Yes! Master.ครับ! คุณชาย (ตำรวจ มาเฟีย&ลูกน้องเก่าแก่?) ตอนที่6(จบ) 11/7/54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: Yes! Master.ครับ! คุณชาย (ตำรวจ มาเฟีย&ลูกน้องเก่าแก่?) ตอนที่6(จบ) 11/7/54  (อ่าน 47727 ครั้ง)

ออฟไลน์ Paracetamol

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 660
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +39/-2
แล้วมิลเลอร์หมดสิทธิจริงๆสิเนี่ย

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog

ตอนที่6 บทส่งท้าย

   ความจริงมิลเลอร์ คอยล์ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่จะทำงานเท่าไหร่นัก เขารู้สึกสับสนปนเปหลายอย่าง อย่างน้อยก็รู้สึกผิดที่ชกเถียนซาน และรู้สึกผิดที่ไล่ต้อนเว่ยจินหยินจนมีสภาพแบบนั้น แต่ใจหนึ่งก็อดไมได้ที่จะสงสารตัวเอง ทำไมเขาต้องไปชอบผู้ชายที่ถนัดเรื่องหลอกใช้คนอื่นแบบเว่ยจินหยินด้วยนะ อาจจะเพราะวิธีหลอกนั่นช่างชวนให้อยากถูกหลอกเสียจริงๆ
   สิ่งที่ทำให้เขาต้องบอกจุดหมายของการเดินทางกับคนขับแท็กซี่ใหม่ก็คือโทรศัพท์ที่เข้ามา
   มิคาเอล ลอว์ฟื้นแล้ว
   ดังนั้นตอนนี้เขาจึงอยู่ที่โรงพยาบาลตำรวจ และกำลังฟังสารวัตรหลี่พูดคุยกับนางพยาบาลคนหนึ่ง
   “เห็นว่าเขายังมีสภาพหวาดระแวงอยู่นิดหน่อย แต่คงพอจะสอบปากคำเบื้องต้นได้ รู้สึกเขาจะถามถึงคุณด้วยนะ เจ้าหน้าที่มิลเลอร์”
   มิลเลอร์ คอยล์ยักไหล่ รู้สึกแปลกใจที่มิคาเอล ลอว์ถามถึงเขา ถามถึงหรือด่ากันแน่ คอยล์ไม่ต้องเสียเวลาถามหาคำตอบของคนอื่นในสมองตัวเองให้ยุ่งยาก หลังจากนั้นอีกไม่กี่นาทีเขาก็ถูกส่งให้เข้าไปอยู่ในห้องพิเศษที่มีการอารักขาแน่นหนา โดยไม่มีใครตามเข้าไปอีก ดูเหมือนมิคาเอล ลอว์จะต้องการพูดกับเขาแค่สองคน
   “คุณดูดีนี่”
   มิลเลอร์ คอยล์เอ่ยทักผู้ที่นั่งอยู่บนเตียง มิคาเอลขยับตัว ยักไหล่ ผมหยักศกสีบล็อนด์ของเขาตกลงปรกใบหน้านิดหน่อย ดูเหมือนเจ้าตัวไม่สนใจจะเสยขึ้น นัยน์ตาสีฟ้าเทาหรี่ลง ริมฝีปากที่ยังดูซีดเซียวยิ้มให้เขา
   “แต่หน้านายดูแย่นะ ยังไม่ได้นอนหรือไง?”
   “ผมคงไม่มีเวลานอนมากเหมือนคุณ”
   มิลเลอร์ คอยล์เอ่ย มิคาเอล ลอว์หัวเราะ
   “เออ จริงของนาย นี่ คุณเหรียญทอง ถ้านายไม่ใช่ตำรวจฉันอาจจะตื้อนายมาเป็นลูกน้องฉันอย่างจริงๆ จังๆ เลยก็ได้นะ อย่างน้อยนายก็เป็นคนคุยสนุกดี”
   “แย่หน่อยที่ผมเป็นตำรวจ ไม่งั้นคุณคงไม่มานอนอยู่ที่นี่”
   มิคาเอล ลอว์สั่นศีรษะ
   “แย่ที่นายดันไปเจอกับจินหยิน แย่ที่ฉันดันนึกแค้นหมอนั่น ถ้าฉันไม่มาเหยียบฮ่องกง ก็คงไม่ซวยแบบนี้หรอก”
   มิลเลอร์ คอยล์ขมวดคิ้ว
   “นี่คุณยอมแพ้แล้วรึ? ผมคิดว่าคุณจะนึกแค้นคุณจินหยินมากขึ้นเสียอีก”
   “โอ...นายลองมาโดนแบบฉันบ้างไหมล่ะ?”
   มิคาเอล ลอว์ย้อน มิลเลอร์ คอยล์สั่นศีรษะทันที แค่ที่โดนอยู่ตัวเขาเองก็ยังนึกขยาดเลย ผู้มีใบหน้าราวเทพบุตรหัวเราะออกมา
   “ฉันน่ะ เคยคิดว่ามีความสามารถพอๆ กับจินหยิน ถึงจะด้อยหรือเด่นกว่ากันในบางเรื่องก็คงไม่ห่างชั้นกันมาก สมัยเรียนด้วยกันก็เป็นแบบนั้น เราแข่งกันตลอด จินหยินพูดจาดี สุภาพ และมีมารยาท จะว่าไปเขาก็ไม่ใช่คนเลวร้ายอะไรนักหรอก ก่อนหน้าที่จะมีเรื่องน่ะนะ”
   “ได้ยินว่าคุณสองคนเคยเป็นรูมเมทกัน”
   มิคาเอล ลอว์หันมามองเขาอย่างแปลกใจ
   “ไปรู้มาจากไหนน่ะ?”
   “ผมไปพบคุณจินหยินเมื่อเช้า”
   ผู้มีใบหน้าราวเทพบุตรชะงักไปพักใหญ่ ก่อนจะหัวเราะออกมา
   “จินหยินเล่าให้นายฟังรึ? เล่าว่าอะไรบ้างล่ะ?”
   “เล่าว่าเขาหลอกคุณไปให้ผู้ชายข่มขืน เพราะคุณพูดมากเกินไป”
   “นานๆ ทีหมอนั่นจะพูดความจริงกับคนอื่นนะเนี่ย ก็ตามนั้นแหละ แต่เขาไม่ได้บอกนายล่ะสิว่าฉันพูดมากเรื่องอะไร”
   มิลเลอร์ คอยล์สั่นศีรษะ มิคาเอล ลอว์ยกแก้วน้ำขึ้นมาจิบและพูดต่อ
   “นายรู้จักลูกน้องคนหนึ่งของเขาที่ชื่อเถียนซานใช่ไหมล่ะ อืม..ก็คงรู้จักนั่นแหละ เมื่อคืนเจ้าหมอนั่นก็ไปที่นั่นด้วยนี่นะ ให้ตายสิ ทำไมเว่ยจินหยินถึงได้มีลูกน้องที่เก่งบัดซบแบบนั้น ฉันไม่ชอบใจเลย เขาน่าจะมีจุดอ่อนบ้าง...เฮ้อ...”
   ฝ่ายที่พูดถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน พอนึกถึงสิ่งที่มิคาเอลโดนไปเมื่อคืนแล้ว มิลเลอร์ คอยล์ก็อดนับถือที่เขายังสามารถพูดจากคล่องปร๋อแบบนี้ได้ ที่เว่ยจินหยินพูดคงไม่ผิดนัก หมอนี่เป็นพวกประสาทแข็งจริงๆ
   “เล่าไปถึงไหนแล้วล่ะ อ้อ ใช่ เถียนซาน หมอนั่นไปเยี่ยมจินหยินบ่อยๆ ตอนอยู่ที่อังกฤษ จริงๆ ฉันรู้จักชื่อนั่นก่อนจะได้เจอตัวเป็นๆ อีก คืนนั้นฉันนอนอยู่ อืม..จินหยินคงเล่าให้นายฟังแล้วว่าฉันติดยา..แต่เรื่องนี้นายจะเอาไปฟ้องฉันย้อนหลังไม่ได้หรอกนะ เพราะคดีมันสิ้นสุดแล้ว”
   “คุณเล่าไปเถอะ แค่คดีตอนนี้คุณก็ติดคุกหัวโตแล้ว”
   “นั่นสิ”
   มิคาเอล ลอว์กล่าว และหัวเราะ ดูเหมือนคำว่าคุกจะไม่ส่งผลอะไรกับเขาเลย อย่างกับว่าเขาจะหลุดออกมาง่ายๆ งั้นแหละ
   “ฉันกำลังเคลิ้มๆ ตอนแรกก็คิดว่าประสาทหลอนหรอก เพราะปกติจินหยินไม่ค่อยทำเสียงอะไรแบบนั้น จะให้บรรยายไหมล่ะ มันเอ็กซ์และเซ็กซี่กว่าที่เขาร้องให้นายฟังเมื่อคืนหลายเท่าเลยล่ะ แล้วหมอนั่นก็ละเมอเรียกชื่ออาซานออกมา”
   “ฉันรู้สึกว่า ฉันคงได้ฟังความลับอันยิ่งใหญ่ของจินหยินแล้ว ถ้านายรู้จักเขา นายต้องอยากจะกำจุดอ่อนของเขาไว้บ้าง หลังจากนั้นฉันเลยลองแหย่เขาเล่น ลองถามเรื่องเถียนซาน แล้วผลที่ได้ก็คือเขาขู่ว่าจะเอาเรื่องที่ฉันเสพยาไปบอกตำรวจ ฉันเลยรู้ว่าจินหยินคงคิดจะปิดเรื่องนี้อย่างจริงจัง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากหลังจากนั้น เพราะอาซานเป็นใครฉันเองก็ไม่รู้จัก เดาว่าคงเป็นเพื่อนหรือใครที่อยู่ที่ฮ่องกงล่ะมั้ง และคงไม่มีทางได้เจอกันหรอก”
   “แต่แล้วนายก็ต้องเชื่อว่าความซวยมันมีจริง วันหนึ่งเถียนซานมาเคาะประตูห้องพวกเรา เขาคงคลาดกับจินหยินที่ไหนสักแห่ง และคิดว่าจินหยินกลับมาที่ห้อง ตอนนั้นฉันถึงได้เจอเขา สิบปีที่แล้วนะเถียนซานดูดีกว่าตอนนี้เยอะเลยล่ะ อย่างน้อยก็ไม่แต่งตัวโทรมเหมือนเมื่อคืน เขาเป็นคนฮ่องกงที่สูงจนน่าตกใจ ตัดผมสั้นเกรียน หน้าตาจริงจังแต่ก็ไม่ได้ทำให้รู้สึกกดดันมาก ดูคล้ายๆ รูปสลักหินน่ะ แต่พอเขายิ้มนะ ฉันคิดว่าผู้ชายคนนี้เท่น่าดู เขาแนะนำตัวเอง และถามหาจินหยิน ตอนนั้นฉันเลยเข้าใจทันทีว่าอาซานที่จินหยินเคยละเมอถึงต้องเป็นหมอนี่แน่ๆ มันก็แค่การเล่าสู่กันฟังธรรมดาๆ ฉันเล่าให้เถียนซานฟังว่าจินหยินเคยละเมอถึงเขา และใส่ความคิดเห็นลงไปหน่อยว่าบางทีจินหยินอาจจะชอบเขาอยู่ก็ได้ ตอนนั้นฉันคิดว่าถ้าเถียนซานตอบรับจินหยินล่ะก็ เจ้าจิ้งจอกใส่แว่นนั่นจะดูอ่อนข้อลงหน่อย ก็แหม..คนมีความรักก็ต้องอ่อนโยนใช่ไหมล่ะ ที่ไหนได้ เถียนซานน่ะแค่พยักหน้าว่ารับรู้ แต่จินหยินนี่สิ ฉันไม่รู้ว่าเขามายืนอยู่หน้าประตูตอนไหน แต่คงได้ยินครบทุกคำพูดนั่นแหละ เขาเปิดประตูเข้ามาและจ้องฉันเหมือนจะฆ่าให้ตาย หลังจากนั้นเรื่องมันก็เป็นอย่างที่เขาเล่าให้นายฟัง”
   “ตอนนี้เขาคงนึกเสียใจอยู่”
   มิลเลอร์ คอยล์เอ่ย มิคาเอล ลอว์ขมวดคิ้ว”
   “เสียใจ จินหยินน่ะนะ?”
   ผู้พูดก่อนพยักหน้า และกล่าวต่อ
   “เขากำลังเขียนหนังสือขอโทษคุณอยู่ ตอนผมไปถึง”
   มิคาเอล ลอว์เกิดอาการสำลักน้ำทันที เขารีบวางแก้วน้ำลง และไอโขลกๆ อยู่พักหนึ่ง
   “ห้ามเอามาให้ฉัน ฉันไม่อยากแม้แต่จะชายตามองสำนวนอันน่าคลื่นเหียนนั่น ถึงฉันจะยอมแพ้แต่ไม่ใช่ว่าฉันจะยอมอ่านอะไรงี่เง่าแบบนั้นหรอกนะ”
   “คุณไม่ให้อภัยเขารึ?”
   “อภัย?”
   ลอว์เอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าแปลกใจถึงขีดสุด
   “คนอย่างจินหยินไม่ต้องการของแบบนั้นหรอก เขาไม่เคยเสียใจกับสิ่งที่ทำลงไป นายรู้จักเขาขนาดไหนล่ะ? จินหยินไม่ใช่คนที่จะทำอะไรบุ่มบ่ามโดยไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีหรอกนะ เพราะฉะนั้น อะไรที่เขาทำ มันคือสิ่งที่เขาคิดทบทวนมาดีแล้ว และหมอนั่นจะไม่เสียใจหรือสำนึกผิดเลย ฉันว่าไอ้จดหมายขอโทษนั่น คงมีใครใช้ให้เขาเขียนแน่ๆ ให้เดานะ คงเป็นเถียนซานใช่ไหมล่ะ?”
   “คุณเดาถูก ดูเหมือนคุณจินหยินจะยอมอ่อนข้อให้ลูกน้องคนนี้ของเขานะ”
   “ถ้าเลือกได้เขาคงยอมให้ทั้งตัวเลย”
   มิคาเอล ลอว์พูดและหัวเราะ
   “เสียแต่ดูท่าทางเถียนซานจะไม่เล่นด้วย พูดไปก็ขำ ชีวิตของเว่ยจินหยินอาจจะมีจุดด่างพร้อยตรงนี้ก็ได้ อาพับรัก ก็ดี..ไม่งั้นพระเจ้าก็คงลำเอียงมากไปหน่อยล่ะ ให้คนแบบหมอนั่นมีอะไรที่ทำไม่สำเร็จบ้าง”
   มิลเลอร์ คอยล์ไม่รู้ว่าเขาควรจะเห็นด้วยกับข้อนี้หรือเปล่า เขาเองก็สงสารเว่ยจินหยินเหมือนกัน เถียนซานจะปฏิบัติต่อเจ้านายของเขาในรูปแบบไหนกันนะ
   “นี่ คุณมิลเลอร์ มีอะไรจะสอบปากคำฉันเป็นพิเศษอีกไหม เพราะอีกไม่นานฉันคงต้องนั่งพ่นภาษาจีนกับตำรวจที่นี่เป็นไฟแลบ อืม..ที่ฉันเรียกนายมาก่อนนี่เพราะฉันอยากพูดภาษาอังกฤษบ้าง แล้วนายเองก็ดูจะอยากฟังเรื่องของจินหยินอยู่”
   “ผมดูเหมือนแบบนั้นหรือ?”
   มิคาเอล ลอว์พยักหน้า
   “ก็นายดูสนใจจินหยินน่าดู ความจริงฉันอยากหาคนระบายเรื่องจินหยิน อืม..ถามหน่อยเหอะ นายชอบจินหยินจริงๆ?”
   มิลเลอร์ คอยล์พยักหน้า
   “ผมเพิ่งบอกรักเขา นี่ผมแจ้นไปหาเขาทั้งๆ ที่เกือบไม่ได้นอนเลยนะ”
   “งั้นฉันต้องทำหน้าเสียใจกับนายสินะ นายอุตส่าห์ไปทั้งๆ ที่ยังไม่ได้นอน แล้วพอนายพูดคำนั้น เขาก็หักอกนายดังเป๊าะ นายก็เลยกลับมาด้วยหน้าตาบอกบุญไม่รับแถมดูอย่างกับถูกผีหลอก”
   “คุณเดาถูกทุกอย่างแหละ แต่ผมไม่ได้ถูกผีหลอก ผมถูกคนหลอก”
   “อืม..ถูกจินหยินหลอก”
   มิคาเอล ลอว์ว่า และโคลงศีรษะ
   “นี่ ที่คุกอังกฤษไม่อนุญาตให้เสพโคเคนใช่ไหม? มียาอะไรให้เสพได้บ้าง”
   “ไม่มีคุกที่ไหนให้เสพยาเสพติดหรอกนะ คุณลอว์”
   มิลเลอร์ คอยล์เอ่ยและขมวดคิ้ว มิคาเอล ลอว์หัวเราะ
   “งั้นฉันคงหลบไปเลียแผลที่นั่นสักสองสามเดือนก็พอ ฉันว่าคนในคุกคงไม่เลวร้ายนักหรอกถ้าเทียบกันจินหยินน่ะนะ”
   “คุณต้องทดลอง แต่ผมว่าคุณได้ทดลองนานกว่าสามเดือนแน่ๆ”
   มิลเลอร์ คอยล์ตอบ ทางนั้นหัวเราะอีกรอบ
   “นี่ คุณเหรียญทอง ถ้าเพิ่งอกหักล่ะก็ ฉันดามให้ชั่วคราวไหมล่ะ?”
   ผู้ถูกถามสั่นศีรษะ
   “ไม่เอาล่ะครับ ผมไม่ได้รับอนุญาตให้มีอะไรกับผู้ต้องหา แล้วคุณก็ไม่ใช่สเป๊กผม”
   “นั่นสินะ..นายชอบแบบจินหยินนี่ งั้นขอต้อนรับสู่บ้านอาพับรัก”
   “ผมว่าผมหาใหม่ได้น่า.. เอาล่ะคุณลอว์ กินน้ำให้เสร็จ ผมมีอีกหลายเรื่องจะถามคุณ”

------------------------------------------------------
   เว่ยจินหยินได้ยินเสียงตัวเองละเมอในความฝัน ความฝันที่เขาเป็นผู้หญิงธรรมดาๆ คนหนึ่งซึ่งได้อยู่เคียงข้างสามีอันเป็นที่รัก สามีที่มีชื่อเรียกง่ายๆ ว่าเถียนซาน
   ร่างบางลืมตาขึ้นช้าๆ สิ่งที่เห็นคือเพดานห้องนอนสีขาว และเสาเตียง เขาฝันแบบนี้มานานเท่าไหร่แล้ว เว่ยจินหยินระบุไม่ได้เลย ความฝันที่เป็นเหมือนภาพหลอน ฝันที่น่าอับอายในเมื่อเขาเป็นผู้ชายและเถียนซานเป็นคนที่เลี้ยงเขามากับมือและยังเป็นลูกน้องของเขา
   คุณชายรองแห่งตระกูลเว่ยบิดตัว และรู้สึกปวดร้าวตรงตะโพกอยู่บ้าง เขาพลิกกายไปด้านข้าง และพบว่าไม่มีใครอยู่บนเตียงอีกนอนกจากตัวเขา  อย่างนั้นมันคงเป็นแค่ความฝันจริงๆ
   เว่ยจินหยินยันตัวลุกขึ้น และยิ้มออกมา เมื่อพบว่าใครคนหนึ่งเตรียมเสื้อผ้าที่จะใช้สวมใส่ให้เขาอยู่
   “อรุณสวัสดิ์ครับคุณชาย รู้สึกไม่สบายตรงไหนรึเปล่า?”
   ผู้ถูกถามสั่นศีรษะ และนั่งอยู่แบบนั้นเนิ่นนานจึงเอ่ยคำพูดออกมา
   “นี่ถือว่าฉันฝันอยู่ไหม?”
   เถียนซานหันมาและยิ้ม
   “ตื่นได้แล้วล่ะครับ ก่อนที่ทุกคนจะเป็นห่วง ผมว่าวันนี้คุณคงต้องทำงาน”
   เว่ยจินหยินเงยหน้าขึ้นมองนาฬิกา มันบอกเวลาเก้าโมงเศษแล้ว เขายิ้มอย่างไม่ค่อยใส่ใจนัก
   “ฉันตื่นเอาอีกวันนึงเลยหรือ... อืม ขอผ้าเช็ดตัวหน่อยสิ”
   เถียนซานหยิบผ้าเช็ดตัวขึ้นมาและเดินไปส่งให้เจ้านายพร้อมด้วยเสื้อคลุมอาบน้ำ เว่ยจินหยินรับมาแค่ผ้าเช็ดตัวและปัดเสื้อคลุมออก
   “ไม่ต้องหรอก ห้องน้ำอยู่แค่นี้เอง”
   คุณชายรองแห่งตระกูลเว่ยไถลร่างเปลือยเปล่าลงมาจากเตียง นุ่งผ้าเช็ดตัวและเดินเข้าห้องน้ำไป กลับออกมาในสภาพอาบน้ำเรียบร้อย เถียนซานสวมเสื้อให้เขา
   “นี่ นายจะกลับไปที่หน่วยเลยรึปล่า?”
   “ครับ”
   อีกฝ่ายพยักหน้า และจัดแจงผูกเน็คไทของเจ้านายให้เข้าที่ เว่ยจินหยินส่งเสียงอืมในลำคอ
   “ขอบใจนะที่ดูแลฉัน”
   ผู้เป็นเจ้านายเอ่ยและยกแขนขึ้นเพื่อสวมเสื้อสูทจากมือของอดีตลูกน้อง เถียนซานยิ้ม
   “ไม่เป็นไรครับ มันเป็นสิ่งที่ผมเต็มใจทำอยู่แล้ว”
   เว่ยจินหยินยิ้มตอบ และเขย่งขึ้นเอาริมฝีปากของตัวเองแตะริมฝีปากของเถียนซาน ก่อนจะหัวเราะ
   “ฉันขอแอบละเมอนิดหน่อยแล้วกัน”
   เขาว่า และเดินออกจากห้องไป
-----------------------------------------
   หนึ่งสัปดาห์ที่มิลเลอร์ คอยล์ไม่ได้โผล่ไปที่สำนักงานของเว่ยจินหยินเลย เขายุ่งวุ่นวายอยู่กับการประสานงานเรื่องการส่งตัวมิคาเอล ลอว์เป็นผู้ร้ายข้ามแดน กว่าจะรู้ตัวอีกทีก็ถึงวันที่ต้องกลับอังกฤษแล้ว ตอนที่ลงจากรถของกรมตำรวจที่สนามบิน เขารู้สึกใจหายนิดหน่อย หลังจากวันนั้นยังไม่ได้มีโอกาสพูดคุยกับผู้ชายที่ชื่อว่าเว่ยจินหยินอีก  ไอ้ครั้นจะหวังลมๆ แล้งๆ ว่าเว่ยจินหยินจะมาส่งเขาก็คงเพ้อเจ้อจนน่าเขกหัว จริงๆ แล้วเขาก็แค่หมากที่เว่ยจินหยินบังเอิญมาเจอเข้าก็เลยเก็บไปใช้งานแค่นั้นเอง แต่ว่าผิวเรียบละเอียดลื่นนั่นยังฝั่งแน่นอยู่ในความทรงจำของเขาอยู่เลย ถึงจะถูกใช้เป็นตัวแทนของเถียนซานก็เถอะ มิลเลอร์ คอยล์หวังแค่อยากจะเห็นหน้าของเว่ยจินหยินก่อนกลับอังกฤษสักครั้ง เผื่อจะได้พูดอะไรนิดๆ หน่อยๆ
   ผู้ชายสวมแว่นตาดำในชุดสูทเต็มยศเดินตรงเข้ามายังกลุ่มเจ้าหน้าที่ที่ยืนอยู่ตรงจุดเช็คสัมภาระ ในมือมีช่อดอกลิลลี่สีขาวช่อใหญ่ ด้านหลังมีผู้ติดตามอีกราวๆ ห้าหกคน สารวัตรหลี่เป็นคนแรกที่หันไปทักเขา
   “คุณชายเว่ย มาด้วยหรือครับ?”
   มิลเลอร์ คอยล์รู้สึกขนลุกซู่ เพิ่งคิดถึงอยู่เมื่อครู่นี้เอง เว่ยจินหยินก็โผล่มาล่ะรึ หรือว่าจะมาส่งเขา
   “ฉันมาส่งมิกกี้ พร้อมกับจดหมายขอโทษ”
   เว่ยจินหยินกล่าว พลางหยิบซองจดหมายสีครีมออกมา มิคาเอล ลอว์ที่สวมกุญแจมือโดยมีผ้าคลุมทับอยู่อีกชั้นหนึ่งหันมาถลึงตาใส่
   “ไม่ต้องเลยจินหยิน ฉันจะไม่รับของจากนายหรืออ่านจดหมายงี่เง่านั่นเด็ดขาด”
   เว่ยจินหยินส่ายหน้า
   “นายไม่เคยมารยาททรามแบบนี้นี่  งั้นฉันจะฝากมิลเลอร์เอาไว้แล้วกัน เผื่อนายอาจจะอยากอ่าน”
   “ฝันไปเหอะ!!”
   มิคาเอล ลอว์เอ่ย ก่อนจะถูกผลักให้เข้าไปในเครื่องสแกน เว่ยจินหยินเลยยกช่อดอกไม้ กับซองจดหมายยัดใส่มือมิลเลอร์ คอยล์
   “ฝากจดหมายให้มิกกี้ด้วย ฉันคิดว่าเขาคงอยากจะเปิดดูแต่อาจจะเขินที่จะทำตอนนี้”
   มิลเลอร์ ยิ้มแห้งๆ เขาไม่แน่ใจว่าเว่ยจินหยินคิดแบบนั้นจริงๆ หรืออยากจะประชดกันแน่
   "ดอกไม้นี่ด้วยใช่ไหมครับ?”
   เว่ยจินหยินสั่นศีรษะ
   “ดอกไม้นี่ฉันให้นาย แต่ขึ้นเครื่องเอาดอกไม้เข้าไปด้วยไม่ได้นี่นา งั้นนายคืนฉันมาดีกว่า”
   “คุณจะเล่นตลกอะไรอีกเนี่ย?”
   คอยล์ถามอย่างงุนงง เว่ยจินหยินหัวเราะร่วน
   “ฉันล้อเล่น มันเป็นดอกไม้ปลอม ถ้านายพอใจจะหอบมันขึ้นไปทั้งอย่างนั้นเลยก็ได้”
   “ให้ผมจริงๆ?”
   “นายเห็นฉันยัดใส่มือคนอื่นหรือไง”
   เว่ยจินหยินย้อน มิลเลอร์ คอยล์สั่นศีรษะ จะว่าไปเขาไม่เคยเห็นเว่ยจินหยินสวมแว่นตาดำมาก่อน แบบนี้ก็ดูดีไปอีกแบบ
   “นี่..คุณชายครับ ไหนๆ คุณก็มาแล้ว ผมขออะไรสักอย่างได้รึเปล่า?”
   “อะไรอีกล่ะ”
   เว่ยจินหยินถามด้วยน้ำเสียงไม่ค่อยจะไว้ใจนัก มิลเลอร์ คอยล์ยิ้มแต้
   “ขอรูปถ่ายคุณสักรูปได้หรือเปล่า?”
   คิ้วของเว่ยจินหยินขมวดเข้าหากัน ดีที่ใส่แว่นดำอยู่เลยไม่เห็นว่าทำตาแบบไหน เขาพูดอย่างรำคาญ
   “ฉันไม่มีติดมาหรอก”
   “งั้นถ่ายกับผมตรงนี้เลย เดี๋ยวผมฝากสารวัตรหลี่ถ่ายให้”
   มิลเลอร์ คอยล์ว่าและหยิบกล้องดิจิตอลขึ้นมาจากส่วนหน้าของกระเป๋าเดินทาง ทำท่าจะเดินไปหาสารวัตรหลี่ที่ยืนทำหน้าไม่ถูกอยู่ และถูกเว่ยจินหยินดึงคอเสื้อเอาไว้
   “นายเป็นตำรวจจริงๆ หรือเปล่าเนี่ย”

ออฟไลน์ juon

  • มนุษย์หน้าคีย์บอร์ด
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1030
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +782/-3
    • My novel blog
   ฝ่ายนั้นถาม ผู้ถูกถามหัวเราะอีก
   “เป็นจริงๆ สิครับ ผมไม่ถ่ายรูปคุณไปทำประวัติอาชญากรหรอก”
   เว่ยจินหยินโบกมือ
   “ไม่ต้อง ฉันจะส่งรูปไปให้นายที่อังกฤษ โอเคไหม?”
   “จริงๆ นะครับ?”
   “นายเห็นฉันเป็นคนโกหกหรือไง”
   มิลเลอร์ คอยล์พยักหน้านิดหน่อย
   “ก็คุณชอบหลอก”
   “เฮ้ย มิลเลอร์ ถ้านายยังไม่มาล่ะก็ พวกเราจะทิ้งนายไว้ที่นี่นะ”
   เพื่อนร่วมทางที่เป็นตำรวจฮ่องกงซึ่งถูกส่งไปเป็นเพื่อนตะโกนข้ามเครื่องตรวจวัตถุอันตรายเข้ามา คอยล์พยักหน้าหงึกๆ
   “เอาเป็นว่าผมจะเชื่อคุณอีกรอบแล้วกัน ขอบคุณนะครับ แล้วก็ ผมชอบคุณนะ”
   เขาว่าและวิ่งตื๋อพร้อมกับลากกระเป๋าไปเข้าเครื่องสแกน เว่ยจินหยินนึกสงสัยว่ากรมตำรวจอังกฤษรับคนแบบนี้เข้ามาทำงานได้ยังไง เอาเถอะ เดี๋ยวเขาคงจะได้คำตอบ

------------------------------------------
   “ไมเคิล พัสดุที่ฉันให้ส่งไปอังกฤษเมื่อวานนายส่งไปหรือยัง”
   เว่ยจินหยินเอ่ยถามลูกน้องคนสนิทหลังจากกลับมาถึงสำนักงานแล้ว ไมเคิลสั่นศีรษะ เขาไม่ได้ตามเว่ยจินหยินไปที่สนามบิน แต่มีโจไปแทน ผู้เป็นเจ้านายพยักหน้า
   “ก็ดี งั้นฉันฝากนายส่งจดหมายอีกสักฉบับแล้วกัน”
   “ครับ”
   ผู้เป็นลูกน้องรับคำ ขณะที่เจ้านายของเขาหยิบรูปถ่ายใบหนึ่งขึ้นมาและเขียนอะไรบางอย่างลงไปก่อนจะใส่ลงไปในซองจดหมายที่จ่าหน้าเรียบร้อยแล้ว
   “ขอบใจนะ”
   เว่ยจินหยินกล่าว หลังจากไมเคิลรับจดหมายไปแล้ว ไม่นานหลังจากเขาหย่อนก้นลงบนเก้าอี้ทำงาน เสียงโทรศัพท์สายในก็ดังขึ้น ไมเคิลรับมันและกรอกเสียงลงไป ก่อนจะหันมาพูดกับผู้เป็นนาย
   “คุณชายครับ สุ่ยมารอพบที่ด้านล่างครับ เขาไม่ยอมขึ้นมาบนนี้”
    เว่ยจินหยินพยักหน้า และผุดลุกขึ้น
   “ฉันจะลงไปก็แล้วกัน”
   
   “หายดีแล้วหรือ?”
   นั่นคือคำแรกที่เว่ยจินหยินเอ่ยเมื่อเห็นอดีตลูกน้องที่ทรยศเขา สุ่ยพยักหน้า เขายืนอยู่ตรงโถงที่บริเวณประตูทางเข้า และยืนนิ่งอยู่นานถึงได้เอ่ยออกมา
   “คุณ ไม่ได้เล่าเรื่องผมให้ใครฟังเลยรึ?”
   เว่ยจินหยินยักไหล่
   “มีแค่บางคน ฉันเล่าเท่าที่จำเป็น นายก็รู้”
   บรรดาพนักงานในตึกหันมาจ้องมองการสนทนานี้อย่างสนใจใคร่รู้ เพราะจู่ๆ สุ่ยก็หายไป แล้วก็มาโผล่เอาวันนี้ แถมยังไม่ยอมขึ้นไปบนตึกอีก ทุกคนก็ย่อมสงสัยเป็นธรรมดา
   “จะปิดไปทำไม ในเมื่อผมไม่ใช่ลูกน้องคุณแล้ว”
   อดีตลูกน้องเอ่ย เขาเงยหน้าขึ้นมองอดีตเจ้านายด้วยแววตาอ่อนล้าอย่างบอกไม่ถูก เว่ยจินหยินยักไหล่
   “ก็ใช่ นายไม่มีคุณสมบัติจะเป็นลูกน้องฉัน เพราะอย่างนั้นฉันจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่จะพูดถึงนาย”
   สุ่ยเบือนหน้าไปทางอื่น และนิ่งไปอีกพักใหญ่
   “ผมไปเบิกเงินประกันมาแล้ว”
   “อ้อ...ฉันดีใจกับเย่หมิงด้วย”
   เว่ยจินหยินกล่าว อีกฝ่ายถอนหายใจและหลับตาลง ก่อนจะก้าวเดินมาหาเว่ยจินหยินอย่างเงียบๆ และพูดเบาๆ
   “ผมมาทีนี่เพื่อจะบอกกับคุณว่า ผมจะไปเรียนต่อ”
   คนฟังพยักหน้า แต่อีกฝ่ายยังคงไม่ขยับไปไหน เขาทรุดตัวลงคุกเข่า และก้มลงจูบรองเท้าหนังคู่นั้น
   “แล้วผมจะกลับมาทำงานให้คุณจนกว่าชีวิตจะหาไม่”
   สุ่ยกล่าว เงยหน้าขึ้นมองเว่ยจินหยินด้วยแววตาเด็ดเดี่ยวและมุ่งมั่น
   “ด้วยความยินดี”
   เว่ยจินหยินกล่าว และยิ้มให้อดีตลูกน้อง
   “นายจะกลับมาเมื่อไหร่ก็ได้ เพราะนายมีคุณสมบัติพอ”
---------------------------------------------
   “จะไปล่ะรึ?”
   เถียนซานจะงักมือเมื่อได้ยินเสียงทัก ไม่ต้องเงยขึ้นไปมองหน้าก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร เว่ยจินหยินยิ้มพลางก้าวเท้าเข้ามาหาอดีตลูกน้องที่กำลังจะไขประตูรถ
   “เป็นนายจริงๆ สินะ ไปพูดอะไรกับสุ่ยล่ะ?”
   เถียนซานสั่นศีรษะ
   “ผมเปล่า แค่ไปเยี่ยมเขาเฉยๆ เขาเป็นคนขอติดรถมาที่นี่เอง”
   “งั้นก็แปลว่านายตั้งใจจะมาที่นี่อยู่แล้วล่ะสิ”
   “ผมแค่ผ่านน่ะครับ”
   เถียนซานว่า เว่ยจินหยินยกมือขึ้นดันแว่น
   “แค่ผ่านรึ? คิดว่านายตั้งใจจะมาหาฉันเสียอีก”
   ผู้ถูกถามยิ้มบางๆ
   “ผมคิดว่าคุณจะคุยกับสุ่ยนายกว่านี้ เลยว่าจะออกไปก่อน ไม่มีนัดอาหารเที่ยงหรือครับวันนี้?”
   เว่ยจินหยินยักไหล่
   “ฉันเคลียร์ออกไปแล้ว เผื่อว่าจะอยู่ที่สนามบินนาน ฉันเอาจดหมายขอโทษไปให้มิกกี้แล้วนะ แต่ไม่รู้เขาจะอ่านหรือเปล่า”
   “ผมดีใจที่คุณทำแบบนั้น ถ้าคุณว่าง ไปทานข้าวกันไหมล่ะครับ?”
   ผู้ถูกถามยิ้มออกมา
   “เอาสิ นานๆ นายจะเป็นฝ่ายชวนนี่นะ ไมเคิลคงรู้หรอกว่าฉันออกไปกับนาย”
   “บอกเขาไว้ล่วงหน้าหรือครับ?”
   ผู้เป็นลูกน้องถามอย่างสงสัย ขณะเปิดประตูรถให้อีกฝ่าย เว่ยจินหยินพยักหน้าน้อยๆ
   “ใครๆ เขาก็รู้กันทั้งนั้นแหละว่าถ้าฉันหายไปแปลว่าออกไปกับนาย แต่ฉันบอกไมเคิลไว้แล้วล่ะว่าฉันจะออกมาหานายเสียหน่อย”
   “ก็ดีแล้วครับที่คุณบอก เดือนที่แล้วไมเคิลโทรหาผมถามถึงคุณห้ารอบ คุณควรบอกเขาว่าคุณออกไปไหน”
   “บางทีฉันก็ลืม”
   เว่ยจินหยินแก้ตัว เถียนซานสตาร์ทรถ
   “คุณไม่ควรลืมอะไรแบบนั้นนะครับ ทุกคนเขาเป็นห่วง”
   “อืม...ไว้ฉันจะรายงานไมเคิลแล้วกันว่าฉันไปไหนบ้าง แล้วนี่เราจะไปทานอะไรกันที่ไหนล่ะ?”
   “ไปที่บ้านผมไหมล่ะครับ วันนี้อาซิงไม่ได้เข้าเวร”
   เว่ยจินหยินพยักหน้า
   “นานๆ ทีไปเจออาซิงบ้างก็ดีเหมือนกัน แต่นายต้องเป็นคนทำกับข้าวนะ กับข้าวฝีมืออาซิงฉันกินไม่ไหว”
    เถียนซานหัวเราะร่วน ก่อนที่รถเก๋งโตโยต้าสีน้ำเงินจะแล่นทะยานออกไป

---------------------------------------------
   มิลเลอร์ คอยล์หยิบซองจดหมายสีครีมที่วางอยู่บนโต๊ะทำงานของเขาขึ้นมาด้วยความตื่นเต้น มันจ่าหน้าเป็นภาษาอังกฤษด้วยลายมือเรียบร้อยเป็นระเบียบ พอบวกเข้ากับตราปั๊มที่มาจากฮ่องกงแล้วก็พอจะเดาได้ว่าผู้ส่งเป็นใคร  นายตำรวจหนุ่มหยิบมีดพกขึ้นมาตัดซองจดหมายออก  เขากลับมาอังกฤษได้สองสัปดาห์แล้ว และได้รับคำชมเชยพอสมควรสำหรับภารกิจ มิคาเอล ลอว์กำลังขึ้นศาล โทษของเขาถ้าไม่ประหารก็จำคุกต่ำๆ เจ็ดสิบห้าปี นานพอจะทำให้แก่ตายในคุกได้ แต่ดูเหมือนเจ้าตัวจะไม่หยี่หระ ราวกับว่าเขาจะติดคุกไม่เกิดสามเดือน มิลเลอร์นึกกลัวว่าลอว์จะฆ่าตัวตายในคุก แต่คนที่ทนกับการกดดันของเว่ยจินหยินได้ไม่น่าจะคิดอะไรสั้นๆ รูปถ่ายใบหนึ่งหล่นออกมาจากซองจดหมาย มิลเลอร์ คอยล์หยิบมันขึ้นมาพร้อมกับเสียงหัวใจเต้นไม่เป็นจังหวะ รูปถ่ายขนาดครึ่งตัวของเว่ยจินหยิน ที่ยิ้มให้กล้องอย่างน่ารัก ในชุดเสื้อยืดสบายๆ ที่เขาไม่เคยเห็นมาก่อน เหมือนจะถ่ายที่ทะเลแถวไหนสักแห่ง อาจจะเป็นตอนไปเที่ยว มิลเลอร์ คอยล์นึกแว้บขึ้นมาในสมองทันทีว่าคนกดชัตเตอร์ที่ทำให้เว่ยจินหยินยิ้มแบบนี้ได้ คงไม่ใช่ใครอื่นนอกจากเถียนซานคนนั้นแน่ๆ แม้จะสงสัยในความสัมพันธ์แต่คอยล์ไม่กล้าถาม เขากลัว กลัวว่าจะถูกดับความหวัง อย่างน้อยขอให้เขาแอบฝันถึงเว่ยจินหยินบ้าง  รูปถ่ายที่ส่งมานี่ก็ไม่เลวนักหรอก ถ้าไม่นึกว่าเว่ยจินหยินยิ้มให้คนที่ถ่าย ก็พอจะหลงตัวเองได้ว่ายิ้มให้เขานี่แหละ มิลเลอร์ คอยล์พลิกด้านหลังรูป มีลายมือของเว่ยจินหยินเขียนอยู่เป็นภาษาอังกฤษ

   ที่ระลึกแด่นายตำรวจที่มารยาททรามที่สุดเท่าที่ฉันเคยพบมา
                                                                                    เว่ยจินหยิน
                                                                     12 พฤษภาคม  2006

   มิลเลอร์ คอยล์หัวเราะ เขาเก็บรูปนั้นเข้ากระเป๋าสตางค์และหยิบการ์ดที่ติดอยู่บนช่อดอกไม้ซึ่งวางเสียบแจกันบนโต๊ะขึ้นมาดู มันเขียนด้วยลายมือเรียบร้อยไม่ต่างกัน

   แด่เจ้าหน้าที่มิลเลอร์ คอยล์ ผู้ควรจะมีคำว่ามารยาททรามตามหลังชื่อ ขอบคุณในหลายๆ เรื่อง
                                                                                                                         เว่ยจินหยิน

   สรุปว่าเว่ยจินหยินปักใจเชื่อว่าเขามารยาททรามจริงๆ หรือนี่ คอยล์หยิบปฏิทินขึ้นมาดู สัปดาห์หน้าจะมีวันหยุดติดกันสามวัน ถ้าเขาลางานเพิ่ม ซึ่งตอนนี้ก็ยังไม่มีงานด่วนอะไรเข้ามาก็คงมีเวลาพอไปเที่ยวฮ่องกงสักสองสามวัน อาศัยเงินโบนัสที่เก็บเอาไว้กับที่พักถูกๆ ที่ไปสำรวจมา ก็น่าจะพออยู่ได้ไม่ขัดสน มิลเลอร์ คอยล์คิดว่าคงต้องใช้ร่างกายอธิบายกับเว่ยจินหยินว่าคำว่ามารยาททรามนั้นไม่เหมาะกับเขาสักนิด  ขณะที่กำลังคิดอะไรเรื่อยเปื่อย เสียงเรียกของเพื่อนร่วมงานก็ดังขึ้น
   “มิลเลอร์ หัวหน้าเรียกแน่ะ เห็นว่าเป็นเรื่องด่วน”
   คอยล์ตัวแข็งทื่อ ไอ้เรื่องด่วนนี่ไม่ใช่ว่าจะส่งเขาไปอาฟกานิสสถานหรอกนะ แต่เมื่อวานที่เข้าประชุมก็เห็นว่ายังเหลือกำหนดอีกตั้งหกเดือนนี่นา  ตำรวจหนุ่มเก็บความสงสัยและผุดลุกออกไป

   “โอ้ มิลเลอร์ มาเร็วทันใจดีจริงๆ นั่งก่อนสิ”
   หัวหน้าของเขากล่าว ทันทีที่เห็นผู้เป็นลูกน้องเปิดประตูเข้ามาในห้องทำงาน คอยล์พยักหน้า และนั่งลง ผู้เป็นหัวหน้าเลื่อนจานใส่ขนมเค๊กที่กินไปครึ่งหนึ่งแล้วมาให้ พร้อมด้วยถ้วยชาที่พร่องไปแล้วเหมือนกัน
   “ไม่ล่ะครับ ขอบคุณ”
   ตำรวจหนุ่มตอบปฏิเสธ และนึกว่าเขาคงเอาหัวหน้าคนนี้ไปเป็นตัวอย่างให้เว่ยจินหยินไม่ได้แน่ เค๊กที่ถูกปฏิเสธจึงถูกตักเข้าปากเจ้าของเดิม
   “สัปดาห์หน้าวันหยุดสามวันนายยังไม่ได้ลาใช่ไหม ดีเลย ฉันว่านายควรจะไปเข้าคอร์สอบรมความประพฤติระยะสั้นที่ลิเวอร์พูล”
   “หา? อะไรนะครับ?!!”
   มิลเลอร์ คอยล์ร้องเสียงหลง เขามองหน้าหัวหน้าตัวเองอย่างไม่เชื่อหู
   “ผมเข้าคอร์สนั่นมาสามหนแล้วนะ คุณจะให้ผมไปอีกทำไมเนี่ย?”
   “ฉันเพิ่งได้จดหมาย”
   หัวหน้าของเขาโบกกระดาษในมือ ก่อนจะพูดต่อ
   “ไม่สิ เรียกว่าปึกจดหมายมากกว่า มันถูกส่งมาเป็นห่อพัสดุเลยล่ะ มาพร้อมจดหมายของนายนั่นแหละ ผู้ส่งเดียวกัน”
   “หา!!!”
   มิลเลอร์ คอยล์ร้องเสียงหลง ปึกจดหมายที่หนาขนาดส่งมาเป็นพัสดุ ผู้ส่งเดียวกับจดหมายที่มาถึงเขา
   เว่ยจินหยิน
   “ดูท่าทางนายจะไปก่อเรื่องวุ่นๆ ที่นั่นเยอะเหมือนกัน แอบเข้าห้องนอนพนักงานหญิง แอบแต๊ะอั๋งแม่บ้าน โอ้โห... ขนาดแม่ชีนายยังไม่ละเว้นเลยหรือ?”
   “หัวหน้าครับ ผมไม่ทำอะไรบ้าๆ แบบนั้นหรอกครับ จดหมายนั่นเชื่อไม่ได้”
   ผู้เป็นหัวหน้าขมวดคิ้ว
   “แต่ประเมินจากพฤติกรรมที่ผ่านๆ มา ฉันว่าจดหมายปึกนี้น่าเชื่อว่าคำพูดของนายหลายเท่า เป็นอันว่าวันหยุดสัปดาห์หน้า ฉันจะทำหนังสือส่งนายไปเข้าคอร์สแล้วกัน ตกลงตามนี้นะ เจ้าหน้าที่มิลเลอร์”
   ถ้าใครเดินผ่านหน้าห้องทำงานของหัวหน้าหน่วยสอบสวนพิเศษตอนนั้นล่ะก็ คงได้ยินเสียงคร่ำครวญเป็นภาษาจีนที่ฟังดูสยดสยองจนขนลุกขนพองเลยทีเดียว
    “คุณชายยยยยย!!!”

--------------------------------------------------------------
(จบ)
**เรื่องนี่ยังมีตอนพิเศษอีก4ตอนนะคะ ใครสนใจตามไปอ่านที่บล็อก หรืออ่านในรวมเล่มก็ได้ค่ะ (ทุกคนรุมโบก)

คู่เว่ยจินหยินกับเถียนซานเป็นคู่หลักในเรื่องMy neighbor is a spy ด้วยนะคะ บทสรุปสุดท้ายของคู่นี้อยู่ในเรื่องนั้นล่ะค่า

ขอบคุณที่ให้การติดตามค่ะ^^

ออฟไลน์ dahlia

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4239
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +695/-4
สรุปว่า จริงๆ แล้ว คนที่คุณชายทำตัวน่ารักทั้งโลกนี้คงมีแค่ อิตาคุงพี่เถียนซาน คนเดียวนี่แหละนะ สมน้ำหน้า  :laugh: :laugh:

ออฟไลน์ entirom

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1010
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +85/-2
จินจินน่ารักมากเลย
  :-[



อ้อนอาซานซะ
 :o8:


ออฟไลน์ Pepor

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 396
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +87/-3
ในที่สุดคุณชายเจ้าเล่ห์ก็สมรัก จะดีใจหรือสงสารอาซานดีนะ

area71

  • บุคคลทั่วไป

วายร้ายหน้าหวาน

  • บุคคลทั่วไป
เซ็ง! ไมอ่าไมมิลเลอร์ไม่ใช่พระเอกง่า อ่านชื่อเรื่องก็พอจะรู้แต่ก็แอบลุ้น ดันลุ้นไม่ขึ้น จิ๊!

John Doe

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณที่เขียนเรื่องสนุกๆ ให้อ่าน

ออฟไลน์ 2pmui

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1509
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +66/-6
ชีวิตจินหยินน่ารนทดอยู่เหมือนกันนะ อ่านเรื่องนี้แล้วชอบจินหยินขึ้นหลายเท่าเลย มีเสน่ห์แบบแปลก
มิลเลอร์ ชอบของแปลก ฮ่าๆๆ ส่วนเถียนซานขอให้นายโชคดีนะ ฮ่าๆๆๆ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ chiji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
ชอบจินหยินค่ะ ถึงจะแปลก ๆ ไปบ้าง :o8:

ออฟไลน์ chiji

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 273
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คงมีแต่อาซานเท่านั้นที่เห็นว่าจินหยินน่ารักน่าทะนุถนอม :o8:

ออฟไลน์ KARMI

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 920
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-2

ออฟไลน์ mint_852

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 734
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +19/-1
คุญชายจิ้งจอกน่ารักที่สุด
มีคนมาต่อคิวเยอะไปหมด
แต่โหดและเจ้าแผนการสุดๆ
แต่ถึงยังไงก็น่ารัก

ออฟไลน์ Yundori

  • From where I stand...
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 588
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +41/-1
อ่านเรื่องนี้หลังจากอ่านนกยูงแดงจบ
สงสารคุณชายจังเลย มีความรักที่ไม่สมหวัง
ก็ไม่เชิงว่าทุกข์มาก แต่ก็ไม่ได้สุขมากอะ  :hao5:
ขมขื่นว่างั้น งื้ออออออ  :katai1:
จะตามไปอ่านคู่สามพีนี้ไปเรื่อยๆนะคะ
ไม่อยากให้เกิดดราม่าเลยจริงๆ  :hao7:

ออฟไลน์ waterlily

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 150
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
มิลเลอร์ น่าสงสารได้อีก แต่สุดท้ายแล้ว เสี่ยวจินจินแสบที่สุด :sad4: o22

ออฟไลน์ agava1313

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +43/-5
555+สุดท้ายก็โดนเอาคืนจนได้นะ

ออฟไลน์ คนอ่าน

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1438
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +67/-13
สงสารมิลเลอร์นึกว่าจะเป็นพระเอก แงงง

ออฟไลน์ Peung002

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 870
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
  :hao3: ตามมาจากเรื่องหงคงฉ่วย
นับถือคนแต่งเลยค่ะ ผูกเรื่องได้สุดยอด
อยากตามไปอ่านตอนพิเศษนะคะ แต่ไม่รู้จะไปหาหนังสือจากไหน  :ling3:

ออฟไลน์ sasaka8

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 212
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-0
ขอบคุณนะคะ นิยายสนุกมากๆกำลังตามอ่านเรื่องอื่นๆค่ะ  :pig4:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด