิดปากเขาไม่ให้ร้อง  พร้อมกับลากร่างของเขาไปยังที่ลับตาคนทันที

       “ใครกัน!…อ๊ะ…มอร์เฟียซ”  ยูยะรู้สึกทั้งตกใจและแปลกใจเล็กน้อย และขณะที่กำลังจะถามถึงเหตุผลว่าทำไมต้องทำแบบนี้  เขาก็ต้องเบิกตาค้าง เมื่อใบหน้าคมเข้ม โน้มลงมาประกบริมฝีปากทาบทับกับริมฝีปากบางของเขาอย่างรวดเร็ว

       “อ๊ะ..อืม …ดะ..เดี๋ยว  มอร์เฟียซ  นี่มันอะไรกัน….อื้ม!!”

       ริมฝีปากร้อนผ่าว วนเวียนจูบทั่วใบหน้าหวาน ๆ นั้นอย่างบ้าคลั่ง   จากนั้นจึงค่อย ๆ   จับกดร่างเล็กลงบนพื้นหญ้า  พร้อมกับร่างสูงของตัวเองที่ค่อย ๆ ทาบทับลงมา

       “เดี๋ยว…มอร์เฟียซ …ที่นี่ไม่ได้นะ…อ๊ะ…”

       มือใหญ่ข้างหนึ่งจัดการปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตตัวในที่อีกฝ่ายสวมอยู่อย่างรวดเร็ว  ก่อนจะโน้มใบหน้าลงมาละเลงลิ้นบนแผ่นอกขาว สลับกับการตะโบมจูบแรง ๆ อย่างไม่ปรานี จนเกิดรอยช้ำเป็นจ้ำแดง ๆ จนทั่ว

       จากนั้นมือที่ว่างอยู่จึงจัดการปลดเข็มขัด และตะขอกางเกงออก ก่อนจะพยายามดึงมันให้พ้นไปจากร่างของอีกฝ่าย โดยที่มือเล็ก ๆ นั่นยังคงดึงดันจับที่กางเกงของตนไว้แน่น ไม่ยอมให้เขาทำเช่นนั้น

       “…มะ…มอร์เฟียซ  คุณจะบ้าไปแล้วหรือไง …ปล่อยมือเดี๋ยวนี้นะ!!”

       ยูยะโวยลั่นด้วยความกลัว  หากแต่มอร์เฟียซ ยามนี้คลั่งไปแล้ว  คลั่งด้วยความหึงรุนแรง ชนิดที่เจ้าตัวเองยังตกใจ

       “ใช่สิ! ฉันมันบ้า! บ้าเพราะรักเธอยังไงล่ะนาโอกิ!  จำได้ไหมว่าเธอเป็นของฉันคนเดียวเท่านั้น! และฉันไม่มีวันยอมยกเธอให้ใครเด็ดขาด!”   ชายหนุ่มคำรามลั่น    ยูยะสะดุ้งเฮือก  ก่อนจะเอ่ยขึ้นเสียงสั่น  น้ำตาคลอเบ้าด้วยความหวาดกลัว

       “…มอร์เฟียซ…คุณเป็นอะไรไป…ทำไมทำกับผมแบบนี้.. ผมทำอะไรผิดอย่างนั้นหรือ…บอกหน่อยได้ไหม”  น้ำเสียงสะอื้น ๆ และหยาดน้ำใส ๆ ที่ไหลรินอาบแก้ม ทำให้ชายหนุ่มชะงัก  แต่ก็เพียงชั่วครู่ เมื่อหวนนึกถึงต้นเหตุที่ทำให้เขาโมโหอยู่ขณะนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

       “ทำอะไรอย่างนั้นหรือ….วันนี้เธอไปไหนมาล่ะ   ไปเดทกับเจ้าชางมาใช่ไหม  หมอนั่นมันคงบริการเธอถูกใจมากสินะ  เธอถึงทำท่าทางมีความสุขกลับมาแบบนี้ หา!!”

       ยูยะตะลึงกับถ้อยคำนั้น  ชายหนุ่มกำลังเข้าใจผิดเรื่องเขา กับชาง เขาต้องบอกออกไปว่ามันไม่ใช่แบบนั้น ….ต้องบอก……

       “แย่แล้ว! ถุงของผม!”  จู่ ๆ  ยูยะก็นึกขึ้นได้ถึงของสำคัญของเขา   จากนั้นจึงดันร่างหนา ๆ ของอีกฝ่ายขึ้นทันที  และด้วยความไม่ทันระวังตัว  มอร์เฟียซจึงเสียหลักถูกผลักกระเด็นออกไป เด็กหนุ่มรีบสำรวจดูรอบ ๆ ด้วยความตกใจ

       “ถุงกระดาษของผม…ไปไหนแล้ว…”  เจ้าตัวพึมพำเบา ๆ ใบหน้าซีดเผือด ก่อนจะลุกขึ้นวิ่งย้อนกลับไปทางเก่า ทั้ง ๆ ที่เสื้อผ้ายังหลุดรุ่ย ไม่เรียบร้อย

       “นาโอกิ!”  มอร์เฟียซเองก็ตกใจเหมือนกัน ที่เห็นท่าทางร้อนรนเช่นนั้น เป็นครั้งแรกของเด็กหนุ่ม  เขารีบวิ่งตามมา ก็พบว่าอีกฝ่ายกำลังนั่งกอดถุงกระดาษใบใหญ่สีน้ำตาลด้วยความทะนุถนอม แถมใบหน้านั้นยังยิ้มแย้มออกมาอย่างโล่งอก …

       “ข้างในนั้นมีอะไร!”  ชายหนุ่มตวาดลั่นด้วยความหงุดหงิด  เริ่มชักจะไม่สบอารมณ์อีกครั้ง  เขาคิดไปเองว่า บางทีนั่นอาจจะเป็นของบางอย่างที่ลี ชาง ซื้อให้ยูยะก็เป็นได้

       “มะ..ไม่มี”  ยูยะรีบปฏิเสธ พยายามเอาถุงนั้นไปซ่อนข้างหลัง  แต่ท่าทางเช่นนั้น กลับยิ่งทำให้อีกฝ่ายหวาดระแวงยิ่งขึ้นไปอีก

       “ส่งมาให้ฉันดูนาโอกิ!” ชายหนุ่มพยายามกระชากถุงกระดาษออกจากมือของอีกฝ่าย  จนกระทั่งถุงกระดาษใบนั้นขาดแควก  ส่งผลให้ของที่อยู่ในนั้นร่วงลงมาบนพื้น

       กล่องสี่เหลี่ยมซึ่งผูกโบว์ห่อของขวัญอย่างสวยงาม  พร้อมกับการ์ดอวยพรวันเกิดใบเล็ก ๆ ที่ติดอยู่บนกล่อง  ทำให้มอร์เฟียซ  คาร์เตอร์ชะงัก ก่อนจะก้มลงหยิบมันมาดูใกล้ ๆ

       “นาโอกิ…นี่มัน”

       ยูยะเบือนหน้าหลบ  ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาตั้งใจจะทำเซอร์ไพรส์ ในวันพรุ่งนี้มันพังหมดแล้ว  คิดได้ดังนั้นเด็กหนุ่มก็กลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่ 

       น้ำใส ๆ ไหลรินออกมาอาบแก้ม  และเสียงสะอื้นเบา ๆ นั่น ทำให้มอร์เฟียซ คาเตอร์  อยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด ในความงี่เง่าของตัวเอง 

       “นาโอกิ…ฉันขอโทษ…ฉันไม่คิดว่าเธอจะ..ไปซื้อของขวัญวันเกิดให้ฉัน..”

       “…ฮึก….”  ไม่มีคำพูดใด นอกจากเสียงสะอื้น  เด็กหนุ่มยันกายลุกขึ้น ก่อนจะเดินก้มหน้าคอตกกลับขึ้นหอ ด้วยสีหน้าที่ทำให้คนที่เตรียมจะรั้งตัวไว้ ถึงกับหยุดชะงัก

       มอร์เฟียซ  คาเตอร์ ซึ่งได้แต่ยืนตะลึง พูดอะไรไม่ออก ทำอะไรไม่ถูก เพราะไม่คิดว่าเหตุการณ์จะกลับตาลปัดได้ขนาดนี้  เขายืนนิ่ง ๆ อยู่อย่างนั้นพักใหญ่ ก่อนที่จะตัดสินใจวิ่งตามร่างเล็ก ๆ นั่นไปในที่สุด

     “กลับมาแล้วหรือยูยะ … เกิดอะไรขึ้นน่ะ!”

       จิมมี่ซึ่งตั้งท่าทักทาย ถึงกับชะงัก เมื่อเห็นสภาพของอีกฝ่าย   แม้เสื้อผ้าที่หลุดรุ่ยจะถูกเจ้าของจัดแจงให้เข้าที่เข้าทางแล้ว แต่สภาพยับ ๆ กับเศษหญ้าที่ติดอยู่ตามเส้นผม และเนื้อตัว นั้น ก็ทำให้เด็กหนุ่มผมแดงขมวดคิ้วด้วยความสงสัย

       “มะ…ไม่มีอะไรหรอก…ฉันหกล้มน่ะ…ขอตัวก่อนนะ”

       จิมมี่เตรียมอ้าปากถามต่อ แต่มิเชลที่นั่งอยู่แถวนั้นเดินมากดบ่า พลางส่ายหน้าไม่ให้เขาถามอีก  และขณะที่ยูยะกำลังเดินกลับขึ้นห้อง เสียงตึงตัง พร้อมกับเสียงตะโกนเรียกชื่อของเขาก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับหยุดชะงัก

       “นาโอกิ!!”

       ร่างของชายหนุ่มที่วิ่งกระหืดกระหอบตามมา มือข้างหนึ่งถือห่อของขวัญของเขาติดมาด้วย

       “…มอร์เฟียซ”  ยูยะอุทานแผ่วเบา ก่อนจะพยายามวิ่งหนีกลับขึ้นห้อง แต่ก็ไม่เท่ากับความเร็วของอีกฝ่ายที่วิ่งไปทันรวบตัวของเขาไว้ได้

       “ปะ…ปล่อยผมนะ  …ปล่อยสิ!”   ยูยะดิ้นเต็มที่ เมื่อร่างสูงจัดการรวบเอวของเขาเอาไว้   ก่อนจะจับร่างยกขึ้นพาดบ่า   พลางเดินจ้ำพรวด ๆ ออกไปข้างนอก

       “อะ…อาจารย์”  จิมมี่พยายามเอ่ยปากทักท้วง  หากแต่เมื่อสายตาอีกฝ่ายตวัดกลับมามองก็ทำให้เขาถึงกับเงียบกริบ

       “ฉันมีเรื่องสำคัญบางอย่าง ที่ต้องปรับความเข้าใจกับเพื่อนของพวกเธอหน่อยในคืนนี้  ไว้พรุ่งนี้เช้าฉันถึงจะเอาตัวมาส่งคืนทีหลัง”

       อาจารย์หนุ่มกล่าวเสียงเรียบ ทว่าชัดเจน  โดยไม่สนใจสายตาหลาย ๆ คู่ที่จ้องมองตามไปด้วยความสงสัย ปนตกตะลึง และงุนงง เหล่านั้นแม้แต่น้อย

       “เกิดอะไรขึ้น…น่ะ  เมื่อครู่”   จิมมี่หันมาถามทุกคนในห้อง  โดยบางคนก็มีสีหน้างุนงง เหมือนเขา ในขณะที่บางคนก็มีสีหน้ากระอักกระอ่วน ไม่กล้าตอบอะไร  แต่สักพักเสียงของเด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสก็โพล่งขึ้นดังลั่นอย่างรำคาญใจ

       “เรื่องส่วนตัวของเขาสองคนน่า! พวกนายก็อย่าไปสนใจอะไรมากนักเลย  มันไม่ได้เกี่ยวอะไรกับพวกนายไม่ใช่งั้นหรือไง!!”

       ก็นั่นล่ะทำให้แต่ละคน พยายามลืมเรื่องที่เกิดขึ้นในครั้งนี้  แม้จะคิดว่ามันออกจะแปลก ๆ อยู่บ้าง แต่ก็ถูกอย่างที่มิเชลพูด เรื่องส่วนตัวของคนอื่น ก็อย่าไปยุ่งมันเลยดีกว่า …

       คิดได้ดังนั้น  เหล่าเด็ก ๆ (ที่ไม่อยากจะคิดมาก)  ก็ต่างหันไปสนใจกับกิจกรรมก่อนหน้านั้นของแต่ละคน ที่ทำค้างไว้  โดยราวกับว่าไม่มีเรื่องเมื่อครู่นี้เกิดขึ้นมาก่อนแม้แต่น้อย



       “ปล่อยนะ!! มอร์เฟียซ!! ปล่อยผมสิ!” ยูยะทั้งโวย ทั้งดิ้น หากแต่ร่างสูงที่แบกเขาไปนั้นกลับตะคอกขึ้นด้วยเสียงเข้มทันที

       “เอาสินาโอกิ!!  อยากโวยให้ทุกคนในหอ Z นี่รู้กันทั้งหมดก็ตามสบาย! ดีเหมือนกัน ทุกคนจะได้รู้กันเสียทีว่าเธอกับฉันเป็นอะไรกัน! ฉันจะได้ไม่ต้องคอยกังวลว่าจะมีใครเข้ามายุ่มย่ามกับเธอตอนฉันไม่อยู่!”

       ก็เท่านั้น  นาโอกิ ยูยะ  เงียบกริบทันที  อีกทั้งยังหยุดดิ้นโดยอัตโนมัติ   ชายหนุ่มหัวเราะในลำคอเบา ๆ อย่างพอใจ ก่อนจะพาร่างเล็กบนบ่าเดินตรงไปยังบ้านพักส่วนตัวของเขาอย่างรวดเร็ว

       มอร์เฟียซ  คาเตอร์ จัดการไขประตู   ทั้ง ๆ ที่ยังไม่ยอมวางร่างบนบ่าลง  เขาผลักประตูเข้าไปเบา ๆ ก่อนจะจัดการดันประตูปิด พร้อมกับล็อกประตูทันที

       จากนั้นชายหนุ่มก็จัดแจง เดินเลี้ยวเข้ามาในห้องนอนของเขา  โยนเจ้ากล่องของขวัญที่หนีบติดมาด้วยลงบนเตียงใหญ่ของตน  ก่อนจะวางร่างเล็ก ๆ ตามลงไปติด ๆ

       ยูยะเบือนหน้าหนีอีกฝ่าย ที่คร่อมตัวขึ้นมาบนร่างของเขา  เด็กหนุ่มยังคงไม่หายโกรธเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสักครู่  ซ้ำร้าย มอร์เฟียซ ยังทำเหมือนกับประกาศความสัมพันธ์ระหว่างพวกเขาต่อหน้าเพื่อน ๆ ร่วมชั้นของเขาอีกด้วย

       “ยังไม่หายโกรธอีกเหรอ นาโอกิ”   ใบหน้าคมเข้มชะโงกมาใกล้ ๆ จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจร้อน ๆ ที่เป่ารดลงมาบนใบหน้า

       “เฮ่อ….”  ชายหนุ่มถอนหายใจเบา ๆ  เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายไม่ยอมสบตาตนแม้แต่น้อย   จากนั้นเจ้าตัวจึงยันกายขึ้นจากเตียงลุกขึ้นเดินออกไปจากห้องนอน   ทิ้งให้ยูยะที่อยู่บนเตียงมองตามไปด้วยสายตางุนงงเพียงลำพัง



       ดึกมากแล้ว  ยูยะยังคงไม่หลับ  มองไปที่ประตูห้องนอน ก็ไม่เห็นว่า มอร์เฟียซจะกลับเข้ามา  เด็กหนุ่มลุกขึ้นนั่งขมวดคิ้วยุ่ง ก่อนจะตัดสินใจเดินออกจากห้องไปดูว่าชายหนุ่มหายไปไหนกันแน่

       …ภาพที่ยูยะเห็นยามนี้ ก็คือมอร์เฟียซ  คาเตอร์ กำลังนั่งรินเหล้าดื่มอยู่ที่โซฟาห้องรับแขก ด้วยสีหน้าเศร้า ๆ  ยูยะขมวดคิ้วอย่างไม่ค่อยชอบใจนัก เพราะจำนวนขวดเหล้าบนโต๊ะมันมีอยู่ถึง 3 ขวดด้วยกันแล้วตอนนี้

       “นี่พอแล้วน่า! เดี๋ยวคุณก็เมาตายหรอก!”  เด็กหนุ่มตรงเข้าไปกระชากแก้วเหล้าจากอีกฝ่ายมาถือไว้  ชายหนุ่มลุกขึ้นเดินเซ ๆ นิด ๆ เพื่อดึงแก้วเหล้ากลับมา พร้อมกับกระดกลงคอไปทีเดียวหมดแก้ว

       “อย่ามายุ่งกับฉันน่า นาโอกิ! เธอเข้าไปนอนซะเถอะ แล้วอย่าลืมล็อกห้องด้วยล่ะ! ฉันไม่รับประกันหรอกนะ ว่าเมา ๆ แบบนี้ แล้วฉันจะควบคุมตัวเองอยู่น่ะ!”  มอร์เฟียส ออกปากไล่ โดยไม่ยอมมองหน้า

       แต่ ยูยะก็ชักจะฉุนขาดเอาเหมือนกัน   แทนที่อีกฝ่าย จะเอาเวลามาง้อให้เขาหายโกรธ กลับมานั่งกินเหล้าเป็นบ้า เป็นหลังแบบนี้

       “ของบ้า ๆ พรรค์นี้มันอร่อยนักใช่ไหม  ดีแล้ว! ผมก็จะกินเหมือนกัน!”

       ว่าแล้วเจ้าตัวก็คว้าขวดที่ยังมีเหล้าเหลืออยู่มากระดกลงคอพรวด ๆ โดยไม่ยั้ง  ท่ามกลางความตกตะลึงของมอร์เฟียซที่ยืนอ้าปากค้างอย่างคาดไม่ถึงว่าเด็กหนุ่มจะกล้าทำเช่นนั้น

       และเมื่อน้ำสีอำพันไหลรินผ่านลำคอไปจนหมดสิ้น  เด็กหนุ่มก็ยืนโซเซสักพัก  ก่อนจะทรุดฮวบลงกองลงกับพื้นทันที  รู้สึกว่าในหัวยามนี้มันหมุนติ้วไปหมด

       “บ้าจริง ๆ นาโอกิ! เหล้านี่มันแรงมากนะ  ขนาดคนที่ดื่มเหล้าบ่อย ๆ ยังแทบจะไม่ไหว  แล้วเด็กที่ไม่เคยดื่มอย่างเธอมันจะไปเหลืออะไรเล่า…เฮ้! นี่ เธอฟังที่ฉันพูดรู้เรื่อง หรือเปล่าน่ะ”

      มอร์เฟียซรีบประคองร่างของอีกฝ่ายขึ้นมาเขย่า  ด้วยอาการที่แทบจะสร่างเมาทันที

       “เอิ๊ก…ว่า..อารายนะ…ทำมาย…ห้องมันหมุนแบบนี้..ล่ะ”

       ยูยะเริ่มมึน และเบลอจนไม่รับรู้อะไรรอบข้างทั้งสิ้น  แม้กระทั่งยามที่ร่างของตนถูกอุ้มขึ้นด้วยอ้อมแขนแข็งแรง  กลับเข้าไปยังห้องนอนเดิมอีกครั้งก็ตาม

       “มอร์เฟียซ…”  เสียงครางเรียกชื่อเบา ๆ ของคนที่นอนสลบไสล ไม่ได้สติอยู่บนที่นอน ทำให้มือที่กำลังชุบผ้าขนหนูในขันใส่น้ำเย็นชะงัก  ก่อนจะลูบไล้เส้นผมสีดำอ่อนนุ่มอย่างแผ่วเบา

       “รู้สึกตัวแล้วงั้นหรือ..นาโอกิ  เป็นยังไงบ้าง”  มอร์เฟียซก้มลงถามคนที่กำลังลืมตาปรือ ๆ มองเขา  ก่อนที่สายตาคู่นั้นจะเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าวอย่างน่ากลัว

       “คนเฮงซวย!”

       ชายหนุ่มสะดุ้งโหยง ก่อนจะกระพริบตามองร่างเล็ก ๆ นั้นอย่างไม่อยากจะเชื่อหูตัวเอง

       “ตลอดเวลาที่เราคบกันมา คุณไม่เคยเชื่อใจผมเลยสักครั้งใช่ไหม  หา!  บอกผมมาสิ!!”

       ยูยะลุกขึ้นนั่ง กระชากคอเสื้อของอีกฝ่ายเขย่าไปมาแรง ๆ ด้วยท่าทางเอาจริงเอาจังผิดปกติ

       “เอ่อ  นาโอกิ…ดูท่าทาง เธอจะยังไม่หายเมาเลยนะ”

       ชายหนุ่มกล่าวเสียงอ่อย ๆ ไม่คิดว่าคนตรงหน้าจะเป็นพวกเมาแล้วชอบอาละวาดแบบนี้  เห็นทีคราวหลัง ต้องห้ามไม่ให้แตะเหล้าอีกแล้ว

       “ผมม่ายมาว!!”  ยูยะตวาดเถียงลั่นแม้จะยังคงออกอาการอ้อแอ้ให้เห็น

       “คุณมันบ้า!  ขี้หึงไม่เข้าเรื่อง!  ไม่เคยฟังเหตุผลอะไรคนอื่นเลย …ทั้ง ๆ ที่ผม…ทั้ง ๆ ที่ผม…รักแต่คุณคนเดียวเท่านั้น…..”

        แล้วเจ้าตัวก็ฟุบหน้าลงไปกับอกกว้างของอีกฝ่าย  หลับสนิทไปอีกครั้ง  ทิ้งให้คนที่เหลือนั่งหน้าแดงระเรื่ออย่างไม่อาจห้ามได้

       …เอ หรือจะให้ดื่มอีกบ่อย ๆ ท่าจะดีแฮะ …

       เจ้าตัวคิดในใจ ก่อนจะหัวเราะออกมาอย่างอารมณ์ดี  เพราะนาน ๆ ครั้ง ที่เด็กหนุ่มจะเป็นฝ่ายบอกรักให้เขาชื่นใจอย่างนี้สักที    ทั้ง ๆ ที่ตัวเขาก็พูดให้ฟังกรอกหูอยู่แทบทุกวันด้วยซ้ำไป

       พอก้มมองใบหน้าหวาน ๆ ที่หลับตาพริ้มอยู่บนเตียง เจ้าใจที่สงบนิ่งมันก็ชักจะเต้นแรงขึ้นมาอย่างหยุดไม่อยู่  แต่ขืนไปทำอะไรเจ้าตัวตอนเมา ๆ แบบนี้ล่ะก็ มีหวังสร่างเมาขึ้นมาต้องโกรธอีกแน่ ๆ แล้วเขาก็ไม่อยากให้มีเรื่องผิดใจกัน ในวันเกิดของเขาพรุ่งนี้หรอกนะ…

        “Good night นาโอกิ…”

       มอร์เฟียซก้มลงจุมพิตที่หน้าผากเกลี้ยงเกลาเบา  ๆ  หลังจากที่จัดการเช็ดตัวอีกฝ่ายให้สะอาดทุกซอกทุกมุมเรียบร้อยแล้ว  เขาหยิบผ้าห่มมาคลุมกายให้กับร่างเล็ก ก่อนจะมองด้วยสายตาอ่อนโยนอีกครั้ง  จากนั้นจึงปิดไฟ และปิดประตูห้องนอน  โดยที่ตัวเขาเองยึดเอาโซฟาข้างนอกเป็นที่ข่มตาหลับสำหรับค่ำคืนอันแสนสั้นที่เหลือนี้

..
...

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School....Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #49 เมื่อ27-06-2011 20:33:28 »




       เช้าวันอาทิตย์….

       …อุ๊บ..ปวดหัวจัง…เราเป็นอะไรไปเนี่ย …

       ร่างเล็กกุมขมับของตนแรง ๆ ก่อนจะพยายามปรือตาขึ้นมองสภาพรอบกาย

       …ห้อง…ของมอร์เฟียซนี่นา …ทำไมมาอยู่ที่นี่ได้…เมื่อคืน…อาใช่แล้ว เราถูกพาตัวมา…แล้วก็ดันโมโหจัด จนดื่มเหล้าเข้าไป…อูย …นี่น่ะเหรอ อาการเมาค้างที่ว่า…ทรมานชะมัดเลยแฮะ….

       ยูยะพลิกกายตะแคงมองไปข้างกายของเขา  ทว่า กลับไม่พบร่างสูงที่น่าจะนอนอยู่ข้าง ๆ   เลยแม้แต่น้อย

        “……มอร์เฟียซ..หายไปไหน”

       เด็กหนุ่มพึมพำ ก่อนจะยันกายลุกขึ้นช้า ๆ  ในหัวตอนนี้ยังคงรู้สึกเหมือนมีใครเอาอะไรมาทุบอยู่ตลอดเวลา  จนเจ้าตัวสาบานไว้เลยว่า ถ้าไม่จำเป็นจริง ๆ ก็จะไม่แตะเหล้าอีกเด็ดขาด 

       ต่อจากนั้นจึงเริ่มสำรวจตัวเอง แล้วก็พบว่า เสื้อผ้าติดกายของตน มีแค่เพียงเสื้อนอนตัวใหญ่ของคนรัก เพียงตัวเดียวเท่านั้น

       ยูยะหน้าแดงนิด ๆ แต่เด็กหนุ่มก็รู้ตัวดีว่า อีกฝ่ายยังไม่ได้ทำอะไรเขาเมื่อคืน…

       “มอร์….เฟียซ”  เสียงเรียกแผ่วลงจนเกือบเป็นกระซิบ เมื่อร่างเล็ก ๆ เดินออกจากห้อง และมาหยุดยืนอยู่ที่ตรงหน้าห้องรับแขก

       ยูยะยิ้มน้อย ๆ  ก่อนจะเดินย่องเข้าไปค่อย ๆ พร้อมกับทรุดตัวลงคุกเข่าตรงหน้าโซฟา ที่มีร่างสูงนอนหลับสนิทอยู่บนนั้น

       “บ้าจัง…ที่นอนก็ออกกว้าง  มานอนขดตัวทนหนาวบนโซฟาเล็ก ๆ นี่อยู่ได้…” เด็กหนุ่มบ่นพึมพำเบา ๆ ก่อนจะชะโงกหน้าไปจุมพิตที่หน้าผากของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน

       “อรุณสวัสดิ์ …มอร์เฟียซ  แล้วก็ สุขสันต์วันเกิดด้วยนะ..”

       ยูยะกระซิบที่ข้างหูของชายหนุ่ม   ก่อนจะนั่งเท้าคางมองใบหน้ายามหลับไหลของอีกฝ่ายอย่างเหม่อลอย  เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่เด็กหนุ่มจะมีโอกาสได้เห็นใบหน้าเช่นนี้ของชายคนรัก   เนื่องจากตลอดเวลาที่อยู่ด้วยกันสองต่อสอง  เขามักจะถูกชายหนุ่มทำให้เคลิบเคลิ้ม และเป็นฝ่ายหลับไปก่อนเสียแทบทุกครั้งไป

       “อืม…..นาโอกิ…”   

       ยูยะสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เมื่อเสียงเรียกชื่อเขาดังขึ้นจากปากของอีกฝ่าย

       “อ๊ะ…อ้าว…ละเมอหรอกหรือนี่”

       เด็กหนุ่มหัวเราะเบา ๆ  ก่อนที่สายตาจะเผลอไล่มองไปที่ขนคิ้วงอนหนาเป็นแพ   จมูกโด่งคมสัน และริมฝีปากหนาได้รูป 

       ...ทำยังไงดีล่ะ …อยากจูบเขาจังเลย …

       ยูยะคิดในใจอย่างเขินอาย  ก่อนจะสูดลมหายใจลึก ๆ เข้าปอด  จากนั้นจึงค่อย ๆ โน้มใบหน้าของตนเข้าใกล้อีกฝ่ายมากขึ้นทุกที จนริมฝีปากบางนั้นสัมผัสกับริมฝีปากหนาได้รูปแผ่วเบา….ทว่า

       “…อุ๊บ!”   อยู่ดี ๆ เด็กหนุ่มก็ต้องตกใจ เมื่อคนที่คิดว่าน่าจะหลับสนิทอยู่บนโซฟา กลับใช้มือใหญ่กดศีรษะเขาให้โน้มลงไป ก่อนจะเป็นฝ่ายรุกรานริมฝีปากบางนั้นเสียเอง

       “…อืม…อา…”

       ร่างเล็ก ๆ ถูกรั้งให้อยู่บนกายของชายหนุ่ม ก่อนที่มือใหญ่จะล้วงผ่านเสื้อนอนตัวโคร่ง   เข้าไปลูบไล้แผ่นหลังขาวนวลนั้นจนทั่ว  โดยที่ทั้งคู่ยังคงแลกจุมพิตกันอย่างดูดดื่มไม่ยอมเลิกรา

       “อา…มอร์เฟียซ”

       ยูยะครางเบา ๆ เมื่ออีกฝ่ายจัดการถอนริมฝีปากออกในที่สุด

       มอร์เฟียซลืมตาขึ้นมองดวงหน้าหวาน ๆ บนร่างของเขาด้วยแววตาอ่อนโยน  ก่อนจะชะโงกหน้าขึ้นไปหมายจะจูบซ้ำอีกหน ทว่า ร่างเล็กบนกายรีบดันตัวลุกขึ้นนั่งทันที

       “คนบ้า! ตื่นแล้วก็ไม่บอก!”  ยูยะตวาดใส่แก้เขิน ในขณะที่คนซึ่งนอนอยู่บนโซฟาหัวเราะในลำคอเบา ๆ

       “อ้าว..ถ้าบอกว่าตื่นแล้ว เธอจะกล้าลักหลับฉันแบบเมื่อครู่หรือยังไง…นาโอกิ”

       ชายหนุ่มกล่าวตอบอย่างอารมณ์ดี ส่วนยูยะนั้นตอนนี้ใบหน้าแดงก่ำ หมดแล้ว

       “คนบ้า!” เด็กหนุ่มตวาดใส่อีกครั้ง ก่อนจะลุกเดินหนี  ทว่า มือใหญ่ก็รีบคว้าข้อมือเล็ก ๆ นั้นไว้ก่อน

       “เดี๋ยวสิ นาโอกิ…อย่าพึ่งไป”  ชายหนุ่มยันกายขึ้นนั่ง พร้อมกับรั้งร่างเล็กมานั่งลงบนตักของเขาอีกทีหนึ่ง

       “หายโกรธฉันเรื่องเมื่อวานแล้วหรือยัง”   น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบ   อ้อน ๆ  ข้างหู   ยูยะถอนหายใจเบา ๆ ก่อนจะเอียงกายหันหน้าเข้าหาอีกฝ่าย  แขนเล็ก ๆ ทั้งสองข้างโอบรอบคอของชายหนุ่มไว้อย่างหลวม ๆ

       “….ตอนแรกว่าจะโกรธต่อหรอก…แต่เห็นว่าวันนี้เป็นวันพิเศษ  ยกโทษให้ก็ได้”

       ยูยะกระซิบเบา ๆ และโน้มใบหน้าลงไปจุมพิตอีกฝ่ายอย่างดูดดื่ม จนมอร์เฟียซเองยังแปลกใจ แต่ก็ยังคงร่วมมือตอบรับสัมผัสนั้นเป็นอย่างดี

       “สุขสันต์วันเกิดครับ …มอร์เฟียซ”

       “อา… เป็นของขวัญวันเกิดที่วิเศษที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้รับมาเชียวล่ะ นาโอกิ”

       แล้วเจ้าตัวก็ชะโงกหน้าไปกระซิบอะไรบางอย่างกับเด็กหนุ่ม ซึ่งยูยะก็หน้าแดงวาบทันที  หากแต่ก็ยังคงพยักหน้ารับเบา ๆ ด้วยความเขินอาย

       “…ตรงนี้..หรือที่ห้องนอนดีล่ะ… นาโอกิ”   น้ำเสียงทุ้มกระซิบแหบพร่า ขณะที่ฝ่ามือใหญ่ล้วงเข้าไปลูบไล้แผ่นหลังขาวเนียนไปมา

       “…เอ่อ…คือ….”  แล้วเด็กหนุ่มก็ชะโงกหน้าเข้าไปกระซิบที่ข้างหูของอีกฝ่าย ใบหน้าหวาน ๆ นั้นแดงก่ำ   ซึ่งชายหนุ่มเมื่อฟังแล้วก็หัวเราะในลำคอเบา ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นอุ้มร่างเล็กตรงไปยังห้องนอนของตนทันที…

       มอร์เฟียซจัดการวางร่างบางลงบนเตียงนอน ก่อนที่ตัวเขาเองจะทาบทับร่างหนาของตนตามลงไปติด ๆ

       “อืม…อ๊ะ…ดะ…เดี๋ยวก่อน มอร์เฟียซ..” ยูยะรีบดันอกกว้าง ยั้งไว้ก่อน

       “มีอะไรหรือ …นาโอกิ”  ชายหนุ่มเงยหน้าจากซอกคอขาวของอีกฝ่าย  ขึ้นมามองด้วยสายตางง ๆ

       “ของขวัญผม…คุณเปิดมันดูหรือยัง” 

       ชายหนุ่มยิ้มนิด ๆ ก่อนจะกดริมฝีปากลงบนหน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นหนัก ๆ จากนั้นจึงเอื้อมมือไปหยิบกล่องของขวัญซึ่งเขาวางไว้แถว ๆ หัวเตียงเมื่อคืน ขึ้นมาแกะออก

       …สเวตเตอร์สีเขียวเข้ม ตัวใหญ่  ที่คนได้รับมองด้วยตาก็พอจะรู้ว่าเป็นของเบรนเนมด์ ชั้นดี  มอร์เฟียซอมยิ้มนิด ๆ ก่อนจะขยี้หัวร่างเล็ก ซึ่งลุกขึ้นมานั่งลุ้นขณะที่ชายหนุ่มแกะของขวัญด้วยความตื่นเต้น

       “ชางช่วยเลือกให้ล่ะสิ”   ชายหนุ่มเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงเอ็นดู  ยูยะพยักหน้ารับค่อย ๆ ก่อนจะเอ่ยด้วยท่าทางเขิน ๆ

       “คือ…ผมไม่รู้ว่าคุณชอบอะไร แบบไหน  จะเลือกเองก็ไม่กล้า เลยปรึกษาดอกเตอร์ลี เขาก็ช่วยเลือกให้น่ะครับ”

       “แล้วทำไมถึงเลือกสีเขียวมาล่ะ…” ชายหนุ่มถามต่อ  ไม่คิดหรอกว่าชางจะเป็นคนเลือกสีให้ด้วย  เพราะหมอนั่นน่าจะรู้ว่า ส่วนใหญ่แล้วเขามักจะใส่แต่เสื้อผ้าสีพื้น ๆ  เช่น ขาว  ดำ แล้วก็เทา เท่านั้น

       “…เพราะว่าผม คิดว่ามันเข้ากับสีตาของคุณ….คุณคงไม่ชอบมันใช่ไหมครับ…”  ท้ายประโยคน้ำเสียงของเด็กหนุ่มแผ่วลง  ก็ตอนที่เขาเลือกสีเขียวมา  ชางก็แย้ง ๆ มาบ้างเหมือนกัน ว่า มอร์เฟียซมักจะชอบสีพื้น ๆ  แต่เขาก็ยังอยากจะให้ชายหนุ่มใส่สีนี้นี่นา

       “เด็กโง่…”  มือใหญ่โอบร่างเล็กเข้ามากอดแนบอก  “ของที่เธอเลือกให้ฉัน มีหรือที่ฉันจะไม่ชอบ…ฉันชอบมันมากเลยนะ  ชอบมากกว่าเสื้อผ้าทุกชุดที่ฉันมีด้วยซ้ำ”

       ยูยะเงยหน้ามองชายคนรักอย่างไม่ค่อยแน่ใจ  หากแต่เขาก็พบเพียงแต่ความจริงใจ และความซื่อตรงที่ฉายอยู่ในดวงตาสีเขียวทั้งสองข้างเท่านั้น

       “มอร์เฟียซ…”   ยูยะกระชับอ้อมกอดตอบอีกฝ่ายแน่น  มอร์เฟียซ  คาเตอร์ค่อย ๆ เอื้อมมือไปวาง สเวตเตอร์ไว้ตรงหัวเตียง   ส่วนทั้งเขา ทั้งยูยะ ก็ล้มตัวเอนลงนอนบนเตียงนั้นไปด้วยกัน



      “ตื๊ด…ตื๊ด…ตื๊ด…ตื๊ด…ตื๊ด…ตื๊ด…”

       เสียงโทรศัพท์มือถือที่ดังขึ้นขัดจังหวะ ทำเอามอร์เฟียซทรุดฮวบลงบนแผ่นอกเปลือยเปล่าของอีกฝ่าย ในขณะที่ยูยะนอนหอบ  ใบหน้าแดงก่ำ

       “…ใครโทรมากันนะ!”   ชายหนุ่มคำรามขึ้นอย่างหงุดหงิด  ลุกขึ้นไปหยิบโทรศัพท์บนโต๊ะมาดูเบอร์ แล้วก็ยิ่งใบหน้าบึ้งตึงมากขึ้นกว่าเดิม

       “มีธุระอะไร!!”  น้ำเสียงตะคอกห้วน ๆ นั้น ทำเอายูยะซึ่งนอนอยู่บนเตียงสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ  ในขณะที่ปลายสายที่โทรเข้ามา กลับหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่สะทกสะท้าน

     “โอ้! แย่จริง ๆ เสียงหงุดหงิดแบบนี้ แสดงว่าฉันโทรมาขัดจังหวะอะไรบางอย่างนายใช่ไหมล่ะ  มอร์เฟียซ…  อืม….จริงสิ ยูยะอยู่แถวนั้นด้วยหรือเปล่า  ตามมาพูดสายหน่อยสิ”

       “ทำไม!  นายมีธุระอะไรกับนาโอกิกันแน่!!”  น้ำเสียงเริ่มพาลขึ้นทุกที  จนยูยะที่ฟังอยู่ถึงกับเหงื่อตก เพราะดันมีชื่อของเขาโผล่มาเกี่ยวข้องด้วย

       “มีสิ…สำคัญด้วย  แหม  ยังไง ๆ ฉันกับยูยะก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกล  มิหนำซ้ำ ระหว่างเราก็ยังมีความลับต่อกัน ที่นายไม่รู้อีกตั้งหลายเรื่องเชียวนะ”

       ถ้าหากชางกำลังพูดอยู่ต่อหน้าเขา  มอร์เฟียซ คาเตอร์คงชกหน้าเพื่อนสนิทคว่ำลงไปแล้ว  ชายหนุ่มยามนี้รู้สึกเหมือนว่าขีดความอดทนที่มีอยู่ในตัวจะเริ่มหมดลงไปทุกที

       “มอร์เฟียซครับ…”  เสียงเล็ก ๆ เอ่ยขัดขึ้นมาเบา ๆ ชายหนุ่มหันไปมองก็เห็นว่าใบหน้าหวาน ๆ นั้นซีดลงเล็กน้อยด้วยความเป็นกังวล

       “นาโอกิ…ชางจะพูดด้วย”

       ชายหนุ่มพยายามข่มอารมณ์เดือดพล่านของตัวเองเต็มที่  เขาไม่อยากที่จะเห็นน้ำตาแห่งความเสียใจของร่างเล็ก ๆ ตรงหน้าที่เกิดขึ้นเพราะตัวเขาอีกครั้ง

       “คะ…ครับ”  ยูยะรับโทรศัพท์ขึ้นพูดอย่างหวาด ๆ  ซึ่งพอชางได้ยินเสียงของเด็กหนุ่ม เจ้าตัวก็ทักขึ้นด้วยความร่าเริงทันที

       “ยูยะเหรอ! กำลังทำอะไรอยู่หรือเปล่า!”

       ยูยะสะอึก ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันที

       “ปะ…เปล่า ครับ…ไม่ได้ทำ”

       เสียงหัวเราะเบา ๆ ดังมาตามสาย ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเสียงที่ค่อนข้างจริงจังกว่าเดิม

       “เป็นไงของขวัญที่ซื้อไป  มอร์เฟียซชอบหรือเปล่า”

       “อ่ะ…ครับ…ชอบครับ”

       มอร์เฟียซชะงักนิดหนึ่ง  ก่อนจะจ้องมองที่เด็กหนุ่มเขม็ง พยายามจะตีความหมายของคำว่าชอบที่อีกฝ่ายพูดออกมาว่ามันหมายถึงอะไรกันแน่

        “อืม…ดีแล้ว  แต่ฉันว่านะ  มอร์เฟียซมันน่าจะถูกใจคนให้มากกว่าตัวของขวัญมากกว่าล่ะมั้ง”   ชางแกล้งพูดลอย ๆ ยังผลให้ยูยะใบหน้าแดงก่ำทันที

       เสียงกระแอมเบา ๆ ดังขึ้นจากคนที่อยู่ในห้องนั้นอีกคน  ยูยะเหลือบมองก่อนจะยิ้มแหย ๆ ให้ด้วยความกระอักกระอ่วน

       “อ่า…ดอกเตอร์ครับ  แล้วมีอะไรอีกหรือเปล่าครับ”

       “อ๋อ มีสิ  คือฉันอยากจะมาย้ำเรื่องเย็นนี้อีกที ยังไงก็ต้องมาให้ได้ล่ะ  ดึงมอร์เฟียซมาด้วย  ฉันกับเคธี่เตรียมงานรอกันอยู่แล้วนะ”   น้ำเสียงเป็นการเป็นงานนั้น ทำให้ยูยะคลายความตึงเครียดไปได้บ้าง ก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่ค่อนข้างเป็นปกติ

       “ได้ครับ  เดี๋ยวผมจัดการทางนี้เอง”

       “ดีล่ะ  ไว้ใกล้ ๆ  ฉันจะโทรมาเรียกอีกครั้ง  ว่าแต่คนที่อยู่ข้าง ๆ เธอเป็นยังไงบ้างล่ะ  คงหงุดหงิดน่าดูล่ะสิ”  ชางแซวมาตามสาย ซึ่งยูยะก็กระซิบกระซาบเบา ๆ เพราะเกรงว่าคนที่อยู่ด้วยจะโมโหเอา

       “ก็พอควรล่ะครับ”

       “คุยอะไรกันนักหนา! มีธุระอะไรสำคัญมากมายขนาดนั้นเชียวงั้นรึ!!”

       เสียงนั้นดังเล็ดรอด เข้าไปถึงปลายสายอีกฝ่าย ชางหัวเราะดังลั่นด้วยความถูกใจ  ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงกลั้วหัวเราะ

       “หึ ๆ ยูยะ  ส่งโทรศัพท์ ให้มอร์เฟียซสิ  ฉันมีเรื่องจะบอกเขาหน่อย”

       “ตะ…แต่”  ยูยะเริ่มลังเล เพราะกลัวจะเกิดการยั่วโมโหกันขึ้นอีก  แน่นอนว่าคนที่รับเคราะห์นอกจากเขา ก็คงไม่มีใครอื่น

       “ไม่ต้องห่วง ฉันไม่แหย่เขาแล้วล่ะ  มีเรื่องสำคัญจะบอกจริง ๆ”

       “ก็ได้ครับ ..เอ่อ มอร์เฟียซครับ  ดอกเตอร์ต้องการพูดสายกับคุณครับ”

  ยูยะยื่นโทรศัพท์ให้อีกฝ่าย ที่กระชากรับไปเหมือนกับไม่ค่อยจะเต็มใจนัก

       “มีอะไร!”  น้ำเสียงห้วนตวาดถามทันที

       “ผมรักมอร์เฟียซ..”  คำพูดที่ชางตอบกลับมาตามสาย  ทำเอามอร์เฟียซ  คาเตอร์แทบจะแข็งค้างเป็นก้อนหิน

       “นะ..นาย ว่ายังไงนะ  ..ชาง  หูฉันฝาดไปมั้ง…” น้ำเสียงนั้นถามตะกุกตะกักอย่างไม่ค่อยอยากเชื่อหูตัวเอง   จนชางเผลอหลุดหัวเราะออกมาดังลั่นอย่างลืมตัว

       “ฮ่า ๆ ๆ  ไอ้บ้า! นี่นายคิดอะไรของนายวะ มอร์เฟียซ  คาเตอร์! ไอ้ที่ฉันบอกรักออกไปน่ะ  มันไม่ใช่คำพูดของฉันสักหน่อย  ฉันจำเขามาบอกให้ฟังอีกทีต่างหาก!”

       ชายหนุ่มถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก  ก่อนจะตวาดกลับไป อย่างฉุน เฉียว

       “แล้วดันพูดออกมาทำหอกอะไรกันวะ!  ทำเอาคนตกอกตกใจหมด! … แต่ เอ๋ ..นายจำคำพูดใครเขามา…อย่าบอกนะว่าเป็นของ…”

       มอร์เฟียซ  คาเตอร์ ใบหน้าแดงระเรื่อนิด  ๆ เมื่อหันไปสบตากับยูยะ เขาก็รีบเบือนหน้าหนี ก่อนจะกลับไปซักคู่สนทนาอีกครั้ง

       “เฮ้! ลี  ชาง  ไอ้บ้า! บอกมาสิ! ตกลงมันคำพูดของใครกันแน่หา!”

       ลี ชาง หัวเราะในลำคอ  ก่อนจะกล่าวด้วยน้ำเสียงที่พยายามเก๊กให้อ่อนหวานเต็มที่

        “…ยามปกติ เขาอาจจะดูเหมือนคนชอบแกล้ง  ชอบทำให้ผมโมโห หรือไม่ก็แหย่ให้กลัวอยู่บ่อย ๆ แต่ความจริงแล้ว มอร์เฟียซ เป็นคนอ่อนโยน  น่ารัก  เป็นคนสำคัญที่สุดในชีวิตของผม …โอ๊ย!!  ยังมีอีกสารพัดคำหวาน แต่ฉันขี้เกียจจำว่ะ! จำได้แค่นี้แหละ  พูดก็พูดเถอะนะ   ฟังแล้วฉันอิจฉานายชะมัด  ที่มีคนที่ให้ความสำคัญขนาดนี้เนี่ย!”

       ทว่า  เสียงบ่นประโยคหลัง ไม่ได้เข้าหู มอร์เฟียซแล้วตอนนี้   ชายหนุ่มแทบจะหุบยิ้มลงด้วยความยากลำบาก  อาการหงุดหงิด อารมณ์เสียก่อนหน้านั้น หายไปหมดจนไม่เหลือเลยแม้แต่น้อย

       “เออ ๆ งั้นแค่นี้ก่อนนะ  ตอนนี้ฉันมีงานด่วน  งั้นแค่นี้ล่ะ!”

       แล้วเจ้าตัวก็กดวางสายฉับพลัน  มอร์เฟียซวางโทรศัพท์ลง ก่อนจะหันมายิ้มให้กับร่างเล็กที่นั่งอยู่ข้าง ๆ

       “นาโอกิ …เมื่อวานไปคุยอะไรกับชางมาอย่างนั้นหรือ”

       ยูยะเลิกคิ้วด้วยความสงสัย กับท่าทีที่เปลี่ยนไปของชายหนุ่ม หากแต่เมื่อมอร์เฟียซ  คาเตอร์ทวนถ้อยคำประโยคที่เขาได้ยินมาทางโทรศัพท์  เด็กหนุ่มก็ใบหน้าแดงก่ำขึ้นมาทันที

       “ดอกเตอร์นะดอกเตอร์…ก็บอกแล้วว่าจะไม่พูดให้ใครฟัง…เชื่อไม่ได้เลยจริง ๆ”

       ยูยะบ่นอุบ ทั้งเขิน ทั้งอาย จนแทบจะมองหน้าอีกฝ่ายไม่ติดเสียแล้วยามนี้

       “..วันหลังพูดต่อหน้าฉันตรง ๆ ก็ได้นะ  ไม่ต้องไปฝากให้คนอื่นมาบอกหรอก” 

       น้ำเสียงและแววตากรุ้มกริ่มของอีกฝ่าย ทำเอายูยะต้องฟุบหน้าหนีลงกับหมอนใบใหญ่ ไม่กล้าเงยหน้าขึ้นมามอง  คอและใบหูแดงก่ำ  จนมอร์เฟียซถึงกับหัวเราะเบา ๆ ด้วยความเอ็นดู

       “น่ารักจริง ๆ เด็กน้อยของฉัน …”

       ชายหนุ่มขยี้เส้นผมดำนุ่มดุจแพรไหมชั้นดีนั้นเล่น  ก่อนจะฝังจมูกลงไปซุกไซ้ที่ซอกคอขาวเนียนเบื้องหลังอย่างรุกเร้า

       “อ๊ะ…..อา…มอร์เฟียซ”    ยูยะครางเบา ๆ เมื่อริมฝีปากร้อนไล่จูบไปตามแผ่นหลังของเขา  ก่อนที่มือใหญ่ทั้งสองข้างจะจัดการพลิกกายของอีกฝ่าย  พร้อมกับดึงสะโพกของร่างเล็กให้ยกขึ้นเล็กน้อย จากนั้นจึงค่อย ๆ สอดแทรกนิ้วเรียวยาวทั้งสองเข้าไปสำรวจช่องทางภายในเสียก่อนอย่างช้า  ๆ

        “อ๊ะ….อะ…อา…”

       “นาโอกิ…พร้อมหรือยัง…ฉันจะเข้าไปแล้วนะ”  น้ำเสียงทุ้มนุ่มกระซิบถามข้าง ๆ หู  ยูยะหายใจหอบแรง ๆ ก่อนจะพยักหน้าค่อย ๆ

       “อะ…โอเค….มอร์เฟียซ….อ๊ะ….อา!!”

       เด็กหนุ่มผวาขึ้นกอดอีกฝ่ายแน่น  ก่อนจะจิกเล็บเข้ากับแผ่นหลังกว้างจนเลือดไหลซิบ ๆ เมื่อร่างสูงเคลื่อนสะโพกเข้าออกช้า ๆ พร้อมกับเร่งจังหวะขึ้นไปเรื่อย ๆ

       “อา…เจ็บมากไหม นาโอกิ…จะให้ฉันเอาออกไปไหม”  ร่างสูงเอ่ยถามปนเสียงหอบ  ยูยะลืมตาขึ้นมามองหน้าชายหนุ่มทั้งน้ำตา  ก่อนจะโอบแขนเล็ก ๆ ทั้งสอง คล้องที่คอของอีกฝ่าย พร้อมกับเบียดร่างกายเข้าไปจนชิดกับ    แผ่นอกกว้าง

       “…มอร์เฟียซ….ผมรักคุณ…ต้องการคุณ…”

       ชายหนุ่มยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะก้มลงจูบที่ริมฝีปากบางอย่างดูดดื่ม  พร้อมกับเร่งจังหวะที่สะโพกด้านล่างให้เร็วขึ้นอีก

       “อ๊ะ …อา …มอร์เฟียซ…อ๊า!!!”

       ร่างเล็กกรีดร้องสุดเสียง  ก่อนจะฟุบลงหายใจหอบคาอกกว้าง  โดยที่ชายหนุ่มก้มลงจูบที่ขมับของอีกฝ่ายอย่างอ่อนโยน หลังจากที่พวกเขาขึ้นสู่จุดสูงสุดยอดแห่งความหรรษาเกือบจะเป็นเวลาเดียวกัน

       “อืม…มอร์เฟียซ …เย็นนี้คุณว่างไหมครับ”

       ยูยะเอ่ยปากชวน หลังจากที่ทั้งคู่ได้พักผ่อนกันมาสักพักใหญ่แล้ว

       “ก็ว่างอยู่หรอกนะ…ว่าแต่ทำไมหรือนาโอกิ”

       ชายหนุ่มพูดพลางโอบกอดร่างบางเข้ามาแนบกับอกกว้างอย่างทะนุถนอมและหวงแหน

        “ดอกเตอร์ กับมิสเคธี่ จะจัดปาร์ตี้วันเกิดให้คุณครับ  จัดกันที่บ้านพักของมิสเคธี่  ดอกเตอร์สั่งให้ผมพาคุณไปด้วยให้ได้”

       เด็กหนุ่มตอบยิ้ม ๆ ซึ่งมอร์เฟียซก็หัวเราะเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบที่หน้าผากเกลี้ยงเกลานั้นอย่างเอ็นดู

       “ถ้าเธอไป ฉันก็ต้องไปอยู่แล้ว…ว่าแต่เธอเถอะ ไปไหวงั้นหรือ”

        ยูยะหน้าแดงระเรื่อ  ก่อนจะตอบเสียงอุบอิบ

       “ยังไงงานนี้ ถึงไม่ไหวก็ต้องไหวล่ะครับ…”

       ชายหนุ่มแย้มยิ้มให้อีกฝ่าย ก่อนจะกระซิบแผ่วเบาข้างหู

       “เอาเถอะ…ถ้าเธอเดินไม่ไหวฉันจะอุ้มเธอไปเองก็ได้นะ”

       เด็กหนุ่มหน้าแดงวาบอีกครั้ง ก่อนจะรีบสั่นศีรษะปฏิเสธทันที

       “อย่าเลยครับ…แค่นี้ก็ไม่รู้ว่าจะไปแก้ตัวกับทุกคนที่หอยังไงแล้ว  …ขืนคุณอุ้มผมจากที่นี่ไปบ้านพักของมิสเคธี่  มีหวังทั้งโรงเรียนคง…”

       “ก็ไม่เห็นจะเป็นไร”   มอร์เฟียซขัดขึ้นมาเรียบ ๆ

       “ใครเขาอยากจะพูดก็ให้พูดไป  สำคัญที่เธอต่างหาก นาโอกิ … ถ้ามีข่าวลือเรื่องนี้เกิดขึ้นจริง ๆ เธอจะเลิกคบกับฉันไหมล่ะ”   ชายหนุ่มตั้งคำถาม หากแต่ยูยะรีบผวากอดอีกฝ่ายแน่นทันทีด้วยความตกใจ

       “ไม่นะครับ!  ผมไม่ยอมหรอก! …. เอ่อ… คือ  ผม….” เจ้าตัวเริ่มตะกุกตะกักตอบด้วยความเขินอาย  เพราะดันเผลอลืมตัวแสดงความรู้สึกจากส่วนลึกออกไปโดยไม่ทันคิด  หากแต่การกระทำเช่นนั้น กลับทำให้ชายหนุ่มที่ฟังอยู่ยิ้มหน้าบานด้วยความดีใจ

       “วันนี้เป็นวันที่ฉันมีความสุขมากที่สุดรู้ไหม…ฉันรักเธอ..นาโอกิ”

  ยูยะตอบรับคำบอกรักอ่อนโยนนั้นด้วยจุมพิตแสนหวานของเขา 

       “ผมก็รักคุณ…มอร์เฟียซ…”

       ไม่ว่าวันที่ 29 สิงหาคมนี้ จะเวียนผ่านมาอีกสักกี่รอบก็ตาม ….เราก็ยังจะคงอยู่เคียงข้างกันไปเช่นนี้เสมอ  และจะยังคงกระซิบคำบอกรักที่แสนหวานอย่างนี้ต่อกัน ไม่มีวันเปลี่ยนแปลง…..

       Happy birthday to you, Morpheus…I love you.




+++  End +++

ลงยาวรวดเดียวให้อ่านให้จุใจเลยค่ะ  ^ ^ ตอนหน้าก็ยังมีเรื่องราวของคู่นี้อีก ส่วนคู่อื่น ๆ จะตามมาภายหลังนะคะ โดยเฉพาะอีตาชางตัวแสบ เรื่องสั้นของอีตานี่ก็มีให้อ่านอย่างจุใจเช่นกัน (แต่รอสักพักเน้อ)

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: The Eden School....Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
« ตอบ #49 เมื่อ: 27-06-2011 20:33:28 »





LadyOneStar

  • บุคคลทั่วไป
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #50 เมื่อ27-06-2011 21:28:26 »

เย้ๆๆ
รอคอนทินิวค่ะ
อยากรุจัง ใครจะทำให้ชางหัวปั่น
หรือ...ชางจะไปปั่นหัวใคร??? ^____^

ออฟไลน์ golove2

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4478
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +277/-6
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #51 เมื่อ27-06-2011 22:05:42 »

รอค่ะ

 :impress3: :impress3:

ออฟไลน์ jaymaza

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 265
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +26/-1
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #52 เมื่อ27-06-2011 22:26:53 »

สนุกมากค่ะ

อยากให้เป็นเรื่องยาวๆเลย ยิ่งดี

รออ่านค่ะ ,,,:]


ออฟไลน์ yeyong

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5857
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +917/-26
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #53 เมื่อ27-06-2011 22:34:03 »

หวานนนนนน
อ่านแล้วอิจฉา

ออฟไลน์ SuSaya

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +220/-9
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #54 เมื่อ27-06-2011 22:40:08 »

น่าอิจฉามอร์เฟียสจริง ๆ ได้ทั้งของขวัญได้ทั้งคนให้ แต่อย่าหึงรุนแรงบ่อยนักล่ะอดสงสารยูยะไม่ได้อ่ะ เดี๋ยวช้ำหมด
ตอนหน้าจะเป็นคู่ไหน...รอนะคะ

ออฟไลน์ Gokusan

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 797
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +269/-1
Re: The Eden School.... Special #1 : Happy Birthday, Morpheus. (27 มิ.ย. 54)
«ตอบ #55 เมื่อ27-06-2011 22:55:08 »

อาจารย์หึงโหด แต่น่ารักอ่ะ
เป็นวันเกิดที่น่าจดจำไปตลอด ^^
ยูยะยังคงน่ารัก...แถมแสดงออกมากกว่าเดิมด้วย

ตอนต่อของชางนี่น่าสนใจเชียวค่ะ ^^

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Special #2 : Festival (28 มิ.ย. 54)
«ตอบ #56 เมื่อ28-06-2011 21:42:45 »



Special #2 : Festival



  ร่างเล็ก ๆ ซึ่งกำลังวิ่งหน้าตาตื่นไปยังห้องเรียนอย่างรีบด่วน เพราะตื่นสาย ต้องอุทานด้วยความตกใจ เมื่ออยู่ดี ๆ ก็มีมือใหญ่จากข้างหลังเอื้อมมาปิดปากบางอย่างรวดเร็ว ก่อนจะดึงร่างของเขาเข้าไปยังมุมตึกลับตาผู้คน

       “ดะ…เดี๋ยวก่อน..มอร์เฟียซ  อย่าเพิ่ง”  ยูยะรีบร้องห้าม เมื่อคนที่ออกแรงฉุดเขาเข้ามา เริ่มก้มใบหน้าลงซุกไซ้ที่ซอกคอขาวนั้นอย่างโหยหา

       “ไม่เดี๋ยวแล้วนาโอกิ… สามวันมานี่ฉันงานยุ่งจนไม่มีเวลาอยู่กับเธอสองต่อสองเลยนะ  รู้ไหมว่าฉันอยากกอดเธอมากขนาดไหน…”

       ยูยะพยายามต้านทานอีกฝ่ายสุดกำลัง  ความจริงเขาเองก็ไม่ได้รังเกียจอ้อมกอดอะไรของชายหนุ่มนักหรอก  ตรงกันข้ามกับชอบมากด้วยซ้ำไป แต่ต้องไม่ใช่ในเวลาเร่งด่วนเช่นนี้

       “อื้ม..ตอนนี้ไม่ได้…ผมต้องไปเรียนวิชาของอาจารย์ฟาเรียสนะ!”

       มอร์เฟียซชะงักเล็กน้อย  ก่อนจะฝังรอยจูบไว้ที่ซอกคอขาวแรง ๆ ครั้งหนึ่ง  จากนั้นจึงแย้มยิ้มขึ้นอย่างเจ้าเล่ห์   

       “งั้นหรือ? โอเค  ถ้าอย่างนั้นก็มาด้วยกันสิ  ฉันจะไปส่งเธอเอง”

       ยูยะมองร่างสูงตรงหน้าด้วยความแปลกใจ  เพราะไม่คิดว่าอีกฝ่ายจะว่าง่ายผิดคาดแบบนี้

        ยูยะเดินตามชายหนุ่มไปต้อย ๆ ก่อนจะเหลือบชำเลืองมองคนตรงหน้าเป็นระยะ ๆ ด้วยความหวาดระแวง   แต่หลังจากนั้น  เขาก็ถอนหายใจได้อย่าง โล่งอก เมื่อมอร์เฟียซพาเขามาส่งถึงหน้าห้องเรียนจนได้

       “ขอโทษทีครับอาจารย์ฟาเรียส”   ชายหนุ่มเอ่ยทักขัดจังหวะชายวัยกลางคนที่กำลังสอนอยู่หน้าห้อง ซึ่งอีกฝ่ายพอหันมาเห็นเขาเข้าก็ส่งยิ้มให้  ก่อนจะเดินเข้ามาหาตรงหน้าประตู

       “มีอะไรงั้นหรือ  มอร์เฟียซ   อ้าว  นาโอกินี่ มาด้วยกันงั้นหรือ?”  ท้ายประโยคหันมาถามด้วยความสงสัย  ยูยะยิ้มแห้ง ๆ ให้  ก่อนจะโค้งตัวเดินผ่านฟาเรียสเข้าห้องเรียน ทว่า มือใหญ่แข็งแรงข้างหนึ่งก็รั้งแขนของเขาเอาไว้ไม่ให้ไปเสียก่อน

       “คือผมมาขอยืมตัวนาโอกิ ให้ไปช่วยงานอะไรบางอย่างผม ในชั่วโมงของคุณสักหน่อย ไม่ทราบว่าจะขัดข้องไหมครับ”

       ยูยะสะดุ้งเฮือก  ก่อนจะหันขวับมายังชายหนุ่มข้าง ๆ ทันที

       “อ๋อ! ไม่มีปัญหาหรอก  เชิญคุณตามสบายเลย   จะว่าไปแล้วเพราะคุณนั่นล่ะ   ทำให้เด็กคนนี้ทำคะแนนวิชาคณิตศาสตร์ดีขึ้นผิดหูผิดตาเชียว  เอ้า! นาโอกิ  ยังไงก็ช่วยงานอาจารย์คาเตอร์เขาให้สุดความสามารถเลยล่ะ!”

       ฟาเรียสหันมาตบบ่าของเด็กหนุ่มพลางหัวเราะ  โดยไม่ได้ทันสังเกตใบหน้าซีดเผือดของร่างเล็กนั้นเลยแม้แต่น้อย

       “เอาล่ะ! ไปกันเถอะนาโอกิ  เดี๋ยว‘งาน’ ของเราจะเสร็จไม่ทันเวลานะ”

       มอร์เฟียซ  คาเตอร์  กล่าวขึ้นพร้อมเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์ที่มุมปากนิด ๆ ซึ่งยูยะเห็นแล้วก็อยากจะวิ่งหนีเข้าห้องเรียนไปเสียตอนนี้จริง ๆ

       “ไปล่ะครับอาจารย์ฟาเรียส  ไม่รบกวนคุณแล้วล่ะ”   มอร์เฟียซกล่าวลาชายวัยกลางคนอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะฉุดแขนของเด็กหนุ่มที่ทำหน้าเหมือนกับจะร้องไห้ ให้ตามเขาไปติด ๆ

 

      ยูยะมีท่าทีลังเลไม่กล้าเข้าไปในห้องพักของอีกฝ่าย  ซึ่งอาจารย์หนุ่มก็หยุดมอง พลางเลิกคิ้วถามด้วยสีหน้าไม่ค่อยพอใจนัก

             “ทำไมล่ะ ไม่อยากอยู่กับฉันสองต่อสองอย่างนั้นหรือ”

       “ปะ … เปล่าครับ”

       “งั้นทำไมถึงทำท่าไม่อยากเข้ามาขนาดนี้ หือ?”

       “เอ่อ….”   ยูยะอ้ำอึ้งไม่กล้าตอบ ก่อนที่ใบหน้าหวาน ๆ จะแดงระเรื่อขึ้นอย่างหยุดไม่อยู่

       มอร์เฟียซจ้องพิจารณาอาการเช่นนั้นของเด็กหนุ่มสักครู่  ก่อนจะแย้มยิ้มออกมาได้ในที่สุด

       “อืม..เข้าใจล่ะ เอาเป็นว่าวันนี้ฉันจะไม่ทำอะไรรุนแรงกันเธอก็แล้วกัน”

       ยูยะใบหน้าแดงก่ำ  ก่อนจะก้มหน้าลงพูดอุบอิบเบา ๆ

       “ตะ…แต่ …คราวก่อนหน้านั้นก็พูดแบบนี้  แล้วก็…”

       เสียงหายเงียบไปในลำคอ  หากแต่คนฟังรีบพูดกำชับให้อีกฝ่ายเชื่อมั่นทันที

       “เอาน่า! คราวนี้ฉันสัญญา  ถึงอยากจะกอดเธอใจจะขาดขนาดไหน แต่ก็จะไม่ทำรุนแรงเด็ดขาด”

       “แน่นะครับ”  ยูยะเงยหน้ามองอย่างไม่ค่อยอยากจะเชื่อคำพูดนั้นนัก จนชายหนุ่มที่ยืนจ้องมองมาชักจะเริ่มหมั่นไส้นิด ๆ

       “เฮ่อ!…แน่สิ…เลิกพูด เลิกถามได้แล้วน่า”  เจ้าตัวตัดบท  ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามาในห้อง จัดการล็อกประตู และกึ่งจูง กึ่งลาก เด็กหนุ่มไปยังโซฟามุมห้องทันที
 

     “อะ..อา  มอร์เฟียซ”

       ยูยะครางชื่อของอีกฝ่ายเบา ๆ เมื่อกระดุมเสื้อเชิ้ตถูกปลด และเรียวลิ้นอุ่นชื้นลากไปทั่วหน้าอกขาวเนียนนั้น

       “ใช่แล้ว นาโอกิ ไม่ต้องพูดอะไร…นอกจากชื่อของฉัน เท่านั้นก็พอ”

       ชายหนุ่มกระซิบ  จากนั้นจึงวกริมฝีปากกลับไปยังเรียวปากนุ่ม ที่เผยอขึ้นน้อย ๆ  อย่างเชื้อเชิญ  เรียวลิ้นช่ำชองรุกล้ำเข้าไปภายในปากของอีกฝ่ายเพื่อแสวงหาความหวานภายในอย่างโหยหา

       “อืม….อือ..”

       เป็นเวลานานหลายนาทีทีเดียว ที่ร่างสูงจะยอมปล่อยให้ริมฝีปากบางเป็นอิสระ  ซึ่งนั่นก็ทำให้เด็กหนุ่มถึงกับอ่อนระทวยทั้งร่าง  พลางจ้องมองอีกฝ่ายด้วยดวงตาปรือนิด ๆ ที่บ่งบอกถึงความปรารถนาไม่แพ้กัน

       “อา…มอร์เฟียซ…ผม…..”

       ยูยะโอบแขนทั้งสองรั้งศีรษะของชายหนุ่มเข้ามาใกล้ ๆ ก่อนจะกระซิบอะไรบางอย่างด้วยใบหน้าแดงก่ำ

       มอร์เฟียซเหยียดยิ้มขึ้นนิด ๆ ก่อนจะจูบปากบางที่บัดนี้บวมแดงจากการจูบก่อนหน้านั้นอีกครั้งหนึ่ง  แล้วจึงจัดการปลดเปลื้องเสื้อผ้าที่มันเกะกะทั้งของตัวเขา และตัวของเด็กหนุ่มออกไปเสีย ในเวลาอันรวดเร็ว

       “อะ… เบา ๆ หน่อยนะครับ มอร์เฟียซ…”   เด็กหนุ่มยังไม่วายเตือนคนบนร่างเขาด้วยใบหน้าแดงซ่าน  ยังผลให้คนถูกเตือนนึกอยากจะแกล้งร่างเล็กขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้

       “ก็…สำหรับฉัน..มันก็ถือว่าไม่รุนแรงเท่าไรหรอกนะ…”

       ทั้งสีหน้า  น้ำเสียง และแววตา นั้น  ทำให้ยูยะสะดุ้งเฮือก  ก่อนจะร้องครางลั่นออกมาอย่างลืมตัว เมื่ออีกฝ่ายเริ่มขยับสะโพกเบื้องล่างแรง ๆ อย่างกลั่นแกล้ง

       “อ๊ะ…มอร์เฟียซ…ไม่นะ…อ๊า!!”

       มือเล็ก ๆ ที่โอบกอดร่างสูง จิกเล็บฝังลงไปบนแผ่นหลังกว้างนั้นอย่างลืมตัว  น้ำตาเริ่มซึมออกมาคลอเบ้า  จนชายหนุ่มนึกสงสาร

       “อืม…อย่าร้องไห้สิ นาโอกิ…ขอโทษนะ… ฉันไม่แกล้งเธอแล้วล่ะ”

       ชายหนุ่มกระซิบแผ่วเบา พร้อมกับจูบที่เปลือกตาของยูยะอย่างอ่อนโยน  ก่อนจะเล้าโลมร่างบางให้หายหวาดกลัว และผ่อนคลายลงอย่างช้า ๆ

       “อา…มอร์เฟียซ….”   

         …ผม….รัก…

       …คุณ…..
       …..

       เมื่อบทรักที่นุ่มนวลและแสนจะอ่อนโยนผ่านพ้นไป  ร่างเล็กก็ฟุบลงบนโซฟานั้น โดยมีร่างสูงนั่งอยู่ใกล้ ๆ พลางลูบไล้เส้นผมดำนุ่มดุจแพรไหมนั้นเล่นด้วยความเอ็นดู และรักใคร่

       “เป็นไง…คราวนี้ฉันรุนแรงกับเธอบ้างไหมล่ะ”  น้ำเสียงนุ่มถามหยอกเย้า  ยูยะได้ฟังแล้วก็ต้องหน้าแดง  ไม่ได้ตอบอะไรออกไป ทั้ง ๆ ที่ในใจคิดว่า วันนี้ มอร์เฟียซ ปฏิบัติต่อเขาอย่างอ่อนโยนกว่าทุกครั้งที่ผ่านมา ถึงจะมีรายการแกล้งกันบ้างเล็กน้อยก็เถอะ

       “หึ ๆ”   ร่างสูงหัวเราะในลำคอแผ่วเบา  ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าเด็กหนุ่มคนรักคิดอะไรอยู่ในใจ  ก็เมื่อใบหน้าแดง ๆ หวาน ๆ นั่น มันเขียนบอกความรู้สึกให้เขารู้จนหมดอย่างนั้น

       “เย็นนี้ แวะมาหาฉันที่ห้องอีกสินาโอกิ  อืม … หรือจะแวะไปที่บ้านพักเลยก็ได้นะ  ค้างคืนกับฉันสักคืนก็ได้..”   น้ำเสียงทุ้มพูดอ้อนข้าง ๆ หู  จนยูยะเกือบจะเคลิ้มตาม แต่ก็ต้องรีบสั่นศีรษะปฏิเสธทันที

       “ไม่ได้ครับ! ผมมีซ้อม…ทั้งอาทิตย์นี้  แล้วก็อาทิตย์หน้าด้วย”

       ชายหนุ่มขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจนักที่เห็นคนรักตัวน้อยปฏิเสธ

       “ซ้อม?  เนื่องในโอกาสอะไร?  มันสำคัญถึงขนาดทำให้ไม่มีเวลามาพบฉันเชียวงั้นหรือ?”

        ยูยะยิ้มแห้ง ๆ  ดูท่า มอร์เฟียซ คาเตอร์ จะงานยุ่งจริง ๆ จนลืมเทศกาลสำคัญของสถาบันอีเดนไปเสียได้

       “ก็ซ้อมไว้แข่งขันดนตรี  ในงานประจำปี สถาบันน่ะสิครับ”

       “หือ?”  ชายหนุ่มขมวดคิ้วฉงน ก่อนจะร้องอ๋อ อย่างนึกได้ขึ้นมาทันที

       “อ๋อ! งานประจำปีเองงั้นหรือ  ใช่สินะ  อีกไม่กี่อาทิตย์ก็จะถึงแล้ว  ฉันเองก็ลืมไปเสียสนิทเชียว  จะว่าไปแล้ว ฉันก็ไม่ได้อยู่ฝ่ายที่ต้องรับผิดชอบเสียด้วย เลยไม่ได้สนใจนัก  ว่าแต่เธอก็จะลงแข่งอีกงั้นหรือปีนี้?”

       มอร์เฟียซถามด้วยความสนใจ   เพราะปีที่แล้ว ยูยะก็ลงแข่ง  แถมยังได้รับรางวัลชนะเลิศ ไปครองอีกต่างหาก

       “ครับ  ปีที่แล้วผมลงแข่งประเภทเปียโน  แต่ปีนี้ผมว่าจะลงประเภทไวโอลิน”

       “ไวโอลิน?  ฉันนึกว่าเธอจะลงป้องกันแชมป์เปียโนเสียอีกน่ะ”

       “ปีนี้ผมอยากเล่นไวโอลินน่ะครับ”

       ยูยะตอบยิ้ม ๆ เขาไม่ได้บอกถึงเหตุผลที่เลือกเล่นไวโอลิน  เพราะขืนบอกไป จะทำให้คนตรงหน้าได้ใจเสียเปล่า  ในเมื่อเหตุผลที่แท้จริงก็เพราะว่า ความผูกพันและความสัมพันธ์อันแนบแน่นของพวกเขาทั้งสอง จะว่าไปแล้ว ก็เกิดขึ้นมาจากเหตุการณ์ที่เขาเล่นไวโอลินต่อหน้าชายหนุ่มในวันนั้นนั่นเอง

       “แต่ถึงยังไงก็ไม่เห็นต้องซ้อมอะไรจริงจังขนาดนั้นเลยนี่นา  เธอเองก็มีพรสวรรค์ทางด้านนี้ออก  ที่สำคัญ ถึงจะแพ้ก็ไม่เห็นเป็นอะไรเลยนี่นา  นี่มันก็แค่งานเทศกาลเท่านั้นเอง”

       มอร์เฟียซให้เหตุผล เพราะไม่อยากให้คนรักตัวน้อยของเขา ทุ่มเทกับดนตรีมากเกินไปจนลืมเขา

       “ไม่ครับ! ผมจะแพ้ไม่ได้เด็ดขาด!”

       ยูยะยืนยันเสียงหนักแน่น  ด้วยใบหน้าจริงจัง

       “ทำไมล่ะ?” ชายหนุ่มเอ่ยถามด้วยน้ำเสียงสงสัย

     เด็กหนุ่มเงียบกริบไปสักพัก  ก่อนจะเอ่ยขึ้นด้วยน้ำเสียงที่เน้นชัด ๆ ทีละคำ ด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์นัก

       “ก็เพราะคะแนนพฤติกรรมที่มันห้อยรุ่งริ่งในเทอมนี้น่ะสิครับ  ถึงมันจะไม่โดนตัดมากเท่ากับปีที่แล้วก็เถอะ  แต่ยังไงมันก็ยังดูน่าสมเพชอยู่ดี”

       เท่านั้นเอง มอร์เฟียซก็เข้าใจทะลุปรุโปร่ง   เขาหัวเราะออกมาดัง ๆ อย่างลืมตัว ซึ่งก็เรียกอาการค้อนขวับ จากเด็กหนุ่มได้ทันที

       “โอเค ๆ ฉันเข้าใจแล้ว  คนชนะนอกจากจะได้รางวัล ยังได้คะแนนพิเศษแถมด้วยนี่นา  หึ ๆ ขอโทษที ที่ฉันแกล้งตัดคะแนนเธอหนักไปหน่อยเมื่อต้นเทอม”

       “อ๊ะ! ยอมรับแล้วสินะครับว่าแกล้งตัดคะแนนผมจริง ๆ!!”

       เด็กหนุ่มรีบสวนขึ้นทันควัน  ซึ่งมอร์เฟียซก็ยิ้มน้อย ๆ ก่อนจะขยี้เส้นผมดำขลับนั้นเบา ๆ อย่างเอ็นดู

       “ก็เธอมันอยากน่ารัก น่าแกล้งเองทำไมล่ะ   และที่สำคัญ ฉันก็อยากเรียกร้องความสนใจจากเธอบ้างสิ  ไม่ดีหรอกหรือ  เธอเองยังประทับใจ จนตั้งฉายา ‘ซาตานในคราบเทพบุตร’ ให้ฉันเลยไม่ใช่หรือไง”

       ยูยะสะดุ้งเฮือก  มองอีกฝ่ายด้วยสายตาตั้งคำถามว่าเขารู้ได้ยังไง

       “หน้าต่างมีหู ประตูมีช่องนะนาโอกิ   แล้วเธอคิดหรือว่า คนหูไว ตาไวอย่างฉัน จะไม่รู้อะไรบ้างเชียวงั้นหรือ”  มอร์เฟียซพูดพลางเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์อย่างน่าหมั่นไส้  หากแต่ยูยะพอจะรู้บ้างแล้ว ว่าชายหนุ่มได้ฟังฉายานั้นมาจากใคร

       “จิมมี่!”  ยูยะกัดฟันกรอด เตรียมคาดโทษเพื่อนรักไว้เต็มที่  เพราะนอกจากจิมมี่แล้ว เขาก็ไม่เคยพูดเรื่องนี้ให้ใครฟังมาก่อนเลย

       “อย่าไปโทษคนอื่นเลยน่า  เธอที่แอบนินทาฉันลับหลังต่างหากล่ะที่ผิด  อืม…ตกลงจะให้ลงโทษยังไงดี หืม?”

       น้ำเสียงเจ้าเล่ห์ และแววตากรุ้มกริ่มที่มองมา  ทำเอายูยะต้องกระเถิบกายหนีไปไกล ๆ แต่แน่นอนว่า ยังไงก็ไม่พ้นอ้อมแขนนั้นอยู่ดี

       “ต่ออีกรอบดีไหม หือ นาโอกิ?”  น้ำเสียงนุ่มกระซิบเบา ๆ ในขณะที่เด็กหนุ่มรีบสั่นศีรษะปฏิเสธทันที พร้อมกับรีบชี้แจงเหตุผลให้อีกฝ่ายรับฟัง

       “มอร์เฟียซครับ  ชั่วโมงต่อไป ชั่วโมงของคุณนะ แล้วนี่ก็ใกล้จะหมดชั่วโมงของอาจารย์ฟาเรียสแล้วด้วย  คุณจะไม่ไปสอนหรือยังไงกันครับ!”

       “จริงสิ ชั่วโมงของฉัน” อาจารย์หนุ่มทวนคำ  ก่อนจะทำเสียงหัวเราะใน  ลำคอเบา ๆ

       “หยุดสอนวันหนึ่ง ให้ทบทวนบทเรียนกันเองดีไหม?  ฉันว่าเพื่อน ๆ ของพวกเธอคงจะดีใจกันนะ”

       ชายหนุ่มแกล้งเสนอ ซึ่งผลก็เป็นอย่างที่เขาคิด  ยูยะรีบสั่นศีรษะปฏิเสธ จนหัวสั่นหัวคลอน ดูแล้วน่ารัก น่าเอ็นดูยิ่งนัก

        “โอเค ๆ  งั้นคาดโทษไว้ก่อนแล้วกัน”  ชายหนุ่มพูดจบก็โน้มใบหน้าลงจุมพิตร่างเล็กทันที 

       “…อืม”

       เวลาผ่านไปเนิ่นนาน จนยูยะเริ่มไม่รับรู้อะไรรอบข้าง รู้แต่เพียงอย่างเดียวว่า เขาทั้งทรมานและมีความสุขจนแทบจะขาดใจพร้อม ๆ กัน จากการจูบนั้น  จนในที่สุดชายหนุ่มก็ถอนริมฝีปากออกมาอย่างช้า ๆ  ซึ่งร่างเล็กก็แทบจะทรุดลงไปทันที

       “นี่แค่คาดโทษเล็กน้อยเท่านั้นนะ ….ของจริงจะยิ่งกว่านี้ จำไว้!”

       ชายหนุ่มเอ่ยขู่ด้วยใบหน้าขึงขัง  จนยูยะมีสีหน้าเหมือนจะร้องไห้  เขาจึงได้หัวเราะออกมาให้ทราบว่า นั่นคือการแกล้งอีกครั้งหนึ่ง

       “คนบ้า!”  ยูยะค้อนขวับให้ด้วยความงอน  ลุกขึ้นหยิบเสื้อผ้ามาใส่  ก่อนจะเดินลงส้นหนัก ๆ กลับเข้าห้องเรียนไปก่อน  โดยที่มอร์เฟียซได้แต่นั่งอมยิ้มมองตามไปอย่างอารมณ์ดี


            วันนั้น ชั่วโมงประวัติศาสตร์เต็มไปด้วยความสงสัย และคำถามมากมายที่อยู่ในใจของเด็ก ๆ แทบทั้งชั้น  ยกเว้นบางคนเท่านั้นที่รู้อยู่แก่ใจดีแล้ว

       และเมื่อหมดชั่วโมงเรียน ระหว่างเปลี่ยนคาบ  พวกเขาก็เดินคุยกันถึงชั่วโมงที่ผ่านมากันอย่างออกรสชาติ

       “วันนี้คาเตอร์อารมณ์ดีจังนะ ว่าไหม  สอนไปยิ้มไปอีกต่างหาก”  จิมมี่ว่าพลางแล้วทำท่าขนลุกเมื่อนึกถึงรอยยิ้มนั้น  มันไม่ใช่ไม่น่าดูหรอก  เพียงแต่ว่า เพราะความที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก มันจึงดูน่าหวาดระแวงมากกว่า

       “จริงสิ ชั่วโมงแรกไปทำอะไรกันมางั้นหรือยูยะ”  คำถามนั้นถามอย่างธรรมดา ๆ ไม่มีแฝงความนัยอะไรทั้งสิ้น  หากแต่คนมีชนักติดหลังเช่นเด็กหนุ่ม ถึงกับสะดุ้งเฮือก ใบหน้าแดงระเรื่อขึ้นทันที

       “อ่า…จะ..จัด เรียงเอกสาร อะไรพวกนั้นนั่นล่ะ..”   ยูยะตอบปัด ๆ ให้พ้นตัวไป  แล้วก็ต้องลอบถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อจิมมี่ไม่ได้ซักอะไรต่ออีก

        “ยูยะ…กระดุมเสื้อเชิ้ตยังติดไม่เรียบร้อยเลยนะ”   มิเชลซึ่งเดินตามมาใกล้ ๆ  กระซิบบอก ซึ่งเด็กหนุ่มก็สะดุ้งเฮือก ก่อนจะรีบติดกระดุมของตนเองทันที

       “หึ ๆ คราวหลังก็ระวังหน่อยล่ะ  เดี๋ยวใครเขาเห็นเข้าแล้วจะสงสัยเอา”  เด็กหนุ่มชาวฝรั่งเศสเอ่ยเตือนด้วยใบหน้ายิ้ม ๆ อย่างเข้าใจในเรื่องราวทะลุ  ปรุโปร่ง  ยูยะใบหน้าร้อนวาบ รีบจ้ำอ้าวไปยังห้องเรียนในชั่วโมงต่อไปทันที

       “ไปแกล้งแหย่อะไรยูยะอีกล่ะ  มิเชล”  เสียงถอนหายใจ พร้อมเสียงบ่นจากข้างหลัง ทำให้มิเชลหันกลับมามองด้วยใบหน้ายิ้มอย่างเจ้าเล่ห์

       “ก็หมอนั่นน่ะน่ารัก น่าแกล้งดีออก  พอจะเข้าใจความรู้สึกของคาเตอร์ขึ้นมาบ้างแล้วล่ะ”

       ราฟาเอลถอนหายใจอีกครั้ง  ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ ๆ พร้อมกระซิบข้าง ๆ หูอีกฝ่ายแผ่วเบา

       “แล้วฉันล่ะ… นายไม่อยากจะแกล้งฉันบ้างงั้นหรือ”

       มิเชลสะดุ้ง หน้าแดงนิด ๆ ก่อนจะรีบผลักอีกฝ่ายไปให้ห่าง ๆ ตนเอง

       “อย่างนายน่ะไปให้ห่าง ๆ ฉันเลยไป๊!!”

       แล้วเจ้าตัวก็เดินดุ่ม ๆ จากไปทันที ทิ้งให้เด็กหนุ่มอีกคนมองตามไปด้วยสีหน้าขบขัน

       “ตัวเองก็น่าแกล้งเหมือนกันนั่นแหละ หึ!”

ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Special #2 : Festival (28 มิ.ย. 54)
«ตอบ #57 เมื่อ28-06-2011 21:43:19 »




       เสียงไวโอลินหวานแว่ว ดังมาจากห้องของนาโอกิ  ยูยะ  ซึ่งนั่นก็ไม่ได้สร้างความรำคาญให้กับเพื่อน ๆ ในหอแต่อย่างใด  ตรงกันข้าม พวกเขากลับรู้สึกขอบคุณงานเทศกาลประจำปีที่จะจัดขึ้นเสียด้วยซ้ำ  เพราะนาน ๆ จะได้ฟังเพลงของยูยะแบบนี้บ่อย ๆ ติด ๆ กันสักครั้งหนึ่ง

       “โฮ่!! โชคดีชะมัดเลยนะ ได้ฟังไวโอลินของยูยะทุกวันแบบนี้!”  จิมมี่กล่าวอย่างสบายอารมณ์ เขากำลังนั่งเล่นหมากรุกกับราฟาเอล ในห้องนั่งเล่นรวม โดยที่คนอื่น ๆ บ้างก็อ่านหนังสือ  บ้างก็นั่งคุยกันไปตามประสา

       “อืม…ฉันก็ว่าอย่างนั้น..เฮ่  ราฟาเอล ตัวนั้น เดินไปตรงนั้นไม่ได้นะ”

       “อ๊ะ… ขอบใจมิเชล”

       ราฟาเอลชะงักตัวหมากที่กำลังจะเดินทันที  โดยที่จิมมี่ซึ่งกำลังได้โอกาส ต้องถอนหายใจแรง ๆ อย่างเสียดาย

       “มิเชล ไม่แฟร์นี่นา  อย่าช่วยกันสิ!” เด็กหนุ่มบ่นอุบ ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายหัวเราะเบา ๆ

       “โทษที จิมมี่ คราวหน้าฉันไม่ยุ่งแล้วล่ะ  เออจริงสิ!  ว่าแต่ พวกนายมีใครรู้จักเพลงที่ยูยะกำลังซ้อมอยู่บ้างล่ะ  ฉันว่าฉันไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยนะ”

       “อืม…ฉันก็ไม่เคยได้ยิน  แต่คิดว่าคงจะเป็นเพลงใหม่มั้ง  หมอนั่นไม่ได้เก่งแค่เล่นดนตรีอย่างเดียวนี่นา”  ราฟาเอลให้เหตุผล ซึ่งจิมมี่ก็พยักหน้าเห็นด้วย

       “แต่เป็นเพลงที่เพราะนะ  ฟังแล้วกินใจยังไงไม่รู้สิ  ถ้าเป็นเพลงนี้บวกกับฝีมือของยูยะ ฉันว่าคราวนี้ก็ต้องชนะเลิศอีกแน่”  จิมมี่ว่าบ้าง

       “คงจะเป็นเพลงที่มีความหมายพิเศษอะไรแน่เลย ไม่อย่างนั้นคงไม่ตั้งใจซ้อมขนาดนี้หรอก”  มิเชลออกความเห็นแล้วก็ต้องลืมตัวแย้งออกมาอีกครั้ง เมื่อเห็นราฟาเอลกำลังจะลงหมากพลาด

       “มิเชล!!”  จิมมี่เน้นเสียงหนักด้วยความไม่สบอารมณ์ ซึ่งเด็กหนุ่มตาสีฟ้าก็ได้แต่ยิ้มแหย ๆ

       “น่า ๆ คราวนี้ไม่อีกแล้ว …จริง ๆ จิมมี่  ไม่ยุ่งแล้ว!”

       เจ้าตัวรีบกำชับ เมื่อเห็นสายตาดุ ๆ ของอีกฝ่ายจ้องมองมาเขม็งด้วยอาการคาดคั้นเต็มที่


     วันอาทิตย์…

       ยูยะตื่นขึ้นมาด้วยอาการงัวเงีย   เมื่อคืนเขาซ้อมไวโอลินดึกไปหน่อย กว่าจะได้เข้านอน ก็เป็นเวลาเกือบเที่ยงคืนแล้ว

       "อืม…สามโมงเช้าแล้วงั้นเหรอ"

       เด็กหนุ่มมองนาฬิกา แล้วถอนหายใจเบา ๆ  ก่อนจะเดินออกจากห้องนอนของตนลงไปยังห้องนั่งเล่นรวม

       "เฮ่! รอย! คนอื่น ๆ ไปไหนกันหมดล่ะ!"  ยูยะตะโกนถามเด็กหนุ่มเพื่อนร่วมชั้นคนหนึ่งซึ่งนั่งอ่านหนังสืออยู่คนเดียวในห้องนั้น

       "ไปโรงเรียนน่ะ  เมื่อชั่วโมงที่แล้ว อาจารย์วิลเลียมแกมาตามพวกเราที่ว่าง ๆ อยู่  ให้ไปช่วยเตรียมงานประจำปีที่จะถึงนี่ล่ะ  แต่เพราะนายมีแข่งดนตรี ก็เลยไม่ต้องไปช่วยไงล่ะ"

       ยูยะพยักหน้ารับอย่างเข้าใจ ก่อนจะมองหน้าคนพูดด้วยความสงสัย

       "แล้วนายไม่ไปกับเขาด้วยงั้นเหรอ?"

       "ฉัน?"  เจ้าตัวทวนคำ ก่อนจะยกเท้าที่เข้าเฝือกอ่อนให้เด็กหนุ่มดูอย่างเซ็ง ๆ

       "อ้าว? โดนอะไรเข้าล่ะนั่น!"  ยูยะถามงง ๆ เพราะเมื่อเย็นวาน ก่อนเขาจะขึ้นห้องไปซ้อมดนตรี  ถ้าจำไม่ผิด เพื่อนของเขาคนนี้ ยังอาการปกติครบ 32 อยู่เลย

       "ก็เพื่อนรักตัวดีของนาย 3 คนนั่นล่ะ  จิมมี่  มิเชล  ราฟาเอล ไงล่ะ  เกิดบ้าอะไรกันไม่รู้ เมื่อคืนวานดันมาวิ่งเล่นไล่จับกันแถวบันได แถมดันวิ่งสวนพรวดขึ้นมาจากข้างล่างชนฉันที่กำลังเดินลงบันไดกลิ้งตกลงมาด้วยกัน  แต่เจ้า 3 ตัวนั่น ไม่มีใครเป็นอะไรเลยสักคน เห็นอย่างมากก็หัวโน  แต่ขาของฉันนี่สิ ต้องเข้าเฝือกเป็นเดือนเลยกว่าจะหาย  เซ็งชะมัด!"

       ยูยะหัวเราะแห้ง ๆ ก่อนจะเดินเลี่ยงไปทางอื่น เพราะขืนเขานั่งอยู่ คงต้องฟังอีกฝ่ายบ่นต่ออีกยาวเป็นแน่


       ยูยะเดินเลี่ยงออกมาข้างนอกหอ เพื่อสูดอากาศสดชื่นยามเช้า ที่แม้จะเป็นเวลาสามโมงแล้ว แต่แดดก็ยังไม่แรง  และมีลมพัดเย็นสบาย

       "อืม…ไปหามอร์เฟียซดีกว่า!"

       เจ้าตัวคิดในใจอย่างนึกสนุก  อยากเห็นสีหน้าของชายหนุ่มว่า ถ้าเขาเกิดโผล่หน้าไปหาในวันหยุดเช่นนี้ ทั้ง ๆ ที่เคยบอกไว้แล้วว่าจะไม่ไปพบ จะเป็นยังไงบ้าง

       ว่าแล้วเด็กหนุ่มก็เดินตรงไปยังบ้านพักของอีกฝ่ายอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ

       "ก๊อก ๆ ๆ ๆ" 

              ยูยะยืนเคาะประตูอยู่สักครู่ใหญ่ แต่ก็ไม่มีวี่แววเจ้าของบ้านจะลุกขึ้นมาเปิดแต่อย่างใด

       "ไม่อยู่ หรือยังไม่ตื่นนะ"  เด็กหนุ่มพึมพำเบา ๆ ยืนลังเลสักพัก ก่อนจะล้วงหยิบกุญแจที่ห้อยคอไว้ติดตัวแทนจี้ มาไขประตู  ซึ่งเป็นกุญแจสำรองบ้านพักที่คาเตอร์มอบไว้ให้นั่นเอง

       "รบกวนหน่อยนะครับ!"  ยูยะเอ่ยขึ้นตามมารยาท  ก่อนจะเดินสำรวจไปแต่ละห้องไล่ไปตั้งแต่ห้องรับแขก ห้องครัว  ห้องนอน  จนมาสะดุดอยู่หน้าประตูห้องทำงาน

       เด็กหนุ่มยืนหยุดอยู่หน้าประตูห้องทำงาน พร้อมกับแย้มยิ้มอย่างอ่อนโยน เมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้ากำลังฟุบหลับอยู่บนโต๊ะทำงาน

       "โหมงานจนดึกอีกล่ะสิท่า …เฮ่อ! ไม่ไหวเลยน้า.."

       เด็กหนุ่มพึมพำเบา ๆ ก่อนจะก้มลงหยิบผ้าห่มที่เลื่อนลงมากองอยู่บนพื้น ขึ้นห่มให้ชายคนรักอย่างอ่อนโยน  แต่แล้วมือใหญ่ของร่างสูงที่คิดว่าหลับ ก็จับหมับเข้าที่ข้อมือบางทันที

       "นาโอกิ…"

       เสียงเรียกชื่อเบา ๆ พร้อมกับร่างสูงที่พลิกกายกลับมาหาพร้อมกับรั้งร่างเล็กที่ยืนตกใจอยู่เข้าไปยังอ้อมกอดของตน

       "อืม…นาโอกิ…"

       "อา…มอร์….อืม…."

       ริมฝีปากของร่างเล็กถูกครอบครองอยู่เนิ่นนาน จึงถูกปล่อยให้เป็นอิสระในที่สุด

       "ไหนบอกว่าจะไม่มาหาฉันช่วงนี้แล้วไงล่ะ"

       ชายหนุ่มถามยิ้ม ๆ มือยังกอดเอวบางหลวม ๆ รั้งกายไว้ ไม่ยอมปล่อย

       "งั้นผมกลับก็ได้!"  ยูยะแกล้งทำเป็นค้อนใส่ และพูดกระแทกเสียง  หากแต่ความจริงแล้วเขาเองไม่ได้นึกงอน หรือน้อยใจอะไรสักนิดเดียว

       "ไม่เอาน่า…นาโอกิ  เอาเป็นว่าฉันผิดเองก็ได้ ยกโทษให้เถิดนะ…."

       ชายหนุ่มรีบอ้อน ก่อนจะรั้งร่างของเด็กหนุ่มเข้ามาใกล้  ใช้ลิ้นเลียตวัดซอกคอขาว ไล่ขึ้นมาจนกระทั่งถึงใบหู และซุกไซ้เข้าไปในร่องหูนั้น  เพื่อเป็นการกระตุ้นอารมณ์ให้อีกฝ่าย

       "อา…อ๊า…มอร์เฟียซ"

       ชายหนุ่มหัวเราะเบา ๆ ในลำคอ อย่างคนที่ถือไพ่เหนือกว่าอีกครั้ง เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเด็กหนุ่ม  เขารู้ดีว่า ควรจะทำยังไง ให้ร่างตรงหน้า มีอารมณ์ตอบสนองได้

       "…เดี๋ยวก็ต้องกลับไปซ้อมดนตรีใช่ไหม"    มอร์เฟียซกระซิบถามเสียงแหบพร่า เพราะอารมณ์ที่เริ่มคุกรุ่นขึ้น

       "อา….ครับ"  ยูยะตอบเสียงหอบ ๆ รู้สึกเสียวซ่าน กับฝ่ามือใหญ่สากที่ลูบไล้ไปทั่วร่างของเขาในยามนี้

       "…งั้นก็ต้องใช้เวลาให้คุ้มค่ามากที่สุด"  ชายหนุ่มกระซิบ ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้น อุ้มไปยังห้องนอนของตนทันที

       "มอร์เฟียซ…ผมยังไม่ได้อาบน้ำเลยนะ" ยูยะท้วงอาย ๆ ขณะที่มอร์เฟียซซึ่งกำลังจะก้าวเข้าห้องนอนชะงัก

       "ไม่เห็นจะเป็นไร….."  เจ้าตัวหยุดคิดนิดหนึ่ง ก่อนจะเหยียดยิ้มเจ้าเล่ห์  "อืม…ฉันก็ยังไม่ได้อาบ  ถ้ายังไงเราไปอาบพร้อมกันเลยดีไหม…"

       ยูยะเงียบไปชั่วครู่ ก่อนจะพยักหน้ารับด้วยใบหน้าที่แดงก่ำไปจนถึงคอ


       เสื้อผ้าของคนทั้งคู่ ถูกถอดทิ้งไปตามทางเดินตลอดจนถึงห้องน้ำ  และภายในนั้น มีร่างสองร่างที่กำลังปฏิบัติภารกิจในการอาบน้ำอย่างเร่าร้อน  เสียงครวญครางที่ดังขึ้นเป็นระยะ ๆ สลับกับเสียงหายใจหอบ ๆ  หนัก ๆ  ดังแว่วมาเป็นระลอก  จนกระทั่งค่อย ๆ เงียบหายไปในที่สุด

       "….เป็นไง นาโอกิ  อยากจะอาบต่ออีกรอบไหม"

       ชายหนุ่มกระซิบถามร่างเล็กที่ยันฝ่ามือพิงผนังห้องหอบ ๆ โดยมีร่างสูงของตนแนบชิดอยู่ด้านหลัง

       "มะ…ไม่ครับ…พอแล้ว"   เจ้าตัวตอบด้วยน้ำเสียงที่ขาดเป็นห้วง ๆ ยังคงยืนหอบพักเหนื่อยอยู่เช่นนั้นในท่าเดิมสักพัก  ก่อนจะพลิกกายกลับ และดันร่างสูงที่เริ่มเข้ามานัวเนียเขาอีกครั้งให้ห่างออกไป

       "ผมบอกว่าพอก่อนยังไงล่ะครับ!"  เด็กหนุ่มเริ่มขึ้นเสียง เพราะอีกฝ่ายดูเหมือนว่าจะไม่ยอมฟังเอาเสียเลย

       "เฮ่อ! ก็ได้!"  มอร์เฟียซยอมเลิกราด้วยความไม่ค่อยสบอารมณ์นัก  ชายหนุ่มมีสีหน้าบึ้งตึงลงไป จนยูยะชักใจไม่ดี

       "ผมแค่อยากพักสักครู่เท่านั้นเอง…"  เจ้าตัวอธิบายเสียงอ่อย  ซึ่งใบหน้าบึ้งตึงนั้นก็หันมามองทางเขา  ก่อนจะเปลี่ยนเป็นคลายยิ้ม

       "ฉันรู้…ไปที่ห้องกันเถอะ"

       ชายหนุ่มเป็นฝ่ายชวน ซึ่งยูยะก็ถอนหายใจเบา ๆ เพราะดูเหมือนว่าอีกฝ่ายคงจะไม่ยอมยกเลิกรายการที่ตั้งใจไว้แน่นอน

       "ก็ได้ครับ…"   

       แล้วร่างสูงก็จัดการอุ้มร่างเปล่าเปลือยไปด้วยกัน ยังห้องนอนของตนเองทันที  โดยไม่ยอมรีรอให้เสียเวลาเลยแม้แต่น้อย


       มอร์เฟียซ  คาเตอร์ มองร่างเล็ก ที่นอนหลับตา หน้าแดงบนเตียงนอนของเขา ด้วยแววตารักใคร่ และเสน่หายิ่งนัก

       นาโอกิ  ยูยะ  เด็กหนุ่มคนรักของเขา นับวันก็จะยิ่งดูน่ารักขึ้นเรื่อย ๆ จนเขาแทบจะอดใจไม่ไหวทุกครั้งยามเจอหน้า

       ที่สำคัญ ไม่ใช่มีเพียงเขาเท่านั้นที่รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงนี้ได้  คนอื่น ๆ ก็เช่นกัน  สังเกตดูสายตาแปลก ๆ ที่มองมายังเด็กหนุ่ม ไม่ว่าจะเป็นชายหรือหญิง  บางทีอาจจะเป็นเพราะว่า เขากำลังมองผ่านม่านตาแห่งความหึงก็เป็นได้  แต่ยังไงเขาก็ไม่ชอบใจอยู่ดี ที่เห็นคนอื่น ๆ เข้ามาสนิทสนมกับคนรักตัวน้อยของเขาเช่นนั้น

       อยากจะเก็บยูยะไว้ในห้องของเขา ไม่ให้ออกไปพบเจอกับคนอื่น  ทว่า มันก็คงจะเป็นไปไม่ได้

       ดังนั้น  สิ่งเดียวที่เขาจะทำได้ ก็คือ การใช้ความรัก และความผูกพันทางกายระหว่างกัน เพื่อเป็นการป้องกันไม่ให้เด็กหนุ่มเผลอใจไปมองใครอื่นนอกจากเขา

       และดูเหมือนว่า  วิธีนี้จะสำเร็จโดยดีด้วยสิ….

       "อา…มอร์เฟียซ  มาเสียทีสิครับ.."

       เด็กหนุ่มร้องครางขึ้นอย่างขัดใจ  ที่อยู่ดี ชายหนุ่มก็หยุดเล้าโลมไปเสียเฉย ๆ แบบนั้น

       "หึ..ได้สิ นาโอกิ"

       ชายหนุ่มตอบรับยิ้ม ๆ และก่อนที่ทั้งคู่จะเริ่มบรรเลงบทเพลงแห่งรักต่อกันอีกรอบ  เสียงทุบประตูบ้านดังลั่น ก็ดังขึ้น

       "ปึง! ๆ ๆ ๆ"

       มอร์เฟียซหยุดกึก ก่อนจะสบถออกมาด้วยความหัวเสีย ไม่ต้องสงสัยเลยว่า คนไร้มารยาทที่กล้าทุบประตูบ้านพักเขาดังลั่นอย่างนี้โดยไม่เกรงใจเจ้าของบ้านแม้แต่น้อย  คือใคร

       "ไอ้หมอนั่น!"

       "..ดอกเตอร์มาหรือครับ มอร์เฟียซ"

       ชายหนุ่มหันมายิ้มให้ยูยะ ก่อนจะลูบศีรษะร่างเล็กแผ่วเบา

            "ไม่ต้องห่วงหรอก จะไปไล่ให้เดี๋ยวนี้ล่ะ"

       ยูยะยิ้มแหย ๆ ถ้าคนอย่างดอกเตอร์ลี ไล่ไปง่าย ๆ แบบนั้น  ก็คงไม่ใช่คนที่คอยก่อเรื่องป่วนประสาทชายคนรักเขาเสมอหรอก
       มอร์เฟียซคว้าเสื้อคลุมในตู้มาใส่ลวก ๆ ก่อนจะเดินตรงไปยังประตูบ้าน ในขณะที่ยูยะค่อย ๆ ย่องตามมาเก็บเสื้อผ้าของตัวเองที่ถูกถอดเกลื่อนตามทางเดินมาใส่เตรียมพร้อมเอาไว้ก่อน



ออฟไลน์ Xenon

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 705
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +482/-4
Re: The Eden School.... Special #2 : Festival (28 มิ.ย. 54)
«ตอบ #58 เมื่อ28-06-2011 21:44:52 »

       "มาทำไม!"  น้ำเสียงห้วน ๆ กล่าวทักทันทีที่เห็นใบหน้ายิ้มแย้มของคนที่เข้ามาขัดจังหวะเกมรักของเขา

       "อะไรกัน! นายเองเป็นคนโทรไปบอกให้ฉันเอาเอกสารนี่มาให้นายไม่ใช่หรือไงมอร์เฟียซ! ฉันอุตสาห์ค้นทั้งคืน และเอามาให้ถึงที่บ้านยังจะมาบ่นใส่ฉันอีก!"

       ชายหนุ่มทำเสียงกระแทกใส่คืนด้วยความไม่พอใจบ้าง หากแต่ในดวงตาสีเทายังคงมีประกายยิ้มแย้มอยู่เช่นนั้น

       มอร์เฟียซนึกขึ้นมาได้  ก่อนจะลดเสียง  และใบหน้าคลายบึ้งตึงลงไปบ้าง

       "อืม…โทษที  ฉันลืมไป  ไหนล่ะเอกสาร  เอามาสิ  แล้วก็รีบ ๆ กลับไปได้แล้ว"

       ชางที่กำลังยื่นเอกสารส่งไปให้ ชะงักมือนิดหนึ่ง ก่อนจะพิจารณาคนตรงหน้าอีกครั้งอย่างละเอียด ด้วยสายตาที่ชายหนุ่มไม่ชอบเอาเสียเลย

       "อื้อหือ?  มีอะไรแปลก ๆ ไปนะ  รีบไล่ฉันแบบนี้ แถมยังออกมาหาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับแบบนั้น … อืม ..ยูยะมาที่นี่ใช่หรือเปล่า?"

       คำถามแทงใจดำชนิดตรงเป้านั่น ทำให้ใบหน้าหล่อเหลากลับมาเคร่งขรึมอีกครั้ง

       "จะมีใครมาก็ไม่ใช่เรื่องของนาย  เอาเอกสารมาให้ฉัน แล้วรีบกลับไปได้แล้ว!"

       มอร์เฟียซรีบเอ่ยปากไล่  ในขณะที่เพื่อนตัวแสบของเขาหัวเราะเบา ๆ อย่างไม่สนใจ ก่อนจะดันร่าง แทรกตัวเข้ามาในบ้านพักของชายหนุ่มอย่างรวดเร็ว

       "ไหน ๆ หนูน้อยของฉันอยู่ที่ไหนกันล่ะ  อ้าว  ยูยะ"

       เจ้าตัวหันไปเห็นร่างเล็ก ที่เดินออกมาให้พบเงียบ ๆ  มอร์เฟียซหันไปมองเด็กหนุ่มคนรักที่แต่งตัวเรียบร้อย แล้วก็ต้องขมวดคิ้วยุ่ง

       "จะไปไหน นาโอกิ!?"

       "อ่า…จะกลับไปซ้อมดนตรีต่อแล้วครับ"

       ยูยะอ้อมแอ้มตอบ  การอยู่ตามลำพังกับมอร์เฟียซที่อารมณ์เสีย หลังจากโดนชางแหย่แล้ว ย่อมไม่เป็นผลดีกับเขาเท่าไรนักหรอก  ดีไม่ดี วันนี้ทั้งวัน เขาอาจจะไม่ได้กลับหอเลยก็ได้

       "…….." 

       ยูยะมองหน้าชายหนุ่มที่เงียบไปด้วยสีหน้าหวาด ๆ เด็กหนุ่มกลืนน้ำลายเอื๊อกลงคอ ก่อนจะรีบจ้ำอ้าวแผ่นแนบออกไปทันที  โชคดีที่ชางก็ยืนอยู่ในห้องด้วย  ไม่อย่างนั้นเขาแน่ใจว่า มอร์เฟียซคงไม่ปล่อยเขากลับไปง่าย ๆ แบบนี้หรอก

       ดอกเตอร์หนุ่มมองยูยะที่วิ่งแผ่นแนบออกไป ก่อนจะหันกลับมาเผชิญหน้ากับอีกคนที่เหลืออยู่  แล้วก็ทำให้เขาถึงกับเสียวสันหลังวาบ

       "ง่า …มอร์เฟียซ  ฉันวางเอกสารไว้ตรงนี้นะ  แล้วก็ฉันนึกขึ้นได้ว่ามีธุระด่วนมาก ๆ รออยู่น่ะ  กลับก่อนนะ!"

       เจ้าตัวรีบหลบฉากวูบออกมาอย่างนกรู้  เพราะหากขืนอยู่ช้าอีกนิดเดียว  เพื่อนของเขาต้องกลายเป็นฆาตกรแน่ ๆ   และที่สำคัญเหยื่อผู้เคราะห์ร้ายคงจะไม่ใช่คนอื่น นอกจากเขานี่แหละ!

       "ชิ!  บ้าชะมัด!!"  ชายหนุ่มสบถอย่างหัวเสีย   ไม่มีอะไรที่ทรมาน และหงุดหงิดเท่ากับถูกปล่อยให้อารมณ์ค้างแบบนี้อีกแล้ว

       จากนั้นเจ้าตัวจึงเดินเข้าห้องอาบน้ำ  เปิดฝักบัวเย็น ๆ รดศีรษะอยู่พักใหญ่  จนทำให้อารมณ์ที่ร้อนรุ่มอยู่ เริ่มเย็นลงได้บ้างบางส่วน หากแต่วันนั้นทั้งวัน เขาก็แทบจะตั้งสมาธิให้จดจ่ออยู่กับงานของตนไม่ได้อยู่ดี


       ในที่สุดงานวันเทศกาลประจำปีของสถาบันอีเดนก็มาถึง   ทุกคนต่างพากันตื่นเต้นกับเทศกาลนี้เป็นพิเศษ  เพราะนอกจากจะมีการจัดนิทรรศการ    ในแต่ละวิชาแล้ว  ยังมีการแข่งขันประกวดประชันระหว่างนักเรียนที่มีความสามารถ ในสาขาต่าง ๆ อีกด้วย และหนึ่งในนั้นก็คือการประกวดดนตรี  ที่ยูยะลงแข่งขันด้วยนั่นเอง

       เด็กหนุ่มปรากฏตัวขึ้นบนเวที ด้วยชุดสูทสีขาวทั้งชุด โดยที่มอร์เฟียซ คาเตอร์ ซึ่งถูกรับเชิญมาเป็นคณะกรรมการตัดสิน ถึงกับจ้องมองตะลึงตาค้าง จนเคธี่ มิลเลอร์ เพื่อนสาวซึ่งถูกเชิญมาเป็นกรรมการด้วยกัน ต้องสะกิดเบา ๆ เพื่อเตือนสติชายหนุ่ม

       "มอร์เฟียซ คุณเป็นกรรมการนะคะ  อย่าแสดงออกนอกหน้าแบบนั้นสิ"

       "เคธี่! ผมลาออกจากการเป็นกรรมการตอนนี้ยังทันไหม ให้ตายเถอะผมไม่มั่นใจหรอกนะว่าผมจะตัดสินได้อย่างยุติธรรม โดยไม่ลำเอียงแล้วน่ะตอนนี้"

       มอร์เฟียซกระซิบเบา ๆ กับเพื่อนสาว  ซึ่งพอหล่อนได้ฟังก็หัวเราะเสียงใสทันที

       "ค่า ๆ ฉันรู้ว่าคุณรู้สึกยังไง   ก็ยูยะคุงออกจะน่ารักขนาดนี้  แค่ยังไม่เล่นดนตรีก็แทบจะให้คะแนนเต็มกับแกแล้ว"

       "มันไม่ยุติธรรมกับเด็กคนอื่น ๆ หากผมทำตัวไม่เป็นกลางแบบนั้น"

       มอร์เฟียซมีสีหน้าเป็นกังวล  จนเคธี่นึกเห็นใจ  เธอจึงหันไปถามกรรมการคนอื่น ๆ

       "เอ่อ…คืออาจารย์คาเตอร์รู้สึกไม่สบายน่ะค่ะ  พวกคุณคิดว่าเราเปลี่ยนตัวกรรมการตอนนี้ทันไหมคะ"

       "เฮ้ย! อะไรกันคุณมาบอกอะไรเอาตอนนี้  รอตัดสินนาโอกิ  ยูยะก่อนได้ไหม  แล้วเราจะใช้กรรมการสำรองทีหลัง  เอ้า! เด็กเขาเริ่มเล่นแล้วล่ะ!!"

       จากนั้นทั้งหมดจึงหันไปให้ความสนใจกับเด็กหนุ่มบนเวที  เมื่อสายคันชักไวโอลินเริ่มกรีดบรรเลงบทเพลง ขึ้นในที่สุด

       มอร์เฟียซพยายามที่จะตั้งใจฟังด้วยความเป็นธรรมให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้  แต่เมื่อฟังไปได้เพียงแค่ครึ่งเพลง เขาก็ต้องชะงักนิ่ง เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออก

       "…เพลงนี้"

       ชายหนุ่มพึมพำออกมาเบา ๆ และยูยะซึ่งกำลังบรรเลงเพลงบนเวที  ก็มองลงมายังเขาและยิ้มให้อย่างอ่อนโยน  เท่านั้นเองมอร์เฟียซก็นึกออกในที่สุดว่าบทเพลงนี้เขาเคยได้ยินมาก่อนจากที่ไหน

       "นาโอกิ…."   

       ชายหนุ่มมองร่างเล็กในสูทขาวบนเวทีอย่างเหม่อลอย  ไม่คิดว่ายูยะจะหยิบเพลงที่เคยเล่นให้เขาฟังในวันนั้นมาใช้แข่งขันแบบนี้  ความจริงทั้ง ๆ ที่มันน่าจะเป็นความทรงจำอันเลวร้ายของเด็กหนุ่มแท้ ๆ  แต่ยูยะกลับเล่นมันอย่างอ่อนโยน น่าประทับใจได้อย่างไม่น่าเชื่อ

       "…Sweet Memory Song สินะคะ มอร์เฟียซ"

       เคธี่กระซิบ ซึ่งมอร์เฟียซก็สะดุ้งน้อย ๆ ก่อนที่ใบหน้าจะเปลี่ยนเป็นสีแดงระเรื่ออย่างห้ามไว้ไม่อยู่

       "อ่า…คือ"

       "สำหรับเด็กคนนี้ ถึงคุณจะลำเอียงให้เต็มก็ไม่มีใครว่าหรอกค่ะ มอร์เฟียซ…ดูสิ"

       เคธี่บุ้ยใบ้ให้ดูกรรมการท่านอื่น ๆ ซึ่งต่างก็ตกอยู่ในภวังค์เสียงไวโอลินของเด็กหนุ่มด้วยกันแทบทั้งสิ้น

       "นั่นสินะ…นาโอกิ เกิดมาเพื่อดนตรีจริง ๆ นั่นล่ะ"   มอร์เฟียซเอ่ยขึ้นยิ้ม ๆ รู้สึกปลาบปลื้มในตัวคนรักหนุ่มน้อยของเขายิ่งนัก

       "แต่ฉันว่า เขาเกิดมาเพื่อใครบางคนมากกว่านะ"  เคธี่กระเซ้า  เลยยิ่งทำให้ใบหน้าของชายหนุ่มที่แดงน้อย ๆ อยู่แล้ว ยิ่งแดงหนักเข้าไปใหญ่  โชคดีที่ทุกคนให้ความสนใจกับยูยะบนเวทีกันหมด จึงไม่มีใครมาสังเกตสีหน้าของชายหนุ่ม ยกเว้นเคธี่ซึ่งนั่งกลั้นหัวเราะกึก ๆ จนตัวสั่น

       "คุณไม่เจอคนที่สำคัญที่สุดกับคุณบ้างก็ให้มันรู้ไปนะเคธี่"  มอร์เฟียซกระซิบรอดไรฟันดุ ๆ

       "แล้วใครว่าฉันไม่มีล่ะ" หญิงสาวตอบยิ้ม ๆ ซึ่งทำเอาชายหนุ่มตะลึง

       "ใคร! ผมรู้จักไหม?!"

       "คิดว่าน่าจะรู้นะ  ก็คุณเป็นอาจารย์ฝ่ายปกครองนี่นา"  เคธี่หัวเราะเบา ๆ ซึ่งก็ทำให้อีกฝ่ายถึงกับขมวดคิ้วยุ่ง

       "อย่าบอกนะว่าเป็นนักเรียน?"  น้ำเสียงนั้นถามด้วยความไม่ค่อยเชื่อถือสักเท่าไรนัก

       "แล้วยูยะคุง ไม่ใช่เด็กนักเรียนหรือคะ"  เคธี่ย้อนถามยิ้ม ๆ ก่อนจะสะกิดให้ชายหนุ่มหันไปให้ความสนใจบนเวที  เพราะตอนนี้ยูยะเล่นเพลงจบแล้ว

       … บ้าจริง! มัวแต่คุยอยู่กับเคธี่  เลยไม่ได้ตั้งใจฟังเพลงของนาโอกิจนจบเลย …อ๊ะ! แต่ไม่เป็นไร  ไว้ให้ไปเล่นให้ฟังสองต่อสองทีหลังก็ได้ หึ! …

       เจ้าตัวคิดอย่างอารมณ์ดี  ก่อนจะกรอกคะแนนเต็มไปให้อย่างไม่ลังเล  เพราะดูจากเสียงปรบมือของทั้งกรรมการและผู้ชมอย่างยาวนานนั่น ก็การันตีฝีมือหนุ่มน้อยคนรักของเขาได้เป็นอย่างดีแล้ว

      "อ้าว! อาจารย์คาเตอร์ จะไปไหนครับนั่น!"  กรรมการคนหนึ่งเอ่ยถาม เมื่อเห็นชายหนุ่มรีบลุกขึ้น หลังจากที่ยูยะเดินเข้าเวทีไปแล้ว

       "ผมรู้สึกไม่สบายมาก ๆ เลย   พวกคุณหาใครแทนผมทีนะ"

       มอร์เฟียซตอบโดยไม่มองหน้า ก่อนจะรีบก้าวพรวดไปให้พ้นจากบริเวณนั้นทันที  โดยที่เคธี่ได้แต่อมยิ้มอยู่คนเดียว เพราะรู้เหตุผลที่แท้จริงของชายหนุ่มดี


       "นาโอกิ!"

       มอร์เฟียซตามมายังห้องพัก ซึ่งเป็นสถานที่พักผ่อนรอฟังผลสำหรับนักดนตรีที่เล่นเสร็จแล้ว

       "มอร์…เอ่อ  อาจารย์คาเตอร์"

       ยูยะเปลี่ยนสรรพนามเรียกชื่อชายหนุ่ม เพราะเห็นว่ามีนักเรียนคนอื่น ๆ อยู่ในห้องนี้ด้วยนอกจากพวกเขา

       "ออกไปกับฉันหน่อยสิ  เดี๋ยวนี้เลยนะ!"

       ชายหนุ่มเร่งมา ซึ่งยูยะก็อึกอัก  เพราะเกรงต่อสายตาคนอื่น ๆ ที่เหลือ

       "ตะ…แต่  ผลการตัดสิน"

       "ไม่ต้องไปรอแล้ว  จะแพ้หรือชนะก็ช่างมันเถอะน่า  ธุระของฉันสำคัญกว่าเรื่องนั้นเยอะ!"

       ยูยะถอนหายใจเบา ๆ เรื่องเอาแต่ใจตัวเองของชายหนุ่มนี่ดูท่าจะแก้ไม่หายอย่างแน่นอน

       "ครับ ๆ  ไปก็ไป"   เจ้าตัวรับคำอย่างจำใจ  เดินตามชายหนุ่มไปต้อย ๆ ในขณะที่คนอื่น ๆ พากันก้มหน้าก้มตา  ไม่มีใครกล้าปริปาก หรือซักถามอะไรแม้แต่น้อย  เพราะชื่อเสียงความน่าสะพรึงกลัวของอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้นี้  นักเรียนในโรงเรียนต่างรู้อยู่แก่ใจกันดีอยู่แล้ว


       ยูยะเดินตามชายหนุ่มไปเรื่อย ๆ ตามทางเดินในอาคารเรียน  แล้วก็ต้องสะดุ้ง เมื่อร่างสูงตรงหน้าหยุดชะงักไปเสียเฉย ๆ และหันกลับมาหาเขาทันที

       "นาโอกิ.."

     มอร์เฟียซเรียกชื่อเด็กหนุ่มแผ่วเบา ก่อนจะรั้งร่างเล็กเข้ามากอดไว้แนบอกแน่น  โดยที่ยูยะดิ้นอึกอักด้วยความตกใจ

       "เดี๋ยวครับ! มอร์เฟียซ! นี่มันกลางทางเดินนะครับ  ถ้าใครมาเห็นเข้าจะว่ายังไง!!"

       หากชายหนุ่มไม่สนใจ  เขาแก้ตัวพร้อมกับซุกไซ้จมูกไปตามซอกคอขาว ๆ นั่นอย่างซุกซน

       "ไม่เป็นไรน่า …คนอื่น ๆ ก็อยู่ที่งานเทศกาลกันหมด ไม่มีใครขึ้นมาบนตึกนี่หรอก.."

       "ตะ..แต่ มอร์เฟียซ"    ยูยะยังคงดิ้นรนไม่ยอมท่าเดียว  จนชายหนุ่มอ่อนใจ

       "ถ้าเปลี่ยนที่จะโอเคไหม… นาโอกิ"

       เด็กหนุ่มหน้าแดง พยักหน้าน้อย ๆ

        "…ถ้าเป็นที่ลับตาคน …ก็..โอเค ครับ"

       พูดจบก็แดงก่ำไปหมดทั้งหน้า  หู  ลงไปกระทั่งคอ  จนมอร์เฟียซเห็นแล้วแทบอยากจะกดร่างเล็กลงไปกับพื้นเสียเดี๋ยวนั้นเลยทีเดียว

       "…งั้นไปห้องฉัน"

       ชายหนุ่มเสนอ และโดยไม่ต้องรอฟังคำตอบ  เขาก็ช้อนร่างเล็กขึ้นในอ้อมแขน เดินก้าวพรวด ๆ ด้วยขายาว ๆ ของตน ไปยังห้องทำงานส่วนตัวอย่างเร่งรีบ  โดยที่ร่างเล็กซุกหน้าแนบชิดกับอกกว้างด้วยความเขินอายไปตลอดทาง



       "ผู้ชนะการแข่งขันดนตรีสากล ประเภทไวโอลิน  ในปีนี้ ได้แก่ นาโอกิ ยูยะ นักเรียนชั้น ม.5 / Z ครับ!!"

       ขาดคำพิธีกรประจำเวทีประกาศ  เสียงเฮ และเสียงปรบมือก็ดังลั่น  คะแนนที่ยูยะได้ออกมาอย่างเป็นเอกฉันท์   คือกรรมการจำนวน  5  ท่าน ให้เต็มทุกท่าน

       เสียงปรบมือที่ดังยาวนาน เริ่มซาลง  และเสียงฮือฮาก็ดังขึ้นมาแทน  เมื่อเจ้าของรางวัลไม่ยอมขึ้นมารับเสียที

       เคธี่  มิลเลอร์  ถอนหายใจเบา ๆ กับสถานการณ์ตรงหน้า   ก่อนจะก้าวขึ้นไปบนเวที  พลางโปรยยิ้มหวานที่ทำให้แทบทุกคนเผลอเคลิ้มตามไปชั่วขณะ  จากนั้นน้ำเสียงใส ๆ จึงประกาศผ่านไมค์ที่ยืมมาจากพิธีกรบนเวทีให้ทุกคนได้รับฟัง

       "คือตอนนี้  นาโอกิ  ยูยะ  ไม่ค่อยสบายนัก จึงขออนุญาตกลับไปพักผ่อน ดังนั้นรางวัลนี้ ทางคณะกรรมการจะขอเก็บไว้มอบให้กับเจ้าตัวในภายหลังนะคะ  ต้องขออภัยท่านผู้ชมทุกท่านไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ"

       เสียงฮือฮาที่แสดงถึงความเข้าใจดังขึ้น  เมื่อเห็นดังนั้นอาจารย์สาวจึงขอตัวลงจากเวที และให้พิธีกรดำเนินการมอบรางวัลรายการอื่นต่อไป

       "เรื่องใจร้อนนี่ก็แก้ไม่หายเลยนะมอร์เฟียซ  แทนที่จะให้ยูยะรับรางวัลให้เรียบร้อยเสียก่อน  รอแค่นี้ก็รอไม่ได้เลย แย่จริง ๆ เฮ่อ!"

      เคธี่บ่นเบา ๆ ก่อนจะแย้มยิ้มน้อย ๆ อย่างนึกขำ ไม่คิดว่าเพื่อนชายจะตกหลุมรักใครอย่างจริงจังได้ถึงเพียงนี้

       "หึ!  ฉันก็ไปหาคนของฉันบ้างดีกว่า  ป่านนี้นั่งรอแหง่ก แล้วแน่!"

       หญิงสาวหัวเราะเบา ๆ เมื่อนึกถึงหนุ่มน้อยคนสำคัญของหล่อน  ที่ไม่เคยเปิดเผยให้ใครรู้มาก่อนแม้แต่กระทั่งกับเพื่อนสนิททั้งสองอย่างชาง และมอร์เฟียส

     … เรื่องอะไรจะให้สองคนนั่นเข้ามาป่วนล่ะ  ฉันเก็บไว้แกล้งของฉันคนเดียวก็พอแล้ว …

       จากนั้นเคธี่ก็เดินฮัมเพลงไปตามทางอย่างอารมณ์ดีเป็นพิเศษ ……



+++ End +++


ตอนหน้า จะเป็นตอนพิเศษสั้น ๆ ของหนุ่มน้อยทั้งสอง ราฟาเอลและมิเชลค่า ใครจับคู่สองคนนี้ถูกมั่งเอ่ย~
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 28-06-2011 21:57:19 โดย Xenon »

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
Re: The Eden School.... Special #2 : Festival (28 มิ.ย. 54)
«ตอบ #59 เมื่อ28-06-2011 22:47:11 »

ตอนพิเศษนี่หวานจริงจังเลย ชอบมากๆๆๆ

แล้วเด็กน้อยของมิสเคธี่ คือใคร อะ คงไม่ใช่ จิมมี่ นะ

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด